📜

๑๐. ภิกฺขุนิกฺขนฺธกํ

มหาปชาปติโคตมีวตฺถุกถาวณฺณนา

๔๐๒. ภิกฺขุนิกฺขนฺธเก สกฺเกสุ วิหรตีติ ปมคมเนน คนฺตฺวา วิหรติ. มหาปชาปติ โคตมีติ เอตฺถ โคตมีติ โคตฺตํ. นามกรณทิวเส ปนสฺสา ลทฺธสกฺการา พฺราหฺมณา ลกฺขณสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ‘‘สเจ อยํ ธีตรํ ลภิสฺสติ, จกฺกวตฺติรฺโ มเหสี ภวิสฺสติ. สเจ ปุตฺตํ ลภิสฺสติ, จกฺกวตฺติราชา ภวิสฺสตีติ อุภยถาปิ มหตีเยวสฺสา ปชา ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากรึสุ, ตสฺมา ปุตฺตปชาย เจว ธีตุปชาย จ มหนฺตตาย ‘‘มหาปชาปตี’’ติ นามํ อกํสุ, อิธ ปน โคตฺเตน สทฺธึ สํสนฺทิตฺวา ‘‘มหาปชาปติ โคตมี’’ติ วุตฺตํ. เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติ ภควา กปิลปุรํ คนฺตฺวา ปมเมว นนฺทํ ปพฺพาเชสิ, สตฺตเม ทิวเส ราหุลกุมารํ. จุมฺพฏกกลเห ปน อุภยนครวาสิเกสุ ยุทฺธตฺถาย นิกฺขนฺเตสุ สตฺถา คนฺตฺวา เต ราชาโน สฺาเปตฺวา อตฺตทณฺฑสุตฺตํ (สุ. นิ. ๙๔๑ อาทโย) กเถสิ. ราชาโน ปสีทิตฺวา อฑฺฒเตยฺยสเต อฑฺฒเตยฺยสเต ทารเก อทํสุ. ตานิ ปฺจ กุมารสตานิ สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชึสุ. อถ เนสํ ปชาปติโย สาสนํ เปเสตฺวา อนภิรตึ อุปฺปาทยึสุ. สตฺถา เตสํ อนภิรติยา อุปฺปนฺนภาวํ ตฺวา เต ปฺจสเต ทหรภิกฺขู กุณาลทหํ เนตฺวา อตฺตโน กุณาลกาเล นิสินฺนปุพฺเพ ปาสาณตเล นิสีทิตฺวา กุณาลชาตกกถาย (ชา. ๒.๒๑.กุณาลชาตก) เตสํ อนภิรตึ วิโนเทตฺวา สพฺเพปิ เต โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปสิ, ปุน มหาวนํ อาเนตฺวา อรหตฺตผเล. เตสํ จิตฺตชานนตฺถํ ปุนปิ ปชาปติโย สาสนํ ปหิณึสุ. เต ‘‘อภพฺพา มยํ ฆราวาสสฺสา’’ติ ปฏิสาสนํ ปหิณึสุ. ตา ‘‘น ทานิ อมฺหากํ ปรฆรํ คนฺตุํ ยุตฺตํ, มหาปชาปติยา สนฺติกํ คนฺตฺวา ปพฺพชฺชํ อนุชานาเปตฺวา ปพฺพชิสฺสามา’’ติ ปฺจสตาปิ มหาปชาปตึ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อยฺเย, อมฺหากํ ปพฺพชฺชํ อนุชานาเปถา’’ติ อาหํสุ. มหาปชาปติ จ ตา อิตฺถิโย คเหตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, เสตจฺฉตฺตสฺส เหฏฺา รฺโ ปรินิพฺพุตกาเล อุปสงฺกมีติปิ วทนฺติเยว. ปกฺกามีติ ปุน กปิลปุรเมว ปาวิสิ.

ยถาภิรนฺตํวิหริตฺวาติ โพธเนยฺยสตฺตานํ อุปนิสฺสยํ โอโลเกนฺโต ยถาชฺฌาสเยน วิหริตฺวา. จาริกํ ปกฺกามีติ มหาชนสงฺคหํ กโรนฺโต อุตฺตมาย พุทฺธสิริยา อโนปเมน พุทฺธวิลาเสน อตุริตจาริกํ ปกฺกามิ. สมฺพหุลาหิ สากิยานีหิ สทฺธินฺติ อนฺโตนิเวสนสฺมึเยว ทสพลํ อุทฺทิสฺส ปพฺพชฺชาเวสํ คเหตฺวา ตาปิ ปฺจสตา สากิยานิโย ปพฺพชฺชาเวสํเยว คาหาเปตฺวา สพฺพาหิปิ ตาหิ สมฺพหุลาหิ สากิยานีหิ สทฺธึ. ปกฺกามีติ คมนํ อภินีหริ. คมนาภินีหรณกาเล ปนสฺสา ‘‘สุกุมารา ราชิตฺถิโย ปทสา คนฺตุํ น สกฺขิสฺสนฺตี’’ติ สากิยโกลิยราชาโน สุวณฺณสิวิกาโย อุปฏฺาปยึสุ, ตา ปน ‘‘ยาเน อารุยฺห คจฺฉนฺตีหิ สตฺถริ อคารโว กโต โหตี’’ติ เอกปณฺณาสโยชนิกํ มคฺคํ ปทสาว ปฏิปชฺชึสุ. ราชาโนปิ ปุรโต จ ปจฺฉโต จ อารกฺขํ สํวิทหาเปตฺวา ตณฺฑุลสปฺปิเตลาทีนํ สกฏานิ ปูเรตฺวา ‘‘คตคตฏฺาเน อาหารํ ปฏิยาเทถา’’ติ ปุริเส เปสยึสุ. สูเนหิ ปาเทหีติ ตาสฺหิ สุขุมาลตฺตา ปาเทสุ เอโก โผโฏ อุฏฺเติ, เอโก ภิชฺชติ, อุโภ ปาทา กฏกฏฺิสมฺปริกิณฺณา วิย หุตฺวา อุทฺธุมาตา. เตน วุตฺตํ ‘‘สูเนหิ ปาเทหี’’ติ. พหิทฺวารโกฏฺเกติ ทฺวารโกฏฺกสฺส พหิ. กสฺมา ปเนวํ ิตาติ? เอวํ กิรสฺสา อโหสิ ‘‘อหํ ตถาคเตน อนุฺาตา สยเมว ปพฺพชฺชาเวสํ อคฺคเหสึ, เอวํ คหิตภาโว จ ปน เม สกลชมฺพุทีเป ปากโฏ ชาโต, สเจ สตฺถา ปพฺพชฺชํ อนุชานิสฺสติ, อิจฺเจตํ กุสลํ. สเจ นานุชานิสฺสติ, มหตี ครหา ภวิสฺสตี’’ติ วิหารํ ปวิสิตุํ อสกฺโกนฺตี โรทมานา อฏฺาสิ. กึ นุ ตฺวํ โคตมีติ กึ นุ ราชกุลานํ วิปตฺติ อุปฺปนฺนา, เกน นุ ตฺวํ การเณน เอวํ วิวณฺณภาวํ ปตฺตา สูเนหิ ปาเทหิ…เป… ิตาติ.

อฺเนปิ ปริยาเยนาติ อฺเนปิ การเณน. อาปาทิกาติ สํวฑฺฒิกา, ตุมฺหากํ หตฺถปาเทสุ หตฺถปาทกิจฺจํ อสาเธนฺเตสุ หตฺเถ จ ปาเท จ วฑฺเฒตฺวา ปฏิชคฺคิกาติ อตฺโถ. โปสิกาติ ทิวสสฺส ทฺเว ตโย วาเร นหาเปตฺวา โภเชตฺวา ปาเยตฺวา ตุมฺเห โปเสสิ. ถฺํ ปาเยสีติ นนฺทกุมาโร กิร โพธิสตฺตโต กติปาเหเนว ทหรตโร. ตสฺมึ ชาเต มหาปชาปติ อตฺตโน ปุตฺตํ ธาตีนํ ทตฺวา สยํ โพธิสตฺตสฺส ธาติกิจฺจํ สาธยมานา อตฺตโน ถฺํ ปาเยสิ. ตํ สนฺธาย เถโร เอวมาห. สาธุ ภนฺเตติ ‘‘พหุการา’’ติอาทีหิ ตสฺสา คุณํ กเถตฺวา ปุน ปพฺพชฺชํ ยาจนฺโต เอวมาห.

มหาปชาปติโคตมีวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

อฏฺครุธมฺมกถาวณฺณนา

๔๐๓. สตฺถาปิ ‘‘อิตฺถิโย นาม ปริตฺตสทฺธา, เอกายาจิตมตฺเตเยว ปพฺพชฺชาย อนุฺาตาย น มม สาสนํ ครุํ กตฺวา คณฺหิสฺสนฺตี’’ติ ติกฺขตฺตุํ ปฏิกฺขิปิตฺวา อิทานิ ครุํ กตฺวา คาหาเปตุกามตาย ‘‘สเจ, อานนฺท, มหาปชาปติ โคตมี อฏฺ ครุธมฺเม ปฏิคฺคณฺหาติ, สาวสฺสา โหตุ อุปสมฺปทา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สาวสฺสาติ สา เอว อสฺสา ปพฺพชฺชาปิ อุปสมฺปทาปิ โหตุ.

ตทหุปสมฺปนฺนสฺสาติ ตํ ทิวสมฺปิ อุปสมฺปนฺนสฺส. อภิวาทนํ ปจฺจุฏฺานํ อฺชลิกมฺมํ สามีจิกมฺมํ กาตพฺพนฺติ มานาติมานํ อกตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน อภิวาทนํ, อาสนา อุฏฺาย ปจฺจุคฺคมนวเสน ปจฺจุฏฺานํ, ทสนเข สโมธาเนตฺวา อฺชลิกมฺมํ, อาสนปฺาปนพีชนาทิกํ อนุจฺฉวิกกมฺมสงฺขาตํ สามีจิกมฺมฺจ กตฺตพฺพํ. อภิกฺขุเก อาวาเสติ ยตฺถ วสนฺติยา อนนฺตราเยน โอวาทตฺถาย อุปสงฺกมนารเห าเน โอวาททายโก อาจริโย นตฺถิ, อยํ อภิกฺขุโก อาวาโส นาม, เอวรูเป อาวาเส วสฺสํ น อุปคนฺตพฺพํ. อนฺวทฺธมาสนฺติ อนุโปสถิกํ. โอวาทูปสงฺกมนนฺติ โอวาทตฺถาย อุปสงฺกมนํ. ทิฏฺเนาติ จกฺขุนา ทิฏฺเน. สุเตนาติ โสเตน สุเตน. ปริสงฺกายาติ ทิฏฺสุตวเสน ปริสงฺกิเตน. ครุธมฺมนฺติ ครุกํ สงฺฆาทิเสสาปตฺตึ. ปกฺขมานตฺตนฺติ อนูนานิ ปนฺนรส ทิวสานิ มานตฺตํ. ฉสุ ธมฺเมสูติ วิกาลโภชนจฺฉฏฺเสุ สิกฺขาปเทสุ. สิกฺขิตสิกฺขายาติ เอกสิกฺขมฺปิ อขณฺฑํ กตฺวา ปูริตสิกฺขาย.

น อกฺโกสิตพฺโพ น ปริภาสิตพฺโพติ ทสนฺนํ อกฺโกสวตฺถูนํ อฺตเรน อกฺโกสวตฺถุนา น อกฺโกสิตพฺโพ, ภยุปทํสนาย กายจิ ปริภาสาย น ปริภาสิตพฺโพ. โอวโฏ ภิกฺขุนีนํ ภิกฺขูสุ วจนปโถติ โอวาทานุสาสนิธมฺมกถาสงฺขาโต วจนปโถ ภิกฺขุนีนํ ภิกฺขูสุ โอวโฏ ปิหิโต, น ภิกฺขุนิยา โกจิ ภิกฺขุ โอวทิตพฺโพ วา อนุสาสิตพฺโพ วา, ‘‘ภนฺเต โปราณกตฺเถรา อิทฺจิทฺจ วตฺตํ ปูรยึสู’’ติ เอวํ ปน ปเวณิวเสน กเถตุํ วฏฺฏติ. อโนวโฏ ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีสูติ ภิกฺขูนํ ปน ภิกฺขุนีสุ วจนปโถ อนิวาริโต, ยถารุจิยา โอวทนฺตุ อนุสาสนฺตุ ธมฺมกถํ กเถนฺตูติ อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปเนสา ครุธมฺมกถา มหาวิภงฺเค วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา.

อิเม ปน อฏฺ ครุธมฺเม สตฺถุ สนฺติเก อุคฺคเหตฺวา เถเรน อตฺตโน อาโรจิยมาเน สุตฺวา มหาปชาปติยา ตาวมหนฺตํ โทมนสฺสํ ขเณน ปฏิปฺปสฺสมฺภิ. อโนตตฺตทหโต อาหเฏน สีตุทกสฺส ฆฏสเตน มตฺถเก ปริสิตฺตา วิย วิคตปริฬาหา อตฺตมนา หุตฺวา ครุธมฺมปฏิคฺคหเณน อุปฺปนฺนปีติปาโมชฺชํ อาวิ กโรนฺตี ‘‘เสยฺยถาปิ, ภนฺเต’’ติอาทิกํ อุทานํ อุทาเนสิ. ตตฺถ ทหโรติ ตรุโณ. ยุวาติ โยพฺพฺภาเว ิโต. มณฺฑนกชาติโกติ อลงฺการสภาโว. ตตฺถ โกจิ ตรุโณปิ ยุวา น โหติ ยถา อติตรุโณ. โกจิ ยุวาปิ มณฺฑนกชาติโก น โหติ ยถา อุปสนฺตสภาโว อาลสิยพฺยสนาทีหิ วา อภิภูโต, อิธ ปน ทหโร เจว ยุวา จ มณฺฑนกชาติโก จ อธิปฺเปโต, ตสฺมา เอวมาห. อุปฺปลาทีนิ โลกสมฺมตตฺตา วุตฺตานิ. อิโต ปรํ ยํ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ตํ อฏฺกถายํ ทสฺสิตเมว.

ตตฺถ มาตุคามสฺส ปพฺพชิตตฺตาติ อิทํ ปฺจวสฺสสตโต อุทฺธํ อฏฺตฺวา ปฺจสุเยว วสฺสสเตสุ สทฺธมฺมฏฺิติยา การณนิทสฺสนํ. ปฏิสมฺภิทาปเภทปฺปตฺตขีณาสววเสเนว วุตฺตนฺติ เอตฺถ ‘‘ปฏิสมฺภิทาปตฺตขีณาสวคฺคหเณน ฌานานิปิ คหิตาเนว โหนฺติ. น หิ นิชฺฌานกานํ สพฺพปฺปการสมฺปตฺติ อิชฺฌตี’’ติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. สุกฺขวิปสฺสกขีณาสววเสน วสฺสสหสฺสนฺติอาทินา จ ยํ วุตฺตํ. ตํ ขนฺธกภาณกานํ มเตน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ทีฆนิกายฏฺกถายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๑๖๑) ปน เอวํ วุตฺตํ –

‘‘ปฏิสมฺภิทาปตฺเตหิ วสฺสสหสฺสํ อฏฺาสิ, ฉฬภิฺเหิ วสฺสสหสฺสํ, เตวิชฺเชหิ วสฺสสหสฺสํ, สุกฺขวิปสฺสเกหิ วสฺสสหสฺสํ, ปาติโมกฺเขน วสฺสสหสฺสํ อฏฺาสี’’ติ.

องฺคุตฺตรนิกายฏฺกถายมฺปิ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๓๐) –

‘‘พุทฺธานฺหิ ปรินิพฺพานโต วสฺสสหสฺสเมว ปฏิสมฺภิทา นิพฺพตฺเตตุํ สกฺโกนฺติ, ตโต ปรํ ฉ อภิฺา, ตโต ตาปิ นิพฺพตฺเตตุํ อสกฺโกนฺตา ติสฺโส วิชฺชา นิพฺพตฺเตนฺติ, คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล ตาปิ นิพฺพตฺเตตุํ อสกฺโกนฺตา สุกฺขวิปสฺสกา โหนฺติ. เอเตเนว อุปาเยน อนาคามิโน สกทาคามิโน โสตาปนฺนา’’ติ –

วุตฺตํ.

สํยุตฺตนิกายฏฺกถายํ ปน (สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๓.๑๕๖) –

‘‘ปมโพธิยฺหิ ภิกฺขู ปฏิสมฺภิทาปตฺตา อเหสุํ. อถ กาเล คจฺฉนฺเต ปฏิสมฺภิทา ปาปุณิตุํ น สกฺขึสุ, ฉฬภิฺา อเหสุํ, ตโต ฉ อภิฺา ปตฺตุํ อสกฺโกนฺตา ติสฺโส วิชฺชา ปาปุณึสุ. อิทานิ กาเล คจฺฉนฺเต ติสฺโส วิชฺชา ปาปุณิตุํ อสกฺโกนฺตา อาสวกฺขยมตฺตํ ปาปุณิสฺสนฺติ, ตมฺปิ อสกฺโกนฺตา อนาคามิผลํ, ตมฺปิ อสกฺโกนฺตา สกทาคามิผลํ, ตมฺปิ อสกฺโกนฺตา โสตาปตฺติผลํ, คจฺฉนฺเต กาเล โสตาปตฺติผลมฺปิ ปตฺตุํ น สกฺขิสฺสนฺตี’’ติ –

วุตฺตํ.

ยสฺมา เจตํ สพฺพํ อฺมฺปฏิวิรุทฺธํ, ตสฺมา เตสํ เตสํ ภาณกานํ มตเมว อาจริเยน ตตฺถ ตตฺถ ทสฺสิตนฺติ คเหตพฺพํ. อฺถา หิ อาจริยสฺเสว ปุพฺพาปรวิโรธปฺปสงฺโค สิยาติ.

ตานิเยวาติ ตานิเยว ปฺจ วสฺสสหสฺสานิ. ปริยตฺติมูลกํ สาสนนฺติ อาห ‘‘น หิ ปริยตฺติยา อสติ ปฏิเวโธ อตฺถี’’ติอาทิ. ปริยตฺติยา หิ อนฺตรหิตาย ปฏิปตฺติ อนฺตรธายติ, ปฏิปตฺติยา อนฺตรหิตาย อธิคโม อนฺตรธายติ. กึการณา? อยฺหิ ปริยตฺติ ปฏิปตฺติยา ปจฺจโย โหติ, ปฏิปตฺติ อธิคมสฺส, อิติ ปฏิปตฺติโตปิ ปริยตฺติเยว ปมาณํ. ตตฺถ ปฏิเวโธ จ ปฏิปตฺติ จ โหติปิ น โหติปิ. เอกสฺมิฺหิ กาเล ปฏิเวธกรา ภิกฺขู พหู โหนฺติ, ‘‘เอส ภิกฺขุ ปุถุชฺชโน’’ติ องฺคุลึ ปสาเรตฺวา ทสฺเสตพฺโพ โหติ, อิมสฺมึเยว ทีเป เอกวารํ ปุถุชฺชนภิกฺขุ นาม นาโหสิ. ปฏิปตฺติปูรกาปิ กทาจิ พหู โหนฺติ, กทาจิ อปฺปา, อิติ ปฏิเวโธ จ ปฏิปตฺติ จ โหติปิ น โหติปิ. สาสนฏฺิติยา ปน ปริยตฺติเยว ปมาณํ. ปณฺฑิโต หิ เตปิฏกํ สุตฺวา ทฺเวปิ ปูเรติ. ยถา อมฺหากํ โพธิสตฺโต อาฬารสฺส สนฺติเก ปฺจาภิฺา สตฺต จ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺติยา ปริกมฺมํ ปุจฺฉิ, โส ‘‘น ชานามี’’ติ อาห, ตโต อุทกสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อธิคตวิเสสํ สํสนฺทิตฺวา เนวสฺานาสฺายตนสฺส ปริกมฺมํ ปุจฺฉิ, โส อาจิกฺขิ, ตสฺส วจนสมนนฺตรเมว มหาสตฺโต ตํ สมฺปาเทสิ, เอวเมว ปฺวา ภิกฺขุ ปริยตฺตึ สุตฺวา ทฺเวปิ ปูเรติ, ตสฺมา ปริยตฺติยา ิตาย สาสนํ ิตํ โหติ. ยถาปิ มหโต ตฬากสฺส ปาฬิยา ถิราย อุทกํ น สฺสตีติ น วตฺตพฺพํ, อุทเก สติ ปทุมาทีนิ ปุปฺผานิ น ปุปฺผิสฺสนฺตีติ น วตฺตพฺพํ, เอวเมว มหาตฬากสฺส ถิรปาฬิสทิเส เตปิฏเก พุทฺธวจเน สติ มหาตฬาเก อุทกสทิสา ปฏิปตฺติปูรกา กุลปุตฺตา นตฺถีติ น วตฺตพฺพํ, เตสุ สติ มหาตฬาเก ปทุมาทีนิ ปุปฺผานิ วิย โสตาปนฺนาทโย อริยปุคฺคลา นตฺถีติ น วตฺตพฺพํ. เอวํ เอกนฺตโต ปริยตฺติเยว ปมาณํ.

ปริยตฺติยา อนฺตรหิตายาติ เอตฺถ ปริยตฺตีติ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๓๐) เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ สาฏฺกถา ปาฬิ. ยาว สา ติฏฺติ, ตาว ปริยตฺติ ปริปุณฺณา นาม โหติ. คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล กลิยุคราชาโน อธมฺมิกา โหนฺติ, เตสุ อธมฺมิเกสุ เตสมฺปิ อมจฺจาทโย อธมฺมิกา โหนฺติ, ตโต รฏฺชนปทวาสิโนติ เตสํ อธมฺมิกตาย น เทโว สมฺมา วสฺสติ, ตโต สสฺสานิ น สมฺปชฺชนฺติ, เตสุ อสมฺปชฺชนฺเตสุ ปจฺจยทายกา ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปจฺจเย ทาตุํ น สกฺโกนฺติ, ภิกฺขู ปจฺจเยหิ กิลมนฺตา อนฺเตวาสิเก สงฺคเหตุํ น สกฺโกนฺติ. คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล ปริยตฺติ ปริหายติ, อตฺถวเสน ธาเรตุํ น สกฺโกนฺติ, ปาฬิวเสเนว ธาเรนฺติ. ตโต กาเล คจฺฉนฺเต ปาฬิมฺปิ สกลํ ธาเรตุํ น สกฺโกนฺติ, ปมํ อภิธมฺมปิฏกํ ปริหายติ, ปริหายมานํ มตฺถกโต ปฏฺาย ปริหายติ. ปมเมว หิ มหาปกรณํ ปริหายติ, ตสฺมึ ปริหีเน ยมกํ, กถาวตฺถุ, ปุคฺคลปฺตฺติ, ธาตุกถา, วิภงฺโค, ธมฺมสงฺคโหติ.

เอวํ อภิธมฺมปิฏเก ปริหีเน มตฺถกโต ปฏฺาย สุตฺตนฺตปิฏกํ ปริหายติ. ปมฺหิ องฺคุตฺตรนิกาโย ปริหายติ, ตสฺมิมฺปิ ปมํ เอกาทสกนิปาโต…เป… ตโต เอกกนิปาโตติ. เอวํ องฺคุตฺตรนิกาเย ปริหีเน มตฺถกโต ปฏฺาย สํยุตฺตนิกาโย ปริหายติ. ปมฺหิ มหาวคฺโค ปริหายติ, ตโต สฬายตนวคฺโค, ขนฺธกวคฺโค, นิทานวคฺโค, สคาถาวคฺโคติ. เอวํ สํยุตฺตนิกาเย ปริหีเน มตฺถกโต ปฏฺาย มชฺฌิมนิกาโย ปริหายติ. ปมฺหิ อุปริปณฺณาสโก ปริหายติ, ตโต มชฺฌิมปณฺณาสโก, ตโต มูลปณฺณาสโกติ. เอวํ มชฺฌิมนิกาเย ปริหีเน มตฺถกโต ปฏฺาย ทีฆนิกาโย ปริหายติ. ปมฺหิ ปาถิกวคฺโค ปริหายติ, ตโต มหาวคฺโค, ตโต สีลกฺขนฺธวคฺโคติ. เอวํ ทีฆนิกาเย ปริหีเน สุตฺตนฺตปิฏกํ ปริหีนํ นาม โหติ. วินยปิฏเกน สทฺธึ ชาตกเมว ธาเรนฺติ. วินยปิฏกฺหิ ลชฺชิโน ธาเรนฺติ, ลาภกามา ปน ‘‘สุตฺตนฺเต กถิเตปิ สลฺลกฺเขนฺตา นตฺถี’’ติ ชาตกเมว ธาเรนฺติ. คจฺฉนฺเต กาเล ชาตกมฺปิ ธาเรตุํ น สกฺโกนฺติ. อถ เนสํ ปมํ เวสฺสนฺตรชาตกํ ปริหายติ, ตโต ปฏิโลมกฺกเมน ปุณฺณกชาตกํ, มหานารทชาตกนฺติ ปริโยสาเน อปณฺณกชาตกํ ปริหายติ, วินยปิฏกเมว ธาเรนฺติ.

คจฺฉนฺเต กาเล ตมฺปิ มตฺถกโต ปฏฺาย ปริหายติ. ปมฺหิ ปริวาโร ปริหายติ, ตโต ขนฺธโก, ภิกฺขุนีวิภงฺโค, มหาวิภงฺโคติ อนุกฺกเมน อุโปสถกฺขนฺธกมตฺตเมว ธาเรนฺติ. ตทาปิ ปริยตฺติ อนนฺตรหิตาว โหติ. ยาว ปน มนุสฺเสสุ จตุปฺปทิกคาถาปิ ปวตฺตติ, ตาว ปริยตฺติ อนนฺตรหิตาว โหติ. ยทา สทฺโธ ปสนฺโน ราชา หตฺถิกฺขนฺเธ สุวณฺณจงฺโกฏกมฺหิ สหสฺสตฺถวิกํ ปาเปตฺวา ‘‘พุทฺเธหิ กถิตํ จตุปฺปทิกํ คาถํ ชานนฺโต อิมํ สหสฺสํ คณฺหตู’’ติ นคเร เภรึ จราเปตฺวา คณฺหนกํ อลภิตฺวา ‘‘เอกวารํ จราปิเต นามํ สุณนฺตาปิ โหนฺติ อสุณนฺตาปี’’ติ ยาวตติยํ จราเปตฺวา คณฺหนกํ อลภิตฺวา ราชปุริสา สหสฺสตฺถวิกํ ปุน ราชกุลํ ปเวเสนฺติ, ตทา ปริยตฺติ อนฺตรหิตา นาม โหติ.

จิรํ ปวตฺติสฺสตีติ ปริยตฺติยา อนฺตรหิตายปิ ลิงฺคมตฺตํ อทฺธานํ ปวตฺติสฺสติ. กถํ? คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต หิ กาเล จีวรคฺคหณํ ปตฺตคฺคหณํ สมิฺชนปสารณํ อาโลกิตวิโลกิตํ น ปาสาทิกํ โหติ, นิคณฺสมณา วิย อลาพุปตฺตํ ภิกฺขู ปตฺตํ อคฺคพาหาย ปริกฺขิปิตฺวา อาทาย วิจรนฺติ, เอตฺตาวตาปิ ลิงฺคํ อนนฺตรหิตเมว โหติ. คจฺฉนฺเต ปน กาเล อคฺคพาหโต โอตาเรตฺวา หตฺเถน วา สิกฺกาย วา โอลมฺเพตฺวา วิจรนฺติ, จีวรมฺปิ รชนสารุปฺปํ อกตฺวา โอฏฺฏฺิวณฺณํ กตฺวา รชนฺติ. คจฺฉนฺเต กาเล รชนมฺปิ น โหติ, ทสจฺฉินฺทนํ โอวฏฺฏิกาวิชฺฌนํ กปฺปมตฺตฺจ กตฺวา วฬฺชนฺติ, ปุน โอวฏฺฏิกํ วิชฺฌิตฺวา กปฺปํ น กโรนฺติ. ตโต อุภยมฺปิ อกตฺวา ทสา เฉตฺวา ปริพฺพาชกา วิย จรนฺติ. คจฺฉนฺเต กาเล ‘‘โก อิมินา อมฺหากํ อตฺโถ’’ติ ขุทฺทกํ กาสาวขณฺฑํ หตฺเถ วา คีวายํ วา พนฺธนฺติ, เกเสสุ วา อลฺลียาเปนฺติ, ทารภรณํ กโรนฺตา กสิตฺวา วปิตฺวา ชีวิกํ กปฺเปตฺวา วิจรนฺติ, ตทา ทกฺขิณํ เทนฺโต ชโน สงฺฆํ อุทฺทิสฺส เอเตสมฺปิ เทติ. อิทํ สนฺธาย ภควตา วุตฺตํ ‘‘ภวิสฺสนฺติ โข ปนานนฺท, อนาคตมทฺธานํ โคตฺรภุโน กาสาวกณฺา ทุสฺสีลา ปาปธมฺมา, เตสุ ทุสฺสีเลสุ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ทานํ ทสฺสนฺติ, ตทาปาหํ, อานนฺท, สงฺฆคตํ ทกฺขิณํ อสงฺขฺเยยฺยํ อปฺปเมยฺยํ วทามี’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๘๐). ตโต คจฺฉนฺเต กาเล นานาวิธานิ กมฺมานิ กโรนฺตา ‘‘ปปฺโจ เอส, กึ อิมินา อมฺหาก’’นฺติ กาสาวขณฺฑํ ฉินฺทิตฺวา อรฺเ ขิปนฺติ, ตสฺมึ กาเล ลิงฺคํ อนฺตรหิตํ นาม โหติ. กสฺสปทสพลสฺส กิร กาลโต ปฏฺาย โยนกานํ เสตวตฺถานิ ปารุปิตฺวา จรณจาริตฺตํ ชาตํ. เอวํ ปริยตฺติยา อนฺตรหิตายปิ ลิงฺคมตฺตํ จิรํ ปวตฺติสฺสตีติ เวทิตพฺพํ.

อฏฺครุธมฺมกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ภิกฺขุนีอุปสมฺปนฺนานุชานนกถาวณฺณนา

๔๐๔-๔๐๕. ยทคฺเคนาติ ยํ ทิวสํ อาทึ กตฺวา. ตเทวาติ ตสฺมิฺเว ทิวเส. อนุฺตฺติยาติ อนุฺาย. เอกาหํ, ภนฺเต อานนฺท, ภควนฺตํ วรํ ยาจามีติ ‘‘เอวเมว โข อหํ, ภนฺเต อานนฺท, อิเม อฏฺ ครุธมฺเม ปฏิคฺคณฺหามิ ยาวชีวํ อนติกฺกมนีเย’’ติ ปฏิชานิตฺวา อิทานิ กสฺมา วรํ ยาจตีติ เจ? ปรูปวาทวิวชฺชนตฺถํ. เอวฺหิ เกจิ วเทยฺยุํ ‘‘มหาปชาปติยา ปมํ สมฺปฏิจฺฉิตตฺตา ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนฺจ ยถาวุฑฺฒํ อภิวาทนํ นาโหสิ, สา เจ วรํ ยาเจยฺย, ภควา อนุชาเนยฺยา’’ติ.

๔๐๖. สราคายาติ สราคภาวาย กามราคภวราคปริพฺรูหนาย. สฺโคายาติ วฏฺเฏ สํโยชนตฺถาย. อาจยายาติ วฏฺฏสฺส วฑฺฒนตฺถาย. มหิจฺฉตายาติ มหิจฺฉภาวาย. อสนฺตุฏฺิยาติ อสนฺตุฏฺิภาวาย. สงฺคณิกายาติ กิเลสสงฺคณคณสงฺคณวิหาราย. โกสชฺชายาติ กุสีตภาวาย. ทุพฺภรตายาติ ทุปฺโปสตาย. วิราคายาติ สกลวฏฺฏโต วิรชฺชนตฺถาย. วิสฺโคายาติ กามราคาทีหิ วิสํยุชฺชนตฺถาย. อปจยายาติ สพฺพสฺสปิ วฏฺฏสฺส อปจยตฺถาย, นิพฺพานายาติ อตฺโถ. อปฺปิจฺฉตายาติ ปจฺจยปฺปิจฺฉตาทิวเสน สพฺพโส อิจฺฉาปคมาย. สนฺตุฏฺิยาติ ทฺวาทสวิธสนฺตุฏฺิภาวาย. ปวิเวกายาติ ปวิวิตฺตภาวาย กายวิเวกาทิตทงฺควิเวกาทิวิเวกสิทฺธิยา. วีริยารมฺภายาติ กายิกสฺส เจว เจตสิกสฺส จ วีริยสฺส ปคฺคณฺหนตฺถาย. สุภรตายาติ สุขโปสนตฺถาย. เอวํ โย ปริยตฺติธมฺโม อุคฺคหณธารณปริปุจฺฉามนสิการวเสน โยนิโส ปฏิปชฺชนฺตสฺส สราคาทิภาวปริวชฺชนสฺส การณํ หุตฺวา วิราคาทิภาวาย สํวตฺตติ, เอกํสโต เอโส ธมฺโม, เอโส วินโย สมฺมเทว อปายาทีสุ อปตนวเสน ธารณโต กิเลสานํ วินยนโต, สตฺถุ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส โอวาทานุสิฏฺิภาวโต เอตํ สตฺถุสาสนนฺติ ธาเรยฺยาสิ ชาเนยฺยาสิ, อวพุชฺเฌยฺยาสีติ อตฺโถ. อิมสฺมึ สุตฺเต ปมวาเรน วฏฺฏํ, ทุติยวาเรน วิวฏฺฏํ กถิตํ.

๔๐๙-๔๑๐. วิมาเนตฺวาติ อปรชฺฌิตฺวา. กมฺมปฺปตฺตาโยปีติ กมฺมารหาปิ. อาปตฺติคามินิโยปีติ อาปตฺติอาปนฺนาโยปิ. วุตฺตนเยเนว กาเรตพฺพตํ อาปชฺชนฺตีติ ตถากรณสฺส ปฏิกฺขิตฺตตฺตา ทุกฺกเฏน กาเรตพฺพตํ อาปชฺชนฺติ.

๔๑๓-๕. ทฺเว ติสฺโส ภิกฺขุนิโยติ ทฺวีหิ ตีหิ ภิกฺขุนีหิ. น อาโรเจนฺตีติ ปาติโมกฺขุทฺเทสกสฺส น อาโรเจนฺติ. น ปจฺจาหรนฺตีติ ภิกฺขุนีนํ น ปจฺจาหรนฺติ. วิเสสกนฺติ วตฺตภงฺคํ.

๔๒๐. เตน จ ภิกฺขุ นิมนฺเตตพฺโพติ สามีจิทสฺสนเมตํ, น ปน อนิมนฺติยา อาปตฺติ.

๔๒๕. ตโย นิสฺสเยติ เสนาสนนิสฺสยํ อปเนตฺวา อปเร ตโย นิสฺสเย. รุกฺขมูลเสนาสนฺหิ สา น ลภติ.

๔๒๘. อนุวาทํ ปฏฺเปนฺตีติ อิสฺสริยํ ปวตฺเตนฺติ.

๔๓๐. ภิกฺขุทูเตน อุปสมฺปาเทนฺตีติ ภิกฺขุเยว ทูโต ภิกฺขุทูโต, เตน ภิกฺขุทูเตน, ภิกฺขุทูตํ กตฺวา อุปสมฺปาเทนฺตีติ อตฺโถ.

๔๓๑. น สมฺมตีติ นปฺปโหติ. นวกมฺมนฺติ นวกมฺมํ กตฺวา ‘‘เอตฺตกานิ วสฺสานิ วสตู’’ติ อปโลเกตฺวา สงฺฆิกภูมิทานํ.

๔๓๒. สนฺนิสินฺนคพฺภาติ ปติฏฺิตคพฺภา.

๔๓๔. ปพฺพชฺชมฺปิ น ลภตีติ ติตฺถายตนสงฺกนฺตาย อภพฺพภาวูปคมนโต น ลภติ. อิทํ โอทิสฺส อนุฺาตํ วฏฺฏตีติ เอกโต วา อุภโต วา อวสฺสเว สติปิ โอทิสฺส อนุฺาตตฺตา วฏฺฏติ. เสสเมตฺถ ปาฬิโต อฏฺกถาโต จ สุวิฺเยฺยเมวาติ.

ภิกฺขุนีอุปสมฺปนฺนานุชานนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ภิกฺขุนิกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.