📜
๑. มหาขนฺธกํ
โพธิกถาวณฺณนา
อิทานิ ¶ ¶ อุภโตวิภงฺคานนฺตรํ สงฺคหมาโรปิตสฺส มหาวคฺคจูฬวคฺคสงฺคหิตสฺส ขนฺธกสฺส อตฺถสํวณฺณนํ อารภิตุกาโม ‘‘อุภินฺนํ ปาติโมกฺขาน’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อุภินฺนํ ปาติโมกฺขานนฺติ อุภินฺนํ ปาติโมกฺขวิภงฺคานํ. ปาติโมกฺขคฺคหเณน เหตฺถ เตสํ วิภงฺโค อเภเทน คหิโต. ยํ ขนฺธกํ สงฺคายึสูติ สมฺพนฺโธ. ขนฺธานํ สมูโห ขนฺธโก, ขนฺธานํ วา ปกาสนโต ทีปนโต ขนฺธโก. ‘‘ขนฺธา’’ติ เจตฺถ ปพฺพชฺชุปสมฺปทาทิวินยกมฺมสงฺขาตา จาริตฺตวาริตฺตสิกฺขาปทสงฺขาตา จ ปฺตฺติโย อธิปฺเปตา. ปพฺพชฺชาทีนิ หิ ภควตา ปฺตฺตตฺตา ‘‘ปฺตฺติโย’’ติ วุจฺจนฺติ. ปฺตฺติยฺจ ขนฺธสทฺโท ทิสฺสติ ‘‘ทารุกฺขนฺโธ อคฺคิกฺขนฺโธ’’ติอาทีสุ วิย. อปิจ ภาคราสฏฺตาเปตฺถ ยุชฺชติเยว ตาสํ ปฺตฺตีนํ ภาคโต ราสิโต จ วิภตฺตตฺตา. ขนฺธโกวิทาติ ปฺตฺติภาคราสฏฺวเสน ขนฺธฏฺเ โกวิทา.
ปทภาชนีเย ¶ เยสํ ปทานํ อตฺถา เยหิ อฏฺกถานเยหิ ปกาสิตาติ โยเชตพฺพํ. เต เจ ปุน วเทยฺยามาติ เต เจ อฏฺกถานเย ปุนปิ วเทยฺยาม. อถ วา ปทภาชนีเย เยสํ ปทานํ เย อตฺถา เหฏฺา ปกาสิตา, เต เจ อตฺเถ ปุน วเทยฺยามาติ โยเชตพฺพํ. อิมสฺมึ ปกฺเข หิ-สทฺโท ปทปูรเณ ทฏฺพฺโพ. ปริโยสานนฺติ สํวณฺณนาปริโยสานํ. อุตฺตานา เจว เย อตฺถาติ เย อตฺถา ปุพฺเพ อปกาสิตาปิ อุตฺตานา อคมฺภีรา.
๑. วิเสสการณํ นตฺถีติ ‘‘เยน สมเยน อายสฺมโต สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สิกฺขาปทปฺตฺติยาจนเหตุภูโต ปริวิตกฺโก อุทปาทิ, เตน ¶ สมเยนา’’ติอาทินา วุตฺตการณํ วิย อิธ วิเสสการณํ นตฺถิ. อยมภิลาโปติ ‘‘เตน สมเยนา’’ติ อยมภิลาโป. กึ ปเนตสฺส วจเน ปโยชนนฺติ ยทิ วิเสสการณํ นตฺถิ, เอตสฺส วจเน กึ ปโยชนนฺติ อธิปฺปาโย. นิทานทสฺสนํ ปโยชนนฺติ โยเชตพฺพํ. ตเมว วิภาเวตุํ ‘‘ยา หิ ภควตา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
มหาเวลา วิย มหาเวลา, วิปุลวาลุกปฺุชตาย มหนฺโต เวลาตโฏ วิยาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘มหนฺเต วาลิกราสิมฺหีติ อตฺโถ’’ติ. อุรุ มรุ สิกตา วาลุกา วณฺณุ วาลิกาติ อิเม สทฺทา สมานตฺถา, พฺยฺชนเมว นานํ. เตนาห ‘‘อุรูติ วาลิกา วุจฺจตี’’ติ.
อิโต ปฏฺาย จ –
ยสฺมา สุตฺตนฺตปาฬีนํ, อตฺโถ สงฺเขปวณฺณิโต;
ตสฺมา มยํ กริสฺสาม, ตาสํ อตฺถสฺส ทีปนํ.
นชฺชาติ (อุทา. อฏฺ. ๑) นทติ สนฺทตีติ นที, ตสฺสา นชฺชา, นทิยา นินฺนคายาติ อตฺโถ. เนรฺชรายาติ ‘‘เนลฺชลายา’’ติ วตฺตพฺเพ ล-การสฺส ร-การํ กตฺวา ‘‘เนรฺชรายา’’ติ วุตฺตํ, กทฺทมเสวาลปณกาทิโทสรหิตสลิลายาติ อตฺโถ. เกจิ ‘‘นีลํชลายาติ วตฺตพฺเพ เนรฺชรายาติ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, นามเมว วา เอตํ ตสฺสา นทิยาติ เวทิตพฺพํ. ตสฺสา นทิยา ตีเร ยตฺถ ภควา วิหาสิ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘โพธิรุกฺขมูเล’’ติ วุตฺตํ. ‘‘โพธิ วุจฺจติ จตูสุ มคฺเคสุ าณ’’นฺติ (จูฬว. ขคฺควิสาณสุตฺตนิทฺเทส ๑๒๑) เอตฺถ มคฺคาณํ โพธีติ วุตฺตํ, ‘‘ปปฺโปติ โพธึ วรภูริเมธโส’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๑๗) เอตฺถ สพฺพฺุตฺาณํ. ตทุภยมฺปิ โพธึ ภควา เอตฺถ ปตฺโตติ รุกฺโขปิ ‘‘โพธิรุกฺโข’’ตฺเวว นามํ ลภิ. อถ วา สตฺต โพชฺฌงฺเค พุชฺฌตีติ ภควา โพธิ. เตน พุชฺฌนฺเตน สนฺนิสฺสิตตฺตา โส รุกฺโข ¶ ‘‘โพธิรุกฺโข’’ติ นามํ ลภิ. อฏฺกถายํ ปน เอกเทเสเนว อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘โพธิ วุจฺจติ จตูสุ มคฺเคสุ าณ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. มูเลติ สมีเป. ปมาภิสมฺพุทฺโธติ อนุนาสิกโลเปนายํ นิทฺเทโสติ อาห ‘‘ปมํ อภิสมฺพุทฺโธ’’ติ. ปมนฺติ จ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส, ตสฺมา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา สพฺพปมํ โพธิรุกฺขมูเล วิหรตีติ เอวเมตฺถ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ.
อถ ¶ โข ภควาติ เอตฺถ อถาติ ตสฺมึ สมเยติ เอวมตฺโถ คเหตพฺโพ อเนกตฺถตฺตา นิปาตานํ, ยสฺมึ สมเย อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา โพธิรุกฺขมูเล วิหรติ, ตสฺมึ สมเยติ อตฺโถ. เตเนว อุทานปาฬิยํ (อุทา. ๒) ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภควา สตฺตาหํ เอกปลฺลงฺเกน นิสินฺโน โหติ วิมุตฺติสุขปฏิสํเวที’’ติ วุตฺตํ. อถาติ วา ปจฺฉาติ อิมสฺมึ อตฺเถ นิปาโต, ตสฺมา อภิสมฺโพธิโต ปจฺฉาติ เอวมตฺโถ คเหตพฺโพ. โขติ ปทปูรเณ นิปาโต. สตฺต อหานิ สตฺตาหํ. อจฺจนฺตสํโยเค เจตํ อุปโยควจนํ. ยสฺมา ภควา ตํ สตฺตาหํ นิรนฺตรตาย อจฺจนฺตเมว ผลสมาปตฺติสุเขน วิหาสิ, ตสฺมา ‘‘สตฺตาห’’นฺติ อจฺจนฺตสํโยควเสน อุปโยควจนํ วุตฺตํ. เอกปลฺลงฺเกนาติ วิสาขปุณฺณมาย อนตฺถงฺคเตเยว สูริเย อปราชิตปลฺลงฺกวเสน วชิราสเน นิสินฺนกาลโต ปฏฺาย สกิมฺปิ อนุฏฺหิตฺวา ยถาภุชิเตน เอเกเนว ปลฺลงฺเกน.
วิมุตฺติสุขปฏิสํเวทีติ เอตฺถ ตทงฺควิกฺขมฺภนสมุจฺเฉทปฏิปฺปสฺสทฺธินิสฺสรณวิมุตฺตีสุ ปฺจสุ ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺติสงฺขาตา ภควโต ผลวิมุตฺติ อธิปฺเปตาติ อาห ‘‘วิมุตฺติสุขํ ผลสมาปตฺติสุขํ ปฏิสํเวทยมาโน’’ติ. วิมุตฺตีติ จ อุปกฺกิเลเสหิ ปฏิปฺปสฺสทฺธิวเสน จิตฺตสฺส วิมุตฺตภาโว, จิตฺตเมว วา ตถา วิมุตฺตํ เวทิตพฺพํ. ตาย วิมุตฺติยา ชาตํ, สมฺปยุตฺตํ วา สุขํ วิมุตฺติสุขํ. ‘‘ยายํ, ภนฺเต, อุเปกฺขา สนฺเต สุเข วุตฺตา ภควตา’’ติ (ม. นิ. ๒.๘๘) วจนโต อุเปกฺขาปิ เจตฺถ สุขมิจฺเจว เวทิตพฺพา. ตถา หิ วุตฺตํ สมฺโมหวิโนทนิยํ (วิภ. อฏฺ. ๒๓๒) ‘‘อุเปกฺขา ปน สนฺตตฺตา, สุขมิจฺเจว ภาสิตา’’ติ. ภควา หิ จตุตฺถชฺฌานิกํ อรหตฺตผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชติ, น อิตรํ. อถ วา ‘‘เตสํ วูปสโม สุโข’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๒๑, ๒๗๒) ยถา สงฺขารทุกฺขวูปสโม ‘‘สุโข’’ติ วุจฺจติ, เอวํ สกลกิเลสทุกฺขูปสมภาวโต อคฺคผเล ลพฺภมานา ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺติ เอว อิธ ‘‘สุข’’นฺติ เวทิตพฺพา.
อถาติ อธิการตฺเถ นิปาโต, โขติ ปทปูรเณ. เตสุ อธิการตฺเถน ‘‘อถา’’ติ อิมินา วิมุตฺติสุขปฏิสํเวทนโต ¶ อฺํ อธิการํ ทสฺเสติ. โก ปเนโสติ? ปฏิจฺจสมอุปฺปาทมนสิกาโร. รตฺติยาติ อวยวสมฺพนฺเธ สามิวจนํ. ปมนฺติ อจฺจนฺตสํโยคตฺเถ อุปโยควจนํ ¶ . ภควา หิ ตสฺสา รตฺติยา สกลมฺปิ ปมํ ยามํ เตเนว มนสิกาเรน ยุตฺโต อโหสีติ.
ปจฺจยาการนฺติ อวิชฺชาทิปจฺจยธมฺมํ. ปฏิจฺจาติ ปฏิมุขํ คนฺตฺวา, การณสามคฺคึ อปฏิกฺขิปิตฺวาติ อตฺโถ. ปฏิมุขคมนฺจ ปจฺจยสฺส การณสามคฺคิยา องฺคภาเวน ผลสฺส อุปฺปาทนเมว. อปฏิกฺขิปิตฺวาติ ปน วินา ตาย การณสามคฺคิยา องฺคภาวํ อคนฺตฺวา สยเมว น อุปฺปาเทตีติ อตฺโถ. เอเตน การณพหุตา ทสฺสิตา. อวิชฺชาทิเอเกกเหตุสีเสน หิ เหตุสมูโห นิทฺทิฏฺโ. สหิเตติ สมุทิเต, อวินิพฺภุตฺเตติ อตฺโถ. อวิชฺชาทิโก หิ ปจฺจยธมฺโม สหิเตเยว อฺมฺํ อวินิพฺโภควุตฺติธมฺเม อุปฺปาเทติ. อิมินา ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมพหุตา ทสฺสิตา. อุภเยนปิ ‘‘เอกํ น เอกโต’’ติอาทินโย (วิภ. อฏฺ. ๒๒๖ สงฺขารปทนิทฺเทส; วิสุทฺธิ. ๒.๖๑๗) ทีปิโต โหติ. เอกโต หิ การณโต น อิธ กิฺจิ เอกํ ผลมตฺถิ, น อเนกํ, นาปิ อเนเกหิ การเณหิ เอกํ, อเนเกหิ ปน การเณหิ อเนกเมว โหติ. ตถา หิ อเนเกหิ อุตุปถวีพีชสลิลสงฺขาเตหิ การเณหิ อเนกเมว รูปคนฺธรสาทิองฺกุรสงฺขาตํ ผลมุปฺปชฺชมานํ ทิสฺสติ. ยํ ปเนตํ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา, สงฺขารปจฺจยา วิฺาณ’’นฺติ เอเกกเหตุผลทีปนํ กตํ, ตตฺถ ปโยชนํ น วิชฺชติ.
ภควา หิ กตฺถจิ ปธานตฺตา กตฺถจิ ปากฏตฺตา กตฺถจิ อสาธารณตฺตา เทสนาวิลาสสฺส จ เวเนยฺยานฺจ อนุรูปโต เอกเมว เหตุํ วา ผลํ วา ทีเปติ. ‘‘ผสฺสปจฺจยา เวทนา’’ติ หิ เอกเมว เหตุํ ผลฺจาห. ผสฺโส หิ เวทนาย ปธานเหตุ ยถาผสฺสํ เวทนาววตฺถานโต. เวทนา จ ผสฺสสฺส ปธานผลํ ยถาเวทนํ ผสฺสววตฺถานโต. ‘‘เสมฺหสมุฏฺานา อาพาธา’’ติ (มหานิ. ๕) ปากฏตฺตา เอกํ เหตุํ อาห. ปากโฏ หิ เอตฺถ เสมฺโห, น กมฺมาทโย. ‘‘เย เกจิ, ภิกฺขเว, อกุสลา ธมฺมา, สพฺเพเต อโยนิโสมนสิการมูลกา’’ติ อสาธารณตฺตา เอกํ เหตุํ อาห. อสาธารโณ หิ อโยนิโสมนสิกาโร อกุสลานํ, สาธารณานิ วตฺถารมฺมณาทีนีติ. ตสฺมา อวิชฺชา ตาเวตฺถ วิชฺชมาเนสุปิ อฺเสุ วตฺถารมฺมณสหชาตธมฺมาทีสุ สงฺขารการเณสุ ‘‘อสฺสาทานุปสฺสิโน ตณฺหา ปวฑฺฒตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๕๒) จ ‘‘อวิชฺชาสมุทยา อาสวสมุทโย’’ติ ¶ (ม. นิ. ๑.๑๐๔) จ วจนโต อฺเสมฺปิ ตณฺหาทีนํ สงฺขารเหตูนํ เหตูติ ปธานตฺตา, ‘‘อวิทฺวา, ภิกฺขเว, อวิชฺชาคโต ปฺุาภิสงฺขารมฺปิ อภิสงฺขโรตี’’ติ ปากฏตฺตา อสาธารณตฺตา จ สงฺขารานํ เหตุภาเวน ทีปิตาติ ¶ เวทิตพฺพา. เอวํ สพฺพตฺถ เอเกกเหตุผลทีปเน ยถาสมฺภวํ นโย เนตพฺโพ. เตนาหุ โปราณา –
‘‘เอกํ น เอกโต อิธ, นาเนกมเนกโตปิ โน เอกํ;
ผลมตฺถิ อตฺถิ ปน เอก-เหตุผลทีปเน อตฺโถ’’ติ.
ปจฺเจตุมรหตีติ ปฏิจฺโจ. โย หิ นํ ปจฺเจติ อภิสเมติ, ตสฺส อจฺจนฺตเมว ทุกฺขวูปสมาย สํวตฺตติ. สมฺมา สห จ อุปฺปาเทตีติ สมุปฺปาโท. ปจฺจยธมฺโม หิ อตฺตโน ผลํ อุปฺปาเทนฺโต สมฺปุณฺณเมว อุปฺปาเทติ, น วิกลํ. เย จ ธมฺเม อุปฺปาเทติ, เต สพฺเพ สเหว อุปฺปาเทติ, น เอเกกํ. อิติ ปฏิจฺโจ จ โส สมุปฺปาโท จาติ ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. วิตฺถาโรติ ปฏิจฺจสมุปฺปาทปทวณฺณนาปปฺโจ. มยมฺปิ ตํ อติปปฺจภยา อิธ น ทสฺสยิสฺสาม, เอวํ ปรโต วกฺขมานมฺปิ วิตฺถารํ. อนุโลมปฏิโลมนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส ‘‘วิสมํ จนฺทิมสูริยา ปริวตฺตนฺตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๗๐) วิย. สฺเววาติ โส เอว ปจฺจยากาโร. ปุริมนเยน วา วุตฺโตติ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติอาทินา นเยน วุตฺโต ปจฺจยากาโร. ปวตฺติยาติ สํสารปฺปวตฺติยา. มนสิ อกาสีติ โย โย ปจฺจยธมฺโม ยสฺส ยสฺส ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมสฺส ยถา ยถา เหตุปจฺจยาทินา ปจฺจยภาเวน ปจฺจโย โหติ, ตํ สพฺพํ อวิปรีตํ อปริหาเปตฺวา อนวเสสโต ปจฺจเวกฺขณวเสน จิตฺเต อกาสีติ อตฺโถ.
อวิชฺชาปจฺจยาติอาทีสุ (วิภ. อฏฺ. ๒๒๕; วิสุทฺธิ. ๒.๕๘๖-๕๘๗; อุทา. อฏฺ. ๑) อวินฺทิยํ กายทุจฺจริตาทึ วินฺทตีติ อวิชฺชา, วินฺทิยํ กายสุจริตาทึ น วินฺทตีติ อวิชฺชา, ธมฺมานํ อวิปรีตสภาวํ อวิทิตํ กโรตีติ อวิชฺชา, อนฺตวิรหิเต สํสาเร ภวาทีสุ สตฺเต ชวาเปตีติ อวิชฺชา, อวิชฺชมาเนสุ ชวติ, วิชฺชมาเนสุ น ชวตีติ อวิชฺชา, วิชฺชาปฏิปกฺขาติ วา อวิชฺชา. สา ‘‘ทุกฺเข อฺาณ’’นฺติอาทินา จตุพฺพิธา เวทิตพฺพา. ปฏิจฺจ นํ น วินา ผลํ เอติ อุปฺปชฺชติ เจว ปวตฺตติ จาติ ปจฺจโย, อุปการฏฺโ วา ปจฺจโย. อวิชฺชา จ สา ปจฺจโย จาติ อวิชฺชาปจฺจโย ¶ , ตสฺมา อวิชฺชาปจฺจยา. สงฺขโรนฺตีติ สงฺขารา, โลกิยา กุสลากุสลเจตนา. เต ปฺุาปฺุาเนฺจาภิสงฺขารวเสน ติวิธา เวทิตพฺพา. วิชานาตีติ วิฺาณํ, ตํ โลกิยวิปากวิฺาณวเสน พาตฺตึสวิธํ. นมตีติ นามํ, เวทนาทิกฺขนฺธตฺตยํ. รุปฺปตีติ รูปํ, ภูตรูปํ จกฺขาทิอุปาทารูปฺจ. อายตนฺติ, อายตฺจ สํสารทุกฺขํ นยตีติ อายตนํ ¶ . ผุสตีติ ผสฺโส. เวทยตีติ เวทนา. อิทมฺปิ ทฺวยํ ทฺวารวเสน ฉพฺพิธํ, วิปากวเสน คหเณ พาตฺตึสวิธํ. ตสฺสติ ปริตสฺสตีติ ตณฺหา, สา กามตณฺหาทิวเสน สงฺเขปโต ติวิธา, วิตฺถารโต อฏฺสตวิธา จ. อุปาทิยตีติ อุปาทานํ, ตํ กามุปาทานาทิวสเอน จตุพฺพิธํ.
ภวติ ภาวยติ จาติ ภโว, โส กมฺโมปปตฺติเภทโต ทุวิโธ. ชนนํ ชาติ. ชีรณํ ชรา. มรนฺติ เตนาติ มรณํ. โสจนํ โสโก. ปริเทวนํ ปริเทโว. ทุกฺขยตีติ ทุกฺขํ. อุปฺปาทฏฺิติวเสน ทฺเวธา ขนตีติ วา ทุกฺขํ. ทุมฺมนสฺส ภาโว โทมนสฺสํ. ภุโส อายาโส อุปายาโส. สมฺภวนฺตีติ นิพฺพตฺตนฺติ. น เกวลฺจ โสกาทีเหว, อถ โข สพฺพปเทหิ ‘‘สมฺภวนฺตี’’ติ ปทสฺส โยชนา กาตพฺพา. เอวฺหิ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา สมฺภวนฺตีติ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนววตฺถานํ ทสฺสิตํ โหติ. เตเนวาห ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา สมฺภวนฺตีติ อิมินา นเยน สพฺพปเทสุ อตฺโถ เวทิตพฺโพ’’ติ. เอวเมตสฺส…เป… สมุทโย โหตีติ เอตฺถ ปน อยมตฺโถ. เอวนฺติ นิทฺทิฏฺนยนิทสฺสนํ. เตน อวิชฺชาทีเหว การเณหิ, น อิสฺสรนิมฺมานาทีหีติ ทสฺเสติ. เอตสฺสาติ ยถาวุตฺตสฺส. เกวลสฺสาติ อสมฺมิสฺสสฺส, สกลสฺส วา. ทุกฺขกฺขนฺธสฺสาติ ทุกฺขสมูหสฺส, น สตฺตสฺส นาปิ สุภสุขาทีนํ. สมุทโย โหตีติ นิพฺพตฺติ สมฺภวติ.
อจฺจนฺตเมว สงฺขาเรหิ วิรชฺชติ เอเตนาติ วิราโค, อริยมคฺโคติ อาห ‘‘วิราคสงฺขาเตน มคฺเคนา’’ติ. อเสสํ นิโรธา อเสสนิโรธา, อเสเสตฺวา นิสฺเสเสตฺวา นิโรธา สมุจฺฉินฺทนา อนุสยปฺปหานวเสน อคฺคมคฺเคน อวิชฺชาย อจฺจนฺตสมุคฺฆาตโตติ อตฺโถ. ยทิปิ เหฏฺิมมคฺเคหิปิ ปหียมานา อวิชฺชา อจฺจนฺตสมุคฺฆาตวเสเนว ปหียติ, ตถาปิ น อนวเสสโต ปหียติ. อปายคมนียา หิ อวิชฺชา ปมมคฺเคน ปหียติ, ตถา สกิเทว อิมสฺมึ โลเก สพฺพตฺถ จ อนริยภูมิยํ อุปปตฺติยา ปจฺจยภูตา อวิชฺชา ยถากฺกมํ ทุติยตติยมคฺเคหิ ปหียติ, น อิตราติ, อรหตฺตมคฺเคเนว ปน สา อนวเสสํ ¶ ปหียตีติ. อนุปฺปาทนิโรโธ โหตีติ สพฺเพสํ สงฺขารานํ อนวเสสํ อนุปฺปาทนิโรโธ โหติ. เหฏฺิเมน หิ มคฺคตฺตเยน เกจิ สงฺขารา นิรุชฺฌนฺติ, เกจิ น นิรุชฺฌนฺติ อวิชฺชาย สาวเสสนิโรธา, อคฺคมคฺเคน ปนสฺสา อนวเสสนิโรธา น เกจิ สงฺขารา น นิรุชฺฌนฺตีติ. เอวํ นิรุทฺธานนฺติ เอวํ อนุปฺปาทนิโรเธน นิรุทฺธานํ. เกวล-สทฺโท นิรวเสสวาจโก จ โหติ ‘‘เกวลา องฺคมคธา’’ติอาทีสุ. อสมฺมิสฺสวาจโก จ ‘‘เกวลา สาลโย’’ติอาทีสุ. ตสฺมา อุภยถาปิ ¶ อตฺถํ วทติ ‘‘สกลสฺส, สุทฺธสฺส วา’’ติ. ตตฺถ สกลสฺสาติ อนวเสสสฺส สพฺพภวาทิคตสฺส. สตฺตวิรหิตสฺสาติ ปรปริกปฺปิตชีวรหิตสฺส.
อปิเจตฺถ กิฺจาปิ ‘‘อวิชฺชานิโรธา สงฺขารนิโรโธ, สงฺขารนิโรธา วิฺาณนิโรโธ’’ติ เอตฺตาวตาปิ สกลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อนวเสสโต นิโรโธ วุตฺโต โหติ, ตถาปิ ยถา อนุโลเม ยสฺส ยสฺส ปจฺจยธมฺมสฺส อตฺถิตาย โย โย ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺโม น นิรุชฺฌติ ปวตฺตติ เอวาติ อิมสฺส อตฺถสฺส ทสฺสนตฺถํ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา…เป… สมุทโย โหตี’’ติ วุตฺตํ. เอวํ ตปฺปฏิปกฺขโต ตสฺส ตสฺส ปจฺจยสฺส อภาเว โส โส ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺโม นิรุชฺฌติ น ปวตฺตตีติ ทสฺสนตฺถํ อิธ ‘‘อวิชฺชานิโรธา สงฺขารนิโรโธ, สงฺขารนิโรธา วิฺาณนิโรโธ, วิฺาณนิโรธา นามรูปนิโรโธ…เป… ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหตี’’ติ วุตฺตํ, น ปน อนุโลเม วิย กาลตฺตยปริยาปนฺนสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรธทสฺสนตฺถํ. อนาคตสฺเสว หิ อริยมคฺคภาวนาย อสติ อุปฺปชฺชนารหสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อริยมคฺคภาวนาย นิโรโธ อิจฺฉิโตติ อยมฺปิ วิเสโส เวทิตพฺโพ.
ยทา หเวติ เอตฺถ หเวติ พฺยตฺตนฺติ อิมสฺมึ อตฺเถ นิปาโต. เกจิ ปน ‘‘หเวติ อาหเว ยุทฺเธ’’ติ อตฺถํ วทนฺติ, ‘‘โยเธถ มารํ ปฺาวุเธนา’’ติ (ธ. ป. ๔๐) หิ วจนโต กิเลสมาเรน ยุชฺฌนสมเยติ เตสํ อธิปฺปาโย. อารมฺมณูปนิชฺฌานลกฺขเณนาติ อารมฺมณูปนิชฺฌานสภาเวน. ลกฺขณูปนิชฺฌานลกฺขเณนาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ตตฺถ อารมฺมณูปนิชฺฌานํ นาม อฏฺ สมาปตฺติโย กสิณารมฺมณสฺส อุปนิชฺฌายนโต. ลกฺขณูปนิชฺฌานํ นาม วิปสฺสนามคฺคผลานิ. วิปสฺสนา หิ ตีณิ ลกฺขณานิ อุปนิชฺฌายตีติ ลกฺขณูปนิชฺฌานํ, มคฺโค ¶ วิปสฺสนาย อาคตกิจฺจํ สาเธตีติ ลกฺขณูปนิชฺฌานํ, ผลํ ตถลกฺขณํ นิโรธสจฺจํ อุปนิชฺฌายตีติ ลกฺขณูปนิชฺฌานํ. โน กลฺโล ปฺโหติ อยุตฺโต ปฺโห, ทุปฺปฺโห เอโสติ อตฺโถ. อาทิสทฺเทน –
‘‘ผุสตีติ อหํ น วทามิ. ผุสตีติ จาหํ วเทยฺยํ, ตตฺรสฺส กลฺโล ปฺโห ‘โก นุ โข, ภนฺเต, ผุสตี’ติ? เอวฺจาหํ น วทามิ, เอวํ มํ อวทนฺตํ โย เอวํ ปุจฺเฉยฺย ‘กึปจฺจยา นุ โข, ภนฺเต, ผสฺโส’ติ, เอส กลฺโล ปฺโห. ตตฺร กลฺลํ เวยฺยากรณํ ‘สฬายตนปจฺจยา ผสฺโส, ผสฺสปจฺจยา เวทนา’ติ. โก นุ โข, ภนฺเต, เวทยตีติ? โน กลฺโล ปฺโหติ ภควา อโวจ, เวทยตีติ อหํ น วทามิ, เวทยตีติ จาหํ วเทยฺยํ, ตตฺรสฺส กลฺโล ปฺโห ‘โก นุ โข, ภนฺเต, เวทยตี’ติ? เอวฺจาหํ ¶ น วทามิ. เอวํ มํ อวทนฺตํ โย เอวํ ปุจฺเฉยฺย ‘กึปจฺจยา นุ โข, ภนฺเต, เวทนา’ติ, เอส กลฺโล ปฺโห. ตตฺร กลฺลํ เวยฺยากรณํ ‘ผสฺสปจฺจยา เวทนา, เวทนาปจฺจยา ตณฺหา’’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๒) –
เอวมาทึ ปาฬิเสสํ สงฺคณฺหาติ.
อาทินา จ นเยนาติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน ปน ‘‘กตมา นุ โข, ภนฺเต, ชาติ, กสฺส จ ปนายํ ชาตีติ. ‘โน กลฺโล ปฺโห’ติ ภควา อโวจา’’ติ เอวมาทึ สงฺคณฺหาติ. นนุ เจตฺถ ‘‘กตมํ นุ โข, ภนฺเต, ชรามรณ’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๓๕) อิทํ สุปุจฺฉิตนฺติ? กิฺจาปิ สุปุจฺฉิตํ, ยถา ปน สตสหสฺสคฺฆนเก สุวณฺณถาลเก วฑฺฒิตสฺส สุโภชนสฺส มตฺถเก อามลกมตฺเต คูถปิณฺเฑ ปิเต สพฺพํ โภชนํ ทุพฺโภชนํ โหติ ฉฑฺเฑตพฺพํ, เอวเมว ‘‘กสฺส จ ปนิทํ ชรามรณ’’นฺติ อิมินา สตฺตูปลทฺธิวาทปเทน คูถปิณฺเฑน ตํ โภชนํ ทุพฺโภชนํ วิย อยมฺปิ สพฺโพ ทุปฺปฺโห ชาโตติ.
โสฬส กงฺขาติ ‘‘อโหสึ นุ โข อหํ อตีตมทฺธานํ, น นุ โข อโหสึ, กึ นุ โข อโหสึ, กถํ นุ โข อโหสึ, กึ หุตฺวา กึ อโหสึ นุ โข อหํ อตีตมทฺธานํ, ภวิสฺสามิ นุ โข อหํ อนาคตมทฺธานํ, น นุ โข ภวิสฺสามิ, กึ นุ โข ภวิสฺสามิ, กถํ นุ โข ภวิสฺสามิ, กึ หุตฺวา กึ ภวิสฺสามิ นุ โข อหํ อนาคตมทฺธานํ, อหํ ¶ นุ โขสฺมิ, โน นุ โขสฺมิ, กึ นุ โขสฺมิ, กถํ นุ โขสฺมิ, อยํ นุ โข สตฺโต กุโต อาคโต, โส กุหึ คามี ภวิสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๒๐; ม. นิ. ๑.๑๘) เอวมาคตา อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนวิสยา โสฬสวิธา กงฺขา.
ตตฺถ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๘; สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๒.๒๐) อโหสึ นุ โข, น นุ โขติ สสฺสตาการฺจ อธิจฺจสมุปฺปตฺติอาการฺจ นิสฺสาย อตีเต อตฺตโน วิชฺชมานตฺจ อวิชฺชมานตฺจ กงฺขติ, กึ การณนฺติ น วตฺตพฺพํ. อุมฺมตฺตโก วิย หิ พาลปุถุชฺชโน ยถา ตถา วา ปวตฺตติ. อปิจ อโยนิโสมนสิกาโรเยเวตฺถ การณํ. เอวํ อโยนิโสมนสิการสฺส ปน กึ การณนฺติ? สฺเวว ปุถุชฺชนภาโว อริยานํ อทสฺสนาทีนิ วา. นนุ จ ปุถุชฺชโนปิ โยนิโส มนสิ กโรตีติ. โก วา เอวมาห ‘‘น มนสิ กโรตี’’ติ. น ปน ตตฺถ ปุถุชฺชนภาโว การณํ, สทฺธมฺมสวนกลฺยาณมิตฺตาทีนิ ตตฺถ การณานิ ¶ . น หิ มจฺฉมํสาทีนิ อตฺตโน ปกติยา สุคนฺธานิ, อภิสงฺขารปจฺจยา ปน สุคนฺธานิปิ โหนฺติ.
กึ นุ โข อโหสินฺติ ชาติลิงฺคุปปตฺติโย นิสฺสาย ‘‘ขตฺติโย นุ โข อโหสึ, พฺราหฺมณเวสฺสสุทฺทคหฏฺปพฺพชิตเทวมนุสฺสานํ อฺตโร’’ติ กงฺขติ.
กถํ นุ โขติ สณฺานาการํ นิสฺสาย ‘‘ทีโฆ นุ โข อโหสึ, รสฺสโอทาตกณฺหปฺปมาณิกอปฺปมาณิกาทีนํ อฺตโร’’ติ กงฺขติ. เกจิ ปน ‘‘อิสฺสรนิมฺมานาทึ นิสฺสาย ‘เกน นุ โข การเณน อโหสิ’นฺติ เหตุโต กงฺขตี’’ติ วทนฺติ.
กึ หุตฺวา กึ อโหสินฺติ ชาติอาทีนิ นิสฺสาย ‘‘ขตฺติโย หุตฺวา นุ โข พฺราหฺมโณ อโหสึ…เป… เทโว หุตฺวา มนุสฺโส’’ติ อตฺตโน ปรมฺปรํ กงฺขติ. สพฺพตฺเถว ปน อทฺธานนฺติ กาลาธิวจนเมตํ, ตฺจ ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนํ ทฏฺพฺพํ.
ภวิสฺสามิ นุ โข, น นุ โขติ สสฺสตาการฺจ อุจฺเฉทาการฺจ นิสฺสาย อนาคเต อตฺตโน วิชฺชมานตฺจ อวิชฺชมานตฺจ กงฺขติ. เสสเมตฺถ วุตฺตนยเมว.
อหํ ¶ นุ โขสฺมีติ อตฺตโน อตฺถิภาวํ กงฺขติ. ยุตฺตํ ปเนตนฺติ? ยุตฺตํ อยุตฺตนฺติ กา เอตฺถ จินฺตา. อปิเจตฺถ อิทํ วตฺถุมฺปิ อุทาหรนฺติ, จูฬมาตาย กิร ปุตฺโต มุณฺโฑ, มหามาตาย ปุตฺโต อมุณฺโฑ. ตํ สุตฺตํ มุณฺเฑสุํ. โส อุฏฺาย ‘‘อหํ นุ โข จูฬมาตาย ปุตฺโต’’ติ จินฺเตสิ. เอวํ ‘‘อหํ นุ โขสฺมี’’ติ กงฺขา โหติ.
โน นุ โขสฺมีติ อตฺตโน นตฺถิภาวํ กงฺขติ. ตตฺราปิ อิทํ วตฺถุ – เอโก กิร มจฺเฉ คณฺหนฺโต อุทเก จิรฏฺาเนน สีติภูตํ อตฺตโน อูรุํ ‘‘มจฺโฉ’’ติ จินฺเตตฺวา ปหริ. อปโร สุสานปสฺเส เขตฺตํ รกฺขนฺโต ภีโต สงฺกุฏิโต สยิ. โส ปฏิพุชฺฌิตฺวา อตฺตโน ชณฺณุกานิ ‘‘ทฺเว ยกฺขา’’ติ จินฺเตตฺวา ปหริ, เอวํ ‘‘โน นุ โขสฺมี’’ติ กงฺขติ.
กึ นุ โขสฺมีติ ขตฺติโยว สมาโน อตฺตโน ขตฺติยภาวํ กงฺขติ กณฺโณ วิย สูตปุตฺตสฺี. เอส นโย เสเสสุ. เทโว ปน สมาโน เทวภาวํ อชานนฺโต นาม นตฺถิ. โสปิ ปน ‘‘อหํ รูปี นุ โข อรูปี นุ โข’’ติอาทินา นเยน กงฺขติ. ขตฺติยาทโย กสฺมา ¶ น ชานนฺตีติ เจ? อปฺปจฺจกฺขา เตสํ ตตฺถ ตตฺถ กุเล อุปฺปตฺติ. คหฏฺาปิ จ ปาตลิกาทโย ปพฺพชิตสฺิโน. ปพฺพชิตาปิ ‘‘กุปฺปํ นุ โข เม กมฺม’’นฺติอาทินา นเยน คหฏฺสฺิโน. มนุสฺสาปิ จ เอกจฺเจ ราชาโน วิย อตฺตนิ เทวสฺิโน โหนฺติ.
กถํ นุ โขสฺมีติ วุตฺตนยเมว. เกวลฺเหตฺถ อพฺภนฺตเร ชีโว นาม อตฺถีติ คเหตฺวา ตสฺส สณฺานาการํ นิสฺสาย ‘‘ทีโฆ นุ โขสฺมิ, รสฺสจตุรสฺสฉฬํสอฏฺํสโสฬสํสาทีนํ อฺตรปฺปกาโร’’ติ กงฺขนฺโต ‘‘กถํ นุ โขสฺมี’’ติ กงฺขตีติ เวทิตพฺโพ. สรีรสณฺานํ ปน ปจฺจุปฺปนฺนํ อชานนฺโต นาม นตฺถิ.
กุโต อาคโต, โส กุหึ คามี ภวิสฺสตีติ อตฺตภาวสฺส อาคติคติฏฺานํ กงฺขติ.
วปยนฺตีติ วิอปยนฺติ, อิการโลเปนายํ นิทฺเทโส. พฺยปยนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. เตนาห ‘‘วปยนฺติ อปคจฺฉนฺตี’’ติ. อปคมนฺจ อนุปฺปตฺตินิโรธวเสนาติ อาห ‘‘นิรุชฺฌนฺตี’’ติ.
๓. กทา ¶ ปนสฺส โพธิปกฺขิยธมฺมา จตุสจฺจธมฺมา วา ปาตุภวนฺติ อุปฺปชฺชนฺติ ปกาสนฺตีติ? วิปสฺสนามคฺคาเณสุ ปวตฺตมาเนสุ. ตตฺถ วิปสฺสนาาเณ ตาว วิปสฺสนาาณสมฺปยุตฺตา สติอาทโย วิปสฺสนาาณฺจ ยถารหํ อตฺตโน อตฺตโน วิสเยสุ ตทงฺคปฺปหานวเสน สุภสฺาทิเก ปชหนฺตา กายานุปสฺสนาทิวเสน วิสุํ วิสุํ อุปฺปชฺชนฺติ. มคฺคกฺขเณ ปน เต นิพฺพานมาลมฺพิตฺวา สมุจฺเฉทวเสน ปฏิปกฺเข ปชหนฺตา จตูสุปิ อริยสจฺเจสุ อสมฺโมหปฏิเวธสาธนวเสน สกิเทว อุปฺปชฺชนฺติ. เอวํ ตาเวตฺถ โพธิปกฺขิยธมฺมานํ อุปฺปชฺชนฏฺเน ปาตุภาโว เวทิตพฺโพ. อริยสจฺจธมฺมานํ ปน โลกิยานํ วิปสฺสนากฺขเณ วิปสฺสนาย อารมฺมณกรณวเสน โลกุตฺตรานํ ตทธิมุตฺตตาวเสน มคฺคกฺขเณ นิโรธสจฺจสฺส อารมฺมณาภิสมยวเสน สพฺเพสมฺปิ กิจฺจาภิสมยวเสน ปากฏภาวโต ปกาสนฏฺเน ปาตุภาโว เวทิตพฺโพ.
อิติ ภควา สติปิ สพฺพากาเรน สพฺพธมฺมานํ อตฺตโน าณสฺส ปากฏภาเว ปฏิจฺจสมุปฺปาทมุเขน วิปสฺสนาภินิเวสสฺส กตตฺตา นิปุณคมฺภีรสุทุทฺทสตาย ปจฺจยาการสฺส ตํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อุปฺปนฺนพลวโสมนสฺโส ปฏิปกฺขสมุจฺเฉทวิภาวเนน สทฺธึ อตฺตโน ตทภิสมยานุภาวทีปกเมเวตฺถ อุทานํ อุทาเนสิ.
‘‘กามา ¶ เต ปมา เสนา’’ติอาทินา นเยน วุตฺตปฺปการํ มารเสนนฺติ –
‘‘กามา เต ปมา เสนา, ทุติยา อรติ วุจฺจติ;
ตติยา ขุปฺปิปาสา เต, จตุตฺถี ตณฺหา ปวุจฺจติ.
‘‘ปฺจมี ถินมิทฺธํ เต, ฉฏฺา ภีรู ปวุจฺจติ;
สตฺตมี วิจิกิจฺฉา เต, มกฺโข ถมฺโภ จ อฏฺมา.
‘‘ลาโภ สิโลโก สกฺกาโร, มิจฺฉาลทฺโธ จ โย ยโส;
โย จตฺตานํ สมุกฺกํเส, ปเร จ อวชานติ.
‘‘เอสา ¶ นมุจิ เต เสนา, กณฺหสฺสาภิปฺปหารินี;
น นํ อสูโร ชินาติ, เชตฺวา จ ลภเต สุข’’นฺติ. (สุ. นิ. ๔๓๘-๔๔๑; มหานิ. ๒๘) –
อิมินา นเยน วุตฺตปฺปการํ มารเสนํ.
ตตฺถ (สุ. นิ. อฏฺ. ๒.๔๓๙-๔๑; มหานิ. อฏฺ. ๒๘) ยสฺมา อาทิโตว อคาริยภูเต สตฺเต วตฺถุกาเมสุ กิเลสกามา โมหยนฺติ, เต อภิภุยฺย อนคาริยภาวํ อุปคตานํ ปนฺเตสุ วา เสนาสเนสุ อฺตรฺตเรสุ วา อธิกุสเลสุ ธมฺเมสุ อรติ อุปฺปชฺชติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘ปพฺพชิเตน โข, อาวุโส, อภิรติ ทุกฺกรา’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๓๑). ตโต เต ปรปฏิพทฺธชีวิกตฺตา ขุปฺปิปาสา พาธติ, ตาย พาธิตานํ ปริเยสน ตณฺหา จิตฺตํ กิลมยติ, อถ เนสํ กิลนฺตจิตฺตานํ ถินมิทฺธํ โอกฺกมติ, ตโต วิเสสมนธิคจฺฉนฺตานํ ทุรภิสมฺภเวสุ อรฺวนปตฺเถสุ เสนาสเนสุ วิหรตํ อุตฺราสสฺิตา ภีรุ ชายติ, เตสํ อุสฺสงฺกิตปริสงฺกิตานํ ทีฆรตฺตํ วิเวกรสมนสฺสาทยมานานํ วิหรตํ ‘‘น สิยา นุ โข เอส มคฺโค’’ติ ปฏิปตฺติยํ วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชติ, ตํ วิโนเทตฺวา วิหรตํ อปฺปมตฺตเกน วิเสสาธิคเมน มานมกฺขถมฺภา ชายนฺติ, เตปิ วิโนเทตฺวา วิหรตํ ตโต อธิกตรํ วิเสสาธิคมํ นิสฺสาย ลาภสกฺการสิโลกา อุปฺปชฺชนฺติ, ลาภาทิมุจฺฉิตา ธมฺมปติรูปกานิ ปกาเสนฺตา มิจฺฉายสํ อธิคนฺตฺวา ตตฺถ ิตา ชาติอาทีหิ อตฺตานํ อุกฺกํเสนฺติ ปรํ วมฺเภนฺติ, ตสฺมา กามาทีนํ ปมเสนาทิภาโว เวทิตพฺโพ.
เอวเมตํ ¶ ทสวิธํ เสนํ อุทฺทิสิตฺวา ยสฺมา สา กณฺหธมฺมสมนฺนาคตตฺตา กณฺหสฺส นมุจิโน อุปการาย สํวตฺตติ, ตสฺมา นํ ‘‘ตว เสนา’’ติ นิทฺทิสนฺเตน ‘‘เอสา นมุจิ เต เสนา, กณฺหสฺสาภิปฺปหารินี’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ อภิปฺปหารินีติ สมณพฺราหฺมณานํ ฆาตนี นิปฺโปถนี, อนฺตรายกรีติ อตฺโถ. น นํ อสูโร ชินาติ, เชตฺวา จ ลภเต สุขนฺติ เอวํ ตว เสนํ อสูโร กาเย จ ชีวิเต จ สาเปกฺโข ปุริโส น ชินาติ, สูโร ปน ชินาติ, เชตฺวา จ มคฺคสุขํ ผลสุขฺจ อธิคจฺฉตีติ อตฺโถ. โสปิ พฺราหฺมโณติ โสปิ ขีณาสวพฺราหฺมโณ.
อิทานิ ¶ ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภควา สตฺตาหํ เอกปลฺลงฺเกน นิสินฺโน โหติ วิมุตฺติสุขปฏิสํเวที. อถ โข ภควา ตสฺส สตฺตาหสฺส อจฺจเยน ตมฺหา สมาธิมฺหา วุฏฺหิตฺวา รตฺติยา ปมํ ยามํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ อนุโลมํ สาธุกํ มนสากาสิ. รตฺติยา มชฺฌิมํ ยามํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ ปฏิโลมํ สาธุกํ มนสากาสิ. รตฺติยา ปจฺฉิมํ ยามํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ อนุโลมปฏิโลมํ สาธุกํ มนสากาสี’’ติ เอวํ วุตฺตาย อุทานปาฬิยา (อุทา. ๑) อิมิสฺสา จ ขนฺธกปาฬิยา อวิโรธํ ทสฺเสตุํ ‘‘อุทาเน ปนา’’ติอาทิ อารทฺธํ. เอตฺถ ตสฺส วเสนาติ ตสฺส ปจฺจยาการปชานนสฺส ปจฺจยกฺขยาธิคมสฺส จ วเสน. เอเกกเมว โกฏฺาสนฺติ อนุโลมปฏิโลเมสุ เอเกกเมว โกฏฺาสํ. ปาฏิปทรตฺติยา เอวํ มนสากาสีติ รตฺติยา ตีสุปิ ยาเมสุ อนุโลมปฏิโลมํเยว มนสากาสิ. ภควา กิร เปตฺวา รตนฆรสตฺตาหํ เสเสสุ ฉสุ สตฺตาเหสุ อนฺตรนฺตรา ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา เยภุยฺเยน วิมุตฺติสุขปฏิสํเวที วิหาสิ, รตนฆรสตฺตาเห ปน อภิธมฺมปวิจยวเสเนว วิหาสิ. ตสฺมา อนฺตรนฺตรา ธมฺมปจฺจเวกฺขณวเสน อุปฺปาทิตมนสิกาเรสุ ปาฏิปทรตฺติยา อุปฺปาทิตํ มนสิการํ สนฺธาย อิมิสฺสํ ขนฺธกปาฬิยํ เอวํ วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโย.
โพธิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อชปาลกถาวณฺณนา
๔. ตสฺส สตฺตาหสฺส อจฺจเยนาติ ปลฺลงฺกสตฺตาหสฺส อปคมเนน. ตมฺหา สมาธิมฺหา วุฏฺหิตฺวาติ ตโต อรหตฺตผลสมาปตฺติสมาธิโต ยถากาลปริจฺเฉทํ วุฏฺหิตฺวา. อฺเปิ พุทฺธตฺตกราติ วิสาขปุณฺณมิโต ปฏฺาย รตฺตินฺทิวํ เอวํ นิจฺจสมาหิตภาวเหตุภูตานํ พุทฺธคุณานํ อุปริ อฺเปิ พุทฺธตฺตสาธกา. ‘‘อยํ พุทฺโธ’’ติ พุทฺธภาวสฺส ปเรสํ วิภาวนา ธมฺมา กึ นุ โข สนฺตีติ โยชนา. เอกจฺจานํ เทวตานนฺติ ยา อธิคตมคฺคา สจฺฉิกตนิโรธา เอกปเทเสน ¶ พุทฺธคุเณ ชานนฺติ, ตา เปตฺวา ตทฺาสํ เทวตานํ. อนิมิเสหีติ ธมฺมปีติวิปฺผารวเสน ¶ ปสาทวิภาวนิจฺจลทลตาย นิเมสรหิเตหิ. รตนจงฺกเมติ เทวตาหิ มาปิเต รตนมยจงฺกเม. ‘‘รตนภูตานํ สตฺตนฺนํ ปกรณานํ ตตฺถ จ อนุตฺตรสฺส ธมฺมรตนสฺส สมฺมสเนน ตํ านํ รตนฆรเจติยํ นาม ชาต’’นฺติปิ วทนฺติ. เตเนว อฏฺสาลินิยํ (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา) ‘‘รตนฆรํ นาม น รตนมยํ เคหํ, สตฺตนฺนํ ปน ปกรณานํ สมฺมสิตฏฺานํ รตนฆรนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ.
กสฺมา ปนายํ อชปาลนิคฺโรโธ นาม ชาโตติ อาห ‘‘ตสฺส กิรา’’ติอาทิ. เกจิ ปน ‘‘ยสฺมา ตตฺถ เวเท สชฺฌายิตุํ อสมตฺถา มหลฺลกพฺราหฺมณา ปาการปริกฺเขปยุตฺตานิ นิเวสนานิ กตฺวา สพฺเพ วสึสุ, ตสฺมาสฺส ‘อชปาลนิคฺโรโธ’ติ นามํ ชาต’’นฺติ วทนฺติ. ตตฺรายํ วจนตฺโถ – น ชปนฺตีติ อชปา, มนฺตานํ อนชฺฌายกาติ อตฺโถ. อชปา ลนฺติ อาทิยนฺติ นิวาสํ เอตฺถาติ อชปาโลติ. อปเร ปน วทนฺติ ‘‘ยสฺมา มชฺฌนฺหิเก สมเย อนฺโต ปวิฏฺเ อเช อตฺตโน ฉายาย ปาเลติ รกฺขติ, ตสฺมา ‘อชปาโล’ติสฺส นามํ รุฬฺห’’นฺติ. สพฺพถาปิ นามเมตํ ตสฺส รุกฺขสฺส.
วิมุตฺติสุขํ ปฏิสํเวเทนฺโตติ ธมฺมํ วิจินนฺโตเยว อนฺตรนฺตรา วิมุตฺติสุขฺจ ปฏิสํเวเทนฺโต. ‘‘ธมฺมํ วิจินนฺโต วิมุตฺติสุขฺจ ปฏิสํเวเทนฺโต’’ติ เอวํ วา เอตฺถ ปาโ คเหตพฺโพ. อุทานฏฺกถายมฺปิ (อุทา. อฏฺ. ๔) หิ อยเมว ปาโ. ธมฺมํ วิจินนฺโต เจตฺถ เอวํ อภิธมฺเม นยมคฺคํ สมฺมสิ ปมํ ธมฺมสงฺคณีปกรณํ นาม, ตโต วิภงฺคปฺปกรณํ, ธาตุกถาปกรณํ, ปุคฺคลปฺตฺติปฺปกรณํ, กถาวตฺถุํ นาม, ยมกํ นาม, ตโต มหาปกรณํ ปฏฺานํ นามาติ. ตตฺถสฺส สณฺหสุขุมฏฺานมฺหิ จิตฺเต โอติณฺเณ ปีติ อุปฺปชฺชิ, ปีติยา อุปฺปนฺนาย โลหิตํ ปสีทิ, โลหิเต ปสนฺเน ฉวิ ปสีทิ, ฉวิยา ปสนฺนาย ปุรตฺถิมกายโต กูฏาคาราทิปฺปมาณา รสฺมิโย อุฏฺหิตฺวา อากาเส ปกฺขนฺทํ ฉทฺทนฺตนาคกุลํ วิย ปาจีนทิสาย อนนฺตานิ จกฺกวาฬานิ ปกฺขนฺทา. ปจฺฉิมกายโต อุฏฺหิตฺวา ปจฺฉิมทิสาย, ทกฺขิณํสกูฏโต อุฏฺหิตฺวา ทกฺขิณทิสาย, วามํสกูฏโต อุฏฺหิตฺวา อุตฺตรทิสาย อนนฺตานิ จกฺกวาฬานิ ปกฺขนฺทา. ปาทตเลหิ ¶ ปวาฬงฺกุรวณฺณา รสฺมิโย นิกฺขมิตฺวา มหาปถวึ วินิพฺพิชฺฌ อุทกํ ทฺวิธา ภินฺทิตฺวา วาตกฺขนฺธํ ปทาเลตฺวา อชฏากาสํ ปกฺขนฺทา. สีสโต สํปริวตฺติยมานํ มณิทามํ วิย นีลวณฺณรสฺมิวฏฺฏิ อุฏฺหิตฺวา ฉ เทวโลเก วินิวิชฺฌิตฺวา นว พฺรหฺมโลเก อติกฺกมฺม อชฏากาสํ ปกฺขนฺทา. ตสฺมึ ทิวเส อปริมาเณสุ จกฺกวาเฬสุ อปริมาณา สตฺตา สพฺเพ สุวณฺณวณฺณาว อเหสุํ. ตํ ทิวสฺจ ปน ภควโต สรีรา นิกฺขนฺตา ¶ ยาวชฺชทิวสาปิ กิร ตา รสฺมิโย อนนฺตโลกธาตุโย คจฺฉนฺติเยว. น เกวลฺจ อิมสฺมึเยว สตฺตาเห ธมฺมํ วิจินนฺตสฺส สรีรโต รสฺมิโย นิกฺขมึสุ, อถ โข รตนฆรสตฺตาเหปิ ปฏฺานํ สมฺมสนฺตสฺส เอวเมว สรีรโต รสฺมิโย นิกฺขนฺตา เอวาติ เวทิตพฺพํ.
วุตฺตฺเหตํ อฏฺสาลินิยํ (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา) –
‘‘อิเมสุ จ เอกวีสติยา ทิวเสสุ เอกทิวเสปิ สตฺถุ สรีรโต รสฺมิโย น นิกฺขนฺตา, จตุตฺเถ ปน สตฺตาเห ปจฺฉิมุตฺตราย ทิสาย รตนฆเร นิสีทิ. ตตฺถ ธมฺมสงฺคณึ สมฺมสนฺตสฺสปิ สรีรโต รสฺมิโย น นิกฺขนฺตา. วิภงฺคปฺปกรณํ, ธาตุกถํ, ปุคฺคลปฺตฺตึ, กถาวตฺถุปฺปกรณํ, ยมกปฺปกรณํ สมฺมสนฺตสฺสปิ รสฺมิโย น นิกฺขนฺตา. ยทา ปน มหาปกรณํ โอรุยฺห ‘เหตุปจฺจโย อารมฺมณปจฺจโย…เป… อวิคตปจฺจโย’ติ สมฺมสนํ อารภิ, อถสฺส จตุวีสติสมนฺตปฏฺานํ สมฺมสนฺตสฺส เอกนฺตโต สพฺพฺุตฺาณํ มหาปกรเณ โอกาสํ ลภิ. ยถา หิ ติมิรปิงฺคลมหามจฺโฉ จตุราสีติโยชนสหสฺสคมฺภีเร มหาสมุทฺเทเยว โอกาสํ ลภติ, เอวเมว สพฺพฺุตฺาณํ เอกนฺตโต มหาปกรเณเยว โอกาสํ ลภิ.
‘‘สตฺถุ เอวํ ลทฺโธกาเสน สพฺพฺุตฺาเณน ยถาสุขํ สณฺหสุขุมธมฺมํ สมฺมสนฺตสฺส สรีรโต นีลปีตโลหิโตทาตมฺชิฏฺปภสฺสรวเสน ฉพฺพณฺณรสฺมิโย นิกฺขมึสุ. เกสมสฺสูหิ เจว อกฺขีนฺจ นีลฏฺาเนหิ นีลรสฺมิโย นิกฺขมึสุ, ยาสํ วเสน คคนตลํ อฺชนจุณฺณสโมกิณฺณํ วิย อุมาปุปฺผนีลุปฺปลทลสฺฉนฺนํ วิย วีติปตนฺตมณิตาลวณฺฏํ วิย สมฺปสาริตเมจกปฏํ ¶ วิย จ อโหสิ. ฉวิโต เจว อกฺขีนฺจ ปีตฏฺาเนหิ ปีตรสฺมิโย นิกฺขมึสุ, ยาสํ วเสน ทิสาภาคา สุวณฺณรสนิสิฺจมานา วิย สุวณฺณปฏปสาริตา วิย กุงฺกุมจุณฺณกณิการปุปฺผสมฺปริกิณฺณา วิย จ วิโรจึสุ. มํสโลหิเตหิ เจว อกฺขีนฺจ รตฺตฏฺาเนหิ โลหิตรสฺมิโย นิกฺขมึสุ, ยาสํ วเสน ทิสาภาคา จีนปิฏฺจุณฺณรฺชิตา วิย สุปกฺกลาขารสนิสิฺจมานา วิย รตฺตกมฺพลปริกฺขิตฺตา วิย ชยสุมนปาริพทฺธกพนฺธุชีวกกุสุมสมฺปริกิณฺณา วิย จ วิโรจึสุ. อฏฺีหิ เจว ทนฺเตหิ จ อกฺขีนฺจ เสตฏฺาเนหิ โอทาตรสฺมิโย นิกฺขมึสุ, ยาสํ วเสน ทิสาภาคา รชตกุเฏหิ อาสิฺจมานขีรธาราสมฺปริกิณฺณา วิย ปสาริตรชตปฏวิตานา วิย วีติปตนฺตรชตตาลวณฺฏา ¶ วิย กุนฺทกุมุทสินฺธุวารสุมนมลฺลิกาทิกุสุมสฺฉนฺนา วิย จ วิโรจึสุ. มฺชิฏฺปภสฺสรา ปน ตมฺหา ตมฺหา สรีรปฺปเทสา นิกฺขมึสุ. อิติ ตา ฉพฺพณฺณรสฺมิโย นิกฺขมิตฺวา ฆนมหาปถวึ คณฺหึสุ.
‘‘จตุนหุตาธิกทฺวิโยชนสตสหสฺสพหลา มหาปถวี นิทฺธนฺตสุวณฺณปิณฺฑิ วิย อโหสิ. ปถวึ ภินฺทิตฺวา เหฏฺา อุทกํ คณฺหึสุ. ปถวีสนฺธารกํ อฏฺนหุตาธิกจตุโยชนสตสหสฺสพหลํ อุทกํ สุวณฺณกลเสหิ อาสิฺจมานวิลีนสุวณฺณํ วิย อโหสิ. อุทกํ วินิวิชฺฌิตฺวา วาตํ อคฺคเหสุํ. ฉนฺนวุตาธิกนวโยชนสตสหสฺสพหโล วาโต สมุสฺสิตสุวณฺณกฺขนฺโธ วิย อโหสิ. วาตํ วินิวิชฺฌิตฺวา เหฏฺา อชฏากาสํ ปกฺขนฺทึสุ. อุปริภาเคน อุคฺคนฺตฺวาปิ จตุมหาราชิเก คณฺหึสุ. เต วินิวิชฺฌิตฺวา ตาวตึเส, ตโต ยาเม, ตโต ตุสิเต, ตโต นิมฺมานรตี, ตโต ปรนิมฺมิตวสวตฺตี, ตโต นว พฺรหฺมโลเก, ตโต เวหปฺผเล, ตโต ปฺจ สุทฺธาวาเส วินิวิชฺฌิตฺวา จตฺตาโร อารุปฺเป คณฺหึสุ. จตฺตาโร จ อารุปฺเป วินิวิชฺฌิตฺวา อชฏากาสํ ปกฺขนฺทึสุ.
‘‘ติริยภาเคหิ ¶ อนนฺตา โลกธาตุโย ปกฺขนฺทึสุ, เอตฺตเก าเน จนฺทมฺหิ จนฺทปฺปภา นตฺถิ, สูริเย สูริยปฺปภา นตฺถิ, ตารกรูเปสุ ตารกรูปปฺปภา นตฺถิ, เทวตานํ อุยฺยานวิมานกปฺปรุกฺเขสุ สรีเร อาภรเณสูติ สพฺพตฺถ ปภา นตฺถิ. ติสหสฺสิมหาสหสฺสิโลกธาตุยา อาโลกผรณสมตฺโถ มหาพฺรหฺมาปิ สูริยุคฺคมเน ขชฺโชปนโก วิย อโหสิ, จนฺทสูริยตารกรูปเทวตุยฺยานวิมานกปฺปรุกฺขานํ ปริจฺเฉทมตฺตกเมว ปฺายิตฺถ. เอตฺตกํ านํ พุทฺธรสฺมีหิเยว อชฺโฌตฺถฏํ อโหสิ. อยฺจ เนว พุทฺธานํ อธิฏฺานิทฺธิ, น ภาวนามยิทฺธิ. สณฺหสุขุมธมฺมํ ปน สมฺมสโต โลกนาถสฺส โลหิตํ ปสีทิ, วตฺถุรูปํ ปสีทิ, ฉวิวณฺโณ ปสีทิ. จิตฺตสมุฏฺานา วณฺณธาตุ สมนฺตา อสีติหตฺถมตฺเต ปเทเส นิจฺจลา อฏฺาสี’’ติ.
เอวํ นิสินฺเนติ ตมฺหา สมาธิมฺหา วุฏฺหิตฺวา นิสินฺเน. เอโก พฺราหฺมโณติ นามโคตฺตวเสน อนภิฺาโต อปากโฏ เอโก พฺราหฺมโณ. ‘‘หุํ หุ’’นฺติ กโรนฺโต วิจรตีติ สพฺพํ อโจกฺขชาติกํ ปสฺสิตฺวา ชิคุจฺฉนฺโต ‘‘หุํ หุ’’นฺติ กโรนฺโต วิจรติ. เอตทโวจาติ (อุทา. อฏฺ. ๔) เอตํ อิทานิ วตฺตพฺพํ ‘‘กิตฺตาวตา นุ โข’’ติอาทิวจนํ อโวจ. ตตฺถ กิตฺตาวตาติ กิตฺตเกน ปมาเณน. นุ-ติ สํสยตฺเถ นิปาโต, โข-ติ ปทปูรเณ. โภ-ติ ¶ พฺราหฺมณานํ ชาติสมุทาคตํ อาลปนํ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘โภวาทิ นาม โส โหติ, สเจ โหติ สกิฺจโน’’ติ (ธ. ป. ๓๙๖; สุ. นิ. ๖๒๕). โคตมาติ ภควนฺตํ โคตฺเตน อาลปติ. กถํ ปนายํ พฺราหฺมโณ สมฺปติ สมาคโต ภควโต โคตฺตํ ชานาตีติ? นายํ สมฺปติ สมาคโต, ฉพฺพสฺสานิ ปธานกรณกาเล อุปฏฺหนฺเตหิ ปฺจวคฺคิเยหิ สทฺธึ จรมาโน อปรภาเค ตํ วตํ ฉฑฺเฑตฺวา อุรุเวลายํ เสนนิคเม เอโก อทุติโย หุตฺวา ปิณฺฑาย จรมาโนปิ เตน พฺราหฺมเณน ทิฏฺปุพฺโพ เจว สลฺลปิตปุพฺโพ จ, เตน โส ปุพฺเพ ปฺจวคฺคิเยหิ คยฺหมานํ ภควโต โคตฺตํ อนุสฺสรนฺโต ‘‘โภ โคตมา’’ติ ภควนฺตํ โคตฺเตน อาลปติ. ยโต ปฏฺาย วา ภควา มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขนฺโต อโนมานทีตีเร ปพฺพชิ, ตโต ปภุติ ‘‘สมโณ ¶ โคตโม’’ติ จนฺโท วิย สูริโย วิย ปากโฏ ปฺาโต โหติ, น จ ตสฺส โคตฺตชานเน การณํ คเวสิตพฺพํ. พฺราหฺมณกรณาติ พฺราหฺมณํ กโรนฺตีติ พฺราหฺมณกรณา, พฺราหฺมณภาวกราติ อตฺโถ. เอตฺถ จ ‘‘กิตฺตาวตา’’ติ เอเตน เยหิ ธมฺเมหิ พฺราหฺมโณ โหติ, เตสํ ธมฺมานํ ปริมาณํ ปุจฺฉติ. ‘‘กตเม’’ติ ปน อิมินา เตสํ สรูปํ ปุจฺฉติ.
อุทานํ อุทาเนสีติ ‘‘โย พฺราหฺมโณ’’ติอาทิกํ อุทานํ อุทาเนสิ, น ปน ตสฺส พฺราหฺมณสฺส ธมฺมํ เทเสสิ. กสฺมา? ธมฺมเทสนาย อภาชนภาวโต. ตถา หิ ตสฺส พฺราหฺมณสฺส อิมํ คาถํ สุตฺวา น สจฺจาภิสมโย อโหสิ. ยถา จ อิมสฺส, เอวํ อุปกสฺส อาชีวกสฺส พุทฺธคุณปฺปกาสนํ สุตฺวา. ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนโต หิ ปุพฺพภาเค ภควตา ภาสิตํ ปเรสํ สุณนฺตานมฺปิ ตปุสฺสภลฺลิกานํ สรณทานํ วิย วาสนาภาคิยเมว ชาตํ, น อเสกฺขภาคิยํ วา นิพฺเพธภาคิยํ วา. เอสา หิ ธมฺมตาติ. เวเทหิ วา อนฺตนฺติ เอตฺถ อนฺตํ นาม สพฺพสงฺขารปริโยสานํ นิพฺพานํ. อิเม อุสฺสทา นตฺถีติ สพฺพโส อิเม ปหีนตฺตา น สนฺติ.
อชปาลกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
มุจลินฺทกถาวณฺณนา
๕. มุจลินฺทมูเลติ (อุทา. อฏฺ. ๑๑) เอตฺถ มุจลินฺโท วุจฺจติ นีปรุกฺโข, โย ‘‘นิจุโล’’ติปิ วุจฺจติ, ตสฺส สมีเปติ อตฺโถ. เกจิ ปน ‘‘มุจโลติ ตสฺส รุกฺขสฺส นามํ, วนเชฏฺกตาย ปน มุจลินฺโทติ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ. อุทปาทีติ สกลจกฺกวาฬคพฺภํ ปูเรนฺโต มหาเมโฆ อุทปาทิ. เอวรูโป กิร เมโฆ ทฺวีสุเยว กาเลสุ วสฺสติ จกฺกวตฺติมฺหิ วา อุปฺปนฺเน พุทฺเธ วา, อิธ พุทฺธุปฺปาทกาเล อุทปาทิ. โปกฺขรณิยา นิพฺพตฺโตติ โปกฺขรณิยา เหฏฺา ¶ นาคภวนํ อตฺถิ, ตตฺถ นิพฺพตฺโต. สกภวนาติ อตฺตโน นาคภวนโต. เอวํ โภเคหิ ปริกฺขิปิตฺวาติ สตฺต วาเร อตฺตโน สรีรโภเคหิ ภควโต กายํ ปริวาเรตฺวา. อุปริมุทฺธนิ มหนฺตํ ผณํ ¶ วิหจฺจาติ ภควโต มุทฺธปฺปเทสสฺส อุปริ อตฺตโน มหนฺตํ ผณํ ปสาเรตฺวา. ‘‘ผณํ กริตฺวา’’ติปิ ปาโ, โสเยวตฺโถ.
ตสฺส กิร นาคราชสฺส เอตทโหสิ ‘‘ภควา จ มยฺหํ ภวนสมีเป รุกฺขมูเล นิสินฺโน, อยฺจ สตฺตาหวทฺทลิกา วตฺตติ, วาสาคารมสฺส ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส สตฺตรตนมยํ ปาสาทํ นิมฺมินิตุํ สกฺโกนฺโตปิ ‘‘เอวํ กเต กายสาโร คหิโต น ภวิสฺสติ, ทสพลสฺส กายเวยฺยาวจฺจํ กริสฺสามี’’ติ มหนฺตํ อตฺตภาวํ กตฺวา สตฺถารํ สตฺตกฺขตฺตุํ โภเคหิ ปริกฺขิปิตฺวา อุปริ ผณํ ธาเรสิ. ‘‘ตสฺส ปริกฺเขปพฺภนฺตรํ โลหปาสาเท ภณฺฑาคารคพฺภปฺปมาณํ อโหสี’’ติ อิธ วุตฺตํ. มชฺฌิมฏฺกถายํ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒๘๔) ปน –
‘‘ปริกฺเขปสฺส อนฺโต โอกาโส เหฏฺา โลหปาสาทปฺปมาโณ อโหสิ, ‘อิจฺฉิติจฺฉิเตน อิริยาปเถน สตฺถา วิหริสฺสตี’ติ นาคราชสฺส อชฺฌาสโย อโหสิ, ตสฺมา เอวํ มหนฺตํ โอกาสํ ปริกฺขิปิ, มชฺเฌ รตนปลฺลงฺโก ปฺตฺโต โหติ, อุปริ สุวณฺณตารกวิจิตฺตํ สโมสริตคนฺธทามกุสุมเจลวิตานํ อโหสิ, จตูสุ โกเณสุ คนฺธเตเลน ทีปา ชลิตา, จตูสุ ทิสาสุ วิวริตฺวา จนฺทนกรณฺฑกา ปิตา’’ติ –
วุตฺตํ. อิจฺฉิติจฺฉิเตน อิริยาปเถน วิหริสฺสตีติ จ นาคราชสฺส อชฺฌาสยมตฺตเมตํ, ภควา ปน ยถานิสินฺโนว สตฺตาหํ วีตินาเมสิ.
กิฺจาปิ…เป… จินฺเตตุํ ยุตฺตนฺติ เอตฺถ เกจิ วทนฺติ ‘‘อุณฺหคฺคหณํ โภคปริกฺเขปสฺส วิปุลภาวกรเณ การณกิตฺตนํ. ขุทฺทเก หิ ตสฺมึ ภควนฺตํ นาคราชสฺส สรีรสมฺภูตา อุสฺมา พาเธยฺย, วิปุลภาวกรเณน ปน ตาทิสํ มา อุณฺหํ พาธยิตฺถา’’ติ. สอุปสคฺคปทสฺส อตฺโถ อุปสคฺเคน วินาปิ วิฺายตีติ อาห ‘‘วิทฺธนฺติ อุพฺพิทฺธ’’นฺติ, สา จสฺส อุพฺพิทฺธตา อุปกฺกิเลสวิคเมน ทูรภาเวน อุปฏฺานนฺติ อาห ‘‘เมฆวิคเมน ทูรีภูต’’นฺติ. อินฺทนีลมณิ วิย ทิพฺพติ โชตตีติ เทโว, อากาโส. วิทิตฺวาติ ‘‘อิทานิ วิคตวลาหโก อากาโส, นตฺถิ ภควโต สีตาทิอุปทฺทโว’’ติ ตฺวา. วินิเวเตฺวาติ อปเนตฺวา. อตฺตโน ¶ รูปนฺติ อตฺตโน นาครูปํ. ปฏิสํหริตฺวาติ อนฺตรธาเปตฺวา. มาณวกวณฺณนฺติ กุมารกรูปํ.
เอตมตฺถํ ¶ วิทิตฺวาติ ‘‘วิเวกสุขปฏิสํเวทิโน ยตฺถ กตฺถจิ สุขเมว โหตี’’ติ เอตํ อตฺถํ สพฺพากาเรน ชานิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ วิเวกสุขานุภาวทีปกํ อุทานํ อุทาเนสิ. สุตธมฺมสฺสาติ วิสฺสุตธมฺมสฺส. เตนาห ‘‘ปกาสิตธมฺมสฺสา’’ติ. อกุปฺปนภาโวติ อกุปฺปนสภาโว.
มุจลินฺทกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ราชายตนกถาวณฺณนา
๖. โอสธหรีตกํ อุปเนสีติ น เกวลํ โอสธหรีตกเมว, ทนฺตกฏฺมฺปิ อุปเนสิ. ปจฺจคฺเฆติ เอตฺถ ปุริมํ อตฺถวิกปฺปํ เกจิ น อิจฺฉนฺติ, เตเนว อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน วุตฺตํ ‘‘ปจฺจคฺเฆติ อภินเว. ปจฺเจกํ มหคฺฆตาย ปจฺจคฺเฆติ เกจิ, ตํ น สุนฺทรํ. น หิ พุทฺธา ภควนฺโต มหคฺฆํ ปฏิคฺคณฺหนฺติ ปริภฺุชนฺติ วา’’ติ.
ราชายตนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
พฺรหฺมยาจนกถาวณฺณนา
๗. อาจิณฺณสมาจิณฺโณติ อาจริโต เจว อาจรนฺเตหิ จ สมฺมเทว อาจริโตติ อตฺโถ. เอเตน อยํ ปริวิตกฺโก สพฺพพุทฺธานํ ปมาภิสมฺโพธิยํ อุปฺปชฺชเตวาติ อยเมตฺถ ธมฺมตาติ ทสฺเสติ. คมฺภีโรปิ ธมฺโม ปฏิปกฺขวิธมเนน สุปากโฏ ภเวยฺย, ปฏิปกฺขวิธมนํ ปน สมฺมาปฏิปตฺติปฏิพทฺธํ, สา สทฺธมฺมสวนาธีนา, ตํ สตฺถริ ธมฺเม จ ปสาทายตฺตํ. โส วิเสสโต โลเก สมฺภาวนียสฺส ครุกาตพฺพสฺส อภิปตฺถนาเหตุโกติ ปรมฺปราย สตฺตานํ ธมฺมสมฺปฏิปตฺติยา พฺรหฺมุโน ยาจนานิมิตฺตนฺติ ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘พฺรหฺมุนา ยาจิเต เทเสตุกามตายา’’ติอาทิมาห.
อธิคโตติ ¶ ปฏิวิทฺโธ, สยมฺภูาเณน ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติอาทินา ยถาภูตํ อวพุทฺโธติ อตฺโถ. ธมฺโมติ จตุสจฺจธมฺโม ตพฺพินิมุตฺตสฺส ปฏิวิชฺฌิตพฺพธมฺมสฺส อภาวโต. คมฺภีโรติ มหาสมุทฺโท วิย มกสตุณฺฑสูจิยา อฺตฺร สมุปจิตปริปกฺกาณสมฺภาเรหิ อฺเสํ าเณน อลพฺภเนยฺยปติฏฺโ. คมฺภีรตฺตาว ทุทฺทโส ทุกฺเขน ทฏฺพฺโพ, น สกฺกา สุเขน ทฏฺุํ. โย ¶ หิ อลพฺภเนยฺยปติฏฺโ, โส โอคาหิตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย สรูปโต จ วิเสสโต จ สุเขน ปสฺสิตุํ น สกฺกา, อถ โข กิจฺเฉน เกนจิ กทาจิเทว ทฏฺพฺโพ. ทุทฺทสตฺตาว ทุรนุโพโธ ทุกฺเขน อวพุชฺฌิตพฺโพ, น สกฺกา สุเขน อวพุชฺฌิตุํ. ยฺหิ ทฏฺุเมว น สกฺกา, ตสฺส โอคาเหตฺวา อนุพุชฺฌเน กถา เอว นตฺถิ อวโพธสฺส ทุกฺกรภาวโต. อิมสฺมึ าเน ‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, กตมํ นุ โข ทุกฺกรตรํ วา ทุรภิสมฺภวตรํ วา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๑๑๕) สุตฺตปทํ วตฺตพฺพํ.
สนฺโตติ อนุปสนฺตสภาวานํ กิเลสานํ สงฺขารานฺจ อภาวโต วูปสนฺตสพฺพปริฬาหตาย สนฺโต นิพฺพุโต, สนฺตารมฺมณตาย วา สนฺโต. เอตฺถ จ นิโรธสจฺจํ สนฺตํ อารมฺมณนฺติ สนฺตารมฺมณํ, มคฺคสจฺจํ สนฺตํ สนฺตารมฺมณฺจาติ สนฺตารมฺมณํ. ปธานภาวํ นีโตติ ปณีโต. อถ วา ปณีโตติ อติตฺติกรณฏฺเน อตปฺปโก สาทุรสโภชนํ วิย. สนฺตปณีตภาเวเนว เจตฺถ อเสจนกตาย อตปฺปกตา ทฏฺพฺพา. อิทฺหิ ทฺวยํ โลกุตฺตรเมว สนฺธาย วุตฺตํ. อตกฺกาวจโรติ อุตฺตมาณวิสยตฺตา ตกฺเกน อวจริตพฺโพ โอคาหิตพฺโพ น โหติ, าเณเนว อวจริตพฺโพ. ตโต เอว นิปุณาณโคจรตาย สณฺหสุขุมสภาวตฺตา จ นิปุโณ สณฺโห. ปณฺฑิตเวทนีโยติ พาลานํ อวิสยตฺตา สมฺมาปฏิปทํ ปฏิปนฺเนหิ ปณฺฑิเตหิ เอว เวทิตพฺโพ.
อลฺลียนฺติ อภิรมิตพฺพฏฺเน เสวิยนฺตีติ อาลยา, ปฺจ กามคุณาติ อาห ‘‘สตฺตา ปฺจกามคุเณ อลฺลียนฺติ, ตสฺมา เต อาลยาติ วุจฺจนฺตี’’ติ. ตตฺถ ปฺจกามคุเณ อลฺลียนฺตีติ ปฺจกามคุเณ เสวนฺตีติ อตฺโถ. เตติ ปฺจ กามคุณา. รมนฺตีติ รตึ วินฺทนฺติ กีฬนฺติ ลฬนฺติ. อาลียนฺติ อภิรมณวเสน เสวนฺตีติ อาลยา, อฏฺสตํ ตณฺหาวิจริตานิ, เตหิ อาลเยหิ รมนฺตีติ อาลยรามาติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อิเม หิ สตฺตา ยถา กามคุเณ, เอวํ ราคมฺปิ อสฺสาเทนฺติ ¶ อภินนฺทนฺติเยว. ยเถว หิ สุสชฺชิตปุปฺผผลภริตรุกฺขาทิสมฺปนฺนํ อุยฺยานํ ปวิฏฺโ ราชา ตาย ตาย สมฺปตฺติยา รมติ, สมฺมุทิโต อาโมทิตปโมทิโต โหติ, น อุกฺกณฺติ, สายมฺปิ นิกฺขมิตุํ น อิจฺฉติ, เอวมิเมหิ กามาลยตณฺหาลเยหิ สตฺตา รมนฺติ, สํสารวฏฺเฏ สมฺโมทิตา อนุกฺกณฺิตา วสนฺติ. เตน เนสํ ภควา ทุวิธมฺปิ อาลยํ อุยฺยานภูมึ วิย ทสฺเสนฺโต ‘‘อาลยรามา’’ติอาทิมาห. รตาติ นิรตา. สุฏฺุ มุทิตาติ อติวิย มุทิตา อนุกฺกณฺนโต.
านํ สนฺธายาติ านสทฺทํ สนฺธาย. อตฺถโต ปน านนฺติ จ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท เอว อธิปฺเปโต ¶ . ติฏฺติ เอตฺถ ผลํ ตทายตฺตวุตฺติตายาติ านํ, สงฺขาราทีนํ ปจฺจยภูตา อวิชฺชาทโย. อิเมสํ สงฺขาราทีนํ ปจฺจยาติ อิทปฺปจฺจยา, อวิชฺชาทโยว. อิทปฺปจฺจยา เอว อิทปฺปจฺจยตา ยถา เทโว เอว เทวตา. อิทปฺปจฺจยานํ วา อวิชฺชาทีนํ อตฺตโน ผลํ ปฏิจฺจ ปจฺจยภาโว อุปฺปาทนสมตฺถตา อิทปฺปจฺจยตา. เตน สมตฺถปจฺจยลกฺขโณ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท ทสฺสิโต โหติ. ปฏิจฺจ สมุปฺปชฺชติ ผลํ เอตสฺมาติ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท. ปททฺวเยนปิ ธมฺมานํ ปจฺจยฏฺโ เอว วิภาวิโต. สงฺขาราทิปจฺจยานฺหิ อวิชฺชาทีนํ เอตํ อธิวจนํ อิทปฺปจฺจยตาปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ. สพฺพสงฺขารสมโถติอาทิ สพฺพํ อตฺถโต นิพฺพานเมว. ยสฺมา หิ ตํ อาคมฺม ปฏิจฺจ อริยมคฺคสฺส อารมฺมณปจฺจยภาวเหตุ สพฺพสงฺขารวิปฺผนฺทิตานิ สมฺมนฺติ วูปสมฺมนฺติ, ตสฺมา ‘‘สพฺพสงฺขารสมโถ’’ติ วุจฺจติ. สพฺพสงฺขตวิสํยุตฺเต หิ นิพฺพาเน สงฺขารวูปสมปริยาโย ายาคโตเยวาติ. อิทํ ปเนตฺถ นิพฺพจนํ – สพฺเพ สงฺขารา สมฺมนฺติ เอตฺถาติ สพฺพสงฺขารสมโถติ.
ยสฺมา จ ตํ อาคมฺม สพฺเพ อุปธโย ปฏินิสฺสฏฺา สมุจฺเฉทวเสน ปริจฺจตฺตา โหนฺติ, อฏฺสตปฺปเภทา สพฺพาปิ ตณฺหา ขียนฺติ, สพฺเพ กิเลสราคา วิรชฺชนฺติ, ชรามรณาทิเภทํ สพฺพํ วฏฺฏทุกฺขํ นิรุชฺฌติ, ตสฺมา ‘‘สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺโค ตณฺหากฺขโย วิราโค นิโรโธ’’ติ วุจฺจติ, ยา ปเนสา ตณฺหา เตน เตน ภเวน ภวนฺตรํ ภวนิกนฺติภาเวน วินติ สํสิพฺพติ, ผเลน วา สทฺธึ กมฺมํ วินติ สํสิพฺพตีติ กตฺวา วานนฺติ วุจฺจติ, ตโต นิกฺขนฺตํ วานโตติ นิพฺพานํ. กิลมโถติ กายกิลมโถ. วิเหสาปิ กายวิเหสาเยว, จิตฺเต ปน อุภยมฺเปตํ พุทฺธานํ นตฺถิ โพธิมูเลเยว สมุจฺฉินฺนตฺตา. เอตฺถ จ จิรนิสชฺชาจิรภาสเนหิ ¶ ปิฏฺิอาคิลายนตาลุคลโสสาทิวเสน กายกิลมโถ เจว กายวิเหสา จ เวทิตพฺพา, สา จ โข เทสนาย อตฺถํ อชานนฺตานฺจ อปฺปฏิปชฺชนฺตานฺจ วเสน. ชานนฺตานํ ปน ปฏิปชฺชนฺตานฺจ เทสนาย กายปริสฺสโมปิ สตฺถุ อปริสฺสโมว, เตนาห ภควา ‘‘น จ มํ ธมฺมาธิกรณํ วิเหเสตี’’ติ. เตเนว วุตฺตํ ‘‘ยา อชานนฺตานํ เทสนา นาม, โส มม กิลมโถ อสฺสา’’ติ.
อปิสฺสูติ สมฺปิณฺฑนตฺเถ นิปาโต. โส น เกวลํ เอตทโหสิ, อิมาปิ คาถา ปฏิภํสูติ ทีเปติ. ภควนฺตนฺติ ปฏิสทฺทโยเคน สามิอตฺเถ อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘ภควโต’’ติ. วุทฺธิปฺปตฺตา อจฺฉริยา วา อนจฺฉริยา. วุทฺธิอตฺโถปิ หิ อ-กาโร โหติ ยถา ‘‘อเสกฺขา ธมฺมา’’ติ. กปฺปานํ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ สตสหสฺสฺจ สเทวกสฺส โลกสฺส ธมฺมสํวิภาคกรณตฺถเมว ปารมิโย ปูเรตฺวา อิทานิ สมธิคตธมฺมรชฺชสฺส ตตฺถ อปฺโปสฺสุกฺกตาปตฺติทีปนตฺตา คาถาตฺถสฺส ¶ อนุอจฺฉริยตา ตสฺส วุทฺธิปฺปตฺติ จ เวทิตพฺพา. อตฺถทฺวาเรน หิ คาถานํ อนจฺฉริยตา. โคจรา อเหสุนฺติ อุปฏฺหํสุ, อุปฏฺานฺจ วิตกฺกยิตพฺพตาติ อาห ‘‘ปริวิตกฺกยิตพฺพภาวํ ปาปุณึสู’’ติ.
กิจฺเฉนาติ น ทุกฺขปฺปฏิปทาย. พุทฺธานฺหิ จตฺตาโรปิ มคฺคา สุขปฺปฏิปทาว โหนฺติ. ปารมีปูรณกาเล ปน สราคสโทสสโมหสฺเสว สโต อาคตาคตานํ ยาจกานํ อลงฺกตปฺปฏิยตฺตํ สีสํ กนฺติตฺวา คลโลหิตํ นีหริตฺวา สุอฺชิตานิ อกฺขีนิ อุปฺปาเฏตฺวา กุลวํสปฺปทีปํ ปุตฺตํ มนาปจารินึ ภริยนฺติ เอวมาทีนิ เทนฺตสฺส อฺานิ จ ขนฺติวาทิสทิเสสุ อตฺตภาเวสุ เฉชฺชเภชฺชาทีนิ ปาปุณนฺตสฺส อาคมนียปฏิปทํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. ห-อิติ วา พฺยตฺตนฺติ เอตสฺมึ อตฺเถ นิปาโต. เอกํสตฺเถติ เกจิ. ห พฺยตฺตํ เอกํเสน วา อลํ นิปฺปโยชนํ เอวํ กิจฺเฉน อธิคตํ ธมฺมํ เทเสตุนฺติ โยชนา. หลนฺติ วา อลนฺติ อิมินา สมานตฺถํ ปทํ ‘‘หลนฺติ วทามี’’ติอาทีสุ วิย. ‘‘ปกาสิต’’นฺติปิ ปนฺติ, เทสิตนฺติ อตฺโถ. เอวํ กิจฺเฉน อธิคตสฺส ธมฺมสฺส อลํ เทสิตํ ปริยตฺตํ เทสิตํ, โก อตฺโถ เทสิเตนาติ วุตฺตํ โหติ. ราคโทสปเรเตหีติ ราคโทสผุฏฺเหิ, ผุฏฺวิเสน วิย สปฺเปน ราเคน โทเสน จ สมฺผุฏฺเหิ อภิภูเตหีติ ¶ อตฺโถ. อถ วา ราคโทสปเรเตหีติ ราคโทสานุคเตหิ, ราเคน จ โทเสน จ อนุพนฺเธหีติ อตฺโถ.
ปฏิโสตคามินฺติ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๖๕; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒๘๑; สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๗๒) นิจฺจคาหาทีนํ ปฏิโสตํ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา อสุภนฺติ เอวํ คตํ ปวตฺตํ จตุสจฺจธมฺมนฺติ อตฺโถ. ราครตฺตาติ กามราเคน ภวราเคน ทิฏฺิราเคน จ รตฺตา. น ทกฺขนฺตีติ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา อสุภนฺติ อิมินา สภาเวน น ปสฺสิสฺสนฺติ, เต อปสฺสนฺเต โก สกฺขิสฺสติ อนิจฺจนฺติอาทินา สภาเวน ยาถาวโต ธมฺมํ ชานาเปตุนฺติ อธิปฺปาโย. ราคโทสปเรตตาปิ เนสํ สมฺมุฬฺหภาเวเนวาติ อาห ‘‘ตโมขนฺเธน อาวุฏา’’ติ, อวิชฺชาราสินา อชฺโฌตฺถฏาติ อตฺโถ.
อปฺโปสฺสุกฺกตาย จิตฺตํ นมตีติ กสฺมา ปนสฺส เอวํ จิตฺตํ นมิ, นนุ เอส ‘‘มุตฺโตหํ โมเจสฺสามิ, ติณฺโณหํ ตาเรสฺสามิ,
กึ เม อฺาตเวเสน, ธมฺมํ สจฺฉิกเตนิธ;
สพฺพฺุตํ ปาปุณิตฺวา, ตารยิสฺสํ สเทวก’’นฺติ. (พุ. วํ. ๒.๕๕) –
ปตฺถนํ ¶ กตฺวา ปารมิโย ปูเรตฺวา สพฺพฺุตํ ปตฺโตติ? สจฺจเมว, ตเทว ปจฺจเวกฺขณานุภาเวน ปนสฺส เอวํ จิตฺตํ นมิ. ตสฺส หิ สพฺพฺุตํ ปตฺวา สตฺตานํ กิเลสคหนตํ ธมฺมสฺส จ คมฺภีรตํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส สตฺตานํ กิเลสคหนตา จ ธมฺมคมฺภีรตา จ สพฺพากาเรน ปากฏา ชาตา. อถสฺส ‘‘อิเม สตฺตา กฺชิยปุณฺณลาพุ วิย ตกฺกภริตจาฏิ วิย วสาเตลปีตปิโลติกา วิย อฺชนมกฺขิตหตฺโถ วิย จ กิเลสภริตา อติสํกิลิฏฺา ราครตฺตา โทสทุฏฺา โมหมุฬฺหา, เต กึ นาม ปฏิวิชฺฌิสฺสนฺตี’’ติ จินฺตยโต กิเลสคหนปจฺจเวกฺขณานุภาเวนปิ เอวํ จิตฺตํ นมิ.
‘‘อยํ ธมฺโม ปถวีสนฺธารกอุทกกฺขนฺโธ วิย คมฺภีโร, ปพฺพเตน ปฏิจฺฉาเทตฺวา ปิโต สาสโป วิย ทุทฺทโส, สตธา ภินฺนสฺส วาลสฺส โกฏิ วิย อณุ. มยา หิ อิมํ ธมฺมํ ปฏิวิชฺฌิตุํ วายมนฺเตน อทินฺนํ ทานํ นาม นตฺถิ, อรกฺขิตํ สีลํ นาม นตฺถิ, อปริปูริตา กาจิ ปารมี นาม นตฺถิ, ตสฺส เม นิรุสฺสาหํ วิย มารพลํ วิธมนฺตสฺสปิ ปถวี ¶ น กมฺปิตฺถ, ปมยาเม ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรนฺตสฺสปิ น กมฺปิตฺถ, มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุํ วิโสเธนฺตสฺสปิ น กมฺปิตฺถ, ปจฺฉิมยาเม ปน ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ ปฏิวิชฺฌนฺตสฺเสว เม ทสสหสฺสิโลกธาตุ กมฺปิตฺถ. อิติ มาทิเสนปิ ติกฺขาเณน กิจฺเฉเนวายํ ธมฺโม ปฏิวิทฺโธ, ตํ โลกิยมหาชนา กถํ ปฏิวิชฺฌิสฺสนฺตี’’ติ ธมฺมคมฺภีรตาย ปจฺจเวกฺขณานุภาเวนปิ เอวํ จิตฺตํ นมีติ เวทิตพฺพํ.
อปิจ พฺรหฺมุนา ยาจิเต เทเสตุกามตายปิสฺส เอวํ จิตฺตํ นมิ. ชานาติ หิ ภควา ‘‘มม อปฺโปสฺสุกฺกตาย จิตฺเต นมมาเน มหาพฺรหฺมา ธมฺมเทสนํ ยาจิสฺสติ, อิเม จ สตฺตา พฺรหฺมครุกา, เต ‘สตฺถา กิร ธมฺมํ น เทเสตุกาโม อโหสิ, อถ นํ มหาพฺรหฺมา ยาจิตฺวา เทสาเปติ, สนฺโต วต โภ ธมฺโม ปณีโต’ติ มฺมานา สุสฺสูสิสฺสนฺตี’’ติ. อิทมฺปิสฺส การณํ ปฏิจฺจ อปฺโปสฺสุกฺกตาย จิตฺตํ นมิ, โน ธมฺมเทสนายาติ เวทิตพฺพํ.
๘. สหมฺปติสฺสาติ โส กิร กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน สหโก นาม เถโร ปมชฺฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ปมชฺฌานภูมิยํ กปฺปายุกพฺรหฺมา หุตฺวา นิพฺพตฺโต, ตตฺร นํ สหมฺปติ พฺรหฺมาติ สฺชานนฺติ. ตํ สนฺธายาห ‘‘พฺรหฺมุโน สหมฺปติสฺสา’’ติ. นสฺสติ วตาติ โส กิร อิมํ สทฺทํ ตถา นิจฺฉาเรติ, ยถา ทสสหสฺสิโลกธาตุพฺรหฺมาโน สุตฺวา สพฺเพ สนฺนิปตึสุ. อปฺปรชกฺขชาติกาติ ปฺามเย อกฺขิมฺหิ อปฺปํ ปริตฺตํ ราคโทสโมหรชํ เอเตสํ เอวํสภาวาติ อปฺปรชกฺขชาติกา. อปฺปํ ราคาทิรชํ เยสํ เต สภาวา อปฺปรชกฺขชาติกาติ ¶ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อสฺสวนตาติ ‘‘สยํ อภิฺา’’ติอาทีสุ วิย กรณตฺเถ ปจฺจตฺตวจนํ, อสฺสวนตายาติ อตฺโถ. ภวิสฺสนฺตีติ ปุริมพุทฺเธสุ ทสปฺุกิริยวเสน กตาธิการา ปริปากคตปทุมานิ วิย สูริยรสฺมิสมฺผสฺสํ ธมฺมเทสนํเยว อากงฺขมานา จตุปฺปทิกคาถาวสาเน อริยภูมึ โอกฺกมนารหา น เอโก, น ทฺเว, อเนกสตสหสฺสา ธมฺมสฺส อฺาตาโร ภวิสฺสนฺตีติ ทสฺเสติ.
ปาตุรโหสีติ ปาตุภวิ. สมเลหิ จินฺติโตติ สมเลหิ ปูรณกสฺสปาทีหิ ฉหิ สตฺถาเรหิ จินฺติโต. เต หิ ปุเรตรํ อุปฺปชฺชิตฺวา สกลชมฺพุทีเป กณฺฏเก ปตฺถรมานา วิย วิสํ สิฺจมานา วิย ¶ จ สมลํ มิจฺฉาทิฏฺิธมฺมํ เทสยึสุ. เต กิร พุทฺธโกลาหลานุสฺสเวน สฺชาตกุตูหลา โลกํ วฺเจตฺวา โกหฺเ ตฺวา สพฺพฺุตํ ปฏิชานนฺตา ยํ กิฺจิ อธมฺมํเยว ธมฺโมติ ทีเปสุํ. อปาปุเรตนฺติ วิวร เอตํ. อมตสฺส ทฺวารนฺติ อมตสฺส นิพฺพานสฺส ทฺวารภูตํ อริยมคฺคํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เอตํ กสฺสปสฺส ภควโต สาสนนฺตรธานโต ปภุติ ปิหิตํ นิพฺพานนครสฺส มหาทฺวารํ อริยมคฺคํ สทฺธมฺมเทสนาหตฺเถน อปาปุร วิวร อุคฺฆาเฏหีติ. สุณนฺตุ ธมฺมํ วิมเลนานุพุทฺธนฺติ อิเม สตฺตา ราคาทิมลานํ อภาวโต วิมเลน สมฺมาสมฺพุทฺเธน อนุพุทฺธํ จตุสจฺจธมฺมํ สุณนฺตุ ตาว ภควาติ ยาจติ.
เสลปพฺพโต อุจฺโจ โหติ ถิโร จ, น ปํสุปพฺพโต มิสฺสกปพฺพโต วาติ อาห ‘‘เสเล ยถา ปพฺพตมุทฺธนิฏฺิโต’’ติ. ตสฺสตฺโถ ‘‘เสลมเย เอกคฺฆเน ปพฺพตมุทฺธนิ ยถาิโตว. น หิ ตตฺถ ิตสฺส ทสฺสนตฺถํ คีวุกฺขิปนปสารณาทิกิจฺจํ อตฺถี’’ติ. ตถูปมนฺติ ตปฺปฏิภาคํ เสลปพฺพตูปมํ. ธมฺมมยํ ปาสาทนฺติ โลกุตฺตรธมฺมมาห. โส หิ สพฺพโส ปสาทาวโห สพฺพธมฺเม อติกฺกมฺม อพฺภุคฺคตฏฺเน ปาสาทสทิโส จ, ปฺาปริยาโย วา อิธ ธมฺม-สทฺโท. ปฺา หิ อพฺภุคฺคตฏฺเน ปาสาโทติ อภิธมฺเม นิทฺทิฏฺา. ตถา จาห –
‘‘ปฺาปาสาทมารุยฺห, อโสโก โสกินึ ปชํ;
ปพฺพตฏฺโว ภูมฏฺเ, ธีโร พาเล อเวกฺขตี’’ติ. (ธ. ป. ๒๘);
อยํ ปเนตฺถ สงฺเขปตฺโถ – ยถา เสลปพฺพตมุทฺธนิ ยถาิโตว จกฺขุมา ปุริโส สมนฺตโต ชนตํ ปสฺเสยฺย, ตถา ตฺวมฺปิ สุเมธ สุนฺทรปฺ สพฺพฺุตฺาเณน สมนฺตจกฺขุ ภควา ธมฺมมยํ ปฺามยํ ปาสาทมารุยฺห สยํ อเปตโสโก โสกาวติณฺณํ ชาติชราภิภูตํ ชนตํ อเวกฺขสฺสุ ¶ อุปธารย อุปปริกฺขาติ. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย – ยถา หิ ปพฺพตปาเท สมนฺตา มหนฺตํ เขตฺตํ กตฺวา ตตฺถ เกทารปาฬีสุ กุฏิกาโย กตฺวา รตฺตึ อคฺคึ ชาเลยฺยุํ, จตุรงฺคสมนฺนาคตฺจ อนฺธการํ อสฺส, อถ ตสฺส ปพฺพตสฺส มตฺถเก ตฺวา จกฺขุมโต ปุริสสฺส ภูมึ โอโลกยโต เนว เขตฺตํ, น เกทารปาฬิโย, น กุฏิโย, น ตตฺถ สยิตมนุสฺสา ปฺาเยยฺยุํ อนุชฺชลภาวโต, กุฏิกาสุ ปน อคฺคิชาลามตฺตเมว ¶ ปฺาเยยฺย อุชฺชลภาวโต, เอวํ ธมฺมปาสาทํ อารุยฺห สตฺตนิกายํ โอโลกยโต ตถาคตสฺส เย เต อกตกลฺยาณา สตฺตา, เต เอกวิหาเร ทกฺขิณชาณุปสฺเส นิสินฺนาปิ พุทฺธจกฺขุสฺส อาปาถํ นาคจฺฉนฺติ าณคฺคินา อนุชฺชลภาวโต อนุฬารภาวโต จ, รตฺตึ ขิตฺตา สรา วิย โหนฺติ. เย ปน กตกลฺยาณา เวเนยฺยปุคฺคลา, เต เอวสฺส ทูเรปิ ิตา อาปาถมาคจฺฉนฺติ ปริปกฺกาณคฺคิตาย สมุชฺชลภาวโต อุฬารสนฺตานตาย จ, โส อคฺคิ วิย หิมวนฺตปพฺพโต วิย จ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ทูเร สนฺโต ปกาเสนฺติ, หิมวนฺโตว ปพฺพโต;
อสนฺเตตฺถ น ทิสฺสนฺติ, รตฺตึ ขิตฺตา ยถา สรา’’ติ. (ธ. ป. ๓๐๔);
อุฏฺเหีติ ภควโต ธมฺมเทสนตฺถํ จาริกจรณํ ยาจนฺโต ภณติ. อุฏฺเหีติ วา ธมฺมเทสนาย อปฺโปสฺสุกฺกตาสงฺขาตสงฺโกจาปตฺติโต กิลาสุภาวโต อุฏฺห. วีราติอาทีสุ ภควา สาติสยจตุพฺพิธสมฺมปฺปธานวีริยวนฺตตาย วีโร, เทวปุตฺตมจฺจุกิเลสาภิสงฺขารานํ วิชิตตฺตา วิชิตสงฺคาโม, ชาติกนฺตาราทิโต เวเนยฺยสตฺถํ วาหนสมตฺถตาย นิพฺพานสงฺขาตํ เขมปฺปเทสํ สมฺปาปนสมตฺถตาย สตฺถวาโห, กามจฺฉนฺทอิณสฺส อภาวโต อณโณติ เวทิตพฺโพ. โย หิ ปเรสํ อิณํ คเหตฺวา วินาเสติ, โส เตหิ ‘‘อิณํ เทหี’’ติ ตชฺชมาโนปิ ผรุสํ วุจฺจมาโนปิ วมฺภมาโนปิ วธิยมาโนปิ กิฺจิ ปฏิปฺปหริตุํ น สกฺโกติ, สพฺพํ ติติกฺขติ. ติติกฺขการณฺหิสฺส ตํ อิณํ โหติ, เอวเมว โย ยมฺหิ กามจฺฉนฺเทน รชฺชติ, ตณฺหาคหเณน ตํ วตฺถุํ คณฺหาติ, โส เตน ผรุสํ วุจฺจมาโนปิ วมฺภมาโนปิ วธิยมาโนปิ กิฺจิ ปฏิปฺปหริตุํ น สกฺโกติ, สพฺพํ ติติกฺขติ. ติติกฺขการณฺหิสฺส โส กามจฺฉนฺโท โหติ ฆรสามิเกหิ วิเหิยมานานํ อิตฺถีนํ วิย. กสฺมา? อิณสทิสตฺตา กามจฺฉนฺทสฺส.
๙. อชฺเฌสนนฺติ ครุฏฺานียํ ปยิรุปาสิตฺวา ครุตรํ ปโยชนํ อุทฺทิสฺส อภิปตฺถนา อชฺเฌสนา, สาปิ อตฺถโต ยาจนา เอว. พุทฺธจกฺขุนาติ อินฺทฺริยปโรปริยตฺตาเณน จ อาสยานุสยาเณน จ. อิเมสฺหิ ทฺวินฺนํ าณานํ พุทฺธจกฺขูติ นามํ, สพฺพฺุตฺาณสฺส สมนฺตจกฺขูติ ¶ . เหฏฺิมานํ ¶ ติณฺณํ มคฺคาณานํ ธมฺมจกฺขูติ. อปฺปรชกฺเขติอาทีสุ เยสํ วุตฺตนเยเนว ปฺาจกฺขุมฺหิ ราคาทิรชํ อปฺปํ, เต อปฺปรชกฺขา. เยสํ ตํ มหนฺตํ, เต มหารชกฺขา. เยสํ สทฺธาทีนิ อินฺทฺริยานิ ติกฺขานิ, เต ติกฺขินฺทฺริยา. เยสํ ตานิ มุทูนิ, เต มุทินฺทฺริยา. เยสํ เตเยว สทฺธาทโย อาการา สุนฺทรา, เต สฺวาการา. เย กถิตการณํ สลฺลกฺเขนฺติ, สุเขน สกฺกา โหนฺติ วิฺาเปตุํ, เต สุวิฺาปยา. เย ปรโลกฺเจว วชฺชฺจ ภยโต ปสฺสนฺติ, เต ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวิโน นาม.
อุปฺปลานิ เอตฺถ สนฺตีติ อุปฺปลินี, คจฺโฉปิ ชลาสโยปิ, อิธ ปน ชลาสโย อธิปฺเปโต, ตสฺมา อุปฺปลินิยนฺติ อุปฺปลวเนติ เอวมตฺโถ คเหตพฺโพ. อิโต ปเรสุปิ เอเสว นโย. อนฺโตนิมุคฺคโปสีนีติ ยานิ อุทกสฺส อนฺโต นิมุคฺคาเนว หุตฺวา ปุสฺสนฺติ วฑฺฒนฺติ, ตานิ อนฺโตนิมุคฺคโปสีนิ. อุทกํ อจฺจุคฺคมฺม ติฏฺนฺตีติ อุทกํ อติกฺกมิตฺวา ติฏฺนฺติ. ตตฺถ ยานิ อจฺจุคฺคมฺม ิตานิ สูริยรสฺมิสมฺผสฺสํ อาคมยมานานิ, ตานิ อชฺช ปุปฺผนกานิ. ยานิ สโมทกํ ิตานิ, ตานิ สฺเว ปุปฺผนกานิ. ยานิ อุทกา อนุคฺคตานิ อนฺโตนิมุคฺคโปสีนิ, ตานิ ตติยทิวเส ปุปฺผนกานิ. อุทกา ปน อนุคฺคตานิ อฺานิปิ สโรคอุปฺปลาทีนิ นาม อตฺถิ, ยานิ เนว ปุปฺผิสฺสนฺติ มจฺฉกจฺฉปภกฺขาเนว ภวิสฺสนฺติ, ตานิ ปาฬึ นารุฬฺหานิ, อาหริตฺวา ปน ทีเปตพฺพานีติ อฏฺกถายํ ปกาสิตานิ. ยเถว หิ ตานิ จตุพฺพิธานิ ปุปฺผานิ, เอวเมว อุคฺฆฏิตฺู วิปฺจิตฺู เนยฺโย ปทปรโมติ จตฺตาโร ปุคฺคลา.
ตตฺถ ยสฺส ปุคฺคลสฺส สห อุทาหฏเวลาย ธมฺมาภิสมโย โหติ, อยํ ‘‘จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติอาทินา นเยน สงฺขิตฺเตน มาติกาย ปิยมานาย เทสนานุสาเรน าณํ เปเสตฺวา อรหตฺตํ คณฺหิตุํ สมตฺโถ ปุคฺคโล อุคฺฆฏิตฺูติ วุจฺจติ. ยสฺส ปุคฺคลสฺส สงฺขิตฺเตน ภาสิตสฺส วิตฺถาเรน อตฺเถ วิภชิยมาเน ธมฺมาภิสมโย โหติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล วิปฺจิตฺู. ยสฺส ปุคฺคลสฺส อุทฺเทสโต ปริปุจฺฉโต โยนิโส มนสิกโรโต กลฺยาณมิตฺเต เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต อนุปุพฺเพน ธมฺมาภิสมโย โหติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล เนยฺโย. ยสฺส ปุคฺคลสฺส พหุมฺปิ สุณโต พหุมฺปิ ภณโต พหุมฺปิ ธารยโต ¶ พหุมฺปิ วาจยโต น ตาย ชาติยา ธมฺมาภิสมโย โหติ, เตน อตฺตภาเวน มคฺคํ วา ผลํ วา อนฺตมโส ฌานํ วา วิปสฺสนํ วา นิพฺพตฺเตตุํ น สกฺโกติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล ปทปรโม. ตตฺถ ภควา อุปฺปลวนาทิสทิสํ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ โอโลเกนฺโต อชฺช ปุปฺผนกานิ วิย อุคฺฆฏิตฺู, สฺเว ปุปฺผนกานิ วิย วิปฺจิตฺู, ตติยทิวเส ปุปฺผนกานิ วิย เนยฺเย, มจฺฉกจฺฉปภกฺขปุปฺผานิ ¶ วิย ปทปรเม จ อทฺทส, ปสฺสนฺโต จ ‘‘เอตฺตกา อปฺปรชกฺขา, เอตฺตกา มหารชกฺขา, ตตฺราปิ เอตฺตกา อุคฺฆฏิตฺู’’ติ เอวํ สพฺพาการโตว อทฺทส.
ตตฺถ ติณฺณํ ปุคฺคลานํ อิมสฺมิฺเว อตฺตภาเว ภควโต ธมฺมเทสนา อตฺถํ สาเธติ. ปทปรมานํ อนาคตตฺถาย วาสนา โหติ. อถ ภควา อิเมสํ จตุนฺนํ ปุคฺคลานํ อตฺถาวหํ ธมฺมเทสนํ วิทิตฺวา เทเสตุกมฺยตํ อุปฺปาเทตฺวา ปุน สพฺเพปิ ตีสุ ภเวสุ สตฺเต ภพฺพาภพฺพวเสน ทฺเว โกฏฺาเส อกาสิ. เย สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘เย เต สตฺตา กมฺมาวรเณน สมนฺนาคตา วิปากาวรเณน สมนฺนาคตา กิเลสาวรเณน สมนฺนาคตา อสฺสทฺธา อจฺฉนฺทิกา ทุปฺปฺา อภพฺพา นิยามํ โอกฺกมิตุํ กุสเลสุ ธมฺเมสุ สมฺมตฺตํ, อิเม เต สตฺตา อภพฺพา. กตเม เต สตฺตา ภพฺพา? เย เต สตฺตา น กมฺมาวรเณน…เป… อิเม เต สตฺตา ภพฺพา’’ติ (วิภ. ๘๒๖-๘๒๗). ตตฺถ สพฺเพปิ อภพฺพปุคฺคเล ปหาย ภพฺพปุคฺคเลเยว าเณน ปริคฺคเหตฺวา ‘‘เอตฺตกา ราคจริตา, เอตฺตกา โทส, โมห, วิตกฺก, สทฺธา, พุทฺธิจริตา’’ติ ฉ โกฏฺาเส อกาสิ, เอวํ กตฺวา ธมฺมํ เทเสสฺสามีติ จินฺเตสิ. เอตฺถ จ อปฺปรชกฺขาทิภพฺพาทิวเสน อาวชฺเชนฺตสฺส ภควโต เต สตฺตา ปฺุชปฺุชาว หุตฺวา อุปฏฺหนฺติ, น เอเกกาติ ทฏฺพฺพํ.
ปจฺจภาสีติ ปติอภาสิ. อปารุตาติ วิวฏา. อมตสฺส ทฺวาราติ อริยมคฺโค. โส หิ อมตสงฺขาตสฺส นิพฺพานสฺส ทฺวารํ, โส มยา วิวริตฺวา ปิโต มหากรุณูปนิสฺสเยน สยมฺภูาเณน อธิคตตฺตาติ ทสฺเสติ. ‘‘อปารุตํ เตสํ อมตสฺส ทฺวาร’’นฺติ เกจิ ปนฺติ. ปมฺุจนฺตุ สทฺธนฺติ สพฺเพ อตฺตโน สทฺธํ มฺุจนฺตุ วิสฺสชฺเชนฺตุ ปเวเทนฺตุ, มยา เทสิเต ธมฺเม มยิ จ อตฺตโน สทฺทหนาการํ อุฏฺาเปนฺตูติ อตฺโถ. ปจฺฉิมปททฺวเย อยมตฺโถ – อหฺหิ อตฺตโน ปคุณํ สุปฺปวตฺติตมฺปิ อิมํ ปณีตํ ¶ อุตฺตมํ ธมฺมํ กายวาจากิลมถสฺี หุตฺวา น ภาสึ, น ภาสิสฺสามีติ จินฺเตสึ, อิทานิ ปน สพฺโพ ชโน สทฺธาภาชนํ อุปเนตุ, ปูเรสฺสามิ เนสํ สงฺกปฺปนฺติ. อนฺตรธายีติ สตฺถารํ คนฺธมาลาทีหิ ปูเชตฺวา อนฺตรหิโต, สกฏฺานเมว คโตติ อตฺโถ. สตฺถุสนฺติกฺหิ อุปคตานํ เทวานํ พฺรหฺมานฺจ ตสฺส ปุรโต อนฺตรธานํ นาม สกฏฺานคมนเมว.
พฺรหฺมยาจนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปฺจวคฺคิยกถาวณฺณนา
๑๐. เอตทโหสีติ ¶ เอตํ อโหสิ, ‘‘กสฺส นุ โข อหํ ปมํ ธมฺมํ เทเสยฺย’’นฺติ อยํ ธมฺมเทสนาปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก อุทปาทีติ อตฺโถ. อาฬาโรติ ตสฺส นามํ. ทีฆปิงฺคโล กิเรส. โส หิ ตุงฺคสรีรตาย ทีโฆ, ปิงฺคลจกฺขุตาย ปิงฺคโล, เตนสฺส ‘‘อาฬาโร’’ติ นามํ อโหสิ. กาลาโมติ โคตฺตํ. ปณฺฑิโตติ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒๘๔) ปณฺฑิจฺเจน สมนฺนาคโต, สมาปตฺติปฏิลาภสํสิทฺเธน อธิคมพาหุสจฺจสงฺขาเตน ปณฺฑิตภาเวน สมนฺนาคโตติ อตฺโถ. พฺยตฺโตติ เวยฺยตฺติเยน สมนฺนาคโต, สมาปตฺติปฏิลาภปจฺจเยน ปาริหาริกปฺาสงฺขาเตน พฺยตฺตภาเวน สมนฺนาคโตติ อตฺโถ. เมธาวีติ านุปฺปตฺติยา ปฺาย สมนฺนาคโต. อถ วา เมธาวีติ ติเหตุกปฏิสนฺธิปฺาสงฺขาตาย ตํตํอิติกตฺตพฺพตาปฺาสงฺขาตาย จ เมธาย สมนฺนาคโตติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อปฺปรชกฺขชาติโกติ สมาปตฺติยา วิกฺขมฺภิตตฺตา นิกฺกิเลสชาติโก วิสุทฺธสตฺโต. อาชานิสฺสตีติ สลฺลกฺเขสฺสติ ปฏิวิชฺฌิสฺสติ.
ภควโตปิ โข าณํ อุทปาทีติ ภควโตปิ สพฺพฺุตฺาณํ อุปฺปชฺชิ. ภควา กิร เทวตาย กถิเตเนว นิฏฺํ อคนฺตฺวา สยมฺปิ สพฺพฺุตฺาเณน โอโลเกนฺโต อิโต สตฺตมทิวสมตฺถเก กาลํ กตฺวา อากิฺจฺายตเน นิพฺพตฺโตติ อทฺทส. ตํ สนฺธายาห ‘‘ภควโตปิ โข าณํ อุทปาที’’ติ. มหาชานิโยติ สตฺตทิวสพฺภนฺตเร ปตฺตพฺพมคฺคผลโต ¶ ปริหีนตฺตา มหตี ชานิ ปริหานิ อสฺสาติ มหาชานิโย. อกฺขเณ นิพฺพตฺตตฺถา อิธ ธมฺมเทสนฏฺานํ อาคมนปาทาปิ นตฺถิ, อถาหํ ตตฺถ คจฺเฉยฺยํ, คนฺตฺวา เทสิยมานํ ธมฺมมฺปิสฺส โสตุํ โสตปสาโทปิ นตฺถิ, เอวํ มหาชานิโย ชาโตติ ทสฺเสติ. กึ ปน ภควตา ตํ อตฺตโน พุทฺธานุภาเวน ธมฺมํ าเปตุํ น สกฺกาติ? อาม น สกฺกา, น หิ ปรโตโฆสมนฺตเรน สาวกานํ ธมฺมาภิสมโย สมฺภวติ, อฺถา อิตรปจฺจยรหิตสฺสปิ ธมฺมาภิสมเยน ภวิตพฺพํ, น จ ตํ อตฺถิ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, ปจฺจยา สมฺมาทิฏฺิยา อุปฺปาทาย ปรโต จ โฆโส อชฺฌตฺตฺจ โยนิโสมนสิกาโร’’ติ (อ. นิ. ๒.๑๒๗).
อุทโกติ ตสฺส นามํ, รามสฺส ปน ปุตฺตตาย รามปุตฺโต. อภิโทสกาลกโตติ อฑฺฒรตฺเต กาลกโต. ภควโตปิ โข าณํ อุทปาทีติ อิธาปิ กิร ภควา เทวตาย กถิตวจเนน สนฺนิฏฺานํ อกตฺวา สพฺพฺุตฺาเณน โอโลเกนฺโต ‘‘หิยฺโย อฑฺฒรตฺเต กาลํ กตฺวา อุทโก รามปุตฺโต ¶ เนวสฺานาสฺายตเน นิพฺพตฺโต’’ติ อทฺทส, ตสฺมา เอวํ วุตฺตํ. เสสํ ปุริมสทิสเมว.
พหูปการาติ พหุอุปการา. ปธานปหิตตฺตํ อุปฏฺหึสูติ ปธานตฺถาย เปสิตตฺตภาวํ วสนฏฺาเน ปริเวณสมฺมชฺชเนน ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา อนุพนฺธเนน มุโขทกทนฺตกฏฺทานาทินา จ อุปฏฺหึสุ. เก ปเนเต ปฺจวคฺคิยา นาม? เย เต –
ราโม ธโช ลกฺขโณ จาปิ มนฺตี;
โกณฺฑฺโ จ โภโช สุยาโม สุทตฺโต;
เอเต ตทา อฏฺ อเหสุํ พฺราหฺมณา;
ฉฬงฺควา มนฺตํ วิยากรึสูติ. (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒๘๔; ชา. อฏฺ. ๑.นิทานกถา; อป. อฏฺ. ๑.อวิทูเรนิทานกถา);
โพธิสตฺตสฺส ชาตกาเล สุปินปฏิคฺคาหกา เจว ลกฺขณปฏิคฺคาหกา จ อฏฺ พฺราหฺมณา. เตสุ ตโย ทฺเวธา พฺยากรึสุ ‘‘อิเมหิ ลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต อคารํ อชฺฌาวสมาโน ราชา โหหิติ จกฺกวตฺตี, ปพฺพชมาโน พุทฺโธ’’ติ. ปฺจ พฺราหฺมณา เอกํสพฺยากรณา อเหสุํ ¶ ‘‘อิเมหิ ลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต อคาเร น ติฏฺติ, พุทฺโธว โหตี’’ติ. เตสุ ปุริมา ตโย ยถามนฺตปทํ คตา. เอเต หิ ลกฺขณมนฺตสงฺขาตเวทวจนานุรูปํ ปฏิปนฺนา ทฺเว คติโย ภวนฺติ อนฺาติ วุตฺตนิยาเมน นิจฺฉินิตุํ อสกฺโกนฺตา วุตฺตเมว ปฏิปชฺชึสุ, น มหาปุริสสฺส พุทฺธภาวปฺปตฺตึ ปจฺจาสีสึสุ. อิเม ปน โกณฺฑฺาทโย ปฺจ ‘‘เอกํสโต พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ ชาตนิจฺฉยตฺตา มนฺตปทํ อติกฺกนฺตา. เต อตฺตนา ลทฺธํ ตุฏฺิทานํ าตกานํ วิสฺสชฺเชตฺวา ‘‘อยํ มหาปุริโส อคาเร น อชฺฌาวสิสฺสติ, เอกนฺเตน พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ นิพฺเพมติกา โพธิสตฺตํ อุทฺทิสฺส สมณปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตา, เตสํ ปุตฺตาติปิ วทนฺติ, ตํ อฏฺกถายํ ปฏิกฺขิตฺตํ. เอเต กิร ทหรกาเลว พหู มนฺเต ชานึสุ, ตสฺมา เน พฺราหฺมณา อาจริยฏฺาเน ปยึสุ. เต ‘‘ปจฺฉา อมฺเหหิ ปุตฺตทารชฏํ ฉินฺทิตฺวา น สกฺกา ภวิสฺสติ ปพฺพชิตุ’’นฺติ ทหรกาเลเยว ปพฺพชิตฺวา รมณียานิ เสนาสนานิ ปริภฺุชนฺตา วิจรึสุ. กาเลน กาลํ ปน ‘‘กึ โภ มหาปุริโส มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขนฺโต’’ติ ปุจฺฉนฺติ. มนุสฺสา ‘‘กุหึ ตุมฺเห มหาปุริสํ ปสฺสิสฺสถ, ตีสุ ปาสาเทสุ วิวิธนาฏกมชฺเฌ เทโว วิย สมฺปตฺตึ อนุโภตี’’ติ วทนฺติ. เต สุตฺวา ‘‘น ตาว มหาปุริสสฺส าณํ ปริปากํ คจฺฉตี’’ติ อปฺโปสฺสุกฺกา วิหรึสุเยว.
กสฺมา ¶ ปเนตฺถ ภควา ‘‘พหุการา โข เม ปฺจวคฺคิยา’’ติ อาห. กึ อุปการกานํเยว เอส ธมฺมํ เทเสติ, อนุปการกานํ น เทเสตีติ? โน น เทเสติ. ปริจยวเสน เหส อาฬารฺเจว กาลามํ อุทกฺจ รามปุตฺตํ โอโลเกสิ. เอตสฺมึ ปน พุทฺธกฺเขตฺเต เปตฺวา อฺาสิโกณฺฑฺํ อฺโ ปมํ ธมฺมํ สจฺฉิกาตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ. กสฺมา? ตถาวิธอุปนิสฺสยตฺตา. ปุพฺเพ กิร ปฺุกรณกาเล ทฺเว ภาตโร อเหสุํ. เต จ เอกโต สสฺสํ อกํสุ. ตตฺถ เชฏฺสฺส ‘‘เอกสฺมึ สสฺเส นว วาเร อคฺคสสฺสทานํ มยา ทาตพฺพ’’นฺติ อโหสิ. โส วปฺปกาเล พีชคฺคํ นาม ทตฺวา คพฺภกาเล กนิฏฺเน สทฺธึ มนฺเตสิ ‘‘คพฺภกาเล คพฺภํ ผาเลตฺวา ทสฺสามี’’ติ. กนิฏฺโ ‘‘ตรุณสสฺสํ นาเสตุกาโมสี’’ติ อาห. เชฏฺโ กนิฏฺสฺส อนนุวตฺตนภาวํ ตฺวา เขตฺตํ วิภชิตฺวา อตฺตโน โกฏฺาสโต คพฺภํ ผาเลตฺวา ขีรํ นีหริตฺวา สปฺปิผาณิเตน โยเชตฺวา อทาสิ, ปุถุกกาเล ปุถุกํ กาเรตฺวา อทาสิ ¶ , ลายเน ลายนคฺคํ, เวณิกรเณ เวณคฺคํ, เวณิโย ปุริสภารวเสน พนฺธิตฺวา กลาปกรเณ กลาปคฺคํ, ขเล กลาปานํ ปนทิวเส ขลคฺคํ, มทฺทิตฺวา วีหีนํ ราสิกรณทิวเส ขลภณฺฑคฺคํ, โกฏฺาคาเร ธฺสฺส ปกฺขิปนทิวเส โกฏฺคฺคนฺติ เอวํ เอกสฺมึ สสฺเส นว วาเร อคฺคทานํ อทาสิ. กนิฏฺโ ปน ขลโต ธฺํ อุทฺธริตฺวา คหณทิวเส อทาสิ. เตสุ เชฏฺโ อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถโร ชาโต, กนิฏฺโ สุภทฺทปริพฺพาชโก. อิติ เอกสฺมึ สสฺเส นวนฺนํ อคฺคทานานํ ทินฺนตฺตา เปตฺวา เถรํ อฺโ ปมํ ธมฺมํ สจฺฉิกาตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ. ‘‘นวนฺนํ อคฺคทานานํ ทินฺนตฺตา’’ติ อิทฺจ ตสฺส รตฺตฺูนํ อคฺคภาวตฺถาย กตาภินีหารานุรูปํ ปวตฺติตสาวกปารมิยา จิณฺณนฺเต ปวตฺติตตฺตา วุตฺตํ. ติณฺณมฺปิ หิ โพธิสตฺตานํ ตํตํปารมิยา สิขาปฺปตฺตกาเล ปวตฺติตํ ปฺุํ อปฺุํ วา ครุตรวิปากเมว โหติ, ธมฺมสฺส จ สพฺพปมํ สจฺฉิกิริยาย วินา กถํ รตฺตฺูนํ อคฺคภาวสิทฺธีติ? ‘‘พหุการา โข เม ปฺจวคฺคิยา’’ติ อิทํ ปน อุปการานุสฺสรณมตฺตเกเนว วุตฺตํ.
อิสิปตเน มิคทาเยติ ตสฺมึ กิร ปเทเส อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ ปจฺเจกสมฺพุทฺธา คนฺธมาทนปพฺพเต สตฺตาหํ นิโรธสมาปตฺติยา วีตินาเมตฺวา นิโรธา วุฏฺาย นาคลตาทนฺตกฏฺํ ขาทิตฺวา อโนตตฺตทเห มุขํ โธวิตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย อากาเสน อาคนฺตฺวา นิปตนฺติ. ตตฺถ จีวรํ ปารุปิตฺวา นคเร ปิณฺฑาย จริตฺวา กตภตฺตกิจฺจา คมนกาเลปิ ตโตเยว อุปฺปติตฺวา คจฺฉนฺติ. อิติ อิสโย เอตฺถ นิปตนฺติ อุปฺปตนฺติ จาติ ตํ านํ ‘‘อิสิปตน’’นฺติ สงฺขํ คตํ, มิคานํ ปน อภยตฺถาย ทินฺนตฺตา ‘‘มิคทาโย’’ติ วุจฺจติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อิสิปตเน มิคทาเย’’ติ. อฺเ พุทฺธา ปมํ ธมฺมเทสนตฺถาย คจฺฉนฺตา อากาเสน คนฺตฺวา ตตฺเถว โอตรนฺติ, อมฺหากํ ปน ภควา อุปกสฺส อาชีวกสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา ‘‘อุปโก อิมํ อทฺธานํ ¶ ปฏิปนฺโน, โส มํ ทิสฺวา สลฺลปิตฺวา คมิสฺสติ, อถ ปุน นิพฺพินฺโน อาคมฺม อรหตฺตํ สจฺฉิกริสฺสตี’’ติ ตฺวา อฏฺารสโยชนํ มคฺคํ ปทสาว อคมาสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘เยน พาราณสี, เตน จาริกํ ปกฺกามี’’ติ.
๑๑. อนฺตรา จ คยํ อนฺตรา จ โพธินฺติ คยาย จ โพธิสฺส จ วิวเร ติคาวุตนฺตเร าเน. โพธิมณฺฑโต หิ คยา ตีณิ คาวุตานิ, พาราณสี ¶ อฏฺารส โยชนานิ. อุปโก โพธิมณฺฑสฺส จ คยาย จ อนฺตเร ภควนฺตํ อทฺทส. อนฺตรา-สทฺเทน ปน ยุตฺตตฺตา อุปโยควจนํ กตํ. อีทิเสสุ จ าเนสุ อกฺขรจินฺตกา ‘‘อนฺตรา คามฺจ นทิฺจ ยาตี’’ติ เอวํ เอกเมว อนฺตรา-สทฺทํ ปยุชฺชนฺติ, โส ทุติยปเทนปิ โยเชตพฺโพ โหติ, อโยชิยมาเน อุปโยควจนํ น ปาปุณาติ สามิวจนสฺส ปสงฺเค อนฺตรา-สทฺทโยเคน อุปโยควจนสฺส อิจฺฉิตตฺตา. อิธ ปน โยเชตฺวา เอว วุตฺโต. อทฺธานมคฺคนฺติ อทฺธานสงฺขาตํ มคฺคํ, ทีฆมคฺคนฺติ อตฺโถ. อทฺธานคมนสมยสฺส วิภงฺเค ‘‘อทฺธโยชนํ คจฺฉิสฺสามีติ ภฺุชิตพฺพ’’นฺติอาทิวจนโต (ปาจิ. ๒๑๘) อทฺธโยชนมฺปิ อทฺธานมคฺโค โหติ. โพธิมณฺฑโต ปน คยา ติคาวุตํ. วิปฺปสนฺนานีติ สุฏฺุ ปสนฺนานิ. อินฺทฺริยานีติ มนจฺฉฏฺานิ อินฺทฺริยานิ. ปริสุทฺโธติ นิทฺโทโส. ปริโยทาโตติ ตสฺเสว เววจนํ. นิรุปกฺกิเลสตาเยว หิ เอส ‘‘ปริโยทาโต’’ติ วุตฺโต, น เสตภาเวน. เอตสฺส ปริโยทาตตํ ทิสฺวาว อินฺทฺริยานํ วิปฺปสนฺนตํ อฺาสิ, นยคฺคาหีปฺา กิเรสา ตสฺส อาชีวกสฺส.
สพฺพาภิภูติ สพฺพํ เตภูมกธมฺมํ อภิภวิตฺวา ิโต. สพฺพวิทูติ สพฺพํ จตุภูมกธมฺมํ อเวทึ อฺาสึ สพฺพโส เยฺยาวรณสฺส ปหีนตฺตา. สพฺเพสุ ธมฺเมสุ อนูปลิตฺโตติ สพฺเพสุ เตภูมกธมฺเมสุ รชฺชนทุสฺสนมุยฺหนาทินา กิเลสเลเปน อลิตฺโต. สพฺพฺชโหติ สพฺพํ เตภูมกธมฺมํ ชหิตฺวา ิโต. อปฺปหาตพฺพมฺปิ หิ กุสลาพฺยากตํ ตปฺปฏิพทฺธกิเลสปฺปหาเนน ปหีนตฺตา น โหตีติ ชหิตเมว โหติ. ตณฺหกฺขเย วิมุตฺโตติ ตณฺหกฺขเย นิพฺพาเน อารมฺมณกรณวเสน วิมุตฺโต. สยํ อภิฺายาติ สพฺพํ จตุภูมกธมฺมํ อตฺตนาว ชานิตฺวา. กมุทฺทิเสยฺยนฺติ กํ อฺํ ‘‘อยํ เม อาจริโย’’ติ อุทฺทิเสยฺยํ.
น เม อาจริโย อตฺถีติ โลกุตฺตรธมฺเม มยฺหํ อาจริโย นาม นตฺถิ. กิฺจาปิ หิ โลกิยธมฺมานมฺปิ ยาทิโส โลกนาถสฺส อธิคโม, น ตาทิโส อธิคโม ปรูปเทโส อตฺถิ, โลกุตฺตรธมฺเม ปนสฺส เลโสปิ นตฺถิ. นตฺถิ เม ปฏิปุคฺคโลติ มยฺหํ สีลาทีหิ คุเณหิ ปฏินิธิภูโต ปุคฺคโล นาม นตฺถิ. สมฺมาสมฺพุทฺโธติ เหตุนา นเยน จตฺตาริ สจฺจานิ สยํ พุทฺโธ ¶ . สีติภูโตติ สพฺพกิเลสคฺคินิพฺพาปเนน สีติภูโต, กิเลสานํ เยว นิพฺพุตตฺตา นิพฺพุโต.
กาสินํ ¶ ปุรนฺติ กาสิรฏฺเ นครํ. อาหฺฉนฺติ อาหนิสฺสามิ. อมตทุนฺทุภินฺติ เวเนยฺยานํ อมตาธิคมาย อุคฺโฆสนาทึ กตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนา ‘‘อมตทุนฺทุภี’’ติ วุตฺตา, ธมฺมจกฺกปฏิลาภาย ตํ อมตเภรึ ปหริสฺสามีติ คจฺฉามีติ วุตฺตํ โหติ.
อรหสิ อนนฺตชิโนติ อนนฺตชิโนปิ ภวิตุํ ยุตฺโตติ อตฺโถ. อนนฺตาโณ ชิตกิเลโสติ อนนฺตชิโน. หุเปยฺยปาวุโสติ อาวุโส เอวมฺปิ นาม ภเวยฺย, เอวํวิเธ นาม รูปรตเน อีทิเสน าเณน ภวิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. อยฺหิสฺส ปพฺพชฺชาย ปจฺจโย ชาโต. กตาธิกาโร เหส. ตถา หิ ภควา เตน สมาคมนตฺถํ ปทสาว ตํ มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. ปกฺกามีติ วงฺกหารชนปทํ นาม อคมาสิ.
ตตฺเถกํ มิคลุทฺทกคามกํ นิสฺสาย วาสํ กปฺเปสิ, เชฏฺกลุทฺทโก ตํ อุปฏฺาสิ. ตสฺมิฺจ ชนปเท จณฺฑา มกฺขิกา โหนฺติ. อถ นํ เอกาย จาฏิยา วสาเปสุํ. มิคลุทฺทโก ทูรํ มิควํ คจฺฉนฺโต ‘‘อมฺหากํ อรหนฺเต มา ปมชฺชี’’ติ จาปํ นาม ธีตรํ อาณาเปตฺวา อคมาสิ สทฺธึ ปุตฺตภาตุเกหิ. สา จสฺส ธีตา ทสฺสนียา โหติ โกฏฺาสสมฺปนฺนา. ทุติยทิวเส อุปโก ฆรํ อาคโต ตํ ทาริกํ สพฺพํ อุปจารํ กตฺวา ปริวิสิตุํ อุปคตํ ทิสฺวา ราเคน อภิภูโต ภฺุชิตุมฺปิ อสกฺโกนฺโต ภาชเนน ภตฺตํ อาทาย วสนฏฺานํ คนฺตฺวา ภตฺตํ เอกมนฺตํ นิกฺขิปิตฺวา ‘‘สเจ จาปํ ลภามิ, ชีวามิ. โน เจ, มรามี’’ติ นิราหาโร สยิ. สตฺตเม ทิวเส มาควิโก อาคนฺตฺวา ธีตรํ อุปกสฺส ปวตฺตึ ปุจฺฉิ. สา ‘‘เอกทิวสเมว อาคนฺตฺวา ปุน นาคตปุพฺโพ’’ติ อาห.
มาควิโก อาคตเวเสเนว นํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิสฺสามีติ ตงฺขณํเยว คนฺตฺวา ‘‘กึ, ภนฺเต, อผาสุก’’นฺติ ปาเท ปรามสนฺโต ปุจฺฉิ. อุปโก นิตฺถุนนฺโต ปริวตฺตติเยว. โส ‘‘วท ภนฺเต, ยํ มยา สกฺกา กาตุํ, สพฺพํ กริสฺสามี’’ติ อาห. อุปโก ‘‘สเจ จาปํ ลภามิ, ชีวามิ, โน เจ, มยฺหเมว มรณํ เสยฺโย’’ติ อาห. ชานาสิ กิร, ภนฺเต, กิฺจิ สิปฺปนฺติ? น ชานามีติ. น, ภนฺเต, กิฺจิ สิปฺปํ อชานนฺเตน สกฺกา ฆราวาสํ อธิฏฺาตุนฺติ. โส อาห ‘‘นาหํ กิฺจิ สิปฺปํ ชานามิ, อปิจ ¶ ตุมฺหากํ มํสหารโก ภวิสฺสามิ, มํสฺจ วิกฺกิณิสฺสามี’’ติ. มาควิโก ‘‘อมฺหากมฺปิ เอตเทว รุจฺจตี’’ติ อุตฺตรสาฏกํ ¶ ทตฺวา ฆรํ อาเนตฺวา ธีตรํ อทาสิ. เตสํ สํวาสมนฺวาย ปุตฺโต วิชายิ, ‘‘สุภทฺโท’’ติสฺส นามํ อกํสุ. จาปา ตสฺส โรทนกาเล ‘‘มํสหารกสฺส ปุตฺต มิคลุทฺทกสฺส ปุตฺต มา โรทิ มา โรที’’ติอาทีนิ วทมานา ปุตฺตโตสนคีเตน อุปกํ อุปฺปณฺเฑสิ. ‘‘ภทฺเท ตฺวํ มํ อนาโถติ มฺสิ, อตฺถิ เม อนนฺตชิโน นาม สหาโย, ตสฺสาหํ สนฺติกํ คมิสฺสามี’’ติ อาห. จาปา ‘‘เอวมยํ อฏฺฏียตี’’ติ ตฺวา ปุนปฺปุนํ กเถสิ. โส เอกทิวสํ อนาโรเจตฺวาว มชฺฌิมเทสาภิมุโข ปกฺกามิ.
ภควา จ เตน สมเยน สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน, อถ โข ภควา ปฏิกจฺเจว ภิกฺขู อาณาเปสิ ‘‘โย, ภิกฺขเว, อนนฺตชิโนติ ปุจฺฉมาโน อาคจฺฉติ, ตสฺส มํ ทสฺเสยฺยาถา’’ติ. อุปโกปิ โข ‘‘กุหึ อนนฺตชิโน วสตี’’ติ ปุจฺฉนฺโต อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ อาคนฺตฺวา วิหารมชฺเฌ ตฺวา ‘‘กุหึ อนนฺตชิโน’’ติ ปุจฺฉิ. ตํ ภิกฺขู ภควโต สนฺติกํ นยึสุ. โส จ ภควนฺตํ ทิสฺวา ‘‘สฺชานาถ มํ ภควา’’ติ อาห. อาม อุปก สฺชานามิ, กุหึ ปน ตฺวํ วสิตฺถาติ. วงฺกหารชนปเท, ภนฺเตติ. อุปก มหลฺลโกสิ ชาโต, ปพฺพชิตุํ สกฺขิสฺสสีติ. ปพฺพชิสฺสามิ, ภนฺเตติ. ภควา ปพฺพาเชตฺวา ตสฺส กมฺมฏฺานํ อทาสิ. โส กมฺมฏฺาเน กมฺมํ กโรนฺโต อนาคามิผเล ปติฏฺาย กาลํ กตฺวา อวิเหสุ นิพฺพตฺโต, นิพฺพตฺติกฺขเณเยว จ อรหตฺตํ ปาปุณิ. อวิเห นิพฺพตฺตมตฺตา หิ สตฺต ชนา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ, เตสํ โส อฺตโร. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘อวิหํ อุปปนฺนาเส, วิมุตฺตา สตฺต ภิกฺขโว;
ราคโทสปริกฺขีณา, ติณฺณา โลเก วิสตฺติกํ.
‘‘อุปโก ปลคณฺโฑ จ, ปุกฺกุสาติ จ เต ตโย;
ภทฺทิโย ขณฺฑเทโว จ, พาหุรคฺคิ จ สงฺคิโย;
เต หิตฺวา มานุสํ เทหํ, ทิพฺพโยคํ อุปจฺจคุ’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๕๐, ๑๐๕);
๑๒. สณฺเปสุนฺติ ‘‘เนว อภิวาเทตพฺโพ’’ติอาทินา กติกํ อกํสุ. พาหุลฺลิโกติ จีวรพาหุลฺลาทีนํ อตฺถาย ปฏิปนฺโน. ปธานวิพฺภนฺโตติ ¶ ปธานโต ปุพฺเพ อนุฏฺิตทุกฺกรจรณโต วิพฺภนฺโต ภฏฺโ ปริหีโน. อาวตฺโต พาหุลฺลายาติ จีวราทิพหุภาวตฺถาย อาวตฺโต. อปิจ โข อาสนํ เปตพฺพนฺติ อปิจ โข ปนสฺส อุจฺจกุเล นิพฺพตฺตสฺส อาสนมตฺตํ ¶ เปตพฺพนฺติ วทึสุ. อสณฺหนฺตาติ พุทฺธานุภาเวน พุทฺธเตเชน อภิภูตา อตฺตโน กติกาย าตุํ อสกฺโกนฺตา. นาเมน จ อาวุโสวาเทน จ สมุทาจรนฺตีติ ‘‘โคตมา’’ติ จ ‘‘อาวุโส’’ติ จ วทนฺติ, ‘‘อาวุโส โคตม, มยํ อุรุเวลายํ ปธานกาเล ตุยฺหํ ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา วิจริมฺห, มุโขทกํ ทนฺตกฏฺํ อทมฺห, วุตฺถปริเวณํ สมฺมชฺชิมฺห, ปจฺฉา เต โก วตฺตปฏิปตฺตึ อกาสิ, กจฺจิ อมฺเหสุ ปกฺกนฺเตสุ น จินฺตยิตฺถา’’ติ เอวรูปํ กถํ กเถนฺตีติ อตฺโถ.
น จิรสฺเสวาติ อจิเรเนว. กุลปุตฺตาติ ทุวิธา กุลปุตฺตา ชาติกุลปุตฺตา อาจารกุลปุตฺตา จ, เอเต ปน อุภยถาปิ กุลปุตฺตาเยว. อคารสฺมาติ ฆรา. อคาราย หิตํ อคาริยํ, กสิโครกฺขาทิ กุฏุมฺพโปสนกมฺมํ วุจฺจติ. นตฺถิ เอตฺถ อคาริยนฺติ อนคาริยํ. ปพฺพชฺชาเยตํ อธิวจนํ. ปพฺพชนฺตีติ อุปคจฺฉนฺติ อุปสงฺกมนฺติ. ตทนุตฺตรนฺติ ตํ อนุตฺตรํ. พฺรหฺมจริยปริโยสานนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส ปริโยสานํ, อรหตฺตผลนฺติ วุตฺตํ โหติ. ตสฺส หิ อตฺถาย กุลปุตฺตา ปพฺพชนฺติ. ทิฏฺเว ธมฺเมติ ตสฺมึเยว อตฺตภาเว. สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวาติ อตฺตโนเยว ปฺาย ปจฺจกฺขํ กตฺวา, อปรปฺปจฺจยํ กตฺวาติ อตฺโถ. อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสถาติ ปาปุณิตฺวา สมฺปาเทตฺวา วิหริสฺสถ.
อิริยายาติ ทุกฺกรอิริยาย. ปฏิปทายาติ ทุกฺกรปฏิปตฺติยา. ทุกฺกรการิกายาติ ปสตปสตมุคฺคยูสาทิอาหรณาทินา ทุกฺกรกรเณน. อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมาติ มนุสฺสธมฺมโต อุปริ. อลํ อริยํ กาตุนฺติ อลมริโย, อริยภาวาย สมตฺโถติ วุตฺตํ โหติ, าณทสฺสนเมว าณทสฺสนวิเสโส, อลมริโย จ โส าณทสฺสนวิเสโส จาติ อลมริยาณทสฺสนวิเสโส. าณทสฺสนนฺติ จ ทิพฺพจกฺขุปิ วิปสฺสนาปิ มคฺโคปิ ผลมฺปิ ปจฺจเวกฺขณาณมฺปิ สพฺพฺุตฺาณมฺปิ วุจฺจติ. ‘‘อปฺปมตฺโต สมาโน าณทสฺสนํ อาราเธตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๑๑) หิ เอตฺถ ทิพฺพจกฺขุ าณทสฺสนํ นาม. ‘‘าณทสฺสนาย จิตฺตํ อภินีหรติ อภินินฺนาเมตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๓๕) เอตฺถ ¶ วิปสฺสนาาณํ. ‘‘อภพฺพา เต าณทสฺสนาย อนุตฺตราย สมฺโพธายา’’ติ (อ. นิ. ๔.๑๙๖) เอตฺถ มคฺโค. ‘‘อยมฺโ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสโส อธิคโต ผาสุวิหาโร’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๒๘) เอตฺถ ผลํ. ‘‘าณฺจ ปน เม ทสฺสนํ อุทปาทิ ‘อกุปฺปา เม เจโตวิมุตฺติ, อยมนฺติมา ชาติ, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๖) เอตฺถ ปจฺจเวกฺขณาณํ. ‘‘าณฺจ ปน เม ทสฺสนํ อุทปาทิ ‘สตฺตาหกาลกโต อาฬาโร กาลาโม’’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๘๔; ๒.๓๔๐; มหาว. ๑๐) ¶ เอตฺถ สพฺพฺุตฺาณํ. อิธ ปน สพฺพฺุตฺาณปทฏฺาโน อริยมคฺโค สพฺพฺุตฺาณเมว วา อธิปฺเปตํ.
อภิชานาถ เม โนติ อภิชานาถ นุ เม. เอวรูปํ ปภาวิตเมตนฺติ เอตฺถ เอวรูปํ วากฺยเภทนฺติ อตฺโถ, อปิ นุ อหํ อุรุเวลายํ ปธาเน ตุมฺหากํ สงฺคณฺหนตฺถํ อนุกฺกณฺนตฺถํ รตฺตึ วา ทิวา วา อาคนฺตฺวา ‘‘อาวุโส, มยํ ยตฺถ กตฺถจิ คมิสฺสามาติ มา วิตกฺกยิตฺถ, มยฺหํ โอภาโส วา กมฺมฏฺานนิมิตฺตํ วา ปฺายตี’’ติ เอวรูปํ กฺจิ วจนเภทํ อกาสินฺติ อธิปฺปาโย. เต เอกปเทเนว สตึ ลภิตฺวา อุปฺปนฺนคารวา ‘‘อทฺธา เอส พุทฺโธ ชาโต’’ติ สทฺทหิตฺวา ‘‘โน เหตํ ภนฺเต’’ติ อาหํสุ. อสกฺขิ โข ภควา ปฺจวคฺคิเย ภิกฺขู สฺาเปตุนฺติ ภควา ปฺจวคฺคิเย ภิกฺขู ‘‘พุทฺโธ อห’’นฺติ ชานาเปตุํ อสกฺขิ. อฺา จิตฺตํ อุปฏฺาเปสุนฺติ อฺาย อรหตฺตปฺปตฺติยา จิตฺตํ อุปฏฺเปสุํ อภินีหรึสุ.
ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตวณฺณนา
๑๓. ทฺเวเม, ภิกฺขเว, อนฺตาติ ทฺเว อิเม, ภิกฺขเว, โกฏฺาสา, ทฺเว ภาคาติ อตฺโถ. ภาควจโน เหตฺถ อนฺต-สทฺโท ‘‘ปุพฺพนฺเต าณํ อปรนฺเต าณ’’นฺติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๐๖๓) วิย. อิมสฺส ปน ปทสฺส อุจฺจารณสมกาลํ ปวตฺตนิคฺโฆโส พุทฺธานุภาเวน เหฏฺา อวีจึ อุปริ ภวคฺคํ ปตฺวา ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ผริตฺวา อฏฺาสิ. ตสฺมึเยว สมเย ปริปกฺกกุสลมูลา สจฺจาภิสมฺโพธาย กตาธิการา อฏฺารสโกฏิสงฺขา พฺรหฺมาโน สมาคจฺฉึสุ. ปจฺฉิมทิสาย สูริโย อตฺถเมติ, ปาจีนทิสาย อาสาฬฺหนกฺขตฺเตน ยุตฺโต ปุณฺณจนฺโท อุคฺคจฺฉติ. ตสฺมึ สมเย ภควา ¶ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตํ อารภนฺโต ‘‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, อนฺตา’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ ปพฺพชิเตนาติ คิหิพนฺธนํ เฉตฺวา ปพฺพชฺชุปคเตน. น เสวิตพฺพาติ น วฬฺเชตพฺพา นานุยฺุชิตพฺพา. โย จายํ กาเมสุ กามสุขลฺลิกานุโยโคติ โย จ อยํ วตฺถุกาเมสุ กิเลสกามสุขสฺส อนุโยโค, กิเลสกามสํยุตฺตสฺส สุขสฺส อนุคโตติ อตฺโถ. หีโนติ ลามโก. คมฺโมติ คามวาสีนํ สนฺตโก เตหิ เสวิตพฺพตาย. โปถุชฺชนิโกติ ปุถุชฺชเนน อนฺธพาลชเนน อาจิณฺโณ. อนริโยติ น อริโย น วิสุทฺโธ น อุตฺตโม, น วา อริยานํ สนฺตโก. อนตฺถสํหิโตติ น อตฺถสํหิโต, หิตสุขาวหการณํ อนิสฺสิโตติ อตฺโถ. อตฺตกิลมถานุโยโคติ อตฺตโน กิลมถสฺส อนุโยโค, ทุกฺขกรณํ ทุกฺขุปฺปาทนนฺติ อตฺโถ. ทุกฺโขติ ¶ กณฺฏกาปสฺสยเสยฺยาทีหิ อตฺตพาธเนหิ ทุกฺขาวโห. มชฺฌิมา ปฏิปทาติ อริยมคฺคํ สนฺธาย วุตฺตํ. มคฺโค หิ กามสุขลฺลิกานุโยโค เอโก อนฺโต, อตฺตกิลมถานุโยโค เอโก อนฺโต, เอเต ทฺเว อนฺเต น อุเปติ น อุปคจฺฉติ, วิมุตฺโต เอเตหิ อนฺเตหิ, ตสฺมา ‘‘มชฺฌิมา ปฏิปทา’’ติ วุจฺจติ. เอเตสํ มชฺเฌ ภวตฺตา มชฺฌิมา, วฏฺฏทุกฺขนิสฺสรณตฺถิเกหิ ปฏิปชฺชิตพฺพโต จ ปฏิปทาติ, ตถา โลโภ เอโก อนฺโต, โทโส เอโก อนฺโต. สสฺสตํ เอกํ อนฺตํ, อุจฺเฉโท เอโก อนฺโตติ ปุริมนเยเนว วิตฺถาเรตพฺพํ.
จกฺขุกรณีติอาทีหิ ตเมว ปฏิปทํ โถเมติ. ปฺาจกฺขุํ กโรตีติ จกฺขุกรณี. สา หิ จตุนฺนํ สจฺจานํ ทสฺสนาย สํวตฺตติ ปริฺาภิสมยาทิเภทสฺส ทสฺสนสฺส ปวตฺตนฏฺเนาติ ‘‘จกฺขุกรณี’’ติ วุจฺจติ. ตยิทํ สติปิ ปฏิปทาย อนฺตฺเต อวยววเสน สิชฺฌมาโน อตฺโถ สมุทาเยน กโต นาม โหตีติ อุปจารวเสน วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ทุติยปทํ ตสฺเสว เววจนํ. อุปสมายาติ กิเลสุปสมตฺถาย. อภิฺายาติ จตุนฺนํ สจฺจานํ อภิชานนตฺถาย. สมฺโพธายาติ เตสํเยว สมฺพุชฺฌนตฺถาย. นิพฺพานายาติ นิพฺพานสจฺฉิกิริยาย. อถ วา นิพฺพานายาติ อนุปาทิเสสนิพฺพานาย. ‘‘อุปสมายา’’ติ หิ อิมินา สอุปาทิเสสนิพฺพานํ คหิตํ.
อิทานิ ¶ ตํ มชฺฌิมปฺปฏิปทํ สรูปโต ทสฺเสตุกาโม ‘‘กตมา จ สา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อยเมวา’’ติอาทินา นเยน วิสฺสชฺเชสิ. ตตฺถ อยเมวาติ อวธารณวจนํ อฺสฺส นิพฺพานคามิมคฺคสฺส อตฺถิภาวปฏิเสธนตฺถํ. สตฺตาปฏิกฺเขโป หิ อิธ ปฏิเสธนํ อลพฺภมานตฺตา อฺสฺส มคฺคสฺส. อริโยติ กิเลสานํ อารกตฺตา อริโย นิรุตฺตินเยน. อริปหานาย สํวตฺตตีติปิ อริโย อรโย ปาปธมฺมา ยนฺติ อปคจฺฉนฺติ เอเตนาติ กตฺวา. อริเยน ภควตา เทสิตตฺตา อริยสฺส อยนฺติปิ อริโย, อริยภาวปฺปฏิลาภาย สํวตฺตตีติปิ อริโย. เอตฺถ ปน อริยกโร อริโยติปิ อุตฺตรปทโลเปน อริย-สทฺทสิทฺธิ เวทิตพฺพา. อฏฺหิ องฺเคหิ อุเปตตฺตา อฏฺงฺคิโก. มคฺคงฺคสมุทาเย หิ มคฺคโวหาโร, สมุทาโย จ สมุทายีหิ สมนฺนาคโต นาม โหติ. อยํ ปเนตฺถ วจนตฺโถ – อตฺตโน อวยวภูตานิ อฏฺงฺคานิ เอตสฺส สนฺตีติ อฏฺงฺคิโกติ. ปรมตฺถโต ปน องฺคานิเยว มคฺโค ปฺจงฺคิกตูริยาทีนิ วิย, น จ องฺควินิมุตฺโต ฉฬงฺโค เวโท วิย. กิเลเส มาเรนฺโต คจฺฉตีติ มคฺโค นิรุตฺตินเยน, นิพฺพานํ มคฺคติ คเวสตีติ วา มคฺโค. อริยมคฺโค หิ นิพฺพานํ อารมฺมณํ กโรนฺโต คเวสนฺโต วิย โหติ. นิพฺพานตฺถิเกหิ มคฺคียตีติ วา มคฺโค วิวฏฺฏูปนิสฺสยปฺุกรณโต ¶ ปฏฺาย ตทตฺถปฏิปตฺติโต. คมฺมติ วา เตหิ ปฏิปชฺชียตีติ มคฺโค. เอตฺถ ปน อาทิอนฺตวิปริยาเยน สทฺทสิทฺธิ เวทิตพฺพา.
เสยฺยถิทนฺติ นิปาโต, ตสฺส กตโม โส อิติ เจติ อตฺโถ, กตมานิ วา ตานิ อฏฺงฺคานีติ. สพฺพลิงฺควิภตฺติวจนสาธารโณ หิ อยํ นิปาโต. เอกเมกมฺปิ องฺคํ มคฺโคเยว. ยถาห ‘‘สมฺมาทิฏฺิ มคฺโค เจว เหตุ จา’’ติ (ธ. ส. ๑๐๓๙). โปราณาปิ ภณนฺติ ‘‘ทสฺสนมคฺโค สมฺมาทิฏฺิ, อภินิโรปนมคฺโค สมฺมาสงฺกปฺโป…เป… อวิกฺเขปมคฺโค สมฺมาสมาธี’’ติ. นนุ จ องฺคานิ สมุทิตานิ มคฺโค อนฺตมโส สตฺตงฺควิกลสฺส อริยมคฺคสฺส อภาวโตติ? สจฺจเมตํ สจฺจสมฺปฏิเวเธ, มคฺคปฺปจฺจยตาย ปน ยถาสกํ กิจฺจกรเณน ปจฺเจกมฺปิ ตานิ มคฺโคเยว, อฺถา สมุทิตานมฺปิ เตสํ มคฺคกิจฺจํ น สมฺภเวยฺยาติ. สมฺมาทิฏฺิอาทีสุ สมฺมา ปสฺสตีติ สมฺมาทิฏฺิ, สมฺมา สงฺกปฺเปติ สมฺปยุตฺตธมฺเม ¶ นิพฺพานสงฺขาเต อารมฺมเณ อภินิโรเปตีติ สมฺมาสงฺกปฺโป, สมฺมา วทติ เอตายาติ สมฺมาวาจา, สมฺมา กโรติ เอเตนาติ สมฺมากมฺมํ, ตเทว สมฺมากมฺมนฺโต, สมฺมา อาชีวติ เอเตนาติ สมฺมาอาชีโว, สมฺมา วายมติ อุสฺสหตีติ สมฺมาวายาโม, สมฺมา สรติ อนุสฺสรตีติ สมฺมาสติ, สมฺมา สมาธิยติ จิตฺตํ เอเตนาติ สมฺมาสมาธีติ เอวํ นิพฺพจนํ เวทิตพฺพํ. อิทานิ อยํ โข สา ภิกฺขเวติ ตเมว ปฏิปทํ นิคเมนฺโต อาห. ตสฺสตฺโถ – ยฺวายํ จตฺตาโรปิ โลกุตฺตรมคฺเค เอกโต กตฺวา กถิโต อฏฺงฺคิโก มคฺโค, อยํ โข สา ภิกฺขเว…เป… นิพฺพานาย สํวตฺตตีติ.
๑๔. เอวํ มชฺฌิมปฏิปทํ สรูปโต ทสฺเสตฺวา อิทานิ จตฺตาริ อริยสจฺจานิ ทสฺเสตุํ ‘‘อิทํ โข ปน, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห. ตตฺถ (วิสุทฺธิ. ๒.๕๓๐) ทุกฺขนฺติ เอตฺถ ทุ-อิติ อยํ สทฺโท กุจฺฉิเต ทิสฺสติ. กุจฺฉิตฺหิ ปุตฺตํ ‘‘ทุปุตฺโต’’ติ วทนฺติ, ขํ-สทฺโท ปน ตุจฺเฉ. ตุจฺฉฺหิ อากาสํ ‘‘ข’’นฺติ วุจฺจติ. อิทฺจ ปมสจฺจํ กุจฺฉิตํ อเนกอุปทฺทวาธิฏฺานโต, ตุจฺฉํ พาลชนปริกปฺปิตธุวสุภสุขตฺตภาววิรหิตโต, ตสฺมา กุจฺฉิตตฺตา ตุจฺฉตฺตา จ ‘‘ทุกฺข’’นฺติ วุจฺจติ. ยสฺมา ปเนตํ พุทฺธาทโย อริยา ปฏิวิชฺฌนฺติ, ตสฺมา ‘‘อริยสจฺจ’’นฺติ วุจฺจติ. อริยปฏิวิชฺฌิตพฺพฺหิ สจฺจํ ปุริมปเท อุตฺตรปทโลเปน ‘‘อริยสจฺจ’’นฺติ วุตฺตํ. อริยสฺส ตถาคตสฺส สจฺจนฺติปิ อริยสจฺจํ. ตถาคเตน หิ สยํ อธิคตตฺตา ปเวทิตตฺตา ตโต เอว จ อฺเหิ อธิคมนียตฺตา ตํ ตสฺส โหตีติ. อถ วา เอตสฺส อภิสมฺพุทฺธตฺตา อริยภาวสิทฺธิโต อริยสาธกํ สจฺจนฺติปิ อริยสจฺจํ ปุพฺเพ วิย อุตฺตรปทโลเปน ¶ . อวิตถภาเวน วา อรณียตฺตา อธิคนฺตพฺพตฺตา อริยํ สจฺจนฺติปิ อริยสจฺจํ. สจฺจตฺถํ ปน จตุนฺนมฺปิ สจฺจานํ ปรโต เอกชฺฌํ ทสฺสยิสฺสาม.
อิทานิ ตํ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘ชาติปิ ทุกฺขา’’ติอาทิมาห. ตตฺรายํ ชาติ-สทฺโท อเนกตฺโถ. ตถา เหส ‘‘เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย’’ติ (ที. นิ. ๑.๓๑; ม. นิ. ๑.๑๔๘) เอตฺถ ภเว อาคโต. ‘‘อตฺถิ, วิสาเข, นิคณฺา นาม สมณชาตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๗๑) เอตฺถ นิกาเย. ‘‘ชาติ ทฺวีหิ ขนฺเธหิ สงฺคหิตา’’ติ (ธาตุ. ๗๑) เอตฺถ สงฺขตลกฺขเณ. ‘‘ยํ มาตุกุจฺฉิสฺมึ ปมํ จิตฺตํ ¶ อุปฺปนฺนํ ปมํ วิฺาณํ ปาตุภูตํ, ตทุปาทาย สาวสฺส ชาตี’’ติ (มหาว. ๑๒๔) เอตฺถ ปฏิสนฺธิยํ. ‘‘สมฺปติชาโต, อานนฺท, โพธิสตฺโต’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๑; ม. นิ. ๓.๒๐๗) เอตฺถ ปสูติยํ. ‘‘อกฺขิตฺโต อนุปกุฏฺโ ชาติวาเทนา’’ติ (ที. นิ. ๑.๓๐๓) เอตฺถ กุเล. สฺวายมิธ คพฺภเสยฺยกานํ ปฏิสนฺธิโต ปฏฺาย ยาว มาตุกุจฺฉิมฺหา นิกฺขมนํ, ตาว ปวตฺเตสุ ขนฺเธสุ, อิตเรสํ ปฏิสนฺธิกฺขเณสฺเววาติ ทฏฺพฺโพ. อยมฺปิ จ ปริยายกถาว, นิปฺปริยายโต ปน ตตฺถ ตตฺถ นิพฺพตฺตมานานํ สตฺตานํ เย ขนฺธา ปาตุภวนฺติ, เตสํ ปมปาตุภาโว ชาติ นาม.
กสฺมา ปเนสา ทุกฺขาติ เจ? อเนเกสํ ทุกฺขานํ วตฺถุภาวโต. อเนกานิ หิ ทุกฺขานิ. เสยฺยถิทํ – ทุกฺขทุกฺขํ วิปริณามทุกฺขํ สงฺขารทุกฺขํ ปฏิจฺฉนฺนทุกฺขํ อปฺปฏิจฺฉนฺนทุกฺขํ ปริยายทุกฺขํ นิปฺปริยายทุกฺขนฺติ. ตตฺถ กายิกเจตสิกา ทุกฺขา เวทนา สภาวโต จ นามโต จ ทุกฺขตฺตา ทุกฺขทุกฺขนฺติ วุจฺจติ. สุขา เวทนา วิปริณามทุกฺขุปฺปตฺติเหตุโต วิปริณามทุกฺขํ. อุเปกฺขา เวทนา เจว เสสา จ เตภูมกา สงฺขารา อุทยพฺพยปีฬิตตฺตา สงฺขารทุกฺขํ. กณฺณสูลทนฺตสูลราคชปริฬาหโทสชปริฬาหาทิกายิกเจตสิกา อาพาธา ปุจฺฉิตฺวา ชานิตพฺพโต อุปกฺกมสฺส จ อปากฏภาวโต ปฏิจฺฉนฺนทุกฺขํ. ทฺวตฺตึสกมฺมการณาทิสมุฏฺาโน อาพาโธ อปุจฺฉิตฺวาว ชานิตพฺพโต อุปกฺกมสฺส จ ปากฏภาวโต อปฺปฏิจฺฉนฺนทุกฺขํ. เปตฺวา ทุกฺขทุกฺขํ เสสทุกฺขํ สจฺจวิภงฺเค อาคตํ ชาติอาทิ สพฺพมฺปิ ตสฺส ตสฺส ทุกฺขสฺส วตฺถุภาวโต ปริยายทุกฺขํ. ทุกฺขทุกฺขํ ปน นิปฺปริยายทุกฺขนฺติ วุจฺจติ. ตตฺรายํ ชาติ ยํ ตํ พาลปณฺฑิตสุตฺตาทีสุ (ม. นิ. ๓.๒๔๖ อาทโย) ภควตาปิ อุปมาวเสน ปกาสิตํ อาปายิกํ ทุกฺขํ, ยฺจ สุคติยมฺปิ มนุสฺสโลเก คพฺโภกฺกนฺติมูลกาทิเภทํ ทุกฺขํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส วตฺถุภาวโต ทุกฺขา. เตนาหุ โปราณา –
‘‘ชาเยถ ¶ โน เจ นรเกสุ สตฺโต;
ตตฺถคฺคิทาหาทิกมปฺปสยฺหํ;
ลเภถ ทุกฺขํ น กุหึ ปติฏฺํ;
อิจฺจาห ทุกฺขาติ มุนีธ ชาตึ.
‘‘ทุกฺขํ ¶ ติรจฺเฉสุ กสาปโตท-
ทณฺฑาภิฆาตาทิภวํ อเนกํ;
ยํ ตํ กถํ ตตฺถ ภเวยฺย ชาตึ;
วินา ตหึ ชาติ ตโตปิ ทุกฺขา.
‘‘เปเตสุ ทุกฺขํ ปน ขุปฺปิปาสา-
วาตาตปาทิปฺปภวํ วิจิตฺตํ;
ยสฺมา อชาตสฺส น ตตฺถ อตฺถิ;
ตสฺมาปิ ทุกฺขํ มุนิ ชาติมาห.
‘‘ติพฺพนฺธกาเร จ อสยฺห สีเต;
โลกนฺตเร ยํ อสุเรสุ ทุกฺขํ;
น ตํ ภเว ตตฺถ น จสฺส ชาติ;
ยโต อยํ ชาติ ตโตปิ ทุกฺขา.
‘‘ยฺจาปิ คูถนรเก วิย มาตุ คพฺเภ;
สตฺโต วสํ จิรมโต พหิ นิกฺขมฺจ;
ปปฺโปติ ทุกฺขมติโฆรมิทมฺปิ นตฺถิ;
ชาตึ วินา อิติปิ ชาติ อยฺหิ ทุกฺขา.
‘‘กึ ภาสิเตน พหุนา นนุ ยํ กุหิฺจิ;
อตฺถีธ กิฺจิทปิ ทุกฺขมิทํ กทาจิ;
เนวตฺถิ ชาติวิรเหน ยโต มเหสิ;
ทุกฺขาติ สพฺพปมํ อิมมาห ชาติ’’นฺติ. (วิสุทฺธิ. ๒.๕๔๑; วิภ. อฏฺ. ๑๙๑; มหานิ. อฏฺ. ๕; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๑.๑.๓๒-๓๓);
ชราปิ ¶ ทุกฺขาติ เอตฺถ ปน ทุวิธา ชรา สงฺขตลกฺขณฺจ ขณฺฑิจฺจาทิสมฺมโต สนฺตติยํ เอกภวปริยาปนฺนกฺขนฺธปุราณภาโว จ, สา อิธ อธิปฺเปตา. สา ปเนสา ชรา สงฺขารทุกฺขภาวโต เจว ทุกฺขวตฺถุโต จ ทุกฺขา. ยฺหิ องฺคปจฺจงฺคสิถิลภาวอินฺทฺริยวิการวิรูปตาโยพฺพนวินาสวีริยาวิสาทสติมติวิปฺปวาสปรปริภวาทิอเนกปจฺจยํ กายิกเจตสิกํ ทุกฺขมุปฺปชฺชติ, ชรา ตสฺส วตฺถุ. เตนาหุ โปราณา –
‘‘องฺคานํ สิถิลีภาวา, อินฺทฺริยานํ วิการโต;
โยพฺพนสฺส วินาเสน, พลสฺส อุปฆาตโต.
‘‘วิปฺปวาสา ¶ สตาทีนํ, ปุตฺตทาเรหิ อตฺตโน;
อปฺปสาทนียโต เจว, ภิยฺโย พาลตฺตปตฺติยา.
‘‘ปปฺโปติ ทุกฺขํ ยํ มจฺโจ, กายิกํ มานสํ ตถา;
สพฺพเมตํ ชราเหตุ, ยสฺมา ตสฺมา ชรา ทุขา’’ติ. (วิสุทฺธิ. ๒.๕๔๒; วิภ. อฏฺ. ๑๙๒; มหานิ. อฏฺ. ๕; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๑.๑.๓๒-๓๓);
พฺยาธิปิ ทุกฺโขติ อิทํ ปทํ วิภงฺเค ทุกฺขสจฺจนิทฺเทสปาฬิยํ น อาคตํ, เตเนว วิสุทฺธิมคฺเคปิ ทุกฺขสจฺจนิทฺเทเส ตํ น อุทฺธฏํ, ธมฺมจกฺกปวตฺตนสุตฺตนฺตปาฬิยํเยว ปน อุปลพฺภติ, ตสฺมา ตตฺเถวิมสฺส วจเน อฺตฺถ จ อวจเน การณํ วีมํสิตพฺพํ.
มรณมฺปิ ทุกฺขนฺติ เอตฺถาปิ ทุวิธํ มรณํ สงฺขตลกฺขณฺจ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ชรามรณํ ทฺวีหิ ขนฺเธหิ สงฺคหิต’’นฺติ (ธาตุ. ๗๑). เอกภวปริยาปนฺนชีวิตินฺทฺริยปฺปพนฺธวิจฺเฉโท จ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘นิจฺจํ มรณโต ภย’’นฺติ (สุ. นิ. ๕๘๑; ชา. ๑.๑๑.๘๘), ตํ อิธ อธิปฺเปตํ. ชาติปจฺจยมรณํ อุปกฺกมมรณํ สรสมรณํ อายุกฺขยมรณํ ปฺุกฺขยมรณนฺติปิ ตสฺเสว นามํ. ตยิทํ ทุกฺขสฺส วตฺถุภาวโต ทุกฺขนฺติ เวทิตพฺพํ. เตนาหุ โปราณา –
‘‘ปาปสฺส ¶ ปาปกมฺมาทิ-นิมิตฺตมนุปสฺสโต;
ภทฺทสฺสาปสหนฺตสฺส, วิโยคํ ปิยวตฺถุกํ;
มียมานสฺส ยํ ทุกฺขํ, มานสํ อวิเสสโต.
‘‘สพฺเพสฺจาปิ ยํ สนฺธิ-พนฺธนจฺเฉทนาทิกํ;
วิตุชฺชมานมมฺมานํ, โหติ ทุกฺขํ สรีรชํ.
‘‘อสยฺหมปฺปฏิการํ, ทุกฺขสฺเสตสฺสิทํ ยโต;
มรณํ วตฺถุ เตเนตํ, ทุกฺขมิจฺเจว ภาสิต’’นฺติ. (วิสุทฺธิ. ๒.๕๔๓; วิภ. อฏฺ. ๑๙๓; มหานิ. อฏฺ. ๕; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๑.๑.๓๒-๓๓);
อิมสฺมิฺจ าเน ‘‘โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสาปิ ทุกฺขา’’ติ วิภงฺเค ทุกฺขสจฺจนิทฺเทเส อาคตํ, อิธ ปน ตํ นตฺถิ, ตตฺถาปิ การณํ ปริเยสิตพฺพํ.
อปฺปิเยหิ สมฺปโยโค ทุกฺโขติ เอตฺถ อปฺปิยสมฺปโยโค นาม อมนาเปหิ สตฺตสงฺขาเรหิ สโมธานํ. โสปิ ทุกฺขวตฺถุโต ทุกฺโข. เตนาหุ โปราณา –
‘‘ทิสฺวาว ¶ อปฺปิเย ทุกฺขํ, ปมํ โหติ เจตสิ;
ตทุปกฺกมสมฺภูต-มถ กาเย ยโต อิธ.
‘‘ตโต ทุกฺขทฺวยสฺสาปิ, วตฺถุโต โส มเหสินา;
ทุกฺโข วุตฺโตติ วิฺเยฺโย, อปฺปิเยหิ สมาคโม’’ติ.
ปิเยหิ วิปฺปโยโค ทุกฺโขติ เอตฺถ ปน ปิยวิปฺปโยโค นาม มนาเปหิ สตฺตสงฺขาเรหิ วินาภาโว. โสปิ โสกทุกฺขสฺส วตฺถุโต ทุกฺโข. เตนาหุ โปราณา –
‘‘าติธนาทิวิโยคา;
โสกสรสมปฺปิตา วิตุชฺชนฺติ;
พาลา ¶ ยโต ตโตยํ;
ทุกฺโขติ มโต ปิยวิปฺปโยโค’’ติ.
ยมฺปิจฺฉํ น ลภตีติ เอตฺถ ‘‘อโห วต มยํ น ชาติธมฺมา อสฺสามา’’ติอาทีสุ อลพฺภเนยฺยวตฺถูสุ อิจฺฉาว ‘‘ยมฺปิจฺฉํ น ลภติ, ตมฺปิ ทุกฺข’’นฺติ วุตฺตา, สาปิ ทุกฺขวตฺถุโต ทุกฺขา. เตนาหุ โปราณา –
‘‘ตํ ตํ ปตฺถยมานานํ, ตสฺส ตสฺส อลาภโต;
ยํ วิฆาตมยํ ทุกฺขํ, สตฺตานํ อิธ ชายติ.
‘‘อลพฺภเนยฺยวตฺถูนํ, ปตฺถนา ตสฺส การณํ;
ยสฺมา ตสฺมา ชิโน ทุกฺขํ, อิจฺฉิตาลาภมพฺรวี’’ติ.
สํขิตฺเตน ปฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขาติ เอตฺถ ปน ยสฺมา อินฺธนมิว ปาวโก, ลกฺขมิว ปหรณานิ, โครูปํ วิย ฑํสมกสาทโย, เขตฺตมิว ลายกา, คามํ วิย คามฆาตกา, อุปาทานกฺขนฺธปฺจกเมว ชาติอาทโย นานปฺปกาเรหิ วิพาเธนฺตา ติณลตาทีนิ วิย ภูมิยํ, ปุปฺผผลปลฺลวานิ วิย รุกฺเขสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุเยว นิพฺพตฺตนฺติ, อุปาทานกฺขนฺธานฺจ อาทิทุกฺขํ ชาติ, มชฺเฌทุกฺขํ ชรา, ปริโยสานทุกฺขํ มรณํ, มโนรถวิฆาตปฺปตฺตานฺจ อิจฺฉาวิฆาตทุกฺขํ อิจฺฉิตาลาโภติ เอวํ นานปฺปการโต อุปปริกฺขิยมานา อุปาทานกฺขนฺธาว ทุกฺขาติ ยเทตํ เอกเมกํ ทสฺเสตฺวา วุจฺจมานํ อเนเกหิปิ กปฺเปหิ น สกฺกา อนวเสสโต วตฺตุํ, ตสฺมา ตํ สพฺพมฺปิ ทุกฺขํ เอกชลพินฺทุมฺหิ สกลสมุทฺทชลรสํ วิย เยสุ เกสุจิ ปฺจุปาทานกฺขนฺเธสุ สงฺขิปิตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘สํขิตฺเตน ¶ ปฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขา’’ติ ภควา อโวจ. เตนาหุ โปราณา –
‘‘ชาติปฺปภุติกํ ทุกฺขํ, ยํ วุตฺตมิธ ตาทินา;
อวุตฺตํ ยฺจ ตํ สพฺพํ, วินา เอเต น วิชฺชติ.
‘‘ยสฺมา ตสฺมา อุปาทาน-กฺขนฺธา สงฺเขปโต อิเม;
ทุกฺขาติ วุตฺตา ทุกฺขนฺต-เทสเกน มเหสินา’’ติ.
เอวํ ¶ สรูปโต ทุกฺขสจฺจํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สมุทยสจฺจํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิทํ โข ปน, ภิกฺขเว, ทุกฺขสมุทย’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ สํ-อิติ อยํ สทฺโท ‘‘สมาคโม สเมต’’นฺติอาทีสุ สํโยคํ ทีเปติ, อุ-อิติ อยํ ‘‘อุปฺปนฺนํ อุทิต’’นฺติอาทีสุ อุปฺปตฺตึ. อย-สทฺโท ปน การณํ ทีเปติ. อิทฺจาปิ ทุติยสจฺจํ อวเสสปจฺจยสมาโยเค สติ ทุกฺขสฺสุปฺปตฺติการณนฺติ ทุกฺขสฺส สํโยเค อุปฺปตฺติการณตฺตา ‘‘ทุกฺขสมุทย’’นฺติ วุจฺจติ. ยายํ ตณฺหาติ ยา อยํ ตณฺหา. โปโนพฺภวิกาติ ปุนพฺภวกรณํ ปุนพฺภโว อุตฺตรปทโลเปน, ปุนพฺภโว สีลเมติสฺสาติ โปโนพฺภวิกา. นนฺทีราเคน สหคตาติ นนฺทีราคสหคตา. อิทํ วุตฺตํ โหติ ‘‘นนฺทนโต รชฺชนโต จ นนฺทีราคภาวํ สพฺพาสุ อวตฺถาสุ อปฺปจฺจกฺขาย วุตฺติยา นนฺทีราคสหคตา’’ติ. ตตฺรตตฺราภินนฺทินีติ ยตฺร ยตฺร อตฺตภาโว นิพฺพตฺตติ, ตตฺรตตฺราภินนฺทินี.
เสยฺยถิทนฺติ นิปาโต, ตสฺส สา กตมาติ เจติ อยมตฺโถ. รูปตณฺหาทิเภเทน ฉพฺพิธาเยว ตณฺหา ปวตฺติอาการเภทโต กามตณฺหาทิวเสน ติวิธา วุตฺตา. รูปตณฺหาเยว หิ ยทา จกฺขุสฺส อาปาถมาคตํ รูปารมฺมณํ กามสฺสาทวเสน อสฺสาทยมานา ปวตฺตติ, ตทา กามตณฺหา นาม โหติ. ยทา ตเทวารมฺมณํ ธุวํ สสฺสตนฺติ ปวตฺตาย สสฺสตทิฏฺิยา สทฺธึ ปวตฺตติ, ตทา ภวตณฺหา นาม โหติ. สสฺสตทิฏฺิสหคโต หิ ราโค ‘‘ภวตณฺหา’’ติ วุจฺจติ. ยทา ปน ตเทวารมฺมณํ อุจฺฉิชฺชติ วินสฺสตีติ ปวตฺตาย อุจฺเฉททิฏฺิยา สทฺธึ ปวตฺตติ, ตทา วิภวตณฺหา นาม โหติ. อุจฺเฉททิฏฺิสหคโต หิ ราโค ‘‘วิภวตณฺหา’’ติ วุจฺจติ. เอส นโย สทฺทตณฺหาทีสุปิ.
กสฺมา ¶ ปเนตฺถ ตณฺหาว สมุทยสจฺจํ วุตฺตาติ? วิเสสเหตุภาวโต. อวิชฺชา หิ ภเวสุ อาทีนวํ ปฏิจฺฉาเทนฺตี ทิฏฺิอาทิอุปาทานฺจ ตตฺถ ตตฺถ อภินิวิสมานํ ตณฺหํ อภิวฑฺเฒติ, โทสาทโยปิ กมฺมสฺส การณํ โหนฺติ, ตณฺหา ปน ตํตํภวโยนิคติวิฺาณฏฺิติสตฺตาอาวาสสตฺตนิกายกุลโภคิสฺสริยาทิวิจิตฺตตํ อภิปตฺเถนฺตี กมฺมวิจิตฺตตาย อุปนิสฺสยตํ กมฺมสฺส จ สหายภาวํ อุปคจฺฉนฺตี ภวาทิวิจิตฺตตํ นิยเมติ, ตสฺมา ทุกฺขสฺส วิเสสเหตุภาวโต อฺเสุปิ อวิชฺชาอุปาทานกมฺมาทีสุ สุตฺเต อภิธมฺเม จ อวเสสกิเลสากุสลมูลาทีสุ วุตฺเตสุ ทุกฺขเหตูสุ วิชฺชมาเนสุ ตณฺหาว ‘‘สมุทยสจฺจ’’นฺติ วุตฺตาติ เวทิตพฺพํ.
อิทานิ ทุกฺขนิโรธํ อริยสจฺจํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิทํ โข ปน, ภิกฺขเว, ทุกฺขนิโรธ’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ยสฺมา นิ-สทฺโท อภาวํ, โรธ-สทฺโท จ จารกํ ทีเปติ, ตสฺมา อภาโว เอตฺถ สํสารจารกสงฺขาตสฺส ทุกฺขโรธสฺส สพฺพคติสฺุตฺตา, สมธิคเต วา ตสฺมึ สํสารจารกสงฺขาตสฺส ¶ ทุกฺขโรธสฺส อภาโว โหติ ตปฺปฏิปกฺขตฺตาติปิ ‘‘ทุกฺขนิโรธ’’นฺติ วุจฺจติ. ทุกฺขสฺส วา อนุปฺปาทนิโรธปจฺจยตฺตา ทุกฺขนิโรธํ. ทุกฺขนิโรธํ ทสฺเสนฺเตน เจตฺถ ‘‘โย ตสฺสาเยว ตณฺหายา’’ติอาทินา นเยน สมุทยนิโรโธ วุตฺโต, โส กสฺมา วุตฺโตติ เจ? สมุทยนิโรเธน ทุกฺขนิโรโธ. พฺยาธินิมิตฺตวูปสเมน พฺยาธิวูปสโม วิย หิ เหตุนิโรเธน ผลนิโรโธ, ตสฺมา สมุทยนิโรเธเนว ทุกฺขํ นิรุชฺฌติ, น อฺถา. เตนาห –
‘‘ยถาปิ มูเล อนุปทฺทเว ทฬฺเห;
ฉินฺโนปิ รุกฺโข ปุนเรว รูหติ;
เอวมฺปิ ตณฺหานุสเย อนูหเต;
นิพฺพตฺตตี ทุกฺขมิทํ ปุนปฺปุน’’นฺติ. (ธ. ป. ๓๓๘);
อิติ ยสฺมา สมุทยนิโรเธเนว ทุกฺขํ นิรุชฺฌติ, ตสฺมา ภควา ทุกฺขนิโรธํ ทสฺเสนฺโต สมุทยนิโรเธน เทเสสิ. สีหสมานวุตฺติโน หิ ตถาคตา. เต ทุกฺขํ นิโรเธนฺตา ทุกฺขนิโรธฺจ เทเสนฺตา เหตุมฺหิ ปฏิปชฺชนฺติ, น ผเล. ยถา หิ สีโห เยนตฺตนิ สโร ขิตฺโต, ตตฺเถว อตฺตโน ¶ พลํ ทสฺเสติ, น สเร, ตถา พุทฺธานํ การเณ ปฏิปตฺติ, น ผเล. ติตฺถิยา ปน สุวานวุตฺติโน. เต ทุกฺขํ นิโรเธนฺตา ทุกฺขนิโรธฺจ เทเสนฺตา อตฺตกิลมถานุโยคเทสนาทีหิ ผเล ปฏิปชฺชนฺติ, น เหตุมฺหิ. ยถา หิ สุนขา เกนจิ เลฑฺฑุปฺปหาเร ทินฺเน ภุสฺสนฺตา เลฑฺฑุํ ขาทนฺติ, น ปหารทายเก อุฏฺหนฺติ, เอวํ อฺติตฺถิยา ทุกฺขํ นิโรเธตุกามา กายเขทมนุยุชฺชนฺติ, น กิเลสนิโรธนํ, เอวํ ตาว ทุกฺขนิโรธสฺส สมุทยนิโรธวเสน เทสนาย ปโยชนํ เวทิตพฺพํ.
อยํ ปเนตฺถ อตฺโถ. ตสฺสาเยว ตณฺหายาติ ตสฺสา ‘‘โปโนพฺภวิกา’’ติ วตฺวา กามตณฺหาทิวเสน วิภตฺตตณฺหาย. วิราโค วุจฺจติ มคฺโค. ‘‘วิราคา วิมุจฺจตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔๕; สํ. นิ. ๓.๑๒, ๕๙) หิ วุตฺตํ. วิราเคน นิโรโธ วิราคนิโรโธ, อนุสยสมุคฺฆาตโต อเสโส วิราคนิโรโธ อเสสวิราคนิโรโธ. อถ วา วิราโคติ ปหานํ วุจฺจติ, ตสฺมา อนุสยสมุคฺฆาตโต อเสโส วิราโค อเสโส นิโรโธติ เอวมฺเปตฺถ โยชนา ทฏฺพฺพา, อตฺถโต ปน สพฺพาเนว เอตานิ นิพฺพานสฺส เววจนานิ. ปรมตฺถโต หิ ทุกฺขนิโรโธ อริยสจฺจนฺติ นิพฺพานํ วุจฺจติ. ยสฺมา ปน ตํ อาคมฺม ตณฺหา วิรชฺชติ เจว นิรุชฺฌติ จ, ตสฺมา ‘‘วิราโค’’ติ จ ‘‘นิโรโธ’’ติ จ วุจฺจติ. ยสฺมา จ ตเทว อาคมฺม ตสฺสา จาคาทโย ¶ โหนฺติ, กามคุณาลยาทีสุ เจตฺถ เอโกปิ อาลโย นตฺถิ, ตสฺมา จาโค ปฏินิสฺสคฺโค มุตฺติ อนาลโยติ วุจฺจติ.
อิทานิ ทุกฺขนิโรธคามินิปฏิปทาอริยสจฺจํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิทํ โข ปน, ภิกฺขเว, ทุกฺขนิโรธคามินี’’ติอาทิมาห. ยสฺมา ปเนตํ อริยสจฺจํ ทุกฺขนิโรธํ คจฺฉติ อารมฺมณวสเอน ตทภิมุขภูตตฺตา, ปฏิปทา จ โหติ ทุกฺขนิโรธปฺปตฺติยา, ตสฺมา ‘‘ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’’ติ วุจฺจติ. เสสเมตฺถ วุตฺตนยเมว. โก ปน เนสํ ทุกฺขาทีนํ สจฺจฏฺโติ? โย ปฺาจกฺขุนา อุปปริกฺขิยมานานํ มายาว วิปรีโต, มรีจิว วิสํวาทโก, ติตฺถิยานํ อตฺตา วิย อนุปลพฺภสภาโว จ น โหติ, อถ โข พาธนปฺปภวสนฺตินิยฺยานปฺปกาเรน ตจฺฉาวิปรีตภูตภาเวน อริยาณสฺส โคจโร โหติเยว, เอส อคฺคิลกฺขณํ วิย โลกปกติ วิย จ ตจฺฉาวิปรีตภูตภาโว สจฺจฏฺโติ เวทิตพฺโพ. เอตฺถ จ อคฺคิลกฺขณํ นาม อุณฺหตฺตํ. ตฺหิ กตฺถจิ กฏฺาทิอุปาทานเภเท วิสํวาทกํ วิปรีตํ ¶ อภูตํ วา กทาจิปิ น โหติ, ‘‘ชาติธมฺมา ชราธมฺมา, อโถ มรณธมฺมิโน’’ติ (อ. นิ. ๕.๕๗) เอวํ วุตฺตชาติอาทิกา โลกปกตีติ เวทิตพฺพา. ‘‘เอกจฺจานํ ติรจฺฉานานํ ติริยํ ทีฆตา, มนุสฺสาทีนํ อุทฺธํ ทีฆตา, วุทฺธินิฏฺปฺปตฺตานํ ปุน อวฑฺฒนนฺติ เอวมาทิกา จ โลกปกตี’’ติ วทนฺติ.
อปิจ –
นาพาธกํ ยโต ทุกฺขํ, ทุกฺขา อฺํ น พาธกํ;
พาธกตฺตนิยาเมน, ตโต สจฺจมิทํ มตํ.
ตํ วินา นาฺโต ทุกฺขํ, น โหติ น จ ตํ ตโต;
ทุกฺขเหตุนิยาเมน, อิติ สจฺจํ วิสตฺติกา.
นาฺา นิพฺพานโต สนฺติ, สนฺตํ น จ น ตํ ยโต;
สนฺตภาวนิยาเมน, ตโต สจฺจมิทํ มตํ.
มคฺคา อฺํ น นิยฺยานํ, อนิยฺยาโน น จาปิ โส;
ตจฺฉนิยฺยานภาวตฺตา, อิติ โส สจฺจสมฺมโต.
อิติ ¶ ตจฺฉาวิปลฺลาส-ภูตภาวํ จตูสุปิ;
ทุกฺขาทีสฺววิเสเสน, สจฺจฏฺํ อาหุ ปณฺฑิตาติ. (วิภ. อฏฺ. ๑๘๙);
๑๕. ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสูติ อิโต ปุพฺเพ ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติอาทินา น อนุสฺสุเตสุ อสฺสุตปุพฺเพสุ จตุสจฺจธมฺเมสุ. จกฺขุนฺติอาทีนิ าณเววจนาเนว. าณเมว เหตฺถ ปจฺจกฺขโต ทสฺสนฏฺเน จกฺขุ วิยาติ จกฺขุ, าณฏฺเน าณํ, ปการโต ชานนฏฺเน ปฺา, ปฏิวิชฺฌนฏฺเน วิชฺชา, สจฺจปฺปฏิจฺฉาทกสฺส โมหนฺธการสฺส วิธมนโต โอภาสนฏฺเน อาโลโกติ วุตฺตํ. ตํ ปเนตํ จตูสุ สจฺเจสุ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกํ นิทฺทิฏฺนฺติ เวทิตพฺพํ.
๑๖. ยาวกีวฺจาติ ยตฺตกํ กาลํ. ติปริวฏฺฏนฺติ สจฺจาณกิจฺจาณกตาณสงฺขาตานํ ติณฺณํ ปริวฏฺฏานํ วเสน ติปริวฏฺฏํ. สจฺจาณาทิวเสน หิ ตโย ปริวฏฺฏา เอตสฺสาติ ติปริวฏฺฏนฺติ วุจฺจติ าณทสฺสนํ. เอตฺถ จ ‘‘อิทํ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ, อิทํ ทุกฺขสมุทย’’นฺติ เอวํ จตูสุ สจฺเจสุ ยถาภูตาณํ สจฺจาณํ นาม. เตสุเยว ‘‘ปริฺเยฺยํ ¶ ปหาตพฺพํ สจฺฉิกาตพฺพํ ภาเวตพฺพ’’นฺติ เอวํ กตฺตพฺพกิจฺจชานนาณํ กิจฺจาณํ นาม. ‘‘ปริฺาตํ ปหีนํ สจฺฉิกตํ ภาวิต’’นฺติ เอวํ ตสฺส กตภาวชานนาณํ กตาณํ นาม. ทฺวาทสาการนฺติ เตสํเยว เอเกกสฺมึ สจฺเจ ติณฺณํ ติณฺณํ อาการานํ วเสน ทฺวาทสาการํ. าณทสฺสนนฺติ เอเตสํ ติปริวฏฺฏานํ ทฺวาทสนฺนํ อาการานํ วเสน อุปฺปนฺนาณสงฺขาตํ ทสฺสนํ.
อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธินฺติ อุตฺตรวิรหิตํ สพฺพเสฏฺํ สมฺมา สามฺจ โพธึ. อถ วา ปสตฺถํ สุนฺทรฺจ โพธึ. โพธีติ จ ภควโต อรหตฺตมคฺโค อิธาธิปฺเปโต. สาวกานํ อรหตฺตมคฺโค อนุตฺตรา โพธิ โหติ, น โหตีติ? น โหติ. กสฺมา? อสพฺพคุณทายกตฺตา. เตสฺหิ กสฺสจิ อรหตฺตมคฺโค อรหตฺตผลเมว เทติ, กสฺสจิ ติสฺโส วิชฺชา, กสฺสจิ ฉ อภิฺา, กสฺสจิ จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา, กสฺสจิ สาวกปารมีาณํ. ปจฺเจกพุทฺธานมฺปิ ปจฺเจกโพธิาณเมว เทติ, พุทฺธานํ ปน สพฺพคุณสมฺปตฺตึ เทติ อภิเสโก วิย รฺโ สพฺพโลกิสฺสริยภาวํ. ตสฺมา อฺสฺส กสฺสจิปิ อนุตฺตรา โพธิ น โหตีติ. อภิสมฺพุทฺโธติ ปจฺจฺาสินฺติ อภิสมฺพุทฺโธ อหํ ปตฺโต ปฏิวิชฺฌิตฺวา ิโตติ เอวํ ปฏิชานึ. าณฺจ ปน เม ทสฺสนํ อุทปาทีติ อธิคตคุณานํ ยาถาวโต ทสฺสนสมตฺถํ ปจฺจเวกฺขณาณฺจ ปน เม อุทปาทิ. อกุปฺปา เม วิมุตฺตีติ อยํ มยฺหํ อรหตฺตผลวิมุตฺติ อกุปฺปา ปฏิปกฺเขหิ น โกเปตพฺพาติ เอวํ าณํ อุทปาทิ. ตตฺถ ทฺวีหากาเรหิ อกุปฺปตา เวทิตพฺพา มคฺคสงฺขาตการณโต จ อารมฺมณโต จ. สา หิ จตูหิ มคฺเคหิ สมุจฺฉินฺนกิเลสานํ ¶ ปุน อนิวตฺตนตาย การณโตปิ อกุปฺปา, อกุปฺปธมฺมํ นิพฺพานํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตตาย อารมฺมณโตปิ อกุปฺปา อนากุปฺปารมฺมณานํ โลกิยสมาปตฺตีนํ ตทภาวโต. อนฺติมาติ ปจฺฉิมา. นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโวติ อิทานิ ปุน อฺโ ภโว นาม นตฺถีติ.
อิมสฺมิฺจ ปน เวยฺยากรณสฺมินฺติ อิมสฺมึ นิคฺคาถเก สุตฺเต. นิคฺคาถกฺหิ สุตฺตํ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนสหิตํ ‘‘เวยฺยากรณ’’นฺติ วุจฺจติ. ภฺมาเนติ ภณิยมาเน, เทสิยมาเนติ อตฺโถ. วิรชนฺติ อปายคมนียราครชาทีนํ วิคเมน วิรชํ. วีตมลนฺติ อนวเสสทิฏฺิวิจิกิจฺฉามลาปคเมน วีตมลํ ¶ . ปมมคฺควชฺฌกิเลสรชาภาเวน วา วิรชํ, ปฺจวิธทุสฺสีลฺยมลาปคเมน วีตมลํ. ธมฺมจกฺขุนฺติ พฺรหฺมายุสุตฺเต (ม. นิ. ๒.๓๘๓ อาทโย) เหฏฺิมา ตโย มคฺคา วุตฺตา, จูฬราหุโลวาเท (ม. นิ. ๓.๔๑๖ อาทโย) อาสวกฺขโย, อิธ ปน โสตาปตฺติมคฺโค อธิปฺเปโต. จตุสจฺจสงฺขาเตสุ ธมฺเมสุ เตสํ ทสฺสนฏฺเน จกฺขูติ ธมฺมจกฺขุ, เหฏฺิเมสุ วา ตีสุ มคฺคธมฺเมสุ เอกํ โสตาปตฺติมคฺคสงฺขาตํ จกฺขูติ ธมฺมจกฺขุ, สมถวิปสฺสนาธมฺมนิพฺพตฺตตาย สีลาทิติวิธธมฺมกฺขนฺธภูตตาย วา ธมฺมมยํ จกฺขูติปิ ธมฺมจกฺขุ, ตสฺส อุปฺปตฺติอาการทสฺสนตฺถํ ‘‘ยํ กิฺจิ สมุทยธมฺมํ, สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺม’’นฺติ อาห. นนุ จ มคฺคาณํ อสงฺขตธมฺมารมฺมณํ, น สงฺขตธมฺมารมฺมณนฺติ? สจฺจเมตํ, ยสฺมา ตํ นิโรธํ อารมฺมณํ กตฺวา กิจฺจวเสน สพฺพสงฺขตํ อสมฺโมหปฺปฏิเวธวเสน ปฏิวิชฺฌนฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา ตถา วุตฺตํ.
๑๗. ธมฺมจกฺเกติ ปฏิเวธาณฺเจว เทสนาาณฺจ ปวตฺตนฏฺเน จกฺกนฺติ ธมฺมจกฺกํ. โพธิปลฺลงฺเก นิสินฺนสฺส หิ จตูสุ สจฺเจสุ อุปฺปนฺนํ ทฺวาทสาการํ ปฏิเวธาณมฺปิ, อิสิปตเน นิสินฺนสฺส ทฺวาทสาการาย สจฺจเทสนาย ปวตฺตกํ เทสนาาณมฺปิ ธมฺมจกฺกํ นาม. อุภยมฺปิ เหตํ ทสพลสฺส อุเร ปวตฺตาณเมว. ตทุภยํ อิมาย เทสนาย ปกาเสนฺเตน ภควตา ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติตํ นาม. ตํ ปเนตํ ธมฺมจกฺกํ ยาว อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถโร อฏฺารสหิ พฺรหฺมโกฏีหิ สทฺธึ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาติ, ตาว ภควา ปวตฺเตติ นาม ปวตฺตนกิจฺจสฺส อนิฏฺิตตฺตา. ปติฏฺิเต ปวตฺติตํ นาม กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาสนนฺตรธานโต ปฏฺาย ยาว พุทฺธุปฺปาโท, เอตฺตกํ กาลํ อปฺปวตฺตปุพฺพสฺส ปวตฺติตตฺตา. ตํ สนฺธาย ‘‘ปวตฺติเต จ ปน ภควตา ธมฺมจกฺเก ภุมฺมา เทวา สทฺทมนุสฺสาเวสุ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ภุมฺมาติ ภูมฏฺกเทวตา. สทฺทมนุสฺสาเวสุนฺติ เอกปฺปหาเรเนว สาธุการํ ทตฺวา ‘‘เอตํ ภควตา’’ติอาทีนิ วทนฺตา อนุสฺสาวยึสุ. โอภาโสติ สพฺพฺุตฺาณานุภาเวน ปวตฺโต จิตฺตปจฺจยอุตุสมุฏฺาโน โอภาโส. โส หิ ตทา เทวานํ เทวานุภาวํ อติกฺกมิตฺวา วิโรจิตฺถ. อฺาสิ วต โภ โกณฺฑฺโติ ¶ อิมสฺสปิ อุทานสฺส อุทาหรณโฆโส ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ผริตฺวา อฏฺาสิ. ภควโต หิ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสฺส อารมฺเภ วิย ปริสมาปเนปิ อติวิย อุฬารตมํ ปีติโสมนสฺสํ อุทปาทิ.
๑๘. ทิฏฺโ ¶ อริยสจฺจธมฺโม เอเตนาติ ทิฏฺธมฺโม. เอส นโย เสสปเทสุปิ. เอตฺถ จ ทสฺสนํ นาม าณทสฺสนโต อฺมฺปิ อตฺถีติ ตํนิวตฺตนตฺถํ ‘‘ปตฺตธมฺโม’’ติ วุตฺตํ. ปตฺติ จ าณสมฺปตฺติโต อฺาปิ วิชฺชตีติ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘วิทิตธมฺโม’’ติ วุตฺตํ. สา ปเนสา วิทิตธมฺมตา เอกเทสโตปิ โหตีติ นิปฺปเทสโต วิทิตภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปริโยคาฬฺหธมฺโม’’ติ วุตฺตํ. เตนสฺส สจฺจาภิสมฺโพธึเยว ทีเปติ. มคฺคาณฺหิ เอกาภิสมยวเสน ปริฺาทิกิจฺจํ สาเธนฺตํ นิปฺปเทเสน จตุสจฺจธมฺมํ สมนฺตโต โอคาฬฺหํ นาม โหติ. สปฺปฏิภยกนฺตารสทิสา โสฬสวตฺถุกา อฏฺวตฺถุกา จ ติณฺณา วิจิกิจฺฉา อเนนาติ ติณฺณวิจิกิจฺโฉ. ปวตฺติอาทีสุ ‘‘เอวํ นุโข น นุโข’’ติ เอวํ ปวตฺติกา วิคตา สมุจฺฉินฺนา กถํกถา อสฺสาติ วิคตกถํกโถ. เวสารชฺชปฺปตฺโตติ สารชฺชกรานํ ปาปธมฺมานํ ปหีนตฺตา ตปฺปฏิปกฺเขสุ จ สีลาทีสุ คุเณสุ สุปฺปติฏฺิตตฺตา วิสารทภาวํ เวยฺยตฺติยํ ปตฺโต อธิคโต. สฺวายํ เวสารชฺชปฺปตฺติสุปฺปติฏฺิตภาโว กตฺถาติ อาห ‘‘สตฺถุสาสเน’’ติ. อตฺตนา ปจฺจกฺขโต อธิคตตฺตา น ปรํ ปจฺเจติ, ปรสฺส สทฺธาย เอตฺถ นปฺปวตฺตติ, น ตสฺส ปโร ปจฺเจตพฺโพ อตฺถีติ อปรปฺปจฺจโย.
ลเภยฺยาหนฺติ ลเภยฺยํ อหํ, อายาจนวจนเมตํ. เอหีติ อายาจิตานํ ปพฺพชฺชูปสมฺปทานํ อนุมตภาวปฺปกาสนวจนํ, ตสฺมา เอหิ สมฺปฏิจฺฉาหิ ยถายาจิตํ ปพฺพชฺชูปสมฺปทวิเสสนฺติ อตฺโถ. อิติ-สทฺโท ตสฺส เอหิภิกฺขูปสมฺปทาปฏิลาภนิมิตฺตวจนปริโยสานทสฺสโน. ตทวสาโน หิ ตสฺส ภิกฺขุภาโว. เตเนวาห ‘‘เอหิ ภิกฺขูติ ภควโต วจเนน อภินิปฺผนฺนา สาว ตสฺส อายสฺมโต เอหิภิกฺขูปสมฺปทา อโหสี’’ติ. จร พฺรหฺมจริยนฺติ อุปริมคฺคตฺตยสงฺขาตํ พฺรหฺมจริยํ สมธิคจฺฉ. กิมตฺถํ? สมฺมา ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยาย. อิธาปิ ‘‘อโวจา’’ติ สมฺพนฺธิตพฺพํ. ‘‘นว โกฏิสหสฺสานี’’ติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๑.๒๐; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๑.๑.๓๗) วุตฺตปฺปเภทานํ อเนกสหสฺสานํ สํวรวินยานํ สมาทิยิตฺวา วตฺตเนน อุปริภูตา อคฺคภูตา สมฺปทาติ อุปสมฺปทา.
๑๙. นีหารภตฺโตติ นีหฏภตฺโต, คามโต ภิกฺขํ นีหริตฺวา ภิกฺขูหิ ทินฺนภตฺโตติ อตฺโถ ¶ . ภควา หิ ทหรกุมารเก วิย เต ภิกฺขู ¶ ปริหรนฺโต ปาฏิปททิวสโต ปฏฺาย ปิณฺฑปาตตฺถายปิ คามํ อปวิสิตฺวา อนฺโตวิหาเรเยว วสิ.
ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
อนตฺตลกฺขณสุตฺตวณฺณนา
๒๐. อามนฺเตสีติ อาสาฬฺหีปุณฺณมทิวเส ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนโต ปฏฺาย อนุกฺกเมน โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิเต อฺาสิโกณฺฑฺปฺปมุเข ปฺจวคฺคิเย ‘‘อิทานิ เตสํ อาสวกฺขยาย ธมฺมํ เทเสสฺสามี’’ติ ปฺจมิยา ปกฺขสฺส อามนฺเตสิ. อนตฺตาติ อวสวตฺตนฏฺเน อสามิกฏฺเน สฺุตฏฺเน อตฺตปฏิกฺเขปฏฺเนาติ เอวํ จตูหิ การเณหิ อนตฺตา. ตตฺถ ‘‘อุปฺปนฺนํ รูปํ ิตึ มา ปาปุณาตุ, านปฺปตฺตํ มา ชีรตุ, ชรปฺปตฺตํ มา ภิชฺชตุ, อุทยพฺพเยหิ มา กิลมยตู’’ติ น เอตฺถ กสฺสจิ วสีภาโว อตฺถิ, สฺวายมสฺส อวสวตฺตนฏฺโ. สามิภูตสฺส กสฺสจิ อภาโว อสามิกฏฺโ. นิวาสีการกเวทกอธิฏฺายกวิรเหน ตโต สฺุตา สฺุตฏฺโ. ปรปริกปฺปิตอตฺตสภาวาภาโว เอว อตฺตปฏิกฺเขปฏฺโ. อิทานิ อนตฺตตํเยว วิภาเวตุํ ‘‘รูปฺจ หิทํ ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อตฺตา อภวิสฺสาติ การโก เวทโก สยํวสีติ เอวํภูโต อตฺตา อภวิสฺสาติ อธิปฺปาโย. เอวฺหิ สติ รูปสฺส อาพาธาย สํวตฺตนํ อยุชฺชมานกํ สิยา. กามฺเจตฺถ ‘‘ยสฺมา จ โข, ภิกฺขเว, รูปํ อนตฺตา, ตสฺมา รูปํ อาพาธาย สํวตฺตตี’’ติ รูปสฺส อนตฺตตาย ทุกฺขตา วิภาวิตา วิย ทิสฺสติ, ตถาปิ ‘‘ยสฺมา รูปํ อาพาธาย สํวตฺตติ, ตสฺมา อนตฺตา’’ติ ปากฏาย สาพาธตาย รูปสฺส อตฺตสาราภาโว วิภาวิโต, ตโต เอว จ ‘‘น จ ลพฺภติ รูเป ‘เอวํ เม รูปํ โหตุ, เอวํ เม รูปํ มา อโหสี’ติ’’ รูเป กสฺสจิ อนิสฺสรตา ตสฺส จ อวสวตฺตนากาโร ทสฺสิโต. เวทนาทีสุปิ เอเสว นโย.
๒๑. ตํ กึมฺถ ภิกฺขเวติ อิทํ กสฺมา อารทฺธํ? เอตฺตเกน าเนน อนตฺตลกฺขณเมว กถิตํ, น อนิจฺจทุกฺขลกฺขณานิ, อิทานิ ตานิ ทสฺเสตฺวา ¶ สโมธาเนตฺวา ตีณิปิ ลกฺขณานิ ทสฺเสตุํ อิทมารทฺธนฺติ เวทิตพฺพํ. อนิจฺจํ ภนฺเตติ ภนฺเต ยสฺมา หุตฺวา น โหติ, ตสฺมา อนิจฺจํ. ยสฺมา ปุพฺเพ อสนฺตํ ปจฺจยสมวาเยน หุตฺวา อุปฺปชฺชิตฺวา ปุน ภงฺคุปคมเนน น โหติ, ตสฺมา น นิจฺจนฺติ อนิจฺจํ, อทฺธุวนฺติ อธิปฺปาโย. อถ วา อุปฺปาทวยวนฺตตาย ตาวกาลิกตาย วิปริณามโกฏิยา นิจฺจปฺปฏิกฺเขปโตติ อิเมหิปิ การเณหิ ¶ อนิจฺจํ. เอตฺถ ขเณ ขเณ อุปฺปชฺชนวเสน นิรุชฺฌนวเสน จ ปวตฺตนโต อุปฺปาทวยวนฺตตา. ตงฺขณิกตาย ตาวกาลิกตา. วิปริณามวนฺตตาย วิปริณามโกฏิ. รูปฺหิ อุปฺปาทาทิวิการาปชฺชเนน วิปริณามนฺตํ วินาสํ ปาปุณาติ. นิจฺจสภาวาภาโว เอว นิจฺจปฏิกฺเขโป. อนิจฺจา หิ ธมฺมา, เตเนว อตฺตโน อนิจฺจภาเวน อตฺถโต นิจฺจตํ ปฏิกฺขิปนฺติ นาม.
ทุกฺขํ ภนฺเตติ ภนฺเต ปฏิปีฬนากาเรน ทุกฺขํ. อุปฺปาทชราภงฺควเสน หิ รูปสฺส นิรนฺตรํ พาธติ, ปฏิปีฬนากาเรนสฺส ทุกฺขตา. อถ วา สนฺตาปฏฺเน ทุกฺขมฏฺเน ทุกฺขวตฺถุกฏฺเน สุขปฏิกฺเขปฏฺเน จาติ จตูหิ การเณหิ ทุกฺขํ. เอตฺถ จ สนฺตาโป นาม ทุกฺขทุกฺขตาทิวเสน สนฺตาปนํ ปริทหนํ. ตโต เอวสฺส ทุสฺสหตาย ทุกฺขมตา. ติสฺสนฺนํ ทุกฺขตานํ สํสารทุกฺขสฺส จ อธิฏฺานตาย ทุกฺขวตฺถุกตา. สุขสภาวาภาโว เอว สุขปฏิกฺเขโป. วิปริณามธมฺมนฺติ ชราย มรเณน จ วิปริณามสภาวํ. กลฺลํ นูติ ยุตฺตํ นุ. ตนฺติ เอวํ อนิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ รูปํ. เอตํ มมาติ ตณฺหาคาโห มมงฺการภาวโต. เอโสหมสฺมีติ มานคาโห อหงฺการภาวโต. เอโส เม อตฺตาติ ทิฏฺิคาโห อตฺตภาววิปลฺลาสคฺคาหโต. ตณฺหาคาโห เจตฺถ อฏฺสตตณฺหาวิจริตวเสน, มานคาโห นววิธมานวเสน, ทิฏฺิคาโห ทฺวาสฏฺิทิฏฺิวเสน เวทิตพฺโพ. อิเมสํ ติณฺณํ ตณฺหามานทิฏฺิคาหานํ วเสน ยุตฺตํ นุ ตํ สมนุปสฺสิตุนฺติ วุตฺตํ โหติ.
อิติ ภควา อนิจฺจทุกฺขวเสน อนตฺตลกฺขณํเยว ทสฺเสสิ. ภควา หิ กตฺถจิ อนิจฺจวเสน อนตฺตตํ ทสฺเสติ, กตฺถจิ ทุกฺขวเสน, กตฺถจิ อุภยวเสน. ตถา หิ ‘‘จกฺขุ อตฺตาติ โย วเทยฺย, ตํ น อุปปชฺชติ, จกฺขุสฺส อุปฺปาโทปิ วโยปิ ปฺายติ. ยสฺส โข ปน อุปฺปาโทปิ วโยปิ ปฺายติ, ‘อตฺตา เม อุปฺปชฺชติ เจว เวติ จา’ติ อิจฺจสฺส เอวมาคตํ โหติ, ตสฺมา ตํ น อุปปชฺชติ. ‘จกฺขุ อตฺตา’ติ ¶ โย วเทยฺย, อิติ จกฺขุ อนตฺตา’’ติ อิมสฺมิฺจ ฉฉกฺกสุตฺเต (ม. นิ. ๓.๔๒๒) อนิจฺจวเสน อนตฺตตํ ทสฺเสสิ. ‘‘รูปฺจ หิทํ, ภิกฺขเว, อตฺตา อภวิสฺส…เป… เอวํ เม รูปํ มา อโหสี’’ติ อิมสฺมึเยว อนตฺตลกฺขณสุตฺเต ทุกฺขวเสน อนตฺตตํ ทสฺเสสิ. ‘‘รูปํ, ภิกฺขเว, อนิจฺจํ, ยทนิจฺจํ ตํ ทุกฺขํ, ยํ ทุกฺขํ ตทนตฺตา, ยทนตฺตา, ตํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เม โส อตฺตา’ติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ทฏฺพฺพ’’นฺติ อิมสฺมึ อรหนฺตสุตฺเต (สํ. นิ. ๓.๗๖-๗๗) อุภยวเสน อนตฺตตํ ทสฺเสสิ. กสฺมา? อนิจฺจํ ทุกฺขฺจ ปากฏํ, อนตฺตา อปากฏํ. ปริโภคภาชนาทีสุ หิ ภินฺเนสุ ‘‘อโห อนิจฺจ’’นฺติ วทนฺติ, ‘‘อโห อนตฺตา’’ติ ¶ ปน วตฺตา นาม นตฺถิ. สรีเร คณฺฑปิฬกาสุ วา อุฏฺิตาสุ กณฺฏเกน วา วิทฺธา ‘‘อโห ทุกฺข’’นฺติ วทนฺติ, ‘‘อโห อนตฺตา’’ติ ปน วตฺตา นาม นตฺถิ. กสฺมา? อิทฺหิ อนตฺตลกฺขณํ นาม อวิภูตํ ทุทฺทสํ ทุปฺปฺาปนํ. ตถา หิ สรภงฺคาทโยปิ สตฺถาโร นาทฺทสํสุ, กุโต ปฺาปนา, เตน นํ ภควา อนิจฺจวเสน วา ทุกฺขวเสน วา อุภยวเสน วา ทสฺเสสิ. ตยิทํ อิมสฺมิมฺปิ เตปริวฏฺเฏ อนิจฺจทุกฺขวเสเนว ทสฺสิตํ. เวทนาทีสุปิ เอเสว นโย.
๒๒. ตสฺมาติหาติ ตสฺมา อิจฺเจว วุตฺตํ. ติ-การ ห-การา นิปาตา, ยสฺมา อิเม ปฺจกฺขนฺธา อนิจฺจา ทุกฺขา อนตฺตา, ตสฺมาติ อตฺโถ. ยํ กิฺจีติ อนวเสสปริยาทานเมตํ. ยนฺติ หิ สามฺเน อนิยมทสฺสนํ, กิฺจีติ ปการโต เภทํ อามสิตฺวา อนิยมทสฺสนํ. อุภเยนปิ อตีตํ วา…เป… สนฺติเก วา อปฺปํ วา พหุํ วา ยาทิสํ วา ตาทิสํ วา นปุํสกนิทฺเทสารหํ สพฺพํ พฺยาเปตฺวา สงฺคณฺหาติ, ตสฺมา อนวเสสปริยาทานเมตํ ‘‘ยํ กิฺจี’’ติ. เอวฺจ สติ อฺเสุปิ นปุํสกนิทฺเทสารเหสุ ปสงฺคํ ทิสฺวา ตตฺถ อธิปฺเปตตฺถํ อธิจฺจ ปวตฺตนโต อติปฺปสงฺคสฺส นิยมนตฺถํ ‘‘รูป’’นฺติ วุตฺตํ. เอวํ ปททฺวเยนปิ รูปสฺส อเสสปริคฺคโห กโต โหติ. อถสฺส อตีตาทิวิภาคํ อารภติ ‘‘อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺน’’นฺติอาทินา. ตฺหิ กิฺจิ อตีตํ กิฺจิ อนาคตาทิเภทนฺติ. เอส นโย เวทนาทีสุปิ.
ตตฺถ รูปํ ตาว อทฺธาสนฺตติสมยขณวเสน จตุธา อตีตํ นาม โหติ, ตถา อนาคตปจฺจุปฺปนฺนํ. ตตฺถ อทฺธาวเสน ตาว เอกสฺส เอกสฺมึ ¶ ภเว ปฏิสนฺธิโต ปุพฺเพ อตีตํ, จุติโต อุทฺธมนาคตํ, อุภินฺนมนฺตเร ปจฺจุปฺปนฺนํ. สนฺตติวเสน สภาเคกอุตุสมุฏฺานเอกาหารสมอุฏฺานฺจ ปุพฺพาปริยวเสน วตฺตมานมฺปิ ปจฺจุปฺปนฺนํ, ตโต ปุพฺเพ วิสภาคอุตุอาหารสมุฏฺานํ อตีตํ, ปจฺฉา อนาคตํ. จิตฺตชํ เอกวีถิเอกชวนเอกสมาปตฺติสมุฏฺานํ ปจฺจุปฺปนฺนํ, ตโต ปุพฺเพ อตีตํ, ปจฺฉา อนาคตํ. กมฺมสมุฏฺานสฺส ปาฏิเยกฺกํ สนฺตติวเสน อตีตาทิเภโท นตฺถิ. เตสํเยว ปน อุตุอาหารจิตฺตสมุฏฺานานํ อุปตฺถมฺภกวเสน ตสฺส อตีตาทิภาโว เวทิตพฺโพ. สมยวเสน เอกมุหุตฺตปุพฺพณฺหสายนฺหรตฺติทิวาทีสุ สมเยสุ สนฺตานวเสน ปวตฺตมานํ ตํตํสมยวนฺตํ รูปํ ปจฺจุปฺปนฺนํ นาม, ตโต ปุพฺเพ อตีตํ, ปจฺฉา อนาคตํ. ขณวเสน อุปฺปาทาทิกฺขณตฺตยปริยาปนฺนํ ปจฺจุปฺปนฺนํ, ตโต ปุพฺเพ อตีตํ, ปจฺฉา อนาคตํ, อิทเมเวตฺถ นิปฺปริยายํ, เสสา ปริยายกถา.
อชฺฌตฺตํ ¶ วา พหิทฺธา วาติ จกฺขาทิปฺจวิธํ รูปํ อตฺตภาวํ อธิกิจฺจ ปวตฺตตฺตา อชฺฌตฺตํ, เสสํ ตโต พาหิรตฺตา พหิทฺธา. อปิจ นิยกชฺฌตฺตมฺปิ อิธ อชฺฌตฺตํ, ปรปุคฺคลิกมฺปิ จ พหิทฺธาติ เวทิตพฺพํ. โอฬาริกํ วา สุขุมํ วาติ จกฺขาทีนิ นว, อาโปธาตุวชฺชา ติสฺโส ธาตุโย จาติ ทฺวาทสวิธํ รูปํ ฆฏฺฏนวเสน คเหตพฺพโต โอฬาริกํ, เสสํ ตโต วิปรีตตฺตา สุขุมํ. หีนํ วา ปณีตํ วาติ เอตฺถ หีนปณีตภาโว ปริยายโต นิปฺปริยายโต จ. ตตฺถ อกนิฏฺานํ รูปโต สุทสฺสีนํ รูปํ หีนํ, ตเทว สุทสฺสานํ รูปโต ปณีตํ. เอวํ ยาว นรกสตฺตานํ รูปํ, ตาว ปริยายโต หีนปณีตตา เวทิตพฺพา. นิปฺปริยายโต ปน ยํ อารมฺมณํ กตฺวา อกุสลวิปากวิฺาณํ อุปฺปชฺชติ, ตํ หีนํ อนิฏฺภาวโต. ยํ ปน อารมฺมณํ กตฺวา กุสลวิปากวิฺาณํ อุปฺปชฺชติ, ตํ ปณีตํ อิฏฺภาวโต. ยถา หิ อกุสลวิปาโก สยํ อนิฏฺโ อนิฏฺเ เอว อุปฺปชฺชติ, น อิฏฺเ, เอวํ กุสลวิปาโกปิ สยํ อิฏฺโ อิฏฺเเยว อุปฺปชฺชติ, น อนิฏฺเ. ยํ ทูเร สนฺติเก วาติ ยํ สุขุมํ, ตเทว ทุปฺปฏิวิชฺฌสภาวตฺตา ทูเร, อิตรํ สุปฺปฏิวิชฺฌสภาวตฺตา สนฺติเก. อปิเจตฺถ โอกาสโตปิ อุปาทายุปาทาย ทูรสนฺติกตา เวทิตพฺพา. ตํ สพฺพนฺติ ตํ อตีตาทีหิ ปเทหิ วิสุํ นิทฺทิฏฺํ สพฺพํ รูปํ. สมฺมปฺปฺาย ทฏฺพฺพนฺติ สหวิปสฺสนาย มคฺคปฺาย ทฏฺพฺพํ.
ยา ¶ กาจิ เวทนาติอาทีสุ ปน สนฺตติวเสน จ ขณวเสน จ เวทนาย อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนภาโว เวทิตพฺโพ. ตตฺถ (วิสุทฺธิ. ๒.๔๙๗ อาทโย) สนฺตติวเสน เอกวีถิเอกชวนเอกสมาปตฺติปริยาปนฺนา เอกวิธวิสยสมาโยคปฺปวตฺตา จ ทิวสมฺปิ พุทฺธรูปํ ปสฺสนฺตสฺส ธมฺมํ สุณนฺตสฺส ปวตฺตสทฺธาทิสหิตเวทนา ปจฺจุปฺปนฺนา, ตโต ปุพฺเพ อตีตา, ปจฺฉา อนาคตา. ขณวเสน ขณตฺตยปริยาปนฺนา ปจฺจุปฺปนฺนา, ตโต ปุพฺเพ อตีตา, ปจฺฉา อนาคตา. อชฺฌตฺตพหิทฺธาเภโท นิยกชฺฌตฺตวเสน เวทิตพฺโพ. โอฬาริกสุขุมเภโท ‘‘อกุสลา เวทนา โอฬาริกา, กุสลาพฺยากตา เวทนา สุขุมา’’ติอาทินา นเยน วิภงฺเค (วิภ. ๑๑) วุตฺเตน ชาติสภาวปุคฺคลโลกิยโลกุตฺตรวเสน เวทิตพฺโพ. ชาติวเสน ตาว อกุสลเวทนา สาวชฺชกิริยเหตุโต กิเลสสนฺตาปสภาวโต จ อวูปสนฺตวุตฺตีติ กุสลเวทนาย โอฬาริกา, สพฺยาปารโต สอุสฺสาหโต สวิปากโต กิเลสสนฺตาปสภาวโต สาวชฺชโต จ วิปากาพฺยากตาย โอฬาริกา, สวิปากโต กิเลสสนฺตาปสภาวโต สพฺยาปชฺชโต สาวชฺชโต จ กิริยาพฺยากตาย โอฬาริกา, กุสลาพฺยากตา ปน วุตฺตวิปริยายโต อกุสลาย สุขุมา. ทฺเวปิ กุสลากุสลเวทนา สพฺยาปารโต สอุสฺสาหโต สวิปากโต จ ยถาโยคํ ทุวิธายปิ อพฺยากตาย โอฬาริกา, วุตฺตวิปริยาเยน ทุวิธาปิ อพฺยากตา ตาหิ สุขุมา. เอวํ ตาว ชาติวเสน โอฬาริกสุขุมตา เวทิตพฺพา.
สภาววเสน ¶ ปน ทุกฺขเวทนา นิรสฺสาทโต สวิปฺผารโต อุพฺเพชนียโต อภิภวนโต จ อิตราหิ ทฺวีหิ โอฬาริกา, อิตรา ปน ทฺเว สาตโต สนฺตโต ปณีตโต มนาปโต มชฺฌตฺตโต จ ยถาโยคํ ทุกฺขาย สุขุมา. อุโภ ปน สุขทุกฺขา สวิปฺผารโต โขภกรณโต ปากฏโต จ อทุกฺขมสุขาย โอฬาริกา, สา วุตฺตวิปริยาเยน ตทุภยโต สุขุมา. เอวํ สภาววเสน โอฬาริกสุขุมตา เวทิตพฺพา. ปุคฺคลวเสน ปน อสมาปนฺนสฺส เวทนา นานารมฺมณวิกฺขิตฺตภาวโต สมาปนฺนสฺส เวทนาย โอฬาริกา, วิปริยาเยน อิตรา สุขุมา. เอวํ ปุคฺคลวเสน โอฬาริกสุขุมตา เวทิตพฺพา. โลกิยโลกุตฺตรวเสน ปน สาสวา เวทนา โลกิยา. สา อาสวุปฺปตฺติเหตุโต ¶ โอฆนิยโต โยคนิยโต คนฺถนิยโต นีวรณิยโต อุปาทานิยโต สํกิเลสิกโต ปุถุชฺชนสาธารณโต จ อนาสวาย โอฬาริกา, สา วิปริยาเยน สาสวาย สุขุมา. เอวํ โลกิยโลกุตฺตรวเสน โอฬาริกสุขุมตา เวทิตพฺพา.
ตตฺถ ชาติอาทิวเสน สมฺเภโท ปริหริตพฺโพ. อกุสลวิปากกายวิฺาณสมฺปยุตฺตา หิ เวทนา ชาติวเสน อพฺยากตตฺตา สุขุมาปิ สมานา สภาวาทิวเสน โอฬาริกา โหติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อพฺยากตา เวทนา สุขุมา, ทุกฺขา เวทนา โอฬาริกา. อสมาปนฺนสฺส เวทนา โอฬาริกา, สาสวา เวทนา โอฬาริกา’’ติ (วิภ. ๑๑). ยถา จ ทุกฺขเวทนา, เอวํ สุขาทโยปิ ชาติวเสน โอฬาริกา, สภาวาทิวเสน สุขุมา โหนฺติ. ตสฺมา ยถา ชาติอาทิวเสน สมฺเภโท น โหติ, ตถา เวทนานํ โอฬาริกสุขุมตา เวทิตพฺพา. เสยฺยถิทํ – อพฺยากตา ชาติวเสน กุสลากุสลาหิ สุขุมา. น ตตฺถ ‘‘กตมา อพฺยากตา, กึ ทุกฺขา, กึ สุขา, กึ สมาปนฺนสฺส, กึ อสมาปนฺนสฺส, กึ สาสวา, กึ อนาสวา’’ติ เอวํ สภาวาทิเภโท ปรามสิตพฺโพ. เอส นโย สพฺพตฺถ.
อปิจ ‘‘ตํ ตํ วา ปน เวทนํ อุปาทายุปาทาย เวทนา โอฬาริกา สุขุมา ทฏฺพฺพา’’ติ วจนโต อกุสลาทีสุปิ โลภสหคตาย โทสสหคตเวทนา อคฺคิ วิย อตฺตโน นิสฺสยทหนโต โอฬาริกา, โลภสหคตา สุขุมา. โทสสหคตาปิ นิยตา โอฬาริกา, อนิยตา สุขุมา. นิยตาปิ กปฺปฏฺิติกา โอฬาริกา, อิตรา สุขุมา. กปฺปฏฺิติกาสุปิ อสงฺขาริกา โอฬาริกา, อิตรา สุขุมา. โลภสหคตา ปน ทิฏฺิสมฺปยุตฺตา โอฬาริกา, อิตรา สุขุมา. สาปิ นิยตา กปฺปฏฺิติกา อสงฺขาริกา โอฬาริกา, อิตรา สุขุมา, อวิเสเสน อกุสลา พหุวิปากา โอฬาริกา, อปฺปวิปากา สุขุมา. กุสลา ปน อปฺปวิปากา โอฬาริกา, พหุวิปากา สุขุมา.
อปิจ ¶ กามาวจรกุสลา โอฬาริกา, รูปาวจรา สุขุมา, ตโต อรูปาวจรา, ตโต โลกุตฺตรา. กามาวจรา จ ทานมยา โอฬาริกา, สีลมยา สุขุมา, ตโต ภาวนามยา. ภาวนามยาปิ ทุเหตุกา โอฬาริกา ¶ , ติเหตุกา สุขุมา. ติเหตุกาปิ สสงฺขาริกา โอฬาริกา, อสงฺขาริกา สุขุมา. รูปาวจรา ปมชฺฌานิกา โอฬาริกา…เป… ปฺจมชฺฌานิกา สุขุมาว. อรูปาวจรา อากาสานฺจายตนสมฺปยุตฺตา โอฬาริกา…เป… เนวสฺานาสฺายตนสมฺปยุตฺตา สุขุมาว. โลกุตฺตรา จ โสตาปตฺติมคฺคสมฺปยุตฺตา โอฬาริกา…เป… อรหตฺตมคฺคสมฺปยุตฺตา สุขุมาว. เอส นโย ตํตํภูมิวิปากกิริยเวทนาสุ ทุกฺขาทิอสมาปนฺนาทิสาสวาทิวเสน วุตฺตเวทนาสุ จ.
โอกาสวเสน จาปิ นิรเย ทุกฺขา โอฬาริกา, ติรจฺฉานโยนิยํ สุขุมา…เป… ปรนิมฺมิตวสวตฺตี สุขุมาว. ยถา จ ทุกฺขา, เอวํ สุขาปิ สพฺพตฺถ ยถานุรูปํ โยเชตพฺพา. วตฺถุวเสน จาปิ หีนวตฺถุกา ยา กาจิ เวทนา โอฬาริกา, ปณีตวตฺถุกา สุขุมา. หีนปฺปณีตเภเท ยา โอฬาริกา, สา หีนา. ยา จ สุขุมา, สา ปณีตาติ เวทิตพฺพา. ทูรปทํ ปน อกุสลา เวทนา กุสลาพฺยากตาหิ เวทนาหิ ทูเร, สนฺติกปทํ อกุสลา เวทนา อกุสลาย เวทนาย สนฺติเกติอาทินา นเยน วิภตฺตํ. ตสฺมา อกุสลา เวทนา วิสภาคโต อสํสฏฺโต อสริกฺขโต จ กุสลาพฺยากตาหิ ทูเร, ตถา กุสลาพฺยากตา อกุสลาย. เอส นโย สพฺพวาเรสุ. อกุสลา ปน เวทนา สภาคโต จ สํสฏฺโต จ สริกฺขโต จ อกุสลาย สนฺติเกติ. ตํตํเวทนาสมฺปยุตฺตานํ ปน สฺาทีนมฺปิ เอวเมว เวทิตพฺพํ.
๒๓. สุตวาติ อาคมาธิคมสงฺขาเตน พาหุสจฺเจน สมนฺนาคตตฺตา สุตวา. นิพฺพินฺทตีติ อุกฺกณฺติ. เอตฺถ จ นิพฺพิทาติ วุฏฺานคามินีวิปสฺสนา อธิปฺเปตา. นิพฺพินฺทํ วิรชฺชตีติ เอตฺถ วิราควเสน จตฺตาโร มคฺคา กถิตา. วิราคา วิมุจฺจตีติ วิราเคน มคฺเคเนว เหตุภูเตน ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺติวเสน วิมุจฺจติ. อิมินา จตฺตาริ สามฺผลานิ กถิตานิ. วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ าณํ โหตีติ อิมินา ปน ปจฺจเวกฺขณาณํ กถิตํ. ขีณา ชาตีติอาทีหิ ตสฺส ภูมิ. เตน หิ าเณน อริยสาวโก ปจฺจเวกฺขนฺโต ‘‘ขีณา ชาตี’’ติอาทีนิ ปชานาติ. กตมา ปนสฺส ชาติ ขีณา, กถฺจ นํ ปชานาตีติ? น ตาวสฺส อตีตา ชาติ ขีณา ปุพฺเพว ขีณตฺตา, น อนาคตา อนาคเต วายามาภาวโต, น ปจฺจุปฺปนฺนา. ยา ปน มคฺคสฺส อภาวิตตฺตา อุปฺปชฺเชยฺย เอกจตุปฺจโวการภเวสุ เอกจตุปฺจกฺขนฺธปฺปเภทา ชาติ, สา มคฺคสฺส ภาวิตตฺตา อนุปฺปาทธมฺมตํ ¶ อาปชฺชเนน ขีณา, ตํ โส มคฺคภาวนาย ปหีนกิเลเส ¶ ปจฺจเวกฺขิตฺวา กิเลสาภาเว วิชฺชมานมฺปิ กมฺมํ อายตึ อปฺปฏิสนฺธิกํ โหตีติ ชานนฺโต ปชานาติ.
วุสิตนฺติ วุตฺถํ ปริวุตฺถํ, กตํ จริตํ นิฏฺิตนฺติ อตฺโถ. พฺรหฺมจริยนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยํ. ปุถุชฺชนกลฺยาณเกน หิ สทฺธึ สตฺต เสกฺขา มคฺคพฺรหฺมจริยํ วสนฺติ นาม, ขีณาสโว วุตฺถวาโส, ตสฺมา อริยสาวโก อตฺตโน พฺรหฺมจริยวาสํ ปจฺจเวกฺขนฺโต ‘‘วุสิตํ พฺรหฺมจริย’’นฺติ ปชานาติ. กตํ กรณียนฺติ จตูสุ สจฺเจสุ จตูหิ มคฺเคหิ ปริฺาปหานสจฺฉิกิริยาภาวนาวเสน โสฬสวิธมฺปิ กิจฺจํ นิฏฺาปิตนฺติ อตฺโถ. ปุถุชฺชนกลฺยาณกาทโย หิ ตํ กิจฺจํ กโรนฺติ, ขีณาสโว กตกรณีโย. ตสฺมา อริยสาวโก อตฺตโน กรณียํ ปจฺจเวกฺขนฺโต ‘‘กตํ กรณีย’’นฺติ ปชานาติ. นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ อิทานิ ปุน อิตฺถภาวาย เอวํโสฬสกิจฺจภาวาย, กิเลสกฺขยาย วา มคฺคภาวนากิจฺจํ เม นตฺถีติ ปชานาติ. อถ วา อิตฺถตฺตายาติ อิตฺถภาวา อิมสฺมา เอวํปการา อิทานิ วตฺตมานกฺขนฺธสนฺตานา อปรํ ขนฺธสนฺตานํ มยฺหํ นตฺถิ, อิเม ปน ปฺจกฺขนฺธา ปริฺาตา ติฏฺนฺติ ฉินฺนมูลกา รุกฺขา วิย. เต จริมกวิฺาณนิโรเธน อนุปาทาโน วิย ชาตเวโท นิพฺพายิสฺสนฺตีติ ปชานาติ.
๒๔. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ เต ภิกฺขู สกมนา ตุฏฺมนา, ปีติโสมนสฺเสหิ วา สมตฺตมนา หุตฺวา กรวีกรุตมฺชุนา กณฺณสุเขน ปณฺฑิตชนหทยานํ อมตาภิเสกสทิเสน พฺรหฺมสฺสเรน ภาสโต ภควโต วจนํ สุกถิตํ สุลปิตํ ‘‘เอวเมตํ ภควา, เอวเมตํ สุคตา’’ติ มตฺถเกน สมฺปฏิจฺฉนฺตา อนุโมทึสุ เจว สมฺปฏิจฺฉึสุ จาติ อตฺโถ. อยฺหิ อภินนฺท-สทฺโท ‘‘อภินนฺทติ อภิวทตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๕; ๔.๑๑๔, ๑๑๘) ตณฺหายปิ อาคโต. ‘‘อนฺนเมวาภินนฺทนฺติ, อุภเย เทวมานุสา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๔๓) อุปคมเนปิ.
‘‘จิรปฺปวาสึ ปุริสํ, ทูรโต โสตฺถิมาคตํ;
าติมิตฺตา สุหชฺชา จ, อภินนฺทนฺติ อาคต’’นฺติ. (ธ. ป. ๒๑๙; วิ. ว. ๘๖๑) –
อาทีสุ ¶ สมฺปฏิจฺฉเนปิ. ‘‘อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๐๕) อนุโมทเนปิ. สฺวายมิธ อนุโมทนสมฺปฏิจฺฉเนสุ ยุชฺชติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อนุโมทึสุ เจว สมฺปฏิจฺฉึสุ ¶ จา’’ติ. อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตานิ วิมุจฺจึสูติ อนุปฺปาทนิโรเธน นิรุชฺฌมาเนหิ อาสเวหิ อนุปาทาย อคฺคเหตฺวา กฺจิ ธมฺมํ ‘‘อหํ มมา’’ติ อนาทิยิตฺวาว จิตฺตานิ วิมุจฺจึสุ. ฉ อรหนฺโตติ ภควตา สทฺธึ ฉ ชนา อรหนฺโต. อฺเสํ ปน เทวพฺรหฺมานมฺปิ อรหตฺตปฺปตฺติสมฺภวโต อิทํ มนุสฺสอรหนฺเตเยว สนฺธาย วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ฉ มนุสฺสา อรหนฺโต โหนฺตี’’ติ.
อนตฺตลกฺขณสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปฺจวคฺคิยกถา นิฏฺิตา.
ยสสฺส ปพฺพชฺชากถาวณฺณนา
๒๕. อิทานิ ยสสฺส ปพฺพชฺชํ ทสฺเสตุํ ‘‘เตน โข ปน สมเยนา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺรายํ อนุตฺตานปทวณฺณนา – เหมนฺติโกติอาทีสุ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๔๒; อ. นิ. อฏฺ. ๒.๓.๓๙) ยตฺถ สุขํ โหติ เหมนฺตกาเล วสิตุํ, อยํ เหมนฺติโก. อิตเรสุปิ เอเสว นโย. อยํ ปเนตฺถ วจนตฺโถ – เหมนฺเต วาโส เหมนฺตํ อุตฺตรปทโลเปน, เหมนฺตํ อรหตีติ เหมนฺติโก. อิตเรสุปิ เอเสว นโย. ตตฺถ วสฺสิโก ปาสาโท นาติอุจฺโจ โหติ นาตินีโจ, ทฺวารวาตปานานิปิสฺส นาติพหูนิ นาติตนูนิ, ภูมตฺถรณปจฺจตฺถรณขชฺชโภชฺชานิเปตฺถ มิสฺสกาเนว วฏฺฏนฺติ. เหมนฺติเก ถมฺภาปิ ภิตฺติโยปิ นีจา โหนฺติ, ทฺวารวาตปานานิ ตนุกานิ สุขุมฉิทฺทานิ, อุณฺหปฺปเวสนตฺถาย ภิตฺตินิยฺยูหานิ หริยนฺติ, ภูมตฺถรณปจฺจตฺถรณนิวาสนปารุปนานิ ปเนตฺถ อุณฺหวิกิริยานิ กมฺพลาทีนิ วฏฺฏนฺติ, ขชฺชโภชฺชํ สินิทฺธํ กฏุกสนฺนิสฺสิตฺจ. คิมฺหิเก ถมฺภาปิ ภิตฺติโยปิ อุจฺจา โหนฺติ, ทฺวารวาตปานานิ ปเนตฺถ พหูนิ วิปุลชาตานิ โหนฺติ, ภูมตฺถรณานิ สีตวิกิริยานิ ทุกูลมยานิ วฏฺฏนฺติ, ขชฺชโภชฺชานิ มธุรรสสีตวิกิริยานิ, วาตปานสมีเปสุ เจตฺถ นวา จาฏิโย เปตฺวา อุทกสฺส ปูเรตฺวา นีลุปฺปลาทีหิ สฺฉาเทนฺติ, เตสุ เตสุ ปเทเสสุ อุทกยนฺตานิ กโรนฺติ, เยหิ เทเว วสฺสนฺเต วิย อุทกธารา นิกฺขมนฺติ.
นิปฺปุริเสหีติ ¶ ปุริสวิรหิเตหิ. น เกวลฺเจตฺถ ตูริยาเนว นิปฺปุริสานิ, สพฺพฏฺานานิปิ นิปฺปุริสาเนว. โทวาริกาปิ อิตฺถิโยว, นหาปนาทิปริกมฺมกราปิ อิตฺถิโยว. ปิตา กิร ‘‘ตถารูปํ อิสฺสริยสุขสมฺปตฺตึ อนุภวมานสฺส ปุริสํ ทิสฺวา ปริสงฺกา อุปฺปชฺชติ, สา เม ปุตฺตสฺส มา อโหสี’’ติ สพฺพกิจฺเจสุ อิตฺถิโยว ปาเปสิ. ปฺจหิ กามคุเณหีติ ¶ รูปสทฺทาทีหิ ปฺจหิ กามโกฏฺาเสหิ. สมปฺปิตสฺสาติ สมฺมา อปฺปิตสฺส, อุเปตสฺสาติ อตฺโถ. สมงฺคีภูตสฺสาติ ตสฺเสว เววจนํ. ปริจารยมานสฺสาติ ปริโต จารยมานสฺส, ตสฺมึ ตสฺมึ กามคุเณ อินฺทฺริยานิ จารยมานสฺสาติ อตฺโถ. อาฬมฺพรนฺติ ปณวํ. วิเกสิกนฺติ มุตฺตเกสํ, วิปฺปกิณฺณเกสนฺติ อตฺโถ. วิกฺเขฬิกนฺติ วิสฺสนฺทมานลาลํ. วิปฺปลปนฺติโยติ วิรุทฺธํ ปลปนฺติโย วา รุทนฺติโย วา. สุสานํ มฺเติ อามกสุสานํ วิย อทฺทส สกํ ปริชนนฺติ สมฺพนฺโธ. อุทานํ อุทาเนสีติ สํเวควเสน อุทานํ อุทาเนสิ, สํเวควสปฺปวตฺตํ วาจํ นิจฺฉาเรสีติ อตฺโถ.
๒๖. อิทํ โข ยสาติ ภควา นิพฺพานํ สนฺธายาห. ตฺหิ ตณฺหาทีหิ กิเลเสหิ อนุปทฺทุตํ อนุปสฺสฏฺฺจ. อนุปุพฺพึ กถนฺติ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๗๕; ม. นิ. อฏฺ. ๒.๖๙) ทานานนฺตรํ สีลํ, สีลานนฺตรํ สคฺคํ, สคฺคานนฺตรํ มคฺคนฺติ เอวมนุปฏิปาฏิกถํ. ตตฺถ ทานกถา นาม ‘‘อิทํ ทานํ นาม สุขานํ นิทานํ, สมฺปตฺตีนํ มูลํ, โภคานํ ปติฏฺา, วิสมคตสฺส ตาณํ เลณํ คติ ปรายณํ, อิธโลกปรโลเกสุ ทานสทิโส อวสฺสโย ปติฏฺา อารมฺมณํ ตาณํ เลณํ คติ ปรายณํ นตฺถิ. อิทฺหิ อวสฺสยฏฺเน รตนมยสีหาสนสทิสํ, ปติฏฺานฏฺเน มหาปถวีสทิสํ, อารมฺมณฏฺเน อาลมฺพนรชฺชุสทิสํ, อิทฺหิ ทุกฺขนิตฺถรณฏฺเน นาวา, สมสฺสาสนฏฺเน สงฺคามสูโร, ภยปริตฺตาณฏฺเน สุสงฺขตนครํ, มจฺเฉรมลาทีหิ อนุปลิตฺตฏฺเน ปทุมํ, เตสํ นิทหนฏฺเน อคฺคิ, ทุราสทฏฺเน อาสีวิโส, อสนฺตาสนฏฺเน สีโห, พลวนฺตฏฺเน หตฺถี, อภิมงฺคลสมฺมตฏฺเน เสตอุสโภ, เขมนฺตภูมิสมฺปาปนฏฺเน วลาหโก อสฺสราชา. ทานํ นาเมตํ มยา คตมคฺโค, มยฺเหเวโส วํโส, มยา ทส ปารมิโย ปูเรนฺเตน เวลามมหายฺา มหาโควินฺทมหายฺา มหาสุทสฺสนมหายฺา เวสฺสนฺตรมหายฺาติ อเนเก มหายฺา ปวตฺติตา, สสภูเตน ชลิเต ¶ อคฺคิกฺขนฺเธ อตฺตานํ นิยฺยาเตนฺเตน สมฺปตฺตยาจกานํ จิตฺตํ คหิตํ. ทานฺหิ โลเก สกฺกสมฺปตฺตึ เทติ, มารสมฺปตฺตึ พฺรหฺมสมฺปตฺตึ จกฺกวตฺติสมฺปตฺตึ สาวกปารมิาณํ ปจฺเจกโพธิาณํ อภิสมฺโพธิาณํ เทตี’’ติ เอวมาทินา ทานคุณปฺปฏิสํยุตฺตกถา.
ยสฺมา ปน ทานํ ททนฺโต สีลํ สมาทาตุํ สกฺโกติ, ตสฺมา ตทนนฺตรํ สีลกถํ กเถสิ. ทานฺหิ นาม ทกฺขิเณยฺเยสุ หิตชฺฌาสเยน ปูชนชฺฌาสเยน วา อตฺตโน สนฺตกสฺส ปเรสํ ปริจฺจชนํ, ตสฺมา ทายโก สตฺเตสุ เอกนฺตหิตชฺฌาสโย ปุริสปุคฺคโล, ปเรสํ วา สนฺตกํ หรตีติ อฏฺานเมตํ. ตสฺมา ทานํ ททนฺโต สีลํ สมาทาตุํ สกฺโกตีติ ทานานนฺตรํ สีลํ วุตฺตํ. อปิจ ทานกถา ตาว ปจุรชเนสุปิ ปวตฺติยา สพฺพสาธารณตฺตา สุกรตฺตา สีเล ปติฏฺานสฺส ¶ อุปายภาวโต จ อาทิโต กถิตา. ปริจฺจาคสีโล หิ ปุคฺคโล ปริคฺคหวตฺถูสุ นิสฺสงฺคภาวโต สุเขเนว สีลานิ สมาทิยติ, ตตฺถ จ สุปฺปติฏฺิโต โหติ. สีเลน ทายกปฏิคฺคาหกวิสุทฺธิโต ปรานุคฺคหํ วตฺวา ปรปีฬานิวตฺติวจนโต กิริยธมฺมํ วตฺวา อกิริยธมฺมวจนโต โภคยสสมฺปตฺติเหตุํ วตฺวา ภวสมฺปตฺติเหตุวจนโต จ ทานกถานนฺตรํ สีลกถา กถิตา.
สีลกถา นาม ‘‘สีลํ นาเมตํ อวสฺสโย ปติฏฺา อารมฺมณํ ตาณํ เลณํ คติ ปรายณํ. สีลํ นาเมตํ มม วํโส, อหํ สงฺขปาลนาคราชกาเล ภูริทตฺตนาคราชกาเล จมฺเปยฺยนาคราชกาเล สีลวราชกาเล มาตุโปสกหตฺถิราชกาเล ฉทฺทนฺตหตฺถิราชกาเลติ อนนฺเตสุ อตฺตภาเวสุ สีลํ ปริปูเรสึ. อิธโลกปรโลกสมฺปตฺตีนฺหิ สีลสทิโส อวสฺสโย สีลสทิสา ปติฏฺา อารมฺมณํ ตาณํ เลณํ คติ ปรายณํ นตฺถิ, สีลาลงฺการสทิโส อลงฺกาโร นตฺถิ, สีลปุปฺผสทิสํ ปุปฺผํ นตฺถิ, สีลคนฺธสทิโส คนฺโธ นตฺถิ. สีลาลงฺกาเรน หิ อลงฺกตํ สีลกุสุมปิฬนฺธนํ สีลคนฺธานุลิตฺตํ สเทวโกปิ โลโก โอโลเกนฺโต ติตฺตึ น คจฺฉตี’’ติ เอวมาทิสีลคุณปฺปฏิสํยุตฺตกถา.
อิทํ ปน สีลํ นิสฺสาย อยํ สคฺโค ลพฺภตีติ ทสฺสนตฺถํ สีลานนฺตรํ สคฺคกถํ กเถสิ. สคฺคกถา นาม ‘‘อยํ สคฺโค นาม อิฏฺโ กนฺโต มนาโป ¶ , นิจฺจเมตฺถ กีฬา, นิจฺจํ สมฺปตฺติโย ลพฺภนฺติ, จาตุมหาราชิกา เทวา นวุติวสฺสสตสหสฺสานิ ทิพฺพสุขํ ทิพฺพสมฺปตฺตึ ปฏิลภนฺติ, ตาวตึสา ติสฺโส จ วสฺสโกฏิโย สฏฺิ จ วสฺสสตสหสฺสานี’’ติ เอวมาทิสคฺคคุณปฏิสํยุตฺตกถา. สคฺคสมฺปตฺตึ กถยนฺตานฺหิ พุทฺธานํ มุขํ นปฺปโหติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘อเนกปริยาเยน โข อหํ, ภิกฺขเว, สคฺคกถํ กเถยฺย’’นฺติอาทิ.
เอวํ สคฺคกถาย ปโลเภตฺวา ปุน หตฺถึ อลงฺกริตฺวา ตสฺส โสณฺฑํ ฉินฺทนฺโต วิย อยมฺปิ สคฺโค อนิจฺโจ อทฺธุโว, น เอตฺถ ฉนฺทราโค กาตพฺโพติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อปฺปสฺสาทา กามา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๗๗; ปาจิ. ๔๑๗) นเยน กามานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ กเถสิ. ตตฺถ อาทีนโวติ โทโส, อนิจฺจตาทินา อปฺปสฺสาทตาทินา จ ทูสิตภาโวติ อตฺโถ. อถ วา อาทีนํ วาติ ปวตฺตตีติ อาทีนโว, ปรมกปณตา. ตถา จ กามา ยถาภูตํ ปจฺจเวกฺขนฺตานํ ปจฺจุปติฏฺนฺติ. โอกาโรติ ลามกภาโว นิหีนภาโว อเสฏฺเหิ เสวิตพฺพตา เสฏฺเหิ น เสวิตพฺพตา จ. สํกิเลโสติ เตหิ สตฺตานํ สํกิลิสฺสนํ, วิพาเธตพฺพตา อุปตาเปตพฺพตาติ อตฺโถ.
เอวํ ¶ กามาทีนเวน ตชฺเชตฺวา เนกฺขมฺเม อานิสํสํ ปกาเสสิ. ยตฺตกา จ กาเมสุ อาทีนวา, ปฏิปกฺขโต ตตฺตกาว เนกฺขมฺเม อานิสํสา. อปิจ ‘‘เนกฺขมฺมํ นาเมตํ อสมฺพาธํ อสํกิลิฏฺํ, นิกฺขนฺตํ กาเมหิ, นิกฺขนฺตํ กามสฺาย, นิกฺขนฺตํ กามวิตกฺเกหิ, นิกฺขนฺตํ กามปริฬาเหหิ, นิกฺขนฺตํ พฺยาปารโต’’ติอาทินา นเยน เนกฺขมฺเม อานิสํสํ ปกาเสสิ, ปพฺพชฺชาย ฌานาทีสุ จ คุเณ วิภาเวสิ วณฺเณสิ. เอตฺถ จ สคฺคํ กเถตฺวา สฺวายํ สคฺโค ราคาทีหิ อุปกฺกิลิฏฺโ, สพฺพถาปิ อนุปกฺกิลิฏฺโ อริยมคฺโคติ ทสฺสนตฺถํ สคฺคานนฺตรํ มคฺโค กเถตพฺโพ. มคฺคฺจ กเถนฺเตน ตทธิคมุปายสนฺทสฺสนตฺถํ สคฺคปริยาปนฺนาปิ ปเคว อิตเร สพฺเพปิ กามา นาม พหฺวาทีนวา อนิจฺจา อทฺธุวา วิปริณามธมฺมาติ กามานํ อาทีนโว, หีนา คมฺมา โปถุชฺชนิกา อนริยา อนตฺถสฺหิตาติ เตสํ โอกาโร ลามกภาโว, สพฺเพปิ ภวา กิเลสานํ วตฺถุภูตาติ ตตฺถ สํกิเลโส, สพฺพสํกิเลสวิปฺปมุตฺตํ นิพฺพานนฺติ เนกฺขมฺเม อานิสํโส ¶ จ กเถตพฺโพติ กาเมสุ อาทีนโว โอกาโร สํกิเลโส เนกฺขมฺเม จ อานิสํโส ปกาสิโตติ ทฏฺพฺพํ.
กลฺลจิตฺตนฺติ กมฺมนิยจิตฺตํ, เหฏฺา ปวตฺติตเทสนาย อสฺสทฺธิยาทีนํ จิตฺตโทสานํ วิคตตฺตา อุปริเทสนาย ภาชนภาวูปคมเนน กมฺมกฺขมจิตฺตนฺติ อตฺโถ. อสฺสทฺธิยาทโย วา ยสฺมา จิตฺตสฺส โรคภูตา ตทา ตสฺส วิคตา, ตสฺมา กลฺลจิตฺตํ อโรคจิตฺตนฺติ อตฺโถ. ทิฏฺิมานาทิกิเลสวิคเมน มุทุจิตฺตํ, กามจฺฉนฺทาทิวิคเมน วินีวรณจิตฺตํ, สมฺมาปฏิปตฺติยํ อุฬารปีติปาโมชฺชโยเคน อุทคฺคจิตฺตํ. ตตฺถ สทฺธาสมฺปตฺติยา ปสนฺนจิตฺตํ ยทา ภควา อฺาสีติ สมฺพนฺโธ. อถ วา กลฺลจิตฺตนฺติ กามจฺฉนฺทวิคเมน อโรคจิตฺตํ. มุทุจิตฺตนฺติ พฺยาปาทวิคเมน เมตฺตาวเสน อกินจิตฺตํ. วินีวรณจิตฺตนฺติ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจวิคเมน วิกฺเขปสฺส วิคตตฺตา เตน อปิหิตจิตฺตํ. อุทคฺคจิตฺตนฺติ ถินมิทฺธวิคเมน สมฺปคฺคหวเสน อลีนจิตฺตํ. ปสนฺนจิตฺตนฺติ วิจิกิจฺฉาวิคเมน สมฺมาปฏิปตฺติยํ อธิมุตฺตจิตฺตนฺติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สามุกฺกํสิกาติ สามํ อุกฺกํสิกา, อตฺตนาเยว อุทฺธริตฺวา คหิตา, สยมฺภูาเณน ทิฏฺา อสาธารณา อฺเสนฺติ อตฺโถ. กา จ ปน สาติ? อริยสจฺจเทสนา. เตเนวาห ‘‘ทุกฺขํ สมุทยํ นิโรธํ มคฺค’’นฺติ.
เสยฺยถาปีติอาทินา อุปมาวเสน ตสฺส กิเลสปฺปหานํ อริยมคฺคุปฺปาทฺจ ทสฺเสติ. อปคตกาฬกนฺติ วิคตกาฬกํ. สมฺมเทวาติ สุฏฺุ เอว. รชนนฺติ นีลปีตาทิรงฺคชาตํ. ปฏิคฺคณฺเหยฺยาติ คณฺเหยฺย, ปภสฺสรํ ภเวยฺย. ตสฺมึเยว อาสเนติ ตสฺสํเยว นิสชฺชายํ. เอเตนสฺส ลหุวิปสฺสกตา ติกฺขปฺตา สุขปฏิปทขิปฺปาภิฺตา จ ทสฺสิตา โหติ. วิรชนฺติอาทิ ¶ วุตฺตนยเมว. ตตฺริทํ อุปมาสํสนฺทนํ – วตฺถํ วิย จิตฺตํ, วตฺถสฺส อาคนฺตุกมเลหิ กิลิฏฺภาโว วิย จิตฺตสฺส ราคาทิมเลหิ สํกิลิฏฺภาโว, โธวนสิลา วิย อนุปุพฺพิกถา, อุทกํ วิย สทฺธา, อุทเกน เตเมตฺวา เตเมตฺวา อูสโคมยฉาริกขารเกหิ กาฬกปเทเส สมฺมทฺทิตฺวา วตฺถสฺส โธวนปโยโค วิย สทฺธาสิเนเหน เตเมตฺวา เตเมตฺวา สติสมาธิปฺาหิ โทเส สิถิเล กตฺวา สีลสุตาทิวิธินา จิตฺตสฺส โสธเน วีริยารมฺโภ, เตน ปโยเคน วตฺเถ กาฬกาปคโม วิย วีริยารมฺเภน กิเลสวิกฺขมฺภนํ, รงฺคชาตํ ¶ วิย อริยมคฺโค, เตน สุทฺธสฺส วตฺถสฺส ปภสฺสรภาโว วิย วิกฺขมฺภิตกิเลสสฺส จิตฺตสฺส มคฺเคน ปริโยทปนนฺติ.
๒๗. อสฺสทูเตติ อารุฬฺหอสฺเส ทูเต. อิทฺธาภิสงฺขารนฺติ อิทฺธิกิริยํ. อภิสงฺขเรสีติ อภิสงฺขริ, อกาสีติ อตฺโถ. กิมตฺถนฺติ เจ? อุภินฺนํ ปฏิลภิตพฺพวิเสสนฺตรายนิเสธนตฺถํ. ยทิ หิ โส ปุตฺตํ ปสฺเสยฺย, ปุตฺตสฺสปิ อรหตฺตปฺปตฺติ เสฏฺิสฺสปิ ธมฺมจกฺขุปฏิลาโภ น สิยา. อทิฏฺสจฺโจปิ หิ ‘‘เทหิ เต มาตุยา ชีวิต’’นฺติ ยาจนฺโต กถฺหิ นาม วิกฺเขปํ ปฏิพาหิตฺวา ภควโต ธมฺมเทสนานุสาเรน าณํ เปเสตฺวา ธมฺมจกฺขุํ ปฏิลเภยฺย, ยโส จ เอวํ เตน ยาจิยมาโน กถํ ตํ วิกฺเขปํ ปฏิพาหิตฺวา อรหตฺเต ปติฏฺเหยฺย.
เอตทโวจาติ ภควโต ธมฺมเทสนํ อพฺภนุโมทมาโน เอตํ ‘‘อภิกฺกนฺตํ ภนฺเต’’ติอาทิวจนํ อโวจ. อภิกฺกนฺต-สทฺโท จายมิธ อพฺภนุโมทเน, ตสฺมา สาธุ สาธุ ภนฺเตติ วุตฺตํ โหติ.
‘‘ภเย โกเธ ปสํสายํ, ตุริเต โกตูหลจฺฉเร;
หาเส โสเก ปสาเท จ, กเร อาเมฑิตํ พุโธ’’ติ. –
อิมินาว ลกฺขเณน อิธ ปสาทวเสน ปสํสาวเสน จายํ ทฺวิกฺขตฺตุํ วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ. เสยฺยถาปีติอาทินา จตูหิ อุปมาหิ ภควโต เทสนํ โถเมติ. ตตฺถ นิกฺกุชฺชิตนฺติ อโธมุขปิตํ, เหฏฺามุขชาตํ วา. อุกฺกุชฺเชยฺยาติ อุปริมุขํ กเรยฺย. ปฏิจฺฉนฺนนฺติ ติณปณฺณาทิฉาทิตํ. วิวเรยฺยาติ อุคฺฆาเฏยฺย. มูฬฺหสฺสาติ ทิสามูฬฺหสฺส. มคฺคํ อาจิกฺเขยฺยาติ หตฺเถ คเหตฺวา ‘‘เอส มคฺโค’’ติ วเทยฺย. อนฺธกาเรติ กาฬปกฺขจาตุทฺทสี อฑฺฒรตฺติ ฆนวนสณฺฑเมฆปฏเลหิ จตุรงฺคตเม.
เอวํ ¶ เทสนํ โถเมตฺวา อิมาย เทสนาย รตนตฺตเย ปสนฺนจิตฺโต ปสนฺนาการํ กโรนฺโต ‘‘เอสาห’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ เอสาหนฺติ เอโส อหํ. อุปาสกํ มํ ภควา ธาเรตูติ มํ ภควา ‘‘อุปาสโก อย’’นฺติ เอวํ ธาเรตุ, ชานาตูติ อตฺโถ. อชฺชตคฺเคติ เอตฺถายํ อคฺค-สทฺโท อาทิอตฺเถ, ตสฺมา อชฺชตคฺเคติ อชฺชตํ อาทึ กตฺวาติ ¶ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ. อชฺชตนฺติ อชฺชภาวํ. ‘‘อชฺชทคฺเค’’ติ วา ปาโ, ท-กาโร ปทสนฺธิกโร, อชฺช อคฺคํ กตฺวาติ อตฺโถ. ปาณุเปตนฺติ ปาเณหิ อุเปตํ. ยาว เม ชีวิตํ ปวตฺตติ, ตาว อุเปตํ, อนฺสตฺถุกํ ตีหิ สรณคมเนหิ สรณํ คตํ อุปาสกํ กปฺปิยการกํ มํ ภควา ธาเรตุ ชานาตุ. อหฺหิ สเจปิ เม ติขิเณน อสินา สีสํ ฉินฺเทยฺย, เนว พุทฺธํ ‘‘น พุทฺโธ’’ติ วา, ธมฺมํ ‘‘น ธมฺโม’’ติ วา, สงฺฆํ ‘‘น สงฺโฆ’’ติ วา วเทยฺยนฺติ เอวํ อตฺตสนฺนิยฺยาตเนน สรณํ อคมาสิ. เอวํ ‘‘อภิกฺกนฺต’’นฺติอาทีนํ อนุตฺตานปทตฺโถ เวทิตพฺโพ, วิตฺถาโร ปน เหฏฺา เวรฺชกณฺฑวณฺณนายํ อาคโตเยวาติ อิธ น ทสฺสิโต.
๒๘. ภูมึ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาติ อตฺตนา ทิฏฺมตฺถํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส. อิทฺธาภิสงฺขารํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภสีติ ยถา ตํ เสฏฺิ คหปติ ตตฺถ นิสินฺโนว ยสํ กุลปุตฺตํ ปสฺสติ, ตถา อธิฏฺาสีติ อตฺโถ. อธิวาเสตูติ สมฺปฏิจฺฉตุ. อชฺชตนายาติ ยํ เม ตุมฺเหสุ สกฺการํ กโรโต อชฺช ภวิสฺสติ ปฺฺุจ ปีติปาโมชฺชฺจ, ตทตฺถาย. อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวนาติ ภควา กายงฺคํ วา วาจงฺคํ วา อโจเปตฺวา อพฺภนฺตเรเยว ขนฺตึ กโรนฺโต ตุณฺหีภาเวน อธิวาเสสิ, เสฏฺิสฺส อนุคฺคหตฺถํ มนสาว สมฺปฏิจฺฉีติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘เอหิ ภิกฺขู’’ติ ภควา อโวจาติ ตสฺส กิร อิทฺธิมยปตฺตจีวรสฺส อุปนิสฺสยํ โอโลเกนฺโต อเนกาสุ ชาตีสุ จีวราทิอฏฺปริกฺขารทานํ ทิสฺวา ‘‘เอหิ ภิกฺขู’’ติ อโวจ. โส ตาวเทว ภณฺฑุ กาสาววสโน อฏฺหิ ภิกฺขุปริกฺขาเรหิ สรีเร ปฏิมุกฺเกเหว วสฺสสฏฺิกตฺเถโร วิย ภควนฺตํ นมสฺสมาโนว นิสีทิ. โย หิ จีวราทิเก อฏฺ ปริกฺขาเร ปตฺตจีวรเมว วา โสตาปนฺนาทิอริยสฺส ปุถุชฺชนสฺเสว วา สีลสมฺปนฺนสฺส ทตฺวา ‘‘อิทํ ปริกฺขารทานํ อนาคเต เอหิภิกฺขุภาวาย ปจฺจโย โหตู’’ติ ปตฺถนํ ปฏฺเปติ, ตสฺส ตํ สติ อธิการสมฺปตฺติยํ พุทฺธานํ สมฺมุขีภาเว อิทฺธิมยปริกฺขารลาภาย สํวตฺตตีติ เวทิตพฺพํ.
๒๙. ปณีเตนาติ อุตฺตเมน. สหตฺถาติ สหตฺเถน. สนฺตปฺเปตฺวาติ สุฏฺุ ตปฺเปตฺวา, ปริปุณฺณํ สุหิตํ ยาวทตฺถํ กตฺวา. สมฺปวาเรตฺวาติ สุฏฺุ ปวาเรตฺวา, อลํ อลนฺติ หตฺถสฺาย ปฏิกฺขิปาเปตฺวา. ภุตฺตาวินฺติ ภุตฺตวนฺตํ ¶ . โอนีตปตฺตปาณินฺติ ปตฺตโต โอนีตปาณึ, อปนีตหตฺถนฺติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘โอนิตฺตปตฺตปาณิ’’นฺติปิ ปาโ, ตสฺสตฺโถ – โอนิตฺตํ นานาภูตํ วินาภูตํ ¶ ปตฺตํ ปาณิโต อสฺสาติ โอนิตฺตปตฺตปาณิ, ตํ โอนิตฺตปตฺตปาณึ, หตฺเถ จ ปตฺตฺจ โธวิตฺวา เอกมนฺตํ ปตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา นิสินฺนนฺติ อตฺโถ. เอกมนฺตํ นิสีทึสูติ ภควนฺตํ เอวํภูตํ ตฺวา เอกสฺมึ โอกาเส นิสีทึสูติ อตฺโถ. ธมฺมิยา กถายาติอาทีสุ ตงฺขณานุรูปาย ธมฺมิยา กถาย ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกอตฺถํ สนฺทสฺเสตฺวา กุสเล จ ธมฺเม สมาทเปตฺวา ตตฺถ จ นํ สมุตฺเตเชตฺวา สอุสฺสาหํ กตฺวา ตาย จ สอุสฺสาหตาย อฺเหิ จ วิชฺชมานคุเณหิ สมฺปหํเสตฺวา ธมฺมรตนวสฺสํ วสฺสิตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ.
ยสสฺส ปพฺพชฺชากถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
จตุคิหิสหายปพฺพชฺชากถาวณฺณนา
๓๐. อิทานิ ตสฺส สหายานํ ปพฺพชฺชํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อสฺโสสุํ โข’’ติอาทิมาห. ตตฺรายํ อนุตฺตานปทวณฺณนา – เสฏฺิโน จ อนุเสฏฺิโน จ เยสํ กุลานํ ตานิ เสฏฺานุเสฏฺีนิ กุลานิ, เตสํ เสฏฺานุเสฏฺีนํ กุลานํ, ปเวณิวเสน อาคเตหิ เสฏฺีหิ จ อนุเสฏฺีหิ จ สมนฺนาคตานํ กุลานนฺติ อตฺโถ. วิมโลติอาทีนิ เตสํ ปุตฺตานํ นามานิ. เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวาติ เกสฺจ มสฺสฺุจ โอโรเปตฺวา. กาสายานิ วตฺถานีติ กสายรสปีตานิ พฺรหฺมจริยํ จรนฺตานํ อนุจฺฉวิกานิ วตฺถานิ. โอรโกติ อูนโก ลามโก. เสสเมตฺถ วุตฺตนยเมว.
จตุคิหิสหายปพฺพชฺชากถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปฺาสคิหิสหายปพฺพชฺชากถาวณฺณนา
๓๑. ปฺาสมตฺตานํ คิหิสหายานํ ปพฺพชฺชายปิ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ วุตฺตเมว. อิเมสํ ปน สพฺเพสํ ปุพฺพโยโค วตฺตพฺโพติ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยสอาทีนํ ¶ กุลปุตฺตานํ อยํ ปุพฺพโยโค’’ติอาทิมาห. ตตฺถ วคฺคพนฺธเนนาติ คณพนฺธเนน, เอกีภูตาติ วุตฺตํ โหติ. อนาถสรีรานีติ อนาถานิ มตกเฬวรานิ. ปฏิชคฺคนฺตาติ พหิ นีหริตฺวา ฌาเปนฺตา.
ปฺาสคิหิสหายปพฺพชฺชากถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
มารกถาวณฺณนา
๓๒. อิทานิ ¶ สรณคมนูปสมฺปทํ ทสฺเสตุํ ‘‘อถ โข ภควา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺรายํ อนุปุพฺพปทวณฺณนา (สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๔๑) – มุตฺตาหนฺติ มุตฺโต อหํ. จาริกนฺติ อนุปุพฺพคมนจาริกํ, คามนิคมราชธานีสุ อนุกฺกเมน คมนสงฺขาตํ จาริกนฺติ อตฺโถ. จรถาติ ทิวสํ โยชนปรมํ คจฺฉนฺตา จรถ. มา เอเกน ทฺเว อคมิตฺถาติ เอเกน มคฺเคน ทฺวีสุ คเตสุ เอกสฺมึ ธมฺมํ เทเสนฺเต เอเกน ตุณฺหีภูเตน าตพฺพํ โหติ, ตสฺมา เอวมาห. อาทิกลฺยาณนฺติ อาทิมฺหิ กลฺยาณํ สุนฺทรํ ภทฺทกํ, ตถา มชฺฌปริโยสาเนสุ. อาทิมชฺฌปริโยสานฺจ นาเมตํ สาสนสฺส จ เทสนาย จ วเสน ทุพฺพิธํ. ตตฺถ สาสนสฺส สีลํ อาทิ, สมถวิปสฺสนามคฺคา มชฺฌํ, ผลนิพฺพานานิ ปริโยสานํ. สีลสมาธโย วา อาทิ, วิปสฺสนามคฺคา มชฺฌํ, ผลนิพฺพานานิ ปริโยสานํ. สีลสมาธิวิปสฺสนา วา อาทิ, มคฺโค มชฺฌํ, ผลนิพฺพานานิ ปริโยสานํ. เทสนาย ปน จตุปฺปทิกคาถาย ตาว ปมปาโท อาทิ, ทุติยตติยา มชฺฌํ, จตุตฺโถ ปริโยสานํ. ปฺจปทฉปฺปทานํ ปมปาโท อาทิ, อวสานปาโท ปริโยสานํ, เสสา มชฺฌํ. เอกานุสนฺธิกสฺส สุตฺตสฺส นิทานํ อาทิ, อิทมโวจาติ ปริโยสานํ, เสสํ มชฺฌํ. อเนกานุสนฺธิกสฺส สุตฺตสฺส มชฺเฌ พหุกมฺปิ อนุสนฺธิ มชฺฌเมว, นิทานํ อาทิ, อิทมโวจาติ ปริโยสานํ. สาตฺถนฺติ สาตฺถกํ กตฺวา เทเสถ. สพฺยฺชนนฺติ พฺยฺชเนหิ เจว ปเทหิ จ ปริปูรํ กตฺวา เทเสถ. เกวลปริปุณฺณนฺติ สกลปริปุณฺณํ. ปริสุทฺธนฺติ นิรุปกฺกิเลสํ. พฺรหฺมจริยนฺติ สิกฺขตฺตยสงฺคหํ สาสนพฺรหฺมจริยํ. ปกาเสถาติ อาวิ กโรถ.
อปฺปรชกฺขชาติกาติ ปฺาจกฺขุมฺหิ อปฺปกิเลสรชสภาวา, ทุกูลสาณิยา ปฏิจฺฉนฺนา วิย จตุปฺปทิกคาถาปริโยสาเน อรหตฺตํ ปตฺตุํ สมตฺถา ¶ สตฺตา สนฺตีติ อตฺโถ. ปริหายนฺตีติ อลาภปริหานิยา ธมฺมโต ปริหายนฺติ. เตเนวาห ‘‘อนธิคตํ นาธิคจฺฉนฺตา วิเสสาธิคมโต ปริหายนฺตี’’ติ. เสนานิคโมติ เสนาย นิคโม. ปมกปฺปิกานํ กิร ตสฺมึ าเน เสนานิเวโส อโหสิ, ตสฺมา โส ปเทโส ‘‘เสนานิคโม’’ติ วุจฺจติ. ‘‘เสนานิคาโม’’ติปิ ปาโ, เสนานิ นาม สุชาตาย ปิตา, ตสฺส คาโมติ อตฺโถ. เตนุปสงฺกมิสฺสามีติ นาหํ ตุมฺเห อุยฺโยเชตฺวา ปริเวณาทีนิ กาเรตฺวา อุปฏฺากาทีหิ ปริจริยมาโน วิหริสฺสามิ, ติณฺณํ ปน ชฏิลานํ อฑฺฒุฑฺฒานิ ปาฏิหาริยสหสฺสานิ ทสฺเสตฺวา ธมฺมเมว เทเสตุํ อุปสงฺกมิสฺสามิ.
๓๓. มาโร ปาปิมาติ อตฺตโน วิสยํ อติกฺกมิตุํ ปฏิปนฺเน สตฺเต มาเรตีติ มาโร, ปเร ¶ ปาเป นิโยเชติ, สยํ วา ปาเป นิยุตฺโตติ ปาปิมา. อฺานิปิสฺส กณฺโห อธิปติ วสวตฺตี อนฺตโก นมุจิ ปมตฺตพนฺธูติอาทีนิ พหูนิ นามานิ, อิธ ปน นามทฺวยเมว คหิตํ. อุปสงฺกมีติ ‘‘อยํ สมโณ โคตโม มหายุทฺธํ วิจาเรนฺโต วิย ‘มา เอเกน ทฺเว อคมิตฺถ, ธมฺมํ เทเสถา’ติ สฏฺิ ชเน อุยฺโยเชติ, อิมสฺมึ ปน เอกสฺมิมฺปิ ธมฺมํ เทเสนฺเต มยฺหํ จิตฺตสฺส สาตํ นตฺถิ, เอวํ พหูสุ เทเสนฺเตสุ กุโต ภวิสฺสติ, ปฏิพาหามิ น’’นฺติ จินฺเตตฺวา อุปสงฺกมิ.
สพฺพปาเสหีติ สพฺเพหิ กิเลสปาเสหิ. เย ทิพฺพา เย จ มานุสาติ เย ทิพฺพกามคุณสงฺขาตา มานุสกกามคุณสงฺขาตา จ กิเลสปาสา นาม อตฺถิ, สพฺเพหิ เตหิ ตฺวํ พทฺโธติ วทติ. มหาพนฺธนพทฺโธติ มหตา กิเลสพนฺธเนน พทฺโธ, มหติ วา พนฺธเน พทฺโธ, กิเลสพนฺธนสฺส านภูเต ภวจารเก พทฺโธติ อตฺโถ. น เม สมณ โมกฺขสีติ สมณ ตฺวํ มม วิสยโต น มุจฺจิสฺสสิ. ‘‘น เม สมณ โมกฺขสี’’ติ จ อิทํ มาโร ‘‘มุตฺตาหํ, ภิกฺขเว, สพฺพปาเสหี’’ติ ภควโต วจนํ อสทฺทหนฺโต วทติ, สทฺทหนฺโตปิ วา ‘‘เอวมยํ ปเรสํ สตฺตานํ โมกฺขาย อุสฺสาหํ น กเรยฺยา’’ติ สนฺตชฺเชนฺโต โกหฺเ ตฺวา วทติ.
นิหโตติ ตฺวํ มยา นิหโต, นิพฺพิเสวนภาวํ คมิโต ปราชิโตติ อตฺโถ. อนฺตลิกฺเข จรนฺเต ปฺจาภิฺเปิ พนฺธตีติ อนฺตลิกฺขจโร. ราคปาโส หิ อนฺตลิกฺขจเรสุปิ กิจฺจสาธนโต ‘‘อนฺตลิกฺขจโร’’ติ ¶ วุจฺจติ, เตเนว นํ มาโรปิ อนฺตลิกฺขจโรติ มฺติ. มนสิ ชาโตติ มานโส, มนสมฺปยุตฺโตติ อตฺโถ. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมว.
มารกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปพฺพชฺชูปสมฺปทากถาวณฺณนา
๓๔. ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว’’ติอาทิกาย ปน ปาฬิยา โย ปพฺพชฺชูปสมฺปทาวินิจฺฉโย วตฺตพฺโพ, ตํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘ปพฺพชฺชาเปกฺขํ กุลปุตฺตํ ปพฺพาเชนฺเตนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เย ปุคฺคลา ปฏิกฺขิตฺตาติ สมฺพนฺโธ. สยํ ปพฺพาเชตพฺโพติ เกสจฺเฉทนาทีนิ สยํ กโรนฺเตน ปพฺพาเชตพฺโพ. เกสจฺเฉทนํ กาสายจฺฉาทนํ สรณทานนฺติ หิ อิมานิ ตีณิ กโรนฺโต ‘‘ปพฺพาเชตี’’ติ วุจฺจติ. เอเตสุ เอกํ ทฺเว วาปิ กโรนฺโต ตถา โวหรียติเยว, ตสฺมา เอตํ ปพฺพาเชหีติ เกสจฺเฉทนํ กาสายจฺฉาทนฺจ สนฺธาย วุตฺตํ. อุปชฺฌายํ ¶ อุทฺทิสฺส ปพฺพาเชตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ขณฺฑสีมํ เนตฺวาติ ภณฺฑุกมฺมาโรจนปริหรณตฺถํ วุตฺตํ. เตน สภิกฺขุเก วิหาเร อฺมฺปิ ‘‘เอตสฺส เกเส ฉินฺทา’’ติ วตฺตุํ น วฏฺฏติ. ปพฺพาเชตฺวาติ เกสจฺเฉทนํ สนฺธาย วทติ. ภิกฺขุโต อฺโ ปพฺพาเชตุํ น ลภตีติ สรณทานํ สนฺธาย วุตฺตํ. เตเนวาห ‘‘สามเณโร ปนา’’ติอาทิ. ภพฺพรูโปติ ภพฺพสภาโว. ตเมวตฺถํ ปริยายนฺตเรน วิภาเวติ ‘‘สเหตุโก’’ติ. าโตติ ปากโฏ. ยสสฺสีติ ปริวารสมฺปตฺติยา สมนฺนาคโต.
วณฺณสณฺานคนฺธาสโยกาสวเสน อสุจิเชคุจฺฉปฏิกูลภาวํ ปากฏํ กโรนฺเตนาติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ เกสา นาเมเต วณฺณโตปิ ปฏิกูลา, สณฺานโตปิ คนฺธโตปิ อาสยโตปิ โอกาสโตปิ ปฏิกูลา. มนฺุเปิ (วิสุทฺธิ. ๑.๑๘๓; วิภ. อฏฺ. ๓๕๖; สารตฺถ. ฏี. ปาราชิกกณฺฑ ๒.๑๖๒) หิ ยาคุปตฺเต วา ภตฺตปตฺเต วา เกสวณฺณํ กิฺจิ ทิสฺวา ‘‘เกสมิสฺสกมิทํ, หรถ น’’นฺติ ชิคุจฺฉนฺติ, เอวํ เกสา วณฺณโต ปฏิกูลา. รตฺตึ ภฺุชนฺตาปิ เกสสณฺานํ อกฺกวากํ วา มกจิวากํ วา ฉุปิตฺวา ¶ ตเถว ชิคุจฺฉนฺติ, เอวํ สณฺานโต ปฏิกูลา. เตลมกฺขนปุปฺผธูมาทิสงฺขารวิรหิตานฺจ เกสานํ คนฺโธ ปรมเชคุจฺโฉ โหติ, ตโต เชคุจฺฉตโร อคฺคิมฺหิ ปกฺขิตฺตานํ. เกสา หิ วณฺณสณฺานโต อปฺปฏิกูลาปิ สิยุํ, คนฺเธน ปน ปฏิกูลาเยว. ยถา หิ ทหรสฺส กุมารกสฺส วจฺจํ วณฺณโต หลิทฺทิวณฺณํ, สณฺานโตปิ หลิทฺทิปิณฺฑิสณฺานํ. สงฺการฏฺาเน ฉฑฺฑิตฺจ อุทฺธุมาตกกาฬสุนขสรีรํ วณฺณโต ตาลปกฺกวณฺณํ, สณฺานโต วฏฺเฏตฺวา วิสฺสฏฺมุทิงฺคสณฺานํ, ทาาปิสฺส สุมนมกุฬสทิสา, ตํ อุภยมฺปิ วณฺณสณฺานโต สิยา อปฺปฏิกูลํ, คนฺเธน ปน ปฏิกูลเมว, เอวํ เกสาปิ สิยุํ วณฺณสณฺานโต อปฺปฏิกูลา, คนฺเธน ปน ปฏิกูลาเยวาติ. ยถา ปน อสุจิฏฺาเน คามนิสฺสนฺเทน ชาตานิ สูเปยฺยปณฺณานิ นาคริกมนุสฺสานํ เชคุจฺฉานิ โหนฺติ อปริโภคานิ, เอวํ เกสาปิ ปุพฺพโลหิตมุตฺตกรีสปิตฺตเสมฺหาทินิสฺสนฺเทน ชาตตฺตา ปรมเชคุจฺฉาติ เอวํ อาสยโต ปฏิกูลา. อิเม จ เกสา นาม คูถราสิมฺหิ อุฏฺิตกณฺณกํ วิย เอกตึสโกฏฺาสราสิมฺหิ ชาตา, เต สุสานสงฺการฏฺานาทีสุ ชาตสากํ วิย ปริขาทีสุ ชาตกมลกุวลยาทิปุปฺผํ วิย จ อสุจิฏฺาเน ชาตตฺตา ปรมเชคุจฺฉาติ เอวํ โอกาสโต ปฏิกูลาติอาทินา นเยน ตจปฺจกสฺส วณฺณาทิวเสน ปฏิกูลภาวํ ปกาเสนฺเตนาติ อตฺโถ.
นิชฺชีวนิสฺสตฺตภาวํ วา ปากฏํ กโรนฺเตนาติ อิเม เกสา นาม สีสกฏาหปลิเวนจมฺเม ชาตา. ตตฺถ ยถา วมฺมิกมตฺถเก ชาเตสุ กุนฺถติเณสุ น วมฺมิกมตฺถโก ชานาติ ‘‘มยิ กุนฺถติณานิ ชาตานี’’ติ, นาปิ กุนฺถติณานิ ชานนฺติ ‘‘มยํ วมฺมิกมตฺถเก ชาตานี’’ติ, เอวเมว ¶ น สีสกฏาหปลิเวนจมฺมํ ชานาติ ‘‘มยิ เกสา ชาตา’’ติ, นาปิ เกสา ชานนฺติ ‘‘มยํ สีสกฏาหปลิเวนจมฺเม ชาตา’’ติ. อฺมฺํ อาโภคปจฺจเวกฺขณรหิตา เอเต ธมฺมา. อิติ เกสา นาม อิมสฺมึ สรีเร ปาฏิเยกฺโก โกฏฺาโส อเจตโน อพฺยากโต สฺุโ นิสฺสตฺโต ถทฺโธ ปถวีธาตูติอาทินา นเยน นิชฺชีวนิสฺสตฺตภาวํ ปกาเสนฺเตน. ปุพฺเพติ ปุริมพุทฺธานํ สนฺติเก. มทฺทิตสงฺขาโรติ นามรูปววตฺถาเนน เจว ปจฺจยปริคฺคหวเสน จ าเณน ปริมทฺทิตสงฺขาโร. ภาวิตภาวโนติ กลาปสมฺมสนาทินา สพฺพโส กุสลภาวนาย ปูรเณน ภาวิตภาวโน.
อทินฺนํ ¶ น วฏฺฏตีติ เอตฺถ ปพฺพชฺชา น รุหตีติ วทนฺติ. อนฺุาตอุปสมฺปทาติ ตฺติจตุตฺถกมฺเมน อนฺุาตอุปสมฺปทา. านกรณสมฺปทนฺติ เอตฺถ อุราทีนิ านานิ, สํวุตาทีนิ กรณานีติ เวทิตพฺพานิ. อนุนาสิกนฺตํ กตฺวา ทานกาเล อนฺตรา วิจฺเฉทํ อกตฺวา ทาตพฺพานีติ ทสฺเสตุํ ‘‘เอกสมฺพนฺธานี’’ติ วุตฺตํ. วิจฺฉินฺทิตฺวาติ ม-การนฺตํ กตฺวา ทานสมเย วิจฺเฉทํ กตฺวา. สพฺพมสฺส กปฺปิยากปฺปิยํ อาจิกฺขิตพฺพนฺติ ทสสิกฺขาปทวินิมุตฺตํ ปรามาสาปรามาสาทิเภทํ กปฺปิยากปฺปิยํ อาจิกฺขิตพฺพํ. อาภิสมาจาริเกสุ วิเนตพฺโพติ อิมินา เสขิยอุปชฺฌายวตฺตาทิอาภิสมาจาริกสีลมเนน ปูเรตพฺพํ, ตตฺถ จ กตฺตพฺพสฺส อกรเณ อกตฺตพฺพสฺส จ กรเณ ทณฺฑกมฺมารโห โหตีติ ทีเปติ.
ปพฺพชฺชูปสมฺปทากถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ทุติยมารกถาวณฺณนา
๓๕. อถ โข ภควา วสฺสํวุฏฺโติอาทิกาย ปน ปาฬิยา อยํ อปุพฺพปทวณฺณนา. โยนิโสมนสิการาติ อุปายมนสิกาเรน, อนิจฺจาทีสุ อนิจฺจาทิโต มนสิกรเณนาติ อตฺโถ. โยนิโส สมฺมปฺปธานาติ อุปายวีริเยน, อนุปฺปนฺนากุสลานุปฺปาทนาทิวิธินา ปวตฺตวีริเยนาติ อตฺโถ. วิมุตฺตีติ อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน อรหตฺตผลวิมุตฺติ วุตฺตา. อชฺฌภาสีติ ‘‘อยํ อตฺตนา วีริยํ กตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวาปิ น ตุสฺสติ, อิทานิ อฺเสมฺปิ ‘ปาปุณาถา’ติ อุสฺสาหํ กโรติ, ปฏิพาเหสฺสามิ น’’นฺติ จินฺเตตฺวา อภาสิ. มารปาเสนาติ กิเลสปาเสน. เสสเมตฺถ วุตฺตนยเมว.
ทุติยมารกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ภทฺทวคฺคิยกถาวณฺณนา
๓๖. ตึสภทฺทวคฺคิยวตฺถุมฺหิ ¶ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวาติ ยถาอชฺฌาสยํ วิหริตฺวา. พุทฺธานฺหิ เอกสฺมึ าเน วสนฺตานํ ฉายูทกาทีนํ วิปตฺตึ วา อผาสุกเสนาสนํ วา มนุสฺสานํ อสฺสทฺธาทิภาวํ วา อาคมฺม ¶ อนภิรติ นาม นตฺถิ, เตสํ สมฺปตฺติยา ‘‘อิธ ผาสุํ วิหรามา’’ติ อภิรมิตฺวา จิรวิหาโรปิ นตฺถิ. ยตฺถ ปน ตถาคเต วิหรนฺเต สตฺตา สรเณสุ วา ตีสุ ปติฏฺหนฺติ, สีลานิ วา สมาทิยนฺติ, ปพฺพชนฺติ วา, โสตาปตฺติมคฺคาทีนํ วา ปเรสํ อุปนิสฺสโย โหติ, ตตฺถ พุทฺธา สตฺเต ตาสุ สมฺปตฺตีสุ ปติฏฺาปนอชฺฌาสเยน วสนฺติ, ตาสํ อภาเว ปกฺกมนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ยถาอชฺฌาสยํ วิหริตฺวา’’ติ. อชฺโฌคาเหตฺวาติ ปวิสิตฺวา. ตึสมตฺตาติ ตึสปมาณา. เสสเมตฺถ วุตฺตนยเมว.
ภทฺทวคฺคิยกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อุรุเวลปาฏิหาริยกถาวณฺณนา
๓๗-๓๘. อุรุเวลกสฺสปวตฺถุมฺหิ ชฏิโลติ ชฏาธโร. ชฏา อสฺส อตฺถีติ หิ ชฏิโล. เนตีติ นายโก, สามํ วิเนติ อตฺตโน ลทฺธึ สิกฺขาเปตีติ วินายโก. สเจ เต กสฺสป อครูติ กสฺสป สเจ ตุยฺหํ ภาริยํ อผาสุกํ กิฺจิ นตฺถิ. อคฺยาคาเรติ อคฺคิสาลายํ. อุภินฺนํ สโชติภูตานนฺติ อุโภสุ สโชติภูเตสุ ปชฺชลิเตสุ. ยตฺร หิ นามาติ โย นาม.
๓๙. อชฺชณฺโหติ อชฺช เอกทิวสํ. อคฺคิสาลมฺหีติ อคฺยาคาเร. สุมนมนโสติ สุนฺทรจิตฺตสงฺขาตมโน. เตโชธาตูสุ กุสโลติ เตโชกสิณสมาปตฺตีสุ กุสโล. อุทิจฺฉเรติ อุลฺโลเกสุํ, ปริวาเรสุนฺติ วา อตฺโถ. ปตฺตมฺหิ โอทหิตฺวาติ ปตฺเต ปกฺขิปิตฺวา. ธุวภตฺเตนาติ นิจฺจภตฺเตน.
๔๐. อภิกฺกนฺตาย รตฺติยาติ เอตฺถ อภิกฺกนฺต-สทฺโท ขเย วตฺตติ, เตน ปริกฺขีณายรตฺติยาติ อตฺโถ. เอเต หิ จตฺตาโร มหาราชาโน มชฺฌิมยามสมนนฺตเร อาคตา. นิยาโม กิเรส เทวตานํ, ยทิทํ พุทฺธานํ วา พุทฺธสาวกานํ วา อุปฏฺานํ อาคจฺฉนฺตา มชฺฌิมยามสมนนฺตเร อาคจฺฉนฺติ. อภิกฺกนฺตวณฺณาติ อภิรูปฉวิวณฺณา, อิฏฺวณฺณา มนาปวณฺณาติ ¶ วุตฺตํ โหติ. เทวตา หิ มนุสฺสโลกํ อาคจฺฉมานา ปกติวณฺณํ ปกติอิทฺธึ ¶ ชหิตฺวา โอฬาริกํ อตฺตภาวํ กตฺวา อติเรกวณฺณวตฺถาลงฺการกายาทีหิ โอภาสํ มฺุจมานาทิวเสน จ ทิพฺพํ อิทฺธานุภาวฺจ นิมฺมินิตฺวา นฏสมชฺชาทีนิ คจฺฉนฺตา มนุสฺสา วิย อภิสงฺขเตน กาเยน อาคจฺฉนฺติ. ตตฺถ กามาวจรา อนภิสงฺขเตนปิ อาคนฺตุํ สกฺโกนฺติ โอฬาริกรูปตฺตา. ตถา หิ เต กพฬีการาหารภกฺขา, รูปาวจรา ปน อนภิสงฺขเตน กาเยน อาคนฺตุํ น สกฺโกนฺติ สุขุมตรรูปตฺตา. เตสฺหิ อติสุขุโมว อตฺตภาโว, น เตน อิริยาปถกปฺปนํ โหติ. ตสฺมา พฺรหฺมโลเกปิ พฺรหฺมาโน เยภุยฺเยน นิมฺมิตรูเปเนว ปวตฺตนฺติ. มูลปฏิสนฺธิรูปฺหิ เนสํ อติวิย สุขุมมหารูปํ, เกวลํ ตํ จิตฺตุปฺปาทสฺส นิสฺสยาธิฏฺานภูตํ สณฺานวนฺตํ หุตฺวา ติฏฺติ.
เกวลกปฺปนฺติ เอตฺถ เกวล-สทฺทสฺส อนวเสสตฺตํ อตฺโถ, กปฺป-สทฺทสฺส สมนฺตภาโว, ตสฺมา เกวลกปฺปํ วนสณฺฑนฺติ อนวเสสํ สมนฺตโต วนสณฺฑนฺติ อตฺโถ. อนวเสสํ ผริตุํ สมตฺถสฺสปิ หิ โอภาสสฺส เกนจิ การเณน เอกเทสผรณมฺปิ สิยา, อยํ ปน สพฺพโส ผรตีติ ทสฺเสตุํ สมนฺตตฺโถ กปฺป-สทฺโท คหิโต. อถ วา อีสํ อสมตฺถํ เกวลกปฺปํ. ภควโต ปภาย อโนภาสิตเมว หิ ปเทสํ เทวตา อตฺตโน ปภาย โอภาเสนฺติ. น หิ ภควโต ปภา กายจิ ปภาย อภิภูยติ, สูริยาทีนมฺปิ ปน ปภํ สา อภิภุยฺย ติฏฺตีติ. โอภาเสตฺวาติ วตฺถาลงฺการสรีรสมุฏฺิตาย อาภาย ผริตฺวา, จนฺโท วิย สูริโย วิย จ เอโกภาสํ เอกปชฺโชตํ กริตฺวาติ อตฺโถ. เทวตานฺหิ สรีราภา ทสทฺวาทสโยชนมตฺตฏฺานํ ตโต ภิยฺโยปิ ผริตฺวา ติฏฺติ, ตถา วตฺถาภรณาทีสุ สมุฏฺิตา ปภา. จตุทฺทิสาติ จตูสุ ทิสาสุ. ยตฺร หิ นามาติ ยํ นาม.
๔๓. องฺคมคธาติ อุโภ องฺคมคธรฏฺวาสิโน. อิทฺธิปาฏิหาริยนฺติ อิทฺธิภูตํ ปาฏิหาริยํ, น อาเทสนานุสาสนีปาฏิหาริยนฺติ อตฺโถ. ติวิธฺหิ ปาฏิหาริยํ อิทฺธิปาฏิหาริยํ อาเทสนาปาฏิหาริยํ อนุสาสนีปาฏิหาริยนฺติ. ตตฺถ ‘‘อิธ ภิกฺขุ เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหติ, พหุธาปิ หุตฺวา เอโก โหติ อาวิภาวํ ติโรภาว’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตํ (ที. นิ. ๑.๒๓๘-๒๓๙; ม. นิ. ๑.๑๔๗; สํ. นิ. ๒.๗๐; ๕.๘๓๔) อิทฺธิวิธเมว ¶ อิทฺธิปาฏิหาริยํ. ‘‘อิธ ภิกฺขุ ปรสตฺตานํ ปรปุคฺคลานํ จิตฺตมฺปิ อาทิสติ, เจตสิกมฺปิ อาทิสติ, วิตกฺกิตมฺปิ อาทิสติ, วิจาริตมฺปิ อาทิสติ ‘เอวมฺปิ เต มโน, อิตฺถมฺปิ เต มโน’’’ติอาทินยปฺปวตฺตํ (ปฏิ. ม. ๓.๓๐) ปรสฺส จิตฺตํ ตฺวา กถนํ อาเทสนาปาฏิหาริยํ. ‘‘อิธ ภิกฺขุ เอวมนุสาสติ ‘เอวํ วิตกฺเกถ, มา เอวํ วิตกฺกยิตฺถ, เอวํ ¶ มนสิ กโรถ, มา เอวํ มานสา กริตฺถ, อิทํ ปชหถ, อิทํ อุปสมฺปชฺช วิหรถา’’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๓๐) เอวมาทินยปฺปวตฺตา สาวกานํ พุทฺธานฺจ สพฺพกาลํ เทเสตพฺพธมฺมเทสนา อนุสาสนีปาฏิหาริยํ.
ตตฺถ (อุทา. อฏฺ. ๑) ปาฏิหาริยปทสฺส วจนตฺถํ ปฏิปกฺขหรณโต ราคาทิกิเลสาปนยนโต ปาฏิหาริยนฺติ วทนฺติ. ภควโต ปน ปฏิปกฺขา ราคาทโย น สนฺติ เย หริตพฺพา, ปุถุชฺชนานมฺปิ วิคตูปกฺกิเลเส อฏฺคุณสมนฺนาคเต จิตฺเต หตปฏิปกฺเข อิทฺธิวิธํ วตฺตติ, ตสฺมา ตตฺถ ปวตฺตโวหาเรน จ น สกฺกา อิธ ปาฏิหาริยนฺติ วตฺตุํ. สเจ ปน มหาการุณิกสฺส ภควโต เวเนยฺยคตา จ กิเลสา ปฏิปกฺขา, เตสํ หรณโต ปาฏิหาริยนฺติ วุตฺตํ, เอวํ สติ ยุตฺตเมตํ. อถ วา ภควโต จ สาสนสฺส จ ปฏิปกฺขา ติตฺถิยา, เตสํ หรณโต ปาฏิหาริยํ. เต หิ ทิฏฺิหรณวเสน ทิฏฺิปฺปกาสเน อสมตฺถภาเวน จ อิทฺธิอาเทสนานุสาสนีหิ หริตา อปนีตา โหนฺตีติ. ปฏีติ วา อยํ สทฺโท ปจฺฉาติ เอตสฺส อตฺถํ โพเธติ ‘‘ตสฺมึ ปฏิปวิฏฺมฺหิ, อฺโ อาคฺฉิ พฺราหฺมโณ’’ติอาทีสุ (จูฬนิ. วตฺถุคาถา ๔) วิย, ตสฺมา สมาหิเต จิตฺเต วิคตูปกฺกิเลเสน กตกิจฺเจน ปจฺฉา หริตพฺพํ ปวตฺเตตพฺพนฺติ ปฏิหาริยํ, อตฺตโน วา อุปกฺกิเลเสสุ จตุตฺถชฺฌานมคฺเคหิ หริเตสุ ปจฺฉา หรณํ ปฏิหาริยํ, อิทฺธิอาเทสนานุสาสนิโย จ วิคตูปกฺกิเลเสน กตกิจฺเจน สตฺตหิตตฺถํ ปุน ปวตฺเตตพฺพา, หริเตสุ จ อตฺตโน อุปกฺกิเลเสสุ ปรสตฺตานํ อุปกฺกิเลสหรณานิ โหนฺตีติ ปฏิหาริยานิ ภวนฺติ, ปฏิหาริยเมว ปาฏิหาริยํ. ปฏิหาริเย วา อิทฺธิอาเทสนานุสาสนีสมุทาเย ภวํ เอเกกํ ปาฏิหาริยนฺติ วุจฺจติ. ปฏิหาริยํ วา จตุตฺถชฺฌานํ มคฺโค จ ปฏิปกฺขหรณโต, ตตฺถ ชาตํ นิมิตฺตภูเต, ตโต วา อาคตนฺติ ปาฏิหาริยํ. สฺวาตนายาติ สฺเว ทาตพฺพสฺส อตฺถาย.
๔๔. ปํสุกูลํ ¶ อุปฺปนฺนํ โหตีติ ปริเยสมานสฺส ปฏิลาภวเสน อุปฺปนฺนํ โหติ. วิจิตฺตปาฏิหาริยทสฺสนตฺถาว สา ปริเยสนา. ยสฺมา ปาณินา ผุฏฺมตฺเต สา โปกฺขรณี นิมฺมิตา อโหสิ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ปาณินา โปกฺขรณึ ขณิตฺวา’’ติ.
๔๖-๔๙. ชฏิลาติ ตาปสา. เต หิ ชฏาธาริตาย อิธ ‘‘ชฏิลา’’ติ วุตฺตา. อนฺตรฏฺกาสุ หิมปาตสมเยติ เหมนฺตสฺส อุตุโน อพฺภนฺตรภูเต มาฆมาสสฺส อวสาเน จตสฺโส, ผคฺคุณมาสสฺส อาทิมฺหิ จตสฺโสติ เอวํ อุภินฺนมนฺตเร อฏฺรตฺตีสุ หิมปตนกาเล. เนรฺชราย อุมฺมุชฺชนฺตีติ เกจิ ตสฺมึ ติตฺถสมฺมเต อุทเก ปมํ นิมุคฺคสกลสรีรา ตโต อุมฺมุชฺชนฺตา วุฏฺหนฺติ ¶ อุปฺปิลวนฺติ. นิมุชฺชนฺตีติ สสีสํ อุทเก โอสีทนฺติ. อุมฺมุชฺชนนิมุชฺชนมฺปิ กโรนฺตีติ ปุนปฺปุนํ อุมฺมุชฺชนนิมุชฺชนานิปิ กโรนฺติ. ตตฺถ หิ เกจิ ‘‘เอกุมฺมุชฺชเนเนว ปาปสุทฺธิ โหตี’’ติ เอวํทิฏฺิกา, เต อุมฺมุชฺชนเมว กตฺวา คจฺฉนฺติ. อุมฺมุชฺชนํ ปน นิมุชฺชนมนฺตเรน นตฺถีติ อวินาภาวโต นิมุชฺชนมฺปิ เต กโรนฺติเยว. เยปิ ‘‘เอกนิมุชฺชเนเนว ปาปสุทฺธิ โหตี’’ติ เอวํทิฏฺิกา, เตปิ เอกวารเมว นิมุชฺชิตฺวา วุตฺตนเยเนว อวินาภาวโต อุมฺมุชฺชนมฺปิ กตฺวา ปกฺกมนฺติ. อปเร ‘‘ปุนปฺปุนํ อุมฺมุชฺชนนิมุชฺชนานิ กตฺวา นหาเต ปาปสุทฺธิ โหตี’’ติ เอวํทิฏฺิกา, เต กาเลน กาลํ อุมฺมุชฺชนนิมุชฺชนานิ กโรนฺติ. เต สพฺเพปิ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อุมฺมุชฺชนฺติปิ นิมุชฺชนฺติปิ อุมฺมุชฺชนนิมุชฺชนมฺปิ กโรนฺตี’’ติ. เอตฺถ จ กิฺจาปิ นิมุชฺชนปุพฺพกํ อุมฺมุชฺชนํ, นิมุชฺชนเมว ปน กโรนฺตา กติปยา, อุมฺมุชฺชนํ ตทุภยฺจ กโรนฺตา พหูติ เตสํ เยภุยฺยภาวทสฺสนตฺถํ อุมฺมุชฺชนํ ปมํ วุตฺตํ.
๕๐-๕๑. อุทกวาหโกติ อุทโกโฆ. เรณุหตายาติ รโชคตาย, รโชกิณฺณายาติ วุตฺตํ โหติ. เนว จ โข ตฺวํ กสฺสป อรหาติ เอเตน ตทา กสฺสปสฺส อเสกฺขภาวํ ปฏิกฺขิปติ, นาปิ อรหตฺตมคฺคสมาปนฺโนติ เอเตน เสกฺขภาวํ. อุภเยนปิสฺส อนริยภาวเมว ทีเปติ. สาปิ เต ปฏิปทา นตฺถิ, ยาย ตฺวํ อรหา วา อสฺสสิ อรหตฺตมคฺคํ วา สมาปนฺโนติ อิมินา ปนสฺส กลฺยาณปุถุชฺชนภาวมฺปิ ปฏิกฺขิปติ. ตตฺถ ปฏิปทาติ สีลวิสุทฺธิอาทโย ฉ วิสุทฺธิโย. ปฏิปชฺชติ เอตาย อริยมคฺโคติ ปฏิปทา. อสฺสสีติ ¶ ภเวยฺยาสิ. จิรปฏิกาติ จิรกาลโต ปฏฺาย, นาคทมนโต ปฏฺายาติ อตฺโถ. ขาริกาชมิสฺสนฺติ เอตฺถ ขารีติ อรณีกมณฺฑลุสูจิอาทโย ตาปสปริกฺขารา, ตํ หรณกาชํ ขาริกาชํ. อคฺคิหุตมิสฺสนฺติ ทพฺพิอาทิอคฺคิปูโชปกรณํ.
๕๒-๕๓. อุปสคฺโคติ อุปทฺทโว. อิทานิ อฑฺฒุฑฺฒานิ ปาฏิหาริยสหสฺสานิ เอกโต คเณตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘ภควโต อธิฏฺาเนน ปฺจ กฏฺสตานิ น ผาลิยึสู’’ติอาทิ อารทฺธํ. นาคทมนาทีนิ ปน โสฬส ปาฏิหาริยานิ อิธ น คณิตานิ, เตหิ สทฺธึ โสฬสาติเรกอฑฺฒุฑฺฒปาฏิหาริยสหสฺสานีติ เวทิตพฺพํ.
อาทิตฺตปริยายสุตฺตวณฺณนา
๕๔. อิทานิ ตสฺส ภิกฺขุสหสฺสสฺส อาทิตฺตปริยายเทสนาย อรหตฺตปฺปตฺตึ ทสฺเสตุํ ‘‘อถ โข ¶ ภควา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ คยายํ วิหรติ คยาสีเสติ คยานามิกาย นทิยา อวิทูเร ภวตฺตา คาโม คยา นาม, ตสฺสํ คยายํ วิหรติ. สมีปตฺเถ เจตํ ภุมฺมวจนํ. คยาคามสฺส หิ อวิทูเร คยาติ เอกา โปกฺขรณีปิ อตฺถิ นทีปิ คยาสีสนามโก หตฺถิกุมฺภสทิโส ปิฏฺิปาสาโณปิ. ยตฺถ ภิกฺขุสหสฺสสฺส โอกาโส ปโหติ, ภควา ตตฺถ วิหรติ. เตน วุตฺตํ ‘‘คยาสีเส’’ติ, คยาคามสฺส อาสนฺเน คยาสีสนามเก ปิฏฺิปาสาเณ วิหรตีติ วุตฺตํ โหติ. ภิกฺขู อามนฺเตสีติ เตสํ สปฺปายธมฺมเทสนํ วิจินิตฺวา ตํ เทเสสฺสามีติ อามนฺเตสิ. ภควา หิ ตํ อิทฺธิมยปตฺตจีวรธรํ สมณสหสฺสํ อาทาย คยาสีสํ คนฺตฺวา เตน ปริวาริโต นิสีทิตฺวา ‘‘กตรา นุ โข เอเตสํ ธมฺมกถา สปฺปายา’’ติ จินฺเตนฺโต ‘‘อิเม สายํ ปาตํ อคฺคึ ปริจรนฺติ, อิเมสํ ทฺวาทสายตนานิ อาทิตฺตานิ สมฺปชฺชลิตานิ วิย กตฺวา ทสฺเสสฺสามิ, เอวํ อิเม อรหตฺตํ ปาปุณิตุํ สกฺขิสฺสนฺตี’’ติ สนฺนิฏฺานมกาสิ. อถ เนสํ ตถา เทเสตุํ ‘‘สพฺพํ, ภิกฺขเว, อาทิตฺต’’นฺติอาทินา อิมํ อาทิตฺตปริยายํ อภาสิ.
ตตฺถ (สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๔.๒๓) สพฺพํ นาม จตุพฺพิธํ สพฺพสพฺพํ อายตนสพฺพํ สกฺกายสพฺพํ ปเทสสพฺพนฺติ. ตตฺถ –
‘‘น ¶ ตสฺส อทฺทิฏฺมิธตฺถิ กิฺจิ;
อโถ อวิฺาตมชานิตพฺพํ;
สพฺพํ อภิฺาสิ ยทตฺถิ เนยฺยํ;
ตถาคโต เตน สมนฺตจกฺขู’’ติ (มหานิ. ๑๕๖; จูฬนิ. โธตกมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๓๒; ปฏิ. ม. ๑.๑๒๑) –
อิทํ สพฺพสพฺพํ นาม. ‘‘สพฺพํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิ, ตํ สุณาถา’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๓) อิทํ อายตนสพฺพํ นาม. ‘‘สพฺพธมฺมมูลปริยายํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑) อิทํ สกฺกายสพฺพํ นาม. ‘‘สพฺพธมฺเมสุ วา ปมสมนฺนาหาโร อุปฺปชฺชติ จิตฺตํ มโน มานสํ ตชฺชา มโนวิฺาณธาตู’’ติ อิทํ ปเทสสพฺพํ นาม. อิติ ปฺจารมฺมณมตฺตํ ปเทสสพฺพํ, เตภูมกา ธมฺมา สกฺกายสพฺพํ, จตุภูมกา ธมฺมา อายตนสพฺพํ, ยํ กิฺจิ เนยฺยํ สพฺพสพฺพํ. ปเทสสพฺพํ สกฺกายสพฺพํ น ปาปุณาติ ตสฺส เตภูมกธมฺเมสุปิ เอกเทสสฺส อสงฺคณฺหนโต. สกฺกายสพฺพํ อายตนสพฺพํ น ปาปุณาติ โลกุตฺตรธมฺมานํ อสงฺคณฺหนโต. อายตนสพฺพํ สพฺพสพฺพํ น ปาปุณาติ. กสฺมา? ยสฺมา อายตนสพฺเพน จตุภูมกธมฺมาว ปริคฺคหิตา ¶ , น ลกฺขณปฺตฺติโยติ. อิมสฺมึ ปน สุตฺเต อายตนสพฺพํ อธิปฺเปตํ, ตตฺถาปิ อิธ วิปสฺสนุปคธมฺมาว คเหตพฺพา.
จกฺขูติ (ธ. ส. อฏฺ. ๕๙๖; สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๔.๑) ทฺเว จกฺขูนิ าณจกฺขุ เจว มํสจกฺขุ จ. ตตฺถ าณจกฺขุ ปฺจวิธํ พุทฺธจกฺขุ ธมฺมจกฺขุ สมนฺตจกฺขุ ทิพฺพจกฺขุ ปฺาจกฺขูติ. เตสุ พุทฺธจกฺขุ นาม อาสยานุสยาณฺเจว อินฺทฺริยปโรปริยตฺตาณฺจ, ยํ ‘‘พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต’’ติ (ที. นิ. ๒.๖๙; ม. นิ. ๑.๒๘๓) อาคตํ. ธมฺมจกฺขุ นาม เหฏฺิมา ตโย มคฺคา ตีณิ จ ผลานิ, ยํ ‘‘วิรชํ วีตมลํ ธมฺมจกฺขุํ อุทปาที’’ติ (ที. นิ. ๑.๓๕๕; สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑) อาคตํ. สมนฺตจกฺขุ นาม สพฺพฺุตฺาณํ, ยํ ‘‘ปาสาทมารุยฺห สมนฺตจกฺขู’’ติ (ที. นิ. ๒.๗๐; ม. นิ. ๑.๒๘๒) อาคตํ. ทิพฺพจกฺขุ นาม อาโลกวฑฺฒเนน อุปฺปนฺนาณํ, ยํ ‘‘ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธนา’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๔๘, ๒๘๔) อาคตํ. ปฺาจกฺขุ นาม จตุสจฺจปริจฺเฉทกาณํ, ยํ ‘‘จกฺขุํ อุทปาที’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๕) อาคตํ. มํสจกฺขุปิ ทุวิธํ สสมฺภารจกฺขุ ปสาทจกฺขูติ. เตสุ ยฺวายํ อกฺขิกูปเก อกฺขิปฏเลหิ ปริวาริโต มํสปิณฺโฑ, ยตฺถ จตสฺโส ธาตุโย วณฺณคนฺธรโสชา สมฺภโว ชีวิตํ ¶ ภาโว จกฺขุปฺปสาโท กายปฺปสาโทติ สงฺเขปโต เตรส สมฺภารา โหนฺติ, วิตฺถารโต ปน จตสฺโส ธาตุโย วณฺณคนฺธรโสชา สมฺภโวติ อิเม นว จตุสมุฏฺานวเสน ฉตฺตึส, ชีวิตํ ภาโว จกฺขุปฺปสาโท กายปฺปสาโทติ อิเม กมฺมสมุฏฺานา ตาว จตฺตาโรติ จตฺตาลีส สมฺภารา โหนฺติ, อิทํ สสมฺภารจกฺขุ นาม. ยํ ปเนตฺถ เสตมณฺฑลปริจฺฉินฺเนน กณฺหมณฺฑเลน ปริวาริเต ทิฏฺิมณฺฑเล สนฺนิวิฏฺํ รูปทสฺสนสมตฺถํ ปสาทมตฺตํ, อิทํ ปสาทจกฺขุ นาม. ตสฺส ตโต ปเรสฺจ โสตาทีนํ วิตฺถารกถา วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๔๓๖) วุตฺตาว.
ตตฺถ ยทิทํ ปสาทจกฺขุ, ตฺจ คเหตฺวา ภควา ‘‘จกฺขุ อาทิตฺต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อาทิตฺตนฺติ ปทิตฺตํ, สมฺปชฺชลิตํ เอกาทสหิ อคฺคีหิ เอกชาลีภูตนฺติ อตฺโถ. จกฺขุสนฺนิสฺสิตํ วิฺาณํ จกฺขุวิฺาณํ, จกฺขุสฺส วา การณภูตสฺส วิฺาณํ จกฺขุวิฺาณํ. กามํ รูปาโลกมนสิการาทโยปิ ตสฺส วิฺาณสฺส การณํ, เต ปน สาธารณการณํ, จกฺขุ อสาธารณนฺติ อสาธารณการเณนายํ นิทฺเทโส ยถา ‘‘ยวงฺกุโร’’ติ. โสตวิฺาณาทีสุปิ เอเสว นโย. จกฺขุสนฺนิสฺสิโต ผสฺโส จกฺขุสมฺผสฺโส, จกฺขุวิฺาณสมฺปยุตฺตผสฺสสฺเสตํ อธิวจนํ. โสตสมฺผสฺสาทีสุปิ เอเสว นโย. จกฺขุสมฺผสฺสปจฺจยา อุปฺปชฺชติ ¶ เวทยิตนฺติ จกฺขุสมฺผสฺสํ มูลปจฺจยํ กตฺวา อุปฺปนฺนา สมฺปฏิจฺฉนสนฺตีรณโวฏฺพฺพนชวนเวทนา. จกฺขุวิฺาณสมฺปยุตฺตาย ปน เวทนาย จกฺขุสมฺผสฺสสฺส ปจฺจยภาเว วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. จกฺขุสมฺผสฺโส หิ สหชาตาย เวทนาย สหชาตาทิวเสน, อสหชาตาย อุปนิสฺสยาทิวเสน ปจฺจโย โหติ. เตเนว ‘‘จกฺขุสมฺผสฺสปจฺจยา อุปฺปชฺชติ เวทยิตํ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา’’ติ วุตฺตํ. โสตทฺวารเวทนาทีสุปิ เอเสว นโย. เอตฺถ ปน มโนติ ภวงฺคจิตฺตํ มโนทฺวารสฺส อธิปฺเปตตฺตา. ธมฺมาติ ธมฺมารมฺมณํ. มโนวิฺาณนฺติ สหาวชฺชนกํ ชวนํ. มโนสมฺผสฺโสติ ภวงฺคสหชาโต ผสฺโส. เวทยิตนฺติ อาวชฺชนเวทนาย สทฺธึ ชวนเวทนา. ภวงฺคสมฺปยุตฺตาย ปน เวทนาย คหเณ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. อาวชฺชนํ วา ภวงฺคโต อโมเจตฺวา มโนติ สาวชฺชนํ ภวงฺคํ ทฏฺพฺพํ. ธมฺมาติ ธมฺมารมฺมณเมว. มโนวิฺาณนฺติ ชวนวิฺาณํ. มโนสมฺผสฺโสติ ¶ ภวงฺคาวชฺชนสหชาโต ผสฺโส. เวทยิตนฺติ ชวนสหชาตา เวทนา, ภวงฺคาวชฺชนสหชาตาปิ วฏฺฏติเยว.
ราคคฺคินาติอาทีสุ ราโคว อนุทหนฏฺเน อคฺคีติ ราคคฺคิ. ราโค หิ ติขิณํ หุตฺวา อุปฺปชฺชมาโน สตฺเต อนุทหติ ฌาเปติ, ตสฺมา ‘‘อคฺคี’’ติ วุจฺจติ. อิตเรสุปิ ทฺวีสุ เอเสว นโย. ตตฺริมานิ วตฺถูนิ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๓๐๕; วิภ. อฏฺ. ๙๒๔) – เอกา ทหรภิกฺขุนี จิตฺตลปพฺพตวิหาเร อุโปสถาคารํ คนฺตฺวา ทฺวารปาลรูปํ โอโลกยมานา ิตา. อถสฺสา อนฺโต ราโค ติขิณตโร หุตฺวา อุปฺปนฺโน, ตสฺมา ตํสมุฏฺานา เตโชธาตุ อติวิย ติขิณภาเวน สทฺธึ อตฺตนา สหชาตธมฺเมหิ หทยปเทสํ ฌาเปสิ ยถา ตํ พาหิรา เตโชธาตุ สนฺนิสฺสยํ, เตน สา ภิกฺขุนี ฌายิตฺวา กาลมกาสิ. ภิกฺขุนิโย คจฺฉมานา ‘‘อยํ ทหรา ิตา, ปกฺโกสถ น’’นฺติ อาหํสุ. เอกา คนฺตฺวา ‘‘กสฺมา ิตาสี’’ติ หตฺเถ คณฺหิ. คหิตมตฺตา ปริวตฺติตฺวา ปปตา. อิทํ ตาว ราคสฺส อนุทหนตาย วตฺถุ.
โทสสฺส ปน อนุทหนตาย มโนปโทสิกา เทวา ทฏฺพฺพา. เตสุ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๔๗-๔๘) กิร เอโก เทวปุตฺโต ‘‘นกฺขตฺตํ กีฬิสฺสามี’’ติ สปริวาโร รเถน วีถึ ปฏิปชฺชติ. อถฺโ นิกฺขมนฺโต ตํ ปุรโต คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘โภ อยํ กปโณ อทิฏฺปุพฺพํ วิย เอตํ ทิสฺวา ปีติยา อุทฺธุมาโต วิย ภิชฺชมาโน วิย จ คจฺฉตี’’ติ กุชฺฌติ. ปุรโต คจฺฉนฺโตปิ นิวตฺติตฺวา ตํ กุทฺธํ ทิสฺวา กุทฺธา นาม สุวิชานา โหนฺตีติ กุทฺธภาวมสฺส ตฺวา ‘‘ตฺวํ กุทฺโธ มยฺหํ กึ กริสฺสสิ, อยํ สมฺปตฺติ มยา ทานสีลาทีนํ วเสน ลทฺธา, น ตุยฺหํ วเสนา’’ติ ปฏิกุชฺฌติ. เอกสฺมิฺหิ กุทฺเธ อิตโร อกุทฺโธ รกฺขติ. กุทฺธสฺส หิ โส โกโธ อิตรสฺมึ อกุชฺฌนฺเต อนุปาทาโน เอกวารเมว อุปฺปตฺติยา อนาเสวโน ¶ จาเวตุํ น สกฺโกติ, อุทกํ ปตฺวา อคฺคิ วิย นิพฺพายติ, ตสฺมา อกุทฺโธ ตํ จวนโต รกฺขติ. อุโภสุ ปน กุทฺเธสุ เอกสฺส โกโธ อิตรสฺส ปจฺจโย โหติ, ตสฺสปิ โกโธ อิตรสฺส ปจฺจโย โหตีติ อุโภ กนฺทนฺตานํเยว โอโรธานํ จวนฺติ. อุโภสุ หิ กุทฺเธสุ ภิยฺโย ภิยฺโย อฺมฺมฺหิ ปริวฑฺฒนวเสน ติขิณสมุทาจาโร นิสฺสยทหนรโส ¶ โกโธ อุปฺปชฺชมาโน หทยวตฺถุํ นิทฺทหนฺโต อจฺจนฺตสุขุมาลํ กรชกายํ วินาเสติ, ตโต สกโลปิ อตฺตภาโว อนฺตรธายติ. อิทํ โทสสฺส อนุทหนตาย วตฺถุ.
โมหสฺส ปน อนุทหนตาย ขิฑฺฑาปโทสิกา เทวา ทฏฺพฺพา. โมหวเสน หิ เตสํ สติสมฺโมโส โหติ, ตสฺมา ขิฑฺฑาวเสน อาหารกาลํ อติวตฺเตตฺวา กาลํ กโรนฺติ. เต (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๔๕-๔๖) กิร ปฺุวิเสสาธิคเตน มหนฺเตน อตฺตโน สิริวิภเวน นกฺขตฺตํ กีฬนฺตา ตาย สมฺปตฺติมหนฺตตาย ‘‘อาหารํ ปริภฺุชิมฺห, น ปริภฺุชิมฺหา’’ติปิ น ชานนฺติ. อถ เอกาหาราติกฺกมนโต ปฏฺาย นิรนฺตรํ ขาทนฺตาปิ ปิวนฺตาปิ จวนฺติเยว น ติฏฺนฺติ. กสฺมา? กมฺมชเตชสฺส พลวตาย. มนุสฺสานฺหิ กมฺมชเตโช มนฺโท, กรชกาโย พลวา. เตสํ เตชสฺส มนฺทตาย กรชกายสฺส พลวตาย สตฺตาหมฺปิ อติกฺกมิตฺวา อุณฺโหทกอจฺฉยาคุอาทีหิ สกฺกา วตฺถุํ อุปตฺถมฺเภตุํ. เทวานํ ปน เตโช พลวา โหติ อุฬารปฺุนิพฺพตฺตตฺตา อุฬารครุสินิทฺธสุธาหารชิรณโต จ, กรชํ มนฺทํ มุทุสุขุมาลภาวโต. เตเนว หิ ภควา อินฺทสาลคุหายํ ปกติปถวิยํ ปติฏฺาตุํ อสกฺโกนฺตํ สกฺกํ เทวราชานํ ‘‘โอฬาริกกายํ อธิฏฺาหี’’ติ อาห, ตสฺมา เต เอกํ อาหารเวลํ อติกฺกมิตฺวา สณฺาตุํ น สกฺโกนฺติ. ยถา นาม คิมฺหานํ มชฺฌนฺหิเก ตตฺตปาสาเณ ปิตํ ปทุมํ วา อุปฺปลํ วา สายนฺหสมเย ฆฏสเตนปิ สิฺจิยมานํ ปากติกํ น โหติ วินสฺสติเยว, เอวเมว ปจฺฉา นิรนฺตรํ ขาทนฺตาปิ ปิวนฺตาปิ จวนฺติเยว น ติฏฺนฺติ.
โก ปน เตสํ อาหาโร, กา อาหารเวลาติ? สพฺเพสมฺปิ กามาวจรเทวานํ สุธา อาหาโร, โส เหฏฺิเมหิ เหฏฺิเมหิ อุปริมานํ อุปริมานํ ปณีตตโม โหติ. ตํ ยถาสกํ ทิวสวเสน ทิวเส ทิวเส ภฺุชนฺติ. เกจิ ปน ‘‘พิฬารปทปฺปมาณํ สุธาหารํ ภฺุชนฺติ. โส ชิวฺหาย ปิตมตฺโต ยาว เกสคฺคนขคฺคา กายํ ผรติ, เตสํเยว ทิวสวเสน สตฺตทิวสํ ยาปนสมตฺโถว โหตี’’ติ วทนฺติ.
เก ปน เต ขิฑฺฑาปโทสิกา นาม เทวาติ? อิเม นามาติ อฏฺกถายํ วิจารณา นตฺถิ, ‘‘กมฺมชเตโช พลวา โหติ, กรชํ มนฺท’’นฺติ อวิเสเสน ¶ วุตฺตตฺตา ปน เย เกจิ กพฬีการาหารูปชีวิโน ¶ เอวํ กโรนฺติ, เต เอวํ จวนฺตีติ เวทิตพฺพา. เกจิ ปนาหุ ‘‘นิมฺมานรติปรนิมฺมิตวสวตฺติโน เต เทวา. ขิฑฺฑาย ปทุสฺสนมตฺเตเนว เหเต ขิฑฺฑาปโทสิกาติ วุตฺตา’’ติ. มโนปโทสิกา ปน จาตุมหาราชิกาติ อฏฺกถายเมว วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘ขิฑฺฑาปโทสิกาปิ จาตุมหาราชิกาเยวา’’ติ วทนฺติ. เอวํ ตาว ราคาทโย ตโย อนุทหนฏฺเน ‘‘อคฺคี’’ติ เวทิตพฺพา. ชาติอาทิตฺตยํ ปน นานปฺปการทุกฺขวตฺถุภาเวน อนุทหนโต อคฺคิ. โสกาทีนํ อนุทหนตา ปากฏาเยว. เสสเมตฺถ วุตฺตนยเมว. อิติ อิมสฺมึ สุตฺเต ทุกฺขลกฺขณํ กถิตํ จกฺขาทีนํ เอกาทสหิ อคฺคีหิ อาทิตฺตภาเวน ทุกฺขมตาย ทุกฺขภาวสฺส กถิตตฺตา.
อาทิตฺตปริยายสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
อุรุเวลปาฏิหาริยกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
พิมฺพิสารสมาคมกถาวณฺณนา
๕๕. อิทานิ ‘‘อถ โข ภควา คยาสีเส ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา’’ติอาทีสุ ยา สา อนุตฺตานปทวณฺณนา, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ลฏฺิวเนติ ตาลุยฺยาเน’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ ตาลุยฺยาเนติ ตาลรุกฺขานํ พหุภาวโต เอวํลทฺธนาเม อุยฺยาเน. อปฺเปกจฺเจ เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวาติอาทีสุ อฺชลึ ปณาเมตฺวาติ เย อุภโตปกฺขิกา, เต สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. เต กิร เอวํ จินฺตยึสุ ‘‘สเจ โน มิจฺฉาทิฏฺิกา โจเทสฺสนฺติ ‘กสฺมา ตุมฺเห สมณํ โคตมํ วนฺทิตฺถา’ติ, เตสํ ‘กึ อฺชลิมตฺตกรเณนปิ วนฺทิตํ โหตี’ติ วกฺขาม. สเจ โน สมฺมาทิฏฺิกา โจเทสฺสนฺติ ‘กสฺมา ภควนฺตํ น วนฺทิตฺถา’ติ, ‘กึ สีเสน ภูมึ ปหรนฺเตเนว วนฺทิตํ โหติ, นนุ อฺชลิกมฺมมฺปิ วนฺทนา เอวา’ติ วกฺขามา’’ติ. นามโคตฺตํ สาเวตฺวาติ ‘‘โภ โคตม, อหํ อสุกสฺส ปุตฺโต ทตฺโต นาม มิตฺโต นาม อิธ อาคโต’’ติ วทนฺตา นามํ สาเวนฺติ นาม, ‘‘โภ โคตม, อหํ วาเสฏฺโ นาม กจฺจาโน นาม อิธาคโต’’ติ วทนฺตา โคตฺตํ สาเวนฺติ นาม. เอเต กิร ทลิทฺทา ชิณฺณกุลปุตฺตา ปริสมชฺเฌ นามโคตฺตวเสน ปากฏา ภวิสฺสามาติ เอวํ ¶ อกํสุ. เย ปน ตุณฺหีภูตา นิสีทึสุ, เต เกราฏิกา เจว อนฺธพาลา จ. ตตฺถ เกราฏิกา ‘‘เอกํ ทฺเว กถาสลฺลาเป กโรนฺเต วิสฺสาสิโก โหติ, อถ วิสฺสาเส สติ เอกํ ทฺเว ภิกฺขา อทาตุํ น ยุตฺต’’นฺติ ตโต อตฺตานํ โมเจนฺตา ตุณฺหี นิสีทนฺติ. อนฺธพาลา อฺาณตาเยว อวกฺขิตฺตา มตฺติกาปิณฺโฑ วิย ยตฺถ กตฺถจิ ตุณฺหีภูตา นิสีทนฺติ.
กิสโกวทาโนติ ¶ เอตฺถ กิสกานํ โอวทาโน กิสโกวทาโนติ อิมํ ตาว อตฺถวิกปฺปํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตาปสจริยาย กิสสรีรตฺตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อคฺคิหุตฺตนฺติ อคฺคิปริจรณํ. รูปาทโยว อิธ กามนียฏฺเน ‘‘กามา’’ติ วุตฺตาติ อาห ‘‘เอเต รูปาทโย กาเม’’ติ. ยฺา อภิวทนฺตีติ ยาคเหตุ อิชฺฌนฺตีติ วทนฺติ. อุปธีสูติ เอตฺถ จตฺตาโร อุปธี กามุปธิ ขนฺธุปธิ กิเลสุปธิ อภิสงฺขารุปธีติ. กามาปิ หิ ‘‘ยํ ปฺจ กามคุเณ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสํ, อยํ กามานํ อสฺสาโท’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๖๗) เอวํ วุตฺตสฺส สุขสฺส อธิฏฺานภาวโต อุปธียติ เอตฺถ สุขนฺติ อิมินา วจนตฺเถน ‘‘อุปธี’’ติ วุจฺจนฺติ. ขนฺธาปิ ขนฺธมูลกสฺส ทุกฺขสฺส อธิฏฺานภาวโต, กิเลสาปิ อปายทุกฺขสฺส อธิฏฺานภาวโต, อภิสงฺขาราปิ ภวทุกฺขสฺส อธิฏฺานภาวโต ‘‘อุปธี’’ติ วุจฺจนฺติ, เตสุ ขนฺธุปธิ อิธาธิปฺเปโตติ อาห ‘‘ขนฺธุปธีสุ มลนฺติ ตฺวา’’ติ. ยฺา มลเมว วทนฺตีติ ยาคเหตุ มลเมว อิชฺฌตีติ วทนฺติ. ยิฏฺเติ มหายาเค. หุเตติ ทิวเส ทิวเส กตฺตพฺพอคฺคิปริจรเณ. กามภเว อสตฺตนฺติ กามภเว อลคฺคํ, ตพฺพินิมุตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติ.
๕๗-๕๘. อาสีสนาติ ปตฺถนา. ทิพฺพสุวณฺเณสุปิ สิงฺคีสุวณฺณสฺส สพฺพเสฏฺตฺตา ‘‘สิงฺคีนิกฺขสวณฺโณ’’ติ วุตฺตํ. ยเถว หิ มนุสฺสปริโภเค สุวณฺเณ ยุตฺติกตํ หีนํ, ตโต รสวิทฺธํ เสฏฺํ, รสวิทฺธโต อากรุปฺปนฺนํ, ตโต ยํ กิฺจิ ทิพฺพํ เสฏฺํ, เอวํ ทิพฺพสุวณฺเณสุปิ จามีกรโต สาตกุมฺภํ, สาตกุมฺภโต ชมฺพุนทํ, ชมฺพุนทโต สิงฺคีสุวณฺณํ, ตสฺมา ตํ สพฺพเสฏฺํ. สิงฺคีนิกฺขนฺติ จ นิกฺขปริมาเณน สิงฺคีสุวณฺเณน กตํ สุวณฺณปฏฺฏํ. อูนกนิกฺเขน กตฺหิ ฆฏฺฏนมชฺชนกฺขมํ น โหติ, อติเรเกน กตํ ฆฏฺฏนมชฺชนํ ขมติ, วณฺณวนฺตํ ปน น โหติ, ผรุสธาตุกํ ขายติ, นิกฺเขน กตํ ฆฏฺฏนมชฺชนฺเจว ขมติ วณฺณวนฺตฺจ โหติ. นิกฺขํ ปน วีสติสุวณฺณนฺติ เกจิ ¶ . ปฺจวีสติสุวณฺณนฺติ อปเร. มชฺฌิมนิกายฏฺกถายํ ปน ‘‘นิกฺขํ นาม ปฺจสุวณฺณา’’ติ วุตฺตํ. สุวณฺโณ นาม จตุธรณนฺติ วทนฺติ.
ทสสุ อริยวาเสสุ วุตฺถวาโสติ –
‘‘อิธ, (ที. นิ. ๓.๓๔๘; อ. นิ. ๑๐.๒๐) ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปฺจงฺควิปฺปหีโน โหติ ฉฬงฺคสมนฺนาคโต เอการกฺโข จตุราปสฺเสโน ปนุณฺณปจฺเจกสจฺโจ สมวยสฏฺเสโน อนาวิลสงฺกปฺโป ปสฺสทฺธกายสงฺขาโร สุวิมุตฺตจิตฺโต สุวิมุตฺตปฺโ.
‘‘กถฺจ ¶ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปฺจงฺควิปฺปหีโน โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน กามจฺฉนฺโท ปหีโน โหติ, พฺยาปาโท ปหีโน โหติ, ถินมิทฺธํ ปหีนํ โหติ, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหีนํ โหติ, วิจิกิจฺฉา ปหีนา โหติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปฺจงฺควิปฺปหีโน โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ฉฬงฺคสมนฺนาคโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา เนว สุมโน โหติ น ทุมฺมโน, อุเปกฺขโก วิหรติ สโต สมฺปชาโน. โสเตน สทฺทํ สุตฺวา…เป… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา… ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา… กาเยน โผฏฺพฺพํ ผุสิตฺวา… มนสา ธมฺมํ วิฺาย เนว สุมโน โหติ น ทุมฺมโน, อุเปกฺขโก วิหรติ สโต สมฺปชาโน. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ฉฬงฺคสมนฺนาคโต โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอการกฺโข โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สตารกฺเขน เจตสา สมนฺนาคโต โหติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอการกฺโข โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จตุราปสฺเสโน โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สงฺขาเยกํ ปฏิเสวติ, สงฺขาเยกํ อธิวาเสติ, สงฺขาเยกํ ปริวชฺเชติ, สงฺขาเยกํ วิโนเทติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จตุราปสฺเสโน โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปนุณฺณปจฺเจกสจฺโจ โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ยานิ ตานิ ปุถุสมณพฺราหฺมณานํ ปุถุปจฺเจกสจฺจานิ ¶ , สพฺพานิ ตานิ นุณฺณานิ โหนฺติ ปนุณฺณานิ จตฺตานิ วนฺตานิ มุตฺตานิ ปหีนานิ ปฏินิสฺสฏฺานิ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปนุณฺณปจฺเจกสจฺโจ โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สมวยสฏฺเสโน โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน กาเมสนา ปหีนา โหติ, ภเวสนา ปหีนา โหติ, พฺรหฺมจริเยสนา ปฏิปฺปสฺสทฺธา. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สมวยสฏฺเสโน โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อนาวิลสงฺกปฺโป โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ¶ กามสงฺกปฺโป ปหีโน โหติ, พฺยาปาทสงฺกปฺโป ปหีโน โหติ, วิหึสาสงฺกปฺโป ปหีโน โหติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อนาวิลสงฺกปฺโป โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปสฺสทฺธกายสงฺขาโร โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา ปุพฺเพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปสฺสทฺธกายสงฺขาโร โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สุวิมุตฺตจิตฺโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ราคาจิตฺตํ วิมุตฺตํ โหติ, โทสา จิตฺตํ วิมุตฺตํ โหติ, โมหา จิตฺตํ วิมุตฺตํ โหติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สุวิมุตฺตจิตฺโต โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สุวิมุตฺตปฺโ โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ‘ราโค เม ปหีโน อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวํกโต อายตึ อนุปฺปาทธมฺโม’ติ ปชานาติ, ‘โทโส เม ปหีโน…เป… โมโห เม ปหีโน อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวํกโต อายตึ อนุปฺปาทธมฺโม’ติ ปชานาติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สุวิมุตฺตปฺโ โหตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๔๘; อ. นิ. ๑๐.๒๐) –
เอวมาคเตสุ ทสสุ อริยวาเสสุ วุตฺถวาโส.
ตตฺถ วสนฺติ เอตฺถาติ วาสา, อริยานํ เอว วาสาติ อริยวาสา อนริยานํ ตาทิสานํ วาสานํ อสมฺภวโต. อริยาติ เจตฺถ อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน ¶ ขีณาสวา คหิตา. เอการกฺโขติ เอกา สติสงฺขาตา อารกฺขา เอตสฺสาติ เอการกฺโข. ขีณาสวสฺส (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๓๔๘; อ. นิ. อฏฺ. ๓.๑๐.๒๐) หิ ตีสุ ทฺวาเรสุ สพฺพกาเล สติ อารกฺขกิจฺจํ สาเธติ. เตเนวสฺส จรโต จ ติฏฺโต จ สุตฺตสฺส จ ชาครสฺส จ สตตํ สมิตํ าณทสฺสนํ ปจฺจุปฏฺิตํ โหตีติ วุจฺจติ.
จตุราปสฺเสโนติ จตฺตาริ อปสฺเสนานิ อปสฺสยา เอตสฺสาติ จตุราปสฺเสโน. สงฺขายาติ าเณน (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๓๐๘). ปฏิเสวตีติ าเณน ตฺวา เสวิตพฺพยุตฺตกเมว เสวติ. ตสฺส วิตฺถาโร ‘‘ปฏิสงฺขา โยนิโส จีวรํ ปริภฺุชตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๓; อ. นิ. ๖.๕๘) นเยน เวทิตพฺโพ. สงฺขาเยกํ อธิวาเสตีติ าเณน ตฺวา อธิวาเสตพฺพยุตฺตกเมว อธิวาเสติ. วิตฺถาโร ปเนตฺถ ‘‘ปฏิสงฺขา โยนิโส ขโม โหติ สีตสฺสา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๔) นเยน ¶ เวทิตพฺโพ. ปริวชฺเชตีติ าเณน ตฺวา ปริวชฺเชตพฺพยุตฺตกเมว ปริวชฺเชติ. ตสฺส วิตฺถาโร ‘‘ปฏิสงฺขา โยนิโส จณฺฑํ หตฺถึ ปริวชฺเชตี’’ติอาทินา นเยน เวทิตพฺโพ. วิโนเทตีติ าเณน ตฺวา วิโนเทตพฺพเมว วิโนเทติ นุทติ นีหรติ อนฺโต วสิตุํ น เทติ. ตสฺส วิตฺถาโร ‘‘อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสตี’’ติอาทินา นเยน เวทิตพฺโพ.
ปนุณฺณปจฺเจกสจฺโจติ (อ. นิ. อฏฺ. ๒.๔.๓๘; ที. นิ. อฏฺ. ๓.๓๔๘) ‘‘อิทเมว ทสฺสนํ สจฺจํ, อิทเมว สจฺจ’’นฺติ เอวํ ปาฏิเยกฺกํ คหิตตฺตา ปจฺเจกสงฺขาตานิ ทิฏฺิสจฺจานิ ปนุณฺณานิ นีหฏานิ ปหีนานิ อสฺสาติ ปนุณฺณปจฺเจกสจฺโจ. ปุถุสมณพฺราหฺมณานนฺติ พหูนํ สมณพฺราหฺมณานํ. เอตฺถ จ สมณาติ ปพฺพชฺชุปคตา. พฺราหฺมณาติ โภวาทิโน. ปุถุปจฺเจกสจฺจานีติ พหูนิ ปาเฏกฺกสจฺจานิ, ‘‘อิทเมว ทสฺสนํ สจฺจํ, อิทเมว สจฺจ’’นฺติ ปาฏิเยกฺกํ คหิตานิ พหูนิ สจฺจานีติ อตฺโถ. นุณฺณานีติ นีหฏานิ. ปนุณฺณานีติ สุฏฺุ นีหตานิ. จตฺตานีติ วิสฺสฏฺานิ. วนฺตานีติ วมิตานิ. มุตฺตานีติ ฉินฺนพนฺธนานิ กตานิ. ปหีนานีติ ปชหิตานิ. ปฏินิสฺสฏฺานีติ ยถา น ปุน จิตฺตํ อาโรหนฺติ, เอวํ ปฏิวิสฺสชฺชิตานิ. สพฺพาเนว เจตานิ อริยมคฺคาธิคมโต ปุพฺเพ คหิตสฺส ทิฏฺิคฺคาหสฺส วิสฺสฏฺภาวเววจนานิ.
สมวยสฏฺเสโนติ ¶ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๓๔๘; อ. นิ. อฏฺ. ๓.๑๐.๒๐) เอตฺถ อวยาติ อนูนา. สฏฺาติ นิสฺสฏฺา. สมฺมา อวยา สฏฺา เอสนา อสฺสาติ สมวยสฏฺเสโน, สมฺมา วิสฺสฏฺสพฺพเอสโนติ อตฺโถ. ‘‘ราคา จิตฺตํ วิมุตฺต’’นฺติอาทีหิ มคฺคสฺส กิจฺจนิปฺผตฺติ กถิตา ราคาทีนํ ปหีนภาวทีปนโต. ‘‘ราโค เม ปหีโน’’ติอาทีหิ ปจฺจเวกฺขณามุเขน อริยผลํ กถิตํ. อธิคเต หิ อคฺคผเล สพฺพโส ราคาทีนํ อนุปฺปาทธมฺมตํ ปชานาติ, ตฺจ ปชานนํ ปจฺจเวกฺขณาณนฺติ. ตตฺถ ปฺจงฺควิปฺปหานปจฺเจกสจฺจาปโนทนเอสนาสมวยสชฺชนานิ ‘‘สงฺขาเยกํ ปฏิเสวติ อธิวาเสติ ปริวชฺเชติ วิโนเทตี’’ติ วุตฺเตสุ อปสฺเสเนสุ วิโนทนา จ มคฺคกิจฺจาเนว, อิตเร จ มคฺเคเนว สมิชฺฌนฺติ.
ทสพโลติ กายพลสงฺขาตานิ าณพลสงฺขาตานิ จ ทส พลานิ เอตสฺสาติ ทสพโล. ทุวิธฺหิ ¶ ตถาคตสฺส พลํ กายพลํ าณพลฺจ. เตสุ กายพลํ หตฺถิกุลานุสาเรน เวทิตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ โปราเณหิ –
‘‘กาฬาวกฺจ คงฺเคยฺยํ, ปณฺฑรํ ตมฺพปิงฺคลํ;
คนฺธมงฺคลเหมฺจ, อุโปสถฉทฺทนฺติเม ทสา’’ติ. (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๔๘; สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๒.๒๒; อ. นิ. อฏฺ. ๓.๑๐.๒๑; วิภ. อฏฺ ๗๖; อุทา. อฏฺ. ๗๕; พุ. วํ. อฏฺ. ๑.๓๙; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๒.๒.๔๔; จูฬนิ. อฏฺ. ๘๑);
อิมานิ หิ ทส หตฺถิกุลานิ. ตตฺถ กาฬาวกนฺติ ปกติหตฺถิกุลํ ทฏฺพฺพํ. ยํ ทสนฺนํ ปุริสานํ กายพลํ, ตํ เอกสฺส กาฬาวกสฺส หตฺถิโน. ยํ ทสนฺนํ กาฬาวกานํ พลํ, ตํ เอกสฺส คงฺเคยฺยสฺส. ยํ ทสนฺนํ คงฺเคยฺยานํ, ตํ เอกสฺส ปณฺฑรสฺส. ยํ ทสนฺนํ ปณฺฑรานํ, ตํ เอกสฺส ตมฺพสฺส. ยํ ทสนฺนํ ตมฺพานํ, ตํ เอกสฺส ปิงฺคลสฺส. ยํ ทสนฺนํ ปิงฺคลานํ, ตํ เอกสฺส คนฺธหตฺถิโน. ยํ ทสนฺนํ คนฺธหตฺถีนํ, ตํ เอกสฺส มงฺคลสฺส. ยํ ทสนฺนํ มงฺคลานํ, ตํ เอกสฺส เหมวตสฺส. ยํ ทสนฺนํ เหมวตานํ, ตํ เอกสฺส อุโปสถสฺส. ยํ ทสนฺนํ อุโปสถานํ, ตํ เอกสฺส ฉทฺทนฺตสฺส. ยํ ทสนฺนํ ฉทฺทนฺตานํ, ตํ เอกสฺส ตถาคตสฺส กายพลํ. นารายนสงฺฆาตพลนฺติปิ อิทเมว วุจฺจติ. ตตฺถ นารา วุจฺจนฺติ รสฺมิโย, ตา พหู นานาวิธา ตโต อุปฺปชฺชนฺตีติ นารายนํ, วชิรํ, ตสฺมา วชิรสงฺฆาตพลนฺติ อตฺโถ. ตเทตํ ปกติหตฺถิคณนาย หตฺถีนํ โกฏิสหสฺสานํ, ปุริสคณนาย ทสนฺนํ ¶ ปุริสโกฏิสหสฺสานํ พลํ โหติ. อิทํ ตาว ตถาคตสฺส กายพลํ.
าณพลํ ปน ปาฬิยํ อาคตเมว. ตตฺรายํ ปาฬิ (ม. นิ. ๑.๑๔๘; อ. นิ. ๑๐.๒๑) –
‘‘ทส โข ปนิมานิ, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺส ตถาคตพลานิ, เยหิ พเลหิ สมนฺนาคโต ตถาคโต อาสภํ านํ ปฏิชานาติ, ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ. กตมานิ ทส? อิธ, สาริปุตฺต, ตถาคโต านฺจ านโต อฏฺานฺจ อฏฺานโต ยถาภูตํ ปชานาติ, ยมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคโต านฺจ านโต อฏฺานฺจ อฏฺานโต ยถาภูตํ ปชานาติ. อิทมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺส ตถาคตพลํ โหติ, ยํ พลํ อาคมฺม ¶ ตถาคโต อาสภํ านํ ปฏิชานาติ, ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ. (๑)
‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, ตถาคโต อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนานํ กมฺมสมาทานานํ านโส เหตุโส วิปากํ ยถาภูตํ ปชานาติ…เป…. (๒)
‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, ตถาคโต สพฺพตฺถคามินึ ปฏิปทํ ยถาภูตํ ปชานาติ…เป…. (๓)
‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, ตถาคโต อเนกธาตุํ นานาธาตุํ โลกํ ยถาภูตํ ปชานาติ…เป…. (๔)
‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, ตถาคโต สตฺตานํ นานาธิมุตฺติกตํ ยถาภูตํ ปชานาติ…เป…. (๕)
‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, ตถาคโต ปรสตฺตานํ ปรปุคฺคลานํ อินฺทฺริยปโรปริยตฺตํ ยถาภูตํ ปชานาติ…เป…. (๖)
‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, ตถาคโต ฌานวิโมกฺขสมาธิสมาปตฺตีนํ สํกิเลสํ โวทานํ วุฏฺานํ ยถาภูตํ ปชานาติ…เป…. (๗)
‘‘ปุน ¶ จปรํ, สาริปุตฺต, ตถาคโต อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ. เสยฺยถิทํ? เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย…เป… อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ…เป…. (๘)
‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, ตถาคโต ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต, ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติ…เป…. (๙)
‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, ตถาคโต อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ¶ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ…เป… อิทมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺส ตถาคตพลํ โหติ, ยํ พลํ อาคมฺม ตถาคโต อาสภํ านํ ปฏิชานาติ, ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ. อิมานิ โข, สาริปุตฺต, ทส ตถาคตสฺส ตถาคตพลานี’’ติ. (๑๐)
ตตฺถ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๔๘; อ. นิ. อฏฺ. ๓.๑๐.๒๑; วิภ. อฏฺ. ๗๖๐) านฺจ านโตติ การณฺจ การณโต. ‘‘เย เย ธมฺมา เยสํ เยสํ ธมฺมานํ เหตู ปจฺจยา อุปฺปาทาย, ตํ ตํ านํ. เย เย ธมฺมา เยสํ เยสํ ธมฺมานํ น เหตู น ปจฺจยา อุปฺปาทาย, ตํ ตํ อฏฺาน’’นฺติ ปชานนฺโต านฺจ านโต อฏฺานฺจ อฏฺานโต ยถาภูตํ ปชานาติ. ยมฺปีติ เยน าเณน.
กมฺมสมาทานานนฺติ สมาทิยิตฺวา กตานํ กุสลากุสลกมฺมานํ, กมฺมเมว วา กมฺมสมาทานํ. านโส เหตุโสติ ปจฺจยโต เจว เหตุโต จ. ตตฺถ คติอุปธิกาลปโยคา วิปากสฺส านํ, กมฺมํ เหตุ.
สพฺพตฺถคามินินฺติ สพฺพคติคามินิฺจ อคติคามินิฺจ. ปฏิปทนฺติ มคฺคํ. ยถาภูตํ ปชานาตีติ พหูสุปิ มนุสฺเสสุ เอกเมว ปาณํ ฆาเตนฺเตสุ กามํ สพฺเพสมฺปิ เจตนา ตสฺเสเวกสฺส ชีวิตินฺทฺริยารมฺมณา, ตํ ปน กมฺมํ เตสํ นานาการํ. เตสุ หิ เอโก อาทเรน ฉนฺทชาโต กโรติ, เอโก ‘‘เอหิ ตฺวมฺปิ กโรหี’’ติ ปเรหิ นิปฺปีฬิโต กโรติ, เอโก สมานจฺฉนฺโท ¶ วิย หุตฺวา อปฺปฏิพาหิยมาโน วิจรติ, ตสฺมา เตสุ เอโก เตเนว กมฺเมน นิรเย นิพฺพตฺตติ, เอโก ติรจฺฉานโยนิยํ, เอโก เปตฺติวิสเย. ตํ ตถาคโต อายูหนกฺขเณเยว ‘‘อิมินา นีหาเรน อายูหิตตฺตา เอส นิรเย นิพฺพตฺติสฺสติ, เอส ติรจฺฉานโยนิยํ, เอส เปตฺติวิสเย’’ติ ชานาติ. นิรเย นิพฺพตฺตมานมฺปิ ‘‘เอส มหานิรเย นิพฺพตฺติสฺสติ, เอส อุสฺสทนิรเย’’ติ ชานาติ. ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺตมานมฺปิ ‘‘เอส อปาทโก ภวิสฺสติ, เอส ทฺวิปาทโก, เอส จตุปฺปาโท, เอส พหุปฺปาโท’’ติ ชานาติ. เปตฺติวิสเย นิพฺพตฺตมานมฺปิ ‘‘เอส นิชฺฌามตณฺหิโก ภวิสฺสติ, เอส ขุปฺปิปาสิโก, เอส ปรทตฺตูปชีวี’’ติ ชานาติ. เตสุ จ กมฺเมสุ ‘‘อิทํ กมฺมํ ปฏิสนฺธึ อากฑฺฒิสฺสติ, เอตํ อฺเน ทินฺนาย ปฏิสนฺธิยา อุปธิเวปกฺกํ ภวิสฺสตี’’ติ ชานาติ.
ตถา สกลคามวาสิเกสุ เอกโต ปิณฺฑปาตํ ททมาเนสุ กามํ สพฺเพสมฺปิ เจตนา ปิณฺฑปาตารมฺมณาว, ¶ ตํ ปน กมฺมํ เตสํ นานาการํ. เตสุ หิ เอโก อาทเรน กโรตีติ สพฺพํ ปุริมสทิสํ. ตสฺมา เตสุ จ เกจิ เทวโลเก นิพฺพตฺตนฺติ, เกจิ มนุสฺสโลเก. ตํ ตถาคโต อายูหนกฺขเณเยว ชานาติ. ‘‘อิมินา นีหาเรน อายูหิตตฺตา เอส มนุสฺสโลเก นิพฺพตฺติสฺสติ, เอส เทวโลเก, ตตฺถาปิ เอส ขตฺติยกุเล, เอส พฺราหฺมณกุเล, เอส เวสฺสกุเล, เอส สุทฺทกุเล, เอส ปรนิมฺมิตวสวตฺตีสุ, เอส นิมฺมานรตีสุ, เอส ตุสิเตสุ, เอส ยาเมสุ, เอส ตาวตึเสสุ, เอส จาตุมหาราชิเกสุ, เอส ภุมฺมเทเวสู’’ติอาทินา ตตฺถ ตตฺถ หีนปณีตสุวณฺณทุพฺพณฺณอปฺปปริวารมหาปริวารตาทิเภทํ ตํ ตํ วิเสสํ อายูหนกฺขเณเยว ชานาติ.
ตถา วิปสฺสนํ ปฏฺเปนฺเตสุเยว ‘‘อิมินา นีหาเรน เอส กิฺจิ สลฺลกฺเขตุํ น สกฺขิสฺสติ, เอส มหาภูตมตฺตเมว ววตฺถเปสฺสติ, เอส รูปปริคฺคเห เอว สฺสติ, เอส อรูปปริคฺคเหเยว, เอส นามรูปปริคฺคเหเยว, เอส ปจฺจยปริคฺคเหเยว, เอส ลกฺขณารมฺมณิกวิปสฺสนายเมว, เอส ปมผเลเยว, เอส ทุติยผเล เอว, เอส ตติยผเล เอว, เอส อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ ชานาติ. กสิณปริกมฺมํ กโรนฺเตสุปิ ‘‘อิมสฺส ปริกมฺมมตฺตเมว ภวิสฺสติ, เอส นิมิตฺตํ อุปฺปาเทสฺสติ, เอส อปฺปนํ เอว ปาปุณิสฺสติ, เอส ฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อรหตฺตํ คณฺหิสฺสตี’’ติ ชานาติ.
อเนกธาตุนฺติ ¶ จกฺขุธาตุอาทีหิ, กามธาตุอาทีหิ วา ธาตูหิ พหุธาตุํ. นานาธาตุนฺติ ตาสํเยว ธาตูนํ วิลกฺขณตฺตา นานปฺปการธาตุํ. โลกนฺติ ขนฺธายตนธาตุโลกํ. ยถาภูตํ ปชานาตีติ ตาสํ ธาตูนํ อวิปรีตโต สภาวํ ปฏิวิชฺฌติ.
นานาธิมุตฺติกตนฺติ หีนาทีหิ อธิมุตฺตีหิ นานาธิมุตฺติกภาวํ. ปรสตฺตานนฺติ ปธานสตฺตานํ. ปรปุคฺคลานนฺติ ตโต ปเรสํ หีนสตฺตานํ. เอกตฺถเมว วา เอตํ ปททฺวยํ, เวเนยฺยวเสน ปน ทฺเวธา วุตฺตํ. อินฺทฺริยปโรปริยตฺตนฺติ สทฺธาทีนํ อินฺทฺริยานํ ปรภาวฺจ อปรภาวฺจ, วุทฺธิฺจ หานิฺจาติ อตฺโถ.
ฌานวิโมกฺขสมาธิสมาปตฺตีนนฺติ ปมาทีนํ จตุนฺนํ ฌานานํ, ‘‘รูปี รูปานิ ปสฺสตี’’ติอาทีนํ อฏฺนฺนํ วิโมกฺขานํ, สวิตกฺกสวิจาราทีนํ ติณฺณํ สมาธีนํ, ปมชฺฌานสมาปตฺติอาทีนฺจ นวนฺนํ อนุปุพฺพสมาปตฺตีนํ. สํกิเลสนฺติ หานภาคิยธมฺมํ. โวทานนฺติ วิเสสภาคิยธมฺมํ. วุฏฺานนฺติ ‘‘โวทานมฺปิ วุฏฺานํ, ตมฺหา ตมฺหา สมาธิมฺหา วุฏฺานมฺปิ วุฏฺาน’’นฺติ (วิภ. ๘๒๘) เอวํ วุตฺตํ ปคุณชฺฌานฺเจว ภวงฺคผลสมาปตฺติโย จ. เหฏฺิมํ ¶ เหฏฺิมฺหิ ปคุณชฺฌานํ อุปริมสฺส อุปริมสฺส ปทฏฺานํ โหติ, ตสฺมา ‘‘โวทานมฺปิ วุฏฺาน’’นฺติ วุตฺตํ. ภวงฺเคน สพฺพฌาเนหิ วุฏฺานํ โหติ, ผลสมาปตฺติยา นิโรธสมาปตฺติโต วุฏฺานํ โหติ. ตเมตํ สนฺธาย ‘‘ตมฺหา ตมฺหา สมาธิมฺหา วุฏฺานมฺปิ วุฏฺาน’’นฺติ วุตฺตํ. สพฺพาณานฺจ วิตฺถารกถาย วินิจฺฉโย สมฺโมหวิโนทนิยํ วิภงฺคฏฺกถายํ (วิภ. อฏฺ. ๗๖๐) วุตฺโต. ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติทิพฺพจกฺขุอาสวกฺขยาณกถา ปน เวรฺชกณฺเฑ (ปารา. ๑๒) วิตฺถาริตาเยว.
อิมานิ โข สาริปุตฺตาติ ยานิ ปุพฺเพ ‘‘ทส โข ปนิมานิ, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺส ตถาคตพลานี’’ติ อโวจํ, อิมานิ ตานีติ อปฺปนํ กโรติ. ตตฺถ ปรวาทิกถา โหติ ‘‘ทสพลาณํ นาม ปาฏิเยกฺกํ นตฺถิ, สพฺพฺุตฺาณสฺเสวายํ ปเภโท’’ติ, ตํ น ตถา ทฏฺพฺพํ. อฺเมว หิ ทสพลาณํ, อฺํ สพฺพฺุตฺาณํ. ทสพลาณํ สกสกกิจฺจเมว ชานาติ, สพฺพฺุตฺาณํ ตมฺปิ ตโต อวเสสมฺปิ ปชานาติ. ทสพลาเณสุ หิ ปมํ การณาการณเมว ชานาติ, ทุติยํ กมฺมนฺตรวิปากนฺตรเมว, ตติยํ กมฺมปริจฺเฉทเมว, จตุตฺถํ ธาตุนานตฺตการณเมว ¶ , ปฺจมํ สตฺตานํ อชฺฌาสยาธิมุตฺติเมว, ฉฏฺํ อินฺทฺริยานํ ติกฺขมุทุภาวเมว, สตฺตมํ ฌานาทีหิ สทฺธึ เตสํ สํกิเลสาทิเมว, อฏฺมํ ปุพฺเพนิวุตฺถกฺขนฺธสนฺตติเมว, นวมํ สตฺตานํ จุติปฏิสนฺธิเมว, ทสมํ สจฺจปริจฺเฉทเมว. สพฺพฺุตฺาณํ ปน เอเตหิ ชานิตพฺพฺจ ตโต อุตฺตริฺจ ปชานาติ, เอเตสํ ปน กิจฺจํ น สพฺพํ กโรติ. ตฺหิ ฌานํ หุตฺวา อปฺเปตุํ น สกฺโกติ, อิทฺธิ หุตฺวา วิกุพฺพิตุํ น สกฺโกติ, มคฺโค หุตฺวา กิเลเส เขเปตุํ น สกฺโกติ. อิติ ยถาวุตฺตกายพเลน เจว าณพเลน จ สมนฺนาคตตฺตา ภควา ‘‘ทสพโล’’ติ วุจฺจติ.
ทสหิ อเสกฺเขหิ องฺเคหิ อุเปโตติ ‘‘อเสกฺขา สมฺมาทิฏฺิ, อเสกฺโข สมฺมาสงฺกปฺโป, อเสกฺขา สมฺมาวาจา, อเสกฺโข สมฺมากมฺมนฺโต, อเสกฺโข สมฺมาอาชีโว, อเสกฺโข สมฺมาวายาโม, อเสกฺขา สมฺมาสติ, อเสกฺโข สมฺมาสมาธิ, อเสกฺขํ สมฺมาาณํ, อเสกฺขา สมฺมาวิมุตฺตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๔๘, ๓๖๐) เอวํ วุตฺเตหิ ทสหิ อเสกฺขธมฺเมหิ สมนฺนาคโต. อเสกฺขา สมฺมาทิฏฺิอาทโย จ สพฺเพ ผลสมฺปยุตฺตธมฺมา เอว. เอตฺถ จ สมฺมาทิฏฺิ สมฺมาาณนฺติ ทฺวีสุ าเนสุ ปฺาว กถิตา ‘‘สมฺมา ทสฺสนฏฺเน สมฺมาทิฏฺิ, สมฺมา ปชานนฏฺเน สมฺมาาณ’’นฺติ. อตฺถิ หิ ทสฺสนชานนานํ วิสเย ปวตฺติอาการวิเสโส. สมฺมาวิมุตฺตีติ อิมินา ปน ปเทน วุตฺตาวเสสา ผลสมาปตฺติสหคตธมฺมา สงฺคหิตาติ เวทิตพฺพา ¶ . อริยผลสมฺปยุตฺตธมฺมาปิ หิ สพฺพโส ปฏิปกฺขโต วิมุตฺตตํ อุปาทาย วิมุตฺตีติ วตฺตพฺพตํ ลภนฺติ.
๕๙. วจนสทฺเทน อปฺปสทฺทนฺติ อารามุปจาเรน คจฺฉโต อทฺธิกชนสฺสปิ วจนสทฺเทน อปฺปสทฺทํ. นครนิคฺโฆสสทฺเทนาติ อวิภาวิตตฺเถน นคเร มนุสฺสานํ นิคฺโฆสสทฺเทน. มนุสฺเสหิ สมาคมฺม เอกชฺฌํ ปวตฺติตสทฺโท หิ นิคฺโฆโส. อนุสฺจรณชนสฺสาติ อนฺโตสฺจาริโน ชนสฺส. มนุสฺสานํ รหสฺสกิริยฏฺานิยนฺติ มนุสฺสานํ รหสฺสกรณสฺส ยุตฺตํ อนุจฺฉวิกํ. วิเวกานุรูปนฺติ เอกีภาวสฺส อนุรูปํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
พิมฺพิสารสมาคมกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานปพฺพชฺชากถาวณฺณนา
๖๐. อิทานิ ¶ ‘‘เตน โข ปน สมเยน สฺจโย ปริพฺพาชโก’’ติอาทีสุ อปุพฺพปทวณฺณนํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สารีพฺราหฺมณิยา ปุตฺโต สาริปุตฺโต, โมคฺคลฺลีพฺราหฺมณิยา ปุตฺโต โมคฺคลฺลาโน. อมฺหากํ กิร (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๘๙-๑๙๐; ธ. ป. อฏฺ. ๑.๑๐ สาริปุตฺตตฺเถรวตฺถุ) ภควโต นิพฺพตฺติโต ปุเรตรเมว สาริปุตฺโต ราชคหนครสฺส อวิทูเร อุปติสฺสคาเม สารีพฺราหฺมณิยา นาม กุจฺฉิยํ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตํทิวสเมวสฺส สหาโยปิ ราชคหสฺเสว อวิทูเร โกลิตคาเม โมคฺคลฺลีพฺราหฺมณิยา กุจฺฉิยํ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตานิ กิร ทฺเวปิ กุลานิ ยาว สตฺตมา กุลปริวฏฺฏา อาพทฺธปฏิพทฺธสหายาเนว. เตสํ ทฺวินฺนํ เอกทิวสเมว คพฺภปริหารํ อทํสุ. ทสมาสจฺจเยน ชาตานมฺปิ เตสํ ฉสฏฺิ ธาติโย อุปนยึสุ. นามคฺคหณทิวเส สารีพฺราหฺมณิยา ปุตฺตสฺส อุปติสฺสคาเม เชฏฺกุลสฺส ปุตฺตตฺตา ‘‘อุปติสฺโส’’ติ นามํ อกํสุ, อิตรสฺส โกลิตคาเม เชฏฺกุลสฺส ปุตฺตตฺตา ‘‘โกลิโต’’ติ นามํ อกํสุ. เตน วุตฺตํ ‘‘คิหิกาเล อุปติสฺโส โกลิโตติ เอวํ ปฺายมานนามา’’ติ.
อฑฺฒเตยฺยสตมาณวกปริวาราติ เอตฺถ ปฺจปฺจสตมาณวกปริวาราติปิ วทนฺติ. วุตฺตฺเหตํ องฺคุตฺตรนิกายฏฺกถายํ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๘๙-๑๙๐) –
‘‘อุปติสฺสมาณวกสฺส กีฬนตฺถาย นทึ วา อุยฺยานํ วา คมนกาเล ปฺจ สุวณฺณสิวิกาสตานิ ¶ ปริวารานิ โหนฺติ, โกลิตมาณวกสฺส ปฺจ อาชฺรถสตานิ. ทฺเวปิ ชนา ปฺจปฺจมาณวกสตปริวารา โหนฺตี’’ติ.
ราชคเห จ อนุสํวจฺฉรํ คิรคฺคสมชฺชํ นาม โหติ. เตสํ ทฺวินฺนมฺปิ เอกฏฺาเนเยว มฺจกํ พนฺธนฺติ. ทฺเวปิ เอกโตว นิสีทิตฺวา สมชฺชํ ปสฺสิตฺวา หสิตพฺพฏฺาเน หสนฺติ, สํเวคฏฺาเน สํวิชฺชนฺติ, ทายํ ทาตุํ ยุตฺตฏฺาเน ทายํ เทนฺติ. เตสํ อิมินาว นิยาเมน เอกทิวสํ สมชฺชํ ปสฺสนฺตานํ ปริปากคตตฺตา าณสฺส ปุริมทิวเสสุ วิย หสิตพฺพฏฺาเน หาโส วา สํเวคฏฺาเน สํวิชฺชนํ วา ทายํ ทาตุํ ยุตฺตฏฺาเน ทายทานํ วา นาโหสิ. ทฺเวปิ ¶ ปน ชนา เอวํ จินฺตยึสุ ‘‘กึ เอตฺถ โอโลเกตพฺพํ อตฺถิ, สพฺเพปิเม อปฺปตฺเต วสฺสสเต อปณฺณตฺติกภาวํ คมิสฺสนฺติ, อมฺเหหิ ปน เอกํ โมกฺขธมฺมํ คเวสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อารมฺมณํ คเหตฺวา นิสีทึสุ. ตโต โกลิโต อุปติสฺสํ อาห ‘‘สมฺม อุปติสฺส, น ตฺวํ อฺทิวเสสุ วิย หฏฺปหฏฺโ, อนตฺตมนธาตุโกสิ, กึ เต สลฺลกฺขิต’’นฺติ. ‘‘สมฺม โกลิต, เอเตสํ โอโลกเน สาโร นตฺถิ, นิรตฺถกเมตํ, อตฺตโน โมกฺขธมฺมํ คเวสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อิทํ จินฺตยนฺโต นิสินฺโนมฺหีติ. ตฺวํ ปน กสฺมา อนตฺตมโนติ. โสปิ ตเถว อาห. อถสฺส อตฺตนา สทฺธึ เอกชฺฌาสยตํ ตฺวา อุปติสฺโส เอวมาห ‘‘อมฺหากํ อุภินฺนํ สุจินฺติตํ, โมกฺขธมฺมํ ปน คเวสนฺเตหิ เอกา ปพฺพชฺชา ลทฺธุํ วฏฺฏติ, กสฺส สนฺติเก ปพฺพชามา’’ติ.
เตน โข ปน สมเยน สฺจโย ปริพฺพาชโก ราชคเห ปฏิวสติ มหติยา ปริพฺพาชกปริสาย สทฺธึ. เต ‘‘ตสฺส สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามา’’ติ ปฺจหิ มาณวกสเตหิ สทฺธึ สฺจยสฺส สนฺติเก ปพฺพชึสุ. เตสํ ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย สฺจโย อติเรกลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺโต อโหสิ. เต กติปาเหเนว สพฺพํ สฺจยสฺส สมยํ ปริมทฺทิตฺวา ‘‘อาจริย, ตุมฺหากํ ชานนสมโย เอตฺตโกว, อุทาหุ อุตฺตริปิ อตฺถี’’ติ ปุจฺฉึสุ. สฺจโย ‘‘เอตฺตโกว, สพฺพํ ตุมฺเหหิ าต’’นฺติ อาห. ตสฺส กถํ สุตฺวา จินฺตยึสุ ‘‘เอวํ สติ อิมสฺส สนฺติเก พฺรหฺมจริยวาโส นิรตฺถโก, มยํ โมกฺขธมฺมํ คเวสิตุํ นิกฺขนฺตา, โส อิมสฺส สนฺติเก อุปฺปาเทตุํ น สกฺกา, มหา โข ปน ชมฺพุทีโป, คามนิคมราชธานิโย จรนฺตา อวสฺสํ โมกฺขธมฺมเทสกํ อาจริยํ ลภิสฺสามา’’ติ. เต ตโต ปฏฺาย ‘‘ยตฺถ ยตฺถ ปณฺฑิตา สมณพฺราหฺมณา อตฺถี’’ติ สุณนฺติ, ตตฺถ ตตฺถ คนฺตฺวา ปฺหสากจฺฉํ กโรนฺติ, เตหิ ปุฏฺํ ปฺหํ อฺโ กเถตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ, เต ปน เตสํ ปฺหํ วิสฺสชฺเชนฺติ. เอวํ สกลชมฺพุทีปํ ปริคฺคณฺหิตฺวา นิวตฺติตฺวา สกฏฺานเมว อาคนฺตฺวา ‘‘สมฺม โกลิต, โย ปมํ อมตํ อธิคจฺฉติ ¶ , โส อาโรเจตู’’ติ กติกํ อกํสุ. อิมเมว วตฺถุํ สงฺขิปิตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺร เนสํ มหาชนํ ทิสฺวา…เป… กติกํ อกํสู’’ติ อาห.
ตตฺถ ฉนฺนปริพฺพาชกสฺสาติ เสตปฏธรสฺส ปริพฺพาชกสฺส. เตน นายํ นคฺคปริพฺพาชโกติ ทสฺเสติ. ปาสาทิเกน อภิกฺกนฺเตนาติอาทีสุ ปาสาทิเกนาติ ปสาทาวเหน สารุปฺเปน สมณานุจฺฉวิเกน. อภิกฺกนฺเตนาติ ¶ คมเนน. ปฏิกฺกนฺเตนาติ นิวตฺตเนน. อาโลกิเตนาติ ปุรโต ทสฺสเนน. วิโลกิเตนาติ อิโต จิโต ทสฺสเนน. สมิฺชิเตนาติ ปพฺพสงฺโกจเนน. ปสาริเตนาติ เตสํเยว ปสารเณน. สพฺพตฺถ อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ กรณวจนํ, ตสฺมา สติสมฺปชฺเกหิ วภิสงฺขตตฺตา ปาสาทิกอภิกฺกนฺตปฏิกฺกนฺตอาโลกิตวิโลกิตสมิฺชิตปสาริโต หุตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. โอกฺขิตฺตจกฺขูติ เหฏฺาขิตฺตจกฺขุ. อิริยาปถสมฺปนฺโนติ ตาย ปาสาทิกอภิกฺกนฺตาทิตาย สมฺปนฺนอิริยาปโถ. อตฺถิเกหิ อุปฺาตนฺติ ‘‘มรเณ สติ อมเตนปิ ภวิตพฺพ’’นฺติ เอวํ อนุมานาเณน ‘‘อตฺถี’’ติ อุปคตํ นิพฺพานํ นาม, ตํ มคฺคนฺโต ปริเยสนฺโต ยนฺนูนาหํ อิมํ ภิกฺขุํ ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺเธยฺยนฺติ สมฺพนฺโธ. สุทินฺนกณฺเฑ วุตฺตปฺปการนฺติ ‘‘ทานปตีนํ ฆเรสุ สาลา โหนฺติ, อาสนานิ เจตฺถ ปฺตฺตานิ โหนฺติ, อุปฏฺาปิตํ อุทกกฺชิยํ, ตตฺถ ปพฺพชิตา ปิณฺฑาย จริตฺวา นิสีทิตฺวา ภฺุชนฺติ. สเจ อิจฺฉนฺติ, ทานปตีนมฺปิ สนฺตกํ คณฺหนฺติ, ตสฺมา ตมฺปิ อฺตรสฺส กุลสฺส อีทิสาย สาลาย อฺตรํ กุฏฺฏมูลนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติ เอวํ วุตฺตปฺปการํ.
อปฺปํ วา พหุํ วา ภาสสฺสูติ ปริพฺพาชโก ‘‘อหํ อุปติสฺโส นาม, ตฺวํ ยถาสตฺติยา อปฺปํ วา พหุํ วา ปาวท, เอตํ นยสเตน นยสหสฺเสน ปฏิวิชฺฌิตุํ มยฺหํ ภาโร’’ติ จินฺเตตฺวา เอวมาห. นิโรโธ จ นิโรธุปาโย จ เอกเทสสรูเปกเสสนเยน ‘‘นิโรโธ’’ติ วุตฺโตติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อถ วา’’ติอาทิมาห. ปฏิปาเทนฺโตติ นิคเมนฺโต. อิมํ ธมฺมปริยายํ สุตฺวา วิรชํ วีตมลํ ธมฺมจกฺขุํ อุทปาทีติ เอตฺถ ปริพฺพาชโก ปมปททฺวยเมว สุตฺวา สหสฺสนยสมฺปนฺเน โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. อิตรปททฺวยํ โสตาปนฺนกาเล นิฏฺาสีติ เวทิตพฺพํ.
พหุเกหิ กปฺปนหุเตหีติ เอตฺถ ทส ทสกานิ สตํ, ทส สตานิ สหสฺสํ, สหสฺสานํ สตํ สตสหสฺสํ, สตสหสฺสานํ สตํ โกฏิ, โกฏิสตสหสฺสานํ สตํ ปโกฏิ, ปโกฏิสตสหสฺสานํ สตํ โกฏิปโกฏิ, โกฏิปโกฏิสตสหสฺสานํ สตํ เอกนหุตนฺติ เวทิตพฺพํ.
๖๑. อถ ¶ ¶ โข สาริปุตฺโต ปริพฺพาชโก เยน โมคฺคลฺลาโน ปริพฺพาชโก เตนุปสงฺกมีติ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๘๙-๑๙๐; ธ. ป. อฏฺ. ๑.๑๐ สาริปุตฺตตฺเถรวตฺถุ) โสตาปนฺโน หุตฺวา อุปริวิเสเส อปฺปวตฺตนฺเต ‘‘ภวิสฺสติ เอตฺถ การณ’’นฺติ สลฺลกฺเขตฺวา เถรํ อาห ‘‘ภนฺเต, มา อุปริ ธมฺมเทสนํ วฑฺฒยิตฺถ, เอตฺตกเมว โหตุ, กหํ อมฺหากํ สตฺถา วสตี’’ติ. เวฬุวเน ปริพฺพาชกาติ. ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห ปุรโต ยาถ, มยฺหํ เอโก สหายโก อตฺถิ, อมฺเหหิ จ อฺมฺํ กติกา กตา ‘โย ปมํ อมตํ อธิคจฺฉติ, โส อาโรเจตู’ติ, อหํ ตํ ปฏิฺํ โมเจตฺวา สหายกํ คเหตฺวา ตุมฺหากํ คตมคฺเคเนว สตฺถุ สนฺติกํ อาคมิสฺสามี’’ติ ปฺจปติฏฺิเตน เถรสฺส ปาเทสุ นิปติตฺวา ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา เถรํ อุยฺโยเชตฺวา ปริพฺพาชการามาภิมุโข อคมาสิ.
๖๒. สาริปุตฺตํ ปริพฺพาชกํ เอตทโวจาติ ‘‘อชฺช มยฺหํ สหายสฺส มุขวณฺโณ น อฺทิวเสสุ วิย, อทฺธา อเนน อมตํ อธิคตํ ภวิสฺสตี’’ติ อมตาธิคมํ ปุจฺฉนฺโต เอตทโวจ. โสปิสฺส ‘‘อามาวุโส, อมตํ อธิคต’’นฺติ ปฏิชานิตฺวา สพฺพํ ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา ตเมว คาถํ อภาสิ. คาถาปริโยสาเน โมคฺคลฺลาโน ปริพฺพาชโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อถ โข โมคฺคลฺลานสฺส ปริพฺพาชกสฺส…เป… ธมฺมจกฺขุํ อุทปาที’’ติ. คจฺฉาม มยํ, อาวุโส, ภควโต สนฺติเกติ ‘‘กหํ สมฺม สตฺถา วสตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เวฬุวเน กิร สมฺม, เอวํ โน อาจริเยน อสฺสชิตฺเถเรน กถิต’’นฺติ วุตฺเต เอวมาห.
สาริปุตฺตตฺเถโร จ นาเมส สทาปิ อาจริยปูชโกว, ตสฺมา สหายํ โมคฺคลฺลานํ ปริพฺพาชกํ เอวมาห ‘‘อมฺเหหิ อธิคตํ อมตํ อมฺหากํ อาจริยสฺส สฺจยปริพฺพาชกสฺสปิ กเถสฺสาม, พุชฺฌมาโน ปฏิวิชฺฌิสฺสติ, อปฺปฏิวิชฺฌนฺโต อมฺหากํ สทฺทหิตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คมิสฺสติ, พุทฺธานํ เทสนํ สุตฺวา มคฺคผลปฺปฏิเวธํ กริสฺสตี’’ติ. ตโต ทฺเวปิ ชนา สฺจยสฺส สนฺติกํ อคมํสุ. เตน วุตฺตํ ‘‘อถ โข สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา เยน สฺจโย ปริพฺพาชโก เตนุปสงฺกมึสู’’ติ. อุปสงฺกมิตฺวา จ ‘‘อาจริย, ตฺวํ กึ กโรสิ, โลเก พุทฺโธ ¶ อุปฺปนฺโน, สฺวากฺขาโต ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน สงฺโฆ, อายาม ทสพลํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ. โส ‘‘กึ วทถ ตาตา’’ติ เตปิ วาเรตฺวา ลาภคฺคยสคฺคปฺปวตฺติเมว เนสํ ทีเปติ. เต ‘‘อมฺหากํ เอวรูโป อนฺเตวาสิกวาโส นิจฺจเมว โหตุ, ตุมฺหากํ ปน คมนํ วา อคมนํ วา ชานาถา’’ติ อาหํสุ. สฺจโย ‘‘อิเม เอตฺตกํ ชานนฺตา มม วจนํ น กริสฺสนฺตี’’ติ ตฺวา ‘‘คจฺฉถ ตุมฺเห ตาตา, อหํ มหลฺลกกาเล อนฺเตวาสิกวาสํ วสิตุํ น สกฺโกมี’’ติ ¶ อาห. เต อเนเกหิปิ การณสเตหิ ตํ โพเธตุํ อสกฺโกนฺตา อตฺตโน โอวาเท วตฺตมานํ ชนํ อาทาย เวฬุวนํ อคมํสุ. ปฺจสุ อนฺเตวาสิกสเตสุ อฑฺฒเตยฺยสตา นิวตฺตึสุ, อฑฺฒเตยฺยสตา เตหิ สทฺธึ อคมํสุ. เตน วุตฺตํ ‘‘อถ โข สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา ตานิ อฑฺฒเตยฺยานิ ปริพฺพาชกสตานิ อาทาย เยน เวฬุวนํ เตนุปสงฺกมึสู’’ติ.
วิมุตฺเตติ ยถาวุตฺตลกฺขเณ นิพฺพาเน ตทารมฺมณาย ผลวิมุตฺติยา อธิมุตฺเต เน สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเน พฺยากาสีติ สมฺพนฺโธ.
เอวํ พฺยากริตฺวา จ สตฺถา จตุปริสมชฺเฌ ธมฺมํ เทเสนฺโต เนสํ ปริสาย จริยวเสน ธมฺมเทสนํ วฑฺเฒสิ, เปตฺวา ทฺเว อคฺคสาวเก สพฺเพปิ อฑฺฒเตยฺยสตา ปริพฺพาชกา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. สตฺถา ‘‘เอถ ภิกฺขโว’’ติ หตฺถํ ปสาเรสิ, สพฺเพสํ เกสมสฺสุ อนฺตรธายิ, อิทฺธิมยปตฺตจีวรํ กายปฏิพทฺธํ อโหสิ. อคฺคสาวกานมฺปิ อิทฺธิมยปตฺตจีวรํ อาคตํ, อุปริมคฺคตฺตยกิจฺจํ ปน น นิฏฺาติ. กสฺมา? สาวกปารมีาณสฺส มหนฺตตาย. อถายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ปพฺพชิตทิวสโต สตฺตเม ทิวเส มคธรฏฺเ กลฺลวาฬคามกํ อุปนิสฺสาย สมณธมฺมํ กโรนฺโต ถินมิทฺธํ โอกฺกมนฺโต สตฺถารา สํเวชิโต ถินมิทฺธํ วิโนเทตฺวา ตถาคเตน ทินฺนํ ธาตุกมฺมฏฺานํ สุณนฺโตว อุปริมคฺคตฺตยกิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา สาวกปารมีาณสฺส มตฺถกํ ปตฺโต. สาริปุตฺตตฺเถโรปิ ปพฺพชิตทิวสโต อทฺธมาสํ อติกฺกมิตฺวา สตฺถารา สทฺธึ ตเมว ราชคหํ อุปนิสฺสาย สูกรขตเลเณ วิหรนฺโต อตฺตโน ภาคิเนยฺยสฺส ทีฆนขปริพฺพาชกสฺส เวทนาปริคฺคหสุตฺตนฺเต เทสิยมาเน สุตฺตานุสาเรน าณํ เปเสตฺวา ปรสฺส วฑฺฒิตภตฺตํ ภฺุชนฺโต วิย สาวกปารมีาณสฺส มตฺถกํ ปตฺโต. เตเนวาห ‘‘มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร สตฺตหิ ทิวเสหิ อรหตฺเต ปติฏฺิโต, สาริปุตฺตตฺเถโร อทฺธมาเสนา’’ติ.
ยทิปิ ¶ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร น จิรสฺเสว อรหตฺตํ ปตฺโต, ธมฺมเสนาปติ ตโต จิเรน, เอวํ สนฺเตปิ สาริปุตฺตตฺเถโรว มหาปฺตโร. มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร หิ สาวกานํ สมฺมสนจารํ ยฏฺิโกฏิยา อุปฺปีเฬนฺโต วิย เอกเทสเมว สมฺมสนฺโต สตฺต ทิวเส วายมิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโต. สาริปุตฺตตฺเถโร เปตฺวา พุทฺธานํ ปจฺเจกพุทฺธานฺจ สมฺมสนจารํ สาวกานํ สมฺมสนจารํ นิปฺปเทสํ สมฺมสิ, เอวํ สมฺมสนฺโต อทฺธมาสํ วายมิ. อุกฺกํสคตสฺส สาวกานํ สมฺมสนจารสฺส นิปฺปเทเสน ปวตฺติยมานตฺตา สาวกปารมีาณสฺส จ ตถา ปริปาเจตพฺพตฺตา. ยถา หิ ปุริโส ‘‘เวณุยฏฺึ คณฺหิสฺสามี’’ติ มหาชฏํ เวณุํ ทิสฺวา ‘‘ชฏํ ฉินฺทนฺตสฺส ปปฺโจ ภวิสฺสตี’’ติ อนฺตเรน หตฺถํ ปเวเสตฺวา สมฺปตฺตเมว ยฏฺึ มูเล จ อคฺเค จ ฉินฺทิตฺวา อาทาย ปกฺกเมยฺย, โส ¶ กิฺจาปิ ปมตรํ คจฺฉติ, ยฏฺึ ปน สารํ วา อุชุํ วา น ลภติ. อปโร ตถารูปเมว เวณุํ ทิสฺวา สเจ สมฺปตฺตยฏฺึ คณฺหิสฺสามิ, สารํ วา อุชุํ วา น ลภิสฺสามีติ กจฺฉํ พนฺธิตฺวา มหนฺเตน สตฺเถน เวณุชฏํ ฉินฺทิตฺวา สารา เจว อุชู จ ยฏฺิโย อุจฺจินิตฺวา อาทาย ปกฺกเมยฺย, อยํ กิฺจาปิ ปจฺฉา คจฺฉติ, ยฏฺิโย ปน สารา เจว อุชู จ ลภติ, เอวํสมฺปทมิทํ อิเมสํ ทฺวินฺนํ เถรานํ ปธานํ.
สมฺมสนจาโร จ นาเมตฺถ วิปสฺสนาภูมิ เวทิตพฺพา สมฺมสนํ จรติ เอตฺถาติ สมฺมสนจาโรติ กตฺวา. ตตฺถ พุทฺธานํ สมฺมสนจาโร ทสสหสฺสโลกธาตุยํ สตฺตสนฺตานคตา อนินฺทฺริยพทฺธา จ สงฺขาราติ วทนฺติ. โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสูติ อปเร. ตถา หิ อตฺตนิยวเสน ปฏิจฺจสมุปฺปาทนยํ โอตริตฺวา ฉตฺตึสโกฏิสตสหสฺสมุเขน พุทฺธานํ มหาวชิราณํ ปวตฺตํ. ปจฺเจกพุทฺธานํ สสนฺตานคเตหิ สทฺธึ มชฺฌิมเทสวาสีสตฺตสนฺตานคตา อนินฺทฺริยพทฺธา จ สงฺขารา สมฺมสนจาโรติ วทนฺติ. ชมฺพุทีปวาสีสนฺตานคตาติ เกจิ. สสนฺตานคเต สพฺพธมฺเม ปรสนฺตานคเต จ สนฺตานวิภาคํ อกตฺวา พหิทฺธาภาวสามฺโต สมฺมสนํ, อยํ สาวกานํ สมฺมสนจาโร. โมคฺคลฺลานตฺเถโร ปน พหิทฺธา ธมฺเมปิ สสนฺตานวิภาเคน เกจิ เกจิ อุทฺธริตฺวา สมฺมสิ, ตฺจ โข าเณน ผุฏฺมตฺตํ กตฺวา. เตน วุตฺตํ ‘‘ยฏฺิโกฏิยา อุปฺปีเฬนฺโต วิย เอกเทสเมว สมฺมสนฺโต’’ติ. ตตฺถ าเณน นาม ยาวตา เนยฺยํ วตฺติตพฺพํ, ตาวตา อวตฺตนโต ‘‘ยฏฺิโกฏิยา อุปฺปีเฬนฺโต ¶ วิยา’’ติ วุตฺตํ, อนุปทธมฺมวิปสฺสนาย อภาวโต ‘‘เอกเทสเมว สมฺมสนฺโต’’ติ วุตฺตํ. ธมฺมเสนาปติโนปิ ยถาวุตฺตสาวกานํ วิปสฺสนาย ภูมิเยว สมฺมสนจาโร. ตตฺถ ปน เถโร สาติสยํ นิรวเสสํ อนุปทฺจ สมฺมา วิปสฺสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘สาวกานํ สมฺมสนจารํ นิปฺปเทสํ สมฺมสี’’ติ.
เอตฺถ จ สุกฺขวิปสฺสกา โลกิยาภิฺปฺปตฺตา ปกติสาวกา มหาสาวกา อคฺคสาวกา ปจฺเจกพุทฺธา สมฺมาสมฺพุทฺธาติ ฉสุ ชเนสุ สุกฺขวิปสฺสกานํ ฌานาภิฺาหิ อนธิคตปฺาเนปฺุตฺตา อนฺธานํ วิย อิจฺฉิตปเทโสกฺกมนํ วิปสฺสนากาเล อิจฺฉิติจฺฉิตธมฺมภาวนา นตฺถิ, เต ยถาปริคฺคหิตธมฺมมตฺเตเยว วิปสฺสนํ วฑฺเฒนฺติ. โลกิยาภิฺปฺปตฺตา ปน ปกติสาวกา เยน มุเขน วิปสฺสนํ อารภนฺติ, ตโต อฺเนปิ วิปสฺสนํ วิตฺถาริกํ กาตุํ สกฺโกนฺติ วิปุลาณตฺตา. มหาสาวกา อภินีหารสมฺปนฺนตฺตา ตโต สาติสยํ วิปสฺสนํ วิตฺถาริกํ กาตุํ สกฺโกนฺติ. อคฺคสาวเกสุ ทุติโย อภินีหารสมฺปตฺติยา สมาธานสฺส สาติสยตฺตา วิปสฺสนํ ตโตปิ วิตฺถาริกํ กโรติ. ปโม ปน ตโตปิ มหาปฺตาย สาวเกหิ อสาธารณํ กตฺวา วิปสฺสนํ วิตฺถาริกํ กโรติ. ปจฺเจกพุทฺธา เตหิปิ ¶ มหาภินีหารตาย อตฺตโน อภินีหารานุรูปํ ตโตปิ วิตฺถาริกํ วิปสฺสนํ กโรนฺติ. พุทฺธานํ สมฺมเทว ปริปูริตปฺาปารมีปภาวิตา สพฺพฺุตฺาณาธิคมสฺส อนุรูปา ยถา นาม กตวาลเวธปริจเยน สรภงฺคสทิเสน ธนุคฺคเหน ขิตฺโต สโร อนฺตรา รุกฺขลตาทีสุ อสชฺชมาโน ลกฺเขเยว ปตติ, น สชฺชติ น วิรชฺชติ, เอวํ อนฺตรา อสชฺชมานา อวิรชฺชมานา วิปสฺสนา สมฺมสนียธมฺเมสุ ยาถาวโต นานานเยหิ ปวตฺตติ, ยํ ‘‘มหาวชิราณ’’นฺติ วุจฺจติ.
เอเตสุ จ สุกฺขวิปสฺสกานํ วิปสฺสนาจาโร ขชฺโชตปฺปภาสทิโส, อภิฺปฺปตฺตปกติสาวกานํ ทีปปฺปภาสทิโส, มหาสาวกานํ อุกฺกาปฺปภาสทิโส, อคฺคสาวกานํ โอสธิตารกปฺปภาสทิโส, ปจฺเจกพุทฺธานํ จนฺทปฺปภาสทิโส, สมฺมาสมฺพุทฺธานํ รสฺมิสหสฺสปฏิมณฺฑิตสรทสูริยมณฺฑลสทิโส หุตฺวา อุปฏฺาติ. ตถา สุกฺขวิปสฺสกานํ วิปสฺสนาจาโร อนฺธานํ ¶ ยฏฺิโกฏิยา คมนสทิโส, โลกิยาภิฺปฺปตฺตปกติสาวกานํ ทณฺฑกเสตุคมนสทิโส, มหาสาวกานํ ชงฺฆเสตุคมนสทิโส, อคฺคสาวกานํ สกฏเสตุคมนสทิโส, ปจฺเจกพุทฺธานํ มหาชงฺฆมคฺคคมนสทิโส, สมฺมาสมฺพุทฺธานํ มหาสกฏมคฺคคมนสทิโส. ตถา พุทฺธานํ ปจฺเจกพุทฺธานฺจ วิปสฺสนา จินฺตามยาณสํวฑฺฒิตตฺตา สยมฺภูาณภูตา, อิตเรสํ สุตมยาณสํวฑฺฒิตตฺตา ปโรปเทสสมฺภูตาติ เวทิตพฺพา.
อิทานิ อุภินฺนมฺปิ เถรานํ ปุพฺพโยคํ ทสฺเสตุํ ‘‘อตีเต กิรา’’ติอาทิมาห. ตํ สพฺพํ อุตฺตานตฺถเมว.
๖๓. คิริพฺพชนครนฺติ สมนฺตา ปพฺพตปริกฺขิตฺตํ วชสทิสํ หุตฺวา ติฏฺตีติ คิริพฺพชนฺติ เอวํลทฺธนามํ ราชคหนครํ. อุสูยนกิริยาย กมฺมภาวํ สนฺธาย ‘‘อุปโยคตฺเถ วา’’ติ วุตฺตํ.
สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานปพฺพชฺชากถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อุปชฺฌายวตฺตกถาวณฺณนา
๖๔. วชฺชาวชฺชํ อุปนิชฺฌายตีติ อุปชฺฌาโย, นตฺถิ อุปชฺฌาโย เอเตสนฺติ อนุปชฺฌายกา. เตนาห ‘‘วชฺชาวชฺชํ อุปนิชฺฌายเกน ครุนา วิรหิตา’’ติ. ตตฺถ วชฺชาวชฺชนฺติ ขุทฺทกํ ¶ มหนฺตฺจ วชฺชํ. วุทฺธิอตฺโถ หิ อยมกาโร ‘‘ผลาผล’’นฺติอาทีสุ วิย. อุตฺติฏฺปตฺตนฺติ เอตฺถ อุจฺฉิฏฺ-สทฺทสมานตฺโถ อุตฺติฏฺ-สทฺโท. เตเนวาห ‘‘ตสฺมิฺหิ มนุสฺสา อุจฺฉิฏฺสฺิโน, ตสฺมา อุตฺติฏฺปตฺตนฺติ วุตฺต’’นฺติ. ปิณฺฑาย จรณกปตฺตนฺติ อิมินา ปน ปตฺตสฺส สรูปทสฺสนมุเขน อุจฺฉิฏฺกปฺปนาย การณํ วิภาวิตํ. ตสฺมินฺติ ตสฺมึ ปิณฺฑาย จรณกปตฺเต.
๖๕. สคารวา สปฺปติสฺสาติ เอตฺถ ครุภาโว คารวํ, ปาสาณจฺฉตฺตํ วิย ครุกรณียตา. สห คารเวนาติ สคารวา. ครุนา กิสฺมิฺจิ วุตฺเต คารววเสน ปติสฺสวนํ ปติสฺโส, ปติสฺสวภูตํ ตํสภาคฺจ ยํกิฺจิ คารวนฺติ อตฺโถ. สห ปติสฺเสนาติ สปฺปติสฺสา, โอวาทํ สมฺปฏิจฺฉนฺตาติ อตฺโถ ¶ . ปติสฺสียตีติ วา ปติสฺโส, ครุกาตพฺโพ. เตน สห ปติสฺเสนาติ สปฺปติสฺสา. อฏฺกถายํ ปน พฺยฺชนวิจารํ อกตฺวา อตฺถมตฺตเมว ทสฺเสตุํ ‘‘ครุกภาวฺเจว เชฏฺกภาวฺจ อุปฏฺเปตฺวา’’ติ วุตฺตํ. สาหูติ สาธุ. ลหูติ อครุ, มม ตุยฺหํ อุปชฺฌายภาเว ภาริยํ นาม นตฺถีติ อตฺโถ. โอปายิกนฺติ อุปายปฏิสํยุตฺตํ เต อุปชฺฌายคฺคหณํ อิมินา อุปาเยน ตฺวํ เม อิโต ปฏฺาย ภาโร ชาโตสีติ วุตฺตํ โหติ. ปติรูปนฺติ อนุรูปํ ตว อุปชฺฌายคฺคหณนฺติ อตฺโถ. ปาสาทิเกนาติ ปสาทาวเหน กายวจีปโยเคน. สมฺปาเทหีติ ติวิธสิกฺขํ นิปฺผาเทหีติ อตฺโถ. กาเยน วาติ หตฺถมุทฺทาทึ ทสฺเสนฺโต กาเยน วา วิฺาเปติ. คหิโต ตยา…เป… วิฺาเปตีติ ‘‘สาหู’’ติอาทีสุ เอกํ วทนฺโตเยว อิมมตฺถํ วิฺาเปตีติ วุจฺจติ. เตเนวาห ‘‘อิทเมว หี’’ติอาทิ. สาธูติ สมฺปฏิจฺฉนํ สนฺธายาติ อุปชฺฌาเยน ‘‘สาหู’’ติ วุตฺเต สทฺธิวิหาริกสฺส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉนวจนํ สนฺธาย. กสฺมา นปฺปมาณนฺติ อาห ‘‘อายาจนทานมตฺเตน หี’’ติอาทิ, สทฺธิวิหาริกสฺส ‘‘อุปชฺฌาโย เม, ภนฺเต, โหหี’’ติ อายาจนมตฺเตน, อุปชฺฌายสฺส จ ‘‘สาหู’’ติอาทินา ทานวจนมตฺเตนาติ อตฺโถ. น เอตฺถ สมฺปฏิจฺฉนํ องฺคนฺติ สทฺธิวิหาริกสฺส สมฺปฏิจฺฉนวจนํ เอตฺถ อุปชฺฌายคฺคหเณ องฺคํ น โหติ.
๖๖. สมฺมาวตฺตนาติ สมฺมาปวตฺติ. อสฺสาติ สทฺธิวิหาริกสฺส. ตาทิสเมว มุขโธวโนทกํ ทาตพฺพนฺติ อุตุมฺหิ สรีรสภาเว จ เอกากาเร ตาทิสเมว ทาตพฺพํ. ทฺเว จีวรานีติ ปารุปนํ สงฺฆาฏิฺจ สนฺธาย วทติ. ยทิ เอวํ ‘‘สงฺฆาฏิโย’’ติ กสฺมา วุตฺตนฺติ อาห ‘‘สพฺพฺหิ จีวรํ สงฺฆฏิตตฺตา สงฺฆาฏีติ วุจฺจตี’’ติ. ปทวีติหาเรหีติ เอตฺถ ปทํ วีติหรติ เอตฺถาติ ปทวีติหาโร, ปทวีติหรณฏฺานํ ทูตวิลมฺพิตํ อกตฺวา สมคมเน ทฺวินฺนํ ปทานํ อนฺตเร มุฏฺิรตนมตฺตํ. ปทานํ วา วีติหรณํ อภิมุขํ หริตฺวา นิกฺเขโป ปทวีติหาโรติ ¶ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อิโต ปฏฺายาติ ‘‘น อุปชฺฌายสฺส ภณมานสฺสา’’ติ เอตฺถ วุตฺต น-การโต ปฏฺาย. สพฺพตฺถ ทุกฺกฏาปตฺติ เวทิตพฺพาติ ‘‘อีทิเสสุ คิลาโนปิ น มุจฺจตี’’ติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. อฺมฺปิ หิ ยถาวุตฺตํ อุปชฺฌายวตฺตํ อนาทริเยน อกโรนฺตสฺส อคิลานสฺส วตฺตเภเท สพฺพตฺถ ทุกฺกฏเมว. เตเนว วกฺขติ ‘‘อคิลาเนน หิ สทฺธิวิหาริเกน สฏฺิวสฺเสนปิ สพฺพํ อุปชฺฌายวตฺตํ ¶ กาตพฺพํ, อนาทเรน อกโรนฺตสฺส วตฺตเภเท ทุกฺกฏํ. น-การปฏิสํยุตฺเตสุ ปน ปเทสุ คิลานสฺสปิ ปฏิกฺขิตฺตกิริยํ กโรนฺตสฺส ทุกฺกฏเมวา’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๖๔). อาปตฺติยา อาสนฺนวาจนฺติ อาปตฺติชนกเมว วจนํ สนฺธาย วทติ. ยาย หิ วาจาย อาปตฺตึ อาปชฺชติ, สา วาจา ตสฺสา อาปตฺติยา อาสนฺนาติ วุจฺจติ.
จีวเรน ปตฺตํ เวเตฺวาติ เอตฺถ ‘‘อุตฺตราสงฺคสฺส เอเกน กณฺเณน เวเตฺวา’’ติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. คาเมติ คามปริยาปนฺเน ตาทิเส กิสฺมิฺจิ ปเทเส. อนฺตรฆเรติ อนฺโตเคเห. ปฏิกฺกมเนติ อาสนสาลายํ. ติกฺขตฺตุํ ปานีเยน ปุจฺฉิตพฺโพติ สมฺพนฺโธ, อาทิมฺหิ มชฺเฌ อนฺเตติ เอวํ ติกฺขตฺตุํ ปุจฺฉิตพฺโพติ อตฺโถ. อุปกฏฺโติ อาสนฺโน. โธตวาลิกายาติ นิรชาย ปริสุทฺธวาลิกาย. สเจ ปโหตีติ วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวติ ‘‘น เกนจิ เคลฺเน อภิภูโต โหตี’’ติ. ปริเวณํ คนฺตฺวาติ อุปชฺฌายสฺส ปริเวณํ คนฺตฺวา.
อุปชฺฌายวตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖๗. สทฺธิวิหาริกวตฺตกถา อุตฺตานตฺถาเยว.
นสมฺมาวตฺตนาทิกถาวณฺณนา
๖๘. นสมฺมาวตฺตนาทิกถายํ เคหสฺสิตเปมนฺติ ‘‘ปิตา เม อย’’นฺติ เอวํ อุปฺปนฺนเปมํ. อุปชฺฌายมฺหิ ปิตุจิตฺตุปฏฺานเมว หิ อิธ เคหสฺสิตเปมํ นาม. น หิ อิทํ อกุสลปกฺขิยํ เคหสฺสิตเปมํ สนฺธาย วุตฺตํ ปฏิวิทฺธสจฺจานํ ปหีนานุเคธานํ ตทสมฺภวโต, น จ ภควา ภิกฺขู สํกิเลเส นิโยเชติ, เคหสฺสิตเปมสทิสตฺตา ปน เปมมุเขน เมตฺตาสิเนโห อิธ วุตฺโตติ เวทิตพฺพํ. ‘‘เตสุ เอโก วตฺตสมฺปนฺโน ภิกฺขุ…เป… เตสํ อนาปตฺตี’’ติ วจนโต สเจ เอโก วตฺตสมฺปนฺโน ภิกฺขุ ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห อปฺโปสฺสุกฺกา โหถ, อหํ ตุมฺหากํ สทฺธิวิหาริกํ อนฺเตวาสิกํ วา คิลานํ อุปฏฺหิสฺสามิ, โอวทิตพฺพํ โอวทิสฺสามิ, อิติ กรณีเยสุ อุสฺสุกฺกํ อาปชฺชิสฺสามี’’ติ วทติ, เต เอว วา สทฺธิวิหาริกาทโย ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห เกวลํ อปฺโปสฺสุกฺกา ¶ โหถา’’ติ วทนฺติ, วตฺตํ วา น สาทิยนฺติ ¶ , ตโต ปฏฺาย อาจริยุปชฺฌายานํ อนาปตฺตีติ วทนฺติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
นสมฺมาวตฺตนาทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ราธพฺราหฺมณวตฺถุกถาวณฺณนา
๖๙. ราธพฺราหฺมณวตฺถุมฺหิ กิโส อโหสีติ ขาทิตุํ วา ภฺุชิตุํ วา อสกฺโกนฺโต ตนุโก อโหสิ อปฺปมํสโลหิโต. อุปฺปณฺฑุปฺปณฺฑุกชาโตติ สฺชาตุปฺปณฺฑุปฺปณฺฑุกภาโว ปณฺฑุปลาสปฺปฏิภาโค. ธมนิสนฺถตคตฺโตติ ปริยาทินฺนมํสโลหิตตฺตา สิราชาเลเนว สนฺถริตคตฺโต. อธิการนฺติ อธิกิริยํ, สกฺการนฺติ วุตฺตํ โหติ. กตํ ชานนฺตีติ กตฺุโน, กตํ ปากฏํ กตฺวา ชานนฺตีติ กตเวทิโน. กึ ปน เถโร ภควตา พาราณสิยํ ตีหิ สรณคมเนหิ อนฺุาตํ ปพฺพชฺชํ อุปสมฺปทฺจ น ชานาตีติ? โน น ชานาติ. ยทิ เอวํ ‘‘กถาหํ, ภนฺเต, ตํ พฺราหฺมณํ ปพฺพาเชมิ อุปสมฺปาเทมี’’ติ กสฺมา อาหาติ อิมํ อนุโยคํ สนฺธายาห ‘‘กิฺจาปิ อายสฺมา สาริปุตฺโต’’ติอาทิ. ปริมณฺฑเลหีติ ปริปุณฺเณหิ. อฺถา วา วตฺตพฺพํ อฺถา วทตีติ ‘‘ภนฺเต’’ติ วตฺตพฺพํ ‘‘พนฺเธ’’ติ วทติ.
๗๑-๗๓. สมนนฺตราติ อนนฺตรํ. ปณฺณตฺติวีติกฺกมํ กโรตีติ สิกฺขาปทวีติกฺกมํ กโรติ. อตฺตภาวปริหรณตฺถํ นิสฺสียนฺตีติ นิสฺสยา, ปิณฺฑิยาโลปโภชนาทิกา จตฺตาโร ปจฺจยา. ตตฺถ ปิณฺฑิยาโลปโภชนนฺติ ชงฺฆปิณฺฑิยพเลน จริตฺวา อาโลปมตฺตํ ลทฺธโภชนํ. อติเรกลาโภติ ‘‘ปิณฺฑิยาโลปโภชนํ นิสฺสายา’’ติ เอวํ วุตฺตภิกฺขาหารลาภโต อธิกลาโภ สงฺฆภตฺตาทิ. ตตฺถ สกลสฺส สงฺฆสฺส ทาตพฺพภตฺตํ สงฺฆภตฺตํ. กติปเย ภิกฺขู อุทฺทิสิตฺวา ทาตพฺพภตฺตํ อุทฺเทสภตฺตํ. นิมนฺเตตฺวา ทาตพฺพภตฺตํ นิมนฺตนํ. สลากํ คาหาเปตฺวา ทาตพฺพภตฺตํ สลากภตฺตํ. เอกสฺมึ ปกฺเข เอกทิวสํ ทาตพฺพภตฺตํ ปกฺขิกํ. อุโปสเถ ทาตพฺพภตฺตํ อุโปสถิกํ. ปาฏิปททิวเส ทาตพฺพภตฺตํ ปาฏิปทิกํ. วิตฺถารกถา เนสํ เสนาสนกฺขนฺธกวณฺณนายํ อาวิ ภวิสฺสติ.
วิหาโรติ ¶ ปาการปริจฺฉินฺโน สกโล อาวาโส. อฑฺฒโยโคติ
ทีฆปาสาโท. ครุฬสณฺานปาสาโทติปิ วทนฺติ. ปาสาโทติ จตุรสฺสปาสาโท. หมฺมิยนฺติ มุณฺฑจฺฉทนปาสาโท. อปเร ปน ภณนฺติ ‘‘วิหาโร นาม ทีฆมุขปาสาโท, อฑฺฒโยโค เอกปสฺสจฺฉทนกเสนาสนํ ¶ , ตสฺส กิร เอกปสฺเส ภิตฺติ อุจฺจตรา โหติ, อิตรปสฺเส นีจา, เตน ตํ เอกปสฺสจฺฉทนกํ โหติ, ปาสาโท อายตจตุรสฺสปาสาโท, หมฺมิยํ มุณฺฑจฺฉทนํ จนฺทิกงฺคณยุตฺต’’นฺติ. คุหาติ ปพฺพตคุหา. ปูติมุตฺตนฺติ ยํ กิฺจิ มุตฺตํ. ยถา สุวณฺณวณฺโณปิ กาโย ‘‘ปูติกาโย’’ติ วุจฺจติ, เอวํ อภินวมฺปิ มุตฺตํ ปูติมุตฺตเมว. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมว.
ราธพฺราหฺมณวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อาจริยวตฺตกถาวณฺณนา
๗๕. อุปเสนวตฺถุมฺหิ อาจิณฺณนฺติ จริตํ วตฺตํ อนุธมฺมตา. กจฺจิ ภิกฺขุ ขมนียนฺติ ภิกฺขุ กจฺจิ ตุยฺหํ อิทํ จตุจกฺกํ นวทฺวารํ สรีรยนฺตํ ขมนียํ สกฺกา ขมิตุํ สหิตุํ ปริหริตุํ, น กิฺจิ ทุกฺขํ อุปฺปาเทตีติ. กจฺจิ ยาปนียนฺติ กจฺจิ สพฺพกิจฺเจสุ ยาเปตุํ สกฺกา, น กิฺจิ อนฺตรายํ ทสฺเสตีติ. ชานนฺตาปิ ตถาคตาติเอวมาทิ ยํ ปรโต ‘‘กติ วสฺโสสิ ตฺวํ ภิกฺขู’’ติอาทินา ปุจฺฉิ, ตสฺส ปริหารทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – ตถาคตา นาม ชานนฺตาปิ สเจ ตาทิสํ ปุจฺฉาการณํ โหติ, ปุจฺฉนฺติ. สเจ ปน ตาทิสํ ปุจฺฉาการณํ นตฺถิ, ชานนฺตาปิ น ปุจฺฉนฺติ. ยสฺมา ปน พุทฺธานํ อชานนํ นาม นตฺถิ, ตสฺมา ‘‘อชานนฺตาปี’’ติ น วุตฺตํ. กาลํ วิทิตฺวา ปุจฺฉนฺตีติ สเจ ตสฺสา ปุจฺฉาย โส กาโล โหติ, เอวํ ตํ กาลํ วิทิตฺวา ปุจฺฉนฺติ. สเจ น โหติ, เอวมฺปิ กาลํ วิทิตฺวาว น ปุจฺฉนฺติ. เอวํ ปุจฺฉนฺตาปิ จ อตฺถสํหิตํ ตถาคตา ปุจฺฉนฺติ, ยํ อตฺถนิสฺสิตํ การณนิสฺสิตํ, ตเทว ปุจฺฉนฺติ, โน อนตฺถสํหิตํ. กสฺมา? ยสฺมา อนตฺถสํหิเต เสตุฆาโต ตถาคตานํ. เสตุ วุจฺจติ มคฺโค, มคฺเคเนว ตาทิสสฺส วจนสฺส ฆาโต สมุจฺเฉโทติ วุตฺตํ โหติ.
อิทานิ อตฺถสํหิตนฺติ เอตฺถ ยํ อตฺถนิสฺสิตํ วจนํ ตถาคตา ปุจฺฉนฺติ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ทฺวีหิ อากาเรหี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อากาเรหีติ การเณหิ ¶ . ธมฺมํ วา เทเสสฺสามาติ อฏฺุปฺปตฺติยุตฺตํ สุตฺตํ วา ปุพฺพจริตการณยุตฺตํ ชาตกํ วา กถยิสฺสาม. สาวกานํ วา สิกฺขาปทํ ปฺเปสฺสามาติ สาวกานํ วา ตาย ปุจฺฉาย วีติกฺกมํ ปากฏํ กตฺวา ครุกํ วา ลหุกํ วา สิกฺขาปทํ ปฺเปสฺสาม อาณํ เปสฺสาม. อติลหุนฺติ อติสีฆํ.
๗๖. อฺติตฺถิยวตฺถุมฺหิ อฺติตฺถิยปุพฺโพติ ปุพฺเพ อฺติตฺถิโย ภูโตติ อฺติตฺถิยปุพฺโพ. เอตฺถ (อ. นิ. อฏฺ. ๒.๓.๖๒) จ ติตฺถํ ชานิตพฺพํ, ติตฺถกโร ชานิตพฺโพ ¶ , ติตฺถิยา ชานิตพฺพา, ติตฺถิยสาวกา ชานิตพฺพา. ตตฺถ ติตฺถํ นาม ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิโย. เอตฺถ หิ สตฺตา ตรนฺติ อุปฺปิลวนฺติ อุมฺมุชฺชนิมุชฺชํ กโรนฺติ, ตสฺมา ‘‘ติตฺถ’’นฺติ วุจฺจนฺติ. ตาสํ ทิฏฺีนํ อุปฺปาเทตา ติตฺถกโร นาม ปูรณกสฺสปาทิโก. ตสฺส ลทฺธึ คเหตฺวา ปพฺพชิตา ติตฺถิยา นาม. เต หิ ติตฺเถ ชาตาติ ติตฺถิยา, ยถาวุตฺตํ วา ทิฏฺิคตสงฺขาตํ ติตฺถํ เอเตสํ อตฺถีติ ติตฺถิกา, ติตฺถิกา เอว ติตฺถิยา. เตสํ ปจฺจยทายกา ติตฺถิยสาวกาติ เวทิตพฺพา. สหธมฺมิกํ วุจฺจมาโนติ สหธมฺมิเกน วุจฺจมาโน, กรณตฺเถ อุปโยควจนํ. ปฺจหิ สหธมฺมิเกหิ สิกฺขิตพฺพตฺตา, เตสํ วา สนฺตกตฺตา ‘‘สหธมฺมิก’’นฺติ ลทฺธนาเมน พุทฺธปฺตฺเตน สิกฺขาปเทน วุจฺจมาโนติ อตฺโถ. ปสูโรติ ตสฺส นามํ. ปริพฺพาชโกติ คิหิพนฺธนํ ปหาย ปพฺพชฺชุปคโต.
ตํเยว ติตฺถายตนนฺติ เอตฺถ ทฺวาสฏฺิทิฏฺิสงฺขาตํ ติตฺถเมว อายตนนฺติ ติตฺถายตนํ, ติตฺถํ วา เอเตสํ อตฺถีติ ติตฺถิโน, ติตฺถิยา, เตสํ อายตนนฺติปิ ติตฺถายตนํ. อายตนนฺติ จ ‘‘อสฺสานํ กมฺโพโช อายตนํ, คุนฺนํ ทกฺขิณปโถ อายตน’’นฺติ เอตฺถ สฺชาติฏฺานํ อายตนํ นาม.
‘‘มโนรเม อายตเน, เสวนฺติ นํ วิหงฺคมา;
ฉายํ ฉายตฺถิโน ยนฺติ, ผลตฺถํ ผลโภชิโน’’ติ. (อ. นิ. ๕.๓๘) –
เอตฺถ สโมสรณฏฺานํ. ‘‘ปฺจิมานิ, ภิกฺขเว, วิมุตฺตายตนานี’’ติ (อ. นิ. ๕.๒๖) เอตฺถ การณํ, ตํ อิธ สพฺพมฺปิ ลพฺภติ. สพฺเพปิ หิ ทิฏฺิคติกา สฺชายมานา อิมาสุเยว ทฺวาสฏฺิยา ทิฏฺีสุ สฺชายนฺติ, สโมสรมานาปิ เอตาสุเยว สโมสรนฺติ สนฺนิปตนฺติ, ทิฏฺิคติกภาเว จ เนสํ อิมาเยว ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิโย ¶ การณํ, ตสฺมา ยถาวุตฺตํ ติตฺถเมว สฺชาติอาทินา อตฺเถน อายตนนฺติ ติตฺถายตนํ, เตเนวตฺเถน ติตฺถีนํ อายตนนฺติปิ ติตฺถายตนํ.
อายสฺมโต นิสฺสาย วจฺฉามีติ เอตฺถ อายสฺมโตติ อุปโยคตฺเถ สามิวจนํ, อายสฺมนฺตํ นิสฺสาย วสิสฺสามีติ อตฺโถ. พฺยตฺโต…เป… วุตฺตลกฺขโณเยวาติ ปริสุปฏฺาปกพหุสฺสุตํ สนฺธาย วทติ. ปฺจหุปาลิ องฺเคหีติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ.
อาจริยวตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปณามนาขมาปนากถาวณฺณนา
๘๐. ยํ ¶ ปุพฺเพ ลกฺขณํ วุตฺตนฺติ สมฺพนฺโธ, ‘‘เตเนว ลกฺขเณน นิสฺสยนฺเตวาสิกสฺส อาปตฺติ เวทิตพฺพา’’ติ โปตฺถเกสุ ปาโ ทิสฺสติ, ‘‘น เตเนว ลกฺขเณน นิสฺสยนฺเตวาสิกสฺส อาปตฺติ เวทิตพฺพา’’ติ เอวํ ปเนตฺถ ปาโ เวทิตพฺโพ. สทฺธิวิหาริกสฺส วุตฺตลกฺขเณน นิสฺสยนฺเตวาสิกสฺส อาปตฺติ น เวทิตพฺพาติ เอวํ ปเนตฺถ อตฺโถปิ เวทิตพฺโพ. อฺถา ‘‘นิสฺสยนฺเตวาสิเกน หิ ยาว อาจริยํ นิสฺสาย วสติ, ตาว สพฺพํ อาจริยวตฺตํ กาตพฺพ’’นฺติ อิทํ วิรุชฺเฌยฺย. อิทฺหิ วจนํ นิสฺสยนฺเตวาสิกสฺส อมุตฺตนิสฺสยสฺเสว วตฺตํ อกโรนฺตสฺส อาปตฺตีติ ทีเปติ. ตสฺมา สทฺธิวิหาริกสฺส ยถาวุตฺตวตฺตํ อกโรนฺตสฺส นิสฺสยมุตฺตกสฺส อมุตฺตกสฺสปิ อาปตฺติ, นิสฺสยนฺเตวาสิกสฺส ปน อมุตฺตนิสฺสยสฺเสว อาปตฺตีติ คเหตพฺพํ. เตเนว วิสุทฺธิมคฺเคปิ (วิสุทฺธิ. ๑.๔๑) าติปลิโพธกถายํ –
‘‘าตีติ วิหาเร อาจริยุปชฺฌายสทฺธิวิหาริกอนฺเตวาสิกสมานุปชฺฌายกสมานาจริยกา, ฆเร มาตา ปิตา ภคินี ภาตาติ เอวมาทิกา. เต คิลานา อิมสฺส ปลิโพธา โหนฺติ, ตสฺมา โส ปลิโพโธ อุปฏฺหิตฺวา เตสํ ปากติกกรเณน อุปจฺฉินฺทิตพฺโพ. ตตฺถ อุปชฺฌาโย ตาว คิลาโน สเจ ลหุํ น วุฏฺาติ, ยาวชีวํ ปฏิชคฺคิตพฺโพ. ตถา ¶ ปพฺพชฺชาจริโย อุปสมฺปทาจริโย สทฺธิวิหาริโก อุปสมฺปาทิตปพฺพาชิตอนฺเตวาสิกสมานุปชฺฌายกา จ. นิสฺสยาจริย อุทฺเทสาจริย นิสฺสยนฺเตวาสิก อุทฺเทสนฺเตวาสิกสมานาจริยกา ปน ยาว นิสฺสยอุทฺเทสา อนุปจฺฉินฺนา, ตาว ปฏิชคฺคิตพฺพา’’ติ –
วิภาเคน วุตฺตํ. อยฺจ วิภาโค ‘‘เตเนว ลกฺขเณน นิสฺสยนฺเตวาสิกสฺส อาปตฺติ เวทิตพฺพา’’ติ เอวํ ปาเ สติ น ยุชฺเชยฺย. อยฺหิ ปาโ สทฺธิวิหาริกสฺส วิย นิสฺสยนฺเตวาสิกสฺสปิ ยถาวุตฺตวตฺตํ อกโรนฺตสฺส นิสฺสยมุตฺตกสฺส อมุตฺตกสฺสปิ อาปตฺตีติ อิมมตฺถํ ทีเปติ, ตสฺมา วุตฺตนเยเนเวตฺถ ปาโ คเหตพฺโพ.
ปพฺพชฺชอุปสมฺปทธมฺมนฺเตวาสิเกหิ ปน…เป… ตาว วตฺตํ กาตพฺพนฺติ ปพฺพชฺชาจริยอุปสมฺปทาจริยธมฺมาจริยานํ
เอเตหิ ยถาวุตฺตวตฺตํ กาตพฺพํ. ตตฺถ เยน สิกฺขาปทานิ ทินฺนานิ, อยํ ¶ ปพฺพชฺชาจริโย. เยน อุปสมฺปทกมฺมวาจา วุตฺตา, อยํ อุปสมฺปทาจริโย. โย อุทฺเทสํ ปริปุจฺฉํ วา เทติ, อยํ ธมฺมาจริโยติ เวทิตพฺพํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
ปณามนาขมาปนากถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิสฺสยปฏิปฺปสฺสทฺธิกถาวณฺณนา
๘๓. นิสฺสยปฏิปฺปสฺสทฺธิกถายํ ทิสํ คโตติ ปุน อาคนฺตุกาโม อนาคนฺตุกาโม วา หุตฺวา วาสตฺถาย กฺจิ ทิสํ คโต. ภิกฺขุโน สภาคตนฺติ เปสลภาวํ. โอโลเกตฺวาติ อุปปริกฺขิตฺวา. วิพฺภนฺเต…เป… ตตฺถ คนฺตพฺพนฺติ เอตฺถ สเจ เกนจิ กรณีเยน ตทเหว คนฺตุํ อสกฺโกนฺโต กติปาเหน คมิสฺสามีติ คมเน สอุสฺสาโห โหติ, รกฺขตีติ วทนฺติ. มา อิธ ปฏิกฺกมีติ มา อิธ ปวิสิ. ตตฺเรว วสิตพฺพนฺติ ตตฺเถว นิสฺสยํ คเหตฺวา วสิตพฺพํ. ตํเยว วิหารํ…เป… วสิตุํ วฏฺฏตีติ เอตฺถ อุปชฺฌาเยน ปริจฺจตฺตตฺตา อุปชฺฌายสโมธานปริหาโร นตฺถิ, ตสฺมา อุปชฺฌาเยน สโมธานคตสฺสปิ อาจริยสฺส สนฺติเก คหิตนิสฺสโย น ปฏิปฺปสฺสมฺภติ.
อาจริยมฺหา ¶ นิสฺสยปฏิปฺปสฺสทฺธีสุ อาจริโย ปกฺกนฺโต วา โหตีติ เอตฺถ ‘‘ปกฺกนฺโตติ ทิสํ คโต’’ติอาทินา อุปชฺฌายสฺส ปกฺกมเน โย วินิจฺฉโย วุตฺโต, โส ตตฺถ วุตฺตนเยเนว อิธาปิ สกฺกา วิฺาตุนฺติ ตํ อวตฺวา ‘‘โกจิ อาจริโย อาปุจฺฉิตฺวา ปกฺกมตี’’ติอาทินา อฺโเยว นโย อารทฺโธ, อยฺจ นโย อุปชฺฌายปกฺกมเนปิ เวทิตพฺโพเยว. อีทิเสสุ หิ าเนสุ เอกตฺถ วุตฺตลกฺขณํ อฺตฺถาปิ ทฏฺพฺพํ. สเจ ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวา นิวตฺตติ, ปฏิปฺปสฺสทฺโธ โหตีติ เอตฺถ เอตฺตาวตา ทิสาปกฺกนฺโต นาม โหตีติ อนฺเตวาสิเก อนิกฺขิตฺตธุเรปิ นิสฺสโย ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. อาจริยุปชฺฌายา ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมฺม อฺสฺมึ วิหาเร วสนฺตีติ พหิอุปจารสีมายํ อนฺเตวาสิกสทฺธิวิหาริกานํ วสนฏฺานโต ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมฺม อฺสฺมึ เสนาสเน วสนฺติ, อนฺโตอุปจารสีมายํ ปน ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวาปิ วสโต นิสฺสโย น ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. ‘‘สเจปิ อาจริโย มฺุจิตุกาโมว หุตฺวา นิสฺสยปณามนาย ปณาเมตี’’ติอาทิ สพฺพํ อุปชฺฌายสฺส อาณตฺติยมฺปิ เวทิตพฺพํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
นิสฺสยปฏิปฺปสฺสทฺธิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อุปสมฺปาเทตพฺพปฺจกกถาวณฺณนา
๘๔. ปฺจหิ ¶ , ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคเตนาติอาทีสุ น สามเณโร อุปฏฺาเปตพฺโพติ อุปชฺฌาเยน หุตฺวา สามเณโร น คเหตพฺโพ. อยมตฺโถ องฺคุตฺตรนิกายฏฺกถายํ (อ. นิ. อฏฺ. ๓.๕.๒๕๑-๒๕๓) วุตฺโตเยว.
‘‘อตฺตานเมว ปมํ, ปติรูเป นิเวสเย;
อถฺมนุสาเสยฺย, น กิลิสฺเสยฺย ปณฺฑิโต’’ติ. (ธ. ป. ๑๕๘) –
อิมสฺส อนุรูปวเสน ปมํ ตาว อตฺตสมฺปตฺติยํ นิโยเชตุํ ‘‘น อเสกฺเขน สีลกฺขนฺเธนา’’ติอาทิ วุตฺตํ, น อาปตฺติองฺควเสน. ตตฺถ อเสกฺเขน สีลกฺขนฺเธนาติ อเสกฺขสฺส สีลกฺขนฺโธ อเสกฺโข สีลกฺขนฺโธ นาม. อเสกฺขสฺส อยนฺติ หิ อเสกฺโข, สีลกฺขนฺโธ. เอวํ ¶ สพฺพตฺถ. เอวฺจ กตฺวา วิมุตฺติาณทสฺสนสงฺขาตสฺส ปจฺจเวกฺขณาณสฺสปิ อเสกฺขตา อุปปนฺนา. อเสกฺขสีลนฺติ จ น มคฺคผลเมว อธิปฺเปตํ, อถ โข ยํกิฺจิ อเสกฺขสนฺตาเน ปวตฺตสีลํ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกสฺส สีลสฺส อิธาธิปฺเปตตฺตา. สมาธิกฺขนฺธาทีสุปิ วิมุตฺติกฺขนฺธปริโยสาเนสุ อยเมว นโย. ตสฺมา ยถา สีลสมาธิปฺกฺขนฺธา มิสฺสกา อธิปฺเปตา, เอวํ วิมุตฺติกฺขนฺโธปีติ ตทงฺควิมุตฺติอาทโยปิ เวทิตพฺพา, น ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺติ เอว. วิมุตฺติาณทสฺสนํ ปน โลกิยเมว. เตเนว สํยุตฺตนิกายฏฺกถายํ (สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๓๕) วุตฺตํ ‘‘ปุริเมหิ จตูหิ ปเทหิ โลกิยโลกุตฺตรสีลสมาธิปฺาวิมุตฺติโย กถิตา, วิมุตฺติาณทสฺสนํ ปจฺจเวกฺขณาณํ โหติ, ตํ โลกิยเมวา’’ติ.
อสฺสทฺโธติอาทีสุ ตีสุ วตฺถูสุ สทฺธา เอตสฺส นตฺถีติ อสฺสทฺโธ. สุกฺกปกฺเข สทฺทหตีติ สทฺโธ, สทฺธา วา เอตสฺส อตฺถีติปิ สทฺโธ. นตฺถิ เอตสฺส หิรีติ อหิริโก, อกุสลสมาปตฺติยา อชิคุจฺฉมานสฺเสตํ อธิวจนํ. หิรี เอตสฺส อตฺถีติ หิริมา. น โอตฺตปฺปตีติ อโนตฺตปฺปี, อกุสลสมาปตฺติยา น ภายตีติ วุตฺตํ โหติ. ตพฺพิปรีโต โอตฺตปฺปี. กุจฺฉิตํ สีทตีติ กุสีโต, หีนวีริยสฺเสตํ อธิวจนํ. อารทฺธํ วีริยํ เอตสฺสาติ อารทฺธวีริโย, สมฺมปฺปธานยุตฺตสฺเสตํ อธิวจนํ. มุฏฺา สติ เอตสฺสาติ มุฏฺสฺสติ, นฏฺสฺสตีติ วุตฺตํ โหติ. อุปฏฺิตา สติ เอตสฺสาติ อุปฏฺิตสฺสติ, นิจฺจํ อารมฺมณาภิมุขปฺปวตฺตสติสฺเสตํ อธิวจนํ.
อธิสีเล ¶ สีลวิปนฺโน จ อชฺฌาจาเร อาจารวิปนฺโน จ อาปชฺชิตฺวา อวุฏฺิโต. สสฺสตุจฺเฉทสงฺขาตํ อนฺตํ คณฺหาติ คาหยตีติ วา อนฺตคฺคาหิกา, มิจฺฉาทิฏฺิ. ปุริมานิ ทฺเว ปทานีติ ‘‘น ปฏิพโล โหติ อนฺเตวาสึ วา สทฺธิวิหารึ วา คิลานํ อุปฏฺาตุํ วา อุปฏฺาเปตุํ วา, อนภิรตํ วูปกาเสตุํ วา วูปกาสาเปตุํ วา’’ติ อิมานิ ทฺเว ปทานิ.
อภิวิสิฏฺโ อุตฺตโม สมาจาโรติ อภิสมาจาโร, อภิสมาจาโรว สิกฺขิตพฺพโต สิกฺขาติ อาภิสมาจาริกา สิกฺขา, อภิสมาจารํ วา อารพฺภ ปฺตฺตา สิกฺขา อาภิสมาจาริกา. มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส อาทิภูตาติ ¶ อาทิพฺรหฺมจริยกา, อุภโตวิภงฺคปริยาปนฺนสิกฺขาเยตํ อธิวจนํ. เตเนว ‘‘อุภโตวิภงฺคปริยาปนฺนํ อาทิพฺรหฺมจริยกํ, ขนฺธกวตฺตปริยาปนฺนํ อาภิสมาจาริก’’นฺติ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๑) วุตฺตํ. ตสฺมา เสกฺขปณฺณตฺติยนฺติ เอตฺถ สิกฺขิตพฺพโต สพฺพาปิ อุภโตวิภงฺคปริยาปนฺนา ปณฺณตฺตีติ คเหตพฺพา. เตเนว คณฺิปเทปิ วุตฺตํ ‘‘เสกฺขปณฺณตฺติยนฺติ ปาราชิกมาทึ กตฺวา สิกฺขิตพฺพสิกฺขาปทปฺตฺติย’’นฺติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมว.
อุปสมฺปาเทตพฺพปฺจกกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อฺติตฺถิยปุพฺพวตฺถุกถาวณฺณนา
๘๖. อฺติตฺถิยวตฺถุมฺหิ อาชีวโก อเจลโกติ ทุวิโธ นคฺคปริพฺพาชโกติ อาห ‘‘นคฺคปริพฺพาชกสฺเสว อาชีวกสฺส วา’’ติอาทิ. ตตฺถ อาชีวโก อุปริ เอกเมว วตฺถํ อุปกจฺฉเก ปเวเสตฺวา ปริทหติ, เหฏฺา นคฺโค. อเจลโก สพฺเพน สพฺพํ นคฺโคเยว.
๘๗. อามิสกิฺจิกฺขสมฺปทานํ นาม อปฺปมตฺตกสฺเสว เทยฺยธมฺมสฺส อนุปฺปทานํ. รูปูปชีวิกาติ อตฺตโน รูปํเยว นิสฺสาย ชีวนฺติโย. เวสิยา โคจโร มิตฺตสนฺถววเสน อุปสงฺกมิตพฺพฏฺานํ อสฺสาติ เวสิยาโคจโร. เอส นโย สพฺพตฺถ. โยพฺพนปฺปตฺตา โยพฺพนาตีตา วาติ อุภเยนปิ มหลฺลิกา อนิวิทฺธกุมาริโยว วทติ. ภิกฺขุนิโย นาม อุสฺสนฺนพฺรหฺมจริยา, ตถา ภิกฺขูปิ. เตสํ อฺมฺวิสภาควตฺถุภาวโต สนฺถววเสน อุปสงฺกมเน กติปาเหเนว พฺรหฺมจริยนฺตราโย สิยาติ อาห ‘‘ตาหิ สทฺธึ ขิปฺปเมว วิสฺสาโส โหติ, ตโต สีลํ ภิชฺชตี’’ติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
อฺติตฺถิยปุพฺพวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปฺจาพาธวตฺถุกถาวณฺณนา
๘๘. ปฺจาพาธวตฺถุมฺหิ ¶ นขปิฏฺิปฺปมาณนฺติ เอตฺถ ‘‘กนิฏฺงฺคุลินขปิฏฺิ อธิปฺเปตา’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. ‘‘ตฺเจ นขปิฏฺิปฺปมาณมฺปิ วฑฺฒนกปกฺเข ิตํ ¶ โหติ, น ปพฺพาเชตพฺโพ’’ติ อิมินา สามฺโต ลกฺขณํ ทสฺสิตํ, ตสฺมา ยตฺถ กตฺถจิ สรีราวยเวสุ นขปิฏฺิปฺปมาณํ วฑฺฒนกปกฺเข ิตฺเจ, น วฏฺฏตีติ สิทฺธํ. เอวฺจ สติ นขปิฏฺิปฺปมาณมฺปิ อวฑฺฒนกปกฺเข ิตฺเจ, สพฺพตฺถ วฏฺฏตีติ อาปนฺนํ, ตฺจ น สามฺโต อธิปฺเปตนฺติ ปเทสวิเสเสเยว นิยเมตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิมาห. สเจ หิ อวิเสเสน นขปิฏฺิปฺปมาณํ อวฑฺฒนกปกฺเข ิตํ วฏฺเฏยฺย, ‘‘นิวาสนปารุปเนหิ ปกติปอจฺฉนฺเน าเน’’ติ ปเทสนิยมํ น กเรยฺย, ตสฺมา นิวาสนปารุปเนหิ ปกติปฏิจฺฉนฺนฏฺานโต อฺตฺถ นขปิฏฺิปฺปมาณํ อวฑฺฒนกปกฺเข ิตมฺปิ น วฏฺฏตีติ สิทฺธํ, นขปิฏฺิปฺปมาณโต ขุทฺทกตรํ ปน อวฑฺฒนกปกฺเข วฑฺฒนกปกฺเข วา ิตํ โหตุ, วฏฺฏติ นขปิฏฺิปฺปมาณโต ขุทฺทกตรสฺส วฑฺฒนกปกฺเข อวฑฺฒนกปกฺเข วา ิตสฺส มุขาทีสุเยว ปฏิกฺขิตฺตตฺตา.
คณฺเฑปิ อิมินาว นเยน วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ. ตตฺถ ปน มุขาทีสุ โกลฏฺิมตฺตโต ขุทฺทกตโรปิ คณฺโฑ น วฏฺฏตีติ วิสุํ น ทสฺสิโต. ‘‘มุขาทิเก อปฺปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน อวฑฺฒนกปกฺเข ิโตปิ น วฏฺฏตี’’ติ เอตฺตกเมว หิ ตตฺถ วุตฺตํ, ตถาปิ กุฏฺเ วุตฺตนเยน มุขาทีสุ โกลฏฺิปฺปมาณโต ขุทฺทกตโรปิ คณฺโฑ น วฏฺฏตีติ วิฺายติ, ตสฺมา อวฑฺฒนกปกฺเข ิโตปีติ เอตฺถ ปิ-สทฺโท อวุตฺตสมฺปิณฺฑนตฺโถ. เตน โกลฏฺิมตฺตโต ขุทฺทกตโรปิ น วฏฺฏตีติ อยมตฺโถ ทสฺสิโตเยวาติ อยมมฺหากํ ขนฺติ. ปกติวณฺเณ ชาเตติ โรคเหตุกสฺส วิการวณฺณสฺส อภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ. โกลฏฺิมตฺตโกติ พทรฏฺิปฺปมาโณ. สุฉวึ กาเรตฺวาติ สฺชาตฉวึ กาเรตฺวา. ‘‘สฺฉวึ กาเรตฺวา’’ติปิ ปาโ, วิชฺชมานฉวึ กาเรตฺวาติ อตฺโถ. ปทุมปุณฺฑรีกปตฺตวณฺณนฺติ รตฺตปทุมเสตปทุมวเสน ปทุมปตฺตวณฺณํ. โสสพฺยาธีติ ขยโรโค.
ปฺจาพาธวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ราชภฏาทิวตฺถุกถาวณฺณนา
๙๐-๙๖. ราชภฏาทิวตฺถูสุ ¶ อาหํสูติ มนุสฺสา วทึสุ. ตสฺมา…เป… เอวมาหาติ ยสฺมา สยํ ธมฺมสฺสามี, ตสฺมา ภิกฺขูหิ อปพฺพาชิตพฺพํ โจรํ องฺคุลิมาลํ ปพฺพาเชตฺวา อายตึ ¶ อกรณตฺถาย ภิกฺขูนํ สิกฺขาปทํ ปฺเปนฺโต ‘‘น, ภิกฺขเว, ธชพนฺโธ โจโร ปพฺพาเชตพฺโพ, โย ปพฺพาเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ อาห. อุปรมนฺตีติ วิรมนฺติ นิวตฺตนฺติ. ภินฺทิตฺวาติ อนฺทุพนฺธนํ ภินฺทิตฺวา. ฉินฺทิตฺวาติ สงฺขลิกพนฺธนํ ฉินฺทิตฺวา. มฺุจิตฺวาติ รชฺชุพนฺธนํ มฺุจิตฺวา. วิวริตฺวาติ คามพนฺธนาทีสุ คามทฺวาราทีนิ วิวริตฺวา. อปสฺสมานานํ วา ปลายตีติ ปุริสคุตฺติยํ ปุริสานํ อปสฺสมานานํ ปลายติ. อุปฑฺฒุปฑฺฒนฺติ โถกํ โถกํ.
๙๗. อภิเสกาทีสุ พนฺธนาคาราทีนิ โสเธนฺติ, ตํ สนฺธายาห ‘‘สพฺพสาธารเณน วา นเยนา’’ติ. สเจ สยเมว ปณฺณํ อาโรเปนฺติ, น วฏฺฏตีติ ตา ภุชิสฺสิตฺถิโย ‘‘มยมฺปิ ทาสิโย โหมา’’ติ สยเมว ทาสิปณฺณํ ลิขาเปนฺติ, น วฏฺฏติ. ตกฺกํ สีเส อาสิตฺตกสทิสาว โหนฺตีติ ยถา อทาเส กโรนฺตา ตกฺเกน สีสํ โธวิตฺวา อทาสํ กโรนฺติ, เอวํ อารามิกวจเนน ทินฺนตฺตา อทาสาว เตติ อธิปฺปาโย. ตกฺกาสิฺจนํ ปน สีหฬทีเป จาริตฺตนฺติ วทนฺติ. เนว ปพฺพาเชตพฺโพติ วุตฺตนฺติ กปฺปิยวจเนน ทินฺเนปิ สงฺฆสฺส อารามิกทาสตฺตา เอวํ วุตฺตํ. นิสฺสามิกทาโส นาม ยสฺส สามิกา สปุตฺตทาราทโย มตา โหนฺติ, น โกจิ ตสฺส ปริคฺคาหโก, โสปิ ปพฺพาเชตุํ น วฏฺฏติ, ตํ ปน อตฺตนาปิ ภุชิสฺสํ กาตุํ วฏฺฏติ. เย วา ปน ตสฺมึ รฏฺเ สามิโน, เตหิปิ การาเปตุํ วฏฺฏติ. ‘‘เทวทาสิปุตฺตํ ปพฺพาเชตุํ วฏฺฏตี’’ติ ตีสุ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. ทาสสฺส ปพฺพชิตฺวา อตฺตโน สามิเก ทิสฺวา ปลายนฺตสฺส อาปตฺติ นตฺถีติ วทนฺติ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมว.
ราชภฏาทิวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิสฺสยมุจฺจนกกถาวณฺณนา
๑๐๓. นิสฺสยมุจฺจนกสฺส ¶ วตฺเตสุ ปฺจกฉกฺเกสุ ปน อุภยานิ โข ปน…เป… อนุพฺยฺชนโสติ เอตฺถ ‘‘สพฺโพปิ จายํ ปเภโท มาติกาฏฺกถายํ าตายํ าโต โหตี’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. อาปตฺตึ ชานาตีติอาทีสุ จ ‘‘ปาเ อวตฺตมาเนปิ ‘อิทํ นาม กตฺวา อิทํ อาปชฺชตี’ติ ชานาติ เจ, วฏฺฏตี’’ติ ตตฺเถว วุตฺตํ. ตฺจ โข ปุพฺเพ ปาเ ปคุเณ กเตติ คเหตพฺพนฺติ จ อาจริยุปชฺฌายานมฺปิ เอเสว นโยติ จ เกจิ วทนฺติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
นิสฺสยมุจฺจนกกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ราหุลวตฺถุกถาวณฺณนา
๑๐๕. ราหุลวตฺถุมฺหิ ¶ ตตฺเถว วิหรึสูติ สพฺเพปิ เต อรหตฺตํ ปตฺตกาลโต ปฏฺาย อริยา นาม มชฺฌตฺตาว โหนฺตีติ รฺโ ปหิตสาสนํ ทสพลสฺส อนาโรเจตฺวาว ตตฺถ วิหรึสุ. เอกทิวสํ ชาตํ กาฬุทายึ นาม อมจฺจนฺติ อยํ กิร (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๒๕) ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺโต สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ กุลปฺปสาทกานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. โส ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อมฺหากํ โพธิสตฺตสฺส มาตุกุจฺฉิยํ ปฏิสนฺธิคฺคหณทิวเส กปิลวตฺถุสฺมึเยว อมจฺจเคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ชาตทิวเส โพธิสตฺเตน สทฺธึเยว ชาโตติ ตํ ทิวสํเยว ทุกูลจุมฺพฏเก นิปชฺชาเปตฺวา โพธิสตฺตสฺส อุปฏฺานตฺถาย นยึสุ. โพธิสตฺเตน หิ สทฺธึ โพธิรุกฺโข ราหุลมาตา จตสฺโส นิธิกุมฺภิโย อาโรหนิยหตฺถี กณฺฑโก ฉนฺโน กาฬุทายีติ อิเม สตฺต เอกทิวเส ชาตตฺตา สหชาตา นาม อเหสุํ. อถสฺส นามคฺคหณทิวเส สกลนครสฺส อุทคฺคจิตฺตทิวเส ชาโตติ อุทายีตฺเวว นามํ อกํสุ. โถกํ กาฬธาตุกตฺตา ปน กาฬุทายี นาม ชาโต. โส โพธิสตฺเตน สทฺธึ กุมารกีฬํ กีฬนฺโต วุทฺธึ อคมาสิ.
สฏฺิมตฺตาหิ ¶ คาถาหีติ –
‘‘องฺคาริโน ทานิ ทุมา ภทนฺเต;
ผเลสิโน ฉทนํ วิปฺปหาย;
เต อจฺจิมนฺโตว ปภาสยนฺติ;
สมโย มหาวีร ภาคีรสานํ. (เถรคา. ๕๒๗)
‘‘นาติสีตํ นาติอุณฺหํ, นาติทุพฺภิกฺขฉาตกํ;
สทฺทลา หริตา ภูมิ, เอส กาโล มหามุนี’’ติ. –
อาทิกาหิ สฏฺิมตฺตาหิ คาถาหิ. ‘‘โปกฺขรวสฺสนฺติ โปกฺขรปตฺตวณฺณมุทก’’นฺติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. โปกฺขรปตฺตปฺปมาณํ มชฺเฌ อุฏฺหิตฺวา อนุกฺกเมน สตปฏลํ สหสฺสปฏลํ หุตฺวา วสฺสนกวสฺสนฺติปิ วทนฺติ. ตสฺมึ กิร วสฺสนฺเต เตเมตุกามาว เตเมนฺติ, น อิตเร. เอโกปิ ราชา วา…เป… คโต นตฺถีติ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปกฺกนฺเตสุ าตีสุ เอโกปิ ราชา วา ราชมหามตฺโต ¶ วา ‘‘สฺเว อมฺหากํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ นิมนฺเตตฺวา คโต นตฺถิ. ปิตาปิสฺส สุทฺโธทนมหาราชา ‘‘มยฺหํ ปุตฺโต มม เคหํ อนาคนฺตฺวา กหํ คมิสฺสตี’’ติ อนิมนฺเตตฺวาว อคมาสิ, คนฺตฺวา ปน เคเห วีสติยา ภิกฺขุสหสฺสานํ ยาคุอาทีนิ ปฏิยาทาเปตฺวา อาสนานิ ปฺาเปสิ.
กุลนคเรติ าติกุลสฺส นคเร. อุณฺหีสโต ปฏฺายาติ สีสโต ปฏฺาย. อุณฺหีสนฺติ หิ อุณฺหีสสทิสตฺตา ภควโต ปริปุณฺณนลาฏสฺส ปริปุณฺณสีสสฺส จ เอตํ อธิวจนํ. ภควโต หิ ทกฺขิณกณฺณจูฬิกโต ปฏฺาย มํสปฏลํ อุฏฺหิตฺวา สกลนลาฏํ ฉาทยมานํ ปูรยมานํ คนฺตฺวา วามกณฺณจูฬิกาย ปติฏฺิตํ สณฺหตมตาย สุวณฺณวณฺณตาย ปภสฺสรตาย ปริปุณฺณตาย จ รฺโ พทฺธอุณฺหีสปฏฺโฏ วิย วิโรจติ. ภควโต กิร อิมํ ลกฺขณํ ทิสฺวา ราชูนํ อุณฺหีสปฏฺฏํ อกํสุ. อฺเ ปน ชนา อปริปุณฺณสีสา โหนฺติ, เกจิ กปฺปสีสา, เกจิ ผลสีสา, เกจิ อฏฺิสีสา, เกจิ ตุมฺพสีสา, เกจิ กุมฺภสีสา, เกจิ ปพฺภารสีสา, ภควโต ปน อารคฺเคน วฏฺเฏตฺวา ปิตํ วิย สุปริปุณฺณํ อุทกปุพฺพุฬสทิสมฺปิ โหติ. เตเนว อุณฺหีสเวิตสีสสทิสตฺตา อุณฺหีสํ วิย สพฺพตฺถ ปริมณฺฑลสีสตฺตา จ อุณฺหีสสีโสติ ภควา วุจฺจติ.
นรสีหคาถาหิ ¶ นาม อฏฺหิ คาถาหีติ –
‘‘สินิทฺธนีลมุทุกฺุจิตเกโส;
สูริยนิมฺมลตลาภินลาโฏ;
ยุตฺตตุงฺคมุทุกายตนาโส;
รํสิชาลวิตโต นรสีโห’’ติ. (ชา. อฏฺ. ๑.สนฺติเกนิทานกถา; อป. อฏฺ. ๑.สนฺติเกนิทานกถา) –
เอวมาทิกาหิ อฏฺหิ คาถาหิ. คณฺิปเทสุ ปน –
‘‘จกฺกวรงฺกิตรตฺตสุปาโท;
ลกฺขณมณฺฑิตอายตปณฺหิ;
จามรฉตฺตวิภูสิตปาโท;
เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโห.
‘‘สกฺยกุมารวโร ¶ สุขุมาโล;
ลกฺขณจิตฺติกปุณฺณสรีโร;
โลกหิตาย คโต นรวีโร;
เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโห.
‘‘ปุณฺณสสงฺกนิโภ มุขวณฺโณ;
เทวนราน ปิโย นรนาโค;
มตฺตคชินฺทวิลาสิตคามี;
เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโห.
‘‘ขตฺติยสมฺภวอคฺคกุลีโน;
เทวมนุสฺสนมสฺสิตปาโท;
สีลสมาธิปติฏฺิตจิตฺโต;
เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโห.
‘‘อายตยุตฺตสุสณฺิตนาโส;
โคปขุโม อภินีลสุเนตฺโต;
อินฺทธนูอภินีลภมูโก;
เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโห.
‘‘วฏฺฏสุวฏฺฏสุสณฺิตคีโว ¶ ;
สีหหนู มิคราชสรีโร;
กฺจนสุจฺฉวิอุตฺตมวณฺโณ;
เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโห.
‘‘สินิทฺธสุคมฺภิรมฺชุสโฆโส;
หิงฺคุลพนฺธุกรตฺตสุชิวฺโห;
วีสติวีสติเสตสุทนฺโต;
เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโห.
‘‘อฺชนวณฺณสุนีลสุเกโส ¶ ;
กฺจนปฏฺฏวิสุทฺธนลาโฏ;
โอสธิปณฺฑรสุทฺธสุอุณฺโณ;
เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโห.
‘‘คจฺฉตินิลปเถ วิย จนฺโท;
ตารคณาปริเวิตรูโป;
สาวกมชฺฌคโต สมณินฺโท;
เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโห’’ติ. (ชา. อฏฺ. ๑.สนฺติเกนิทานกถา) –
อิมา นว คาถาโยปิ เอตฺถ ทสฺสิตา, ตา ปน ‘‘อฏฺหิ คาถาหี’’ติ วจเนน น สเมนฺติ. อุณฺหีสโต ปฏฺาย ยาว ปาทตลาติ วุตฺตานุกฺกโมปิ ตตฺถ น ทิสฺสติ. ภิกฺขาย จรตีติ ภิกฺขาจาโร.
อุตฺติฏฺเติ อุตฺติฏฺิตฺวา ปเรสํ ฆรทฺวาเร ตฺวา คเหตพฺพปิณฺเฑ. นปฺปมชฺเฌยฺยาติ ปิณฺฑจาริกวตฺตํ หาเปตฺวา ปณีตโภชนานิ ปริเยสนฺโต อุตฺติฏฺเ ปมชฺชติ นาม, สปทานํ ปิณฺฑาย จรนฺโต ปน นปฺปมชฺชติ นาม, เอวํ กโรนฺโต อุตฺติฏฺเ นปฺปมชฺเชยฺย. ธมฺมนฺติ อเนสนํ ปหาย สปทานํ จรนฺโต ตเมว ภิกฺขาจริยธมฺมํ สุจริตํ จเร. สุขํ เสตีติ เทสนามตฺตเมตํ, เอวํ ปเนตํ ภิกฺขาย จริยธมฺมํ จรนฺโต ธมฺมจารี อิธโลเก จ ปรโลเก จ จตูหิปิ อิริยาปเถหิ สุขํ วิหรตีติ อตฺโถ.
ทุติยคาถาย ¶ น นํ ทุจฺจริตนฺติ เวสิยาทิเภเท อโคจเร จรนฺโต นํ ภิกฺขาจริยธมฺมํ ทุจฺจริตํ จรติ นาม, เอวํ อจริตฺวา ตํ ธมฺมํ จเร สุจริตํ, น นํ ทุจฺจริตํ จเร. เสสเมตฺถ วุตฺตตฺถเมว. อิมํ ปน ทุติยคาถํ ปิตุ นิเวสนํ คนฺตฺวา อภาสีติ เวทิตพฺพํ. เตเนว เถรคาถาสํวณฺณนายํ (เถรคา. อฏฺ. ๑.๑๕๖ นนฺทตฺเถรคาถาวณฺณนา) อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน วุตฺตํ ‘‘ทุติยทิวเส ปิณฺฑาย ปวิฏฺโ ‘อุตฺติฏฺเ นปฺปมชฺเชยฺยา’ติ คาถาย ปิตรํ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปตฺวา นิเวสนํ คนฺตฺวา ‘ธมฺมํ จเร สุจริต’นฺติ คาถาย มหาปชาปตึ โสตาปตฺติผเล ราชานฺจ สกทาคามิผเล ปติฏฺาเปสี’’ติ. ธมฺมปทฏฺกถายมฺปิ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.๑๒ นนฺทตฺเถรวตฺถุ) วุตฺตํ ‘‘ปุนทิวเส ปิณฺฑาย ปวิฏฺโ ‘อุตฺติฏฺเ นปฺปมชฺเชยฺยา’ติ คาถาย ปิตรํ โสตาปตฺติผเล ¶ ปติฏฺาเปตฺวา ‘ธมฺมํ จเร’ติ คาถาย มหาปชาปตึ โสตาปตฺติผเล ราชานฺจ สกทาคามิผเล ปติฏฺาเปสี’’ติ.
ธมฺมปาลชาตกํ สุตฺวา อนาคามิผเล ปติฏฺาสีติ ปุเนกทิวสํ ราชนิเวสเน กตปาตราโส เอกมนฺตํ นิสินฺเนน รฺา ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ ทุกฺกรการิกกาเล เอกา เทวตา มํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘ปุตฺโต เต กาลกโต’ติ อาห. อหํ ตสฺสา วจนํ อสทฺทหนฺโต ‘น มยฺหํ ปุตฺโต โพธึ อปฺปตฺวา กาลํ กโรตี’ติ ปฏิกฺขิปินฺติ วุตฺเต อิทานิ กถํ สทฺทหิสฺสถ, ปุพฺเพปิ อฏฺิกานิ ทสฺเสตฺวา ‘ปุตฺโต เต มโต’ติ วุตฺเต น สทฺทหิตฺถา’’ติ อิมิสฺสา อฏฺุปฺปตฺติยา มหาธมฺมปาลชาตกํ กเถสิ. ตํ สุตฺวา ราชา อนาคามิผเล ปติฏฺหิ.
เกสวิสฺสชฺชนนฺติ กุลมริยาทวเสน เกโสโรปนํ. ปฏฺฏพนฺโธติ ยุวราชปฏฺฏพนฺโธ. อภินวฆรปฺปเวสนมโห ฆรมงฺคลํ, วิวาหกรณมโห อาวาหมงฺคลํ. ฉตฺตมงฺคลนฺติ ยุวราชฉตฺตมงฺคลํ. ชนปทกลฺยาณีติ (อุทา. อฏฺ. ๒๒) ชนปทมฺหิ กลฺยาณี อุตฺตมา ฉสรีรโทสรหิตา ปฺจกลฺยาณสมนฺนาคตา. สา หิ ยสฺมา นาติทีฆา นาติรสฺสา นาติกิสา นาติถูลา นาติกาฬา นาจฺโจทาตาติ อติกฺกนฺตา มานุสํ วณฺณํ, อปฺปตฺตา ทิพฺพํ วณฺณํ, ตสฺมา ฉสรีรโทสรหิตา. ฉวิกลฺยาณํ มํสกลฺยาณํ นหารุกลฺยาณํ อฏฺิกลฺยาณํ วยกลฺยาณนฺติ อิเมหิ ปน ปฺจหิ กลฺยาเณหิ สมนฺนาคตตฺตา ปฺจกลฺยาณสมนฺนาคตา นาม. ตสฺสา หิ อาคนฺตุโกภาสกิจฺจํ นตฺถิ. อตฺตโน สรีโรภาเสเนว ทฺวาทสหตฺถฏฺาเน ¶ อาโลกํ กโรติ, ปิยงฺคุสามา วา โหติ สุวณฺณสามา วา, อยมสฺสา ฉวิกลฺยาณตา. จตฺตาโร ปนสฺสา หตฺถปาทา มุขปริโยสานฺจ ลาขารสปริกมฺมกตํ วิย รตฺตปวาฬรตฺตกมฺพลสทิสํ โหติ, อยมสฺสา มํสกลฺยาณตา. วีสติ ปน นขปตฺตานิ มํสโต อมุตฺตฏฺาเน ลาขารสปูริตานิ วิย มุตฺตฏฺาเน ขีรธาราสทิสานิ โหนฺติ, อยมสฺสา นหารุกลฺยาณตา. ทฺวตฺตึส ทนฺตา สุผุสิตา สุโธตวชิรปนฺติ วิย ขายนฺติ, อยมสฺสา อฏฺิกลฺยาณตา. วีสติวสฺสสติกาปิ สมานา โสฬสวสฺสุทฺเทสิกา วิย โหติ นิวลิปลิตา, อยมสฺสา วยกลฺยาณตา. อิติ อิเมหิ ปฺจหิ กลฺยาเณหิ สมนฺนาคตตฺตา ชนปทกลฺยาณีติ วุจฺจติ.
ตุวฏนฺติ สีฆํ. โสปิ ภควนฺตํ ‘‘ปตฺตํ คณฺหถา’’ติ วตฺตุํ อวิสหมาโน วิหารํเยว อคมาสีติ. โส กิร ตถาคเต คารเวน ‘‘ปตฺตํ โว ภนฺเต คณฺหถา’’ติ วตฺตุํ นาสกฺขิ. เอวํ ปน จินฺเตสิ ‘‘โสปานสีเส ปตฺตํ คณฺหิสฺสตี’’ติ. สตฺถา ตสฺมิมฺปิ าเน น คณฺหิ. อิตโร ‘‘โสปานปาทมูเล คณฺหิสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ. สตฺถา ตตฺถาปิ น คณฺหิ. อิตโร ‘‘ราชงฺคเณ คณฺหิสฺสตี’’ติ ¶ จินฺเตสิ. สตฺถา ตตฺถาปิ น คณฺหิ. กุมาโร นิวตฺติตุกาโม อรุจิยา คจฺฉนฺโต สตฺถุ คารเวน ‘‘ปตฺตํ คณฺหถา’’ติ วตฺตุมฺปิ อสกฺโกนฺโต ‘‘อิธ คณฺหิสฺสติ, เอตฺถ คณฺหิสฺสตี’’ติ จินฺเตนฺโต คจฺฉติ. ชนปทกลฺยาณิยา จ วุตฺตวจนํ ตสฺส หทเย ติริยํ ปติตฺวา วิย ิตํ. นนฺทกุมารฺหิ อภิเสกมงฺคลํ น ตถา ปีเฬสิ, ยถา ชนปทกลฺยาณิยา วุตฺตวจนํ, เตนสฺส จิตฺตสนฺตาโป พลวา อโหสิ. อถ นํ ‘‘อิมสฺมึ าเน นิวตฺติสฺสติ, อิมสฺมึ าเน นิวตฺติสฺสตี’’ติ จินฺเตนฺตเมว สตฺถา วิหารํ เนตฺวา ‘‘ปพฺพชิสฺสสิ นนฺทา’’ติ อาห. โส พุทฺธคารเวน ‘‘น ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อวตฺวา ‘‘อาม ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘เตน หิ นนฺทํ ปพฺพาเชถา’’ติ วตฺวา ปพฺพาเชสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อนิจฺฉมานํเยว ภควา ปพฺพาเชสี’’ติ. ‘‘สตฺถา กปิลปุรํ คนฺตฺวา ตติยทิวเส นนฺทํ ปพฺพาเชสี’’ติ ธมฺมปทฏฺกถายํ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.๑๒ นนฺทตฺเถรวตฺถุ) วุตฺตํ, องฺคุตฺตรนิกายฏฺกถายํ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๓๐) ปน –
‘‘มหาสตฺโตปิ สพฺพฺุตํ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก โลกานุคฺคหํ กโรนฺโต ราชคหโต กปิลวตฺถุํ คนฺตฺวา ปมทสฺสเนเนว ¶ ปิตรํ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปสิ, ปุนทิวเส ปิตุ นิเวสนํ คนฺตฺวา ราหุลมาตาย โอวาทํ กตฺวา เสสชนสฺสปิ ธมฺมํ กเถสิ, ปุนทิวเส นนฺทกุมารสฺส อภิเสกเคหปฺปเวสนอาวาหมงฺคเลสุ วตฺตมาเนสุ ตสฺส นิเวสนํ คนฺตฺวา กุมารํ ปตฺตํ คาหาเปตฺวา ปพฺพาเชตุํ วิหาราภิมุโข ปายาสี’’ติ –
วุตฺตํ, อิธ ปน ‘‘ภควา กปิลปุรํ อาคนฺตฺวา ทุติยทิวเส นนฺทํ ปพฺพาเชสี’’ติ วุตฺตํ, สพฺพมฺเปตํ อาจริเยน ตํตํภาณกานํ ตถา ตถา อนุสฺสววเสน ปริหริตฺวา อาคตภาวโต ตตฺถ ตตฺถ ตถา ตถา วุตฺตนฺติ นตฺเถตฺถ อาจริยวจเน ปุพฺพาปรวิโรโธ.
พฺรหฺมรูปวณฺณนฺติ พฺรหฺมรูปสมานรูปํ. ตฺยสฺสาติ เต อสฺส. วฏฺฏานุคตนฺติ วฏฺฏปริยาปนฺนํ. สวิฆาตนฺติ ทุกฺขสหิตตฺตา สวิฆาตํ, สทุกฺขนฺติ อตฺโถ. สตฺตวิธํ อริยธนนฺติ –
‘‘สทฺธาธนํ สีลธนํ, หิริโอตฺตปฺปิยํ ธนํ;
สุตธนฺจ จาโค จ, ปฺา เว สตฺตมํ ธน’’นฺติ. (อ. นิ. ๗.๕-๖) –
เอวํ วุตฺตํ สตฺตวิธํ อริยธนํ. อฺุฉาจริยายาติ ภิกฺขาจริยาย. ปุตฺตสิเนโห อุปฺปชฺชมาโน สกลสรีรํ ¶ โขเภตฺวา อฏฺิมิฺชํ อาหจฺจ ติฏฺตีติ อาห ‘‘ปุตฺตเปมํ ภนฺเต…เป… อฏฺิมิฺชํ อาหจฺจ ติฏฺตี’’ติ. ปุตฺตสิเนโห หิ พลวภาวโต สหชาตปีติเวคสฺส สวิปฺผารตาย ตํสมุฏฺานรูปธมฺเมหิ ผรณวเสน สกลสรีรํ อาโลเฬตฺวา อฏฺิมิฺชํ อาหจฺจ ติฏฺติ. ยตฺร หิ นามาติ โย นาม. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
ราหุลวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
สิกฺขาปททณฺฑกมฺมวตฺถุกถาวณฺณนา
๑๐๖. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สามเณรานํ ทส สิกฺขาปทานีติอาทีสุ สิกฺขิตพฺพานิ ปทานิ สิกฺขาปทานิ, สิกฺขาโกฏฺาสาติ อตฺโถ. สิกฺขาย วา ปทานิ สิกฺขาปทานิ, อธิสีลอธิจิตฺตอธิปฺาสิกฺขาย อธิคมุปายาติ ¶ อตฺโถ. อตฺถโต ปน กามาวจรกุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตา วิรติโย, ตํสมฺปยุตฺตธมฺมา ปเนตฺถ ตคฺคหเณเนว คเหตพฺพา. สรเสเนว ปตนสภาวสฺส อนฺตรา เอว อติปาตนํ อติปาโต, สณิกํ ปติตุํ อทตฺวา สีฆํ ปาตนนฺติ อตฺโถ. อติกฺกมฺม วา สตฺถาทีหิ อภิภวิตฺวา ปาตนํ อติปาโต, ปาณสฺส อติปาโต ปาณาติปาโต, ปาณวโธ ปาณฆาโตติ วุตฺตํ โหติ. ปาโณติ เจตฺถ โวหารโต สตฺโต, ปรมตฺถโต ชีวิตินฺทฺริยํ. ตสฺมึ ปน ปาเณ ปาณสฺิโน ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทกอุปกฺกมสมุฏฺาปิกา กายวจีทฺวารานํ อฺตรปฺปวตฺตา วธกเจตนา ปาณาติปาโต, ตโต ปาณาติปาตา.
เวรมณีติ เวรเหตุตาย เวรสฺิตํ ปาณาติปาตาทิปาปธมฺมํ มณติ, ‘‘มยิ อิธ ิตาย กถมาคจฺฉสี’’ติ วา ตชฺเชนฺตี วิย นีหรตีติ เวรมณี. วิรมติ เอตายาติ วา วิรมณีติ วตฺตพฺเพ นิรุตฺตินเยน ‘‘เวรมณี’’ติ วุตฺตํ. อตฺถโต ปน เวรมณีติ กามาวจรกุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตา วิรติโย. สา ‘‘ปาณาติปาตาทึ วิรมนฺตสฺส ยา ตสฺมึ สมเย ปาณาติปาตา อารติ วิรติ ปฏิวิรติ เวรมณี อกิริยา อกรณํ อนชฺฌาปตฺติ เวลานติกฺกโม เสตุฆาโต’’ติ เอวมาทินา นเยน วิภงฺเค (วิภ. ๗๐๔) วุตฺตา. กามฺเจสา เวรมณี นาม โลกุตฺตราปิ อตฺถิ, อิธ ปน สมาทานวสปฺปวตฺตา วิรติ อธิปฺเปตาติ โลกุตฺตราย วิรติยา สมาทานวเสน ปวตฺติอสมฺภวโต กามาวจรกุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตา วิรติโย คเหตพฺพา.
อทินฺนาทานา เวรมณีติอาทีสุ อทินฺนสฺส อาทานํ อทินฺนาทานํ, ปรสฺสหรณํ, เถยฺยํ โจริกาติ ¶ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ อทินฺนนฺติ ปรปริคฺคหิตํ. ยตฺถ ปโร ยถากามการิตํ อาปชฺชนฺโต อทณฺฑารโห อนุปวชฺโช จ โหติ, ตสฺมึ ปน ปรปริคฺคหิเต ปรปริคฺคหิตสอโน ตทาทายกอุปกฺกมสมุฏฺาปิกา เถยฺยเจตนา อทินฺนาทานํ.
อพฺรหฺมจริยํ นาม อเสฏฺจริยํ ทฺวยํทฺวยสมาปตฺติ. สา หิ ‘‘อปฺปสฺสาทา กามา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๗๗; ๒.๔๒) หีฬิตตฺตา อเสฏฺา อปฺปสตฺถา จริยาติ วา อเสฏฺานํ นิหีนานํ อิตฺถิปุริสานํ จริยาติ วา อเสฏฺจริยํ, อเสฏฺจริยตฺตา อพฺรหฺมจริยนฺติ จ วุจฺจติ ¶ , อตฺถโต ปน อสทฺธมฺมเสวนาธิปฺปาเยน กายทฺวารปฺปวตฺตา มคฺเคนมคฺคปฺปฏิปตฺติสมุฏฺาปิกา เจตนา อพฺรหฺมจริยํ.
มุสาติ อภูตํ อตจฺฉํ วตฺถุ, วาโทติ ตสฺส ภูตโต ตจฺฉโต วิฺาปนํ. ลกฺขณโต ปน อตถํ วตฺถุํ ตถโต ปรํ วิฺาเปตุกามสฺส ตถาวิฺตฺติสมุฏฺาปิกา เจตนา มุสาวาโท มุสา วทียติ วุจฺจติ เอตายาติ กตฺวา.
สุราเมรยมชฺชปฺปมาทฏฺานาติ เอตฺถ สุราติ ปูวสุรา ปิฏฺสุรา โอทนสุรา กิณฺณปกฺขิตฺตา สมฺภารสํยุตฺตาติ ปฺจ สุรา. เมรยนฺติ ปุปฺผาสโว ผลาสโว มธฺวาสโว คุฬาสโว สมฺภารสํยุตฺโตติ ปฺจ อาสวา. ตตฺถ ปูเว ภาชเน ปกฺขิปิตฺวา ตชฺชํ อุทกํ ทตฺวา มทฺทิตฺวา กตา ปูวสุรา. เอวํ เสสสุราปิ. กิณฺณาติ ปน ตสฺสา สุราย พีชํ วุจฺจติ, เย สุราโมทกาติ วุจฺจนฺติ, เต ปกฺขิปิตฺวา กตา กิณฺณปกฺขิตฺตา. หรีตกีสาสปาทินานาสมฺภาเรหิ สํโยชิตา สมฺภารสํยุตฺตา. มธุกตาลนาฬิเกราทิปุปฺผรโส จิรปริวาสิโต ปุปฺผาสโว. ปนสาทิผลรโส ผลาสโว. มุทฺทิการโส มธฺวาสโว. อุจฺฉุรโส คุฬาสโว. หรีตกอามลกกฏุกภณฺฑาทินานาสมฺภารานํ รโส จิรปริวาสิโต สมฺภารสํยุตฺโต. ตํ สพฺพมฺปิ มทกรณวเสน มชฺชํ ปิวนฺตํ มทยตีติ กตฺวา. ปมาทฏฺานนฺติ ปมาทการณํ. ยาย เจตนาย ตํ มชฺชํ ปิวนฺติ, ตสฺสา เอตํ อธิวจนํ. สุราเมรยมชฺเช ปมาทฏฺานํ สุราเมรยมชฺชปฺปมาทฏฺานํ, ตสฺมา สุราเมรยมชฺชปฺปมาทฏฺานา.
วิกาลโภชนาติ อรุณุคฺคมนโต ปฏฺาย ยาว มชฺฌนฺหิกา. อยํ พุทฺธาทีนํ อริยานํ อาจิณฺณสมาจิณฺโณ โภชนสฺส กาโล นาม, ตทฺโ วิกาโล. ภฺุชิตพฺพฏฺเน โภชนํ, ยาคุภตฺตาทิ สพฺพํ ยาวกาลิกวตฺถุ. ยถา จ ‘‘รตฺตูปรโต’’ติ (ที. ๑.๑๐, ๑๙๔; ม. นิ. ๑.๒๙๓; ๓.๑๔) เอตฺถ ¶ รตฺติยา โภชนํ รตฺตีติ อุตฺตรปทโลเปน วุจฺจติ, เอวเมตฺถ โภชนชฺโฌหรณํ โภชนนฺติ. วิกาเล โภชนํ วิกาลโภชนํ, ตโต วิกาลโภชนา, วิกาเล ยาวกาลิกวตฺถุสฺส อชฺโฌหรณาติ อตฺโถ. อถ วา น เอตฺถ กมฺมสาธโน ภฺุชิตพฺพตฺถวาจโก โภชนสทฺโท, อถ โข ภาวสาธโน อชฺโฌหรณตฺถวาจโก คเหตพฺโพ ¶ , ตสฺมา วิกาเล โภชนํ อชฺโฌหรณํ วิกาลโภชนํ. กสฺส ปน อชฺโฌหรณนฺติ? ยามกาลิกาทีนํ อนฺุาตตฺตา วิกาลโภชน-สทฺทสฺส วา ยาวกาลิกชฺโฌหรเณ นิรุฬฺหตฺตา ยาวกาลิกสฺสาติ วิฺายติ, อตฺถโต ปน กายทฺวารปฺปวตฺตา วิกาเล ยาวกาลิกชฺโฌหรณเจตนา ‘‘วิกาลโภชน’’นฺติ เวทิตพฺพา.
นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนาติ เอตฺถ สาสนสฺส อนนุโลมตฺตา วิสูกํ ปฏาณีภูตํ ทสฺสนนฺติ วิสูกทสฺสนํ. นจฺจาทีนฺหิ ทสฺสนํ สฉนฺทราคปฺปวตฺติโต สงฺเขปโต ‘‘สพฺพปาปสฺส อกรณ’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตํ (ที. นิ. ๒.๙๐; ธ. ป. ๑๘๓) ภควโต สาสนํ น อนุโลเมติ. นจฺจฺจ คีตฺจ วาทิตฺจ วิสูกทสฺสนฺจ นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนํ. อตฺตนา ปโยชิยมานํ ปเรหิ ปโยชาปิยมานฺเจตฺถ นจฺจํ นจฺจภาวสามฺโต ปาฬิยํ เอเกเนว นจฺจ-สทฺเทน คหิตํ, ตถา คีตวาทิต-สทฺเทหิ คายนคายาปนวาทนวาทาปนานิ, ตสฺมา อตฺตนา นจฺจนนจฺจาปนาทิวเสน นจฺจา จ คีตา จ วาทิตา จ อนฺตมโส มยูรนจฺจาทิวเสนปิ ปวตฺตานํ นจฺจาทีนํ วิสูกภูตา ทสฺสนา จ เวรมณีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. นจฺจาทีนิ อตฺตนา ปโยเชตุํ วา ปเรหิ ปโยชาเปตุํ วา ปยุตฺตานิ ปสฺสิตุํ วา เนว ภิกฺขูนํ น ภิกฺขุนีนํ วฏฺฏติ. ทสฺสเนน เจตฺถ สวนมฺปิ สงฺคหิตํ วิรูเปกเสสนเยน. ยถา สกํ วิสยอาโลจนสภาวตาย วา ปฺจนฺนํ วิฺาณานํ สวนกิริยายปิ ทสฺสนสงฺเขปสมฺภวโต ‘‘ทสฺสนา’’ อิจฺเจว วุตฺตํ. เตเนว วุตฺตํ ‘‘ปฺจหิ วิฺาเณหิ น กฺจิ ธมฺมํ ปฏิวิชานาติ อฺตฺร อภินิปาตมตฺตา’’ติ. ทสฺสนกมฺยตาย อุปสงฺกมิตฺวา ปสฺสโต เอว เจตฺถ วีติกฺกโม โหติ, ิตนิสินฺนสยโนกาเส ปน อาคตํ คจฺฉนฺตสฺส วา อาปาถคตํ ปสฺสโต สิยา สํกิเลโส, น วีติกฺกโม.
มาลาคนฺธวิเลปนธารณมณฺฑนวิภูสนฏฺานาติ เอตฺถ มาลาติ ยํ กิฺจิ ปุปฺผํ. กิฺจาปิ หิ มาลา-สทฺโท โลเก พทฺธมาลวาจโก, สาสเน ปน รุฬฺหิยา ปุปฺเผสุปิ วุตฺโต, ตสฺมา ยํ กิฺจิ ปุปฺผํ พทฺธมพทฺธํ วา, ตํ สพฺพํ ‘‘มาลา’’ติ ทฏฺพฺพํ. คนฺธนฺติ วาสจุณฺณธูมาทิกํ วิเลปนโต อฺํ ยํ กิฺจิ คนฺธชาตํ. วิเลปนนฺติ วิเลปนตฺถํ ปิสิตฺวา ปฏิยตฺตํ ยํ กิฺจิ ฉวิราคกรณํ. ปิฬนฺธนํ ธารณํ, อูนฏฺานปูรณํ มณฺฑนํ, คนฺธวเสน ฉวิราควเสน จ สาทิยนํ ¶ ¶ วิภูสนํ. เตเนว ทีฆนิกายฏฺกถายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๐) มชฺฌิมนิกายฏฺกถายฺจ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒๙๓) ‘‘ปิฬนฺธนฺโต ธาเรติ นาม, อูนฏฺานํ ปูเรนฺโต มณฺเฑติ นาม, คนฺธวเสน ฉวิราควเสน จ สาทิยนฺโต วิภูเสติ นามา’’ติ วุตฺตํ. ปรมตฺถโชติกายํ ปน ขุทฺทกฏฺกถายํ (ขุ. ปา. อฏฺ. ๒.ปจฺฉิมปฺจสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘มาลาทีสุ ธารณาทีนิ ยถาสงฺขฺยํ โยเชตพฺพานี’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ. านํ วุจฺจติ การณํ, ตสฺมา ยาย ทุสฺสีลฺยเจตนาย ตานิ มาลาธารณาทีนิ มหาชโน กโรติ, สา ธารณมณฺฑนวิภูสนฏฺานํ.
อุจฺจาสยนมหาสยนาติ เอตฺถ อุจฺจาติ อุจฺจ-สทฺเทน สมานตฺถํ เอกํ สทฺทนฺตรํ. เสติ เอตฺถาติ สยนํ, อุจฺจาสยนฺจ มหาสยนฺจ อุจฺจาสยนมหาสยนํ. อุจฺจาสยนํ วุจฺจติ ปมาณาติกฺกนฺตํ มฺจาทิ. มหาสยนํ อกปฺปิยตฺถรเณหิ อตฺถตํ อาสนฺทาทิ. อาสนฺเจตฺถ สยเนเนว สงฺคหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ยสฺมา ปน อาธาเร ปฏิกฺขิตฺเต ตทาธารา กิริยา ปฏิกฺขิตฺตาว โหติ, ตสฺมา ‘‘อุจฺจาสยนมหาสยนา’’ อิจฺเจว วุตฺตํ, อตฺถโต ปน ตทุปโภคภูตนิสชฺชานิปชฺชเนหิ วิรติ ทสฺสิตาติ ทฏฺพฺพา. อถ วา อุจฺจาสยนมหาสยนสยนาติ เอตสฺมึ อตฺเถ เอกเสสนเยน อยํ นิทฺเทโส กโต ยถา ‘‘นามรูปปจฺจยา สฬายตน’’นฺติ, อาสนกิริยาปุพฺพกตฺตา สยนกิริยาย สยนคฺคหเณเนว อาสนมฺปิ คหิตนฺติ เวทิตพฺพํ.
ชาตรูปรชตปฏิคฺคหณาติ เอตฺถ ชาตรูปนฺติ สุวณฺณํ. รชตนฺติ กหาปโณ โลหมาสโก ชตุมาสโก ทารุมาสโกติ เย โวหารํ คจฺฉนฺติ, ตสฺส อุภยสฺสปิ ปฏิคฺคหณํ ชาตรูปรชตปฏิคฺคหณํ. ติวิธฺเจตฺถ ปฏิคฺคหณํ กาเยน วาจาย มนสาติ. ตตฺถ กาเยน ปฏิคฺคหณํ อุคฺคณฺหนํ, วาจาย ปฏิคฺคหณํ อุคฺคหาปนํ, มนสา ปฏิคฺคหณํ สาทิยนํ. ติวิธมฺปิ ปฏิคฺคหณํ สามฺนิทฺเทเสน เอกเสสนเยน วา คเหตฺวา ‘‘ปฏิคฺคหณา’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา เนว อุคฺคเหตุํ น อุคฺคหาเปตุํ น อุปนิกฺขิตฺตํ วา สาทิตุํ วฏฺฏติ. อิมานิ ปน ทส สิกฺขาปทานิ คหฏฺานมฺปิ สาธารณานิ. วุตฺตฺเหตํ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑๓) ‘‘อุปาสกอุปาสิกานํ นิจฺจสีลวเสน ปฺจ สิกฺขาปทานิ, สติ วา อุสฺสาเห ทส, อุโปสถงฺควเสน อฏฺาติ อิทํ คหฏฺสีล’’นฺติ. เอตฺถ หิ ทสาติ สามเณเรหิ รกฺขิตพฺพสีลมาห ¶ ฆฏิการาทีนํ วิย. ปรมตฺถโชติกายํ ปน ขุทฺทกฏฺกถายํ (ขุ. ปา. อฏฺ. ๒.สาธารณวิเสสววตฺถาน) ‘‘อาทิโต ทฺเว จตุตฺถปฺจมานิ อุปาสกานํ สามเณรานฺจ สาธารณานิ นิจฺจสีลวเสน, อุโปสถสีลวเสน ปน อุปาสกานํ สตฺตมฏฺมํ เจกํ องฺคํ กตฺวา สพฺพปจฺฉิมวชฺชานิ สพฺพานิปิ สามเณเรหิ สาธารณานิ, ปจฺฉิมํ ปน สามเณรานเมว วิเสสภูต’’นฺติ ¶ วุตฺตํ, ตํ ‘‘สติ วา อุสฺสาเห ทสา’’ติ อิมินา น สเมติ. นาสนวตฺถูติ ลิงฺคนาสนาย วตฺถุ, อธิฏฺานํ การณนฺติ วุตฺตํ โหติ.
๑๐๗. กินฺตีติ เกน นุ โข อุปาเยน. ‘‘อตฺตโน ปริเวณนฺติ อิทํ ปุคฺคลิกํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. อยเมตฺถ คณฺิปทการานํ อธิปฺปาโย – ‘‘วสฺสคฺเคน ปตฺตเสนาสน’’นฺติ อิมินา ตสฺส วสฺสคฺเคน ปตฺตํ สงฺฆิกเสนาสนํ วุตฺตํ, ‘‘อตฺตโน ปริเวณ’’นฺติ อิมินาปิ ตสฺเสว ปุคฺคลิกเสนาสนํ วุตฺตนฺติ. อยํ ปเนตฺถ อมฺหากํ ขนฺติ – ‘‘ยตฺถ วา วสตี’’ติ อิมินา สงฺฆิกํ วา โหตุ ปุคฺคลิกํ วา, ตสฺส นิพทฺธวสนกเสนาสนํ วุตฺตํ. ‘‘ยตฺถ วา ปฏิกฺกมตี’’ติ อิมินา ปน ยํ อาจริยสฺส อุปชฺฌายสฺส วา วสนฏฺานํ อุปฏฺานาทินิมิตฺตํ นิพทฺธํ ปวิสติ, ตํ อาจริยุปชฺฌายานํ วสนฏฺานํ วุตฺตํ. ตสฺมา ตทุภยํ ทสฺเสตุํ ‘‘อุภเยนปิ อตฺตโน ปริเวณฺจ วสฺสคฺเคน ปตฺตเสนาสนฺจ วุตฺต’’นฺติ อาห. ตตฺถ อตฺตโน ปริเวณนฺติ อิมินา อาจริยุปชฺฌายานํ วสนฏฺานํ ทสฺสิตํ, วสฺสคฺเคน ปตฺตเสนาสนนฺติ อิมินา ปน ตสฺส วสนฏฺานํ. ตทุภยมฺปิ สงฺฆิกํ วา โหตุ ปุคฺคลิกํ วา, อาวรณํ กาตพฺพเมวาติ. มุขทฺวาริกนฺติ มุขทฺวาเรน ภฺุชิตพฺพํ. ทณฺฑกมฺมํ กตฺวาติ ทณฺฑกมฺมํ โยเชตฺวา. ทณฺเฑนฺติ วิเนนฺติ เอเตนาติ ทณฺโฑ, โสเยว กาตพฺพตฺตา กมฺมนฺติ ทณฺฑกมฺมํ, อาวรณาทิ.
สิกฺขาปททณฺฑกมฺมวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อนาปุจฺฉาวรณวตฺถุอาทิกถาวณฺณนา
๑๐๘. ทณฺฑกมฺมมสฺส กโรถาติ อสฺส ทณฺฑกมฺมํ โยเชถ อาณาเปถ. ทณฺฑกมฺมนฺติ วา นิคฺคหกมฺมํ, ตสฺมา นิคฺคหมสฺส กโรถาติ วุตฺตํ ¶ โหติ. เอส นโย สพฺพตฺถ อีทิเสสุ าเนสุ. เสนาสนคฺคาโห จ ปฏิปฺปสฺสมฺภตีติ อิมินา จ ฉินฺนวสฺโส จ โหตีติ ทีเปติ. สเจ อากิณฺณโทโสว โหติ, อายตึ สํวเร น ติฏฺติ, นิกฺกฑฺฒิตพฺโพติ เอตฺถ สเจ ยาวตติยํ วุจฺจมาโน น โอรมติ, สงฺฆํ อปโลเกตฺวา นาเสตพฺโพ. ปุน ปพฺพชฺชํ ยาจมาโนปิ อปโลเกตฺวา ปพฺพาเชตพฺโพติ วทนฺติ. ปจฺฉิมิกาย วสฺสาวาสิกํ ลจฺฉตีติ ปจฺฉิมิกาย ปุน วสฺสํ อุปคตตฺตา ลจฺฉติ. อปโลเกตฺวา ลาโภ ทาตพฺโพติ ฉินฺนวสฺสตาย วุตฺตํ. อิตรานิ ปฺจ สิกฺขาปทานีติ วิกาลโภชนาทีนิ ปฺจ. อจฺจยํ เทสาเปตพฺโพติ ‘‘อจฺจโย มํ, ภนฺเต, อจฺจคมา’’ติอาทินา นเยน เทสาเปตพฺโพ.
อนาปุจฺฉาวรณวตฺถุอาทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปณฺฑกวตฺถุกถาวณฺณนา
๑๐๙. ปณฺฑกวตฺถุมฺหิ ¶ ‘‘โย กาฬปกฺเข อิตฺถี โหติ, ชุณฺหปกฺเข ปุริโส, อยํ ปกฺขปณฺฑโก’’ติ เกจิ วทนฺติ, อฏฺกถายํ ปน ‘‘กาฬปกฺเข ปณฺฑโก โหติ, ชุณฺหปกฺเข ปนสฺส ปริฬาโห วูปสมฺมตี’’ติ อปณฺฑกปกฺเข ปริฬาหวูปสมสฺเสว วุตฺตตฺตา ปณฺฑกปกฺเข อุสฺสนฺนปริฬาหตา ปณฺฑกภาวาปตฺตีติ วิฺายติ, ตสฺมา อิทเมเวตฺถ สารโต ปจฺเจตพฺพํ. อิตฺถิภาโว ปุมฺภาโว วา นตฺถิ เอตสฺสาติ อภาวโก. ตสฺมึ เยวสฺส ปกฺเข ปพฺพชฺชา วาริตาติ เอตฺถ ‘‘อปณฺฑกปกฺเข ปพฺพาเชตฺวา ปณฺฑกปกฺเข นาเสตพฺโพ’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘อปณฺฑกปกฺเข ปพฺพชิโต สเจ กิเลสกฺขยํ ปาปุณาติ, น นาเสตพฺโพ’’ติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ ปณฺฑกสฺส กิเลสกฺขยาสมฺภวโต ขีณกิเลสสฺส จ ปณฺฑกภาวานุปปตฺติโต. อเหตุกปฏิสนฺธิกถายฺหิ อวิเสเสน ปณฺฑกสฺส อเหตุกปฏิสนฺธิตา วุตฺตา. อาสิตฺตอุสูยปกฺขปณฺฑกานฺจ ปฏิสนฺธิโต ปฏฺาเยว ปณฺฑกสภาโว, น ปวตฺติยํเยวาติ วทนฺติ. เตเนว อเหตุกปฏิสนฺธินิทฺเทเส ชจฺจนฺธพธิราทโย วิย ปณฺฑโก ชาติสทฺเทน วิเสเสตฺวา น นิทฺทิฏฺโ. อิธาปิ ¶ จตุตฺถปาราชิกสํวณฺณนายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๒๓๓) ‘‘อภพฺพปุคฺคเล ทสฺเสนฺเตน ปณฺฑกติรจฺฉานคตอุภโตพฺยฺชนกา ตโย วตฺถุวิปนฺนา อเหตุกปฏิสนฺธิกา, เตสํ สคฺโค อวาริโต, มคฺโค ปน วาริโต’’ติ อวิเสเสน วุตฺตํ.
ปณฺฑกวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
เถยฺยสํวาสกวตฺถุกถาวณฺณนา
๑๑๐. เถยฺยสํวาสกวตฺถุมฺหิ โกลฺาติ มาตุวํเส ปิตุวํเส จ ชาตา มาตาปิตุปฺปภุติสพฺพาตโย. เถยฺยาย สํวาโส เอตสฺสาติ เถยฺยสํวาสโก. โส จ น สํวาสมตฺตสฺเสว เถนโก อิธาธิปฺเปโต, อถ โข ลิงฺคสฺส ตทุภยสฺส จ เถนโกปีติ อาห ‘‘ตโย เถยฺยสํวาสกา’’ติอาทิ. น ยถาวุฑฺฒํ วนฺทนํ สาทิยตีติ ยถาวุฑฺฒํ ภิกฺขูนํ วา สามเณรานํ วา วนฺทนํ น สาทิยติ. ยถาวุฑฺฒํ วนฺทนํ สาทิยตีติ อตฺตนา มุสาวาทํ กตฺวา ทสฺสิตวสฺสานุรูปํ ยถาวุฑฺฒํ วนฺทนํ สาทิยติ. ภิกฺขุวสฺสคณนาทิโกติ อิมินา น เอกกมฺมาทิโกว อิธ สํวาโส นามาติ ทสฺเสติ.
ราช…เป… ภเยนาติ เอตฺถ ภย-สทฺโท ปจฺเจกํ โยเชตพฺโพ ‘‘ราชภเยน ทุพฺภิกฺขภเยนา’’ติอาทินา ¶ . สํวาสํ นาธิวาเสติ, ยาว โส สุทฺธมานโสติ ราชภยาทีหิ คหิตลิงฺคตาย โส สุทฺธมานโส ยาว สํวาสํ นาธิวาเสตีติ อตฺโถ. โย หิ ราชภยาทึ วินา เกวลํ ภิกฺขู วฺเจตฺวา เตหิ สทฺธึ สํวสิตุกามตาย ลิงฺคํ คณฺหาติ, โส อสุทฺธจิตฺตตาย ลิงฺคคฺคหเณเนว เถยฺยสํวาสโก นาม โหติ. อยํ ปน ตาทิเสน อสุทฺธจิตฺเตน ภิกฺขู วฺเจตุกามตาย อภาวโต ยาว สํวาสํ นาธิวาเสติ, ตาว เถยฺยสํวาสโก นาม น โหติ. เตเนว ‘‘ราชภยาทีหิ คหิตลิงฺคานํ ‘คิหี มํ สมโณติ ชานนฺตู’ติ วฺจนาจิตฺเต สติปิ ภิกฺขูนํ วฺเจตุกามตาย อภาวา โทโส น ชาโต’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘วูปสนฺตภยตา ¶ อิธ สุทฺธจิตฺตตา’’ติ วทนฺติ, เอวฺจ สติ โส วูปสนฺตภโย ยาว สํวาสํ นาธิวาเสติ, ตาว เถยฺยสํวาสโก น โหตีติ อยมตฺโถ วิฺายติ. อิมสฺมิฺจ อตฺเถ วิฺายมาเน อวูปสนฺตภยสฺส สํวาสสาทิยเนปิ เถยฺยสํวาสกตา น โหตีติ อาปชฺเชยฺย, น จ อฏฺกถายํ อวูปสนฺตภยสฺส สํวาสสาทิยเนปิ อเถยฺยสํวาสกตา ทสฺสิตา. สพฺพปาสณฺฑิยภตฺตานิ ภฺุชนฺโตติ จ อิมินา อวูปสนฺตตเยนปิ สํวาสํ อสาทิยนฺเตเนว วสิตพฺพนฺติ ทีเปติ. เตเนว ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ ‘‘ยสฺมา วิหารํ อาคนฺตฺวา สงฺฆิกํ คณฺหนฺตสฺส สํวาสํ ปริหริตุํ ทุกฺกรํ, ตสฺมา สพฺพปาสณฺฑิยภตฺตานิ ภฺุชนฺโตติ อิทํ วุตฺต’’นฺติ, ตสฺมา ราชภยาทีหิ คหิตลิงฺคตาเยเวตฺถ สุทฺธจิตฺตตาติ คเหตพฺพํ.
สพฺพปาสณฺฑิยภตฺตานีติ สพฺพสามยิกานํ สาธารณํ กตฺวา วีถิจตุกฺกาทีสุ เปตฺวา ทาตพฺพภตฺตานิ. กายปริหาริยานีติ กาเยน ปริหริตพฺพานิ. อพฺภุคฺคจฺฉนฺตีติ อภิมุขํ คจฺฉนฺติ. กมฺมนฺตานุฏฺาเนนาติ กสิโครกฺขาทิกมฺมกรเณน. ตเทว ปตฺตจีวรํ อาทาย วิหารํ คจฺฉตีติ จีวรานิ นิวาสนปารุปนวเสน อาทาย ปตฺตฺจ อํสกูเฏ ลคฺเคตฺวา วิหารํ คจฺฉติ. นาปิ สยํ ชานาตีติ ‘‘โย เอวํ ปพฺพชติ, โส เถยฺยสํวาสโก นาม โหตี’’ติ วา ‘‘เอวํ กาตุํ น ลภตี’’ติ วา ‘‘เอวํ ปพฺพชิโต สมโณ น โหตี’’ติ วา น ชานาติ. โย เอวํ ปพฺพชติ, โส เถยฺยสํวาสโก นาม โหตีติ อิทํ ปน นิทสฺสนมตฺตํ. อนุปสมฺปนฺนกาเลเยวาติ อิมินา อุปสมฺปนฺนกาเล สุตฺวา สเจปิ นาโรเจติ, เถยฺยสํวาสโก น โหตีติ ทีเปติ.
สิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขาย…เป… เถยฺยสํวาสโก น โหตีติ อิทํ ภิกฺขูหิ ทินฺนลิงฺคสฺส อปริจฺจตฺตตฺตา น ลิงฺคเถนโก โหติ, ลิงฺคานุรูปสฺส สํวาสสฺส สาทิตตฺตา นาปิ สํวาสเถนโก โหตีติ วุตฺตํ. เอโก ภิกฺขุ กาสาเย สอุสฺสาโหว โอทาตํ นิวาเสตฺวาติ เอตฺถาปิ อิทเมว การณํ ¶ ทฏฺพฺพํ. ปรโต สามเณโร สลิงฺเค ิโตติอาทินา สามเณรสฺส วุตฺตวิธาเนสุปิ อเถยฺยสํวาสกปกฺเข อยเมว นโย. ภิกฺขุนิยาปิ เอเสว นโยติ วุตฺตเมวตฺถํ ‘‘สาปิ หิ คิหิภาวํ ปตฺถยมานา’’ติอาทินา วิภาเวติ. โย โกจิ วุฑฺฒปพฺพชิโตติ ¶ สามเณรํ สนฺธาย วุตฺตํ. มหาเปฬาทีสูติ เอเตน คิหิสนฺตกํ ทสฺสิตํ. สยํ สามเณโรว…เป… เถยฺยสํวาสโก น โหตีติ เอตฺถ กิฺจาปิ เถยฺยสํวาสโก น โหติ, ปาราชิกํ ปน อาปชฺชติเยว. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
เถยฺยสํวาสกวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ติตฺถิยปกฺกนฺตกกถาวณฺณนา
ติตฺถิยปกฺกนฺตกกถายํ เตสํ ลิงฺเค อาทินฺนมตฺเต ติตฺถิยปกฺกนฺตโก โหตีติ ‘‘ติตฺถิโย ภวิสฺสามี’’ติ คตสฺส ลิงฺคคฺคหเณเนว เตสํ ลทฺธิปิ คหิตาเยว โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ. เกนจิ ปน ‘‘เตสํ ลิงฺเค อาทินฺนมตฺเต ลทฺธิยา คหิตายปิ อคฺคหิตายปิ ติตฺถิยปกฺกนฺตโก โหตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ น คเหตพฺพํ. น หิ ‘‘ติตฺถิโย ภวิสฺสามี’’ติ คตสฺส ลิงฺคสมฺปฏิจฺฉนโต อฺํ ลทฺธิคฺคหณํ นาม อตฺถิ. ลิงฺคสมฺปฏิจฺฉเนเนว หิ โส คหิตลทฺธิโก โหติ. เตเนว ‘‘วีมํสนตฺถํ กุสจีราทีนิ…เป… ยาว น สมฺปฏิจฺฉติ, ตาว ตํ ลทฺธิ รกฺขติ. สมฺปฏิจฺฉิตมตฺเต ติตฺถิยปกฺกนฺตโก โหตี’’ติ วุตฺตํ. นคฺโคว อาชีวกานํ อุปสฺสยํ คจฺฉติ, ปทวาเร ปทวาเร ทุกฺกฏนฺติ ‘‘อาชีวโก ภวิสฺส’’นฺติ อสุทฺธจิตฺเตน คมนปจฺจยา ทุกฺกฏํ วุตฺตํ. นคฺเคน หุตฺวา คมนปจฺจยาปิ ทุกฺกฏา น มุจฺจติเยว. กูฏวสฺสํ คเณนฺโตติ กูฏวสฺสํ คเณตฺวา สํวาสํ สาทิยนฺโตติ อธิปฺปาโย.
ติตฺถิยปกฺกนฺตกกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๑๑. ติรจฺฉานคตวตฺถุ อุตฺตานเมว.
มาตุฆาตกาทิวตฺถุกถาวณฺณนา
๑๑๒. มาตุฆาตกาทิวตฺถูสุ อปวาหนนฺติ อปคมนํ, ปติกรณนฺติ อตฺโถ. ยถา สมานชาติกสฺส วิโกปเน กมฺมํ ครุตรํ, น ตถา วิชาติกสฺสาติ อาห ‘‘มนุสฺสิตฺถิภูตา’’ติ ¶ . ปุตฺตสมฺพนฺเธน มาตุปิตุสมฺา ¶ , ทตฺตกิตฺติมาทิวเสนปิ ปุตฺตโวหาโร โลเก ทิสฺสติ, โส จ โข ปริยายโตติ นิปฺปริยายสิทฺธตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ชนิกา มาตา’’ติ วุตฺตํ. ยถา มนุสฺสตฺตภาเว ิตสฺเสว กุสลธมฺมานํ ติกฺขวิสทสูรภาวาปตฺติ ยถา ตํ ติณฺณมฺปิ โพธิสตฺตานํ โพธิตฺตยนิพฺพตฺติยํ, เอวํ มนุสฺสตฺตภาเว ิตสฺเสว อกุสลธมฺมานมฺปิ ติกฺขวิสทสูรภาวาปตฺตีติ อาห ‘‘สยมฺปิ มนุสฺสชาติเกเนวา’’ติ. จุติอนนฺตรํ ผลํ อนนฺตรํ นาม, ตสฺมึ อนนฺตเร นิยุตฺตํ, ตํนิพฺพตฺตเนน อนนฺตรกรณสีลํ, อนนฺตรปโยชนํ วา อานนฺตริยํ, เตน อานนฺตริเยน มาตุฆาตกกมฺเมน. ปิตุฆาตเกปิ เยน มนุสฺสภูโต ชนโก ปิตา สยมฺปิ มนุสฺสชาติเกเนว สตา สฺจิจฺจ ชีวิตา โวโรปิโต, อยํ อานนฺตริเยน ปิตุฆาตกกมฺเมน ปิตุฆาตโกติอาทินา สพฺพํ เวทิตพฺพนฺติ อาห ‘‘ปิตุฆาตเกปิ เอเสว นโย’’ติ.
ปริวตฺติตลิงฺคมฺปิ (ม. นิ. อฏฺ. ๓.๑๒๘; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๗๕; วิภ. อฏฺ. ๘๐๙) มาตรํ ปิตรํ วา ชีวิตา โวโรเปนฺตสฺส อานนฺตริยกมฺมํ โหติเยว. สติปิ หิ ลิงฺคปริวตฺเต โส เอว เอกกมฺมนิพฺพตฺโต ภวงฺคปฺปพนฺโธ ชีวิตินฺทฺริยปฺปพนฺโธ จ, นาฺโติ. โย ปน สยํ มนุสฺโส ติรจฺฉานภูตํ มาตรํ วา ปิตรํ วา, สยํ วา ติรจฺฉานภูโต มนุสฺสภูตํ, ติรจฺฉานภูโตเยว วา ติรจฺฉานภูตํ ชีวิตา โวโรเปติ, ตสฺส กมฺมํ อานนฺตริยํ น โหติ, ภาริยํ ปน โหติ, อานนฺตริยํ อาหจฺเจว ติฏฺติ. เอฬกจตุกฺกํ สงฺคามจตุกฺกํ โจรจตุกฺกฺเจตฺถ กเถตพฺพํ. ‘‘เอฬกํ มาเรมี’’ติ อภิสนฺธินาปิ หิ เอฬกฏฺาเน ิตํ มนุสฺโส มนุสฺสภูตํ มาตรํ วา ปิตรํ วา มาเรนฺโต อานนฺตริยํ ผุสติ มรณาธิปฺปาเยเนว อานนฺตริยวตฺถุโน วิโกปิตตฺตา. เอฬกาภิสนฺธินา ปน มาตาปิติออสนฺธินา วา เอฬกํ มาเรนฺโต อานนฺตริยํ น ผุสติ อานนฺตริยวตฺถุอภาวโต. มาตาปิติอภิสนฺธินา มาตาปิตโร มาเรนฺโต ผุสเตว. เอส นโย อิตรสฺมิมฺปิ จตุกฺกทฺวเย. ยถา จ มาตาปิตูสุ, เอวํ อรหนฺเตปิ เอตานิ จตุกฺกานิ เวทิตพฺพานิ. สพฺพตฺถ หิ ปุริมํ อภิสนฺธิจิตฺตํ อปฺปมาณํ, วธกจิตฺตํ ปน ตทารมฺมณํ ชีวิตินฺทฺริยฺจ อานนฺตริยานานนฺตรภาเว ปมาณํ. กตานนฺตริยกมฺโม จ ‘‘ตสฺส กมฺมสฺส วิปากํ ปฏิพาหิสฺสามี’’ติ สกลจกฺกวาฬํ มหาเจติยปฺปมาเณหิ กฺจนถูเปหิ ปูเรตฺวาปิ สกลจกฺกวาฬํ ปูเรตฺวา นิสินฺนสฺส ¶ ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวาปิ พุทฺธสฺส ภควโต สงฺฆาฏิกณฺณํ อมฺุจนฺโต วิจริตฺวาปิ กายสฺส เภทา นิรยเมว อุปปชฺชติ, ปพฺพชฺชฺจ น ลภติ.
๑๑๕. อิจฺฉมานนฺติ ¶ โอทาตวตฺถวสนํ อิจฺฉมานํ. เตเนวาห ‘‘คิหิภาเว สมฺปฏิจฺฉิตมตฺเตเยวา’’ติ. สงฺฆเภทกกถาวิตฺถาโร ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ. จตุนฺนํ กมฺมานนฺติ อปโลกนาทีนํ จตุนฺนํ กมฺมานํ. ทุฏฺจิตฺเตนาติ วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวติ ‘‘วธกจิตฺเตนา’’ติ. วธกเจตนาย หิ ทูสิตจิตฺตํ อิธ ทุฏฺจิตฺตํ นาม. โลหิตํ อุปฺปาเทตีติ เอตฺถ ตถาคตสฺส อเภชฺชกายตาย ปรูปกฺกเมน จมฺมจฺเฉทํ กตฺวา โลหิตปคฺฆรณํ นาม นตฺถิ, สรีรสฺส ปน อนฺโตเยว เอกสฺมึ าเน โลหิตํ สโมสรติ, อาฆาเตน ปกุปฺปมานํ สฺจิตํ โหติ. เทวทตฺเตน ปวิทฺธสิลโต ภิชฺชิตฺวา คตสกฺขลิกาปิ ตถาคตสฺส ปาทนฺตํ ปหริ, ผรสุนา ปหโฏ วิย ปาโท อนฺโตโลหิโตเยว อโหสิ. ชีวโก ปน ตถาคตสฺส รุจิยา สตฺถเกน จมฺมํ ฉินฺทิตฺวา ตมฺหา านา ทุฏฺโลหิตํ นีหริตฺวา ผาสุมกาสิ, เตนสฺส ปฺุกมฺมเมว อโหสิ. เตนาห ‘‘ชีวโก วิยา’’ติอาทิ.
อถ เย ปรินิพฺพุเต ตถาคเต เจติยํ ภินฺทนฺติ, โพธึ ฉินฺทนฺติ, ธาตุมฺหิ อุปกฺกมนฺติ, เตสํ กึ โหตีติ? ภาริยํ กมฺมํ โหติ อานนฺตริยสทิสํ. สธาตุกํ ปน ถูปํ วา ปฏิมํ วา พาธมานํ โพธิสาขํ ฉินฺทิตุํ วฏฺฏติ. สเจปิ ตตฺถ นิลีนา สกุณา เจติเย วจฺจํ ปาเตนฺติ, ฉินฺทิตุํ วฏฺฏติเยว. ปริโภคเจติยโต หิ สรีรเจติยํ ครุตรํ. เจติยวตฺถุํ ภินฺทิตฺวา คจฺฉนฺเต โพธิมูเลปิ ฉินฺทิตฺวา หริตุํ วฏฺฏติ. ยา ปน โพธิสาขา โพธิฆรํ พาธติ, ตํ เคหรกฺขณตฺถํ ฉินฺทิตุํ น ลภติ. โพธิอตฺถฺหิ เคหํ, น เคหตฺถาย โพธิ. อาสนฆเรปิ เอเสว นโย. ยสฺมึ ปน อาสนฆเร ธาตุ นิหิตา โหติ, ตสฺส รกฺขณตฺถาย โพธิสาขํ ฉินฺทิตุํ วฏฺฏติ. โพธิชคฺคนตฺถํ โอโชหรณสาขํ วา ปูติฏฺานํ วา ฉินฺทิตุํ วฏฺฏติเยว, สตฺถุ รูปกายปฏิชคฺคเน วิย ปฺุมฺปิ โหติ.
มาตุฆาตกาทิวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อุภโตพฺยฺชนกวตฺถุกถาวณฺณนา
๑๑๖. อุภโต ¶ พฺยฺชนมสฺส อตฺถีติ อุภโตพฺยฺชนโกติ อิมินา อสมานาธิกรณวิสโย พาหิรตฺถสมาโสยํ, ปุริมปเท จ วิภตฺติอโลโปติ ทสฺเสติ. พฺยฺชนนฺติ เจตฺถ อิตฺถินิมิตฺตํ ปุริสนิมิตฺตฺจ อธิปฺเปตํ. อถ อุภโตพฺยฺชนกสฺส เอกเมว อินฺทฺริยํ, อุทาหุ ทฺเวติ? เอกเมว ‘‘ยสฺส อิตฺถินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ปุริสินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชตีติ? โน. ยสฺส วา ปน ปุริสินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส อิตฺถินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชตีติ? โน’’ติ ¶ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๑๘๘) เอกสฺมึ สนฺตาเน อินฺทฺริยทฺวยสฺส ปฏิสิทฺธตฺตา, ตฺจ โข อิตฺถิอุภโตพฺยฺชนกสฺส อิตฺถินฺทฺริยํ, ปุริสอุภโตพฺยฺชนกสฺส ปุริสินฺทฺริยํ. ยทิ เอวํ ทุติยพฺยฺชนกสฺส อภาโว อาปชฺชติ. อินฺทฺริยฺหิ พฺยฺชนการณํ วุตฺตํ, ตฺจ ตสฺส นตฺถีติ? วุจฺจเต – น ตสฺส อินฺทฺริยํ ทุติยพฺยฺชนการณํ. กสฺมา? สทา อภาวโต. อิตฺถิอุภโตพฺยฺชนกสฺส หิ ยทา อิตฺถิยา ราคจิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตทา ปุริสพฺยฺชนํ ปากฏํ โหติ, อิตฺถิพฺยฺชนํ ปฏิจฺฉนฺนํ คุฬฺหํ โหติ, ตถา อิตรสฺส อิตรํ. ยทิ จ เตสํ อินฺทฺริยํ ทุติยพฺยฺชนการณํ ภเวยฺย, สทาปิ พฺยฺชนทฺวยํ ติฏฺเยฺย, น ปน ติฏฺติ, ตสฺมา เวทิตพฺพเมตํ ‘‘น ตสฺส ตํ พฺยฺชนการณํ, กมฺมสหายํ ปน ราคจิตฺตเมเวตฺถ การณ’’นฺติ.
ยสฺมา จสฺส เอกเมว อินฺทฺริยํ โหติ, ตสฺมา อิตฺถิอุภโตพฺยฺชนโก สยมฺปิ คพฺภํ คณฺหาติ, ปรมฺปิ คณฺหาเปติ. ปุริสอุภโตพฺยฺชนโก ปรํ คณฺหาเปติ, สยํ ปน น คณฺหาติ. ยทิ ปฏิสนฺธิยํ ปุริสลิงฺคํ, ยทิ ปฏิสนฺธิยํ อิตฺถิลิงฺคนฺติ จ ปฏิสนฺธิยํ ลิงฺคสพฺภาโว กุรุนฺทิยํวุตฺโต, โส จ อยุตฺโต. ปวตฺติยํเยว หิ อิตฺถิลิงฺคาทีนิ สมุฏฺหนฺติ, น ปฏิสนฺธิยํ. ปฏิสนฺธิยํ ปน อินฺทฺริยเมว สมุฏฺาติ, น ลิงฺคาทีนิ. น จ อินฺทฺริยเมว ลิงฺคนฺติ สกฺกา วตฺตุํ อินฺทฺริยลิงฺคานํ ภินฺนสภาวตฺตา. วุตฺตฺเหตํ อฏฺสาลินิยํ (ธ. ส. อฏฺ. ๖๓๒) –
‘‘อิตฺถตฺตํ อิตฺถิภาโวติ อุภยํ เอกตฺถํ, อิตฺถิสภาโวติ อตฺโถ. อยํ กมฺมโช ปฏิสนฺธิสมุฏฺิโต. อิตฺถิลิงฺคาทิ ปน อิตฺถินฺทฺริยํ ปฏิจฺจ ปวตฺเต สมุฏฺิตํ. ยถา พีเช สติ พีชํ ปฏิจฺจ พีชปจฺจยา รุกฺโข วฑฺฒิตฺวา สาขาวิฏปสมฺปนฺโน หุตฺวา อากาสํ ปูเรตฺวา ¶ ติฏฺติ, เอวเมว อิตฺถิภาวสงฺขาเต อิตฺถินฺทฺริเย สติ อิตฺถิลิงฺคาทีนิ โหนฺติ. พีชํ วิย หิ อิตฺถินฺทฺริยํ, พีชํ ปฏิจฺจ วฑฺฒิตฺวา อากาสํ ปูเรตฺวา ิตรุกฺโข วิย อิตฺถินฺทฺริยํ ปฏิจฺจ อิตฺถิลิงฺคาทีนิ ปวตฺเต สมุฏฺหนฺติ. ตตฺถ อิตฺถินฺทฺริยํ น จกฺขุวิฺเยฺยํ, มโนวิฺเยฺยเมว. อิตฺถิลิงฺคาทีนิ จกฺขุวิฺเยฺยานิปิ มโนวิฺเยฺยานิปี’’ติ.
เตเนวาห ‘‘ตตฺถ วิจารณกฺกโม วิตฺถารโต อฏฺสาลินิยา ธมฺมสงฺคหฏฺกถาย เวทิตพฺโพ’’ติ.
อุภโตพฺยฺชนกวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อนุปชฺฌายกาทิวตฺถุกถาวณฺณนา
๑๑๗. สิกฺขาปทํ ¶ อปฺตฺตํ โหตีติ อิเธว ปฺตฺตํ สิกฺขาปทํ สนฺธาย วุตฺตํ. อุปชฺฌํ อคฺคาหาเปตฺวาติ ‘‘อุปชฺฌาโย เม, ภนฺเต, โหหี’’ติ เอวํ อุปชฺฌํ อคฺคาหาเปตฺวา. กมฺมวาจาย ปน อุปชฺฌายกิตฺตนํ กตํเยวาติ ทฏฺพฺพํ. อฺถา ‘‘ปุคฺคลํ น ปรามสตี’’ติ วุตฺตกมฺมวิปตฺติสมฺภวโต กมฺมํ กุปฺเปยฺย, เตเนว ‘‘อุปชฺฌายํ อกิตฺเตตฺวา’’ติ อวตฺวา ‘‘อุปชฺฌํ อคฺคาหาเปตฺวา’’อิจฺเจว วุตฺตํ. ยถา จ อปริปุณฺณปตฺตจีวรสฺส อุปสมฺปาทนกาเล กมฺมวาจาย ‘‘ปริปุณฺณสฺส ปตฺตจีวร’’นฺติ อสนฺตวตฺถุํ กิตฺเตตฺวา กมฺมวาจาย กตายปิ อุปสมฺปทา รุหติ, เอวํ ‘‘อยํ พุทฺธรกฺขิโต อายสฺมโต ธมฺมรกฺขิตสฺส อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติ อสนฺตํ ปุคฺคลํ กิตฺเตตฺวา เกวลํ สนฺตปทนีหาเรน กมฺมวาจาย กตาย อุปสมฺปทา รุหติเยวาติ ทฏฺพฺพํ. เตเนวาห ‘‘กมฺมํ ปน น กุปฺปตี’’ติ. ‘‘น, ภิกฺขเว, อนุปชฺฌายโก อุปสมฺปาเทตพฺโพ, โย อุปสมฺปาเทยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ เอตฺตกเมว วตฺวา ‘‘โส จ ปุคฺคโล อนุปสมฺปนฺโน’’ติ อวุตฺตตฺตา กมฺมวิปตฺติลกฺขณสฺส จ อสมฺภวโต ‘‘ตํ น คเหตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘ปฺจวคฺคกรณฺเจ, ภิกฺขเว, กมฺมํ ปณฺฑกปฺจโม กมฺมํ กเรยฺย, อกมฺมํ น จ กรณีย’’นฺติอาทิวจนโต (มหาว. ๓๙๐) ปณฺฑกาทีนมฺปิ อุภโตพฺยฺชนกปริยนฺตานํ คณปูรกภาเวเยว กมฺมํ กุปฺปติ, น อฺถาติ อาห ‘‘อุภโตพฺยฺชนกุปชฺฌายปริโยสาเนสุปิ เอเสว นโย’’ติ.
อนุปชฺฌายกาทิวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อปตฺตกาทิวตฺถุกถาวณฺณนา
๑๑๘. อฺเ ¶ วา ภิกฺขู ทาตุกามา โหนฺตีติ สมฺพนฺโธ. อนามฏฺปิณฺฑปาตนฺติ อคฺคหิตอคฺคํ ปิณฺฑปาตํ. สามเณรภาคสมโก อามิสภาโคติ เอตฺถ กิฺจาปิ สามเณรานํ อามิสภาคสฺส สมกเมว ทิยฺยมานตฺตา วิสุํ สามเณรภาโค นาม นตฺถิ, เหฏฺา คจฺฉนฺตํ ปน ภตฺตํ กทาจิ มนฺทํ ภเวยฺย, ตสฺมา อุปริ อคฺคเหตฺวา สามเณรปาฬิยาว คเหตฺวา ทาตพฺโพติ อธิปฺปาโย. นิยตปพฺพชฺชสฺเสว จายํ ภาโค ทียติ. เตเนว ‘‘อปกฺกํ ปตฺต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.
อปตฺตกาทิวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
หตฺถจฺฉินฺนาทิวตฺถุกถาวณฺณนา
๑๑๙. อชปทเกติ ¶ อชปทสณฺาเน ปเทเส. พฺรหฺมุชุคตฺโตติ พฺรหฺมา วิย อุชุคตฺโต. อวเสโส สตฺโตติ อิมินา ลกฺขเณน รหิตสตฺโต. เอเตน เปตฺวา มหาปุริสํ จกฺกวตฺติฺจ อิตเร สตฺตา ขุชฺชปกฺขิกาติ ทสฺเสติ. เยภุยฺเยน หิ สตฺตา ขนฺเธ กฏิยํ ชาณูสูติ ตีสุ าเนสุ นมนฺติ. เต กฏิยํ นมนฺตา ปจฺฉโต นมนฺติ, อิตเรสุ ทฺวีสุ าเนสุ นมนฺตา ปุรโต นมนฺติ. ทีฆสรีรา ปน เอเกน ปสฺเสน วงฺกา โหนฺติ, เอเก มุขํ อุนฺนาเมตฺวา นกฺขตฺตานิ คณยนฺตา วิย จรนฺติ, เอเก อปฺปมํสโลหิตา สูลสทิสา โหนฺติ, เอเก ปุรโต ปพฺภารา โหนฺติ, ปเวธมานา คจฺฉนฺติ. ปริวฏุโมติ สมนฺตโต วฏฺฏโล.
อฏฺิสิราจมฺมสรีโรติ อฏฺิสิราจมฺมมตฺตสรีโร. กปฺปสีโสติ ทฺวิธาภูตสีโส. เกกโรติ ติริยํ ปสฺสนฺโต. ‘‘อุทกตารกา นาม อุทกปุพฺพุฬ’’นฺติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. อกฺขิตารกาติ อกฺขิภณฺฑกา. นิปฺปขุมกฺขีติ อกฺขิทลโลเมหิ วิรหิตอกฺขิโก. ปขุม-สทฺโท หิ โลเก อกฺขิทลโลเมสุ นิรุฬฺโห. ปฏงฺคมณฺฑูโก นาม มหามุขมณฺฑูโก. เอฬมุโขติ นิจฺจปคฺฆรณกลาลมุโข. สพฺพฺเจตนฺติ ‘‘กจฺฉุคตฺโต วา’’ติอาทึ สนฺธาย วทติ. วาตณฺฑิโกติ อณฺฑเกสุ วุทฺธิโรเคน สมนฺนาคโต. วิกโฏติ ติริยํ คมนปาเทหิ สมนฺนาคโต, ยสฺส จ จงฺกมโต ¶ ชาณุกา พหิ คจฺฉนฺติ. ปณฺโหติ ปจฺฉโต ปริวตฺตปาเทหิ สมนฺนาคโต, ยสฺส จงฺกมโต ชาณุกา อนฺโต ปวิสนฺติ.
กุทณฺฑปาทตาย การณํ วิภาเวติ ‘‘มชฺเฌ สงฺกุฏิตปาทตฺตา’’ติ. อคฺเค สงฺกุฏิตปาทตฺตาติ กุณฺฑปาทตาย การณนิทสฺสนํ. กุณฺฑปาทสฺเสว คมนสภาวํ วิภาเวติ ‘‘ปิฏฺิปาทคฺเคน จงฺกมนฺโต’’ติ. มมฺมนนฺติ ขลิตวจนํ. โย เอกเมว อกฺขรํ จตุปฺจกฺขตฺตุํ วทติ, ตสฺเสตํ อธิวจนํ.
หตฺถจฺฉินฺนาทิวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อลชฺชีนิสฺสยวตฺถุกถาวณฺณนา
๑๒๐. นิสฺสยปฏิสํยุตฺตวตฺถูสุ ภิกฺขูหิ สมาโน สีลาทิคุณภาโค อสฺสาติ ภิกฺขุสภาโค, ตสฺส ภาโว ภิกฺขุสภาคตา. ทฺเว ตีณิ ทิวสานิ วสิตฺวา คนฺตุกาเมน อนิสฺสิเตน ¶ วสิตพฺพนฺติ เอตฺถ ‘‘ยาว ภิกฺขุสภาคตํ ชานามี’’ติ อาโภคํ วินาปิ อนิสฺสิเตน วสิตุํ วฏฺฏตีติ อธิปฺปาโย. ภิกฺขุสภาคตํ ปน ชานนฺโต ‘‘สฺเว คมิสฺสามิ, กึ เม นิสฺสเยนา’’ติ อรุณํ อุฏฺเปตุํ น ลภติ. ‘‘ปุรารุณา อุฏฺหิตฺวาว คมิสฺสามี’’ติ อาโภเคน สยนฺตสฺส สเจ อรุโณ อุคฺคจฺฉติ, วฏฺฏติ. ‘‘สตฺตาหํ วสิสฺสามี’’ติ อาลยํ กโรนฺเตน ปน นิสฺสโย คเหตพฺโพติ ‘‘สตฺตาหมตฺตํ วสิสฺสามิ, กึ ภิกฺขุสภาคตาชานเนนา’’ติ ชานเน ธุรํ นิกฺขิปิตฺวา วสิตุํ น ลภติ, ภิกฺขุสภาคตํ อุปปริกฺขิตฺวา นิสฺสโย คเหตพฺโพติ อตฺโถ.
คมิกาทินิสฺสยวตฺถุกถาวณฺณนา
๑๒๑. อนฺตรามคฺเค วิสฺสมนฺโต วา…เป… อนาปตฺตีติ อสติ นิสฺสยทายเก อนาปตฺติ. ตสฺส นิสฺสายาติ ปาฬิอนุรูปโต วุตฺตํ, ตํ นิสฺสายาติ อตฺโถ. สเจ ปน อาสาฬฺหีมาเส…เป… ตตฺถ คนฺตพฺพนฺติ เอตฺถ สเจ โส วสฺสูปนายิกาย อาสนฺนาย คนฺตุกาโม สุณาติ ‘‘อสุโก มหาเถโร อาคมิสฺสตี’’ติ, ตฺเจ อาคเมติ, วฏฺฏติ. อาคเมนฺตสฺเสว ¶ เจ วสฺสูปนายิกทิวโส โหติ, โหตุ, คนฺตพฺพํ ตตฺถ, ยตฺถ นิสฺสยทายกํ ลภติ. เกจิ ปน ‘‘สเจ โส คจฺฉนฺโต ชีวิตนฺตรายํ พฺรหฺมจริยนฺตรายํ วา ปสฺสติ, ตตฺเถว วสิตพฺพ’’นฺติ วทนฺติ.
โคตฺเตน อนุสฺสาวนานุชานนกถาวณฺณนา
๑๒๒. ‘‘อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามสฺส อายสฺมโต’’ติ นามกิตฺตนสฺส อนุสฺสาวนาย อาคตตฺตา ‘‘นาหํ อุสฺสหามิ เถรสฺส นามํ คเหตุ’’นฺติ วุตฺตํ, ‘‘อายสฺมโต ปิปฺปลิสฺส อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติ เอวํ นามํ คเหตุํ น อุสฺสหามีติ อตฺโถ. ‘‘โคตฺเตนปิ อนุสฺสาเวตุ’’นฺติ วจนโต เยน โวหาเรน โวหรติ, เตน วฏฺฏตีติ สิทฺธํ. ‘‘โกนาโม เต อุปชฺฌาโย’’ติ ปุฏฺเนปิ โคตฺตเมว นามํ กตฺวา วตฺตพฺพนฺติ สิทฺธํ โหติ, ตสฺมา จตุพฺพิเธสุ นาเมสุ เยน เกนจิ นาเมน อนุสฺสาวนา กาตพฺพาติ วทนฺติ. เอกสฺส พหูนิ นามานิ โหนฺติ, ตตฺถ เอกํ นามํ ตฺติยา, เอกํ อนุสฺสาวนาย กาตุํ น วฏฺฏติ, อตฺถโต พฺยฺชนโต จ อภินฺนาหิ อนุสฺสาวนาหิ ภวิตพฺพนฺติ. กิฺจาปิ ‘‘อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามสฺส อายสฺมโต’’ติ ปาฬิยํ ‘‘อายสฺมโต’’ติ ปทํ ปจฺฉา วุตฺตํ, กมฺมวาจาปาฬิยํ ปน ‘‘อยํ พุทฺธรกฺขิโต อายสฺมโต ธมฺมรกฺขิตสฺสา’’ติ ปมํ ลิขิตนฺติ ตํ อุปฺปฏิปาฏิยา วุตฺตนฺติ น ปจฺเจตพฺพํ. ปาฬิยฺหิ ‘‘อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามสฺส ¶ อายสฺมโต’’ติ อตฺถมตฺตํ ทสฺสิตํ, ตสฺมา ปาฬิยํ อวุตฺโตปิ ‘‘อยํ พุทฺธรกฺขิโต อายสฺมโต ธมฺมรกฺขิตสฺสา’’ติ กมฺมวาจาปาฬิยํ ปโยโค ทสฺสิโต. ‘‘น เม ทิฏฺโ อิโต ปุพฺเพ อิจฺจายสฺมา สาริปุตฺโต’’ติ จ ‘‘อายสฺมา สาริปุตฺโต อตฺถกุสโล’’ติ จ ปมํ ‘‘อายสฺมา’’ติ ปโยคสฺส ทสฺสนโตติ วทนฺติ. กตฺถจิ ‘‘อายสฺมโต พุทฺธรกฺขิตตฺเถรสฺสา’’ติ วตฺวา กตฺถจิ เกวลํ ‘‘พุทฺธรกฺขิตสฺสา’’ติ สาเวติ, สาวนํ หาเปตีติ น วุจฺจติ นามสฺส อหาปิตตฺตาติ เอเก. สเจ กตฺถจิ ‘‘อายสฺมโต พุทฺธรกฺขิตสฺสา’’ติ วตฺวา กตฺถจิ ‘‘พุทฺธรอขตสฺสายสฺมโต’’ติ สาเวติ, ปาานุรูปตฺตา เขตฺตเมว โอติณฺณนฺติปิ เอเก. พฺยฺชนเภทปฺปสงฺคโต อนุสฺสาวนานํ ตํ น วฏฺฏตีติ วทนฺติ. สเจ ปน สพฺพฏฺาเนปิ เอเตเนว ปกาเรน วทติ, วฏฺฏติ.
ทฺเวอุปสมฺปทาเปกฺขาทิวตฺถุกถาวณฺณนา
๑๒๓. เอกานุสฺสาวเนติ ¶ เอตฺถ เอกโต อนุสฺสาวนํ เอเตสนฺติ เอกานุสฺสาวนาติ อสมานาธิกรณวิสโย พาหิรตฺถสมาโสติ ทฏฺพฺพํ. เตเนวาห ‘‘ทฺเว เอกโตอนุสฺสาวเน’’ติ. ตตฺถ เอกโตติ เอกกฺขเณติ อตฺโถ, วิภตฺติอโลเปน จายํ นิทฺเทโส. ปุริมนเยเนว เอกโตอนุสฺสาวเน กาตุนฺติ ‘‘เอเกน เอกสฺส, อฺเน อิตรสฺสา’’ติอาทินา ปุพฺเพ วุตฺตนเยน ทฺวีหิ วา ตีหิ วา อาจริเยหิ เอเกน วา เอกโตอนุสฺสาวเน กาตุํ.
อุปสมฺปทาวิธิกถาวณฺณนา
๑๒๖. วชฺชาวชฺชํ อุปนิชฺฌายตีติ อุปชฺฌาติ อิมินา อุปชฺฌายสทฺทสมานตฺโถ อุปชฺฌาสทฺโทปีติ ทสฺเสติ.
จตฺตาโรนิสฺสยาทิกถาวณฺณนา
๑๓๐. สมฺโภเคติ ธมฺมสมฺโภเค อามิสสมฺโภเค จ. อนาปตฺติ สมฺโภเค สํวาเสติ เอตฺถ จ อยมธิปฺปาโย – ยสฺมา อยํ โอสารณกมฺมสฺส กตตฺตา ปกตตฺตฏฺาเน ิโต, ตสฺมา น อุกฺขิตฺตเกน สทฺธึ สมฺโภคาทิปจฺจยา ปาจิตฺติยํ, นาปิ อลชฺชินา สทฺธึ ปริโภคปจฺจยา ทุกฺกฏํ อลชฺชีลกฺขณานุปปตฺติโต. โย หิ อุจฺฉุรสกสฏานํ สตฺตาหกาลิกยาวชีวิกตฺตา วฏฺฏติ วิกาเล อุจฺฉุ ขาทิตุนฺติ สฺํ อุปฺปาเทตฺวา ตํ ขาทิตฺวา ตปฺปจฺจยา ปาจิตฺติยํ น ปสฺสติ ¶ ‘‘วฏฺฏตี’’ติ ตถาสฺิตาย, โย วา ปน อาปตฺติมาปนฺนภาวํ ปฏิชานิตฺวา ‘‘น ปฏิกโรมี’’ติ อภินิวิสติ, อยํ –
‘‘สฺจิจฺจ อาปตฺตึ อาปชฺชติ, อาปตฺตึ ปริคูหติ;
อคติคมนฺจ คจฺฉติ, เอทิโส วุจฺจติ อลชฺชีปุคฺคโล’’ติ. (ปริ. ๓๕๙) –
วุตฺตลกฺขเณ อปตนโต อลชฺชี นาม น โหติ. ตสฺมา ยถา ปุพฺเพ ยาว อุกฺเขปนียกมฺมํ กตํ, ตาว เตน สทฺธึ สมฺโภเค สํวาเส จ อนาปตฺติ, เอวมิธาปีติ สพฺพถา อนาปตฺติฏฺาเนเยว อนาปตฺติ วุตฺตาติ เวทิตพฺพํ ¶ . น หิ ภควา อลชฺชินา สทฺธึ สมฺโภคปจฺจยา อาปตฺติสมฺภเว สติ ‘‘อนาปตฺติ สมฺโภเค สํวาเส’’ติ วทติ. ตโต ยเมตฺถ เกนจิ ‘‘อนาปตฺติ สมฺโภเค สํวาเส’’ติ อิมินา ปาจิตฺติเยน อนาปตฺติ วุตฺตา, ‘‘อลชฺชีปริโภคปจฺจยา ทุกฺกฏํ ปน อาปชฺชติเยวา’’ติ วตฺวา พหุธา ปปฺจิตํ, น ตํ สารโต ปจฺเจตพฺพํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
อิติ สมนฺตปาสาทิกาย วินยฏฺกถาย สารตฺถทีปนิยํ
มหาขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.