📜
อนฺตรเปยฺยาลํ
กติปุจฺฉาวารวณฺณนา
๒๗๑. เวรํ ¶ ¶ มณตีติ ราคาทิเวรํ มณติ วินาเสติ. เอตายาติ วิรติยา. นิยฺยานนฺติ มคฺคํ. กายปาคพฺพิยนฺติ กายปาคพฺพิยวเสน ปวตฺตํ กายทุจฺจริตํ.
๒๗๔. สารณียาติ สริตพฺพยุตฺตา อนุสฺสรณารหา อทฺธาเน อติกฺกนฺเตปิ น สมฺมุสฺสิตพฺพา. มิชฺชติ สินิยฺหติ เอตายาติ เมตฺตา, มิตฺตภาโว. เมตฺตา เอตสฺส อตฺถีติ เมตฺตํ กายกมฺมํ, ตํ ปน ยสฺมา เมตฺตาสหคตจิตฺตสมุฏฺานํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เมตฺตจิตฺเตน กตํ กายกมฺม’’นฺติ. อาวีติ ปกาสํ. ปกาสภาโว เจตฺถ ยํ อุทฺทิสฺส ตํ กายกมฺมํ กรียติ, ตสฺส สมฺมุขภาวโตติ อาห ‘‘สมฺมุขา’’ติ. รโหติ อปกาสํ. อปกาสตา จ ยํ อุทฺทิสฺส ตํ กมฺมํ กรียติ, ตสฺส อปจฺจกฺขภาวโตติ อาห ‘‘ปรมฺมุขา’’ติ. อุภเยหีติ นวเกหิ เถเรหิ จ. ปิยํ ปิยายิตพฺพํ กโรตีติ ปิยกรโณ. ครุํ ครุฏฺานิยํ กโรตีติ ครุกรโณ. สงฺคหายาติ สงฺคหวตฺถุวิเสสภาวโต สพฺรหฺมจารีนํ สงฺคหณตฺถาย. อวิวาทายาติ สงฺคหวตฺถุภาวโต เอว น วิวาทาย. สติ จ อวิวาทเหตุภูตสงฺคหกตฺเต เตสํ วเสน สพฺรหฺมจารีนํ สมคฺคภาโว เภทาภาโว สิทฺโธเยวาติ อาห ‘‘สมคฺคภาวายา’’ติอาทิ.
ปคฺคยฺห วจนนฺติ เกวลํ ‘‘เทโว’’ติ อวตฺวา ‘‘เทวตฺเถโร’’ติ คุเณหิ ถิรภาวโชตนํ ปคฺคณฺหิตฺวา อุจฺจํ กตฺวา วจนํ. มมตฺตโพธนวจนํ มมายนวจนํ. เอกนฺตติโรกฺขสฺส มโนกมฺมสฺส สมฺมุขตา นาม วิฺตฺติสมุฏฺาปนวเสเนว โหติ, ตฺจ โข โลเก กายกมฺมนฺติ ปากฏํ ปฺาตํ หตฺถวิการาทึ อนามสิตฺวาเยว ทสฺเสนฺโต ‘‘นยนานิ อุมฺมีเลตฺวา’’ติอาทิมาห. กามฺเจตฺถ เมตฺตาสิเนหสินิทฺธานํ นยนานํ อุมฺมีลนา ปสนฺเนน มุเขน โอโลกนฺจ เมตฺตํ กายกมฺมเมว, ยสฺส ปน จิตฺตสฺส วเสน นยนานํ เมตฺตาสิเนหสินิทฺธตา มุขสฺส จ ปสนฺนตา, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘เมตฺตํ มโนกมฺมํ นามา’’ติ.
อิมานิ ¶ ¶ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๑๔๑; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๔๙๒; อ. นิ. อฏฺ. ๓.๖.๑๑) จ เมตฺตกายกมฺมาทีนิ ปาฬิยํ ภิกฺขูนํ วเสน อาคตานิ คิหีสุปิ ลพฺภนฺติเยว. ภิกฺขูนฺหิ เมตฺตจิตฺเตน อาจริยุปชฺฌายวตฺตาทิอาภิสมาจาริกธมฺมปูรณํ เมตฺตํ กายกมฺมํ นาม. สพฺพฺจ อนวชฺชกายกมฺมํ อาภิสมาจาริกกมฺมนฺโตคธเมวาติ เวทิตพฺพํ. คิหีนํ เจติยวนฺทนตฺถาย โพธิวนฺทนตฺถาย สงฺฆนิมนฺตนตฺถาย คมนํ, คามํ วา ปิณฺฑาย ปวิฏฺเ ภิกฺขู ทิสฺวา ปจฺจุคฺคมนํ, ปตฺตปฏิคฺคหณํ, อาสนปฺาปนํ, อนุคมนนฺติ เอวมาทิกํ เมตฺตํ กายกมฺมํ นาม. ภิกฺขูนํ เมตฺตจิตฺเตน อาจารปฺตฺติสิกฺขาปน กมฺมฏฺานกถน ธมฺมเทสนา ปริปุจฺฉน อฏฺกถากถนวเสน ปวตฺติยมานํ เตปิฏกมฺปิ พุทฺธวจนํ เมตฺตํ วจีกมฺมํ นาม. คิหีนํ ‘‘เจติยวนฺทนตฺถาย คจฺฉาม, โพธิวนฺทนตฺถาย คจฺฉาม, ธมฺมสฺสวนํ กริสฺสาม, ทีปมาลาปุปฺผปูชํ กริสฺสาม, ตีณิ สุจริตานิ สมาทาย วตฺติสฺสาม, สลากภตฺตาทีนิ ทสฺสาม, วสฺสาวาสิกํ ทสฺสาม, อชฺช สงฺฆสฺส จตฺตาโร ปจฺจเย ทสฺสาม, สงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา ขาทนียาทีนิ สํวิทหถ, อาสนานิ ปฺเปถ, ปานียํ อุปฏฺาเปถ, สงฺฆํ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา อาเนถ, ปฺตฺตาสเน นิสีทาเปถ, ฉนฺทชาตา อุสฺสาหชาตา เวยฺยาวจฺจํ กโรถา’’ติอาทิกถนกาเล เมตฺตํ วจีกมฺมํ นาม. ภิกฺขูนํ ปาโตว อุฏฺาย สรีรปฏิชคฺคนํ เจติยงฺคณวตฺตาทีนิ จ กตฺวา วิวิตฺตาสเน นิสีทิตฺวา ‘‘อิมสฺมึ วิหาเร ภิกฺขู สุขี โหนฺตุ อเวรา อพฺยาปชฺชา’’ติ จินฺตนํ เมตฺตํ มโนกมฺมํ นาม. คิหีนํ ‘‘อยฺยา สุขี โหนฺตุ อเวรา อพฺยาปชฺชา’’ติ จินฺตนํ เมตฺตํ มโนกมฺมํ นาม.
ลาภาติ จีวราทโย ลทฺธปจฺจยา. ธมฺมิกาติ กุหนาทิเภทํ มิจฺฉาชีวํ วชฺเชตฺวา ธมฺเมน สเมน ภิกฺขาจริยวตฺเตน อุปฺปนฺนา. อนฺตมโส ปตฺตปริยาปนฺนมตฺตมฺปีติ ปจฺฉิมโกฏิยา ปตฺเต ปริยาปนฺนํ ปตฺตสฺส อนฺโตคตํ ทฺวตฺติกฏจฺฉุภิกฺขามตฺตมฺปิ. เทยฺยํ ทกฺขิเณยฺยฺจ อปฺปฏิวิภตฺตํ กตฺวา ภฺุชตีติ อปฺปฏิวิภตฺตโภคี. เอตฺถ หิ ทฺเว ปฏิวิภตฺตานิ นาม อามิสปฏิวิภตฺตํ ปุคฺคลปฏิวิภตฺตฺจ. ตตฺถ ‘‘เอตฺตกํ ทสฺสามิ, เอตฺตกํ น ทสฺสามี’’ติ เอวํ จิตฺเตน วิภชนํ อามิสปฏิวิภตฺตํ นาม. ‘‘อสุกสฺส ทสฺสามิ, อสุกสฺส น ทสฺสามี’’ติ เอวํ จิตฺเตน วิภชนํ ปน ปุคฺคลปฏิวิภตฺตํ นาม. ตทุภยมฺปิ อกตฺวา โย อปฺปฏิวิภตฺตํ ภฺุชติ, อยํ อปฺปฏิวิภตฺตโภคี นาม. เตนาห ‘‘เนว อามิสํ ปฏิวิภชิตฺวา ภฺุชตี’’ติอาทิ. อทาตุมฺปีติ ปิ-สทฺเทน ¶ ทาตุมฺปิ วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. ทานฺหิ นาม น กสฺสจิ นิวาริตํ, เตน ทุสฺสีลสฺสปิ อตฺถิกสฺส สติ สมฺภเว ทาตพฺพํ, ตฺจ โข กรุณายนวเสน, น วตฺตปูรณวเสน. สารณียธมฺมปูรกสฺส อปฺปฏิวิภตฺตโภคิตาย ‘‘สพฺเพสํ ทาตพฺพเมวา’’ติ วุตฺตํ. คิลานาทีนํ ปน โอทิสฺสกํ กตฺวา ทานํ อปฺปฏิวิภาคปกฺขิกํ ‘‘อสุกสฺส ¶ น ทสฺสามี’’ติ ปฏิกฺเขปสฺส อภาวโต. พฺยติเรกปฺปธาโน หิ ปฏิวิภาโค. เตนาห ‘‘คิลานคิลานุปฏฺาก…เป… วิเจยฺย ทาตุมฺปิ วฏฺฏตี’’ติ.
สาธารณโภคีติ เอตฺถ สาธารณโภคิโน อิทํ ลกฺขณํ – ยํ ยํ ปณีตํ ลภติ, ตํ ตํ เนว ลาเภน ลาภํ นิชิคีสนมุเขน คิหีนํ เทติ อตฺตโน อาชีวสุทฺธึ รกฺขมาโน, น อตฺตนาว ปริภฺุชติ ‘‘มยฺหํ อสาธารณโภคิตา มา โหตู’’ติ. ตํ ปฏิคฺคณฺหนฺโต จ ‘‘สงฺเฆน สาธารณํ โหตู’’ติ คเหตฺวา ฆณฺฏึ ปหริตฺวา ปริภฺุชิตพฺพํ สงฺฆสนฺตกํ วิย ปสฺสติ. อิมินา จ ตสฺส ลาภสฺส ตีสุปิ กาเลสุ สาธารณโต ปนํ ทสฺสิตํ. ‘‘ตํ ปฏิคฺคณฺหนฺโต จ สงฺเฆน สาธารณํ โหตู’’ติ อิมินา ปฏิคฺคหณกาโล ทสฺสิโต, ‘‘คเหตฺวา…เป… ปสฺสตี’’ติ อิมินา ปฏิคฺคหิตกาโล. ตทุภยํ ปน ตาทิเสน ปุพฺพภาเคน วินา น โหตีติ อตฺถสิทฺโธ ปุริมกาโล. ตยิทมฺปิ ปฏิคฺคหณโต ปุพฺเพวสฺส โหติ ‘‘สงฺเฆน สาธารณํ โหตูติ ปฏิคฺคเหสฺสามี’’ติ, ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺส โหติ ‘‘สงฺเฆน สาธารณํ โหตูติ ปฏิคฺคณฺหามี’’ติ, ปฏิคฺคเหตฺวา โหติ ‘‘สงฺเฆน สาธารณํ โหตูติ ปฏิคฺคหิตํ มยา’’ติ เอวํ ติลกฺขณสมฺปนฺนํ กตฺวา ลทฺธลาภํ โอสานลกฺขณํ อวิโกเปตฺวา ปริภฺุชนฺโต สาธารณโภคี อปฺปฏิวิภตฺตโภคี จ โหติ.
อิมํ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๑๔๑; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๔๙๒; อ. นิ. อฏฺ. ๓.๖.๑๑) ปน สารณียธมฺมํ โก ปูเรติ, โก น ปูเรติ? ทุสฺสีโล ตาว น ปูเรติ. น หิ ตสฺส สนฺตกํ สีลวนฺโต คณฺหนฺติ. ปริสุทฺธสีโล ปน วตฺตํ อขณฺเฑนฺโต ปูเรติ. ตตฺริทํ วตฺตํ – โย โอทิสฺสกํ กตฺวา มาตุ วา ปิตุ วา อาจริยุปชฺฌายาทีนํ วา เทติ, โส ทาตพฺพํ เทตุ, สารณียธมฺโม ปนสฺส น โหติ, ปลิโพธชคฺคนํ นาม โหติ. สารณียธมฺโม หิ มุตฺตปลิโพธสฺเสว วฏฺฏติ. เตน ปน ¶ โอทิสฺสกํ เทนฺเตน คิลานคิลานุปฏฺากอาคนฺตุกคมิกานฺเจว นวปพฺพชิตสฺส จ สงฺฆาฏิปตฺตคฺคหณํ อชานนฺตสฺส ทาตพฺพํ. เอเตสํ ทตฺวา อวเสสํ เถราสนโต ปฏฺาย โถกํ โถกํ อทตฺวา โย ยตฺตกํ คณฺหาติ, ตสฺส ตตฺตกํ ทาตพฺพํ. อวสิฏฺเ อสติ ปุน ปิณฺฑาย จริตฺวา เถราสนโต ปฏฺาย ยํ ยํ ปณีตํ, ตํ ตํ ทตฺวา เสสํ ภฺุชิตพฺพํ.
อยํ ปน สารณียธมฺโม สารณียธมฺมปูรณวิธิมฺหิ สุสิกฺขิตาย ปริสาย สุปูโร โหติ. สุสิกฺขิตาย หิ ปริสาย โย อฺโต ลภติ, โส น คณฺหาติ. อฺโต อลภนฺโตปิ ปมาณยุตฺตเมว คณฺหาติ, น อติเรกํ. อยฺจ ปน สารณียธมฺโม เอวํ ปุนปฺปุนํ ปิณฺฑาย ¶ จริตฺวา ลทฺธํ ลทฺธํ เทนฺตสฺสปิ ทฺวาทสหิ วสฺเสหิ ปูรติ, น ตโต โอรํ. สเจ หิ ทฺวาทสเมปิ วสฺเส สารณียธมฺมปูรโก ปิณฺฑปาตปูรํ ปตฺตํ อาสนสาลายํ เปตฺวา นหายิตุํ คจฺฉติ, สงฺฆตฺเถโร จ ‘‘กสฺเสโส ปตฺโต’’ติ วตฺวา ‘‘สารณียธมฺมปูรกสฺสา’’ติ วุตฺเต ‘‘อาหรถ น’’นฺติ สพฺพํ ปิณฺฑปาตํ วิจาเรตฺวา ภฺุชิตฺวาว ริตฺตปตฺตํ เปติ. อถ โส ภิกฺขุ ริตฺตปตฺตํ ทิสฺวา ‘‘มยฺหํ อนวเสเสตฺวาว ปริภฺุชึสู’’ติ โทมนสฺสํ อุปฺปาเทติ, สารณียธมฺโม ภิชฺชติ, ปุน ทฺวาทส วสฺสานิ ปูเรตพฺโพ โหติ. ติตฺถิยปริวาสสทิโส เหส, สกึ ขณฺเฑ ชาเต ปุน ปูเรตพฺโพว. โย ปน ‘‘ลาภา วต เม, สุลทฺธํ วต เม, ยสฺส เม ปตฺตคตํ อนาปุจฺฉาว สพฺรหฺมจาริโน ปริภฺุชนฺตี’’ติ โสมนสฺสํ ชเนติ, ตสฺส ปุณฺโณ นาม โหติ.
เอวํ ปูริตสารณียธมฺมสฺส ปน เนว อิสฺสา, น มจฺฉริยํ โหติ, มนุสฺสานํ ปิโย โหติ สุลภปจฺจโย, ปตฺตคตมสฺส ทิยฺยมานมฺปิ น ขียติ, ภาชนียภณฺฑฏฺาเน อคฺคภณฺฑํ ลภติ, ภเย วา ฉาตเก วา สมฺปตฺเต เทวตา อุสฺสุกฺกํ อาปชฺชนฺติ.
ตตฺริมานิ วตฺถูนิ – เลณคิริวาสี ติสฺสตฺเถโร กิร มหาขีรคามํ อุปนิสฺสาย วสติ. ปฺาสมตฺตา เถรา นาคทีปํ เจติยวนฺทนตฺถาย คจฺฉนฺตา ขีรคาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา กิฺจิ อลทฺธา นิกฺขมึสุ. เถโร ปวิสนฺโต เต ทิสฺวา ปุจฺฉิ ‘‘ลทฺธํ, ภนฺเต’’ติ. วิจริมฺห, อาวุโสติ. โส อลทฺธภาวํ ตฺวา อาห ‘‘ภนฺเต, ยาวาหํ อาคจฺฉามิ, ตาว อิเธว โหถา’’ติ ¶ . มยํ, อาวุโส, ปฺาส ชนา ปตฺตเตมนมตฺตมฺปิ น ลภิมฺหาติ. ภนฺเต, เนวาสิกา นาม ปฏิพลา โหนฺติ, อลภนฺตาปิ ภิกฺขาจารมคฺคสภาคํ ชานนฺตีติ. เถรา อาคมึสุ. เถโร คามํ ปาวิสิ. ธุรเคเหเยว มหาอุปาสิกา ขีรภตฺตํ สชฺเชตฺวา เถรํ โอโลกยมานา ิตา เถรสฺส ทฺวารํ สมฺปตฺตสฺเสว ปตฺตํ ปูเรตฺวา อทาสิ. โส ตํ อาทาย เถรานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘คณฺหถ, ภนฺเต’’ติ สงฺฆตฺเถรํ อาห. เถโร ‘‘อมฺเหหิ เอตฺตเกหิ กิฺจิ น ลทฺธํ, อยํ สีฆเมว คเหตฺวา อาคโต, กึ นุ โข’’ติ เสสานํ มุขํ โอโลเกสิ. เถโร โอโลกนากาเรเนว ตฺวา ‘‘ภนฺเต, ธมฺเมน สเมน ลทฺโธ ปิณฺฑปาโต, นิกฺกุกฺกุจฺจา คณฺหถา’’ติอาทิโต ปฏฺาย สพฺเพสํ ยาวทตฺถํ ทตฺวา อตฺตนาปิ ยาวทตฺถํ ภฺุชิ. อถ นํ ภตฺตกิจฺจาวสาเน เถรา ปุจฺฉึสุ ‘‘กทา, อาวุโส, โลกุตฺตรธมฺมํ ปฏิวิชฺฌี’’ติ? นตฺถิ เม, ภนฺเต, โลกุตฺตรธมฺโมติ. ฌานลาภีสิ อาวุโสติ? เอตมฺปิ เม, ภนฺเต, นตฺถีติ. นนุ, อาวุโส, ปาฏิหาริยนฺติ? สารณียธมฺโม เม, ภนฺเต, ปูริโต, ตสฺส เม ปูริตกาลโต ปฏฺาย สเจปิ ภิกฺขุสตสหสฺสํ โหติ, ปตฺตคตํ น ขียตีติ. สาธุ สาธุ สปฺปุริส อนุจฺฉวิกมิทํ ตุยฺหนฺติ. อิทํ ตาว ปตฺตคตํ น ขียตีติ เอตฺถ วตฺถุ.
อยเมว ¶ ปน เถโร เจติยปพฺพเต คิริภณฺฑมหาปูชาย ทานฏฺานํ คนฺตฺวา ‘‘อิมสฺมึ ทาเน กึ วรภณฺฑ’’นฺติ ปุจฺฉิ. ทฺเว สาฏกา, ภนฺเตติ. เอเต มยฺหํ ปาปุณิสฺสนฺตีติ. ตํ สุตฺวา อมจฺโจ รฺโ อาโรเจสิ ‘‘เอโก ทหโร เอวํ วทตี’’ติ. ‘‘ทหรสฺส เอวํ จิตฺตํ, มหาเถรานํ ปน สุขุมา สาฏกา วฏฺฏนฺตี’’ติ วตฺวา ‘‘มหาเถรานํ ทสฺสามี’’ติ เปสิ. ตสฺส ภิกฺขุสงฺเฆ ปฏิปาฏิยา ิเต เทนฺตสฺส มตฺถเก ปิตาปิ เต สาฏกา หตฺถํ นาโรหนฺติ, อฺเว อาโรหนฺติ. ทหรสฺส ทานกาเล ปน หตฺถํ อารุฬฺหา. โส ตสฺส หตฺเถ เปตฺวา อมจฺจสฺส มุขํ โอโลเกตฺวา ทหรํ นิสีทาเปตฺวา ทานํ ทตฺวา สงฺฆํ วิสฺสชฺเชตฺวา ทหรสฺส สนฺติเก นิสีทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, อิมํ ธมฺมํ กทา ปฏิวิชฺฌิตฺถา’’ติ อาห. โส ปริยาเยนปิ อสนฺตํ อวทนฺโต ‘‘นตฺถิ มยฺหํ, มหาราช, โลกุตฺตรธมฺโม’’ติ อาห. นนุ, ภนฺเต, ปุพฺเพว อวจุตฺถาติ. อาม มหาราช, สารณียธมฺมปูรโก อหํ, ตสฺส เม ธมฺมสฺส ปูริตกาลโต ปฏฺาย ภาชนียฏฺาเน อคฺคภณฺฑํ ปาปุณาตีติ. ‘‘สาธุ สาธุ ภนฺเต, อนุจฺฉวิกมิทํ ตุมฺหาก’’นฺติ ¶ วนฺทิตฺวา ปกฺกามิ. อิทํ ภาชนียฏฺาเน อคฺคภณฺฑํ ปาปุณาตีติ เอตฺถ วตฺถุ.
จณฺฑาลติสฺสภเยน ปน ภาตรคามวาสิโน นาคตฺเถริยา อนาโรเจตฺวาว ปลายึสุ. เถรี ปจฺจูสสมเย ‘‘อติ วิย อปฺปนิคฺโฆโส คาโม, อุปธาเรถ ตาวา’’ติ ทหรภิกฺขุนิโย อาห. ตา คนฺตฺวา สพฺเพสํ คตภาวํ ตฺวา อาคมฺม เถริยา อาโรเจสุํ. สา สุตฺวา ‘‘มา ตุมฺเห เตสํ คตภาวํ จินฺตยิตฺถ, อตฺตโน อุทฺเทสปริปุจฺฉาโยนิโสมนสิกาเรสุเยว โยคํ กโรถา’’ติ วตฺวา ภิกฺขาจารเวลายํ ปารุปิตฺวา อตฺตทฺวาทสมา คามทฺวาเร นิคฺโรธมูเล อฏฺาสิ. รุกฺเข อธิวตฺถา เทวตา ทฺวาทสนฺนมฺปิ ภิกฺขุนีนํ ปิณฺฑปาตํ ทตฺวา ‘‘อยฺเย อฺตฺถ มา คจฺฉถ, นิจฺจํ อิเธว เอถา’’ติ อาห. เถริยา ปน กนิฏฺภาตา นาคตฺเถโร นาม อตฺถิ, โส ‘‘มหนฺตํ ภยํ, น สกฺกา ยาเปตุํ, ปรตีรํ คมิสฺสามี’’ติ อตฺตทฺวาทสโม อตฺตโน วสนฏฺานา นิกฺขนฺโต ‘‘เถรึ ทิสฺวา คมิสฺสามี’’ติ ภาตรคามํ อาคโต. เถรี ‘‘เถรา อาคตา’’ติ สุตฺวา เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กึ อยฺยา’’ติ ปุจฺฉิ. โส ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิ. สา ‘‘อชฺช เอกทิวสํ วิหาเร วสิตฺวา สฺเวว คมิสฺสถา’’ติ อาห. เถรา วิหารํ อาคมํสุ.
เถรี ปุนทิวเส รุกฺขมูเล ปิณฺฑาย จริตฺวา เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อิมํ ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชถา’’ติ อาห. เถโร ‘‘วฏฺฏิสฺสติ เถรี’’ติ วตฺวา ตุณฺหี อฏฺาสิ. ธมฺมิโก ตาต ปิณฺฑปาโต, กุกฺกุจฺจํ อกตฺวา ปริภฺุชถาติ. วฏฺฏิสฺสติ เถรีติ. สา ปตฺตํ คเหตฺวา อากาเส ขิปิ. ปตฺโต อากาเส อฏฺาสิ. เถโร ‘‘สตฺตตาลมตฺเต ิตมฺปิ ภิกฺขุนีภตฺตเมว เถรี’’ติ วตฺวา ‘‘ภยํ นาม สพฺพกาลํ น โหติ, ภเย วูปสนฺเต อริยวํสํ กถยมาโน ‘โภ ปิณฺฑปาติก ¶ ภิกฺขุนีภตฺตํ ภฺุชิตฺวา วีตินามยิตฺถา’ติ จิตฺเตน อนุวทิยมาโน สนฺถมฺภิตุํ น สกฺขิสฺสามิ, อปฺปมตฺตา โหถ เถริโย’’ติ มคฺคํ อารุหิ. รุกฺขเทวตาปิ ‘‘สเจ เถโร เถริยา หตฺถโต ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชิสฺสติ, น นํ นิวตฺเตสฺสามิ, สเจ น ปริภฺุชิสฺสติ, นิวตฺเตสฺสามี’’ติ จินฺตยมานา ตฺวา เถรสฺส คมนํ ทิสฺวา รุกฺขา โอรุยฺห ‘‘ปตฺตํ, ภนฺเต, เทถา’’ติ ปตฺตํ คเหตฺวา เถรํ รุกฺขมูลํเยว อาเนตฺวา อาสนํ ปฺเปตฺวา ปิณฺฑปาตํ ทตฺวา กตภตฺตกิจฺจํ ปฏิฺํ กาเรตฺวา ทฺวาทส ภิกฺขุนิโย ทฺวาทส จ ภิกฺขู สตฺต วสฺสานิ อุปฏฺหิ ¶ . อิทํ เทวตา อุสฺสุกฺกํ อาปชฺชนฺตีติ เอตฺถ วตฺถุ. ตตฺร หิ เถรี สารณียธมฺมปูริกา อโหสิ.
นตฺถิ เอเตสํ ขณฺฑนฺติ อขณฺฑานิ, ตํ ปน เนสํ ขณฺฑํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อุปสมฺปนฺนสีลานํ อุทฺเทสกฺกเมน อาทิอนฺตา เวทิตพฺพา. เตนาห ‘‘สตฺตสู’’ติอาทิ. อนุปสมฺปนฺนสีลานํ ปน สมาทานกฺกเมนปิ อาทิอนฺตา ลพฺภนฺติ. ปริยนฺเต ฉินฺนสาฏโก วิยาติ วตฺถนฺเต ทสนฺเต วา ฉินฺนวตฺถํ วิย. วิสทิสุทาหรณฺเจตํ ‘‘อขณฺฑานี’’ติ อิมสฺส อธิกตตฺตา. เอวํ เสสานิปิ อุทาหรณานิ. ขณฺฑนฺติ ขณฺฑวนฺตํ, ขณฺฑิตํ วา. ฉิทฺทนฺติอาทีสุปิ เอเสว นโย. วิสภาควณฺเณน คาวี วิยาติ สมฺพนฺโธ. วิสภาควณฺเณน อุปฑฺฒํ ตติยภาคํ วา สมฺภินฺนวณฺณํ สพลํ, วิสภาควณฺเณเหว ปน พินฺทูหิ อนฺตรนฺตรา วิมิสฺสํ กมฺมาสํ. อยํ อิเมสํ วิเสโส.
ภุชิสฺสภาวกรณโตติ ตณฺหาทาสพฺยโต โมเจตฺวา ภุชิสฺสภาวกรณโต. สีลสฺส จ ตณฺหาทาสพฺยโต โมจนํ วิวฏฺฏูปนิสฺสยภาวาปาทนํ, เตนสฺส วิวฏฺฏูปนิสฺสยตา ทสฺสิตา. ‘‘ภุชิสฺสภาวกรณโต’’ติ จ อิมินา ภุชิสฺสกรานิ ภุชิสฺสานีติ อุตฺตรปทโลเปนายํ นิทฺเทโสติ ทสฺเสติ. ยสฺมา จ ตํสมงฺคีปุคฺคโล เสรี สยํวสี ภุชิสฺโส นาม โหติ, ตสฺมาปิ ภุชิสฺสานิ. สุปริสุทฺธภาเวน ปาสํสตฺตา วิฺุปสตฺถานิ. อวิฺูนํ ปสํสาย อปฺปมาณภาวโต วิฺูคหณํ กตํ. ตณฺหาทิฏฺีหิ อปรามฏฺตฺตาติ ‘‘อิมินาหํ สีเลน เทโว วา ภวิสฺสามิ เทวฺตโร วา’’ติ ตณฺหาปรามาเสน ‘‘อิมินาหํ สีเลน เทโว หุตฺวา ตตฺถ นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต ภวิสฺสามี’’ติ ทิฏฺิปรามาเสน จ อปรามฏฺตฺตา. อถ วา ‘‘อยํ เต สีเลสุ ทาโส’’ติ จตูสุ วิปตฺตีสุ ยํ วา ตํ วา วิปตฺตึ ทสฺเสตฺวา ‘‘อิมํ นาม ตฺวํ อาปนฺนปุพฺโพ’’ติ เกนจิ ปรามฏฺุํ อนุทฺธํเสตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา อปรามฏฺานีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. สีลํ นาม อวิปฺปฏิสาราทิปารมฺปริเยน ยาวเทว สมาธิสมฺปาทนตฺถนฺติ อาห ‘‘สมาธิสํวตฺตนิกานี’’ติ. สมาธิสํวตฺตนปฺปโยชนานิ สมาธิสํวตฺตนิกานิ.
สมานภาโว ¶ ¶ สามฺํ, ปริปุณฺณจตุปาริสุทฺธิภาเวน มชฺเฌ ภินฺนสุวณฺณสฺส วิย เภทาภาวโต สีเลน สามฺํ สีลสามฺํ, ตํ คโต อุปคโตติ สีลสามฺคโต. เตนาห ‘‘สมานภาวูปคตสีโล’’ติ, สีลสมฺปตฺติยา สมานภาวํ อุปคตสีโล สภาควุตฺติโกติ อตฺโถ. โสตาปนฺนาทีนฺหิ สีลํ สมุทฺทนฺตเรปิ เทวโลเกปิ วสนฺตานํ อฺเสํ โสตาปนฺนาทีนํ สีเลน สมานเมว โหติ, นตฺถิ มคฺคสีเล นานตฺตํ. กามฺหิ ปุถุชฺชนานมฺปิ จตุปาริสุทฺธิสีเล นานตฺตํ น สิยา, ตํ ปน น เอกนฺติกนฺติ อิธ นาธิปฺเปตํ, มคฺคสีลํ ปน เอกนฺติกํ นิยตภาวโตติ ตเมว สนฺธาย ‘‘ยานิ ตานิ สีลานี’’ติอาทิ วุตฺตํ.
ยายนฺติ ยา อยํ มยฺหฺเจว ตุมฺหากฺจ ปจฺจกฺขภูตา. ทิฏฺีติ มคฺคสมฺมาทิฏฺิ. นิทฺโทสาติ นิทฺธุตโทสา, สมุจฺฉินฺนราคาทิปาปธมฺมาติ อตฺโถ. นิยฺยาตีติ วฏฺฏทุกฺขโต นิสฺสรติ นิคจฺฉติ. สยํ นิยนฺตีเยว หิ ตํมคฺคสมงฺคีปุคฺคลํ วฏฺฏทุกฺขโต นิยฺยาเปตีติ วุจฺจติ. ยา สตฺถุ อนุสิฏฺิ, ตํ กโรตีติ ตกฺกโร, ตสฺส, ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชนกสฺสาติ อตฺโถ. ทิฏฺิสามฺคโตติ สจฺจสมฺปฏิเวเธน สมานทิฏฺิภาวํ อุปคโต.
กติปุจฺฉาวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
ฉอาปตฺติสมุฏฺานวารกถาวณฺณนา
๒๗๖. ปเมน อาปตฺติสมุฏฺาเนนาติอาทิ สพฺพํ อุทฺเทสนิทฺเทสาทิวเสน ปวตฺตปาฬึ อนุสาเรเนว สกฺกา วิฺาตุํ.
สมถเภทํ
อธิกรณปริยายวารกถาวณฺณนา
๒๙๓. โลโภ ¶ ¶ ปุพฺพงฺคโมติอาทีสุ ปน โลภเหตุ วิวทนโต ‘‘โลโภ ปุพฺพงฺคโม’’ติ วุตฺตํ. เอวํ เสเสสุปิ. านานีติ การณานิ. ติฏฺนฺติ เอตฺถาติ านํ. เก ติฏฺนฺติ? วิวาทาธิกรณาทโย. วสนฺติ เอตฺถาติ วตฺถุ. ภวนฺติ เอตฺถาติ ภูมิ. กุสลากุสลาพฺยากตจิตฺตสมงฺคิโน วิวทนโต ‘‘นว เหตู’’ติ วุตฺตํ. ทฺวาทส มูลานีติ ‘‘โกธโน โหติ อุปนาหี’’ติอาทีนิ ทฺวาทส มูลานิ.
๒๙๔-๒๙๕. อิมาเนว ทฺวาทส กายวาจาหิ สทฺธึ ‘‘จุทฺทส มูลานี’’ติ วุตฺตานิ. สตฺต อาปตฺติกฺขนฺธา านานีติ เอตฺถ อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ปฏิจฺฉาเทนฺตสฺส ยา อาปตฺติ, ตสฺสา ปุพฺเพ อาปนฺนา อาปตฺติโย านานีติ เวทิตพฺพํ. ‘‘นตฺถิ อาปตฺตาธิกรณํ กุสล’’นฺติ วจนโต อาปตฺตาธิกรเณ อกุสลาพฺยากตวเสน ฉ เหตู วุตฺตา. กุสลจิตฺตํ ปน องฺคํ โหติ, น เหตุ.
๒๙๖. จตฺตาริ กมฺมานิ านานีติ เอตฺถ ‘‘เอวํ กตฺตพฺพ’’นฺติ อิติกตฺตพฺพตาทสฺสนวเสน ปวตฺตปาฬิ กมฺมํ นาม, ยถาิตปาฬิวเสน กโรนฺตานํ กิริยา กิจฺจาธิกรณํ นาม. ตฺติตฺติทุติยตฺติจตุตฺถกมฺมานิ ตฺติโต ชายนฺติ, อปโลกนกมฺมํ อปโลกนโตวาติ อาห ‘‘ตฺติโต วา อปโลกนโต วา’’ติ. กิจฺจาธิกรณํ เอเกน สมเถน สมฺมติ, สมฺปชฺชตีติ อตฺโถ. เตหิ สเมตพฺพตฺตา ‘‘วิวาทาธิกรณสฺส สาธารณา’’ติ วุตฺตํ.
ตพฺภาคิยวารกถาวณฺณนา
๒๙๘. วิวาทาธิกรณสฺส ตพฺภาคิยาติ วิวาทาธิกรณสฺส วูปสมโต ตปฺปกฺขิกา.
สมถา สมถสฺส สาธารณวารกถาวณฺณนา
๒๙๙. เอกํ ¶ อธิกรณํ สพฺเพ สมถา เอกโต หุตฺวา สเมตุํ สกฺโกนฺติ น สกฺโกนฺตีติ ปุจฺฉนฺโต ‘‘สมถา สมถสฺส สาธารณา, สมถา ¶ สมถสฺส อสาธารณา’’ติ อาห. เยภุยฺยสิกาย สมนํ สมฺมุขาวินยํ วินา น โหตีติ อาห ‘‘เยภุยฺยสิกา สมฺมุขาวินยสฺส สาธารณา’’ติ. สติวินยาทีหิ สมนสฺส เยภุยฺยสิกาย กิจฺจํ นตฺถีติ อาห ‘‘สติวินยสฺส…เป… อสาธารณา’’ติ. เอวํ เสเสสุปิ. ตพฺภาคิยวาเรปิ เอเสว นโย.
วินยวารกถาวณฺณนา
๓๐๒. สพฺเพสมฺปิ สมถานํ วินยปริยาโย ลพฺภตีติ ‘‘วินโย สมฺมุขาวินโย’’ติอาทินา วินยวาโร อุทฺธโฏ. สิยา น สมฺมุขาวินโยติ เอตฺถ สมฺมุขาวินยํ เปตฺวา สติวินยาทโย เสสสมถา อธิปฺเปตา. เอส นโย เสเสสุปิ.
กุสลวารกถาวณฺณนา
๓๐๓. สงฺฆสฺส สมฺมุขา ปฏิฺาเต ตํ ปฏิชานนํ สงฺฆสมฺมุขตา นาม. ตสฺส ปฏิชานนจิตฺตํ สนฺธาย ‘‘สมฺมุขาวินโย กุสโล’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ วทนฺติ. นตฺถิ สมฺมุขาวินโย อกุสโลติ ธมฺมวินยปุคฺคลสมฺมุขตาหิ ติวงฺคิโก สมฺมุขาวินโย เอเตหิ วินา นตฺถิ. ตตฺถ กุสลจิตฺเตหิ กรณกาเล กุสโล, อรหนฺเตหิ กรณกาเล อพฺยากโต. เอเตสํ สงฺฆสมฺมุขตาทีนํ อกุสลปฏิปกฺขตฺตา อกุสลสฺส สมฺภโว นตฺถิ, ตสฺมา ‘‘นตฺถิ สมฺมุขาวินโย อกุสโล’’ติ วุตฺตํ. ‘‘เยภุยฺยสิกา อธมฺมวาทีหิ วูปสมนกาเล, ธมฺมวาทีนมฺปิ อธมฺมวาทิมฺหิ สลากคฺคาหาปเก ชาเต อกุสลา. สติวินโย อนรหโต สฺจิจฺจ สติวินยทาเน อกุสโล. อมูฬฺหวินโย อนุมฺมตฺตกสฺส ทาเน, ปฏิฺาตกรณํ มูฬฺหสฺส อชานโต ปฏิฺาย กรเณ, ตสฺสปาปิยสิกา สุทฺธสฺส กรเณ, ติณวตฺถารกํ มหากลเห สฺจิจฺจ กรเณ จ อกุสลํ. สพฺพตฺถ อรหโต วเสเนว อพฺยากต’’นฺติ สพฺพเมตํ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ.
สมถวารวิสฺสชฺชนาวารกถาวณฺณนา
๓๐๔-๓๐๕. ยตฺถ เยภุยฺยสิกา ลพฺภติ, ตตฺถ สมฺมุขาวินโย ลพฺภตีติอาทิ ปุจฺฉา. ยสฺมึ ¶ สมเย สมฺมุขาวินเยน จาติอาทิ ตสฺสา ¶ วิสฺสชฺชนํ, ยสฺมึ สมเย สมฺมุขาวินเยน จ เยภุยฺยสิกาย จ อธิกรณํ วูปสมฺมติ, ตสฺมึ สมเย ยตฺถ เยภุยฺยสิกา ลพฺภติ, ตตฺถ สมฺมุขาวินโย ลพฺภตีติ เอวํ สพฺพตฺถ สมฺพนฺโธ. ยตฺถ ปฏิฺาตกรณํ ลพฺภติ, ตตฺถ สมฺมุขาวินโย ลพฺภตีติ เอตฺถ เอกํ วา ทฺเว วา พหู วา ภิกฺขู ‘‘อิมํ นาม อาปตฺตึ อาปนฺโนสี’’ติ ปุจฺฉิเต สติ ‘‘อามา’’ติ ปฏิชานเน ทฺเวปิ ปฏิฺาตกรณสมฺมุขาวินยา ลพฺภนฺติ. ตตฺถ ‘‘สงฺฆสมฺมุขตา ธมฺมวินยปุคฺคลสมฺมุขตา’’ติ เอวํ วุตฺตสมฺมุขาวินเย สงฺฆสฺส ปุรโต ปฏิฺาตํ เจ, สงฺฆสมฺมุขตา. ตตฺเถว เทสิตํ เจ, ธมฺมวินยสมฺมุขตาโยปิ ลทฺธา โหนฺติ. อถ วิวทนฺตา อฺมฺํ ปฏิชานนฺติ เจ, ปุคฺคลสมฺมุขตา. ตสฺเสว สนฺติเก เทสิตํ เจ, ธมฺมวินยสมฺมุขตาโยปิ ลทฺธา โหนฺติ. เอกสฺเสว วา เอกสฺส สนฺติเก อาปตฺติเทสนกาเล ‘‘ปสฺสสิ, ปสฺสามี’’ติ วุตฺเต ตตฺถ ธมฺมวินยปุคฺคลสมฺมุขตาสฺิโต สมฺมุขาวินโย จ ปฏิฺาตกรณฺจ ลทฺธํ โหติ.
สํสฏฺวารกถาวณฺณนา
๓๐๖. อธิกรณานํ วูปสโมว สมโถ นาม, ตสฺมา อธิกรเณน วินา สมถา นตฺถีติ อาห ‘‘มา เหวนฺติสฺส วจนีโย…เป… วินิพฺภุชิตฺวา นานากรณํ ปฺาเปตุ’’นฺติ.
สมถาธิกรณวารกถาวณฺณนา
๓๐๙-๓๑๐. สมถา สมเถหิ สมฺมนฺตีติอาทิ ปุจฺฉา. สิยา สมถา สมเถหิ สมฺมนฺตีติอาทิ วิสฺสชฺชนํ. ตตฺถ สมถา สมเถหิ สมฺมนฺตีติ เอตฺถ สมฺมนฺตีติ สมฺปชฺชนฺติ, อธิกรณา วา ปน สมฺมนฺติ วูปสมํ คจฺฉนฺติ, ตสฺมา เยภุยฺยสิกา สมฺมุขาวินเยน สมฺมตีติ เอตฺถ สมฺมุขาวินเยน สทฺธึ เยภุยฺยสิกา สมฺปชฺชติ, น สติวินยาทีหิ สทฺธึ เตสํ ตสฺสา อนุปการตฺตาติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
๓๑๑. ‘‘สมฺมุขาวินโย วิวาทาธิกรเณน สมฺมตี’’ติ ปาโ. ‘‘สมฺมุขาวินโย น เกนจิ สมฺมตี’’ติ หิ อวสาเน วุตฺตตฺตา สมฺมุขาวินโย ¶ สยํ สมเถน วา อธิกรเณน วา สเมตพฺโพ น โหติ.
๓๑๓. วิวาทาธิกรณํ…เป… กิจฺจาธิกรเณน สมฺมตีติ เอตฺถ ‘‘สุณาตุ เม ภนฺเต ¶ …เป… ปมํ สลากํ นิกฺขิปามี’’ติ เอวํ วิวาทาธิกรณํ กิจฺจาธิกรเณน สมฺมตีติ ทฏฺพฺพํ.
สมุฏฺาปนวารกถาวณฺณนา
๓๑๔. วิวาทาธิกรณํ น กตมํ อธิกรณํ สมุฏฺาเปตีติ ‘‘นายํ ธมฺโม’’ติ วุตฺตมตฺเตเนว กิฺจิ อธิกรณํ น สมุฏฺาเปตีติ อตฺโถ.
ภชติวารกถาวณฺณนา
๓๑๘-๙. กตมํ อธิกรณํ ปริยาปนฺนนฺติ กตมาธิกรณปริยาปนฺนํ, อยเมว วา ปาโ. วิวาทาธิกรณํ วิวาทาธิกรณํ ภชตีติ ปมุปฺปนฺนวิวาทํ ปจฺฉา อุปฺปนฺโน ภชติ. วิวาทาธิกรณํ ทฺเว สมเถ ภชตีติ ‘‘มํ วูปสเมตุํ สมตฺถา ตุมฺเห’’ติ วทนฺตํ วิย ภชติ. ทฺวีหิ สมเถหิ สงฺคหิตนฺติ ‘‘มยํ ตํ วูปสเมสฺสามา’’ติ วทนฺเตหิ วิย ทฺวีหิ สมเถหิ สงฺคหิตํ.
ขนฺธกปุจฺฉาวาโร
ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนาวณฺณนา
๓๒๐. นิทาเนน ¶ ¶ จ นิทฺเทเสน จ สทฺธินฺติ เอตฺถ นิทาเนนาติ สิกฺขาปทปฺตฺติเทสสงฺขาเตน นิทาเนน. นิทฺเทเสนาติ ปุคฺคลาทินิทฺเทเสน. อุภเยนปิ ตสฺส ตสฺส สิกฺขาปทสฺส วตฺถุ ทสฺสิตํ, ตสฺมา วตฺถุนา สทฺธึ ขนฺธกํ ปุจฺฉิสฺสามีติ อยเมตฺถ อตฺโถ. ตตฺถาติ ตสฺมึ อุปสมฺปทกฺขนฺธเก. อุตฺตมานิ ปทานิ วุตฺตานีติ ‘‘น, ภิกฺขเว, อูนวีสติวสฺโส ปุคฺคโล อุปสมฺปาเทตพฺโพ’’ติอาทินา (มหาว. ๙๙, ๑๒๔) นเยน อุตฺตมปทานิ วุตฺตานิ. จมฺมสํยุตฺเตติ จมฺมกฺขนฺธเก.