📜
๑๐. โกสมฺพกกฺขนฺธกํ
โกสมฺพกวิวาทกถาวณฺณนา
๔๕๑. โกสมฺพกกฺขนฺธเก ¶ ¶ สเจ โหติ, เทเสสฺสามีติ สุพฺพจตาย สิกฺขากามตาย จ อาปตฺตึ ปสฺสิ. นตฺถิ อาปตฺตีติ อนาปตฺติปกฺโขปิ เอตฺถ สมฺภวตีติ อธิปฺปาเยนาห. สา ปนาปตฺติ เอว. เตนาห ‘‘โส ตสฺสา อาปตฺติยา อนาปตฺติทิฏฺิ อโหสี’’ติ.
๔๕๓-๔๕๔. สมฺภมอตฺถวเสนาติ ตุริตตฺถวเสน. ‘‘อการเณ ตุมฺเหหิ โส ภิกฺขุ อุกฺขิตฺโต’’ติ วเทยฺยาติ ยสฺมา ปุพฺเพ วินยธรสฺส วจเนน ‘‘สเจ อาปตฺติ โหติ, เทเสสฺสามี’’ติ อเนน ปฏิฺาตํ, อิทานิปิ ตสฺเสว วจเนน ‘‘อสฺจิจฺจ อสฺสติยา กตตฺตา นตฺเถตฺถ อาปตฺตี’’ติ อนาปตฺติสฺี, ตสฺมา ‘‘อการเณ ตุมฺเหหิ โส ภิกฺขุ อุกฺขิตฺโต’’ติ อุกฺเขปเก ภิกฺขู ยทิ วเทยฺยาติ อธิปฺปาโย. อุกฺขิตฺตานุวตฺตเก วา ‘‘ตุมฺเห อาปตฺตึ อาปนฺนา’’ติ วเทยฺยาติ ยสฺมา วตฺถุชานนจิตฺเตนายํ สจิตฺตกา อาปตฺติ, อยฺจ อุทกาวเสเส อุทกาวเสสสฺี, ตสฺมา สาปตฺติกสฺเสว ‘‘ตุมฺเห ฉนฺทาคตึ คจฺฉถา’’ติ อธิปฺปาเยน ‘‘ตุมฺเห อาปตฺตึ อาปนฺนา’’ติ อุกฺขิตฺตานุวตฺตเก วเทยฺย.
๔๕๕-๔๕๖. กมฺมํ โกเปตีติ ‘‘นานาสํวาสกจตุตฺโถ เจ, ภิกฺขเว, กมฺมํ กเรยฺย, อกมฺมํ น จ กรณีย’’นฺติอาทิวจนโต (มหาว. ๓๘๙) สเจ สงฺโฆ ตํ คณปูรกํ กตฺวา กมฺมํ กเรยฺย, อยํ ตตฺถ นิสินฺโนปิ ตํ กมฺมํ โกเปตีติ อธิปฺปาโย. อุปจารํ มฺุจิตฺวาติ เอตฺถ อุปจาโร นาม อฺมฺํ หตฺเถน ปาปุณนฏฺานํ.
๔๕๗. ภณฺฑนชาตาติอาทีสุ กลหสฺส ปุพฺพภาโค ภณฺฑนํ นาม, ตํ ชาตํ เอเตสนฺติ ภณฺฑนชาตา, หตฺถปรามาสาทิวเสน มตฺถกํ ปตฺโต กลโห ชาโต เอเตสนฺติ กลหชาตา, วิรุทฺธวาทภูตํ วาทํ อาปนฺนาติ วิวาทาปนฺนา. มุขสตฺตีหีติ วาจาสตฺตีหิ. วิตุทนฺตาติ วิชฺฌนฺตา ¶ . ¶ ภควนฺตํ เอตทโวจาติ ‘‘อิธ, ภนฺเต, โกสมฺพิยํ ภิกฺขู ภณฺฑนชาตา’’ติอาทิวจนํ อโวจ, ตฺจ โข เนว ปิยกมฺยตาย, น เภทาธิปฺปาเยน, อถ โข อตฺถกามตาย หิตกามตาย. สามคฺคีการโก กิเรส ภิกฺขุ, ตสฺมาสฺส เอตทโหสิ ‘‘ยถา อิเม ภิกฺขู วิวาทํ อารทฺธา, น สกฺกา มยา, นาปิ อฺเน ภิกฺขุนา สมคฺเค กาตุํ, อปฺเปว นาม สเทวเก โลเก อคฺคปุคฺคโล ภควา สยํ วา คนฺตฺวา อตฺตโน วา สนฺติกํ ปกฺโกสาเปตฺวา เอเตสํ ภิกฺขูนํ ขนฺติเมตฺตาปฏิสํยุตฺตํ สารณียธมฺมเทสนํ กเถตฺวา สามคฺคึ กเรยฺยา’’ติ อตฺถกามตาย หิตกามตาย คนฺตฺวา อโวจ. ตสฺมา เอวมาหาติ อตฺถกามตฺตา เอวมาห, น ภควโต วจนํ อนาทิยนฺโต. เย ปน ตทา สตฺถุ วจนํ น คณฺหึสุ, เต กิฺจิ อวตฺวา ตุณฺหีภูตา มงฺกุภูตา อฏฺํสุ, ตสฺมา อุภเยสมฺปิ สตฺถริ อคารวปฏิปตฺติ นาโหสิ.
โกสมฺพกวิวาทกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ทีฆาวุวตฺถุกถาวณฺณนา
๔๕๘. อถ โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสีติอาทีสุ ภูตปุพฺพนฺติ อิทํ ภควา ปถวีคตํ นิธึ อุทฺธริตฺวา ปุรโต ราสึ กโรนฺโต วิย ภวปฏิจฺฉนฺนํ ปุราวุตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห. อฑฺโฒติ อิสฺสโร. โย โกจิ อตฺตโน สนฺตเกน วิภเวน อฑฺโฒ โหติ, อยํ ปน น เกวลํ อฑฺโฒเยว, มหทฺธโน มหตา อปริมาณสงฺเขน ธเนน สมนฺนาคโตติ อาห ‘‘มหทฺธโน’’ติ. ภฺุชิตพฺพโต ปริภฺุชิตพฺพโต วิเสสโต กามา โภคา นาม, ตสฺมา ปฺจกามคุณวเสน มหนฺตา อุฬารา โภคา อสฺสาติ มหาโภโค. มหนฺตํ เสนาพลฺเจว ถามพลฺจ เอตสฺสาติ มหพฺพโล. มหนฺโต หตฺถิอสฺสาทิวาหโน เอตสฺสาติ มหาวาหโน. มหนฺตํ วิชิตํ รฏฺํ เอตสฺสาติ มหาวิชิโต. ปริปุณฺณโกสโกฏฺาคาโรติ โกโส วุจฺจติ ภณฺฑาคารสารคพฺโภ, โกฏฺํ วุจฺจติ ธฺสฺส อาปนฏฺานํ, โกฏฺภูตํ อคารํ โกฏฺาคารํ, นิทหิตฺวา ปิเตน ธเนน ปริปุณฺณโกโส ธฺานฺจ ปริปุณฺณโกฏฺาคาโรติ อตฺโถ.
อถ ¶ วา จตุพฺพิโธ โกโส หตฺถี อสฺสา รถา ปตฺตีติ. ยถา หิ อสิโน ติกฺขภาวปริปาลโก ปริจฺฉโท ‘‘โกโส’’ติ วุจฺจติ, เอวํ รฺโ ติกฺขภาวปริปาลกตฺตา จตุรงฺคินี เสนา ‘‘โกโส’’ติ วุจฺจติ. ติวิธํ โกฏฺาคารํ ธนโกฏฺาคารํ ธฺโกฏฺาคารํ วตฺถโกฏฺาคารนฺติ. ตํ สพฺพมฺปิ ปริปุณฺณมสฺสาติ ปริปุณฺณโกสโกฏฺาคาโร. จตุรงฺคินึ เสนนฺติ หตฺถิอสฺสรถปตฺติสงฺขาเตหิ ¶ จตูหิ องฺเคหิ สมนฺนาคตํ เสนํ. สนฺนยฺหิตฺวาติ จมฺมปฏิมฺุจนาทีหิ สนฺนาหํ กาเรตฺวา. อพฺภุยฺยาสีติ อภิอุยฺยาสิ, อภิมุโข หุตฺวา นิกฺขมีติ อตฺโถ. เอกสงฺฆาตมฺปีติ เอกปฺปหารมฺปิ. โธวนนฺติ โธวนุทกํ. ปริเนตฺวาติ นีหริตฺวา. ‘‘อนตฺถโท’’ติ วตฺตพฺเพ ท-การสฺส ต-การํ กตฺวา ‘‘อนตฺถโต’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อถ วา’’ติอาทิ.
๔๖๔. วคฺคภาเวน วา ปุถุ นานา สทฺโท อสฺสาติ ปุถุสทฺโท. สมชโนติ ภณฺฑเน สมชฺฌาสโย ชโน. ตตฺถาติ ตสฺมึ ชนกาเย. อหํ พาโลติ น มฺิตฺถาติ พาลลกฺขเณ ิโตปิ ‘‘อหํ พาโล’’ติ น มฺิ. ภิยฺโย จาติ อตฺตโน พาลภาวสฺส อชานนโต ภิยฺโย จ ภณฺฑนสฺส อุปริโผโฏ วิย สงฺฆเภทสฺส อตฺตโน การณภาวมฺปิ อุปฺปชฺชมานํ น มฺิตฺถ นาฺาสิ.
กลหวเสน ปวตฺตวาจาเยว โคจรา เอเตสนฺติ วาจาโคจรา. มุขายามนฺติ วิวทนวเสน มุขํ อายาเมตฺวา ภาณิโน. น ตํ ชานนฺตีติ ตํ กลหํ น ชานนฺติ. กลหํ กโรนฺโต จ ตํ น ชานนฺโต นาม นตฺถิ. ยถา ปน น ชานนฺติ, ตํ ทสฺเสตุํ อาห ‘‘เอวํ สาทีนโว อย’’นฺติ, อยํ กลโห นาม อตฺตโน ปเรสฺจ อตฺถหาปนโต อนตฺถุปฺปาทนโต ทิฏฺเว ธมฺเม สมฺปราเย จ สาทีนโว สโทโสติ อตฺโถ. ตํ น ชานนฺตีติ ตํ กลหํ น ชานนฺติ. กถํ น ชานนฺตีติ อาห ‘‘เอวํ สาทีนโว อย’’นฺติ, ‘‘เอวํ สาทีนโว อยํ กลโห’’ติ เอวํ ตํ กลหํ น ชานนฺตีติ อตฺโถ.
อกฺโกจฺฉิ มนฺติอาทีสุ อกฺโกจฺฉีติ อกฺโกสิ. อวธีติ ปหริ. อชินีติ กูฏสกฺขิโอตารเณน วา วาทปฏิวาเทน วา กรณุตฺตริยกรเณน วา อเชสิ. อหาสีติ มม สนฺตกํ ปตฺตาทีสุ กิฺจิเทว อวหริ ¶ . เย จ ตนฺติ เย เกจิ เทวา วา มนุสฺสา วา คหฏฺา วา ปพฺพชิตา วา ตํ ‘‘อกฺโกจฺฉิ ม’’นฺติอาทิวตฺถุกํ โกธํ สกฏธุรํ วิย นทฺธินา ปูติมจฺฉาทีนิ วิย จ กุสาทีหิ ปุนปฺปุนํ เวเนฺตา อุปนยฺหนฺติ อุปนาหวเสน อนุพนฺธนฺติ, เตสํ สกึ อุปฺปนฺนํ เวรํ น สมฺมตีติ อตฺโถ.
เย จ ตํ นุปนยฺหนฺตีติ อสฺสติยา อมนสิการวเสน วา กมฺมปจฺจเวกฺขณาทิวเสน วา เย ตํ อกฺโกสาทิวตฺถุกํ โกธํ ‘‘ตยาปิ โกจิ นิทฺโทโส ปุริมภเว อกฺกุฏฺโ ภวิสฺสติ, ปหโฏ ภวิสฺสติ, กูฏสกฺขึ โอตาเรตฺวา ชิโต ภวิสฺสติ, กสฺสจิ เต ปสยฺห กิฺจิ อจฺฉินฺนํ ภวิสฺสติ, ตสฺมา นิทฺโทโส หุตฺวาปิ อกฺโกสาทีนิ ปาปุณาสี’’ติ เอวํ น อุปนยฺหนฺติ ¶ , เตสุ ปมาเทน อุปฺปนฺนมฺปิ เวรํ อิมินา อนุปนยฺหเนน นิรินฺธโน วิย ชาตเวโท อุปสมฺมติ.
น หิ เวเรน เวรานีติ ยถา หิ เขฬสิงฺฆาณิกาทิอสุจิมกฺขิตํ านํ เตเหว อสุจีหิ โธวนฺโต สุทฺธํ นิคฺคนฺธํ กาตุํ น สกฺโกติ, อถ โข ตํ านํ ภิยฺโยโส มตฺตาย อสุทฺธตรฺจ ทุคฺคนฺธตรฺจ โหติ, เอวเมว อกฺโกสนฺตํ ปจฺจกฺโกสนฺโต ปหรนฺตํ ปฏิปหรนฺโต เวเรน เวรํ วูปสเมตุํ น สกฺโกติ, อถ โข ภิยฺโย เวรเมว กโรติ. อิติ เวรานิ นาม เวเรน กิสฺมิฺจิปิ กาเล น สมฺมนฺติ, อถ โข วฑฺฒนฺติเยว. อเวเรน จ สมฺมนฺตีติ ยถา ปน ตานิ เขฬาทีนิ อสุจีนิ วิปฺปสนฺเนน อุทเกน โธวิยมานานิ นสฺสนฺติ, ตํ านํ สุทฺธํ โหติ นิคฺคนฺธํ, เอวเมว อเวเรน ขนฺติเมตฺโตทเกน โยนิโสมนสิกาเรน ปฏิสงฺขาเนน ปจฺจเวกฺขเณน เวรานิ วูปสมฺมนฺติ ปฏิปฺปสฺสมฺภนฺติ อภาวํ คจฺฉนฺติ. เอส ธมฺโม สนนฺตโนติ เอส อเวเรน เวรูปสมนสงฺขาโต โปราณโก ธมฺโม สพฺเพสํ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธขีณาสวานํ คตมคฺโค.
น ชานนฺตีติ อนิจฺจสฺํ น ปจฺจุปฏฺาเปนฺตีติ อธิปฺปาโย. ตโต สมฺมนฺติ เมธคาติ ตโต ตสฺมา การณา เมธคา กลหา สมฺมนฺติ วูปสมํ คจฺฉนฺติ. กถํ เต สมฺมนฺตีติ อาห ‘‘เอวฺหี’’ติอาทิ. ตตฺถ เอวฺหิ เต ชานนฺตาติ เต ปณฺฑิตา ‘‘มยํ มจฺจุสมีปํ คจฺฉามา’’ติ เอวํ ชานนฺตา โยนิโสมนสิการํ อุปฺปาเทตฺวา เมธคานํ กลหานํ วูปสมาย ¶ ปฏิปชฺชนฺติ, อถ เนสํ ตาย ปฏิปตฺติยา เต เมธคา สมฺมนฺตีติ อธิปฺปาโย.
เตสมฺปิ โหติ สงฺคตีติ เย มาตาปิตูนํ อฏฺีนิ ฉินฺทนฺติ, ปาเณ หรนฺติ, ควาทีนิ จ ปสยฺห คณฺหนฺติ, เอวํ รฏฺํ วิลุมฺปมานานํ เตสมฺปิ สงฺคติ โหติ, กิมงฺคํ ปน ตุมฺหากํ น สิยาติ อธิปฺปาโย.
วณฺณาวณฺณทีปนตฺถํ วุตฺตาติ ‘‘พาลสหายตาย อิเม ภิกฺขู กลหปสุตา, ปณฺฑิตสหายานํ ปน อิทํ น สิยา’’ติ ปณฺฑิตสหายสฺส พาลสหายสฺส จ วณฺณาวณฺณทีปนตฺถํ วุตฺตา. นิปกนฺติ เนปกฺกปฺาย สมนฺนาคตํ. สาธุวิหาริ ธีรนฺติ ภทฺทกวิหารึ ปณฺฑิตํ. ปากฏปริสฺสเย จ ปฏิจฺฉนฺนปริสฺสเย จ อภิภวิตฺวาติ สีหพฺยคฺฆาทโย ปากฏปริสฺสเย จ ราคภยโทสภยาทโย ปฏิจฺฉนฺนปริสฺสเย จาติ สพฺเพว ปริสฺสเย อภิภวิตฺวา.
เอกกา ¶ จรึสูติ ‘‘อิทํ รชฺชํ นาม มหนฺตํ ปมาทฏฺานํ, กึ อมฺหากํ รชฺเชน การิเตนา’’ติ รฏฺํ ปหาย ตโต มหาอรฺํ ปวิสิตฺวา ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา จตูสุ อิริยาปเถสุ เอกกา จรึสูติ อตฺโถ.
เอกสฺส จริตํ เสยฺโยติ ปพฺพชิตสฺส ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย เอกีภาวาภิรตสฺส เอกกสฺเสว จริตํ เสยฺโยติ อตฺโถ. นตฺถิ พาเล สหายตาติ จูฬสีลํ มชฺฌิมสีลํ มหาสีลํ ทส กถาวตฺถูนิ เตรส ธุตคุณา วิปสฺสนาาณํ จตฺตาโร มคฺคา จตฺตาริ ผลานิ ติสฺโส วิชฺชา ฉ อภิฺา อมตมหานิพฺพานนฺติ อยํ สหายตา นาม, สา พาลํ นิสฺสาย อธิคนฺตุํ น สกฺกาติ นตฺถิ พาเล สหายตา. มาตงฺโค อรฺเ มาตงฺครฺเติ สรโลเปน สนฺธิ. ‘‘มาตงฺครฺโ’’ติปิ ปาโ, อรฺโก มาตงฺโค วิยาติ อตฺโถ. มาตงฺค-สทฺเทเนว หตฺถิภาวสฺส วุตฺตตฺตา นาควจนํ ตสฺส มหตฺตวิภาวนตฺถนฺติ อาห ‘‘นาโคติ มหนฺตาธิวจนเมต’’นฺติ. มหนฺตปริยาโย หิ นาค-สทฺโท โหติ ‘‘เอตํ นาคสฺส นาเคน, อีสาทนฺตสฺส หตฺถิโน’’ติอาทีสุ (อุทา. ๓๕).
ทีฆาวุวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
พาลกโลณกคมนกถาวณฺณนา
๔๖๕. พาลกโลณการคาโมติ ¶ อุปาลิคหปติสฺส เอวํนามโก โภคคาโม. เตนุปสงฺกมีติ ธมฺมเสนาปติมหาโมคฺคลฺลานตฺเถเรสุ วา อสีติมหาสาวเกสุ วา อนฺตมโส ธมฺมภณฺฑาคาริกํ อานนฺทตฺเถรมฺปิ กฺจิ อนามนฺเตตฺวา สยเมว ปตฺตจีวรมาทาย อนีกนิสฺสโฏ หตฺถี วิย ยูถนิสฺสโฏ กาฬสีโห วิย วาตจฺฉินฺโน วลาหโก วิย จ เอกโกว อุปสงฺกมิ. กสฺมา อุปสงฺกมิ? คเณ กิรสฺส อาทีนวํ ทิสฺวา เอกวิหารึ ภิกฺขุํ ปสฺสิตุกามตา อุทปาทิ, ตสฺมา สีตาทิปีฬิโต อุณฺหาทึ ปตฺถยมาโน วิย อุปสงฺกมิ. อถ วา ภควตา โส อาทีนโว ปเคว ปริฺาโต, น เตน สตฺถา นิพฺพินฺโน, ตสฺมึ ปน อนฺโตวสฺเส เกจิ พุทฺธเวเนยฺยา นาเหสุํ, เตน อฺตฺถ คมนํ เตสํ ภิกฺขูนํ ทมนุปาโยติ ปาลิเลยฺยกํ อุทฺทิสฺส คจฺฉนฺโต เอกวิหารึ อายสฺมนฺตํ ภคุํ สมฺปหํเสตุํ ตตฺถ คโต. เอวํ คเต จ สตฺถริ ปฺจสตา ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อาหํสุ ‘‘อาวุโส อานนฺท สตฺถา เอกโกว คโต, มยํ อนุพนฺธิสฺสามา’’ติ. ‘‘อาวุโส, ยทา ภควา สามํ เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย อนามนฺเตตฺวา อุปฏฺาเก อนปโลเกตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ อทุติโย คจฺฉติ, ตทา เอกจาริกํ ¶ จริตุํ ภควโต อชฺฌาสโย, สาวเกน นาม สตฺถุ อชฺฌาสยานุรูปํ ปฏิปชฺชิตพฺพํ, ตสฺมา น อิเมสุ ทิวเสสุ ภควา อนุคนฺตพฺโพ’’ติ นิวาเรสิ, สยมฺปิ นานุคฺฉิ. ธมฺมิยา กถายาติ เอกีภาเว อานิสํสปฏิสํยุตฺตาย ธมฺมกถาย.
พาลกโลณกคมนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปาจีนวํสทายคมนกถาวณฺณนา
๔๖๖. เยน ปาจีนวํสทาโยติ ตตฺถ กสฺมา อุปสงฺกมิ? ยถา นาม ชิฆจฺฉิตสฺส โภชเน, ปิปาสิตสฺส ปานีเย, สีเตน ผุฏฺสฺส อุณฺเห, อุณฺเหน ผุฏฺสฺส สีเต, ทุกฺขิตสฺส สุเข อภิรุจิ อุปฺปชฺชติ, เอวเมว ภควโต โกสมฺพเก ภิกฺขู อฺมฺํ วิวาทาปนฺเน อสมคฺควาสํ วสนฺเต, สมคฺควาสํ ¶ วสนฺเต อาวชฺเชนฺตสฺส อิเม ตโย กุลปุตฺตา อาปาถมาคมึสุ, อถ เนสํ ปคฺคณฺหิตุกาโม อุปสงฺกมิ ‘‘เอวายํ ปฏิปตฺติอนุกฺกเมน โกสมฺพกานํ ภิกฺขูนํ วินยนูปาโย โหตี’’ติ. วิหรนฺตีติ สามคฺคิรสํ อนุภวมานา วิหรนฺติ.
ทายปาโลติ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๓๒๕) อรฺปาโล. โส อรฺํ ยถา อิจฺฉิติจฺฉิตปฺปเทเสน มนุสฺสา ปวิสิตฺวา ตตฺถ ปุปฺผํ วา ผลํ วา นิยฺยาสํ วา ทพฺพสมฺภารํ วา น หรนฺติ, เอวํ วติยา ปริกฺขิตฺตสฺส อรฺสฺส โยชิเต ทฺวาเร นิสีทิตฺวา อรฺํ รกฺขติ, ตสฺมา ‘‘ทายปาโล’’ติ วุตฺโต. อตฺตกามรูปา วิหรนฺตีติ อตฺตโน หิตํ กามยมานสภาวา หุตฺวา วิหรนฺติ. โย หิ อิมสฺมึ สาสเน ปพฺพชิตฺวาปิ เวชฺชกมฺมทูตกมฺมปหิณคมนาทีนํ วเสน เอกวีสติอเนสนาหิ ชีวิกํ กปฺเปติ, อยํ น อตฺตกามรูโป นาม. โย ปน อิมสฺมึ สาสเน ปพฺพชิตฺวา เอกวีสติอเนสนํ ปหาย จตุปาริสุทฺธิสีเล ปติฏฺาย พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา สปฺปายธุตงฺคํ อธิฏฺาย อฏฺตึสาย อารมฺมเณสุ จิตฺตรุจิยํ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา คามนฺตํ ปหาย อรฺํ ปวิสิตฺวา สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กุรุมาโน วิจรติ, อยํ อตฺตกาโม นาม. เตปิ ตโย กุลปุตฺตา เอวรูปา อเหสุํ. เตน วุตฺตํ ‘‘อตฺตกามรูปา วิหรนฺตี’’ติ.
มา เตสํ อผาสุมกาสีติ เตสํ อผาสุกํ มา อกาสีติ ภควนฺตํ วาเรสิ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ ‘‘อิเม กุลปุตฺตา สมคฺคา วิหรนฺติ, เอกจฺจสฺส จ คตฏฺาเน ¶ ภณฺฑนกลหวิวาทา วตฺตนฺติ, ติขิณสิงฺโค จณฺฑโคโณ วิย โอวิชฺฌนฺโต วิจรติ, อเถกมคฺเคน ทฺวินฺนํ คมนํ น โหติ, กทาจิ อยมฺปิ เอวํ กโรนฺโต อิเมสํ กุลปุตฺตานํ สมคฺควาสํ ภินฺเทยฺย, ปาสาทิโก จ ปเนส สุวณฺณวณฺโณ รสคิทฺโธ มฺเ, คตกาลโต ปฏฺาย ปณีตทายกานํ อตฺตโน อุปฏฺากานํ วณฺณกถนาทีหิ อิเมสํ กุลปุตฺตานํ อปฺปมาทวิหารํ ภินฺเทยฺย, วสนฏฺานานิ จาปิ เอเตสํ กุลปุตฺตานํ นิพทฺธานิ ปริจฺฉินฺนานิ ติสฺโสว ปณฺณสาลา ตโย จงฺกมา ตีณิ ทิวาฏฺานานิ ตีณิ มฺจปีานิ, อยํ ปน สมโณ มหากาโย วุฑฺฒตโร มฺเ ภวิสฺสติ, โส อกาเล อิเม กุลปุตฺเต เสนาสนา วุฏฺเปสฺสติ, เอวํ สพฺพถาปิ เอเตสํ อผาสุ ภวิสฺสตี’’ติ. ตํ อนิจฺฉนฺโต ‘‘มา เตสํ อผาสุมกาสี’’ติ ภควนฺตํ วาเรติ.
กึ ¶ ปเนส ชานนฺโต วาเรสิ อชานนฺโตติ? อชานนฺโต. สมฺมาสมฺพุทฺโธ หิ นาม ยทา อเนกภิกฺขุสหสฺสปริวาโร พฺยามปฺปภาย อสีติอนุพฺยฺชเนหิ ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณสิริยา จ พุทฺธานุภาวํ ทสฺเสนฺโต วิจรติ, ตทา ‘‘โก เอโส’’ติ อปุจฺฉิตฺวาว ชานิตพฺโพ โหติ. ตทา ปน ภควา ‘‘มาสฺสุ โกจิ มม พุทฺธานุภาวํ อฺาสี’’ติ ตถารูเปน อิทฺธาภิสงฺขาเรน สพฺพมฺปิ ตํ พุทฺธานุภาวํ จีวรคพฺเภน วิย ปฏิจฺฉาเทตฺวา วลาหกคพฺเภน ปฏิจฺฉนฺโน ปุณฺณจนฺโท วิย สยเมว ปตฺตจีวรมาทาย อฺาตกเวเสน อคมาสิ. อิติ ตํ อชานนฺโตว ทายปาโล วาเรสิ.
เอตทโวจาติ เถโร กิร ‘‘มา สมณา’’ติ ทายปาลสฺส กถํ สุตฺวา จินฺเตสิ ‘‘มยํ ตโย ชนา อิธ วิหราม, อฺโ ปพฺพชิโต นาม นตฺถิ, อยฺจ ทายปาโล ปพฺพชิเตน วิย สทฺธึ กเถติ, โก นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ ทิวาฏฺานโต อุฏฺาย ทฺวาเร ตฺวา มคฺคํ โอโลเกนฺโต ภควนฺตํ อทฺทส. ภควาปิ เถรสฺส สห ทสฺสเนเนว สรีโรภาสํ มฺุจิ, อสีติอนุพฺยฺชนวิราชิตา พฺยามปฺปภา ปสาริตสุวณฺณปโฏ วิย วิโรจิตฺถ. เถโร ‘‘อยํ ทายปาโล ผณกตอาสีวิสํ คีวาย คเหตุํ หตฺถํ ปสาเรนฺโต วิย โลเก อคฺคปุคฺคเลน สทฺธึ กเถนฺโตว น ชานาติ, อฺตรภิกฺขุนา วิย สทฺธึ กเถตี’’ติ นิวาเรนฺโต เอตํ ‘‘มาวุโส, ทายปาลา’’ติอาทิวจนํ อโวจ.
เตนุปสงฺกมีติ กสฺมา ภควโต ปจฺจุคฺคมนํ อกตฺวาว อุปสงฺกมิ? เอวํ กิรสฺส อโหสิ ‘‘มยํ ตโย ชนา สมคฺควาสํ วสาม, สจาหํ เอกโกว ปจฺจุคฺคมนํ กริสฺสามิ, สมคฺควาโส นาม น ภวิสฺสติ, ปิยมิตฺเต คเหตฺวาว ปจฺจุคฺคมนํ กริสฺสามิ. ยถา จ ภควา ¶ มยฺหํ ปิโย, เอวํ สหายานมฺปิ เม ปิโย’’ติ เตหิ สทฺธึ ปจฺจุคฺคมนํ กาตุกาโม สยํ อกตฺวา อุปสงฺกมิ. เกจิ ปน ‘‘เตสํ เถรานํ ปณฺณสาลทฺวาเร จงฺกมนโกฏิยา ภควโต อาคมนมคฺโค โหติ, ตสฺมา เถโร เตสํ สฺํ ททมาโนว คโต’’ติ วทนฺติ. อภิกฺกมถาติ อิโต อาคจฺฉถ. ปาเท ปกฺขาเลสีติ วิกสิตปทุมสนฺนิเภหิ ชาลหตฺเถหิ มณิวณฺณํ อุทกํ คเหตฺวา สุวณฺณวณฺเณสุ ปิฏฺิปาเทสุ อุทกํ อาสิฺจิตฺวา ปาเทน ปาทํ ฆํเสนฺโต ปกฺขาเลสิ. พุทฺธานํ ¶ กาเย รโชชลฺลํ นาม น อุปลิมฺปติ, กสฺมา ปกฺขาเลสีติ? สรีรสฺส อุตุคฺคหณตฺถํ เตสฺจ จิตฺตสมฺปหํสนตฺถํ. อมฺเหหิ อภิหเฏน อุทเกน ภควา ปาเท ปกฺขาเลสิ, ปริโภคํ อกาสีติ เตสํ ภิกฺขูนํ พลวโสมนสฺสวเสน จิตฺตํ ปีณิตํ โหติ, ตสฺมา ปกฺขาเลสิ.
อายสฺมนฺตํ อนุรุทฺธํ ภควา เอตทโวจาติ โส กิร เตสํ วุฑฺฒตโร, ตสฺส สงฺคเห กเต เสสานํ กโตว โหตีติ เถรฺเว เอตํ ‘‘กจฺจิ โว อนุรุทฺธา’’ติอาทิวจนํ อโวจ. อนุรุทฺธาติ วา เอกเสสนเยน วุตฺตํ วิรูเปกเสสสฺสปิ อิจฺฉิตพฺพตฺตา, เอวฺจ กตฺวา พหุวจนนิทฺเทโส จ สมตฺถิโต โหติ. กจฺจีติ ปุจฺฉนตฺเถ นิปาโต. โวติ สามิวจนํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – กจฺจิ อนุรุทฺธา ตุมฺหากํ ขมนียํ, อิริยาปโถ โว ขมติ, กจฺจิ ยาปนียํ, กจฺจิ โว ชีวิตํ ยาเปติ ฆฏิยติ, กจฺจิ ปิณฺฑเกน น กิลมถ, กจฺจิ ตุมฺหากํ สุลภปิณฺฑํ, สมฺปตฺเต โว ทิสฺวา มนุสฺสา อุฬุงฺกยาคุํ วา กฏจฺฉุภิกฺขํ วา ทาตพฺพํ มฺนฺตีติ ภิกฺขาจารวตฺตํ ปุจฺฉติ. กสฺมา? ยสฺมา ปจฺจเยน อกิลมนฺเตน สกฺกา สมณธมฺโม กาตุํ, วตฺตเมว วา เอตํ ปพฺพชิตานํ.
อถ เตน ปฏิวจเน ทินฺเน ‘‘อนุรุทฺธา ตุมฺเห ราชปพฺพชิตา มหาปฺุา, มนุสฺสา ตุมฺหากํ อรฺเ วสนฺตานํ อทตฺวา กสฺส อฺสฺส ทาตพฺพํ มฺิสฺสนฺติ, ตุมฺเห ปน เอตํ ภฺุชิตฺวา กึ นุ โข มิคโปตกา วิย อฺมฺํ ฆฏฺเฏนฺตา วิหรถ, อุทาหุ สามคฺคิภาโว โว อตฺถี’’ติ สามคฺคิรสํ ปุจฺฉนฺโต ‘‘กจฺจิ ปน โว อนุรุทฺธา สมคฺคา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ขีโรทกีภูตาติ ยถา ขีรฺจ อุทกฺจ อฺมฺํ สํสนฺทติ, วิสุํ น โหติ, เอกตฺตํ วิย อุเปติ, กจฺจิ เอวํ สามคฺคิวเสน เอกตฺตุปคตจิตฺตุปฺปาทา วิหรถาติ ปุจฺฉติ. ปิยจกฺขูหีติ เมตฺตจิตฺตํ ปจฺจุปฏฺาเปตฺวา โอโลกนโต ปิยภาวทีปกานิ จกฺขูนิ ปิยจกฺขูนิ นาม, ‘‘กจฺจิ ตถารูเปหิ จกฺขูหิ อฺมฺํ ปสฺสนฺตา วิหรถา’’ติ ปุจฺฉติ. ตคฺฆาติ เอกํสตฺเถ นิปาโต, เอกํเสน มยํ ภนฺเตติ วุตฺตํ โหติ. ยถา กถํ ปนาติ เอตฺถ ยถาติ นิปาตมตฺตํ, กถนฺติ ¶ การณปุจฺฉา, กถํ ปน ตุมฺเห เอวํ วิหรถ, เกน การเณน วิหรถ, ตํ เม การณํ พฺรูหีติ วุตฺตํ โหติ.
เมตฺตํ ¶ กายกมฺมนฺติ เมตฺตจิตฺตวเสน ปวตฺตํ กายกมฺมํ. อาวิ เจว รโห จาติ สมฺมุขา เจว ปรมฺมุขา จ. อิตเรสุปิ เอเสว นโย. ตตฺถ สมฺมุขา กายวจีกมฺมานิ สหวาเส ลพฺภนฺติ, อิตรานิ วิปฺปวาเส, มโนกมฺมํ สพฺพตฺถ ลพฺภติ. ยฺหิ สเหว วสนฺเตสุ เอเกน มฺจปีํ วา ทารุภณฺฑํ วา มตฺติกาภณฺฑํ วา พหิ ทุนฺนิกฺขิตฺตํ โหติ, ตํ ทิสฺวา ‘‘เกนิทํ วฬฺชิต’’นฺติ อวฺํ อกตฺวา อตฺตนา ทุนฺนิกฺขิตฺตํ วิย คเหตฺวา ปฏิสาเมนฺตสฺส ปฏิชคฺคิตพฺพยุตฺตํ วา ปน านํ ปฏิชคฺคนฺตสฺส สมฺมุขา เมตฺตํ กายกมฺมํ นาม โหติ. เอกสฺมึ ปกฺกนฺเต เตน ทุนฺนิกฺขิตฺตํ เสนาสนปริกฺขารํ ตเถว นิกฺขิปนฺตสฺส ปฏิชคฺคิตพฺพยุตฺตํ วา ปน านํ ปฏิชคฺคนฺตสฺส ปรมฺมุขา เมตฺตํ กายกมฺมํ นาม โหติ. สหวสนฺตสฺส ปน เถเรหิ สทฺธึ มธุรํ สมฺโมทนียกถํ ปฏิสนฺถารกถํ สารณียกถํ ธมฺมกถํ สรภฺํ สากจฺฉํ ปฺหปุจฺฉนํ ปฺหวิสฺสชฺชนนฺติ เอวมาทิกรเณ สมฺมุขา เมตฺตํ วจีกมฺมํ นาม โหติ. เถเรสุ ปน ปกฺกนฺเตสุ ‘‘มยฺหํ ปิยสหาโย นนฺทิยตฺเถโร กิมิลตฺเถโร เอวํ สีลสมฺปนฺโน เอวํ อาจารสมฺปนฺโน’’ติอาทิคุณกถเน ปรมฺมุขา เมตฺตํ วจีกมฺมํ นาม โหติ. ‘‘มยฺหํ ปิยมิตฺโต นนฺทิยตฺเถโร กิมิลตฺเถโร อเวโร โหตุ อพฺยาปชฺโช สุขี’’ติ เอวํ สมนฺนาหรโต ปน สมฺมุขาปิ ปรมฺมุขาปิ เมตฺตํ มโนกมฺมํ โหติเยว.
นานา หิ โข โน ภนฺเต กายาติ อยฺหิ กาโย ปิฏฺํ วิย มตฺติกา วิย จ โอมทฺทิตฺวา เอกโต กาตุํ น สกฺกา. เอกฺจ ปน มฺเ จิตฺตนฺติ จิตฺตํ ปน โน อตฺตโน วิย อฺมฺสฺส หิตภาเวน อวิโรธภาเวน เภทาภาเวน สมคฺคภาเวน เอกเมวาติ ทสฺเสติ. กถํ ปเนเต สกํ จิตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา อิตเรสํ จิตฺตวเสน วตฺตึสูติ? เอกสฺส ปตฺเต มลํ อุฏฺหติ, เอกสฺส จีวรํ กิลิฏฺํ โหติ, เอกสฺส ปริภณฺฑกมฺมํ โหติ. ตตฺถ ยสฺส ปตฺเต มลํ อุฏฺิตํ, เตน ‘‘มมาวุโส ปตฺเต มลํ อุฏฺิตํ, ปจิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺเต อิตเร ‘‘มยฺหํ จีวรํ กิลิฏฺํ โธวิตพฺพํ, มยฺหํ ปริภณฺฑํ กาตพฺพ’’นฺติ อวตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา ทารูนิ อาหริตฺวา ภินฺทิตฺวา ปตฺตกฏาเห พหลตนุมตฺติกาหิ เลปํ กตฺวา ปตฺตํ ปจิตฺวา ตโต ปรํ จีวรํ วา โธวนฺติ, ปริภณฺฑํ วา กโรนฺติ. ‘‘มมาวุโส จีวรํ กิลิฏฺํ, โธวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ‘‘มม ปณฺณสาลา อุกฺลาปา, ปริภณฺฑํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ ปมตรํ อาโรจิเตปิ เอเสว นโย.
อิทานิ ¶ เตสํ อปฺปมาทลกฺขณํ ปุจฺฉนฺโต ‘‘กจฺจิ ปน โว อนุรุทฺธา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ¶ โวติ นิปาตมตฺตํ, ปจฺจตฺตวจนํ วา, กจฺจิ ตุมฺเหติ อตฺโถ. อมฺหากนฺติ อมฺเหสุ ตีสุ ชเนสุ. ปิณฺฑาย ปฏิกฺกมตีติ คาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺจาคจฺฉติ. อวกฺการปาตินฺติ อติเรกปิณฺฑปาตํ อปเนตฺวา ปนตฺถาย เอกํ สมุคฺคปาตึ โธวิตฺวา เปติ. โย ปจฺฉาติ เต กิร เถรา น เอกโตว ภิกฺขาจารํ ปวิสนฺติ. ผลสมาปตฺติรตา เหเต ปาโตว สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา วตฺตปฏิปตฺตึ ปูเรตฺวา เสนาสนํ ปวิสิตฺวา กาลปริจฺเฉทํ กตฺวา ผลสมาปตฺตึ อปฺเปตฺวา นิสีทนฺติ. เตสุ โย ปมตรํ นิสินฺโน อตฺตโน กาลปริจฺเฉทวเสน ปมตรํ อุฏฺาติ, โส ปิณฺฑาย จริตฺวา ปฏินิวตฺโต ภตฺตกิจฺจฏฺานํ อาคนฺตฺวา ชานาติ ‘‘ทฺเว ภิกฺขู ปจฺฉโต, อหํ ปมตรํ อาคโต’’ติ. อถ ปตฺตํ ปิทหิตฺวา อาสนปฺาปนาทีนิ กตฺวา ยทิ ปตฺเต ปฏิวีสมตฺตเมว โหติ, นิสีทิตฺวา ภฺุชติ, ยทิ อติเรกํ โหติ, อวกฺการปาติยํ ปกฺขิปิตฺวา ปาตึ ปิธาย ภฺุชติ, กตภตฺตกิจฺโจ ปตฺตํ โธวิตฺวา โวทกํ กตฺวา ถวิกาย โอสาเปตฺวา ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานํ ปวิสติ.
ทุติโยปิ อาคนฺตฺวาว ชานาติ ‘‘เอโก ปมํ อาคโต, เอโก ปจฺฉโต’’ติ. โส สเจ ปตฺเต ภตฺตํ ปมาณเมว โหติ, ภฺุชติ. สเจ มนฺทํ, อวกฺการปาติโต คเหตฺวา ภฺุชติ. สเจ อติเรกํ โหติ, อวกฺการปาติยํ ปกฺขิปิตฺวา ปมาณเมว ภฺุชิตฺวา ปุริมตฺเถโร วิย วสนฏฺานํ ปวิสติ. ตติโยปิ อาคนฺตฺวาว ชานาติ ‘‘ทฺเว ปมํ อาคตา, อหํ ปจฺฉิโม’’ติ. โสปิ ทุติยตฺเถโร วิย ภฺุชิตฺวา กตภตฺตกิจฺโจ ปตฺตํ โธวิตฺวา โวทกํ กตฺวา ถวิกาย โอสาเปตฺวา อาสนานิ อุกฺขิปิตฺวา ปฏิสาเมติ, ปานียฆเฏ วา ปริโภชนียฆเฏ วา อวเสสอุทกํ ฉฑฺเฑตฺวา ฆเฏ นิกุชฺชิตฺวา อวกฺการปาติยํ สเจ อวเสสภตฺตํ โหติ, ตํ วุตฺตนเยน ชหิตฺวา ปาตึ โธวิตฺวา ปฏิสาเมติ, ภตฺตคฺคํ สมฺมชฺชติ, โส กจวรํ ฉฑฺเฑตฺวา สมฺมชฺชนึ อุกฺขิปิตฺวา อุปจิกาหิ มุตฺตฏฺาเน เปตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย วสนฏฺานํ ปวิสติ. อิทํ เถรานํ พหิวิหาเร อรฺเ ภตฺตกิจฺจกรณฏฺาเน โภชนสาลาย วตฺตํ. อิทํ สนฺธาย ‘‘โย ปจฺฉา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
โย ¶ ปสฺสตีติอาทิ ปน เนสํ อนฺโตวิหาเร วตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ วจฺจฆฏนฺติ อาจมนกุมฺภึ. ริตฺตนฺติ ริตฺตกํ. ตุจฺฉนฺติ ตสฺเสว เววจนํ. อวิสยฺหนฺติ อุกฺขิปิตุํ อสกฺกุเณยฺยํ อติภาริยํ. หตฺถวิกาเรนาติ หตฺถสฺาย. เต กิร ปานียฆฏาทีสุ ยํกิฺจิ ตุจฺฉกํ คเหตฺวา โปกฺขรณึ คนฺตฺวา อนฺโต จ พหิ จ โธวิตฺวา อุทกํ ปริสฺสาเวตฺวา ตีเร เปตฺวา อฺํ ภิกฺขุํ หตฺถวิกาเรน อามนฺเตนฺติ, โอทิสฺส วา อโนทิสฺส วา สทฺทํ น กโรนฺติ. กสฺมา โอทิสฺส น กโรนฺติ? ตฺหิ ภิกฺขุํ สทฺโท พาเธยฺยาติ. กสฺมา อโนทิสฺส น ¶ กโรนฺติ? อโนทิสฺส สทฺเท ทินฺเน ‘‘อหํ ปุเร, อหํ ปุเร’’ติ ทฺเวปิ นิกฺขเมยฺยุํ. ตโต ทฺวีหิ กตฺตพฺพกมฺเม ตติยสฺส กมฺมจฺเฉโท ภเวยฺย. สํยตปทสทฺโท ปน หุตฺวา อปรสฺส ภิกฺขุโน ทิวาฏฺานสนฺติกํ คนฺตฺวา เตน ทิฏฺภาวํ ตฺวา หตฺถสฺํ กโรติ, ตาย สฺาย อิตโร อาคจฺฉติ, ตโต ทฺเว ชนา หตฺเถน หตฺถํ สํสิพฺพนฺตา ทฺวีสุ หตฺเถสุ เปตฺวา อุฏฺาเปนฺติ. ตํ สนฺธายาห ‘‘หตฺถวิกาเรน ทุติยํ อามนฺเตตฺวา หตฺถวิลงฺฆเกน อุปฏฺาเปมา’’ติ.
ปฺจาหิกํ โข ปนาติ จาตุทฺทเส ปนฺนรเส อฏฺมิยนฺติ อิทํ ตาว ปกติธมฺมสฺสวนเมว, ตํ อขณฺฑํ กตฺวา ปฺจเม ปฺจเม ทิวเส ทฺเว เถรา นาติวิกาเล นหายิตฺวา อนุรุทฺธตฺเถรสฺส วสนฏฺานํ คจฺฉนฺติ. ตตฺถ ตโยปิ นิสีทิตฺวา ติณฺณํ ปิฏกานํ อฺตรสฺมึ อฺมฺํ ปฺหํ ปุจฺฉนฺติ, อฺมฺํ วิสฺสชฺเชนฺติ. เตสํ เอวํ กโรนฺตานํเยว อรุณํ อุคฺคจฺฉติ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. เอตฺตาวตา เถเรน ภควตา อปฺปมาทลกฺขณํ ปุจฺฉิเตน ปมาทฏฺาเนสุเยว อปฺปมาทลกฺขณํ วิสฺสชฺชิตํ โหติ. อฺเสฺหิ ภิกฺขูนํ ภิกฺขาจารปวิสนกาโล นิกฺขมนกาโล นิวาสนปริวตฺตนํ จีวรปารุปนํ อนฺโตคาเม ปิณฺฑาย จรณํ ธมฺมกถนํ อนุโมทนํ อนฺโตคามโต นิกฺขมิตฺวา ภตฺตกิจฺจกรณํ ปตฺตโธวนํ ปตฺตโอสาปนํ ปตฺตจีวรปฏิสามนนฺติ ปปฺจกรณฏฺานานิ เอตานิ. ตสฺมา เถโร ‘‘อมฺหากํ เอตฺตกํ านํ มฺุจิตฺวา วิสฺสฏฺกถาปวตฺตเนน กมฺมฏฺาเน ปมชฺชนฏฺานานิ, ตตฺถาปิ มยํ, ภนฺเต, กมฺมฏฺานวิรุทฺธํ น ปฏิปชฺชามา’’ติ อฺเสํ ปมาทฏฺาเนสุเยว สิขาปฺปตฺตํ อตฺตโน อปฺปมาทลกฺขณํ วิสฺสชฺเชสิ. อิมินาว เอตานิ านานิ มฺุจิตฺวา อฺตฺถ วิหารสมาปตฺตีนํ อวฬฺชนวเสน ปมาทกาโล นาม อมฺหากํ นตฺถีติ ทีเปติ.
ปาจีนวํสทายคมนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปาลิเลยฺยกคมนกถาวณฺณนา
๔๖๗. ธมฺมิยา ¶ กถายาติ สมคฺควาเส อานิสํสปฏิสํยุตฺตาย ธมฺมกถาย. อนุปุพฺเพน (อุทา. อฏฺ. ๓๕) จาริกํ จรมาโนติ อนุกฺกเมน คามนิคมปฏิปาฏิยา จาริกํ จรมาโน. เยน ปาลิเลยฺยกํ ตทวสรีติ เอกโกว เยน ปาลิเลยฺยกคาโม, ตํ อวสริ. ปาลิเลยฺยกคามวาสิโนปิ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ภควโต ทานํ ทตฺวา ปาลิเลยฺยกคามสฺส อวิทูเร รกฺขิตวนสณฺโฑ นาม อตฺถิ, ตตฺถ ภควโต ปณฺณสาลํ กตฺวา ‘‘เอตฺถ ภควา วสตู’’ติ ยาจิตฺวา วาสยึสุ. ภทฺทสาโลติ ปน ตตฺเถโก มนาโป ลฏฺิโก สาลรุกฺโข. ภควา ตํ คามํ อุปนิสฺสาย ¶ วนสณฺเฑ ปณฺณสาลาย สมีเป ตสฺมึ รุกฺขมูเล วิหาสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปาลิเลยฺยเก วิหรติ รกฺขิตวนสณฺเฑ ภทฺทสาลมูเล’’ติ.
อถ โข ภควโต รโหคตสฺสาติอาทิ ภควโต วิเวกสุขปจฺจเวกฺขณทสฺสนํ. อากิณฺโณ น ผาสุ วิหาสินฺติ สมฺพาธปฺปตฺโต อากิณฺโณ วิหาสึ. กึ ปน ภควโต สมฺพาโธ อตฺถิ สํสคฺโค วาติ? นตฺถิ. น หิ โกจิ ภควนฺตํ อนิจฺฉาย อุปสงฺกมิตุํ สกฺโกติ. ทุราสทา หิ พุทฺธา ภควนฺโต สพฺพตฺถ จ อนุปลิตฺตา, หิเตสิตาย ปน สตฺเตสุ อนุกมฺปํ อุปาทาย ‘‘มุตฺโต โมเจสฺสามี’’ติ ปฏิฺานุรูปํ จตุโรฆนิตฺถรณตฺถํ อฏฺนฺนํ ปริสานํ อตฺตโน สนฺติกํ กาเลน กาลํ อุปสงฺกมนํ อธิวาเสติ, สยฺจ มหากรุณาสมุสฺสาหิโต กาลฺู หุตฺวา ตตฺถ อุปสงฺกมีติ อิทํ สพฺพพุทฺธานํ อาจิณฺณํ. นายมิธ อากิณฺณวิหาโร อธิปฺเปโต, อิธ ปน เตหิ กลหการเกหิ โกสมฺพกภิกฺขูหิ สทฺธึ เอกวิหาเร วาสํ วิหาสิ, ตทา วิเนตพฺพาภาวโต อากิณฺณวิหารํ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘อหํ โข ปุพฺเพ อากิณฺโณ น ผาสุ วิหาสิ’’นฺติ. เตเนวาห ‘‘เตหิ โกสมฺพเกหิ ภิกฺขูหิ ภณฺฑนการเกหี’’ติอาทิ.
ทหรโปตเกหีติ ทหเรหิ หตฺถิโปตเกหิ, เย ภิงฺกาติปิ วุจฺจนฺติ. เตหีติ หตฺถิอาทีหิ. กทฺทโมทกานีติ กทฺทมมิสฺสานิ อุทกานิ. โอคาหาติ เอตฺถ ‘‘โอคาห’’นฺติปิ ปาฬิ. อสฺสาติ หตฺถินาคสฺส. อุปนิฆํสนฺติโยติ ฆฏฺเฏนฺติโย. อุปนิฆํสิยมาโนปิ อตฺตโน อุฬารภาเวน ¶ น กุชฺฌติ, เตน ตา ฆํสนฺติเยว. วูปกฏฺโติ วูปกฏฺโ ทูรีภูโต.
ยูถาติ หตฺถิฆฏาย. เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติ โส กิร หตฺถินาโค ยูถวาเส อุกฺกณฺิโต ตํ วนสณฺฑํ ปวิฏฺโ. ตตฺถ ภควนฺตํ ทิสฺวา ฆฏสหสฺเสน นิพฺพาปิตสนฺตาโป วิย นิพฺพุโต หุตฺวา ปสนฺนจิตฺโต ภควโต สนฺติเก อฏฺาสิ, ตโต ปฏฺาย วตฺตสีเส ตฺวา ภทฺทสาลสฺส ปณฺณสาลาย จ สมนฺตโต อปฺปหริตํ กตฺวา สาขาภงฺเคน สมฺมชฺชติ, ภควโต มุขโธวนํ เทติ, นหาโนทกํ อาหรติ, ทนฺตกฏฺํ เทติ, อรฺโต มธุรานิ ผลาผลานิ อาหริตฺวา สตฺถุ อุปเนติ. สตฺถา ตานิ ปริภฺุชติ. เตน วุตฺตํ ‘‘โสณฺฑาย ภควโต ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฏฺาเปตี’’ติอาทิ. โส กิร โสณฺฑาย ทารูนิ อาหริตฺวา อฺมฺํ ฆํสิตฺวา อคฺคึ อุฏฺาเปตฺวา ทารูนิ ชาลาเปตฺวา ตตฺถ ปาสาณขณฺฑานิ ตาเปตฺวา ตานิ ทณฺฑเกหิ วฏฺเฏตฺวา โสณฺฑิยํ ขิปิตฺวา อุทกสฺส ตตฺตภาวํ ตฺวา ภควโต สนฺติกํ อุปคนฺตฺวา ติฏฺติ. ภควา ‘‘หตฺถินาโค มม นหานํ อิจฺฉตี’’ติ ตตฺถ คนฺตฺวา นหานกิจฺจํ กโรติ. ปานีเยปิ เอเสว ¶ นโย. ตสฺมึ ปน สีตเล ชาเต อุปสงฺกมติ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘โสณฺฑาย ภควโต ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฏฺาเปตี’’ติ.
อตฺตโน จ ปวิเวกํ วิทิตฺวาติ เกหิจิ อนากิณฺณภาวลทฺธํ กายวิเวกํ ชานิตฺวา. อิตเร ปน วิเวกา ภควโต สพฺพกาลํ วิชฺชนฺติเยว. อิมํ อุทานํ อุทาเนสีติ อิมํ อตฺตโน หตฺถินาคสฺส จ วิเวกาภิรติยา สมานชฺฌาสยภาวทีปนํ อุทานํ อุทาเนสิ.
คาถาย ปน เอวมตฺถโยชนา เวทิตพฺพา (อุทา. อฏฺ. ๓๕) – เอตํ อีสาทนฺตสฺส รถอีสาสทิสทนฺตสฺส หตฺถินาคสฺส จิตฺตํ นาเคน พุทฺธนาคสฺส จิตฺเตน สเมติ สํสนฺทติ. กถํ สเมติ เจ? ยเทโก รมตี วเน, ยสฺมา พุทฺธนาโค ‘‘อหํ โข ปุพฺเพ อากิณฺโณ วิหาสิ’’นฺติ ปุริมํ อากิณฺณวิหารํ ชิคุจฺฉิตฺวา วิเวกํ อุปพฺรูหยมาโน อิทานิ ยถา เอโก อทุติโย วเน อรฺเ รมติ อภิรมติ, เอวํ อยมฺปิ หตฺถินาโค ปุพฺเพ ¶ อตฺตโน หตฺถิอาทีหิ อากิณฺณวิหารํ ชิคุจฺฉิตฺวา อิทานิ เอโก อสหาโย วเน เอกวิหารํ รมติ อภินนฺทติ, ตสฺมาสฺส จิตฺตํ นาเคน สเมติ, ตสฺส จิตฺเตน สเมตีติ กตฺวา เอกีภาวรติยา เอกสทิสํ โหตีติ อตฺโถ.
ปาลิเลยฺยกคมนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อฏฺารสวตฺถุกถาวณฺณนา
๔๗๓. โย ปฏิพาเหยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ เอตฺถ โย เสนาสนารหสฺส เสนาสนํ ปฏิพาหติ, ตสฺเสว อาปตฺติ. กลหการกาทีนํ ปเนตฺถ ‘‘โอกาโส นตฺถี’’ติอาทิกํ สงฺฆสฺส กติกํ อาโรเจตฺวา น ปฺเปนฺตสฺส ‘‘อหํ วุฑฺโฒ’’ติ ปสยฺห อตฺตนาว อตฺตโน ปฺเปตฺวา คณฺหนฺตํ ‘‘ยุตฺติยา คณฺหถา’’ติ วตฺวา วาเรนฺตสฺส จ นตฺถิ อาปตฺติ. ‘‘ภณฺฑนการกํ นิกฺกฑฺฒตีติ วจนโต กุลทูสกสฺส ปพฺพาชนียกมฺมานฺุาย จ อิธ กลหวูปสมนตฺถํ อาคตานํ โกสมฺพกานมฺปิ ‘ยถาวุฑฺฒ’นฺติ อวตฺวา ‘วิวิตฺเต อสติ วิวิตฺตํ กตฺวาปิ ทาตพฺพ’นฺติ วุตฺตตฺตา วิวิตฺตํ กตฺวา เทนฺตํ ปฏิพาหนฺตสฺเสว อาปตฺตี’’ติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ.
อุปาลิสงฺฆสามคฺคีปุจฺฉาวณฺณนา
๔๗๖. น ¶ มูลา มูลํ คนฺตฺวาติ มูลโต มูลํ อคนฺตฺวา. อตฺถโต อปคตาติ สามคฺคิสงฺขาตอตฺถโต อปคตา.
๔๗๗. เยน นํ ปจฺจตฺถิกา วเทยฺยุํ, ตํ น หิ โหตีติ สมฺพนฺโธ. อนปคตนฺติ การณโต อนเปตํ, สการณนฺติ วุตฺตํ โหติ.
อุสูยายาติ อิมินา โทสาคติคมนสฺส สงฺคหิตตฺตา ‘‘อคติคมเนนา’’ติ อวเสสอคติคมนํ ทสฺสิตนฺติ เวทิตพฺพํ. อฏฺหิ ทูตงฺเคหีติ ‘‘โสตา จ โหติ สาเวตา จ อุคฺคเหตา จ ธาเรตา จ วิฺาเปตา ¶ จ กุสโล จ สหิตาสหิตทสฺสโน จ อกลหการโก จา’’ติ เอวํ วุตฺเตหิ อฏฺหิ ทูตงฺเคหิ. เสสเมตฺถ ปาฬิโต อฏฺกถาโต จ สุวิฺเยฺยเมว.
โกสมฺพกกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.
อิติ สมนฺตปาสาทิกาย วินยฏฺกถาย สารตฺถทีปนิยํ
มหาวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส