📜

๒๕. อุโปสถปวารณาวินิจฺฉยกถา

๑๖๘. อุโปสถปวารณาติ เอตฺถ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ทิวสวเสน ตโย อุโปสถา จาตุทฺทสิโก ปนฺนรสิโก สามคฺคีอุโปสโถติ. ตตฺถ เหมนฺตคิมฺหวสฺสานานํ ติณฺณํ อุตูนํ ตติยสตฺตมปกฺเขสุ ทฺเว ทฺเว กตฺวา ฉ จาตุทฺทสิกา, เสสา ปนฺนรสิกาติ เอวํ เอกสํวจฺฉเร จตุวีสติ อุโปสถา. อิทํ ตาว ปกติจาริตฺตํ. ตถารูปปจฺจเย สติ อฺสฺมิมฺปิ จาตุทฺทเส อุโปสถํ กาตุํ วฏฺฏติ. ปุริมวสฺสํวุฏฺานํ ปน ปุพฺพกตฺติกปุณฺณมา, เตสํเยว สเจ ภณฺฑนการเกหิ อุปทฺทุตา ปวารณํ ปจฺจุกฺกฑฺฒนฺติ, อถ กตฺติกมาสสฺส กาฬปกฺขจาตุทฺทโส วา ปจฺฉิมกตฺติกปุณฺณมา วา ปจฺฉิมวสฺสํวุฏฺานฺจ ปจฺฉิมกตฺติกปุณฺณมา เอว วาติ อิเม ตโย ปวารณาทิวสาปิ โหนฺติ. อิทมฺปิ ปกติจาริตฺตเมว. ตถารูปปจฺจเย สติ ทฺวินฺนํ กตฺติกปุณฺณมานํ ปุริเมสุ จาตุทฺทเสสุปิ ปวารณํ กาตุํ วฏฺฏติ. ยทา ปน โกสมฺพกกฺขนฺธเก (มหาว. ๔๕๑ อาทโย) อาคตนเยน ภินฺเน ภิกฺขุสงฺเฆ โอสาริเต ตสฺมึ ภิกฺขุสฺมึ สงฺโฆ ตสฺส วตฺถุสฺส วูปสมาย สงฺฆสามคฺคึ กโรติ, ตทา ตาวเทว อุโปสโถ กาตพฺโพ. ‘‘ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพ’’นฺติ วจนโต เปตฺวา จาตุทฺทสปนฺนรเส อฺโปิ โย โกจิ ทิวโส อุโปสถทิวโส นาม โหติ, วสฺสํวุฏฺานํ ปน กตฺติกมาสพฺภนฺตเร อยเมว สามคฺคีปวารณาทิวโส นาม โหติ. อิติ อิเมสุ ตีสุ ทิวเสสุ อุโปสโถ กาตพฺโพ. กโรนฺเตน ปน สเจ จาตุทฺทสิโก โหติ, ‘‘อชฺชุโปสโถ จาตุทฺทโส’’ติ วตฺตพฺพํ. สเจ สามคฺคีอุโปสโถ โหติ, ‘‘อชฺชุโปสโถ สามคฺคี’’ติ วตฺตพฺพํ. ปนฺนรสิยํ ปน ปาฬิยํ อาคตนเยเนว ‘‘อชฺชุโปสโถ ปนฺนรโส’’ติ วตฺตพฺพํ.

๑๖๙. สงฺเฆ อุโปสโถ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา), คเณ อุโปสโถ, ปุคฺคเล อุโปสโถติ เอวํ การกวเสน อปเรปิ ตโย อุโปสถา วุตฺตา, กตฺตพฺพาการวเสน ปน สุตฺตุทฺเทโส ปาริสุทฺธิอุโปสโถ อธิฏฺานุโปสโถติ อปเรปิ ตโย อุโปสถา. ตตฺถ สุตฺตุทฺเทโส นาม ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ’’ติอาทินา นเยน วุตฺโต ปาติโมกฺขุทฺเทโส. เย ปนิตเร ทฺเว อุโปสถา, เตสุ ปาริสุทฺธิอุโปสโถ ตาว อฺเสฺจ สนฺติเก อฺมฺฺจ อาโรจนวเสน ทุวิโธ. ตตฺถ ยฺวายํ อฺเสํ สนฺติเก กรียติ, โสปิ ปวาริตานฺจ อปฺปวาริตานฺจ สนฺติเก กรณวเสน ทุวิโธ. ตตฺถ มหาปวารณาย ปวาริตานํ สนฺติเก ปจฺฉิมิกาย อุปคเตน วา อนุปคเตน วา ฉินฺนวสฺเสน วา จาตุมาสินิยํ ปน ปวาริตานํ สนฺติเก อนุปคเตน วา ฉินฺนวสฺเสน วา กายสามคฺคึ ทตฺวา ‘‘ปริสุทฺโธ อหํ ภนฺเต, ปริสุทฺโธติ มํ ธาเรถา’’ติ ติกฺขตฺตุํ วตฺวา กาตพฺโพ. เปตฺวา ปน ปวารณาทิวสํ อฺสฺมึ กาเล อาวาสิเกหิ อุทฺทิฏฺมตฺเต ปาติโมกฺเข อวุฏฺิตาย วา เอกจฺจาย วุฏฺิตาย วา สพฺพาย วา วุฏฺิตาย ปริสาย เย อฺเ สมสมา วา โถกตรา วา อาคจฺฉนฺติ, เตหิ เตสํ สนฺติเก วุตฺตนเยเนว ปาริสุทฺธิ อาโรเจตพฺพา.

โย ปนายํ อฺมฺํ อาโรจนวเสน กรียติ, โส ตฺตึ เปตฺวา กรณวเสน จ อฏฺเปตฺวา กรณวเสน จ ทุวิโธ. ตตฺถ ยสฺมึ อาวาเส ตโย ภิกฺขู วิหรนฺติ, เตสุ อุโปสถทิวเส สนฺนิปติเตสุ เอเกน ภิกฺขุนา ‘‘สุณนฺตุ เม อายสฺมนฺตา, อชฺชุโปสโถ จาตุทฺทโส’’ติ วา ‘‘ปนฺนรโส’’ติ วา วตฺวา ‘‘ยทายสฺมนฺตานํ ปตฺตกลฺลํ, มยํ อฺมฺํ ปาริสุทฺธิอุโปสถํ กเรยฺยามา’’ติ ตฺติยา ปิตาย เถเรน ภิกฺขุนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ‘‘ปริสุทฺโธ อหํ, อาวุโส, ปริสุทฺโธติ มํ ธาเรถา’’ติ ติกฺขตฺตุํ วตฺตพฺพํ. อิตเรหิ ‘‘ภนฺเต’’ติ วตฺวา เอวเมว วตฺตพฺพํ. เอวํ ตฺตึ เปตฺวา กาตพฺโพ. ยตฺร ปน ทฺเว ภิกฺขู วิหรนฺติ, ตตฺร ตฺตึ อฏฺเปตฺวา วุตฺตนเยเนว ปาริสุทฺธิ อาโรเจตพฺพาติ อยํ ปาริสุทฺธิอุโปสโถ.

สเจ ปน เอโกว ภิกฺขุ โหติ, สพฺพํ ปุพฺพกรณียํ กตฺวา อฺเสํ อนาคมนํ ตฺวา ‘‘อชฺช เม อุโปสโถ จาตุทฺทโส’’ติ วา ‘‘ปนฺนรโส’’ติ วา วตฺวา ‘‘อธิฏฺามี’’ติ วตฺตพฺพํ. อยํ อธิฏฺานุโปสโถติ เอวํ กตฺตพฺพาการวเสน ตโย อุโปสถา เวทิตพฺพา. เอตฺตาวตา นว อุโปสถา ทีปิตา โหนฺติ. เตสุ ทิวสวเสน ปนฺนรสิโก, การกวเสน สงฺฆุโปสโถ, กตฺตพฺพาการวเสน สุตฺตุทฺเทโสติ เอวํ ติลกฺขณสมฺปนฺเน อุโปสเถ ปวตฺตมาเน อุโปสถํ อกตฺวา ตทหุโปสเถ อฺํ อภิกฺขุกํ นานาสํวาสเกหิ วา สภิกฺขุกํ อาวาสํ วา อนาวาสํ วา วาสตฺถาย อฺตฺร สงฺเฆน อฺตฺร อนฺตรายา คจฺฉนฺตสฺส ทุกฺกฏํ โหติ.

๑๗๐. อุโปสถกรณตฺถํ สนฺนิปติเต สงฺเฆ พหิ อุโปสถํ กตฺวา อาคเตน สนฺนิปาตฏฺานํ คนฺตฺวา กายสามคฺคึ อเทนฺเตน ฉนฺโท ทาตพฺโพ. โยปิ คิลาโน วา โหติ กิจฺจปสุโต วา, เตนปิ ปาริสุทฺธึ เทนฺเตน ฉนฺโทปิ ทาตพฺโพ. กถํ? เอกสฺส ภิกฺขุโน สนฺติเก ‘‘ฉนฺทํ ทมฺมิ, ฉนฺทํ เม หร, ฉนฺทํ เม อาโรเจหี’’ติ อยมตฺโถ กาเยน วา วาจาย วา อุภเยน วา วิฺาเปตพฺโพ, เอวํ ทินฺโน โหติ ฉนฺโท. อกตุโปสเถน คิลาเนน วา กิจฺจปสุเตน วา ปาริสุทฺธิ ทาตพฺพา. กถํ? เอกสฺส ภิกฺขุโน สนฺติเก ‘‘ปาริสุทฺธึ ทมฺมิ, ปาริสุทฺธึ เม หร , ปาริสุทฺธึ เม อาโรเจหี’’ติ อยมตฺโถ กาเยน วา วาจาย วา อุภเยน วา วิฺาเปตพฺโพ, เอวํ ทินฺนา โหติ ปาริสุทฺธิ. ตํ ปน เทนฺเตน ฉนฺโทปิ ทาตพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตทหุโปสเถ ปาริสุทฺธึ เทนฺเตน ฉนฺทมฺปิ ทาตุํ, สนฺติ สงฺฆสฺส กรณีย’’นฺติ (มหาว. ๑๖๕). ตตฺถ ปาริสุทฺธิทานํ สงฺฆสฺสปิ อตฺตโนปิ อุโปสถกรณํ สมฺปาเทติ, น อวเสสํ สงฺฆกิจฺจํ, ฉนฺททานํ สงฺฆสฺเสว อุโปสถกรณฺจ เสสกิจฺจฺจ สมฺปาเทติ, อตฺตโน ปนสฺส อุโปสโถ อกโตเยว โหติ, ตสฺมา ปาริสุทฺธึ เทนฺเตน ฉนฺโทปิ ทาตพฺโพ. ปุพฺเพ วุตฺตํ ปน สุทฺธิกจฺฉนฺทํ วา ปาริสุทฺธึ วา อิมํ วา ฉนฺทปาริสุทฺธึ เอเกน พหูนมฺปิ อาหริตุํ วฏฺฏติ. สเจ ปน โส อนฺตรามคฺเค อฺํ ภิกฺขุํ ปสฺสิตฺวา เยสํ เตน ฉนฺโท วา ปาริสุทฺธิ วา คหิตา, เตสฺจ อตฺตโน จ ฉนฺทปาริสุทฺธึ เทติ, ตสฺเสว อาคจฺฉติ. อิตรา ปน พิฬาลสงฺขลิกา ฉนฺทปาริสุทฺธิ นาม โหติ, สา น อาคจฺฉติ, ตสฺมา สยเมว สนฺนิปาตฏฺานํ คนฺตฺวา อาโรเจตพฺพํ. สเจ ปน สฺจิจฺจ นาโรเจติ, ทุกฺกฏํ อาปชฺชติ, ฉนฺทปาริสุทฺธิ ปน ตสฺมึ หตฺถปาสํ อุปคตมตฺเตเยว อาคตา โหติ.

๑๗๑. ปาริวาสิเยน ปน ฉนฺททาเนน ยํ กิฺจิ สงฺฆกมฺมํ กาตุํ น วฏฺฏติ. ตตฺถ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๑๖๗) จตุพฺพิธํ ปาริวาสิยํ ปริสปาริวาสิยํ รตฺติปาริวาสิยํ ฉนฺทปาริวาสิยํ อชฺฌาสยปาริวาสิยนฺติ. เตสุ ปริสปาริวาสิยํ นาม ภิกฺขู เกนจิเทว กรณีเยน สนฺนิปติตา โหนฺติ, อถ เมโฆ วา อุฏฺเติ, อุสฺสารณา วา กรียติ, มนุสฺสา วา อชฺโฌตฺถรนฺตา อาคจฺฉนฺติ, ภิกฺขู ‘‘อโนกาสา มยํ, อฺตฺถ คจฺฉามา’’ติ ฉนฺทํ อวิสฺสชฺเชตฺวาว อุฏฺหนฺติ. อิทํ ปริสปาริวาสิยํ. กิฺจาปิ ปริสปาริวาสิยํ, ฉนฺทสฺส ปน อวิสฺสฏฺตฺตา กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ.

ปุน ภิกฺขู ‘‘อุโปสถาทีนิ กริสฺสามา’’ติ รตฺตึ สนฺนิปติตฺวา ‘‘ยาว สพฺเพ สนฺนิปตนฺติ, ตาว ธมฺมํ สุณิสฺสามา’’ติ เอกํ อชฺเฌสนฺติ, ตสฺมึ ธมฺมกถํ กเถนฺเตเยว อรุโณ อุคฺคจฺฉติ. สเจ ‘‘จาตุทฺทสิกํ อุโปสถํ กริสฺสามา’’ติ นิสินฺนา, ปนฺนรโสติ กาตุํ วฏฺฏติ. สเจ ปนฺนรสิกํ กาตุํ นิสินฺนา, ปาฏิปเท อนุโปสเถ อุโปสถํ กาตุํ น วฏฺฏติ, อฺํ ปน สงฺฆกิจฺจํ กาตุํ วฏฺฏติ. อิทํ รตฺติปาริวาสิยํ นาม.

ปุน ภิกฺขู ‘‘กิฺจิเทว อพฺภานาทิสงฺฆกมฺมํ กริสฺสามา’’ติ นิสินฺนา โหนฺติ, ตตฺเรโก นกฺขตฺตปาโก ภิกฺขุ เอวํ วทติ ‘‘อชฺช นกฺขตฺตํ ทารุณํ, มา อิมํ กโรถา’’ติ. เต ตสฺส วจเนน ฉนฺทํ วิสฺสชฺเชตฺวา ตตฺเถว นิสินฺนา โหนฺติ. อถฺโ อาคนฺตฺวา ‘‘นกฺขตฺตํ ปติมาเนนฺตํ, อตฺโถ พาลํ อุปจฺจคา’’ติ (ชา. ๑.๑.๔๙) วตฺวา ‘‘กึ นกฺขตฺเตน, กโรถา’’ติ วทติ. อิทํ ฉนฺทปาริวาสิยฺเจว อชฺฌาสยปาริวาสิยฺจ. เอตสฺมึ ปาริวาสิเย ปุน ฉนฺทปาริสุทฺธึ อนาเนตฺวา กมฺมํ กาตุํ น วฏฺฏติ.

๑๗๒. สเจ โกจิ ภิกฺขุ คิลาโน น สกฺโกติ ฉนฺทปาริสุทฺธึ ทาตุํ, โส มฺเจน วา ปีเน วา สงฺฆมชฺฌํ อาเนตพฺโพ. สเจ คิลานุปฏฺากานํ ภิกฺขูนํ เอวํ โหติ ‘‘สเจ โข มยํ คิลานํ านา จาเวสฺสาม, อาพาโธ วา อภิวฑฺฒิสฺสติ, กาลกิริยา วา ภวิสฺสตี’’ติ, น โส ภิกฺขุ านา จาเวตพฺโพ, สงฺเฆน ตตฺถ คนฺตฺวา อุโปสโถ กาตพฺโพ. สเจ พหู ตาทิสา คิลานา โหนฺติ, สงฺเฆน ปฏิปาฏิยา ตฺวา สพฺเพ หตฺถปาเส กาตพฺพา. สเจ ทูเร โหนฺติ, สงฺโฆ นปฺปโหติ, ตํ ทิวสํ อุโปสโถ น กาตพฺโพ. น ตฺเวว วคฺเคน สงฺเฆน อุโปสโถ กาตพฺโพ, กเรยฺย เจ, ทุกฺกฏํ.

สเจ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๙) เอกสฺมึ วิหาเร จตูสุ ภิกฺขูสุ วสนฺเตสุ เอกสฺส ฉนฺทปาริสุทฺธึ อาหริตฺวา ตโย ปาริสุทฺธิอุโปสถํ กโรนฺติ, ตีสุ วา วสนฺเตสุ เอกสฺส ฉนฺทปาริสุทฺธึ อาหริตฺวา ทฺเว ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสนฺติ, อธมฺเมน วคฺคํ อุโปสถกมฺมํ โหติ. สเจ ปน จตฺตาโรปิ สนฺนิปติตฺวา ปาริสุทฺธิอุโปสถํ กโรนฺติ, ตโย วา ทฺเว วา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสนฺติ, อธมฺเมน สมคฺคํ นาม โหติ. สเจ จตูสุ ชเนสุ เอกสฺส ปาริสุทฺธึ อาหริตฺวา ตโย ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสนฺติ, ตีสุ วา ชเนสุ เอกสฺส ปาริสุทฺธึ อาหริตฺวา ทฺเว ปาริสุทฺธิอุโปสถํ กโรนฺติ, ธมฺเมน วคฺคํ นาม โหติ. สเจ ปน จตฺตาโร เอกตฺถ วสนฺตา สพฺเพ สนฺนิปติตฺวา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสนฺติ, ตโย ปาริสุทฺธิอุโปสถํ กโรนฺติ, ทฺเว อฺมฺํ ปาริสุทฺธิอุโปสถํ กโรนฺติ, ธมฺเมน สมคฺคํ นาม โหติ.

๑๗๓. ปวารณากมฺเมสุ (มหาว. อฏฺ. ๒๑๒) ปน สเจ เอกสฺมึ วิหาเร ปฺจสุ ภิกฺขูสุ วสนฺเตสุ เอกสฺส ปวารณํ อาหริตฺวา จตฺตาโร คณตฺตึ เปตฺวา ปวาเรนฺติ, จตูสุ วา ตีสุ วา วสนฺเตสุ เอกสฺส ปวารณํ อาหริตฺวา ตโย วา ทฺเว วา สงฺฆตฺตึ เปตฺวา ปวาเรนฺติ, สพฺพเมตํ อธมฺเมน วคฺคํ ปวารณากมฺมํ. สเจ ปน สพฺเพปิ ปฺจ ชนา เอกโต สนฺนิปติตฺวา คณตฺตึ เปตฺวา ปวาเรนฺติ, จตฺตาโร วา ตโย วา ทฺเว วา วสนฺตา เอกโต สนฺนิปติตฺวา สงฺฆตฺตึ เปตฺวา ปวาเรนฺติ, สพฺพเมตํ อธมฺเมน สมคฺคํ ปวารณากมฺมํ. สเจ ปฺจสุ ชเนสุ เอกสฺส ปวารณํ อาหริตฺวา จตฺตาโร สงฺฆตฺตึ เปตฺวา ปวาเรนฺติ, จตูสุ วา ตีสุ วา เอกสฺส ปวารณํ อาหริตฺวา ตโย วา ทฺเว วา คณตฺตึ เปตฺวา ปวาเรนฺติ, สพฺพเมตํ ธมฺเมน วคฺคํ ปวารณากมฺมํ. สเจ ปน สพฺเพปิ ปฺจ ชนา เอกโต สนฺนิปติตฺวา สงฺฆตฺตึ เปตฺวา ปวาเรนฺติ, จตฺตาโร วา ตโย วา เอกโต สนฺนิปติตฺวา คณตฺตึ เปตฺวา ปวาเรนฺติ, ทฺเว อฺมฺํ ปวาเรนฺติ, เอกโก วสนฺโต อธิฏฺานปวารณํ กโรติ, สพฺพเมตํ ธมฺเมน สมคฺคํ นาม ปวารณากมฺมนฺติ.

เอตฺถ สเจ จาตุทฺทสิกา โหติ, ‘‘อชฺช เม ปวารณา จาตุทฺทสี’’ติ, สเจ ปนฺนรสิกา, ‘‘อชฺช เม ปวารณา ปนฺนรสี’’ติ เอวํ อธิฏฺาตพฺพํ. ปวารณํ เทนฺเตน ปน ‘‘ปวารณํ ทมฺมิ, ปวารณํ เม หร, มมตฺถาย ปวาเรหี’’ติ กาเยน วา วาจาย วา กายวาจาหิ วา อยมตฺโถ วิฺาเปตพฺโพ. เอวํ ทินฺนาย (มหาว. อฏฺ. ๒๑๓) ปวารณาย ปวารณาหารเกน สงฺฆํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ ปวาเรตพฺพํ ‘‘ติสฺโส, ภนฺเต, ภิกฺขุ สงฺฆํ ปวาเรติ ทิฏฺเน วา สุเตน วา ปริสงฺกาย วา, วทตุ ตํ, ภนฺเต, สงฺโฆ อนุกมฺปํ อุปาทาย, ปสฺสนฺโต ปฏิกริสฺสติ. ทุติยมฺปิ, ภนฺเต…เป… ตติยมฺปิ, ภนฺเต, ติสฺโส ภิกฺขุ สงฺฆํ ปวาเรติ…เป… ปฏิกริสฺสตี’’ติ. สเจ ปน วุฑฺฒตโร โหติ, ‘‘อายสฺมา, ภนฺเต, ติสฺโส’’ติ วตฺตพฺพํ. เอวฺหิ เตน ตสฺสตฺถาย ปวาริตํ โหติ. ปวารณํ เทนฺเตน ปน ฉนฺโทปิ ทาตพฺโพ, ฉนฺททานํ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. อิธาปิ ฉนฺททานํ อวเสสกมฺมตฺถาย. ตสฺมา สเจ ปวารณํ เทนฺโต ฉนฺทํ เทติ, วุตฺตนเยน อาหฏาย ปวารณาย เตน จ ภิกฺขุนา สงฺเฆน จ ปวาริตเมว โหติ. อถ ปวารณเมว เทติ, น ฉนฺทํ, ตสฺส จ ปวารณาย อาโรจิตาย สงฺเฆน จ ปวาริเต สพฺเพสํ สุปฺปวาริตํ โหติ, อฺํ ปน กมฺมํ กุปฺปติ. สเจ ฉนฺทเมว เทติ, น ปวารณํ, สงฺฆสฺส ปวารณา จ เสสกมฺมานิ จ น กุปฺปนฺติ, เตน ปน ภิกฺขุนา อปฺปวาริตํ โหติ, ปวารณาทิวเส ปน พหิสีมาย ปวารณํ อธิฏฺหิตฺวา อาคเตนปิ ฉนฺโท ทาตพฺโพ เตน สงฺฆสฺส ปวารณากมฺมํ น กุปฺปติ.

สเจ ปุริมิกาย ปฺจ ภิกฺขู วสฺสํ อุปคตา, ปจฺฉิมิกายปิ ปฺจ, ปุริเมหิ ตฺตึ เปตฺวา ปวาริเต ปจฺฉิเมหิ เตสํ สนฺติเก ปาริสุทฺธิอุโปสโถ กาตพฺโพ, น เอกสฺมึ อุโปสถคฺเค ทฺเว ตฺติโย เปตพฺพา. สเจปิ ปจฺฉิมิกาย อุปคตา จตฺตาโร ตโย ทฺเว เอโก วา โหติ, เอเสว นโย. อถ ปุริมิกาย จตฺตาโร, ปจฺฉิมิกายปิ จตฺตาโร ตโย ทฺเว เอโก วา, เอเสว นโย. อถาปิ ปุริมิกาย ตโย, ปจฺฉิมิกายปิ ตโย ทฺเว เอโก วา, เอเสว นโย. อิทฺเหตฺถ ลกฺขณํ.

สเจ ปุริมิกาย อุปคเตหิ ปจฺฉิมิกาย อุปคตา โถกตรา เจว โหนฺติ สมสมา จ, สงฺฆปวารณาย จ คณํ ปูเรนฺติ, สงฺฆปวารณาวเสน ตฺติ เปตพฺพา. สเจ ปน ปจฺฉิมิกาย เอโก โหติ, เตน สทฺธึ เต จตฺตาโร โหนฺติ, จตุนฺนํ สงฺฆตฺตึ เปตฺวา ปวาเรตุํ น วฏฺฏติ. คณตฺติยา ปน โส คณปูรโก โหติ, ตสฺมา คณวเสน ตฺตึ เปตฺวา ปุริเมหิ ปวาเรตพฺพํ, อิตเรน เตสํ สนฺติเก ปาริสุทฺธิอุโปสโถ กาตพฺโพติ. ปุริมิกาย ทฺเว, ปจฺฉิมิกาย ทฺเว วา เอโก วา เอเสว นโย. ปุริมิกาย เอโก ปจฺฉิมิกาย เอโกติ เอเกน เอกสฺส สนฺติเก ปวาเรตพฺพํ, เอเกน ปาริสุทฺธิอุโปสโถ กาตพฺโพ. สเจ ปุริเมหิ วสฺสูปคเตหิ ปจฺฉา วสฺสูปคตา เอเกนปิ อธิกตรา โหนฺติ, ปมํ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตฺวา ปจฺฉา โถกตเรหิ เตสํ สนฺติเก ปวาเรตพฺพํ.

กตฺติกาย จาตุมาสินิปวารณาย ปน สเจ ปมวสฺสูปคเตหิ มหาปวารณาย ปวาริเตหิ ปจฺฉา อุปคตา อธิกตรา วา สมสมา วา โหนฺติ, ปวารณาตฺตึ เปตฺวา ปวาเรตพฺพํ. เตหิ ปวาริเต ปจฺฉา อิตเรหิ ปาริสุทฺธิอุโปสโถ กาตพฺโพ. อถ มหาปวารณายํ ปวาริตา พหู โหนฺติ, ปจฺฉา วสฺสูปคตา โถกา วา เอโก วา, ปาติโมกฺเข อุทฺทิฏฺเ ปจฺฉา เตสํ สนฺติเก เตน ปวาเรตพฺพํ. กึ ปเนตํ ปาติโมกฺขํ สกลเมว อุทฺทิสิตพฺพํ, อุทาหุ เอกเทสมฺปีติ? เอกเทสมฺปิ อุทฺทิสิตุํ วฏฺฏติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –

‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ปาติโมกฺขุทฺเทสา, นิทานํ อุทฺทิสิตฺวา อวเสสํ สุเตน สาเวตพฺพํ, อยํ ปโม ปาติโมกฺขุทฺเทโส. นิทานํ อุทฺทิสิตฺวา จตฺตาริ ปาราชิกานิ อุทฺทิสิตฺวา อวเสสํ สุเตน สาเวตพฺพํ, อยํ ทุติโย ปาติโมกฺขุทฺเทโส. นิทานํ อุทฺทิสิตฺวา จตฺตาริ ปาราชิกานิ อุทฺทิสิตฺวา เตรส สงฺฆาทิเสเส อุทฺทิสิตฺวา อวเสสํ สุเตน สาเวตพฺพํ, อยํ ตติโย ปาติโมกฺขุทฺเทโส. นิทานํ อุทฺทิสิตฺวา จตฺตาริ ปาราชิกานิ อุทฺทิสิตฺวา เตรส สงฺฆาทิเสเส อุทฺทิสิตฺวา ทฺเว อนิยเต อุทฺทิสิตฺวา อวเสสํ ภุเตน สาเวตพฺพํ, อยํ จตุตฺโถ ปาติโมกฺขุทฺเทโส. วิตฺถาเรเนว ปฺจโม’’ติ (มาหาว. ๑๕๐).

ตตฺถ (มหาว. อฏฺ. ๑๕๐) นิทานํ อุทฺทิสิตฺวา อวเสสํ สุเตน สาเวตพฺพนฺติ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ…เป… อาวิกตา หิสฺส ผาสุ โหตี’’ติ อิมํ นิทานํ อุทฺทิสิตฺวา ‘‘อุทฺทิฏฺํ โข อายสฺมนฺโต นิทานํ, ตตฺถายสฺมนฺเต ปุจฺฉามิ กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา. ทุติยมฺปิ ปุจฺฉามิ…เป… เอวเมตํ ธารยามิ. สุตา โข ปนายสฺมนฺเตหิ จตฺตาโร ปาราชิกา ธมฺมา …เป… อวิวทมาเนหิ สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ เอวํ อวเสสํ สุเตน สาเวตพฺพํ. เอเตน นเยน เสสาปิ จตฺตาโร ปาติโมกฺขุทฺเทสา เวทิตพฺพา.

๑๗๔. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สติ อนฺตราเย สํขิตฺเตน ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุํ. น, ภิกฺขเว, อสติ อนฺตราเย สํขิตฺเตน ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพํ, โย อุทฺทิเสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๑๕๐) วจนโต ปน วินา อนฺตรายา สํขิตฺเตน ปาติโมกฺขํ น อุทฺทิสิตพฺพํ. ตตฺริเม อนฺตรายา – ราชนฺตราโย โจรนฺตราโย อคฺยนฺตราโย อุทกนฺตราโย มนุสฺสนฺตราโย อมนุสฺสนฺตราโย วาฬนฺตราโย สรีสปนฺตราโย ชีวิตนฺตราโย พฺรหฺมจริยนฺตราโยติ.

ตตฺถ สเจ ภิกฺขูสุ อุโปสถํ กริสฺสามาติ นิสินฺเนสุ ราชา อาคจฺฉติ, อยํ ราชนฺตราโย. โจรา อาคจฺฉนฺติ, อยํ โจรนฺตราโย. ทวฑาโห อาคจฺฉติ, อาวาเส วา อคฺคิ อุฏฺาติ, อยํ อคฺยนฺตราโย. เมโฆ วา อุฏฺเติ, โอโฆ วา อาคจฺฉติ, อยํ อุทกนฺตราโย. พหู มนุสฺสา อาคจฺฉนฺติ, อยํ มนุสฺสนฺตราโย. ภิกฺขุํ ยกฺโข คณฺหาติ, อยํ อมนุสฺสนฺตราโย. พฺยคฺฆาทโย จณฺฑมิคา อาคจฺฉนฺติ, อยํ วาฬนฺตราโย. ภิกฺขุํ สปฺปาทโย ฑํสนฺติ, อยํ สรีสปนฺตราโย. ภิกฺขุ คิลาโน วา โหติ, กาลํ วา กโรติ, เวริโน วา ตํ มาเรตุกามา คณฺหนฺติ, อยํ ชีวิตนฺตราโย. มนุสฺสา เอกํ วา พหู วา ภิกฺขู พฺรหฺมจริยา จาเวตุกามา คณฺหนฺติ, อยํ พฺรหฺมจริยนฺตราโย. เอวรูเปสุ อนฺตราเยสุ สํขิตฺเตน ปาติโมกฺโข อุทฺทิสิตพฺโพ, ปโม วา อุทฺเทโส อุทฺทิสิตพฺโพ. อาทิมฺหิ ทฺเว ตโย จตฺตาโร วา. เอตฺถ ทุติยาทีสุ อุทฺเทเสสุ ยสฺมึ อปริโยสิเต อนฺตราโย โหติ, โสปิ สุเตเนว สาเวตพฺโพ. นิทานุทฺเทเส ปน อนิฏฺิเต สุเตน สาเวตพฺพํ นาม นตฺถิ.

ปวารณากมฺเมปิ สติ อนฺตราเย ทฺเววาจิกํ เอกวาจิกํ สมานวสฺสิกํ วา ปวาเรตุํ วฏฺฏติ. เอตฺถ (มหาว. อฏฺ. ๒๓๔) ตฺตึ เปนฺเตนปิ ‘‘ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ ทฺเววาจิกํ ปวาเรยฺยา’’ติ วตฺตพฺพํ. เอกวาจิเก ‘‘เอกวาจิกํ ปวาเรยฺยา’’ติ, สมานวสฺสิเกปิ ‘‘สมานวสฺสิกํ ปวาเรยฺยา’’ติ วตฺตพฺพํ. เอตฺถ จ พหูปิ สมานวสฺสา เอกโต ปวาเรตุํ ลภนฺติ. ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อชฺช ปวารณา ปนฺนรสี, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ ปวาเรยฺยา’’ติ อิมาย ปน สพฺพสงฺคาหิกาย ตฺติยา ปิตาย เตวาจิกํ ทฺเววาจิกํ เอกวาจิกฺจ ปวาเรตุํ วฏฺฏติ, สมานวสฺสิกํ น วฏฺฏติ. ‘‘เตวาจิกํ ปวาเรยฺยา’’ติ วุตฺเต ปน เตวาจิกเมว วฏฺฏติ, อฺํ น วฏฺฏติ. ‘‘ทฺเววาจิกํ ปวาเรยฺยา’’ติ วุตฺเต ทฺเววาจิกํ เตวาจิกฺจ วฏฺฏติ, เอกวาจิกฺจ สมานวสฺสิกฺจ น วฏฺฏติ. ‘‘เอกวาจิกํ ปวาเรยฺยา’’ติ วุตฺเต ปน เอกวาจิกทฺเววาจิกเตวาจิกานิ วฏฺฏนฺติ, สมานวสฺสิกเมว น วฏฺฏติ. ‘‘สมานวสฺสิก’’นฺติ วุตฺเต สพฺพํ วฏฺฏติ.

๑๗๕. เกน ปน ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพนฺติ? ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เถราธิกํ ปาติโมกฺข’’นฺติ (มหาว. ๑๕๔) วจนโต เถเรน วา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพํ, ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, โย ตตฺถ ภิกฺขุ พฺยตฺโต ปฏิพโล, ตสฺสาเธยฺยํ ปาติโมกฺข’’นฺติ (มหาว. ๑๕๕) วจนโต นวกตเรน วา. เอตฺถ (มหาว. อฏฺ. ๑๕๕) จ กิฺจาปิ นวกตรสฺสปิ พฺยตฺตสฺส ปาติโมกฺขํ อนุฺาตํ, อถ โข เอตฺถ อยํ อธิปฺปาโย – สเจ เถรสฺส ปฺจ วา จตฺตาโร วา ตโย วา ปาติโมกฺขุทฺเทสา นาคจฺฉนฺติ, ทฺเว ปน อขณฺฑา สุวิสทา วาจุคฺคตา โหนฺติ, เถรายตฺตํว ปาติโมกฺขํ. สเจ ปน เอตฺตกมฺปิ วิสทํ กาตุํ น สกฺโกติ, พฺยตฺตสฺส ภิกฺขุโน อายตฺถํ โหติ, ตสฺมา สยํ วา อุทฺทิสิตพฺพํ, อฺโ วา อชฺเฌสิตพฺโพ. ‘‘น, ภิกฺขเว, สงฺฆมชฺเฌ อนชฺฌิฏฺเน ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพํ, โย อุทฺทิเสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๑๕๔) วจนโต อนชฺฌิฏฺเน ปาติโมกฺขํ น อุทฺทิสิตพฺพํ. น เกวลํ ปาติโมกฺขํเยว, ธมฺโมปิ น ภาสิตพฺโพ ‘‘น, ภิกฺขเว, สงฺฆมชฺเฌ อนชฺฌิฏฺเน ธมฺโม ภาสิตพฺโพ, โย ภาเสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๑๕๐) วจนโต.

อชฺเฌสนา เจตฺถ สงฺเฆน สมฺมตธมฺมชฺเฌสกายตฺตา วา สงฺฆตฺเถ รายตฺตา วา, ตสฺมา ธมฺมชฺเฌสเก อสติ สงฺฆตฺเถรํ อาปุจฺฉิตฺวา วา เตน ยาจิโต วา ภาสิตุํ ลภติ. สงฺฆตฺเถเรนปิ สเจ วิหาเร พหู ธมฺมกถิกา โหนฺติ, วารปฏิปาฏิยา วตฺตพฺโพ. ‘‘ตฺวํ ธมฺมํ ภณ, ธมฺมทานํ เทหี’’ติ วา วุตฺเตน ตีหิปิ วิธีหิ ธมฺโม ภาสิตพฺโพ, ‘‘โอสาเรหี’’ติ วุตฺโต ปน โอสาเรตุเมว ลภติ, ‘‘กเถหี’’ติ วุตฺโต กเถตุเมว, ‘‘สรภฺํ ภณาหี’’ติ วุตฺโต สรภฺเมว. สงฺฆตฺเถโรปิ จ อุจฺจตเร อาสเน นิสินฺโน ยาจิตุํ น ลภติ. สเจ อุปชฺฌาโย เจว สทฺธิวิหาริโก จ โหติ, อุปชฺฌาโย จ นํ อุจฺจาสเน นิสินฺโน ‘‘ภณา’’ติ วทติ, สชฺฌายํ อธิฏฺหิตฺวา ภณิตพฺพํ. สเจ ปเนตฺถ ทหรภิกฺขู โหนฺติ, ‘‘เตสํ ภณามี’’ติ ภณิตพฺพํ. สเจ วิหาเร สงฺฆตฺเถโร อตฺตโนเยว นิสฺสิตเก ภณาเปติ, อฺเ มธุรภาณเกปิ นาชฺเฌสติ, โส อฺเหิ วตฺตพฺโพ – ‘‘ภนฺเต, อสุกํ นาม ภณาเปมา’’ติ. สเจ ‘‘ภณาเปถา’’ติ วทติ, ตุณฺหี วา โหติ, ภณาเปตุํ วฏฺฏติ. สเจ ปน ปฏิพาหติ, น ภณาเปตพฺพํ. ยทิ ปน อนาคเตเยว สงฺฆตฺเถเร ธมฺมสฺสวนํ อารทฺธํ, ปุน อาคเต เปตฺวา อาปุจฺฉนกิจฺจํ นตฺถิ. โอสาเรตฺวา ปน กเถนฺเตน อาปุจฺฉิตฺวา อฏฺเปตฺวาเยว วา กเถตพฺพํ. กเถนฺตสฺส ปุน อาคเตปิ เอเสว นโย.

อุปนิสินฺนกถายมฺปิ สงฺฆตฺเถโรว สามี, ตสฺมา เตน สยํ วา กเถตพฺพํ, อฺโ วา ภิกฺขุ ‘‘กเถหี’’ติ วตฺตพฺโพ, โน จ โข อุจฺจตเร อาสนฺเน นิสินฺเนน, มนุสฺสานํ ปน ‘‘ภณาหี’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏติ. มนุสฺสา อตฺตโน ชานนกํ ภิกฺขุํ ปุจฺฉนฺติ, เตน เถรํ อาปุจฺฉิตฺวาปิ กเถตพฺพํ. สเจ สงฺฆตฺเถโร ‘‘ภนฺเต, อิเม ปฺหํ ปุจฺฉนฺตี’’ติ ปุฏฺโ ‘‘กเถหี’’ติ วา ภณติ, ตุณฺหี วา โหติ, กเถตุํ วฏฺฏติ. อนฺตรฆเร อนุโมทนาทีสุปิ เอเสว นโย. สเจ สงฺฆตฺเถโร ‘‘วิหาเร วา อนฺตรฆเร วา มํ อนาปุจฺฉิตฺวาปิ กเถยฺยาสี’’ติ อนุชานาติ, ลทฺธกปฺปิยํ โหติ, สพฺพตฺถ วตฺตุํ วฏฺฏติ. สชฺฌายํ กโรนฺเตนาปิ เถโร อาปุจฺฉิตพฺโพเยว. เอกํ อาปุจฺฉิตฺวา สชฺฌายนฺตสฺส อปโร อาคจฺฉติ, ปุน อาปุจฺฉนกิจฺจํ นตฺถิ. สเจปิ ‘‘วิสฺสมิสฺสามี’’ติ ปิตสฺส อาคจฺฉติ, ปุน อารภนฺเตน อาปุจฺฉิตพฺพํ. สงฺฆตฺเถเร อนาคเตเยว อารทฺธํ สชฺฌายนฺตสฺสาปิ เอเสว นโย. เอเกน สงฺฆตฺเถเรน ‘‘มํ อนาปุจฺฉาปิ ยถาสุขํ สชฺฌายาหี’’ติ อนุฺาเต ยถาสุขํ สชฺฌายิตุํ วฏฺฏติ, อฺสฺมึ ปน อาคเต ตํ อาปุจฺฉิตฺวาว สชฺฌายิตพฺพํ.

ยสฺมึ ปน วิหาเร สพฺเพว ภิกฺขู พาลา โหนฺติ อพฺยตฺตา น ชานนฺติ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุํ, ตตฺถ กึ กาตพฺพนฺติ? เตหิ ภิกฺขูหิ เอโก ภิกฺขุ สามนฺตา อาวาสา สชฺชุกํ ปาเหตพฺโพ ‘‘คจฺฉาวุโส, สํขิตฺเตน วา วิตฺถาเรน วา ปาติโมกฺขํ ปริยาปุณิตฺวา อาคจฺฉาหี’’ติ. เอวฺเจตํ ลเภถ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ ลเภถ, เตหิ ภิกฺขูหิ สพฺเพเหว ยตฺถ ตาทิสา ภิกฺขู โหนฺติ, โส อาวาโส อุโปสถกรณตฺถาย อนฺวฑฺฒมาสํ คนฺตพฺโพ, อคจฺฉนฺตานํ ทุกฺกฏํ. อิทฺจ อุตุวสฺเสเยว, วสฺสาเน ปน ปุริมิกาย ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน วินา น วสฺสํ อุปคจฺฉิตพฺพํ. สเจ โส วสฺสูปคตานํ ปกฺกมติ วา วิพฺภมติ วา กาลํ วา กโรติ, อฺสฺมึ สติเยว ปจฺฉิมิกาย วสิตุํ วฏฺฏติ, อสติ อฺตฺถ คนฺตพฺพํ, อคจฺฉนฺตานํ ทุกฺกฏํ. สเจ ปน ปจฺฉิมิกาย ปกฺกมติ วา วิพฺภมติ วา กาลํ วา กโรติ, มาสทฺวยํ วสิตพฺพํ.

ยตฺถ ปน เต พาลา ภิกฺขู วิหรนฺติ อพฺยตฺตา, สเจ ตตฺถ โกจิ ภิกฺขุ อาคจฺฉติ พหุสฺสุโต อาคตาคโม ธมฺมธโร วินยธโร มาติกาธโร ปณฺฑิโต พฺยตฺโต เมธาวี ลชฺชี กุกฺกุจฺจโก สิกฺขากาโม, เตหิ ภิกฺขูหิ โส ภิกฺขุ สงฺคเหตพฺโพ อนุคฺคเหตพฺโพ อุปลาเปตพฺโพ , อุปฏฺาเปตพฺโพ จุณฺเณน มตฺติกาย ทนฺตกฏฺเน มุโขทเกน. โน เจ สงฺคเหยฺยุํ อนุคฺคเหยฺยุํ อุปลาเปยฺยุํ, อุปฏฺาเปยฺยุํ จุณฺเณน มตฺติกาย ทนฺตกฏฺเน มุโขทเกน, สพฺเพสํ ทุกฺกฏํ. อิธ เนว เถรา, น ทหรา มุจฺจนฺติ, สพฺเพหิ วาเรน อุปฏฺาเปตพฺโพ. อตฺตโน วาเร อนุปฏฺหนฺตสฺส อาปตฺติ. เตน ปน มหาเถรานํ ปริเวณสมฺมชฺชนทนฺตกฏฺทานาทีนิ น สาทิตพฺพานิ, เอวมฺปิ สติ มหาเถเรหิ สายํปาตํ อุปฏฺานํ อาคนฺตพฺพํ, เตน ปน เตสํ อาคมนํ ตฺวา ปมตรํ มหาเถรานํ อุปฏฺานํ คนฺตพฺพํ. สจสฺส สทฺธิฺจรา ภิกฺขู อุปฏฺากา อตฺถิ, ‘‘มยฺหํ อุปฏฺากา อตฺถิ, ตุมฺเห อปฺโปสฺสุกฺกา วิหรถา’’ติ วตฺตพฺพํ. อถาปิสฺส สทฺธิฺจรา นตฺถิ, ตสฺมึเยว วิหาเร เอโก วา ทฺเว วา วตฺตสมฺปนฺนา วทนฺติ ‘‘มยํ เถรสฺส กตฺตพฺพํ กริสฺสาม, อวเสสา ผาสุ วิหรนฺตู’’ติ, สพฺเพสํ อนาปตฺติ.

๑๗๖. ‘‘ยสฺส สิยา อาปตฺติ, โส อาวิกเรยฺยา’’ติ(มหาว. ๑๓๔) อาทิวจนโต น สาปตฺติเกน อุโปสโถ กาตพฺโพ, ตสฺมา ตทหุโปสเถ อาปตฺตึ สรนฺเตน เทเสตพฺพา. เทเสนฺเตน จ เอกํ ภิกฺขุํ อุปสงฺกมิตฺวา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา เอวํ วตฺตพฺโพ ‘‘อหํ, อาวุโส, อิตฺถนฺนามํ อาปตฺตึ อาปนฺโน, ตํ ปฏิเทเสมี’’ติ. สเจ นวกตโร โหติ, ‘‘อหํ, ภนฺเต’’ติ วตฺตพฺพํ. ‘‘ตํ ปฏิเทเสมี’’ติ อิทํ ปน อตฺตโน อตฺตโน อนุรูปวเสน ‘‘ตํ ตุยฺหมูเล, ตํ ตุมฺหมูเล ปฏิเทเสมี’’ติ วุตฺเตปิ สุวุตฺตเมว โหติ. ปฏิคฺคาหเกนปิ อตฺตโน อตฺตโน อนุรูปวเสน ‘‘ปสฺสถ, ภนฺเต, ตํ อาปตฺตึ, ปสฺสสิ, อาวุโส, ตํ อาปตฺติ’’นฺติ วา วตฺตพฺพํ, ปุน เทสเกน ‘‘อาม, อาวุโส, ปสฺสามิ, อาม, ภนฺเต, ปสฺสามี’’ติ วา วตฺตพฺพํ. ปุน ปฏิคฺคาหเกน ‘‘อายตึ, ภนฺเต, สํวเรยฺยาถ, อายตึ, อาวุโส, สํวเรยฺยาสี’’ติ วา วตฺตพฺพํ. เอวํ วุตฺเต เทสเกน ‘‘สาธุ สุฏฺุ อาวุโส สํวริสฺสามิ, สาธุ สุฏฺุ, ภนฺเต, สํวริสฺสามี’’ติ วา วตฺตพฺพํ. สเจ อาปตฺติยา เวมติโก โหติ, เอกํ ภิกฺขุํ อุปสงฺกมิตฺวา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา เอวํ วตฺตพฺโพ ‘‘อหํ, อาวุโส, อิตฺถนฺนามาย อาปตฺติยา เวมติโก, ยทา นิพฺเพมติโก ภวิสฺสามิ, ตทา ตํ อาปตฺตึ ปฏิกริสฺสามี’’ติ วตฺวา อุโปสโถ กาตพฺโพ, ปาติโมกฺขํ โสตพฺพํ, น ตฺเวว ตปฺปจฺจยา อุโปสถสฺส อนฺตราโย กาตพฺโพ. ‘‘น, ภิกฺขเว, สภาคา อาปตฺติ เทเสตพฺพา, โย เทเสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. น, ภิกฺขเว, สภาคา อาปตฺติ ปฏิคฺคเหตพฺพา, โย ปฏิคฺคณฺเหยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๑๖๙) วจนโต ยํ ทฺเวปิ ชนา วิกาลโภชนาทินา สภาควตฺถุนา อาปตฺตึ อาปชฺชนฺติ, เอวรูปา วตฺถุสภาคา อาปตฺติ เนว เทเสตพฺพา, น จ ปฏิคฺคเหตพฺพา. วิกาลโภชนปจฺจยา อาปนฺนํ ปน อาปตฺติสภาคํ อนติริตฺตโภชนปจฺจยา อาปนฺนสฺส สนฺติเก เทเสตุํ วฏฺฏติ.

สเจ ปน สพฺโพ สงฺโฆ วิกาลโภชนาทินา สภาควตฺถุนา ลหุกาปตฺตึ อาปชฺชติ, ตตฺถ กึ กาตพฺพนฺติ? เตหิ ภิกฺขูหิ เอโก ภิกฺขุ สามนฺตา อาวาสา สชฺชุกํ ปาเหตพฺโพ ‘‘คจฺฉาวุโส, ตํ อาปตฺตึ ปฏิกริตฺวา อาคจฺฉ, มยํ เต สนฺติเก อาปตฺตึ ปฏิกริสฺสามา’’ติ. เอวฺเจตํ ลเภถ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ ลเภถ, พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สงฺโฆ าเปตพฺโพ – ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อยํ สพฺโพ สงฺโฆ สภาคํ อาปตฺตึ อาปนฺโน, ยทา อฺํ ภิกฺขุํ สุทฺธํ อนาปตฺติกํ ปสฺสิสฺสติ, ตทา ตสฺส สนฺติเก ตํ อาปตฺตึ ปฏิกริสฺสตี’’ติ (มหาว. ๑๗๑) วตฺวา อุโปสโถ กาตพฺโพ. สเจ ปน เวมติโก โหติ, ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อยํ สพฺโพ สงฺโฆ สภาคาย อาปตฺติยา เวมติโก, ยทา นิพฺเพมติโก ภวิสฺสติ, ตทา ตํ อาปตฺตึ ปฏิกริสฺสตี’’ติ (มหาว. ๑๗๑) วตฺวา อุโปสโถ กาตพฺโพ. สเจ ปเนตฺถ โกจิ ‘‘ตํ สภาคํ อาปตฺตึ เทเสตุํ วฏฺฏตี’’ติ มฺมาโน เอกสฺส สนฺติเก เทเสติ, เทสิตา สุเทสิตาว. อฺํ ปน เทสนาปจฺจยา เทสโก ปฏิคฺคหณปจฺจยา ปฏิคฺคาหโก จาติ อุโภปิ ทุกฺกฏํ อาปชฺชนฺติ, ตํ นานาวตฺถุกํ โหติ, ตสฺมา อฺมฺํ เทเสตพฺพํ. เอตฺตาวตา เต นิราปตฺติกา โหนฺติ, เตสํ สนฺติเก เสเสหิ สภาคาปตฺติโย เทเสตพฺพา วา อาโรเจตพฺพา วา. สเจ เต เอวํ อกตฺวา อุโปสถํ กโรนฺติ, ‘‘ปาริสุทฺธึ อายสฺมนฺโต อาโรเจถา’’ติอาทินา นเยน สาปตฺติกสฺส อุโปสถกรเณ ปฺตฺตํ ทุกฺกฏํ อาปชฺชนฺติ.

สเจ โกจิ ภิกฺขุ ปาติโมกฺเข อุทฺทิสฺสมาเน อาปตฺตึ สรติ, เตน ภิกฺขุนา สามนฺโต ภิกฺขุ เอวํ วตฺตพฺโพ ‘‘อหํ, อาวุโส, อิตฺถนฺนามํ อาปตฺตึ อาปนฺโน, อิโต วุฏฺหิตฺวา ตํ อาปตฺตึ ปฏิกริสฺสามี’’ติ. สามนฺโต จ ภิกฺขุ สภาโคเยว วตฺตพฺโพ. วิสภาคสฺส หิ วุจฺจมาเน ภณฺฑนกลหสงฺฆเภทาทีนิปิ โหนฺติ, ตสฺมา ตสฺส อวตฺวา ‘‘อิโต วุฏฺหิตฺวา ปฏิกริสฺสามี’’ติ อาโภคํ กตฺวา อุโปสโถ กาตพฺโพ. สเจ ปน โกจิ ปาติโมกฺเข อุทฺทิสฺสมาเน อาปตฺติยา เวมติโก โหติ, เตนปิ สภาโคเยว สามนฺโต ภิกฺขุ เอวํ วตฺตพฺโพ ‘‘อหํ, อาวุโส, อิตฺถนฺนามาย อาปตฺติยา เวมติโก, ยทา นิพฺเพมติโก ภวิสฺสามิ, ตทา ตํ อาปตฺตึ ปฏิกริสฺสามี’’ติ. เอวฺจ วตฺวา อุโปสโถ กาตพฺโพ, ปาติโมกฺขํ โสตพฺพํ, น ตฺเวว ตปฺปจฺจยา อุโปสถสฺส อนฺตราโย กาตพฺโพ.

๑๗๗. ‘‘อนุชานามิ , ภิกฺขเว, อุโปสถาคารํ สมฺมชฺชิตุ’’นฺติ(มหาว. ๑๕๙) อาทิวจนโต –

‘‘สมฺมชฺชนี ปทีโป จ, อุทกํ อาสเนน จ;

อุโปสถสฺส เอตานิ, ปุพฺพกรณนฺติ วุจฺจตี’’ติ. (มหาว. อฏฺ. ๑๖๘) –

เอวํ วุตฺตํ จตุพฺพิธํ ปุพฺพกรณํ กตฺวาว อุโปสโถ กาตพฺโพ. เกน ปน ตํ กาตพฺพนฺติ? ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เถเรน ภิกฺขุนา นวํ ภิกฺขุํ อาณาเปตุํ, น, ภิกฺขเว, เถเรน อาณตฺเตน อคิลาเนน น สมฺมชฺชิตพฺพํ, โย น สมฺมชฺเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติอาทิวจนโต โย เถเรน อาณตฺโต, เตน กาตพฺพํ. อาณาเปนฺเตน จ กิฺจิ กมฺมํ กโรนฺโต วา สทากาลเมว เอโก วา ภารนิตฺถรณโก วา สรภาณกธมฺมกถิกาทีสุ อฺตโร วา น อุโปสถาคารสมฺมชฺชนตฺถํ อาณาเปตพฺโพ, อวเสสา ปน วาเรน อาณาเปตพฺพา. สเจ อาณตฺโต สมฺมุฺชนึ ตาวกาลิกมฺปิ น ลภติ, สาขาภงฺคํ กปฺปิยํ กาเรตฺวา สมฺมชฺชิตพฺพํ, ตมฺปิ อลภนฺตสฺส ลทฺธกปฺปิยํ โหติ.

อาสนปฺาปนตฺถํ อาณตฺเตน จ สเจ อุโปสถาคาเร อาสนานิ นตฺถิ, สงฺฆิกาวาสโต อาหริตฺวา ปฺเปตฺวา ปุน อาหริตพฺพานิ, อาสเนสุ อสติ กฏสารเกปิ ตฏฺฏิกาโยปิ ปฺาเปตุํ วฏฺฏติ, ตฏฺฏิกาสุปิ อสติ สาขาภงฺคานิ กปฺปิยํ กาเรตฺวา ปฺเปตพฺพานิ, กปฺปิยการกํ อลภนฺตสฺส ลทฺธกปฺปิยํ โหติ.

ปทีปกรณตฺถํ อาณาเปนฺเตน ปน ‘‘อสุกสฺมึ นาม โอกาเส เตลํ วา วฏฺฏิ วา กปลฺลิกา วา อตฺถิ, ตํ คเหตฺวา กโรหี’’ติ วตฺตพฺโพ. สเจ เตลาทีนิ นตฺถิ, ปริเยสิตพฺพานิ, ปริเยสิตฺวา อลภนฺตสฺส ลทฺธกปฺปิยํ โหติ. อปิจ กปาเล อคฺคิปิ ชาเลตพฺโพ.

‘‘ฉนฺทปาริสุทฺธิอุตุกฺขานํ, ภิกฺขุคณนาจ โอวาโท;

อุโปสถสฺส เอตานิ, ปุพฺพกิจฺจนฺติ วุจฺจตี’’ติ. (มหาว. ๑๖๘) –

เอวํ วุตฺตํ ปน จตุพฺพิธมฺปิ ปุพฺพกิจฺจํ ปุพฺพกรณโต ปจฺฉา กาตพฺพํ. ตมฺปิ หิ อกตฺวา อุโปสโถ น กาตพฺโพ.

๑๗๘. ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อุโปสถํ กเรยฺยา’’ติ (มหาว. ๑๔๓) วจนโต ยทา สงฺฆสฺส อุโปสถกมฺมํ ปตฺตกลฺลํ โหติ, ตทา ตํ กาตพฺพํ, ปตฺตกลฺลฺจ นาเมตํ จตูหิ องฺเคหิ สงฺคหิตํ. เตนาหุ อฏฺกถาจริยา –

‘‘อุโปสโถ ยาวติกา จ ภิกฺขู กมฺมปฺปตฺตา,

สภาคาปตฺติโย จ น วิชฺชนฺติ;

วชฺชนียา จ ปุคฺคลา ตสฺมึ น โหนฺติ,

ปตฺตกลฺลนฺติ วุจฺจตี’’ติ. (มหาว. อฏฺ. ๑๖๘);

ตตฺถ อุโปสโถติ ตีสุ อุโปสถทิวเสสุ อฺตรทิวโส. ตสฺมิฺหิ สติ อิทํ สงฺฆสฺส อุโปสถกมฺมํ ปตฺตกลฺลํ นาม โหติ, นาสติ. ยถาห ‘‘น จ, ภิกฺขเว, อนุโปสเถ อุโปสโถ กาตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๑๘๓).

ยาวติกา จ ภิกฺขู กมฺมปฺปตฺตาติ ยตฺตกา ภิกฺขู ตสฺส อุโปสถกมฺมสฺส ปตฺตา ยุตฺตา อนุรูปา สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน จตฺตาโร ปกตตฺตา, เต จ โข หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา เอกสีมายํ ิตา. เตสุ หิ จตูสุ ภิกฺขูสุ เอกสีมายํ หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา ิเตสฺเวว ตํ สงฺฆสฺส อุโปสถกมฺมํ ปตฺตกลฺลํ นาม โหติ, น อิตรถา. ยถาห ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, จตุนฺนํ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๖๘).

สภาคาปตฺติโย จ น วิชฺชนฺตีติ เอตฺถ ยํ สพฺโพ สงฺโฆ วิกาลโภชนาทินา สภาควตฺถุนา ลหุกาปตฺตึ อาปชฺชติ, เอวรูปา วตฺถุสภาคา สภาคาติ วุจฺจติ. เอตาสุ อวิชฺชมานาสุปิ สภาคาสุ วิชฺชมานาสุปิ ปตฺตกลฺลํ โหติเยว.

วชฺชนียา จ ปุคฺคลา ตสฺมึ น โหนฺตีติ ‘‘น, ภิกฺขเว, สคหฏฺาย ปริสาย ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๑๕๔) วจนโต คหฏฺโ จ, ‘‘น, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนิยา นิสินฺนปริสาย ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพ’’นฺติอาทินา (มหาว. ๑๘๓) นเยน วุตฺตา ภิกฺขุนี, สิกฺขมานา, สามเณโร, สามเณรี, สิกฺขาปจฺจกฺขาตโก, อนฺติมวตฺถุอชฺฌาปนฺนโก , อาปตฺติยา อทสฺสเน อุกฺขิตฺตโก, อาปตฺติยา อปฺปฏิกมฺเม อุกฺขิตฺตโก, ปาปิกาย ทิฏฺิยา อปฺปฏินิสฺสคฺเค อุกฺขิตฺตโก, ปณฺฑโก, เถยฺยสํวาสโก, ติตฺถิยปกฺกนฺตโก, ติรจฺฉานคโต, มาตุฆาตโก , ปิตุฆาตโก, อรหนฺตฆาตโก, ภิกฺขุนีทูสโก, สงฺฆเภทโก, โลหิตุปฺปาทโก, อุภโตพฺยฺชนโกติ อิเม วีสติ จาติ เอกวีสติ ปุคฺคลา วชฺชนียา นาม. เต หตฺถปาสโต พหิกรณวเสน วชฺเชตพฺพา. เอเตสุ หิ ติวิเธ อุกฺขิตฺตเก สติ อุโปสถํ กโรนฺโต สงฺโฆ ปาจิตฺติยํ อาปชฺชติ, เสเสสุ ทุกฺกฏํ, เอตฺถ จ ติรจฺฉานคโตติ ยสฺส อุปสมฺปทา ปฏิกฺขิตฺตา. ติตฺถิยา คหฏฺเเนว สงฺคหิตา. เอเตปิ หิ วชฺชนียา. เอวํ ปตฺตกลฺลํ อิเมหิ จตูหิ องฺเคหิ สงฺคหิตนฺติ เวทิตพฺพํ. อิทฺจ สพฺพํ ปวารณากมฺเมปิ โยเชตฺวา ทสฺเสตพฺพํ. ‘‘น, ภิกฺขเว, ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน สฺจิจฺจ น สาเวตพฺพํ, โย น สาเวยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน วายมิตุํ ‘กถํ สาเวยฺย’นฺติ, วายมนฺตสฺส อนาปตฺตี’’ติ (มหาว. ๑๕๔) วจนโต ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน ปริสํ สาเวตุํ วายมิตพฺพนฺติ.

อิติ ปาฬิมุตฺตกวินยวินิจฺฉยสงฺคเห

อุโปสถปวารณาวินิจฺฉยกถา สมตฺตา.