📜

๙. ปาติโมกฺขฏฺปนกฺขนฺธกํ

ปาติโมกฺขุทฺเทสยาจนกถาวณฺณนา

๓๘๓. ปาติโมกฺขฏฺปนกฺขนฺธเก ตทหูติ (อุทา. อฏฺ. ๔๕) ตสฺมึ อหนิ ตสฺมึ ทิวเส. อุโปสเถติ เอตฺถ อุปวสนฺติ เอตฺถาติ อุโปสโถ, อุปวสนฺตีติ สีเลน วา อนสเนน วา อุเปตา หุตฺวา วสนฺตีติ อตฺโถ. อยฺหิ อุโปสถ-สทฺโท ‘‘อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ อุโปสถํ อุปวสามี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๗๑; ๑๐.๔๖) สีเล อาคโต. ‘‘อุโปสโถ วา ปวารณา วา’’ติอาทีสุ (มหาว. ๑๕๕) ปาติโมกฺขุทฺเทสาทิวินยกมฺเม. ‘‘โคปาลกูโปสโถ นิคณฺูโปสโถ’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๗๑) อุปวาเส. ‘‘อุโปสโถ นาม นาคราชา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๔๖; ม. นิ. ๓.๒๕๘) ปฺตฺติยํ. ‘‘อชฺชุโปสโถ ปนฺนรโส’’ติอาทีสุ (มหาว. ๑๖๘) ทิวเส. อิธาปิ ทิวเสเยว ทฏฺพฺโพ. ตสฺมา ตทหุโปสเถติ ตสฺมึ อุโปสถทิวสภูเต อหนีติ อตฺโถ. นิสินฺโน โหตีติ มหาภิกฺขุสงฺฆปริวุโต โอวาทปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุํ อุปาสิกาย รตนปาสาเท นิสินฺโน โหติ. นิสชฺช ปน ภิกฺขูนํ จิตฺตานิ โอโลเกนฺโต เอกํ ทุสฺสีลปุคฺคลํ ทิสฺวา ‘‘สจาหํ อิมสฺมึ ปุคฺคเล อิธ นิสินฺเนเยว ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิสฺสามิ, สตฺตธาวสฺส มุทฺธา ผลิสฺสตี’’ติ ตสฺมึ อนุกมฺปาย ตุณฺหีเยว อโหสิ.

อภิกฺกนฺตาติ อติกฺกนฺตา ปริกฺขีณา. อุทฺธสฺเต อรุเณติ อุคฺคเต อรุณสีเส. นนฺทิมุขิยาติ ตุฏฺิมุขิยา. อุทฺธสฺตํ อรุณนฺติ อรุณุคฺคมนํ ปตฺวาปิ ‘‘อุทฺทิสตุ, ภนฺเต, ภควา ภิกฺขูนํ ปาติโมกฺข’’นฺติ เถโร ภควนฺตํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ ยาจิ ตสฺมึ กาเล ‘‘น, ภิกฺขเว, อนุโปสเถ อุโปสโถ กาตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๑๘๓) สิกฺขาปทสฺส อปฺตฺตตฺตา. อปริสุทฺธา, อานนฺท, ปริสาติ ติกฺขตฺตุํ เถเรน ปาติโมกฺขุทฺเทสสฺส ยาจิตตฺตา อนุทฺเทสสฺส การณํ กเถนฺโต ‘‘อสุกปุคฺคโล อปริสุทฺโธ’’ติ อวตฺวา ‘‘อปริสุทฺธา, อานนฺท, ปริสา’’ติ อาห . กสฺมา ปน ภควา ติยามรตฺตึ ตถา วีตินาเมสิ? ตโต ปฏฺาย โอวาทปาติโมกฺขํ อนุทฺทิสิตุกาโม ตสฺส วตฺถุํ ปากฏํ กาตุํ.

อทฺทสาติ กถํ อทฺทส. อตฺตโน เจโตปริยาเณน ตสฺสํ ปริสติ ภิกฺขูนํ จิตฺตานิ ปริชานนฺโต ตสฺส ปุริสสฺส ทุสฺสีลฺยจิตฺตํ ปสฺสิ. ยสฺมา ปน จิตฺเต ทิฏฺเ ตํสมงฺคีปุคฺคโล ทิฏฺโ นาม โหติ, ตสฺมา ‘‘อทฺทสา โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ตํ ปุคฺคลํ ทุสฺสีล’’นฺติ วุตฺตํ. ยเถว หิ อนาคเต สตฺตสุ ทิวเสสุ ปวตฺตํ ปเรสํ จิตฺตํ เจโตปริยาณลาภี ปชานาติ, เอวํ อตีเตปีติ. ทุสฺสีลนฺติ นิสฺสีลํ, สีลวิรหิตนฺติ อตฺโถ. ปาปธมฺมนฺติ ทุสฺสีลตฺตา เอว หีนชฺฌาสยตาย ลามกสภาวํ. อสุจินฺติ อปริสุทฺเธหิ กายกมฺมาทีหิ สมนฺนาคตตฺตา น สุจึ. สงฺกสฺสรสมาจารนฺติ กิฺจิเทว อสารุปฺปํ ทิสฺวา ‘‘อิทํ อิมินา กตํ ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ ปเรสํ อาสงฺกนียตาย สงฺกาย สริตพฺพสมาจารํ. อถ วา เกนจิเทว กรณีเยน มนฺตยนฺเต ภิกฺขู ทิสฺวา ‘‘กจฺจิ นุ โข อิเม มยา กตกมฺมํ ชานิตฺวา มนฺเตนฺตี’’ติ อตฺตโนเยว สงฺกาย สริตพฺพสมาจารํ. ลชฺชิตพฺพตาย ปฏิจฺฉาเทตพฺพสฺส กรณโต ปฏิจฺฉนฺนํ กมฺมนฺตํ เอตสฺสาติ ปฏิจฺฉนฺนกมฺมนฺตํ. กุจฺฉิตสมณเวสธาริตาย น สมณนฺติ อสฺสมณํ. สลากคฺคหณาทีสุ ‘‘กิตฺตกา สมณา’’ติ คณนาย ‘‘อหมฺปิ สมโณมฺหี’’ติ มิจฺฉาปฏิฺาย สมณปฏิฺํ. อเสฏฺจาริตาย อพฺรหฺมจารึ. อฺเ พฺรหฺมจาริโน สุนิวตฺเถ สุปารุเต กุสุมฺภกปฏธเร คามนิคมาทีสุ ปิณฺฑาย จริตฺวา ชีวิกํ กปฺเปนฺเต ทิสฺวา อพฺรหฺมจารี สมาโน สยมฺปิ ตาทิเสน อากาเรน ปฏิปชฺชนฺโต อุโปสถาทีสุ จ สนฺทิสฺสนฺโต ‘‘อหมฺปิ พฺรหฺมจารี’’ติ ปฏิฺํ เทนฺโต วิย โหตีติ พฺรหฺมจาริปฏิฺํ. ปูตินา กมฺเมน สีลวิปตฺติยา อนฺโต อนุปวิฏฺตฺตา อนฺโตปูตึ. ฉหิ ทฺวาเรหิ ราคาทิกิเลสาวสฺสเวน ตินฺตตฺตา อวสฺสุตํ. สฺชาตราคาทิกจวรตฺตา สีลวนฺเตหิ ฉฑฺเฑตพฺพตฺตา จ กสมฺพุชาตํ. มชฺเฌ ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิสินฺนนฺติ สงฺฆปริยาปนฺโน วิย ภิกฺขุสงฺฆสฺส อนฺโต นิสินฺนํ.

ทิฏฺโสีติ ‘‘อยํ น ปกตตฺโต’’ติ ภควตา ทิฏฺโ อสิ. ยสฺมา จ เอวํ ทิฏฺโ, ตสฺมา นตฺถิ เต ตว ภิกฺขูหิ สทฺธึ เอกกมฺมาทิสํวาโส. ยสฺมา ปน โส สํวาโส ตว นตฺถิ, ตสฺมา อุฏฺเหิ อาวุโสติ เอวเมตฺถ ปทโยชนา เวทิตพฺพา. ตติยมฺปิ โข โส ปุคฺคโล ตุณฺหี อโหสีติ อเนกวารํ วตฺวาปิ ‘‘เถโร สยเมว นิพฺพินฺโน โอรมิสฺสติ, อิทานิ อิเมสํ ปฏิปตฺตึ ชานิสฺสามี’’ติ วา อธิปฺปาเยน ตุณฺหี อโหสิ. พาหายํ คเหตฺวาติ ‘‘ภควตา มยา จ ยาถาวโต ทิฏฺโ, ยาวตติยํ ‘อุฏฺเหี’ติ จ วุตฺโต น อุฏฺาติ, อิทานิสฺส นิกฺกฑฺฒนกาโล , มา สงฺฆสฺส อุโปสถนฺตราโย อโหสี’’ติ พาหายํ อคฺคเหสิ. พหิ ทฺวารโกฏฺกา นิกฺขาเมตฺวาติ ทฺวารโกฏฺกา ทฺวารสาลโต นิกฺขาเมตฺวา, พหีติ ปน นิกฺขามิตฏฺานทสฺสนํ. อถ วา พหิทฺวารโกฏฺกาติ พหิทฺวารโกฏฺกโตปิ นิกฺขาเมตฺวา, น อนฺโตทฺวารโกฏฺกโต เอว. อุภยถาปิ วิหารโต พหิกตฺวาติ อตฺโถ. สูจิฆฏิกํ ทตฺวาติ อคฺคฬสูจิฺจ อุปริฆฏิกฺจ อาทหิตฺวา, สุฏฺุ กวาฏํ ถเกตฺวาติ อตฺโถ. ยาว พาหาคหณาปิ นามาติ ‘‘อปริสุทฺธา, อานนฺท, ปริสา’’ติ วจนํ สุตฺวา เอว หิ เตน ปกฺกมิตพฺพํ สิยา, เอวํ อปกฺกมิตฺวา ยาว พาหาคหณาปิ นาม โส โมฆปุริโส อาคมิสฺสติ, อจฺฉริยมิทนฺติ ทสฺเสติ. อิทฺจ ครหณจฺฉริยเมวาติ เวทิตพฺพํ.

มหาสมุทฺเท อฏฺจฺฉริยกถาวณฺณนา

๓๘๔. อฏฺิเม, ภิกฺขเว, มหาสมุทฺเทติ (อุทา. อฏฺ. ๔๕) โก อนุสนฺธิ? ยฺวายํ อปริสุทฺธาย ปริสาย ปาติโมกฺขสฺส อนุทฺเทโส, โส อิมสฺมึ ธมฺมวินเย อจฺฉริโย อพฺภุโต ธมฺโมติ ตํ อปเรหิ สตฺตหิ อจฺฉริยอพฺภุตธมฺเมหิ สทฺธึ วิภชิตฺวา ทสฺเสตุกาโม ปมํ ตาว เตสํ อุปมาภาเวน มหาสมุทฺเท อจฺฉริยอพฺภุตธมฺเม ทสฺเสนฺโต สตฺถา ‘‘อฏฺิเม, ภิกฺขเว, มหาสมุทฺเท’’ติอาทิมาห. อสุราติ เทวา วิย น สุรนฺติ น อีสนฺติ น วิโรจนฺตีติ อสุรา. สุรา นาม เทวา, เตสํ ปฏิปกฺขาติ วา อสุรา, เวปจิตฺติปหาราทาทโย. เตสํ ภวนํ สิเนรุสฺส เหฏฺาภาเค, เต ตตฺถ ปวิสนฺตา นิกฺขมนฺตา สิเนรุปาเท มณฺฑปาทีนิ นิมฺมินิตฺวา กีฬนฺตาว อภิรมนฺติ. สา ตตฺถ เตสํ อภิรติ อิเม คุเณ ทิสฺวาติ อาห ‘‘เย ทิสฺวา ทิสฺวา อสุรา มหาสมุทฺเท อภิรมนฺตี’’ติ. ตตฺถ อภิรมนฺตีติ รตึ วินฺทนฺติ, อนุกฺกณฺมานา วสนฺตีติ อตฺโถ.

อนุปุพฺพนินฺโนติอาทีนิ สพฺพานิ อนุปฏิปาฏิยา นินฺนภาวสฺเสว เววจนานิ. น อายตเกเนว ปปาโตติ นจฺฉินฺนตฏมหาโสพฺโภ วิย อาทิโต เอว ปปาโต. โส หิ ตีรเทสโต ปฏฺาย เอกงฺคุลทฺวงฺคุลวิทตฺถิรตนยฏฺิอุสภอฑฺฒคาวุตคาวุตอฑฺฒโยชนโยชนาทิวเสน คมฺภีโร หุตฺวา คจฺฉนฺโต คจฺฉนฺโต สิเนรุปาทมูเล จตุราสีติโยชนสหสฺสคมฺภีโร หุตฺวา ิโตติ ทสฺเสติ.

ิตธมฺโมติ ิตสภาโว อวฏฺิตสภาโว. กุณเปนาติ เยน เกนจิ หตฺถิอสฺสาทิกเฬวเรน. วาเหตีติ หตฺเถน คเหตฺวา วิย วีจิปฺปหาเรเนว ถเล ขิปติ. คงฺคา ยมุนาติ อโนตตฺตทหสฺส ทกฺขิณมุขโต นิกฺขนฺตนที ปฺจธารา หุตฺวา ปวตฺตฏฺาเน คงฺคาติอาทินา ปฺจธา สงฺขํ คตา. ตตฺถ นที นินฺนคาติอาทิกํ โคตฺตํ, คงฺคา ยมุนาติอาทิกํ นามํ. สวนฺติโยติ ยา กาจิ สวมานา สนฺทมานา คจฺฉนฺติโย มหานทิโย วา กุนฺนทิโย วา. อปฺเปนฺตีติ อลฺลียนฺติ โอสรนฺติ. ธาราติ วุฏฺิธารา. ปูรตฺตนฺติ ปุณฺณภาโว. มหาสมุทฺทสฺส หิ อยํ ธมฺมตา – ‘‘อิมสฺมึ กาเล เทโว มนฺโท ชาโต, ชาลกฺขิปาทีนิ อาทาย มจฺฉกจฺฉเป คณฺหิสฺสามี’’ติ วา ‘‘อิมสฺมึ กาเล อติมหนฺตา วุฏฺิ, ลภิสฺสาม นุ โข ปิฏฺิปสารณฏฺาน’’นฺติ วา น สกฺกา วตฺตุํ. ปมกปฺปิกกาลโต ปฏฺาย หิ ตีรํ ภสฺสิตฺวา สิเนรุเมขลํ อาหจฺจ อุทกํ ิตํ, ตโต เอกงฺคุลมตฺตมฺปิ อุทกํ เนว เหฏฺา โอตรติ, น อุทฺธํ อุตฺตรติ. เอกรโสติ อสมฺภินฺนรโส.

มุตฺตาติ ขุทฺทกมหนฺตวฏฺฏทีฆาทิเภทา อเนกวิธมุตฺตา. มณีติ รตฺตนีลาทิเภโท อเนกวิโธ มณิ. เวฬุริโยติ วํสวณฺณสิรีสปุปฺผวณฺณาทิสณฺานโต อเนกวิโธ. สงฺโขติ ทกฺขิณาวฏฺฏกตุมฺพกุจฺฉิธมนสงฺขาทิเภโท อเนกวิโธ. สิลาติ เสตกาฬมุคฺควณฺณาทิเภทา อเนกวิธา. ปวาฬมฺปิ ขุทฺทกมหนฺตรตฺตฆนรตฺตาทิเภทํ อเนกวิธํ. โลหิตโก ปทุมราคาทิเภโท อเนกวิโธ. มสารคลฺลํ กพรมณิ. จิตฺตผลิกนฺติปิ วทนฺติ. มหตํ ภูตานนฺติ มหนฺตานํ สตฺตานํ. ติมิ ติมิงฺคโล ติมิติมิงฺคโลติ ติสฺโส มจฺฉชาติโย. ติมึ คิลนสมตฺโถ ติมิงฺคโล, ติมิฺจ ติมิงฺคลฺจ คิลนสมตฺโถ ติมิติมิงฺคโลติ วทนฺติ. นาคาติ อูมิปิฏฺิวาสิโนปิ วิมานฏฺกนาคาปิ.

อิมสฺมึ ธมฺมวินเย อฏฺจฺฉริยกถาวณฺณนา

๓๘๕. เอวเมวโขติ กิฺจาปิ สตฺถา อิมสฺมึ ธมฺมวินเย โสฬสปิ พาตฺตึสปิ ตโต ภิยฺโยปิ อจฺฉริยพฺภุตธมฺเม วิภชิตฺวา ทสฺเสตุํ สกฺโกติ, อุปมาภาเวน ปน คหิตานํ อฏฺนฺนํ อนุรูปวเสน อฏฺเว เต อุปเมตพฺพธมฺเม วิภชิตฺวา ทสฺสนฺโต ‘‘เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อิมสฺมึ ธมฺมวินเย อฏฺ อจฺฉริยา อพฺภุตา ธมฺมา’’ติ อาห. ตตฺถ อนุปุพฺพสิกฺขาย ติสฺโส สิกฺขา คหิตา, อนุปุพฺพกิริยาย เตรส ธุตธมฺมา, อนุปุพฺพปฏิปทาย สตฺต อนุปสฺสนา อฏฺารส มหาวิปสฺสนา อฏฺตึส อารมฺมณวิภตฺติโย สตฺตตึส โพธิปกฺขิยธมฺมา จ คหิตา. น อายตเกเนว อฺาปฏิเวโธติ มณฺฑูกสฺส อุปฺปติตฺวา คมนํ วิย อาทิโตว สีลปูรณาทีนิ อกตฺวา อรหตฺตปฏิเวโธ นาม นตฺถิ, ปฏิปาฏิยา ปน สีลสมาธิปฺาโย ปูเรตฺวาว อรหตฺตปฺปตฺตีติ อตฺโถ.

มมสาวกาติ โสตาปนฺนาทิเก อริยปุคฺคเล สนฺธาย วทติ. น สํวสตีติ อุโปสถกมฺมาทิวเสน สํวาสํ น กโรติ. อุกฺขิปตีติ อปเนติ. อารกาวาติ ทูเร เอว. ตถาคตปฺปเวทิเตติ ตถาคเตน ภควตา สาวเกสุ เทสิเต อกฺขาเต ปกาสิเต. น เตน นิพฺพานธาตุยา อูนตฺตํ วา ปูรตฺตํ วาติ อสงฺขฺเยยฺเยปิ มหากปฺเป พุทฺเธสุ อนุปฺปชฺชนฺเตสุ เอกสตฺโตปิ ปรินิพฺพาตุํ น สกฺโกติ, ตทาปิ ‘‘ตุจฺฉา นิพฺพานธาตู’’ติ น สกฺกา วตฺตุํ, พุทฺธกาเล ปน เอเกกสฺมึ สมาคเม อสงฺขฺเยยฺยาปิ สตฺตา อมตํ อาราเธนฺติ, ตทาปิ น สกฺกา วตฺตุํ ‘‘ปูรา นิพฺพานธาตู’’ติ. วิมุตฺติรโสติ กิเลเสหิ วิมุจฺจนรโส. สพฺพา หิ สาสนสมฺปตฺติ ยาวเทว อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตสฺส วิมุตฺตีติ อตฺโถ.

รตนานีติ รติชนนฏฺเน รตนานิ. สติปฏฺานาทโย หิ ภาวิยมานา ปุพฺพภาเคปิ อเนกวิธํ ปีติปาโมชฺชํ นิพฺพตฺเตนฺติ, ปเคว อปรภาเค. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘ยโต ยโต สมฺมสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;

ลภตี ปีติปาโมชฺชํ, อมตํ ตํ วิชานต’’นฺติ. (ธ. ป. ๓๗๔);

โลกิยรตนนิมิตฺตํ ปน ปีติปาโมชฺชํ น ตสฺส กลภาคมฺปิ อคฺฆติ. อปิจ –

จิตฺตีกตํ มหคฺฆฺจ, อตุลํ ทุลฺลภทสฺสนํ;

อโนมสตฺตปริโภคํ, รตนนฺติ ปวุจฺจติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๓);

ยทิ จ จิตฺตีกตาทิภาเวน รตนํ นาม โหติ, สติปฏฺานาทีนฺเว ภูโต รตนภาโว. โพธิปกฺขิยธมฺมานฺหิ โส อานุภาโว, ยํ สาวกา สาวกปารมีาณํ, ปจฺเจกสมฺพุทฺธา ปจฺเจกโพธิาณํ, สมฺมาสมฺพุทฺธา สมฺมาสมฺโพธึ อธิคจฺฉนฺติ อาสนฺนการณตฺตา. ปรมฺปรการณฺหิ ทานาทิอุปนิสฺสโยติ เอวํ รติชนนฏฺเน จิตฺตีกตาทิอตฺเถน จ รตนภาโว โพธิปกฺขิยธมฺมานํ สาติสโย. เตน วุตฺตํ ‘‘ตตฺริมานิ รตนานิ, เสยฺยถิทํ – จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติอาทิ.

อารมฺมเณ โอกฺกนฺทิตฺวา อุปฏฺานฏฺเน ปฏฺานํ, สติเยว ปฏฺานํ สติปฏฺานํ. อารมฺมณสฺส ปน กายาทิวเสน จตุพฺพิธตฺตา วุตฺตํ ‘‘จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติ. ตถา หิ กายเวทนาจิตฺตธมฺเมสุ สุภสุขนิจฺจอตฺตสฺานํ ปหานโต อสุภทุกฺขานิจฺจานตฺตภาวคฺคหณโต จ เนสํ กายานุปสฺสนาทิภาโว วิภตฺโต.

สมฺมา ปทหนฺติ เอเตน, สยํ วา สมฺมา ปทหติ, ปสตฺถํ สุนฺทรํ วา ปทหนนฺติ สมฺมปฺปธานํ, ปุคฺคลสฺส วา สมฺมเทว ปธานภาวกรณโต สมฺมปฺปธานํ, วีริยสฺเสตํ อธิวจนํ. ตมฺปิ อนุปฺปนฺนุปฺปนฺนานํ อกุสลานํ อนุปฺปาทนปหานวเสน อนุปฺปนฺนุปฺปนฺนานํ กุสลานํ อุปฺปาทนาปนวเสน จ จตุกิจฺจสาธกตฺตา วุตฺตํ ‘‘จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา’’ติ.

อิชฺฌตีติ อิทฺธิ, สมิชฺฌติ นิปฺผชฺชตีติ อตฺโถ. อิชฺฌนฺติ ตาย วา สตฺตา อิทฺธา วุทฺธา อุกฺกํสคตา โหนฺตีติ อิทฺธิ. ปเมน อตฺเถน อิทฺธิ เอว ปาโท อิทฺธิปาโท, อิทฺธิโกฏฺาโสติ อตฺโถ. ทุติเยน อตฺเถน อิทฺธิยา ปาโท ปติฏฺา อธิคมุปาโยติ อิทฺธิปาโท. เตน หิ อุปรูปริวิเสสสงฺขาตํ อิทฺธึ ปชฺชนฺติ ปาปุณนฺติ. สฺวายํ อิทฺธิปาโท ยสฺมา ฉนฺทาทิเก จตฺตาโร อธิปติธมฺเม ธุเร เชฏฺเก กตฺวา นิพฺพตฺตียติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘จตฺตาโร อิทฺธิปาโท’’ติ.

ปฺจินฺทฺริยานีติ สทฺธาทีนิ ปฺจ อินฺทฺริยานิ. ตตฺถ อสฺสทฺธิยํ อภิภวิตฺวา อธิโมกฺขลกฺขเณ อินฺทฏฺํ กาเรตีติ สทฺธา อินฺทฺริยํ. โกสชฺชํ อภิภวิตฺวา ปคฺคหลกฺขเณ, ปมาทํ อภิภวิตฺวา อุปฏฺานลกฺขเณ, วิกฺเขปํ อภิภวิตฺวา อวิกฺเขปลกฺขเณ, อฺาณํ อภิภวิตฺวา ทสฺสนลกฺขเณ อินฺทฏฺํ กาเรตีติ ปฺา อินฺทฺริยํ.

ตานิเยว อสฺสทฺธิยาทีหิ อนภิภวนียโต อกมฺปิยฏฺเน สมฺปยุตฺตธมฺเมสุ ถิรภาเวน จ พลานิ เวทิตพฺพานิ.

สตฺต โพชฺฌงฺคาติ โพธิยา, โพธิสฺส วา องฺคาติ โพชฺฌงฺคา. ยา หิ เอสา ธมฺมสามคฺคี, ยาย โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ อุปฺปชฺชมานาย ลีนุทฺธจฺจปติฏฺานายูหนกามสุขตฺตกิลมถานุโยคอุจฺเฉทสสฺสตาภินิเวสาทีนํ อเนเกสํ อุปทฺทวานํ ปฏิปกฺขภูตาย สติธมฺมวิจยวีริยปีติปสฺสทฺธิสมาธิอุเปกฺขาสงฺขาตาย ธมฺมสามคฺคิยา อริยสาวโก พุชฺฌติ กิเลสนิทฺทาย อุฏฺหติ, จตฺตาริ วา อริยสจฺจานิ ปฏิวิชฺฌติ, นิพฺพานเมว วา สจฺฉิกโรตีติ ‘‘โพธี’’ติ วุจฺจติ, ตสฺสา ธมฺมสามคฺคิสงฺขาตาย โพธิยา องฺคาติ โพชฺฌงฺคา ฌานงฺคมคฺคงฺคาทโย วิย. โยเปส วุตฺตปฺปการาย ธมฺมสามคฺคิยา พุชฺฌตีติ กตฺวา อริยสาวโก ‘‘โพธี’’ติ วุจฺจติ, ตสฺส โพธิสฺส วา องฺคาติปิ โพชฺฌงฺคา เสนงฺครถงฺคาทโย วิย. เตนาหุ โปราณา ‘‘พุชฺฌนกสฺส ปุคฺคลสฺส องฺคาติ โพชฺฌงฺคา’’ติ (สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๕.๑๘๒; วิภ. อฏฺ. ๔๖๖; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๑.๑.๒๕), ‘‘โพธาย สํวตฺตนฺตีติ โพชฺฌงฺคา’’ติอาทินา (ปฏิ. ม. ๒.๑๗) นเยนปิ โพชฺฌงฺคฏฺโ เวทิตพฺโพ.

อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโคติ ตํตํมคฺควชฺเฌหิ กิเลเสหิ อารกตฺตา อริยภาวกรตฺตา อริยผลปฏิลาภกรตฺตา จ อริโย. สมฺมาทิฏฺิอาทีนิ อฏฺงฺคานิ อสฺส อตฺถิ, อฏฺงฺคานิเยว วา อฏฺงฺคิโก. มาเรนฺโต กิเลเส คจฺฉติ, นิพฺพานตฺถิเกหิ วา มคฺคียติ, สยํ วา นิพฺพานํ มคฺคตีติ มคฺโคติ เอวเมเตสํ สติปฏฺานาทีนํ อตฺถวิภาโค เวทิตพฺโพ.

โสตาปนฺโนติ มคฺคสงฺขาตํ โสตํ อาปชฺชิตฺวา ปาปุณิตฺวา ิโต, โสตาปตฺติผลฏฺโติ อตฺโถ. โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺโนติ โสตาปตฺติผลสฺส อตฺตปจฺจกฺขกรณตฺถาย ปฏิปชฺชมาโน ปมมคฺคฏฺโ , โย อฏฺมโกติปิ วุจฺจติ. สกทาคามีติ สกิเทว อิมํ โลกํ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน อาคมนสีโล ทุติยผลฏฺโ. อนาคามีติ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน กามโลกํ อนาคมนสีโล ตติยผลฏฺโ. โย ปน สทฺธานุสารี ธมฺมานุสารี เอกพีชีติ เอวมาทิโก อริยปุคฺคลวิภาโค, โส เตสํเยว เภโทติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ อตฺตโน ธมฺมวินเย มตกุณปสทิเสน ทุสฺสีลปุคฺคเลน สทฺธึ สํวาสาภาวสงฺขาตํ อตฺถํ วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ อสํวาสารหสํวาสารหภาวานํ การณปริทีปนํ อุทานํ อุทาเนสิ.

ตตฺถ ฉนฺนมติวสฺสตีติ อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ปฏิจฺฉาเทนฺโต อฺํ นวํ อาปตฺตึ

อาปชฺชติ, ตโต อปรนฺติ เอวํ อาปตฺติวสฺสํ กิเลสวสฺสํ อติวิย วสฺสติ. วิวฏํ นาติวสฺสตีติ อาปตฺตึ อาปนฺโน ตํ อปฺปฏิจฺฉาเทตฺวา วิวรนฺโต สพฺรหฺมจารีนํ ปกาเสนฺโต ยถาธมฺมํ ยถาวินยํ ปฏิกโรนฺโต เทเสนฺโต วุฏฺหนฺโต อฺํ นวํ อาปตฺตึ นาปชฺชติ, เตนสฺส ตํ วิวฏํ ปุน อาปตฺติวสฺสํ กิเลสวสฺสํ น วสฺสติ. ยสฺมา จ เอตเทว, ตสฺมา ฉนฺนํ ฉาทิตํ อาปตฺตึ วิวเรถ. เอวํ ตํ นาติวสฺสตีติ เอวํ สนฺเต ตํ อาปตฺตึ อาปชฺชนปุคฺคลานํ อตฺตภาวํ อติวิชฺฌิตฺวา กิเลสวสฺสเนน น วสฺสติ น เตเมติ, เอวํ โส กิเลเสหิ อนวสฺสุโต ปริสุทฺธสีโล สมาหิโต หุตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา สมฺมสนฺโต อนุกฺกเมน นิพฺพานํ ปาปุณาตีติ อธิปฺปาโย.

อิมสฺมึ ธมฺมวินเย อฏฺจฺฉริยกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปาติโมกฺขสวนารหกถาวณฺณนา

๓๘๖. อถ ภควา จินฺเตสิ ‘‘อิทานิ ภิกฺขุสงฺเฆ อพฺพุโท ชาโต, อปริสุทฺธา ปุคฺคลา อุโปสถํ อาคจฺฉนฺติ, น จ ตถาคโต อปริสุทฺธาย ปริสาย อุโปสถํ อุทฺทิสติ, อนุทฺทิสนฺเต จ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อุโปสโถ ปจฺฉิชฺชติ, ยนฺนูนาหํ อิโต ปฏฺาย ภิกฺขูนฺเว ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อนุชาเนยฺย’’นฺติ, เอวํ ปน จินฺเตตฺวา ภิกฺขูนฺเว ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อนุชานิ . เตน วุตฺตํ ‘‘อถ โข ภควา…เป… ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยาถา’’ติ. ตตฺถ นทานาหนฺติ น อิทานิ อหํ. อุโปสถํ น กริสฺสามิ, ปาติโมกฺขํ น อุทฺทิสิสฺสามีติ ปจฺเจกํ -กาเรน สมฺพนฺโธ. ทุวิธํ ปาติโมกฺขํ อาณาปาติโมกฺขํ โอวาทปาติโมกฺขนฺติ. เตสุ ‘‘สุณาตุ เม ภนฺเต’’ติอาทิกํ อาณาปาติโมกฺขํ, ตํ สาวกาว อุทฺทิสนฺติ, น พุทฺธา, ยํ อนฺวทฺธมาสํ อุทฺทิสียติ. ‘‘ขนฺตี ปรมํ…เป… สพฺพปาปสฺส อกรณํ…เป… อนุปวาโท อนุปฆาโต…เป… เอตํ พุทฺธาน สาสน’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๙๐; ธ. ป. ๑๘๓-๑๘๕) อิมา ปน ติสฺโส คาถา โอวาทปาติโมกฺขํ นาม, ตํ พุทฺธาว อุทฺทิสนฺติ, น สาวกา. ฉนฺนมฺปิ วสฺสานํ อจฺจเยน อุทฺทิสนฺติ. ทีฆายุกพุทฺธานฺหิ ธรมานกาเล อยเมว ปาติโมกฺขุทฺเทโส, อปฺปายุกพุทฺธานํ ปน ปมโพธิยํเยว, ตโต ปรํ อิตโร, ตฺจ โข ภิกฺขู เอว อุทฺทิสนฺติ, น พุทฺธา. ตสฺมา อมฺหากมฺปิ ภควา วีสติวสฺสมตฺตํ อิมํ โอวาทปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตฺวา อิมํ อนฺตรายํ ทิสฺวา ตโต ปรํ น อุทฺทิสิ.

อฏฺานนฺติ อการณํ. อนวกาโสติ ตสฺเสว เววจนํ. การณฺหิ ติฏฺติ เอตฺถ ผลํ ตทายตฺตวุตฺติตายาติ ‘‘าน’’นฺติ วุจฺจติ, เอวํ ‘‘อวกาโส’’ติปิ วุจฺจติ. นฺติ กิริยาปรามสนํ. น จ, ภิกฺขเว, สาปตฺติเกน ปาติโมกฺขํ โสตพฺพนฺติอาทิ ปทตฺถโต สุวิฺเยฺยํ. วินิจฺฉยโต ปเนตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ อฏฺกถาย วุตฺตเมว. ตตฺถ ปุเร วา ปจฺฉา วาติ ตฺติโต ปุพฺเพ วา ปจฺฉา วา.

ธมฺมิกาธมฺมิกปาติโมกฺขฏฺปนกถาวณฺณนา

๓๘๗. กตฺจ อกตฺจ อุภยํ คเหตฺวาติ ยสฺส เอกนฺเตน กตาปิ อตฺถิ, อกตาปิ อตฺถิ, ตสฺส ตทุภยํ คเหตฺวา.

ธมฺมิกปาติโมกฺขฏฺปนกถาวณฺณนา

๓๘๙. ปริสาวุฏฺาตีติ ยสฺมึ วตฺถุสฺมึ ปาติโมกฺขํ ปิตํ, ตํ วตฺถุํ อวินิจฺฉินิตฺวา เกนจิ อนฺตราเยน วุฏฺาติ.

๓๙๓. ปจฺจาทิยตีติ ปติ อาทิยติ, ‘‘อกตํ กมฺม’’นฺติอาทินา ปุน อารภตีติ อตฺโถ.

อตฺตาทานองฺคกถาวณฺณนา

๓๙๘. ปรํ โจเทตุํ อตฺตนา อาทาตพฺพํ คเหตพฺพํ อธิกรณํ อตฺตาทานํ. เตนาห ‘‘สาสนํ โสเธตุกาโม’’ติอาทิ. วสฺสารตฺโตติ วสฺสกาโล.

โจทเกน ปจฺจเวกฺขิตพฺพธมฺมกถาวณฺณนา

๓๙๙. ปฏิมาสิตุนฺติ ปรามสิตุํ. ปลิโพเธ ฉินฺทิตฺวา…เป… อธิคตํ เมตฺตจิตฺตนฺติ อิมินา อปฺปนาปฺปตฺตํ เมตฺตาภาวนํ ทสฺเสติ. เตเนวาห ‘‘วิกฺขมฺภนวเสน วิหตาฆาต’’นฺติ.

โจทเกน อุปฏฺาเปตพฺพธมฺมกถาวณฺณนา

๔๐๐. โน โทสนฺตโรติ เอตฺถ จิตฺตปริยาโย อนฺตร-สทฺโทติ อาห ‘‘น ทุฏฺจิตฺโต หุตฺวา’’ติ.

โจทกจุทิตกปฏิสํยุตฺตกถาวณฺณนา

๔๐๑. กรุณนฺติ อปฺปนาปฺปตฺตํ กรุณชฺฌานํ. กรุณาปุพฺพภาคนฺติ ปริกมฺมุปจารวสปฺปวตฺตํ กรุณํ. เมตฺตฺจ เมตฺตาปุพฺพภาคฺจาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมวาติ.

ปาติโมกฺขฏฺปนกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.