📜

๑๓. ทานลกฺขณาทิวินิจฺฉยกถา

๖๙. ทานวิสฺสาสคฺคาเหหิลาภสฺส ปริณามนนฺติ เอตฺถ ตาว ทานนฺติ อตฺตโน สนฺตกสฺส จีวราทิปริกฺขารสฺส สทฺธิวิหาริกาทีสุ ยสฺส กสฺสจิ ทานํ. ตตฺริทํ ทานลกฺขณํ – ‘‘อิทํ ตุยฺหํ เทมิ ททามิ ทชฺชามิ โอโณเชมิ ปริจฺจชามิ วิสฺสชฺชามี’’ติ วา ‘‘อิตฺถนฺนามสฺส เทมิ…เป… วิสฺสชฺชามี’’ติ วา วทติ, สมฺมุขาปิ ปรมฺมุขาปิ ทินฺนํเยว โหติ. ‘‘ตุยฺหํ คณฺหาหี’’ติ วุตฺเต ‘‘มยฺหํ คณฺหามี’’ติ วทติ, สุทินฺนํ สุคฺคหิตฺจ. ‘‘ตว สนฺตกํ กโรหิ, ตว สนฺตกํ โหตุ, ตว สนฺตกํ โหตี’’ติ วุตฺเต ‘‘มม สนฺตกํ กโรมิ, มม สนฺตกํ โหตุ, มม สนฺตกํ กริสฺสามี’’ติ วทติ, ทุทินฺนํ ทุคฺคหิตฺจ. เนว ทาตา ทาตุํ ชานาติ, น อิตโร คเหตุํ, สเจ ปน ‘‘ตว สนฺตกํ กโรหี’’ติ วุตฺเต ‘‘สาธุ, ภนฺเต, มยฺหํ คณฺหามี’’ติ คณฺหาติ, สุคฺคหิตํ. สเจ ปน เอโก ‘‘อิทํ จีวรํ คณฺหาหี’’ติ วทติ, อิตโร ‘‘น คณฺหามี’’ติ วทติ, ปุน โส ‘‘ทินฺนํ มยา ตุยฺหํ, คณฺหาหี’’ติ วทติ, อิตโรปิ ‘‘น มยฺหํ อิมินา อตฺโถ’’ติ วทติ, ตโต ปุริโมปิ ‘‘มยา ทินฺน’’นฺติ ทสาหํ อติกฺกาเมติ, ปจฺฉิโมปิ ‘‘มยา ปฏิกฺขิตฺต’’นฺติ, กสฺส อาปตฺตีติ? น กสฺสจิ. ยสฺส ปน รุจฺจติ, เตน อธิฏฺหิตฺวา ปริภุฺชิตพฺพํ. ‘‘อิตฺถนฺนามสฺส เทหี’’ติ ทินฺนํ ยาว ปรสฺส หตฺถํ น ปาปุณาติ, ตาว โย ปหิณติ, ตสฺเสว สนฺตกํ, ‘‘อิตฺถนฺนามสฺส ทมฺมี’’ติ ทินฺนํ ปน ยสฺส ปหียติ, ตสฺส สนฺตกํ. ตสฺมา ภิกฺขุ ภิกฺขุสฺส หตฺเถ จีวรํ ปหิณติ ‘‘อิทํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส เทหี’’ติ. โส อนฺตรามคฺเค โย ปหิณติ, ตสฺส วิสฺสาสา คณฺหาติ, สุคฺคหิตํ. ยสฺส ปหียติ, ตสฺส วิสฺสาสา คณฺหาติ, ทุคฺคหิตํ.

ภิกฺขุ (มหาว. ๓๗๘-๓๗๙) ภิกฺขุสฺส หตฺเถ จีวรํ ปหิณติ ‘‘อิมํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส เทหี’’ติ. โส อนฺตรามคฺเค สุณาติ ‘‘โย ปหิณติ, โส กาลกโต’’ติ, ตสฺส มตกจีวรํ อธิฏฺาติ, สฺวาธิฏฺิตํ. ยสฺส ปหียติ, ตสฺส วิสฺสาสา คณฺหาติ, ทุคฺคหิตํ. ภิกฺขุ ภิกฺขุสฺส หตฺเถ จีวรํ ปหิณติ ‘‘อิมํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส เทหี’’ติ. โส อนฺตรามคฺเค สุณาติ ‘‘ยสฺส ปหียติ, โส กาลกโต’’ติ, ตสฺส มตกจีวรํ อธิฏฺาติ, ทฺวาธิฏฺิตํ. โย ปหิณติ, ตสฺส วิสฺสาสา คณฺหาติ, สุคฺคหิตํ. ภิกฺขุ ภิกฺขุสฺส หตฺเถ จีวรํ ปหิณติ ‘‘อิมํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส เทหี’’ติ. โส อนฺตรามคฺเค สุณาติ ‘‘อุโภ กาลกตา’’ติ, โย ปหิณติ, ตสฺส มตกจีวรํ อธิฏฺาติ, สฺวาธิฏฺิตํ. ยสฺส ปหียติ, ตสฺส มตกจีวรํ อธิฏฺาติ, ทฺวาธิฏฺิตํ. ภิกฺขุ ภิกฺขุสฺส หตฺเถ จีวรํ ปหิณติ ‘‘อิมํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส ทมฺมี’’ติ. โส อนฺตรามคฺเค โย ปหิณติ, ตสฺส วิสฺสาสา คณฺหาติ, ทุคฺคหิตํ. ยสฺส ปหียติ, ตสฺส วิสฺสาสา คณฺหาติ, สุคฺคหิตํ. ภิกฺขุ ภิกฺขุสฺส หตฺเถ จีวรํ ปหิณติ ‘‘อิมํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส ทมฺมี’’ติ. โส อนฺตรามคฺเค สุณาติ ‘‘โย ปหิณติ, โส กาลกโต’’ติ, ตสฺส มตกจีวรํ อธิฏฺาติ, ทฺวาธิฏฺิตํ. ยสฺส ปหียติ, ตสฺส วิสฺสาสา คณฺหาติ, สุคฺคหิตํ. ภิกฺขุ ภิกฺขุสฺส หตฺเถ จีวรํ ปหิณติ ‘‘อิมํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส ทมฺมี’’ติ. โส อนฺตรามคฺเค สุณาติ ‘‘ยสฺส ปหียติ, โส กาลกโต’’ติ, ตสฺส มตกจีวรํ อธิฏฺาติ, สฺวาธิฏฺิตํ. โย ปหิณติ, ตสฺส วิสฺสาสา คณฺหาติ, ทุคฺคหิตํ. ภิกฺขุ ภิกฺขุสฺส หตฺเถ จีวรํ ปหิณติ ‘‘อิมํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส ทมฺมี’’ติ. โส อนฺตรามคฺเค สุณาติ ‘‘อุโภ กาลกตา’’ติ. โย ปหิณติ, ตสฺส มตกจีวรํ อธิฏฺาติ, ทฺวาธิฏฺิตํ. ยสฺส ปหียติ, ตสฺส มตกจีวรํ อธิฏฺาติ, สฺวาธิฏฺิตํ.

ปริจฺจชิตฺวา ทินฺนํ ปุน เกนจิ การเณน กุปิโต อาหราเปตุํ น ลภติ. อตฺตนา ทินฺนมฺปิ หิ จีวรํ สกสฺาย อจฺฉินฺทโต นิสฺสคฺคิยํ, อฺํ ปริกฺขารํ อนฺตมโส สูจิมฺปิ อจฺฉินฺทโต ทุกฺกฏํ. สเจ ปน ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ อิทํ สารุปฺป’’นฺติ สยเมว เทติ, คเหตุํ วฏฺฏติ. อถ ปน ‘‘อาวุโส, มยํ ตุยฺหํ ‘วตฺตปฏิวตฺตํ กริสฺสติ, อมฺหากํ สนฺติเก อุปชฺฌํ คณฺหิสฺสติ, ธมฺมํ ปริยาปุณิสฺสตี’ติ จีวรํ อทมฺหา, โส ทานิ ตฺวํ น วตฺตํ กโรสิ, น อุปชฺฌํ คณฺหาสิ, น ธมฺมํ ปริยาปุณาสี’’ติ เอวมาทีนิ วุตฺโต ‘‘ภนฺเต, จีวรตฺถาย มฺเ ภณถ, อิทํ โว จีวร’’นฺติ เทติ, เอวมฺปิ วฏฺฏติ. ทิสาปกฺกมนฺตํ วา ปน ทหรํ ‘‘นิวตฺเตถ น’’นฺติ ภณติ, โส น นิวตฺตติ, จีวเร คเหตฺวา นิรุนฺธถาติ, เอวฺเจ นิวตฺตติ, สาธุ. สเจ ‘‘ปตฺตจีวรตฺถาย มฺเ ตุมฺเห ภณถ, คณฺหถ น’’นฺติ เทติ, เอวมฺปิ วฏฺฏติ. วิพฺภมนฺตํ วา ทิสฺวา ‘‘มยํ ตุยฺหํ ‘วตฺตํ กริสฺสตี’ติ ปตฺตจีวรํ อทมฺหา, โส ทานิ ตฺวํ วิพฺภมิตฺวา จรสี’’ติ วทติ, อิตโร ‘‘คณฺหถ ตุมฺหากํ ปตฺตจีวร’’นฺติ เทติ, เอวมฺปิ วฏฺฏติ. ‘‘มม สนฺติเก อุปชฺฌํ คณฺหนฺตสฺเสว เทมิ, อฺตฺถ คณฺหนฺตสฺส น เทมิ, วตฺตํ กโรนฺตสฺเสว เทมิ, อกโรนฺตสฺส น เทมิ, ธมฺมํ ปริยาปุณนฺตสฺเสว เทมิ, อปริยาปุณนฺตสฺส น เทมิ, อวิพฺภมนฺตสฺเสว เทมิ, วิพฺภมนฺตสฺส น เทมี’’ติ เอวํ ปน ทาตุํ น วฏฺฏติ, ททโต ทุกฺกฏํ, อาหราเปตุํ ปน วฏฺฏติ, วิสฺสชฺเชตฺวา ทินฺนํ อจฺฉินฺทิตฺวา คณฺหนฺโต ภณฺฑคฺเฆน กาเรตพฺโพ. อยํ ตาว ทาเน วินิจฺฉโย.

๗๐. วิสฺสาสคฺคาหลกฺขณํ ปน อิมินา สุตฺเตน ชานิตพฺพํ –

‘‘อนุชานามิ , ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคตสฺส วิสฺสาสํ คเหตุํ สนฺทิฏฺโ จ โหติ, สมฺภตฺโต จ, อาลปิโต จ, ชีวติ จ, คหิเต จ อตฺตมโน โหตี’’ติ (มหาว. ๓๕๖).

ตตฺถ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๓๑) สนฺทิฏฺโติ ทิฏฺมตฺตกมิตฺโต. สมฺภตฺโตติ ทฬฺหมิตฺโต. อาลปิโตติ ‘‘มม สนฺตกํ ยํ อิจฺฉสิ, ตํ คณฺเหยฺยาสิ, อาปุจฺฉิตฺวา คหเณ การณํ นตฺถี’’ติ วุตฺโต. ชีวตีติ อนุฏฺานเสยฺยาย สยิโตปิ ยาวชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทํ น ปาปุณาติ. คหิเต จ อตฺตมโนติ คหิเต ตุฏฺจิตฺโต โหติ. ‘‘เอวรูปสฺส สนฺตกํ คหิเต เม อตฺตมโน ภวิสฺสตี’’ติ ชานนฺเตน คเหตุํ วฏฺฏติ. อนวเสสปริยาทานวเสน เจตานิ ปฺจงฺคานิ วุตฺตานิ, วิสฺสาสคฺคาโห ปน ตีหิ องฺเคหิ รุหติ สนฺทิฏฺโ, ชีวติ, คหิเต อตฺตมโน, สมฺภตฺโต, ชีวติ, คหิเต อตฺตมโน, อาลปิโต, ชีวติ, คหิเต อตฺตมโนติ. โย ปน น ชีวติ, น จ คหิเต อตฺตมโน โหติ, ตสฺส สนฺตกํ วิสฺสาสคฺคาเหน คหิตมฺปิ ปุน ทาตพฺพํ. ททมาเนน จ มตกธนํ ตาว เย ตสฺส ธเน อิสฺสรา คหฏฺา วา ปพฺพชิตา วา, เตสํ ทาตพฺพํ. อนตฺตมนสฺส สนฺตกํ ตสฺเสว ทาตพฺพํ, โย ปน ปมํเยว ‘‘สุฏฺุ กตํ ตยา มม สนฺตกํ คณฺหนฺเตนา’’ติ วจีเภเทน วา จิตฺตุปฺปาทมตฺเตน วา อนุโมทิตฺวา ปจฺฉา เกนจิ การเณน กุปิโต, ปจฺจาหราเปตุํ น ลภติ, โยปิ อทาตุกาโม, จิตฺเตน ปน อธิวาเสติ, น กิฺจิ วทติ, โสปิ ปุน ปจฺจาหราเปตุํ น ลภติ. โย ปน ‘‘มยา ตุมฺหากํ สนฺตกํ คหิตํ วา ปริภุตฺตํ วา’’ติ วุตฺเต ‘‘คหิตํ วา โหตุ ปริภุตฺตํ วา, มยา ปน ตํ เกนจิเทว กรณีเยน ปิตํ, ตํ ปากติกํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทติ, อยํ ปจฺจาหราเปตุํ ลภติ. อยํ วิสฺสาสคฺคาเห วินิจฺฉโย.

๗๑. ลาภสฺส ปริณามนนฺติ อิทํ ปน อฺเสํ อตฺถาย ปริณตลาภสฺส อตฺตโน อฺสฺส วา ปริณามนํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตตฺรายํ วินิจฺฉโย (ปารา. อฏฺ. ๒.๖๕๙-๖๖๐) – สงฺฆสฺส ปริณตํ สหธมฺมิกานํ วา คิหีนํ วา อนฺตมโส มาตุสนฺตกมฺปิ ‘‘อิทํ มยฺหํ เทหี’’ติ สงฺฆสฺส ปริณตภาวํ ตฺวา อตฺตโน ปริณาเมตฺวา คณฺหนฺตสฺส นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ, ‘‘อิมสฺส ภิกฺขุโน เทหี’’ติ เอวํ อฺสฺส ปริณาเมนฺตสฺส สุทฺธิกปาจิตฺติยํ. ตสฺมา โยปิ วสฺสิกสาฏิกสมเย มาตุฆเรปิ สงฺฆสฺส ปริณตํ วสฺสิกสาฏิกํ ตฺวา อตฺตโน ปริณาเมติ, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ, ปรสฺส ปริณาเมติ, สุทฺธิกปาจิตฺติยํ. มนุสฺสา ‘‘สงฺฆภตฺตํ กริสฺสามา’’ติ สปฺปิเตลาทีนิ อาหรนฺติ, คิลาโน เจปิ ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปริณตภาวํ ตฺวา กิฺจิ ยาจติ, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยเมว. สเจ ปน โส ‘‘ตุมฺหากํ สปฺปิอาทีนิ อาภตานิ อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, อตฺถี’’ติ วุตฺเต ‘‘มยฺหมฺปิ เทถา’’ติ วทติ, วฏฺฏติ. อถาปิ นํ กุกฺกุจฺจายนฺตํ อุปาสกา วทนฺติ ‘‘สงฺโฆปิ อมฺเหหิ ทินฺนเมว ลภติ, คณฺหถ, ภนฺเต’’ติ, เอวมฺปิ วฏฺฏติ.

เอกสฺมึ วิหาเร สงฺฆสฺส ปริณตํ อฺวิหารํ อุทฺทิสิตฺวา ‘‘อสุกสฺมึ นาม วิหาเร สงฺฆสฺส เทถา’’ติ ปริณาเมติ, ‘‘กึ สงฺฆสฺส ทาเนน, เจติยสฺส ปูชํ กโรถา’’ติ เอวํ เจติยสฺส วา ปริณาเมติ, ทุกฺกฏํ. เจติยสฺส ปริณตํ อฺเจติยสฺส วา สงฺฆสฺส วา คณสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา ปริณาเมติ, ทุกฺกฏเมว. นิยเมตฺวา อฺเจติยสฺส อตฺถาย โรปิตมาลาวจฺฉโต อฺเจติยมฺหิ ปุปฺผมฺปิ อาโรเปตุํ น วฏฺฏติ, เอกสฺส เจติยสฺส ปน ฉตฺตํ วา ปฏากํ วา อาโรเปตฺวา ิตํ ทิสฺวา เสสํ อฺเจติยสฺส ทาเปตุํ วฏฺฏติ. อนฺตมโส สุนขสฺสปิ ปริณตํ ‘‘อิมสฺส สุนขสฺส มา เทหิ, เอตสฺส เทหี’’ติ เอวํ อฺปุคฺคลสฺส ปริณาเมติ, ทุกฺกฏํ. สเจ ปน ทายกา ‘‘มยํ สงฺฆภตฺตํ กาตุกามา, เจติยปูชํ กาตุกามา, เอกสฺส ภิกฺขุโน ปริกฺขารํ ทาตุกามา, ตุมฺหากํ รุจิยา ทสฺสาม, ภณถ กตฺถ เทมา’’ติ วทนฺติ, เอวํ วุตฺเต เตน ภิกฺขุนา ‘‘ยตฺถ อิจฺฉถ, ตตฺถ เทถา’’ติ วตฺตพฺพา. สเจ ปน เกวลํ ‘‘กตฺถ เทมา’’ติ ปุจฺฉนฺติ, ‘‘ยตฺถ ตุมฺหากํ เทยฺยธมฺโม ปริโภคํ วา ลเภยฺย, ปฏิสงฺขารํ วา ลเภยฺย, จิรฏฺิติโก วา อสฺส, ยตฺถ วา ปน ตุมฺหากํ จิตฺตํ ปสีทติ, ตตฺถ เทถา’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏติ.

อิติ ปาฬิมุตฺตกวินยวินิจฺฉยสงฺคเห

ทานลกฺขณาทิวินิจฺฉยกถา สมตฺตา.