📜
๒. ปริกฺขารวินิจฺฉยกถา
๖. ปริกฺขาโรติ ¶ สมณปริกฺขาโร. ตตฺรายํ กปฺปิยากปฺปิยปริกฺขารวินิจฺฉโย (ปารา. อฏฺ. ๑.๘๕) – เกจิ ตาลปณฺณจฺฉตฺตํ อนฺโต วา พหิ วา ปฺจวณฺเณน สุตฺเตน สิพฺพิตฺวา วณฺณมฏฺํ กโรนฺติ, ตํ น วฏฺฏติ. เอกวณฺเณน ปน นีเลน วา ปีตเกน วา เยน เกนจิ สุตฺเตน อนฺโต วา พหิ วา สิพฺพิตุํ ¶ , ฉตฺตทณฺฑคฺคาหกํ สลากปฺชรํ วา วินนฺธิตุํ วฏฺฏติ, ตฺจ โข ถิรกรณตฺถํ วฏฺฏติ, น วณฺณมฏฺตฺถาย. ฉตฺตปณฺเณสุ มกรทนฺตกํ วา อฑฺฒจนฺทกํ วา ฉินฺทิตุํ น วฏฺฏติ. ฉตฺตทณฺเฑ เคหตฺถมฺเภสุ วิย ฆฏโก วา วาฬรูปกํ วา น วฏฺฏติ. สเจปิ สพฺพตฺถ อารคฺเคน เลขา ทินฺนา โหติ, สาปิ น วฏฺฏติ. ฆฏกํ วา วาฬรูปกํ วา ภินฺทิตฺวา ธาเรตพฺพํ, เลขาปิ ฆํสิตฺวา วา อปเนตพฺพา, สุตฺตเกน วา ทณฺโฑ เวเตพฺโพ. ทณฺฑพุนฺเท ปน อหิจฺฉตฺตกสณฺานํ วฏฺฏติ. วาตปฺปหาเรน อจลนตฺถํ ฉตฺตมณฺฑลิกํ รชฺชุเกหิ คาเหตฺวา ทณฺเฑ พนฺธนฺติ, ตสฺมึ พนฺธนฏฺาเน วลยมิว อุกฺกิริตฺวา เลขํ เปนฺติ, สา วฏฺฏติ.
๗. จีวรมณฺฑนตฺถาย นานาสุตฺตเกหิ สตปทิสทิสํ สิพฺพนฺตา อาคนฺตุกปฏฺฏํ เปนฺติ, อฺมฺปิ ยํ กิฺจิ สูจิกมฺมวิการํ กโรนฺติ, ปฏฺฏมุเข วา ปริยนฺเต วา เวณึ วา สงฺขลิกํ วา มุคฺครํ วา เอวมาทิ สพฺพํ น วฏฺฏติ, ปกติสูจิกมฺมเมว วฏฺฏติ. คณฺิกปฏฺฏกฺจ ปาสกปฏฺฏกฺจ อฏฺโกณมฺปิ โสฬสโกณมฺปิ กโรนฺติ, ตตฺถ อคฺฆิยคยมุคฺคราทีนิ ทสฺเสนฺติ, กกฺกฏกฺขีนิ อุกฺกิรนฺติ, สพฺพํ น วฏฺฏติ, จตุโกณเมว วฏฺฏติ, โกณสุตฺตปีฬกา จ จีวเร รตฺเต ทุวิฺเยฺยรูปา วฏฺฏนฺติ. กฺชิกปิฏฺขลิออลกาทีสุ จีวรํ ปกฺขิปิตุํ น วฏฺฏติ, จีวรกมฺมกาเล ปน หตฺถมลสูจิมลาทีนํ โธวนตฺถํ กิลิฏฺกาเล จ โธวนตฺถํ วฏฺฏติ, คนฺธํ วา ลาขํ วา เตลํ วา รชเน ปกฺขิปิตุํ น วฏฺฏติ.
รชเนสุ จ หลิทฺทึ เปตฺวา สพฺพํ มูลรชนํ วฏฺฏติ, มฺชิฏฺิฺจ ตุงฺคหารฺจ เปตฺวา สพฺพํ ขนฺธรชนํ วฏฺฏติ. ตุงฺคหาโร นาม เอโก สกณฺฏกรุกฺโข, ตสฺส หริตาลวณฺณํ ขนฺธรชนํ โหติ. โลทฺทฺจ กณฺฑุลฺจ เปตฺวา สพฺพํ ตจรชนํ วฏฺฏติ. อลฺลิปตฺตฺจ นีลิปตฺตฺจ เปตฺวา สพฺพํ ปตฺตรชนํ วฏฺฏติ. คิหิปริภุตฺตกํ ปน อลฺลิปตฺเตน เอกวารํ รชิตุํ ¶ วฏฺฏติ. กึสุกปุปฺผฺจ กุสุมฺภปุปฺผฺจ เปตฺวา สพฺพํ ปุปฺผรชนํ วฏฺฏติ. ผลรชเน ปน น กิฺจิ น วฏฺฏติ (มหาว. อฏฺ. ๓๔๔).
๘. จีวรํ รชิตฺวา สงฺเขน วา มณินา วา เยน เกนจิ น ฆฏฺเฏตพฺพํ, ภูมิยํ ชาณุกานิ นิหนฺตฺวา หตฺเถหิ คเหตฺวา โทณิยมฺปิ น ฆํสิตพฺพํ. โทณิยํ วา ผลเก วา เปตฺวา อนฺเต คาหาเปตฺวา หตฺเถน ปหริตุํ ปน ¶ วฏฺฏติ, ตมฺปิ มุฏฺินา น กาตพฺพํ. โปราณกตฺเถรา ปน โทณิยมฺปิ น เปสุํ. เอโก จีวรํ คเหตฺวา ติฏฺติ, อปโร หตฺเถ กตฺวา หตฺเถน ปหรติ. จีวรสฺส กณฺณสุตฺตกํ น วฏฺฏติ, รชิตกาเล ฉินฺทิตพฺพํ. ยํ ปน ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, กณฺณสุตฺตก’’นฺติ (มหาว. ๓๔๔) เอวํ อนฺุาตํ, ตํ อนุวาเต ปาสกํ กตฺวา พนฺธิตพฺพํ รชนกาเล ลคฺคนตฺถาย. คณฺิเกปิ โสภากรณตฺถํ เลขา วา ปีฬกา วา น วฏฺฏติ, นาเสตฺวา ปริภฺุชิตพฺพํ.
๙. ปตฺเต วา ถาลเก วา อารคฺเคน เลขํ กโรนฺติ อนฺโต วา พหิ วา, น วฏฺฏติ. ปตฺตํ ภมํ อาโรเปตฺวา มชฺชิตฺวา ปจนฺติ ‘‘มณิวณฺณํ กริสฺสามา’’ติ, น วฏฺฏติ, เตลวณฺโณ ปน วฏฺฏติ. ปตฺตมณฺฑเล ภิตฺติกมฺมํ น วฏฺฏติ, มกรทนฺตกํ ปน วฏฺฏติ.
ธมกรณฉตฺตกสฺส อุปริ วา เหฏฺา วา ธมกรณกุจฺฉิยํ วา เลขา น วฏฺฏติ, ฉตฺตมุขวฏฺฏิยํ ปนสฺส เลขา วฏฺฏติ.
๑๐. กายพนฺธนสฺส โสภนตฺถํ ตหึ ตหึ ทิคุณํ สุตฺตํ โกฏฺเฏนฺติ, กกฺกฏกฺขีนิ อุฏฺาเปนฺติ, น วฏฺฏติ, อุโภสุ ปน อนฺเตสุ ทสามุขสฺส ถิรภาวาย ทิคุณํ โกฏฺเฏตุํ วฏฺฏติ. ทสามุเข ปน ฆฏกํ วา มกรมุขํ วา เทฑฺฑุภสีสํ วา ยํ กิฺจิ วิการรูปํ กาตุํ น วฏฺฏติ, ตตฺถ ตตฺถ อจฺฉีนิ ทสฺเสตฺวา มาลากมฺมาทีนิ วา กตฺวา โกฏฺฏิตกายพนฺธนมฺปิ น วฏฺฏติ, อุชุกเมว ปน มจฺฉกณฺฏกํ วา ขชฺชูริปตฺตกํ วา มฏฺกปฏฺฏิกํ วา กตฺวา โกฏฺเฏตุํ วฏฺฏติ. กายพนฺธนสฺส ทสา เอกา วฏฺฏติ, ทฺเว ตีณิ จตฺตาริปิ วฏฺฏนฺติ, ตโต ปรํ น วฏฺฏนฺติ. รชฺชุกกายพนฺธนํ เอกเมว วฏฺฏติ, ปามงฺคสณฺานํ ปน เอกมฺปิ น วฏฺฏติ, ทสา ปน ปามงฺคสณฺานาปิ วฏฺฏติ, พหุรชฺชุเก เอกโต กตฺวา เอเกน นิรนฺตรํ เวเตฺวา กตํ พหุรชฺชุกนฺติ น วตฺตพฺพํ, ตํ วฏฺฏติ.
กายพนฺธนวิเธ ¶ อฏฺมงฺคลาทิกํ ยํ กิฺจิ วิการรูปํ น วฏฺฏติ, ปริจฺเฉทเลขามตฺตํ วฏฺฏติ. วิธกสฺส อุโภสุ อนฺเตสุ ถิรกรณตฺถาย ฆฏกํ กโรนฺติ, อยมฺปิ วฏฺฏติ.
๑๑. อฺชนิยํ อิตฺถิปุริสจตุปฺปทสกุณรูปํ วา มาลากมฺมลตากมฺมมกรทนฺตกโคมุตฺตกอฑฺฒจนฺทกาทิเภทํ วา วิการรูปํ น วฏฺฏติ, ฆํสิตฺวา วา ¶ ภินฺทิตฺวา วา ยถา วา น ปฺายติ, ตถา สุตฺตเกน เวเตฺวา วฬฺเชตพฺพา. อุชุกเมว ปน จตุรํสา วา อฏฺํสา วา โสฬสํสา วา อฺชนี วฏฺฏติ. เหฏฺโตปิสฺสา ทฺเว วา ติสฺโส วา วฏฺฏเลขาโย วฏฺฏนฺติ, คีวายมฺปิสฺสา ปิธานกพนฺธนตฺถํ เอกา วฏฺฏเลขา วฏฺฏติ.
อฺชนีสลากายปิ วณฺณมฏฺกมฺมํ น วฏฺฏติ, อฺชนีถวิกายปิ ยํ กิฺจิ นานาวณฺเณน สุตฺเตน วณฺณมฏฺกมฺมํ น วฏฺฏติ. เอเสว นโย กฺุจิกโกสเกปิ. กฺุจิกาย วณฺณมฏฺกมฺมํ น วฏฺฏติ, ตถา สิปาฏิกาย. เอกวณฺณสุตฺเตน ปน เยน เกนจิ ยํ กิฺจิ สิพฺพิตุํ วฏฺฏติ.
๑๒. อารกณฺฏเกปิ วฏฺฏมณิกํ วา อฺํ วา วณฺณมฏฺํ น วฏฺฏติ, คีวายํ ปน ปริจฺเฉทเลขา วฏฺฏติ. ปิปฺผลิเกปิ มณิกํ วา ปีฬกํ วา ยํ กิฺจิ อุฏฺาเปตุํ น วฏฺฏติ, ทณฺฑเก ปน ปริจฺเฉทเลขา วฏฺฏติ. นขจฺเฉทนํ วลิตกํเยว กโรนฺติ, ตสฺมา ตํ วฏฺฏติ. อุตฺตรารณิยํ วาปิ อรณิธนุเก วา อุปริเปลฺลนทณฺฑเก วา มาลากมฺมาทิ ยํ กิฺจิ วณฺณมฏฺํ น วฏฺฏติ. เปลฺลนทณฺฑกสฺส ปน เวมชฺเฌ มณฺฑลํ โหติ, ตตฺถ ปริจฺเฉทเลขามตฺตํ วฏฺฏติ. สูจิสณฺฑาสํ กโรนฺติ, เยน สูจึ ฑํสาเปตฺวา ฆํสนฺติ, ตตฺถ มกรมุขาทิกํ ยํ กิฺจิ วณฺณมฏฺํ น วฏฺฏติ, สูจิฑํสนตฺถํ ปน มุขมตฺตํ โหติ, ตํ วฏฺฏติ.
ทนฺตกฏฺจฺเฉทนวาสิยมฺปิ ยํ กิฺจิ วณฺณมฏฺํ น วฏฺฏติ, อุชุกเมว กปฺปิยโลเหน อุโภสุ วา ปสฺเสสุ จตุรํสํ วา อฏฺํสํ วา พนฺธิตุํ วฏฺฏติ. กตฺตรทณฺเฑปิ ยํ กิฺจิ วณฺณมฏฺํ น วฏฺฏติ, เหฏฺา เอกา วา ทฺเว วา วฏฺฏเลขา อุปริ อหิจฺฉตฺตกมกุฬมตฺตฺจ วฏฺฏติ.
๑๓. เตลภาชเนสุ วิสาเณ วา นาฬิยํ วา อลาพุเก วา อามณฺฑสารเก วา เปตฺวา อิตฺถิรูปํ ปุริสรูปฺจ อวเสสํ สพฺพมฺปิ วณฺณมฏฺกมฺมํ วฏฺฏติ. มฺจปีเ ภิสิพิมฺโพหเน ภูมตฺถรเณ ปาทปฺุฉเน จงฺกมนภิสิยา สมฺมฺุชนิยํ กจวรฉฑฺฑนเก รชนโทณิกาย ปานียอุฬุงฺเก ¶ ปานียฆเฏ ปาทกถลิกาย ผลกปีเก วลยาธารเก ทณฺฑาธารเก ปตฺตปิธาเน ตาลวณฺเฏ พีชเนติ เอเตสุ สพฺพํ มาลากมฺมาทิ วณฺณมฏฺกมฺมํ วฏฺฏติ.
๑๔. เสนาสเน ปน ทฺวารกวาฏวาตปานกวาฏาทีสุ สพฺพรตนมยมฺปิ วณฺณมฏฺกมฺมํ วฏฺฏติ. เสนาสเน กิฺจิ ปฏิเสเธตพฺพํ นตฺถิ อฺตฺร วิรุทฺธเสนาสนา ¶ . วิรุทฺธเสนาสนํ นาม อฺเสํ สีมาย ราชวลฺลเภหิ กตเสนาสนํ วุจฺจติ. ตสฺมา เย ตาทิสํ เสนาสนํ กโรนฺติ, เต วตฺตพฺพา ‘‘มา อมฺหากํ สีมาย เสนาสนํ กโรถา’’ติ. อนาทิยิตฺวา กโรนฺติเยว, ปุนปิ วตฺตพฺพา ‘‘มา เอวํ อกตฺถ, มา อมฺหากํ อุโปสถปวารณานํ อนฺตรายมกตฺถ, มา สามคฺคึ ภินฺทิตฺถ, ตุมฺหากํ เสนาสนํ กตมฺปิ กตฏฺาเน น สฺสตี’’ติ. สเจ พลกฺกาเรน กโรนฺติเยว, ยทา เตสํ ลชฺชิปริสา อุสฺสนฺนา โหติ, สกฺกา จ โหติ ลทฺธุํ ธมฺมิโก วินิจฺฉโย, ตทา เตสํ เปเสตพฺพํ ‘‘ตุมฺหากํ อาวาสํ หรถา’’ติ. สเจ ยาวตติยํ เปสิเต หรนฺติ, สาธุ. โน เจ หรนฺติ, เปตฺวา โพธิฺจ เจติยฺจ อวเสสเสนาสนานิ ภินฺทิตพฺพานิ, โน จ โข อปริโภคํ กโรนฺเตหิ, ปฏิปาฏิยา ปน ฉทนโคปานสีอิฏฺกาทีนิ อปเนตฺวา เตสํ เปเสตพฺพํ ‘‘ตุมฺหากํ ทพฺพสมฺภาเร หรถา’’ติ. สเจ หรนฺติ, สาธุ. โน เจ หรนฺติ, อถ เตสุ ทพฺพสมฺภาเรสุ หิมวสฺสวาตาตปาทีหิ ปูติภูเตสุ วา โจเรหิ วา หเฏสุ อคฺคินา วา ทฑฺเฒสุ สีมสามิกา ภิกฺขู อนุปวชฺชา, น ลพฺภา โจเทตุํ ‘‘ตุมฺเหหิ อมฺหากํ ทพฺพสมฺภารา นาสิตา’’ติ วา ‘‘ตุมฺหากํ คีวา’’ติ วา. ยํ ปน สีมสามิเกหิ ภิกฺขูหิ กตํ, ตํ สุกตเมว โหติ. โยปิ ภิกฺขุ พหุสฺสุโต วินยฺู อฺํ ภิกฺขุํ อกปฺปิยปริกฺขารํ คเหตฺวา วิจรนฺตํ ทิสฺวา ฉินฺทาเปยฺย วา ภินฺทาเปยฺย วา, อนุปวชฺโช, โส เนว โจเทตพฺโพ น สาเรตพฺโพ, น ตํ ลพฺภา วตฺตุํ ‘‘อยํ นาม มม ปริกฺขาโร ตยา นาสิโต, ตํ เม เทหี’’ติ.
อิติ ปาฬิมุตฺตกวินยวินิจฺฉยสงฺคเห
ปริกฺขารวินิจฺฉยกถา สมตฺตา.