📜
นิทานวณฺณนา
ตตฺถ ¶ ปาติโมกฺขนฺติ ปอติโมกฺขํ อติปโมกฺขํ อติเสฏฺํ อติอุตฺตมนฺติ อตฺโถ. อิติ อิมินา วจนตฺเถน เอกวิธมฺปิ สีลคนฺถเภทโต ทุวิธํ โหติ. ตถา หิ ‘‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๖๙; ๓.๗๕; วิภ. ๕๐๘) จ ‘‘อาทิเมตํ มุขเมตํ ปมุขเมตํ กุสลานํ ธมฺมานํ, เตน วุจฺจติ ปาติโมกฺข’’นฺติ (มหาว. ๑๓๕) จ อาทีสุ สีลํ ปาติโมกฺขนฺติ วุจฺจติ, ‘‘อุภยานิ โข ปนสฺส ปาติโมกฺขานิ วิตฺถาเรน สฺวาคตานิ โหนฺตี’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๑๔๗; อ. นิ. ๘.๕๒; ๑๐.๓๓) คนฺโถ ปาติโมกฺขนฺติ วุจฺจติ. ตตฺถ สีลํ โย นํ ปาติ รกฺขติ, ตํ โมกฺเขติ โมจยติ อาปายิกาทีหิ ทุกฺเขหิ, อตฺตานุวาทาทีหิ วา ภเยหีติ ปาติโมกฺขํ. คนฺโถ ปน ตสฺส ปาติโมกฺขสฺส โชตกตฺตา ปาติโมกฺขนฺติ วุจฺจติ. อาทิมฺหิ ปน วุตฺโต วจนตฺโถ อุภินฺนมฺปิ สาธารโณ โหติ.
ตตฺถายํ วณฺณนา สีลปาติโมกฺขสฺสาปิ ยุชฺชติ คนฺถปาติโมกฺขสฺสาปิ, คนฺเถ หิ วณฺณิเต ตสฺส อตฺโถ วณฺณิโตว โหติ. ตํ ปเนตํ คนฺถปาติโมกฺขํ ภิกฺขุปาติโมกฺขํ ภิกฺขุนิปาติโมกฺขนฺติ ทุวิธํ โหติ ¶ . ตตฺถ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ’’ติอาทิกํ (มหาว. ๑๓๔) ปฺจหิ อุทฺเทสปริจฺเฉเทหิ ววตฺถิตํ ภิกฺขุปาติโมกฺขํ, ‘‘สุณาตุ เม, อยฺเย, สงฺโฆ’’ติอาทิกํ จตูหิ อุทฺเทสปริจฺเฉเทหิ ววตฺถิตํ ภิกฺขุนิปาติโมกฺขํ. ตตฺถ ภิกฺขุปาติโมกฺเข ปฺจ อุทฺเทสา นาม นิทานุทฺเทโส, ปาราชิกุทฺเทโส, สงฺฆาทิเสสุทฺเทโส, อนิยตุทฺเทโส ¶ , วิตฺถารุทฺเทโสติ. ตตฺถ นิทานุทฺเทโส ตาว ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ…เป… อาวิกตา หิสฺส ผาสุ โหติ, ตตฺถายสฺมนฺเต ปุจฺฉามิ, กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา, ทุติยมฺปิ ปุจฺฉามิ, กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา, ตติยมฺปิ ปุจฺฉามิ, กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา, ปริสุทฺเธตฺถายสฺมนฺโต, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติ วตฺวา ‘‘อุทฺทิฏฺํ โข อายสฺมนฺโต นิทาน’’นฺติอาทินา นเยน อวเสเส สุเตน สาวิเต อุทฺทิฏฺโ โหติ. ปาราชิกุทฺเทสาทีนํ ปริจฺเฉทา นิทานสฺส อาทิโต ปฏฺาย ปาราชิกาทีนิ โอสาเปตฺวา โยเชตพฺพา. วิตฺถาโร วิตฺถาโรเยว ¶ . ‘‘อวเสสํ สุเตน สาเวตพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๑๕๐; ปริ. ๓๒๕) วจนโต ปน ปาราชิกุทฺเทสาทีสุ ยสฺมึ วิปฺปกเต อนฺตราโย อุปฺปชฺชติ, เตน สทฺธึ อวเสสํ สุเตน สาเวตพฺพํ. นิทานุทฺเทเส ปน อนิฏฺิเต สุเตน สาเวตพฺพํ นาม นตฺถิ. ภิกฺขุนิปาติโมกฺเข ปน อนิยตุทฺเทโส ปริหายติ, เสสํ วุตฺตนยเมว. เอวเมเตสํ ปฺจหิ เจว จตูหิ จ อุทฺเทสปริจฺเฉเทหิ ววตฺถิตานํ ทฺวินฺนมฺปิ ปาติโมกฺขานํ อยํ วณฺณนา ภวิสฺสติ. ยสฺมา ปเนตฺถ ภิกฺขุปาติโมกฺขํ ปมํ, ตสฺมา ตสฺส ตาว วณฺณนตฺถมิทํ วุจฺจติ.
‘‘สุณาตุ เม’’ติอาทีนํ, ปทานํ อตฺถนิจฺฉยํ;
ภิกฺขโว สีลสมฺปนฺนา, สิกฺขากามา สุณนฺตุ เมติ.
เอตฺถ หิ สุณาตูติอิทํ สวนาณตฺติวจนํ. เมติ โย สาเวติ, ตสฺส อตฺตนิทฺเทสวจนํ. ภนฺเตติ สคารวสปฺปติสฺสวจนํ. สงฺโฆติ ปุคฺคลสมูหวจนํ. สพฺพเมว เจตํ ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน ปมํ วตฺตพฺพวจนํ. ภควตา หิ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อนุชานนฺเตน ราชคเห วุตฺตํ, ตสฺมา โย ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสติ, เตน สเจ สงฺฆตฺเถโร โหติ, ‘‘อาวุโส’’ติ วตฺตพฺพํ. สเจ นวกตโร โหติ, ปาฬิยํ (มหาว. ๑๓๔) อาคตนเยเนว ‘‘ภนฺเต’’ติ วตฺตพฺพํ. สงฺฆตฺเถโร วา หิ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺย ‘‘เถราธิกํ ปาติโมกฺข’’นฺติวจนโต (มหาว. ๑๕๔), นวกตโร วา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, โย ตตฺถ ภิกฺขุ พฺยตฺโต ปฏิพโล, ตสฺสาเธยฺยํ ปาติโมกฺข’’นฺติวจนโต (มหาว. ๑๕๕).
‘‘สงฺโฆ’’ติอิมินา ปน ปเทน กิฺจาปิ อวิเสสโต ปุคฺคลสมูโห วุตฺโต, อถ โข โส ทกฺขิเณยฺยสงฺโฆ, สมฺมุติสงฺโฆ จาติ ทุวิโธ โหติ. ตตฺถ ทกฺขิเณยฺยสงฺโฆติ อฏฺ อริยปุคฺคลสมูโห วุจฺจติ. สมฺมุติสงฺโฆติ อวิเสเสน ภิกฺขุสมูโห, โส อิธ อธิปฺเปโต. โส ¶ ปเนส กมฺมวเสน ปฺจวิโธ (มหาว. ๓๘๘) โหติ – จตุวคฺโค ปฺจวคฺโค ทสวคฺโค วีสติวคฺโค อติเรกวีสติวคฺโคติ. ตตฺถ จตุวคฺเคน เปตฺวา อุปสมฺปทปวารณอพฺภานานิ สพฺพํ ¶ สงฺฆกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ. ปฺจวคฺเคน เปตฺวา มชฺฌิเมสุ ชนปเทสุ อุปสมฺปทฺจ อพฺภานกมฺมฺจ สพฺพํ สงฺฆกมฺมํ กาตุํ ¶ วฏฺฏติ. ทสวคฺเคน อพฺภานกมฺมมตฺตํ เปตฺวา สพฺพํ สงฺฆกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ. วีสติวคฺเคน น กิฺจิ สงฺฆกมฺมํ กาตุํ น วฏฺฏติ, ตถา อติเรกวีสติวคฺเคน.โส ปน จตุวคฺคาทินา สงฺเฆน กตฺตพฺพํ กมฺมํ อูนกตเรน กาตุํ น วฏฺฏติ, อติเรเกน ปน วฏฺฏตีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺโต. อิมสฺมึ ปนตฺเถ จตุวคฺคํ อุปาทาย สพฺโพปิ สมฺมุติสงฺโฆ อธิปฺเปโต.
อชฺชุโปสโถติ อชฺช อุโปสถทิวโส, เอเตน อนุโปสถทิวสํ ปฏิกฺขิปติ. ปนฺนรโสติ อิมินา อฺํ อุโปสถทิวสํ ปฏิกฺขิปติ. ทิวสวเสน หิ ตโย อุโปสถา จาตุทฺทสิโก ปนฺนรสิโก สามคฺคิอุโปสโถติ, เอวํ ตโย อุโปสถา วุตฺตา. ตตฺถ เหมนฺตคิมฺหวสฺสานานํ ติณฺณํ อุตูนํ ตติยสตฺตมปกฺเขสุ ทฺเว ทฺเว กตฺวา ฉ จาตุทฺทสิกา, อวเสสา อฏฺารส ปนฺนรสิกาติ เอวํ เอกสํวจฺฉเร จตุวีสติ อุโปสถา, อิทํ ตาว ปกติจาริตฺตํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สกึ ปกฺขสฺส จาตุทฺทเส วา ปนฺนรเส วา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๓๖) วจนโต ปน ‘‘อาคนฺตุเกหิ อาวาสิกานํ อนุวตฺติตพฺพ’’นฺติอาทิวจนโต (มหาว. ๑๗๘) จ ตถารูปปจฺจเย สติ อฺสฺมิมฺปิ จาตุทฺทเส อุโปสถํ กาตุํ วฏฺฏติ. ปุริมวสฺสํวุฏฺานํ ปน ปุพฺพกตฺติกปุณฺณมา วา, เตสํเยว สเจ ภณฺฑนการเกหิ อุปทฺทุตา ปวารณํ ปจฺจุกฺกฑฺฒนฺติ, อถ ปุพฺพกตฺติกมาสสฺส กาฬปกฺขจาตุทฺทโส วา, ปจฺฉิมกตฺติกปุณฺณมา วา, ปจฺฉิมวสฺสํวุฏฺานฺจ ปจฺฉิมกตฺติกปุณฺณมา เอวาติ อิเม ตโย ปวารณาทิวสาปิ โหนฺติ, อิทมฺปิ ปกติจาริตฺตเมว. ตถารูปปจฺจเย ปน สติ ทฺวินฺนํ กตฺติกปุณฺณมานํ ปุริเมสุ จาตุทฺทเสสุปิ ปวารณํ กาตุํ วฏฺฏติ. ยทา ปน โกสมฺพกกฺขนฺธเก (มหาว. ๔๕๑) อาคตนเยน ภินฺเน สงฺเฆ โอสาริเต ตสฺมึ ภิกฺขุสฺมึ สงฺโฆ ตสฺส วตฺถุสฺส วูปสมาย สงฺฆสฺส สามคฺคึ กโรติ, ตทา ‘‘ตาวเทว อุโปสโถ กาตพฺโพ, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๔๗๕) วจนโต เปตฺวา จาตุทฺทสปนฺนรเส, อฺโปิ โย โกจิ ทิวโส สามคฺคิอุโปสถทิวโส นาม โหติ, ปุริมวสฺสํวุฏฺานํ ปน กตฺติกมาสพฺภนฺตเร อยเมว สามคฺคิปวารณาทิวโส นาม โหติ. อิติ อิเมสุ ตีสุ ทิวเสสุ ‘‘ปนฺนรโส’’ติอิมินา อฺํ อุโปสถทิวสํ ปฏิกฺขิปติ. ตสฺมา ยฺวายํ ‘‘อชฺชุโปสโถ’’ติวจเนน ¶ อนุโปสถทิวโส ¶ ปฏิกฺขิตฺโต, ตสฺมึ อุโปสโถ น กาตพฺโพเยว. โย ปนายํ อฺโ อุโปสถทิวโส, ตสฺมึ อุโปสโถ กาตพฺโพ. กโรนฺเตน ปน สเจ จาตุทฺทสิโก โหติ, ‘‘อชฺชุโปสโถ จาตุทฺทโส’’ติ วตฺตพฺพํ. สเจ ปนฺนรสิโก โหติ, ‘‘อชฺชุโปสโถ ปนฺนรโส’’ติ วตฺตพฺพํ. สเจ สามคฺคิอุโปสโถ โหติ, ‘‘อชฺชุโปสโถ สามคฺคี’’ติ วตฺตพฺพํ.
ยทิ ¶ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลนฺติ เอตฺถ ปตฺโต กาโล อิมสฺส กมฺมสฺสาติ ปตฺตกาลํ, ปตฺตกาลเมว ปตฺตกลฺลํ. ตเทตํ อิธ จตูหิ องฺเคหิ สงฺคหิตํ. ยถาหุ อฏฺกถาจริยา –
‘‘อุโปสโถ ยาวติกา จ ภิกฺขู กมฺมปฺปตฺตา,
สภาคาปตฺติโย จ น วิชฺชนฺติ;
วชฺชนียา จ ปุคฺคลา ตสฺมึ น โหนฺติ,
‘ปตฺตกลฺล’นฺติ วุจฺจตี’’ติ. (มหาว. อฏฺ. ๑๖๘);
ตตฺถ อุโปสโถติ ตีสุ อุโปสถทิวเสสุ อฺตรอุโปสถทิวโส. ตสฺมิฺหิ สติ อิทํ สงฺฆสฺส อุโปสถกมฺมํ ปตฺตกลฺลํ นาม โหติ, นาสติ. ยถาห ‘‘น จ, ภิกฺขเว, อนุโปสเถ อุโปสโถ กาตพฺโพ, โย กเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๑๘๓).
ยาวติกา จ ภิกฺขู กมฺมปฺปตฺตาติ ยตฺตกา ภิกฺขู ตสฺส อุโปสถกมฺมสฺส ปตฺตา ยุตฺตา อนุรูปา, สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน จตฺตาโร ปกตตฺตา, เต จ โข หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา เอกสีมายํ ิตา.
สีมา จ นาเมสา พทฺธสีมา อพทฺธสีมาติ ทุวิธา โหติ. ตตฺถ เอกาทส วิปตฺติสีมาโย อติกฺกมิตฺวา ติวิธสมฺปตฺติยุตฺตา นิมิตฺเตน นิมิตฺตํ สมฺพนฺธิตฺวา สมฺมตา สีมา พทฺธสีมา นาม, ‘‘อติขุทฺทกา, อติมหตี, ขณฺฑนิมิตฺตา, ฉายานิมิตฺตา, อนิมิตฺตา, พหิสีเม ิตา สมฺมตา, นทิยา สมฺมตา, สมุทฺเท สมฺมตา, ชาตสฺสเร สมฺมตา, สีมาย สีมํ สมฺภินฺทนฺเตน สมฺมตา, สีมาย สีมํ อชฺโฌตฺถรนฺเตน สมฺมตา’’ติ อิมา หิ ‘‘เอกาทสหิ อากาเรหิ สีมโต กมฺมานิ วิปชฺชนฺตี’’ติ (ปริ. ๔๘๖) วจนโต เอกาทส วิปตฺติสีมาโย นาม. ตตฺถ อติขุทฺทกา นาม ยตฺถ เอกวีสติ ภิกฺขู นิสีทิตุํ น สกฺโกนฺติ ¶ . อติมหตี นาม ยา อนฺตมโส เกสคฺคมตฺเตนาปิ ติโยชนํ อติกฺกมิตฺวา สมฺมตา. ขณฺฑนิมิตฺตา นาม อฆฏิตนิมิตฺตา วุจฺจติ, ปุรตฺถิมาย ทิสาย นิมิตฺตํ กิตฺเตตฺวา อนุกฺกเมเนว ทกฺขิณาย ปจฺฉิมาย อุตฺตราย ทิสาย กิตฺเตตฺวา ปุน ปุรตฺถิมาย ทิสาย ปุพฺพกิตฺติตํ ¶ ปฏิกิตฺเตตฺวา เปตุํ วฏฺฏติ, เอวํ อกฺขณฺฑนิมิตฺตา โหติ. สเจ ปน อนุกฺกเมน อาหริตฺวา อุตฺตราย ทิสาย นิมิตฺตํ กิตฺเตตฺวา ตตฺเถว เปติ, ขณฺฑนิมิตฺตา นาม โหติ. อปราปิ ขณฺฑนิมิตฺตา นาม ยา อนิมิตฺตุปคํ ตจสารรุกฺขํ วา ขาณุกํ วา ปํสุปฺุชวาลุกปฺุชานํ วา อฺตรํ อนฺตรา เอกํ นิมิตฺตํ กตฺวา สมฺมตา. ฉายานิมิตฺตา นาม ¶ ปพฺพตจฺฉายาทีนํ ยํ กิฺจิ ฉายํ นิมิตฺตํ กตฺวา สมฺมตา. อนิมิตฺตา นาม สพฺเพน สพฺพํ นิมิตฺตานิ อกิตฺเตตฺวา สมฺมตา. พหิสีเม ิตสมฺมตา นาม นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา นิมิตฺตานํ พหิิเตน สมฺมตา. นทิยา สมุทฺเท ชาตสฺสเร สมฺมตา นาม เอเตสุ นทิอาทีสุ สมฺมตา. สา หิ เอวํ สมฺมตาปิ ‘‘สพฺพา, ภิกฺขเว, นที อสีมา, สพฺโพ สมุทฺโท อสีโม, สพฺโพ ชาตสฺสโร อสีโม’’ติ (มหาว. ๑๔๗) วจนโต อสมฺมตาว โหติ. สีมาย สีมํ สมฺภินฺทนฺเตน สมฺมตา นาม อตฺตโน สีมาย ปเรสํ สีมํ สมฺภินฺทนฺเตน สมฺมตา. สเจ หิ โปราณกสฺส วิหารสฺส ปุรตฺถิมาย ทิสาย อมฺโพ เจว ชมฺพู จาติ ทฺเว รุกฺขา อฺมฺํ สํสฏฺวิฏปา โหนฺติ, เตสุ อมฺพสฺส ปจฺฉิมทิสาภาเค ชมฺพู, วิหารสีมา จ ชมฺพุํ อนฺโต กตฺวา อมฺพํ กิตฺเตตฺวา พทฺธา โหติ, อถ ปจฺฉา ตสฺส วิหารสฺส ปุรตฺถิมาย ทิสาย วิหาเร กเต สีมํ พนฺธนฺตา ภิกฺขู ตํ อมฺพํ อนฺโต กตฺวา ชมฺพุํ กิตฺเตตฺวา พนฺธนฺติ, สีมาย สีมํ สมฺภินฺนา โหติ. สีมาย สีมํ อชฺโฌตฺถรนฺเตน สมฺมตา นาม อตฺตโน สีมาย ปเรสํ สีมํ อชฺโฌตฺถรนฺเตน สมฺมตา. สเจ หิ ปเรสํ พทฺธสีมํ สกลํ วา ตสฺสา ปเทสํ วา อนฺโต กตฺวา อตฺตโน สีมํ สมฺมนฺนติ, สีมาย สีมํ อชฺโฌตฺถริตา นาม โหติ. อิติ อิมา เอกาทส วิปตฺติสีมาโย อติกฺกมิตฺวา สมฺมตา.
ติวิธสมฺปตฺติยุตฺตาติ นิมิตฺตสมฺปตฺติยา ปริสาสมฺปตฺติยา กมฺมวาจาสมฺปตฺติยา จ ยุตฺตา. ตตฺถ นิมิตฺตสมฺปตฺติยา ยุตฺตา นาม ปพฺพตนิมิตฺตํ, ปาสาณนิมิตฺตํ, วนนิมิตฺตํ, รุกฺขนิมิตฺตํ, มคฺคนิมิตฺตํ, วมฺมิกนิมิตฺตํ, นทินิมิตฺตํ, อุทกนิมิตฺตนฺติ เอวํ วุตฺเตสุ อฏฺสุ นิมิตฺเตสุ ตสฺมึ ตสฺมึ ทิสาภาเค ยถาลทฺธานิ ¶ นิมิตฺตุปคานิ นิมิตฺตานิ ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย กึ นิมิตฺตํ, ปพฺพโต, ภนฺเต, เอโส ปพฺพโต นิมิตฺต’’นฺติอาทินา นเยน สมฺมา กิตฺเตตฺวา สมฺมตา. ตตฺเรวํ สงฺเขปโต นิมิตฺตุปคตา เวทิตพฺพา – สุทฺธปํสุสุทฺธปาสาณอุภยมิสฺสกวเสน หิ ติวิโธปิ ปพฺพโต หตฺถิปฺปมาณโต ปฏฺาย อุทฺธํ นิมิตฺตุปโค, ตโต โอมกตโร น วฏฺฏติ. ปาสาณนิมิตฺเต อโยคุฬมฺปิ ปาสาณสงฺขเมว คจฺฉติ, ตสฺมา โย โกจิ ปาสาโณ อุกฺกํสวเสน หตฺถิปฺปมาณโต โอมกตรํ อาทึ กตฺวา เหฏฺิมปริจฺเฉเทน ¶ ทฺวตฺตึสปลคุฬปิณฺฑปริมาโณ นิมิตฺตุปโค, น ตโต ขุทฺทกตโร. ปิฏฺิปาสาโณ ปน อติมหนฺโตปิ วฏฺฏติ. วนนิมิตฺเต อนฺโตสาเรหิ วา อนฺโตสารมิสฺสเกหิ วา รุกฺเขหิ จตุปฺจรุกฺขมตฺตมฺปิ วนํ นิมิตฺตุปคํ, ตโต อูนกตรํ น วฏฺฏติ. รุกฺโข ชีวนฺโตเยว อนฺโตสาโร ภูมิยํ ปติฏฺิโต, อนฺตมโส อุพฺเพธโต อฏฺงฺคุโล, ปริณาหโต สูจิทณฺฑกปฺปมาโณปิ นิมิตฺตุปโค, ตโต โอมกตโร น วฏฺฏติ. มคฺโค ชงฺฆมคฺโค วา โหตุ สกฏมคฺโค วา, โย วินิวิชฺฌิตฺวา ทฺเว ตีณิ คามเขตฺตานิ คจฺฉติ, ตาทิโส ชงฺฆสตฺถสกฏสตฺเถหิ วลฺชิยมาโนเยว นิมิตฺตุปโค, อวลฺชิโต ¶ น วฏฺฏติ. วมฺมิโก ปน เหฏฺิมปริจฺเฉเทน ตํทิวสํชาโต อฏฺงฺคุลุพฺเพโธ โควิสาณมตฺโตปิ วมฺมิโก นิมิตฺตุปโค, ตโต โอมกตโร น วฏฺฏติ. ยํ ปน อพทฺธสีมาลกฺขเณ นทึ วกฺขาม, สา นิมิตฺตุปคา, อฺา น วฏฺฏติ. อุทกํ ยํ อสนฺทมานํ อาวาฏโปกฺขรณีตฬากชาตสฺสรโลณิสมุทฺทาทีสุ ิตํ, ตํ อาทึ กตฺวา อนฺตมโส ตงฺขเณเยว ปถวิยํ ขณิเต อาวาฏเก ฆเฏหิ อาหริตฺวา ปูริตมฺปิ ยาว กมฺมวาจาปริโยสานา สณฺมานกํ นิมิตฺตุปคํ, อิตรํ สนฺทมานํ วา วุตฺตปริจฺเฉทกาลํ อติฏฺนฺตํ วา ภาชนคตํ วา น วฏฺฏตีติ.
ปริสาสมฺปตฺติยา ยุตฺตา นาม สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน จตูหิ ภิกฺขูหิ สนฺนิปติตฺวา ยาวติกา ตสฺมึ คามเขตฺเต พทฺธสีมํ วา นทิสมุทฺทชาตสฺสเร วา อโนกฺกมิตฺวา ิตา ภิกฺขู, เต สพฺเพ หตฺถปาเส วา กตฺวา ฉนฺทํ วา อาหริตฺวา สมฺมตา.
กมฺมวาจาสมฺปตฺติยา ¶ ยุตฺตา นาม ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, ยาวตา สมนฺตา นิมิตฺตา กิตฺติตา’’ติอาทินา (มหาว. ๑๓๙) นเยน วุตฺตาย ปริสุทฺธาย ตฺติทุติยกมฺมวาจาย สมฺมตา. เอวํ เอกาทส วิปตฺติสีมาโย อติกฺกมิตฺวา ติวิธสมฺปตฺติยุตฺตา นิมิตฺเตน นิมิตฺตํ สมฺพนฺธิตฺวา สมฺมตา สีมา ‘‘พทฺธสีมา’’ติ เวทิตพฺพา. ขณฺฑสีมา สมานสํวาสสีมา อวิปฺปวาสสีมาติ ตสฺสาเยว ปเภโท.
อพทฺธสีมา ปน คามสีมา, สตฺตพฺภนฺตรสีมา, อุทกุกฺเขปสีมาติ ติวิธา. ตตฺถ ยาวตา เอกํ คามกฺเขตฺตํ, อยํ คามสีมา นาม. อคามเก อรฺเ สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตรา สตฺตพฺภนฺตรสีมา นาม. ตตฺถ อคามกํ นาม อรฺํ วิฺฌาฏวิอาทีสุ วา สมุทฺทมชฺเฌ วา มจฺฉพนฺธานํ อคมนปเถสุ ทีปเกสุ ลพฺภติ. สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตราติ มชฺเฌ ิตานํ สพฺพทิสาสุ ¶ สตฺตพฺภนฺตรา วินิพฺเพเธน จุทฺทส โหนฺติ. ตตฺถ เอกํ อพฺภนฺตรํ อฏฺวีสติหตฺถปฺปมาณํ โหติ, อยฺจ สีมา ปริสาวเสน วฑฺฒติ, ตสฺมา สมนฺตา ปริสาปริยนฺตโต ปฏฺาย อพฺภนฺตรปริจฺเฉโท กาตพฺโพ. สเจ ปน ทฺเว สงฺฆา วิสุํ อุโปสถํ กโรนฺติ, ทฺวินฺนํ สตฺตพฺภนฺตรานํ อนฺตเร อฺเมกํ สตฺตพฺภนฺตรํ อุปจารตฺถาย เปตพฺพํ. ยา ปเนสา ‘‘สพฺพา, ภิกฺขเว, นที อสีมา’’ติอาทินา (มหาว. ๑๔๗) นเยน นทิอาทีนํ สีมภาวํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปุน ‘‘นทิยา วา, ภิกฺขเว, สมุทฺเท วา ชาตสฺสเร วา ยํ มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส สมนฺตา อุทกุกฺเขปา, อยํ ตตฺถ สมานสํวาสา เอกูโปสถา’’ติ วุตฺตา อยํ อุทกุกฺเขปสีมา นาม. ตตฺถ ยสฺสา ธมฺมิกานํ ราชูนํ กาเล อนฺวฑฺฒมาสํ อนุทสาหํ อนุปฺจาหํ ¶ อนติกฺกมิตฺวา เทเว วสฺสนฺเต วลาหเกสุ วิคตมตฺเตสุ โสตํ ปจฺฉิชฺชติ, อยํ นทิสงฺขฺยํ น คจฺฉติ. ยสฺสา ปน อีทิเส สุวุฏฺิกาเล วสฺสานสฺส จตุมาเส โสตํ น ปจฺฉิชฺชติ, ยตฺถ ติตฺเถน วา อติตฺเถน วา สิกฺขากรณีเย อาคตลกฺขเณน ติมณฺฑลํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา อนฺตรวาสกํ อนุกฺขิปิตฺวา อุตฺตรนฺติยา ภิกฺขุนิยา เอกทฺวงฺคุลมตฺตมฺปิ อนฺตรวาสโก เตมิยติ, อยํ สมุทฺทํ วา ปวิสตุ ตฬากํ วา, ปภวโต ปฏฺาย นที นาม. สมุทฺโท ปากโฏเยว. โย ปน เกนจิ ขณิตฺวา อกโต สยํชาโต โสพฺโภ สมนฺตโต อาคเตน อุทเกน ¶ ปูริโต ติฏฺติ, ยตฺถ นทิยํ วุตฺตปฺปกาเร วสฺสกาเล อุทกํ สนฺติฏฺติ, อยํ ชาตสฺสโร นาม. โยปิ นทึ วา สมุทฺทํ วา ภินฺทิตฺวา นิกฺขนฺตอุทเกน ขโต โสพฺโภ เอตํ ลกฺขณํ ปาปุณาติ, อยมฺปิ ชาตสฺสโรเยว.
ยํ มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส สมนฺตา อุทกุกฺเขปาติ ยํ านํ ถามมชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส สมนฺตโต อุทกุกฺเขเปน ปริจฺฉินฺนํ, ตตฺถ ยถา อกฺขธุตฺตา ทารุคุฬํ ขิปนฺติ, เอวํ อุทกํ วา วาลุกํ วา หตฺเถน คเหตฺวา มชฺฌิเมน ปุริเสน สพฺพถาเมน ขิปิตพฺพํ, ตตฺถ ยตฺถ เอวํ ขิตฺตํ อุทกํ วา วาลุกํ วา ปตติ, อยํ อุทกุกฺเขโป นาม.
อยํ ตตฺถ สมานสํวาสา เอกูโปสถาติ อยํ เตสุ นทิอาทีสุ อุทกุกฺเขปปริจฺฉินฺนา สีมา สมานสํวาสา เจว เอกูโปสถา จ, อยํ ปน เอเตสํ นทิอาทีนํ อนฺโตเยว ลพฺภติ, น พหิ. ตสฺมา นทิยา วา ชาตสฺสเร วา ยตฺตกํ ปเทสํ ปกติวสฺสกาเล จตูสุ มาเสสุ อุทกํ โอตฺถรติ, สมุทฺเท ยสฺมึ ปเทเส ปกติวีจิโย โอตฺถริตฺวา สณฺหนฺติ, ตโต ปฏฺาย กปฺปิยภูมิ, ตตฺถ ตฺวา อุโปสถาทิกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ ¶ . ทุพฺพุฏฺิกาเล วา คิมฺเห วา นทิชาตสฺสเรสุ สุกฺเขสุปิ สา เอว กปฺปิยภูมิ, สเจ ปน สุกฺเข ชาตสฺสเร วาปึ วา ขณนฺติ, วปฺปํ วา กโรนฺติ, ตํ านํ คามกฺเขตฺตํ โหติ. ยา ปเนสา ‘‘กปฺปิยภูมี’’ติ วุตฺตา, ตโต พหิ อุทกุกฺเขปสีมา น คจฺฉติ, อนฺโตเยว คจฺฉติ, ตสฺมา เตสํ อนฺโต ปริสาปริยนฺตโต ปฏฺาย สมนฺตา อุทกุกฺเขปปริจฺเฉโท กาตพฺโพ. สเจ ปน ทฺเว สงฺฆา วิสุํ วิสุํ อุโปสถาทิกมฺมํ กโรนฺติ, ทฺวินฺนํ อุทกุกฺเขปานํ อนฺตเร อฺโ เอโก อุทกุกฺเขโป อุปจารตฺถาย เปตพฺโพ. อยฺหิ สตฺตพฺภนฺตรสีมา จ อุทกุกฺเขปสีมา จ ภิกฺขูนํ ิโตกาสโต ปฏฺาย ลพฺภติ. ปริจฺเฉทพฺภนฺตเร หตฺถปาสํ วิชหิตฺวา ิโตปิ ปริจฺเฉทโต พหิ อฺํ ตตฺตกํเยว ปริจฺเฉทํ อนติกฺกมิตฺวา ิโตปิ กมฺมํ โกเปติ, อิทํ สพฺพอฏฺกถาสุ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๗) สนฺนิฏฺานํ. เอวํ อพทฺธสีมา เวทิตพฺพา. อิติ อิมํ พทฺธสีมาพทฺธสีมาวเสน ทุวิธํ สีมํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ ‘‘เต จ โข หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา เอกสีมายํ ¶ ิตา’’ติ. เตสุ หิ จตูสุ ภิกฺขูสุ เอกสีมายํ หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา ิเตสฺเวเวตํ ¶ สงฺฆสฺส อุโปสถกมฺมํ ปตฺตกลฺลํ นาม โหติ, น อิตรถา. ยถาห ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, จตุนฺนํ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๖๘).
สภาคาปตฺติโย จ น วิชฺชนฺตีติ เอตฺถ ยํ สพฺโพ สงฺโฆ วิกาลโภชนาทินา สภาควตฺถุนา ลหุกาปตฺตึ อาปชฺชติ, เอวรูปา วตฺถุสภาคา ‘‘สภาคา’’ติ วุจฺจติ, วิกาลโภชนปจฺจยา อาปนฺนํ ปน อาปตฺติสภาคํ อนติริตฺตโภชนปจฺจยา อาปนฺนสฺส สนฺติเก เทเสตุํ วฏฺฏติ. สภาคาปตฺติยา ปน สติ เตหิ ภิกฺขูหิ เอโก ภิกฺขุ สามนฺตา อาวาสา สชฺชุกํ ปาเหตพฺโพ ‘‘คจฺฉาวุโส, ตํ อาปตฺตึ ปฏิกริตฺวา อาคจฺฉ, มยํ เต สนฺติเก อาปตฺตึ ปฏิกริสฺสามา’’ติ, เอวฺเจตํ ลเภถ, อิจฺเจตํ กุสลํ, โน เจ ลเภถ, พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สงฺโฆ าเปตพฺโพ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อยํ สพฺโพ สงฺโฆ สภาคํ อาปตฺตึ อาปนฺโน, ยทา อฺํ ภิกฺขุํ สุทฺธํ อนาปตฺติกํ ปสฺสิสฺสติ, ตทา ตสฺส สนฺติเก ตํ อาปตฺตึ ปฏิกริสฺสตี’’ติ (มหาว. ๑๗๑) วตฺวา อุโปสโถ กาตพฺโพ. สเจ ปน เวมติโก โหติ, ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อยํ สพฺโพ สงฺโฆ สภาคาย อาปตฺติยา เวมติโก, ยทา นิพฺเพมติโก ภวิสฺสติ, ตทา ตํ อาปตฺตึ ปฏิกริสฺสตี’’ติ วตฺวา อุโปสโถ กาตพฺโพ. สเจ ปเนตฺถ โกจิ ตํ สภาคํ อาปตฺตึ เทเสตุํ วฏฺฏตีติ มฺมาโน เอกสฺส สนฺติเก เทเสติ, เทสิตา สุเทสิตาว. อฺํ ปน เทสนาปจฺจยา เทสโก, ปฏิคฺคหณปจฺจยา ปฏิคฺคาหโก จาติ อุโภปิ ทุกฺกฏํ อาปชฺชนฺติ, ตํ นานาวตฺถุกํ โหติ, ตสฺมา อฺมฺํ เทเสตพฺพํ ¶ . เอตฺตาวตา เต ทฺเว นิราปตฺติกา โหนฺติ, เตสํ สนฺติเก เสเสหิ สภาคาปตฺติโย เทเสตพฺพา วา อาโรเจตพฺพา วา. สเจ เต เอวํ อกตฺวา อุโปสถํ กโรนฺติ, ‘‘ปาริสุทฺธึ อายสฺมนฺโต อาโรเจถา’’ติอาทินา (มหาว. ๑๓๔) นเยน สาปตฺติกสฺส อุโปสถกรเณ ปฺตฺตํ ทุกฺกฏํ อาปชฺชนฺติ. สเจ สพฺโพ สงฺโฆ สภาคาปตฺติยา สติ วุตฺตวิธึ อกตฺวา อุโปสถํ กโรติ, วุตฺตนเยเนว สพฺโพ สงฺโฆ อาปตฺตึ อาปชฺชติ, ตสฺมา สภาคาปตฺติยา สติ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ ¶ นาม น โหติ, เตน วุตฺตํ ‘‘สภาคาปตฺติโย จ น วิชฺชนฺตี’’ติ. เอตาสุ หิ สภาคาปตฺตีสุ อวิชฺชมานาสุ วิสภาคาปตฺตีสุ วิชฺชมานาสุปิ ปตฺตกลฺลํ โหติเยว.
วชฺชนียา จ ปุคฺคลา ตสฺมึ น โหนฺตีติ ‘‘น, ภิกฺขเว, สคหฏฺาย ปริสาย ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพํ, โย อุทฺทิเสยฺย อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ ¶ (มหาว. ๑๕๔) วจนโต คหฏฺโ, ‘‘น, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนิยา นิสินฺนปริสาย ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพ’’นฺติอาทินา (มหาว. ๑๘๓) นเยน วุตฺตา ภิกฺขุนี, สิกฺขมานา, สามเณโร, สามเณรี, สิกฺขาปจฺจกฺขาตโก, อนฺติมวตฺถุอชฺฌาปนฺนโก, อาปตฺติยา อทสฺสเน อุกฺขิตฺตโก, อาปตฺติยา อปฺปฏิกมฺเม อุกฺขิตฺตโก, ปาปิกาย ทิฏฺิยา อปฺปฏินิสฺสคฺเค อุกฺขิตฺตโก, ปณฺฑโก, เถยฺยสํวาสโก, ติตฺถิยปกฺกนฺตโก, ติรจฺฉานคโต, มาตุฆาตโก, ปิตุฆาตโก อรหนฺตฆาตโก, ภิกฺขุนิทูสโก, สงฺฆเภทโก, โลหิตุปฺปาทโก, อุภโตพฺยฺชนโกติ อิเม วีสติ จาติ เอกวีสติ ปุคฺคลา วชฺชนียา นาม, เต หตฺถปาสโต พหิกรณวเสน วชฺเชตพฺพา. เอเตสุ หิ ติวิเธ อุกฺขิตฺตเก สติ อุโปสถํ กโรนฺโต สงฺโฆ ปาจิตฺติยํ อาปชฺชติ, เสเสสุ ทุกฺกฏํ. เอตฺถ จ ติรจฺฉานคโตติ ยสฺส อุปสมฺปทา ปฏิกฺขิตฺตา, ติตฺถิยา คหฏฺเเนว สงฺคหิตา. เอเตปิ หิ วชฺชนียา นาม. เอวํ ปตฺตกลฺลํ อิเมหิ จตูหิ องฺเคหิ สงฺคหิตนฺติ เวทิตพฺพํ.
สงฺโฆ อุโปสถํ กเรยฺยาติอิมินา เย เต อปเรปิ ตโย อุโปสถา สงฺเฆ อุโปสโถ, คเณ อุโปสโถ, ปุคฺคเล อุโปสโถติ, เอวํ การกวเสน ตโย อุโปสถา วุตฺตา, เตสุ อิตเร ทฺเว ปฏิกฺขิปิตฺวา สงฺเฆ อุโปสถเมว ทีเปติ. ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยาติอิมินา เย เต อปเรปิ ตโย อุโปสถา สุตฺตุทฺเทโส, ปาริสุทฺธิอุโปสโถ, อธิฏฺานอุโปสโถติ, เอวํ กตฺตพฺพาการวเสน ตโย อุโปสถา วุตฺตา, เตสุ อิตเร ทฺเว ปฏิกฺขิปิตฺวา สุตฺตุทฺเทสเมว ทีเปติ. สุตฺตุทฺเทโส นาม ปาติโมกฺขุทฺเทโส วุจฺจติ, โส ทุวิโธ โอวาทปาติโมกฺขุทฺเทโส จ อาณาปาติโมกฺขุทฺเทโส จ. ตตฺถ
‘‘ขนฺตี ¶ ปรมํ ตโป ติติกฺขา…เป….
‘‘สพฺพปาปสฺส อกรณํ…เป….
‘‘อนูปวาโท อนูปฆาโต’’ติ. (ที. นิ. ๒.๙๐; ธ. ป. ๑๘๔, ๑๘๓, ๑๘๕)
อาทินา นเยน วุตฺตา ติสฺโส คาถาโย โอวาทปาติโมกฺขํ นาม, ตํ พุทฺธา เอว อุทฺทิสนฺติ, น สาวกา. ‘‘สุณาตุ ¶ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ’’ติอาทินา (มหาว. ๑๓๔) นเยน วุตฺตํ อาณาปาติโมกฺขํ นาม, ตํ สาวกา เอว อุทฺทิสนฺติ, น พุทฺธา. อิทเมว จ อิมสฺมึ อตฺเถ ‘‘ปาติโมกฺข’’นฺติ อธิปฺเปตํ.
เย ¶ ปน อิตเร ทฺเว อุโปสถา, เตสุ ปาริสุทฺธิอุโปสโถ ตาว อฺเสฺจ สนฺติเก, อฺมฺฺจ อาโรจนวเสน ทุวิโธ. ตตฺถ ยฺวายํ อฺเสํ สนฺติเก กรียติ, โสปิ ปวาริตานฺจ อปฺปวาริตานฺจ สนฺติเก กรณวเสน ทุวิโธ. ตตฺถ มหาปวารณาย ปวาริตานํ สนฺติเก ปจฺฉิมิกาย อุปคเตน วา อนุปคเตน วา ฉินฺนวสฺเสน วา จาตุมาสินิยํ ปน ปวาริตานํ สนฺติเก ปุริมิกาย อุปคเตน วา อนุปคเตน วา ฉินฺนวสฺเสน วา กายสามคฺคึ ทตฺวา ‘‘ปริสุทฺโธ อหํ, ภนฺเต, ‘ปริสุทฺโธ’ติ มํ ธาเรถา’’ติ ติกฺขตฺตุํ วตฺวา กาตพฺโพ, เปตฺวา จ ปน ปวารณาทิวสํ อฺสฺมึ กาเล อาวาสิเกหิ อุทฺทิฏฺมตฺเต ปาติโมกฺเข อวุฏฺิตาย วา เอกจฺจาย วุฏฺิตาย วา สพฺพาย วา วุฏฺิตาย ปริสาย เย อฺเ สมสมา วา โถกตรา วา อาคจฺฉนฺติ, เตหิ เตสํ สนฺติเก วุตฺตนเยเนว ปาริสุทฺธิ อาโรเจตพฺพา. โย ปนายํ อฺมฺํ อาโรจนวเสน กรียติ, โส ตฺตึ เปตฺวา จ อฏฺเปตฺวา จ กรณวเสน ทุวิโธ. ตตฺถ ยสฺมึ อาวาเส ตโย ภิกฺขู วิหรนฺติ, เตสุ อุโปสถทิวเส สนฺนิปติเตสุ เอเกน ภิกฺขุนา ‘‘สุณนฺตุ เม อายสฺมนฺตา อชฺชุโปสโถ จาตุทฺทโส’’ติ วา ‘‘ปนฺนรโส’’ติ วา วตฺวา ‘‘ยทายสฺมนฺตานํ ปตฺตกลฺลํ มยํ อฺมฺํ ปาริสุทฺธิอุโปสถํ กเรยฺยามา’’ติ ตฺติยา ปิตาย เถเรน ภิกฺขุนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ‘‘ปริสุทฺโธ อหํ, อาวุโส, ‘ปริสุทฺโธ’ติ มํ ธาเรถา’’ติ (มหาว. ๑๖๘) ติกฺขตฺตุํ วตฺตพฺพํ. อิตเรหิ ‘‘ภนฺเต’’ติ วตฺวา เอวเมว วตฺตพฺพํ. เอวํ ตฺตึ เปตฺวา กาตพฺโพ. ยตฺถ ปน ทฺเว ภิกฺขู วิหรนฺติ, ตตฺร ¶ ตฺตึ อฏฺเปตฺวา วุตฺตนเยเนว ปาริสุทฺธิ อาโรเจตพฺพาติ อยํ ปาริสุทฺธิอุโปสโถ.
สเจ ปน เอโกว ภิกฺขุ โหติ, สพฺพํ ปุพฺพกรณียํ กตฺวา อฺเสํ อนาคมนํ ตฺวา ‘‘อชฺช เม อุโปสโถ จาตุทฺทโส’’ติ วา ‘‘ปนฺนรโส’’ติ วา วตฺวา ‘‘อธิฏฺามี’’ติ วตฺตพฺพํ. อยํ อธิฏฺานุโปสโถติ เอวํ กตฺตพฺพาการวเสน ตโย อุโปสถาติ เวทิตพฺพา. เอตฺตาวตา นว อุโปสถา ทีปิตา โหนฺติ. เตสุ ทิวสวเสน ปนฺนรสิโก, การกวเสน สงฺฆุโปสโถ, กตฺตพฺพาการวเสน สุตฺตุทฺเทโสติ เอวํ ติลกฺขณสมฺปนฺโน อุโปสโถ อิธ นิทฺทิฏฺโติ เวทิตพฺโพ. ตสฺมึ ปวตฺตมาเน อุโปสถํ อกตฺวา ตทหุโปสเถ อฺํ อภิกฺขุกํ นานาสํวาสเกหิ วา สภิกฺขุกํ อาวาสํ วา อนาวาสํ วา วาสตฺถาย อฺตฺร สงฺเฆน, อฺตฺร อนฺตรายา คจฺฉนฺตสฺส ทุกฺกฏํ โหติ.
กึ สงฺฆสฺส ปุพฺพกิจฺจนฺติ ‘‘สงฺโฆ อุโปสถํ กเรยฺยา’’ติ เอวํ ¶ อุโปสถกรณสมฺพนฺเธเนว วุตฺตสฺส ¶ สงฺฆสฺส อุโปสเถ กตฺตพฺเพ ยํ ตํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อุโปสถาคารํ สมฺมชฺชิตุ’’นฺติอาทินา (มหาว. ๑๕๙) นเยน ปาฬิยํ อาคตํ, อฏฺกถาสุ จ –
‘‘สมฺมชฺชนี ปทีโป จ, อุทกํ อาสเนน จ;
อุโปสถสฺส เอตานิ, ‘ปุพฺพกรณ’นฺติ วุจฺจติ.
‘‘ฉนฺทปาริสุทฺธิอุตุกฺขานํ, ภิกฺขุคณนา จ โอวาโท;
อุโปสถสฺส เอตานิ, ‘ปุพฺพกิจฺจ’นฺติ วุจฺจตี’’ติ. (มหาว. อฏฺ. ๑๖๘);
เอวํ ทฺวีหิ นาเมหิ นววิธํ ปุพฺพกิจฺจํ ทสฺสิตํ, กึ ตํ กตนฺติ ปุจฺฉติ. น หิ ตํ อกตฺวา อุโปสถํ กาตุํ วฏฺฏติ, ตสฺมา เถเรน อาณตฺเตน อคิลาเนน ภิกฺขุนา อุโปสถาคารํ สมฺมชฺชิตพฺพํ, ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฏฺาเปตพฺพํ, อาสนํ ปฺาเปตพฺพํ, ปทีโป กาตพฺโพ, อกโรนฺโต ทุกฺกฏํ อาปชฺชติ, เถเรนาปิ ปติรูปํ ตฺวา อาณาเปตพฺพํ.
ฉนฺทปาริสุทฺธีติ เอตฺถ อุโปสถกรณตฺถํ สนฺนิปติเต สงฺเฆ พหิ อุโปสถํ กตฺวา อาคเตน สนฺนิปติตฏฺานํ คนฺตฺวา กายสามคฺคึ อเทนฺเตน ¶ ฉนฺโท ทาตพฺโพ. โยปิ คิลาโน วา โหติ กิจฺจปฺปสุโต วา, เตนาปิ ปาริสุทฺธึ เทนฺเตน ฉนฺโทปิ ทาตพฺโพ. กถํ ทาตพฺโพ? เอกสฺส ภิกฺขุโน สนฺติเก ‘‘ฉนฺทํ ทมฺมิ, ฉนฺทํ เม หร, ฉนฺทํ เม อาโรเจหี’’ติ (มหาว. ๑๖๕) อยํ อตฺโถ กาเยน วา วาจาย วา อุภเยน วา วิฺาเปตพฺโพ, เอวํ ทินฺโน โหติ ฉนฺโท. อกตูโปสเถน ปน คิลาเนน วา กิจฺจปฺปสุเตน วา ปาริสุทฺธิ ทาตพฺพา. กถํ ทาตพฺพา? เอกสฺส ภิกฺขุโน สนฺติเก ‘‘ปาริสุทฺธึ ทมฺมิ, ปาริสุทฺธึ เม หร, ปาริสุทฺธึ เม อาโรเจหี’’ติ (มหาว. ๑๖๔) อยํ อตฺโถ กาเยน วา วาจาย วา อุภเยน วา วิฺาเปตพฺโพ, เอวํ ทินฺนา โหติ ปาริสุทฺธิ, ตํ ปน เทนฺเตน ฉนฺโทปิ ทาตพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตทหุโปสเถ ปาริสุทฺธึ เทนฺเตน ฉนฺทมฺปิ ทาตุํ, สนฺติ สงฺฆสฺส กรณีย’’นฺติ (มหาว. ๑๖๕). ตตฺถ ปาริสุทฺธิทานํ สงฺฆสฺสปิ อตฺตโนปิ อุโปสถกรณํ สมฺปาเทติ, น อวเสสํ สงฺฆกิจฺจํ. ฉนฺททานํ สงฺฆสฺเสว อุโปสถกรณฺจ เสสกิจฺจฺจ สมฺปาเทติ, อตฺตโน ปน อุโปสโถ อกโตเยว โหติ. ตสฺมา ปาริสุทฺธึ เทนฺเตน ฉนฺโทปิ ทาตพฺโพ. ปุพฺเพ วุตฺตํ ปน สุทฺธิกจฺฉนฺทํ วา อิมํ วา ฉนฺทปาริสุทฺธึ เอเกน พหูนมฺปิ อาหริตุํ วฏฺฏติ. สเจ ปน โส อนฺตรามคฺเค อฺํ ภิกฺขุํ ปสฺสิตฺวา เยสํ เตน ฉนฺโท วา ปาริสุทฺธิ ¶ วา คหิตา, เตสฺจ อตฺตโน จ ฉนฺทปาริสุทฺธึ เทติ, ตสฺเสว สา อาคจฺฉติ, อิตรา ปน พิฬาลสงฺขลิกา ฉนฺทปาริสุทฺธิ นาม โหติ, สา นาคจฺฉติ, ตสฺมา สยเมว สนฺนิปติตฏฺานํ คนฺตฺวา อาโรเจตพฺพํ. สเจ ปน สฺจิจฺจ นาโรเจติ, ทุกฺกฏํ อาปชฺชติ. ฉนฺทปาริสุทฺธิ ปน ตสฺมึ หตฺถปาสํ อุปคตมตฺเตเยว อาคตา โหติ.
อุตุกฺขานนฺติ ¶ ‘‘เหมนฺตาทีนํ อุตูนํ เอตฺตกํ อติกฺกนฺตํ, เอตฺตกํ อวสิฏฺ’’นฺติ เอวํ อุตูนํ อาจิกฺขนํ. ภิกฺขุคณนาติ ‘‘เอตฺตกา ภิกฺขู อุโปสถคฺเค สนฺนิปติตา’’ติ ภิกฺขูนํ คณนา. อิทมฺปิ หิ อุภยํ กตฺวาว อุโปสโถ กาตพฺโพ. โอวาโทติ ภิกฺขุโนวาโท. น หิ ภิกฺขุนีหิ ยาจิตํ โอวาทํ อนาโรเจตฺวา อุโปสถํ กาตุํ วฏฺฏติ. ภิกฺขุนิโย หิ ‘‘สฺเว อุโปสโถ’’ติ อาคนฺตฺวา ‘‘อยํ อุโปสโถ จาตุทฺทโส ปนฺนรโส’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ปุน อุโปสถทิวเส อาคนฺตฺวา ‘‘ภิกฺขุนิสงฺโฆ, อยฺย, ภิกฺขุสงฺฆสฺส ¶ ปาเท วนฺทติ, โอวาทูปสงฺกมนฺจ ยาจติ, ลภตุ กิร, อยฺย, ภิกฺขุนิสงฺโฆ โอวาทูปสงฺกมน’’นฺติ (จูฬว. ๔๑๓) เอวํ โอวาทํ ยาจนฺติ. ตํ เปตฺวา พาลคิลานคมิเย อฺโ สเจปิ อารฺิโก โหติ, อปฏิคฺคเหตุํ น ลภติ, ตสฺมา เยน โส ปฏิคฺคหิโต, เตน ภิกฺขุนา อุโปสถคฺเค ปาติโมกฺขุทฺเทสโก ภิกฺขุ เอวํ วตฺตพฺโพ ‘‘ภิกฺขุนิสงฺโฆ, ภนฺเต, ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปาเท วนฺทติ, โอวาทูปสงฺกมนฺจ ยาจติ, ลภตุ กิร, ภนฺเต, ภิกฺขุนิสงฺโฆ โอวาทูปสงฺกมน’’นฺติ. ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน วตฺตพฺพํ ‘‘อตฺถิ โกจิ ภิกฺขุ ภิกฺขุโนวาทโก สมฺมโต’’ติ. สเจ โหติ โกจิ ภิกฺขุ ภิกฺขุโนวาทโก สมฺมโต, ตโต เตน โส วตฺตพฺโพ ‘‘อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ ภิกฺขุโนวาทโก สมฺมโต, ตํ ภิกฺขุนิสงฺโฆ อุปสงฺกมตู’’ติ (จูฬว. ๔๑๓). สเจ นตฺถิ, ตโต เตน ปุจฺฉิตพฺพํ ‘‘โก อายสฺมา อุสฺสหติ ภิกฺขุนิโย โอวทิตุ’’นฺติ. สเจ โกจิ อุสฺสหติ, โสปิ จ อฏฺหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต, ตํ ตตฺเถว สมฺมนฺนิตฺวา โอวาทปฏิคฺคาหโก วตฺตพฺโพ ‘‘อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ ภิกฺขุโนวาทโก สมฺมโต, ตํ ภิกฺขุนิสงฺโฆ อุปสงฺกมตู’’ติ (จุฬว. ๔๑๓). สเจ ปน โกจิ น อุสฺสหติ, ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน วตฺตพฺพํ ‘‘นตฺถิ โกจิ ภิกฺขุ ภิกฺขุโนวาทโก สมฺมโต, ปาสาทิเกน ภิกฺขุนิสงฺโฆ สมฺปาเทตู’’ติ. เอตฺตาวตา หิ สิกฺขตฺตยสงฺคหิตํ สกลํ สาสนํ อาโรจิตํ โหติ. เตน ภิกฺขุนา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ปาฏิปททิวเส ภิกฺขุนีนํ อาโรเจตพฺพํ.
ภิกฺขุนิสงฺเฆนาปิ ตา ภิกฺขุนิโย เปเสตพฺพา, คจฺฉถ, อยฺยา, ปุจฺฉถ ‘‘กึ, อยฺย, ลภติ ภิกฺขุนิสงฺโฆ โอวาทูปสงฺกมน’’นฺติ, ตาหิ ‘‘สาธุ, อยฺเย’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตํ ภิกฺขุํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วตฺตพฺพํ ‘‘กึ, อยฺย, ลภติ ภิกฺขุนิสงฺโฆ โอวาทูปสงฺกมน’’นฺติ. เตน วตฺตพฺพํ ¶ ‘‘นตฺถิ โกจิ ภิกฺขุ ภิกฺขุโนวาทโก สมฺมโต, ปาสาทิเกน ภิกฺขุนิสงฺโฆ สมฺปาเทตู’’ติ, ตาหิ ‘‘สาธุ อยฺยา’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพํ. อิทฺจ เอกโต อาคตานํ ทฺวินฺนํ ติณฺณํ วา วเสน วุตฺตํ. ตาสุ ปน เอกาย ภิกฺขุนิยา วตฺตพฺพฺเจว สมฺปฏิจฺฉิตพฺพฺจ, อิตรา ตสฺสา สหายิกา. สเจ ปน ภิกฺขุสงฺโฆ วา ภิกฺขุนิสงฺโฆ วา น ปูรติ ¶ , อุภยโตปิ วา คณมตฺตเมว ปุคฺคลมตฺตํ วา โหติ.
ตตฺรายํ ¶ วจนกฺกโม – ‘‘ภิกฺขุนิโย, อยฺย, ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปาเทวนฺทนฺติ, โอวาทูปสงฺกมนฺจ ยาจนฺติ, ลภนฺตุ กิร, อยฺย, ภิกฺขุนิโย โอวาทูปสงฺกมน’’นฺติ, ‘‘อหํ, อยฺย, ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปาเท วนฺทามิ, โอวาทูปสงฺกมนฺจ ยาจามิ, ลภามหํ, อยฺย, โอวาทูปสงฺกมน’’นฺติ, ‘‘ภิกฺขุนิสงฺโฆ, อยฺยา, อยฺยานํ ปาเท วนฺทติ, โอวาทูปสงฺกมนฺจ ยาจติ, ลภตุ กิร, อยฺยา, ภิกฺขุนิสงฺโฆ โอวาทูปสงฺกมน’’นฺติ. ‘‘ภิกฺขุนิโย, อยฺยา, อยฺยานํ ปาเท วนฺทนฺติ, โอวาทูปสงฺกมนฺจ ยาจนฺติ, ลภนฺตุ กิร, อยฺยา, ภิกฺขุนิโย โอวาทูปสงฺกมน’’นฺติ, ‘‘อหํ, อยฺยา, อยฺยานํ ปาเท วนฺทามิ, โอวาทูปสงฺกมนฺจ ยาจามิ, ลภามหํ, อยฺยา, โอวาทูปสงฺกมน’’นฺติ, ‘‘ภิกฺขุนิสงฺโฆ, อยฺย, อยฺยสฺส ปาเท วนฺทติ, โอวาทูปสงฺกมนฺจ ยาจติ, ลภตุ กิร, อยฺย, ภิกฺขุนิสงฺโฆ โอวาทูปสงฺกมน’’นฺติ. ‘‘ภิกฺขุนิโย, อยฺย, อยฺยสฺส ปาเท วนฺทนฺติ, โอวาทูปสงฺกมนฺจ ยาจนฺติ, ลภนฺตุ กิร, อยฺย, ภิกฺขุนิโย โอวาทูปสงฺกมน’’นฺติ, ‘‘อหํ, อยฺย, อยฺยสฺส ปาเท วนฺทามิ, โอวาทูปสงฺกมนฺจ ยาจามิ, ลภามหํ, อยฺย, โอวาทูปสงฺกมน’’นฺติ. เตนาปิ ภิกฺขุนา อุโปสถกาเล เอวํ วตฺตพฺพํ ‘‘ภิกฺขุนิโย, ภนฺเต, ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปาเท วนฺทนฺติ, โอวาทูปสงฺกมนฺจ ยาจนฺติ, ลภนฺตุ กิร, ภนฺเต, ภิกฺขุนิโย โอวาทูปสงฺกมน’’นฺติ, ‘‘ภิกฺขุนี, ภนฺเต, ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปาเท วนฺทติ, โอวาทูปสงฺกมนฺจ ยาจติ, ลภตุ กิร, ภนฺเต, ภิกฺขุนี โอวาทูปสงฺกมน’’นฺติ. ‘‘ภิกฺขุนิสงฺโฆ, ภนฺเต, ภิกฺขุนิโย, ภนฺเต, ภิกฺขุนี ภนฺเต อายสฺมนฺตานํ ปาเท วนฺทติ, วนฺทนฺติ, วนฺทติ, โอวาทูปสงฺกมนฺจ ยาจติ, ยาจนฺติ, ยาจติ, ลภตุ กิร, ภนฺเต, ภิกฺขุนิสงฺโฆ, ลภนฺตุ กิร, ภนฺเต, ภิกฺขุนิโย, ลภตุ กิร, ภนฺเต, ภิกฺขุนี โอวาทูปสงฺกมน’’นฺติ. อุโปสถคฺเคปิ ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน วา ตฺติฏฺปเกน วา อิตเรน วา ภิกฺขุนา สเจ สมฺมโต ภิกฺขุ อตฺถิ, ปุริมนเยเนว ‘‘ตํ ภิกฺขุนิสงฺโฆ, ตํ ภิกฺขุนิโย, ตํ ภิกฺขุนี อุปสงฺกมตุ, อุปสงฺกมนฺตุ, อุปสงฺกมตู’’ติ วตฺตพฺพํ. สเจ นตฺถิ, ‘‘ปาสาทิเกน ภิกฺขุนิสงฺโฆ, ภิกฺขุนิโย, ภิกฺขุนี สมฺปาเทตุ, สมฺปาเทนฺตุ, สมฺปาเทตู’’ติ วตฺตพฺพํ. โอวาทปฺปฏิคฺคาหเกน ปาฏิปเท ตํ ปจฺจาหริตฺวา ตเถว วตฺตพฺพํ, อยเมตฺถ สงฺเขปวินิจฺฉโย. เอวํ ภิกฺขุนีหิ ยาจิตํ โอวาทํ อาโรเจตฺวาว อุโปสโถ กาตพฺโพ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ฉนฺทปาริสุทฺธิอุตุกฺขานํ ¶ ¶ ¶ , ภิกฺขุคณนา จ โอวาโท;
อุโปสถสฺส เอตานิ, ‘ปุพฺพกิจฺจ’นฺติ วุจฺจตี’’ติ.
ปาริสุทฺธึ อายสฺมนฺโต อาโรเจถาติ อตฺตโน ปริสุทฺธภาวํ อาโรเจถ, ‘‘ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิสฺสามี’’ติอิทํ ปาริสุทฺธิอาโรจนสฺส การณวจนํ. ‘‘น จ, ภิกฺขเว, สาปตฺติเกน ปาติโมกฺขํ โสตพฺพํ, โย สุเณยฺย อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๓๘๖) หิ วจนโต อปริสุทฺเธหิ ปาติโมกฺขํ โสตุํ น วฏฺฏติ. เตน วุตฺตํ – ปาริสุทฺธึ อายสฺมนฺโต อาโรเจถ, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิสฺสามีติ. เอตฺถ สิยา ‘‘สงฺโฆ อุโปสถํ กเรยฺย, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยา’’ติ (มหาว. ๑๓๔) วุตฺตตฺตา อิธาปิ ‘‘ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิสฺสตี’’ติ วตฺตพฺพํ, เอวฺหิ สติ ปุพฺเพนาปรํ สนฺธิยตีติ. วุจฺจเต, วจนมตฺตเมเวตํ น สนฺธิยติ, ลกฺขณโต ปน สเมติ, สงฺฆสฺส สามคฺคิยา, คณสฺส สามคฺคิยา, ปุคฺคลสฺส อุทฺเทสา สงฺฆสฺส อุทฺทิฏฺํ โหติ ปาติโมกฺขนฺติ อิทฺเหตฺถ ลกฺขณํ, ตสฺมา ‘‘ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิสฺสามี’’ติ อิทเมเวตฺถ วตฺตพฺพํ.
ตํ สพฺเพว สนฺตา สาธุกํ สุโณม มนสิ กโรมาติ นฺติ ปาติโมกฺขํ. สพฺเพว สนฺตาติ ยาวติกา ตสฺสา ปริสาย เถรา จ นวา จ มชฺฌิมา จ. สาธุกํ สุโณมาติ อฏฺึ กตฺวา มนสิ กริตฺวา โสตทฺวารวเสน สพฺพเจตสา สมนฺนาหราม. มนสิ กโรมาติ เอกคฺคจิตฺตา หุตฺวา จิตฺเต เปยฺยาม. เอตฺถ จ กิฺจาปิ ‘‘ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิสฺสามี’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘สุโณถ มนสิ กโรถา’’ติ วตฺตุํ ยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ, ‘‘สงฺโฆ อุโปสถํ กเรยฺยา’’ติอิมินา ปน น สเมติ. สมคฺคสฺส หิ สงฺฆสฺเสตํ อุโปสถกรณํ, ปาติโมกฺขุทฺเทสโก จ สงฺฆปริยาปนฺโนว, อิจฺจสฺส สงฺฆปริยาปนฺนตฺตา ‘‘สุโณม มนสิ กโรมา’’ติ อิทเมว วตฺตุํ ยุตฺตํ.
อิทานิ ยํ วุตฺตํ ‘‘ปาริสุทฺธึ อายสฺมนฺโต อาโรเจถา’’ติ, ตตฺถ ยถา ปาริสุทฺธิอาโรจนํ โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ยสฺส สิยา อาปตฺติ, โส อาวิกเรยฺยาติ อาห. ตตฺถ ยสฺส สิยาติ ยสฺส ฉนฺนํ อาการานํ อฺตเรน อาปนฺนาปตฺติ ภเวยฺย. อาปตฺติฺหิ ¶ อาปชฺชนฺโต อลชฺชิตา, อฺาณตา, กุกฺกุจฺจปฺปกตตา, อกปฺปิเย กปฺปิยสฺิตา, กปฺปิเย อกปฺปิยสฺิตา, สติสมฺโมสาติ อิเมหิ ฉหากาเรหิ (ปริ. ๒๙๕) อาปชฺชติ.
กถํ อลชฺชิตาย อาปชฺชติ? อกปฺปิยภาวํ ชานนฺโตเยว มทฺทิตฺวา วีติกฺกมํ กโรติ.
วุตฺตมฺปิ ¶ เจตํ –
‘‘สฺจิจฺจ อาปตฺตึ อาปชฺชติ, อาปตฺตึ ปริคูหติ;
อคติคมนฺจ คจฺฉติ, เอทิโส วุจฺจติ อลชฺชิปุคฺคโล’’ติ. (ปริ. ๓๕๙);
กถํ อฺาณตาย อาปชฺชติ? อฺาณปุคฺคโล หิ มนฺโท โมมูโห กตฺตพฺพากตฺตพฺพํ อชานนฺโต อกตฺตพฺพํ กโรติ, กตฺตพฺพํ วิราเธติ, เอวํ อฺาณตาย อาปชฺชติ.
กถํ กุกฺกุจฺจปฺปกตตาย อาปชฺชติ? กปฺปิยากปฺปิยํ ¶ นิสฺสาย กุกฺกุจฺเจ อุปฺปนฺเน วินยธรํ ปุจฺฉิตฺวา กปฺปิยํ เจ, กตฺตพฺพํ สิยา, อกปฺปิยํ เจ, น กตฺตพฺพํ, อยํ ปน ‘‘วฏฺฏตี’’ติ มทฺทิตฺวา วีติกฺกมติเยว, เอวํ กุกฺกุจฺจปฺปกตตาย อาปชฺชติ.
กถํ อกปฺปิเย กปฺปิยสฺิตาย อาปชฺชติ? อจฺฉมํสํ ‘‘สูกรมํส’’นฺติ ขาทติ, วิกาเล กาลสฺาย ภฺุชติ, เอวํ อกปฺปิเย กปฺปิยสฺิตาย อาปชฺชติ.
กถํ กปฺปิเย อกปฺปิยสฺิตาย อาปชฺชติ? สูกรมํสํ ‘‘อจฺฉมํส’’นฺติ ขาทติ, กาเล วิกาลสฺาย ภฺุชติ, เอวํ กปฺปิเย อกปฺปิยสฺิตาย อาปชฺชติ.
กถํ สติสมฺโมสา อาปชฺชติ? สหเสยฺยจีวรวิปฺปวาสาทีนิ สติสมฺโมสา อาปชฺชติ, อิติ อิเมสํ ฉนฺนํ อาการานํ อฺตเรน อากาเรน อาปนฺนา ยสฺส สิยา สตฺตนฺนํ อาปตฺติกฺขนฺธานํ อฺตรา อาปตฺติ เถรสฺส วา นวสฺส วา มชฺฌิมสฺส วาติ อตฺโถ.
โส อาวิกเรยฺยาติ โส ตํ อาปตฺตึ เทเสตุ วา ปกาเสตุ วาติ วุตฺตํ โหติ. อสนฺติยา อาปตฺติยาติ ยสฺส ปน เอวํ อนาปนฺนา วา อาปตฺตึ ¶ อาปชฺชิตฺวา จ ปน วุฏฺิตา วา เทสิตา วา อาโรจิตา วา อาปตฺติ, ตสฺส สา อาปตฺติ อสนฺตี นาม โหติ, เอวํ อสนฺติยา อาปตฺติยา ตุณฺหี ภวิตพฺพํ. ตุณฺหีภาเวน โข ปนายสฺมนฺเต ‘‘ปริสุทฺธา’’ติ เวทิสฺสามีติ ตุณฺหีภาเวนาปิ หิ การเณน อหํ อายสฺมนฺเต ‘‘ปริสุทฺธา’’อิจฺเจว ชานิสฺสามีติ. ยถา โข ปน ปจฺเจกปุฏฺสฺส เวยฺยากรณํ โหตีติ ยถา เอเกเนโก ปุฏฺโ พฺยากเรยฺย, ยถา เอเกเนโก ปจฺเจกปุฏฺโ ‘‘มํ เอส ปุจฺฉตี’’ติ ตฺวา พฺยากเรยฺยาติ วุตฺตํ โหติ.
เอวเมวํ ¶ เอวรูปาย ปริสาย ยาวตติยํ อนุสาวิตํ โหตีติ เอตฺถ เอกจฺเจ ตาว อาจริยา เอวํ วทนฺติ ‘‘เอวเมวํ อิมิสฺสาย ภิกฺขุปริสาย ยเทตํ ‘ยสฺส สิยา อาปตฺติ, โส อาวิกเรยฺย, อสนฺติยา อาปตฺติยา ตุณฺหี ภวิตพฺพํ, ตุณฺหีภาเวน โข ปนายสฺมนฺเต ปริสุทฺธาติ เวทิสฺสามี’ติ ติกฺขตฺตุํ อนุสาวิตํ, ตํ เอกเมเกน ‘มํ เอส ปุจฺฉตี’ติ เอวํ ชานิตพฺพํ โหตีติ อตฺโถ’’ติ. ตํ น ยุชฺชติ, กสฺมา? อตฺถพฺยฺชนเภทโต. อนุสฺสาวนฺหิ นาม อตฺถโต จ พฺยฺชนโต จ อภินฺนํ โหติ ‘‘ทุติยมฺปิ เอตมตฺถํ วทามี’’ติอาทีสุ (มหาว. ๗๒; จูฬว. ๓) วิย, ‘‘ยสฺส สิยา’’ติอาทิวจนตฺตยํ ปน อตฺถโตปิ พฺยฺชนโตปิ ภินฺนํ, เตนสฺส อนุสฺสาวนตฺตยํ น ยุชฺชติ. ยทิ เจตํ ยาวตติยานุสฺสาวนํ สิยา, นิทานุทฺเทเส อนิฏฺิเตปิ อาปตฺติ สิยา. น จ ยุตฺตํ อนาปตฺติกฺเขตฺเต อาปตฺตึ อาปชฺชิตุํ.
อปเร ‘‘อนุสาวิต’’นฺติปทสฺส อนุสาเวตพฺพนฺติ อตฺถํ วิกปฺเปตฺวา ‘‘ยาวตติย’’นฺติอิทํ อุปริ อุทฺเทสาวสาเน ‘‘กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา…เป… ตติยมฺปิ ปุจฺฉามี’’ติ เอตํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ อาหุ. ตมฺปิ น ยุชฺชติ, กสฺมา? อตฺถยุตฺตีนํ อภาวโต. อิทฺหิ ปทํ เกจิ ‘‘อนุสาเวต’’นฺติ สชฺฌายนฺติ, เกจิ ‘‘อนุสาเวต’’นฺติ, ตํ อุภยํ วาปิ อตีตกาลเมว ทีเปติ, น อนาคตํ. ยทิ จสฺส อยํ อตฺโถ สิยา, ‘‘อนุสาวิตํ เหสฺสตี’’ติ วเทยฺย ¶ , เอวํ ตาว อตฺถาภาวโต น ยุชฺชติ. ยทิ เจตํ อุทฺเทสาวสาเน วจนํ สนฺธาย วุตฺตํ สิยา, ‘‘น อาวิกริสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทนฺตสฺส นิทาเน สมตฺเตปิ วุตฺตมุสาวาโท น สิยา, กสฺมา? ‘‘ยาวตติยํ อนุสฺสาวิยมาเน’’ติวจนโต (มหาว. ๑๓๔) ‘‘ยาวตติย’’นฺติ อิทํ วจนเมว ¶ นิรตฺถกํ สิยา, กสฺมา? นิทานุทฺเทเส ยาวตติยานุสฺสาวนสฺส อภาวโตติ เอวํ ยุตฺติอภาวโต ตมฺปิ น ยุชฺชติ. ‘‘ยาวตติยํ อนุสาวิตํ โหตี’’ติ อิทํ ปน ลกฺขณวจนมตฺตํ, เตน อิมมตฺถํ ทสฺเสติ – อิทํ ปาติโมกฺขํ นาม ยาวตติยํ อนุสฺสาวิยติ, ตสฺมึ ยาวตติยํ อนุสฺสาวิยมาเน โย สรมาโน สนฺตึ อาปตฺตึ นาวิกโรติ, ตสฺส ยาวตติยานุสฺสาวนาวสาเน สมฺปชานมุสาวาโท โหตีติ.
ตเทตํ ยถา อนุสาวิตํ ยาวตติยํ อนุสาวิตํ นาม โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ตตฺถายสฺมนฺเต ปุจฺฉามีติอาทิ วุตฺตํ. ตํ ปเนตํ ปาราชิกาทีนํ อวสาเน ทิสฺสติ, น นิทานาวสาเน. กิฺจาปิ น ทิสฺสติ, อถ โข อุทฺเทสกาเล ‘‘อาวิกตา หิสฺส ผาสุ โหตี’’ติ วตฺวา ‘‘อุทฺทิฏฺํ โข อายสฺมนฺโต นิทานํ, ตตฺถายสฺมนฺเต ปุจฺฉามี’’ติอาทินา นเยน วตฺตพฺพเมว. เอวฺหิ นิทานํ สุอุทฺทิฏฺํ โหติ, อฺถา ทุอุทฺทิฏฺํ. อิมเมว จ อตฺถํ สนฺธาย อุโปสถกฺขนฺธเก วุตฺตํ ‘‘ยาวตติยํ อนุสาวิตํ ¶ โหตีติ สกิมฺปิ อนุสาวิตํ โหติ, ทุติยมฺปิ อนุสาวิตํ โหติ, ตติยมฺปิ อนุสาวิตํ โหตี’’ติ (มหาว. ๑๓๔). อยเมตฺถ อาจริยปรมฺปราภโต วินิจฺฉโย.
โย ปน ภิกฺขุ…เป… สมฺปชานมุสาวาทสฺส โหตีติ สมฺปชานมุสาวาโท อสฺส โหติ, เตนสฺส ทุกฺกฏาปตฺติ โหติ, สา จ โข ปน น มุสาวาทลกฺขเณน, ‘‘สมฺปชานมุสาวาเท กึ โหติ, ทุกฺกฏํ โหตี’’ติ (มหาว. ๑๓๕) อิมินา ปน ภควโต วจเนน วจีทฺวาเร อกิริยสมุฏฺานาปตฺติ โหตีติ เวทิตพฺพา.
วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘อนาลปนฺโต มนุเชน เกนจิ,
วาจาคิรํ โน จ ปเร ภเณยฺย;
อาปชฺเชยฺย วาจสิกํ, น กายิกํ,
ปฺหาเมสา กุสเลหิ จินฺติตา’’ติ. (ปริ. ๔๗๙);
อนฺตรายิโกติ ¶ วิปฺปฏิสารวตฺถุตาย ปาโมชฺชาทิสมฺภวํ นิวาเรตฺวา ปมชฺฌานาทีนํ อธิคมาย อนฺตรายํ กโรติ. ตสฺมาติ ยสฺมา อยํ อนาวิกรณสงฺขาโต สมฺปชานมุสาวาโท อนฺตรายิโก โหติ, ตสฺมา. สรมาเนนาติ อตฺตนิ สนฺตึ อาปตฺตึ ชานนฺเตน. วิสุทฺธาเปกฺเขนาติ วุฏฺาตุกาเมน วิสุชฺฌิตุกาเมน. สนฺตี อาปตฺตีติ อาปชฺชิตฺวา อวุฏฺิตา อาปตฺติ. อาวิกาตพฺพาติ สงฺฆมชฺเฌ วา คณมชฺเฌ วา เอกปุคฺคเล วา ปกาเสตพฺพา, อนฺตมโส อนนฺตรสฺสาปิ ภิกฺขุโน ‘‘อหํ, อาวุโส, อิตฺถนฺนามํ อาปตฺตึ อาปนฺโน, อิโต วุฏฺหิตฺวา ¶ ตํ อาปตฺตึ ปฏิกริสฺสามี’’ติ (มหาว. ๑๗๐) วตฺตพฺพํ. สเจปิ เวมติโก โหติ, ‘‘อหํ, อาวุโส, อิตฺถนฺนามาย อาปตฺติยา เวมติโก, ยทา นิพฺเพมติโก ภวิสฺสามิ, ตทา ตํ อาปตฺตึ ปฏิกริสฺสามี’’ติ (มหาว. ๑๖๙) วตฺตพฺพํ. อาวิกตา หิสฺส ผาสุ โหตีติเอตฺถ อาวิกตาติ อาวิกตาย, ปกาสิตายาติ อตฺโถ. อลชฺชิตาติอาทีสุ (ปริ. ๒๙๕) วิย หิ อิทมฺปิ กรณตฺเถ ปจฺจตฺตวจนํ. หีติ นิปาตมตฺตํ. อสฺสาติ เอตสฺส ภิกฺขุโน. ผาสุ โหตีติ ปมชฺฌานาทีนํ อธิคมาย ผาสุ โหติ, อวิปฺปฏิสารมูลกานํ ปาโมชฺชาทีนํ วเสน สุขปฺปฏิปทา สมฺปชฺชตีติ อตฺโถ.
อิติ กงฺขาวิตรณิยา ปาติโมกฺขวณฺณนาย
นิทานวณฺณนา นิฏฺิตา.