📜
๔. วิฺตฺติวินิจฺฉยกถา
๒๑. วิฺตฺตีติ ¶ ¶ ยาจนา. ตตฺรายํ วินิจฺฉโย (ปารา. อฏฺ. ๒.๓๔๒) – มูลจฺเฉชฺชาย ปุริสํ ยาจิตุํ น วฏฺฏติ, ‘‘สหายตฺถาย กมฺมกรณตฺถาย ปุริสํ เทถา’’ติ ยาจิตุํ วฏฺฏติ, ปุริเสน กตฺตพฺพํ หตฺถกมฺมสงฺขาตํ ปุริสตฺตกรํ ยาจิตุํ วฏฺฏติเยว. หตฺถกมฺมฺหิ กิฺจิ วตฺถุ น โหติ, ตสฺมา ตํ เปตฺวา มิคลุทฺทกมจฺฉพนฺธนกาทีนํ สกกมฺมํ อวเสสํ สพฺพํ กปฺปิยํ. ‘‘กึ, ภนฺเต, อาคตาตฺถ เกน กมฺเมนา’’ติ ปุจฺฉิเต วา อปุจฺฉิเต วา ยาจิตุํ วฏฺฏติ, วิฺตฺติปจฺจยา โทโส นตฺถิ. มิคลุทฺทกาทโย ปน สกกมฺมํ น ยาจิตพฺพา, ‘‘หตฺถกมฺมํ เทถา’’ติ อนิยเมตฺวาปิ น ยาจิตพฺพา. เอวํ ยาจิตา หิ เต ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ ภิกฺขู อุยฺโยเชตฺวา มิเคปิ มาเรตฺวา อาหเรยฺยุํ. นิยเมตฺวา ปน ‘‘วิหาเร กิฺจิ กตฺตพฺพํ อตฺถิ, ตตฺถ หตฺถกมฺมํ เทถา’’ติ ยาจิตพฺพา, ผาลนงฺคลาทีนิ อุปกรณานิ คเหตฺวา กสิตุํ วา วปิตุํ วา ลายิตุํ วา คจฺฉนฺตํ สกกิจฺจปสุตมฺปิ กสฺสกํ วา อฺํ วา กิฺจิ หตฺถกมฺมํ ยาจิตุํ วฏฺฏเตว. โย ปน วิฆาสาโท วา อฺโ วา โกจิ นิกฺกมฺโม นิรตฺถกกถํ กเถนฺโต นิทฺทายนฺโต วา วิหรติ, เอวรูปํ อยาจิตฺวาปิ ‘‘เอหิ เร อิทํ วา อิทํ วา กโรหี’’ติ ยทิจฺฉกํ การาเปตุํ วฏฺฏติ.
หตฺถกมฺมสฺส ปน สพฺพกปฺปิยภาวทีปนตฺถํ อิมํ นยํ กเถนฺติ. สเจ หิ ภิกฺขุ ปาสาทํ กาเรตุกาโม โหติ, ถมฺภตฺถาย ปาสาณโกฏฺฏกานํ ฆรํ คนฺตฺวา วตฺตพฺพํ ‘‘หตฺถกมฺมํ ลทฺธุํ วฏฺฏติ อุปาสกา’’ติ. ‘‘กึ กาตพฺพํ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘ปาสาณตฺถมฺภา อุทฺธริตฺวา ทาตพฺพา’’ติ. สเจ เต อุทฺธริตฺวา วา เทนฺติ, อุทฺธริตฺวา นิกฺขิตฺเต อตฺตโน ถมฺเภ วา เทนฺติ, วฏฺฏติ. อถาปิ วทนฺติ ‘‘อมฺหากํ, ภนฺเต, หตฺถกมฺมํ กาตุํ ขโณ นตฺถิ, อฺํ อุทฺธราเปถ, ตสฺส มูลํ ทสฺสามา’’ติ, อุทฺธราเปตฺวา ‘‘ปาสาณตฺถมฺเภ อุทฺธฏมนุสฺสานํ มูลํ เทถา’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏติ. เอเตเนว อุปาเยน ปาสาททารูนํ อตฺถาย วฑฺฒกีนํ สนฺติกํ, อิฏฺกตฺถาย อิฏฺกวฑฺฒกีนํ, ฉทนตฺถาย เคหจฺฉาทกานํ, จิตฺตกมฺมตฺถาย จิตฺตการานนฺติ เยน เยน อตฺโถ โหติ, ตสฺส ตสฺส อตฺถาย เตสํ เตสํ สิปฺปการกานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา หตฺถกมฺมํ ยาจิตุํ วฏฺฏติ, หตฺถกมฺมยาจนวเสน จ มูลจฺเฉชฺชาย วา ภตฺตเวตนานุปฺปทาเนน วา ลทฺธมฺปิ สพฺพํ คเหตุํ วฏฺฏติ. อรฺโต อาหราเปนฺเตน จ สพฺพํ อนชฺฌาวุตฺถกํ อาหราเปตพฺพํ.
๒๒. น ¶ ¶ เกวลฺจ ปาสาทํ กาเรตุกาเมน, มฺจปีปตฺตปริสฺสาวนธมกรณจีวราทีนิ การาเปตุกาเมนปิ ทารุโลหสุตฺตาทีนิ ลภิตฺวา เต เต สิปฺปการเก อุปสงฺกมิตฺวา วุตฺตนเยเนว หตฺถกมฺมํ ยาจิตพฺพํ. หตฺถกมฺมยาจนวเสน จ มูลจฺเฉชฺชาย วา ภตฺตเวตนานุปฺปทาเนน วา ลทฺธมฺปิ สพฺพํ คเหตพฺพํ. สเจ ปน กาตุํ น อิจฺฉนฺติ, ภตฺตเวตนํ ปจฺจาสีสนฺติ, อกปฺปิยกหาปณาทิ น ทาตพฺพํ, ภิกฺขาจารวตฺเตน ตณฺฑุลาทีนิ ปริเยสิตฺวา ทาตุํ วฏฺฏติ. หตฺถกมฺมวเสน ปตฺตํ กาเรตฺวา ตเถว ปาเจตฺวา นวปกฺกสฺส ปตฺตสฺส ปฺุฉนเตลตฺถาย อนฺโตคามํ ปวิฏฺเน ‘‘ภิกฺขาย อาคโต’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา ยาคุยา วา ภตฺเต วา อานีเต หตฺเถน ปตฺโต ปิธาตพฺโพ. สเจ อุปาสิกา ‘‘กึ, ภนฺเต’’ติ ปุจฺฉติ, ‘‘นวปกฺโก ปตฺโต, ปฺุฉนเตเลน อตฺโถ’’ติ วตฺตพฺพํ. สเจ สา ‘‘เทหิ, ภนฺเต’’ติ ปตฺตํ คเหตฺวา เตเลน ปฺุฉิตฺวา ยาคุยา วา ภตฺตสฺส วา ปูเรตฺวา เทติ, วิฺตฺติ นาม น โหติ, คเหตุํ วฏฺฏติ.
๒๓. ภิกฺขู ปเคว ปิณฺฑาย จริตฺวา อาสนสาลํ คนฺตฺวา อาสนํ อปสฺสนฺตา ติฏฺนฺติ. ตตฺร เจ อุปาสกา ภิกฺขู ิเต ทิสฺวา สยเมว อาสนานิ อาหราเปนฺติ, นิสีทิตฺวา คจฺฉนฺเตหิ อาปุจฺฉิตฺวา คนฺตพฺพํ, อนาปุจฺฉา คตานมฺปิ นฏฺํ คีวา น โหติ, อาปุจฺฉิตฺวา คมนํ ปน วตฺตํ. สเจ ภิกฺขูหิ ‘‘อาสนานิ อาหรถา’’ติ วุตฺเตหิ อาหฏานิ โหนฺติ, อาปุจฺฉิตฺวาว คนฺตพฺพํ, อนาปุจฺฉา คตานํ วตฺตเภโท จ นฏฺฺจ คีวา. อตฺถรณโกชวกาทีสุปิ เอเสว นโย.
มกฺขิกา พหุกา โหนฺติ, ‘‘มกฺขิกพีชนึ อาหรถา’’ติ วตฺตพฺพํ, ปุจิมนฺทสาขาทีนิ อาหรนฺติ, กปฺปิยํ การาเปตฺวา ปฏิคฺคเหตพฺพานิ. อาสนสาลายํ อุทกภาชนํ ริตฺตํ โหติ, ‘‘ธมกรณํ คณฺหาหี’’ติ น วตฺตพฺพํ. ธมกรณฺหิ ริตฺตภาชเน ปกฺขิปนฺโต ภินฺเทยฺย, ‘‘นทึ วา ตฬากํ วา คนฺตฺวา อุทกํ อาหรา’’ติ ปน วตฺตุํ วฏฺฏติ, ‘‘เคหโต อาหรา’’ติ เนว วตฺตุํ วฏฺฏติ, น อาหฏํ ปริภฺุชิตุํ. อาสนสาลาย วา อรฺเ วา ภตฺตกิจฺจํ กโรนฺเตหิ ตตฺถ ชาตกํ อนชฺฌาวุตฺถกํ ยํ กิฺจิ อุตฺตริภงฺคารหํ ปตฺตํ วา ผลํ วา สเจ กิฺจิ กมฺมํ กโรนฺตํ อาหราเปติ, หตฺถกมฺมวเสน อาหราเปตฺวา ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏติ, อลชฺชีหิ ปน ภิกฺขูหิ วา สามเณเรหิ วา หตฺถกมฺมํ น กาเรตพฺพํ. อยํ ตาว ปุริสตฺตกเร นโย.
๒๔. โคณํ ¶ ปน อฺาตกอปฺปวาริตฏฺานโต อาหราเปตุํ น วฏฺฏติ, อาหราเปนฺตสฺส ทุกฺกฏํ. าตกปวาริตฏฺานโตปิ มูลจฺเฉชฺชาย ยาจิตุํ น วฏฺฏติ, ตาวกาลิกนเยน สพฺพตฺถ วฏฺฏติ. เอวํ อาหราปิตฺจ โคณํ รกฺขิตฺวา ชคฺคิตฺวา สามิกา ปฏิจฺฉาเปตพฺพา. สจสฺส ปาโท ¶ วา สิงฺคํ วา ภิชฺชติ วา นสฺสติ วา, สามิกา เจ สมฺปฏิจฺฉนฺติ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ สมฺปฏิจฺฉนฺติ, คีวา โหติ. สเจ ‘‘ตุมฺหากํเยว เทมา’’ติ วทนฺติ, น สมฺปฏิจฺฉิตพฺพํ. ‘‘วิหารสฺส เทมา’’ติ วุตฺเต ปน ‘‘อารามิกานํ อาจิกฺขถ ชคฺคนตฺถายา’’ติ วตฺตพฺพา.
๒๕. ‘‘สกฏํ เทถา’’ติปิ อฺาตกอปฺปวาริเต วตฺตุํ น วฏฺฏติ, วิฺตฺติ เอว โหติ, ทุกฺกฏํ อาปชฺชติ. าตกปวาริตฏฺาเน ปน วฏฺฏติ, ตาวกาลิกํ วฏฺฏติ, กมฺมํ ปน กตฺวา ปุน ทาตพฺพํ. สเจ เนมิอาทีนิ ภิชฺชนฺติ, ปากติกานิ กตฺวา ทาตพฺพํ, นฏฺเ คีวา โหติ. ‘‘ตุมฺหากเมว เทมา’’ติ วุตฺเต ทารุภณฺฑํ นาม สมฺปฏิจฺฉิตุํ วฏฺฏติ. เอส นโย วาสิผรสุกุารีกุทาลนิขาทเนสุ วลฺลิอาทีสุ จ ปรปริคฺคหิเตสุ. ครุภณฺฑปฺปโหนเกสุเยว วลฺลิอาทีสุ วิฺตฺติ โหติ, น ตโต โอรํ.
๒๖. อนชฺฌาวุตฺถกํ ปน ยํ กิฺจิ อาหราเปตุํ วฏฺฏติ. รกฺขิตโคปิตฏฺาเนเยว หิ วิฺตฺติ นาม วุจฺจติ. สา ทฺวีสุ ปจฺจเยสุ สพฺเพน สพฺพํ น วฏฺฏติ. เสนาสนปจฺจเย ปน ‘‘อาหร เทหี’’ติ วิฺตฺติมตฺตเมว น วฏฺฏติ, ปริกโถภาสนิมิตฺตกมฺมานิ วฏฺฏนฺติ. ตตฺถ อุโปสถาคารํ วา โภชนสาลํ วา อฺํ วา กิฺจิ เสนาสนํ อิจฺฉโต ‘‘อิมสฺมึ วต โอกาเส เอวรูปํ เสนาสนํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วา ‘‘ยุตฺต’’นฺติ วา ‘‘อนุรูป’’นฺติ วาติอาทินา นเยน วจนํ ปริกถา นาม. อุปาสกา ตุมฺเห กุหึ วสถาติ. ปาสาเท, ภนฺเตติ. ‘‘กึ ภิกฺขูนํ ปน อุปาสกา ปาสาโท น วฏฺฏตี’’ติ เอวมาทิวจนํ โอภาโส นาม. มนุสฺเส ทิสฺวา รชฺชุํ ปสาเรติ, ขีเล อาโกฏาเปติ, ‘‘กึ อิทํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘อิธ อาวาสํ กริสฺสามา’’ติ เอวมาทิกรณํ ปน นิมิตฺตกมฺมํ นาม. คิลานปจฺจเย ปน วิฺตฺติปิ วฏฺฏติ, ปเคว ปริกถาทีนิ.
อิติ ปาฬิมุตฺตกวินยวินิจฺฉยสงฺคเห
วิฺตฺติวินิจฺฉยกถา สมตฺตา.