📜
๑. กมฺมกฺขนฺธกํ
ตชฺชนียกมฺมกถาวณฺณนา
๑. จูฬวคฺคสฺส ¶ ¶ ปเม กมฺมกฺขนฺธเก ตาว ‘‘ยฏฺึ ปเวสย, กุนฺเต ปเวสยา’’ติอาทีสุ วิย สหจรณาเยน ‘‘มฺจา อุกฺกุฏฺึ กโรนฺตี’’ติอาทีสุ วิย นิสฺสิเตสุ นิสฺสยโวหารวเสน วา ปณฺฑุกโลหิตกนิสฺสิตา ปณฺฑุกโลหิตกสทฺเทน วุตฺตาติ อาห ‘‘เตสํ นิสฺสิตกาปิ ปณฺฑุกโลหิตกาตฺเวว ปฺายนฺตี’’ติ. ปฏิวทถาติ ปฏิวจนํ เทถ.
อธมฺมกมฺมทฺวาทสกกถาวณฺณนา
๔. ตีหิ ¶ องฺเคหิ สมนฺนาคตนฺติ ปจฺเจกํ สมุทิเตหิ วา ตีหิ องฺเคหิ สมนฺนาคตํ. น หิ ติณฺณํ เอว องฺคานํ สโมธาเนน อธมฺมกมฺมํ โหติ, เอเกนปิ โหติเยว. ‘‘อปฺปฏิฺาย กตํ โหตีติ ลชฺชึ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ คณฺิปเทสุ กถิตํ.
นนุ จ ‘‘อเทสนาคามินิยา อาปตฺติยา กตํ โหตี’’ติ อิทํ ปรโต ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน อากงฺขมาโน สงฺโฆ ตชฺชนียกมฺมํ กเรยฺย, อธิสีเล สีลวิปนฺโน โหตี’’ติ อิมินา วิรุชฺฌติ. อเทสนาคามินึ อาปนฺโน หิ ‘‘อธิสีเล สีลวิปนฺโน’’ติ วุจฺจตีติ? ตตฺถ เกจิ วทนฺติ ‘‘ตชฺชนียกมฺมสฺส หิ วิเสเสน ภณฺฑนการกตฺตํ องฺค’นฺติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ, ตํ ปาฬิยา อาคตนิทาเนน สเมติ, ตสฺมา สพฺพติเกสุปิ ภณฺฑนํ อาโรเปตฺวา ภณฺฑนปจฺจยา อาปนฺนาปตฺติวเสน อิทํ กมฺมํ กาตพฺพํ. ตสฺมา ‘อธิสีเล สีลวิปนฺโน’ติ เอตฺถาปิ ¶ ปุพฺพภาเค วา ปรภาเค วา โจทนาสารณาทิกาเล ภณฺฑนปจฺจยา อาปนฺนาปตฺติวเสเนว กาตพฺพํ, น เกวลํ สงฺฆาทิเสสปจฺจยา กาตพฺพ’’นฺติ. อปเร ปน วทนฺติ ‘‘อเทสนาคามินิยาติ อิทํ ปาราชิกาปตฺตึเยว สนฺธาย วุตฺตํ, น สงฺฆาทิเสสํ. อฏฺกถายํ ปน ‘อเทสนาคามินิยาติ ปาราชิกาปตฺติยา วา สงฺฆาทิเสสาปตฺติยา วา’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ สงฺฆาทิเสสาปตฺติยา วาติ อตฺถุทฺธารวเสน วุตฺตํ, ‘อธิสีเล สีลวิปนฺโน’ติ จ อิทํ สงฺฆาทิเสสํเยว สนฺธาย วุตฺตํ, น ปาราชิกํ. ตสฺมา ปาราชิกาปตฺติปจฺจยา น ตชฺชนียกมฺมํ กาตพฺพํ ปโยชนาภาวา, สงฺฆาทิเสสปจฺจยา กาตพฺพนฺติ อยมตฺโถ สิทฺโธ โหติ. สุกฺกปกฺเข ‘เทสนาคามินิยา อาปตฺติยา กตํ โหตี’ติ อิมินา วิรุชฺฌตีติ เจ? น เอเกน ปริยาเยน สงฺฆาทิเสสสฺสปิ เทสนาคามินีโวหารสมฺภวโต’’ติ, ตํ ยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ.
นปฺปฏิปฺปสฺสมฺเภตพฺพอฏฺารสกกถาวณฺณนา
๘. โลมํ ปาเตนฺตีติอาทิ สมฺมาวตฺตนาย ปริยายวจนํ.
นิยสฺสกมฺมกถาวณฺณนา
๑๑. นิยสฺสกมฺเม ‘‘นิสฺสาย เต วตฺถพฺพนฺติ ครุนิสฺสยํ สนฺธาย วุตฺตํ, น อิตร’’นฺติ เกนจิ ลิขิตํ. คณฺิปเท ปน ‘‘นิยสฺสกมฺมํ ยสฺมา พาลวเสน กรียติ, ตสฺมา นิสฺสาย วตฺถพฺพนฺติ ¶ นิสฺสยํ คาหาเปตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ, วีมํสิตฺวา ยุตฺตตรํ คเหตพฺพํ. อปิสฺสูติ เอตฺถ สุอิติ นิปาตมตฺตํ, ภิกฺขู อปิ นิจฺจพฺยาวฏา โหนฺตีติ วุตฺตํ โหติ.
ปพฺพาชนียกมฺมกถาวณฺณนา
๒๙. ปพฺพาชนียกมฺเม เตน หิ, ภิกฺขเว, สงฺโฆ ปพฺพาชนียกมฺมํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภตูติ อิทํ เตสุ วิพฺภมนฺเตสุปิ ปกฺกมนฺเตสุปิ สมฺมาวตฺตนฺเตเยว สนฺธาย วุตฺตํ.
ปฏิสารณียกมฺมกถาวณฺณนา
๓๓. สุธมฺมวตฺถุสฺมึ มจฺฉิกาสณฺเฑติ เอวํนามเก นคเร. ตตฺถ กิร (ธ. ป. อฏฺ. ๑.๗๒ จิตฺตคหปติวตฺถุ) จิตฺโต คหปติ ปฺจวคฺคิยานํ อพฺภนฺตรํ มหานามตฺเถรํ ปิณฺฑาย จรมานํ ทิสฺวา ¶ ตสฺส อิริยาปเถ ปสีทิตฺวา ปตฺตํ อาทาย เคหํ ปเวเสตฺวา โภเชตฺวา ภตฺตกิจฺจาวสาเน ธมฺมกถํ สุณนฺโต โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา อจลสทฺโธ หุตฺวา อมฺพาฏกวนํ นาม อตฺตโน อุยฺยานํ สงฺฆารามํ กาตุกาโม เถรสฺส หตฺเถ อุทกํ ปาเตตฺวา นิยฺยาเตสิ. ตสฺมึ ขเณ ‘‘ปติฏฺิตํ พุทฺธสาสน’’นฺติ อุทกปริยนฺตํ กตฺวา มหาปถวี กมฺปิ, มหาเสฏฺิ อุยฺยาเน มหาวิหารํ กาเรสิ. ตตฺถายํ สุธมฺโม ภิกฺขุ อาวาสิโก อโหสิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อายสฺมา สุธมฺโม มจฺฉิกาสณฺเฑ จิตฺตสฺส คหปติโน อาวาสิโก โหตี’’ติอาทิ. ตตฺถ ธุวภตฺติโกติ นิจฺจภตฺติโก.
อปเรน สมเยน จิตฺตสฺส คุณกถํ สุตฺวา ภิกฺขุสหสฺเสน สทฺธึ ทฺเว อคฺคสาวกา ตสฺส สงฺคหํ กตฺตุกามา มจฺฉิกาสณฺฑํ อคมํสุ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา เถรา’’ติอาทิ. จิตฺโต คหปติ เตสํ อาคมนํ สุตฺวา อทฺธโยชนมตฺตํ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา เต อาทาย อตฺตโน วิหารํ ปเวเสตฺวา อาคนฺตุกวตฺตํ กตฺวา ‘‘ภนฺเต, โถกํ ธมฺมกถํ โสตุกาโมมฺหี’’ติ ธมฺมเสนาปตึ ยาจิ. อถ นํ เถโร ‘‘อุปาสก, อทฺธาเนนามฺหา กิลนฺตรูปา, อปิจ โถกํ สุณาหี’’ติ ตสฺส ธมฺมกถํ กเถสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข จิตฺตํ คหปตึ อายสฺมา สาริปุตฺโต ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสสี’’ติอาทิ. โส เถรสฺส ธมฺมกถํ สุณนฺโตว อนาคามิผลํ ปาปุณิ.
๔๑. นาสกฺขิ จิตฺตํ คหปตึ ขมาเปตุนฺติ โส ตตฺถ คนฺตฺวา ‘‘คหปติ, มยฺหเมว โส โทโส ¶ , ขมาหิ เม’’ติ วตฺวาปิ ‘‘นาหํ ขมามี’’ติ เตน ปฏิกฺขิตฺโต มงฺกุภูโต ตํ ขมาเปตุํ นาสกฺขิ. ปุนเทว สตฺถุ สนฺติกํ ปจฺจาคมาสิ. สตฺถา ‘‘นาสฺส อุปาสโก ขมิสฺสตี’’ติ ชานนฺโตปิ ‘‘มานถทฺโธ เอส ตึสโยชนํ คนฺตฺวาว ปจฺจาคจฺฉตู’’ติ ขมนุปายํ อนาจิกฺขิตฺวาว อุยฺโยเชสิ. อถสฺส ปุน อาคตกาเล นิหตมานสฺส อนุทูตํ ทตฺวา ‘‘คจฺฉ, อิมินา สทฺธึ คนฺตฺวา อุปาสกํ ขมาเปหี’’ติ วตฺวา ‘‘สมเณน นาม ‘มยฺหํ วิหาโร, มยฺหํ นิวาสฏฺานํ, มยฺหํ อุปาสโก, มยฺหํ อุปาสิกา’ติ มานํ วา อิสฺสํ วา กาตุํ น วฏฺฏติ. เอวํ กโรนฺตสฺส หิ อิจฺฉามานาทโย กิเลสา วฑฺฒนฺตี’’ติ โอวทนฺโต –
‘‘อสนฺตํ ¶ ภาวนมิจฺเฉยฺย, ปุเรกฺขารฺจ ภิกฺขุสุ;
อาวาเสสุ จ อิสฺสริยํ, ปูชา ปรกุเลสุ จ.
‘‘มเมว กต มฺนฺตุ, คิหี ปพฺพชิตา อุโภ;
มเมวาติวสา อสฺสุ, กิจฺจากิจฺเจสุ กิสฺมิจิ;
อิติ พาลสฺส สงฺกปฺโป, อิจฺฉา มาโน จ วฑฺฒตี’’ติ. (ธ. ป. ๗๓-๗๔) –
ธมฺมปเท อิมา คาถา อภาสิ.
สุธมฺมตฺเถโรปิ อิมํ โอวาทํ สุตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อุฏฺายาสนา ปทกฺขิณํ กตฺวา เตน อนุทูเตน ภิกฺขุนา สทฺธึ คนฺตฺวา อุปาสกสฺส จกฺขุปเถ อาปตฺตึ ปฏิกริตฺวา อุปาสกํ ขมาเปสิ. โส อุปาสเกน ‘‘ขมามหํ ภนฺเต, สเจ มยฺหํ โทโส อตฺถิ, ขมถ เม’’ติ ปฏิขมาปิโต สตฺถารา ทินฺนโอวาเท ตฺวา กติปาเหเนว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ.
อาปตฺติยา อทสฺสเน อุกฺเขปนียกมฺมกถาวณฺณนา
๕๐. ตสฺสา อทสฺสเนเยว กมฺมํ กาตพฺพนฺติ ตสฺสา อทสฺสเนเยว อุกฺเขปนียกมฺมํ กาตพฺพํ. ตชฺชนียาทิกมฺมํ ปน อาปตฺตึ อาโรเปตฺวา ตสฺสา อทสฺสเน อปฺปฏิกมฺเม วา ภณฺฑนการกาทิองฺเคหิ กาตพฺพํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
กมฺมกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.