📜

๓. เภสชฺชาทิกรณวินิจฺฉยกถา

๑๕. เภสชฺชกรณปริตฺตปฏิสนฺถาเรสุ ปน เภสชฺชกรเณ ตาว อยํ วินิจฺฉโย (ปารา. อฏฺ. ๒.๑๘๕-๗) – อาคตาคตสฺส ปรชนสฺส เภสชฺชํ น กาตพฺพํ, กโรนฺโต ทุกฺกฏํ อาปชฺชติ. ปฺจนฺนํ ปน สหธมฺมิกานํ กาตพฺพํ ภิกฺขุสฺส ภิกฺขุนิยา สิกฺขมานาย สามเณรสฺส สามเณริยาติ. สมสีลสทฺธาปฺานฺหิ เอเตสํ ตีสุ สิกฺขาสุ ยุตฺตานํ เภสชฺชํ อกาตุํ น ลพฺภติ. กโรนฺเตน จ สเจ เตสํ อตฺถิ, เตสํ สนฺตกํ คเหตฺวา โยเชตฺวา ทาตพฺพํ, สเจ นตฺถิ, อตฺตโน สนฺตกํ กาตพฺพํ. สเจ อตฺตโนปิ นตฺถิ, ภิกฺขาจารวตฺเตน วา าตกปวาริตฏฺานโต วา ปริเยสิตพฺพํ, อลภนฺเตน คิลานสฺส อตฺถาย อกตวิฺตฺติยาปิ อาหริตฺวา กาตพฺพํ.

๑๖. อปเรสมฺปิ ปฺจนฺนํ กาตุํ วฏฺฏติ มาตุ ปิตุ ตทุปฏฺากานํ อตฺตโน เวยฺยาวจฺจกรสฺส ปณฺฑุปลาสสฺส จาติ. ปณฺฑุปลาโส นาม โย ปพฺพชฺชาเปกฺโข ยาว ปตฺตจีวรํ ปฏิยาทิยติ, ตาว วิหาเร วสติ. เตสุ สเจ มาตาปิตโร อิสฺสรา โหนฺติ น ปจฺจาสีสนฺติ, อกาตุํ วฏฺฏติ. สเจ ปน รชฺเชปิ ิตา ปจฺจาสีสนฺติ, อกาตุํ น วฏฺฏติ. เภสชฺชํ ปจฺจาสีสนฺตานํ เภสชฺชํ ทาตพฺพํ, โยเชตุํ อชานนฺตานํ โยเชตฺวา ทาตพฺพํ. สพฺเพสํ อตฺถาย สหธมฺมิเกสุ วุตฺตนเยเนว ปริเยสิตพฺพํ. สเจ ปน มาตรํ วิหารํ อาเนตฺวา ชคฺคติ, สพฺพํ ปริกมฺมํ อนามสนฺเตน กาตพฺพํ, ขาทนียโภชนียํ สหตฺถา ทาตพฺพํ. ปิตา ปน ยถา สามเณโร, เอวํ สหตฺเถน นฺหาปนสมฺพาหนาทีนิ กตฺวา อุปฏฺาตพฺโพ. เย จ มาตาปิตโร อุปฏฺหนฺติ ปฏิชคฺคนฺติ, เตสมฺปิ เอวเมว กาตพฺพํ. เวยฺยาวจฺจกโร นาม โย เวตนํ คเหตฺวา อรฺเ ทารูนิ วา ฉินฺทติ, อฺํ วา กิฺจิ กมฺมํ กโรติ, ตสฺส โรเค อุปฺปนฺเน ยาว าตกา น ปสฺสนฺติ, ตาว เภสชฺชํ กาตพฺพํ. โย ปน ภิกฺขุนิสฺสิตโกว หุตฺวา สพฺพกมฺมานิ กโรติ, ตสฺส เภสชฺชํ กาตพฺพเมว. ปณฺฑุปลาเสปิ สามเณเร วิย ปฏิปชฺชิตพฺพํ.

๑๗. อปเรสมฺปิ ทสนฺนํ กาตุํ วฏฺฏติ เชฏฺภาตุ กนิฏฺภาตุ เชฏฺภคินิยา กนิฏฺภคินิยา จูฬมาตุยา มหามาตุยา จูฬปิตุโน มหาปิตุโน ปิตุจฺฉาย มาตุลสฺสาติ. เตสํ ปน สพฺเพสมฺปิ กโรนฺเตน เตสํเยว สนฺตกํ เภสชฺชํ คเหตฺวา เกวลํ โยเชตฺวา ทาตพฺพํ. สเจ ปน นปฺปโหนฺติ ยาจนฺติ จ ‘‘เทถ โน, ภนฺเต, ตุมฺหากํ ปฏิทสฺสามา’’ติ, ตาวกาลิกํ ทาตพฺพํ. สเจปิ น ยาจนฺติ, ‘‘อมฺหากํ เภสชฺชํ อตฺถิ, ตาวกาลิกํ คณฺหถา’’ติ วตฺวา วา ‘‘ยทา เตสํ ภวิสฺสติ, ตทา ทสฺสนฺตี’’ติ อาโภคํ วา กตฺวา ทาตพฺพํ. สเจ ปฏิเทนฺติ, คเหตพฺพํ. โน เจ เทนฺติ, น โจเทตพฺพา. เอเต ทส าตเก เปตฺวา อฺเสํ น กาตพฺพํ.

เอเตสํ ปุตฺตปรมฺปราย ปน ยาว สตฺตมา กุลปริวฏฺฏา, ตาว จตฺตาโร ปจฺจเย อาหราเปนฺตสฺส อกตวิฺตฺติ วา เภสชฺชํ กโรนฺตสฺส เวชฺชกมฺมํ วา กุลทูสกาปตฺติ วา น โหติ. สเจ ภาตุ ชายา, ภคินิยา สามิโก วา คิลาโน โหติ, าตกา เจ, เตสมฺปิ วฏฺฏติ. อฺาตกา เจ, ภาตุ จ ภคินิยา จ กตฺวา ทาตพฺพํ ‘‘ตุมฺหากํ ชคฺคนฏฺาเน เทถา’’ติ. อถ วา เตสํ ปุตฺตานํ กตฺวา ทาตพฺพํ ‘‘ตุมฺหากํ มาตาปิตูนํ เทถา’’ติ. เอเตนุปาเยน สพฺพปเทสุ วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ.

เตสํ อตฺถาย จ สามเณเรหิ อรฺโต เภสชฺชํ อาหราเปนฺเตน าติสามเณเรหิ วา อาหราเปตพฺพํ, อฺาตเกหิ อตฺตโน อตฺถาย วา อาหราเปตฺวา ทาตพฺพํ. เตหิปิ ‘‘อุปชฺฌายสฺส อาหรามา’’ติ วตฺตสีเสน อาหริตพฺพํ. อุปชฺฌายสฺส มาตาปิตโร คิลานา วิหารํ อาคจฺฉนฺติ, อุปชฺฌาโย จ ทิสาปกฺกนฺโต โหติ, สทฺธิวิหาริเกน อุปชฺฌายสฺส สนฺตกํ เภสชฺชํ ทาตพฺพํ. โน เจ อตฺถิ, อตฺตโน เภสชฺชํ อุปชฺฌายสฺส ปริจฺจชิตฺวา ทาตพฺพํ. อตฺตโนปิ อสนฺเต วุตฺตนเยเนว ปริเยสิตฺวา อุปชฺฌายสฺส สนฺตกํ กตฺวา ทาตพฺพํ. อุปชฺฌาเยนปิ สทฺธิวิหาริกสฺส มาตาปิตูสุ เอวเมว ปฏิปชฺชิตพฺพํ. เอเสว นโย อาจริยนฺเตวาสิเกสุปิ. อฺโปิ โย อาคนฺตุโก วา โจโร วา ยุทฺธปราชิโต อิสฺสโร วา าตเกหิ ปริจฺจตฺโต กปโณ วา คมิยมนุสฺโส วา คิลาโน หุตฺวา วิหารํ ปวิสติ, สพฺเพสํ อปจฺจาสีสนฺเตน เภสชฺชํ กาตพฺพํ.

๑๘. สทฺธํ กุลํ โหติ จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺายกํ ภิกฺขุสงฺฆสฺส มาตาปิตุฏฺานิยํ, ตตฺร เจ โกจิ คิลาโน โหติ, ตสฺสตฺถาย วิสฺสาเสน ‘‘เภสชฺชํ กตฺวา ภนฺเต เทถา’’ติ วทนฺติ, เนว ทาตพฺพํ น กาตพฺพํ. อถ ปน กปฺปิยํ ตฺวา เอวํ ปุจฺฉนฺติ ‘‘ภนฺเต, อสุกสฺส นาม โรคสฺส กึ เภสชฺชํ กโรนฺตี’’ติ, ‘‘อิทฺจิทฺจ คเหตฺวา กโรนฺตี’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏติ. ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ มาตา คิลานา, เภสชฺชํ ตาว อาจิกฺขถา’’ติ เอวํ ปุจฺฉิเต ปน น อาจิกฺขิตพฺพํ, อฺมฺํ ปน กถา กาตพฺพา ‘‘อาวุโส, อสุกสฺส นาม ภิกฺขุโน อิมสฺมึ โรเค กึ เภสชฺชํ กรึสู’’ติ. อิทฺจิทฺจ เภสชฺชํ ภนฺเตติ. ตํ สุตฺวา อิตโร มาตุ เภสชฺชํ กโรติ, วฏฺฏติ. มหาปทุมตฺเถโร กิร วสภรฺโปิ เทวิยา โรเค อุปฺปนฺเน เอกาย อิตฺถิยา อาคนฺตฺวา ปุจฺฉิโต ‘‘น ชานามี’’ติ อวตฺวา เอวเมว ภิกฺขูหิ สทฺธึ สมุลฺลเปสิ. ตํ สุตฺวา ตสฺสา เภสชฺชมกํสุ. วูปสนฺเต จ โรเค ติจีวเรน ตีหิ จ กหาปณสเตหิ สทฺธึ เภสชฺชจงฺโกฏกํ ปูเรตฺวา อาหริตฺวา เถรสฺส ปาทมูเล เปตฺวา ‘‘ภนฺเต, ปุปฺผปูชํ กโรถา’’ติ อาหํสุ. เถโร ‘‘อาจริยภาโค นาม อย’’นฺติ กปฺปิยวเสน คาหาเปตฺวา ปุปฺผปูชมกาสิ. เอวํ ตาว เภสชฺเช ปฏิปชฺชิตพฺพํ.

๑๙. ปริตฺเต ปน ‘‘คิลานสฺส ปริตฺตํ กโรถ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต น กาตพฺพํ, ‘‘ปริตฺตํ ภณถา’’ติ วุตฺเต ปน ภณิตพฺพํ. สเจปิสฺส เอวํ โหติ ‘‘มนุสฺสา นาม น ชานนฺติ, อกริยมาเน วิปฺปฏิสาริโน ภวิสฺสนฺตี’’ติ, กาตพฺพํ. ‘‘ปริตฺโตทกํ ปริตฺตสุตฺตํ กตฺวา เทถา’’ติ วุตฺเต ปน เตสํเยว อุทกํ หตฺเถน จาเลตฺวา สุตฺตํ ปริมชฺชิตฺวา ทาตพฺพํ. สเจ วิหารโต อุทกํ อตฺตโน สนฺตกํ วา สุตฺตํ เทติ, ทุกฺกฏํ. มนุสฺสา อุทกฺจ สุตฺตฺจ คเหตฺวา นิสีทิตฺวา ‘‘ปริตฺตํ ภณถา’’ติ วทนฺติ, กาตพฺพํ. โน เจ ชานนฺติ, อาจิกฺขิตพฺพํ. ภิกฺขูนํ นิสินฺนานํ ปาเทสุ อุทกํ อากิริตฺวา สุตฺตฺจ เปตฺวา คจฺฉนฺติ ‘‘ปริตฺตํ กโรถ, ปริตฺตํ ภณถา’’ติ, น ปาทา อปเนตพฺพา. มนุสฺสา หิ วิปฺปฏิสาริโน โหนฺติ. อนฺโตคาเมปิ คิลานสฺส อตฺถาย วิหารํ เปเสนฺติ ‘‘ปริตฺตํ ภณนฺตู’’ติ, ภณิตพฺพํ. อนฺโตคาเม ราชเคหาทีสุ โรเค วา อุปทฺทเว วา อุปฺปนฺเน ปกฺโกสาเปตฺวา ภณาเปนฺติ, อาฏานาฏิยสุตฺตาทีนิ ภณิตพฺพานิ. ‘‘อาคนฺตฺวา คิลานสฺส สิกฺขาปทานิ เทนฺตุ, ธมฺมํ กเถนฺตุ, ราชนฺเตปุเร วา อมจฺจเคเห วา อาคนฺตฺวา สิกฺขาปทานิ เทนฺตุ, ธมฺมํ กเถนฺตู’’ติ เปสิเตปิ คนฺตฺวา สิกฺขาปทานิ ทาตพฺพานิ, ธมฺโม กเถตพฺโพ. ‘‘มตานํ ปริวารตฺถํ อาคจฺฉนฺตู’’ติ ปกฺโกสนฺติ, น คนฺตพฺพํ. ‘‘สีวถิกทสฺสเน อสุภทสฺสเน จ มรณสฺสตึ ปฏิลภิสฺสามา’’ติ กมฺมฏฺานสีเสน คนฺตุํ วฏฺฏติ. ‘‘ปหาเรทินฺเน มเตปิ อมรณาธิปฺปายสฺส อนาปตฺติ วุตฺตา’’ติ น เอตฺตเกเนว อมนุสฺสคหิตสฺส ปหาโร ทาตพฺโพ , ตาลปณฺณํ ปน ปริตฺตสุตฺตํ วา หตฺเถ วา ปาเท วา พนฺธิตพฺพํ, รตนสุตฺตาทีนิ ปริตฺตานิ ภณิตพฺพานิ, ‘‘มา สีลวนฺตํ ภิกฺขุํ วิเหเหี’’ติ ธมฺมกถา กาตพฺพา, อาฏานาฏิยปริตฺตํ วา ภณิตพฺพํ.

อิธ ปน อาฏานาฏิยปริตฺตสฺส ปริกมฺมํ เวทิตพฺพํ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๒๘๒). ปมเมว หิ อาฏานาฏิยสุตฺตํ น ภณิตพฺพํ, เมตฺตสุตฺตํ (ขุ. ปา. ๙.๑ อาทโย; สุ. นิ. ๑๔๓ อาทโย) ธชคฺคสุตฺตํ (สํ. นิ. ๑.๒๔๙) รตนสุตฺตนฺติ (ขุ. ปา. ๖.๑ อาทโย; สุ. นิ. ๒๒๔ อาทโย) อิมานิ สตฺตาหํ ภณิตพฺพานิ. สเจ มุฺจติ, สุนฺทรํ. โน เจ มุฺจติ, อาฏานาฏิยสุตฺตํ ภณิตพฺพํ. ตํ ภณนฺเตน จ ภิกฺขุนา ปิฏฺํ วา มํสํ วา น ขาทิตพฺพํ, สุสาเน น วสิตพฺพํ. กสฺมา? อมนุสฺสา โอตารํ ลภนฺติ. ปริตฺตกรณฏฺานํ หริตูปลิตฺตํ กาเรตฺวา ตตฺถ ปริสุทฺธํ อาสนํ ปฺเปตฺวา นิสีทิตพฺพํ. ปริตฺตการโก ภิกฺขุ วิหารโต ฆรํ เนนฺเตหิ ผลกาวุเธหิ ปริวาเรตฺวา เนตพฺโพ. อพฺโภกาเส นิสีทิตฺวา น วตฺตพฺพํ, ทฺวารวาตปานานิ ปิทหิตฺวา นิสินฺเนน อาวุธหตฺเถหิ สมฺปริวาริเตน เมตฺตจิตฺตํ ปุเรจาริกํ กตฺวา วตฺตพฺพํ, ปมํ สิกฺขาปทานิ คาหาเปตฺวา สีเล ปติฏฺิตสฺส ปริตฺตํ กาตพฺพํ. เอวมฺปิ โมเจตุํ อสกฺโกนฺเตน วิหารํ เนตฺวา เจติยงฺคเณ นิปชฺชาเปตฺวา อาสนปูชํ กาเรตฺวา ทีเป ชาลาเปตฺวา เจติยงฺคณํ สมฺมชฺชิตฺวา มงฺคลกถา วตฺตพฺพา, สพฺพสนฺนิปาโต โฆเสตพฺโพ, วิหารสฺส อุปวเน เชฏฺกรุกฺโข นาม โหติ, ตตฺถ ‘‘ภิกฺขุสงฺโฆ ตุมฺหากํ อาคมนํ ปติมาเนตี’’ติ ปหิณิตพฺพํ. สพฺพสนฺนิปาตฏฺาเน อนาคนฺตุํ นาม น ลภติ, ตโต อมนุสฺสคหิตโก ‘‘ตฺวํ โกนาโมสี’’ติ ปุจฺฉิตพฺโพ, นาเม กถิเต นาเมเนว อาลปิตพฺโพ, ‘‘อิตฺถนฺนาม ตุยฺหํ มาลาคนฺธาทีสุ ปตฺติ, อาสนปูชายํ ปตฺติ, ปิณฺฑปาเต ปตฺติ, ภิกฺขุสงฺเฆน ตุยฺหํ ปณฺณาการตฺถาย มหามงฺคลกถา วุตฺตา, ภิกฺขุสงฺเฆ คารเวน เอตํ มุฺจาหี’’ติ โมเจตพฺโพ. สเจ น มุฺจติ, เทวตานํ อาโรเจตพฺพํ ‘‘ตุมฺเห ชานาถ, อยํ อมนุสฺโส อมฺหากํ วจนํ น กโรติ, มยํ พุทฺธอาณํ กริสฺสามา’’ติ ปริตฺตํ กาตพฺพํ. เอตํ ตาว คิหีนํ ปริกมฺมํ. สเจ ปน ภิกฺขุ อมนุสฺเสน คหิโต โหติ, อาสนานิ โธวิตฺวา สพฺพสนฺนิปาตํ โฆสาเปตฺวา คนฺธมาลาทีสุ ปตฺตึ ทตฺวา ปริตฺตํ ภณิตพฺพํ, อิทํ ภิกฺขูนํ ปริกมฺมํ. เอวํ ปริตฺเต ปฏิปชฺชิตพฺพํ.

๒๐. ปฏิสนฺถาเร ปน อยํ วินิจฺฉโย (ปารา. อฏฺ. ๒.๑๘๕-๗) – อนามฏฺปิณฺฑปาโต กสฺส ทาตพฺโพ, กสฺส น ทาตพฺโพ? มาตาปิตูนํ ตาว ทาตพฺโพ. สเจปิ กหาปณคฺฆนโก โหติ, สทฺธาเทยฺยวินิปาตนํ นตฺถิ. มาตาปิตุอุปฏฺากานํ เวยฺยาวจฺจกรสฺส ปณฺฑุปลาสสฺส จาติ เอเตสมฺปิ ทาตพฺโพ. ตตฺถ ปณฺฑุปลาสสฺส ถาลเก ปกฺขิปิตฺวาปิ ทาตุํ วฏฺฏติ, ตํ เปตฺวา อฺเสํ อคาริกานํ มาตาปิตูนมฺปิ น วฏฺฏติ. ปพฺพชิตปริโภโค หิ อคาริกานํ เจติยฏฺานิโย. อปิจ อนามฏฺปิณฺฑปาโถ นาเมส สมฺปตฺตสฺส ทามริกโจรสฺสปิ อิสฺสริยสฺสปิ ทาตพฺโพ. กสฺมา? เต หิ อทียมาเนปิ ‘‘น เทนฺตี’’ติ อามสิตฺวา ทียมาเนปิ ‘‘อุจฺฉิฏฺกํ เทนฺตี’’ติ กุชฺฌนฺติ, กุทฺธา ชีวิตาปิ โวโรเปนฺติ, สาสนสฺสปิ อนฺตรายํ กโรนฺติ. รชฺชํ ปตฺถยมานสฺส วิจรโต โจรนาคสฺส วตฺถุ เจตฺถ กเถตพฺพํ. เอวํ อนามฏฺปิณฺฑปาเต ปฏิปชฺชิตพฺพํ.

ปฏิสนฺถาโร จ นามายํ กสฺส กาตพฺโพ, กสฺส น กาตพฺโพ? ปฏิสนฺถาโร นาม วิหารํ สมฺปตฺตสฺส ยสฺส กสฺสจิ อาคนฺตุกสฺส วา ทลิทฺทสฺส วา โจรสฺส วา อิสฺสรสฺส วา กาตพฺโพเยว. กถํ? อาคนฺตุกํ ตาว ขีณปริพฺพยํ วิหารํ สมฺปตฺตํ ทิสฺวา ‘‘ปานียํ ปิวา’’ติ ทาตพฺพํ, ปาทมกฺขนเตลํ ทาตพฺพํ, กาเล อาคตสฺส ยาคุภตฺตํ, วิกาเล อาคตสฺส สเจ ตณฺฑุลา อตฺถิ, ตณฺฑุลา ทาตพฺพา. อเวลาย สมฺปตฺโตปิ ‘‘คจฺฉาหี’’ติ น วตฺตพฺโพ, สยนฏฺานํ ทาตพฺพํ. สพฺพํ อปจฺจาสียนฺเตเนว กาตพฺพํ. ‘‘มนุสฺสา นาม จตุปจฺจยทายกา, เอวํ สงฺคเห กริยมาเน ปุนปฺปุนํ ปสีทิตฺวา อุปการํ กริสฺสนฺตี’’ติ จิตฺตํ น อุปฺปาเทตพฺพํ. โจรานํ ปน สงฺฆิกมฺปิ ทาตพฺพํ. ปฏิสนฺถารานิสํสทีปนตฺถฺจ โจรนาควตฺถุ, ภาตรา สทฺธึ ชมฺพุทีปคตสฺส มหานาครฺโ วตฺถุ, ปิตุราชสฺส รชฺเช จตุนฺนํ อมจฺจานํ วตฺถุ, อภยโจรวตฺถูติ เอวมาทีนิ พหูนิ วตฺถูนิ มหาอฏฺกถายํ วิตฺถารโต วุตฺตานิ.

ตตฺรายํ เอกวตฺถุทีปนา – สีหฬทีเป กิร อภโย นาม โจโร ปฺจสตปริวาโร เอกสฺมึ าเน ขนฺธาวารํ พนฺธิตฺวา สมนฺตา ติโยชนํ อุพฺพาเสตฺวา วสติ. อนุราธปุรวาสิโน กทมฺพนทึ น อุตฺตรนฺติ, เจติยคิริมคฺเค ชนสฺจาโร อุปจฺฉินฺโน. อเถกทิวสํ โจโร ‘‘เจติยคิรึ วิลุมฺปิสฺสามี’’ติ อคมาสิ. อารามิกา ทิสฺวา ทีฆภาณกอภยตฺเถรสฺส อาโรเจสุํ. เถโร ‘‘สปฺปิผาณิตาทีนิ อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อตฺถิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘โจรานํ เทถ’’. ‘‘ตณฺฑุลา อตฺถี’’ติ. ‘‘อตฺถิ, ภนฺเต, สงฺฆสฺสตฺถาย อาหฏา ตณฺฑุลา จ ปกฺกสากฺจ โครโส จา’’ติ. ‘‘ภตฺตํ สมฺปาเทตฺวา โจรานํ เทถา’’ติ. อารามิกา ตถา กรึสุ. โจรา ภตฺตํ ภุฺชิตฺวา ‘‘เกนายํ ปฏิสนฺถาโร กโต’’ติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘อมฺหากํ อยฺเยน อภยตฺเถเรนา’’ติ. โจรา เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา อาหํสุ ‘‘มยํ ‘สงฺฆสฺส จ เจติยสฺส จ สนฺตกํ อจฺฉินฺทิตฺวา คเหสฺสามา’ติ อาคตา, ตุมฺหากํ ปน อิมินา ปฏิสนฺถาเรน มยํ ปสนฺนา, อชฺช ปฏฺาย วิหาเร ธมฺมิการกฺขา อมฺหากํ อายตฺตา โหตุ, นาครา อาคนฺตฺวา ทานํ เทนฺตุ, เจติยํ วนฺทนฺตู’’ติ. ตโต ปฏฺาย จ นาคเร ทานํ ทาตุํ อาคจฺฉนฺเต นทีตีเรเยว ปจฺจุคฺคนฺตฺวา รกฺขนฺตา วิหารํ เนนฺติ, วิหาเรปิ ทานํ เทนฺตานํ รกฺขํ กตฺวา ติฏฺนฺติ. เตปิ ภิกฺขูนํ ภุตฺตาวเสสํ โจรานํ เทนฺติ. คมนกาเลปิ เต โจรา นทีตีรํ ปาเปตฺวา นิวตฺตนฺติ.

อเถกทิวสํ ภิกฺขุสงฺเฆ ขียนกกถา อุปฺปนฺนา ‘‘เถโร อิสฺสรวตาย สงฺฆสนฺตกํ โจรานํ อทาสี’’ติ. เถโร สนฺนิปาตํ การาเปตฺวา อาห ‘‘โจรา ‘สงฺฆสฺส ปกติวฏฺฏฺจ เจติยสนฺตกฺจ อจฺฉินฺทิตฺวา คณฺหิสฺสามา’ติ อาคมึสุ, อถ เตสํ มยา ‘เอตํ น หริสฺสนฺตี’ติ เอตฺตโก นาม ปฏิสนฺถาโร กโต, ตํ สพฺพมฺปิ เอกโต สมฺปิณฺเฑตฺวา อคฺฆาเปถ, เตน การเณน อวิลุตฺตํ ภณฺฑํ เอกโต สมฺปิณฺเฑตฺวา อคฺฆาเปถา’’ติ. ตโต สพฺพมฺปิ เถเรน ทินฺนกํ เจติยฆเร เอกํ วรโปตฺถกจิตฺตตฺถรณํ น อคฺฆติ. ตโต อาหํสุ ‘‘เถเรน กโต ปฏิสนฺถาโร สุกโต, โจเทตุํ วา สาเรตุํ วา น ลพฺภติ, คีวา วา อวหาโร วา นตฺถี’’ติ. เอวํ มหานิสํโส ปฏิสนฺถาโรติ สลฺลกฺเขตฺวา กตฺตพฺโพ ปณฺฑิเตน ภิกฺขุนาติ.

อิติ ปาฬิมุตฺตกวินยวินิจฺฉยสงฺคเห

เภสชฺชาทิกรณวินิจฺฉยกถา สมตฺตา.