📜

๒๘. จตุปจฺจยภาชนียวินิจฺฉยกถา

๑๙๔. จตุปจฺจยภาชนนฺติ จีวราทีนํ จตุนฺนํ ปจฺจยานํ ภาชนํ. ตตฺถ จีวรภาชเน ตาว จีวรปฏิคฺคาหโก เวทิตพฺโพ, จีวรนิทหโก เวทิตพฺโพ, ภณฺฑาคาริโก เวทิตพฺโพ, ภณฺฑาคารํ เวทิตพฺพํ, จีวรภาชโก เวทิตพฺโพ, จีวรภาชนํ เวทิตพฺพํ.

ตตฺถ (มหาว. อฏฺ. ๓๔๐-๓๔๒) ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคตํ ภิกฺขุํ จีวรปฏิคฺคาหกํ สมฺมนฺนิตุํ, โย น ฉนฺทาคตึ คจฺเฉยฺย, น โทสาคตึ คจฺเฉยฺย, น โมหาคตึ คจฺเฉยฺย, น ภยาคตึ คจฺเฉยฺย, คหิตาคหิตฺจ ชาเนยฺยา’’ติ (มหาว. ๓๔๒) วจนโต อิเมหิ ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคโต จีวรปฏิคฺคาหโก สมฺมนฺนิตพฺโพ. ตตฺถ ปจฺฉา อาคตานมฺปิ อตฺตโน าตกาทีนํ ปมตรํ ปฏิคฺคณฺหนฺโต วา เอกจฺจสฺมึ เปมํ ทสฺเสตฺวา คณฺหนฺโต วา โลภปกติตาย อตฺตโน ปริณาเมนฺโต วา ฉนฺทาคตึ คจฺฉติ นาม. ปมตรํ อาคตสฺสปิ โกธวเสน ปจฺฉา คณฺหนฺโต วา ทุคฺคตมนุสฺเสสุ อวมฺํ กตฺวา คณฺหนฺโต วา ‘‘กึ โว ฆเร ปโนกาโส นตฺถิ, ตุมฺหากํ สนฺตกํ คเหตฺวา คจฺฉถา’’ติ เอวํ สงฺฆสฺส ลาภนฺตรายํ กโรนฺโต วา โทสาคตึ คจฺฉติ นาม. โย ปน มุฏฺสฺสติ อสมฺปชาโน, อยํ โมหาคตึ คจฺฉติ นาม. ปจฺฉา อาคตานมฺปิ อิสฺสรานํ ภเยน ปมตรํ ปฏิคฺคณฺหนฺโต วา ‘‘จีวรปฏิคฺคาหกฏฺานํ นาเมตํ ภาริย’’นฺติ สนฺตสนฺโต วา ภยาคตึ คจฺฉติ นาม. ‘‘มยา อิทฺจิทฺจ คหิตํ, อิทฺจิทฺจ น คหิต’’นฺติ เอวํ ชานนฺโต คหิตาคหิตํ ชานาติ นาม. ตสฺมา โย ฉนฺทาคติอาทิวเสน น คจฺฉติ, าตกอฺาตกอฑฺฒทุคฺคเตสุ วิเสสํ อกตฺวา อาคตปฏิปาฏิยา คณฺหาติ, สีลาจารปฏิปตฺติยุตฺโต โหติ สติมา เมธาวี พหุสฺสุโต, สกฺโกติ ทายกานํ วิสฺสฏฺาย วาจาย ปริมณฺฑเลหิ ปทพฺยฺชเนหิ อนุโมทนํ กโรนฺโต ปสาทํ ชเนตุํ, เอวรูโป สมฺมนฺนิตพฺโพ.

เอวฺจ ปน สมฺมนฺนิตพฺโพ. ปมํ ภิกฺขุ ยาจิตพฺโพ, ยาจิตฺวา พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สงฺโฆ าเปตพฺโพ –

‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อิตฺถนฺนามํ ภิกฺขุํ จีวรปฏิคฺคาหกํ สมฺมนฺเนยฺย, เอสา ตฺติ.

‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, สงฺโฆ อิตฺถนฺนามํ ภิกฺขุํ จีวรปฏิคฺคาหกํ สมฺมนฺนติ, ยสฺสายสฺมโต ขมติ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน จีวรปฏิคฺคาหกสฺส สมฺมุติ, โส ตุณฺหสฺส. ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺย.

‘‘สมฺมโต สงฺเฆน อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ จีวรปฏิคฺคาหโก, ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติ (มหาว. ๓๔๒) –

อิติ อิมาย กมฺมวาจาย วา อปโลกเนน วา อนฺโตวิหาเร สพฺพสงฺฆมชฺเฌปิ ขณฺฑสีมายมฺปิ สมฺมนฺนิตุํ วฏฺฏติเยว. เอวํ สมฺมเตน จ วิหารปจฺจนฺเต วา ปธานฆเร วา น อจฺฉิตพฺพํ. ยตฺถ ปน อาคตาคตา มนุสฺสา สุขํ ปสฺสนฺติ, ตาทิเส ธุรวิหารฏฺาเน พีชนึ ปสฺเส เปตฺวา สุนิวตฺเถน สุปารุเตน นิสีทิตพฺพํ.

๑๙๕. จีวรนิทหโกปิ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคตํ ภิกฺขุํ จีวรนิทหกํ สมฺมนฺนิตุํ, โย น ฉนฺทาคตึ คจฺเฉยฺย, น โทสาคตึ คจฺเฉยฺย, น โมหาคตึ คจฺเฉยฺย, น ภยาคตึ คจฺเฉยฺย, นิหิตานิหิตฺจ ชาเนยฺยา’’ติ วจนโต ปฺจงฺคสมนฺนาคโต ภิกฺขุ –

‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อิตฺถนฺนามํ ภิกฺขุํ จีวรนิทหกํ สมฺมนฺเนยฺย, เอสา ตฺติ.

‘‘สุณาตุ เม ภนฺเต สงฺโฆ, สงฺโฆ อิตฺถนฺนามํ ภิกฺขุํ จีวรนิทหกํ สมฺมนฺนติ, ยสฺสายสฺมโต ขมติ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน จีวรนิทหกสฺส สมฺมุติ, โส ตุณฺหสฺส. ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺย.

‘‘สมฺมโต สงฺเฆน อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ จีวรนิทหโก, ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติ (มหาว. ๓๔๒) –

อิติ อิมาย กมฺมวาจาย วา อปโลกเนน วา วุตฺตนเยเนว สมฺมนฺนิตพฺโพ.

๑๙๖. ภณฺฑาคาริโกปิ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคตํ ภิกฺขุํ ภณฺฑาคาริกํ สมฺมนฺนิตุํ, โย น ฉนฺทาคตึ คจฺเฉยฺย, น โทสาคตึ คจฺเฉยฺย, น โมหาคตึ คจฺเฉยฺย, น ภยาคตึ คจฺเฉยฺย, คุตฺตาคุตฺตฺจ ชาเนยฺยา’’ติ (มหาว. ๓๔๓) วจนโต ปฺจงฺคสมนฺนาคโต ภิกฺขุ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อิตฺถนฺนามํ ภิกฺขุํ ภณฺฑาคาริกํ สมฺมนฺเนยฺยา’’ติอาทินา (มหาว. ๓๔๓) นเยน กมฺมวาจาย วา อปโลกเนน วา สมฺมนฺนิตพฺโพ.

เอตฺถ (มหาว. อฏฺ. ๓๔๓) จ ยตฺถ ฉทนาทีสุ โกจิ โทโส นตฺถิ, ตํ คุตฺตํ. ยตฺถ ปน ฉทนติณํ วา ฉทนิฏฺกา วา ยตฺถ กตฺถจิ ปติตา, เยน โอวสฺสติ วา, มูสิกาทีนํ วา ปเวโส โหติ, ภิตฺติอาทีสุ วา กตฺถจิ ฉิทฺทํ โหติ, อุปจิกา วา อุฏฺหนฺติ, ตํ สพฺพํ อคุตฺตํ นาม. ตํ สลฺลกฺเขตฺวา ภณฺฑาคาริเกน ปฏิสงฺขริตพฺพํ. สีตสมเย ทฺวารฺจ วาตปานฺจ สุปิหิตํ กาตพฺพํ. สีเตน หิ จีวรานิ กณฺณกิตานิ โหนฺติ. อุณฺหสมเย อนฺตรนฺตรา วาตปฺปเวสนตฺถํ วิวริตพฺพํ. เอวํ กโรนฺโต หิ คุตฺตาคุตฺตํ ชานาติ นาม.

๑๙๗. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ภณฺฑาคารํ สมฺมนฺนิตุํ, ยํ สงฺโฆ อากงฺขติ วิหารํ วา อฑฺฒโยคํ วา ปาสาทํ วา หมฺมิยํ วา คุหํ วา’’ติ (มหาว. ๓๔๓) วจนโต ภณฺฑาคารํ สมฺมนฺนิตฺวา เปตพฺพํ. เอตฺถ จ โย อารามมชฺเฌ อารามิกสามเณราทีหิ อวิวิตฺโต สพฺเพสํ สโมสรณฏฺาเน วิหาโร วา อฑฺฒโยโค วา โหติ, โส สมฺมนฺนิตพฺโพ. ปจฺจนฺตเสนาสนํ ปน น สมฺมนฺนิตพฺพํ. อิมํ ปน ภณฺฑาคารํ ขณฺฑสีมํ คนฺตฺวา ขณฺฑสีมาย นิสินฺเนหิ สมฺมนฺนิตุํ น วฏฺฏติ. วิหารมชฺเฌเยว ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อิตฺถนฺนามํ วิหารํ ภณฺฑาคารํ สมฺมนฺเนยฺยา’’ติอาทินา (มหาว. ๓๔๓) นเยน กมฺมวาจาย วา อปโลกเนน วา สมฺมนฺนิตพฺพํ.

จีวรปฏิคฺคาหกาทีหิ ปน ตีหิปิ อตฺตโน วตฺตํ ชานิตพฺพํ. ตตฺถ จีวรปฏิคฺคาหเกน ตาว ยํ ยํ มนุสฺสา ‘‘กาลจีวร’’นฺติ วา ‘‘อกาลจีวร’’นฺติ วา ‘‘อจฺเจกจีวร’’นฺติ วา ‘‘วสฺสิกสาฏิก’’นฺติ วา ‘‘นิสีทน’’นฺติ วา ‘‘ปจฺจตฺถรณ’’นฺติ วา ‘‘มุขปุฺฉนโจฬ’’นฺติ วา เทนฺติ, ตํ สพฺพํ เอกราสึ กตฺวา มิสฺเสตฺวา น คณฺหิตพฺพํ, วิสุํ วิสุํ กตฺวาว คณฺหิตฺวา จีวรนิทหกสฺส ตเถว อาจิกฺขิตฺวา ทาตพฺพํ. จีวรนิทหเกนปิ ภณฺฑาคาริกสฺส ททมาเนน ‘‘อิทํ กาลจีวรํ…เป… อิทํ มุขปุฺฉนโจฬ’’นฺติ อาจิกฺขิตฺวาว ทาตพฺพํ. ภณฺฑาคาริเกนปิ ตเถว วิสุํ วิสุํ สฺาณํ กตฺวา เปตพฺพํ. ตโต สงฺเฆน ‘‘กาลจีวรํ อาหรา’’ติ วุตฺเต กาลจีวรเมว ทาตพฺพํ…เป… ‘‘มุขปุฺฉนโจฬํ อาหรา’’ติ วุตฺเต ตเทว ทาตพฺพํ. อิติ ภควตา จีวรปฏิคฺคาหโก อนุฺาโต, จีวรนิทหโก อนุฺาโต, ภณฺฑาคาริโก อนุฺาโต, ภณฺฑาคารํ อนุฺาตํ, น พาหุลิกตาย, น อสนฺตุฏฺิตาย, อปิจ โข สงฺฆานุคฺคหาย. สเจ หิ อาหฏาหฏํ คเหตฺวา ภิกฺขู ภาเชยฺยุํ, เนว อาหฏํ, น อนาหฏํ, น ทินฺนํ, น อทินฺนํ, น ลทฺธํ, น อลทฺธํ ชาเนยฺยุํ, อาหฏาหฏํ เถราสเน วา ทเทยฺยุํ, ขณฺฑาขณฺฑํ วา ฉินฺทิตฺวา คณฺเหยฺยุํ, เอวํ สติ อยุตฺตปริโภโค จ โหติ, น จ สพฺเพสํ สงฺคโห กโต โหติ. ภณฺฑาคาเร ปน จีวรํ เปตฺวา อุสฺสนฺนกาเล เอเกกสฺส ภิกฺขุโน ติจีวรํ วา ทฺเว ทฺเว วา เอเกกํ วา จีวรํ ทสฺสนฺติ, ลทฺธาลทฺธํ ชานิสฺสนฺติ, อลทฺธภาวํ ตฺวา สงฺคหํ กาตุํ มฺิสฺสนฺตีติ.

๑๙๘. จีวรภาชโกวิ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคตํ ภิกฺขุํ จีวรภาชกํ สมฺมนฺนิตุํ, โย น ฉนฺทาคตึ คจฺเฉยฺย, น โทสาคตึ คจฺเฉยฺย, น โมหาคตึ คจฺเฉยฺย, น ภยาคตึ คจฺเฉยฺย, ภาชิตาภาชิตฺจ ชาเนยฺยา’’ติ (มหาว. ๓๔๓) วจนโต ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคโตเยว ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อิตฺถนฺนามํ ภิกฺขุํ จีวรภาชกํ สมฺมนฺเนยฺยา’’ติ(มหาว. ๓๔๓) อาทินา นเยน กมฺมวาจาย วา อปโลกเนน วา สมฺมนฺนิตฺวา เปตพฺโพ.

เอตฺถ สภาคานํ ภิกฺขูนํ อปาปุณนฺตมฺปิ มหคฺฆจีวรํ เทนฺโต ฉนฺทาคตึ คจฺฉติ นาม. อฺเสํ วุฑฺฒตรานํ ปาปุณนฺตมฺปิ มหคฺฆจีวรํ อทตฺวา อปฺปคฺฆํ เทนฺโต โทสาคตึ คจฺฉติ นาม. โมหมูฬฺโห จีวรทานวตฺตํ อชานนฺโต โมหาคตึ คจฺฉติ นาม. มุขรานํ นวกานมฺปิ ภเยน อปาปุณนฺตํ เอว มหคฺฆํ จีวรํ เทนฺโต ภยาคตึ คจฺฉติ นาม. โย เอวํ น คจฺฉติ, สพฺเพสํ ตุลาภูโต ปมาณภูโต มชฺฌตฺโต, โส สมฺมนฺนิตพฺโพ. เตนปิ จีวรํ ภาเชนฺเตน ปมํ ‘‘อิทํ ถูลํ, อิทํ สณฺหํ, อิทํ ฆนํ, อิทํ ตนุกํ, อิทํ ปริภุตฺตํ, อิทํ อปริภุตฺตํ, อิทํ ทีฆโต เอตฺตกํ, ปุถุลโต เอตฺตก’’นฺติ เอวํ วตฺถานิ วิจินิตฺวา ‘‘อิทํ เอตฺตกํ อคฺฆติ, อิทํ เอตฺตก’’นฺติ เอวํ อคฺฆปริจฺเฉทํ กตฺวา สเจ สพฺเพสํ เอเกกเมว ทสทสอคฺฆนกํ ปาปุณาติ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ ปาปุณาติ, ยํ นว วา อฏฺ วา อคฺฆติ, ตํ อฺเน เอกอคฺฆนเกน จ ทฺวิอคฺฆนเกน จ สทฺธึ พนฺธิตฺวา เอเตน อุปาเยน สเม ปฏิวีเส เปตฺวา กุโส ปาเตตพฺโพ. สเจ เอเกกสฺส ทียมาเน จีวเร ทิวโส นปฺปโหติ, ทส ทส ภิกฺขู คเณตฺวา ทส ทส จีวรปฏิวีเส เอกโต พนฺธิตฺวา ภณฺฑิกํ กตฺวา เอโก จีวรปฏิวีโส เปตพฺโพ . เอวํ ปิเตสุ จีวรปฏิวีเสสุ กุโส ปาเตตพฺโพ. เตหิปิ ภิกฺขูหิ ปุน กุสปาตํ กตฺวา ภาเชตพฺพํ.

‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สามเณรานํ อุปฑฺฒปฏิวีสํ ทาตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๓) วจนโต เย สามเณรา อตฺติสฺสรา ภิกฺขุสงฺฆสฺส กตฺตพฺพกมฺมํ น กโรนฺติ, อุทฺเทสปริปุจฺฉาสุ ยุตฺตา อาจริยุปชฺฌายานํเยว วตฺตปฏิวตฺตํ กโรนฺติ, อฺเสํ น กโรนฺติ, เอเตสํเยว อุปฑฺฒภาโค ทาตพฺโพ. เย ปน ปุเรภตฺตฺจ ปจฺฉาภตฺตฺจ ภิกฺขุสงฺฆสฺเสว กตฺตพฺพกิจฺจํ กโรนฺติ, เตสํ สมโก ทาตพฺโพ. อิทฺจ ปิฏฺิสมเย อุปฺปนฺเนน ภณฺฑาคาเร ปิเตน อกาลจีวเรเนว กถิตํ, กาลจีวรํ ปน สมกํเยว ทาตพฺพํ. ตตฺรุปฺปาทวสฺสาวาสิกํ สมฺมุฺชนีพนฺธนาทิ สงฺฆสฺส ผาติกมฺมํ กตฺวา คเหตพฺพํ. เอตฺเหตฺถ สพฺเพสํ วตฺตํ. ภณฺฑาคารจีวเรปิ สเจ สามเณรา อาคนฺตฺวา ‘‘ภนฺเต, มยํ ยาคุํ ปจาม, ภตฺตํ ปจาม, ขชฺชกํ ปจาม, อปฺปหริตํ กโรม, ทนฺตกฏฺํ อาหราม, รงฺคฉลฺลึ กปฺปิยํ กตฺวา เทม, กึ อมฺเหหิ น กตํ นามา’’ติ อุกฺกุฏฺึ กโรนฺติ, สมภาโคว ทาตพฺโพ. เอตํเยว วิรชฺฌิตฺวา กโรนฺติ, เยสฺจ กรณภาโว น ปฺายติ, เต สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สามเณรานํ อุปฑฺฒปฏิวีสํ ทาตุ’’นฺติ. กุรุนฺทิยํ ปน ‘‘สเจ สามเณรา ‘กสฺมา มยํ, ภนฺเต, สงฺฆกมฺมํ น กโรม, กริสฺสามา’ติ ยาจนฺติ, สมปฏิวีโส ทาตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ.

สเจ โกจิ ภิกฺขุ สกํ ภาคํ คเหตฺวา สตฺถํ ลภิตฺวา นทึ วา กนฺตารํ วา อุตฺตริตฺวา ทิสาปกฺกมิตุกาโม โหติ, ตสฺส ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อุตฺตรนฺตสฺส สกํ ภาคํ ทาตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๓) วจนโต จีวเรสุ ภณฺฑาคารโต พหิ นีหเฏสุ ฆณฺฏึ ปหริตฺวา ภิกฺขุสงฺเฆ สนฺนิปติเต จีวรภาชเกน ‘‘อิมสฺส ภิกฺขุโน โกฏฺาเสน เอตฺตเกน ภวิตพฺพ’’นฺติ ตกฺเกตฺวา นยคฺคาเหน สมภาเคน จีวรํ ทาตพฺพํ. ตุลาย ตุลิตมิว หิ สมสมํ ทาตุํ น สกฺกา, ตสฺมา อูนํ วา โหตุ อธิกํ วา, เอวํ ตกฺเกน นเยน ทินฺนํ สุทินฺนํ. เนว อูนกํ ปุน ทาตพฺพํ, นาติริตฺตํ ปฏิคฺคณฺหิตพฺพํ. สเจ ทส ภิกฺขู โหนฺติ, สาฏกาปิ ทเสว, เตสุ เอโก ทฺวาทส อคฺฆติ, เสสา ทสคฺฆนกา. สพฺเพสุ ทสคฺฆนกวเสน กุเส ปาติเต ยสฺส ภิกฺขุโน ทฺวาทสคฺฆนโก กุโส ปาติโต, เตน ยตฺตกํ ตสฺมึ ปฏิวีเส อธิกํ, ตตฺตกํ อคฺฆนกํ ยํ กิฺจิ อตฺตโน สนฺตกํ กปฺปิยภณฺฑํ ทตฺวา โส อติเรกภาโค คเหตพฺโพ. สเจ สพฺเพสํ ปฺจ ปฺจ วตฺถานิ ปตฺตานิ, เสสานิปิ อตฺถิ, เอเกกํ ปน น ปาปุณาติ, ฉินฺทิตฺวา ทาตพฺพานิ.

ฉินฺทนฺเตน จ อฑฺฒมณฺฑลาทีนํ วา อุปาหนตฺถวิกาทีนํ วา ปโหนกานิ ขณฺฑานิ กตฺวา ทาตพฺพานิ. เหฏฺิมปริจฺเฉเทน จตุรงฺคุลวิตฺถารมฺปิ อนุวาตปฺปโหนกายามํ ขณฺฑํ กตฺวา ทาตุํ วฏฺฏติ, อปริโภคํ ปน น กาตพฺพํ. สเจปิ เอกสฺส ภิกฺขุโน โกฏฺาเส เอกํ วา ทฺเว วา วตฺถานิ นปฺปโหนฺติ, ตตฺถ อฺํ สามณกํ ปริกฺขารํ เปตฺวา โย เตน ตุสฺสติ, ตสฺส ตํ ภาคํ กตฺวา ปจฺฉา กุสปาโต กาตพฺโพ. สเจ ทส ทส ภิกฺขู คเณตฺวา วคฺคํ กโรนฺตานํ เอโก วคฺโค น ปูรติ, อฏฺ วา นว วา โหนฺติ, เตสํ อฏฺ วา นว วา โกฏฺาสา ‘‘ตุมฺเห อิเม คเหตฺวา วิสุํ ภาเชถา’’ติ ทาตพฺพา. เอวํ ทตฺวา ปจฺฉา กุสปาโต กาตพฺโพ.

๑๙๙. อิทานิ ‘‘อฏฺิมา, ภิกฺขเว, มาติกา จีวรสฺส อุปฺปาทาย, สีมาย เทติ, กติกาย เทติ, ภิกฺขาปฺตฺติยา เทติ, สงฺฆสฺส เทติ, อุภโตสงฺฆสฺส เทติ, วสฺสํวุฏฺสงฺฆสฺส เทติ, อาทิสฺส เทติ, ปุคฺคลสฺส เทตี’’ติ (มหาว. ๓๗๙) จีวรานํ ปฏิลาภเขตฺตทสฺสนตฺถํ ยา ตา อฏฺ มาติกา วุตฺตา, ตาสํ วเสน วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ.

ตตฺถ ‘‘สีมาย ทมฺมี’’ติ เอวํ สีมํ ปรามสิตฺวา เทนฺโต สีมาย เทติ นาม. เอวํ สีมาย ทินฺนํ ยาวติกา ภิกฺขู อนฺโตสีมาคตา, เตหิ ภาเชตพฺพํ. สีมา จ นาเมสา ขณฺฑสีมา อุปจารสีมา สมานสํวาสสีมา อวิปฺปวาสสีมา ลาภสีมา คามสีมา นิคมสีมา นครสีมา อพฺภนฺตรสีมา อุทกุกฺเขปสีมา ชนปทสีมา รฏฺสีมา รชฺชสีมา ทีปสีมา จกฺกวาฬสีมาติ ปนฺนรสวิธา โหติ. ตตฺถ ขณฺฑสีมา สีมากถายํ วุตฺตาว. อุปจารสีมา นาม ปริกฺขิตฺตสฺส วิหารสฺส ปริกฺเขเปน, อปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขปารหฏฺาเนน ปริจฺฉินฺนา โหติ. อปิจ ภิกฺขูนํ ธุวสนฺนิปาตฏฺานโต ปริยนฺเต ิตโภชนสาลโต วา นิพทฺธวสนอาวาสโต วา ถามมชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส ทฺวินฺนํ เลฑฺฑุปาตานํ อนฺโต อุปจารสีมาติ เวทิตพฺพา. สา ปน อาวาเสสุ วฑฺฒนฺเตสุ วฑฺฒติ, ปริหายนฺเตสุ ปริหายติ. มหาปจฺจริยํ ปน ‘‘ภิกฺขูสุปิ วฑฺฒนฺเตสุ วฑฺฒตี’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมา สเจ วิหาเร สนฺนิปติตภิกฺขูหิ สทฺธึ เอกาพทฺธา หุตฺวา โยชนสตมฺปิ ปูเรตฺวา นิสีทนฺติ, โยชนสตมฺปิ อุปจารสีมาว โหติ, สพฺเพสํ ลาโภ ปาปุณาติ. สมานสํวาสอวิปฺปวาสสีมาทฺวยมฺปิ วุตฺตเมว. ลาภสีมา นาม เนว สมฺมาสมฺพุทฺเธน อนุฺาตา, น ธมฺมสงฺคาหกตฺเถเรหิ ปิตา, อปิจ โข ราชราชมหามตฺตา วิหารํ กาเรตฺวา คาวุตํ วา อฑฺฒโยชนํ วา โยชนํ วา สมนฺตโต ปริจฺฉินฺทิตฺวา ‘‘อยํ อมฺหากํ วิหารสฺส ลาภสีมา’’ติ นามลิขิตเก ถมฺเภ นิขณิตฺวา ‘‘ยํ เอตฺถนฺตเร อุปฺปชฺชติ, สพฺพํ อมฺหากํ วิหารสฺส เทมา’’ติ สีมา เปนฺติ, อยํ ลาภสีมา นาม. คามนิคมนครอพฺภนฺตรอุทกุกฺเขปสีมาปิ วุตฺตา เอว.

ชนปทสีมา นาม กาสิโกสลรฏฺาทีนํ อนฺโต พหู ชนปทา โหนฺติ, ตตฺถ เอเกโก ชนปทปริจฺเฉโท ชนปทสีมา. รฏฺสีมา นาม กาสิโกสลาทิรฏฺปริจฺเฉโท. รชฺชสีมา นาม ‘‘โจฬโภโค เกรฬโภโค’’ติ เอวํ เอเกกสฺส รฺโ อาณาปวตฺติฏฺานํ. ทีปสีมา นาม สมุทฺทนฺเตน ปริจฺฉินฺนมหาทีปา จ อนฺตรทีปา จ. จกฺกวาฬสีมา จกฺกวาฬปพฺพเตเนว ปริจฺฉินฺนา. เอวเมตาสุ สีมาสุ ขณฺฑสีมาย เกนจิ กมฺเมน สนฺนิปติตํ สงฺฆํ ทิสฺวา ‘‘เอตฺเถว สีมาย สงฺฆสฺส เทมี’’ติ วุตฺเต ยาวติกา ภิกฺขู อนฺโตขณฺฑสีมาคตา, เตหิ ภาเชตพฺพํ. เตสํเยว หิ ตํ ปาปุณาติ, อฺเสํ สีมนฺตริกาย วา อุปจารสีมาย วา ิตานมฺปิ น ปาปุณาติ. ขณฺฑสีมาย ิเต ปน รุกฺเข วา ปพฺพเต วา ิตสฺส เหฏฺา วา ปถวีเวมชฺฌคตสฺส ปาปุณาติเยว. ‘‘อิมิสฺสา อุปจารสีมาย สงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ ทินฺนํ ปน ขณฺฑสีมาสีมนฺตริกาสุ ิตานมฺปิ ปาปุณาติ. ‘‘สมานสํวาสสีมาย ทมฺมี’’ติ ทินฺนํ ปน ขณฺฑสีมาสีมนฺตริกาสุ ิตานํ น ปาปุณาติ. อวิปฺปวาสสีมาลาภสีมาสุ ทินฺนํ ตาสุ สีมาสุ อนฺโตคตานํ ปาปุณาติ. คามสีมาทีสุ ทินฺนํ ตาสํ สีมานํ อพฺภนฺตเร พทฺธสีมาย ิตานมฺปิ ปาปุณาติ. อพฺภนฺตรสีมาอุทกุกฺเขปสีมาสุ ทินฺนํ ตตฺถ อนฺโตคตานํเยว ปาปุณาติ. ชนปทรฏฺรชฺชทีปจกฺกวาฬสีมาสุปิ คามสีมาทีสุ วุตฺตสทิโสเยว วินิจฺฉโย.

สเจ ปน ชมฺพุทีเป ิโต ‘‘ตมฺพวณฺณิทีเป สงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ วทติ, ตมฺพปณฺณิทีปโต เอโกปิ อาคนฺตฺวา สพฺเพสํ คณฺหิตุํ ลภติ. สเจปิ ตตฺเรว เอโก สภาคภิกฺขุ สภาคานํ ภาคํ คณฺหาติ, น วาเรตพฺโพ. เอวํ ตาว โย สีมํ ปรามสิตฺวา เทติ, ตสฺส ทาเน วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ. โย ปน ‘‘อสุกสีมาย’’นฺติ วตฺตุํ น ชานาติ, เกวลํ ‘‘สีมา’’ติ วจนมตฺตเมว ชานนฺโต วิหารํ อาคนฺตฺวา ‘‘สีมาย ทมฺมี’’ติ วา ‘‘สีมฏฺกสงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ วา ภณติ, โส ปุจฺฉิตพฺโพ ‘‘สีมา นาม พหุวิธา, กตรสีมํ สนฺธาย ภณสี’’ติ. สเจ วทติ ‘‘อหํ ‘อสุกสีมา’ติ น ชานามิ, สีมฏฺกสงฺโฆ ภาเชตฺวา คณฺหตู’’ติ, กตรสีมาย ภาเชตพฺพํ? มหาสีวตฺเถโร กิราห ‘‘อวิปฺปวาสสีมายา’’ติ. ตโต นํ อาหํสุ ‘‘อวิปฺปวาสสีมา นาม ติโยชนาปิ โหติ, เอวํ สนฺเต ติโยชเน ิตา ลาภํ คณฺหิสฺสนฺติ, ติโยชเน ตฺวา อาคนฺตุกวตฺตํ ปูเรตฺวา อารามํ ปวิสิตพฺพํ ภวิสฺสติ, คมิโก ติโยชนํ คนฺตฺวา เสนาสนํ อาปุจฺฉิสฺสติ, นิสฺสยปฺปฏิปนฺนสฺส ติโยชนาติกฺกเม นิสฺสโย ปฏิปฺปสฺสมฺภิสฺสติ, ปาริวาสิเกน ติโยชนํ อติกฺกมิตฺวา อรุณํ อุฏฺเปตพฺพํ ภวิสฺสติ, ภิกฺขุนิยา ติโยชเน ตฺวา อารามปฺปเวสนํ อาปุจฺฉิตพฺพํ ภวิสฺสติ, สพฺพมฺเปตํ อุปจารสีมาปริจฺเฉทวเสเนว กาตุํ วฏฺฏติ, ตสฺมา อุปจารสีมาย ภาเชตพฺพ’’นฺติ.

๒๐๐. กติกายเทตีติ เอตฺถ ปน กติกา นาม สมานลาภกติกา. ตตฺเรวํ กติกา กาตพฺพา, เอกสฺมึ วิหาเร สนฺนิปติเตหิ ภิกฺขูหิ ยํ วิหารํ สงฺคณฺหิตุกามา สมานลาภํ กาตุํ อิจฺฉนฺติ , ตสฺส นามํ คเหตฺวา ‘‘อสุโก นาม วิหาโร โปราณโก’’ติ วา ‘‘พุทฺธาธิวุตฺโถ’’ติ วา ‘‘อปฺปลาโภ’’ติ วา ย กิฺจิ การณํ วตฺวา ‘‘ตํ วิหารํ อิมินา วิหาเรน สทฺธึ เอกลาภํ กาตุํ สงฺฆสฺส รุจฺจตี’’ติ ติกฺขตฺตุํ สาเวตพฺพํ. เอตฺตาวตา ตสฺมึ วิหาเร นิสินฺโนปิ อิธ นิสินฺโนว โหติ. ตสฺมึ วิหาเรปิ สงฺเฆน เอวเมว กาตพฺพํ. เอตฺตาวตา อิธ นิสินฺโนปิ ตสฺมึ นิสินฺโนว โหติ. เอกสฺมึ วิหาเร ลาเภ ภาชิยมาเน อิตรสฺมึ ิตสฺส ภาคํ คเหตุํ วฏฺฏติ. เอวํ เอเกน วิหาเรน สทฺธึ พหูปิ อาวาสา เอกลาภา กาตพฺพา. เอวฺจ กเต เอกสฺมึ อาวาเส ทินฺเน สพฺพตฺถ ทินฺนํ โหติ.

๒๐๑. ภิกฺขาปฺตฺติ นาม อตฺตโน ปริจฺจาคปฺาปนฏฺานํ, ยตฺถ สงฺฆสฺส ธุวการา กรียนฺติ. เอตฺถ จ ยสฺมึ วิหาเร อิมสฺส จีวรทายกสฺส สนฺตกํ สงฺฆสฺส ปากวฏฺฏํ วา วตฺตติ, ยสฺมึ วิหาเร ภิกฺขู อตฺตโน ภารํ กตฺวา สทา เคเห โภเชติ, ยตฺถ วา เตน อาวาโส การิโต, สลากภตฺตาทีนิ วา นิพทฺธานิ, อิเม ธุวการา นาม. เยน ปน สกโลปิ วิหาโร ปติฏฺาปิโต, ตตฺถ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ, ตสฺมา สเจ โส ‘‘ยตฺถ มยฺหํ ธุวการา กรียนฺติ, ตตฺถ ทมฺมี’’ติ วา ‘‘ตตฺถ เทถา’’ติ วา ภณติ, พหูสุ เจปิ าเนสุ ธุวการา โหนฺติ, สพฺพตฺถ ทินฺนเมว โหติ. สเจ ปน เอกสฺมึ วิหาเร ภิกฺขู พหุตรา โหนฺติ, เตหิ วตฺตพฺพํ ‘‘ตุมฺหากํ ธุวกาเร เอกตฺถ ภิกฺขู พหู, เอกตฺถ อปฺปกา’’ติ. สเจ ‘‘ภิกฺขุคณนาย คณฺหถา’’ติ ภณติ, ตถา ภาเชตฺวา คณฺหิตุํ วฏฺฏติ. เอตฺถ จ วตฺถเภสชฺชาทิ อปฺปกมฺปิ สุเขน ภาชียติ. ยทิ ปน มฺโจ วา ปีํ วา เอกเมว โหติ, ตํ ปุจฺฉิตฺวา ยสฺส วิหารสฺส, เอกวิหาเรปิ วา ยสฺส เสนาสนสฺส โส วิจาเรติ, ตตฺถ ทาตพฺพํ. สเจปิ ‘‘อสุกภิกฺขุ คณฺหตู’’ติ วทติ, วฏฺฏติ. อถ ‘‘มยฺหํ ธุวกาเร เทถา’’ติ วตฺวา อวิจาเรตฺวา คจฺฉติ, สงฺฆสฺสปิ วิจาเรตุํ วฏฺฏติ. เอวํ ปน วิจาเรตพฺพํ, ‘‘สงฺฆตฺเถรสฺส วสนฏฺาเน เทถา’’ติ วตฺตพฺพํ. สเจ ตตฺถ เสนาสนํ ปริปุณฺณํ โหติ, ยตฺถ นปฺปโหติ, ตตฺถ ทาตพฺพํ. สเจ เอโก ภิกฺขุ ‘‘มยฺหํ วสนฏฺาเน เสนาสนปริโภคภณฺฑํ นตฺถี’’ติ วทติ, ตตฺถ ทาตพฺพํ.

๒๐๒. สงฺฆสฺส เทตีติ เอตฺถ ปน สเจ วิหารํ ปวิสิตฺวา ‘‘อิมานิ จีวรานิ สงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ เทติ, อุปจารสีมาย ิเตน สงฺเฆน ฆณฺฏึ ปหริตฺวา กาลํ โฆเสตฺวา ภาเชตพฺพานิ, สีมฏฺกสฺส อสมฺปตฺตสฺสปิ ภาคํ คณฺหนฺโต น วาเรตพฺโพ. วิหาโร มหา โหติ, เถราสนโต ปฏฺาย วตฺเถสุ ทียมาเนสุ อลสชาติกา มหาเถรา ปจฺฉา อาคจฺฉนฺติ, ‘‘ภนฺเต, วีสติวสฺสานํ ทียติ, ตุมฺหากํ ิติกา อติกฺกนฺตา’’ติ น วตฺตพฺพา, ิติกํ เปตฺวา เตสํ ทตฺวา ปจฺฉา ิติภาย ทาตพฺพํ. ‘‘อสุกวิหาเร กิร พหุ จีวรํ อุปฺปนฺน’’นฺติ สุตฺวา โยชนนฺตริกวิหารโตปิ ภิกฺขู อาคจฺฉนฺติ, สมฺปตฺตสมฺปตฺตานํ ิตฏฺานโต ปฏฺาย ทาตพฺพํ, อสมฺปตฺตานมฺปิ อุปจารสีมํ ปวิฏฺานํ อนฺเตวาสิกาทีสุ คณฺหนฺเตสุ ทาตพฺพเมว. ‘‘พหิอุปจารสีมาย ิตานํ เทถา’’ติ วทนฺติ, น ทาตพฺพํ. สเจ ปน อุปจารสีมํ โอกฺกนฺเตหิ เอกาพทฺธา หุตฺวา อตฺตโน วิหารทฺวาเร วา อนฺโตวิหาเรเยว วา โหนฺติ, ปริสวเสน วฑฺฒิตา นาม สีมา โหติ, ตสฺมา ทาตพฺพํ. สงฺฆนวกสฺส ทินฺเนปิ ปจฺฉา อาคตานํ ทาตพฺพเมว. ทุติยภาเค ปน เถราสนํ อารุฬฺเห อาคตานํ ปมภาโค น ปาปุณาติ, ทุติยภาคโต วสฺสคฺเคน ทาตพฺพํ.

เอกสฺมึ วิหาเร ทส ภิกฺขู โหนฺติ, ทส วตฺถานิ ‘‘สงฺฆสฺส เทมา’’ติ เทนฺติ, ปาเฏกฺกํ ภาเชตพฺพานิ. สเจ ‘‘สพฺพาเนว อมฺหากํ ปาปุณนฺตี’’ติ คเหตฺวา คจฺฉนฺติ, ทุปฺปาปิตานิ เจว ทุคฺคหิตานิ จ, คตคตฏฺาเน สงฺฆิกาเนว โหนฺติ. เอกํ ปน อุทฺธริตฺวา ‘‘อิทํ ตุมฺหากํ ปาปุณาตี’’ติ สงฺฆตฺเถรสฺส ปาเปตฺวา ‘‘เสสานิ อมฺหากํ ปาปุณนฺตี’’ติ คเหตุํ วฏฺฏติ. เอกเมว วตฺถํ ‘‘สงฺฆสฺส เทมา’’ติ อาหรนฺติ, อภาเชตฺวาว ‘‘อมฺหากํ ปาปุณาตี’’ติ คณฺหนฺติ, ทุปฺปาปิตฺเจว ทุคฺคหิตฺจ. สตฺถเกน วา หลิทฺทิอาทินา วา เลขํ กตฺวา เอกโกฏฺาสํ ‘‘อิทํ านํ ตุมฺหากํ ปาปุณาตี’’ติ สงฺฆตฺเถรสฺส ปาเปตฺวา ‘‘เสสํ อมฺหากํ ปาปุณาตี’’ติ คเหตุํ วฏฺฏติ. ยํ ปน วตฺถสฺเสว ปุปฺผํ วา วลิ วา, เตน ปริจฺเฉทํ กาตุํ น วฏฺฏติ. สเจ เอกํ ตนฺตํ อุทฺธริตฺวา ‘‘อิทํ านํ ตุมฺหากํ ปาปุณาตี’’ติ เถรสฺส ทตฺวา ‘‘เสสํ อมฺหากํ ปาปุณาตี’’ติ คณฺหนฺติ, วฏฺฏติ. ขณฺฑํ ขณฺฑํ ฉินฺทิตฺวา ภาชิยมานํ วฏฺฏติเยว.

เอกภิกฺขุเก วิหาเร สงฺฆสฺส จีวเรสุ อุปฺปนฺเนสุ สเจ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว โส ภิกฺขุ ‘‘สพฺพานิ มยฺหํ ปาปุณนฺตี’’ติ คณฺหาติ, สุคฺคหิตานิ , ิติกา ปน น ติฏฺติ. สเจ เอเกกํ อุทฺธริตฺวา ‘‘อิทํ มยฺหํ ปาปุณาตี’’ติ คณฺหาติ, ิติกา ติฏฺติ. ตตฺถ อฏฺิตาย ิติกาย ปุน อฺสฺมึ จีวเร อุปฺปนฺเน สเจ เอโก ภิกฺขุ อาคจฺฉติ, มชฺเฌ ฉินฺทิตฺวา ทฺวีหิปิ คเหตพฺพํ. ิตาย ิติกาย ปุน อฺสฺมึ จีวเร อุปฺปนฺเน สเจ นวกตโร อาคจฺฉติ, ิติกา เหฏฺา โอโรหติ. สเจ วุฑฺฒตโร อาคจฺฉติ, ิติกา อุทฺธํ อาโรหติ. อถ อฺโ นตฺถิ, ปุน อตฺตโน ปาเปตฺวา คเหตพฺพํ. ‘‘สงฺฆสฺส เทมา’’ติ วา ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส เทมา’’ติ วา เยน เกนจิ อากาเรน สงฺฆํ อามสิตฺวา ทินฺนํ ปน ปํสุกูลิกานํ น วฏฺฏติ ‘‘คหปติจีวรํ ปฏิกฺขิปามิ, ปํสุกูลิกงฺคํ สมาทิยามี’’ติ วุตฺตตฺตา, น ปน อกปฺปิยตฺตา. ภิกฺขุสงฺเฆน อปโลเกตฺวา ทินฺนมฺปิ น คเหตพฺพํ. ยํ ปน ภิกฺขุ อตฺตโน สนฺตกํ เทติ, ตํ ภิกฺขุทตฺติยํ นาม วฏฺฏติ, ปํสุกูลํ ปน น โหติ. เอวํ สนฺเตปิ ธุตงฺคํ น ภิชฺชติ. ‘‘ภิกฺขูนํ เทม, เถรานํ เทมา’’ติ วุตฺเต ปน ปํสุกูลิกานมฺปิ วฏฺฏติ, ‘‘อิทํ วตฺถํ สงฺฆสฺส เทม, อิมินา อุปาหนตฺถวิกปตฺตตฺถวิกอาโยคอํสพทฺธกาทีนิ กโรนฺตู’’ติ ทินฺนมฺปิ วฏฺฏติ. ปตฺตตฺถวิกาทีนํ อตฺถาย ทินฺนานิ พหูนิปิ โหนฺติ, จีวรตฺถายปิ ปโหนฺติ, ตโต จีวรํ กตฺวา ปารุปิตุํ วฏฺฏติ. สเจ ปน สงฺโฆ ภาชิตาติริตฺตานิ วตฺถานิ ฉินฺทิตฺวา อุปาหนตฺถวิกาทีนํ อตฺถาย ภาเชติ, ตโต คเหตุํ น วฏฺฏติ. สามิเกหิ วิจาริตเมว หิ วฏฺฏติ, น อิตรํ. ปํสุกูลิกํ ‘‘สงฺฆสฺส ธมฺมกรณปฏาทีนํ อตฺถาย เทมา’’ติ วุตฺเตปิ คเหตุํ วฏฺฏติ, ปริกฺขาโร นาม ปํสุกูลิกานมฺปิ อิจฺฉิตพฺโพ. ยํ ตตฺถ อติเรกํ โหติ, ตํ จีวเรปิ อุปเนตุํ วฏฺฏติ. สุตฺตํ สงฺฆสฺส เทนฺติ, ปํสุกูลิเกหิปิ คเหตพฺพํ. อยํ ตาว วิหารํ ปวิสิตฺวา ‘‘อิมานิ จีวรานิ สงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ ทินฺเนสุ วินิจฺฉโย. สเจ ปน พหิอุปจารสีมาย อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺเน ภิกฺขู ทิสฺวา ‘‘สงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ สงฺฆตฺเถรสฺส วา สงฺฆนวกสฺส วา อาโรเจติ, สเจปิ โยชนํ ผริตฺวา ปริสา ิตา โหติ, เอกาพทฺธา เจ, สพฺเพสํ ปาปุณาติ. เย ปน ทฺวาทสหิ หตฺเถหิ ปริสํ อสมฺปตฺตา, เตสํ น ปาปุณาติ.

๒๐๓. อุภโตสงฺฆสฺส เทตีติ เอตฺถ ‘‘อุภโตสงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ วุตฺเตปิ ‘‘ทฺวิธา สงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ, ‘‘ทฺวินฺนํ สงฺฆานํ ทมฺมี’’ติ, ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ภิกฺขุนีสงฺฆสฺส จ ทมฺมี’’ติ วุตฺเตปิ อุภโตสงฺฆสฺส ทินฺนเมว โหติ. ตตฺถ สเจ พหุกาปิ ภิกฺขู โหนฺติ, เอกา ภิกฺขุนี โหติ, อุปฑฺฒํ ทาตพฺพํ, ทฺเว ภาเค สเม กตฺวา เอโก ภาโค ทาตพฺโพติ อตฺโถ. สเจ พหุกาปิ ภิกฺขุนิโย โหนฺติ, เอโก ภิกฺขุ โหติ, อุปฑฺฒํ ทาตพฺพํ. ‘‘อุภโตสงฺฆสฺส จ ตุยฺหฺจ ทมฺมี’’ติ วุตฺเต สเจ ทส ทส ภิกฺขู จ ภิกฺขุนิโย จ โหนฺติ, เอกวีสติ ปฏิวีเส กตฺวา เอโก ปุคฺคลสฺส ทาตพฺโพ, ทส ภิกฺขุสงฺฆสฺส, ทส ภิกฺขุนีสงฺฆสฺส. เยน ปุคฺคลิโก ลทฺโธ, โส สงฺฆโตปิ อตฺตโน วสฺสคฺเคน คเหตุํ ลภติ. กสฺมา? อุภโตสงฺฆคฺคหเณน คหิตตฺตา. ‘‘อุภโตสงฺฆสฺส จ เจติยสฺส จ ทมฺมี’’ติ วุตฺเตปิ เอเสว นโย. อิธ ปน เจติยสฺส สงฺฆโต ปาปุณนโกฏฺาโส นาม นตฺถิ, เอกปุคฺคลสฺส ปตฺตโกฏฺาสสโมว โกฏฺาโส โหติ. ‘‘อุภโตสงฺฆสฺส จ ตุยฺหฺจ เจติยสฺส จา’’ติ วุตฺเต ปน ทฺวาวีสติ โกฏฺาเส กตฺวา ทส ภิกฺขูนํ, ทส ภิกฺขุนีนํ, เอโก ปุคฺคลสฺส, เอโก เจติยสฺส ทาตพฺโพ. ตตฺถ ปุคฺคโล สงฺฆโตปิ อตฺตโน วสฺสคฺเคน คเหตุํ ลภติ, เจติยสฺส เอโกเยว.

‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ภิกฺขุนีนฺจ ทมฺมี’’ติ วุตฺเต ปน น มชฺเฌ ภินฺทิตฺวา ทาตพฺพํ, ภิกฺขู จ ภิกฺขุนิโย จ คเณตฺวา ทาตพฺพํ. ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ภิกฺขุนีนฺจ ตุยฺหฺจา’’ติ วุตฺเต ปน ปุคฺคโล วิสุํ น ลภติ, ปาปุณนฏฺานโต เอกเมว ลภติ. กสฺมา? ภิกฺขุสงฺฆคฺคหเณน คหิตตฺตา. ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ภิกฺขุนีนฺจ ตุยฺหฺจ เจติยสฺส จา’’ติ วุตฺเตปิ เจติยสฺส เอกปุคฺคลปฏิวีโส ลพฺภติ, ปุคฺคลสฺส วิสุํ น ลพฺภติ, ตสฺมา เอกํ เจติยสฺส ทตฺวา อวเสสํ ภิกฺขู จ ภิกฺขุนิโย จ คเณตฺวา ภาเชตพฺพํ.

‘‘ภิกฺขูนฺจ ภิกฺขุนีนฺจ ทมฺมี’’ติ วุตฺเตปิ มชฺเฌ ภินฺทิตฺวา น ทาตพฺพํ, ปุคฺคลคณนาย เอว วิภชิตพฺพํ. ‘‘ภิกฺขูนฺจ ภิกฺขุนีนฺจ ตุยฺหฺจ, ภิกฺขูนฺจ ภิกฺขุนีนฺจ เจติยสฺส จ, ภิกฺขูนฺจ ภิกฺขุนีนฺจ ตุยฺหฺจ เจติยสฺส จา’’ติ เอวํ วุตฺเตปิ เจติยสฺส เอกปฏิวีโส ลพฺภติ, ปุคฺคลสฺส วิสุํ นตฺถิ, ภิกฺขู จ ภิกฺขุนิโย จ คเณตฺวา เอว ภาเชตพฺพํ. ยถา จ ภิกฺขุสงฺฆํ อาทึ กตฺวา นโย นีโต, เอวํ ภิกฺขุนีสงฺฆํ อาทึ กตฺวาปิ เนตพฺโพ.

‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ตุยฺหฺจา’’ติ วุตฺเต ปุคฺคลสฺส วิสุํ น ลพฺภติ, วสฺสคฺเคเนว คเหตพฺพํ. ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ เจติยสฺส จา’’ติ วุตฺเต ปน เจติยสฺส วิสุํ ปฏิวีโส ลพฺภติ. ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ตุยฺหฺจ เจติยสฺส จา’’ติ วุตฺเตปิ เจติยสฺเสว วิสุํ ลพฺภติ, น ปุคฺคลสฺส. ‘‘ภิกฺขูนฺจ ตุยฺหฺจา’’ติ วุตฺเตปิ วิสุํ น ลพฺภติ, ‘‘ภิกฺขูนฺจ เจติยสฺส จา’’ติ วุตฺเต ปน เจติยสฺส ลพฺภติ. ‘‘ภิกฺขูนฺจ ตุยฺหฺจ เจติยสฺส จา’’ติ วุตฺเตปิ เจติยสฺเสว วิสุํ ลพฺภติ, น ปุคฺคลสฺส. ภิกฺขุนีสงฺฆํ อาทึ กตฺวาปิ เอวเมว โยเชตพฺพํ.

ปุพฺเพ พุทฺธปฺปมุขสฺส อุภโตสงฺฆสฺส ทานํ เทนฺติ, ภควา มชฺเฌ นิสีทติ, ทกฺขิณโต ภิกฺขู, วามโต ภิกฺขุนิโย นิสีทนฺติ, ภควา อุภินฺนํ สงฺฆตฺเถโร, ตทา ภควา อตฺตนา ลทฺธปจฺจเย อตฺตนาปิ ปริภุฺชติ, ภิกฺขูนมฺปิ ทาเปติ. เอตรหิ ปน ปณฺฑิตมนุสฺสา สธาตุกํ ปฏิมํ วา เจติยํ วา เปตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส อุภโตสงฺฆสฺส ทานํ เทนฺติ, ปฏิมาย วา เจติยสฺส วา ปุรโต อาธารเก ปตฺตํ เปตฺวา ทกฺขิโณทกํ ทตฺวา ‘‘พุทฺธานํ เทมา’’ติ, ตตฺถ ปมํ ขาทนียโภชนียํ เทนฺติ, วิหารํ วา อาหริตฺวา ‘‘อิทํ เจติยสฺส เทมา’’ติ ปิณฺฑปาตฺจ มาลาคนฺธาทีนิ จ เทนฺติ, ตตฺถ กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ? มาลาคนฺธาทีนิ ตาว เจติเย อาโรเปตพฺพานิ, วตฺเถหิ ปฏากา, เตเลน ปทีปา กาตพฺพา. ปิณฺฑปาตมธุผาณิตาทีนิ ปน โย นิพทฺธเจติยชคฺคโก โหติ ปพฺพชิโต วา คหฏฺโ วา, ตสฺส ทาตพฺพานิ. นิพทฺธชคฺคเก อสติ อาหฏภตฺตํ เปตฺวา วตฺตํ กตฺวา ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏติ, อุปกฏฺเ กาเล ภุฺชิตฺวา ปจฺฉาปิ วตฺตํ กาตุํ วฏฺฏติเยว. มาลาคนฺธาทีสุ จ ยํ กิฺจิ ‘‘อิทํ หริตฺวา เจติเย ปูชํ กโรถา’’ติ วุตฺเต ทูรมฺปิ หริตฺวา ปูเชตพฺพํ, ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส หรา’’ติ วุตฺเตปิ หริตพฺพํ. สเจ ปน ‘‘อหํ ปิณฺฑาย จรามิ, อาสนสาลาย ภิกฺขู อตฺถิ, เต หริสฺสนฺตี’’ติ วุตฺเต ‘‘ภนฺเต, ตุยฺหเมว ทมฺมี’’ติ วทติ, ภุฺชิตุํ วฏฺฏติ. อถ ปน ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทสฺสามี’’ติ หรนฺตสฺส คจฺฉโต อนฺตราว กาโล อุปกฏฺโ โหติ, อตฺตโน ปาเปตฺวา ภุฺชิตุํ วฏฺฏติ.

๒๐๔. วสฺสํวุฏฺสงฺฆสฺส เทตีติ เอตฺถ ปน สเจ วิหารํ ปวิสิตฺวา ‘‘อิมานิ จีวรานิ วสฺสํวุฏฺสงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ เทติ, ยตฺตกา ภิกฺขู ตสฺมึ อาวาเส วสฺสจฺเฉทํ อกตฺวา ปุริมวสฺสํวุฏฺา, เตหิ ภาเชตพฺพํ, อฺเสํ น ปาปุณาติ. ทิสาปกฺกนฺตสฺสปิ สติ คาหเก ยาว กถินสฺสุพฺภารา ทาตพฺพํ. ‘‘อนตฺถเต ปน กถิเน อนฺโตเหมนฺเต เอวฺจ วตฺวา ทินฺนํ ปจฺฉิมวสฺสํวุฏฺานมฺปิ ปาปุณาตี’’ติ ลกฺขณฺู วทนฺติ. อฏฺกถาสุ ปเนตํ น วิจาริตํ. สเจ ปน พหิอุปจารสีมายํ ิโต ‘‘วสฺสํวุฏฺสงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ วทติ, สมฺปตฺตานํ สพฺเพสํ ปาปุณาติ. อถ ‘‘อสุกวิหาเร วสฺสํวุฏฺสงฺฆสฺสา’’ติ วทติ, ตตฺร วสฺสํวุฏฺานเมว ยาว กถินสฺสุพฺภารา ปาปุณาติ. สเจ ปน คิมฺหานํ ปมทิวสโต ปฏฺาย เอวํ วทติ, ตตฺร สมฺมุขีภูตานํ สพฺเพสํ ปาปุณาติ. กสฺมา? ปิฏฺิสมเย อุปฺปนฺนตฺตา. อนฺโตวสฺเสเยว ‘‘วสฺสํ วสนฺตานํ ทมฺมี’’ติ วุตฺเต ฉินฺนวสฺสา น ลภนฺติ, วสฺสํ วสนฺตาว ลภนฺติ. จีวรมาเส ปน ‘‘วสฺสํ วสนฺตานํ ทมฺมี’’ติ วุตฺเต ปจฺฉิมิกาย วสฺสูปคตานํเยว ปาปุณาติ, ปุริมิกาย วสฺสูปคตานฺจ ฉินฺนวสฺสานฺจ น ปาปุณาติ.

จีวรมาสโต ปฏฺาย ยาว เหมนฺตสฺส ปจฺฉิโม ทิวโส, ตาว ‘‘วสฺสาวาสิกํ เทมา’’ติ วุตฺเต กถินํ อตฺถตํ วา โหตุ อนตฺถตํ วา, อตีตวสฺสํวุฏฺานเมว ปาปุณาติ. คิมฺหานํ ปมทิวสโต ปฏฺาย วุตฺเต ปน มาติกา อาโรเปตพฺพา ‘‘อตีตปสฺสาวาสสฺส ปฺจ มาสา อติกฺกนฺตา, อนาคโต จาตุมาสจฺจเยน ภวิสฺสติ, กตรวสฺสาวาสสฺส เทสี’’ติ. สเจ ‘‘อตีตวสฺสํวุฏฺานํ ทมฺมี’’ติ วทติ, ตํ อนฺโตวสฺสํวุฏฺานเมว ปาปุณาติ, ทิสาปกฺกนฺตานมฺปิ สภาคา คณฺหิตุํ ลภนฺติ. สเจ ‘‘อนาคเต วสฺสาวาสิกํ ทมฺมี’’ติ วทติ, ตํ เปตฺวา วสฺสูปนายิกทิวเส คเหตพฺพํ. อถ ‘‘อคุตฺโต วิหาโร, โจรภยํ อตฺถิ, น สกฺกา เปตุํ คณฺหิตฺวา วา อาหิณฺฑิตุ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘สมฺปตฺตานํ ทมฺมี’’ติ วทติ, ภาเชตฺวา คเหตพฺพํ. สเจ วทติ ‘‘อิโต เม, ภนฺเต, ตติเย วสฺเส วสฺสาวาสิกํ น ทินฺนํ, ตํ ทมฺมี’’ติ, ตสฺมึ อนฺโตวสฺเส วุฏฺภิกฺขูนํ ปาปุณาติ. สเจ เต ทิสา ปกฺกนฺตา, อฺโ วิสฺสาสิโก คณฺหาติ, ทาตพฺพํ. อเถโกเยว อวสิฏฺโ, เสสา กาลกตา, สพฺพํ เอกสฺเสว ปาปุณาติ. สเจ เอโกปิ นตฺถิ, สงฺฆิกํ โหติ, สมฺมุขีภูเตหิ ภาเชตพฺพํ.

๒๐๕. อาทิสฺส เทตีติ เอตฺถ ปน ยาคุยา วา ภตฺเต วา ขาทนีเย วา จีวเร วา เสนาสเน วา เภสชฺเช วา อาทิสิตฺวา ปริจฺฉินฺทิตฺวา เทนฺโต อาทิสฺส เทติ นาม. ตตฺรายํ วินิจฺฉโย – ภิกฺขู อชฺชตนาย วา สฺวาตนาย วา ยาคุยา นิมนฺเตตฺวา เตสํ ฆรํ ปวิฏฺานํ ยาคุํ เทติ, ยาคุํ ทตฺวา ปีตาย ยาคุยา ‘‘อิมานิ จีวรานิ เยหิ มยฺหํ ยาคุ ปีตา, เตสํ ทมฺมี’’ติ เทติ, เยหิ นิมนฺติเตหิ ยาคุ ปีตา, เตสํเยว ปาปุณาติ. เยหิ ปน ภิกฺขาจารวตฺเตน ฆรทฺวาเรน คจฺฉนฺเตหิ วา ฆรํ ปวิฏฺเหิ วา ยาคุ ลทฺธา, เยสํ วา อาสนสาลโต ปตฺตํ อาหริตฺวา มนุสฺเสหิ นีตา, เยสํ วา เถเรหิ เปสิตา, เตสํ น ปาปุณาติ. สเจ ปน นิมนฺติหภิกฺขูหิ สทฺธึ อฺเปิ พหู อาคนฺตฺวา อนฺโตเคหฺจ พหิเคหฺจ ปูเรตฺวา นิสินฺนา, ทายโก จ เอวํ วทติ ‘‘นิมนฺติตา วา โหนฺตุ อนิมนฺติตา วา, เยสํ มยา ยาคุ ทินฺนา, สพฺเพสํ อิมานิ วตฺถานิ โหนฺตู’’ติ, สพฺเพสํ ปาปุณาติ. เยหิ ปน เถรานํ หตฺถโต ยาคุ ลทฺธา, เตสํ น ปาปุณาติ. อถ โส ‘‘เยหิ มยฺหํ ยาคุ ปีตา, สพฺเพสํ โหตู’’ติ วทติ, สพฺเพสํ ปาปุณาติ. ภตฺตขาทนีเยสุปิ เอเสว นโย. จีวเร ปน ปุพฺเพปิ เตน วสฺสํ วาเสตฺวา ภิกฺขูนํ จีวรํ ทินฺนปุพฺพํ โหติ, โส เจ ภิกฺขู โภเชตฺวา วทติ ‘‘เยสํ มยา ปุพฺเพ จีวรํ ทินฺนํ, เตสํเยว อิมํ จีวรํ วา สุตฺตํ วา สปฺปิมธุผาณิตาทีนิ วา โหนฺตู’’ติ, สพฺพํ เตสํเยว ปาปุณาติ. เสนาสเนปิ ‘‘โย มยา การิเต วิหาเร วา ปริเวเณ วา วสติ, ตสฺสิทํ โหตู’’ติ วุตฺเต ตสฺเสว โหติ. เภสชฺเชปิ ‘‘มยํ กาเลน กาลํ เถรานํ สปฺปิอาทีนิ เภสชฺชานิ เทม, เยหิ ตานิ ลทฺธานิ, เตสํเยวิทํ โหตู’’ติ วุตฺเต เตสํเยว โหติ.

๒๐๖. ปุคฺคลสฺส เทตีติ เอตฺถ ปน ‘‘อิมํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส ทมฺมี’’ติ เอวํ ปรมฺมุขา วา, ปาทมูเล เปตฺวา ‘‘อิทํ, ภนฺเต, ตุมฺหากํ ทมฺมี’’ติ เอวํ สมฺมุขา วา เทติ, ตํ ตสฺเสว โหติ. สเจ ปน ‘‘อิทํ ตุมฺหากฺจ ตุมฺหากํ อนฺเตวาสิกานฺจ ทมฺมี’’ติ เอวํ วทติ, เถรสฺส จ อนฺเตวาสิกานฺจ ปาปุณาติ. อุทฺเทสํ คเหตุํ อาคโต คเหตฺวา คจฺฉนฺโต จ อตฺถิ, ตสฺสปิ ปาปุณาติ. ‘‘ตุมฺเหหิ สทฺธึ นิพทฺธจาริกภิกฺขูนํ ทมฺมี’’ติ วุตฺเต อุทฺเทสนฺเตวาสิกานํ วตฺตํ กตฺวา อุทฺเทสปริปุจฺฉาทีนิ คเหตฺวา วิจรนฺตานํ สพฺเพสํ ปาปุณาติ. อยํ ‘‘ปุคฺคลสฺส เทตี’’ติ อิมสฺมึ ปเท วินิจฺฉโย.

สเจ โกจิ ภิกฺขุ เอโกว วสฺสํ วสติ, ตตฺถ มนุสฺสา ‘‘สงฺฆสฺส เทมา’’ติ จีวรานิ เทนฺติ, ตตฺถ กึ กาตพฺพนฺติ? ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตสฺเสว ตานิ จีวรานิ ยาว กถินสฺส อุพฺภารา’’ติ (มหาว. ๓๖๓) วจนโต สเจ (มหาว. อฏฺ. ๓๖๓) คณปูรเก ภิกฺขู ลภิตฺวา กถินํ อตฺถตํ โหติ, ปฺจ มาเส, โน เจ อตฺถตํ โหติ, เอกํ จีวรมาสํ อฺตฺถ คเหตฺวา นีตานิปิ ตสฺเสว ตานิ จีวรานิ, น เตสํ อฺโ โกจิ อิสฺสโร. ยํ ยฺหิ ‘‘สงฺฆสฺส เทมา’’ติ วา ‘‘สงฺฆํ อุทฺทิสฺส เทมา’’ติ วา ‘‘วสฺสํวุฏฺสงฺฆสฺส เทมา’’ติ วา ‘‘วสฺสาวาสิกํ เทมา’’ติ วา เทนฺติ, สเจปิ มตกจีวรํ อวิภชิตฺวา ตํ วิหารํ ปวิสติ, ตํ สพฺพํ ตสฺเสว ภิกฺขุโน โหติ. ยมฺปิ โส วสฺสาวาสตฺถาย วฑฺฒึ ปโยเชตฺวา ปิตอุปนิกฺเขปโต วา ตตฺรุปฺปาทโต วา วสฺสาวาสิกํ คณฺหาติ, สพฺพํ สุคฺคหิตเมว โหติ. อิทฺเหตฺถ ลกฺขณํ – เยน เตนากาเรน สงฺฆสฺส อุปฺปนฺนวตฺถํ อตฺถตกถินสฺส ปฺจ มาเส, อนตฺถตกถินสฺส เอกํ จีวรมาสํ ปาปุณาติ. สเจ ปน โกจิ ภิกฺขุ วสฺสานโต อฺสฺมึ อุตุกาเล เอกโก วสติ, ตตฺถ มนุสฺสา ‘‘สงฺฆสฺส เทมา’’ติ จีวรานิ เทนฺติ, เตน ภิกฺขุนา อธิฏฺาตพฺพํ ‘‘มยฺหิมานิ จีวรานี’’ติ. อธิฏฺหนฺเตน ปน วตฺตํ ชานิตพฺพํ. เตน หิ ภิกฺขุนา ฆณฺฏึ วา ปหริตฺวา กาลํ วา โฆเสตฺวา โถกํ อาคเมตฺวา สเจ ฆณฺฏิสฺาย วา กาลสฺาย วา ภิกฺขู อาคจฺฉนฺติ, เตหิ สทฺธึ ภาเชตพฺพานิ. เตหิ เจ ภิกฺขูหิ ตสฺมึ จีวเร ภาชิยมาเน อปาติเต กุเส อฺโ ภิกฺขุ อาคจฺฉติ, สมโก ทาตพฺโพ ภาโค, ปาติเต กุเส อฺโ ภิกฺขุ อาคจฺฉติ, น อกามา ทาตพฺโพ ภาโค. เอกโกฏฺาเสปิ หิ กุสทณฺฑเก ปาติตมตฺเต สเจปิ ภิกฺขุสหสฺสํ โหติ, คหิตเมว นาม จีวรํ, ตสฺมา น อกามา ภาโค ทาตพฺโพ. สเจ ปน อตฺตโน รุจิยา ทาตุกามา โหนฺติ, เทนฺตุ. อนุภาเคปิ เอเสว นโย.

อถ ฆณฺฏิสฺาย วา กาลสฺาย วา อฺเ ภิกฺขู น อาคจฺฉนฺติ, ‘‘มยฺหิมานิ จีวรานิ ปาปุณนฺตี’’ติ อธิฏฺาตพฺพานิ. เอวํ อธิฏฺิเต สพฺพานิ ตสฺเสว โหนฺติ, ิติกา ปน น ติฏฺติ. สเจ เอเกกํ อุทฺธริตฺวา ‘‘อยํ ปมภาโค มยฺหํ ปาปุณาติ, อยํ ทุติยภาโค’’ติ เอวํ คณฺหาติ, คหิตานิ จ สุคฺคหิตานิ โหนฺติ, ิติกา จ ติฏฺติ, เอวํ ปาเปตฺวา คณฺหนฺเตนปิ อธิฏฺิตเมว โหติ. สเจ ปน ฆณฺฏึ ปหริตฺวา วา อปฺปหริตฺวา วา กาลมฺปิ โฆเสตฺวา วา อโฆเสตฺวา วา ‘‘อหเมเวตฺถ , มยฺหเมว อิมานิ จีวรานี’’ติ คณฺหาติ , ทุคฺคหิตานิ โหนฺติ. อถ ‘‘อฺโ โกจิ อิธ นตฺถิ, มยฺหํ เอตานิ ปาปุณนฺตี’’ติ คณฺหาติ, สุคฺคหิตานิ. อถ อนธิฏฺหิตฺวาว ตานิ จีวรานิ คเหตฺวา อฺํ วิหารํ อุทฺทิสฺส คจฺฉติ ‘‘ตตฺถ ภิกฺขูหิ สทฺธึ ภาเชสฺสามี’’ติ, ตานิ จีวรานิ คตคตฏฺาเน สงฺฆิกาเนว โหนฺติ. ภิกฺขูหิ ทิฏฺมตฺตเมเวตฺถ ปมาณํ. ตสฺมา สเจ เกจิ ปฏิปถํ อาคจฺฉนฺตา ‘‘กุหึ, อาวุโส, คจฺฉสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตมตฺถํ สุตฺวา ‘‘กึ, อาวุโส, มยํ สงฺโฆ น โหมา’’ติ ตตฺเถว ภาเชตฺวา คณฺหนฺติ, สุคฺคหิตานิ. สเจปิ เอส มคฺคา โอกฺกมิตฺวา กฺจิ วิหารํ วา อาสนสาลํ วา ปิณฺฑาย จรนฺโต เอกเคหเมว วา ปวิสติ, ตตฺร จ นํ ภิกฺขู ทิสฺวา ตมตฺถํ ปุจฺฉิตฺวา ภาเชตฺวา คณฺหนฺติ, สุคฺคหิตาเนว.

‘‘น, ภิกฺขเว, อฺตฺร วสฺสํวุฏฺเน อฺตฺร จีวรภาโค สาทิตพฺโพ, โย สาทิเยยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๓๖๔) วจนโต อฺตฺร วสฺสํวุฏฺโ อฺตฺร ภาคํ คณฺหาติ, ทุกฺกฏํ. เอตฺถ ปน กิฺจาปิ ลหุกา อาปตฺติ, อถ โข คหิตานิ จีวรานิ คหิตฏฺาเน ทาตพฺพานิ. สเจปิ นฏฺานิ วา ชิณฺณานิ วา โหนฺติ, ตสฺเสว คีวา. ‘‘เทหี’’ติ วุตฺเต อเทนฺโต ธุรนิกฺเขเป ภณฺฑคฺเฆน กาเรตพฺโพ.

เอโก ภิกฺขุ ทฺวีสุ อาวาเสสุ วสฺสํ วสติ ‘‘เอวํ เม พหุ จีวรํ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ, เอกํ ปุคฺคลปฏิวีสํเยว ลภติ. ตสฺมา สเจ เอเกกสฺมึ วิหาเร เอกาหเมกาหํ วา สตฺตาหํ วา วสติ, เอเกกสฺมึ วิหาเร ยํ เอโก ปุคฺคโล ลภติ, ตโต ตโต อุปฑฺฒํ อุปฑฺฒํ ทาตพฺพํ. เอวฺหิ เอกปุคฺคลปฏิวีโส ทินฺโน โหติ. สเจ ปน เอกสฺมึ วิหาเร วสนฺโต อิตรสฺมึ สตฺตาหวาเรน อรุณเมว อุฏฺาเปติ, พหุตรํ วสิตวิหารโต ตสฺส ปฏิวีโส ทาตพฺโพ. เอวมฺปิ เอกปุคฺคลปฏิวีโสเยว ทินฺโน โหติ. อิทฺจ นานาลาเภหิ นานูปจาเรหิ เอกสีมาวิหาเรหิ กถิตํ, นานาสีมาวิหาเร ปน เสนาสนคฺคาโห ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. ตสฺมา ตตฺถ จีวรปฏิวีโส น ปาปุณาติ, เสสํ ปน อามิสเภสชฺชาทิ สพฺพํ สพฺพตฺถ อนฺโตสีมาคตสฺส ปาปุณาติ.

๒๐๗. ‘‘ภิกฺขุสฺส, ภิกฺขเว, กาลกเต สงฺโฆ สามี ปตฺตจีวเร, อปิจ คิลานุปฏฺากา พหูปการา, อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สงฺเฆน ติจีวรฺจ ปตฺตฺจ คิลานุปฏฺากานํ ทาตุํ, ยํ ตตฺถ ลหุภณฺฑํ ลหุปริกฺขารํ, ตํ สมฺมุขีภูเตน สงฺเฆน ภาเชตุํ, ยํ ตตฺถ ครุภณฺฑํ ครุปริกฺขารํ, ตํ อาคตานาคตจาตุทฺทิสสฺส สงฺฆสฺส อวิสฺสชฺชิกํ อเวภงฺคิก’’นฺติ (มหาว. ๓๖๙) วจนโต ภิกฺขุสฺมึ กาลกเต อปโลเกตฺวา วา –

‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ กาลกโต, อิทํ ตสฺส ติจีวรฺจ ปตฺโต จ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อิมํ ติจีวรฺจ ปตฺตฺจ คิลานุปฏฺากานํ ทเทยฺย, เอสา ตฺติ.

‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ กาลกโต, อิทํ ตสฺส ติจีวรฺจ ปตฺโต จ, สงฺโฆ อิมํ ติจีวรฺจ ปตฺตฺจ คิลานุปฏฺากานํ เทติ, ยสฺสายสฺมโต ขมติ อิมสฺส ติจีวรสฺส จ ปตฺตสฺส จ คิลานุปฏฺากานํ ทานํ, โส ตุณฺหสฺส. ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺย.

‘‘ทินฺนํ อิทํ สงฺเฆน ติจีวรฺจ ปตฺโต จ คิลานุปฏฺากานํ, ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติ (มหาว. ๓๖๗) –

เอวํ กมฺมวาจํ วา สาเวตฺวา คิลานุปฏฺากานํ ปตฺตจีวรํ ทตฺวา เสสํ ลหุปริกฺขารํ สมฺมุขีภูเตน สงฺเฆน ภาเชตฺวา คเหตพฺพํ.

๒๐๘. คิลานุปฏฺากานํ ลาเภ ปน อยํ วินิจฺฉโย – สเจ สกเล ภิกฺขุสงฺเฆ อุปฏฺหนฺเต กาลํ กโรติ, สพฺเพปิ สามิกา. อถ เอกจฺเจหิ วาเร กเต เอกจฺเจหิ อกเตเยว กาลํ กโรติ, ตตฺร เอกจฺเจ อาจริยา วทนฺติ ‘‘สพฺเพปิ อตฺตโน วาเร สมฺปตฺเต กเรยฺยุํ, ตสฺมา สพฺเพปิ สามิโน’’ติ. เอกจฺเจ วทนฺติ ‘‘เยหิ ชคฺคิโต, เต เอว ลภนฺติ, อิตเร น ลภนฺตี’’ติ. สามเณเรปิ กาลกเต สเจ จีวรํ อตฺถิ, คิลานุปฏฺากานํ ทาตพฺพํ. โน เจ อตฺถิ, ยํ อตฺถิ, ตํ ทาตพฺพํ. อฺสฺมึ ปริกฺขาเร สติ จีวรภาคํ กตฺวา ทาตพฺพํ. ภิกฺขุ จ สามเณโร จ สเจ สมํ อุปฏฺหึสุ, สมโก ภาโค ทาตพฺโพ. อถ สามเณโรว อุปฏฺหติ, ภิกฺขุสฺส สํวิทหนมตฺตเมว โหติ, สามเณรสฺส เชฏฺโกฏฺาโส ทาตพฺโพ. สเจ สามเณโร ภิกฺขุนา อานีตอุทเกน ยาคุํ ปจิตฺวา ปฏิคฺคหาปนมตฺตเมว กโรติ, ภิกฺขุ อุปฏฺหติ, ภิกฺขุสฺส เชฏฺภาโค ทาตพฺโพ. พหู ภิกฺขู สพฺเพ สมคฺคา หุตฺวา อุปฏฺหนฺติ, สพฺเพสํ สมโก ภาโค ทาตพฺโพ. โย ปเนตฺถ วิเสเสน อุปฏฺหติ, ตสฺส วิเสโส กาตพฺโพ.

เยน ปน เอกทิวสมฺปิ คิลานุปฏฺากวเสน ยาคุภตฺตํ วา ปจิตฺวา ทินฺนํ, นฺหานํ วา ปฏิสาทิตํ, โสปิ คิลานุปฏฺาโกว. โย ปน สมีปํ อนาคนฺตฺวา เภสชฺชตณฺฑุลาทีนิ เปเสติ, อยํ คิลานุปฏฺาโก น โหติ. โย ปริเยสิตฺวา คาเหตฺวา อาคจฺฉติ, อยํ คิลานุปฏฺาโกว . เอโก วตฺตสีเสน ชคฺคติ, เอโก ปจฺจาสาย, มตกาเล อุโภปิ ปจฺจาสีสนฺติ, อุภินฺนมฺปิ ทาตพฺพํ. เอโก อุปฏฺหิตฺวา คิลานสฺส วา กมฺเมน อตฺตโน วา กมฺเมน กตฺถจิ คโต ‘‘ปุน อาคนฺตฺวา ชคฺคิสฺสามี’’ติ, เอตสฺสปิ ทาตพฺพํ. เอโก จิรํ อุปฏฺหิตฺวา ‘‘อิทานิ น สกฺโกมี’’ติ ธุรํ นิกฺขิปิตฺวา คจฺฉติ, สเจปิ ตํ ทิวสเมว คิลาโน กาลํ กโรติ, อุปฏฺากภาโค น ทาตพฺโพ. คิลานุปฏฺาโก นาม คิหี วา โหตุ ปพฺพชิโต วา อนฺตมโส มาตุคาโมปิ, สพฺเพ ภาคํ ลภนฺติ. สเจ ตสฺส ภิกฺขุโน ปตฺตจีวรมตฺตเมว โหติ, อฺํ นตฺถิ, สพฺพํ คิลานุปฏฺากานํเยว ทาตพฺพํ. สเจปิ สหสฺสํ อคฺฆติ, อฺํ ปน พหุมฺปิ ปริกฺขารํ เต น ลภนฺติ, สงฺฆสฺเสว โหติ. อวเสสํ ภณฺฑํ พหุ เจว มหคฺฆฺจ, ติจีวรํ อปฺปคฺฆํ, ตโต คเหตฺวา ติจีวรปริกฺขาโร ทาตพฺโพ, สพฺพฺเจตํ สงฺฆิกโตว ลพฺภติ. สเจ ปน โส ชีวมาโนเยว สพฺพํ อตฺตโน ปริกฺขารํ นิสฺสชฺชิตฺวา กสฺสจิ อทาสิ, โกจิ วา วิสฺสาสํ อคฺคเหสิ, ยสฺส ทินฺนํ, เยน จ คหิตํ, ตสฺเสว โหติ, ตสฺส รุจิยา เอว คิลานุปฏฺากา ลภนฺติ. อฺเสํ อทตฺวา ทูเร ปิตปริกฺขาราปิ ตตฺถ ตตฺถ สงฺฆสฺเสว โหนฺติ. ทฺวินฺนํ สนฺตกํ โหติ อวิภตฺตํ, เอกสฺมึ กาลกเต อิตโร สามี. พหูนมฺปิ สนฺตเก เอเสว นโย. สพฺเพสุ มเตสุ สงฺฆิกํ โหติ. สเจปิ อวิภชิตฺวา สทฺธิวิหาริกาทีนํ เทนฺติ, อทินฺนเมว โหติ, วิภชิตฺวา ทินฺนํ ปน สุทินฺนํ. ตํ เตสุ มเตสุปิ สทฺธิวิหาริกาทีนํเยว โหติ, น สงฺฆสฺส.

สเจ วสฺสํวุฏฺโ ภิกฺขุ อนุปฺปนฺเน วา อุปฺปนฺเน วา จีวเร อภาชิเต วา ปกฺกมติ, อุมฺมตฺตโก ขิตฺตจิตฺโต เวทนาฏฺโฏ อุกฺขิตฺตโก วา โหติ, สนฺเต ปติรูเป คาหเก ภาโค ทาตพฺโพ. สเจ ปน วิพฺภมติ วา กาลํ วา กโรติ สามเณโร วา ปฏิชานาติ, สิกฺขํ ปจฺจกฺขาตโก, อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺนโก, ปณฺฑโก, เถยฺยสํวาสโก, ติตฺถิยปกฺกนฺตโก, ติรจฺฉานคโต, มาตุฆาตโก, ปิตุฆาตโก, อรหนฺตฆาตโก, ภิกฺขุนีทูสโก, สงฺฆเภทโก, โลหิตุปฺปาทโก, อุภโตพฺยฺชนโก วา ปฏิชานาติ, สงฺโฆ สามี, ภาโค น ทาตพฺโพ.

สเจ วสฺสํวุฏฺานํ ภิกฺขูนํ อนุปฺปนฺเน จีวเร สงฺโฆ ภิชฺชติ, โกสมฺพกภิกฺขู วิย ทฺเว โกฏฺาสา โหนฺติ, ตตฺถ มนุสฺสา เอกสฺมึ ปกฺเข ทกฺขิโณทกฺจ คนฺธาทีนิ จ เทนฺติ, เอกสฺมึ จีวรานิ เทนฺติ ‘‘สงฺฆสฺส เทมา’’ติ, ยตฺถ วา อุทกํ ทินฺนํ, ยสฺมึเยว ปกฺเข จีวรานิ เทนฺติ ‘‘สงฺฆสฺส เทมา’’ติ, สงฺฆสฺเสว ตานิ จีวรานิ, ทฺวินฺนมฺปิ โกฏฺาสานํ ปาปุณนฺติ, ฆณฺฏึ ปหริตฺวา ทฺวีหิปิ ปกฺเขหิ เอกโต ภาเชตพฺพานิ. สเจ ปน มนุสฺสา เอกสฺมึ ปกฺเข ทกฺขิโณทกํ คนฺธาทีนิ จ เทนฺติ, เอกสฺมึ ปกฺเข จีวรานิ เทนฺติ ‘‘ปกฺขสฺส เทมา’’ติ, ปกฺขสฺเสว ตานิ จีวรานิ. เอวฺหิ ทินฺเน ยสฺส โกฏฺาสสฺส อุทกํ ทินฺนํ, ตสฺส อุทกเมว โหติ. ยสฺส จีวรํ ทินฺนํ, ตสฺเสว จีวรํ. ยสฺมึ ปเทเส ทกฺขิโณทกํ ปมาณํ โหติ, ตตฺถ เอโก ปกฺโข ทกฺขิโณทกสฺส ลทฺธตฺตา จีวรานิ ลภติ, เอโก จีวรานเมว ลทฺธตฺตาติ อุโภหิ เอกโต หุตฺวา ยถาวุฑฺฒํ ภาเชตพฺพํ. ‘‘อิทํ กิร ปรสมุทฺเท ลกฺขณ’’นฺติ มหาอฏฺกถายํ วุตฺตํ. สเจ ยสฺมึ ปกฺเข อุทกํ ทินฺนํ, ตสฺมึเยว ปกฺเข จีวรานิ เทนฺติ ‘‘ปกฺขสฺส เทมา’’ติ, ปกฺขสฺเสว ตานิ จีวรานิ, อิตโร ปกฺโข อนิสฺสโรเยว. สเจ ปน วสฺสํวุฏฺานํ ภิกฺขูนํ อุปฺปนฺเน จีวเร อภาชิเต สงฺโฆ ภิชฺชติ, สพฺเพสํ สมกํ ภาเชตพฺพํ.

สเจ สมฺพหุเลสุ ภิกฺขูสุ อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺเนสุ เกจิ ภิกฺขู ปํสุกูลตฺถาย สุสานํ โอกฺกมนฺติ, เกจิ อนาคเมนฺตา ปกฺกมนฺติ, อนาคเมนฺตานํ น อกามา ภาโค ทาตพฺโพ, อาคเมนฺตานํ ปน อกามาปิ ทาตพฺโพ ภาโค. ยทิ ปน มนุสฺสา ‘‘อิธาคตา เอว คณฺหนฺตู’’ติ เทนฺติ, สฺาณํ วา กตฺวา คจฺฉนฺติ ‘‘สมฺปตฺตา คณฺหนฺตู’’ติ, สมฺปตฺตานํ สพฺเพสมฺปิ ปาปุณาติ . สเจ ฉฑฺเฑตฺวา คตา, เยน คหิตํ, โส เอว สามี. สเจ เกจิ ภิกฺขู ปมํ สุสานํ โอกฺกมนฺติ, เกจิ ปจฺฉา, ตตฺถ ปมํ โอกฺกนฺตา ปํสุกูลํ ลภนฺติ, ปจฺฉา โอกฺกนฺตา น ลภนฺติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปจฺฉา โอกฺกนฺตานํ น อกามา ภาคํ ทาตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๑) วจนโต ปจฺฉา โอกฺกนฺตานํ อกามา ภาโค น ทาตพฺโพ. สเจ ปน สพฺเพปิ สมํ โอกฺกนฺตา, เกจิ ลภนฺติ, เกจิ น ลภนฺติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สทิสานํ โอกฺกนฺตานํ อกามาปิ ภาคํ ทาตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๑) วจนโต สมํ โอกฺกนฺตานํ อกามาปิ ภาโค ทาตพฺโพ. สเจ ปน ‘‘ลทฺธํ ปํสุกูลํ สพฺเพ ภาเชตฺวา คณฺหิสฺสามา’’ติ พหิเมว กติกํ กตฺวา สุสานํ โอกฺกนฺตา เกจิ ลภนฺติ, เกจิ น ลภนฺติ, ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, กติกํ กตฺวา โอกฺกนฺตานํ อกามา ภาคํ ทาตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๑) วจนโต กติกํ กตฺวา โอกฺกนฺตานมฺปิ อกามา ภาโค ทาตพฺโพ. อยํ ตาว จีวรภาชนียกถา.

๒๐๙. ปิณฺฑปาตภาชเน ปน ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สงฺฆภตฺตํ อุทฺเทสภตฺตํ นิมนฺตนํ สลากภตฺตํ ปกฺขิกํ อุโปสถิกํ ปาฏิปทิก’’นฺติ (จูฬว. ๓๒๕) เอวํ อนุฺาเตสุ สงฺฆภตฺตาทีสุ อยํ วินิจฺฉโย (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๕) –

สงฺฆภตฺตํ นาม สกลสฺส สงฺฆสฺส ทาตพฺพํ ภตฺตํ. ตสฺมา สงฺฆภตฺเต ิติกา นาม นตฺถิ, ตโตเยว จ ‘‘อมฺหากํ อชฺช ทส ทฺวาทส ทิวสา ภุฺชนฺตานํ, อิทานิ อฺโต ภิกฺขู อาเนถา’’ติ น เอวํ ตตฺถ วตฺตพฺพํ, ‘‘ปุริมทิวเสสุ อมฺเหหิ น ลทฺธํ, อิทานิ ตํ อมฺหากํ คาเหถา’’ติ เอวมฺปิ วตฺตุํ น ลภติ. ตฺหิ อาคตาคตานํ ปาปุณาติเยว.

อุทฺเทสภตฺตาทีสุ ปน อยํ นโย – รฺา วา ราชมหามตฺเตน วา ‘‘สงฺฆโต อุทฺทิสิตฺวา เอตฺตเก ภิกฺขู อาเนถา’’ติ ปหิเต กาลํ โฆเสตฺวา ิติกา ปุจฺฉิตพฺพา. สเจ อตฺถิ, ตโต ปฏฺาย คาเหตพฺพํ. โน เจ, เถราสนโต ปฏฺาย คาเหตพฺพํ. อุทฺเทสเกน ปิณฺฑปาติกานมฺปิ น อติกฺกาเมตพฺพํ. เต ปน ธุตงฺคํ รกฺขนฺตา สยเมว อติกฺกมิสฺสนฺติ. เอวํ คาหิยมาเน อลสชาติกา มหาเถรา ปจฺฉา อาคจฺฉนฺติ, ‘‘ภนฺเต, วีสติวสฺสานํ คาหียติ, ตุมฺหากํ ิติกา อติกฺกนฺตา’’ติ น วตฺตพฺพา, ิติกํ เปตฺวา เตสํ คาเหตฺวา ปจฺฉา ิติกาย คาเหตพฺพํ. ‘‘อสุกวิหาเร พหุ อุทฺเทสภตฺตํ อุปฺปนฺน’’นฺติ สุตฺวา โยชนนฺตริกวิหารโตปิ ภิกฺขู อาคจฺฉนฺติ, สมฺปตฺตสมฺปตฺตานํ ิตฏฺานโต ปฏฺาย คาเหตพฺพํ, อสมฺปตฺตานมฺปิ อุปจารสีมํ ปวิฏฺานํ อนฺเตวาสิกาทีสุ คณฺหนฺเตสุ คาเหตพฺพเมว. ‘‘พหิอุปจารสีมายํ ิตานํ คาเหถา’’ติ วทนฺติ, น คาเหตพฺพํ. สเจ อุปจารสีมํ โอกฺกนฺเตหิ เอกาพทฺธา หุตฺวา อตฺตโน วิหารทฺวาเร วา อนฺโตวิหาเรเยว วา โหนฺติ, ปริสวเสน วฑฺฒิตา นาม สีมา โหติ, ตสฺมา คาเหตพฺพํ. สงฺฆนวกสฺส ทินฺเนปิ ปจฺฉา อาคตานํ คาเหตพฺพเมว. ทุติยภาเค ปน เถราสนํ อารุฬฺเห ปุน อาคตานํ ปมภาโค น ปาปุณาติ, ทุติยภาคโต วสฺสคฺเคน คาเหตพฺพํ.

เอกสฺมึ วิหาเร เอกํ ภตฺตุทฺเทสฏฺานํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา คาวุตปฺปมาณายปิ อุปจารสีมาย ยตฺถ กตฺถจิ อาโรจิตํ อุทฺเทสภตฺตํ ตสฺมึเยว ภตฺตุทฺเทสฏฺาเน คาเหตพฺพํ. เอโก เอกสฺส ภิกฺขุโน ปหิณติ ‘‘สฺเว สงฺฆโต อุทฺทิสิตฺวา ทส ภิกฺขู ปหิณถา’’ติ, เตน โส อตฺโถ ภตฺตุทฺเทสกสฺส อาโรเจตพฺโพ. สเจ ตํ ทิวสํ ปมุสฺสติ, ทุติยทิวเส ปาโตว อาโรเจตพฺโพ, อถ ปมุสฺสิตฺวาว ปิณฺฑาย ปวิสนฺโต สรติ, ยาว อุปจารสีมํ นาติกฺกมติ, ตาว ยา โภชนสาลาย ปกติิติกา, ตสฺสาเยว วเสน คาเหตพฺพํ. สเจปิ อุปจารสีมํ อติกฺกนฺโต, ภิกฺขู จ อุปจารสีมฏฺเกหิ เอกาพทฺธา โหนฺติ, อฺมฺํ ทฺวาทสหตฺถนฺตรํ อวิชหิตฺวา คจฺฉนฺติ, ปกติิติกาย วเสน คาเหตพฺพํ. ภิกฺขูนํ ปน ตาทิเส เอกาพทฺเธ อสติ พหิอุปจารสีมาย ยสฺมึ าเน สรติ, ตตฺถ นวํ ิติกํ กตฺวา คาเหตพฺพํ. อนฺโตคาเม อาสนสาลาย สรนฺเตน อาสนสาลาย ิติกาย คาเหตพฺพํ. ยตฺถ กตฺถจิ สริตฺวา คาเหตพฺพเมว, อคาเหตุํ น วฏฺฏติ. น หิ เอตํ ทุติยทิวเส ลพฺภตีติ.

สเจ สกวิหารโต อฺํ วิหารํ คจฺฉนฺเต ภิกฺขู ทิสฺวา โกจิ อุทฺเทสภตฺตํ อุทฺทิสาเปติ, ยาว อนฺโตอุปจาเร วา อุปจารสีมฏฺเกหิ สทฺธึ วุตฺตนเยน เอกาพทฺธา วา โหนฺติ, ตาว สกวิหาเร ิติกาวเสน คาเหตพฺพํ. พหิอุปจาเร ิตานํ ทินฺนํ ปน ‘‘สงฺฆโต, ภนฺเต, เอตฺตเก นาม ภิกฺขู อุทฺทิสถา’’ติ วุตฺเต สมฺปตฺตสมฺปตฺตานํ คาเหตพฺพํ. ตตฺถ ทฺวาทสหตฺถนฺตรํ อวิชหิตฺวา เอกาพทฺธนเยน ทูเร ิตาปิ สมฺปตฺตาเยวาติ เวทิตพฺพา. สเจ ยํ วิหารํ คจฺฉนฺติ, ตตฺถ ปวิฏฺานํ อาโรเจนฺติ, ตสฺส วิหารสฺส ิติกาวเสน คาเหตพฺพํ. สเจปิ คามทฺวาเร วา วีถิยํ วา จตุกฺเก วา อนฺตรฆเร วา ภิกฺขู ทิสฺวา โกจิ สงฺฆุทฺเทสํ อาโรเจติ, ตสฺมึ ตสฺมึ าเน อนฺโตอุปจารคตานํ คาเหตพฺพํ.

ฆรูปจาโร เจตฺถ เอกฆรํ เอกูปจารํ, เอกฆรํ นานูปจารํ, นานาฆรํ เอกูปจารํ, นานาฆรํ นานูปจารนฺติ อิเมสํ วเสน เวทิตพฺโพ. ตตฺถ ยํ เอกกุลสฺส ฆรํ เอกวฬฺชํ โหติ, ตํ สุปฺปปาตปริจฺเฉทสฺส อนฺโต เอกูปจารํ นาม, ตตฺถุปฺปนฺโน อุทฺเทสลาโภ เอกสฺมึ อุปจาเร ภิกฺขาจารวตฺเตนปิ ิตานํ สพฺเพสํ ปาปุณาติ. เอตํ เอกฆรํ เอกูปจารํ นาม. ยํ ปน เอกฆรํ ทฺวินฺนํ ภริยานํ สุขวิหารตฺถาย มชฺเฌ ภิตฺตึ อุฏฺเปตฺวา นานาทฺวารวฬฺชํ กตํ, ตตฺถุปฺปนฺโน อุทฺเทสลาโภ ภิตฺติอนฺตริกสฺส น ปาปุณาติ, ตสฺมึ ตสฺมึ าเน นิสินฺนสฺเสว ปาปุณาติ. เอตํ เอกฆรํ นานูปจารํ นาม. ยสฺมึ ปน ฆเร พหู ภิกฺขู นิมนฺเตตฺวา อนฺโตเคหโต ปฏฺาย เอกาพทฺเธ กตฺวา ปฏิวิสฺสกฆรานิปิ ปูเรตฺวา นิสีทาเปนฺติ, ตตฺถ อุปฺปนฺโน อุทฺเทสลาโภ สพฺเพสํ ปาปุณาติ. ยมฺปิ นานากุลสฺส นิเวสนํ มชฺเฌ ภิตฺตึ อกตฺวา เอกทฺวาเรเนว วฬฺชนฺติ, ตตฺราปิ เอเสว นโย. เอตํ นานาฆรํ เอกูปจารํ นาม. โย ปน นานานิเวสเนสุ นิสินฺนานํ ภิกฺขูนํ อุทฺเทสลาโภ อุปฺปชฺชติ, กิฺจาปิ ภิตฺติจฺฉิทฺเทน ภิกฺขู ทิสฺสนฺติ, ตสฺมึ ตสฺมึ นิเวสเน นิสินฺนานํเยว ปาปุณาติ. เอตํ นานาฆรํ นานูปจารํ นาม.

โย ปน คามทฺวารวีถิจตุกฺเกสุ อฺตรสฺมึ าเน อุทฺเทสภตฺตํ ลภิตฺวา อฺสฺมึ ภิกฺขุสฺมึ อสติ อตฺตโนว ปาปุณาเปตฺวา ทุติยทิวเสปิ ตสฺมึเยว าเน อฺํ ลภติ, เตน ยํ อฺํ นวกํ วา วุฑฺฒํ วา ภิกฺขุํ ปสฺสติ, ตสฺส คาเหตพฺพํ. สเจ โกจิ นตฺถิ, อตฺตโนว ปาเปตฺวา ภุฺชิตพฺพํ. สเจ อาสนสาลาย นิสีทิตฺวา กาลํ ปฏิมาเนนฺเตสุ ภิกฺขูสุ โกจิ อาคนฺตฺวา ‘‘สงฺฆุทฺเทสปตฺตํ เทถ, อุทฺเทสปตฺตํ เทถ, สงฺฆโต อุทฺทิสิตฺวา ปตฺตํ เทถ, สงฺฆิกํ ปตฺตํ เทถา’’ติ วา วทติ, อุทฺเทสปตฺตํ ิติกาย คาเหตฺวา ทาตพฺพํ. ‘‘สงฺฆุทฺเทสภิกฺขุํ เทถ, สงฺฆโต อุทฺทิสิตฺวา ภิกฺขุํ เทถ, สงฺฆิกํ ภิกฺขุํ เทถา’’ติ วุตฺเตปิ เอเสว นโย.

อุทฺเทสโก ปเนตฺถ เปสโล ลชฺชี เมธาวี อิจฺฉิตพฺโพ, เตน ติกฺขตฺตุํ ิติกํ ปุจฺฉิตฺวา สเจ โกจิ ิติกํ ชานนฺโต นตฺถิ, เถราสนโต คาเหตพฺพํ. สเจ ปน ‘‘อหํ ชานามิ, ทสวสฺเสน ลทฺธ’’นฺติ โกจิ ภณติ, ‘‘อตฺถาวุโส, ทสวสฺสา ภิกฺขู’’ติ ปุจฺฉิตพฺพํ. สเจ ตสฺส สุตฺวาว ‘‘ทสวสฺสมฺห ทสวสฺสมฺหา’’ติ พหู อาคจฺฉนฺติ, ‘‘ตุยฺหํ ปาปุณาติ, ตุยฺหํ ปาปุณาตี’’ติ อคตฺวา ‘‘สพฺเพ อปฺปสทฺทา โหถา’’ติ วตฺวา ปฏิปาฏิยา เปตพฺพา, เปตฺวา ‘‘กติ ภิกฺขู อิจฺฉถา’’ติ อุปาสโก ปุจฺฉิตพฺโพ, ‘‘เอตฺตเก นาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘ตุยฺหํ ปาปุณาติ, ตุยฺหํ ปาปุณาตี’’ติ อวตฺวา สพฺพนวกสฺส วสฺสคฺคฺจ อุตุ จ ทิวสภาโค จ ฉายา จ ปุจฺฉิตพฺพา. สเจ ฉายายปิ ปุจฺฉิยมานาย อฺโ วุฑฺฒตโร อาคจฺฉติ, ตสฺส ทาตพฺพํ. อถ ฉายํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ตุยฺหํ ปาปุณาตี’’ติ วุตฺเต วุฑฺฒตโร อาคจฺฉติ, น ลภติ. กถาปปฺเจน หิ นิสินฺนสฺสปิ นิทฺทายนฺตสฺสปิ คาหิตํ สุคฺคาหิตํ, อติกฺกนฺตํ สุอติกฺกนฺตํ. ภาชนียภณฺฑฺหิ นาเมตํ สมฺปตฺตสฺเสว ปาปุณาติ, ตตฺถ สมฺปตฺตภาโว อุปจาเรน ปริจฺฉินฺทิตพฺโพ. อาสนสาลาย จ อนฺโตปริกฺเขโป อุปจาโร, ตสฺมึ ิตสฺส ลาโภ ปาปุณาติ.

โกจิ อาสนสาลโต อฏฺ อุทฺเทสปตฺเต อาหราเปตฺวา สตฺต ปตฺเต ปณีตโภชนานํ, เอกํ อุทกสฺส ปูเรตฺวา อาสนสาลํ ปหิณติ, คเหตฺวา อาคตา กิฺจิ อวตฺวา ภิกฺขูนํ หตฺเถสุ ปติฏฺเปตฺวา ปกฺกมนฺติ, เยน ยํ ลทฺธํ, ตสฺเสว ตํ โหติ. เยน ปน อุทกํ ลทฺธํ, ตสฺส อติกฺกนฺตมฺปิ ิติกํ เปตฺวา อฺํ อุทฺเทสภตฺตํ คาเหตพฺพํ, ตฺจ ลูขํ วา ลภตุ ปณีตํ วา ติจีวรปริวารํ วา, ตสฺเสว ตํ โหติ. อีทิโส หิสฺส ปุฺวิเสโส, อุทกํ ปน ยสฺมา อามิสํ น โหติ, ตสฺมา อฺํ อุทฺเทสภตฺตํ ลภติ. สเจ ปน เต คเหตฺวา อาคตา ‘‘อิทํ กิร, ภนฺเต, สพฺพํ ภาเชตฺวา ภุฺชถา’’ติ วตฺวา คจฺฉนฺติ, สพฺเพหิ ภาเชตฺวา ภุฺชิตฺวา อุทกํ ปาตพฺพํ. ‘‘สงฺฆโต อุทฺทิสิตฺวา อฏฺ มหาเถเร เทถ, มชฺฌิเม เทถ, นวเก เทถ, ปริปุณฺณวสฺเส สามเณเร เทถ, มชฺฌิมภาณกาทโย เทถ, มยฺหํ าติภิกฺขู เทถา’’ติ วทนฺตสฺส ปน ‘‘อุปาสก, ตฺวํ เอวํ วทสิ, ิติกาย ปน เตสํ น ปาปุณาตี’’ติ วตฺวา ิติกาวเสเนว ทาตพฺพา. ทหรสามเณเรหิ ปน อุทฺเทสภตฺเตสุ ลทฺเธสุ สเจ ทายกานํ ฆเร มงฺคลํ โหติ, ‘‘ตุมฺหากํ อาจริยุปชฺฌาเย เปเสถา’’ติ วตฺตพฺพํ. ยสฺมึ ปน อุทฺเทสภตฺเต ปมภาโค สามเณรานํ ปาปุณาติ, อนุภาโค มหาเถรานํ, น ตตฺถ สามเณรา ‘‘มยํ ปมภาคํ ลภิมฺหา’’ติ ปุรโต คนฺตุํ ลภนฺติ, ยถาปฏิปาฏิยา เอว คนฺตพฺพํ. ‘‘สงฺฆโต อุทฺทิสิตฺวา ตุมฺเห เอถา’’ติ วุตฺเต ‘‘มยฺหํ อฺทาปิ ชานิสฺสสิ, ิติกา ปน เอวํ คจฺฉตี’’ติ ิติกาวเสเนว คาเหตพฺพํ. อถ ‘‘สงฺฆุทฺเทสปตฺตํ เทถา’’ติ วตฺวา อคฺคาหิเตเยว ปตฺเต ยสฺส กสฺสจิ ปตฺตํ คเหตฺวา ปูเรตฺวา อาหรติ, อาหฏมฺปิ ิติกาย เอว คาเหตพฺพํ.

เอโก ‘‘สงฺฆุทฺเทสปตฺตํ อาหรา’’ติ เปสิโต ‘‘ภนฺเต, เอกํ ปตฺตํ เทถ, นิมนฺตนภตฺตํ อาหริสฺสามี’’ติ วทติ, โส เจ ‘‘อุทฺเทสภตฺตฆรโต อยํ อาคโต’’ติ ตฺวา ภิกฺขูหิ ‘‘นนุ ตฺวํ อสุกฆรโต อาคโต’’ติ วุตฺโต ‘‘อาม, ภนฺเต, น นิมนฺตนภตฺตํ, อุทฺเทสภตฺต’’นฺติ ภณติ, ิติกาย คาเหตพฺพํ. โย ปน ‘‘เอกํ ปตฺตํ อาหรา’’ติ วุตฺเต ‘‘กินฺติ วตฺวา อาหรามี’’ติ วตฺวา ‘‘ยถา เต รุจฺจตี’’ติ วุตฺโต อาคจฺฉติ, อยํ วิสฺสฏฺทูโต นาม. อุทฺเทสปตฺตํ วา ปฏิปาฏิปตฺตํ วา ปุคฺคลิกปตฺตํ วา ยํ อิจฺฉติ, ตํ เอตสฺส ทาตพฺพํ. เอโก พาโล อพฺยตฺโต ‘‘อุทฺเทสปตฺตํ อาหรา’’ติ เปสิโต วตฺตุํ น ชานาติ, ตุณฺหีภูโต ติฏฺติ, โส ‘‘กสฺส สนฺติกํ อาคโตสี’’ติ วา ‘‘กสฺส ปตฺตํ หริสฺสสี’’ติ วา น วตฺตพฺโพ. เอวฺหิ วุตฺโต ปุจฺฉาสภาเคน ‘‘ตุมฺหากํ สนฺติกํ อาคโตมฺหี’’ติ วา ‘‘ตุมฺหากํ ปตฺตํ หริสฺสามี’’ติ วา วเทยฺย. ตโต ตํ ภิกฺขุํ อฺเ ภิกฺขู ชิคุจฺฉนฺตา น โอโลเกยฺยุํ, ‘‘กุหึ คจฺฉสิ, กึ กโรนฺโต อาหิณฺฑสี’’ติ ปน วตฺตพฺโพ. ตสฺส ‘‘อุทฺเทสปตฺตตฺถาย อาคโตมฺหี’’ติ วทนฺตสฺส คาเหตฺวา ปตฺโต ทาตพฺโพ.

เอกา กูฏฏฺิติกา นาม โหติ. รฺโ วา ราชมหามตฺตสฺส วา เคเห อติปณีตานิ อฏฺ อุทฺเทสภตฺตานิ นิจฺจํ ทียนฺติ, ตานิ เอกจาริกภตฺตานิ กตฺวา ภิกฺขู วิสุํ ิติกาย ปริภุฺชนฺติ. เอกจฺเจ ภิกฺขู ‘‘สฺเว ทานิ อมฺหากํ ปาปุณิสฺสนฺตี’’ติ อตฺตโน ิติกํ สลฺลกฺเขตฺวา คตา. เตสุ อนาคเตสุเยว อฺเ อาคนฺตุกา ภิกฺขู อาคนฺตฺวา อาสนสาลาย นิสีทนฺติ. ตงฺขณฺเว ราชปุริสา อาคนฺตฺวา ‘‘ปณีตภตฺตปตฺเต เทถา’’ติ วทนฺติ, อาคนฺตุกา ิติกํ อชานนฺตา คาเหนฺติ, ตงฺขณฺเว จ ิติกํ ชานนกภิกฺขู อาคนฺตฺวา ‘‘กึ คาเหถา’’ติ วทนฺติ . ราชเคเห ปณีตภตฺตนฺติ. กติวสฺสโต ปฏฺายาติ. เอตฺตกวสฺสโต นามาติ. ‘‘มา คาเหถา’’ติ นิวาเรตฺวา ิติกาย คาเหตพฺพํ. คาหิเต อาคเตหิปิ, ปตฺตทานกาเล อาคเตหิปิ, ทินฺนกาเล อาคเตหิปิ, ราชเคหโต ปตฺเต ปูเรตฺวา อาหฏกาเล อาคเตหิปิ, ราชา ‘‘อชฺช ภิกฺขูเยว อาคจฺฉนฺตู’’ติ เปเสตฺวา ภิกฺขูนํเยว หตฺเถ ปิณฺฑปาตํ เทติ, เอวํ ทินฺนํ ปิณฺฑปาตํ คเหตฺวา อาคตกาเล อาคเตหิปิ ิติกํ ชานนกภิกฺขูหิ ‘‘มา ภุฺชิตฺถา’’ติ วาเรตฺวา ิติกายเมว คาเหตพฺพํ.

อถ เน ราชา โภเชตฺวา ปตฺเตปิ เนสํ ปูเรตฺวา เทติ, ยํ อาหฏํ, ตํ ิติกาย คาเหตพฺพํ . สเจ ปน ‘‘มา ตุจฺฉหตฺถา คจฺฉนฺตู’’ติ โถกเมว ปตฺเตสุ ปกฺขิตฺตํ โหติ, ตํ น คาเหตพฺพํ. ‘‘อถ ภุฺชิตฺวา ตุจฺฉปตฺตาว อาคจฺฉนฺติ, ยํ เตหิ ภุตฺตํ, ตํ เนสํ คีวา โหตี’’ติ มหาสุมตฺเถโร อาห. มหาปทุมตฺเถโร ปนาห ‘‘คีวากิจฺจํ เอตฺถ นตฺถิ, ิติกํ ปน อชานนฺเตหิ ยาว ชานนกา อาคจฺฉนฺติ, ตาว นิสีทิตพฺพํ สิยา, เอวํ สนฺเตปิ ภิกฺขูหิ ภุตฺตํ สุภุตฺตํ, อิทานิ ปตฺตฏฺาเนน คาเหตพฺพ’’นฺติ.

เอโก ติจีวรปริวาโร สตคฺฆนโก ปิณฺฑปาโต อวสฺสิกสฺส ภิกฺขุโน ปตฺโต, วิหาเร จ ‘‘เอวรูโป ปิณฺฑปาโต อวสฺสิกสฺส ปตฺโต’’ติ ลิขิตฺวา เปสุํ. อถ สฏฺิวสฺสจฺจเยน อฺโ ตถารูโป ปิณฺฑปาโต อุปฺปนฺโน, อยํ กึ อวสฺสิกิติกาย คาเหตพฺโพ, อุทาหุ สฏฺิวสฺสิติกายาติ? สฏฺิวสฺสิติกายาติ วุตฺตํ. อยฺหิ ภิกฺขุิติกํ คเหตฺวาเยว วฑฺฒิโตติ. เอโก อุทฺเทสภตฺตํ ภุฺชิตฺวา สามเณโร ชาโต, ปุน ตํ ภตฺตํ สามเณริติกาย ปตฺตํ คณฺหิตุํ ลภติ. อยํ กิร อนฺตราภฏฺโก นาม. โย ปน ปริปุณฺณวสฺโส สามเณโร ‘‘สฺเว อุทฺเทสภตฺตํ ลภิสฺสตี’’ติ อชฺเชว อุปสมฺปชฺชติ, อติกฺกนฺตา ตสฺส ิติกา. เอกสฺส ภิกฺขุโน อุทฺเทสภตฺตํ ปตฺตํ, ปตฺโต จสฺส น ตุจฺโฉ โหติ, โส อฺสฺส สมีเป นิสินฺนสฺส ปตฺตํ ทาเปติ, ตํ เจ เถยฺยาย หรนฺติ, คีวา โหติ. สเจ ปน โส ภิกฺขุ ‘‘มยฺหํ ปตฺตํ ทมฺมี’’ติ สยเมว เทติ, อสฺส คีวา น โหติ. อถาปิ เตน ภตฺเตน อนตฺถิโก หุตฺวา ‘‘อลํ มยฺหํ, ตเวตํ ภตฺตํ ทมฺมิ, ปตฺตํ เปเสตฺวา อาหราเปหี’’ติ อฺํ วทติ, ยํ ตโต อาหรียติ, สพฺพํ ปตฺตสามิกสฺส โหติ. ปตฺตํ เจ เถยฺยาย หรนฺติ, สุหโฏ, ภตฺตสฺส ทินฺนตฺตา คีวา น โหติ.

วิหาเร ทส ภิกฺขู โหนฺติ, เตสุ นว ปิณฺฑปาติกา, เอโก สาทิยนโก, ‘‘ทส อุทฺเทสปตฺเต เทถา’’ติ วุตฺเต ปิณฺฑปาติกา คเหตุํ น อิจฺฉนฺติ. อิตโร ภิกฺขุ ‘‘สพฺพานิ มยฺหํ ปาปุณนฺตี’’ติ คณฺหาติ, ิติกา น โหติ. เอเกกํ เจ ปาเปตฺวา คณฺหาติ, ิติกา ติฏฺติ. เอวํ คาเหตฺวา ทสหิปิ ปตฺเตหิ อาหราเปตฺวา ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ สงฺคหํ กโรถา’’ติ นว ปตฺเต ปิณฺฑปาติกานํ เทติ, ภิกฺขุทตฺติยํ นาเมตํ, คเหตุํ วฏฺฏติ. สเจ โส อุปาสโก ‘‘ภนฺเต, ฆรํ อาคนฺตพฺพ’’นฺติ วทติ, โส จ ภิกฺขุ เต ภิกฺขู ‘‘เอถ, ภนฺเต, มยฺหํ สหายา โหถา’’ติ ตสฺส ฆรํ คจฺฉติ, ยํ ตตฺถ ลภติ, สพฺพํ ตสฺเสว โหติ, อิตเร เตน ทินฺนํ ลภนฺติ. อถ เนสํ ฆเรเยว นิสีทาเปตฺวา ทกฺขิโณทกํ ทตฺวา ยาคุขชฺชกาทีนิ เทนฺติ ‘‘ภนฺเต, ยํ มนุสฺสา เทนฺติ, ตํ คณฺหถา’’ติ, ตสฺส ภิกฺขุโน วจเนเนว อิตเรสํ วฏฺฏติ. ภุตฺตาวีนํ ปตฺเต ปูเรตฺวา คณฺหิตฺวา คมนตฺถาย เทนฺติ, สพฺพํ ตสฺเสว ภิกฺขุโน โหติ, เตน ทินฺนํ อิตเรสํ วฏฺฏติ. ยทิ ปน เต วิหาเรเยว เตน ภิกฺขุนา ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ ภิกฺขํ คณฺหถ, มนุสฺสานํ วจนํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตา คจฺฉนฺติ, ตตฺถ ยํ ภุฺชนฺติ เจว นีหรนฺติ จ, สพฺพํ ตํ เตสํเยว สนฺตกํ. อถาปิ ‘‘มยฺหํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ อวุตฺตา ‘‘มนุสฺสานํ วจนํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ คจฺฉนฺติ, ตตฺร เจ เอกสฺส มธุเรน สเรน อนุโมทนํ กโรนฺตสฺส สุตฺวา เถรานฺจ อุปสเม ปสีทิตฺวา พหุํ สมณปริกฺขารํ เทนฺติ, อยํ เถเรสุ ปสาเทน อุปฺปนฺโน อกตภาโค นาม, ตสฺมา สพฺเพสํ ปาปุณาติ.

เอโก สงฺฆโต อุทฺทิสาเปตฺวา ิติกาย คาหิตปตฺตํ หริตฺวา ปณีตสฺส ขาทนียโภชนียสฺส ปูเรตฺวา อาหริตฺวา ‘‘อิมํ, ภนฺเต, สพฺโพ สงฺโฆ ปริภุฺชตู’’ติ เทติ, สพฺเพหิ ภาเชตฺวา ปริภุฺชิตพฺพํ. ปตฺตสามิกสฺส ปน อติกฺกนฺตมฺปิ ิติกํ เปตฺวา อฺํ อุทฺเทสภตฺตํ ทาตพฺพํ. อถ ปมํเยว ‘‘สพฺพํ สงฺฆิกปตฺตํ เทถา’’ติ วทติ, เอกสฺส ลชฺชิภิกฺขุโน สนฺตโก ปตฺโต ทาตพฺโพ. อาหริตฺวา จ ‘‘สพฺโพ สงฺโฆ ปริภุฺชตู’’ติ วุตฺเต ภาเชตฺวา ปริภุฺชิตพฺพํ. เอโก ปาติยา ภตฺตํ อาหริตฺวา ‘‘สงฺฆุทฺเทสํ ทมฺมี’’ติ วทติ, เอเกกํ อาโลปํ อทตฺวา ิติกาย เอกสฺส ยาปนมตฺตํ กตฺวา ทาตพฺพํ. อถ โส ภตฺตํ อาหริตฺวา กิฺจิ วตฺตุํ อชานนฺโต ตุณฺหีภูโต อจฺฉติ, ‘‘กสฺส เต อานีตํ, กสฺส ทาตุกาโมสี’’ติ น วตฺตพฺพํ. ปุจฺฉาสภาเคน หิ ‘‘ตุมฺหากํ อานีตํ, ตุมฺหากํ ทาตุกาโมมฺหี’’ติ วเทยฺย, ตโต ตํ ภิกฺขุํ อฺเ ภิกฺขู ชิคุจฺฉนฺตา คีวํ ปริวตฺเตตฺวา โอโลเกตพฺพมฺปิ น มฺเยฺยุํ. สเจ ปน ‘‘กุหึ ยาสิ, กึ กโรนฺโต อาหิณฺฑสี’’ติ วุตฺเต ‘‘อุทฺเทสภตฺตํ คเหตฺวา อาคโตมฺหี’’ติ วทติ, เอเกน ลชฺชิภิกฺขุนา ิติกาย คาเหตพฺพํ. สเจ อาภตํ พหุ โหติ, สพฺเพสํ ปโหติ, ิติกากิจฺจํ นตฺถิ. เถราสนโต ปฏฺาย ปตฺตํ ปูเรตฺวา ทาตพฺพํ.

‘‘สงฺฆุทฺเทสปตฺตํ เทถา’’ติ วุตฺเต ‘‘กึ อาหริสฺสสี’’ติ อวตฺวา ปกติิติกาย เอว คาเหตพฺพํ. โย ปน ปายาโส วา รสปิณฺฑปาโต วา นิจฺจํ ลพฺภติ, เอวรูปานํ ปณีตโภชนานํ อาเวณิกา ิติกา กาตพฺพา, ตถา สปริวาราย ยาคุยา มหคฺฆานํ ผลานํ ปณีตานฺจ ขชฺชกานํ. ปกติภตฺตยาคุผลขชฺชกานํ เอกาว ิติกา กาตพฺพา. ‘‘สปฺปึ อาหริสฺสามี’’ติ วุตฺเต สพฺพสปฺปีนํ เอกาว ิติกา วฏฺฏติ, ตถา สพฺพเตลานํ. ‘‘มธุํ อาหริสฺสามี’’ติ วุตฺเต ปน มธุโน เอกาว ิติกา วฏฺฏติ, ตถา ผาณิตสฺส ลฏฺิมธุกาทีนฺจ เภสชฺชานํ. สเจ ปน คนฺธมาลํ สงฺฆุทฺเทสํ เทนฺติ, ปิณฺฑปาติกสฺส วฏฺฏติ, น วฏฺฏตีติ? อามิสสฺเสว ปฏิกฺขิตฺตตฺตา วฏฺฏติ. ‘‘สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ทินฺนตฺตา ปน น คเหตพฺพ’’นฺติ วทนฺติ.

อุทฺเทสภตฺตกถา นิฏฺิตา.

๒๑๐. นิมนฺตนํ ปุคฺคลิกํ เจ, สยเมว อิสฺสโร. สงฺฆิกํ ปน อุทฺเทสภตฺเต วุตฺตนเยเนว คาเหตพฺพํ. สเจ ปเนตฺถ ทูโต พฺยตฺโต โหติ, ‘‘ภนฺเต, ราชเคเห ภิกฺขุสงฺฆสฺส ภตฺตํ คณฺหถา’’ติ อวตฺวา ‘‘ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ วทติ, ปิณฺฑปาติกานมฺปิ วฏฺฏติ. อถ ทูโต อพฺยตฺโต ‘‘ภตฺตํ คณฺหถา’’ติ วทติ, ภตฺตุทฺเทสโก พฺยตฺโต ‘‘ภตฺต’’นฺติ อวตฺวา ‘‘ภนฺเต , ตุมฺเห ยาถ, ตุมฺเห ยาถา’’ติ วทติ, เอวมฺปิ ปิณฺฑปาติกานมฺปิ วฏฺฏติ, ‘‘ตุมฺหากํ, ภนฺเต, ปฏิปาฏิยา ภตฺตํ ปาปุณาตี’’ติ วุตฺเต ปน น วฏฺฏติ. สเจ นิมนฺติตุํ อาคตมนุสฺโส อาสนสาลํ ปวิสิตฺวา ‘‘อฏฺ ภิกฺขู เทถา’’ติ วา ‘‘อฏฺ ปตฺเต เทถา’’ติ วา วทติ, เอวมฺปิ ปิณฺฑปาติกานํ วฏฺฏติ, ‘‘ตุมฺเห จ ตุมฺเห จ คจฺฉถา’’ติ วตฺตพฺพํ. สเจ ‘‘อฏฺ ภิกฺขู เทถ, ภตฺตํ คณฺหถ, อฏฺ ปตฺเต เทถ, ภตฺตํ คณฺหถา’’ติ วา วทติ, ปฏิปาฏิยา คาเหตพฺพํ. คาเหนฺเตน ปน วิจฺฉินฺทิตฺวา ‘‘ภตฺต’’นฺติ อวทนฺเตน ‘‘ตุมฺเห จ ตุมฺเห จ คจฺฉถา’’ติ วุตฺเต ปิณฺฑปาติกานํ วฏฺฏติ. ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ ปตฺตํ เทถ, ตุมฺเห เอถา’’ติ วุตฺเต ปน ‘‘สาธุ อุปาสกา’’ติ คนฺตพฺพํ. ‘‘สงฺฆโต อุทฺทิสิตฺวา ตุมฺเห เอถา’’ติ วุตฺเตปิ ิติกาย คาเหตพฺพํ.

นิมนฺตนภตฺตฆรโต ปน ปตฺตตฺถาย อาคตสฺส อุทฺเทสภตฺเต วุตฺตนเยเนว ิติกาย ปตฺโต ทาตพฺโพ. เอโก ‘‘สงฺฆโต ปฏิปาฏิยา ปตฺต’’นฺติ อวตฺวา เกวลํ ‘‘เอกํ ปตฺตํ เทถา’’ติ วตฺวา อคฺคาหิเตเยว ปตฺเต ยสฺส กสฺสจิ ปตฺตํ คเหตฺวา ปูเรตฺวา อาหรติ, ตํ ปตฺตสามิกสฺเสว โหติ. อุทฺเทสภตฺเต วิย ิติกาย น คาเหตพฺพํ. อิธาปิ โย อาคนฺตฺวา ตุณฺหีภูโต ติฏฺติ, โส ‘‘กสฺส สนฺติกํ อาคโตสี’’ติ วา ‘‘กสฺส ปตฺตํ หริสฺสสี’’ติ วา น วตฺตพฺโพ. ปุจฺฉาสภาเคน หิ ‘‘ตุมฺหากํ สนฺติกํ อาคโต, ตุมฺหากํ ปตฺตํ หริสฺสามี’’ติ วเทยฺย, ตโต โส ภิกฺขุ ภิกฺขูหิ ชิคุจฺฉนีโย อสฺส. ‘‘กุหึ คจฺฉสิ, กึ กโรนฺโต อาหิณฺฑสี’’ติ ปน วุตฺเต ‘‘ตสฺส ปตฺตตฺถาย อาคโตมฺหี’’ติ วทนฺตสฺส ปฏิปาฏิภตฺตฏฺิติกาย คเหตฺวา ปตฺโต ทาตพฺโพ. ‘‘ภตฺตหรณปตฺตํ เทถา’’ติ วุตฺเตปิ ปฏิปาฏิภตฺตฏฺิติกาย เอว ทาตพฺโพ. สเจ อาหริตฺวา ‘‘สพฺโพ สงฺโฆ ภุฺชตู’’ติ วทติ, ภาเชตฺวา ภุฺชิตพฺพํ. ปตฺตสามิกสฺส อติกฺกนฺตมฺปิ ิติกํ เปตฺวา อฺํ ปฏิปาฏิภตฺตํ คาเหตพฺพํ.

เอโก ปาติยา ภตฺตํ อาหริตฺวา ‘‘สงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ วทติ, อาโลปภตฺตฏฺิติกโต ปฏฺาย อาโลปสงฺเขเปน ภาเชตพฺพํ. สเจ ปน ตุณฺหีภูโต อจฺฉติ, ‘‘กสฺส เต อาภตํ, กสฺส ทาตุกาโมสี’’ติ น วตฺตพฺโพ. สเจ ปน ‘‘กุหึ คจฺฉสิ, กึ กโรนฺโต อาหิณฺฑสี’’ติ วุตฺเต ปน ‘‘สงฺฆสฺส เม ภตฺตํ อาภตํ, เถรานํ เม ภตฺตํ อาภต’’นฺติ วทติ, คเหตฺวา อาโลปภตฺตฏฺิติกาย ภาเชตพฺพํ. สเจ ปน เอวํ อาภตํ ภตฺตํ พหุ โหติ, สกลสงฺฆสฺส ปโหติ, อภิหฏภิกฺขา นาม, ปิณฺฑปาติกานมฺปิ วฏฺฏติ, ิติกาปุจฺฉนกิจฺจํ นตฺถิ, เถราสนโต ปฏฺาย ปตฺตํ ปูเรตฺวา ทาตพฺพํ.

อุปาสโก สงฺฆตฺเถรสฺส วา คนฺถธุตงฺควเสน อภิฺาตสฺส วา ภตฺตุทฺเทสกสฺส วา ปหิณติ ‘‘อมฺหากํ ภตฺตคหณตฺถาย อฏฺ ภิกฺขู คเหตฺวา อาคจฺฉถา’’ติ, สเจปิ าติอุปฏฺาเกหิ เปสิตํ โหติ, อิเม ตโย ชนา ปุจฺฉิตุํ น ลภนฺติ, อารุฬฺหาเยว มาติกํ. สงฺฆโต อฏฺ ภิกฺขู อุทฺทิสาเปตฺวา อตฺตนวเมหิ คนฺตพฺพํ. กสฺมา? ภิกฺขุสงฺฆสฺส หิ เอเต ภิกฺขู นิสฺสาย ลาโภ อุปฺปชฺชตีติ. คนฺถธุตงฺคาทีหิ ปน อนภิฺาโต อาวาสิกภิกฺขุ อาปุจฺฉิตุํ ลภติ, ตสฺมา เตน ‘‘กึ สงฺฆโต คณฺหามิ, อุทาหุ เย ชานามิ, เตหิ สทฺธึ อาคจฺฉามี’’ติ มาติกํ อาโรเปตฺวา ยถา ทายกา วทนฺติ, ตถา ปฏิปชฺชิตพฺพํ. ‘‘ตุมฺหากํ นิสฺสิตเก วา เย วา ชานาถ, เต คเหตฺวา เอถา’’ติ วุตฺเต ปน เย อิจฺฉนฺติ, เตหิ สทฺธึ คนฺตุํ ลภติ. สเจ ‘‘อฏฺ ภิกฺขู ปหิณถา’’ติ เปเสนฺติ, สงฺฆโตว เปเสตพฺพา. อตฺตนา สเจ อฺสฺมึ คาเม สกฺกา โหติ ภิกฺขา ลภิตุํ, อฺโ คาโม คนฺตพฺโพ. น สกฺกา เจ โหติ ลภิตุํ, โสเยว คาโม ปิณฺฑาย ปวิสิตพฺโพ.

นิมนฺติตภิกฺขู อาสนสาลาย นิสินฺนา โหนฺติ, ตตฺร เจ มนุสฺสา ‘‘ปตฺเต เทถา’’ติ อาคจฺฉนฺติ, อนิมนฺติเตหิ น ทาตพฺพา, ‘‘เอเต นิมนฺติตา ภิกฺขู’’ติ วตฺตพฺพํ, ‘‘ตุมฺเหปิ เทถา’’ติ วุตฺเต ปน ทาตุํ วฏฺฏติ. อุสฺสวาทีสุ มนุสฺสา สยเมว ปริเวณานิ จ ปธานฆรานิ จ คนฺตฺวา ติปิฏเก จ ธมฺมกถิเก จ ภิกฺขุสเตนปิ สทฺธึ นิมนฺเตนฺติ, ตทา เตหิ เย ชานนฺติ, เต คเหตฺวา คนฺตุํ วฏฺฏติ. กสฺมา? น หิ มหาภิกฺขุสงฺเฆน อตฺถิกา มนุสฺสา ปริเวณปธานฆรานิ คจฺฉนฺติ, สนฺนิปาตฏฺานโตว ยถาสตฺติ ยถาพลํ ภิกฺขู คณฺหิตฺวา คจฺฉนฺตีติ.

สเจ ปน สงฺฆตฺเถโร วา คนฺถธุตงฺควเสน อภิฺาโต วา ภตฺตุทฺเทสโก วา อฺตฺร วา วสฺสํ วสิตฺวา กตฺถจิ วา คนฺตฺวา ปุน สกฏฺานํ อาคจฺฉติ, มนุสฺสา จ อาคนฺตุกสฺส สกฺการํ กโรนฺติ, เอกวารํ เย ชานนฺติ, เต คเหตฺวา คนฺตพฺพํ. ปฏิพทฺธกาลโต ปฏฺาย ทุติยวาเร อารทฺเธ สงฺฆโตเยว คเหตฺวา คนฺตพฺพํ. อภินวอาคนฺตุกาว หุตฺวา ‘‘าตี วา อุปฏฺาเก วา ปสฺสิสฺสามี’’ติ คจฺฉนฺติ, ตตฺร เจ เตสํ าตี จ อุปฏฺากา จ สกฺการํ กโรนฺติ, เอตฺถ ปน เย ชานนฺติ, เต คเหตฺวา คนฺตุมฺปิ วฏฺฏติ. โย ปน อติลาภี โหติ, สกฏฺานฺจ อาคนฺตุกฏฺานฺจ เอกสทิสํ, สพฺพตฺถ มนุสฺสา สงฺฆภตฺตํ สชฺเชตฺวาว นิสีทนฺติ, เตน สงฺฆโตว คเหตฺวา คนฺตพฺพนฺติ อยํ นิมนฺตเน วิเสโส. อวเสโส สพฺพปฺโห อุทฺเทสภตฺเต วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. กุรุนฺทิยํ ปน ‘‘อฏฺ มหาเถเร เทถาติ วุตฺเต อฏฺ มหาเถราว ทาตพฺพา’’ติ วุตฺตํ. เอส นโย มชฺฌิมาทีสุ. สเจ ปน อวิเสเสตฺวา ‘‘อฏฺ ภิกฺขู เทถา’’ติ วทติ, สงฺฆโต ทาตพฺพาติ.

นิมนฺตนภตฺตกถา นิฏฺิตา.

๒๑๑. สลากภตฺตํ ปน ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สลากาย วา ปฏฺฏิกาย วา อุปนิพนฺธิตฺวา โอปุฺชิตฺวา ภตฺตํ อุทฺทิสิตุ’’นฺติ (จูฬว. ๓๒๖) วจนโต รุกฺขสารมยาย สลากาย วา เวฬุวิลีวตาลปณฺณาทิมยาย ปฏฺฏิกาย วา ‘‘อสุกสฺส นาม สลากภตฺต’’นฺติ เอวํ อกฺขรานิ อุปนิพนฺธิตฺวา ปจฺฉิยํ วา จีวรโภเค วา กตฺวา สพฺพสลากาโย โอปุฺชิตฺวา ปุนปฺปุนํ เหฏฺุปริยวเสน อาโลเฬตฺวา ปฺจงฺคสมนฺนาคเตน ภตฺตุทฺเทสเกน สเจ ิติกา อตฺถิ, ิติกโต ปฏฺาย, โน เจ อตฺถิ, เถราสนโต ปฏฺาย สลากา ทาตพฺพา. ปจฺฉา อาคตานมฺปิ เอกาพทฺธวเสน ทูเร ิตานมฺปิ อุทฺเทสภตฺเต วุตฺตนเยเนว ทาตพฺพา.

สเจ วิหารสฺส สมนฺตโต พหู โคจรคามา, ภิกฺขู ปน น พหู, คามวเสนปิ สลากา ปาปุณนฺติ. ‘‘ตุมฺหากํ อสุกคาเม สลากภตฺตํ ปาปุณาตี’’ติ คามวเสเนว คาเหตพฺพํ. เอวํ คาเหนฺเตน สเจปิ เอกเมกสฺมึ คาเม นานปฺปการานิ สฏฺิ สลากภตฺตานิ, สพฺพานิ คหิตาเนว โหนฺติ. ตสฺส ปตฺตคามสมีเป อฺานิปิ ทฺเว ตีณิ สลากภตฺตานิ โหนฺติ, ตานิ ตสฺเสว ทาตพฺพานิ. น หิ สกฺกา เตสํ การณา อฺํ ภิกฺขุํ ปหิณิตุนฺติ.

สเจ เอกจฺเจสุ คาเมสุ พหูนิ สลากภตฺตานิ สลฺลกฺเขตฺวา สตฺตนฺนมฺปิ อฏฺนฺนมฺปิ ภิกฺขูนํ ทาตพฺพานิ. เทนฺเตน ปน จตุนฺนํ ปฺจนฺนํ ภตฺตานํ สลากาโย เอกโต พนฺธิตฺวา ทาตพฺพา. สเจ ตํ คามํ อติกฺกมิตฺวา อฺโ คาโม โหติ, ตสฺมิฺจ เอกเมว สลากภตฺตํ, ตํ ปน ปาโตว เทนฺติ, ตมฺปิ เอเตสุ ภิกฺขูสุ เอกสฺส นิคฺคเหน ทตฺวา ‘‘ปาโตว ตํ คเหตฺวา ปจฺฉา โอริมคาเม อิตรานิ ภตฺตานิ คณฺหาหี’’ติ วตฺตพฺโพ. สเจ โอริมคาเม สลากภตฺเตสุ อคฺคหิเตสฺเวว คหิตสฺาย คจฺฉติ, ปรภาคคาเม สลากภตฺตํ คเหตฺวา ปุน วิหารํ อาคนฺตฺวา อิตรานิ คเหตฺวา โอริมคาโม คนฺตพฺโพ. น หิ พหิสีมาย สงฺฆลาโภ คาเหตุํ ลพฺภตีติ อยํ นโย กุรุนฺทิยํ วุตฺโต. สเจ ปน ภิกฺขู พหู โหนฺติ, คามวเสน สลากา น ปาปุณนฺติ, วีถิวเสน วา วีถิยํ เอกเคหวเสน วา เอกกุลวเสน วา คาเหตพฺพํ. วีถิอาทีสุ จ ยตฺถ พหูนิ ภตฺตานิ, ตตฺถ คาเม วุตฺตนเยเนว พหูนํ ภิกฺขูนํ คาเหตพฺพานิ, สลากาสุ อสติ อุทฺทิสิตฺวาปิ คาเหตพฺพานิ.

๒๑๒. สลากทายเกน ปน วตฺตํ ชานิตพฺพํ. เตน หิ กาลสฺเสว วุฏฺาย ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา โภชนสาลํ คนฺตฺวา อสมฺมฏฺฏฺานํ สมฺมชฺชิตฺวา ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฏฺาเปตฺวา ‘‘อิทานิ ภิกฺขูหิ วตฺตํ กตํ ภวิสฺสตี’’ติ กาลํ สลฺลกฺเขตฺวา ฆณฺฏึ ปหริตฺวา ภิกฺขูสุ สนฺนิปติเตสุ ปมเมว วารคาเม สลากภตฺตํ คาเหตพฺพํ, ‘‘ตุยฺหํ อสุกสฺมึ นาม วารคาเม สลากา ปาปุณาติ, ตตฺร คจฺฉา’’ติ วตฺตพฺพํ. สเจ อภิเรกคาวุเต คาโม โหติ, ตํ ทิวสํ คจฺฉนฺตา กิลมนฺติ, ‘‘สฺเว ตุยฺหํ วารคาเม ปาปุณาตี’’ติ อชฺเชว คาเหตพฺพํ. โย วารคามํ เปสิยมาโน น คจฺฉติ, อฺํ สลากํ มคฺคติ, น ทาตพฺพา. สทฺธานฺหิ มนุสฺสานํ ปุฺหานิ จ สงฺฆสฺส จ ลาภจฺเฉโท โหติ, ตสฺมา ตสฺส ทุติเยปิ ตติเยปิ ทิวเส อฺา สลากา น ทาตพฺพา, ‘‘อตฺตโน ปตฺตฏฺานํ คนฺตฺวา ภุฺชาหี’’ติ วตฺตพฺโพ, ตีณิ ปน ทิวสานิ อคจฺฉนฺตสฺส วารคามโต โอริมวารคาเม สลากา คาเหตพฺพา. ตฺเจ น คณฺหาติ, ตโต ปฏฺาย ตสฺส อฺํ สลากํ ทาตุํ น วฏฺฏติ, ทณฺฑกมฺมํ ทฬฺหํ กาตพฺพํ . สฏฺิโต วา ปณฺณาสโต วา น ปริหาเปตพฺพํ. วารคาเม คาเหตฺวา วิหารวาโร คาเหตพฺโพ, ‘‘ตุยฺหํ วิหารวาโร ปาปุณาตี’’ติ วตฺตพฺพํ. วิหารวาริกสฺส ทฺเว ติสฺโส ยาคุสลากาโย ติสฺโส จตสฺโส ภตฺตสลากาโย จ ทาตพฺพา, นิพทฺธํ กตฺวา ปน น ทาตพฺพา. ยาคุภตฺตทายกา หิ ‘‘อมฺหากํ ยาคุภตฺตํ วิหารโคปกาวภุฺชนฺตี’’ติ อฺถตฺตํ อาปชฺเชยฺยุํ, ตสฺมา อฺเสุ กุเลสุ ทาตพฺพา.

สเจ วิหารวาริกานํ สภาคา อาหริตฺวา เทนฺติ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ, วารํ คเหตฺวา เตสํ ยาคุภตฺตํ อาหราเปตพฺพํ, ตาว เนสํ สลากา ผาติกมฺมเมว ภวนฺติ. วสฺสคฺเคน ปตฺตฏฺาเน ปน อฺมฺปิ ปณีตภตฺตสลากํ คณฺหิตุํ ลภนฺติเยว. อติเรกอุตฺตริภงฺคสฺส เอกจาริกภตฺตสฺส วิสุํ ิติกํ กตฺวา สลากา ทาตพฺพา. สเจ เยน สลากา ลทฺธา, โส ตํ ทิวสํ ตํ ภตฺตํ น ลภติ, ปุน ทิวเส คาเหตพฺพํ. ภตฺตฺเว ลภติ, น อุตฺตริภงฺคํ, เอวมฺปิ ปุน คาเหตพฺพํ. ขีรภตฺตสลากายปิ เอเสว นโย. สเจ ปน ขีรเมว ลภติ, น ภตฺตํ, ขีรลาภโต ปฏฺาย ปุน น คาเหตพฺพํ. ทฺเว ตีณิ เอกจาริกภตฺตานิ เอกสฺเสว ปาปุณนฺติ, ทุพฺภิกฺขสมเย สงฺฆนวเกน ลทฺธกาเล วิชเฏตฺวา วิสุํ คาเหตพฺพานิ. ปากติกสลากภตฺตํ อลทฺธสฺสปิ ปุนทิวเส คาเหตพฺพํ.

สเจ ขุทฺทโก วิหาโร โหติ, สพฺเพ ภิกฺขู เอกสมฺโภคา, อุจฺฉุสลากํ คาเหนฺเตน ยสฺส กสฺสจิ สมฺมุขีภูตสฺส ปาเปตฺวา มหาเถราทีนํ ทิวา ตจฺเฉตฺวา ทาตุํ วฏฺฏติ. รสสลากํ ปาเปตฺวา ปจฺฉาภตฺตมฺปิ ปริสฺสาเวตฺวา ผาณิตํ วา กาเรตฺวา ปิณฺฑปาติกาทีนมฺปิ ทาตพฺพํ, อาคนฺตุกานํ อาคตานาคตภาวํ ตฺวา คาเหตพฺพา. มหาอาวาเส ิติกํ กตฺวา คาเหตพฺพา. ตกฺกสลากมฺปิ สภาคฏฺาเน ปาเปตฺวา วา ธูมาเปตฺวา ปจาเปตฺวา วา เถรานํ ทาตุํ วฏฺฏติ. มหาอาวาเส วุตฺตนเยเนว ปฏิปชฺชิตพฺพํ. ผลสลากปูวสลากเภสชฺชคนฺธมาลาสลากาโยปิ วิสุํ ิติกาย คาเหตพฺพา. เภสชฺชาทิสลากาโย เจตฺถ กิฺจาปิ ปิณฺฑปาติกานมฺปิ วฏฺฏนฺติ, สลากวเสน ปน คาหิตตฺตา น สาทิตพฺพา. อคฺคภิกฺขามตฺตํ สลากภตฺตํ เทนฺติ, ิติกํ ปุจฺฉิตฺวา คาเหตพฺพํ. อสติยา ิติกาย เถราสนโต ปฏฺาย คาเหตพฺพํ. สเจ ตาทิสานิ ภตฺตานิ พหูนิ โหนฺติ, เอเกกสฺส ภิกฺขุโน ทฺเว ตีณิ ทาตพฺพานิ. โน เจ, เอเกกเมว ทตฺวา ปฏิปาฏิยา คตาย ปุน เถราสนโต ปฏฺาย ทาตพฺพํ. อถ อนฺตราว อุปจฺฉิชฺชติ, ิติกา สลฺลกฺเขตพฺพา. ยทิ ปน ตาทิสํ ภตฺตํ นิพทฺธเมว โหติ, ยสฺส ปาปุณาติ, โส วตฺตพฺโพ ‘‘ลทฺธา วา อลทฺธา วา สฺเวปิ คณฺเหยฺยาสี’’ติ. เอกํ อนิพทฺธํ โหติ, ลภนทิวเส ปน ยาวทตฺถํ ลภติ. อลภนทิวสา พหุตรา โหนฺติ, ตํ ยสฺส ปาปุณาติ, โส อลภิตฺวา ‘‘สฺเว คณฺเหยฺยาสี’’ติ วตฺตพฺโพ.

โย สลากาสุ คหิตาสุ ปจฺฉา อาคจฺฉติ, ตสฺส อติกฺกนฺตาว สลากา น อุปฏฺาเปตฺวา ทาตพฺพา. สลากํ นาม ฆณฺฏึ ปหรณโต ปฏฺาย อาคนฺตฺวา หตฺถํ ปสาเรนฺโตว ลภติ, อฺสฺส อาคนฺตฺวา สมีเป ิตสฺสปิ อติกฺกนฺตา อติกฺกนฺตาว โหติ. สเจ ปนสฺส อฺโ คณฺหนฺโต อตฺถิ, สยํ อนาคโตปิ ลภติ, สภาคฏฺาเน ‘‘อสุโก อนาคโต’’ติ ตฺวา ‘‘อยํ ตสฺส สลากา’’ติ เปตุํ วฏฺฏติ. สเจ ‘‘อนาคตสฺส น ทาตพฺพา’’ติ กติกํ กโรนฺติ, อธมฺมิกา โหติ. อนฺโตอุปจาเร ิตสฺส หิ ภาชนียภณฺฑํ ปาปุณาติ. สเจ ปน ‘‘อนาคตสฺส เทถา’’ติ มหาสทฺทํ กโรนฺติ, ทณฺฑกมฺมํ เปตพฺพํ, ‘‘อาคนฺตฺวา คณฺหนฺตู’’ติ วตฺตพฺพํ. ฉ ปฺจสลากา นฏฺา โหนฺติ, ภตฺตุทฺเทสโก ทายกานํ นามํ น สรติ, โส เจ นฏฺสลากา มหาเถรสฺส วา อตฺตโน วา ปาเปตฺวา ภิกฺขู วเทยฺย ‘‘มยา อสุกคาเม สลากภตฺตํ มยฺหํ ปาปิตํ, ตุมฺเห ตตฺถ ลทฺธสลากภตฺตํ ภุฺเชยฺยาถา’’ติ, วฏฺฏติ, วิหาเร อปาปิตํ ปน อาสนสาลาย ตํ ภตฺตํ ลภิตฺวา ตตฺเถว ปาเปตฺวา ภุฺชิตุํ น วฏฺฏติ. ‘‘อชฺช ปฏฺาย มยฺหํ สลากภตฺตํ คณฺหถา’’ติ วุตฺเต ตตฺร อาสนสาลาย คาเหตุํ น วฏฺฏติ, วิหารํ อาเนตฺวา คาเหตพฺพํ. ‘‘สฺเว ปฏฺายา’’ติ วุตฺเต ปน ภตฺตุทฺเทสกสฺส อาจิกฺขิตพฺพํ ‘‘สฺเว ปฏฺาย อสุกกุลํ นาม สลากภตฺตํ เทติ, สลากคฺคาหณกาเล สเรยฺยาสี’’ติ. ทุพฺภิกฺเข สลากภตฺตํ ปจฺฉินฺทิตฺวา สุภิกฺเข ชาเต กฺจิ ภิกฺขุํ ทิสฺวา ‘‘อชฺช ปฏฺาย อมฺหากํ สลากภตฺตํ คณฺหถา’’ติ ปุน ปฏฺเปนฺติ, อนฺโตคาเม อคาเหตฺวา วิหารํ อาเนตฺวา คาเหตพฺพํ. อิทฺหิ สลากภตฺตํ นาม อุทฺเทสภตฺตสทิสํ น โหติ, วิหารเมว สนฺธาย ทียติ, ตสฺมา พหิอุปจาเร คาเหตุํ น วฏฺฏติ, ‘‘สฺเว ปฏฺายา’’ติ วุตฺเต ปน วิหาเร คาเหตพฺพเมว.

คมิโก ภิกฺขุ ยํ ทิสาภาคํ คนฺตุกาโม, ตตฺถ อฺเน วารคามสลากา ลทฺธา โหติ, ตํ คเหตฺวา อิตรํ ภิกฺขุํ ‘‘มยฺหํ ปตฺตสลากํ ตฺวํ คณฺหาหี’’ติ วตฺวา คนฺตุํ วฏฺฏติ. เตน ปน อุปจารสีมํ อนติกฺกนฺเตเยว ตสฺมึ ตสฺส สลากา คาเหตพฺพา. ฉฑฺฑิตวิหาเร วสิตฺวา มนุสฺสา ‘‘โพธิเจติยาทีนิ ชคฺคิตฺวา ภุฺชนฺตู’’ติ สลากภตฺตํ ปฏฺเปนฺติ, ภิกฺขู สภาคฏฺาเนสุ วสิตฺวา กาลสฺเสว คนฺตฺวา ตตฺถ วตฺตํ กริตฺวา ตํ ภตฺตํ ภุฺชนฺติ, วฏฺฏติ. สเจ เตสุ สฺวาตนาย อตฺตโน ปาเปตฺวา คเตสุ อาคนฺตุโก ภิกฺขุ ฉฑฺฑิตวิหาเร วสิตฺวา กาลสฺเสว วตฺตํ กตฺวา ฆณฺฏึ ปหริตฺวา สลากภตฺตํ อตฺตโน ปาเปตฺวา อาสนสาลํ คจฺฉติ, โสว ตสฺส ภตฺตสฺส อิสฺสโร. โย ปน ภิกฺขูสุ วตฺตํ กโรนฺเตสุเยว ภูมิยํ ทฺเว ตโย สมฺมุฺชนีปหาเร ทตฺวา ฆณฺฏึ ปหริตฺวา ‘‘ธุรคาเม สลากภตฺตํ มยฺหํ ปาปุณาตี’’ติ คจฺฉติ, ตสฺส ตํ โจริกาย คหิตตฺตา น ปาปุณาติ, วตฺตํ กตฺวา ปาเปตฺวา ปจฺฉาคตภิกฺขูนํเยว โหติ.

เอโก คาโม อติทูเร โหติ, ภิกฺขู นิจฺจํ คนฺตุํ น อิจฺฉนฺติ, มนุสฺสา ‘‘มยํ ปุฺเน ปริพาหิรา โหมา’’ติ วทนฺติ, เย ตสฺส คามสฺส อาสนฺนวิหาเร สภาคภิกฺขู, เต วตฺตพฺพา ‘‘อิเมสํ ภิกฺขูนํ อนาคตทิวเส ตุมฺเห ภุฺชถา’’ติ, สลากา ปน เทวสิกํ ปาเปตพฺพา. ตา จ โข ปน ฆณฺฏิปหรณมตฺเตน วา ปจฺฉิจาลนมตฺเตน วา ปาปิตา น โหนฺติ, ปจฺฉึ ปน คเหตฺวา สลากา ปีเก อากิริตพฺพา, ปจฺฉิ ปน มุขวฏฺฏิยํ น คเหตพฺพา. สเจ หิ ตตฺถ อหิ วา วิจฺฉิโก วา ภเวยฺย, ทุกฺขํ อุปฺปาเทยฺย, ตสฺมา เหฏฺา คเหตฺวา ปจฺฉึ ปรมฺมุขํ กตฺวา สลากา อากิริตพฺพา ‘‘สเจปิ สปฺโป ภวิสฺสติ, เอตฺโตว ปลายิสฺสตี’’ติ. เอวํ สลากา อากิริตฺวา คามาทิวเสน ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว คาเหตพฺพา.

อปิจ เอกํ มหาเถรสฺส ปาเปตฺวา ‘‘อวเสสา มยฺหํ ปาปุณนฺตี’’ติ อตฺตโน ปาเปตฺวา วตฺตํ กตฺวา เจติยํ วนฺทิตฺวา วิตกฺกมาฬเก ิเตหิ ภิกฺขูหิ ‘‘ปาปิตา, อาวุโส, สลากา’’ติ วุตฺเต ‘‘อาม, ภนฺเต, ตุมฺเห คตคตคาเม สลากภตฺตํ คณฺหถา’’ติ วตฺตพฺพํ. เอวฺหิ ปาปิตาปิ สุปาปิตาว โหนฺติ. ภิกฺขู สพฺพรตฺตึ ธมฺมสฺสวนตฺถํ อฺํ วิหารํ คจฺฉนฺตา ‘‘มยํ ตตฺถ ทานํ อคฺคเหตฺวาว อมฺหากํ โคจรคาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา อาคมิสฺสามา’’ติ สลากา อคฺคเหตฺวาว คตา วิหาเร เถรสฺส ปตฺตํ สลากภตฺตํ ภุฺชิตุํ อาคจฺฉนฺติ, วฏฺฏติ. อถ มหาเถโรปิ ‘‘อหํ อิธ กึ กโรมี’’ติ เตหิเยว สทฺธึ คจฺฉติ, เตหิ คตวิหาเร อภุฺชิตฺวาว โคจรคามํ อนุปฺปตฺเตหิ ‘‘เทถ, ภนฺเต, ปตฺเต, สลากยาคุอาทีนิ อาหริสฺสามา’’ติ วุตฺเต ปตฺตา น ทาตพฺพา. กสฺมา, ภนฺเต, น เทถาติ. วิหารฏฺกํ ภตฺตํ วิหาเร วุตฺถานํ ปาปุณาติ, มยํ อฺวิหาเร วุตฺถาติ. ‘‘เทถ, ภนฺเต, น มยํ วิหาเร ปาลิกาย เทม, ตุมฺหากํ เทม, คณฺหถ อมฺหากํ ภิกฺข’’นฺติ วุตฺเต ปน วฏฺฏติ.

สลากภตฺตกถา นิฏฺิตา.

๒๑๓. ปกฺขิกาทีสุ ปน ยํ อภิลกฺขิเตสุ จาตุทฺทสี ปฺจทสี ปฺจมี อฏฺมีติ อิเมสุ ปกฺเขสุ กมฺมปฺปสุเตหิ อุโปสถํ กาตุํ สติกรณตฺถาย ทียติ, ตํ ปกฺขิกํ นาม. ตํ สลากภตฺตคติกเมว โหติ, คาเหตฺวา ภุฺชิตพฺพํ. สเจ สลากภตฺตมฺปิ ปกฺขิกภตฺตมฺปิ พหุํ สพฺเพสํ วินิวิชฺฌิตฺวา คจฺฉติ, ทฺเวปิ ภตฺตานิ วิสุํ วิสุํ คาเหตพฺพานิ. สเจ ภิกฺขุสงฺโฆ มหา, ปกฺขิกํ คาเหตฺวา ตสฺส ิติกาย สลากภตฺตํ คาเหตพฺพํ, สลากภตฺตํ วา คาหาเปตฺวา ตสฺส ิติกาย ปกฺขิกํ คาเหตพฺพํ. เยสํ น ปาปุณาติ, เต ปิณฺฑาย จริสฺสนฺติ. สเจ ทฺเวปิ ภตฺตานิ พหูนิ, ภิกฺขู มนฺทา, สลากภตฺตํ นาม เทวสิกํ ลพฺภติ, ตสฺมา ตํ เปตฺวา ‘‘ปกฺขิกํ, อาวุโส, ภุฺชถา’’ติ ปกฺขิกเมว ทาตพฺพํ. ปกฺขิกํ ปณีตํ เทนฺติ, วิสุํ ิติกา กาตพฺพา, ‘‘สฺเว ปกฺโข’’ติ อชฺช ปกฺขิกํ น คาเหตพฺพํ. สเจ ปน ทายกา วทนฺติ ‘‘สฺเวปิ อมฺหากํ ฆเร ลูขภตฺตํ ภวิสฺสติ, อชฺเชว ปกฺขิกภตฺตํ อุทฺทิสถา’’ติ, เอวํ วฏฺฏติ.

อุโปสถิกํ นาม อนฺวฑฺฒมาเส อุโปสถทิวเส อุโปสถงฺคานิ สมาทิยิตฺวา ยํ อตฺตนา ภุฺชติ, ตเทว ทียติ. ปาฏิปทิกํ นาม ‘‘อุโปสเถ พหู สทฺธา ปสนฺนา ภิกฺขูนํ สกฺการํ กโรนฺติ, ปาฏิปเท ปน ภิกฺขู กิลมนฺติ, ปาฏิปเท ทินฺนํ ทุพฺภิกฺขทานสทิสํ มหปฺผลํ โหติ, อุโปสถกมฺเมน วา ปริสุทฺธสีลานํ ทุติยทิวเส ทินฺนํ มหปฺผลํ โหตี’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา ปาฏิปเท ทียมานกทานํ. ตมฺปิ อุภยํ สลากภตฺตคติกเมว. อิติ อิมานิ สตฺตปิ ภตฺตานิ ปิณฺฑปาติกานํ น วฏฺฏนฺติ, ธุตงฺคเภทํ กโรนฺติเยว.

๒๑๔. อปรานิปิ จีวรกฺขนฺธเก (มหาว. ๓๕๐) วิสาขาย วรํ ยาจิตฺวา ทินฺนานิ อาคนฺตุกภตฺตํ คมิกภตฺตํ คิลานภตฺตํ คิลานุปฏฺากภตฺตนฺติ จตฺตาริ ภตฺตานิ ปาฬิยํ อาคตาเนว. ตตฺถ อาคนฺตุกานํ ทินฺนํ ภตฺตํ อาคนฺตุกภตฺตํ. เอส นโย เสเสสุ. สเจ ปเนตฺถ อาคนฺตุกภตฺตานิปิ อาคนฺตุกาปิ พหู โหนฺติ, สพฺเพสํ เอเกกํ คาเหตพฺพํ. ภตฺเตสุ อปฺปโหนฺเตสุ ิติกาย คาเหตพฺพํ. เอโก อาคนฺตุโก ปมเมว อาคนฺตฺวา สพฺพํ อาคนฺตุกภตฺตํ อตฺตโน คาเหตฺวา นิสีทติ, สพฺพํ ตสฺเสว โหติ. ปจฺฉา อาคเตหิ อาคนฺตุเกหิ เตน ทินฺนานิ ปริภุฺชิตพฺพานิ. เตนปิ เอกํ อตฺตโน คเหตฺวา เสสานิ ทาตพฺพานิ. อยํ อุฬารตา. สเจ ปน ปมํ อาคนฺตฺวาปิ อตฺตโน อคฺคเหตฺวา ตุณฺหีภูโต นิสีทติ, ปจฺฉา อาคเตหิ สทฺธึ ปฏิปาฏิยา คณฺหิตพฺพํ. สเจ นิจฺจํ อาคนฺตุกา อาคจฺฉนฺติ, อาคตทิวเสเยว ภุฺชิตพฺพํ. อนฺตรนฺตรา เจ อาคจฺฉนฺติ, ทฺเว ตีณิ ทิวสานิ ภุฺชิตพฺพํ. มหาปจฺจริยํ ปน ‘‘สตฺต ทิวสานิ ภุฺชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. อาวาสิโก กตฺถจิ คนฺตฺวา อาคโต, เตนปิ อาคนฺตุกภตฺตํ ภุฺชิตพฺพํ. สเจ ปน ตํ วิหาเร นิพนฺธาปิตํ โหติ, วิหาเร คาเหตพฺพํ. อถ วิหาโร ทูเร โหติ, อาสนสาลาย นิพนฺธาปิตํ, อาสนสาลาย คาเหตพฺพํ. สเจ ปน ทายกา ‘‘อาคนฺตุเกสุ อสติ อาวาสิกาปิ ภุฺชนฺตู’’ติ วทนฺติ, วฏฺฏติ, อวุตฺเต ปน น วฏฺฏติ.

คมิกภตฺเตปิ อยเมว กถามคฺโค. อยํ ปน วิเสโส – อาคนฺตุโก อาคนฺตุกภตฺตเมว ลภติ, คมิโก อาคนฺตุกภตฺตมฺปิ คมิกภตฺตมฺปิ. อาวาสิโกปิ ปกฺกมิตุกาโม คมิโก โหติ, คมิกภตฺตํ ลภติ. ยถา ปน อาคนฺตุกภตฺตํ, เอวมิทํ ทฺเว ตีณิ วา สตฺต วา ทิวสานิ น ลภติ. ‘‘คมิสฺสามี’’ติ ภุตฺโตปิ ตํ ทิวสํ เกนจิ การเณน น คโต, ปุนทิวเสปิ ภุฺชิตุํ วฏฺฏติ สอุสฺสาหตฺตา. ‘‘คมิสฺสามี’’ติ ภุตฺตสฺส โจรา วา ปนฺถํ รุนฺธนฺติ, อุทกํ วา เทโว วา วสฺสติ, สตฺโถ วา น คจฺฉติ, สอุสฺสาเหน ภุฺชิตพฺพํ. ‘‘เอเต อุปทฺทเว โอโลเกนฺเตน ทฺเว ตโย ทิวเส ภุฺชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ มหาปจฺจริยํ วุตฺตํ. ‘‘คมิสฺสามิ คมิสฺสามี’’ติ ปน เลสํ โอฑฺเฑตฺวา ภุฺชิตุํ น ลภติ.

คิลานภตฺตมฺปิ สเจ สพฺเพสํ คิลานานํ ปโหติ, ตํ สพฺเพสํ ทาตพฺพํ. โน เจ, ิติกํ กตฺวา คาเหตพฺพํ. เอโก คิลาโน อโรครูโป สกฺโกติ อนฺโตคามํ คนฺตุํ, เอโก น สกฺโกติ, อยํ มหาคิลาโน นาม, เอตสฺส คิลานภตฺตํ ทาตพฺพํ. ทฺเว มหาคิลานา, เอโก ลาภี อภิฺาโต พหุํ ขาทนียโภชนียํ ลภติ, เอโก อนาโถ อปฺปลาภตาย อนฺโตคามํ ปวิสติ, เอตสฺส คิลานภตฺตํ ทาตพฺพํ. คิลานภตฺเต ทิวสปริจฺเฉโท นตฺถิ, ยาว โรโค น วูปสมฺมติ, สปฺปายโภชนํ อภุฺชนฺโต น ยาเปติ, ตาว ภุฺชิตพฺพํ. ยทา ปน มิสฺสกยาคุํ วา มิสฺสกภตฺตํ วา ภุตฺตสฺสปิ โรโค น กุปฺปติ, ตโต ปฏฺาย น ภุฺชิตพฺพํ.

คิลานุปฏฺากภตฺตมฺปิ ยํ สพฺเพสํ ปโหติ, ตํ สพฺเพสํ ทาตพฺพํ. โน เจ ปโหติ, ิติกํ กตฺวา คาเหตพฺพํ. อิทมฺปิ ทฺวีสุ คิลาเนสุ มหาคิลานุปฏฺากสฺส คาเหตพฺพํ, ทฺวีสุ มหาคิลาเนสุ อนาถคิลานุปฏฺากสฺส. ยํ กุลํ คิลานภตฺตมฺปิ เทติ คิลานุปฏฺากภตฺตมฺปิ, ตตฺถ ยสฺส คิลานสฺส คิลานภตฺตํ ปาปุณาติ, ตทุปฏฺากสฺสปิ ตตฺเถว คาเหตพฺพํ. คิลานุปฏฺากภตฺเตปิ ทิวสปริจฺเฉโท นตฺถิ, ยาว คิลาโน ลภติ, ตาวสฺส อุปฏฺาโกปิ ลภตีติ. อิมานิ จตฺตาริ ภตฺตานิ สเจ เอวํ ทินฺนานิ โหนฺติ ‘‘อาคนฺตุกคมิกคิลานคิลานุปฏฺากา มม ภิกฺขํ คณฺหนฺตู’’ติ, ปิณฺฑปาติกานมฺปิ วฏฺฏติ. สเจ ปน ‘‘อาคนฺตุกาทีนํ จตุนฺนํ ภตฺตํ นิพนฺธาเปมิ, มม ภตฺตํ คณฺหนฺตู’’ติ เอวํ ทินฺนานิ โหนฺติ, ปิณฺฑปาติกานํ น วฏฺฏติ.

๒๑๕. อปรานิปิ ธุรภตฺตํ กุฏิภตฺตํ วารกภตฺตนฺติ ตีณิ ภตฺตานิ. ตตฺถ ธุรภตฺตนฺติ นิจฺจภตฺตํ วุจฺจติ, ตํ ทุวิธํ สงฺฆิกฺจ ปุคฺคลิกฺจ. ตตฺถ ยํ ‘‘สงฺฆสฺส ธุรภตฺตํ เทมา’’ติ นิพนฺธาปิตํ, ตํ สลากภตฺตคติกํ. ‘‘มม นิพทฺธภิกฺขํ คณฺหนฺตู’’ติ วตฺวา ทินฺนํ ปน ปิณฺฑปาติกานมฺปิ วฏฺฏติ. ปุคฺคลิเกปิ ‘‘ตุมฺหากํ ธุรภตฺตํ ทมฺมี’’ติ วุตฺเต ปิณฺฑปาติโก เจ, น วฏฺฏติ, ‘‘มม นิพทฺธภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ วุตฺเต ปน วฏฺฏติ, สาทิตพฺพํ. สเจ ปจฺฉา กติปาเห วีติวตฺเต ‘‘ธุรภตฺตํ คณฺหถา’’ติ วทติ, มูเล สุฏฺุ สมฺปฏิจฺฉิตตฺตา วฏฺฏติ.

กุฏิภตฺตํ นาม ยํ สงฺฆสฺส อาวาสํ กาเรตฺวา ‘‘อมฺหากํ เสนาสนวาสิโน อมฺหากํเยว ภตฺตํ คณฺหนฺตู’’ติ เอวํ นิพนฺธาปิตํ, ตํ สลากภตฺตคติกเมว โหติ, คาเหตฺวา ภุฺชิตพฺพํ. ‘‘อมฺหากํ เสนาสนวาสิโน อมฺหากํเยว ภิกฺขํ คณฺหนฺตู’’ติ วุตฺเต ปน ปิณฺฑปาติกานมฺปิ วฏฺฏติ. ยํ ปน ปุคฺคเล ปสีทิตฺวา ตสฺส อาวาสํ กตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ เทมา’’ติ ทินฺนํ, ตํ ตสฺเสว โหติ, ตสฺมึ กตฺถจิ คเต นิสฺสิตเกหิ ภุฺชิตพฺพํ.

วารกภตฺตํ นาม ทุพฺภิกฺขสมเย ‘‘วาเรน ภิกฺขู ชคฺคิสฺสามา’’ติ ธุรเคหโต ปฏฺาย ทินฺนํ, ตมฺปิ ภิกฺขาวจเนน ทินฺนํ ปิณฺฑปาติกานํ วฏฺฏติ, ‘‘วารกภตฺต’’นฺติ วุตฺเต ปน สลากภตฺตคติกํ โหติ. สเจ ตณฺฑุลาทีนิ เปเสนฺติ ‘‘สามเณรา ปจิตฺวา เทนฺตู’’ติ, ปิณฺฑปาติกานํ วฏฺฏติ. อิติ อิมานิ จ ตีณิ, อาคนฺตุกภตฺตาทีนิ จ จตฺตารีติ สตฺต, ตานิ สงฺฆภตฺตาทีหิ สห จุทฺทส ภตฺตานิ โหนฺติ.

๒๑๖. อฏฺกถายํ ปน วิหารภตฺตํ อฏฺกภตฺตํ จตุกฺกภตฺตํ คุฬฺหกภตฺตนฺติ อฺานิปิ จตฺตาริ ภตฺตานิ วุตฺตานิ. ตตฺถ วิหารภตฺตํ นาม วิหาเร ตตฺรุปฺปาทภตฺตํ, ตํ สงฺฆภตฺเตน สงฺคหิตํ. ตํ ปน ติสฺสมหาวิหารจิตฺตลปพฺพตาทีสุ ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺเตหิ ขีณาสเวหิ ยถา ปิณฺฑปาติกานมฺปิ สกฺกา โหนฺติ ปริภุฺชิตุํ, ตถา ปฏิคฺคหิตตฺตา ตาทิเสสุ าเนสุ ปิณฺฑปาติกานมฺปิ วฏฺฏติ. ‘‘อฏฺนฺนํ ภิกฺขูนํ เทม, จตุนฺนํ เทมา’’ติ เอวํ ทินฺนํ ปน อฏฺกภตฺตฺเจว จตุกฺกภตฺตฺจ, ตมฺปิ ภิกฺขาวจเนน ทินฺนํ ปิณฺฑปาติกานํ วฏฺฏติ. มหาภิสงฺขาเรน อติรสกปูเวน ปตฺตํ ถเกตฺวา ทินฺนํ คุฬฺหกภตฺตํ นาม. อิมานิ ตีณิ สลากภตฺตคติกาเนว. อปรมฺปิ คุฬฺหกภตฺตํ นาม อตฺถิ, อิเธกจฺเจ มนุสฺสา มหาธมฺมสฺสวนฺจ วิหารปูชฺจ กาเรตฺวา ‘‘สกลสงฺฆสฺส ทาตุํ น สกฺโกม, ทฺเว ตีณิ ภิกฺขุสตานิ อมฺหากํ ภิกฺขํ คณฺหนฺตู’’ติ ภิกฺขุปริจฺเฉทชานนตฺถํ คุฬฺหเก เทนฺติ, อิทํ ปิณฺฑปาติกานมฺปิ วฏฺฏติ.

ปิณฺฑปาตภาชนียํ นิฏฺิตํ.

๒๑๗. คิลานปจฺจยภาชนียํ ปน เอวํ เวทิตพฺพํ (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๕ ปกฺขิกภตฺตาทิกถา) – สปฺปิอาทีสุ เภสชฺเชสุ ราชราชมหามตฺตา สปฺปิสฺส ตาว กุมฺภสตมฺปิ กุมฺภสหสฺสมฺปิ วิหารํ เปเสนฺติ, ฆณฺฏึ ปหริตฺวา เถราสนโต ปฏฺาย คหิตภาชนํ ปูเรตฺวา ทาตพฺพํ, ปิณฺฑปาติกานมฺปิ วฏฺฏติ. สเจ อลสชาติกา มหาเถรา ปจฺฉา อาคจฺฉนฺติ, ‘‘ภนฺเต, วีสติวสฺสานํ ทียติ, ตุมฺหากํ ิติกา อติกฺกนฺตา’’ติ น วตฺตพฺพา, ิติกํ เปตฺวา เตสํ ทตฺวา ปจฺฉา ิติกาย ทาตพฺพํ. ‘‘อสุกวิหาเร พหุ สปฺปิ อุปฺปนฺน’’นฺติ สุตฺวา โยชนนฺตรวิหารโตปิ ภิกฺขู อาคจฺฉนฺติ, สมฺปตฺตสมฺปตฺตานมฺปิ ิตฏฺานโต ปฏฺาย ทาตพฺพํ. อสมฺปตฺตานมฺปิ อุปจารสีมํ ปวิฏฺานํ อนฺเตวาสิกาทีสุ คณฺหนฺเตสุ ทาตพฺพเมว. ‘‘พหิอุปจารสีมาย ิตานํ เทถา’’ติ วทนฺติ, น ทาตพฺพํ. สเจ ปน อุปจารสีมํ โอกฺกนฺเตหิ เอกาพทฺธา หุตฺวา อตฺตโน วิหารทฺวาเร อนฺโตวิหาเรเยว วา โหนฺติ, ปริสวเสน วฑฺฒิตา นาม สีมา โหติ, ตสฺมา ทาตพฺพา. สงฺฆนวกสฺส ทินฺเนปิ ปจฺฉา อาคตานํ ทาตพฺพเมว. ทุติยภาเค ปน เถราสนํ อารุฬฺเห อาคตานํ ปมภาโค น ปาปุณาติ, ทุติยภาคโต วสฺสคฺเคน ทาตพฺพํ. อนฺโตอุปจารสีมํ ปวิสิตฺวา ยตฺถ กตฺถจิ ทินฺนํ โหติ, สพฺพํ สนฺนิปาตฏฺาเนเยว ภาเชตพฺพํ.

ยสฺมึ วิหาเร ทส ภิกฺขู, ทเสว จ สปฺปิกุมฺภา ทียนฺติ, เอเกกกุมฺภวเสน ภาเชตพฺพํ. เอโก สปฺปิกุมฺโภ โหติ, ทสภิกฺขูหิ ภาเชตฺวา คเหตพฺพํ. สเจ ‘‘ยถาิตํเยว อมฺหากํ ปาปุณาตี’’ติ คณฺหนฺติ, ทุคฺคหิตํ, ตํ คตคตฏฺาเน สงฺฆิกเมว โหติ. กุมฺภํ ปน อาวชฺเชตฺวา ถาลเก โถกํ สปฺปึ กตฺวา ‘‘อิทํ มหาเถรสฺส ปาปุณาติ, อวเสสํ อมฺหากํ ปาปุณาตี’’ติ วตฺวา ตมฺปิ กุมฺเภเยว อากิริตฺวา ยถิจฺฉิตํ คเหตฺวา คนฺตพฺพํ. สเจ ถินํ สปฺปิ โหติ, เลขํ กตฺวา ‘‘เลขโต ปรภาโค มหาเถรสฺส ปาปุณาติ, อวเสสํ อมฺหาก’’นฺติ คหิตมฺปิ สุคฺคหิตํ. วุตฺตปริจฺเฉทโต อูนาธิเกสุ ภิกฺขูสุ สปฺปิกุมฺเภสุ จ เอเตเนว อุปาเยน ภาเชตพฺพํ. สเจ ปเนโก ภิกฺขุ, เอโก กุมฺโภ โหติ, ฆณฺฏึ ปหริตฺวา ‘‘อยํ มยฺหํ ปาปุณาตี’’ติปิ คเหตุํ วฏฺฏติ. ‘‘อยํ ปมภาโค มยฺหํ ปาปุณาติ, อยํ ทุติยภาโค’’ติ เอวํ โถกํ โถกมฺปิ ปาเปตุํ วฏฺฏติ. เอส นโย นวนีตาทีสุปิ . ยสฺมึ ปน วิปฺปสนฺนติลเตลาทิมฺหิ เลขา น สนฺติฏฺติ, ตํ อุทฺธริตฺวา ภาเชตพฺพํ. สิงฺคิเวรมริจาทิเภสชฺชมฺปิ อวเสสปตฺตถาลกาทิสมณปริกฺขาโรปิ สพฺโพ วุตฺตานุรูเปเนว นเยน สุฏฺุ สลฺลกฺเขตฺวา ภาเชตพฺโพติ. อยํ คิลานปจฺจยภาชนียกถา.

๒๑๘. อิทานิ เสนาสนคฺคาเห วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ (จูฬว. อฏฺ. ๓๑๘) – อยํ เสนาสนคฺคาโห นาม ทุวิโธ โหติ อุตุกาเล จ วสฺสาวาเส จ. ตตฺถ อุตุกาเล ตาว เกจิ อาคนฺตุกา ภิกฺขู ปุเรภตฺตํ อาคจฺฉนฺติ, เกจิ ปจฺฉาภตฺตํ ปมยามํ มชฺฌิมยามํ ปจฺฉิมยามํ วา. เย ยทา อาคจฺฉนฺติ, เตสํ ตทาว ภิกฺขู อุฏฺาเปตฺวา เสนาสนํ ทาตพฺพํ, อกาโล นาม นตฺถิ. เสนาสนปฺาปเกน ปน ปณฺฑิเตน ภวิตพฺพํ, เอกํ วา ทฺเว วา มฺจฏฺานานิ เปตพฺพานิ. สเจ วิกาเล เอโก วา ทฺเว วา เถรา อาคจฺฉนฺติ, เต วตฺตพฺพา ‘‘ภนฺเต, อาทิโต ปฏฺาย วุฏฺาปิยมาเน สพฺเพปิ ภิกฺขู อุพฺภณฺฑิกา ภวิสฺสนฺติ, ตุมฺเห อมฺหากํ วสนฏฺาเน วสถา’’ติ.

พหูสุ ปน อาคเตสุ วุฏฺาเปตฺวา ปฏิปาฏิยา ทาตพฺพํ. สเจ เอเกกํ ปริเวณํ ปโหติ, เอเกกํ ปริเวณํ ทาตพฺพํ. ตตฺถ อคฺคิสาลาทีฆสาลามณฺฑลมาฬาทโย สพฺเพปิ ตสฺเสว ปาปุณนฺติ. เอวํ อปฺปโหนฺเต ปาสาทคฺเคน ทาตพฺพํ, ปาสาเทสุ อปฺปโหนฺเตสุ โอวรกคฺเคน ทาตพฺพํ, โอวรเกสุ อปฺปโหนฺเตสุ เสยฺยคฺเคน ทาตพฺพํ, เสยฺยคฺเคสุ อปฺปโหนฺเตสุ มฺจฏฺาเนน ทาตพฺพํ, มฺจฏฺาเน อปฺปโหนฺเต เอกปีกฏฺานวเสน ทาตพฺพํ, ภิกฺขุโน ปน ิโตกาสมตฺตํ น คาเหตพฺพํ. เอตฺหิ เสนาสนํ นาม น โหติ. ปีกฏฺาเน ปน อปฺปโหนฺเต เอกํ มฺจฏฺานํ วา เอกํ ปีฏฺานํ วา ‘‘วาเรน วาเรน, ภนฺเต, วิสฺสมถา’’ติ ติณฺณํ ชนานํ ทาตพฺพํ. น หิ สกฺกา สีตสมเย สพฺพรตฺตึ อชฺโฌกาเสว วสิตุํ. มหาเถเรน ปมยามํ วิสฺสมิตฺวา นิกฺขมิตฺวา ทุติยตฺเถรสฺส วตฺตพฺพํ ‘‘อาวุโส อิธ ปวิสาหี’’ติ. สเจ มหาเถโร นิทฺทาครุโก โหติ, กาลํ น ชานาติ, อุกฺกาสิตฺวา ทฺวารํ อาโกเฏตฺวา ‘‘ภนฺเต กาโล ชาโต, สีตํ อนุทหตี’’ติ วตฺตพฺพํ. เตน นิกฺขมิตฺวา โอกาโส ทาตพฺโพ, อทาตุํ น ลภติ. ทุติยตฺเถเรนปิ มชฺฌิมยามํ วิสฺสมิตฺวา ปุริมนเยเนว อิตรสฺส ทาตพฺพํ. นิทฺทาครุโก วุตฺตนเยเนว วุฏฺาเปตพฺโพ. เอวํ เอกรตฺตึ เอกมฺจฏฺานํ ติณฺณํ ทาตพฺพํ. ชมฺพุทีเป ปน เอกจฺเจ ภิกฺขู ‘‘เสนาสนํ นาม มฺจฏฺานํ วา ปีฏฺานํ วา กิฺจิเทว กสฺสจิ สปฺปายํ โหติ, กสฺสจิ อสปฺปาย’’นฺติ อาคนฺตุกา โหนฺตุ วา มา วา, เทวสิกํ เสนาสนํ คาเหนฺติ. อยํ อุตุกาเล เสนาสนคฺคาโห นาม.

๒๑๙. วสฺสาวาเส ปน อตฺถิ อาคนฺตุกวตฺตํ, อตฺถิ อาวาสิกวตฺตํ. อาคนฺตุเกน ตาว สกฏฺานํ มุฺจิตฺวา อฺตฺถ คนฺตฺวา วสิตุกาเมน วสฺสูปนายิกทิวสเมว ตตฺถ น คนฺตพฺพํ. วสนฏฺานํ วา หิ ตตฺร สมฺพาธํ ภเวยฺย, ภิกฺขาจาโร วา น สมฺปชฺเชยฺย, เตน น ผาสุกํ วิหเรยฺย, ตสฺมา ‘‘อิทานิ มาสมตฺเตน วสฺสูปนายิกา ภวิสฺสตี’’ติ ตํ วิหารํ ปวิสิตพฺพํ. ตตฺถ มาสมตฺตํ วสนฺโต สเจ อุทฺเทสตฺถิโก, อุทฺเทสสมฺปตฺตึ สลฺลกฺเขตฺวา, สเจ กมฺมฏฺานิโก, กมฺมฏฺานสปฺปายตํ สลฺลกฺเขตฺวา, สเจ ปจฺจยตฺถิโก, ปจฺจยลาภํ สลฺลกฺเขตฺวา อนฺโตวสฺเส สุขํ วสิสฺสติ. สกฏฺานโต จ ตตฺถ คจฺฉนฺเตน น โคจรคาโม ฆฏฺเฏตพฺโพ. น ตตฺถ มนุสฺสา วตฺตพฺพา ‘‘ตุมฺเห นิสฺสาย สลากภตฺตาทีนิ วา ยาคุขชฺชกาทีนิ วา วสฺสาวาสิกํ วา นตฺถิ, อยํ เจติยสฺส ปริกฺขาโร, อยํ อุโปสถาคารสฺส, อิทํ ตาฬฺเจว สูจิ จ, สมฺปฏิจฺฉถ ตุมฺหากํ วิหาร’’นฺติ. เสนาสนํ ปน ชคฺคิตฺวา ทารุภณฺฑมตฺติกาภณฺฑานิ ปฏิสาเมตฺวา คมิกวตฺตํ ปูเรตฺวา คนฺตพฺพํ.

เอวํ คจฺฉนฺเตนปิ ทหเรหิ ปตฺตจีวรภณฺฑิกาโย อุกฺขิปาเปตฺวา เตลนาฬิกตฺตรทณฺฑาทีนิ คาเหตฺวา ฉตฺตํ ปคฺคยฺห อตฺตานํ ทสฺเสนฺเตน คามทฺวาเรเนว น คนฺตพฺพํ, ปฏิจฺฉนฺเนน อฏวิมคฺเคน คนฺตพฺพํ. อฏวิมคฺเค อสติ คุมฺพาทีนิ มทฺทนฺเตน น คนฺตพฺพํ, คมิกวตฺตํ ปน ปูเรตฺวา วิตกฺกํ ฉินฺทิตฺวา สุทฺธจิตฺเตน คมนวตฺเตเนว คนฺตพฺพํ. สเจ ปน คามทฺวาเรน มคฺโค โหติ, คจฺฉนฺตฺจ นํ สปริวารํ ทิสฺวา มนุสฺสา ‘‘อมฺหากํ เถโร วิยา’’ติ อุปธาวิตฺวา ‘‘กุหึ, ภนฺเต, สพฺพปริกฺขาเร คเหตฺวา คจฺฉถา’’ติ วทนฺติ, เตสุ เจ เอโก เอวํ วทติ ‘‘วสฺสูปนายิกกาโล นามายํ, ยตฺถ อนฺโตวสฺเสนิพทฺธภิกฺขาจาโร ภณฺฑปฏิจฺฉาทนฺจ ลพฺภติ, ตตฺถ ภิกฺขู คจฺฉนฺตี’’ติ, ตสฺส เจ สุตฺวา เต มนุสฺสา ‘‘ภนฺเต, อิมสฺมิมฺปิ คาเม ชโน ภุฺชติ เจว นิวาเสติ จ, มา อฺตฺถ คจฺฉถา’’ติ วตฺวา มิตฺตามจฺเจ ปกฺโกสิตฺวา สพฺเพ สมฺมนฺตยิตฺวา วิหาเร นิพทฺธวตฺตฺจ สลากภตฺตาทีนิ จ วสฺสาวาสิกฺจ เปตฺวา ‘‘อิเธว, ภนฺเต, วสถา’’ติ ยาจนฺติ, สพฺเพสํ สาทิตุํ วฏฺฏติ. สพฺพฺเจตํ กปฺปิยฺเจว อนวชฺชฺจ. กุรุนฺทิยํ ปน ‘‘กุหึ คจฺฉถาติ วุตฺเต ‘อสุกฏฺาน’นฺติ วตฺวา ‘กสฺมา ตตฺถ คจฺฉถา’ติ วุตฺเต ‘การณํ อาจิกฺขิตพฺพ’’’นฺติ วุตฺตํ. อุภยมฺปิ ปเนตํ สุทฺธจิตฺตตฺตาว อนวชฺชํ. อิทํ อาคนฺตุกวตฺตํ นาม.

อิทํ ปน อาวาสิกวตฺตํ. ปฏิกจฺเจว หิ อาวาสิเกหิ วิหาโร ชคฺคิตพฺโพ, ขณฺฑผุลฺลปฏิสงฺขรณปริภณฺฑานิ กาตพฺพานิ, รตฺติฏฺานทิวาฏฺานวจฺจกุฏิปสฺสาวฏฺานานิ ปธานฆรวิหารมคฺโคติ อิมานิ สพฺพานิ ปฏิชคฺคิตพฺพานิ. เจติเย สุธากมฺมํ มุณฺฑเวทิกาย เตลมกฺขนํ มฺจปีชคฺคนนฺติ อิทมฺปิ สพฺพํ กาตพฺพํ ‘‘วสฺสํ วสิตุกามา อาคนฺตฺวา อุทฺเทสปริปุจฺฉากมฺมฏฺานานุโยคาทีนิ กโรนฺตา สุขํ วสิสฺสนฺตี’’ติ. กตปริกมฺเมหิ อาสาฬฺหีชุณฺหปฺจมิโต ปฏฺาย วสฺสาวาสิกํ ปุจฺฉิตพฺพํ. กตฺถ ปุจฺฉิตพฺพํ? ยโต ปกติยา ลพฺภติ. เยหิ ปน น ทินฺนปุพฺพํ, เต ปุจฺฉิตุํ น วฏฺฏติ. กสฺมา ปุจฺฉิตพฺพํ? กทาจิ หิ มนุสฺสา เทนฺติ, กทาจิ ทุพฺภิกฺขาทีหิ อุปทฺทุตา น เทนฺติ, ตตฺถ เย น ทสฺสนฺติ, เต อปุจฺฉิตฺวา วสฺสาวาสิเก คาหิเต คาหิตภิกฺขูนํ ลาภนฺตราโย โหติ, ตสฺมา ปุจฺฉิตฺวาว คาเหตพฺพํ.

ปุจฺฉนฺเตน ‘‘ตุมฺหากํ วสฺสาวาสิกํ คาหณกาโล อุปกฏฺโ’’ติ วตฺตพฺพํ. สเจ วทนฺติ ‘‘ภนฺเต, อิมํ สํวจฺฉรํ ฉาตกาทีหิ อุปทฺทุตมฺห, น สกฺโกม ทาตุ’’นฺติ วา ‘‘ยํ ปุพฺเพ เทม, ตโต อูนตรํ ทสฺสามา’’ติ วา ‘‘อิทานิ กปฺปาโส สุลโภ, ยํ ปุพฺเพ เทม, ตโต พหุตรํ ทสฺสามา’’ติ วา, ตํ สลฺลกฺเขตฺวา ตทนุรูเปน นเยน เตสํ เสนาสเน ภิกฺขูนํ วสฺสาวาสิกํ คาเหตพฺพํ. สเจ มนุสฺสา วทนฺติ ‘‘ยสฺส อมฺหากํ วสฺสาวาสิกํ ปาปุณาติ, โส เตมาสํ ปานียํ อุปฏฺาเปตุ, วิหารมคฺคํ ชคฺคตุ, เจติยงฺคณโพธิยงฺคณานิ ชคฺคตุ, โพธิรุกฺเข อุทกํ อาสิฺจตู’’ติ, ยสฺส ตํ ปาปุณาติ, ตสฺส อาจิกฺขิตพฺพํ. โย ปน คาโม ปฏิกฺกมฺม โยชนทฺวิโยชนนฺตเร โหติ, ตตฺร เจ กุลานิ อุปนิกฺเขปํ เปตฺวา ปหาเร วสฺสาวาสิกํ เทนฺติเยว, ตานิ กุลานิ อาปุจฺฉิตฺวาปิ เตสํ เสนาสเน วตฺตํ กตฺวา วสนฺตสฺส วสฺสาวาสิตํ คาเหตพฺพํ. สเจ ปน เตสํ เสนาสเน ปํสุกูลิโก วสติ, อาคตฺจ ตํ ทิสฺวา ‘‘ตุมฺหากํ วสฺสาวาสิกํ เทมา’’ติ วทนฺติ, เตน สงฺฆสฺส อาจิกฺขิตพฺพํ. สเจ ตานิ กุลานิ สงฺฆสฺส ทาตุํ น อิจฺฉนฺติ, ‘‘ตุมฺหากํเยว เทมา’’ติ วทนฺติ, สภาโค ภิกฺขุ ‘‘วตฺตํ กตฺวา คณฺหาหี’’ติ วตฺตพฺโพ. ปํสุกูลิกสฺส ปเนตํ น วฏฺฏติ. อิติ สทฺธาเทยฺยทายกมนุสฺสา ปุจฺฉิตพฺพา.

ตตฺรุปฺปาเท ปน กปฺปิยการกา ปุจฺฉิตพฺพา. กถํ ปุจฺฉิตพฺพา? กึ, อาวุโส, สงฺฆสฺส ภณฺฑปฏิจฺฉาทนํ ภวิสฺสตีติ? สเจ วทนฺติ ‘‘ภวิสฺสติ, ภนฺเต, เอเกกสฺส นวหตฺถสาฏกํ ทสฺสาม, วสฺสาวาสิกํ คาเหถา’’ติ, คาเหตพฺพํ. สเจปิ วทนฺติ ‘‘สาฏกา นตฺถิ, วตฺถุ ปน อตฺถิ, คาเหถ, ภนฺเต’’ติ, วตฺถุมฺหิ สนฺเตปิ คาเหตุํ วฏฺฏติเยว. กปฺปิยการกานฺหิ หตฺเถ ‘‘กปฺปิยภณฺฑํ ปริภุฺชถา’’ติ ทินฺนวตฺถุโต ยํ ยํ กปฺปิยํ, สพฺพํ ปริภุฺชิตุํ อนุฺาตํ. ยํ ปเนตฺถ ปิณฺฑปาตตฺถาย คิลานปจฺจยตฺถาย จ อุทฺทิสฺส ทินฺนํ, ตํ จีวเร อุปนาเมนฺเตหิ สงฺฆสุฏฺุตาย อปโลเกตฺวา อุปนาเมตพฺพํ, เสนาสนตฺถาย ปน อุทฺทิสฺส ทินฺนํ ครุภณฺฑํ โหติ. จีวรวเสเนว ปน จตุปจฺจยวเสน วา ทินฺนํ จีวเร อุปนาเมนฺตานํ อปโลกนกมฺมกิจฺจํ นตฺถิ. อปโลกนกมฺมํ กโรนฺเตหิ จ ปุคฺคลวเสเนว กาตพฺพํ, สงฺฆวเสน น กาตพฺพํ. ชาตรูปรชตวเสนปิ อามกธฺวเสน วา อปโลกนกมฺมํ น วฏฺฏติ, กปฺปิยภณฺฑวเสน จีวรตณฺฑุลาทิวเสเนว จ วฏฺฏติ. ตํ ปน เอวํ กตฺตพฺพํ ‘‘อิทานิ สุภิกฺขํ สุลภปิณฺฑํ, ภิกฺขู จีวเรน กิลมนฺติ, เอตฺตกํ นาม ตณฺฑุลภาคํ ภิกฺขูนํ จีวรํ กาตุํ รุจฺจตี’’ติ, ‘‘คิลานปจฺจโย สุลโภ, คิลาโน วา นตฺถิ, เอตฺตกํ นาม ตณฺฑุลภาคํ ภิกฺขูนํ จีวรํ กาตุํ รุจฺจตี’’ติ.

เอวํ จีวรปจฺจยํ สลฺลกฺเขตฺวา เสนาสนสฺส กาเล โฆสิเต สนฺนิปติเต สงฺเฆ เสนาสนคฺคาหโก สมฺมนฺนิตพฺโพ. สมฺมนฺนนฺเตน จ ทฺเว สมฺมนฺนิตพฺพาติ วุตฺตํ. เอวฺหิ นวโก วุฑฺฒสฺส, วุฑฺโฒ จ นวกสฺส คาเหสฺสตีติ. มหนฺเต ปน มหาวิหารสทิเส วิหาเร ตโย จตฺตาโร ชนา สมฺมนฺนิตพฺพา. กุรุนฺทิยํ ปน ‘‘อฏฺปิ โสฬสปิ ชเน สมฺมนฺนิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. เตสํ สมฺมุติ กมฺมวาจายปิ อปโลกเนนปิ วฏฺฏติเยว. เตหิ สมฺมเตหิ ภิกฺขูหิ เสนาสนํ สลฺลกฺเขตพฺพํ. เจติยฆรํ โพธิฆรํ อาสนฆรํ สมฺมุฺชนิอฏฺโฏ ทารุอฏฺโฏ วจฺจกุฏิ อิฏฺกสาลา วฑฺฒกิสาลา ทฺวารโกฏฺโก ปานียมาโฬ มคฺโค โปกฺขรณีติ เอตานิ หิ อเสนาสนานิ, วิหาโร อฑฺฒโยโค ปาสาโท หมฺมิยํ คุหา มณฺฑโป รุกฺขมูลํ เวฬุคุมฺโพติ อิมานิ เสนาสนานิ, ตานิ คาเหตพฺพานิ.

๒๒๐. คาเหนฺเตน จ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปมํ ภิกฺขู คเณตุํ, ภิกฺขู คเณตฺวา เสยฺยา คเณตุํ, เสยฺยา คเณตฺวา เสยฺยคฺเคน คาเหตุ’’นฺติ(จูฬว. ๓๑๘) อาทิวจนโต ปมํ วิหาเร ภิกฺขู คเณตฺวา มฺจฏฺานานิ คเณตพฺพานิ, ตโต เอเกกํ มฺจฏฺานํ เอเกกสฺส ภิกฺขุโน คาเหตพฺพํ. สเจ มฺจฏฺานานิ อติเรกานิ โหนฺติ, วิหารคฺเคน คาเหตพฺพํ. สเจ วิหาราปิ อติเรกา โหนฺติ, ปริเวณคฺเคน คาเหตพฺพํ. ปริเวเณสุปิ อติเรเกสุ ปุน อปโรปิ ภาโค ทาตพฺโพ. อติมนฺเทสุ หิ ภิกฺขูสุ เอเกกสฺส ภิกฺขุโน ทฺเว ตีณิ ปริเวณานิ ทาตพฺพานิ. คหิเต ปน ทุติยภาเค อฺโ ภิกฺขุ อาคจฺฉติ, น อตฺตโน อรุจิยา โส ภาโค ตสฺส ทาตพฺโพ. สเจ ปน เยน คหิโต, โส อตฺตโน รุจิยา ตํ ทุติยภาคํ วา ปมภาคํ วา เทติ, วฏฺฏติ.

‘‘น, ภิกฺขเว, นิสฺสีเม ิตสฺส เสนาสนํ คาเหตพฺพํ, โย คาเหยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๓๑๘) วจนโต อุปจารสีธโต พหิ ิตสฺส น คาเหตพฺพํ, อนฺโตอุปจารสีมาย ปน ทูเร ิตสฺสปิ ลพฺภติเยว.

‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, คิลานสฺส ปติรูปํ เสยฺยํ ทาตุ’’นฺติ (จูฬว. ๓๑๖) วจนโต โย (จูฬว. อฏฺ. ๓๑๖) กาสสาสภคนฺทราติสาราทีหิ คิลาโน โหติ, เขฬมลฺลกวจฺจกปาลาทีนิ เปตพฺพานิ โหนฺติ, กุฏฺี วา โหติ, เสนาสนํ ทูเสติ, เอวรูปสฺส เหฏฺาปาสาทปณฺณสาลาทีสุ อฺตรํ เอกมนฺตํ เสนาสนํ ทาตพฺพํ. ยสฺมึ วสนฺเต เสนาสนํ น ทุสฺสติ, ตสฺส วรเสยฺยาปิ ทาตพฺพาว. โยปิ สิเนหปานวิเรจนนตฺถุกมฺมาทีสุ ยํ กิฺจิ เภสชฺชํ กโรติ, สพฺโพ โส คิลาโนเยว. ตสฺสปิ สลฺลกฺเขตฺวา ปติรูปํ เสนาสนํ ทาตพฺพํ.

‘‘น, ภิกฺขเว, เอเกน ทฺเว ปฏิพาเหตพฺพา, โย ปฏิพาเหยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๓๑๙) วจนโต เอเกน ทฺเว เสนาสนานิ น คเหตพฺพานิ. สเจปิ คณฺเหยฺย, ปจฺฉิเมน คหเณน ปุริมคฺคหณํ ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. คหเณน หิ คหณํ ปฏิปฺปสฺสมฺภติ, คหเณน อาลโย ปฏิปฺปสฺสมฺภติ, อาลเยน คหณํ ปฏิปฺปสฺสมฺภติ, อาลเยน อาลโย ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. กถํ? อิเธกจฺโจ (จูฬว. อฏฺ. ๓๑๙) วสฺสูปนายิกทิวเส เอกสฺมึ วิหาเร เสนาสนํ คเหตฺวา สามนฺตวิหารํ คนฺตฺวา ตตฺราปิ คณฺหาติ, ตสฺส อิมินา คหเณน ปุริมคฺคหณํ ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. อปโร ‘‘อิธ วสิสฺสามี’’ติ อาลยมตฺตํ กตฺวา สามนฺตวิหารํ คนฺตฺวา ตตฺถ เสนาสนํ คณฺหาติ, ตสฺส อิมินา คหเณเนว ปุริโม อาลโย ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. เอโก ‘‘อิธ วสิสฺสามี’’ติ เสนาสนํ วา คเหตฺวา อาลยํ วา กตฺวา สามนฺตวิหารํ คนฺตฺวา ‘‘อิเธว ทานิ วสิสฺสามี’’ติ อาลยํ กโรติ, อิจฺจสฺส อาลเยน วา คหณํ, อาลเยน วา อาลโย ปฏิปฺปสฺสมฺภติ, สพฺพตฺถ ปจฺฉิเม คหเณ วา อาลเย วา ติฏฺติ. โย ปน เอกสฺมึ วิหาเร เสนาสนํ คเหตฺวา ‘‘อฺสฺมึ วิหาเร วสิสฺสามี’’ติ คจฺฉติ, ตสฺส อุปจารสีมาติกฺกเม เสนาสนคฺคาโห ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. ยทิ ปน ‘‘ตตฺถ ผาสุ ภวิสฺสติ, วสิสฺสามิ, โน เจ, อาคมิสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา อผาสุกภาวํ ตฺวา ปจฺฉา วา คจฺฉติ, วฏฺฏติ.

เสนาสนคฺคาหเกน จ เสนาสนํ คาเหตฺวา วสฺสาวาสิกํ คาเหตพฺพํ. คาเหนฺเตน สเจ สงฺฆิโก จ สทฺธาเทยฺโย จาติ ทฺเว จีวรปจฺจยา โหนฺติ, เตสุ ยํ ภิกฺขู ปมํ คหิตุํ อิจฺฉนฺติ, ตํ คเหตฺวา ตสฺส ิติกโต ปฏฺาย อิตโร คาเหตพฺโพ. ‘‘สเจ ภิกฺขูนํ อปฺปตาย ปริเวณคฺเคน เสนาสเน คาหิยมาเน เอกํ ปริเวณํ มหาลาภํ โหติ, ทส วา ทฺวาทส วา จีวรานิ ลภนฺติ, ตํ วิชเฏตฺวา อฺเสุ อลาภเกสุ อาวาเสสุ ปกฺขิปิตฺวา อฺเสมฺปิ ภิกฺขูนํ คาเหตพฺพ’’นฺติ มหาสุมตฺเถโร อาห. มหาปทุมตฺเถโร ปนาห ‘‘น เอวํ กาตพฺพํ. มนุสฺสา หิ อตฺตโน อาวาสปฏิชคฺคนตฺถาย ปจฺจยํ เทนฺติ, ตสฺมา อฺเหิ ภิกฺขูหิ ตตฺถ ปวิสิตพฺพ’’นฺติ.

๒๒๑. สเจ ปเนตฺถ มหาเถโร ปฏิกฺโกสติ ‘‘มา, อาวุโส, เอวํ คาเหถ, ภควโต อนุสิฏฺึ กโรถ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปริเวณคฺเคน คาเหตุ’’นฺติ (จูฬว. ๓๑๘). ตสฺส ปฏิกฺโกสนาย อฏฺตฺวา ‘‘ภนฺเต, ภิกฺขู พหู, ปจฺจโย มนฺโท, สงฺคหํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ สฺาเปตฺวา คาเหตพฺพเมว. คาเหนฺเตน จ สมฺมเตน ภิกฺขุนา มหาเถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา เอวํ วตฺตพฺพํ ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ เสนาสนํ ปาปุณาติ, ปจฺจยํ ธาเรถา’’ติ. อสุกกุลสฺส ปจฺจโย อสุกเสนาสนฺจ มยฺหํ ปาปุณาติ, อาวุโสติ. ปาปุณาติ ภนฺเต, คณฺหถ นนฺติ. คณฺหามิ, อาวุโสติ. คหิตํ โหติ. ‘‘สเจ ปน ‘คหิตํ โว, ภนฺเต’ติ วุตฺเต ‘คหิตํ เม’ติ วา, ‘คณฺหิสฺสถ, ภนฺเต’ติ วุตฺเต ‘คณฺหิสฺสามี’ติ วา วทติ, อคฺคหิตํ โหตี’’ติ มหาสุมตฺเถโร อาห. มหาปทุมตฺเถโร ปนาห ‘‘อตีตานาคตวจนํ วา โหตุ วตฺตมานวจนํ วา, สตุปฺปาทมตฺตํ อาลยกรณมตฺตเมว เจตฺถ ปมาณํ, ตสฺมา คหิตเมว โหตี’’ติ.

โยปิ ปํสุกูลิโก ภิกฺขุ เสนาสนํ คเหตฺวา ปจฺจยํ วิสฺสชฺเชติ, อยมฺปิ น อฺสฺมึ อาวาเส ปกฺขิปิตพฺโพ, ตสฺมึเยว ปริเวเณ อคฺคิสาลาย วา ทีฆสาลาย วา รุกฺขมูเล วา อฺสฺส คาเหตุํ วฏฺฏติ. ปํสุกูลิโก ‘‘วสามี’’ติ เสนาสนํ ชคฺคิสฺสติ, อิตโร ‘‘ปจฺจยํ คณฺหามี’’ติ เอวํ ทฺวีหิ การเณหิ เสนาสนํ สุชคฺคิตตรํ ภวิสฺสติ. มหาปจฺจริยํ ปน วุตฺตํ ‘‘ปํสุกูลิเก วาสตฺถาย เสนาสนํ คณฺหนฺเต เสนาสนคฺคาหเกน วตฺตพฺพํ, ‘ภนฺเต อิธ ปจฺจโย อตฺถิ, โส กึ กาตพฺโพ’ติ. เตน ‘เหฏฺา อฺํ คาหาเปหี’ติ วตฺตพฺโพ. สเจ ปน กิฺจิ อวตฺวาว วสติ, วุฏฺวสฺสสฺส จ ปาทมูเล เปตฺวา สาฏกํ เทนฺติ, วฏฺฏติ. อถ ‘วสฺสาวาสิกํ เทมา’ติ วทนฺติ, ตสฺมึ เสนาสเน วสฺสํวุฏฺภิกฺขูนํ ปาปุณาตี’’ติ. เยสํ ปน เสนาสนํ นตฺถิ, เกวลํ ปจฺจยเมว เทนฺติ, เตสํ ปจฺจยํ อวสฺสาวาสิกเสนาสเน คาเหตุํ วฏฺฏติ. มนุสฺสา ถูปํ กตฺวา วสฺสาวาสิกํ คาหาเปนฺติ. ถูโป นาม อเสนาสนํ, ตสฺส สมีเป รุกฺเข วา มณฺฑเป วา อุปนิพนฺธิตฺวา คาเหตพฺพํ. เตน ภิกฺขุนา เจติยํ ชคฺคิตพฺพํ. โพธิรุกฺขโพธิฆรอาสนฆรสมฺมุฺชนิอฏฺฏทารุอฏฺฏวจฺจกุฏิทฺวารโกฏฺกปานียกุฏิปานียมาฬกทนฺตกฏฺมาฬเกสุปิ เอเสว นโย. โภชนสาลา ปน เสนาสนเมว, ตสฺมา ตํ เอกสฺส วา พหูนํ วา ปริจฺฉินฺทิตฺวา คาเหตุํ วฏฺฏตีติ สพฺพมิทํ วิตฺถาเรน มหาปจฺจริยํ วุตฺตํ.

เสนาสนคฺคาหเกน ปน ปาฏิปทอรุณโต ปฏฺาย ยาว ปุน อรุณํ น ภิชฺชติ, ตาว คาเหตพฺพํ. อิทฺหิ เสนาสนคฺคาหสฺส เขตฺตํ. สเจ ปาโตว คาภิเต เสนาสเน อฺโ วิตกฺกจาริโก ภิกฺขุ อาคนฺตฺวา เสนาสนํ ยาจติ, ‘‘คหิตํ, ภนฺเต, เสนาสนํ, วสฺสูปคโต สงฺโฆ, รมณีโย วิหาโร, รุกฺขมูลาทีสุ ยตฺถ อิจฺฉถ, ตตฺถ วสถา’’ติ วตฺตพฺโพ. ปจฺฉิมวสฺสูปนายิกทิวเส ปน สเจ กาลํ โฆเสตฺวา สนฺนิปติเต สงฺเฆ โกจิ ทสหตฺถํ วตฺถํ อาหริตฺวา วสฺสาวาสิกํ เทติ, อาคนฺตุโก เจ ภิกฺขุ สงฺฆตฺเถโร โหติ, ตสฺส ทาตพฺพํ. นวโก เจ โหติ, สมฺมเตน ภิกฺขุนา สงฺฆตฺเถโร วตฺตพฺโพ ‘‘สเจ, ภนฺเต, อิจฺฉถ, ปมภาคํ มุฺจิตฺวา อิทํ วตฺถํ คณฺหถา’’ติ, อมุฺจนฺตสฺส น ทาตพฺพํ. สเจ ปน ปุพฺเพ คาหิตํ มุฺจิตฺวา คณฺหาติ, ทาตพฺพํ. เอเตเนว อุปาเยน ทุติยตฺเถรโต ปฏฺาย ปริวตฺเตตฺวา ปตฺตฏฺาเนว อาคนฺตุกสฺส ทาตพฺพํ. สเจ ปน ปมวสฺสูปคตา ทฺเว ตีณิ จตฺตาริ ปฺจ วา วตฺถานิ อลตฺถุํ, ลทฺธํ ลทฺธํ เอเตเนว อุปาเยน วิสฺสชฺชาเปตฺวา ยาว อาคนฺตุกสฺส สมกํ โหติ, ตาว ทาตพฺพํ. เตน สมเก ลทฺเธ อวสิฏฺโ อนุภาโค เถราสเน ทาตพฺโพ. ปจฺจุปฺปนฺเน ลาเภ สติ ิติกาย คาเหตุํ กติกํ กาตุํ วฏฺฏติ.

สเจ ทุพฺภิกฺขํ โหติ, ทฺวีสุปิ วสฺสูปนายิกาสุ วสฺสูปคตา ภิกฺขู ภิกฺขาย กิลมนฺตา ‘‘อาวุโส, อิธ วสนฺตา สพฺเพว กิลมาม, สาธุ วต ทฺเว ภาคา โหม, เยสํ าติปวาริตฏฺานานิ อตฺถิ, เต ตตฺถ วสิตฺวา ปวารณาย อาคนฺตฺวา อตฺตโน ปตฺตํ วสฺสาวาสิกํ คณฺหนฺตู’’ติ วทนฺติ, เตสุ เย ตตฺถ วสิตฺวา ปวารณาย อาคจฺฉนฺติ, เตสํ อปโลเกตฺวา วสฺสาวาสิกํ ทาตพฺพํ. สาทิยนฺตาปิ หิ เตเนว วสฺสาวาสิกสฺส สามิโน, ขียนฺตาปิ จ อาวาสิกา เนว อทาตุํ ลภนฺติ. กุรุนฺทิยํ ปน วุตฺตํ ‘‘กติกวตฺตํ กาตพฺพํ ‘สพฺเพสํ โน อิธ ยาคุภตฺตํ นปฺปโหติ, สภาคฏฺาเน วสิตฺวา อาคจฺฉถ, ตุมฺหากํ ปตฺตํ วสฺสาวาสิกํ ลภิสฺสถา’ติ. ตฺเจ เอโก ปฏิพาหติ, สุปฏิพาหิตํ. โน เจ ปฏิพาหติ, กติกา สุกตา. ปจฺฉา เตสํ ตตฺถ วสิตฺวา อาคตานํ อปโลเกตฺวา ทาตพฺพํ, อปโลกนกาเล ปฏิพาหิตุํ น ลพฺภตี’’ติ. ปุนปิ วุตฺตํ ‘‘สเจ วสฺสูปคเตสุ เอกจฺจานํ วสฺสาวาสิเก อปาปุณนฺเต ภิกฺขู กติกํ กโรนฺติ ‘ฉินฺนวสฺสานํ วสฺสาวาสิกฺจ อิทานิ อุปฺปชฺชนกวสฺสาวาสิกฺจ อิเมสํ ทาตุํ รุจฺจตี’ติ, เอวํ กติกาย กตาย คาหิตสทิสเมว โหติ, อุปฺปนฺนุปฺปนฺนํ เตสเมว ทาตพฺพ’’นฺติ. เตมาสํ ปานียํ อุปฏฺาเปตฺวา วิหารมคฺคเจติยงฺคณโพธิยงฺคณานิ ชคฺคิตฺวา โพธิรุกฺเข อุทกํ สิฺจิตฺวา ปกฺกนฺโตปิ วิพฺภนฺโตปิ วสฺสาวาสิกํ ลภติเยว. ภตินิวิฏฺฺหิ เตน กตํ, สงฺฆิกํ ปน อปโลกนกมฺมํ กตฺวา คาหิตํ อนฺโตวสฺเส วิพฺภนฺโตปิ ลภเตว, ปจฺจยวเสน คาหิตํ ปน น ลภตีติ วทนฺติ.

สเจ วุฏฺวสฺโส ทิสํคมิโก ภิกฺขุ อาวาสิกสฺส หตฺถโต กิฺจิเทว กปฺปิยภณฺฑํ คเหตฺวา ‘‘อสุกกุเล มยฺหํ วสฺสาวาสิกํ ปตฺตํ, ตํ คณฺหถา’’ติ วตฺวา คตฏฺาเน วิพฺภมติ, วสฺสาวาสิกํ สงฺฆิกํ โหติ. สเจ ปน มนุสฺเส สมฺมุขา สมฺปฏิจฺฉาเปตฺวา คจฺฉติ, ลภติ. ‘‘อิทํ วสฺสาวาสิกํ อมฺหากํ เสนาสเน วุตฺถภิกฺขุโน เทมา’’ติ วุตฺเต ยสฺส คาหิตํ, ตสฺเสว โหติ. สเจ ปน เสนาสนสามิกสฺส ปิยกมฺยตาย ปุตฺตธีตาทโย พหูนิ วตฺถานิ อาหริตฺวา ‘‘อมฺหากํ เสนาสเน เทมา’’ติ เทนฺติ, ตตฺถ วสฺสูปคตสฺส เอกเมว วตฺถํ ทาตพฺพํ, เสสานิ สงฺฆิกานิ โหนฺติ. วสฺสาวาสิกิติกาย คาเหตพฺพานิ, ิติกาย อสติ เถราสนโต ปฏฺาย คาเหตพฺพานิ. เสนาสเน วสฺสูปคตํ ภิกฺขุํ นิสฺสาย อุปฺปนฺเนน จิตฺตปฺปสาเทน พหูนิ วตฺถานิ อาหริตฺวา ‘‘เสนาสนสฺส เทมา’’ติ ทินฺเนสุปิ เอเสว นโย. สเจ ปน ปาทมูเล เปตฺวา ‘‘เอตสฺส ภิกฺขุโน เทมา’’ติ วทนฺติ, ตสฺเสว โหนฺติ.

เอกสฺส เคเห ทฺเว วสฺสาวาสิกานิ, ปมภาโค สามเณรสฺส คาหิโต โหติ, ทุติโย เถราสเน. โส เอกํ ทสหตฺถํ, เอกํ อฏฺหตฺถํ สาฏกํ เปเสติ ‘‘วสฺสาวาสิกํ ปตฺตภิกฺขูนํ เทถา’’ติ, วิจินิตฺวา วรภาคํ สามเณรสฺส ทตฺวา อนุภาโค เถราสเน ทาตพฺโพ . สเจ ปน อุโภปิ ฆรํ เนตฺวา โภเชตฺวา สยเมว ปาทมูเล เปติ, ยํ ยสฺส ทินฺนํ, ตเทว ตสฺส โหติ. อิโต ปรํ มหาปจฺจริยํ อาคตนโย โหติ – เอกสฺส ฆเร ทหรสามเณรสฺส วสฺสาวาสิกํ ปาปุณาติ, โส เจ ปุจฺฉติ ‘‘อมฺหากํ วสฺสาวาสิกํ กสฺส ปตฺต’’นฺติ, ‘‘สามเณรสฺสา’’ติ อวตฺวา ‘‘ทานกาเล ชานิสฺสสี’’ติ วตฺวา ทานทิวเส เอกํ มหาเถรํ เปเสตฺวา นีหราเปตพฺพํ. สเจ ยสฺส วสฺสาวาสิกํ ปตฺตํ, โส วิพฺภมติ วา กาลํ วา กโรติ, มนุสฺสา เจ ปุจฺฉนฺติ ‘‘กสฺส อมฺหากํ วสฺสาวาสิกํ ปตฺต’’นฺติ, เตสํ ยถาภูตํ อาจิกฺขิตพฺพํ. สเจ เต วทนฺติ ‘‘ตุมฺหากํ เทมา’’ติ, ตสฺส ภิกฺขุโน ปาปุณาติ. อถ สงฺฆสฺส วา คณสฺส วา เทนฺติ, สงฺฆสฺส วา คณสฺส วา ปาปุณาติ. สเจ วสฺสูปคตา สุทฺธปํสุกูลิกาเยว โหนฺติ, อาเนตฺวา ทินฺนํ วสฺสาวาสิกํ เสนาสนปริกฺขารํ วา กตฺวา เปตพฺพํ, พิมฺโพหนาทีนิ วา กาตพฺพานีติ.

อยํ ตาว อนฺโตวสฺเส วสฺสูปนายิกทิวสวเสน

เสนาสนคฺคาหกถา.

๒๒๒. อยมปโรปิ อุตุกาเล อนฺตรามุตฺตโก นาม เสนาสนคฺคาโห เวทิตพฺโพ. ทิวสวเสน หิ ติวิโธ เสนาสนคฺคาโห ปุริมโก ปจฺฉิมโก อนฺตรามุตฺตโกติ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘ตโยเม, ภิกฺขเว, เสนาสนคฺคาหา, ปุริมโก ปจฺฉิมโก อนฺตรามุตฺตโก. อปรชฺชุคตาย อาสาฬฺหิยา ปุริมโก คาเหตพฺโพ, มาสคตาย อาสาฬฺหิยา ปจฺฉิมโก คาเหตพฺโพ, อปรชฺชุคตาย ปวารณาย อายตึ วสฺสาวาสตฺถาย อนฺตรามุตฺตโก คาเหตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๓๑๘).

เอเตสุ (จูฬว. อฏฺ. ๓๑๘) ตีสุ เสนาสนคฺคาเหสุ ปุริมโก ปจฺฉิมโก จาติ อิเม ทฺเว คาหา ถาวรา, อนฺตรามุตฺตโก ปน เสนาสนปฏิชคฺคนตฺถํ ภควตา อนุฺาโต. ตถา หิ เอกสฺมึ วิหาเร มหาลาภํ เสนาสนํ โหติ, เสนาสนสามิกา วสฺสูปคตํ ภิกฺขุํ สพฺพปจฺจเยหิ สกฺกจฺจํ อุปฏฺหิตฺวา ปวาเรตฺวา คมนกาเล พหุํ สมณปริกฺขารํ เทนฺติ, มหาเถรา ทูรโตว อาคนฺตฺวา วสฺสูปนายิกทิวเส ตํ คเหตฺวา ผาสุํ วสิตฺวา วุฏฺวสฺสา ลาภํ คณฺหิตฺวา ปกฺกมนฺติ. อาวาสิกา ‘‘มยํ เอตฺถุปฺปนฺนํ ลาภํ น ลภาม, นิจฺจํ อาคนฺตุกมหาเถราว ลภนฺติ, เตเยว นํ อาคนฺตฺวา ปฏิชคฺคิสฺสนฺตี’’ติ ปลุชฺชนฺตมฺปิ น โอโลเกนฺติ. ภควา ตสฺส ปฏิชคฺคนตฺถํ ‘‘อปรชฺชุคตาย ปวารณาย อายตึ วสฺสาวาสตฺถาย อนฺตรามุตฺตโก คาเหตพฺโพ’’ติ อาห.

ตํ คาเหนฺเตน สงฺฆตฺเถโร วตฺตพฺโพ ‘‘ภนฺเต, อนฺตรามุตฺตกเสนาสนํ คณฺหถา’’ติ. สเจ คณฺหาติ , ทาตพฺพํ. โน เจ, เอเตเนว อุปาเยน อนุเถรํ อาทึ กตฺวา โย คณฺหาติ, ตสฺส อนฺตมโส สามเณรสฺสปิ ทาตพฺพํ. เตน ตํ เสนาสนํ อฏฺ มาเส ปฏิชคฺคิตพฺพํ, ฉทนภิตฺติภูมีสุ ยํ กิฺจิ ขณฺฑํ วา ผุลฺลํ วา โหติ, ตํ สพฺพํ ปฏิสงฺขริตพฺพํ. อุทฺเทสปริปุจฺฉาทีหิ ทิวสํ เขเปตฺวา รตฺตึ ตตฺถ วสิตุํ วฏฺฏติ, รตฺตึ ปริเวเณ วสิตฺวา ตตฺถ ทิวสํ เขเปตุมฺปิ วฏฺฏติ, รตฺตินฺทิวํ ตตฺเถว วสิตุมฺปิ วฏฺฏติ, อุตุกาเล อาคตานํ วุฑฺฒานํ น ปฏิพาหิตพฺพํ. วสฺสูปนายิกทิวเส ปน สมฺปตฺเต สเจ สงฺฆตฺเถโร ‘‘มยฺหํ อิทํ ปน เสนาสนํ เทถา’’ติ วทติ, น ลภติ. ‘‘ภนฺเต, อิทํ อนฺตรามุตฺตกํ คเหตฺวา เอเกน ภิกฺขุนา ปฏิชคฺคิต’’นฺติ วตฺวา น ทาตพฺพํ, อฏฺ มาเส ปฏิชคฺคิตภิกฺขุสฺเสว คาหิตํ โหติ. ยสฺมึ ปน เสนาสเน เอกสํวจฺฉเร ทฺวิกฺขตฺตุํ ปจฺจเย เทนฺติ ฉมาสจฺจเยน ฉมาสจฺจเยน, ตํ อนฺตรามุตฺตกํ น คาเหตพฺพํ. ยสฺมึ วา ติกฺขตฺตุํ เทนฺติ จตุมาสจฺจเยน จตุมาสจฺจเยน, ยสฺมึ วา จตุกฺขตฺตุํ เทนฺติ เตมาสจฺจเยน เตมาสจฺจเยน, ตํ อนฺตรามุตฺตกํ น คาเหตพฺพํ. ปจฺจเยเนว หิ ตํ ปฏิชคฺคนํ ลภิสฺสติ. ยสฺมึ ปน เอกสํวจฺฉเร สกิเทว พหู ปจฺจเย เทนฺติ, เอตํ อนฺตรามุตฺตกํ คาเหตพฺพนฺติ.

๒๒๓. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อกตํ วา วิหารํ วิปฺปกตํ วา นวกมฺมํ ทาตุํ, ขุทฺทเก วิหาเร กมฺมํ โอโลเกตฺวา ฉปฺปฺจวสฺสิกํ นวกมฺมํ ทาตุํ, อฑฺฒโยเค กมฺมํ โอโลเกตฺวา สตฺตฏฺวสฺสิกํ นวกมฺมํ ทาตุํ, มหลฺลเก วิหาเร ปาสาเท วา กมฺมํ โอโลเกตฺวา ทสทฺวาทสวสฺสิกํ นวกมฺมํ ทาตุ’’นฺติ (จูฬว. ๓๒๓) วจนโต อกตํ วิปฺปกตํ วา เสนาสนํ เอกสฺส ภิกฺขุโน อปโลกเนน วา กมฺมวาจาย วา สาเวตฺวา นวกมฺมํ กตฺวา วสิตุํ ยถาวุตฺตกาลปริจฺเฉทวเสน ทาตพฺพํ. นวกมฺมิโก ภิกฺขุ อนฺโตวสฺเส ตํ อาวาสํ ลภติ, อุตุกาเล ปฏิพาหิตุํ น ลภติ. ลทฺธนวกมฺเมน ปน ภิกฺขุนา วาสิผรสุนิขาทนาทีนิ คเหตฺวา สยํ น กาตพฺพํ, กตากตํ ชานิตพฺพํ. สเจ โส อาวาโส ชีรติ, อาวาสสามิกสฺส วา ตสฺส วํเส อุปฺปนฺนสฺส วา กสฺสจิ กเถตพฺพํ ‘‘อาวาโส เต นสฺสติ, ชคฺคถ เอตํ อาวาส’’นฺติ. สเจ โส น สกฺโกติ, ภิกฺขูหิ าตีหิ วา อุปฏฺาเกหิ วา สมาทาเปตฺวา ชคฺคิตพฺโพ. สเจ เตปิ น สกฺโกนฺติ, สงฺฆิเกน ปจฺจเยน ชคฺคิตพฺโพ, ตสฺมิมฺปิ อสติ เอกํ อาวาสํ วิสฺสชฺเชตฺวา อวเสสา ชคฺคิตพฺพา, พหู วิสฺสชฺเชตฺวา เอกํ สณฺเปตุมฺปิ วฏฺฏติเยว.

ทุพฺภิกฺเข ภิกฺขูสุ ปกฺกนฺเตสุ สพฺเพ อาวาสา นสฺสนฺติ, ตสฺมา เอกํ วา ทฺเว วา ตโย วา อาวาเส วิสฺสชฺเชตฺวา ตโต ยาคุภตฺตจีวราทีนิ ปริภุฺชนฺเตหิ เสสาวาสา ชคฺคิตพฺพาเยว.

กุรุนฺทิยํ ปน วุตฺตํ ‘‘สงฺฆิเก ปจฺจเย อสติ เอโก ภิกฺขุ ‘ตุยฺหํ เอกมฺจฏฺานํ คเหตฺวา ชคฺคาหี’ติ วตฺตพฺโพ. สเจ พหุตรํ อิจฺฉติ, ติภาคํ วา อุปฑฺฒภาคํ วา ทตฺวาปิ ชคฺคาเปตพฺพํ. อถ ถมฺภมตฺตเมเวตฺถ อวสิฏฺํ, พหุกมฺมํ กาตพฺพนฺติ น อิจฺฉติ, ‘ตุยฺหํ ปุคฺคลิกเมว กตฺวา ชคฺคาหี’ติ ทาตพฺพํ. เอวมฺปิ หิ ‘สงฺฆสฺส ภณฺฑกปนฏฺานฺจ นวกานฺจ วสนฏฺานํ ลภิสฺสตี’ติ ชคฺคาเปตพฺโพ. เอวํ ชคฺคิโต ปน ตสฺมึ ชีวนฺเต ปุคฺคลิโก โหติ, มเต สงฺฆิโกว. สเจ สทฺธิวิหาริกานํ ทาตุกาโม โหติ, กมฺมํ โอโลเกตฺวา ติภาคํ วา อุปฑฺฒํ วา ปุคฺคลิกํ กตฺวา ชคฺคาเปตพฺโพ. เอวฺหิ สทฺธิวิหาริกานํ ทาตุํ ลภติ. เอวํ ชคฺคนเก ปน อสติ เอกํ อาวาสํ วิสฺสชฺเชตฺวาติอาทินา นเยน ชคฺคาเปตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. อิทมฺปิ จ อฺํ ตตฺเถว วุตฺตํ.

ทฺเว ภิกฺขู สงฺฆิกภูมึ คเหตฺวา โสเธตฺวา สงฺฆิกเสนาสนํ กโรนฺติ, เยน สา ภูมิ ปมํ คหิตา, โส สามี. อุโภปิ ปุคฺคลิกํ กโรนฺติ, โสเยว สามี. โส สงฺฆิกํ กโรติ, อิตโร ปุคฺคลิกํ กโรติ, อฺํ เจ พหุ เสนาสนฏฺานํ อตฺถิ, ปุคฺคลิกํ กโรนฺโตปิ น วาเรตพฺโพ. อฺสฺมึ ปน ตาทิเส ปติรูเป าเน อสติ ตํ ปฏิพาหิตฺวา สงฺฆิกํ กโรนฺเตเนว กาตพฺพํ. ยํ ปน ตสฺส ตตฺถ วยกมฺมํ กตํ, ตํ ทาตพฺพํ. สเจ ปน กตาวาเส วา อาวาสกรณฏฺาเน วา ฉายูปคผลูปคา รุกฺขา โหนฺติ, อปโลเกตฺวา หาเรตพฺพา. ปุคฺคลิกา เจ โหนฺติ, สามิกา อาปุจฺฉิตพฺพา. โน เจ เทนฺติ, ยาวตติยกํ อาปุจฺฉิตฺวา ‘‘รุกฺขอคฺฆนกมูลํ ทสฺสามา’’ติ หาเรตพฺพา.

๒๒๔. โย ปน สงฺฆิกํ วลฺลิมตฺตมฺปิ อคฺคเหตฺวา อาหริเมน อุปกรเณน สงฺฆิกาย ภูมิยา ปุคฺคลิกวิหารํ กาเรติ, อุปฑฺฒํ สงฺฆิกํ โหติ, อุปฑฺฒํ ปุคฺคลิกํ. ปาสาโท เจ โหติ, เหฏฺาปาสาโท สงฺฆิโก, อุปริ ปุคฺคลิโก. สเจ โย เหฏฺาปาสาทํ อิจฺฉติ, เหฏฺาปาสาทํ ตสฺส โหติ. อถ เหฏฺา จ อุปริ จ อิจฺฉติ, อุภยตฺถ อุปฑฺฒํ ลภติ. ทฺเว เสนาสนานิ กาเรติ, เอกํ สงฺฆิกํ, เอกํ ปุคฺคลิกํ. สเจ วิหาเร อุฏฺิเตน ทพฺพสมฺภาเรน กาเรติ, ติภาคํ ลภติ. สเจ อกตฏฺาเน จยํ วา ปมุขํ วา กโรติ พหิกุฏฺเฏ, อุปฑฺฒํ สงฺฆสฺส, อุปฑฺฒํ ตสฺส. อถ มหนฺตํ วิสมํ ปูเรตฺวา อปเท ปทํ ทสฺเสตฺวา กตํ โหติ, อนิสฺสโร ตตฺถ สงฺโฆ.

สเจ ภิกฺขุ สงฺฆิกวิหารโต โคปานสิอาทีนิ คเหตฺวา อฺสฺมึ สงฺฆิกาวาเส โยเชติ, สุโยชิตานิ. ปุคฺคลิกาวาเส โยเชนฺเตหิ ปน มูลํ วา ทาตพฺพํ, ปฏิปากติกํ วา กาตพฺพํ. ฉฑฺฑิตวิหารโต มฺจปีาทีนิ เถยฺยจิตฺเตน คณฺหนฺโต อุทฺธาเรเยว ภณฺฑคฺเฆน กาเรตพฺโพ. ‘‘ปุน อาวาสิกกาเล ทสฺสามี’’ติ คเหตฺวา สงฺฆิกปริโภเคน ปริภุฺชนฺตสฺส นฏฺํ สุนฏฺํ, ชิณฺณํ สุชิณฺณํ. อโรคํ เจ, ปากติกํ กาตพฺพํ, ปุคฺคลิกปริโภเคน ปริภุฺชนฺตสฺส นฏฺํ วา ชิณฺณํ วา คีวา โหติ. ตโต ทฺวารวาตปานาทีนิ สงฺฆิกาวาเส วา ปุคฺคลิกาวาเส วา โยชิตานิ, ปฏิทาตพฺพานิเยว. สเจ โกจิ สงฺฆิโก วิหาโร อุนฺทฺริยติ, ยํ ตตฺถ มฺจปีาทิกํ, ตํ คุตฺตตฺถาย อฺตฺร หริตุํ วฏฺฏติ. ตสฺมา อฺตฺร หริตฺวา สงฺฆิกปริโภเคน ปริภุฺชนฺตสฺส นฏฺํ สุนฏฺํ, ชิณฺณํ สุชิณฺณํ. สเจ อโรคํ, ตสฺมึ วิหาเร ปฏิสงฺขเต ปุน ปากติกํ กาตพฺพํ. ปุคฺคลิกปริโภเคน ปริภุฺชโต นฏฺํ วา ชิณฺณํ วา คีวา โหติ, ตสฺมึ ปฏิสงฺขเต ทาตพฺพเมว. อยํ เสนาสนคฺคาหกถา.

๒๒๕. อยํ ปเนตฺถ จตุปจฺจยสาธารณกถา (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๕ ปกฺขิกภตฺตาทิกถา) – สมฺมเตน อปฺปมตฺตกวิสฺสชฺชเกน ภิกฺขุนา จีวรกมฺมํ กโรนฺตสฺส ‘‘สูจึ เทหี’’ติ วทโต เอกา ทีฆา, เอกา รสฺสาติ ทฺเว สูจิโย ทาตพฺพา. ‘‘อวิภตฺตํ สงฺฆิกภณฺฑ’’นฺติ ปุจฺฉิตพฺพกิจฺจํ นตฺถิ. ปิปฺผลตฺถิกสฺส เอโก ปิปฺผลโก, กนฺตารํ ปฏิปชฺชิตุกามสฺส อุปาหนยุคฬํ, กายพนฺธนตฺถิกสฺส กายพนฺธนํ, ‘‘อํสพทฺธโก เม ชิณฺโณ’’ติ อาคตสฺส อํสพทฺธโก, ปริสฺสาวนตฺถิกสฺส ปริสฺสาวนํ ทาตพฺพํ, ธมฺมกรณตฺถิกสฺส ธมฺมกรโณ. สเจ ปฏฺฏโก น โหติ, ธมฺมกรโณ ปฏฺฏเกน สทฺธึ ทาตพฺโพ. ‘‘อาคนฺตุกปตฺตํ อาโรเปสฺสามี’’ติ ยาจนฺตสฺส กุสิยา จ อฑฺฒกุสิยา จ ปโหนกํ ทาตพฺพํ. ‘‘มณฺฑลํ นปฺปโหตี’’ติ อาคตสฺส มณฺฑลํ เอกํ ทาตพฺพํ, อฑฺฒมณฺฑลานิ ทฺเว ทาตพฺพานิ, ทฺเว มณฺฑลานิ ยาจนฺตสฺส น ทาตพฺพานิ. อนุวาตปริภณฺฑตฺถิกสฺส เอกสฺส จีวรสฺส ปโหนกํ ทาตพฺพํ, สปฺปินวนีตาทิอตฺถิกสฺส คิลานสฺส เอกํ เภสชฺชํ นาฬิมตฺตํ กตฺวา ตโต ตติยโกฏฺาโส ทาตพฺโพ. เอวํ ตีณิ ทิวสานิ ทตฺวา นาฬิยา ปริปุณฺณาย จตุตฺถทิวสโต ปฏฺาย สงฺฆํ อาปุจฺฉิตฺวา ทาตพฺพํ, คุฬปิณฺเฑปิ เอกทิวสํ ตติยภาโค ทาตพฺโพ. เอวํ ตีหิ ทิวเสหิ นิฏฺิเต ปิณฺเฑ ตโต ปรํ สงฺฆํ อาปุจฺฉิตฺวา ทาตพฺพํ. สมฺมนฺนิตฺวา ปิตยาคุภาชกาทีหิ จ ภาชนียฏฺานํ อาคตมนุสฺสานํ อนาปุจฺฉิตฺวาว อุปฑฺฒภาโค ทาตพฺโพ. อสมฺมเตหิ ปน อปโลเกตฺวา ทาตพฺโพติ.

สงฺฆสฺส สนฺตกํ สมฺมเตน วา อาณตฺเตหิ วา อารามิกาทีหิ ทียมานํ, คิหีนฺจ สนฺตกํ สามิเกน วา อาณตฺเตน วา ทียมานํ ‘‘อปรสฺส ภาคํ เทหี’’ติ อสนฺตํ ปุคฺคลํ วตฺวา คณฺหโต ภณฺฑาเทยฺยํ. อฺเน ทียมานํ คณฺหนฺโต ภณฺฑคฺเฆน กาเรตพฺโพ. อสมฺมเตน วา อนาณตฺเตน วา ทียมาเน ‘‘อปรมฺปิ ภาคํ เทหี’’ติ วตฺวา วา กูฏวสฺสานิ คเณตฺวา วา คณฺหนฺโต อุทฺธาเรเยว ภณฺฑคฺเฆน กาเรตพฺโพ. อิตเรหิ ทียมานํ เอวํ คณฺหโต ภณฺฑาเทยฺยํ สามิเกน ปน ‘‘อิมสฺส เทหี’’ติ ทาปิตํ วา สยํ ทินฺนํ วา สุทินฺนนฺติ อยํ สพฺพฏฺกถาวินิจฺฉยโต สาโร.

ปิณฺฑาย ปวิฏฺสฺสปิ โอทนปฏิวีโส อนฺโตอุปจารสีมายํ ิตสฺเสว คเหตุํ วฏฺฏติ. ยทิ ปน ทายกา ‘‘พหิอุปจารสีมฏฺานมฺปิ, ภนฺเต, คณฺหถ, อาคนฺตฺวา ปริภุฺชิสฺสนฺตี’’ติ วทนฺติ, เอวํ อนฺโตคามฏฺานมฺปิ คเหตุํ วฏฺฏติ.

ปาฬึ อฏฺกถฺเจว, โอโลเกตฺวา วิจกฺขโณ;

สงฺฆิเก ปจฺจเย เอวํ, อปฺปมตฺโตว ภาชเยติ.

อิติ ปาฬิมุตฺตกวินยวินิจฺฉยสงฺคเห สพฺพาการโต

จตุปจฺจยภาชนียวินิจฺฉยกถา สมตฺตา.