📜
๗. เสขิยกณฺฑํ
๑. ปริมณฺฑลวคฺควณฺณนา
เสขิเยสุ ¶ ¶ สิกฺขิตสิกฺเขนาติ จตูหิ มคฺเคหิ ติสฺโส สิกฺขา สิกฺขิตฺวา ิเตน, สพฺพโส ปรินิฏฺิตกิจฺเจนาติ วุตฺตํ โหติ. ตาทินาติ อฏฺหิ โลกธมฺเมหิ อกมฺปิยฏฺเน ตาทินา.
๕๗๖. สิกฺขา กรณียาติ ‘‘เอวํ นิวาเสสฺสามี’’ติ อาราเมปิ อนฺตรฆเรปิ สพฺพตฺถ สิกฺขา กตฺตพฺพา. เอตฺถ จ ยสฺมา วตฺตกฺขนฺธเก วุตฺตวตฺตานิปิ สิกฺขิตพฺพตฺตา เสขิยาเนว โหนฺติ, ตสฺมา ปาราชิกาทีสุ วิย ปริจฺเฉโท น กโต, จาริตฺตนยทสฺสนตฺถฺจ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ โอลมฺเพนฺโต นิวาเสยฺย, ทุกฺกฏ’’นฺติ เอวํ อาปตฺตินาเมน อวตฺวา ‘‘สิกฺขา กรณียา’’ติ เอวํ สพฺพสิกฺขาปเทสุ ปาฬิ อาโรปิตา. ปทภาชเน ปน ‘‘อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ วุตฺตตฺตา สพฺพตฺถ อนาทริยกรเณ ทุกฺกฏํ เวทิตพฺพํ. วุตฺตนฺติ มหาอฏฺกถายํ วุตฺตํ. ยสฺมา อฏฺงฺคุลมตฺตํ โอตาเรตฺวา นิวตฺถเมว นิสินฺนสฺส จตุรงฺคุลมตฺตํ โหติ, ตสฺมา อุโภเปเต อฏฺกถาวาทา เอกปริจฺเฉทา. เต สพฺเพติ นิวาสนโทสา.
ตํ ปนาติ ตํ อนาทริยํ. กิฺจาปิ กุรุนฺทิวาทํ ปจฺฉา วทนฺเตน ‘‘ปริมณฺฑลํ นิวาเสตุํ อชานนฺตสฺส อนาปตฺตี’’ติ อยมตฺโถ ปติฏฺาปิโต, ตถาปิ นิวาสนวตฺตํ สาธุกํ อุคฺคเหตพฺพเมว. สฺจิจฺจ อนุคฺคณฺหนฺตสฺส อนาทริยํ สิยา. เตเนว มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. ปริมณฺฑลสิกฺขาปทวณฺณนา) วุตฺตํ ‘‘อชานนฺตสฺสาติ ปริมณฺฑลํ นิวาเสตุํ อชานนฺตสฺส อนาปตฺติ, อปิจ นิวาสนวตฺตํ อุคฺคเหตพฺพ’’นฺติ.
สจิตฺตกนฺติ วตฺถุวิชานนจิตฺเตน ปณฺณตฺติวิชานนจิตฺเตน จ สจิตฺตกํ ‘‘อนาทริยํ ปฏิจฺจา’’ติ วุตฺตตฺตา. ‘‘ปาณาติปาตาทิ วิย นิวาสนโทโส โลกครหิโต น โหตีติ ปณฺณตฺติวชฺช’’นฺติ ¶ ผุสฺสเทวตฺเถโร อาห. อุปติสฺสตฺเถโร ปน ‘‘ยสฺมา อนาทริยวเสเนว อาปชฺชิตพฺพตฺตา เกวลํ อกุสลเมว, ตฺจ ปกติยา วชฺชํ, สฺจิจฺจ วีติกฺกมนฺจ ¶ โทมนสฺสิตสฺเสว โหติ, ตสฺมา โลกวชฺชํ อกุสลจิตฺตํ ทุกฺขเวทน’’นฺติ อาห. อนาทริยํ, อนาปตฺติการณาภาโว, อปริมณฺฑลนิวาสนนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ. ยถา เจตฺถ, เอวํ สพฺพตฺถ ปุริมานิ ทฺเว ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตปฏิปกฺขกรณฺจาติ ตีณิเยว โหนฺติ.
๕๗๗. ทุติยาทีสุ อเนกปฺปการํ คิหิปารุตนฺติ เสตปฏปารุตํ ปริพฺพาชกปารุตํ เอกสาฏกปารุตนฺติอาทิ อเนกปฺปเภทํ คิหิปารุตํ. ตสฺสตฺโถ ขนฺธเกเยว อาวิ ภวิสฺสติ. วิหาเรปีติ พุทฺธุปฏฺานาทิกาลํ สนฺธาย วุตฺตํ.
๕๗๘. ‘‘สุปฺปฏิจฺฉนฺโน’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘สสีสํ ปารุโต สพฺพถา สุปฺปฏิจฺฉนฺนตฺตา สุปฺปฏิจฺฉนฺโน นาม โหตี’’ติ ยสฺส สิยา, ตํ สนฺธายาห ‘‘น สสีสํ ปารุเตนา’’ติอาทิ.
๕๘๒. เอกสฺมึ ปน าเน ตฺวาติ เอตฺถ ‘‘คจฺฉนฺโตปิ ปริสฺสยาภาวํ โอโลเกตุํ ลภติเยว, ตถา คาเม ปูช’’นฺติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ.
ปริมณฺฑลวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อุชฺชคฺฆิกวคฺควณฺณนา
๕๘๖. ทุติยวคฺเค หสนียสฺมึ วตฺถุสฺมินฺติ หาสชนเก การเณ.
อุชฺชคฺฆิกวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ขมฺภกตวคฺควณฺณนา
๖๐๓. ตติยวคฺเค ปตฺเต สฺา ปตฺตสฺา, สา อสฺส อตฺถีติ ปตฺตสฺี, อตฺตโน ภาชเน อุปนิพนฺธสฺี หุตฺวาติ อตฺโถ. พฺยฺชนํ ปน อนาทิยิตฺวา อตฺถมตฺตเมว ทสฺเสตุํ ‘‘ปตฺเต สฺํ กตฺวา’’ติ วุตฺตํ.
๖๐๔. โอโลณีติ ¶ เอกา พฺยฺชนวิกติ. ‘‘โย โกจิ สุทฺโธ กฺชิกตกฺกาทิรสโอ’’ติ เกจิ. สากสูเปยฺย-คฺคหเณน ยา กาจิ สูเปยฺยสาเกหิ ¶ กตา พฺยฺชนวิกติ วุตฺตา. มํสรสาทีนีติ อาทิ-สทฺเทน อวเสสา สพฺพาปิ พฺยฺชนวิกติ สงฺคหิตาติ ทฏฺพฺพํ. เตเนว มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. สมสูปกปฏิคฺคหณสิกฺขาปทวณฺณนา) วุตฺตํ ‘‘เปตฺวา ปน สูปํ อวเสสา สพฺพาปิ สูเปยฺยา พฺยฺชนวิกติ รสรโส นาม โหตี’’ติ.
๖๐๕. สมปุณฺณนฺติ อธิฏฺานุปคสฺส ปตฺตสฺส อนฺโตมุขวฏฺฏิเลขํ อนติกฺกาเมตฺวา รจิตํ. สมภริตนฺติ ตสฺเสว เววจนํ. ผลาผลาทีติ อาทิ-สทฺเทน โอทนาทิมฺปิ สงฺคณฺหาติ. เหฏฺา โอโรหตีติ สมนฺตา โอกาสสพฺภาวโต จาลิยมานํ เหฏฺา ภสฺสติ. มตฺถเก ถูปีกตํ ปูวเมว วฏํสกสทิสตฺตา ‘‘ปูววฏํสก’’นฺติ วุตฺตํ. ปุปฺผวฏํสกาทีสุปิ เอเสว นโย.
ยสฺมา ‘‘สมติตฺติโก ปิณฺฑปาโต ปฏิคฺคเหตพฺโพ’’ติ วจนํ ปิณฺฑปาโต สมฺปุณฺโณ ปฏิคฺคเหตพฺโพติ ทีเปติ, ตสฺมา อตฺตโน หตฺถคเต ปตฺเต ปิณฺฑปาโต ทิยฺยมาโน ถูปีกโตปิ เจ โหติ, วฏฺฏตีติ ทีเปติ. ‘‘ถูปีกตํ ปิณฺฑปาตํ ปฏิคฺคณฺหาติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ หิ วจนํ ปมํ ถูปีกตํ ปิณฺฑปาตํ ปจฺฉา ปฏิคฺคณฺหโต อาปตฺตีติ ทีเปติ. ‘‘ปตฺเต ปฏิคฺคณฺหโต จ ถูปีกตํ โหติ, วฏฺฏติ อถูปีกตสฺส ปฏิคฺคหิตตฺตา, ปโยโค ปน นตฺถิ อฺตฺร ปุพฺพเทสา’’ติ เกนจิ วุตฺตํ, ตํ น สารโต ปจฺเจตพฺพํ. ‘‘น ถูปีกตํ ปิณฺฑปาตํ ปฏิคฺคณฺหาตี’’ติ วจนํ ปมํ ถูปีกตสฺเสว ปจฺฉา ปฏิคฺคณฺหนํ ทีเปติ. น หิ หตฺถคเตปิ ปตฺเต ทิยฺยมานํ ถูปีกตํ คณฺหนฺโต ถูปีกตํ ปิณฺฑปาตํ ปฏิคฺคณฺหนฺโต นาม น โหติ, น จ เตน สมติตฺติโก ปิณฺฑปาโต ปฏิคฺคหิโตติ สกฺกา วิฺาตุํ. ‘‘ถูปีกต’’นฺติ จ ภาวนปุํสกนิทฺเทเส คยฺหมาเน อยมตฺโถ สุฏฺุตรํ ปากโฏเยวาติ.
ขมฺภกตวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. สกฺกจฺจวคฺควณฺณนา
๖๐๘. จตุตฺถวคฺเค สปทานนฺติ เอตฺถ ทานํ วุจฺจติ อวขณฺฑนํ, อเปตํ ทานโต อปทานํ, อนวขณฺฑนนฺติ อตฺโถ. สห อปทาเนน สปทานํ, อวขณฺฑนวิรหิตํ ¶ , อนุปฏิปาฏิยาติ วุตฺตํ โหติ. เตนาห ‘‘ตตฺถ ตตฺถ โอธึ อกตฺวา อนุปฏิปาฏิยา’’ติ.
๖๑๑. ยสฺมึ ¶ สมเย ‘‘ปาโณ น หนฺตพฺโพ’’ติ ราชาโน เภรึ จราเปนฺติ, อยํ มาฆาตสมโย นาม. อิธ อนาปตฺติยํ คิลาโน น อาคโต, ตสฺมา คิลานสฺสปิ อาปตฺติ. สูโปทนวิฺตฺติสิกฺขาปเท อสฺจิจฺจ อสฺสติยาติ เอตฺถ ‘‘มุเข ปกฺขิปิตฺวา ปุน วิปฺปฏิสารี หุตฺวา ฉฑฺเฑนฺตสฺส อรุจิยา ปวิสนฺเต ‘อสฺจิจฺจา’ติ วุจฺจติ, วิฺตฺติมฺปิ อวิฺตฺติมฺปิ เอตสฺมึ าเน ิตํ สหสา คเหตฺวา ภฺุชนฺเต ‘อสฺสติยา’ติ วุจฺจตี’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ.
๖๑๔-๖๑๕. อุชฺฌาเน สฺา อุชฺฌานสฺา, สา อสฺส อตฺถีติ อุชฺฌานสฺี. ‘‘มยูรณฺฑํ อติมหนฺต’’นฺติ วจนโต มยูรณฺฑปฺปมาโณ กพโฬ น วฏฺฏติ. เกจิ ปน ‘‘มยูรณฺฑโต มหนฺโต น วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ, ‘‘นาติมหนฺต’’นฺติ จ อติมหนฺตสฺเสว ปฏิกฺขิตฺตตฺตา ขุทฺทเก อาปตฺติ น ทิสฺสติ. ‘‘มยูรณฺฑํ อติมหนฺตํ, กุกฺกุฏณฺฑํ อติขุทฺทกํ, เตสํ เวมชฺฌปฺปมาโณ’’ติ อิมินา ปน สารุปฺปวเสน ขุทฺทกมฺปิ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปริจฺเฉโท น ทสฺสิโตติ เวทิตพฺพํ.
สกฺกจฺจวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. กพฬวคฺควณฺณนา
๖๑๘. ปฺจมวคฺเค สพฺพํ หตฺถนฺติ เอตฺถ หตฺถ-สทฺโท ตเทกเทเสสุ องฺคุลีสุ ทฏฺพฺโพ ‘‘หตฺถมุทฺทา’’ติอาทีสุ วิย, สมุทาเย ปวตฺตโวหารสฺส อวยเวปิ วตฺตนโต เอกงฺคุลิมฺปิ มุเข ปกฺขิปิตุํ น วฏฺฏติ.
กพฬวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. สุรุสุรุวคฺควณฺณนา
๖๒๗. ฉฏฺวคฺเค สีตีกโตติ สีตฏฺโฏ, สีตปีฬิโตติ วุตฺตํ โหติ. สิลกพุทฺโธติ ปริหาสวจนเมตํ. สิลกฺหิ กฺจิ ทิสฺวา ‘‘พุทฺโธ อย’’นฺติ โวหรนฺติ.
๖๓๔. วิลีวจฺฉตฺตนฺติ ¶ เวณุวิลีเวหิ กตํ ฉตฺตํ. ตตฺถชาตกทณฺฑเกน กตนฺติ ตาลปณฺณํ สห ทณฺฑเกน ฉินฺทิตฺวา ตเมว ฉตฺตทณฺฑํ กโรนฺติ โคปาลกาทโย วิย, ตํ สนฺธาเยตํ ¶ วุตฺตํ. ฉตฺตปาทุกาย วา ิตํ โหตีติ เอตฺถ ฉตฺตปาทุกา วุจฺจติ ฉตฺตาธาโร. ยสฺมึ ฉตฺตํ อปตมานํ กตฺวา เปนฺติ, ตาทิสิกาย ฉตฺตปาทุกาย ิตํ ฉตฺตํ ‘‘ฉตฺต’’นฺติ อชฺฌาหริตพฺพํ. ‘‘ฉตฺตํ ฉตฺตปาทุกาย ิต’’นฺติปิ ปนฺติ, ตตฺถาปิ อยเมวตฺโถ.
๖๓๗. จาโปติ มชฺเฌ วงฺกา กาจทณฺฑสทิสา ธนุวิกติ. โกทณฺโฑติ วฏฺฏลทณฺฑา ธนุวิกติ. ปฏิมุกฺกนฺติ ปเวสิตํ ลคฺคิตํ.
สุรุสุรุวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. ปาทุกวคฺควณฺณนา
๖๔๗. สตฺตมวคฺเค ปฏิจฺฉนฺโน หุตฺวาติ โส กิร รตฺติภาเค อุยฺยานํ คนฺตฺวา อมฺพํ อภิรุหิตฺวา สาขาย สาขํ อมฺพํ โอโลเกนฺโต วิจริ. ตสฺส ตถา กโรนฺตสฺเสว รตฺติ วิภายิ. โส จินฺเตสิ ‘‘สเจ อิทานิ โอตริตฺวา คมิสฺสามิ, ทิสฺวา มํ โจโรติ คเหสฺสนฺติ, รตฺติภาเค คมิสฺสามี’’ติ. อเถกํ วิฏปํ อภิรุหิตฺวา นิลีโน อจฺฉิ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. โส รุกฺขโต โอตรนฺโต เอกํ โอลมฺพินิสาขํ คเหตฺวา เตสํ อุภินฺนมฺปิ อนฺตเร ปติฏฺาสิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘เตสํ ทฺวินฺนมฺปิ อนฺตรา รุกฺขโต ปติโต’’ติ. ปาฬิยา อตฺถํ น ชานนฺตีติ อตฺตโน คหณสฺส อตฺถํ น ชานนฺติ.
ชาตกปาฬิยํ (ชา. ๑.๔.๓๓) ปน อยํ คาถา –
‘‘สพฺพมิทํ จริมํ กตํ, อุโภ ธมฺมํ น ปสฺสเร;
อุโภ ปกติยา จุตา, โย จายํ มนฺเตชฺฌาเปติ;
โย จ มนฺตํ อธียตี’’ติ. –
เอวมาคตา. ตสฺสายมตฺโถ (ชา. อฏฺ. ๓.๔.๓๓) – สพฺพมิทํ จริมํ กตนฺติ ยํ อมฺเหหิ ตีหิ ชเนหิ กตํ, สพฺพมิทํ กิจฺจํ ลามกํ นิมฺมริยาทํ อธมฺมิกํ. เอวํ อตฺตโน ¶ โจรภาวํ เตสฺจ มนฺเตสุ อคารวํ ครหิตฺวา ปุน อิตเร ทฺเวเยว ครหนฺโต ‘‘อุโภ ธมฺมํ น ปสฺสเร’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อุโภติ อิเม ทฺเวปิ ชนา ครุการารหํ โปราณกธมฺมํ น ปสฺสนฺติ, ตโตว ธมฺมปกติโต จุตา. ธมฺโม หิ ปมุปฺปตฺติวเสน ปกติ นาม. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ธมฺโม ¶ หเว ปาตุรโหสิ ปุพฺเพ,
ปจฺฉา อธมฺโม อุทปาทิ โลเก’’ติ. (ชา. ๑.๑๑.๒๘);
โย จายนฺติ โย จ อยํ นีเจ นิสีทิตฺวา มนฺเต อชฺฌาเปติ, โย จ อุจฺเจ นิสีทิตฺวา อธียตีติ.
สาลีนนฺติ อยํ คาถาปิ –
‘‘สาลีนํ โอทนํ ภฺุเช, สุจึ มํสูปเสจนํ;
ตสฺมา เอตํ น เสวามิ, ธมฺมํ อิสีหิ เสวิต’’นฺติ. (ชา. ๑.๔.๓๔) –
เอวํ ชาตเก อาคตา. ตตฺถ สุจินฺติ ปณฺฑรํ ปริสุทฺธํ. มํสูปเสจนนฺติ นานปฺปการาย มํสวิกติยา สิตฺตํ ภฺุเช, ภฺุชามีติ อตฺโถ. เสสํ ปากฏเมว.
ธิรตฺถูติ ธิ อตฺถุ, นินฺทา ภวตูติ อตฺโถ, ครหาม ตํ มยนฺติ วุตฺตํ โหติ. ลทฺธลาโภติ ธนลาภํ ยสลาภฺจ สนฺธาย วทติ. วินิปาตนเหตุนาติ วินิปาตนสฺส เหตุภาเวน. วุตฺติ นาม โหตีติ ยถาวุตฺโต ทุวิโธปิ ลาโภ อปายสํวตฺตนิกตาย สมฺปราเย วินิปาตนเหตุภาเวน ปวตฺตนโต สมฺปติ อธมฺมจรเณน ปวตฺตนโต จ วุตฺติ นาม โหตีติ อตฺโถ. เอวรูปา ยา วุตฺตีติ เอวรูปา ธนลาภยสลาภสงฺขาตา ยา วุตฺติ. อธมฺมจรเณน วาติ วา-สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ. ตฺวนฺติ อุปโยคตฺเถ ปจฺจตฺตวจนํ, ตํ อิจฺเจว วา ปาโ. อสฺมาติ ปาสาณาธิวจนเมตํ.
ปาทุกวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
เสสํ อุตฺตานเมว.
เสขิยกณฺฑํ นิฏฺิตํ.
อธิกรณสมเถสุ ¶ ¶ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ อฏฺกถายํ อาคตฏฺาเนเยว ทสฺสยิสฺสาม.
อิติ สมนฺตปาสาทิกาย วินยฏฺกถาย สารตฺถทีปนิยํ
ภิกฺขุวิภงฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
มหาวิภงฺโค นิฏฺิโต.
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
ภิกฺขุนีวิภงฺควณฺณนา