📜
๕. ขุทฺทกวตฺถุกฺขนฺธกํ
ขุทฺทกวตฺถุกถาวณฺณนา
๒๔๓. ขุทฺทกวตฺถุกฺขนฺธเก ¶ ¶ อฏฺปทากาเรนาติ อฏฺปทผลกากาเรน, ชูตผลกสทิสนฺติ วุตฺตํ โหติ. มลฺลกมูลสณฺาเนนาติ เขฬมลฺลกมูลสณฺาเนน.
๒๔๕. มุตฺโตลมฺพกาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน กุณฺฑลาทึ สงฺคณฺหาติ. ปลมฺพกสุตฺตนฺติ ยฺโปจิตากาเรน โอลมฺพกสุตฺตํ.
๒๔๘. สาธุคีตนฺติ อนิจฺจตาทิปฏิสํยุตฺตคีตํ.
๒๔๙. จตุรสฺเสน วตฺเตนาติ ปริปุณฺเณน อุจฺจารณวตฺเตน. ตรงฺควตฺตาทีนํ อุจฺจารณวิธานานิ นฏฺปฺปโยคานิ. พาหิรโลมินฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส, ยถา ตสฺส อุณฺณปาวารสฺส พหิทฺธา โลมานิ ทิสฺสนฺติ, ตถา ธาเรนฺตสฺส ทุกฺกฏนฺติ วุตฺตํ โหติ.
๒๕๑. อิมานิ จตฺตาริ อหิราชกุลานีติ (อ. นิ. อฏฺ. ๒.๔.๖๗) อิทํ ทฏฺวิเส สนฺธาย วุตฺตํ. เย หิ เกจิ ทฏฺวิสา, สพฺเพ เต อิเมสํ จตุนฺนํ อหิราชกุลานํ อพฺภนฺตรคตาว โหนฺติ. อตฺตคุตฺติยาติ อตฺตโน คุตฺตตฺถาย. อตฺตรกฺขายาติ อตฺตโน รกฺขณตฺถาย. อตฺตปริตฺตํกาตุนฺติ อตฺตโน ปริตฺตาณตฺถาย อตฺตปริตฺตํ นาม กาตุํ อนุชานามีติ อตฺโถ.
อิทานิ ยถา ตํ ปริตฺตํ กาตพฺพํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอวฺจ ปน ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ¶ (ชา. อฏฺ. ๒.๒.๑๐๕) วิรูปกฺเขหีติ วิรูปกฺขนาคกุเลหิ. เสเสสุปิ เอเสว นโย. สหโยเค เจตํ กรณวจนํ, เอเตหิ สห มยฺหํ มิตฺตภาโวติ วุตฺตํ โหติ อปาทเกหีติ อปาทกสตฺเตหิ. เสเสสุปิ เอเสว นโย. สพฺเพ สตฺตาติ อิโต ปุพฺเพ เอตฺตเกน าเนน ¶ โอทิสฺสกเมตฺตํ กเถตฺวา อิทานิ อโนทิสฺสกเมตฺตํ กเถตุํ อิทมารทฺธํ. ตตฺถ สตฺตา ปาณา ภูตาติ สพฺพาเนตานิ ปุคฺคลเววจนาเนว. ภทฺรานิ ปสฺสนฺตูติ ภทฺรานิ อารมฺมณานิ ปสฺสนฺตุ. มา กฺจิ ปาปมาคมาติ กฺจิ สตฺตํ ปาปกํ ลามกํ มา อาคจฺฉตุ.
อปฺปมาโณ พุทฺโธติ เอตฺถ พุทฺโธติ พุทฺธคุณา เวทิตพฺพา, เต หิ อปฺปมาณา นาม. เสสทฺวเยสุปิ เอเสว นโย, ปมาณวนฺตานีติ คุณปฺปมาเณน ยุตฺตานิ. อุณฺณนาภีติ โลมสนาภิโก มกฺกฏโก. สรพูติ ฆรโคฬิกา. กตา เม รกฺขา กตํ เม ปริตฺตนฺติ มยา เอตฺตกสฺส ชนสฺส รกฺขา จ ปริตฺตาณฺจ กตํ. ปฏิกฺกมนฺตุ ภูตานีติ สพฺเพปิ เม กตปริตฺตาณา สตฺตา อปคจฺฉนฺตุ, มา มํ วิเหยึสูติ อตฺโถ. โสหนฺติ ยสฺส มม เอเตหิ สพฺเพหิปิ เมตฺตํ, โส อหํ ภควโต นโม กโรมิ, วิปสฺสีอาทีนฺจ สตฺตนฺนํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ นโม กโรมีติ สมฺพนฺโธ.
อฺมฺหิ เฉตพฺพมฺหีติ ราคานุสยํ สนฺธาย วทติ. ตาทิสํ วา ทุกฺขนฺติ มุฏฺิอาทีหิ ทุกฺขํ อุปฺปาเทนฺตสฺส.
๒๕๒. ชาลานิ ปริกฺขิปาเปตฺวาติ ปริสฺสยโมจนตฺถฺเจว ปมาเทน คฬิตานํ อาภรณาทีนํ รกฺขณตฺถฺจ ชาลานิ กรณฺฑกากาเรน ปริกฺขิปาเปตฺวา. จนฺทนคณฺิ อาคนฺตฺวา ชาเล ลคฺคาติ เอโก กิร รตฺตจนฺทนรุกฺโข คงฺคาย อุปริตีเร ชาโต คงฺโคทเกน โธตมูโล ปติตฺวา ตตฺถ ตตฺถ ปาสาเณสุ สมฺภิชฺชมาโน วิปฺปกิริ. ตโต เอกา ฆฏปฺปมาณา ฆฏิกา ปาสาเณสุ ฆํสิยมานา อุทกอูมีหิ โปถิยมานา มฏฺา หุตฺวา อนุปุพฺเพน วุยฺหมานา เสวาลปริโยนทฺธา อาคนฺตฺวา ตสฺมึ ชาเล ลคฺคิ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. เลขนฺติ ลิขิตคหิตํ จุณฺณํ. อุฑฺฑิตฺวาติ เวฬุปรมฺปราย อุทฺธํ ปาเปตฺวา, อุฏฺาเปตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. โอหรตูติ อิทฺธิยา โอตาเรตฺวา คณฺหตุ.
ปูรณกสฺสปาทโย ฉ สตฺถาโร. ตตฺถ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๕๑-๑๕๒; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๓๑๒) ปูรโณติ ตสฺส สตฺถุปฏิฺสฺส นามํ. กสฺสโปติ โคตฺตํ. โส กิร อฺตรสฺส กุลสฺส เอกูนทาสสตํ ปูรยมาโน ชาโต. เตนสฺส ‘‘ปูรโณ’’ติ นามํ อกํสุ. มงฺคลทาสตฺตา ¶ จสฺส กตํ ‘‘ทุกฺกฏ’’นฺติ วตฺตา นตฺถิ, อกตํ วา ‘‘น กต’’นฺติ ¶ . โส ‘‘กิมหํ เอตฺถ วสามี’’ติ ปลายิ. อถสฺส โจรา วตฺถานิ อจฺฉินฺทึสุ. โส ปณฺเณน วา ติเณน วา ปฏิจฺฉาเทตุมฺปิ อชานนฺโต ชาตรูเปเนว เอกํ คามํ ปาวิสิ. มนุสฺสา ตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ สมโณ อรหา อปฺปิจฺโฉ, นตฺถิ อิมินา สทิโส’’ติ ปูวภตฺตาทีนิ คเหตฺวา อุปสงฺกมนฺติ. โส ‘‘มยฺหํ สาฏกํ อนิวตฺถภาเวน อิทํ อุปฺปนฺน’’นฺติ ตโต ปฏฺาย สาฏกํ ลภิตฺวาปิ น นิวาเสสิ, ตเทว ปพฺพชฺชํ อคฺคเหสิ. ตสฺส สนฺติเก อฺเปิ อฺเปีติ ปฺจสตา มนุสฺสา ปพฺพชึสุ. เอวมยํ คณาจริโย หุตฺวา ‘‘สตฺถา’’ติ โลเก ปากโฏ อโหสิ.
มกฺขลีติ ตสฺส นามํ. โคสาลาย ชาตตฺตา โคสาโลติ ทุติยนามํ. ตํ กิร สกทฺทมาย ภูมิยา เตลฆฏํ คเหตฺวา คจฺฉนฺตํ ‘‘ตาต มา ขลี’’ติ สามิโก อาห. โส ปมาเทน ขลิตฺวา ปติตฺวา สามิกสฺส ภเยน ปลายิตุํ อารทฺโธ. สามิโก อุปธาวิตฺวา สาฏกกณฺเณ อคฺคเหสิ, โส สาฏกํ ฉฑฺเฑตฺวา อเจลโก หุตฺวา ปลายิ. เสสํ ปูรณสทิสเมว.
อชิโตติ ตสฺส นามํ. เกสกมฺพลํ ธาเรตีติ เกสกมฺพโล. อิติ นามทฺวยํ สํสนฺทิตฺวา ‘‘อชิโต เกสกมฺพโล’’ติ วุจฺจติ. ตตฺถ เกสกมฺพโล นาม มนุสฺสานํ เกเสหิ กตกมฺพโล. ตโต ปฏิกิฏฺตรํ วตฺถํ นาม นตฺถิ. ยถาห ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ยานิ กานิจิ ตนฺตาวุตานํ วตฺถานํ, เกสกมฺพโล เตสํ ปฏิกิฏฺโ อกฺขายติ. เกสกมฺพโล, ภิกฺขเว, สีเต สีโต อุณฺเห อุณฺโห ทุพฺพณฺโณ ทุคฺคนฺโธ ทุกฺขสมฺผสฺโส’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๓๘).
ปกุโธติ ตสฺส นามํ. กจฺจายโนติ โคตฺตํ. อิติ นามโคตฺตํ สํสนฺทิตฺวา ‘‘ปกุโธ กจฺจายโน’’ติ วุจฺจติ. สีตูทกปฏิกฺขิตฺตโก เอส, วจฺจํ กตฺวาปิ อุทกกิจฺจํ น กโรติ, อุณฺโหทกํ วา กฺชิยํ วา ลภิตฺวา กโรติ, นทึ วา มคฺโคทกํ วา อติกฺกมฺม ‘‘สีลํ เม ภินฺน’’นฺติ วาลิกถูปํ กตฺวา สีลํ อธิฏฺาย คจฺฉติ. เอวรูปนิสฺสิริกลทฺธิโก เอส.
สฺจโยติ ตสฺส นามํ. เพลฏฺสฺส ปุตฺโต เพลฏฺปุตฺโต. ‘‘อมฺหากํ คณฺนกิเลโส ปลิพุนฺธนกิเลโส นตฺถิ, กิเลสคณฺิรหิตา มย’’นฺติ ¶ เอวํวาทิตาย ลทฺธนามวเสน นิคณฺโ. นาฏสฺส ปุตฺโตติ นาฏปุตฺโต.
ปิณฺโฑลภารทฺวาโชติ ¶ (อุทา. อฏฺ. ๓๖) ปิณฺฑํ อุลมาโน ปริเยสมาโน ปพฺพชิโตติ ปิณฺโฑโล. โส กิร ปริชิณฺณโภโค พฺราหฺมโณ หุตฺวา มหนฺตํ ภิกฺขุสงฺฆสฺส ลาภสกฺการํ ทิสฺวา ปิณฺฑตฺถาย นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิโต. โส มหนฺตํ กปลฺลปตฺตํ ‘‘ปตฺต’’นฺติ คเหตฺวา จรติ, กปลฺลปูรํ ยาคุํ ปิวติ, ภตฺตํ ภฺุชติ, ปูวขชฺชกฺจ ขาทติ. อถสฺส มหคฺฆสภาวํ สตฺถุ อาโรจยึสุ. สตฺถา ตสฺส ปตฺตตฺถวิกํ นานุชานิ. เถโร เหฏฺามฺเจ ปตฺตํ นิกุชฺชิตฺวา เปติ. โส เปนฺโตปิ ฆํเสนฺโตว ปณาเมตฺวา เปติ, คณฺหนฺโตปิ ฆํเสนฺโตว อากฑฺฒิตฺวา คณฺหาติ. ตํ คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล ฆํสเนน ปริกฺขีณํ นาฬิโกทนมตฺตสฺเสว คณฺหนกํ ชาตํ. ตโต สตฺถุ อาโรเจสุํ. อถสฺส สตฺถา ปตฺตตฺถวิกํ อนุชานิ. เถโร อปเรน สมเยน อินฺทฺริยภาวนํ ภาเวนฺโต อคฺคผเล อรหตฺเต ปติฏฺาสิ. อิติ โส ปุพฺเพ สวิเสสํ ปิณฺฑตฺถาย อุลตีติ ปิณฺโฑโล. โคตฺเตน ปน ภารทฺวาโชติ อุภยํ เอกโต กตฺวา ‘‘ปิณฺโฑลภารทฺวาโช’’ติ วุจฺจติ.
‘‘อถ โข อายสฺมา ปิณฺโฑลภารทฺวาโช…เป… เอตทโวจา’’ติ กสฺมา เอวมาหํสุ? โส กิร (ธ. ป. อฏฺ. ๒.๑๘๐ เทโวโรหณวตฺถุ) เสฏฺิ เนว สมฺมาทิฏฺิ, น มิจฺฉาทิฏฺิ, มชฺฌตฺตธาตุโก. โส จินฺเตสิ ‘‘มยฺหํ เคเห จนฺทนํ พหุ, กึ นุ โข อิมินา กริสฺสามี’’ติ. อถสฺส เอตทโหสิ ‘‘อิมสฺมึ โลเก ‘มยํ อรหนฺโต, มยํ อรหนฺโต’ติ วตฺตาโร พหู, อหํ เอกํ อรหนฺตมฺปิ น ชานามิ, เคเห ภมํ โยเชตฺวา ปตฺตํ ลิขาเปตฺวา สิกฺกาย เปตฺวา เวฬุปรมฺปราย สฏฺิหตฺถมตฺเต อากาเส โอลมฺพาเปตฺวา ‘สเจ อรหา อตฺถิ, อากาเสนาคนฺตฺวา คณฺหาตู’ติ วกฺขามิ. โย ตํ คเหสฺสติ, ตสฺส สปุตฺตทาโร สรณํ คมิสฺสามี’’ติ. โส จินฺติตนิยาเมเนว ปตฺตํ ลิขาเปตฺวา เวฬุปรมฺปราย อุสฺสาเปตฺวา ‘‘โย อิมสฺมึ โลเก อรหา, โส อากาเสน อาคนฺตฺวา อิมํ ปตฺตํ คณฺหาตู’’ติ อาห.
ตทา ¶ ฉ สตฺถาโร ‘‘อมฺหากํ เอส อนุจฺฉวิโก, อมฺหากเมว นํ เทหี’’ติ วทึสุ. โส ‘‘อากาเสนาคนฺตฺวา คณฺหถา’’ติ อาห. ฉฏฺเ ทิวเส นิคณฺโ นาฏปุตฺโต อนฺเตวาสิเก เปเสสิ ‘‘คจฺฉถ เสฏฺึ เอวํ วเทถ ‘อมฺหากํ อาจริยสฺเสว อนุจฺฉวิโก, มา อปฺปมตฺตกสฺส การณา อากาเสน อาคมนํ กริ, เทหิ กิร เต ปตฺต’นฺติ’’. เต คนฺตฺวา เสฏฺึ ตถา วทึสุ. เสฏฺิ ‘‘อากาเสนาคนฺตฺวา คณฺหิตุํ สมตฺโถว คณฺหาตู’’ติ อาห. นาฏปุตฺโต สยํ คนฺตุกาโม หุตฺวา อนฺเตวาสิกานํ สฺํ อทาสิ ‘‘อหํ เอกํ หตฺถฺจ ปาทฺจ อุกฺขิปิตฺวา อุปฺปติตุกาโม วิย ภวิสฺสามิ, ตุมฺเห มํ ‘อาจริย กึ กโรถ, ทารุมยปตฺตสฺส การณา ปฏิจฺฉนฺนํ อรหตฺตคุณํ มหาชนสฺส มา ทสฺสยิตฺถา’ติ วตฺวา มํ หตฺเถสุ จ ปาเทสุ จ คเหตฺวา อากฑฺฒนฺตา ¶ ภูมิยํ ปาเตยฺยาถา’’ติ. โส ตตฺถ คนฺตฺวา เสฏฺึ อาห ‘‘มหาเสฏฺิ อยํ ปตฺโต อฺเสํ นานุจฺฉวิโก, มา เต อปฺปมตฺตกสฺส การณา มม อากาเส อุปฺปตนํ รุจฺจิ, เทหิ เม ปตฺต’’นฺติ. ภนฺเต, อากาเสน อุปฺปติตฺวาว คณฺหถาติ. ตโต นาฏปุตฺโต ‘‘เตน หิ อเปถ อเปถา’’ติ อนฺเตวาสิเก อปเนตฺวา ‘‘อากาเส อุปฺปติสฺสามี’’ติ เอกํ หตฺถฺจ ปาทฺจ อุกฺขิปิ. อถ นํ อนฺเตวาสิกา ‘‘อาจริย, กึ นาเมตํ กโรถ, ฉวสฺส ทารุมยปตฺตสฺส การณา ปฏิจฺฉนฺนคุเณน ตุมฺเหหิ มหาชนสฺส ทสฺสิเตน โก อตฺโถ’’ติ ตํ หตฺถปาเทสุ คเหตฺวา อากฑฺฒิตฺวา ภูมิยํ ปาเตสุํ. โส เสฏฺึ อาห ‘‘มหาเสฏฺิ, อิเม เม อุปฺปติตุํ น เทนฺติ, เทหิ เม ปตฺต’’นฺติ. อุปฺปติตฺวาว คณฺหถ ภนฺเตติ. เอวํ ติตฺถิยา ฉ ทิวสานิ วายมิตฺวาปิ ปตฺตํ น ลภึสุเยว.
อถ สตฺตเม ทิวเส อายสฺมโต จ โมคฺคลฺลานสฺส อายสฺมโต จ ปิณฺโฑลภารทฺวาชสฺส ‘‘ราชคเห ปิณฺฑาย จริสฺสามา’’ติ คนฺตฺวา เอกสฺมึ ปิฏฺิปาสาเณ ตฺวา จีวรํ ปารุปนกาเล ธุตฺตกา กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘หมฺโภ ปุพฺเพ ฉ สตฺถาโร ‘มยํ อรหนฺตามฺหา’ติ วิจรึสุ, ราชคหเสฏฺิโน ปน อชฺช สตฺตโม ทิวโส ปตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา ปยโต ‘สเจ อรหา อตฺถิ, อากาเสนาคนฺตฺวา คณฺหาตู’ติ วทนฺตสฺส, เอโกปิ ‘อหํ อรหา’ติ อากาเส อุปฺปตนฺโต นตฺถิ, อชฺช โน โลเก อรหนฺตานํ นตฺถิภาโว าโต’’ติ. ตํ กถํ สุตฺวา อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน อายสฺมนฺตํ ปิณฺโฑลภารทฺวาชํ ¶ อาห ‘‘สุตํ เต, อาวุโส ภารทฺวาช, อิเมสํ วจนํ, อิเม พุทฺธสาสนํ ปริคฺคณฺหนฺตา วิย วทนฺติ, ตฺวฺจ มหิทฺธิโก มหานุภาโว, คจฺเฉตํ ปตฺตํ อากาเสน คนฺตฺวา คณฺหาหี’’ติ. ‘‘อาวุโส โมคฺคลฺลาน, ตฺวํ ‘อิทฺธิมนฺตานํ อคฺโค’ติ ปากโฏ, ตฺวํ เอตํ คณฺห, ตยิ ปน อคฺคณฺหนฺเต อหํ คณฺหิสฺสามี’’ติ อาห. อถ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ‘‘คณฺหาวุโส’’ติ อาห. อิติ เต โลกสฺส อรหนฺเตหิ อสฺุภาวทสฺสนตฺถํ เอวมาหํสุ.
ติกฺขตฺตุํ ราชคหํ อนุปริยายีติ ติกฺขตฺตุํ ราชคหํ อนุคนฺตฺวา ปริพฺภมิ. ‘‘สตฺตกฺขตฺตุ’’นฺติปิ วทนฺติ. เถโร กิร อภิฺาปาทกํ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา อุฏฺาย ติคาวุตํ ปิฏฺิปาสาณํ อนฺตนฺเตน ปริจฺฉินฺทนฺโต ตูลปิจุ วิย อากาเส อุฏฺาเปตฺวา ราชคหนครสฺส อุปริ สตฺตกฺขตฺตุํ อนุปริยายิ. โส ติคาวุตปฺปมาณสฺส นครสฺส อปิธานํ วิย ปฺายิ. นครวาสิโน ‘‘ปาสาโณ โน อวตฺถริตฺวา คณฺหาตี’’ติ ภีตา สุปฺปาทีนิ มตฺถเก กตฺวา ตตฺถ ตตฺถ นิลียึสุ. สตฺตเม วาเร เถโร ปิฏฺิปาสาณํ ภินฺทิตฺวา อตฺตานํ ทสฺเสติ. มหาชโน เถรํ ทิสฺวา ‘‘ภนฺเต ปิณฺโฑลภารทฺวาช, ตว ปาสาณํ คาฬฺหํ กตฺวา คณฺห, มา ¶ โน สพฺเพ นาสยี’’ติ อาห. เถโร ปาสาณํ ปาทนฺเตน ขิปิตฺวา วิสฺสชฺเชสิ. โส คนฺตฺวา ยถาาเนเยว ปติฏฺาสิ. เถโร เสฏฺิสฺส เคหมตฺถเก อฏฺาสิ. ตํ ทิสฺวา เสฏฺิ อุเรน นิปชฺชิตฺวา ‘‘โอตร สามี’’ติ วตฺวา อากาสโต โอติณฺณํ เถรํ นิสีทาเปตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา จตุมธุรปุณฺณํ กตฺวา เถรสฺส อทาสิ. เถโร ปตฺตํ คเหตฺวา วิหาราภิมุโข ปายาสิ. อถสฺส เย อรฺคตา ปาฏิหาริยํ นาทฺทสํสุ, เต สนฺนิปติตฺวา ‘‘ภนฺเต, อมฺหากมฺปิ ปาฏิหาริยํ ทสฺเสหี’’ติ เถรํ อนุพนฺธึสุ. โส เตสํ เตสํ ปาฏิหาริยํ ทสฺเสนฺโต วิหารํ อคมาสิ. สตฺถา ตํ อนุพนฺธิตฺวา อุนฺนาเทนฺตสฺส มหาชนสฺส สทฺทํ สุตฺวา ‘‘อานนฺท, กสฺเสโส สทฺโท’’ติ ปุจฺฉิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อสฺโสสิ โข ภควา…เป… กึ นุ โข โส, อานนฺท, อุจฺจาสทฺโท มหาสทฺโท’’ติ.
วิกุพฺพนิทฺธิยา ปาฏิหาริยํ ปฏิกฺขิตฺตนฺติ เอตฺถ วิกุพฺพนิทฺธิ นาม ‘‘โส ปกติวณฺณํ วิชหิตฺวา กุมารกวณฺณํ วา ทสฺเสติ นาควณฺณํ วา, วิวิธมฺปิ เสนาพฺยูหํ ทสฺเสตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๓) เอวมาคตา ปกติวณฺณวิชหนวิการวเสน ปวตฺตา ¶ อิทฺธิ. อธิฏฺานิทฺธิ ปน ‘‘ปกติยา เอโก พหุกํ อาวชฺชติ สตํ วา สหสฺสํ วา สตสหสฺสํ วา, อาวชฺชิตฺวา าเณน อธิฏฺาติ ‘พหุโก โหมี’’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๐ ทสอิทฺธินิทฺเทส) เอวํ วิภชิตฺวา ทสฺสิตา อธิฏฺานวเสน นิปฺผนฺนา อิทฺธิ.
๒๕๓-๒๕๔. น อจฺฉุปิยนฺตีติ น สุผสฺสิตานิ โหนฺติ. รูปกากิณฺณานีติ อิตฺถิรูปาทีหิ อากิณฺณานิ. ภูมิอาธารเกติ วลยาธารเก. ทารุอาธารกทณฺฑาธารเกสูติ เอกทารุนา กตอาธารเก พหูหิ ทณฺฑเกหิ กตอาธารเก วาติ อตฺโถ, ตีหิ ทณฺเฑหิ กโต ปน น วฏฺฏติ. ภูมิยํ ปน นิกฺกุชฺชิตฺวา เอกเมว เปตพฺพนฺติ เอตฺถ ทฺเว เปนฺเตน อุปริ ปิตปตฺตํ เอเกน ปสฺเสน ภูมิยํ ผุสาเปตฺวา เปตุํ วฏฺฏตีติ วทนฺติ. อาลินฺทกมิฑฺฒิกาทีนนฺติ ปมุขมิฑฺฒิกานํ. ปริวตฺติตฺวา ตตฺเถว ปติฏฺาตีติ เอตฺถ ‘‘ปริวตฺติตฺวา ตติยวาเร ตตฺเถว มิฑฺฒิยา ปติฏฺาตี’’ติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. ปริภณฺฑํ นาม เคหสฺส พหิ กุฏฺฏปาทสฺส ถิรภาวตฺถํ กตา ตนุกมิฑฺฒิกา วุจฺจติ. ตนุกมิฑฺฒิกายาติ ขุทฺทกมิฑฺฒิกาย. มิฑฺฒนฺเตปิ อาธารเก เปตุํ วฏฺฏติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อาธารก’’นฺติ หิ วจนโต มิฑฺฒาทีสุ ยตฺถ กตฺถจิ อาธารกํ เปตฺวา ตตฺถ ปตฺตํ เปตุํ วฏฺฏติ อาธารเก ปโนกาสสฺส อนิยมิตตฺตาติ วทนฺติ. ‘‘ปตฺตมาโฬ นาม วฏฺเฏตฺวา ปตฺตานํ อคมนตฺถํ วฏฺฏํ วา จตุรสฺสํ วา อิฏฺกาทีหิ ปริกฺขิปิตฺวา กโต’’ติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ.
๒๕๕. ฆฏิกนฺติ อุปริ โยชิตํ อคฺคฬํ. ตาวกาลิกํ ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏตีติ สกิเทว คเหตฺวา ¶ เตน อามิสํ ปริภฺุชิตฺวา ฉฑฺเฑตุํ วฏฺฏตีติ อธิปฺปาโย. ฆฏิกฏาเหติ ภาชนกปาเล. อภุํ เมติ เอตฺถ ภวตีติ ภู, วฑฺฒิ. น ภูติ อภู, อวฑฺฒิ. ภยวเสน ปน สา อิตฺถี ‘‘อภุ’’นฺติ อาห, วินาโส มยฺหนฺติ อตฺโถ. ฉวสีสสฺส ปตฺตนฺติ ฉวสีสมยํ ปตฺตํ. ปกติวิการสมฺพนฺเธ เจตํ สามิวจนํ, อเภเทปิ วา เภทูปจาเรนายํ โวหาโร ‘‘สิลาปุตฺตกสฺส สรีร’’นฺติอาทีสุ วิย.
จพฺเพตฺวาติ ขาทิตฺวา. เอกํ อุทกคณฺฑุสํ คเหตฺวาติ วามหตฺเถเนว ปตฺตํ อุกฺขิปิตฺวา มุเขน คณฺฑุสํ คเหตฺวา. อุจฺฉิฏฺหตฺเถนาติ สามิเสน หตฺเถน. เอตฺตาวตาติ เอกคณฺฑุสคหณมตฺเตน. ลฺุจิตฺวาติ ตโต มํสํ ¶ อุทฺธริตฺวา. เอเตสุ สพฺเพสุ ปณฺณตฺตึ ชานาตุ วา มา วา, อาปตฺติเยว.
๒๕๖. กิณฺณจุณฺเณนาติ สุรากิณฺณจุณฺเณน. ‘‘อนุวาตํ ปริภณฺฑนฺติ กิลฺชาทีสุ กโรนฺตี’’ติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. พิทลกนฺติ ทุคุณกรณสงฺขาตสฺส กิริยาวิเสสสฺส อธิวจนํ. กสฺส ทุคุณกรณํ? เยน กิลฺชาทินา มหนฺตํ กถินํ อตฺถตํ, ตสฺส. ตฺหิ ทณฺฑกถินปฺปมาเณน ปริยนฺเต สํหริตฺวา ทุคุณํ กาตพฺพํ. ปฏิคฺคหนฺติ องฺคุลิกฺจุกํ.
๒๕๗-๒๕๙. ปาติ นาม ปฏิคฺคหณสณฺาเนน กโต ภาชนวิเสโส. น สมฺมตีติ นปฺปโหติ.
๒๖๐-๒๖๒. นีจวตฺถุกํ จินิตุนฺติ พหิกุฏฺฏสฺส สมนฺตโต นีจวตฺถุกํ กตฺวา จินิตุํ. อรหฏฆฏิยนฺตํ นาม สกฏจกฺกสณฺานํ อเร อเร ฆฏิกานิ พนฺธิตฺวา เอเกน ทฺวีหิ วา ปริพฺภมิยมานํ ยนฺตํ.
๒๖๓. อาวิทฺธปกฺขปาสกนฺติ กณฺณิกมณฺฑลสฺส สมนฺตา ปิตปกฺขปาสกํ. มณฺฑเลติ กณฺณิกมณฺฑเล. ปกฺขปาสเก เปตฺวาติ สมนฺตา ปกฺขปาสกผลกานิ เปตฺวา.
๒๖๔. ‘‘นมตกํ สนฺถตสทิส’’นฺติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. จมฺมขณฺฑปริหาเรน ปริภฺุชิตพฺพนฺติ อนธิฏฺหิตฺวา ปริภฺุชิตพฺพํ. เอตฺเถว ปวิฏฺานีติ มโฬริกาย เอว อนฺโตคธานิ. ปุพฺเพ ปตฺตสงฺโคปนตฺถํ อาธารโก อนฺุาโต, อิทานิ ภฺุชนตฺถํ.
๒๖๕. นิกฺกุชฺชิตพฺโพติ ¶ เตน ทินฺนสฺส เทยฺยธมฺมสฺส อปฺปฏิคฺคหณตฺถํ ปตฺตนิกฺกุชฺชนกมฺมวาจาย นิกฺกุชฺชิตพฺโพ, น อโธมุขปเนน. เตเนวาห ‘‘เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, นิกฺกุชฺชิตพฺโพ’’ติอาทิ. อลาภายาติ จตุนฺนํ ปจฺจยานํ อลาภตฺถาย. อนตฺถายาติ อุปทฺทวาย อวฑฺฒิยา.
๒๖๖. ปสาเทสฺสามาติ อายาจิสฺสาม. เอตทโวจาติ ‘‘อปฺปติรูปํ มยา กตํ, ภควา ปน มหนฺเตปิ อคุเณ อจินฺเตตฺวา มยฺหํ อจฺจยํ ปฏิคฺคณฺหิสฺสตี’’ติ มฺมาโน เอตํ ‘‘อจฺจโย มํ ภนฺเต’’ติอาทิวจนํ อโวจ ¶ . ตตฺถ ายปฏิปตฺตึ อติจฺจ เอติ ปวตฺตตีติ อจฺจโย, อปราโธ. มํ อจฺจคมาติ มํ อติกฺกมฺม อภิภวิตฺวา ปวตฺโต. ปุริเสน มทฺทิตฺวา อภิภวิตฺวา ปวตฺติโตปิ หิ อปราโธ อตฺถโต ปุริสํ อติจฺจ อภิภวิตฺวา ปวตฺโต นาม โหติ. ปฏิคฺคณฺหาตูติ ขมตุ. อายตึ สํวรายาติ อนาคเต สํวรณตฺถาย ปุน เอวรูปสฺส อปราธสฺส โทสสฺส ขลิตสฺส อกรณตฺถาย. ตคฺฆาติ เอกํเสน. ยถาธมฺมํ ปฏิกโรสีติ ยถา ธมฺโม ิโต, ตเถว กโรสิ, ขมาเปสีติ วุตฺตํ โหติ. ตํ เต มยํ ปฏิคฺคณฺหามาติ ตํ ตว อปราธํ มยํ ขมาม. วุฑฺฒิ เหสา, อาวุโส วฑฺฒ, อริยสฺส วินเยติ เอสา, อาวุโส วฑฺฒ, อริยสฺส วินเย พุทฺธสฺส ภควโต สาสเน วุฑฺฒิ นาม. กตมา? อจฺจยํ อจฺจยโต ทิสฺวา ยถาธมฺมํ ปฏิกริตฺวา อายตึ สํวราปชฺชนา. เทสนํ ปน ปุคฺคลาธิฏฺานํ กโรนฺโต ‘‘โย อจฺจยํ อจฺจยโต ทิสฺวา ยถาธมฺมํ ปฏิกโรติ, อายตึ สํวรํ อาปชฺชตี’’ติ อาห.
๒๖๘. โพธิราชกุมารวตฺถุมฺหิ (ม. นิ. อฏฺ. ๒.๓๒๔ อาทโย) โกกนโทติ โกกนทํ วุจฺจติ ปทุมํ, โส จ มงฺคลปาสาโท โอโลกนปทุมํ ทสฺเสตฺวา กโต, ตสฺมา ‘‘โกกนโท’’ติ สงฺขํ ลภิ. ยาว ปจฺฉิมโสปานกเฬวราติ เอตฺถ ปจฺฉิมโสปานกเฬวรนฺติ ปมโสปานผลกํ วุตฺตํ ตสฺส สพฺพปจฺฉา ทุสฺเสน สนฺถตตฺตา. อุปริมโสปานผลกโต ปฏฺาย หิ โสปานํ สนฺถตํ. อทฺทสา โขติ โอโลกนตฺถํเยว ทฺวารโกฏฺเก ิโต อทฺทส.
ภควา ตุณฺหี อโหสีติ ‘‘กิสฺส นุ โข อตฺถาย ราชกุมาเรน อยํ มหาสกฺกาโร กโต’’ติ อาวชฺเชนฺโต ปุตฺตปตฺถนาย กตภาวํ อฺาสิ. โส หิ ราชปุตฺโต อปุตฺตโก. สุตฺจาเนน อโหสิ ‘‘พุทฺธานํ กิร อธิการํ กตฺวา มนสา อิจฺฉิตํ ลภนฺตี’’ติ. โส ‘‘สจาหํ ปุตฺตํ ลภิสฺสามิ, สมฺมาสมฺพุทฺโธ อิมํ เจลปฏิกํ อกฺกมิสฺสติ. โน เจ ลภิสฺสามิ, น อกฺกมิสฺสตี’’ติ ปตฺถนํ กตฺวา สนฺถราเปสิ. อถ ภควา ‘‘นิพฺพตฺติสฺสติ นุ โข เอตสฺส ปุตฺโต’’ติ อาวชฺเชตฺวา ‘‘น นิพฺพตฺติสฺสตี’’ติ อทฺทส. ปุพฺเพ กิร โส เอกสฺมึ ¶ ทีเป วสมาโน ¶ สมานจฺฉนฺเทน สกุณโปตเก ขาทิ. สจสฺส มาตุคาโม ปฺุวา ภเวยฺย, ปุตฺตํ ลเภยฺย. อุโภหิ ปน สมานจฺฉนฺเทหิ หุตฺวา ปาปกมฺมํ กตํ, เตนสฺส ปุตฺโต น นิพฺพตฺติสฺสตีติ อฺาสิ. ทุสฺเส ปน อกฺกนฺเต ‘‘พุทฺธานํ อธิการํ กตฺวา ปตฺถิตํ ลภนฺตีติ โลเก อนุสฺสโว, มยา จ มหาอธิกาโร กโต, น จ ปุตฺตํ ลภามิ, ตุจฺฉํ อิทํ วจน’’นฺติ มิจฺฉาคหณํ คณฺเหยฺย. ติตฺถิยาปิ ‘‘นตฺถิ สมณานํ อกตฺตพฺพํ นาม, เจลปฏิกํ มทฺทนฺตา อาหิณฺฑนฺตี’’ติ อุชฺฌาเยยฺยุํ. เอตรหิ จ อกฺกมนฺเตสุ พหู ภิกฺขู ปรจิตฺตวิทุโน, เต ภพฺพตํ ชานิตฺวา อกฺกมิสฺสนฺติ, อภพฺพตํ ชานิตฺวา น อกฺกมิสฺสนฺติ. อนาคเต ปน อุปนิสฺสโย มนฺโท ภวิสฺสติ, อนาคตํ น ชานิสฺสนฺติ, เตสุ อกฺกมนฺเตสุ สเจ ปตฺถิตํ อิชฺฌิสฺสติ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ อิชฺฌิสฺสติ, ‘‘ปุพฺเพ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อธิการํ กตฺวา อิจฺฉิติจฺฉิตํ ลภนฺติ, อิทานิ น ลภนฺติ, เตเยว มฺเ ภิกฺขู ปฏิปตฺติปูรกา อเหสุํ, อิเม ปน ปฏิปตฺตึ ปูเรตุํ น สกฺโกนฺตี’’ติ มนุสฺสา วิปฺปฏิสาริโน ภวิสฺสนฺตีติ อิเมหิ ตีหิ การเณหิ ภควา อกฺกมิตุํ อนิจฺฉนฺโต ตุณฺหี อโหสิ. ปจฺฉิมํ ชนตํ ตถาคโต อนุกมฺปตีติ อิทํ ปน เถโร วุตฺเตสุ การเณสุ ตติยํ การณํ สนฺธายาห. มงฺคลํ อิจฺฉนฺตีติ มงฺคลิกา.
๒๖๙. พีชนินฺติ จตุรสฺสพีชนึ. ตาลวณฺฏนฺติ ตาลปตฺตาทีหิ กตํ มณฺฑลิกพีชนึ.
๒๗๐-๒๗๕. ‘‘เอกปณฺณจฺฉตฺตํ นาม ตาลปตฺต’’นฺติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. กมฺมสเตนาติ เอตฺถ สต-สทฺโท อเนกปริยาโย, อเนเกน กมฺเมนาติ อตฺโถ, มหตา อุสฺสาเหนาติ วุตฺตํ โหติ. รุธีติ ขุทฺทกวณํ.
๒๗๘. ‘‘อกายพนฺธเนน สฺจิจฺจ อสฺจิจฺจ วา คามปฺปเวสเน อาปตฺติ. สริตฏฺานโต พนฺธิตฺวา ปวิสิตพฺพํ นิวตฺติตพฺพํ วา’’ติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. มุรชวฏฺฏิสณฺานํ เวเตฺวา กตนฺติ พหู รชฺชุเก เอกโต กตฺวา นานาวณฺเณหิ สุตฺเตหิ เวเตฺวา มุรชวฏฺฏิสทิสํ กตํ. เตเนว ทุติยปาราชิกวณฺณนายํ (ปารา. อฏฺ. ๑.๘๕ ปาฬิมุตฺตกวินิจฺฉย) วุตฺตํ ‘‘พหู รชฺชุเก เอกโต กตฺวา เอเกน ¶ นิรนฺตรํ เวเตฺวา กตํ พหุรชฺชุกนฺติ น วตฺตพฺพํ, ตํ วฏฺฏตี’’ติ. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว. มุทฺทิกกายพนฺธนํ นาม จตุรสฺสํ อกตฺวา สชฺชิตํ. ปามงฺคทสา จตุรสฺสา. มุทิงฺคสณฺาเนนาติ วรกสีสากาเรน. ปาสนฺโตติ ทสามูลํ.
๒๘๐-๒๘๒. มุณฺฑวฏฺฏีติ ¶ มลฺลกมฺมกราทโย. ปมาณงฺคุเลนาติ วฑฺฒกีองฺคุลํ สนฺธาย วุตฺตํ. เสสเมตฺถ ปาฬิโต อฏฺกถาโต จ สุวิฺเยฺยเมว.
ขุทฺทกวตฺถุกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.