📜

๑. ทิวาเสยฺยวินิจฺฉยกถา

. ตตฺถ ทิวาเสยฺยาติ ทิวานิปชฺชนํ. ตตฺรายํ วินิจฺฉโย – ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ทิวา ปฏิสลฺลียนฺเตน ทฺวารํ สํวริตฺวา ปฏิสลฺลียิตุ’’นฺติ (ปารา. ๗๗) วจนโต ทิวา นิปชฺชนฺเตน ทฺวารํ สํวริตฺวา นิปชฺชิตพฺพํ. เอตฺถ จ กิฺจาปิ ปาฬิยํ ‘‘อยํ นาม อาปตฺตี’’ติ น วุตฺตา, วิวริตฺวา นิปนฺนโทเสน ปน อุปฺปนฺเน วตฺถุสฺมึ ทฺวารํ สํวริตฺวา นิปชฺชิตุํ อนุฺาตตฺตา อสํวริตฺวา นิปชฺชนฺตสฺส อฏฺกถายํ ทุกฺกฏํ (ปารา. อฏฺ. ๑.๗๗) วุตฺตํ. ภควโต หิ อธิปฺปายํ ตฺวา อุปาลิตฺเถราทีหิ อฏฺกถา ปิตา. ‘‘อตฺถาปตฺติ ทิวา อาปชฺชติ, โน รตฺติ’’นฺติ (ปริ. ๓๒๓) อิมินาปิ เจตํ สิทฺธํ.

. กีทิสํ ปน ทฺวารํ สํวริตพฺพํ, กีทิสํ น สํวริตพฺพํ? รุกฺขปทรเวฬุปทรกิลฺชปณฺณาทีนํ เยน เกนจิ กวาฏํ กตฺวา เหฏฺา อุทุกฺขเล อุปริ อุตฺตรปาสเก จ ปเวเสตฺวา กตํ ปริวตฺตกทฺวารเมว สํวริตพฺพํ. อฺํ โครูปานํ วเชสุ วิย รุกฺขสูจิกณฺฏกทฺวารํ, คามถกนกํ จกฺกลกยุตฺตทฺวารํ, ผลเกสุ วา กิฏิกาสุ วา ทฺเว ตีณิ จกฺกลกานิ โยเชตฺวา กตํ สํสรณกิฏิกทฺวารํ, อาปเณสุ วิย กตํ อุคฺฆาฏนกิฏิกทฺวารํ, ทฺวีสุ ตีสุ าเนสุ เวฬุสลากา โคปฺเผตฺวา ปณฺณกุฏีสุ กตํ สลากหตฺถกทฺวารํ, ทุสฺสสาณิทฺวารนฺติ เอวรูปํ ทฺวารํ น สํวริตพฺพํ. ปตฺตหตฺถสฺส กวาฏปฺปณามเน ปน เอกํ ทุสฺสสาณิทฺวารเมว อนาปตฺติกรํ, อวเสสานิ ปณาเมนฺตสฺส อาปตฺติ. ทิวา ปฏิสลฺลียนฺตสฺส ปน ปริวตฺตกทฺวารเมว อาปตฺติกรํ, เสสานิ สํวริตฺวา วา อสํวริตฺวา วา นิปชฺชนฺตสฺส อาปตฺติ นตฺถิ, สํวริตฺวา ปน นิปชฺชิตพฺพํ, เอตํ วตฺตํ.

. ปริวตฺตกทฺวารํ กิตฺตเกน สํวุตํ โหติ? สูจิฆฏิกาสุ ทินฺนาสุ สํวุตเมว โหติ. อปิจ โข สูจิมตฺเตปิ ทินฺเน วฏฺฏติ, ฆฏิกามตฺเตปิ ทินฺเน วฏฺฏติ, ทฺวารพาหํ ผุสิตฺวา ปิตมตฺเตปิ วฏฺฏติ, อีสกํ อผุสิเตปิ วฏฺฏติ, สพฺพนฺติเมน วิธินา ยาวตา สีสํ นปฺปวิสติ, ตาวตา อผุสิเตปิ วฏฺฏติ. สเจ พหูนํ วฬฺชนฏฺานํ โหติ, ภิกฺขุํ วา สามเณรํ วา ‘‘ทฺวารํ, อาวุโส, ชคฺคาหี’’ติ วตฺวาปิ นิปชฺชิตุํ วฏฺฏติ. อถ ภิกฺขู จีวรกมฺมํ วา อฺํ วา กิฺจิ กโรนฺตา นิสินฺนา โหนฺติ, ‘‘เอเต ทฺวารํ ชคฺคิสฺสนฺตี’’ติ อาโภคํ กตฺวาปิ นิปชฺชิตุํ วฏฺฏติ. กุรุนฺทฏฺกถายํ ปน ‘‘อุปาสกมฺปิ อาปุจฺฉิตฺวา วา ‘เอส ชคฺคิสฺสตี’ติ อาโภคํ กตฺวา วา นิปชฺชิตุํ วฏฺฏติ, เกวลํ ภิกฺขุนึ วา มาตุคามํ วา อาปุจฺฉิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ ยุตฺตํ. เอวํ สพฺพตฺถปิ โย โย เถรวาโท วา อฏฺกถาวาโท วา ปจฺฉา วุจฺจติ, โส โสว ปมาณนฺติ คเหตพฺพํ.

. อถ ทฺวารสฺส อุทุกฺขลํ วา อุตฺตรปาสโก วา ภินฺโน โหติ อฏฺปิโต วา, สํวริตุํ น สกฺโกติ, นวกมฺมตฺถํ วา ปน อิฏฺกปุฺโช วา มตฺติกาทีนํ วา ราสิ อนฺโตทฺวาเร กโต โหติ, อฏฺฏํ วา พนฺธนฺติ, ยถา สํวริตุํ น สกฺโกติ. เอวรูเป อนฺตราเย สติ อสํวริตฺวาปิ นิปชฺชิตุํ วฏฺฏติ. ยทิ ปน กวาฏํ นตฺถิ, ลทฺธกปฺปเมว. อุปริ สยนฺเตน นิสฺเสณึ อาโรเปตฺวา นิปชฺชิตพฺพํ. สเจ นิสฺเสณิมตฺถเก ถกนกํ โหติ, ถเกตฺวาปิ นิปชฺชิตพฺพํ. คพฺเภ นิปชฺชนฺเตน คพฺภทฺวารํ วา ปมุขทฺวารํ วา ยํ กิฺจิ สํวริตฺวา นิปชฺชิตุํ วฏฺฏติ. สเจ เอกกุฏฺฏเก เคเห ทฺวีสุ ปสฺเสสุ ทฺวารานิ กตฺวา วฬฺชนฺติ, ทฺเวปิ ทฺวารานิ ชคฺคิตพฺพานิ, ติภูมเกปิ ปาสาเท ทฺวารํ ชคฺคิตพฺพเมว. สเจ ภิกฺขาจารา ปฏิกฺกมฺม โลหปาสาทสทิสํ ปาสาทํ พหู ภิกฺขู ทิวาวิหารตฺถํ ปวิสนฺติ, สงฺฆตฺเถเรน ทฺวารปาลสฺส ‘‘ทฺวารํ ชคฺคาหี’’ติ วตฺวา วา ‘‘ทฺวารชคฺคนํ นาม เอตสฺส ภาโร’’ติ อาโภคํ กตฺวา วา ปวิสิตฺวา นิปชฺชิตพฺพํ. ยาว สงฺฆนวเกน เอวเมว กาตพฺพํ. ปุเร ปวิสนฺตานํ ‘‘ทฺวารชคฺคนํ นาม ปจฺฉิมานํ ภาโร’’ติ เอวํ อาโภคํ กาตุมฺปิ วฏฺฏติ. อนาปุจฺฉา วา อาโภคํ อกตฺวา วา อนฺโตคพฺเภ วา อสํวุตทฺวาเร พหิ วา นิปชฺชนฺตานํ อาปตฺติ. คพฺเภ วา พหิ วา นิปชฺชนกาเลปิ ‘‘ทฺวารชคฺคนํ นาม มหาทฺวาเร ทฺวารปาลสฺส ภาโร’’ติ อาโภคํ กตฺวา นิปชฺชิตุํ วฏฺฏติเยว. เอวํ โลหปาสาทาทีสุ อากาสตเล นิปชฺชนฺเตนปิ ทฺวารํ สํวริตพฺพเมว.

อยฺเหตฺถ สงฺเขโป – อิทํ ทิวาปฏิสลฺลียนํ เยน เกนจิ ปริกฺขิตฺเต สทฺวารพนฺเธ าเน กถิตํ, ตสฺมา อพฺโภกาเส วา รุกฺขมูเล วา มณฺฑเป วา ยตฺถ กตฺถจิ สทฺวารพนฺเธ นิปชฺชนฺเตน ทฺวารํ สํวริตฺวาว นิปชฺชิตพฺพํ. สเจ มหาปริเวณํ โหติ มหาโพธิยงฺคณโลหปาสาทงฺคณสทิสํ พหูนํ โอสรณฏฺานํ, ยตฺถ ทฺวารํ สํวุตมฺปิ สํวุตฏฺาเน น ติฏฺติ, ทฺวารํ อลภนฺตา ปาการํ อารุหิตฺวาปิ วิจรนฺติ, ตตฺถ สํวรณกิจฺจํ นตฺถิ. รตฺตึ ทฺวารํ วิวริตฺวา นิปนฺโน อรุเณ อุคฺคเต วุฏฺาติ, อนาปตฺติ. สเจ ปน ปพุชฺฌิตฺวา ปุน สุปติ, อาปตฺติ. โย ปน ‘‘อรุเณ อุคฺคเต วุฏฺหิสฺสามี’’ติ ปริจฺฉินฺทิตฺวาว ทฺวารํ อสํวริตฺวา รตฺตึ นิปชฺชติ, ยถาปริจฺเฉทเมว วุฏฺาติ, ตสฺส อาปตฺติเยว. มหาปจฺจริยํ ปน ‘‘เอวํ นิปชฺชนฺโต อนาทริยทุกฺกฏาปิ น มุจฺจตี’’ติ วุตฺตํ.

. โย ปน พหุเทว รตฺตึ ชคฺคิตฺวา อทฺธานํ วา คนฺตฺวา ทิวา กิลนฺตรูโป มฺเจ นิสินฺโน ปาเท ภูมิโต อโมเจตฺวาว นิทฺทาวเสน นิปชฺชติ, ตสฺส อนาปตฺติ. สเจ โอกฺกนฺตนิทฺโท อชานนฺโตปิ ปาเท มฺจกํ อาโรเปติ, อาปตฺติเยว. นิสีทิตฺวา อปสฺสาย สุปนฺตสฺส อนาปตฺติ. โยปิ จ ‘‘นิทฺทํ วิโนเทสฺสามี’’ติ จงฺกมนฺโต ปติตฺวา สหสา วุฏฺาติ, ตสฺสปิ อนาปตฺติ. โย ปน ปติตฺวา ตตฺเถว สยติ, น วุฏฺาติ, ตสฺส อาปตฺติ.

โก มุจฺจติ, โก น มุจฺจตีติ? มหาปจฺจริยํ ตาว ‘‘เอกภงฺเคน นิปนฺนโก เอว มุจฺจติ. ปาเท ปน ภูมิโต โมเจตฺวา นิปนฺโนปิ ยกฺขคหิตโกปิ วิสฺีภูโตปิ น มุจฺจตี’’ติ วุตฺตํ. กุรุนฺทฏฺกถายํ ปน ‘‘พนฺธิตฺวา นิปชฺชาปิโตว มุจฺจตี’’ติ วุตฺตํ. มหาอฏฺกถายํ ปน ‘‘โย จงฺกมนฺโต มุจฺฉิตฺวา ปติโต ตตฺเถว สุปติ, ตสฺสปิ อวิสยตาย อาปตฺติ น ทิสฺสติ. อาจริยา ปน เอวํ น กถยนฺติ, ตสฺมา อาปตฺติเยวาติ มหาปทุมตฺเถเรน วุตฺตํ. ทฺเว ปน ชนา อาปตฺติโต มุจฺจนฺติเยว, โย จ ยกฺขคหิตโก, โย จ พนฺธิตฺวา นิปชฺชาปิโต’’ติ.

อิติ ปาฬิมุตฺตกวินยวินิจฺฉยสงฺคเห

ทิวาเสยฺยวินิจฺฉยกถา สมตฺตา.