📜
๗. สงฺฆเภทกกฺขนฺธกํ
ฉสกฺยปพฺพชฺชากถาวณฺณนา
๓๓๐. สงฺฆเภทกกฺขนฺธเก ¶ ¶ อนุปิยายนฺติอาทีสุ ‘‘อนุปิยา นามา’’ติ วตฺตพฺเพ อาการสฺส รสฺสตฺตํ อนุนาสิกสฺส จ อาคมํ กตฺวา ‘‘อนุปิยํ นามา’’ติ วุตฺตํ. มลฺลานนฺติ มลฺลราชูนํ. น เหฏฺา ปาสาทา โอโรหตีติ อุปริปาสาทโต เหฏฺิมตลํ น โอโรหติ, ‘‘เหฏฺาปาสาท’’นฺติปิ ปนฺติ. อนุรุทฺโธ วา ปพฺพาเชยฺยาติ โยเชตพฺพํ. ฆราวาสตฺถนฺติ ฆราวาสสฺส อนุจฺฉวิกํ กมฺมํ. อุทกํ อภิเนตพฺพนฺติ อุทกํ อาหริตพฺพํ. นินฺเนตพฺพนฺติ อาภตมุทกํ ปุน นีหริตพฺพํ. นิทฺธาเปตพฺพนฺติ อนฺตรนฺตรา อุฏฺิตติณานิ อุทฺธริตฺวา อปเนตพฺพํ. ลวาเปตพฺพนฺติ ปริปกฺกกาเล ลวาเปตพฺพํ. อุพฺพาหาเปตพฺพนฺติ ขลมณฺฑลํ หราเปตพฺพํ. อุชุํ การาเปตพฺพนฺติ ปฺุชํ การาเปตพฺพํ. ปลาลานิ อุทฺธราเปตพฺพานีติ ปลาลานิ อปเนตพฺพานิ. ภุสิกา อุทฺธราเปตพฺพาติ คุนฺนํ ขุรคฺเคหิ สฺฉินฺนา ภุสสงฺขาตา นาฬทณฺฑา อปเนตพฺพา. โอปุนาเปตพฺพนฺติ วาตมุเข โอปุนาเปตฺวา ปลาลํ อปเนตพฺพํ. อติหราเปตพฺพนฺติ อนฺโตโกฏฺาคารํ อุปเนตพฺพํ. น กมฺมาติ น กมฺมานิ. ฆราวาสตฺเถนาติ อุปโยคตฺเถ กรณวจนํ. อุปชานาหีติ จ อุปสคฺคมตฺโต อุป-สทฺโท. เตนาห ‘‘ฆราวาสตฺถํ ชานาหี’’ติ. ชานาหีติ เจตฺถ ปฏิปชฺชาติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อกามกาติ อนิจฺฉมานา.
๓๓๑-๓๓๒. ยํ น นิวตฺโตติ ยสฺมา น นิวตฺโต. สฺุาคารคโตติ (อุทา. อฏฺ. ๒๐) ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจ อวเสสํ อรฺ’’นฺติ (ปารา.๙๒) วุตฺตํ อรฺํ รุกฺขมูลฺจ เปตฺวา อฺํ ปพฺพตกนฺทราทิ ปพฺพชิตสารุปฺปํ นิวาสฏฺานํ ชนสมฺพาธาภาวโต อิธ ‘‘สฺุาคาร’’นฺติ อธิปฺเปตํ. อถ วา ฌานกณฺฏกานํ สทฺทานํ อภาวโต วิวิตฺตํ ยํ กิฺจิ อคารมฺปิ ‘‘สฺุาคาร’’นฺติ เวทิตพฺพํ. ตํ สฺุาคารํ อุปคโต. อภิกฺขณนฺติ พหุลํ. อุทานํ อุทาเนสีติ โส หิ อายสฺมา อรฺเ ทิวาวิหารํ อุปคโตปิ รตฺติวาสูปคโตปิ เยภุยฺเยน ผลสมาปตฺติสุเขน นิโรธสมาปตฺติสุเขน จ วีตินาเมสิ, ตสฺมา ¶ ตํ สุขํ สนฺธาย ปุพฺเพ ¶ อตฺตนา อนุภูตํ สภยํ สปริฬาหํ รชฺชสุขํ ชิคุจฺฉิตฺวา ‘‘อโห สุขํ อโห สุข’’นฺติ โสมนสฺสสหิตาณสมุฏฺานํ ปีติสมุคฺคารํ สมุคฺคิรติ. เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุนฺติ เต สมฺพหุลา ภิกฺขู อุลฺลุมฺปนสภาวสณฺิตา ตสฺส อนุคฺคณฺหนาธิปฺปาเยน ภควนฺตํ เอตทโวจุํ, น อุชฺฌานวเสน. นิสฺสํสยนฺติ อสนฺเทเหน, เอกนฺเตนาติ อตฺโถ. เต กิร ภิกฺขู ปุถุชฺชนา ตสฺส อายสฺมโต วิเวกสุขํ สนฺธาย อุทานํ อชานนฺตา เอวมาหํสุ. สมนุสฺสรนฺโตติ อุกฺกณฺนวเสน อนุสฺสรนฺโต.
อฺตรนฺติ นามโคตฺเตน อปากฏํ เอกํ ภิกฺขุํ. อามนฺเตสีติ อาณาเปสิ เต ภิกฺขู สฺาเปตุกาโม. เอวนฺติ วจนสมฺปฏิคฺคเห, สาธูติ อตฺโถ. เอวํ ภนฺเตติ เอตฺถ ปน เอวํ-สทฺโท ปฏิฺายํ. ‘‘อภิกฺขณํ ‘อโห สุขํ อโห สุข’นฺติ อิมํ อุทานํ อุทาเนสี’’ติ ยถา เต ภิกฺขู วทนฺติ, ตํ เอวํ ตเถวาติ อตฺตโน อุทานํ ปฏิชานาติ. ‘‘กึ ปน ตฺวํ ภทฺทิยา’’ติ กสฺมา ภควา ปุจฺฉติ, กึ ตสฺส จิตฺตํ น ชานาตีติ? โน น ชานาติ, เตเนว ปน ตมตฺถํ วทาเปตฺวา เต ภิกฺขู สฺาเปตุํ ปุจฺฉติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ชานนฺตาปิ ตถาคตา ปุจฺฉนฺติ, ชานนฺตาปิ น ปุจฺฉนฺตี’’ติอาทิ (ปารา. ๑๖, ๑๙๔). อตฺถวสนฺติ การณํ.
อนฺโตปิ อนฺเตปุเรติ อิตฺถาคารสฺส สฺจรณฏฺานภูเต ราชเคหสฺส อพฺภนฺตเร, ยตฺถ ราชา นหานโภชนสยนาทึ กปฺเปติ. รกฺขา สุสํวิหิตาติ อารกฺขาทิกตปุริเสหิ คุตฺติ สุฏฺุ สมนฺตโต วิหิตา. พหิปิ อนฺเตปุเรติ อฏฺฏกรณฏฺานาทิเก อนฺเตปุรโต พหิภูเต ราชเคเห. เอวํ รกฺขิโต โคปิโต สนฺโตติ เอวํ ราชเคหราชธานีรชฺชเทเสสุ อนฺโต พหิ จ อเนเกสุ าเนสุ อเนกสเตหิ สุสํวิหิตรกฺขาวรณคุตฺติยา มเมว นิพฺภยตฺถํ ผาสุวิหารตฺถํ รกฺขิโต โคปิโต สมาโน. ภีโตติอาทีนิ ปทานิ อฺมฺเววจนานิ. อถ วา ภีโตติ ปรราชูหิ ภายมาโน. อุพฺพิคฺโคติ สกรชฺเชปิ ปกติกฺโขภโต อุปฺปชฺชนกภยุพฺเพเคน อุพฺพิคฺโค จลิโต. อุสฺสงฺกีติ ‘‘รฺา นาม สพฺพกาลํ อวิสฺสตฺเถน ภวิตพฺพ’’นฺติ วจนโต สพฺพตฺถ อวิสฺสาสนวเสน เตสํ เตสํ กิจฺจกรณียานํ อจฺจยโต อุปฺปชฺชนกปริสงฺกาย จ อุทฺธมุทฺธํ สงฺกมาโน. อุตฺราสีติ ‘‘สนฺติกาวจเรหิปิ อชานนฺตสฺเสว เม กทาจิ ¶ อนตฺโถ ภเวยฺยา’’ติ อุปฺปนฺเนน สรีรกมฺปมฺปิ อุปฺปาทนสมตฺเถน ตาเสน อุตฺราสิ. ‘‘อุตฺรสฺโต’’ติปิ ปนฺติ. วิหรามีติ เอวํภูโต หุตฺวา วิหรามิ.
เอตรหีติ อิทานิ ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย. เอโกติ อสหาโย. เตน วิเวกฏฺกายตํ ทสฺเสติ. อภีโตติอาทีนํ ปทานํ วุตฺตวิปริยาเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ภยาทินิมิตฺตสฺส ปริคฺคหสฺส ¶ ตํนิมิตฺตสฺส จ กิเลสคหนสฺส อภาเวเนวสฺส อภีตาทิตาติ เอเตน จิตฺตวิเวกํ ทสฺเสติ. อปฺโปสฺสุกฺโกติ สรีรคุตฺติยํ นิรุสฺสุกฺโก. ปนฺนโลโมติ โลมหํสุปฺปาทกสฺส ฉมฺภิตตฺตสฺส อภาเวน อนุคฺคตโลโม. ปททฺวเยนปิ เสริวิหารํ ทสฺเสติ. ปรทตฺตวุตฺโตติ ปเรหิ ทินฺเนน จีวราทินา วตฺตมาโน. เอเตน สพฺพโส สงฺคาภาวทีปนมุเขน อนวเสสภยเหตุวิรหํ ทสฺเสติ. มิคภูเตน เจตสาติ วิสฺสตฺถวิหาริตาย มิคสฺส วิย ชาเตน จิตฺเตน. มิโค หิ อมนุสฺสปเถ อรฺเ วสมาโน วิสฺสตฺโถ ติฏฺติ นิสีทติ นิปชฺชติ เยนกามฺจ ปกฺกมติ อปฺปฏิหตจาโร, เอวํ อหมฺปิ วิหรามีติ ทสฺเสติ. วุตฺตฺเหตํ ปจฺเจกสมฺพุทฺเธน –
‘‘มิโค อรฺมฺหิ ยถา อพทฺโธ;
เยนิจฺฉกํ คจฺฉติ โคจราย;
วิฺู นโร เสริต เปกฺขมาโน;
เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ. (สุ. นิ. ๓๙; อป. เถร ๑.๑.๙๕);
อิมํ โข อหํ, ภนฺเต, อตฺถวสนฺติ ภควา ยทิทํ มม เอตรหิ ปรมํ วิเวกสุขํ ผลสมาปตฺติสุขํ, อิทเมว การณํ สมฺปสฺสมาโน ‘‘อโห สุขํ, อโห สุข’’นฺติ อุทาเนมิ. เอตมตฺถนฺติ เอตํ ภทฺทิยตฺเถรสฺส ปุถุชฺชนวิสยาตีตํ วิเวกสุขสงฺขาตํ อตฺถํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ สเหตุกภยโสกวิคมานุภาวทีปกํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ยสฺสนฺตรโต น สนฺติ โกปาติ ยสฺส อริยปุคฺคลสฺส อนฺตรโต อพฺภนฺตเร อตฺตโน จิตฺเต จิตฺตกาลุสฺสิยกรณโต จิตฺตปฺปโกปา ¶ ราคาทโย อาฆาตวตฺถุอาทิการณเภทโต อเนกเภทา โทสโกปา เอว วา น สนฺติ, มคฺเคน ปหีนตฺตา น วิชฺชนฺติ. อยฺหิ อนฺตร-สทฺโท กิฺจาปิ ‘‘มฺจ ตฺวฺจ กิมนฺตร’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๒๒๘) การเณ ทิสฺสติ, ‘‘อนฺตรฏฺเก หิมปาตสมเย’’ติอาทีสุ (มหาว. ๓๔๖) เวมชฺเฌ, ‘‘อนฺตรา จ เชตวนํ อนฺตรา จ สาวตฺถิ’’นฺติอาทีสุ (อุทา. ๑๓, ๔๔) วิวเร, ‘‘ภยมนฺตรโต ชาต’’นฺติอาทีสุ (อิติวุ. ๘๘; มหานิ. ๕) จิตฺเต, อิธาปิ จิตฺเต เอว ทฏฺพฺโพ. เตเนวาห ‘‘ยสฺส จิตฺเต โกปา น สนฺตี’’ติ.
อภว-สทฺทสฺส วิภว-สทฺเทน อตฺถุทฺธาเร การณมาห ‘‘วิภโวติ จ อภโวติ จ อตฺถโต เอก’’นฺติ. อิติ-สทฺโท ปการวจโนติ อาห ‘‘อิติ อเนกปฺปการา ภวาภวตา’’ติ. วีติวตฺโตติ อติกฺกนฺโต ¶ . เอตฺถ จ ‘‘ยสฺสา’’ติ อิทํ โย วีติวตฺโตติ วิภตฺติวิปริณามวเสน โยเชตพฺพํ. ตํ วิคตภยนฺติ ตํ เอวรูปํ ยถาวุตฺตคุณสมนฺนาคตํ ขีณาสวํ จิตฺตโกปาภาวโต อิติภวาภวสมติกฺกมนโต จ ภยเหตุวิคเมน วิคตภยํ. วิเวกสุเขน อคฺคผลสุเขน จ สุขึ, วิคตภยตฺตา เอว อโสกํ. เทวา นานุภวนฺติ ทสฺสนายาติ อธิคตมคฺเค เปตฺวา สพฺเพปิ อุปปตฺติเทวา วายมนฺตาปิ จิตฺตจารทสฺสนวเสน ทสฺสนาย ทฏฺุํ นานุภวนฺติ น อภิสมฺภุณนฺติ น สกฺโกนฺติ, ปเคว มนุสฺสา. เสกฺขาปิ หิ ปุถุชฺชนา วิย อรหโต จิตฺตปฺปวตฺตึ น ชานนฺติ. ตสฺส ทสฺสนํ เทวานมฺปิ ทุลฺลภนฺติ เอตฺถาปิ จิตฺตจารทสฺสนวเสน ตสฺส ทสฺสนํ เทวานมฺปิ ทุลฺลภํ อลพฺภนียํ, เทเวหิปิ ตํ ทสฺสนํ น สกฺกา ปาปุณิตุนฺติ เอวมตฺโถ คเหตพฺโพ. อภาวตฺโถ เหตฺถ ทุ-สทฺโท ‘‘ทุปฺปฺโ’’ติอาทีสุ วิย.
๓๓๓. ภตฺตาภิหาโรติ อภิหริตพฺพภตฺตํ. ตสฺส ปน ปมาณํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปฺจ จ ถาลิปากสตานี’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ เอโก ถาลิปาโก ทสนฺนํ ปุริสานํ ภตฺตํ คณฺหาติ. ลาภสกฺการสิโลเกนาติ เอตฺถ ลาโภ นาม จตุปจฺจยลาโภ. สกฺกาโรติ เตสํเยว สุกตานํ สุสงฺขตานํ ลาโภ. สิโลโกติ วณฺณโฆโส. มโนมยํ กายนฺติ ฌานมเนน นิพฺพตฺตํ พฺรหฺมกายํ. อุปปนฺโนติ อุปคโต. อตฺตภาวปฺปฏิลาโภติ สรีรปฏิลาโภ. ทฺเว วา ตีณิ วา มาคธกานิ คามเขตฺตานีติ ¶ เอตฺถ มาคธกํ คามเขตฺตํ อตฺถิ ขุทฺทกํ, อตฺถิ มชฺฌิมํ, อตฺถิ มหนฺตํ. ขุทฺทกํ คามเขตฺตํ อิโต จตฺตาลีส อุสภานิ, เอตฺโต จตฺตาลีส อุสภานีติ คาวุตํ โหติ. มชฺฌิมํ อิโต คาวุตํ, เอตฺโต คาวุตนฺติ อฑฺฒโยชนํ โหติ. มหนฺตํ อิโต ทิยฑฺฒคาวุตํ, เอตฺโต ทิยฑฺฒคาวุตนฺติ ติคาวุตํ โหติ. เตสุ ขุทฺทเกน คามเขตฺเตน ตีณิ, ขุทฺทเกน จ มชฺฌิเมน จ ทฺเว คามเขตฺตานิ ตสฺส อตฺตภาโว. ติคาวุตฺหิสฺส สรีรํ. ปริหริสฺสามีติ ปฏิชคฺคิสฺสามิ โคปยิสฺสามิ. รกฺขสฺเสตนฺติ รกฺขสฺสุ เอตํ.
ปฺจสตฺถุกถาวณฺณนา
๓๓๔. สตฺถาโรติ คณสตฺถาโร. นาสฺสสฺสาติ น เอตสฺส ภเวยฺย. ตนฺติ ตํ สตฺถารํ. เตนาติ อมนาเปน. สมุทาจเรยฺยามาติ กเถยฺยาม. สมฺมนฺนตีติ อมฺหากํ สมฺมานํ กโรติ. เตนาห ‘‘สมฺมาเนตี’’ติ, สมฺมนฺนตีติ วา ปเรหิ สมฺมานียตีติ อตฺโถ.
๓๓๕. นาสาย ปิตฺตํ ภินฺเทยฺยุนฺติ อจฺฉปิตฺตํ วา มจฺฉปิตฺตํ วา นาสาปุเฏ ปกฺขิเปยฺยุํ. ปราภวายาติ อวฑฺฒิยา วินาสาย. อสฺสตรีติ วฬวาย กุจฺฉิสฺมึ คทฺรภสฺสชาตา, ตํ อสฺเสน ¶ สทฺธึ สมฺปโยเชนฺติ, สา คพฺภํ คณฺหิตฺวา กาเล สมฺปตฺเต วิชายิตุํ น สกฺโกติ, ปาเทหิ ภูมึ ปหรนฺตี ติฏฺติ, อถสฺสา จตฺตาโร ปาเท จตูสุ ขาณุเกสุ พนฺธิตฺวา กุจฺฉึ ผาเลตฺวา โปตกํ นีหรนฺติ, สา ตตฺเถว มรติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อตฺตวธาย คพฺภํ คณฺหาตี’’ติ.
๓๓๙. โปตฺถนิกนฺติ ฉุริกํ, ยํ ขรนฺติปิ วุจฺจติ.
นาฬาคิริเปสนกถาวณฺณนา
๓๔๒. มา กฺุชร นาคมาสโทติ โภ, กฺุชร, พุทฺธนาคํ วธกจิตฺเตน มา อุปคจฺฉ. ทุกฺขนฺติ ทุกฺขการณตฺตา ทุกฺขํ. กถํ ตํ ทุกฺขนฺติ อาห ‘‘น หิ นาคหตสฺสา’’ติอาทิ. นาคหตสฺส สุคติปฏิกฺเขเปน พุทฺธนาคสฺส ฆาโต ทุคฺคติทุกฺขการณนฺติ ทสฺเสติ. อิโตติ อิโต ชาติโต. ยโตติ ยสฺมา. อิโต ปรํ ยโตติ อิโต ปรํ คจฺฉนฺตสฺสาติ วา ¶ อตฺโถ. มโทติ มานมโท. ปมาโทติ ปมตฺตภาโว. ปฏิกุฏิโตติ สงฺกุฏิโต. อลกฺขิโกติ อหิริโก. ยตฺร หิ นามาติ โย นาม.
ปฺจวตฺถุยาจนกถาวณฺณนา
๓๔๓. ติกโภชนนฺติ ตีหิ ภฺุชิตพฺพโภชนํ, ติณฺณํ เอกโต ปฏิคฺคเหตฺวา ภฺุชิตุํ ปฺเปสฺสามีติ อตฺโถ. โกกาลิโกติอาทีนิ จตุนฺนํ เทวทตฺตปกฺขิยานํ คณปาโมกฺขานํ นามานิ. อายุกปฺปนฺติ เอกํ มหากปฺปํ อสีติภาคํ กตฺวา ตโต เอกภาคมตฺตํ กาลํ อนฺตรกปฺปสฺิตํ กาลํ.
อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจาติ (อุทา. อฏฺ. ๔๘) เทวทตฺโต สพฺพํ สงฺฆเภทสฺส ปุพฺพภาคํ นิปฺผาเทตฺวา ‘‘เอกํเสเนว อชฺช อาเวณิกํ อุโปสถํ สงฺฆกมฺมฺจ กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เอตํ ‘‘อชฺชตคฺเค’’ติอาทิวจนํ อโวจ. ตตฺถ อฺตฺเรว ภควตาติ วินา เอว ภควนฺตํ, ตํ สตฺถารํ อกตฺวาติ อตฺโถ. อฺตฺร ภิกฺขุสงฺฆา อุโปสถํ กริสฺสามิ สงฺฆกมฺมานิ จาติ ภควโต โอวาทการกํ ภิกฺขุสงฺฆํ วินา มํ อนุวตฺตนฺเตหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ อาเวณิกํ อุโปสถํ สงฺฆกมฺมานิ จ กริสฺสามิ. อชฺชตคฺเค, ภนฺเต, เทวทตฺโต สงฺฆํ ภินฺทิสฺสตีติ เภทการกานํ สพฺเพสํ เทวทตฺเตน สชฺชิตตฺตา ‘‘เอกํเสเนว เทวทตฺโต อชฺช สงฺฆํ ภินฺทิสฺสตี’’ติ มฺมาโน เอวมาห. ภินฺทิสฺสตีติ ทฺวิธา กริสฺสติ.
เอตมตฺถํ ¶ วิทิตฺวาติ เอตํ อวีจิมหานิรยุปฺปตฺติสํวตฺตนิยํ กปฺปฏฺิยํ อเตกิจฺฉํ เทวทตฺเตน นิพฺพตฺติยมานํ สงฺฆเภทกมฺมํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ กุสลากุสเลสุ ยถากฺกมํ สปฺปุริสาสปฺปุริสานํ สุกรา ปฏิปตฺติ, น ปน เนสํ อกุสลกุสเลสูติ อิทมตฺถวิภาวนํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ สุกรํ สาธุนา สาธูติ อตฺตโน ปเรสฺจ หิตํ สาเธตีติ สาธุ, สมฺมาปฏิปนฺโน. เตน สาธุนา สาริปุตฺตาทินา สาวเกน ปจฺเจกสมฺพุทฺเธน สมฺมาสมฺพุทฺเธน อฺเน วา โลกิยสาธุนา สาธุ สุนฺทรํ ภทฺทกํ อตฺตโน ปเรสฺจ หิตสุขาวหํ สุกรํ สุเขน กาตุํ สกฺกา. สาธุ ปาเปน ทุกฺกรนฺติ ตเทว ปน วุตฺตลกฺขณํ สาธุ ปาเปน เทวทตฺตาทินา ¶ ปาปปุคฺคเลน ทุกฺกรํ กาตุํ น สกฺกา, น โส ตํ กาตุํ สกฺโกตีติ อตฺโถ. ปาปํ ปาเปน สุกรนฺติ ปาปํ อสุนฺทรํ อตฺตโน ปเรสฺจ อนตฺถาวหํ ปาเปน ยถาวุตฺตปาปปุคฺคเลน สุกรํ สุเขน กาตุํ สกฺกุเณยฺยํ. ปาปมริเยหิ ทุกฺกรนฺติ อริเยหิ ปน พุทฺธาทีหิ ตํ ปาปํ ทุกฺกรํ ทุรภิสมฺภวํ. เสตุฆาโตเยว หิ เตสํ ตตฺถาติ ทีเปติ.
สงฺฆเภทกถาวณฺณนา
๓๔๕. อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต อาเทสนาปาฏิหาริยานุสาสนิยาติอาทีสุ ปรสฺส จิตฺตํ ตฺวา กถนํ อาเทสนาปาฏิหาริยํ, สาวกานฺจ พุทฺธานฺจ สตตํ ธมฺมเทสนํ อนุสาสนีปาฏิหาริยํ, อิทฺธิวิธํ อิทฺธิปาฏิหาริยํ. ตตฺถ อิทฺธิปาฏิหาริเยน สทฺธึ อนุสาสนีปาฏิหาริยํ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส อาจิณฺณํ, อาเทสนาปาฏิหาริเยน สทฺธึ อนุสาสนีปาฏิหาริยํ ธมฺมเสนาปติสฺส. เตน วุตฺตํ ‘‘อายสฺมา สาริปุตฺโต อาเทสนาปาฏิหาริยานุสาสนิยา ภิกฺขู ธมฺมิยา กถาย โอวที’’ติอาทิ. ตทา หิ ทฺวีสุ อคฺคสาวเกสุ ธมฺมเสนาปติ เตสํ ภิกฺขูนํ จิตฺตจารํ ตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ, มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร วิกุพฺพนํ ทสฺเสตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ, ปาฬิยฺเจตฺถ ทฺวินฺนมฺปิ เถรานํ เทสนาย ธมฺมจกฺขุปฏิลาโภว ทสฺสิโต. ทีฆภาณกา ปน เอวํ วทนฺติ ‘‘ภควตา เปสิเตสุ ทฺวีสุ อคฺคสาวเกสุ ธมฺมเสนาปติ เตสํ จิตฺตจารํ ตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ, เถรสฺส ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปฺจสตาปิ ภิกฺขู โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ. อถ เนสํ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร วิกุพฺพนํ ทสฺเสตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ, ตํ สุตฺวา สพฺเพ อรหตฺตผเล ปติฏฺหึสู’’ติ. เทวทตฺตํ อุฏฺาเปสีติ ชณฺณุเกน หทยมชฺเฌ ปหริตฺวา อุฏฺาเปสิ.
๓๔๖. สรสีติ ¶ สโร. สุวิกฺขาลิตนฺติ สุฏฺุ วิกฺขาลิตํ, สุวิโสธิตํ กตฺวาติ อตฺโถ. สํขาทิตฺวาติ สุฏฺุ ขาทิตฺวา. มหึ วิกุพฺพโตติ มหึ ทนฺเตหิ วิลิขนฺตสฺส. นทีสุ ภิสํ ฆสานสฺสาติ โยเชตพฺพํ. นทีติ เจตฺถ มหาสโร อธิปฺเปโต. ชคฺคโตติ หตฺถิยูถํ ปาเลนฺตสฺส. ภิงฺโกวาติ หตฺถิโปตโก วิย. มมานุกุพฺพนฺติ มํ อนุกโรนฺโต.
๓๔๗. ทูเตยฺยนฺติ ¶ ทูตกมฺมํ. คนฺตุมรหตีติ ทูเตยฺยสงฺขาตํ สาสนํ หริตุํ ธาเรตฺวา หริตุํ อรหติ. โสตาติ ยํ อสฺส สาสนํ เทนฺติ, ตสฺส โสตา. สาเวตาติ ตํ อุคฺคณฺหิตฺวา ‘‘อิทํ นาม ตุมฺเหหิ วุตฺต’’นฺติ ปฏิสาเวตา. อุคฺคเหตาติ สุอุคฺคหิตํ กตฺวา อุคฺคเหตา. ธาเรตาติ สุธาริตํ กตฺวา ธาเรตา. วิฺาตาติ อตฺตนา ตสฺส อตฺถํ ชานิตา. วิฺาเปตาติ ปรํ วิชานาเปตา. สหิตาสหิตสฺสาติ ‘‘อิทํ สหิตํ, อิทํ อสหิต’’นฺติ เอวํ สหิตาสหิตสฺส กุสโล อุปคตานุปคเตสุ เฉโก สาสนํ อาโรเจนฺโต สหิตาสหิตํ สลฺลกฺเขตฺวา อาโรเจติ. น พฺยถตีติ น เวธติ น ฉมฺภติ. อุคฺควาทินินฺติ ผรุสวจเนน สมนฺนาคตํ. ปุจฺฉิโตติ ปฏิฺตฺถาย ปุจฺฉิโต.
๓๔๘. อฏฺหิ, ภิกฺขเว, อสทฺธมฺเมหีติอาทีสุ อสทฺธมฺเมหีติ (อิติวุ. อฏฺ. ๘๙) อสตํ ธมฺเมหิ, อสนฺเตหิ วา อโสภเนหิ วา ธมฺเมหิ. อภิภูโตติ อชฺโฌตฺถโฏ. ปริยาทินฺนจิตฺโตติ เขปิตจิตฺโต ลาภาทิเหตุเกน อิจฺฉาจาเรน มานมทาทินา จ ขยํ ปาปิตกุสลจิตฺโต. อถ วา ปริยาทินฺนจิตฺโตติ ปริโต อาทินฺนจิตฺโต, วุตฺตปฺปกาเรน อกุสลโกฏฺาเสน ยถา กุสลจิตฺตสฺส อุปฺปตฺติวาโร น โหติ, เอวํ สมนฺตโต คหิตจิตฺตสนฺตาโนติ อตฺโถ. อปาเย นิพฺพตฺตนารหตาย อาปายิโก. ตตฺถปิ อวีจิสงฺขาเต มหานิรเย อุปฺปชฺชตีติ เนรยิโก. เอกํ อนฺตรกปฺปํ ปริปุณฺณเมว กตฺวา ตตฺถ ติฏฺตีติ กปฺปฏฺโ. อเตกิจฺโฉติ พุทฺเธหิปิ อนิวตฺตนียตฺตา อวีจินิพฺพตฺติยา ติกิจฺฉาภาวโต อเตกิจฺโฉ, อติกิจฺฉนีโยติ อตฺโถ. ลาเภนาติ ลาเภน เหตุภูเตน. อถ วา ลาภเหตุเกน มานาทินา. ลาภฺหิ นิสฺสาย อิเธกจฺเจ ปุคฺคลา ปาปิจฺฉา อิจฺฉาปกตา อิจฺฉาจาเร ตฺวา ‘‘ลาภํ นิพฺพตฺเตสฺสามา’’ติ อเนกวิหิตํ อเนสนํ อปฺปติรูปํ อาปชฺชิตฺวา อิโต จุตา อปาเยสุ นิพฺพตฺตนฺติ. อปเร ยถาลาภํ ลภิตฺวา ตํนิมิตฺตํ มานาติมานมทมจฺฉริยาทิวเสน ปมาทํ อาปชฺชิตฺวา อิโต จุตา อปาเยสุ นิพฺพตฺตนฺติ, อยฺจ ตาทิโส. เตน วุตฺตํ ‘‘ลาเภน, ภิกฺขเว, อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต เทวทตฺโต อาปายิโก’’ติอาทิ. อสกฺกาเรนาติ หีเฬตฺวา ปริภวิตฺวา ปเรหิ อตฺตนิ ปวตฺติเตน ¶ อสกฺกาเรน, อสกฺการเหตุเกน วา มานาทินา. อสนฺตคุณสมฺภาวนาธิปฺปาเยน ปวตฺตา ปาปา อิจฺฉา เอตสฺสาติ ปาปิจฺโฉ, ตสฺส ภาโว ปาปิจฺฉตา, ¶ ตาย. ‘‘อหํ พุทฺโธ ภวิสฺสามิ, ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสามี’’ติ หิ ตสฺส อิจฺฉา อุปฺปนฺนา. โกกาลิกาทโย ปาปา ลามกา มิตฺตา เอตสฺสาติ ปาปมิตฺโต, ตสฺส ภาโว ปาปมิตฺตตา, ตาย.
๓๔๙. อภิภุยฺยาติ อภิภวิตฺวา มทฺทิตฺวา.
๓๕๐. ตีหิ, ภิกฺขเว, อสทฺธมฺเมหีติอาทิ วุตฺตนยเมว. โอรมตฺตเกน วิเสสาธิคเมน อนฺตรา โวสานํ อาปาทีติ เอตฺถ ปน อยมตฺโถ. โอรมตฺตเกนาติ อปฺปมตฺตเกน ฌานาภิฺามตฺเตน. วิเสสาธิคเมนาติ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมาธิคเมน. อนฺตราติ เวมชฺเฌ. โวสานํ อาปาทีติ อกตกิจฺโจว สมาโน ‘‘กตกิจฺโจมฺหี’’ติ มฺมาโน สมณธมฺมโต วิคมํ อาปชฺชิ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ฌานาภิฺาหิ อุตฺตริกรณีเย อธิคนฺตพฺเพ มคฺคผเล อนธิคเต สติเยว ตํ อนธิคนฺตฺวา สมณธมฺมโต วิคมํ อาปชฺชีติ. อิติ ภควา อิมินา สุตฺเตน วิเสสโต ปุถุชฺชนภาเว อาทีนวํ ปกาเสติ ‘‘ภาริโย ปุถุชฺชนภาโว, ยตฺร หิ นาม ฌานาภิฺาปริโยสานา สมฺปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวาปิ อเนกานตฺถาวหํ นานาวิธทุกฺขเหตุอสนฺตคุณสมฺภาวนํ อสปฺปุริสสํสคฺคํ อาลสิยานุโยคฺจ อวิชหนฺโต อวีจิสํวตฺตนิกํ กปฺปฏฺิยํ อเตกิจฺฉํ กิพฺพิสํ ปสวตี’’ติ.
คาถาสุ มาติ ปฏิเสเธ นิปาโต. ชาตูติ เอกํเสน. โกจีติ สพฺพสงฺคาหกวจนํ. โลกสฺมินฺติ สตฺตโลเก. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อิมสฺมึ สตฺตโลเก โกจิ ปุคฺคโล เอกํเสน ปาปิจฺโฉ มา โหตูติ. ตทมินาปิ ชานาถ, ปาปิจฺฉานํ ยถา คตีติ ปาปิจฺฉานํ ปุคฺคลานํ ยถาคติ ยาทิสี นิพฺพตฺติ ยาทิโส อภิสมฺปราโยติ อิมินาปิ การเณน ชานาถาติ เทวทตฺตํ นิทสฺเสนฺโต เอวมาห.
ปณฺฑิโตติ สมฺาโตติ ปริยตฺติพาหุสจฺเจน ปณฺฑิโตติ าโต. ภาวิตตฺโตติ สมฺมโตติ ฌานาภิฺาหิ ภาวิตจิตฺโตติ สมฺภาวิโต. ตถา หิ โส ‘‘มหิทฺธิโก โคธิปุตฺโต, มหานุภาโว โคธิปุตฺโต’’ติ ¶ ธมฺมเสนาปตินาปิ ปสํสิโต อโหสิ. ชลํว ยสสา อฏฺา, เทวทตฺโตติ วิสฺสุโตติ อตฺตโน กิตฺติยา ปริวาเรน จ ชลนฺโต วิย โอภาสนฺโต วิย ิโต เทวทตฺโตติ เอวํ วิสฺสุโต ปากโฏ อโหสิ. ‘‘เม สุต’’นฺติปิ ปาโ, มยา สุตํ สุตมตฺตํ, กติปาเหเนว อตถาภูตตฺตา ตสฺส ตํ ปณฺฑิจฺจาทิสวนมตฺตเมวาติ อตฺโถ.
โส ¶ ปมาทํ อนุจิณฺโณ, อาสชฺช นํ ตถาคตนฺติ โส เอวํภูโต เทวทตฺโต ‘‘พุทฺโธปิ สากิยปุตฺโต, อหมฺปิ สากิยปุตฺโต, พุทฺโธปิ สมโณ, อหมฺปิ สมโณ, พุทฺโธปิ อิทฺธิมา, อหมฺปิ อิทฺธิมา, พุทฺโธปิ ทิพฺพจกฺขุโก, ทิพฺพโสตเจโตปริยาณลาภี, พุทฺโธปิ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺเน ธมฺเม ชานาติ, อหมฺปิ เต ชานามี’’ติ อตฺตโน ปมาณํ อชานิตฺวา สมฺมาสมฺพุทฺธํ อตฺตนา สมสมฏฺปเนน ปมาทํ อาปชฺชนฺโต ‘‘อิทานาหํ พุทฺโธ ภวิสฺสามิ, ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสามี’’ติ อภิมารปโยชนาทินา ตถาคตํ อาสชฺช อาสาเทตฺวา วิเหเตฺวา. ‘‘ปมาทมนุชิณฺโณ’’ติปิ ปนฺติ. ตสฺสตฺโถ – ปมาทํ วุตฺตนเยน ปมชฺชนฺโต ปมาทํ นิสฺสาย ภควตา สทฺธึ ยุคคฺคาหจิตฺตุปฺปาเทน สเหว ฌานาภิฺาหิ อนุชิณฺโณ ปริหีโนติ. อวีจินิรยํ ปตฺโต, จตุทฺวารํ ภยานกนฺติ ชาลานํ ตตฺถ อุปฺปนฺนสตฺตานํ วา นิรนฺตรตาย ‘‘อวีจี’’ติ ลทฺธนามํ จตูสุ ปสฺเสสุ จตุมหาทฺวารโยเคน จตุทฺวารํ อติภยานกํ มหานิรยํ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน ปตฺโต. ตถา หิ วุตฺตํ –
‘‘จตุกฺกณฺโณ จตุทฺวาโร, วิภตฺโต ภาคโส มิโต;
อโยปาการปริยนฺโต, อยสา ปฏิกุชฺชิโต.
‘‘ตสฺส อโยมยา ภูมิ, ชลิตา เตชสา ยุตา;
สมนฺตา โยชนสตํ, ผริตฺวา ติฏฺติ สพฺพทา’’ติ. (ม. นิ. ๓.๒๕๐, ๒๖๗; อ. นิ. ๓.๓๖);
อทุฏฺสฺสาติ อทุฏฺจิตฺตสฺส. ทุพฺเภติ ทุสฺเสยฺย. ตเมว ปาปํ ผุสตีติ ตเมว อทุฏฺทุพฺภึ ปาปปุคฺคลํ ปาปํ นิหีนํ ปาปผลํ ผุสติ ปาปุณาติ อภิภวติ. เภสฺมาติ วิปุลภาเวน คมฺภีรภาเวน จ ภึสาปโน, ภึสาเปนฺโต วิย วิปุลคมฺภีโรติ อตฺโถ. วาเทนาติ โทเสน. อุปหึสตีติ พาธติ อาสาเทติ. วาโท ตมฺหิ น รูหตีติ ตสฺมึ ตถาคเต ¶ ปเรน อาโรปิยมาโน โทโส น รุหติ น ติฏฺติ, วิสกุมฺโภ วิย สมุทฺทสฺส น ตสฺส วิการํ ชเนตีติ อตฺโถ.
เอวํ ฉหิ คาถาหิ ปาปิจฺฉตาทิสมนฺนาคตสฺส นิรยูปคภาวทสฺสเนน ทุกฺขโต อปริมุตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตปฺปฏิปกฺขธมฺมสมนฺนาคตสฺส ทุกฺขกฺขยํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตาทิสํ มิตฺต’’นฺติ โอสานคาถมาห. ตสฺสตฺโถ – ยสฺส สมฺมา ปฏิปนฺนสฺส มคฺคานุโค ปฏิปตฺติมคฺคํ อนุคโต สมฺมา ปฏิปนฺโน อปฺปิจฺฉตาทิคุณสมนฺนาคเมน สกลสฺส วฏฺฏทุกฺขสฺส ขยํ ปริโยสานํ ¶ ปาปุเณยฺย, ตาทิสํ พุทฺธํ พุทฺธสาวกํ วา ปณฺฑิโต สปฺปฺโ อตฺตโน มิตฺตํ กุพฺเพถ เตน เมตฺตึ กเรยฺย, ตฺจ เสเวถ ตเมว ปยิรุปาเสยฺยาติ.
กึ ปเนตํ สุตฺตํ เทวทตฺตสฺส นิรยูปปตฺติโต ปุพฺเพ ภาสิตํ, อุทาหุ ปจฺฉาติ? อิติวุตฺตกฏฺกถายํ (อิติวุ. อฏฺ. ๘๙) ตาว –
‘‘เทวทตฺเต หิ อวีจิมหานิรยํ ปวิฏฺเ เทวทตฺตปกฺขิกา อฺติตฺถิยา ‘สมเณน โคตเมน อภิสปิโต เทวทตฺโต ปถวึ ปวิฏฺโ’ติ อพฺภาจิกฺขึสุ. ตํ สุตฺวา สาสเน อนภิปฺปสนฺนา มนุสฺสา ‘สิยา นุ โข เอตเทวํ, ยถา อิเม ภณนฺตี’ติ อาสงฺกํ อุปฺปาเทสุํ. ตํ ปวตฺตึ ภิกฺขู ภควโต อาโรเจสุํ. อถ โข ภควา ‘น, ภิกฺขเว, ตถาคตา กสฺสจิ อภิสปํ เทนฺติ, ตสฺมา น เทวทตฺโต มยา อภิสปิโต, อตฺตโน กมฺเมเนว นิรยํ ปวิฏฺโ’ติ วตฺวา เตสํ มิจฺฉาคาหํ ปฏิเสเธนฺโต อิมาย อฏฺุปฺปตฺติยา อิทํ สุตฺตํ อภาสี’’ติ –
วุตฺตํ, ตสฺมา เตสํ มเตน ตสฺส นิรยูปปตฺติโต ปจฺฉาปิ ภควา อิทํ สุตฺตมภาสีติ เวทิตพฺพํ. อิธ ปน ตสฺส นิรยูปปตฺติโต ปมเมว อุปฺปนฺเน วตฺถุมฺหิ ภาสิตํ ปาฬิอารุฬฺหนฺติ ทฏฺพฺพํ. เตเนว ‘‘อวีจินิรยํ ปตฺโต’’ติ อิทํ ปน อาสํสายํ อตีตวจนนฺติ วุตฺตํ, อาสํสาติ เจตฺถ อวสฺสมฺภาวินี อตฺถสิทฺธิ อธิปฺเปตา. อวสฺสมฺภาวินิฺหิ อตฺถสิทฺธิมเปกฺขิตฺวา อนาคตมฺปิ ภูตํ วิย โวหรนฺติ, ตฺจ สทฺทลกฺขณานุสาเรน เวทิตพฺพํ.
สงฺฆเภทกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อุปาลิปฺหกถาวณฺณนา
๓๕๑. อุปาลิปฺเห ¶ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ อฏฺกถายํ ทสฺสิตเมว. ตตฺถ อนุนยนฺโตติ อนุชานาเปนฺโต, เภทสฺส อนุรูปํ วา โพเธนฺโต, ยถา เภโท โหติ, เอวํ ภินฺทิตพฺเพ ภิกฺขู วิฺาเปนฺโตติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘น ตุมฺหาก’’นฺติอาทิ.
๓๕๒. อฏฺารสเภทกรวตฺถุมฺหิ ทส อกุสลกมฺมปถา สํกิลิฏฺธมฺมตาย โวทานธมฺมปอปกฺขตฺตา ‘‘อธมฺโม’’ติ ทสฺสิตา, ตถา อุปาทานาทโย, โพธิปกฺขิยธมฺมานํ เอกนฺตานวชฺชภาวโต ¶ นตฺถิ อธมฺมภาโว, ภควตา ปน เทสิตากาเรน หาเปตฺวา วฑฺเฒตฺวา วา กถนํ ยถาธมฺมํ อกถนนฺติ กตฺวา อธมฺมภาโวติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ตโย สติปฏฺานา’’ติอาทิ. นิยฺยานิกนฺติ สปาฏิหีรํ อปฺปฏิหตํ หุตฺวา ปวตฺตตีติ อตฺโถ. ตเถวาติ อิมินา ‘‘เอวํ อมฺหาก’’นฺติอาทินา วุตฺตมตฺถํ อากฑฺฒติ. กาตพฺพํ กมฺมํ ธมฺโม นามาติ ยถาธมฺมํ กรณโต ธมฺโม นาม, อิตรํ วุตฺตวิปริยายโต อธมฺโม นาม.
ราควินโย…เป… อยํ วินโย นามาติ ราคาทีนํ วินยนโต สํวรณโต ปชหนโต ปฏิสงฺขานโต จ วินโย นาม, วุตฺตวิปริยาเยน อิตโร อวินโย. วตฺถุสมฺปตฺติอาทิวเสน สพฺเพสํ วินยกมฺมานํ อกุปฺปตาติ อาห ‘‘วตฺถุสมฺปตฺติ…เป… อยํ วินโย นามา’’ติ. ตปฺปฏิปกฺขโต อวินโย เวทิตพฺโพ. เตนาห ‘‘วตฺถุวิปตฺตี’’ติอาทิ. ยาสํ อาปนฺนสฺส ปพฺพชฺชา สาวเสสา, ตา อาปตฺติโย สาวเสสา.
๓๕๔. อาปายิโกติอาทิคาถาสุ (อิติวุ. อฏฺ. ๑๘) สงฺฆสฺส เภทสงฺขาเต วคฺเค รโตติ วคฺครโต. อธมฺมิกตาย อธมฺเม เภทกรวตฺถุมฺหิ สงฺฆเภทสงฺขาเต เอว จ อธมฺเม ิโตติ อธมฺมฏฺโ. โยคกฺเขมา ปธํสตีติ หิตโต ปริหายติ, จตูหิปิ โยเคหิ อนุปทฺทุตตฺตา โยคกฺเขมํ นาม อรหตฺตํ นิพฺพานฺจ, ตโต ปนสฺส ธํสเน วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. ทิฏฺิสีลสามฺโต สงฺฆตฏฺเน สงฺฆํ, ตโต เอว ¶ เอกกมฺมาทิวิธานโยเคน สมคฺคํ สหิตํ ภินฺทิตฺวา ปุพฺเพ วุตฺตลกฺขเณน สงฺฆเภเทน ภินฺทิตฺวา. กปฺปนฺติ อนฺตรกปฺปสงฺขาตํ อายุกปฺปํ. นิรยมฺหีติ อวีจิมหานิรยมฺหิ.
สุขา สงฺฆสฺส สามคฺคีติ (อิติวุ. อฏฺฏ. ๑๙) สุขสฺส ปจฺจยภาวโต สามคฺคี ‘‘สุขา’’ติ วุตฺตา ยถา ‘‘สุโข พุทฺธานมุปฺปาโท’’ติ (ธ. ป. ๑๙๔). สมคฺคานฺจนุคฺคโหติ สมคฺคานํ สามคฺคิอนุโมทเนน อนุคฺคณฺหนํ สามคฺคิอนุรูปํ วา, ยถา เต สามคฺคึ น วิชหนฺติ, ตถา คหณํ ปนํ อนุพลปฺปทานนฺติ อตฺโถ. สมคฺคํ กตฺวานาติ ภินฺนํ สงฺฆํ สงฺฆราชิปฺปตฺตํ วา สมคฺคํ สหิตํ กตฺวา. กปฺปนฺติ อายุกปฺปเมว. สคฺคมฺหิ โมทตีติ กามาวจรเทวโลเก อฺเ เทเว ทสหิ าเนหิ อภิภวิตฺวา ทิพฺพสุขํ อนุภวนฺโต อิจฺฉิตนิพฺพตฺติยา จ โมทติ ปโมทติ ลฬติ กีฬติ.
๓๕๕. สิยา นุ โข, ภนฺเต, สงฺฆเภทโกติอาทิ ปาฬิอนุสาเรเนว เวทิตพฺพํ. ‘‘ปฺจหิ, อุปาลิ, อากาเรหิ สงฺโฆ ภิชฺชติ กมฺเมน อุทฺเทเสน โวหรนฺโต อนุสฺสาวเนน สลากคฺคาเหนา’’ติ ¶ เอวํ ปริวาเร (ปริ. ๔๕๘) อาคตมฺปิ สงฺฆเภทลกฺขณํ อิธ วุตฺเตน กึ นานากรณนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปริวาเร ปนา’’ติอาทิมาห. เอตฺถ จ สีมฏฺกสงฺเฆ อสนฺนิปติเต วิสุํ ปริสํ คเหตฺวา กตโวหารานุสฺสาวนสลากคฺคาหสฺส กมฺมํ วา กโรนฺตสฺส อุทฺเทสํ วา อุทฺทิสนฺตสฺส เภโท จ โหติ อานนฺตริยกมฺมฺจ. สมคฺคสฺาย ปน ‘‘วฏฺฏตี’’ติ สฺาย วา กโรนฺตสฺส เภโทว โหติ, น อานนฺตริยกมฺมํ. ตโต อูนปริสาย กโรนฺตสฺส เนว สงฺฆเภโท น อานนฺตริยํ. สพฺพนฺติเมน หิ ปริจฺเฉเทน นวนฺนํ ชนานํ โย สงฺฆํ ภินฺทติ, ตสฺส อานนฺตริยกมฺมํ โหติ, อนุวตฺตกานํ อธมฺมวาทีนํ มหาสาวชฺชํ กมฺมํ, ธมฺมวาทิโน อนวชฺชา. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวาติ.
อุปาลิปฺหกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
สงฺฆเภทกกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.