📜
๑๒. รูปิยาทิปฏิคฺคหณวินิจฺฉยกถา
๕๙. รูปิยาทิปฏิคฺคโหติ ¶ ชาตรูปาทิปฏิคฺคณฺหนํ. ตตฺถ (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๘๓-๔) ชาตรูปํ รชตํ ชาตรูปมาสโก รชตมาสโกติ จตุพฺพิธํ นิสฺสคฺคิยวตฺถุ. ตมฺพโลหาทีหิ กโต โลหมาสโก. สารทารุนา วา เวฬุเปสิกาย วา อนฺตมโส ตาลปณฺเณนปิ รูปํ ฉินฺทิตฺวา กโต ทารุมาสโก. ลาขาย วา นิยฺยาเสน วา รูปํ สมุฏฺาเปตฺวา กโต ชตุมาสโก. โย โย ยตฺถ ยตฺถ ชนปเท ยทา ยทา โวหารํ คจฺฉติ, อนฺตมโส อฏฺิมโยปิ จมฺมมโยปิ รุกฺขผลพีชมโยปิ สมุฏฺาปิตรูโปปิ อสมุฏฺาปิตรูโปปีติ อยํ สพฺโพปิ รชตมาสเกเนว สงฺคหิโต. มุตฺตา มณิ เวฬุริโย สงฺโข สิลา ปวาฬํ โลหิตงฺโก มสารคลฺลํ สตฺต ธฺานิ ทาสิทาสเขตฺตวตฺถุปุปฺผารามผลารามาทโยติ อิทํ ทุกฺกฏวตฺถุ. ตตฺถ นิสฺสคฺคิยวตฺถุํ อตฺตโน วา สงฺฆคณปุคฺคลเจติยานํ วา อตฺถาย สมฺปฏิจฺฉิตุํ น วฏฺฏติ. อตฺตโน อตฺถาย สมฺปฏิจฺฉโต นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ โหติ, เสสานํ อตฺถาย ทุกฺกฏํ. ทุกฺกฏวตฺถุํ สพฺเพสมฺปิ อตฺถาย สมฺปฏิจฺฉโต ทุกฺกฏเมว.
ตตฺรายํ วินิจฺฉโย (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๓๘-๙) – สเจ โกจิ ชาตรูปรชตํ อาหริตฺวา ‘‘อิทํ สงฺฆสฺส ทมฺมิ, อารามํ วา กโรถ เจติยํ วา โภชนสาลาทีนํ วา อฺตร’’นฺติ วทติ, อิทํ สมฺปฏิจฺฉิตุํ น วฏฺฏติ. สเจ ปน ‘‘นยิทํ ภิกฺขูนํ สมฺปฏิจฺฉิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ปฏิกฺขิตฺเต ‘‘วฑฺฒกีนํ วา กมฺมการานํ วา หตฺเถ ภวิสฺสติ ¶ , เกวลํ ตุมฺเห สุกตทุกฺกฏํ ชานาถา’’ติ วตฺวา เตสํ หตฺเถ ทตฺวา ปกฺกมติ, วฏฺฏติ. อถาปิ ‘‘มม มนุสฺสานํ หตฺเถ ภวิสฺสติ, มยฺหเมว วา หตฺเถ ภวิสฺสติ, เกวลํ ตุมฺเห ยํ ยสฺส ทาตพฺพํ, ตทตฺถาย เปเสถา’’ติ วทติ, เอวมฺปิ วฏฺฏติ. สเจ ปน สํฆํ วา คณํ วา ปุคฺคลํ วา อนามสิตฺวา ‘‘อิทํ หิรฺสุวณฺณํ เจติยสฺส เทม, วิหารสฺส เทม, นวกมฺมสฺส เทมา’’ติ วทนฺติ, ปฏิกฺขิปิตุํ น วฏฺฏติ, ‘‘อิเม อิทํ ภณนฺตี’’ติ กปฺปิยการกานํ อาจิกฺขิตพฺพํ. ‘‘เจติยาทีนํ อตฺถาย ตุมฺเห คเหตฺวา เปตฺวา’’ติ วุตฺเต ปน ‘‘อมฺหากํ คเหตุํ น วฏฺฏตี’’ติ ปฏิกฺขิปิตพฺพํ.
สเจ ปน โกจิ พหุํ หิรฺสุวณฺณํ อาเนตฺวา ‘‘อิทํ สํฆสฺส ทมฺมิ, จตฺตาโร ปจฺจเย ปริภฺุชถา’’ติ วทติ, ตฺเจ สํโฆ สมฺปฏิจฺฉติ, ปฏิคฺคหเณปิ ปริโภเคปิ อาปตฺติ. ตตฺร เจโก ¶ ภิกฺขุ ‘‘นยิทํ กปฺปตี’’ติ ปฏิกฺขิปติ, อุปาสโก จ ‘‘ยทิน กปฺปติ, มยฺหเมว ภวิสฺสตี’’ติ ตํ อาทาย คจฺฉติ. โส ภิกฺขุ ‘‘ตยา สํฆสฺส ลาภนฺตราโย กโต’’ติ น เกนจิ กิฺจิ วตฺตพฺโพ. โย หิ ตํ โจเทติ, สฺเวว สาปตฺติโก โหติ. เตน ปเนเกน พหู อนาปตฺติกา กตา. สเจ ปน ภิกฺขูหิ ‘‘น วฏฺฏตี’’ติ ปฏิกฺขิตฺเต ‘‘กปฺปิยการกานํ วา หตฺเถ ภวิสฺสติ, มม ปุริสานํ วา มยฺหํ วา หตฺเถ ภวิสฺสติ, เกวลํ ตุมฺเห ปจฺจเย ปริภฺุชถา’’ติ วทติ, วฏฺฏติ.
จตุปจฺจยตฺถาย จ ทินฺนํ เยน เยน ปจฺจเยน อตฺโถ โหติ, ตํ ตทตฺถํ อุปเนตพฺพํ. จิวรตฺถาย ทินฺนํ จีวเรเยว อุปเนตพฺพํ. สเจ จีวเรน ตาทิโส อตฺโถ นตฺถิ, ปิณฺฑปาตาทีหิ สํโฆ กิลมติ, สํฆสุฏฺุตาย อปโลเกตฺวา ตทตฺถายปิ อุปเนตพฺพํ. เอส นโย ปิณฺฑปาตคิลานปจฺจยตฺถาย ทินฺเนปิ. เสนาสนตฺถาย ทินฺนํ ปน เสนาสนสฺส ครุภณฺฑตฺตา เสนาสเนเยว อุปเนตพฺพํ. สเจ ปน ภิกฺขูสุ เสนาสนํ ฉฑฺเฑตฺวา คเตสุ เสนาสนํ วินสฺสติ, อีทิเส กาเล เสนาสนํ วิสฺสชฺเชตฺวาปิ ภิกฺขูนํ ปริโภโค อนฺุาโต, ตสฺมา เสนาสนชคฺคนตฺถํ มูลจฺเฉชฺชํ อกตฺวา ยาปนมตฺตํ ปริภฺุชิตพฺพํ.
๖๐. สเจ โกจิ ‘‘มยฺหํ ติสสฺสสมฺปาทนกํ มหาตฬากํ อตฺถิ, ตํ สํฆสฺส ทมฺมี’’ติ วทติ, ตฺเจ สํโฆ สมฺปฏิจฺฉติ, ปฏิคฺคหเณปิ ปริโภเคปิ อาปตฺติเยว. โย ปน ตํ ปฏิกฺขิปติ, โส ปุริมนเยเนว น เกนจิ กิฺจิ วตฺตพฺโพ. โย หิ ตํ โจเทติ, สฺเวว สาปตฺติโก โหติ ¶ . เตน ปเนเกน พหู อนาปตฺติกา กตา. โย ปน ‘‘ตาทิสํเยว ตฬากํ ทมฺมี’’ติ วตฺวา ภิกฺขูหิ ‘‘น วฏฺฏตี’’ติ ปฏิกฺขิตฺโต วทติ ‘‘อสุกฺจ อสุกฺจ สงฺฆสฺส ตฬากํ อตฺถิ, ตํ กถํ วฏฺฏตี’’ติ. โส วตฺตพฺโพ ‘‘กปฺปิยํ กตฺวา ทินฺนํ ภวิสฺสตี’’ติ. กถํ ทินฺนํ กปฺปิยํ โหตีติ. ‘‘จตฺตาโร ปจฺจเย ปริภฺุชถา’’ติ วตฺวา ทินฺนนฺติ. โส สเจ ‘‘สาธุ, ภนฺเต จตฺตาโร ปจฺจเย ปริภฺุชถา’’ติ เทติ, วฏฺฏติ. อถาปิ ‘‘ตฬากํ คณฺหถา’’ติ วตฺวา ‘‘น วฏฺฏตี’’ติ ปฏิกฺขิตฺโต ‘‘กปฺปิยการโก อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘นตฺถี’’ติ วุตฺเต ‘‘อิทํ อสุโก นาม วิจาเรสฺสติ, อสุกสฺส วา หตฺเถ มยฺหํ วา หตฺเถ ภวิสฺสติ, สงฺโฆ กปฺปิยภณฺฑํ ปริภฺุชตู’’ติ วทติ, วฏฺฏติ. สเจปิ ‘‘น วฏฺฏตี’’ติ ปฏิกฺขิตฺโต ‘‘อุทกํ ปริภฺุชิสฺสติ, ภณฺฑกํ โธวิสฺสติ, มิคปกฺขิโน ปิวิสฺสนฺตี’’ติ วทติ, เอวมฺปิ วฏฺฏติ. อถาปิ ‘‘น วฏฺฏตี’’ติ ปฏิกฺขิตฺโต วทติ ‘‘กปฺปิยสีเสน คณฺหถา’’ติ. ‘‘สาธุ อุปาสก, สงฺโฆ ปานียํ ปิวิสฺสติ, ภณฺฑกํ โธวิสฺสติ, มิคปกฺขิโน ปิวิสฺสนฺตี’’ติ วตฺวา ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏติ. อถาปิ ‘‘มม ตฬากํ วา โปกฺขรณึ วา สงฺฆสฺส ¶ ทมฺมี’’ติ วุตฺเต ‘‘สาธุ อุปาสก, สงฺโฆ ปานียํ ปิวิสฺสตี’’ติอาทีนิ วตฺวา ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏติเยว.
ยทิ ปน ภิกฺขูหิ หตฺถกมฺมํ ยาจิตฺวา สหตฺเถน จ กปฺปิยปถวึ ขณิตฺวา อุทกปริโภคตฺถาย ตฬากํ การิตํ โหติ, ตฺเจ นิสฺสาย สสฺสํ นิปฺผาเทตฺวา มนุสฺสา วิหาเร กปฺปิยภณฺฑํ เทนฺติ, วฏฺฏติ. อถ มนุสฺสา เอว สงฺฆสฺส อุปการตฺถาย สงฺฆิกภูมึ ขณิตฺวา ตํ นิสฺสาย นิปฺผนฺนสสฺสโต กปฺปิยภณฺฑํ เทนฺติ, เอตมฺปิ วฏฺฏติ. ‘‘อมฺหากํ เอกํ กปฺปิยการกํ เปถา’’ติ วุตฺเต จ เปตุมฺปิ ลพฺภติ. อถ เต มนุสฺสา ราชพลินา อุปทฺทุตา ปกฺกมนฺติ, อฺเ ปฏิปชฺชนฺติ, น จ ภิกฺขูนํ กิฺจิ เทนฺติ, อุทกํ วาเรตุํ ลพฺภติ, ตฺจ โข กสิกมฺมกาเลเยว, น สสฺสกาเล. สเจ เต วทนฺติ ‘‘นนุ, ภนฺเต, ปุพฺเพปิ มนุสฺสา อิมํ นิสฺสาย สสฺสํ อกํสู’’ติ, ตโต วตฺตพฺพา ‘‘เต สงฺฆสฺส อิมฺจ อิมฺจ อุปการํ อกํสุ, อิทฺจิทฺจ กปฺปิยภณฺฑกํ อทํสู’’ติ. สเจ เต วทนฺติ ‘‘มยมฺปิ ทสฺสามา’’ติ, เอวมฺปิ วฏฺฏติ.
สเจ ปน โกจิ อพฺยตฺโต อกปฺปิยโวหาเรน ตฬากํ ปฏิคฺคณฺหาติ วา กาเรติ วา, ตํ ภิกฺขูหิ น ปริภฺุชิตพฺพํ, ตํ นิสฺสาย ลทฺธกปฺปิยภณฺฑมฺปิ อกปฺปิยเมว ¶ . สเจ ภิกฺขูหิ ปริจฺจตฺตภาวํ ตฺวา สามิโก วา ตสฺส ปุตฺตธีตโร วา อฺโ วา โกจิ วํเส อุปฺปนฺโน ปุน กปฺปิยโวหาเรน เทติ, วฏฺฏติ. ปจฺฉินฺเน กุลวํเส โย ตสฺส ชนปทสฺส สามิโก, โส อจฺฉินฺทิตฺวา กปฺปิยโวหาเรน ปุน เทติ จิตฺตลปพฺพเต ภิกฺขุนา นีหฏอุทกวาหกํ อฬนาคราชมเหสี วิย, เอวมฺปิ วฏฺฏติ. กปฺปิยโวหาเรปิ อุทกวเสน ปฏิคฺคหิตตฬาเก สุทฺธจิตฺตานํ มตฺติกุทฺธรณปาฬิพนฺธนาทีนิ จ กาตุํ วฏฺฏติ. ตํ นิสฺสาย ปน สสฺสํ กโรนฺเต ทิสฺวา กปฺปิยการกํ เปตุํ น วฏฺฏติ. ยทิ เต สยเมว กปฺปิยภณฺฑํ เทนฺติ, คเหตพฺพํ. โน เจ เทนฺติ, น โจเทตพฺพํ. ปจฺจยวเสน ปฏิคฺคหิตตฬาเก กปฺปิยการกํ เปตุํ วฏฺฏติ, มตฺติกุทฺธรณปาฬิพนฺธนาทีนิ กาเรตุํ น วฏฺฏติ. สเจ กปฺปิยการกา สยเมว กโรนฺติ, วฏฺฏติ. อพฺยตฺเตน ปน ลชฺชิภิกฺขุนา การาปิเตสุ กิฺจาปิ ปฏิคฺคหณํ กปฺปิยํ, ภิกฺขุสฺส ปน ปโยคปจฺจยา อุปฺปนฺเนน มิสฺสตฺตา วิสคตปิณฺฑปาโต วิย อกปฺปิยมํสรสมิสฺสโภชนํ วิย จ ทุพฺพินิโภคํ โหติ, สพฺเพสํ อกปฺปิยเมว.
๖๑. สเจ ปน อุทกสฺส โอกาโส อตฺถิ, ตฬากสฺส ปาฬิ ถิรา, ‘‘ยถา พหุํ อุทกํ คณฺหาติ, เอวํ กโรหิ, ตีรสมีเป อุทกํ กโรหี’’ติ เอวํ อุทกเมว วิจาเรติ, วฏฺฏติ. อุทฺธเน ¶ อคฺคึ น ปาเตนฺติ, ‘‘อุทกกมฺมํ ลพฺภตุ อุปาสกา’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏติ, ‘‘สสฺสํ กตฺวา อาหรถา’’ติ วตฺตุํ ปน น วฏฺฏติ. สเจ ปน ตฬาเก อติพหุํ อุทกํ ทิสฺวา ปสฺสโต วา ปิฏฺิโต วา มาติกํ นีหราเปติ, วนํ ฉินฺทาเปตฺวา เกทาเร การาเปติ, โปราณเกทาเรสุ วา ปกติภาคํ อคฺคเหตฺวา อติเรกํ คณฺหาติ, นวสสฺเส วา อปริจฺฉินฺนภาเค ‘‘เอตฺตเก กหาปเณ เทถา’’ติ กหาปเณ อุฏฺาเปติ, สพฺเพสํ อกปฺปิยํ.
โย ปน ‘‘กสถ วปถา’’ติ อวตฺวา ‘‘เอตฺตกาย ภูมิยา เอตฺตโก นาม ภาโค’’ติ เอวํ ภูมึ วา ปติฏฺาเปติ, ‘‘เอตฺตเก ภูมิภาเค อมฺเหหิ สสฺสํ กตํ, เอตฺตกํ นาม ภาคํ คณฺหถา’’ติ วทนฺเตสุ กสฺสเกสุ ภูมิปฺปมาณคหณตฺถํ รชฺชุยา วา ทณฺเฑน วา มินาติ, ขเล วา ตฺวา รกฺขติ, ขลโต วา นีหราเปติ, โกฏฺาคาเร วา ปฏิสาเมติ, ตสฺเสว ตํ อกปฺปิยํ. สเจ กสฺสกา กหาปเณ อาหริตฺวา ‘‘อิเม สงฺฆสฺส อาหฏา’’ติ วทนฺติ, อฺตโร จ ภิกฺขุ ‘‘น สงฺโฆ กหาปเณ ขาทตี’’ติ สฺาย ‘‘เอตฺตเกหิ กหาปเณหิ สาฏเก อาหรถ ¶ , เอตฺตเกหิ ยาคุอาทีนิ สมฺปาเทถา’’ติ วทติ, ยํ เต อาหรนฺติ, ตํ สพฺเพสํ อกปฺปิยํ. กสฺมา? กหาปณานํ วิจาริตตฺตา. สเจ ธฺํ อาหริตฺวา ‘‘อิทํ สงฺฆสฺส อาหฏ’’นฺติ วทนฺติ, อฺตโร จ ภิกฺขุ ปุริมนเยเนว ‘‘เอตฺตเกหิ วีหีหิ อิทฺจิทฺจ อาหรถา’’ติ วทติ, ยํ เต อาหรนฺติ, ตํ ตสฺเสว อกปฺปิยํ. กสฺมา? ธฺสฺส วิจาริตตฺตา. สเจ ตณฺฑุลํ วา อปรณฺณํ วา อาหริตฺวา ‘‘อิทํ สงฺฆสฺส อาหฏ’’นฺติ วทนฺติ, อฺตโร จ ภิกฺขุ ปุริมนเยเนว ‘‘เอตฺตเกหิ ตณฺฑุเลหิ อิทฺจิทฺจ อาหรถา’’ติ วทติ, ยํ เต อาหรนฺติ, ตํ สพฺเพสํ กปฺปิยํ. กสฺมา? กปฺปิยานํ ตณฺฑุลาทีนํ วิจาริตตฺตา. กยวิกฺกเยปิ อนาปตฺติ กปฺปิยการกสฺส อาจิกฺขิตตฺตา.
๖๒. ปุพฺเพ ปน จิตฺตลปพฺพเต เอโก ภิกฺขุ จตุสาลทฺวาเร ‘‘อโห วต สฺเว สงฺฆสฺส เอตฺตกปฺปมาเณ ปูเว ปเจยฺยุ’’นฺติ อารามิกานํ สฺาชนนตฺถํ ภูมิยํ มณฺฑลํ อกาสิ. ตํ ทิสฺวา เฉโก อารามิโก ตเถว กตฺวา ทุติยทิวเส เภริยา อาโกฏิตาย สนฺนิปติเต สงฺเฆ ปูวํ คเหตฺวา สงฺฆตฺเถรํ อาห – ‘‘ภนฺเต, อมฺเหหิ อิโต ปุพฺเพ เนว ปิตูนํ, น ปิตามหานํ เอวรูปํ สุตปุพฺพํ, เอเกน อยฺเยน จตุสาลทฺวาเร ปูวตฺถาย สฺา กตา, อิโต ทานิ ปภุติ อยฺยา อตฺตโน อตฺตโน จิตฺตานุรูปํ วทนฺตุ, อมฺหากมฺปิ ผาสุวิหาโร ภวิสฺสตี’’ติ. มหาเถโร ตโตว นิวตฺติ, เอกภิกฺขุนาปิ ปูโว น คหิโต. เอวํ ปุพฺเพ ตตฺรุปฺปาทํ น ปริภฺุชึสุ. ตสฺมา –
สลฺเลขํ ¶ อจฺจชนฺเตน, อปฺปมตฺเตน ภิกฺขุนา;
กปฺปิเยปิ น กาตพฺพา, อามิสตฺถาย โลลตาติ. (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๓๘-๙);
โย จายํ ตฬาเก วุตฺโต, โปกฺขรณีอุทกวาหกมาติกาทีสุปิ เอเสว นโย.
๖๓. ปุพฺพณฺณาปรณฺณอุจฺฉุผลาผลาทีนํ วิรุหนฏฺานํ ยํ กิฺจิ เขตฺตํ วา วตฺถุํ วา ‘‘ทมฺมี’’ติ วุตฺเตปิ ‘‘น วฏฺฏตี’’ติ ปฏิกฺขิปิตฺวา ตฬาเก วุตฺตนเยเนว ยทา กปฺปิยโวหาเรน ‘‘จตุปจฺจยปริโภคตฺถาย ทมฺมี’’ติ วทติ, ตทา สมฺปฏิจฺฉิตพฺพํ, ‘‘วนํ ทมฺมิ อรฺํ ทมฺมี’’ติ วุตฺเต ปน วฏฺฏติ. สเจ มนุสฺสา ภิกฺขูหิ อนาณตฺตาเยว ตตฺถ รุกฺเข ฉินฺทิตฺวา อปรณฺณาทีนิ สมฺปาเทตฺวา ¶ ภิกฺขูนํ ภาคํ เทนฺติ, วฏฺฏติ, อเทนฺตา น โจเทตพฺพา. สเจ เกนจิเทว อนฺตราเยน เตสุ ปกฺกนฺเตสุ อฺเ กโรนฺติ, น จ ภิกฺขูนํ กิฺจิ เทนฺติ, เต วาเรตพฺพา. สเจ วทนฺติ ‘‘นนุ, ภนฺเต, ปุพฺเพ มนุสฺสา อิธ สสฺสานิ อกํสู’’ติ, ตโต วตฺตพฺพา ‘‘เต สงฺฆสฺส อิทฺจิทฺจ กปฺปิยภณฺฑํ อทํสู’’ติ. สเจ วทนฺติ ‘‘มยมฺปิ ทสฺสามา’’ติ, เอวํ วฏฺฏติ.
กิฺจิ สสฺสุฏฺานกํ ภูมิปฺปเทสํ สนฺธาย ‘‘สีมํ เทมา’’ติ วทนฺติ, วฏฺฏติ. สีมปริจฺเฉทนตฺถํ ปน ถมฺภา วา ปาสาณา วา สยํ น เปตพฺพา, ภูมิ นาม อนคฺฆา, อปฺปเกนปิ ปาราชิโก ภเวยฺย. อารามิกานํ ปน วตฺตพฺพํ ‘‘อิมินา าเนน อมฺหากํ สีมา คตา’’ติ. สเจปิ หิ เต อธิกํ คณฺหนฺติ, ปริยาเยน กถิตตฺตา อนาปตฺติ. ยทิ ปน ราชราชมหามตฺตาทโย สยเมว ถมฺเภ ปาเปตฺวา ‘‘จตฺตาโร ปจฺจเย ปริภฺุชถา’’ติ เทนฺติ, วฏฺฏติเยว.
สเจ ¶ โกจิ อนฺโตสีมายํ ตฬากํ วา ขณติ, วิหารมชฺเฌน วา มาติกํ เนติ, เจติยงฺคณโพธิยงฺคณาทีนิ ทุสฺสนฺติ, วาเรตพฺโพ. สเจ สงฺโฆ กิฺจิ ลภิตฺวา อามิสครุกตาย น วาเรติ, เอโก ภิกฺขุ วาเรติ, โสว ภิกฺขุ อิสฺสโร. สเจ เอโก ภิกฺขุ น วาเรติ ‘‘เนถ ตุมฺเห’’ติ, เตสํเยว ปกฺโข โหติ. สงฺโฆ วาเรติ, สงฺโฆว อิสฺสโร. สงฺฆิเกสุ หิ กมฺเมสุ โย ธมฺมกมฺมํ กโรติ, โสว อิสฺสโร. สเจ วาริยมาโนปิ กโรติ, เหฏฺา คหิตํ ปํสุํ เหฏฺา ปกฺขิปิตฺวา, อุปริ คหิตํ ปํสุํ อุปริ ปกฺขิปิตฺวา ปูเรตพฺพา.
สเจ โกจิ ยถาชาตเมว อุจฺฉุํ วา อปรณฺณํ วา อลาพุกุมฺภณฺฑาทิกํ วา วลฺลิผลํ ทาตุกาโม ‘‘เอตํ สพฺพํ อุจฺฉุเขตฺตํ อปรณฺณวตฺถุํ วลฺลิผลาวาฏํ ทมฺมี’’ติ วทติ, สห วตฺถุนา ปรามฏฺตฺตา น วฏฺฏตีติ มหาสุมตฺเถโร อาห. มหาปทุมตฺเถโร ปน ‘‘อภิลาปมตฺตเมตํ, สามิกานํเยว หิ โส ภูมิภาโค, ตสฺมา วฏฺฏตี’’ติ อาห. ‘‘ทาสํ ทมฺมี’’ติ วทติ, น วฏฺฏติ. ‘‘อารามิกํ ทมฺมิ, เวยฺยาวจฺจกรํ ทมฺมิ, กปฺปิยการกํ ทมฺมี’’ติ วุตฺเต วฏฺฏติ. สเจ อารามิโก ปุเรภตฺตมฺปิ ปจฺฉาภตฺตมฺปิ สงฺฆสฺเสว กมฺมํ กโรติ, สามเณรสฺส วิย สพฺพํ เภสชฺชํ ปฏิชคฺคนมฺปิ ตสฺส กาตพฺพํ. สเจ ปุเรภตฺตเมว สงฺฆสฺส กมฺมํ กโรติ, ปจฺฉาภตฺตํ อตฺตโน กโรติ, สายํ นิวาโป น ทาตพฺโพ. เยปิ ปฺจทิวสวาเรน ¶ วา ปกฺขวาเรน วา สงฺฆสฺส กมฺมํ กตฺวา เสสกาเล อตฺตโน กมฺมํ กโรนฺติ, เตสมฺปิ กรณกาเลเยว ภตฺตฺจ นิวาโป จ ทาตพฺโพ. สเจ สงฺฆสฺส กมฺมํ นตฺถิ, อตฺตโนเยว กมฺมํ กตฺวา ชีวนฺติ, เต เจ หตฺถกมฺมมูลํ อาเนตฺวา เทนฺติ, คเหตพฺพํ. โน เจ เทนฺติ, น กิฺจิ วตฺตพฺพา. ยํ กิฺจิ รชกทาสมฺปิ เปสการทาสมฺปิ อารามิกนาเมน สมฺปฏิจฺฉิตุํ วฏฺฏติ.
สเจ ‘‘คาโว เทมา’’ติ วทนฺติ, ‘‘น วฏฺฏตี’’ติ ปฏิกฺขิปิตพฺพา. อิมา คาโว กุโตติ. ปณฺฑิเตหิ ปฺจโครสปริโภคตฺถาย ทินฺนาติ. ‘‘มยมฺปิ ปฺจโครสปริโภคตฺถาย เทมา’’ติ วุตฺเต วฏฺฏนฺติ. อชิกาทีสุปิ เอเสว นโย. ‘‘หตฺถึ เทม, อสฺสํ, มหึสํ, กุกฺกุฏํ, สูกรํ เทมา’’ติ วทนฺติ, สมฺปฏิจฺฉิตุํ น วฏฺฏติ. สเจ เกจิ มนุสฺสา ‘‘อปฺโปสฺสุกฺกา, ภนฺเต, ตุมฺเห โหถ, มยํ อิเม คเหตฺวา ตุมฺหากํ กปฺปิยภณฺฑํ ทสฺสามา’’ติ คณฺหนฺติ, วฏฺฏติ. กุกฺกุฏสูกเร ‘‘สุขํ ชีวนฺตู’’ติ อรฺเ วิสฺสชฺชาเปตุํ วฏฺฏติ. ‘‘อิมํ ตฬากํ, อิมํ เขตฺตํ, อิมํ วตฺถุํ วิหารสฺส เทมา’’ติ วุตฺเต ปฏิกฺขิปิตุํ น ลพฺภติ.
๖๔. สเจ โกจิ ภิกฺขุํ อุทฺทิสฺส ทูเตน หิรฺสุวณฺณาทิจีวรเจตาปนฺนํ ปหิเณยฺย ‘‘อิมินา จีวรเจตาปนฺเนน จีวรํ เจตาเปตฺวา อิตฺถนฺนามํ ภิกฺขุํ จีวเรน อจฺฉาเทหี’’ติ, โส เจ ทูโต ตํ ภิกฺขุํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วเทยฺย ‘‘อิทํ โข, ภนฺเต, อายสฺมนฺตํ อุทฺทิสฺส จีวรเจตาปนฺนํ อาภตํ, ปฏิคฺคณฺหตุ อายสฺมา จีวรเจตาปนฺน’’นฺติ, เตน ภิกฺขุนา โส ทูโต เอวมสฺส วจนีโย ‘‘น โข มยํ, อาวุโส, จีวรเจตาปนฺนํ ปฏิคฺคณฺหาม, จีวรฺจ โข มยํ ปฏิคฺคณฺหาม กาเลน กปฺปิย’’นฺติ. โส เจ ทูโต ตํ ภิกฺขุํ เอวํ วเทยฺย ‘‘อตฺถิ ปนายสฺมโต โกจิ เวยฺยาวจฺจกโร’’ติ, จีวรตฺถิเกน ภิกฺขุนา เวยฺยาวจฺจกโร นิทฺทิสิตพฺโพ อารามิโก วา อุปาสโก วา ‘‘เอโส โข, อาวุโส, ภิกฺขูนํ เวยฺยาวจฺจกโร’’ติ. น วตฺตพฺโพ ‘‘ตสฺส เทหี’’ติ วา ‘‘โส วา นิกฺขิปิสฺสติ, โส วา ปริวตฺเตสฺสติ, โส วา เจตาเปสฺสตี’’ติ ¶ . โส เจ ทูโต ตํ เวยฺยาวจฺจกรํ สฺาเปตฺวา ตํ ภิกฺขุํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วเทยฺย ‘‘ยํ โข, ภนฺเต, อายสฺมา เวยฺยาวจฺจกรํ นิทฺทิสิ, อาณตฺโต โส มยา, อุปสงฺกมตุ อายสฺมา กาเลน, จีวเรน ตํ อจฺฉาเทสฺสตี’’ติ. จีวรตฺถิเกน ภิกฺขุนา เวยฺยาวจฺจกโร อุปสงฺกมิตฺวา ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ โจเทตพฺโพ สาเรตพฺโพ ¶ ‘‘อตฺโถ เม, อาวุโส, จีวเรนา’’ติ. น วตฺตพฺโพ ‘‘เทหิ เม จีวรํ, อาหร เม จีวรํ, ปริวตฺเตหิ เม จีวรํ, เจตาเปหิ เม จีวร’’นฺติ. สเจ ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ โจทยมาโน สารยมาโน ตํ จีวรํ อภินิปฺผาเทติ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ อภินิปฺผาเทติ, ตตฺถ คนฺตฺวา จตุกฺขตฺตุํ ปฺจกฺขตฺตุํ ฉกฺขตฺตุปรมํ ตุณฺหีภูเตน อุทฺทิสฺส าตพฺพํ, น อาสเน นิสีทิตพฺพํ, น อามิสํ ปฏิคฺคเหตพฺพํ, น ธมฺโม ภาสิตพฺโพ. ‘‘กึ การณา อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิยมาเนน ‘‘ชานาหิ, อาวุโส’’ติ เอตฺตกเมว วตฺตพฺพํ.
สเจ อาสเน วา นิสีทติ, อามิสํ วา ปฏิคฺคณฺหาติ, ธมฺมํ วา ภาสติ, านํ ภฺชติ. สเจ จตุกฺขตฺตุํ โจเทติ, จตุกฺขตฺตุํ าตพฺพํ. ปฺจกฺขตฺตุํ โจเทติ, ทฺวิกฺขตฺตุํ าตพฺพํ. ฉกฺขตฺตุํ โจเทติ, น าตพฺพํ. เอกาย หิ โจทนาย านทฺวยํ ภฺชติ. ยถา ฉกฺขตฺตุํ โจเทตฺวา น าตพฺพํ, เอวํ ทฺวาทสกฺขตฺตุํ ตฺวา น โจเทตพฺพํ. ตสฺมา สเจ โจเทติเยว น ติฏฺติ, ฉ โจทนา ลพฺภนฺติ. สเจ ติฏฺติเยว น โจเทติ, ทฺวาทส านานิ ลพฺภนฺติ. สเจ โจเทติปิ ติฏฺติปิ, เอกาย โจทนาย ทฺเว านานิ หาเปตพฺพานิ. ตตฺถ โย เอกทิวสเมว ปุนปฺปุนํ คนฺตฺวา ฉกฺขตฺตุํ โจเทติ, สกึเยว วา คนฺตฺวา ‘‘อตฺโถ เม, อาวุโส, จีวเรนา’’ติ ฉกฺขตฺตุํ วทติ, ตตฺถ เอกทิวสเมว ปุนปฺปุนํ คนฺตฺวา ทฺวาทสกฺขตฺตุํ ติฏฺติ, สกิเมว วา คนฺตฺวา ตตฺร ตตฺร าเน ติฏฺติ, โสปิ สพฺพโจทนาโย สพฺพฏฺานานิ จ ภฺชติ, โก ปน วาโท นานาทิวเสสุ. ตโต เจ อุตฺตริ วายมมาโน ตํ จีวรํ อภินิปฺผาเทติ, ปโยเค ทุกฺกฏํ, ปฏิลาเภน นิสฺสคฺคิยํ โหติ. โน เจ สกฺโกติ ตํ อภินิปฺผาเทตุํ, ยโต ราชโต ราชมหามตฺตโต วา อสฺส ภิกฺขุโน ตํ จีวรเจตาปนฺนํ อานีตํ, ตสฺส สนฺติกํ สามํ วา คนฺตพฺพํ, ทูโต วา ปาเหตพฺโพ ‘‘ยํ โข ตุมฺเห อายสฺมนฺโต ภิกฺขุํ อุทฺทิสฺส จีวรเจตาปนฺนํ ปหิณิตฺถ, น ตํ ตสฺส ภิกฺขุโน กิฺจิ อตฺถํ อนุโภติ, ยฺุชนฺตายสฺมนฺโต สกํ, มา ตุมฺหากํ สนฺตกํ วินสฺสตู’’ติ. อยํ ตตฺถ สามีจิ. โย ปน เนว สามํ คจฺฉติ, น ทูตํ ปาเหติ, วตฺตเภเท ทุกฺกฏํ อาปชฺชติ.
๖๕. กึ ปน (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๓๘-๙) สพฺพกปฺปิยการเกสุ เอวํ ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ? น ปฏิปชฺชิตพฺพํ. อยฺหิ กปฺปิยการโก นาม สงฺเขปโต ทุวิโธ นิทฺทิฏฺโ ¶ อนิทฺทิฏฺโ จ. ตตฺถ นิทฺทิฏฺโ ทุวิโธ ภิกฺขุนา นิทฺทิฏฺโ ทูเตน นิทฺทิฏฺโติ. อนิทฺทิฏฺโปิ ทุวิโธ ¶ มุขเววฏิกกปฺปิยการโก ปรมฺมุขกปฺปิยการโกติ. เตสุ ภิกฺขุนา นิทฺทิฏฺโ สมฺมุขาสมฺมุขวเสน จตุพฺพิโธ โหติ, ตถา ทูเตน นิทฺทิฏฺโปิ. กถํ? อิเธกจฺโจ ภิกฺขุสฺส จีวรตฺถาย ทูเตน อกปฺปิยวตฺถุํ ปหิณติ, ทูโต ตํ ภิกฺขุํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อิทํ, ภนฺเต, อิตฺถนฺนาเมน ตุมฺหากํ จีวรตฺถาย ปหิตํ, คณฺหถ น’’นฺติ วทติ, ภิกฺขุ ‘‘นยิทํ กปฺปตี’’ติ ปฏิกฺขิปติ, ทูโต ‘‘อตฺถิ ปน เต, ภนฺเต, เวยฺยาวจฺจกโร’’ติ ปุจฺฉติ, ปฺุตฺถิเกหิ จ อุปาสเกหิ ‘‘ภิกฺขูนํ เวยฺยาวจฺจํ กโรถา’’ติ อาณตฺตา วา, ภิกฺขูนํ วา สนฺทิฏฺสมฺภตฺตา เกจิ เวยฺยาวจฺจกรา โหนฺติ, เตสํ อฺตโร ตสฺมึ ขเณ ภิกฺขุสฺส สนฺติเก นิสินฺโน โหติ, ภิกฺขุ ตํ นิทฺทิสติ ‘‘อยํ ภิกฺขูนํ เวยฺยาวจฺจกโร’’ติ, ทูโต ตสฺส หตฺเถ อกปฺปิยวตฺถุํ ทตฺวา ‘‘เถรสฺส จีวรํ กิณิตฺวา เทหี’’ติ คจฺฉติ, อยํ ภิกฺขุนา สมฺมุขานิทฺทิฏฺโ.
โน เจ ภิกฺขุสฺส สนฺติเก นิสินฺโน โหติ, อปิจ โข ภิกฺขุ นิทฺทิสติ ‘‘อสุกสฺมึ นาม คาเม อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขูนํ เวยฺยาวจฺจกโร’’ติ, โส คนฺตฺวา ตสฺส หตฺเถ อกปฺปิยวตฺถุํ ทตฺวา ‘‘เถรสฺส จีวรํ กิณิตฺวา ทเทยฺยาสี’’ติ อาคนฺตฺวา ภิกฺขุสฺส อาโรเจตฺวา คจฺฉติ, อยเมโก ภิกฺขุนา อสมฺมุขานิทฺทิฏฺโ.
น เหว โข โส ทูโต อตฺตนา อาคนฺตฺวา อาโรเจติ, อปิจ โข อฺํ ปหิณติ ‘‘ทินฺนํ มยา, ภนฺเต, ตสฺส หตฺเถ จีวรเจตาปนฺนํ, ตุมฺเห จีวรํ คณฺเหยฺยาถา’’ติ, อยํ ทุติโย ภิกฺขุนา อสมฺมุขานิทฺทิฏฺโ.
น เหว โข อฺํ ปหิณติ, อปิจ คจฺฉนฺโตว ภิกฺขุํ วทติ ‘‘อหํ ตสฺส หตฺเถ จีวรเจตาปนฺนํ ทสฺสามิ, ตุมฺเห จีวรํ คณฺเหยฺยาถา’’ติ, อยํ ตติโย ภิกฺขุนา อสมฺมุขานิทฺทิฏฺโติ เอวํ เอโก สมฺมุขานิทฺทิฏฺโ ตโย อสมฺมุขานิทฺทิฏฺาติ อิเม จตฺตาโร ภิกฺขุนา นิทฺทิฏฺเวยฺยาวจฺจกรา นาม. เอเตสุ อิธ วุตฺตนเยเนว ปฏิปชฺชิตพฺพํ.
อปโร ภิกฺขุ ปุริมนเยเนว ทูเตน ปุจฺฉิโต นตฺถิตาย วา อวิจาเรตุกามตาย วา ‘‘นตฺถมฺหากํ กปฺปิยการโก’’ติ วทติ, ตสฺมึ ขเณ โกจิ มนุสฺโส อาคจฺฉติ, ทูโต ตสฺส หตฺเถ อกปฺปิยวตฺถุํ ทตฺวา ‘‘อิมสฺส หตฺถโต จีวรํ คณฺเหยฺยาถา’’ติ วตฺวา คจฺฉติ, อยํ ทูเตน สมฺมุขานิทฺทิฏฺโติ เอวํ เอโก สมฺมุขานิทฺทิฏฺโ.
อปโร ¶ ¶ ทูโต คามํ ปวิสิตฺวา อตฺตนา อภิรุจิตสฺส กสฺสจิ หตฺเถ อกปฺปิยวตฺถุํ ทตฺวา ปุริมนเยเนว อาคนฺตฺวา วา อาโรเจติ, อฺํ วา ปหิณติ ‘‘อหํ อสุกสฺส นาม หตฺเถ จีวรเจตาปนฺนํ ทสฺสามิ, ตุมฺเห จีวรํ คณฺเหยฺยาถา’’ติ วตฺวา วา คจฺฉติ, อยํ ตติโย ทูเตน อสมฺมุขานิทฺทิฏฺโติ เอวํ เอโก สมฺมุขานิทฺทิฏฺโ ตโย อสมฺมุขานิทฺทิฏฺาติ อิเม จตฺตาโร ทูเตน นิทฺทิฏฺเวยฺยาวจฺจกรา นาม. เอเตสุ เมณฺฑกสิกฺขาปเท วุตฺตนเยเนว ปฏิปชฺชิตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, มนุสฺสา สทฺธา ปสนฺนา, เต กปฺปิยการกานํ หตฺเถ หิรฺํ อุปนิกฺขิปนฺติ ‘อิมินา ยํ อยฺยสฺส กปฺปิยํ, ตํ เทถา’ติ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ยํ ตโต กปฺปิยํ, ตํ สาทิตุํ, น ตฺเววาหํ, ภิกฺขเว, ‘เกนจิ ปริยาเยน ชาตรูปรชตํ สาทิตพฺพํ ปริเยสิตพฺพ’นฺติ วทามี’’ติ (มหาว. ๒๙๙).
เอตฺถ โจทนาย ปริมาณํ นตฺถิ, มูลํ อสาทิยนฺเตน สหสฺสกฺขตฺตุมฺปิ โจทนาย วา าเนน วา กปฺปิยภณฺฑํ สาทิตุํ วฏฺฏติ. โน เจ เทติ, อฺํ กปฺปิยการกํ เปตฺวาปิ อาหราเปตพฺพํ. สเจ อิจฺฉติ, มูลสามิกานมฺปิ กเถตพฺพํ. โน เจ อิจฺฉติ, น กเถตพฺพํ.
อปโร ภิกฺขุ ปุริมนเยเนว ทูเตน ปุจฺฉิโต ‘‘นตฺถมฺหากํ กปฺปิยการโก’’ติ วทติ, ตทฺโ สมีเป ิโต สุตฺวา ‘‘อาหร โภ, อหํ อยฺยสฺส จีวรํ เจตาเปตฺวา ทสฺสามี’’ติ วทติ. ทูโต ‘‘หนฺท โภ ทเทยฺยาสี’’ติ ตสฺส หตฺเถ ทตฺวา ภิกฺขุสฺส อนาโรเจตฺวาว คจฺฉติ, อยํ มุขเววฏิกกปฺปิยการโก. อปโร ภิกฺขุโน อุปฏฺากสฺส วา อฺสฺส วา หตฺเถ อกปฺปิยวตฺถุํ ทตฺวา ‘‘เถรสฺส จีวรํ ทเทยฺยาสี’’ติ เอตฺโตว ปกฺกมติ, อยํ ปรมฺมุขากปฺปิยการโกติ อิเม ทฺเว อนิทฺทิฏฺกปฺปิยการกา นาม. เอเตสุ อฺาตกอปฺปวาริเตสุ วิย ปฏิปชฺชิตพฺพํ. สเจ สยเมว จีวรํ อาเนตฺวา ททนฺติ, คเหตพฺพํ. โน เจ, น กิฺจิ วตฺตพฺพา. ยถา จ ทูตสฺส หตฺเถ จีวรตฺถาย อกปฺปิยวตฺถุมฺหิ เปสิเต วินิจฺฉโย วุตฺโต, เอวํ ปิณฺฑปาตาทีนมฺปิ อตฺถาย เปสิเต สยํ อาคนฺตฺวา ทียมาเน จ วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ.
๖๖. อุปนิกฺขิตฺตสาทิยเน ¶ ปน อยํ วินิจฺฉโย (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๘๓-๔) – กิฺจิ อกปฺปิยวตฺถุํ ปาทมูเล เปตฺวา ‘‘อิทํ อยฺยสฺส โหตู’’ติ วุตฺเต สเจปิ จิตฺเตน สาทิยติ, คณฺหิตุกาโม โหติ, กาเยน วา วาจาย วา ‘‘นยิทํ กปฺปตี’’ติ ปฏิกฺขิปติ, อนาปตฺติ ¶ . กายวาจาหิ วา อปฺปฏิกฺขิปิตฺวาปิ สุทฺธจิตฺโต หุตฺวา ‘‘นยิทํ อมฺหากํ กปฺปตี’’ติ น สาทิยติ, อนาปตฺติเยว. ตีสุ ทฺวาเรสุ หิ เยน เกนจิ ปฏิกฺขิตฺตํ ปฏิกฺขิตฺตเมว โหติ. สเจ ปน กายวาจาหิ อปฺปฏิกฺขิปิตฺวา จิตฺเตน อธิวาเสติ, กายวาจาหิ กตฺตพฺพสฺส ปฏิกฺเขปสฺส อกรณโต อกิริยสมุฏฺานํ กายทฺวาเร จ วจีทฺวาเร จ อาปตฺตึ อาปชฺชติ, มโนทฺวาเร ปน อาปตฺติ นาม นตฺถิ.
เอโก สตํ วา สหสฺสํ วา ปาทมูเล เปติ ‘‘ตุยฺหิทํ โหตู’’ติ, ภิกฺขุ ‘‘นยิทํ กปฺปตี’’ติ ปฏิกฺขิปติ, อุปาสโก ‘‘ปริจฺจตฺตํ มยา ตุมฺหาก’’นฺติ คโต, อฺโ ตตฺถ อาคนฺตฺวา ปุจฺฉติ ‘‘กึ, ภนฺเต, อิท’’นฺติ, ยํ เตน จ อตฺตนา จ วุตฺตํ, ตํ อาจิกฺขิตพฺพํ. โส เจ วทติ ‘‘โคปยิสฺสามหํ, ภนฺเต, คุตฺตฏฺานํ ทสฺเสถา’’ติ, สตฺตภูมิกมฺปิ ปาสาทํ อภิรุหิตฺวา ‘‘อิทํ คุตฺตฏฺาน’’นฺติ อาจิกฺขิตพฺพํ, ‘‘อิธ นิกฺขิปาหี’’ติ น วตฺตพฺพํ. เอตฺตาวตา กปฺปิยฺจ อกปฺปิยฺจ นิสฺสาย ิตํ โหติ, ทฺวารํ ปิทหิตฺวา รกฺขนฺเตน วสิตพฺพํ. สเจ กิฺจิ วิกฺกายิกภณฺฑํ ปตฺตํ วา จีวรํ วา คเหตฺวา อาคจฺฉติ, ‘‘อิทํ คเหสฺสถ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘อุปาสก, อตฺถิ อมฺหากํ อิมินา อตฺโถ, วตฺถุ จ เอวรูปํ นาม สํวิชฺชติ, กปฺปิยการโก นตฺถี’’ติ วตฺตพฺพํ. สเจ โส วทติ ‘‘อหํ กปฺปิยการโก ภวิสฺสามิ, ทฺวารํ วิวริตฺวา เทถา’’ติ, ทฺวารํ วิวริตฺวา ‘‘อิมสฺมึ โอกาเส ปิต’’นฺติ วตฺตพฺพํ, ‘‘อิทํ คณฺหา’’ติ น วตฺตพฺพํ. เอวมฺปิ กปฺปิยฺจ อกปฺปิยฺจ นิสฺสาย ิตเมว โหติ. โส เจ ตํ คเหตฺวา ตสฺส กปฺปิยภณฺฑํ เทติ, วฏฺฏติ. สเจ อธิกํ คณฺหาติ, ‘‘น มยํ ตว ภณฺฑํ คณฺหาม, นิกฺขมาหี’’ติ วตฺตพฺโพ.
๖๗. เยน ปน ชาตรูปาทิจตุพฺพิธํ นิสฺสคฺคิยวตฺถุ ปฏิคฺคหิตํ, เตน กึ กาตพฺพนฺติ? สงฺฆมชฺเฌ นิสฺสชฺชิตพฺพํ. กถํ? เตน ภิกฺขุนา (ปารา. ๕๘๔) สงฺฆํ อุปสงฺกมิตฺวา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา วุฑฺฒานํ ภิกฺขูนํ ปาเท วนฺทิตฺวา อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา เอวมสฺส วจนีโย ‘‘อหํ, ภนฺเต, รูปิยํ ¶ ปฏิคฺคเหสึ, อิทํ เม นิสฺสคฺคิยํ, อิมาหํ นิสฺสชฺชามี’’ติ นิสฺสชฺชิตฺวา อาปตฺติ เทเสตพฺพา. พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน อาปตฺติ ปฏิคฺคเหตพฺพา. สเจ ตตฺถ อาคจฺฉติ อารามิโก วา อุปาสโก วา, โส วตฺตพฺโพ ‘‘อาวุโส, อิทํ ชานาหี’’ติ. สเจ โส ภณติ ‘‘อิมินา กึ อาหริสฺสามี’’ติ, น วตฺตพฺโพ ‘‘อิมํ วา อิมํ วา อาหรา’’ติ, กปฺปิยํ อาจิกฺขิตพฺพํ สปฺปึ วา เตลํ วา มธุํ วา ผาณิตํ วา. อาจิกฺขนฺเตน จ ‘‘อิมินา สปฺปึ วา เตลํ วา มธุํ วา ผาณิตํ วา อาหรา’’ติ น วตฺตพฺพํ, ‘‘อิทฺจิทฺจ สงฺฆสฺส กปฺปิย’’นฺติ เอตฺตกเมว วตฺตพฺพํ. สเจ โส เตน ¶ ปริวตฺเตตฺวา กปฺปิยํ อาหรติ, รูปิยปฏิคฺคาหกํ เปตฺวา สพฺเพเหว ภาเชตฺวา ปริภฺุชิตพฺพํ, รูปิยปฏิคฺคาหเกน ภาโค น คเหตพฺโพ.
อฺเสํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๘๓-๔) ภิกฺขูนํ วา อารามิกานํ วา ปตฺตภาคมฺปิ ลภิตฺวา ปริภฺุชิตุํ น วฏฺฏติ, อนฺตมโส มกฺกฏาทีหิ ตโต หริตฺวา อรฺเ ปิตํ วา เตสํ หตฺถโต คฬิตํ วา ติรจฺฉานปฏิคฺคหิตมฺปิ ปํสุกูลมฺปิ น วฏฺฏติเยว. ตโต อาหเฏน ผาณิเตน เสนาสนธูปนมฺปิ น วฏฺฏติ. สปฺปินา วา เตเลน วา ปทีปํ กตฺวา ทีปาโลเก นิปชฺชิตุํ, กสิณปริกมฺมํ กาตุํ, โปตฺถกมฺปิ วาเจตุํ น วฏฺฏติ. เตลมธุผาณิเตหิ ปน สรีเร วณํ มกฺเขตุํ น วฏฺฏติเยว. เตน วตฺถุนา มฺจปีาทีนิ วา คณฺหนฺติ, อุโปสถาคารํ วา โภชนสาลํ วา กโรนฺติ, ปริภฺุชิตุํ น วฏฺฏติ. ฉายาปิ เคหปริจฺเฉเทน ิตาว น วฏฺฏติ, ปริจฺเฉทาติกฺกนฺตา อาคนฺตุกตฺตา วฏฺฏติ. ตํ วตฺถุํ วิสฺสชฺเชตฺวา กเตน มคฺเคนปิ เสตุนาปิ นาวายปิ อุฬุมฺเปนาปิ คนฺตุํ น วฏฺฏติ. เตน วตฺถุนา ขณาปิตาย โปกฺขรณิยา อุพฺภิโททกํ ปาตุํ วา ปริภฺุชิตุํ วา น วฏฺฏติ. อนฺโต อุทเก ปน อสติ อฺํ อาคนฺตุกํ อุทกํ วา วสฺโสทกํ วา ปวิฏฺํ วฏฺฏติ. กีตาย เยน สทฺธึ กีตา, ตํ อาคนฺตุกมฺปิ น วฏฺฏติ. ตํ วตฺถุํ อุปนิกฺเขปํ เปตฺวา สงฺโฆ ปจฺจเย ปริภฺุชติ, เตปิ ปจฺจยา ตสฺส น วฏฺฏนฺติ. อาราโม คหิโต โหติ, โสปิ ปริภฺุชิตุํ น วฏฺฏติ. ยทิ ภูมิปิ พีชมฺปิ อกปฺปิยํ, เนว ภูมึ, น ผลํ ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏติ. สเจ ภูมึเยว กิณิตฺวา อฺานิ พีชานิ โรปิตานิ, ผลํ วฏฺฏติ. อถ พีชานิ กิณิตฺวา กปฺปิยภูมิยํ โรปิตานิ, ผลํ น วฏฺฏติ, ภูมิยํ นิสีทิตุํ วา นิปชฺชิตุํ วา วฏฺฏติ.
สเจ ¶ ปน ตตฺถ อาคโต กปฺปิยการโก ตํ ปริวตฺเตตฺวา สงฺฆสฺส กปฺปิยํ สปฺปิเตลาทึ อาหริตุํ น ชานาติ, โส วตฺตพฺโพ ‘‘อาวุโส, อิมํ ฉฑฺเฑหี’’ติ. สเจ โส ฉฑฺเฑติ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ ฉฑฺเฑติ, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ รูปิยฉฑฺฑโก สมฺมนฺนิตพฺโพ โย น ฉนฺทาคตึ คจฺเฉยฺย, น โทสาคตึ คจฺเฉยฺย, น โมหาคตึ คจฺเฉยฺย, น ภยาคตึ คจฺเฉยฺย, ฉฑฺฑิตาฉฑฺฑิตฺจ ชาเนยฺย. เอวฺจ ปน สมฺมนฺนิตพฺโพ, ปมํ ภิกฺขุ ยาจิตพฺโพ, ยาจิตฺวา พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สงฺโฆ าเปตพฺโพ –
‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อิตฺถนฺนามํ ภิกฺขุํ รูปิยฉฑฺฑกํ สมฺมนฺเนยฺย, เอสา ตฺติ. สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, สงฺโฆ อิตฺถนฺนามํ ภิกฺขุํ รูปิยฉฑฺฑกํ สมฺมนฺนติ, ยสฺสายสฺมโต ขมติ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน รูปิยฉฑฺฑกสฺส สมฺมุติ ¶ , โส ตุณฺหสฺส. ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺย. สมฺมโต สงฺเฆน อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ รูปิยฉฑฺฑโก, ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติ (ปารา. ๕๘๕).
๖๘. เตน สมฺมเตน (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๘๕) ภิกฺขุนา นิมิตฺตํ อกตฺวา อกฺขีนิ นิมีเลตฺวา นทิยา วา ปปาเต วา วนคหเน วา คูถํ วิย อนเปกฺเขน ปติโตกาสํ อสมนฺนารหนฺเตน ฉฑฺเฑตพฺพํ. สเจ นิมิตฺตํ กตฺวา ปาเตติ, ทุกฺกฏํ อาปชฺชติ. เอวํ ชิคุจฺฉิตพฺเพปิ รูปิเย ภควา ปริยาเยน ภิกฺขูนํ ปริโภคํ อาจิกฺขิ. รูปิยปฏิคฺคาหกสฺส ปน เกนจิ ปริยาเยน ตโต อุปฺปนฺนปจฺจยปริโภโค น วฏฺฏติ. ยถา จายํ เอตสฺส น วฏฺฏติ, เอวํ อสนฺตสมฺภาวนาย วา กุลทูสกกมฺเมน วา กุหนาทีหิ วา อุปฺปนฺนปจฺจยา เนว ตสฺส, น อฺสฺส วฏฺฏนฺติ, ธมฺเมน สเมน อุปฺปนฺนาปิ อปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภฺุชิตุํ น วฏฺฏนฺติ. จตฺตาโร หิ ปริโภคา – เถยฺยปริโภโค อิณปริโภโค ทายชฺชปริโภโค สามิปริโภโคติ. ตตฺถ สงฺฆมชฺเฌปิ นิสีทิตฺวา ปริภฺุชนฺตสฺส ทุสฺสีลสฺส ปริโภโค เถยฺยปริโภโค นาม. สีลวโต อปจฺจเวกฺขิตปริโภโค อิณปริโภโค นาม. ตสฺมา จีวรํ ปริโภเค ปริโภเค ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ, ปิณฺฑปาโต อาโลเป อาโลเป ¶ , ตถา อสกฺโกนฺเตน ปุเรภตฺตปจฺฉาภตฺตปุริมยามมชฺฌิมยามปจฺฉิมยาเมสุ. สจสฺส อปจฺจเวกฺขโต อรุโณ อุคฺคจฺฉติ, อิณปริโภคฏฺาเน ติฏฺติ. เสนาสนมฺปิ ปริโภเค ปริโภเค ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ. เภสชฺชสฺส ปฏิคฺคหเณปิ ปริโภเคปิ สติปจฺจยตา วฏฺฏติ, เอวํ สนฺเตปิ ปฏิคฺคหเณ สตึ กตฺวา ปริโภเค อกโรนฺตสฺเสว อาปตฺติ, ปฏิคฺคหเณ ปน สตึ อกตฺวา ปริโภเค กโรนฺตสฺส อนาปตฺติ. จตุพฺพิธา หิ สุทฺธิ – เทสนาสุทฺธิ สํวรสุทฺธิ ปริเยฏฺิสุทฺธิ ปจฺจเวกฺขณสุทฺธีติ.
ตตฺถ เทสนาสุทฺธิ นาม ปาติโมกฺขสํวรสีลํ. ตฺหิ เทสนาย สุชฺฌนโต ‘‘เทสนาสุทฺธี’’ติ วุจฺจติ. สํวรสุทฺธิ นาม อินฺทฺริยสํวรสีลํ. ตฺหิ ‘‘น ปุเนวํ กริสฺสามี’’ติ จิตฺตาธิฏฺานสํวเรเนว สุชฺฌนโต ‘‘สํวรสุทฺธี’’ติ วุจฺจติ. ปริเยฏฺิสุทฺธิ นาม อาชีวปาริสุทฺธิสีลํ. ตฺหิ อเนสนํ ปหาย ธมฺเมน สเมน ปจฺจเย อุปฺปาเทนฺตสฺส ปริเยสนาย สุทฺธตฺตา ‘‘ปริเยฏฺิสุทฺธี’’ติ วุจฺจติ. ปจฺจเวกฺขณสุทฺธิ นาม ปจฺจยปริโภคสนฺนิสฺสิตสีลํ. ตฺหิ ‘‘ปฏิสงฺขา โยนิโส จีวรํ ปฏิเสวามี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๓; อ. นิ. ๖.๕๘) นเยน วุตฺเตน ปจฺจเวกฺขเณน สุชฺฌนโต ‘‘ปจฺจเวกฺขณสุทฺธี’’ติ ¶ วุจฺจติ, เตน วุตฺตํ ‘‘ปฏิคฺคหเณ ปน สตึ อกตฺวา ปริโภเค กโรนฺตสฺส อนาปตฺตี’’ติ.
สตฺตนฺนํ เสกฺขานํ ปจฺจยปริโภโค ทายชฺชปริโภโค นาม. เต หิ ภควโต ปุตฺตา, ตสฺมา ปิตุสนฺตกานํ ปจฺจยานํ ทายาทา หุตฺวา เต ปจฺจเย ปริภฺุชนฺติ. กึ ปน เต ภควโต ปจฺจเย ปริภฺุชนฺติ, คิหีนํ ปจฺจเย ปริภฺุชนฺตีติ? คิหีหิ ทินฺนาปิ ภควตา อนฺุาตตฺตา ภควโต สนฺตกา โหนฺติ, ตสฺมา ภควโต ปจฺจเย ปริภฺุชนฺตีติ เวทิตพฺพํ. ธมฺมทายาทสุตฺต (ม. นิ. ๑.๒๙ อาทโย) ฺเจตฺถ สาธกํ. ขีณาสวานํ ปริโภโค สามิปริโภโค นาม. เต หิ ตณฺหาย ทาสพฺยํ อตีตตฺตา สามิโน หุตฺวา ปริภฺุชนฺติ. อิติ อิเมสุ ปริโภเคสุ สามิปริโภโค จ ทายชฺชปริโภโค จ สพฺเพสมฺปิ วฏฺฏติ, อิณปริโภโค น วฏฺฏติ, เถยฺยปริโภเค กถาเยว นตฺถิ.
อปเรปิ จตฺตาโร ปริโภคา – ลชฺชิปริโภโค อลชฺชิปริโภโค ธมฺมิยปริโภโค อธมฺมิยปริโภโคติ. ตตฺถ อลชฺชิโน ลชฺชินา สทฺธึ ¶ ปริโภโค วฏฺฏติ, อาปตฺติยา น กาเรตพฺโพ. ลชฺชิโน อลชฺชินา สทฺธึ ยาว น ชานาติ, ตาว วฏฺฏติ. อาทิโต ปฏฺาย หิ อลชฺชี นาม นตฺถิ, ตสฺมา ยทาสฺส อลชฺชิภาวํ ชานาติ, ตทา วตฺตพฺโพ ‘‘ตุมฺเห กายทฺวาเร วจีทฺวาเร จ วีติกฺกมํ กโรถ, ตํ อปฺปติรูปํ, มา เอวมกตฺถา’’ติ. สเจ อนาทิยิตฺวา กโรติเยว, ยทิ เตน สทฺธึ ปริโภคํ กโรติ, โสปิ อลชฺชีเยว โหติ. โยปิ อตฺตโน ภารภูเตน อลชฺชินา สทฺธึ ปริโภคํ กโรติ, โสปิ นิวาเรตพฺโพ. สเจ น โอรมติ, อยมฺปิ อลชฺชีเยว โหติ. เอวํ เอโก อลชฺชี อลชฺชิสตมฺปิ กโรติ. อลชฺชิโน ปน อลชฺชินาว สทฺธึ ปริโภเค อาปตฺติ นาม นตฺถิ. ลชฺชิโน ลชฺชินา สทฺธึ ปริโภโค ทฺวินฺนํ ขตฺติยกุมารานํ สุวณฺณปาติยํ โภชนสทิโส. ธมฺมิยาธมฺมิยปริโภโค ปจฺจยวเสเนว เวทิตพฺโพ. ตตฺถ สเจ ปุคฺคโลปิ อลชฺชี, ปิณฺฑปาโตปิ อธมฺมิโย, อุโภ เชคุจฺฉา. ปุคฺคโล อลชฺชี, ปิณฺฑปาโต ธมฺมิโย, ปุคฺคลํ ชิคุจฺฉิตฺวา ปิณฺฑปาโต น คเหตพฺโพ. มหาปจฺจริยํ ปน ‘‘ทุสฺสีโล สงฺฆโต อุทฺเทสภตฺตาทีนิ ลภิตฺวา สงฺฆสฺเสว เทติ, เอตานิ ยถาทานเมว คหิตตฺตา วฏฺฏนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ปุคฺคโล ลชฺชี, ปิณฺฑปาโต อธมฺมิโย, ปิณฺฑปาโต เชคุจฺโฉ น คเหตพฺโพ. ปุคฺคโล ลชฺชี, ปิณฺฑปาโตปิ ธมฺมิโย, วฏฺฏติ.
อปเร ทฺเว ปคฺคหา ทฺเว จ ปริโภคา – ลชฺชิปคฺคโห อลชฺชิปคฺคโห, ธมฺมปริโภโค อามิสปริโภโคติ. ตตฺถ อลชฺชิโน ลชฺชึ ปคฺคเหตุํ วฏฺฏติ, น โส อาปตฺติยา กาเรตพฺโพ ¶ . สเจ ปน ลชฺชี อลชฺชึ ปคฺคณฺหาติ, อนุโมทนาย อชฺเฌสติ, ธมฺมกถาย อชฺเฌสติ, กุเลสุ อุปตฺถมฺเภติ, อิตโรปิ ‘‘อมฺหากํ อาจริโย อีทิโส จ อีทิโส จา’’ติ ตสฺส ปริสติ วณฺณํ ภาสติ, อยํ สาสนํ โอสกฺกาเปติ อนฺตรธาเปตีติ เวทิตพฺโพ. ธมฺมปริโภคอามิสปริโภเคสุ ปน ยตฺถ อามิสปริโภโค วฏฺฏติ, ธมฺมปริโภโคปิ ตตฺถ วฏฺฏติ. โย ปน โกฏิยํ ิโต, คนฺโถ ตสฺส ปุคฺคลสฺส อจฺจเยน นสฺสิสฺสติ, ตํ ธมฺมานุคฺคเหน อุคฺคณฺหิตุํ วฏฺฏตีติ วุตฺตํ. ตตฺริทํ วตฺถุ – มหาภเย กิร เอกสฺเสว ภิกฺขุโน มหานิทฺเทโส ปคุโณ อโหสิ. อถ จตุนิกายิกติสฺสตฺเถรสฺส อุปชฺฌาโย มหาติปิฏกตฺเถโร นาม ¶ มหารกฺขิตตฺเถรํ อาห ‘‘อาวุโส มหารกฺขิต, เอตสฺส สนฺติเก มหานิทฺเทสํ คณฺหาหี’’ติ. ‘‘ปาโป กิรายํ, ภนฺเต, น คณฺหามี’’ติ. ‘‘คณฺหาวุโส, อหํ เต สนฺติเก นิสีทิสฺสามี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต, ตุมฺเหสุ นิสินฺเนสุ คณฺหิสฺสามี’’ติ ปฏฺเปตฺวา รตฺตินฺทิวํ นิรนฺตรํ ปริยาปุณนฺโต โอสานทิวเส เหฏฺามฺเจ อิตฺถึ ทิสฺวา ‘‘ภนฺเต, สุตํเยว เม ปุพฺเพ, สจาหํ เอวํ ชาเนยฺยํ, น อีทิสสฺส สนฺติเก ธมฺมํ ปริยาปุเณยฺย’’นฺติ อาห. ตสฺส ปน สนฺติเก พหู มหาเถรา อุคฺคณฺหิตฺวา มหานิทฺเทสํ ปติฏฺาเปสุนฺติ.
อิติ ปาฬิมุตฺตกวินยวินิจฺฉยสงฺคเห
รูปิยาทิปฏิคฺคหณวินิจฺฉยกถา สมตฺตา.