📜
๕. กุลสงฺคหวินิจฺฉยกถา
๒๗. กุลสงฺคโหติ ¶ ¶ ปุปฺผผลาทีหิ กุลานํ สงฺคโห กุลสงฺคโห. ตตฺรายํ วินิจฺฉโย (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๓๑) – กุลสงฺคหตฺถาย มาลาวจฺฉาทีนิ โรเปตุํ วา โรปาเปตุํ วา สิฺจิตุํ วา สิฺจาเปตุํ วา ปุปฺผานิ โอจินิตุํ วา โอจินาเปตุํ วา คนฺถิตุํ วา คนฺถาเปตุํ วา น วฏฺฏติ. ตตฺถ อกปฺปิยโวหาโร กปฺปิยโวหาโร ปริยาโย โอภาโส นิมิตฺตกมฺมนฺติ อิมานิ ปฺจ ชานิตพฺพานิ.
๒๘. ตตฺถ อกปฺปิยโวหาโร นาม อลฺลหริตานํ โกฏฺฏนํ โกฏฺฏาปนํ, อาวาฏสฺส ขณนํ ขณาปนํ, มาลาวจฺฉสฺส โรปนํ โรปาปนํ, อาฬิยา พนฺธนํ พนฺธาปนํ, อุทกสฺส เสจนํ เสจาปนํ, มาติกาย สมฺมุขกรณํ, กปฺปิยอุทกสิฺจนํ, หตฺถปาทมุขโธวนนหาโนทกสิฺจนํ. กปฺปิยโวหาโร นาม ‘‘อิมํ รุกฺขํ ชาน, อิมํ อาวาฏํ ชาน, อิมํ มาลาวจฺฉํ ชาน, เอตฺถ อุทกํ ชานา’’ติอาทิวจนํ สุกฺขมาติกาย อุชุกรณฺจ. ปริยาโย นาม ‘‘ปณฺฑิเตน มาลาวจฺฉาทโย โรปาเปตพฺพา, นจิรสฺเสว อุปการาย สํวตฺตนฺตี’’ติอาทิวจนํ. โอภาโส นาม กุทาลขณิตฺตาทีนิ จ มาลาวจฺเฉ จ คเหตฺวา านํ. เอวํ ิตฺหิ สามเณราทโย ทิสฺวา ‘‘เถโร การาเปตุกาโม’’ติ คนฺตฺวา กโรนฺติ. นิมิตฺตกมฺมํ นาม กุทาลขณิตฺติวาสิผรสุอุทกภาชนานิ อาหริตฺวา สมีเป ปนํ.
๒๙. อิมานิ ปฺจปิ กุลสงฺคหตฺถาย โรปนโรปาปนาทีสุ น วฏฺฏนฺติ. ผลปริโภคตฺถาย กปฺปิยากปฺปิยโวหารทฺวยเมว น วฏฺฏติ, อิตรตฺตยํ วฏฺฏติ. มหาปจฺจริยํ ปน ‘‘กปฺปิยโวหาโรปิ วฏฺฏติ, ยฺจ อตฺตโน ปริโภคตฺถาย วฏฺฏติ, ตํ อฺปุคฺคลสฺส วา สงฺฆสฺส วา เจติยสฺส วา อตฺถายปิ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. อารามตฺถาย ปน วนตฺถาย ฉายตฺถาย จ อกปฺปิยโวหารมตฺตเมว น วฏฺฏติ, เสสํ วฏฺฏติ. น เกวลฺจ เสสํ, ยํ กิฺจิ มาติกมฺปิ อุชุํ กาตุํ กปฺปิยอุทกํ สิฺจิตุํ นหานโกฏฺกํ กตฺวา นหายิตุํ หตฺถปาทมุขโธวนอุทกานิ จ ตตฺถ ฉฑฺเฑตุมฺปิ วฏฺฏติ. มหาปจฺจริยํ ปน กุรุนฺทิยฺจ ‘‘กปฺปิยปถวิยํ สยํ โรเปตุมฺปิ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. อารามาทิอตฺถาย ปน โรปิตสฺส วา โรปาปิตสฺส วา ผลํ ปริภฺุชิตุมฺปิ วฏฺฏติ.
๓๐. อยํ ¶ ¶ ปน อาทิโต ปฏฺาย วิตฺถาเรน อาปตฺติวินิจฺฉโย – กุลทูสนตฺถาย อกปฺปิยปถวิยํ มาลาวจฺฉํ โรเปนฺตสฺส ปาจิตฺติยฺเจว ทุกฺกฏฺจ, ตถา อกปฺปิยโวหาเรน โรปาเปนฺตสฺส. กปฺปิยปถวิยํ โรปเนปิ โรปาปเนปิ ทุกฺกฏเมว. อุภยตฺราปิ สกึ อาณตฺติยา พหูนมฺปิ โรปเน เอกเมว สปาจิตฺติยทุกฺกฏํ วา สุทฺธทุกฺกฏํ วา โหติ. ปริโภคตฺถาย กปฺปิยภูมิยํ วา อกปฺปิยภูมิยํ วา กปฺปิยโวหาเรน โรปาปเน อนาปตฺติ. อารามาทิอตฺถายปิ อกปฺปิยปถวิยํ โรเปนฺตสฺส วา อกปฺปิยวจเนน โรปาเปนฺตสฺส วา ปาจิตฺติยํ. อยํ ปน นโย มหาอฏฺกถายํ น สุฏฺุ วิภตฺโต, มหาปจฺจริยํ ปน วิภตฺโตติ.
สิฺจนสิฺจาปเน ปน อกปฺปิยอุทเกน สพฺพตฺถ ปาจิตฺติยํ, กุลทูสนปริโภคตฺถาย ทุกฺกฏมฺปิ. กปฺปิเยน เตสํเยว ทฺวินฺนํ อตฺถาย ทุกฺกฏํ, ปริโภคตฺถาย เจตฺถ กปฺปิยโวหาเรน สิฺจาปเน อนาปตฺติ. อาปตฺติฏฺาเน ปน ธาราวจฺเฉทวเสน ปโยคพหุลตาย จ อาปตฺติพหุลตา เวทิตพฺพา.
กุลสงฺคหตฺถาย โอจินเน ปุปฺผคณนาย ทุกฺกฏปาจิตฺติยานิ, อฺตฺถ ปาจิตฺติยาเนว. พหูนิ ปน ปุปฺผานิ เอกปโยเคน โอจินนฺโต ปโยควเสน กาเรตพฺโพ. โอจินาปเน กุลทูสนตฺถาย สกึ อาณตฺโต พหุมฺปิ โอจินาติ, เอกเมว สปาจิตฺติยทุกฺกฏํ, อฺตฺร ปาจิตฺติยเมว.
๓๑. คนฺถนคนฺถาปเนสุ ปน สพฺพาปิ ฉ ปุปฺผวิกติโย เวทิตพฺพา – คนฺถิมํ โคปฺผิมํ เวธิมํ เวิมํ ปูริมํ วายิมนฺติ. ตตฺถ คนฺถิมํ นาม สทณฺฑเกสุ วา อุปฺปลปทุมาทีสุ อฺเสุ วา ทีฆวณฺเฏสุ ปุปฺเผสุ ทฏฺพฺพํ. ทณฺฑเกน วา ทณฺฑกํ, วณฺเฏน วา วณฺฏํ คนฺเถตฺวา กตเมว หิ คนฺถิมํ. ตํ ภิกฺขุสฺส วา ภิกฺขุนิยา วา กาตุมฺปิ อกปฺปิยวจเนน การาเปตุมฺปิ น วฏฺฏติ, ‘‘เอวํ ชาน, เอวํ กเต โสเภยฺย, ยถา เอตานิ ปุปฺผานิ น วิกิริยนฺติ, ตถา กโรหี’’ติอาทินา ปน กปฺปิยวจเนน การาเปตุํ วฏฺฏติ.
โคปฺผิมํ นาม สุตฺเตน วา วากาทีหิ วา วสฺสิกปุปฺผาทีนํ เอกโตวณฺฏิกอุภโตวณฺฏิกมาลาวเสน โคปฺผนํ, วากํ วา รชฺชุํ วา ทิคุณํ กตฺวา ตตฺถ อวณฺฏกานิ นีปปุปฺผาทีนิ ปเวเสตฺวา ปฏิปาฏิยา พนฺธนฺติ, เอตมฺปิ โคปฺผิมเมว. สพฺพํ ปุริมนเยเนว น วฏฺฏติ.
เวธิมํ ¶ ¶ นาม สวณฺฏกานิ วสฺสิกปุปฺผาทีนิ วณฺเฏ, อวณฺฏกานิ วกุลปุปฺผาทีนิ อตฺตโน ฉิทฺเทสุ สูจิตาลหีราทีหิ วินิวิชฺฌิตฺวา อาวุนนฺติ, เอตํ เวธิมํ นาม. ตํ ปุริมนเยเนว น วฏฺฏติ. เกจิ ปน กทลิกฺขนฺธมฺหิ กณฺฏเก วา ตาลหีราทีนิ วา ปเวเสตฺวา ตตฺถ ปุปฺผานิ วินิวิชฺฌิตฺวา เปนฺติ, เกจิ กณฺฏกสาขาสุ, เกจิ ปุปฺผฉตฺตปุปฺผกูฏาคารกรณตฺถํ ฉตฺเต จ ภิตฺติยฺจ ปเวเสตฺวา ปิตกณฺฏเกสุ, เกจิ ธมฺมาสนวิตาเน พทฺธกณฺฏเกสุ, เกจิ กณิการปุปฺผาทีนิ สลากาหิ วิชฺฌนฺติ, ฉตฺตาธิฉตฺตํ วิย กโรนฺติ, ตํ อติโอฬาริกเมว. ปุปฺผวิชฺฌนตฺถํ ปน ธมฺมาสนวิตาเน กณฺฏกมฺปิ พนฺธิตุํ กณฺฏกาทีหิ วา เอกปุปฺผมฺปิ วิชฺฌิตุํ ปุปฺเผเยว วา ปุปฺผํ ปเวเสตุํ น วฏฺฏติ. ชาลวิตานเวทิกนาคทนฺตกปุปฺผปฏิจฺฉกตาลปณฺณคุฬกาทีนํ ปน ฉิทฺเทสุ อโสกปิณฺฑิยา วา อนฺตเรสุ ปุปฺผานิ ปเวเสตุํ น โทโส. น เหตํ เวธิมํ โหติ. ธมฺมรชฺชุยมฺปิ เอเสว นโย.
เวิมํ นาม ปุปฺผทามปุปฺผหตฺถเกสุ ทฏฺพฺพํ. เกจิ หิ มตฺถกทามํ กโรนฺตา เหฏฺา ฆฏกาการํ ทสฺเสตุํ ปุปฺเผหิ เวเนฺติ, เกจิ อฏฺ อฏฺ วา ทส ทส วา อุปฺปลปุปฺผาทีนิ สุตฺเตน วา วาเกน วา ทณฺฑเกสุ พนฺธิตฺวา อุปฺปลหตฺถเก วา ปทุมหตฺถเก วา กโรนฺติ, ตํ สพฺพํ ปุริมนเยเนว น วฏฺฏติ. สามเณเรหิ อุปฺปาเฏตฺวา ถเล ปิตอุปฺปลาทีนิ กาสาเวน ภณฺฑิกมฺปิ พนฺธิตุํ น วฏฺฏติ. เตสํเยว ปน วาเกน วา ทณฺฑเกน วา พนฺธิตุํ อํสภณฺฑิกํ วา กาตุํ วฏฺฏติ. อํสภณฺฑิกํ นาม ขนฺเธ ปิตกาสาวสฺส อุโภ อนฺเต อาหริตฺวา ภณฺฑิกํ กตฺวา ตสฺมึ ปสิพฺพเก วิย ปุปฺผานิ ปกฺขิปนฺติ, อยํ วุจฺจติ อํสภณฺฑิกา, เอตํ กาตุํ วฏฺฏติ. ทณฺฑเกหิ ปทุมินิปณฺณํ วิชฺฌิตฺวา อุปฺปลาทีนิ ปณฺเณน เวเตฺวา คณฺหนฺติ, ตตฺราปิ ปุปฺผานํ อุปริ ปทุมินิปณฺณเมว พนฺธิตุํ วฏฺฏติ, เหฏฺา ทณฺฑกํ ปน พนฺธิตุํ น วฏฺฏติ.
ปูริมํ นาม มาลาคุเณ จ ปุปฺผปเฏ จ ทฏฺพฺพํ. โย หิ มาลาคุเณน เจติยํ วา โพธึ วา เวทิกํ วา ปริกฺขิปนฺโต ปุน อาเนตฺวา ปุริมฏฺานํ อติกฺกาเมติ, เอตฺตาวตา ปูริมํ นาม โหติ, โก ปน วาโท อเนกกฺขตฺตุํ ปริกฺขิปนฺตสฺส. นาคทนฺตกนฺตเรหิ ปเวเสตฺวา หรนฺโต โอลมฺพกํ กตฺวา ปุน นาคทนฺตกํ ปริกฺขิปติ, เอตมฺปิ ปูริมํ นาม. นาคทนฺตเก ¶ ปน ปุปฺผวลยํ ปเวเสตุํ วฏฺฏติ. มาลาคุเณหิ ปุปฺผปฏํ กโรนฺติ, ตตฺราปิ เอกเมว มาลาคุณํ หริตุํ วฏฺฏติ. ปุน ปจฺจาหรโต ปูริมเมว โหติ. ตํ สพฺพํ ปุริมนเยเนว น วฏฺฏติ. มาลาคุเณหิ ปน พหูหิปิ กตํ ปุปฺผทามํ ลภิตฺวา อาสนมตฺถกาทีสุ พนฺธิตุํ วฏฺฏติ. อติทีฆํ ปน มาลาคุณํ เอกวารํ หริตฺวา ปริกฺขิปิตฺวา ปุน อิตรสฺส ภิกฺขุโน ทาตุํ วฏฺฏติ, เตนปิ ตเถว กาตุํ วฏฺฏติ.
วายิมํ ¶ นาม ปุปฺผชาลปุปฺผปฏปุปฺผรูเปสุ ทฏฺพฺพํ. เจติเย ปุปฺผชาลํ กโรนฺตสฺส เอกเมกมฺหิ ชาลฉิทฺทเก ทุกฺกฏํ. ภิตฺติฉตฺตโพธิตฺถมฺภาทีสุปิ เอเสว นโย. ปุปฺผปฏํ ปน ปเรหิ ปูริตมฺปิ วายิตุํ น ลพฺภติ. โคปฺผิมปุปฺเผเหว หตฺถิอสฺสาทิรูปกานิ กโรนฺติ, ตานิปิ วายิมฏฺาเน ติฏฺนฺติ. ปุริมนเยเนว สพฺพํ น วฏฺฏติ. อฺเหิ กตปริจฺเฉเท ปน ปุปฺผานิ เปนฺเตน หตฺถิอสฺสาทิรูปกมฺปิ กาตุํ วฏฺฏติ. มหาปจฺจริยํ ปน กฬมฺพเกน อฑฺฒจนฺทเกน จ สทฺธึ อฏฺ ปุปฺผวิกติโย วุตฺตา.
๓๒. ตตฺถ กฬมฺพโกติ อฑฺฒจนฺทกนฺตเร ฆฏิกทามโอลมฺพโก วุตฺโต. อฑฺฒจนฺทโกติ อฑฺฒจนฺทากาเรน มาลาคุณปริกฺเขโป. ตทุภยมฺปิ ปูริเมเยว ปวิฏฺํ. กุรุนฺทิยํ ปน ‘‘ทฺเว ตโย มาลาคุเณ เอกโต กตฺวา ปุปฺผทามกรณมฺปิ วายิมํเยวา’’ติ วุตฺตํ. ตมฺปิ อิธ ปูริมฏฺาเนเยว ปวิฏฺํ. น เกวลฺจ ปุปฺผทามเมว, ปิฏฺมยทามมฺปิ เคณฺฑุกปุปฺผทามมฺปิ กุรุนฺทิยํ วุตฺตํ. ขรปตฺตทามมฺปิ สิกฺขาปทสฺส สาธารณตฺตา ภิกฺขูนมฺปิ ภิกฺขุนีนมฺปิ เนว กาตุํ, น การาเปตุํ วฏฺฏติ, ปูชานิมิตฺตํ ปน กปฺปิยวจนํ สพฺพตฺถ วตฺตุํ วฏฺฏติ. ปริยายโอภาสนิมิตฺตกมฺมานิ วฏฺฏนฺติเยว.
โย หริตฺวา วา หราเปตฺวา วา ปกฺโกสิตฺวา วา ปกฺโกสาเปตฺวา วา สยํ วา อุปคตานํ ยํ กิฺจิ อตฺตโน สนฺตกํ ปุปฺผํ กุลสงฺคหตฺถาย เทติ, ตสฺส ทุกฺกฏํ, ปรสนฺตกํ เทติ, ทุกฺกฏเมว. เถยฺยจิตฺเตน เทติ, ภณฺฑคฺเฆน กาเรตพฺโพ. เอส นโย สงฺฆิเกปิ. อยํ ปน วิเสโส – เสนาสนตฺถาย นิยมิตํ อิสฺสรวตาย ททโต ถุลฺลจฺจยนฺติ.
๓๓. ปุปฺผํ นาม กสฺส ทาตุํ วฏฺฏติ, กสฺส น วฏฺฏตีติ? มาตาปิตูนํ ตาว หริตฺวาปิ หราเปตฺวาปิ ปกฺโกสิตฺวาปิ ปกฺโกสาเปตฺวาปิ ทาตุํ วฏฺฏติ ¶ , เสสาตกานํ ปกฺโกสาเปตฺวาว. ตฺจ โข วตฺถุปูชนตฺถาย, มณฺฑนตฺถาย ปน สิวลิงฺคาทิปูชนตฺถาย วา กสฺสจิปิ ทาตุํ น วฏฺฏติ. มาตาปิตูนฺจ หราเปนฺเตน าติสามเณเรเหว หราเปตพฺพํ. อิตเร ปน ยทิ สยเมว อิจฺฉนฺติ, วฏฺฏติ. สมฺมเตน ปุปฺผภาชเกน ปุปฺผภาชนกาเล สมฺปตฺตานํ สามเณรานํ อุปฑฺฒภาคํ ทาตุํ วฏฺฏติ. กุรุนฺทิยํ ปน ‘‘สมฺปตฺตคิหีนํ อุปฑฺฒภาคํ’’, มหาปจฺจริยํ ‘‘จูฬกํ ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. อสมฺมเตน อปโลเกตฺวา ทาตพฺพํ. อาจริยุปชฺฌาเยสุ สคารวา สามเณรา พหูนิ ปุปฺผานิ อาหริตฺวา ราสึ กตฺวา เปนฺติ, เถรา ปาโตว สมฺปตฺตานํ สทฺธิวิหาริกาทีนํ อุปาสกาทีนํ วา ‘‘ตฺวํ อิทํ คณฺห, ตฺวํ อิทํ คณฺหา’’ติ เทนฺติ, ปุปฺผทานํ นาม น โหติ. ‘‘เจติยํ ปูเชสฺสามา’’ติ คเหตฺวา คจฺฉนฺตาปิ ปูชํ กโรนฺตาปิ ตตฺถ ตตฺถ สมฺปตฺตานํ ¶ เจติยปูชนตฺถาย เทนฺติ, เอตมฺปิ ปุปฺผทานํ นาม น โหติ. อุปาสเก อกฺกปุปฺผาทีหิ ปูเชนฺเต ทิสฺวา ‘‘วิหาเร กณิการปุปฺผาทีนิ อตฺถิ, อุปาสกา ตานิ คเหตฺวา ปูเชถา’’ติ วตฺตุมฺปิ วฏฺฏติ. ภิกฺขู ปุปฺผปูชํ กตฺวา ทิวาตรํ คามํ ปวิฏฺเ ‘‘กึ, ภนฺเต, อติทิวา ปวิฏฺตฺถา’’ติ ปุจฺฉนฺติ, ‘‘วิหาเร ปุปฺผานิ พหูนิ, ปูชํ อกริมฺหา’’ติ วทนฺติ. มนุสฺสา ‘‘พหูนิ กิร วิหาเร ปุปฺผานี’’ติ ปุนทิวเส ปหูตํ ขาทนียํ โภชนียํ คเหตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา ปุปฺผปูชฺจ กโรนฺติ ทานฺจ เทนฺติ, วฏฺฏติ.
๓๔. มนุสฺสา ‘‘มยํ, ภนฺเต, อสุกทิวสํ นาม ปูเชสฺสามา’’ติ ปุปฺผวารํ ยาจิตฺวา อนฺุาตทิวเส อาคจฺฉนฺติ, สามเณเรหิ จ ปเคว ปุปฺผานิ โอจินิตฺวา ปิตานิ โหนฺติ, เต รุกฺเขสุ ปุปฺผานิ อปสฺสนฺตา ‘‘กุหึ, ภนฺเต, ปุปฺผานี’’ติ วทนฺติ, สามเณเรหิ โอจินิตฺวา ปิตานิ, ตุมฺเห ปน ปูเชตฺวา คจฺฉถ, สงฺโฆ อฺํ ทิวสํ ปูเชสฺสตีติ. เต ปูเชตฺวา ทานํ ทตฺวา คจฺฉนฺติ, วฏฺฏติ. มหาปจฺจริยํ ปน กุรุนฺทิยฺจ ‘‘เถรา สามเณเรหิ ทาเปตุํ น ลภนฺติ, สเจ สยเมว ตานิ ปุปฺผานิ เตสํ เทนฺติ, วฏฺฏติ. เถเรหิ ปน ‘สามเณเรหิ โอจินิตฺวา ปิตานี’ติ เอตฺตกเมว วตฺตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. สเจ ปน ปุปฺผวารํ ยาจิตฺวา อโนจิเตสุ ปุปฺเผสุ ยาคุภตฺตาทีนิ อาทาย อาคนฺตฺวา สามเณเร ‘‘โอจินิตฺวา เทถา’’ติ วทนฺติ, าภิสามเณรานํเยว โอจินิตฺวา ทาตุํ วฏฺฏติ. อฺาตเก อุกฺขิปิตฺวา รุกฺขสาขาย เปนฺติ, น โอโรหิตฺวา ปลายิตพฺพํ, โอจินิตฺวา ทาตุํ วฏฺฏติ ¶ . สเจ ปน โกจิ ธมฺมกถิโก ‘‘พหูนิ อุปาสกา วิหาเร ปุปฺผานิ, ยาคุภตฺตาทีนิ อาทาย คนฺตฺวา ปุปฺผปูชํ กโรถา’’ติ วทติ, ตสฺเสว น กปฺปตีติ มหาปจฺจริยฺจ กุรุนฺทิยฺจ วุตฺตํ. มหาอฏฺกถายํ ปน ‘‘เอตํ อกปฺปิยํ น วฏฺฏตี’’ติ อวิเสเสน วุตฺตํ.
๓๕. ผลมฺปิ อตฺตโน สนฺตกํ วุตฺตนเยเนว มาตาปิตูนฺจ เสสาตีนฺจ ทาตุํ วฏฺฏติ. กุลสงฺคหตฺถาย ปน เทนฺตสฺส วุตฺตนเยเนว อตฺตโน สนฺตเก ปรสนฺตเก สงฺฆิเก เสนาสนตฺถาย นิยมิเต จ ทุกฺกฏาทีนิ เวทิตพฺพานิ. อตฺตโน สนฺตกํเยว คิลานมนุสฺสานํ วา สมฺปตฺตอิสฺสรานํ วา ขีณปริพฺพยานํ วา ทาตุํ วฏฺฏติ, ผลทานํ น โหติ. ผลภาชเกนปิ สมฺมเตน สงฺฆสฺส ผลภาชนกาเล สมฺปตฺตมนุสฺสานํ อุปฑฺฒภาคํ ทาตุํ วฏฺฏติ, อสมฺมเตน อปโลเกตฺวา ทาตพฺพํ. สงฺฆาราเมปิ ผลปริจฺเฉเทน วา รุกฺขปริจฺเฉเทน วา กติกา กาตพฺพา ‘‘ตโต คิลานมนุสฺสานํ วา อฺเสํ วา ผลํ ยาจนฺตานํ ยถาปริจฺเฉเทน จตฺตาริ ปฺจ ผลานิ ทาตพฺพานิ, รุกฺขา วา ทสฺเสตพฺพา ‘อิโต คเหตุํ ลพฺภตี’’’ติ. ‘‘อิธ ผลานิ สุนฺทรานิ, อิโต คณฺหถา’’ติ เอวํ ปน น วตฺตพฺพํ. อตฺตโน สนฺตกํ สิรีสจุณฺณํ วา ¶ อฺํ วา ยํ กิฺจิ กสาวํ กุลสงฺคหตฺถาย เทติ, ทุกฺกฏํ. ปรสนฺตกาทีสุปิ วุตฺตนเยเนว วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ. อยํ ปน วิเสโส – สงฺฆสฺส รกฺขิตโคปิตาปิ รุกฺขฉลฺลิ ครุภณฺฑเมวาติ. มตฺติกทนฺตกฏฺเวฬุปณฺเณสุปิ ครุภณฺฑูปคํ ตฺวา จุณฺเณ วุตฺตนเยเนว วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ.
๓๖. ชงฺฆเปสนิยนฺติ คิหีนํ ทูเตยฺยํ สาสนหรณกมฺมํ วุจฺจติ, ตํ น กาตพฺพํ. คิหีนฺหิ สาสนํ คเหตฺวา คจฺฉนฺตสฺส ปเท ปเท ทุกฺกฏํ. ตํ กมฺมํ นิสฺสาย ลทฺธโภชนํ ภฺุชนฺตสฺสปิ อชฺโฌหาเร อชฺโฌหาเร ทุกฺกฏํ. ปมํ สาสนํ อคฺคเหตฺวาปิ ปจฺฉา ‘‘อยํ ทานิ โส คาโม, หนฺท นํ สาสนํ อาโรเจมี’’ติ มคฺคา โอกฺกมนฺตสฺสปิ ปเท ปเท ทุกฺกฏํ. สาสนํ อาโรเจตฺวา ลทฺธโภชนํ ภฺุชโต ปุริมนเยเนว ทุกฺกฏํ. สาสนํ อคฺคเหตฺวา อาคเตน ปน ‘‘ภนฺเต, ตสฺมึ คาเม อิตฺถนฺนามสฺส กา ปวตฺตี’’ติ ปุจฺฉิยมาเนน กเถตุํ วฏฺฏติ, ปุจฺฉิตปฺเห โทโส นตฺถิ. ปฺจนฺนํ ปน สหธมฺมิกานํ มาตาปิตูนํ ปณฺฑุปลาสสฺส อตฺตโน เวยฺยาวจฺจกรสฺส ¶ สาสนํ หริตุํ วฏฺฏติ, คิหีนฺจ กปฺปิยสาสนํ, ตสฺมา ‘‘มม วจเนน ภควโต ปาเท วนฺทถา’’ติ วา ‘‘เจติยํ ปฏิมํ โพธึ สงฺฆตฺเถรํ วนฺทถา’’ติ วา ‘‘เจติเย คนฺธปูชํ กโรถา’’ติ วา ‘‘ปุปฺผปูชํ กโรถา’’ติ วา ‘‘ภิกฺขู สนฺนิปาเตถ, ทานํ ทสฺสาม, ธมฺมํ เทสาปยิสฺสามา’’ติ วา อีทิเสสุ สาสเนสุ กุกฺกุจฺจํ น กาตพฺพํ. กปฺปิยสาสนานิ หิ เอตานิ, น คิหีนํ คิหิกมฺมปฏิสํยุตฺตานีติ. อิเมหิ ปน อฏฺหิ กุลทูสกกมฺเมหิ อุปฺปนฺนปจฺจยา ปฺจนฺนมฺปิ สหธมฺมิกานํ น กปฺปนฺติ. อภูตาโรจนรูปิยสํโวหาเรหิ อุปฺปนฺนปจฺจยสทิสาว โหนฺติ.
ปพฺพาชนียกมฺมกโต ปน ยสฺมึ คาเม วา นิคเม วา กุลทูสกกมฺมํ กตํ, ยสฺมิฺจ วิหาเร วสติ, เนว ตสฺมึ คาเม วา นิคเม วา จริตุํ ลภติ, น วิหาเร วสิตุํ. ปฏิปฺปสฺสทฺธกมฺเมนปิ จ เตน เยสุ กุเลสุ ปุพฺเพ กุลทูสกกมฺมํ กตํ, ตโต อุปฺปนฺนปจฺจยา น คเหตพฺพา, อาสวกฺขยปตฺเตนปิ น คเหตพฺพา, อกปฺปิยาว โหนฺติ. ‘‘กสฺมา น คณฺหถา’’ติ ปุจฺฉิเตน ‘‘ปุพฺเพ เอวํ กตตฺตา’’ติ วุตฺเต สเจ วทนฺติ ‘‘น มยํ เตน การเณน เทม, อิทานิ สีลวนฺตตาย เทมา’’ติ, คเหตพฺพา. ปกติยา ทานฏฺาเนเยว กุลทูสกกมฺมํ กตํ โหติ, ตโต ปกติทานเมว คเหตุํ วฏฺฏติ. ยํ วฑฺเฒตฺวา เทนฺติ, ตํ น วฏฺฏติ. ยสฺมา จ ปุจฺฉิตปฺเห โทโส นตฺถิ, ตสฺมา อฺมฺปิ ภิกฺขุํ ปุพฺพณฺเห วา สายนฺเห วา อนฺตรฆรํ ปวิฏฺํ โกจิ ปุจฺเฉยฺย ‘‘กสฺมา, ภนฺเต, จรถา’’ติ. เยนตฺเถน จรติ, ตํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘ลทฺธํ น ลทฺธ’’นฺติ วุตฺเต สเจ น ลทฺธํ, ‘‘น ลทฺธ’’นฺติ วตฺวา ยํ โส เทติ, ตํ คเหตุํ วฏฺฏติ.
๓๗. ‘‘น ¶ จ, ภิกฺขเว, ปณิธาย อรฺเ วตฺถพฺพํ, โย วเสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. น จ, ภิกฺขเว, ปณิธาย ปิณฺฑาย จริตพฺพํ…เป… น จ, ภิกฺขเว, ปณิธาย จงฺกมิตพฺพํ…เป… น จ, ภิกฺขเว, ปณิธาย าตพฺพํ…เป… น จ, ภิกฺขเว, ปณิธาย นิสีทิตพฺพํ…เป… น จ, ภิกฺขเว, ปณิธาย เสยฺยา กปฺเปตพฺพา, โย กปฺเปยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (ปารา. ๒๒๓ อาทโย) วุตฺตตฺตา ‘‘เอวํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๒๒๓) อรฺเ วสนฺตํ มํ ชโน อรหตฺเต วา เสกฺขภูมิยํ วา สมฺภาเวสฺสติ, ตโต โลกสฺส สกฺกโต ภวิสฺสามิ ครุกโต มานิโต ปูชิโต’’ติ เอวํ ปตฺถนํ กตฺวา อรฺเ น วสิตพฺพํ. เอวํ ปณิธาย ‘‘อรฺเ วสิสฺสามี’’ติ คจฺฉนฺตสฺส ¶ ปทวาเร ปทวาเร ทุกฺกฏํ, ตถา อรฺเ กุฏิกรณจงฺกมนนิสีทนนิวาสนปารุปนาทีสุ สพฺพกิจฺเจสุ ปโยเค ปโยเค ทุกฺกฏํ, ตสฺมา เอวํ อรฺเ น วสิตพฺพํ. เอวํ วสนฺโต หิ สมฺภาวนํ ลภตุ วา มา วา, ทุกฺกฏํ อาปชฺชติ. โย ปน สมาทินฺนธุตงฺโค ‘‘ธุตงฺคํ รกฺขิสฺสามี’’ติ วา ‘‘คามนฺเต เม วสโต จิตฺตํ วิกฺขิปติ, อรฺํ สปฺปาย’’นฺติ จินฺเตตฺวา วา ‘‘อทฺธา อรฺเ ติณฺณํ วิเวกานํ อฺตรํ ปาปุณิสฺสามี’’ติ วา ‘‘อรฺํ ปวิสิตฺวา อรหตฺตํ อปาปุณิตฺวา น นิกฺขมิสฺสามี’’ติ วา ‘‘อรฺวาโส นาม ภควตา ปสตฺโถ, มยิ จ อรฺเ วสนฺเต พหู สพฺรหฺมจารี คามนฺตํ หิตฺวา อารฺกา ภวิสฺสนฺตี’’ติ วา เอวํ อนวชฺชวาสํ วสิตุกาโม โหติ, เตเนว วสิตพฺพํ. ปิณฺฑาย จรนฺตสฺสปิ ‘‘อภิกฺกนฺตาทีนิ สณฺเปตฺวา ปิณฺฑาย จริสฺสามี’’ติ นิวาสนปารุปนกิจฺจโต ปภุติ ยาว โภชนปริโยสานํ, ตาว ปโยเค ปโยเค ทุกฺกฏํ, สมฺภาวนํ ลภตุ วา มา วา, ทุกฺกฏเมว. ขนฺธกวตฺตเสขิยวตฺตปริปูรณตฺถํ ปน สพฺรหฺมจารีนํ ทิฏฺานุคติอาปชฺชนตฺถํ วา ปาสาทิเกหิ อภิกฺกมปฏิกฺกมาทีหิ ปิณฺฑาย ปวิสนฺโต อนุปวชฺโช วิฺูนํ. จงฺกมนาทีสุปิ เอเสว นโย.
อิติ ปาฬิมุตฺตกวินยวินิจฺฉยสงฺคเห
กุลสงฺคหวินิจฺฉยกถา สมตฺตา.