📜
๒๓. นิสฺสยวินิจฺฉยกถา
๑๕๑. นิสฺสโยติ ¶ ¶ เอตฺถ ปน อยํ นิสฺสโย นาม เกน ทาตพฺโพ, เกน น ทาตพฺโพ, กสฺส ทาตพฺโพ, กสฺส น ทาตพฺโพ, กถํ คหิโต โหติ, กถํ ปฏิปฺปสฺสมฺภติ, นิสฺสาย เกน วสิตพฺพํ, เกน จ น วสิตพฺพนฺติ? ตตฺถ เกน ทาตพฺโพ, เกน น ทาตพฺโพติ เอตฺถ ตาว ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน ทสวสฺเสน วา อติเรกทสวสฺเสน วา อุปสมฺปาเทตุํ, นิสฺสยํ ทาตุ’’นฺติ (มหาว. ๗๖, ๘๒) จ วจนโต โย พฺยตฺโต โหติ ปฏิพโล อุปสมฺปทาย ทสวสฺโส วา อติเรกทสวสฺโส วา, เตน ทาตพฺโพ, อิตเรน น ทาตพฺโพ. สเจ เทติ, ทุกฺกฏํ อาปชฺชติ.
เอตฺถ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๔๕-๑๔๗) จ ‘‘พฺยตฺโต’’ติ อิมินา ปริสุปฏฺาปกพหุสฺสุโต เวทิตพฺโพ. ปริสุปฏฺาปเกน หิ สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน ปริสํ อภิวินเย วิเนตุํ ทฺเว วิภงฺคา ปคุณา วาจุคฺคตา กาตพฺพา, อสกฺโกนฺเตน ตีหิ ชเนหิ สทฺธึ ปริวตฺตนกฺขมา กาตพฺพา, กมฺมากมฺมฺจ ขนฺธกวตฺตฺจ อุคฺคเหตพฺพํ, ปริสาย ปน อภิธมฺเม วินยนตฺถํ สเจ มชฺฌิมภาณโก โหติ, มูลปณฺณาสโก อุคฺคเหตพฺโพ, ทีฆภาณเกน มหาวคฺโค, สํยุตฺตภาณเกน เหฏฺิมา วา ตโย วคฺคา มหาวคฺโค วา, องฺคุตฺตรภาณเกน เหฏฺา วา อุปริ วา อุปฑฺฒนิกาโย อุคฺคเหตพฺโพ, อสกฺโกนฺเตน ติกนิปาตโต ปฏฺาย อุคฺคเหตุมฺปิ วฏฺฏติ. มหาปจฺจริยํ ปน ‘‘เอกํ คณฺหนฺเตน จตุกฺกนิปาตํ วา ปฺจกนิปาตํ วา อุคฺคเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. ชาตกภาณเกน สาฏฺกถํ ชาตกํ อุคฺคเหตพฺพํ, ตโต โอรํ น วฏฺฏติ. ‘‘ธมฺมปทมฺปิ สห วตฺถุนา อุคฺคเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ มหาปจฺจริยํ วุตฺตํ. ตโต ตโต สมุจฺจยํ กตฺวา มูลปณฺณาสกมตฺตํ วฏฺฏติ, ‘‘น วฏฺฏตี’’ติ กุรุนฺทฏฺกถายํ ปฏิกฺขิตฺตํ, อิตราสุ วิจารณาเยว นตฺถิ. อภิธมฺเม กิฺจิ คเหตพฺพนฺติ น วุตฺตํ. ยสฺส ปน สาฏฺกถมฺปิ วินยปิฏกํ อภิธมฺมปิฏกฺจ ปคุณํ, สุตฺตนฺเต จ วุตฺตปฺปกาโร คนฺโถ นตฺถิ, ปริสํ อุปฏฺาเปตุํ น ลภติ. เยน ปน สุตฺตนฺตโต จ วินยโต จ วุตฺตปฺปมาโณ คนฺโถ อุคฺคหิโต, อยํ ปริสุปฏฺาโก พหุสฺสุโตว โหติ, ทิสาปาโมกฺโข เยนกามํคโม ปริสํ อุปฏฺาเปตุํ ลภติ, อยํ อิมสฺมึ อตฺเถ ‘‘พฺยตฺโต’’ติ อธิปฺเปโต.
โย ¶ ¶ ปน อนฺเตวาสิโน วา สทฺธิวิหาริกสฺส วา คิลานสฺส สกฺโกติ อุปฏฺานาทีนิ กาตุํ, อยํ อิธ ‘‘ปฏิพโล’’ติ อธิปฺเปโต. ยํ ปน วุตฺตํ –
‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา น อุปสมฺปาเทตพฺพํ, น นิสฺสโย ทาตพฺโพ, น สามเณโร อุปฏฺาเปตพฺโพ. น อเสกฺเขน สีลกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต โหติ, น อเสกฺเขน สมาธิกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต โหติ, น อเสกฺเขน ปฺากฺขนฺเธน สมนฺนาคโต โหติ, น อเสกฺเขน วิมุตฺติกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต โหติ, น อเสกฺเขน วิมุตฺติาณทสฺสนกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา น อุปสมฺปาเทตพฺพํ, น นิสฺสโย ทาตพฺโพ, น สามเณโร อุปฏฺาเปตพฺโพ.
‘‘อปเรหิปิ, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา น อุปสมฺปาเทตพฺพํ, น นิสฺสโย ทาตพฺโพ, น สามเณโร อุปฏฺาเปตพฺโพ. อตฺตนา น อเสกฺเขน สีลกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต โหติ, น ปรํ อเสกฺเข สีลกฺขนฺเธ สมาทเปตา. อตฺตนา น อเสกฺเขน สมาธิกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต โหติ, น ปรํ อเสกฺเข สมาธิกฺขนฺเธ สมาทเปตา. อตฺตนา น อเสกฺเขน ปฺากฺขนฺเธน สมนฺนาคโต โหติ, น ปรํ อเสกฺเข ปฺากฺขนฺเธ สมาทเปตา. อตฺตนา น อเสกฺเขน วิมุตฺติกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต โหติ, น ปรํ อเสกฺเข วิมุตฺติกฺขนฺเธ สมาทเปตา. อตฺตนา น อเสกฺเขน วิมุตฺติาณทสฺสนกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต โหติ, น ปรํ อเสกฺเข วิมุตฺติาณทสฺสนกฺขนฺเธ สมาทเปตา. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา น อุปสมฺปาเทตพฺพํ, น นิสฺสโย ทาตพฺโพ, น สามเณโร อุปฏฺาเปตพฺโพ.
‘‘อปเรหิปิ, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา น อุปสมฺปาเทตพฺพํ, น นิสฺสโย ทาตพฺโพ, น สามเณโร อุปฏฺาเปตพฺโพ. อสฺสทฺโธ โหติ, อหิริโก โหติ, อโนตฺตปฺปี โหติ, กุสีโต โหติ, มุฏฺสฺสติ โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา น อุปสมฺปาเทตพฺพํ ¶ , น นิสฺสโย ทาตพฺโพ, น สามเณโร อุปฏฺาเปตพฺโพ.
‘‘อปเรหิปิ, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา น อุปสมฺปาเทตพฺพํ, น นิสฺสโย ทาตพฺโพ, น สามเณโร อุปฏฺาเปตพฺโพ. อธิสีเล สีลวิปนฺโน โหติ, อชฺฌาจาเร ¶ อาจารวิปนฺโน โหติ, อติทิฏฺิยา ทิฏฺิวิปนฺโน โหติ, อปฺปสฺสุโต โหติ, ทุปฺปฺโ โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา น อุปสมฺปาเทตพฺพํ, น นิสฺสโย ทาตพฺโพ, น สามเณโร อุปฏฺาเปตพฺโพ.
‘‘อปเรหิปิ, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา น อุปสมฺปาเทตพฺพํ, น นิสฺสโย ทาตพฺโพ, น สามเณโร อุปฏฺาเปตพฺโพ. น ปฏิพโล โหติ อนฺเตวาสึ วา สทฺธิวิหารึ วา คิลานํ อุปฏฺาตุํ วา อุปฏฺาเปตุํ วา, อนภิรตํ วูปกาเสตุํ วา วูปกาสาเปตุํ วา, อุปฺปนฺนํ กุกฺกุจฺจํ ธมฺมโต วิโนเทตุํ, อาปตฺตึ น ชานาติ, อาปตฺติยา วุฏฺานํ น ชานาติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา น อุปสมฺปาเทตพฺพํ, น นิสฺสโย ทาตพฺโพ, น สามเณโร อุปฏฺาเปตพฺโพ.
‘‘อปเรหิปิ, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา น อุปสมฺปาเทตพฺพํ, น นิสฺสโย ทาตพฺโพ, น สามเณโร อุปฏฺาเปตพฺโพ. น ปฏิพโล โหติ อนฺเตวาสึ วา สทฺธิวิหารึ วา อาภิสมาจาริกาย สิกฺขาย สิกฺขาเปตุํ, อาทิพฺรหฺมจริยกาย สิกฺขาย วิเนตุํ, อภิธมฺเม วิเนตุํ, อภิวินเย วิเนตุํ, อุปฺปนฺนํ ทิฏฺิคตํ ธมฺมโต วิเวเจตุํ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา น อุปสมฺปาเทตพฺพํ, น นิสฺสโย ทาตพฺโพ, น สามเณโร อุปฏฺาเปตพฺโพ.
‘‘อปเรหิปิ, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา น อุปสมฺปาเทตพฺพํ, น นิสฺสโย ทาตพฺโพ, น สามเณโร อุปฏฺาเปตพฺโพ ¶ . อาปตฺตึ น ชานาติ, อนาปตฺตึ น ชานาติ, ลหุกํ อาปตฺตึ น ชานาติ, ครุกํ อาปตฺตึ น ชานาติ, อุภยานิ โข ปนสฺส ปาติโมกฺขานิ วิตฺถาเรน น สฺวาคตานิ โหนฺติ น สุวิภตฺตานิ น สุปฺปวตฺตีนิ น สุวินิจฺฉิตานิ สุตฺตโส อนุพฺยฺชนโส. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา น อุปสมฺปาเทตพฺพํ, น นิสฺสโย ทาตพฺโพ, น สามเณโร อุปฏฺาเปตพฺโพ.
‘‘อปเรหิปิ, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา น อุปสมฺปาเทตพฺพํ, น นิสฺสโย ทาตพฺโพ, น สามเณโร อุปฏฺาเปตพฺโพ. อาปตฺตึ น ชานาติ, อนาปตฺตึ น ชานาติ, ลหุกํ อาปตฺตึ น ชานาติ, ครุกํ อาปตฺตึ น ชานาติ, อูนทสวสฺโส โหติ ¶ . อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา น อุปสมฺปาเทตพฺพํ, น นิสฺสโย ทาตพฺโพ, น สามเณโร อุปฏฺาเปตพฺโพ’’ติอาทิ (มหาว. ๘๔). ตมฺปิ –
‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน ทสวสฺเสน วา อติเรกทสวสฺเสน วา อุปสมฺปาเทตุํ, นิสฺสยํ ทาตุ’’นฺติ (มหาว. ๗๖, ๘๒) จ เอวํ สงฺเขปโต วุตฺตสฺเสว อุปชฺฌายาจริยลกฺขณสฺส วิตฺถารทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ.
ตตฺถ (มหาว. อฏฺ. ๘๔) กิฺจิ อยุตฺตวเสน ปฏิกฺขิตฺตํ, กิฺจิ อาปตฺติองฺควเสน. ตถา หิ ‘‘น อเสกฺเขน สีลกฺขนฺเธนา’’ติ จ ‘‘อตฺตนา น อเสกฺเขนา’’ติ จ ‘‘อสฺสทฺโธ’’ติ จ อาทีสุ ตีสุ ปฺจเกสุ อยุตฺตวเสน ปฏิกฺเขโป กโต, น อาปตฺติองฺควเสน. โย หิ อเสกฺเขหิ สีลกฺขนฺธาทีหิ อสมนฺนาคโต ปเร จ ตตฺถ สมาทเปตุํ อสกฺโกนฺโต อสฺสทฺธิยาทิโทสยุตฺโตว หุตฺวา ปริสํ ปริหรติ, ตสฺส ปริสา สีลาทีหิ ปริยายติเยว น วฑฺฒติ, ตสฺมา ‘‘เตน น อุปสมฺปาเทตพฺพ’’นฺติอาทิ อยุตฺตวเสน วุตฺตํ, น อาปตฺติองฺควเสน. น หิ ขีณาสวสฺเสว อุปชฺฌาจริยภาโว ภควตา อนฺุาโต, ยทิ ตสฺเสว อนฺุาโต อภวิสฺส, ‘‘สเจ อุปชฺฌายสฺส อนภิรติ อุปฺปนฺนา โหตี’’ติอาทึ น วเทยฺย, ยสฺมา ปน ขีณาสวสฺส ปริสา สีลาทีหิ น ปริหายติ, ตสฺมา ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา อุปสมฺปาเทตพฺพ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.
อธิสีเล ¶ สีลวิปนฺโนติอาทีสุ ปาราชิกฺจ สงฺฆาทิเสสฺจ อาปนฺโน อธิสีเล สีลวิปนฺโน นาม. อิตเร ปฺจาปตฺติกฺขนฺเธ อาปนฺโน อชฺฌาจาเร อาจารวิปนฺโน นาม. สมฺมาทิฏฺึ ปหาย อนฺตคฺคาหิกาย ทิฏฺิยา สมนฺนาคโต อติทิฏฺิยา ทิฏฺิวิปนฺโน นาม. ยตฺตกํ สุตํ ปริสํ ปริหรนฺตสฺส อิจฺฉิตพฺพํ, เตน วิรหิตตฺตา อปฺปสฺสุโต. ยํ เตน ชานิตพฺพํ อาปตฺตาทิ, ตสฺส อชานนโต ทุปฺปฺโ. อิมสฺมึ ปฺจเก ปุริมานิ ตีณิ ปทานิ อยุตฺตวเสน วุตฺตานิ, ปจฺฉิมานิ ทฺเว อาปตฺติองฺควเสน.
อาปตฺตึ น ชานาตีติ ‘‘อิทํ นาม มยา กต’’นฺติ วุตฺเต ‘‘อิมํ นาม อาปตฺตึ อยํ อาปนฺโน’’ติ น ชานาติ. วุฏฺานํ น ชานาตีติ ‘‘วุฏฺานคามินิโต วา เทสนาคามินิโต วา อาปตฺติโต เอวํ นาม วุฏฺานํ โหตี’’ติ น ชานาติ. อิมสฺมิฺหิ ปฺจเก ปุริมานิ ทฺเว ปทานิ อยุตฺตวเสน วุตฺตานิ, ปจฺฉิมานิ ตีณิ อาปตฺติองฺควเสน.
อาภิสมาจาริกาย ¶ สิกฺขายาติ ขนฺธกวตฺเต วิเนตุํ น ปฏิพโล โหตีติ อตฺโถ. อาทิพฺรหฺมจริยกายาติ เสกฺขปณฺณตฺติยํ วิเนตุํ น ปฏิพโลติ อตฺโถ. อภิธมฺเมติ นามรูปปริจฺเฉเท วิเนตุํ น ปฏิพโลติ อตฺโถ. อภิวินเยติ สกเล วินยปิฏเก วิเนตุํ น ปฏิพโลติ อตฺโถ. วิเนตุํ น ปฏิพโลติ จ สพฺพตฺถ สิกฺขาเปตุํ น สกฺโกตีติ อตฺโถ. ธมฺมโต วิเวเจตุนฺติ ธมฺเมน การเณน วิสฺสชฺชาเปตุํ. อิมสฺมึ ปฺจเก สพฺพปเทสุ อาปตฺติ.
‘‘อาปตฺตึ น ชานาตี’’ติอาทิปฺจกสฺมึ วิตฺถาเรนาติ อุภโตวิภงฺเคน สทฺธึ. น สฺวาคตานีติ น สุฏฺุ อาคตานิ. สุวิภตฺตานีติ สุฏฺุ วิภตฺตานิ ปทปจฺจาภฏฺสงฺกรโทสรอตานิ. สุปฺปวตฺตีนีติ ปคุณานิ วาจุคฺคตานิ สุวินิจฺฉิตานิ. สุตฺตโสติ ขนฺธกปริวารโต อาหริตพฺพสุตฺตวเสน สุฏฺุ วินิจฺฉิตานิ. อนุพฺยฺชนโสติ อกฺขรปทปาริปูริยา จ สุวินิจฺฉิตานิ อขณฺฑานิ อวิปรีตกฺขรานิ. เอเตน อฏฺกถา ทีปิตา. อฏฺกถาโต หิ เอส วินิจฺฉโย โหตีติ. อิมสฺมึ ปฺจเกปิ สพฺพปเทสุ อาปตฺติ. อูนทสวสฺสปริโยสานปฺจเกปิ เอเสว นโย. อิติ อาทิโต ตโย ปฺจกา, จตุตฺเถ ตีณิ ปทานิ, ปฺจเม ทฺเว ปทานีติ สพฺเพปิ จตฺตาโร ปฺจกา อยุตฺตวเสน วุตฺตา, จตุตฺเถ ปฺจเก ทฺเว ¶ ปทานิ, ปฺจเม ตีณิ, ฉฏฺสตฺตมฏฺมา ตโย ปฺจกาติ สพฺเพปิ จตฺตาโร ปฺจกา อาปตฺติองฺควเสน วุตฺตา.
สุกฺกปกฺเข ปน วุตฺตวิปริยาเยน ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา อุปสมฺปาเทตพฺพํ, นิสฺสโย ทาตพฺโพ, สามเณโร อุปฏฺาเปตพฺโพ. อเสกฺเขน สีลกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต โหตี’’ติอาทินา (มหาว. ๘๔) อฏฺ ปฺจกา อาคตาเยว. ตตฺถ สพฺพตฺเถว อนาปตฺติ.
๑๕๒. กสฺส ทาตพฺโพ, กสฺส น ทาตพฺโพติ เอตฺถ ปน โย ลชฺชี โหติ, ตสฺส ทาตพฺโพ. อิตรสฺส น ทาตพฺโพ ‘‘น, ภิกฺขเว, อลชฺชีนํ นิสฺสโย ทาตพฺโพ, โย ทเทยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๑๒๐) วจนโต. นิสฺสาย วสนฺเตนปิ อลชฺชี นิสฺสาย น วสิตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘น, ภิกฺขเว, อลชฺชีนํ นิสฺสาย วตฺถพฺพํ, โย วเสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๑๒๐). เอตฺถ (มหาว. อฏฺ. ๑๒๐) จ อลชฺชีนนฺติ อุปโยคตฺเถ สามิวจนํ, อลชฺชิปุคฺคเล นิสฺสาย น วสิตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติ. ตสฺมา นวํ านํ คเตน ‘‘เอหิ, ภิกฺขุ, นิสฺสยํ คณฺหาหี’’ติ วุจฺจมาเนนปิ จตูหปฺจาหํ นิสฺสยทายกสฺส ลชฺชิภาวํ อุปปริกฺขิตฺวา นิสฺสโย คเหตพฺโพ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, จตูหปฺจาหํ อาคเมตุํ ยาว ภิกฺขุสภาคตํ ชานามี’’ติ (มหาว. ๑๒๐) หิ วุตฺตํ. สเจ ‘‘เถโร ¶ ลชฺชี’’ติ ภิกฺขูนํ สนฺติเก สุตฺวา อาคตทิวเสเยว คเหตุกาโม โหติ, เถโร ปน ‘‘อาคเมหิ ตาว, วสนฺโต ชานิสฺสสี’’ติ กติปาหํ อาจารํ อุปปริกฺขิตฺวา นิสฺสยํ เทติ, วฏฺฏติ, ปกติยา นิสฺสยคหณฏฺานํ คเตน ปน ตทเหว คเหตพฺโพ, เอกทิวสมฺปิ ปริหาโร นตฺถิ. สเจ ปมยาเม อาจริยสฺส โอกาโส นตฺถิ, โอกาสํ อลภนฺโต ‘‘ปจฺจูสสมเย คเหสฺสามี’’ติ สยติ, อรุณํ อุคฺคตมฺปิ น ชานาติ, อนาปตฺติ. สเจ ปน ‘‘คณฺหิสฺสามี’’ติ อาโภคํ อกตฺวา สยติ, อรุณุคฺคมเน ทุกฺกฏํ. อคตปุพฺพํ านํ คเตน ทฺเว ตีณิ ทิวสานิ วสิตฺวา คนฺตุกาเมน อนิสฺสิเตน วสิตพฺพํ. ‘‘สตฺตาหํ วสิสฺสามี’’ติ อาลยํ กโรนฺเตน ปน นิสฺสโย คเหตพฺโพ. สเจ เถโร ‘‘กึ สตฺตาหํ วสนฺตสฺส นิสฺสเยนา’’ติ วทติ, ปฏิกฺขิตฺตกาลโต ปฏฺาย ลทฺธปริหาโร โหติ.
‘‘อนุชานามิ ¶ , ภิกฺขเว, อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺเนน ภิกฺขุนา นิสฺสยํ อลภมาเนน อนิสฺสิเตน วตฺถุ’’นฺติ วจนโต ปน อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺโน สเจ อตฺตนา สทฺธึ อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺนํ นิสฺสยทายกํ น ลภติ, เอวํ นิสฺสยํ อลภมาเนน อนิสฺสิเตน พหูนิปิ ทิวสานิ คนฺตุํ วฏฺฏติ. สเจ ปุพฺเพ นิสฺสยํ คเหตฺวา วุตฺถปุพฺพํ กิฺจิ อาวาสํ ปวิสติ, เอกรตฺตํ วสนฺเตนปิ นิสฺสโย คเหตพฺโพ. อนฺตรามคฺเค วิสฺสมนฺโต วา สตฺถํ วา ปริเยสนฺโต กติปาหํ วสติ, อนาปตฺติ. อนฺโตวสฺเส ปน นิพทฺธวาสํ วสิตพฺพํ, นิสฺสโย จ คเหตพฺโพ. นาวาย คจฺฉนฺตสฺส ปน วสฺสาเน อาคเตปิ นิสฺสยํ อลภนฺตสฺส อนาปตฺติ. สเจ อนฺตรามคฺเค คิลาโน โหติ, นิสฺสยํ อลภมาเนน อนิสฺสิเตน วสิตุํ วฏฺฏติ.
คิลานุปฏฺาโกปิ คิลาเนน ยาจิยมาโน อนิสฺสิโต เอว วสิตุํ ลภติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, คิลาเนน ภิกฺขุนา นิสฺสยํ อลภมาเนน อนิสฺสิเตน วตฺถุํ, อนุชานามิ, ภิกฺขเว, คิลานุปฏฺาเกน ภิกฺขุนา นิสฺสยํ อลภมาเนน ยาจิยมาเนน อนิสฺสิเตน วตฺถุ’’นฺติ (มหาว. ๑๒๑). สเจ ปน ‘‘ยาจาหิ ม’’นฺติ วุจฺจมาโนปิ คิลาโน มาเนน น ยาจติ, คนฺตพฺพํ.
‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อารฺิเกน ภิกฺขุนา ผาสุวิหารํ สลฺลกฺเขนฺเตน นิสฺสยํ อลภมาเนน อนิสฺสิเตน วตฺถุํ ‘ยทา ปติรูโป นิสฺสยทายโก อาคจฺฉิสฺสติ, ตทา ตสฺส นิสฺสาย วสิสฺสามี’’’ติ วจนโต ปน ยตฺถ วสนฺตสฺส สมถวิปสฺสนานํ ปฏิลาภวเสน ผาสุ โหติ, ตาทิสํ ผาสุวิหารํ สลฺลกฺเขนฺเตน นิสฺสยํ อลภมาเนน อนิสฺสิเตน วตฺถพฺพํ. อิมฺจ ปน ปริหารํ เนว โสตาปนฺโน, น สกทาคามิอนาคามิอรหนฺโต ลภนฺติ, น ถามคตสฺส ¶ สมาธิโน วา วิปสฺสนาย วา ลาภี, วิสฺสฏฺกมฺมฏฺาเน ปน พาลปุถุชฺชเน กถาว นตฺถิ. ยสฺส โข ปน สมโถ วา วิปสฺสนา วา ตรุณา โหติ, อยํ อิมํ ปริหารํ ลภติ, ปวารณาสงฺคโหปิ เอตสฺเสว อนฺุาโต. ตสฺมา อิมินา ปุคฺคเลน อาจริเย ปวาเรตฺวา คเตปิ ‘‘ยทา ปติรูโปนิสฺสยทายโก อาคจฺฉิสฺสติ, ตํ นิสฺสาย วสิสฺสามี’’ติ อาโภคํ กตฺวา ปุน ยาว อาสาฬฺหีปุณฺณมา, ตาว อนิสฺสิเตน วตฺถุํ วฏฺฏติ. สเจ ปน อาสาฬฺหีมาเส อาจริโย นาคจฺฉติ, ยตฺถ นิสฺสโย ลพฺภติ, ตตฺถ คนฺตพฺพํ.
๑๕๓. กถํ ¶ คหิโต โหตีติ เอตฺถ อุปชฺฌายสฺส สนฺติเก ตาว อุปชฺฌํ คณฺหนฺเตน เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา ปาเท วนฺทิตฺวา อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ‘‘อุปชฺฌาโย เม, ภนฺเต, โหหี’’ติ ติกฺขตฺตุํ วตฺตพฺพํ. เอวํ สทฺธิวิหาริเกน วุตฺเต สเจ อุปชฺฌาโย ‘‘สาหู’’ติ วา ‘‘ลหู’’ติ วา ‘‘โอปายิก’’นฺติ วา ‘‘ปติรูป’’นฺติ วา ‘‘ปาสาทิเกน สมฺปาเทหี’’ติ วา กาเยน วิฺาเปติ, วาจาย วิฺาเปติ, กาเยน วาจาย วิฺาเปติ, คหิโต โหติ อุปชฺฌาโย. อิทเมว เหตฺถ อุปชฺฌายคฺคหณํ, ยทิทํ อุปชฺฌายสฺส อิเมสุ ปฺจสุ ปเทสุ ยสฺส กสฺสจิ ปทสฺส วาจาย สาวนํ กาเยน วา อตฺถวิฺาปนนฺติ. เกจิ ปน ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉนํ สนฺธาย วทนฺติ, น ตํ ปมาณํ. อายาจนทานมตฺเตน หิ คหิโต โหติ อุปชฺฌาโย, น เอตฺถ สมฺปฏิจฺฉนํ องฺคํ. สทฺธิวิหาริเกนปิ น เกวลํ ‘‘อิมินา เม ปเทน อุปชฺฌาโย คหิโต’’ติ าตุํ วฏฺฏติ, ‘‘อชฺชตคฺเค ทานิ เถโร มยฺหํ ภาโร, อหมฺปิ เถรสฺส ภาโร’’ติ อิทมฺปิ าตุํ วฏฺฏติ (มหาว. อฏฺ. ๖๔). วุตฺตฺเหตํ –
‘‘อุปชฺฌาโย, ภิกฺขเว, สทฺธิวิหาริกมฺหิ ปุตฺตจิตฺตํ อุปฏฺเปสฺสติ, สทฺธิวิหาริโก อุปชฺฌายมฺหิ ปิตุจิตฺตํ อุปฏฺเปสฺสติ, เอวํ เต อฺมฺํ สคารวา สปฺปติสฺสา สภาควุตฺติโน วิหรนฺตา อิมสฺมึ ธมฺมวินเย วุฑฺฒึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชิสฺสนฺตี’’ติ (มหาว. ๖๕).
อาจริยสฺส สนฺติเก นิสฺสยคฺคหเณปิ อยเมว วินิจฺฉโย. อยํ ปเนตฺถ วิเสโส – อาจริยสฺส สนฺติเก นิสฺสยํ คณฺหนฺเตน อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา ‘‘อาจริโย เม, ภนฺเต, โหหิ, อายสฺมโต นิสฺสาย วจฺฉามี’’ติ (มหาว. ๗๗) ติกฺขตฺตุํ วตฺตพฺพํ, เสสํ วุตฺตนยเมว.
๑๕๔. กถํ ¶ ปฏิปฺปสฺสมฺภตีติ เอตฺถ ตาว อุปชฺฌายมฺหา ปฺจหากาเรหิ นิสฺสยปฏิปฺปสฺสทฺธิ เวทิตพฺพา, อาจริยมฺหา ฉหิ อากาเรหิ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ปฺจิมา, ภิกฺขเว, นิสฺสยปฏิปฺปสฺสทฺธิโย อุปชฺฌายมฺหา. อุปชฺฌาโย ปกฺกนฺโต วา โหติ, วิพฺภนฺโต วา, กาลกโต วา, ปกฺขสงฺกนฺโต วา, อาณตฺติเยว ปฺจมี. อิมา โข, ภิกฺขเว, ปฺจ นิสฺสยปฏิปฺปสฺสทฺธิโย อุปชฺฌายมฺหา.
ฉยิมา ¶ , ภิกฺขเว, นิสฺสยปฏิปฺปสฺสทฺธิโย อาจริยมฺหา. อาจริโย ปกฺกนฺโต วา โหติ, วิพฺภนฺโต วา, กาลกโต วา, ปกฺขสงฺกนฺโต วา, อาณตฺติเยว ปฺจมี, อุปชฺฌาเยน วา สโมธานคโต โหติ. อิมา โข, ภิกฺขเว, ฉ นิสฺสยปฏิปฺปสฺสทฺธิโย อาจริยมฺหา’’ติ (มหาว. ๘๓).
ตตฺรายํ วินิจฺฉโย (มหาว. อฏฺ. ๘๓) – ปกฺกนฺโตติ ทิสํ คโต. เอวํ คเต จ ปน ตสฺมึ สเจ วิหาเร นิสฺสยทายโก อตฺถิ, ยสฺส สนฺติเก อฺทาปิ นิสฺสโย วา คหิตปุพฺโพ โหติ, โย วา เอกสมฺโภคปริโภโค, ตสฺส สนฺติเก นิสฺสโย คเหตพฺโพ, เอกทิวสมฺปิ ปริหาโร นตฺถิ. สเจ ตาทิโส นตฺถิ, อฺโ ลชฺชี เปสโล อตฺถิ, ตสฺส เปสลภาวํ ชานนฺเตน ตทเหว นิสฺสโย ยาจิตพฺโพ. สเจ เทติ, อิจฺเจตํ กุสลํ. อถ ปน ‘‘ตุมฺหากํ อุปชฺฌาโย ลหุํ อาคมิสฺสตี’’ติ ปุจฺฉติ, อุปชฺฌาเยน เจ ตถา วุตฺตํ, ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วตฺตพฺพํ. สเจ วทติ ‘‘เตน หิ อุปชฺฌายสฺส อาคมนํ อาคเมถา’’ติ, วฏฺฏติ. อถ ปนสฺส ปกติยา เปสลภาวํ น ชานาติ, จตฺตาริ ปฺจ ทิวสานิ ตสฺส ภิกฺขุสฺส สภาคตํ โอโลเกตฺวา โอกาสํ กาเรตฺวา นิสฺสโย คเหตพฺโพ. สเจ ปน วิหาเร นิสฺสยทายโก นตฺถิ, อุปชฺฌาโย จ ‘‘อหํ กติปาเหน อาคมิสฺสามิ, มา อุกฺกณฺิตฺถา’’ติ วตฺวา คโต, ยาว อาคมนา ปริหาโร ลพฺภติ, อถาปิ นํ ตตฺถ มนุสฺสา ปริจฺฉินฺนกาลโต อุตฺตริปิ ปฺจ วา ทส วา ทิวสานิ วาเสนฺติเยว, เตน วิหารํ ปวตฺติ เปเสตพฺพา ‘‘ทหรา มา อุกฺกณฺนฺตุ, อหํ อสุกทิวสํ นาม อาคมิสฺสามี’’ติ, เอวมฺปิ ปริหาโร ลพฺภติ. อถ อาคจฺฉโต อนฺตรามคฺเค นทีปูเรน วา โจราทีหิ วา อุปทฺทโว โหติ, เถโร อุทโกสกฺกนํ วา อาคเมติ, สหาเย วา ปริเยสติ, ตํ เจ ปวตฺตึ ทหรา สุณนฺติ, ยาว อาคมนา ปริหาโร ลพฺภติ. สเจ ปน โส ‘‘อิเธวาหํ วสิสฺสามี’’ติ ปหิณติ, ปริหาโร นตฺถิ. ยตฺถ นิสฺสโย ลพฺภติ, ตตฺถ คนฺตพฺพํ. วิพฺภนฺเต ปน กาลกเต ปกฺขสงฺกนฺเต วา เอกทิวสมฺปิ ปริหาโร นตฺถิ, ยตฺถ นิสฺสโย ลพฺภติ, ตตฺถ คนฺตพฺพํ.
อาณตฺตีติ ¶ ¶ ปน นิสฺสยปณามนา วุจฺจติ, ตสฺมา ‘‘ปณาเมมิ ต’’นฺติ วา ‘‘มา อิธ ปฏิกฺกมี’’ติ วา ‘‘นีหร เต ปตฺตจีวร’’นฺติ วา ‘‘นาหํ ตยา อุปฏฺาเปตพฺโพ’’ติ วาติ อิมินา ปาฬินเยน ‘‘มา มํ คามปฺปเวสนํ อาปุจฺฉี’’ติอาทินา ปาฬิมุตฺตกนเยน วา โย นิสฺสยปณามนาย ปณามิโต โหติ, เตน อุปชฺฌาโย ขมาเปตพฺโพ. สเจ อาทิโตว น ขมติ, ทณฺฑกมฺมํ อาหริตฺวา ติกฺขตฺตุํ ตาว สยเมว ขมาเปตพฺโพ. โน เจ ขมติ, ตสฺมึ วิหาเร มหาเถเร คเหตฺวา ขมาเปตพฺโพ. โน เจ ขมติ, สามนฺตวิหาเร ภิกฺขู คเหตฺวา ขมาเปตพฺโพ. สเจ เอวมฺปิ น ขมติ, อฺตฺถ คนฺตฺวา อุปชฺฌายสฺส สภาคานํ สนฺติเก วสิตพฺพํ ‘‘อปฺเปว นาม ‘สภาคานํ เม สนฺติเก วสตี’ติ ตฺวาปิ ขเมยฺยา’’ติ. สเจ เอวมฺปิ น ขมติ, ตตฺเรว วสิตพฺพํ. ตตฺร เจ ทุพฺภิกฺขาทิโทเสน น สกฺกา โหติ วสิตุํ, ตํเยว วิหารํ อาคนฺตฺวา อฺสฺส สนฺติเก นิสฺสยํ คเหตฺวา วสิตุํ วฏฺฏติ. อยมาณตฺติยํ วินิจฺฉโย.
อาจริยมฺหา นิสฺสยปฏิปฺปสฺสทฺธีสุ อาจริโย ปกฺกนฺโต วา โหตีติ เอตฺถ โกจิ อาจริโย อาปุจฺฉิตฺวา ปกฺกมติ, โกจิ อนาปุจฺฉิตฺวา, อนฺเตวาสิโกปิ เอวเมว. ตตฺร สเจ อนฺเตวาสิโก อาจริยํ อาปุจฺฉติ ‘‘อสุกํ นาม, ภนฺเต, านํ คนฺตุํ อิจฺฉามิ เกนจิเทว กรณีเยนา’’ติ, อาจริเยน จ ‘‘กทา คมิสฺสสี’’ติ วุตฺโต ‘‘สายนฺเห วา รตฺตึ วา อุฏฺหิตฺวา คมิสฺสามี’’ติ วทติ, อาจริโยปิ ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉติ, ตํ ขณํเยว นิสฺสโย ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. สเจ ปน ‘‘ภนฺเต, อสุกํ นาม านํ คนฺตุกาโมมฺหี’’ติ วุตฺเต อาจริโย ‘‘อสุกสฺมึ นาม คาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉา ชานิสฺสสี’’ติ วทติ, โส จ ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉติ, ตโต เจ คโต สุคโต. สเจ ปน น คจฺฉติ, นิสฺสโย น ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. อถาปิ ‘‘คจฺฉามี’’ติ วุตฺเต อาจริเยน ‘‘มา ตาว คจฺฉ, รตฺตึ มนฺเตตฺวา ชานิสฺสามา’’ติ วุตฺโต มนฺเตตฺวา คจฺฉติ, สุคโต. โน เจ คจฺฉติ, นิสฺสโย น ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. อาจริยํ อนาปุจฺฉา ปกฺกมนฺตสฺส ปน อุปจารสีมาติกฺกเม นิสฺสโย ปฏิปฺปสฺสมฺภติ, อนฺโตอุปจารสีมโต ปฏินิวตฺตนฺตสฺส น ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. สเจ ปน อาจริโย อนฺเตวาสิกํ อาปุจฺฉติ ‘‘อาวุโส, อสุกํ นาม านํ คมิสฺสามี’’ติ, อนฺเตวาสิเกน จ ‘‘กทา’’ติ ¶ วุตฺเต ‘‘สายนฺเห วา รตฺติภาเค วา’’ติ วทติ, อนฺเตวาสิโกปิ ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉติ, ตํ ขณํเยว นิสฺสโย ปฏิปฺปสฺสมฺภติ, สเจ ปน อาจริโย ‘‘สฺเว ปิณฺฑาย จริตฺวา คมิสฺสามี’’ติ วทติ, อิตโร จ ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉติ, เอกทิวสํ ตาว นิสฺสโย น ปฏิปฺปสฺสมฺภติ, ปุนทิวเส ปฏิปฺปสฺสทฺโธ โหติ. ‘‘อสุกสฺมึ นาม คาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา ชานิสฺสามิ มม คมนํ วา อคมนํ วา’’ติ วตฺวา ¶ ปน สเจ น คจฺฉติ, นิสฺสโย น ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. อถาปิ ‘‘คจฺฉามี’’ติ วุตฺเต อนฺเตวาสิเกน ‘‘มา ตาว คจฺฉถ, รตฺตึ มนฺเตตฺวา ชานิสฺสถา’’ติ วุตฺโต มนฺเตตฺวาปิ น คจฺฉติ, นิสฺสโย น ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. สเจ อุโภปิ อาจริยนฺเตวาสิกา เกนจิเทว กรณีเยน พหิสีมํ คจฺฉนฺติ, ตโต เจ อาจริโย คมิยจิตฺเต อุปฺปนฺเน อนาปุจฺฉาว คนฺตฺวา ทฺวินฺนํ เลฑฺฑุปาตานํ อนฺโตเยว นิวตฺตติ, นิสฺสโย น ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. สเจ ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวา นิวตฺตติ, ปฏิปฺปสฺสทฺโธ โหติ. อาจริยุปชฺฌายา ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมฺม อฺสฺมึ วิหาเร วสนฺติ, นิสฺสโย ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. อาจริเย วิพฺภนฺเต กาลกเต ปกฺขสงฺกนฺเต จ ตํ ขณํเยว ปฏิปฺปสฺสมฺภติ.
อาณตฺติยํ ปน อาจริโย มฺุจิตุกาโมว หุตฺวา นิสฺสยปณามนาย ปณาเมติ, อนฺเตวาสิโก จ ‘‘กิฺจาปิ มํ อาจริโย ปณาเมติ, อถ โข หทเยน มุทุโก’’ติ สาลโย โหติ, นิสฺสโย น ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. สเจปิ อาริโย สาลโย, อนฺเตวาสิโก นิราลโย ‘‘น ทานิ อิมํ นิสฺสาย วสิสฺสามี’’ติ ธุรํ นิกฺขิปติ, เอวมฺปิ น ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. อุภินฺนํ สาลยภาเว ปน น ปฏิปฺปสฺสมฺภติเยว, อุภินฺนํ ธุรนิกฺเขเปน ปฏิปฺปสฺสมฺภติ, ปณามิเตน ทณฺฑกมฺมํ อาหริตฺวา ติกฺขตฺตุํ ขมาเปตพฺโพ. โน เจ ขมติ, อุปชฺฌาเย วุตฺตนเยน ปฏิปชฺชิตพฺพํ. ยถาปฺตฺตํ ปน อาจริยุปชฺฌายวตฺตํ ปริปูเรนฺตํ อธิมตฺตเปมาทิปฺจงฺคสมนฺนาคตํ อนฺเตวาสิกํ สทฺธิวิหาริกํ วา ปณาเมนฺตสฺส ทุกฺกฏํ, อิตรํ อปณาเมนฺตสฺสปิ ทุกฺกฏเมว. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘น, ภิกฺขเว, สมฺมาวตฺตนฺโต ปณาเมตพฺโพ, โย ปณาเมยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. น จ, ภิกฺขเว, อสมฺมาวตฺตนฺโต น ปณาเมตพฺโพ, โย น ปณาเมยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส (มหาว. ๘๐).
‘‘ปฺจหิ ¶ , ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคตํ อนฺเตวาสิกํ อปณาเมนฺโต อาจริโย สาติสาโร โหติ, ปณาเมนฺโต อนติสาโร โหติ. อาจริยมฺหิ นาธิมตฺตํ เปมํ โหติ, นาธิมตฺโต ปสาโท โหติ, นาธิมตฺตา หิรี โหติ, นาธิมตฺโต คารโว โหติ, นาธิมตฺตา ภาวนา โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคตํ อนฺเตวาสิกํ อปณาเมนฺโต อาจริโย สาติสาโร โหติ, ปณาเมนฺโต อนติสาโร โหติ (มหาว. ๘๑).
‘‘ปฺจหิ ¶ , ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคตํ สทฺธิวิหาริกํ อปณาเมนฺโต อุปชฺฌาโย สาติสาโร โหติ, ปณาเมนฺโต อนติสาโร โหติ. อุปชฺฌายมฺหิ นาธิมตฺตํ เปมํ โหติ, นาธิมตฺโต ปสาโท โหติ, นาธิมตฺตา หิรี โหติ, นาธิมตฺโต คารโว โหติ, นาธิมตฺตา ภาวนา โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคตํ สทฺธิวิหาริกํ อปณาเมนฺโต อุปชฺฌาโย สาติสาโร โหติ, ปณาเมนฺโต อนติสาโร โหตี’’ติอาทิ (มหาว. ๖๘).
ตตฺถ (มหาว. อฏฺ. ๖๘) นาธิมตฺตํ เปมํ โหตีติ อุปชฺฌายมฺหิ อธิมตฺตํ เคหสฺสิตเปมํ น โหติ. นาธิมตฺตา ภาวนา โหตีติ อธิมตฺตา เมตฺตาภาวนา น โหตีติ อตฺโถ.
อุปชฺฌาเยน วา สโมธานคโตติ เอตฺถ (มหาว. อฏฺ. ๘๓) ทสฺสนสวนวเสน สโมธานํ เวทิตพฺพํ. สเจ หิ อาจริยํ นิสฺสาย วสนฺโต สทฺธิวิหาริโก เอกวิหาเร เจติยํ วา วนฺทนฺตํ, เอกคาเม วา ปิณฺฑาย จรนฺตํ อุปชฺฌายํ ปสฺสติ, นิสฺสโย ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. อุปชฺฌาโย ปสฺสติ, สทฺธิวิหาริโก น ปสฺสติ, น ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. มคฺคปฺปฏิปนฺนํ วา อากาเสน วา คจฺฉนฺตํ อุปชฺฌายํ ทิสฺวา ทูรตฺตา ‘‘ภิกฺขู’’ติ ชานาติ, ‘‘อุปชฺฌาโย’’ติ น ชานาติ, น ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. สเจ ชานาติ, ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. อุปริปาสาเท อุปชฺฌาโย วสติ, เหฏฺา สทฺธิวิหาริโก, ตํ อทิสฺวาว ยาคุํ ปิวิตฺวา ปฏิกฺกมติ, อาสนสาลาย วา นิสินฺนํ อทิสฺวาว เอกมนฺเต ภฺุชิตฺวา ปกฺกมติ, ธมฺมสฺสวนมณฺฑเป วา นิสินฺนมฺปิ ¶ ตํ อทิสฺวาว ธมฺมํ สุตฺวา ปกฺกมติ, นิสฺสโย น ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. เอวํ ตาว ทสฺสนวเสน สโมธานํ เวทิตพฺพํ. สวนวเสน ปน สเจ อุปชฺฌายสฺส วิหาเร วา อนฺตรฆเร วา ธมฺมํ วา กเถนฺตสฺส อนุโมทนํ วา กโรนฺตสฺส สทฺทํ สุตฺวา ‘‘อุปชฺฌายสฺส เม สทฺโท’’ติ สฺชานาติ, นิสฺสโย ปฏิปฺปสฺสมฺภติ, อสฺชานนฺตสฺส น ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. อยํ สโมธาเน วินิจฺฉโย.
๑๕๕. นิสฺสาย เกน วสิตพฺพํ, เกน น วสิตพฺพนฺติ เอตฺถ ปน ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน ปฺจ วสฺสานิ นิสฺสาย วตฺถุํ, อพฺยตฺเตน ยาวชีว’’นฺติ (มหาว. ๑๐๓) วจนโต โย อพฺยตฺโต โหติ, เตน ยาวชีวํ นิสฺสาเยว วสิตพฺพํ. สจายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๐๓) วุฑฺฒตรํ อาจริยํ น ลภติ, อุปสมฺปทาย สฏฺิวสฺโส วา สตฺตติวสฺโส วา โหติ, นวกตรสฺสปิ พฺยตฺตสฺส สนฺติเก อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ‘‘อาจริโย เม, อาวุโส, โหติ, อายสฺมโต นิสฺสาย วจฺฉามี’’ติ ¶ เอวํ ติกฺขตฺตุํ วตฺวา นิสฺสโย คเหตพฺโพว. คามปฺปเวสนํ อาปุจฺฉนฺเตนปิ อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ‘‘คามปฺปเวสนํ อาปุจฺฉามิ อาจริยา’’ติ วตฺตพฺพํ. เอส นโย สพฺพอาปุจฺฉเนสุ.
โย ปน พฺยตฺโต โหติ อุปสมฺปทาย ปฺจวสฺโส, เตน อนิสฺสิเตน วตฺถุํ วฏฺฏติ. ตสฺมา นิสฺสยมุจฺจนเกน (ปาจิ. อฏฺ. ๑๔๕-๑๔๗) อุปสมฺปทาย ปฺจวสฺเสน สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน ทฺเว มาติกา ปคุณา วาจุคฺคตา กตฺตพฺพา, ปกฺขทิวเสสุ ธมฺมสฺสวนตฺถาย สุตฺตนฺตโต จตฺตาโร ภาณวารา, สมฺปตฺตานํ ปริสานํ ปริกถนตฺถาย อนฺธกวินฺท(อ. นิ. ๕.๑๑๔) มหาราหุโลวาท(ม. นิ. ๒.๑๑๓ อาทโย) อมฺพฏฺ(ทอี. นิ. ๑.๒๕๔ อาทโย) สทิโส เอโก กถามคฺโค, สงฺฆภตฺตมงฺคลามงฺคเลสุ อนุโมทนตฺถาย ติสฺโส อนุโมทนา, อุโปสถปวารณาทิชานนตฺถํ กมฺมากมฺมวินิจฺฉโย, สมณธมฺมกรณตฺถํ สมาธิวเสน วา วิปสฺสนาวเสน วา อรหตฺตปริโยสานเมกํ กมฺมฏฺานํ, เอตฺตกํ อุคฺคเหตพฺพํ. เอตฺตาวตา หิ อยํ พหุสฺสุโต โหติ จาตุทฺทิโส, ยตฺถ กตฺถจิ อตฺตโน อิสฺสริเยน วสิตุํ ลภติ. ยํ ปน วุตฺตํ –
‘‘ปฺจหิ ¶ , ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา น อนิสฺสิเตน วตฺถพฺพํ. น อเสกฺเขน สีลกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต โหติ, น อเสกฺเขน สมาธิกฺขนฺเธน… น อเสกฺเขน ปฺากฺขนฺเธน… น อเสกฺเขน วิมุตฺติกฺขนฺเธน… น อเสกฺเขน วิมุตฺติาณทสฺสนกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา น อนิสฺสิเตน วตฺถพฺพํ.
‘‘อปเรหิปิ, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา น อนิสฺสิเตน วตฺถพฺพํ. อสฺสทฺโธ โหติ, อหิริโก โหติ, อโนตฺตปฺปี โหติ, กุสีโต โหติ, มุฏฺสฺสติ โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา น อนิสฺสิเตน วตฺถพฺพํ.
‘‘อปเรหิปิ, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา น อนิสฺสิเตน วตฺถพฺพํ. อธิสีเล สีลวิปนฺโน โหติ, อชฺฌาจาเร อาจารวิปนฺโน โหติ, อติทิฏฺิยา ทิฏฺิวิปนฺโน โหติ, อปฺปสฺสุโต โหติ, ทุปฺปฺโ โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา น อนิสฺสิเตน วตฺถพฺพํ.
‘‘อปเรหิปิ ¶ , ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา น อนิสฺสิเตน วตฺถพฺพํ. อาปตฺตึ น ชานาติ, อนาปตฺตึ น ชานาติ, ลหุกํ อาปตฺตึ น ชานาติ, ครุกํ อาปตฺตึ น ชานาติ, อุภยานิ โข ปนสฺส ปาติโมกฺขานิ วิตฺถาเรน น สฺวาคตานิ โหนฺติ น สุวิภตฺตานิ น สุปฺปวตฺตีนิ น สุวินิจฺฉิตานิ สุตฺตโส อนุพฺยฺชนโส. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา น อนิสฺสิเตน วตฺถพฺพํ.
‘‘อปเรหิปิ, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา น อนิสฺสิเตน วตฺถพฺพํ. อาปตฺตึ น ชานาติ, อนาปตฺตึ น ชานาติ, ลหุกํ อาปตฺตึ น ชานาติ, ครุกํ อาปตฺตึ น ชานาติ, อูนปฺจวสฺโส โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา น อนิสฺสิเตน วตฺถพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๑๐๓). เอตฺถาปิ ¶ ปุริมนเยเนว อยุตฺตวเสน อาปตฺติองฺควเสน จ ปฏิกฺเขโป กโตติ ทฏฺพฺพํ.
พาลานํ ปน อพฺยตฺตานํ ทิสํคมิกานํ อนฺเตวาสิกสทฺธิวิหาริกานํ อนฺุา น ทาตพฺพา. สเจ เทนฺติ, อาจริยุปชฺฌายานํ ทุกฺกฏํ. เต เจ อนนฺุาตา คจฺฉนฺติ, เตสมฺปิ ทุกฺกฏํ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, สมฺพหุลา ภิกฺขู พาลา อพฺยตฺตา ทิสํคมิกา อาจริยุปชฺฌาเย อาปุจฺฉนฺติ. เต, ภิกฺขเว, อาจริยุปชฺฌาเยหิ ปุจฺฉิตพฺพา ‘‘กหํ คมิสฺสถ, เกน สทฺธึ คมิสฺสถา’’ติ. เต เจ, ภิกฺขเว, พาลา อพฺยตฺตา อฺเ พาเล อพฺยตฺเต อปทิเสยฺยุํ. น, ภิกฺขเว, อาจริยุปชฺฌาเยหิ อนุชานิตพฺพา, อนุชาเนยฺยุํ เจ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. เต เจ, ภิกฺขเว, พาลา อพฺยตฺตา อนนฺุาตา อาจริยุปชฺฌาเยหิ คจฺเฉยฺยุํ เจ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๑๖๓).
อิติ ปาฬิมุตฺตกวินยวินิจฺฉยสงฺคเห
นิสฺสยวินิจฺฉยกถา สมตฺตา.