📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
วินยปิฏเก
วชิรพุทฺธิ-ฏีกา
คนฺถารมฺภกถา
ปฺาวิสุทฺธาย ¶ ¶ ทยาย สพฺเพ;
วิโมจิตา เยน วิเนยฺยสตฺตา;
ตํ จกฺขุภูตํ สิรสา นมิตฺวา;
โลกสฺส โลกนฺตคตสฺส ธมฺมํ.
สงฺฆฺจ สีลาทิคุเณหิ ยุตฺต-
มาทาย สพฺเพสุ ปเทสุ สารํ;
สงฺเขปกาเมน มมาสเยน;
สฺโจทิโต ภิกฺขุหิตฺจ ทิสฺวา.
สมนฺตปาสาทิกสฺิตาย ¶ ;
สมฺพุทฺธโฆสาจริโยทิตาย;
สมาสโต ลีนปเท ลิขิสฺสํ;
สมาสโต ลีนปเท ลิขีตํ.
สฺา นิมิตฺตํ กตฺตา จ, ปริมาณํ ปโยชนํ;
สพฺพาคมสฺส ปุพฺเพว, วตฺตพฺพํ วตฺตุมิจฺฉตาติ. –
วจนโต สมนฺตปาสาทิเกติ สฺา. ทีปนฺตเร ภิกฺขุชนสฺส อตฺถํ นาภิสมฺภุณาตีติ นิมิตฺตํ. พุทฺธโฆโสติ ครูหิ คหิตนามเธยฺเยนาติ กตฺตา. สมธิกสตฺตวีสติสหสฺสมตฺเตน ตสฺส คนฺเถนาติ ปริมาณํ. จิรฏฺิตตฺถํ ธมฺมสฺสาติ ปโยชนํ.
ตตฺราห ¶ – ‘‘วตฺตพฺพํ วตฺตุมิจฺฉตาติ ยํ วุตฺตํ, ตตฺถ กถํวิโธ วตฺตา’’ติ? อุจฺจเต –
ปาตฺถวิทูสํหีโร, วตฺตา สุจิ อมจฺฉโร;
จตุกฺกมปริจฺจาคี, เทสกสฺส หิตุสฺสุโกติ. (มหานิ. อฏฺ. คนฺถารมฺภกถา);
ตตฺร ปียเตติ ปาโ. โส หิ อเนกปฺปกาโร อตฺถานุรูโป อตฺถานนุรูโป เจติ. กถํ? สนฺธายภาสิโต พฺยฺชนภาสิโต สาวเสสปาโ นิรวเสสปาโ นีโต เนยฺโยติ. ตตฺร อเนกตฺถวตฺตา สนฺธายภาสิโต นาม ‘‘มาตรํ ปิตรํ หนฺตฺวา’’ติอาทิ (ธ. ป. ๒๙๔). เอกตฺถวตฺตา พฺยฺชนภาสิโต นาม ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา’’ตฺยาทิ (ธ. ป. ๑, ๒; เนตฺติ. ๙๐, ๙๒; เปฏโก. ๑๔). สาวเสโส นาม ‘‘สพฺพํ, ภิกฺขเว, อาทิตฺต’’มิตฺยาทิ (มหาว. ๕๔; สํ. นิ. ๔.๒๘). วิปรีโต นิรวเสโส นาม ‘‘สพฺเพ ธมฺมา สพฺพากาเรน พุทฺธสฺส ภควโต าณมุเข อาปาถํ อาคจฺฉนฺตี’’ตฺยาทิ (มหานิ. ๑๕๖; ปฏิ. ม. ๓.๕). ยถา วจนํ, ตถา อวคนฺตพฺโพ นีโต นาม ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ตฺยาทิ. ยุตฺติยา อนุสฺสริตพฺโพ เนยฺโย นาม ‘‘เอกปุคฺคโล, ภิกฺขเว’’ตฺยาทิ (อ. นิ. ๑.๑๗๐).
อตฺโถปิ อเนกปฺปกาโร ปาตฺโถ สภาวตฺโถ เยฺยตฺโถ ปาานุรูโป ปาานนุรูโป สาวเสสตฺโถ นิรวเสสตฺโถ นีตตฺโถ เนยฺยตฺโถตฺยาทิ. ตตฺถ โย ตํตํสฺาปนตฺถมุจฺจารียเต ปาโ, ส ¶ ปาตฺโถ ‘‘สาตฺถํ สพฺยฺชน’’มิตฺยาทีสุ (ปารา. ๑; ที. นิ. ๑.๑๙๐) วิย. รูปารูปธมฺมานํ ลกฺขณรสาทิ สภาวตฺโถ ‘‘สมฺมาทิฏฺึ ภาเวตี’’ตฺยาทีสุ (วิภ. ๔๘๙; สํ. นิ. ๕.๓) วิย. โย ายมาโน หิตาย ภวติ, ส าตุมรหตฺตา เยฺยตฺโถ ‘‘อตฺถวาที ธมฺมวาที’’ตฺเยวมาทีสุ (ที. นิ. ๑.๙, ๑๙๔; ๓.๒๓๘; ม. นิ. ๑.๔๑๑) วิย. ยถาปาํ ภาสิโต ปาานุรูโป ‘‘จกฺขุ, ภิกฺขเว, ปุราณกมฺม’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๑๔๖) ภควตา วุตฺตมโต จกฺขุมปิ กมฺมนฺติ. พฺยฺชนจฺฉายาย อตฺถํ ปฏิพาหยมาเนน วุตฺโต ปาานนุรูโป. วชฺเชตพฺพํ กิฺจิ อปริจฺจชิตฺวา ปริเสสํ กตฺวา วุตฺโต สาวเสสตฺโถ ‘‘จกฺขฺุจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชตี’’ติ ¶ (สํ. นิ. ๔.๖๐; มหานิ. ๑๐๗) จ, ‘‘สพฺเพ ตสนฺติ ทณฺฑสฺส, สพฺเพ ภายนฺติ มจฺจุโน’’ตฺยาทีสุ (ธ. ป. ๑๒๙) วิย. วิปรีโต นิรวเสสตฺโถ ‘‘สนฺธาวิตํ สํสริตํ มมฺเจว ตุมฺหากฺจ (ที. นิ. ๒.๑๕๕; มหา. ๒๘๗; เนตฺติ. ๑๑๔). ตตฺร, ภิกฺขเว, โก มนฺตา โก สทฺธาตา…เป… อฺตฺร ทิฏฺปเทหี’’ตฺยาทิ (อ. นิ. ๗.๖๖). สทฺทวเสเนว เวทนีโย นีตตฺโถ ‘‘รูปา สทฺทา รสา คนฺธา, โผฏฺพฺพา จ มโนรมา’’ตฺยาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๕๑, ๑๖๕; มหาว. ๓๓) วิย. สมฺมุติวเสน เวทิตพฺโพ เนยฺยตฺโถ ‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, วลาหกูปมาปุคฺคลา’’ตฺยาทีสุ วิย (อ. นิ. ๔.๑๐๑; ปุ. ป. ๑๕๗). อาห จ –
‘‘โย อตฺโถ สทฺทโต เยฺโย, นีตตฺถํ อิติ ตํ วิทู;
อตฺถสฺเสวาภิสามคฺคี, เนยฺยตฺโถ อิติ กถฺยเต’’ติ.
เอวํ ปเภทคเต ปาตฺเถ วิชานาตีติ ปาตฺถวิทู. น สํหีรเต ปรปวาทีหิ ทีฆรตฺตํ ติตฺถวาเสเนตฺยสํหีโร. ภาวนายาคมาธิคมสมฺปนฺนตฺตา วตฺตุํ สกฺโกตีติ วตฺตา, สงฺเขปวิตฺถารนเยน เหตุทาหรณาทีหิ อวโพธยิตุํ สมตฺโถตฺยตฺโถ. โสจยตฺยตฺตานํ ปเร เจติ สุจิ, ทุสฺสีลฺยทุทฺทิฏฺิมลวิรหิโตตฺยตฺโถ. ทุสฺสีโล หิ อตฺตานมุปหนฺตุนาเทยฺยวาโจ จ ภวตฺยปตฺตาหาราจาโร อิว นิจฺจาตุโร เวชฺโช. ทุทฺทิฏฺิ ปรํ อุปหนฺติ, นาวสฺสํ นิสฺสโย จ ภวตฺยหิวาฬคหากุโล อิว กมลสณฺโฑ. อุภยวิปนฺโน สพฺพถาปฺยนุปาสนีโย ภวติ คูถคตมิว ฉวาลาตํ คูถคโต วิย จ กณฺหสปฺโป. อุภยสมฺปนฺโน ปน สุจิ สพฺพถาปฺยุปาสนีโย เสวิตพฺโพ จ วิฺูหิ, นิรุปทฺทโว อิว รตนากโร. นาสฺส มจฺฉโรตฺยมจฺฉโร, อหีนาจริยมุฏฺีตฺยตฺโถ. สุตฺตสุตฺตานุโลมาจริยวาทอตฺตโนมติสงฺขาตสฺส จตุกฺกสฺสาปริจฺจาคี, ตทตฺถสฺเสว พฺยาขฺยาเตตฺยตฺโถ. อถ วา ปจฺจกฺขานุมานสทฺทตฺถาปตฺติปฺปเภทสฺส ปมาณจตุกฺกสฺสาปริจฺจาคี.
‘‘เอกํสวจนํ ¶ เอกํ, วิภชฺชวจนาปรํ;
ตติยํ ปฏิปุจฺเฉยฺย, จตุตฺถํ ปน าปเย’’ติ. –
เอวํ ¶ วุตฺตจตุกฺกสฺส วา อปริจฺจาคี; หิตุสฺสุโก อิติ โสตูนํ หิตาโยสฺสุโก, เตสมวโพธนํ ปติ ปตฺเถตี ตฺยตฺโถ; โส เอโส สุจิตฺตา ปิโย; จตุกฺกสฺส อปริจฺจาคิตฺตา ครุ; อสํหีรตฺตา ภาวนีโย; เทสกตฺตา วตฺตา; หิตุสฺสุกตฺตา วจนกฺขโม; ปาตฺถวิทุตฺตา คมฺภีรกถํ กตฺตา; อมจฺฉรตฺตา โน จฏฺาเน นิโยชโกติ;
‘‘ปิโย ครุ ภาวนีโย, วตฺตา จ วจนกฺขโม;
คมฺภีรฺจ กถํ กตฺตา, โน จฏฺาเน นิโยชโก’’. (อ. นิ. ๗.๓๗; เนตฺติ. ๑๑๓) –
อิติอภิหิโต เทสโก;
โสตา อิทานิ อภิธียเต –
ธมฺมาจริยครุ สทฺธา-ปฺาทิคุณมณฺฑิโต;
อสามาโย โสตาสฺส, สุเมโธ อมตามุโข.
ตตฺถ ธมฺมครุตฺตา กถํ น ปริภวติ, อาจริยครุตฺตา กถิกํ น ปริภวติ, สทฺธาปฺาทิคุณปฏิมณฺฑิตตฺตา อตฺตานํ น ปริภวติ, อสามายตฺตา อมตาภิมุขตฺตา จ อวิกฺขิตฺตจิตฺโต ภวติ, สุเมธตฺตา โยนิโสมนสิกโรตีตฺยตฺโถ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต สุณนฺโต สทฺธมฺมํ ภพฺโพ นิยามํ โอกฺกมิตุํ กุสเลสุ ธมฺเมสุ สมฺมตฺตํ. กตเมหิ ปฺจหิ? น กถํ ปริโภติ, น กถิกํ ปริโภติ, น อตฺตานํ ปริโภติ, อวิกฺขิตฺตจิตฺโต ธมฺมํ สุณาติ เอกคฺคจิตฺโต, โยนิโส จ มนสิ กโรตี’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๕๑).
ตํลกฺขณปฺปตฺตตฺตา ภาวนา ภวติ สวนสฺเสตฺยุตฺโต โสตา.
คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา
อิทานิ ¶ อสฺสารมฺโภ – ตตฺถ โยติ อนิยมนิทฺเทโส, เตน วิสุทฺธชาติกุลโคตฺตาทีนํ กิเลสมลวิสุทฺธิยา, ปูชารหตาย วา อการณตํ ทสฺเสตฺวา โย โกจิ อิมิสฺสา สมนฺตปาสาทิกาย อาทิคาถาย นิทฺทิฏฺโลกนาถตฺตเหตุํ ยถาวุตฺตเหตุมูเลน ถิรตรํ ¶ อจลํ กตฺวา ยถาวุตฺตเหตุกาลํ อจฺจนฺตเมว ปูเรนฺโต อวสาเน ยถาวุตฺตเหตุผลํ สมฺปาเทตฺวา ยถาวุตฺตเหตุผลปฺปโยชนํ สาเธติ, โสว ปรมปูชารโหติ นิยเมติ.
เอตฺตาวตา –
ภยสมฺโมหทุทฺทิฏฺิ-ปณาโม เนส สพฺพถา;
ปฺาปุพฺพงฺคโม เอโส, ปณาโมติ นิทสฺสิโต.
ตตฺร เหตูติ อติทุกฺกรานิ ตึสปารมิตาสงฺขาตานิ ปฺุกมฺมานิ. ตานิ หิ อจฺจนฺตทุกฺเขน กสิเรน วจนปถาตีตานุภาเวน มหตา อุสฺสาเหน กรียนฺตีติ อติทุกฺกรานิ นาม. อติทุกฺกรตฺตา เอว หิ เตสํ อติทุลฺลภํ โลเก อนฺสาธารณํ นาถตฺตสงฺขาตํ ผลํ ผลนฺติ, ตํ ตตฺถ เหตุผลํ; เหตุมูลํ นาม ยถาวุตฺตสฺส เหตุโน นิปฺผาทนสมตฺถา มหากรุณา, สา อาทิปณิธานโต ปฏฺาย ‘‘มุตฺโต โมเจสฺสามี’’ติอาทินา นเยน ยาว เหตุผลปฺปโยชนา, ตาว อพฺโพจฺฉินฺนํ ปวตฺตติ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘สกานนา สคฺริวรา สสาครา,
คตา วินาสํ พหุโส วสุนฺธรา;
ยุคนฺตกาเล สลิลานลานิเล,
น โพธิสตฺตสฺส มหาตปา กุโต’’ติ.
ยาย สมนฺนาคตตฺตา ‘‘นโม มหาการุณิกสฺส ตสฺสา’’ติ อาห. เหตุกาลํ นาม จตุอฏฺโสฬสอสงฺขฺเยยฺยาทิปฺปเภโท กาโล, ยํ สนฺธายาห ‘‘กปฺปโกฏีหิปิ อปฺปเมยฺยํ กาล’’นฺติ. ตตฺถ อจฺจนฺตสํโยคตฺเถ อุปโยควจนํ เวทิตพฺพํ ‘‘มาสํ อธีเต, ทิวสํ ¶ จรตี’’ติอาทีสุ วิย. กามฺจ โส กาโล อสงฺขฺเยยฺยวเสน ปเมยฺโย วิฺเยฺโย, ตถาปิ กปฺปโกฏิวเสน อวิฺเยฺยตํ สนฺธาย ‘‘กปฺปโกฏีหิปิ อปฺปเมยฺยํ กาล’’นฺติ อาห. ตตฺถ กาลยตีติ กาโล, ขิปติ วิทฺธํสยติ สตฺตานํ ชีวิตมิติ อตฺโถ. กล วิกฺเขเป. ตตฺถ กปฺปียติ สํกปฺปียติ สาสปปพฺพตาทีหิ อุปมาหิ เกวลํ สํกปฺปียติ, น มนุสฺสทิวสมาสสํวจฺฉราทิคณนาย คณียตีติ กปฺโป. เอกนฺติอาทิคณนปถสฺส โกฏิภูตตฺตา โกฏิ, กปฺปานํ โกฏิโย กปฺปโกฏิโย ¶ . ตาหิปิ น ปมียตีติ อปฺปเมยฺโย, ตํ อปฺปเมยฺยํ. กโรนฺโตติ นานตฺถตฺตา ธาตูนํ ทานํ เทนฺโต, สีลํ รกฺขนฺโต, โลภกฺขนฺธโต นิกฺขมนฺโต, อตฺตหิตปรหิตาทิเภทํ ตํ ตํ ธมฺมํ ปชานนฺโต, วิวิเธน วายาเมน ฆเฏนฺโต วายมนฺโต, ตํ ตํ สตฺตาปราธํ ขมนฺโต, ปฏิฺาสมฺมุติปรมตฺถสจฺจานิ สจฺจายนฺโต, ตํ ตํ สตฺตหิตํ อธิฏฺหนฺโต, สกลโลกํ เมตฺตายนฺโต, มิตฺตามิตฺตาทิเภทํ ปกฺขปาตํ ปหาย ตํ ตํ สตฺตํ อชฺฌุเปกฺขนฺโต จาติ อตฺโถ. เขทํ คโตติ อนนฺตปฺปเภทํ มหนฺตํ สํสารทุกฺขํ อนุภวนฏฺเน คโต, สมฺปตฺโตตฺยตฺโถ. สํสารทุกฺขฺหิ สารีริกํ มานสิกฺจ สุขํ เขทยติ ปาตยตีติ ‘‘เขโท’’ติ วุจฺจติ. โลกหิตายาติ อิทํ ยถาวุตฺตเหตุผลปฺปโยชนนิทสฺสนํ, ‘‘สํสารทุกฺขานุภวนการณนิทสฺสน’’นฺติปิ เอเก –
‘‘‘ชาติสํสารทุกฺขานํ, คนฺตุํ สกฺโกปิ นิพฺพุตึ;
จิรลฺลิฏฺโปิ สํสาเร, กรุณาเยว เกวล’นฺติ. –
จ วุตฺต’’นฺติ, ตมยุตฺตํ. น หิ ภควา โลกหิตาย สํสารทุกฺขมนุภวติ. น หิ กสฺสจิ ทุกฺขานุภวนํ โลกสฺส อุปการํ อาวหติ. เอวํ ปเนตํ ทสฺเสติ ตึสปารมิตาปเภทํ เหตุํ, ปารมิตาผลภูตํ นาถตฺตสงฺขาตํ ผลฺจ. ยถา จาห ‘‘มมฺหิ, อานนฺท, กลฺยาณมิตฺตํ อาคมฺม ชาติธมฺมา สตฺตา ชาติยา ปริมุจฺจนฺตี’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๑.๑๒๙; ๕.๒). ตตฺถ ภควา ยถาวุตฺตเหตูหิ สตฺตานํ วิเนยฺยภาวนิปฺผาทนปฺาพีชานิ วปิ, เหตุผเลน ปริปกฺกินฺทฺริยภาเวน ปรินิปฺผนฺนวิเนยฺยภาเว สตฺเต วินยิ, สํสารทุกฺขโต โมจยีติ อตฺโถ. น เอวํ สํสารทุกฺเขน โลกสฺส อุปการํ กิฺจิ อกาสิ, ตสฺมา กโรนฺโต อติทุกฺกรานิ โลกหิตายาติ สมฺพนฺโธ. อิมิสฺสา โยชนาย สพฺพปมสฺส โพธิสตฺตสฺส อุปฺปตฺติกาลโต ปฏฺาย โพธิสตฺตสฺส นาถตฺตสงฺขาตปารมิตาเหตุผลาธิคโม เวทิตพฺโพ. โย นาโถติ หิ สมฺพนฺโธ อธิปฺเปโต. อิมสฺส ปนตฺถสฺส –
‘‘ยเทว ¶ ปมํ จิตฺต-มุปฺปนฺนํ ตว โพธเย;
ตฺวํ ตเทวสฺส โลกสฺส, ปูชิเก ปริวสิตฺถ’’. –
อิติ วจนํ สาธกํ. ปมจิตฺตสฺส ปารมิตาภาโว รุกฺขสฺส องฺกุรโต ปฏฺาย อุปฺปตฺติอุปมาย สาเธตพฺโพ. เอตฺถาห – ‘‘เขทํ คโตติ วจนํ นิรตฺถกํ ¶ , ยถาวุตฺตนเยน คุณสาธนาสมฺภวโต’’ติ? น, อนฺตรา อนิวตฺตนกภาวทีปนโต. ทุกฺกรานิ กโรนฺโต เขทํ คโต เอว, น อนฺตรา เขทํ อสหนฺโต นิวตฺตตีติ ทีเปติ. โลกทุกฺขาปนยนกามสฺส วา ภควโต อตฺตโน ทุกฺขานุภวนสมตฺถตํ ทสฺเสติ.
‘‘ยสฺส กสฺสจิ วรโทสฺสํ, ยาวาหํ สพฺพสตฺตทุกฺขานิ;
สพฺพานิ สพฺพกาลํ ยุคํ, ปทฺมสฺเสว พุชฺฌนฺโตมฺหี’’ติ. –
เอวํอธิปฺปายสฺส อตฺตมตฺตทุกฺขานุภวนสมตฺถตาย กาเยว กถาติ อติสยํ อตฺถํ ทสฺเสตีติ อตฺโถ. อถ วา เขทํ คโตติ พฺยาปารํ ปริจยํ คโตติปิ อตฺโถ สมฺภวติ. กมฺมาทีสุ สพฺยาปารํ ปุริสํ ทิสฺวา สนฺติ หิ โลเก วตฺตาโร ‘‘ขินฺโนยํ กมฺเม, ขินฺโนยํ สตฺเต’’ติอาทิ. อิมิสฺสา โยชนาย นาโถติ อิมินา พุทฺธตฺตาธิคมสิทฺธํ โกฏิปฺปตฺตํ นาถภาวํ ปตฺวา ิตกาโล ทสฺสิโตติ เวทิตพฺโพ. เกจิ ‘‘มหาการุณิกสฺสาติ วทนฺโต พุทฺธภูตสฺสาติ ทสฺเสตี’’ติ ลิขนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ วิย, โพธิสตฺตกาเลปิ ตพฺโพหารสพฺภาวโต. ตสฺมา โส เอตฺตกํ กาลํ ทุกฺกรานิ กโรนฺโต อวสาเน ทุกฺกรปารมิตาปาริปูริยา ตาสํ ผลภูตํ นาถภาวํ ปตฺวา โลกหิตาย พฺยาปารํ คโตติ อยมตฺโถ นิทสฺสิโต โหติ. ‘‘โพธึ คโต’’ติ วุตฺเตปิ สุพฺยตฺตํ เหตุผลํ ทสฺสิตํ โหติ. พุทฺธภาวปฺปตฺตสฺเสว จ นาถสฺส นโม กโต โหติ วิเสสวจนสพฺภาวโต, น โพธิสตฺตสฺส. เอวํ สนฺเตปิ วินยาธิกาโร อิธาธิปฺเปโต. โส จ ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย ยาวมรณกาลา โหติ. ตํ อติวิย ปริตฺตํ กาลํ ลชฺชิโน อติสุกรํ สีลมตฺตํ เอกกสฺส อตฺตโน หิตาย อตฺตมตฺตทุกฺขาปนยนาธิปฺปาเยน ปริปูเรนฺโต โก นาม อิธโลกปรโลกาติกฺกมสุขํ น คจฺเฉยฺย, นนุ ภควา สกลโลกทุกฺขาปนยนาธิปฺปาเยน กปฺปโกฏีหิปิ อปฺปเมยฺยํ กาลํ กโรนฺโต อติทุกฺกรนิรสฺสาทํ เขทํ คโตติ อฺาปเทเสน คุณํ วณฺเณติ อาจริโย.
โลกหิตายาติ เอตฺถ โลกิยติ เอตฺถ ทุกฺขนฺติ โลโก, ลุยเต วา ชาติชรามรณทุกฺเขหีติ โลโก, อิมินา สตฺตโลกํ ชาติโลกฺจ สงฺคณฺหาติ. ตสฺมา ตสฺส สตฺตโลกสฺส ¶ อิธโลกปรโลกหิตํ อติกฺกนฺตปรโลกานํ วา อุจฺฉินฺนโลกสมุทยานํ โลกานํ ¶ , อิธ ชาติโลเก โอกาสโลเก วา ทิฏฺธมฺมสุขวิหารสงฺขาตฺจ หิตํ สมฺปิณฺเฑตฺวา โลกสฺส, โลกานํ, โลเก วา หิตนฺติ สรูเปกเทเสกเสสํ กตฺวา ‘‘โลกหิต’’มิจฺเจวาห. นาโถติ สพฺพสตฺตานํ อาสยานุสยจริยาธิมุตฺติเภทานุรูปธมฺมเทสนสมตฺถตาย ‘‘ธมฺมํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิ…เป… ตํ สุณาถา’’ติ (ม. นิ. ๓.๔๒๐) เอวํ ยาจนฏฺเนาปิ นาถเตติ นาโถ. ภิกฺขูนํ วีติกฺกมานุรูปํ สิกฺขาปทปฺาปเนน ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกาย จ กรุณาย อุปคนฺตฺวา ตปติ, สุตฺตนฺตวเสน วา เตสํ สพฺพสตฺตานํ อนุสยิเต กิเลเส กรุณาย จ ปฺาย จ อุปคนฺตฺวา ตปติ, อภิธมฺมวเสน วา เต เต สงฺขาเร อนิจฺจาทิลกฺขณวเสน อุปปริกฺขิตฺวา อตฺตโน กิเลเส ปฺาย อุเปจฺจ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ตปตีติ ตปนฏฺเนาปิ นาถเตติ นาโถ. สเทวเก โลเก อปฺปฏิปุคฺคลตฺตา เกนจิ อปฺปฏิหตธมฺมเทสนตฺตา ปรมจิตฺติสฺสริยปฺปวตฺติโต จ อิสฺสริยฏฺเนาปิ นาถเตติ นาโถ. ‘‘ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสสิ สมาทเปสิ สมุตฺเตเชสิ สมฺปหํเสสี’’ติ (มหาว. ๙๐) วจนโต สมฺปหํสนสงฺขาเตน อาสีสฏฺเน, ปณิธานโต ปฏฺาย ‘‘กถํ นามาหํ มุตฺโต โมจยิสฺสามี’’ติอาทินา นเยน อาสีสฏฺเน วา นาถเตติ นาโถติ เวทิตพฺโพ, สมฺมาสมฺพุทฺโธ. จตูหิปิ นาถงฺเคหิ จตุเวสารชฺชจตุปฏิสมฺภิทาทโย สพฺเพปิ พุทฺธคุณา โยเชตพฺพา, อติวิตฺถาริกภยา ปน น โยชิตา.
นโมติ ปรมตฺถโต พุทฺธคุณพหุมานปพฺภารา จิตฺตนติ, จิตฺตนติปฺปภวา จ วจีกายนติ. อตฺถุ เมติ ปาเสเสน สมฺพนฺโธ. มหาการุณิกสฺสาติ เอตฺถ สพฺพสตฺตวิสยตฺตา มหุสฺสาหปฺปภวตฺตา จ มหตี กรุณา มหากรุณา. ตตฺถ ปณิธานโต ปฏฺาย ยาวอนุปาทิเสสนิพฺพานปุรปฺปเวสา นิยุตฺโตติ มหาการุณิโก, ภควา. เอตฺถ จ มหาการุณิกสฺสาติ อิมินา ยถาวุตฺตเหตุมูลํ ทสฺเสติ. นิกฺกรุโณ หิ ปรทุกฺเขสุ อุทาสิโน พุทฺธตฺถาย ปณิธานมตฺตมฺปิ อติภาริยนฺติ มฺนฺโต อปฺปเมยฺยํ กาลํ อติทุกฺกรํ เหตุํ ปูเรตฺวา นาถตฺตสงฺขาตํ เหตุผลปฺปโยชนภูตํ โลกหิตํ กถํ กริสฺสติ. ตสฺมา สพฺพคุณมูลภูตตฺตา มหากรุณาคุณเมว วณฺเณนฺโต ‘‘นโม มหาการุณิกสฺสา’’ติ อาห. เอตฺตาวตา เหตุอนุรูปํ ผลํ, ผลานุรูโป ¶ เหตุ, ทฺวินฺนมฺปิ อนุรูปํ มูลํ, ติณฺณมฺปิ อนุรูปํ ปโยชนนฺติ อยมตฺโถ ทสฺสิโต โหติ.
เอวํ อจฺฉริยปุริโส, นาโถ นาถคุเณ ิโต;
นโมรโห อนาถสฺส, นาถมานสฺส สมฺปทํ.
เอตฺถ ¶ สิยา ‘‘อเนเกสุ ภควโต คุเณสุ วิชฺชมาเนสุ กสฺมา ‘มหาการุณิกสฺสา’ติ เอกเมว คหิต’’นฺติ? อุจฺจเต –
โทสหีนสฺส สตฺถสฺส, โจทนา ตุ น วิชฺชเต;
โทสยุตฺตมสตฺถฺจ, ตสฺมา โจทนา อปตฺตกาติ.
น มยา โจทนา กตา, กินฺตุ ปุจฺฉา เอว กตา. อปิจ –
‘‘ผลํ สติปิ รุกฺเขฑฺเฒ, น ปตตฺยวิกมฺปิเต;
โจทนา ยา’ตฺถุ สตฺถานํ, ปุจฺฉนาตฺยตฺถผลํ มหตา.
‘‘นโภตฺตุํ กุรุเต สมฺมา, คหิตุํ นาฑฺฒเต ฆฏํ;
อกฺเขเป หิ กเต ตทิ-จฺฉิสฺสาณาพุทฺธิพนฺธนํ.
‘‘ยถา หิมปโท ปทฺโธ, ปพุทฺโธ คนฺธลิมฺปิยา;
ภินฺนตฺถวิรมสฺเสวํ, สตฺถกตาตฺถลิมฺปิยา’’ติ. –
เอวํ เจกํ –
สมฺมาปิ โจทนา ตํ ขลุ, คุรโว วิวากฺยา วิวทฺธ;
ยติสิสฺสา อาฆฏฺฏิตาติ-วากฺเยนาภฺยธิกํ โคปย.
สรวตี อาเจรํ กิลิฏฺา, ตทิจฺฉิสฺสชิตาตฺตานํ;
ชยตฺยตฺตานมาเจโร, สทสฺสสฺเสว สารถีติ. –
อตฺโรจฺจเต –
ยสฺส หิ วากฺยสหสฺสํ, วากฺเย วากฺเย สตฺจ ชิวฺหา;
นามํ ทสพลคุณปเทสํ, วตฺตุํ กปฺเปนปิ น สกฺกา.
พุทฺโธปิ พุทฺธสฺส ภเณยฺย วณฺณํ,
กปฺปมฺปิ เจ อฺมภาสมาโน;
ขีเยถ กปฺโป จิรทีฆมนฺตเร,
วณฺโณ น ขีเยถ ตถาคตสฺสาติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๓๐๔; ๓.๑๔๑; ม. นิ. อฏฺ. ๒.๔๒๕; อุทา. อฏฺ. ๕๓; จริยา. อฏฺ. นิทานกถา) –
โจตฺตตฺตา น สกฺกา ภควตํ คุณานมวเสสาภิธาตุํ.
อปิจ –
ยถา ตฺวํ สตฺตานํ, ทสพล ตถา าณกรุณา;
คุณทฺวนฺทํ เสฏฺํ, ตว คุณคณา นาม ติคุณาติ. –
สพฺพคุณเสฏฺตฺตา มูลตฺตา จ เอกเมว วุตฺตํ. อถ วา ‘‘ฉสุ อสาธารณาเณสุ อฺตรตฺตา ตคฺคหเณน เสสาปิ คหิตาว สหจรณลกฺขเณนา’’ติ จ วทนฺติ. วิเสสโต ปเนตฺถ อภิธมฺมสฺส เกวลํ ปฺาวิสยตฺตา อภิธมฺมฏฺกถารมฺเภ อาจริเยน ‘‘กรุณา วิย สตฺเตสุ, ปฺา ยสฺส มเหสิโน’’ติ ปฺาคุโณ วณฺณิโต เตสํ เตสํ สตฺตานํ อาสยานุสยจอยาธิมุตฺติเภทานุรูปปริจฺฉินฺทนปฺาย, สตฺเตสุ มหากรุณาย จ อธิการตฺตา. สุตฺตนฺตฏฺกถารมฺเภ ‘‘กรุณาสีตลหทยํ, ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตม’’นฺติ ภควโต อุโภปิ ปฺากรุณาคุณา วณฺณิตา. อิธ ปน วินเย อาสยาทินิรเปกฺขํ เกวลํ กรุณาย ปากติกสตฺเตนาปิ อโสตพฺพารหํ สุณนฺโต, อปุจฺฉิตพฺพารหํ ปุจฺฉนฺโต, อวตฺตพฺพารหฺจ วทนฺโต สิกฺขาปทํ ปฺเปสีติ กรุณาคุโณเยเวโก วณฺณิโตติ เวทิตพฺโพ.
ปฺาทยา อตฺตปรตฺถเหตู,
ตทนฺวยา สพฺพคุณา ชินสฺส;
อุโภ คุณา เต คุณสาครสฺส,
วุตฺตา อิธาจริยวเรน ตสฺมา.
เอตฺตาวตา ¶ อฏฺกถาทิคาถา,
สมาสโต วุตฺตปทตฺถโสภา;
อยมฺปิ วิตฺถารนโยติ จาหํ,
อุทฺธํ อิโต เต ปฏิสํขิปามิ.
ทุติยคาถาย ¶ อสมฺพุธนฺติ ธมฺมานํ ยถาสภาวํ อพุชฺฌนฺโต. พุทฺธนิเสวิตนฺติ พุทฺธานุพุทฺธปจฺเจกพุทฺเธหิ โคจรภาวนาเสวนาหิ ยถารหํ นิเสวิตํ. ภวา ภวนฺติ วตฺตมานภวโต อฺํ ภวํ คจฺฉติ อุปคจฺฉติ, ปฏิปชฺชตีติ อตฺโถ. อถ วา ภโวติ สสฺสตทิฏฺิ. ตสฺส ปฏิปกฺขตฺตา อภโวติ อุจฺเฉททิฏฺิ. ภโวติ วา วุทฺธิ. อภโวติ หานิ. ภโวติ วา ทุคฺคติ. อภโวติ สุคติ. ‘‘อปฺปมาณา ธมฺมา, อเสกฺขา ธมฺมา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ติกมาติกา ๑๓, ๑๑) วิย หิ วุทฺธิอตฺถตฺตา อการสฺส. ภาวยตีติ ภโว, ชาติ. ภวตีติ วา ภโว. สวิการา พหุวิธขนฺธุปฺปตฺติ ทีปิตา. อภโวติ วินาโส, ชาติภาวํ มรณภาวฺจ คจฺฉตีติ วุตฺตํ โหติ. เอตฺถ อรหนฺตานํ มรณมฺปิ ขณิกวเสน คเหตพฺพํ. ภเวสุ อภโว ภวาภโว, ตํ ภวาภวํ, ภเวสุ อภาวปฺตฺตึ คจฺฉตีติ อตฺโถ. ชีวโลโกติ สตฺตโลโก, สงฺขารโลกโอกาสโลกานํ ภวาภวคมนาสมฺภวโต สตฺตโลกํ ชีวโลโกติ วิเสเสติ. อวิชฺชาทิกิเลสชาลวิทฺธํสิโนติ เอตฺถ นวปิ โลกุตฺตรธมฺมา สงฺคหํ คจฺฉนฺติ. อปจยคามิตา หิ จตุมคฺคธมฺมสฺส โอธิโส อวิชฺชาทิกิเลสชาลวิทฺธํโส, โส อสฺส อตฺถิ, ตทารมฺมณํ หุตฺวา ตตฺถ สหายภาวูปคมเนน นิพฺพานสฺสาปิ. ยถาห ‘‘โย โข, อาวุโส, ราคกฺขโย…เป… อิทํ วุจฺจติ นิพฺพาน’’นฺติ. อรหตฺตสฺสาปิ ตถา ราคาทิกฺขยวจนสพฺภาวโต. ผลสามฺเน ติณฺณมฺปิ ผลานํ อตฺถีติ นววิโธเปส ‘‘อวิชฺชาทิกิเลสชาลวิทฺธํสี’’ติ วุจฺจติ. อถ วา สหจรณลกฺขณกอารณตาย ปฏิปกฺขโคจรคฺคหณตา. อนภิหิโตปิ หิ ธมฺมสฺส ตตฺราภิหิโตว พุชฺฌิตพฺโพ อิติ วจนโต การณโคจรคฺคหเณน จตฺตาริปิ ผลานิ คหิตานิ. นรกาทีสุ อปตมานํ ธาเรติ สุคติยํ อุปฺปาทเนนาติ ธมฺโม. ปุน สุคติมฺหิ อชนนการี อกุสลธมฺเม นิวาเรตฺวา โปเสติ ปวตฺเตติ วฑฺเฒตีติ ธมฺโม. โส ปน กามรูปารูปเภทโต ติวิโธ อจฺจนฺตสุขาวหนโต, ตโตปิ อุตฺตมตฺตา ธมฺมวโร.
เอตฺถาห – ‘‘จตุนฺนํ, ภิกฺขเว, อริยสจฺจานํ อนนุโพธา อปฺปฏิเวธา เอวมิทํ ทีฆมทฺธานํ สนฺธาวิตํ สํสริต’นฺติ (ที. นิ. ๒.๑๕๕; มหาว. ๒๘๗) วจนโต จตุสจฺจธมฺมํ อสมฺพุธํ ภวา ภวํ คจฺฉติ ชีวโลโกติ สิทฺธํ. ตสฺมา ยํ อสมฺพุธํ คจฺฉติ, ตสฺเสว ¶ ‘‘ตสฺสา’’ติ อนฺเต ตํนิทฺเทเสน นิยมนโต จตุสจฺจธมฺโมปิ อวิชฺชาทิกิเลสชาลวิทฺธํสี ¶ ธมฺมวโรติ จาปชฺชติ. อฺถา ‘‘นโม อวิชฺชาทิกิเลสชาลวิทฺธํสิโน ธมฺมวรสฺส ตสฺสา’’ติ ตํนิทฺเทเสน สมานวิภตฺติกรณํ น ยุชฺชติ อติปฺปสงฺคนิยมนโต, ‘‘อวิชฺชาทิกิเลสชาลวิทฺธํสิโน ธมฺมวรสฺสา’’ติ วจนํ วิเสสนวจนํ. ตสฺมา ทุกฺขสมุทยสจฺจานํ ตพฺภาวปฺปสงฺโค นตฺถีติ เจ? น, ตํนิทฺเทเสน สมานวิภตฺติฏฺาเน อวิเสสิตตฺตา. อปิ จ มคฺคสจฺจนิโรธสจฺเจสุ ผลานํ อปริยาปนฺนตฺตา นว โลกุตฺตรธมฺมา สงฺคหิตาติ วจนวิโรโธ, ผลานํ อสงฺคเห เวรฺชกณฺฑวณฺณนายํ น เกวลํ อริยมคฺโค เจว นิพฺพานฺจ, อปิ จ อริยผลธมฺเมหิ สทฺธึ ปริยตฺติธมฺโมปิ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ราควิราคมเนชมโสกํ…เป… ธมฺมมิมํ สรณตฺถมุเปหี’’ติ (วิ. ว. ๘๘๗) วจนวิโรโธ จาติ ปุพฺพาปรวิรุทฺธา เอสา คาถา สาสนวิรุทฺธา จา’’ติ? วุจฺจเต – สพฺพเมตมยุตฺตํ วุตฺตคาถตฺถาชานนโต. เอตฺถ หิ อาจริเยน ปวตฺติปวตฺติเหตุวิสยวิภาโค จ ทสฺสิโต. กถํ? ตตฺถ อสมฺพุธนฺติ อสมฺโพโธ, โส อตฺถโต อวิชฺชา, ตาย จ ตณฺหุปาทานานิ คหิตานิ, ตโยปิ เต ธมฺมา สมุทยสจฺจํ, ภวาภวนฺติ เอตฺถ ทุกฺขสจฺจํ วุตฺตํ. สุคติทุคฺคติปฺปเภโท หิ ภโว อตฺถโต ปฺจุปาทานกฺขนฺธา โหนฺติ. ‘‘เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหตี’’ติ (มหาว. ๑) วจนโต ทุกฺขปฺปวตฺติ ปวตฺติ นาม, ทุกฺขสมุทโย ปวตฺติเหตุ นาม, อวิชฺชาสงฺขาตสฺส จ ปวตฺติเหตุสฺส อคฺคหิตคฺคหเณน นิโรธมคฺคสจฺจทฺวยํ วิสโย นาม. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ตตฺถ กตมา อวิชฺชา? ทุกฺเข อฺาณํ…เป… ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฏิปทาย อฺาณ’’นฺติ (วิภ. ๒๒๖).
เอตฺถ จ นิโรธสจฺจํ พุทฺเธน โคจราเสวนาย อาเสวิตํ, มคฺคสจฺจํ ภาวนาเสวนาย. เอตฺตาวตา อสมฺพุธํ พุทฺธนิเสวิตํ ยนฺติ อุปโยคปฺปตฺโต โย วิสโย นิโรโธ จ มคฺโค จ, ตสฺส ยถาวุตฺตาวิชฺชาทิกิเลสชาลตฺตยวิทฺธํสิโน นโม ธมฺมวรสฺสาติ อยํ คาถาย อตฺโถ. ปริยตฺติธมฺโมปิ กิเลสวิทฺธํสนสฺส สุตฺตนฺตนเยน อุปนิสฺสยปจฺจยตฺตา กิเลสวิทฺธํสนสีลตาย ‘‘อวิชฺชาทิกิเลสชาลวิทฺธํสี’’ติ วตฺตุํ สมฺภวติ. เอวฺหิ สติ ราควิราคาติ คาถตฺโถ, โส ธมฺมํ เทเสติ…เป… พฺรหฺมจริยํ ปกาเสตีติ สุตฺตตฺโถ จ อเสสโต คหิโต โหติ. อถ ¶ วา อิมาย คาถาย เกวลํ ปริยตฺติธมฺโมว คหิโต โหติ, ยํ สนฺธายาห ‘‘โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ…เป… พฺรหฺมจริยํ ปกาเสตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๙๐; ปารา. ๑), ตมฺปิ อสมฺพุธํ พุทฺเธเหว นิเสวิตํ โคจราเสวนาย อนฺนิเสวิตํ. ยถาห ‘‘ภควํมูลกา โน, ภนฺเต, ธมฺมา ภควํเนตฺติกา ภควํปฏิสรณา…เป… ภควโต สุตฺวา ภิกฺขู ธาเรสฺสนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๔๖).
ตติยคาถาย ¶ สีลาทโย กิฺจาปิ โลกิยโลกุตฺตรา ยถาสมฺภวํ ลพฺภนฺติ, ตถาปิ อนฺเต ‘‘อริยสงฺฆ’’นฺติ วจนโต สีลาทโย จตฺตาโร ธมฺมกฺขนฺธา โลกุตฺตราว. เอตฺถ จ ‘‘สีลสมาธิปฺาวิมุตฺติวิมุตฺติาณปฺปภุตีหี’’ติ วตฺตพฺเพ สรูเปกเสสํ กตฺวา ‘‘วิมุตฺติาณปฺปภุตีหี’’ติ วุตฺตํ. เอตฺถ จ กิฺจาปิ วิมุตฺตีติ ผลธมฺมาว สุตฺเต อธิปฺเปตา, ตถาปิ ‘‘มคฺคา วุฏฺหิตฺวา มคฺคํ ปจฺจเวกฺขติ. ปหีเน กิเลเส ปจฺจเวกฺขติ. ผลํ ปจฺจเวกฺขติ. นิพฺพานํ ปจฺจเวกฺขตี’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๑๐) วจนโต มคฺคาทิปจฺจเวกฺขณาณํ วิมุตฺติาณนฺติ เวทิตพฺพํ. วิมุตฺติ วิโมกฺโข ขโยติ หิ อตฺถโต เอกํ. ‘‘ขเย าณํ อนุปฺปาเท าณนฺติ (ธ. ส. ทุกมาติกา ๑๔๒; ที. นิ. ๓.๓๐๔) เอตฺถ ขโย นาม มคฺโค, ราคกฺขโย โทสกฺขโยติ ผลนิพฺพานานํ อธิวจน’’นฺติ สุตฺเต อาคตเมว. ปหีนกิเลสานํ ขโย ปากติโก ขโย เอว. ปภุติ-สทฺเทน ติสฺโส วิชฺชา ฉ อภิฺา จตสฺโส ปฏิสมฺภิทาติ เอวมาทโย คุณา สงฺคหิตา. สมนฺนาคมฏฺเน อปริหีนฏฺเน จ ยุตฺโต. เขตฺตํ ชนานํ กุสลตฺถิกานนฺติ ‘‘อนุตฺตรํ ปฺุกฺเขตฺตํ โลกสฺสา’’ติ สุตฺตโต กุสลสฺส วิรุหนฏฺานตฺตา, สุตฺตนฺตนเยน อุปนิสฺสยปจฺจยตฺตา จ กามํ กุสลสฺส เขตฺตํ โหติ สงฺโฆ, น กุสลตฺถิกานํ ชนานํ. ตสฺมา น ยุชฺชตีติ เจ? น, สุตฺตตฺถสมฺภวโต. สุตฺเต ‘‘อนุตฺตรํ ปฺุกฺเขตฺตํ โลกสฺสา’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๔๑) หิ วุตฺตํ. กสฺส โลกสฺส? ปฺุตฺถิกสฺส เขตฺตํ สงฺโฆ, ปฺุุปนิสฺสยตฺตา ปฺุกฺเขตฺตํ โหติ สงฺโฆ, กุสลตฺถิกานนฺติ จ วุจฺจนฺติ. โลเกปิ หิ เทวทตฺตสฺส เขตฺตํ ยฺทตฺตสฺส เขตฺตํ สาลิยวุปนิสฺสยตฺตา สาลิเขตฺตํ ยวเขตฺตนฺติ จ วุจฺจติ. อริยสงฺฆนฺติ วิคตกิเลสตฺตา อริยํ ปริสุทฺธํ อริยานํ, อริยภาวํ วา ปตฺตํ สีลทิฏฺิสามฺเน สงฺฆตตฺตา สงฺฆํ. ‘‘อริย-สทฺเทน สมฺมุติสงฺฆํ นิวาเรตี’’ติ เกจิ ลิขนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ วิมุตฺติาณคุณคฺคหเณน วิเสสิตตฺตา. สิรสาติ ¶ อิมินา กามํ กายนตึ ทสฺเสติ, ตถาปิ อุตฺตมสงฺเฆ คุณคารเวน อุตฺตมงฺคเมว นิทฺทิสนฺโต ‘‘สิรสา นมามี’’ตฺยาห. สิรสฺส ปน อุตฺตมตา อุตฺตมานํ จกฺขุโสตินฺทฺริยานํ นิสฺสยตฺตา, เตสํ อุตฺตมตา จ ทสฺสนานุตฺตริยสวนานุตฺตริยเหตุตาย เวทิตพฺพา. เอตฺถาห – อนุสนฺธิกุสโล
‘‘อุโปคฺฆาโต ปทฺเจว, ปทตฺโถ ปทวิคฺคโห;
โจทนาปฺรตฺยวชฺชานํ, พฺยาขฺยา ตนฺตสฺส ฉพฺพิธา’’ติ. –
เอวมวตฺวา กสฺมา รตนตฺตยปณามํ ปมํ วุตฺตนฺติ? วุจฺจเต – สตาจารตฺตา. อาจาโร กิเรส สปฺปุริสานํ, ยทิทํ สํวณฺณนารมฺเภ รตนตฺตยปูชาวิธานํ. ตสฺมา ‘‘สตาจารโต ภฏฺา มา มยํ โหมา’’ติ ¶ กรียติ, จตุคมฺภีรภาวยุตฺตฺจ วินยปิฏกํ สํวณฺเณตุกามสฺส มหาสมุทฺทํ โอคาหนฺตสฺส วิย ปฺาเวยฺยตฺติยสมนฺนาคตสฺสาปิ มหนฺตํ ภยํ โหติ, ภยกฺขยาวหฺเจตํ รตนตฺตยคุณานุสฺสรณชนิตํ ปณามปูชาวิธานํ. ยถาห ‘‘เอวํ พุทฺธํ สรนฺตาน’’นฺติอาทิ (สํ. นิ. ๑.๒๔๙). อปิจาจริโย สตฺถุปูชาวิธาเนน อสตฺถริ สตฺถาภินิเวสสฺส โลกสฺส ยถาภูตํ สตฺถริ เอว สมฺมาสมฺพุทฺเธ สตฺถุสมฺภาวนํ อุปฺปาเทติ, อสตฺถริ สตฺถุสมฺภาวนํ ปริจฺจชาเปติ, ‘‘ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ อตฺตโน ทหตี’’ติ วุตฺตโทสํ ปริหรติ. อนฺตรายพหุลตฺตา ขนฺธสนฺตติยา วิปฺปกตาย วินยสํวณฺณนาย อตฺตโน อายุวณฺณสุขพลานํ ปริกฺขยสมฺภวาสงฺกาย ‘‘อภิวาทนสีลิสฺส…เป… อายุ วณฺโณ สุขํ พล’’นฺติ (ธ. ป. ๑๐๙) วุตฺตานิสํเส ยาว สํวณฺณนาปริโยสานา ปตฺเถติ. อปิ เจตฺถ พุทฺธสฺส ภควโต ปณามปูชาวิธานํ สมฺมาสมฺพุทฺธภาวาธิคมตฺถํ พุทฺธยานํ ปฏิปชฺชนฺตานํ อุสฺสาหํ ชเนติ. โลกิยโลกุตฺตรเภทสฺส, โลกุตฺตรสฺเสว วา สทฺธมฺมสฺส ปูชาวิธานํ ปจฺเจกพุทฺธภาวาธิคมตฺถํ ปจฺเจกพุทฺธยานํ ปฏิปชฺชนฺตานํ อุสฺสาหํ ชเนติ. สทฺธมฺมปฏิเวธมตฺตาภิลาสิโน หิ เต. ปรมตฺถสงฺฆปูชาวิธานํ ปรมตฺถสงฺฆภาวาธิคมตฺถํ สาวกยานํ ปฏิปชฺชนฺตานํ อุสฺสาหํ ชเนติ, มงฺคลาทีนิ วา สาตฺถานิ อนนฺตรายานิ จิรฏฺิติกานิ พหุมตานิ จ ภวนฺตีติ เอวํลทฺธิกานํ จิตฺตปริโตสนตฺถํ ‘‘ปูชา จ ปูชเนยฺยาน’’นฺติ ภควตา ปสตฺถมงฺคลํ กโรติ. วุจฺจเต จ –
‘‘มงฺคลํ ¶ ภควา พุทฺโธ, ธมฺโม สงฺโฆ จ มงฺคลํ;
มงฺคลาทีนิ สาตฺถานิ, สีฆํ สิชฺฌนฺติ สพฺพโส.
‘‘สตฺถุ ปูชาวิธาเนน, เอวมาที พหู คุเณ;
ลภตีติ วิชานนฺโต, สตฺถุปูชาปโร สิยา’’ติ.
เอตฺถ จ สตฺถุปธานตฺตา ธมฺมสงฺฆานํ ปูชาวิธานํ สตฺถุปูชาวิธานมิจฺเจว ทฏฺพฺพํ สาสนโต โลกโต จ. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘สตฺถา’’ติ ธมฺโม สุคเตน วุตฺโต;
นิพฺพานกาเล ยมโต ส สตฺถา;
สุวตฺถิคาถาสุ ‘‘ตถาคโต’’ติ;
สงฺโฆ จ วุตฺโต ยมโต ส สตฺถา.
กิฺจ ¶ ภิยฺโย –
ธมฺมกาโย ยโต สตฺถา, ธมฺโม สตฺถา ตโต มโต;
ธมฺมฏฺิโต โส สงฺโฆ จ, สตฺถุสงฺขฺยํ นิคจฺฉติ.
สนฺติ หิ โลเก วตฺตาโร โกสคตํ อสึ คเหตฺวา ิตํ ปุริสํ วิสุํ อปรามสิตฺวา ‘‘อสึ คเหตฺวา ิโต เอโส’’ติ. เตเนวาห จาริยมาตฺรจฺเจวา –
‘‘นมตฺถุ พุทฺธรตฺนาย, ธมฺมรตฺนาย เต นโม;
นมตฺถุ สงฺฆรตฺนาย, ติรตฺนสมวานยี’’ติ.
อปิจ สพฺพธมฺเมสุ อปฺปฏิหตาณนิมิตฺตานุตฺตรวิโมกฺขปาตุภาวาภิสงฺขาตํ ขนฺธสนฺตานมุปาทาย ‘‘พุทฺโธ’’ติ ยทิ ปฺาปิยติ, ธมฺโม ปณามารโหติ กา เอว กถา, สงฺโฆ จ ‘‘สงฺเฆ โคตมิ เทหิ, สงฺเฆ เต ทินฺเน อหฺเจว ปูชิโต ภวิสฺสามิ สงฺโฆ จา’’ติ วุตฺตตฺตา ภาชนนฺติ ทีเปติ. อถ วา ‘‘พุทฺธสุโพธิโต ธมฺโม อาจริยปรมฺปราย สุวณฺณภาชเน ปกฺขิตฺตเตลมิว อปริหาเปตฺวา ยาวชฺชตนา อาภตตฺตา เอว มาทิสานมฺปิ โสตทฺวารมนุปฺปตฺโต’’ติ สงฺฆสฺส อาจริโย อตีว อาทเรน ปณามํ กโรติ ‘‘สิรสา นมามี’’ติ.
เอวํ ¶ อเนกวิธํ ปณามปฺปโยชนํ วทนฺติ, อาจริเยน ปน อธิปฺเปตปฺปโยชนํ อตฺตนา เอว วุตฺตํ ‘‘อิจฺเจวมจฺจนฺตนมสฺสเนยฺย’’นฺติอาทินา จตุตฺถคาถาย. อิจฺเจวนฺติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท รตนตฺตยปูชาวิธานปริสมตฺตตฺโถ. ยทิ เอวํ ยถาวิหิตมตฺตเมว ปูชาวิธานํ อรหติ รตนตฺตยํ, น ตโต อุทฺธนฺติ อาปชฺชตีติ อนิฏฺปฺปสงฺคนิวารณตฺถํ ‘‘เอวมจฺจนฺตนมสฺสเนยฺย’’นฺติ อาห. ตตฺถ เอวนฺติ อิมินา ยถาวุตฺตวิธึ ทสฺเสติ. ยถาวุตฺเตน วิธินา, อฺเน วา ตาทิเสน อจฺจนฺตเมว มุหุตฺตมปิ อฏฺตฺวา อภิกฺขณํ นิรนฺตรํ นิยเมน นมสฺสนารหํ นมสฺสมานสฺส หิตมหปฺผลกรณโตติ อตฺโถ. เอวํวิธํ ทุลฺลภฏฺเน มหปฺผลฏฺเน จ สิทฺธํ รตนภาวํ รตนตฺตยํ นมสฺสมาโน ยํ ปฺุาภิสนฺทํ อลตฺถํ อลภึ. อกุสลมลํ ตทงฺคาทิปฺปหาเนน ปุนาตีติ ปฺุํ. กิเลสทรถปฺปฏิปฺปสฺสทฺธิยา สีตลตฺตา จิตฺตํ อภิสนฺเทตีติ อภิสนฺโท. ปฺฺุจ ตํ อภิสนฺโท จาติ ปฺุาภิสนฺโท, ตํ ปฺุาภิสนฺทํ. คณฺิปเท ปน ‘‘ปฺุมหตฺตํ’’นฺติ ภณนฺติ, ‘‘วิปุล’’นฺติ วจนโต โส อตฺโถ น ยุชฺชตีติ อาจริโย. อถ วา ปฺุานํ อภิสนฺโท ปฺุาภิสนฺโท ¶ , ตํ ปฺุาภิสนฺทํ. สนฺท สวเนติ ธาตุ. ตสฺมา ปฺุโสตํ ปฺุุสฺสยนฺติ อตฺโถ ยุชฺชติ, ตํ ปน วิปุลํ, น ปริตฺตนฺติ ทสฺสิตํ วิปุล-สทฺเทน.
ปฺจมคาถา ยสฺมึ วินยปิฏเก ปาฬิโต จ อตฺถโต จ อนูนํ ลชฺชีปุคฺคเลสุ ปวตฺตนฏฺเน ิเต สกลํ ติวิธมฺปิ สาสนํ เตสฺเวว ปุคฺคเลสุ ปติฏฺิตํ โหติ. กสฺส สาสนนฺติ เจ? อฏฺิตสฺส ภควโต. ภควา หิ ิติเหตุภูตาย อุจฺเฉททิฏฺิยา อภาเวน อฏฺิโตติ วุจฺจติ. อุจฺเฉททิฏฺิโก หิ ปรโลเก นิรเปกฺโข เกวลํ กามสุขลฺลิกานุโยคมนุยฺุชนฺโต ติฏฺติ, น ปรโลกหิตานิ ปฺุานิ กตฺตุํ พฺยาวโฏ โหติ, สสฺสตทิฏฺิโก ตานิ กตฺตุํ อายูหติ. ภควา ปน ตถา อติฏฺนฺโต อนายูหนฺโต มชฺฌิมํ ปฏิปทํ ปฏิปชฺชนฺโต สยฺจ โอฆํ ตริ, ปเร จ ตาเรสิ. ยถาห ‘‘อปฺปติฏฺํ ขฺวาหํ, อาวุโส, อนายูหํ โอฆมตริ’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๑). จตุพฺรหฺมวิหารวเสน สตฺเตสุ สุฏฺุ สมฺมา จ ิตสฺสาติ อตฺถวเสน วา สุสณฺิตสฺส. สุสณฺิตตฺตา เหส เกวลํ สตฺตานํ ทุกฺขํ อปเนตุกาโม หิตํ อุปสํหริตุกาโม สมฺปตฺติยา จ ปโมทิโต อปกฺขปติโต จ หุตฺวา วินยํ เทเสติ, ตสฺมา อิมสฺมึ ¶ วินยสํวณฺณนาธิกาเร สารุปฺปาย ถุติยา โถเมนฺโต อาห ‘‘สุสณฺิตสฺสา’’ติ. คณฺิปเท ปน ‘‘มนาปิเย จ โข, ภิกฺขเว, กมฺมวิปาเก ปจฺจุปฏฺิเต’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๕; ม. นิ. อฏฺ. ๒.๓๘๖) สุตฺตสฺส, ‘‘สุสณฺานา สุรูปตา’’ติ (ขุ. ปา. ๘.๑๑) สุตฺตสฺส จ วเสน สุสณฺิตสฺสาติ อตฺโถ วุตฺโต, โส อธิปฺเปตาธิการานุรูโป น โหติ. อมิสฺสนฺติ กึ วินยํ อมิสฺสํ, อุทาหุ ปุพฺพาจริยานุภาวนฺติ? โนภยมฺปิ. อมิสฺสา เอว หิ วินยฏฺกถา. ตสฺมา ภาวนปุํสกวเสน อมิสฺสํ ตํ วณฺณยิสฺสนฺติ สมฺพนฺโธ. ปุพฺพาจริยานุภาวนฺติ อฏฺกถา ‘‘ยสฺมา ปุเร อฏฺกถา อกํสู’’ติ วจนโต เตสํ อานุภาโว นาม โหติ. กิฺจิ อปุพฺพํ ทิสฺวา สนฺติ หิ โลเก วตฺตาโร ‘‘กสฺเสส อานุภาโว’’ติ. อถ วา ภควโต อธิปฺปายํ อนุคนฺตฺวา ตํตํปาเ อตฺถํ ภาวยติ วิภาวยติ, ตสฺส ตสฺส วา อตฺถสฺส ภาวนา วิภาวนาติ อานุภาโว วุจฺจติ อฏฺกถา.
ปุพฺพาจริยานุภาเว สติ กึ ปุน ตํ วณฺณยิสฺสนฺติ อิมินา อารมฺเภนาติ ตโต วุจฺจนฺติ ฉฏฺสตฺตมฏฺมนวมคาถาโย. ตตฺถ อริยมคฺคาณมฺพุนา นิทฺโธตมลตฺตา วิสุทฺธวิชฺเชหิ, เตเนว นิทฺโธตาสวตฺตา วิสุทฺธปฏิสมฺภิเทหิ, วิสุทฺธปฏิสมฺภิทตฺตา จ สทฺธมฺมสํวณฺณนโกวิเทหีติ โยชนา เวทิตพฺพา. เกจิ ‘‘ปุพฺพาจริยาติ วุตฺเต โลกาจริยาปิ, สาสเน ราหุลาจริยาทโยปิ สงฺคยฺหนฺติ, เต อปเนตุํ กามฺจาติอาทิ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ. ‘‘ตํ วณฺณยิสฺส’’นฺติ วุตฺตตฺตา ปุพฺพฏฺกถาย อูนภาโว ทสฺสิโตติ เจ? น, จิตฺเตหิ นเยหิ สํวณฺณิโตติ ¶ ทสฺเสตุํ ‘‘กามฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สทฺธมฺมํ สํวณฺเณตุํ โกวิเทหิ, ตาย สํวณฺณนาย วา โกวิเทหิ สทฺธมฺมสํวณฺณนโกวิเทหิ.
สลฺเลขิเยติ กิเลสชาตํ พาหุลฺลํ วา สลฺลิขติ ตนุํ กโรตีติ สลฺเลโข, สลฺเลขสฺส ภาโว สลฺเลขิยํ, ตสฺมึ สลฺเลขิเย. โนสุลภูปเมหีติ อสุลภูปเมหิ. มหาวิหารสฺสาติ มหาวิหารวํสสฺส. ปฺาย อจฺจุคฺคตฏฺเน ธโช อุปมา เอเตสนฺติ ธชูปมา, เตหิ ธชูปเมหิ. สมฺพุทฺธวรํ อนุอเยหิ อนุคเตหิ สมฺพุทฺธวรนฺวเยหิ, พุทฺธาธิปฺปายานุเคหีติ อธิปฺปาโย. อิธ วร-สทฺโท ‘‘สามํ สจฺจานิ พุทฺธตฺตา สมฺพุทฺโธ’’ติ วจนโต ปจฺเจกพุทฺธาปิ สงฺคยฺหนฺติ. ตสฺมา เต อปเนตุํ วุตฺโต.
อฏฺกถาย ¶ อูนภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อตฺตโน กรณวิเสสํ ตสฺส ปโยชนฺจ ทสฺเสตุํ ‘‘สํวณฺณนา’’ติอาทิมาห. น กิฺจิ อตฺถํ อภิสมฺภุณาตีติ กิฺจิ ปโยชนํ ผลํ หิตํ น สาเธตีติ อตฺโถ ‘‘น ตํ ตสฺส ภิกฺขุโน กิฺจิ อตฺถํ อนุโภตี’’ติอาทีสุ (ปารา. ๕๓๘) วิย. อชฺเฌสนํ พุทฺธสิริวฺหยสฺสาติ อิมินา ยสฺมา สหมฺปติพฺรหฺมุนา อชฺฌิฏฺเน ธมฺโม เทสิโต ภควตา, สาริปุตฺตสฺส อชฺเฌสนํ นิสฺสาย วินโย ปฺตฺโต, ตสฺมา อยมฺปิ อาจริโย ตํ อาจริยวตฺตํ ปูเชนฺโต อิมํ สํวณฺณนํ พุทฺธสิริตฺเถรสฺส ยาจนํ นิสฺสาย อกาสีติ ทสฺเสติ. สมนุสฺสรนฺโตติ ตสฺสาภาวํ ทีเปติ อาทรฺจ.
ตโต ปรํ ทฺเว คาถาโย กตฺตพฺพวิธิทสฺสนตฺถํ วุตฺตา. เตน ตาสุ อฏฺกถาสุ วุตฺตวินิจฺฉยปจฺจยวิมตึ วิโนเทติ, เอกฏฺกถาย กุสลสฺส วา ‘‘อยํ นโย อฏฺกถายํ นตฺถี’’ติ ปฏิกฺเขปํ นิวาเรติ, อยุตฺตตฺถปริจฺจาเคน ตตฺถ อภินิวิฏฺานํ อภินิเวสํ ปริจฺจชาเปติ, เถรวาททสฺสเนน วินยวินิจฺฉยํ ปติ วินยธรานํ การโณปปตฺติโต อุหาโปหกฺกมํ ทสฺเสติ, อยุตฺตตฺเถรวาทปฏิกฺเขเปน ปุคฺคลปฺปมาณตํ ปฏิกฺขิปตีติ อิเม จานิสํสา กตฺตพฺพวิธิทสฺสเนน ทสฺสิตา โหนฺติ. สํวณฺณนํ ตฺจ สมารภนฺโต ตสฺสา สํวณฺณนาย มหาอฏฺกถํ สรีรํ กตฺวา สมารภิสฺสํ, มหาปจฺจริยมฺปิ โย วุตฺโต วินิจฺฉโย, ตเถว กุรุนฺทีนามาทีสุ โลเก วิสฺสุตาสุ อฏฺกถาสุ จ โย วุตฺโต วินิจฺฉโย, ตโตปิ วินิจฺฉยโต มหาอฏฺกถานเยน, วินยยุตฺติยา วา ยุตฺตมตฺถํ ตสฺส สรีรสฺส อลงฺการํ วิย คณฺหนฺโต สมารภิสฺสํ. กึ สํวณฺณนเมว, น อฺนฺติ ทสฺสนตฺถํ ปุน สํวณฺณนาคฺคหณํ. อถ วา อนฺโตคธตฺเถรวาทํ สํวณฺณนํ กตฺวา สมารภิสฺสนฺติ โยชนา เวทิตพฺพา. เถรวาทา หิ พหิอฏฺกถาย วิจรนฺติ. เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน จูฬปจฺจริอนฺธกอริยฏฺกถาปนฺนวาราทโยปิ สงฺคหิตา ¶ . ตตฺถ ปจฺจรี นาม สีหฬภาสาย อุฬุมฺปํ กิร, ตสฺมึ นิสีทิตฺวา กตตฺตา ตเมว นามํ ชาตํ. กุรุนฺทีวลฺลิวิหาโร นาม อตฺถิ, ตตฺถ กตตฺตา กุรุนฺที นาม ชาตา.
สมฺม สมารภิสฺสนฺติ กตฺตพฺพวิธานํ สชฺเชตฺวา อหํ ิโต, ตสฺมา ตํ เม นิสาเมนฺตูติ คาถาย ตํ สํวณฺณนํ เม มม, มยา วา วุจฺจมานนฺติ ปาเสโส ¶ . นิสาเมนฺตุ ปสฺสนฺตุ ปฺาจกฺขุนา สุณนฺตุ วา สทฺธาวีริยปีติปาโมชฺชาภิสงฺขาเรน สงฺขริตฺวา ปูชยนฺตา สกฺกจฺจํ ธมฺมํ. กสฺส ธมฺมํ? ธมฺมปฺปทีปสฺส ตถาคตสฺส. กึ ทสฺเสติ? ปทีปฏฺานิโย หิ ธมฺโม หิตาหิตปฺปกาสนโต, ปทีปธรฏฺานิโย ธมฺมธโร ตถาคโต, ตสฺมา ปรินิพฺพุเตปิ ตสฺมึ ตถาคเต ตตฺถ โสกํ อกตฺวา สกฺกจฺจ ธมฺมํ ปฏิมานยนฺตา นิสาเมนฺตูติ ทสฺเสติ. อถ วา ‘‘ธมฺมกายา ตถาคตา’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๑๘) วจนโต ธมฺโม จ โส ปทีโป จาติ ธมฺมปฺปทีโป, ภควา.
โย ธมฺมวินโย ยถา พุทฺเธน วุตฺโต, โส ตเถว พุทฺธปุตฺเตหิ สาวเกหิ าโต อวพุทฺโธ, เยหิ เตสํ พุทฺธปุตฺตานํ มตึ อธิปฺปายํ อจฺจชนฺตา นิรวเสสํ คณฺหนฺตา. ปุเรติ ปุรา, โปราณตฺเถรา วา. อฏฺกถาติ อฏฺกถาโย, อุปโยคพหุวจนํ.
ยํ อตฺถชาตํ อฏฺกถาสุ วุตฺตํ, ตํ สพฺพมฺปิ ปมาทเลขกานํ ปมาทเลขมตฺตํ วชฺชยิตฺวา. กึ สพฺเพสมฺปิ ปมาณํ? น, กินฺตุ สิกฺขาสุ สคารวานํ อิธ วินยมฺหิ ปณฺฑิตานํ, มหาอฏฺกถายํ ปน สจฺเจปิ อลิเกปิ ทุกฺกฏเมว วุตฺตํ, ตํ ปมาทเลขนฺติ เวทิตพฺพํ. ปมาทเลขํ วชฺชยิตฺวา ปมาณํ เหสฺสตีติ สมฺพนฺโธ.
ตโต จาติ อฏฺกถาสุ วุตฺตอตฺถชาตโต ตนฺติกฺกมํ ปาฬิกฺกมํ. สุตฺตนฺตา สุตฺตาวยวา. อนฺโตติ หิทํ อพฺภนฺตราวยวสมฺภาวนาทีสุ ทิสฺสติ. สุตฺตนฺเตสุ ภวา สุตฺตนฺติกา, เตสํ สุตฺตนฺติกานํ, สุตฺตนฺตคนฺเถสุ อาคตวจนานนฺติ อตฺโถ. อถ วา อมียตีติ อนฺโต, สาธียตีติ อธิปฺปาโย. เกน สาธียติ? สุตฺเตน, สุตฺตสฺส อนฺโต สุตฺตนฺโต, โก โส? โส โส อตฺถวิกปฺโป, ตสฺมึ สุตฺตนฺเต นิยุตฺตานิ วจนานิ สุตฺตนฺติกานิ. เตสํ สุตฺตนฺติกานํ วจนานมตฺถํ. ตสฺส ตสฺส อาคมสุตฺตสฺส อภิธมฺมวินยสุตฺตสฺส จานุรูปํ ปริทีปยนฺตี, อยํ ตาเวตฺถ สมาสโต อตฺถวิภาวนา – ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทีนํ (สํ. นิ. ๒.๔๑; ๕.๔๗๙; อ. นิ. ๖.๑๐; ปารา. ๑) สุตฺตนฺติกานํ วจนานมตฺถํ อาคมสุตฺตนฺตานุรูปํ. ‘‘วิวาทาธิกรณํ สิยา ¶ กุสลํ สิยา อกุสลํ สิยา อพฺยากต’’นฺติ (จูฬว. ๒๒๐) เอวมาทีนํ ¶ อภิธมฺมสุตฺตนฺติกานํ วจนานมตฺถํ อภิธมฺมสุตฺตนฺตานุรูปนฺติ เอวมาทิ. เหสฺสตีติ ภวิสฺสติ, กรียิสฺสตีติ อธิปฺปาโย. วณฺณนาปีติ เอตฺถ อปิ-สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ, โส ตสฺมาติ ปเทน โยเชตพฺโพ. กถํ? ปณฺฑิตานํ ปมาณตฺตาปิ วิตฺถารมคฺคสฺส สมาสิตตฺตาปิ วินิจฺฉยสฺส อเสสิตตฺตาปิ ตนฺติกฺกมสฺส อโวกฺกมิตตฺตาปิ สุตฺตนฺติกวจนานํ สุตฺตนฺตฏฺกถานุรูปํ ทีปนโตปิ ตสฺมาปิ สกฺกจฺจํ อนุสิกฺขิตพฺพาติ. เอตฺถ ‘‘ตนฺติกฺกมํ อโวกฺกมิตฺวา’’ติ วจเนน สิทฺเธปิ ‘‘อฏฺกถาจริยา เวรฺชกณฺฑาทีสุ ‘สุตฺตนฺติกานํ ภาโร’ติ คตา, มยํ ปน วตฺวาว คมิสฺสามา’’ติ ทสฺเสตุํ ‘‘สุตฺตนฺติกาน’’นฺติ วุตฺตํ กิร.
คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
พาหิรนิทานกถาวณฺณนา
ตทงฺควินยาทิเภเทน ¶ วินยสฺสพหุตฺตา วินโย ตาว ววตฺถเปตพฺโพ. ‘‘พุทฺเธน ธมฺโม วินโย จ วุตฺโต’’ติ ปุพฺเพ วุตฺตตฺตา อิทานิ ‘‘วุตฺตํ เยนา’’ติ น วตฺตพฺพนฺติ เจ? ตสฺส เอวมาทิวจนํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ สมฺพนฺโธ. ธาริตํ เยน จาภตํ. ยตฺถปฺปติฏฺิตฺเจตนฺติ วจนํ สกลมฺปิ วินยปิฏกํ สนฺธาย วุตฺตํ. อตฺตปจฺจกฺขวจนํ น โหตีติ อาหจฺจ ภาสิตํ น โหตีติ อธิปฺปาโย. น หิ ภควโต อตีตาทีสุ อปฺปจฺจกฺขํ กิฺจิ อตฺถิ. ยทิ อตฺตปจฺจกฺขวจนํ น โหติ, ปทโสธมฺมาปตฺตึ น ชเนยฺยาติ เจ? น, สาวกภาสิตสฺสปิ ปทโสธมฺมาปตฺติชนนโต. นิยมาภาวา อติปฺปสงฺโคติ เจ? น, ปทโสธมฺมสิกฺขาปทฏฺกถายํ ‘‘สงฺคีติตฺตยํ อารุฬฺโห’’ติ วิเสสิตตฺตา. ตถา อฏฺกถายมฺปิ สงฺคีตึ อารุฬฺหตฺตา ‘‘ขนฺธานฺจ ปฏิปาฏิ…เป… สํสาโรติ ปวุจฺจตี’’ติ (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา; วิภ. อฏฺ. ๒๒๖ สงฺขารปทนิทฺเทส) เอวมาทิวจนํ, ยฺจ สงฺคีติอารุฬฺหกฺกมานุคตํ, ตํ ปทโสธมฺมาปตฺตึ ชเนตีติ อายสฺมา อุปติสฺโส.
ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา
ปมมหาสงฺคีติ นาม จาติ เอตฺถ จ-สทฺโท อติเรกตฺโถ, เตน อฺาปิ อตฺถีติ ทีเปติ. ตมฺปิ สาลวนํ อุปคนฺตฺวา มิตฺตสุหชฺเช อปโลเกตฺวา นิวตฺตนโต อุปวตฺตนนฺติ ปากฏํ ชาตํ กิร. ยมกสาลานนฺติ เอกา กิร สาลปนฺติ สีสภาเค, เอกา ปาทภาเค. ตตฺราปิ เอโก ¶ ตรุณสาโล สีสภาคสฺส อาสนฺเน โหติ, เอโก ปาทภาคสฺส, มูลขนฺธวิฏปปตฺเตหิ อฺมฺํ สํสิพฺพิตฺวา ิตสาลานนฺติปิ วุตฺตํ. อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยาติ อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ กรณวจนํ ‘‘กตกิจฺโจ ปีติช หาส เจโต อเวรมุเขนาภตกุณฺฑเลนา’’ติอาทีสุ วิย. ปรินิพฺพาเน ปรินิพฺพานเหตุ, ตสฺมึ าเน วา มา โสจิตฺถ จิตฺเตน, มา ปริเทวิตฺถ วาจาย ‘‘ปริเทวนํ วิลาป’’นฺติ วจนโต. มหาสมเณนาติ นิสฺสกฺกตฺเถ กรณวจนํ. สูริยํ’สูภิ ปฏุกรา’ภา’ริณสฺส ตาณา อิตฺยตฺเรว. ยฺจ ภควโต อนุคฺคหํ, ตสฺส อนุคฺคหสฺสาติ อาจริยา. เอกจฺเจ ปน ‘‘ยํ ยสฺมา อหํ อนุคฺคหิโต’’ติ วทนฺติ. นิพฺพสนานีติ นิฏฺิตวสนกิจฺจานิ, มยา ปริภฺุชิตฺวา อปนีตานิ ¶ . ยทิ สุยุตฺตานิ ธาเรสฺสสีติ ปุจฺฉติ, กวจสทิสานิ สาณานิ. อิสฺสริยสทิสา นว อนุปุพฺพวิหาราทโย. อฏฺ สมาปตฺติโย นิโรธสมาปตฺติ จ ปฏิลาภกฺกเมน ‘‘อนุปุพฺพวิหารา’’ติ วุตฺตา.
อนาคเต สนฺนิกฏฺเ, ตถาตีเต จิรนฺตเน;
กาลทฺวเยปิ กวีหิ, ปุราสทฺโท ปยุชฺชเต.
สตฺถุสาสนเมว ปริยตฺติ สตฺถุสาสนปริยตฺติ, สา สุตฺตเคยฺยาทิวเสน นวงฺคา. ติปิฏกเมว สพฺพปริยตฺติปฺปเภทํ ธาเรนฺตีติ ติปิฏกสพฺพปริยตฺติปฺปเภทธรา. ‘‘วินา น สกฺกา’’ติ น วตฺตพฺพํ ‘‘ติปิฏกสพฺพปริยตฺติปฺปเภทธเร’’ติ วุตฺตตฺตา, เอวํ สนฺเตปิ อตฺถิ วิเสโส เตหิ สมฺมุขาปิ อสมฺมุขาปิ สุตํ, เถเรน ปน อสมฺมุขาปฏิคฺคหิตํ นาม นตฺถีติ. น วายนฺติ เอตฺถ วาติ วิภาสา, อฺาสิปิ น อฺาสิปีติ อตฺโถ. ตตฺร อุจฺจินเน. พหุสทฺโท วิปุลฺลตฺโถ ‘‘อนนฺตปารํ พหุ เวทิตพฺพมิตฺย’’ตฺเรว. ปุพฺเพ ‘‘ติปิฏกสพฺพปอยตฺติปฺปเภทธเร’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘พหุ จาเนน…เป… ปริยตฺโต’’ติ น ยุชฺชตีติ เจ? น, ติปิฏกสฺส อนนฺตตฺตา, ตสฺมา อมฺเห อุปาทาย เตน พหุ ปริยตฺโตติ อธิปฺปาโย. อิตรถา อานนฺทตฺเถโร เตหิ อปฺปสฺสุโตติ อาปชฺชติ, ‘‘อสมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ นาม นตฺถี’’ติ วจนวิโรโธ จ. อฑฺฒมาโส อติกฺกนฺโตติ เอตฺถ เอโก ทิวโส นฏฺโ, โส ปาฏิปททิวโส, โกลาหลทิวโส นาม โส, ตสฺมา อิธ น คหิโต. สํเวควตฺถุํ กิตฺเตตฺวา กีฬนโต สาธุกีฬนํ นาม. สฺเวปีติ อปิ-สทฺโท อเปกฺขามนฺตานฺุาย. สุภสุตฺตํ ‘‘อจิรปรินิพฺพุเต ภควตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๔๔๔) วุตฺตตฺตา จตุราสีติธมฺมกฺขนฺธสหสฺเสสุ อนฺโตคธํ น โหตีติ เจ? น, ภควโต กาเล ลทฺธนยตฺตา กถาวตฺถุ วิย. ฉฑฺฑิตา ปติตา อุกฺลาปา ฉฑฺฑิตปติตอุกฺลาปา. อาณา เอว อปฺปฏิหตฏฺเน จกฺกนฺติ อาณาจกฺกํ. เอกโต เอตฺถ นิปตนฺตีติ เอกนิปาตนํ. อากาเสน อาคนฺตฺวา นิสีทีติ เอเกติ เอตํ ทุติยวาเร คมนํ สนฺธายาติ อายสฺมา อุปติสฺโส ¶ . ปมํ วา อากาเสน คนฺตฺวา ปริสํ ปตฺวา ภิกฺขุปนฺตึ อปีเฬนฺโต ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา อาสเน เอว อตฺตานํ ทสฺเสสิ. อุภยถา จ อาปาถํ คโต, เตน อุภยมฺปิ ยุชฺชติ, อฺถา ทฺวีสุ เอกํ อภูตํ อาปชฺชติ.
อถ ¶ โข อายสฺมา มหากสฺสโป อายสฺมนฺตํ อุปาลึ ปุจฺฉิ…เป… อายสฺมา อุปาลิตฺเถโร วิสฺสชฺเชสีติ อิทํ ปุพฺเพ ‘‘ปมํ อาวุโส อุปาลี’’ติอาทินา (จูฬว. ๔๓๙) วุตฺตปุจฺฉาวิสฺสชฺชนํ สงฺขิปิตฺวา สงฺคีติการเกหิ ทสฺสิตวจนนฺติ คณฺิปเท ลิขิตํ. ตถา โหตุ, กิมตฺถํ ปเนตฺถ ‘‘นิทานมฺปิ ปุจฺฉิ, ปุคฺคลมฺปิ ปุจฺฉิ, วตฺถุมฺปิ ปุจฺฉี’’ติ เอวํ ปุพฺเพ ทสฺสิตานุกฺกเมน อวตฺวา ‘‘วตฺถุมฺปิ ปุจฺฉิ, นิทานมฺปิ ปุจฺฉิ, ปุคฺคลมฺปิ ปุจฺฉี’’ติ เอวํ อนุกฺกโม กโตติ? ‘‘วตฺถุมูลกตฺตา สิกฺขาปทปฺตฺติยา อุปฺปฏิปาฏิยา วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ เอเก. เอตฺถ ปน วิจารณา เวรฺชกณฺเฑ สมฺปตฺเต กรียติ. ราชาคารเกติ เอวํนามเก อุยฺยาเน. อภิรมนารหํ กิร ราชาคารมฺปิ. ตตฺถ, ยสฺส วเสเนตํ เอวํ นามํ ลภติ. อถ โข ‘‘อายสฺมา มหากสฺสโป’’ติอาทินา ปุพฺเพ วุตฺตเมว สงฺขิปิตฺวา ทสฺเสติ สงฺคีติการโก วสีคโณ. ยทิ เอวํ ยถา นิทานมฺปิ ปุจฺฉิ, ปุคฺคลมฺปิ ปุจฺฉีติ เอตฺถ ปุจฺฉากฺกโม ทสฺสิโต, ตถา อานนฺทตฺเถรสฺส วิสฺสชฺชนกฺกโมปิ กิมตฺถํ น ทสฺสิโตติ เจ? อิมินานุกฺกเมน สงฺคหํ ปฺจปิ นิกายา อนารุฬฺหาติ ทสฺสนตฺถํ. กถํ ปน อารุฬฺหาติ? อายสฺมา มหากสฺสโป ปฺจปิ นิกาเย อนุกฺกเมเนว ปุจฺฉิ, อานนฺทตฺเถโร ปน อนุกฺกเมเนว ปุจฺฉิตมฺปิ อปุจฺฉิตมฺปิ ตสฺส ตสฺส สุตฺตสฺส สภาวํ อนฺตรา อุปฺปนฺนํ วตฺถุํ อุทฺเทสนิทฺเทสกฺกมํ มาติกาวิภงฺคกฺกมนฺติ เอวมาทิสพฺพํ อนุรูปวจนํ ปกฺขิปิตฺวา วิสฺสชฺเชสิ, เตเนวาห ‘‘เอเตเนว อุปาเยน ปฺจปิ นิกาเย ปุจฺฉี’’ติ. อถ วา ‘‘อมฺพลฏฺิกายํ ราชาคารเก’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘ราชาคารเก อมฺพลฏฺิกาย’’นฺติ อุปฺปฏิปาฏิวจเนนปิ อิมมตฺถํ ทีเปติ. ‘‘อมฺพลฏฺิกายํ วิหรติ ราชาคารเก’’ติ หิ วุตฺตํ.
คหการนฺติ อิมสฺส อตฺตภาวเคหสฺส การกํ ตณฺหาวฑฺฒกึ คเวสนฺโต เยน าเณน สกฺกา โส ทฏฺุํ, ตสฺสตฺถาย ทีปงฺกรปาทมูเล กตาภินีหาโร เอตฺตกํ กาลํ อเนกชาติสํสารํ ตํ าณํ อวินฺทนฺโต วิจรินฺติ อตฺโถ. ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุนนฺติ อิทํ คหการกคเวสนสฺส การณวจนํ. สพฺพา เต ผาสุกาติ ตว สพฺพา อนวเสสกิเลสผาสุกา มยา ภคฺคา. คหกูฏํ นาม อวิชฺชา. โสมนสฺสสหคตํ าณํ โสมนสฺสมยํ. น หิ โสมนสฺสมยํ าณํ ขนฺธสภาวเภทโต. ทฬฺหีกมฺมสิถิลกรณปฺปโยชนาติ เยภุยฺยตาย วุตฺตํ, ตํ ¶ ปน ตตฺถ ตตฺถ ปกาสยิสฺสาม. อฺมฺสงฺกรวิรหิเต ธมฺเม จ วินเย จาติ เอตฺถ ปาณาติปาโต อกุสลนฺติ เอวมาทีสุ ¶ มรณาธิปฺปายสฺส ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทกปฺปโยคสมุฏฺาปิกา เจตนา อกุสลํ, น ปาณสงฺขาตชีวิตินฺทฺริยสฺส อุปจฺเฉทกสงฺขาโต อติปาโต. ตถา อทินฺนสฺส ปรสนฺตกสฺส อาทานสงฺขาตา วิฺตฺติ อพฺยากโต ธมฺโม, ตพฺพิฺตฺติสมุฏฺาปิกา เถยฺยเจตนา อกุสโล ธมฺโมติ (ปฏฺา. ๑.๑.๒๗) เอวมาทินา อฺมฺสงฺกรวิรหิเต ธมฺเม ปฏิพโล วิเนตุํ. ชาตรูปรชตํ ปรสนฺตกํ เถยฺยจิตฺเตน คณฺหนฺตสฺส ยถาวตฺถุํ ปาราชิกถุลฺลจฺจยทุกฺกเฏสุ อฺตรํ, ภณฺฑาคาริกสีเสน ทิยฺยมานํ คณฺหนฺตสฺส ปาจิตฺติยํ, อตฺตตฺถาย คณฺหนฺตสฺส นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ, เกวลํ โลลตาย คณฺหนฺตสฺส อนามาสทุกฺกฏํ, รูปิยฉฑฺฑกสมฺมตสฺส อนาปตฺตีติ เอวํ อฺมฺสงฺกรวิรหิเต วินเยปิ ปฏิพโล วิเนตุนฺติ อตฺโถ. ภาเวตีติ วฑฺเฒติ, เอเตน ผลวเสน ชวนวเสน จ จิตฺตสฺส วุทฺธึ ทสฺเสติ. ‘‘อวิสิฏฺ’’นฺติ ปาโ, สาธารณนฺติ อตฺโถ.
เทเสนฺตสฺส วเสเนตฺถ, เทสนา ปิฏกตฺตยํ;
สาสิตพฺพวเสเนตํ, สาสนนฺติปิ วุจฺจติ.
กเถตพฺพสฺส อตฺถสฺส, วเสนาปิ กถาติ จ;
เทสนา สาสนา กถา, เภทมฺเปวํ ปกาสเย.
สาสนสฺส นปุํสกตฺตา ‘‘ยถา…เป… ธมฺมสาสนานี’’ติ วุตฺตํ. ทุจฺจริตสํกิเลสํ นาม อตฺถโต เจตนา, ตถาการปฺปวตฺตจิตฺตุปฺปาโท วา. อนิจฺจาทิลกฺขณํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา ปวตฺตตฺตา วิปสฺสนาจิตฺตานิ วิสยโต โลกิยา’ภิสมโย อสมฺโมหโต โลกุตฺตโร, โลกุตฺตโร เอว วา อภิสมโย วิสยโต นิพฺพานสงฺขาตสฺส อตฺถสฺส, อิตรสฺส มคฺคาทิกสฺส อสมฺโมหโตติปิ เอเก. เอตฺถ ‘‘ปฏิเวโธ’’ติ วุตฺตํ าณํ, ตํ กถํ คมฺภีรนฺติ เจ? คมฺภีรสฺส อุทกสฺส ปมาณคฺคหณกาเล ทีเฆน ปมาเณน ภวิตพฺพํ, เอวํ อลพฺภเนยฺยภาวทสฺสนตฺถํ อิทานีติ วุตฺตนฺติ เอเก. ยสฺส จตฺถาย มคฺคผลตฺถาย. ตฺจ อตฺถํ นานุโภนฺติ นาธิคจฺฉนฺติ กฺจิ อตฺตนา อธิปฺเปตํ, อิติวาทปโมกฺขฺจ. กสฺมา? อตฺถสฺส อนุปปริกฺขิตฺวา คหิตตฺตา. อธิคตผลตฺตา ปฏิวิทฺธากุปฺโป. ปุน ขีณาสวคฺคหเณน ¶ อรหนฺตเมว ทสฺเสติ, น เสกฺขํ. โส หิ ยถา ภณฺฑาคาริโก รฺโ กฏกมกุฏาทึ โคเปตฺวา อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ อุปเนติ, เอวํ สเหตุกานํ สตฺตานํ มคฺคผลตฺถาย ธมฺมํ เทเสสิ. ตาสํเยว ตตฺถ วินยปิฏเก ปเภทโต วุตฺตตฺตา, วายมิตฺวา ตา เอว ปาปุณาตีติ อาจริยา. กิมตฺถํ ติสฺโสว วิชฺชา ตตฺถ วิภตฺตาติ? สีลสมฺปตฺติยา เอตปรมุปนิสฺสยภาวโต. ‘‘อปเรหิปิ สตฺตหงฺเคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ วินยธโร ¶ โหติ. อาปตฺตึ ชานาติ, อนาปตฺตึ, ลหุกํ อาปตฺตึ, ครุกํ อาปตฺตึ, อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ…เป… ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ…เป… อาสวานฺจ ขยา…เป… อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ (ปริ. ๓๒๗) สุตฺตเมตฺถ สาธกํ. วินยํ ปริยาปุณิตฺวา สีลสมฺปตฺตึ นิสฺสาย อาสวกฺขยาเณน สเหว วิย ทิพฺพจกฺขุปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณานิ ปฏิลภติ. วิสุํ เอเตสํ ปริกมฺมกิจฺจํ นตฺถีติ ทสฺสนตฺถํ ตาสํเยวาติ วุตฺตนฺติ จ วทนฺติ เอเก. อภิธมฺเม ปน ติสฺโสวิชฺชา ฉ อภิฺา จตสฺโส จ ปฏิสมฺภิทา อฺเ จ สมฺมปฺปธานาทโย คุณวิเสสา วิภตฺตา. กิฺจาปิ วิภตฺตา, ตถาปิ วิเสสโต ปฺาชาติกตฺตา จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา ปาปุณาตีติ ทสฺสนตฺถํ ตาสํ ตตฺเถวาติ อวธารณวิปลฺลาโส กโต. อตฺตนา ทุคฺคหิเตน ธมฺเมนาติ ปาเสโส. กตฺตริ เจตํ กรณวจนํ, เหตุตฺเถ จ, อตฺตนา ทุคฺคหิตเหตูติ อธิปฺปาโย. กสฺมา ปนาติ ‘‘อนุโลมิโก’’ติ วุตฺตตฺถํ ทีเปติ.
ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนานโย.
ทุติยสงฺคีติกถาวณฺณนา
ปนฺนภาราติ ปติตกฺขนฺธภารา. ‘‘ภารา หเว ปฺจกฺขนฺธา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๒๒) หิ วุตฺตํ. ‘‘สมฺมุขา ภวิสฺสาม น ภวิสฺสามา’’ติ วตฺตาโร. เตสุ ทหรา กิร. ชมฺมินฺติ ลามกํ.
ทุติยสงฺคีติกถาวณฺณนานโย.
ตติยสงฺคีติกถาวณฺณนา
พฺรหฺมโลกา ¶ จวิตฺวาติ เอตฺถ จตฺตาโร มคฺคา ปฺจานนฺตริยานิ นิยตมิจฺฉาทิฏฺีติ อิเมเยว นิยตา, น มหคฺคตา, ตสฺมา ปณิธิวเสน เหฏฺุปปตฺติปิ โหติ. อติจฺฉถาติ อติจฺจ อิจฺฉถ, คนฺตฺวา ภิกฺขํ ปริเยสถาติ อธิปฺปาโย. เกฏุภํ นาม กพฺยกรณวิธิยุตฺตํ สตฺถํ. กิริยากปฺปํ อิตฺเยเก, กตฺตาขฺยาทิลกฺขณยุตฺตสตฺถํ. อสนฺธิมิตฺตาติ ตสฺสา นามํ. ตสฺสา กิร สรีเร สนฺธโย น ปฺายนฺติ, มธุสิตฺถเกน กตํ วิย สรีรํ โหติ. ตสฺมา ‘‘เอวํนามิกา ชาตา’’ติปิ วทนฺติ. มาคธเกน ปตฺเถน จตฺตาโร ปตฺถา อาฬฺหกํ, จตฺตาริ อาฬฺหกานิ ¶ โทณํ, จตุโทณา มานิกา, จตุมานิกา ขาริกา, วีสติขาริโก วาโหติ. เกถุมาลาติ ‘‘สีสโต อุฏฺหิตฺวา ิโต โอภาสปฺุโช’’ติ วทนฺติ. ราชิทฺธิอธิการปฺปสงฺเคเนตํ วตฺถุ วุตฺตํ, นานุกฺกเมน. อนุกฺกเมน ปน พุทฺธสาสนาวหารํ วตฺถุํ ทีเปนฺโต ‘‘ราชา กิรา’’ติอาทิมาห. กิเลสทมเนน ทนฺตํ. กายวาจาหิ คุตฺตํ. ‘‘ปาจีนมุโข’’ติปิ ปาโ อตฺถิ. ปุพฺเพ เชฏฺภาติกตฺตา เตเนว ปริจเยน ปตฺตคฺคหณตฺถาย อาการํ ทสฺเสติ. อภาสีติ ‘‘ภาสิสฺสามี’’ติ วิตกฺเกสิ. อปเร ‘‘อฺาตนฺติ วุตฺเตปิ สพฺพํ อภณี’’ติ วทนฺติ. อมตนฺติ นิพฺพานสงฺขาตาย นิวตฺติยา สคุณาธิวจนํ, ตสฺสา อปฺปมาโท ปทํ มคฺโค. มจฺจูติ ปวตฺติยา สโทสาธิวจนํ, ตสฺสา ปมาโท ปทํ มคฺโคติ เอวํ จตฺตาริ สจฺจานิ สนฺทสฺสิตานิ โหนฺติ. สงฺฆสรณคตตฺตา สงฺฆนิสฺสิตา ปพฺพชฺชา, ภณฺฑุกมฺมสฺส วา ตทายตฺตตฺตา. นิคฺโรธตฺเถรสฺสานุภาวกิตฺตนาธิการตฺตา ปุพฺเพ วุตฺตมฺปิ ปจฺฉา วตฺตพฺพมฺปิ สมฺปิณฺเฑตฺวา อาห ‘‘ปุน ราชา อโสการามํ นาม มหาวิหารํ กาเรตฺวา สฏฺิสหสฺสานิ…เป… จตุราสีติวิหารสหสฺสานิ การาเปสี’’ติ. ‘‘ปุถุชฺชนกลฺยาณกสฺส วา ปจฺจเวกฺขิตปริโภโค’’ติ วจนโต เสกฺขาว ปรมตฺถโต ทายาทา, ตถาปิ เถโร มหินฺทกุมารสฺส ปพฺพชฺชตฺถํ เอเกน ปริยาเยน โลกธมฺมสิทฺเธน เอวมาห ‘‘โย โกจิ มหาราช…เป… โอรสํ ปุตฺต’’นฺติ. วุตฺตฺหิ เวเท –
‘‘องฺคา องฺคา สมฺภวสิ, หทยา อธิชายเส;
อตฺตา เว ปุตฺโต นามาสิ, ส ชีว สรโทสต’’นฺติ.
ตสฺมา ¶ อิมินา ปริยาเยน โอรโส ปุตฺโต มาตาปิตูหิ ปพฺพชิโต เจ, อตฺถโต เต สยํ ปพฺพชิตา วิย โหนฺติ. ธมฺมกถิกา กสฺมา นาโรเจนฺติ? ราชา ‘‘เถรํ คณฺหิตฺวา อาคจฺฉถา’’ติ อมจฺเจ เปเสสิ, ธมฺมกถิกา เถรสฺส อาคมนกาเล ปริวารตฺถาย เปสิตา, ตสฺมา. อปิจ เตน วุตฺตวิธินาว วทนฺติ จณฺฑตฺตา, จณฺฑภาโว จสฺส ‘‘อมฺพํ ฉินฺทิตฺวา เวฬุยา วตึ กโรหี’’ติ วุตฺตอมจฺจวตฺถุนา วิภาเวตพฺโพ. กสฺมา ปน ธมฺมกถิกา ราชาณาปนํ กโรนฺตีติ? ‘‘สาสนํ ปคฺคเหตุํ สมตฺโถ’’ติ วุตฺตตฺตา. ทีปกติตฺติโรติ กูฏติตฺติโร. อยํ ปน กูฏติตฺติรกมฺเม นิยุตฺโตปิ สุทฺธจิตฺโต, ตสฺมา ตาปสํ ปุจฺฉิ. สาณิปาการนฺติ สาณิปากาเรน. วิภชิตฺวา วทตีติ วิภชฺชวาที ‘‘อตฺถิ ขฺเวส พฺราหฺมณ ปริยาโย’’ติอาทินา (ปารา. ๕). อปิจ สสฺสตวาที จ ภควา ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อชาตํ อภูตํ อสงฺขต’’นฺติอาทิ (อิติวุ. ๔๓)-วจนโต. เอกจฺจสสฺสติโก จ ‘‘สปฺปจฺจยา ¶ ธมฺมา, อปฺปจฺจยา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ทุกมาติกา ๗) วจนโต. อนฺตานนฺติโก จ –
‘‘คมเนน น ปตฺตพฺโพ, โลกสฺสนฺโต กุทาจนํ;
น จ อปฺปตฺวา โลกนฺตํ, ทุกฺขา อตฺถิ ปโมจนํ’’. (สํ. นิ. ๑.๑๐๗; อ. นิ. ๔.๔๕);
‘‘อนมตคฺโคยํ, ภิกฺขเว, สํสาโร ปุพฺพโกฏิ น ปฺายตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๒๔; จูฬนิ. กปฺปมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๖๑) วจนโต. อมราวิกฺเขปิกปกฺขมฺปิ อีสกํ ภชติ ภควา ‘‘สสฺสโต โลโกติ อพฺยากตเมตํ อสสฺสโต โลโกติ อพฺยากตเมต’’นฺติอาทิอพฺยากตวตฺถุทีปนโต สมฺมุติสจฺจทีปนโต จ. ตฺหิ อชฺฌตฺตพหิทฺธาทิวเสน น วตฺตพฺพํ. ยถาห ‘‘อากิฺจฺายตนํ น วตฺตพฺพํ อชฺฌตฺตารมฺมณนฺติปี’’ติอาทิ (ธ. ส. ๑๔๓๗). ตถา อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกปกฺขมฺปิ ภชติ ‘‘ลทฺธา มุธา นิพฺพุตึ ภฺุชมานา’’ติ (ขุ. ปา. ๖.๗; สุ. นิ. ๒๓๐) วจนโต. ตตฺถ หิ มุธาติ อธิจฺจสมุปฺปนฺนเววจนํ. สฺีวาทาทิโก จ ภควา สฺีภวอสฺีภวเนวสฺีนาสฺีภววเสน. อุจฺเฉทวาที จ ‘‘อหฺหิ, พฺราหฺมณ, อุจฺเฉทํ วทามิ ราคสฺสา’’ติ (ปารา. ๖) วจนโต. ทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาที จ ‘‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริย’’นฺติ (มหาว. ๒๓; ที. นิ. ๒.๒๑๕; สํ. นิ. ๓.๓๕) วจนโต, ‘‘นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ (มหาว. ๑๖) วจนโต, ทิฏฺเว ธมฺเม นิโรธสมาปตฺติทีปนโต ¶ จ. เอวํ เตน เตน ปริยาเยน ตถา ตถา เวเนยฺยชฺฌาสยานุรูปํ วิภชิตฺวา วทตีติ วิภชฺชวาที ภควาติ.
ตติยสงฺคีติกถาวณฺณนานโย.
ปุปฺผนาโม สุมนตฺเถโร. มหาปทุมตฺเถโรติ เอเก. มหึสกมณฺฑลํ อนฺธรฏฺนฺติ วทนฺติ. ธมฺมจกฺขุ นาม ตโย มคฺคา. โสตาปตฺติมคฺคนฺติ จ เอเก. ปฺจปิ รฏฺานิ ปฺจ จีนรฏฺานิ นาม. ราชคเหติ เทวิยา กตวิหาเร. สิลกูฏมฺหีติ ปพฺพตกูเฏ. วฑฺฒมานนฺติ อลงฺกรณจุณฺณํ. อริยเทเส อตีว สมฺมตํ กิร. เอกรเสน นาถกรณา อิติ ทมิฬา. สารปามงฺคนฺติ อุตฺตมํ ปามงฺคํ. เปตวตฺถุอาทินา สํเวเชตฺวา อภิสมยตฺถํ สจฺจสํยุตฺตฺจ. เมฆวนุยฺยานํ นาม มหาวิหารฏฺานํ. ‘‘ทฺวาสฏฺิยา เลเณสู’’ติ ปาโ. ทสภาติกนฺติ อภยกุมาราทโย ทส, เต อิธ ¶ น วุตฺตา. วุตฺถวสฺโส ปวาเรตฺวาติ จาตุมาสินิยา ปวารณายาติ อตฺโถ. ปมปวารณาย วา ปวาเรตฺวา เอกมาสํ ตตฺเถว วสิตฺวา กตฺติกปุณฺณมาสิยํ อโวจ, อฺถา ‘‘ปุณฺณมายํ มหาวีโร’’ติ วุตฺตตฺตา น สกฺกา คเหตุํ. มหาวีโรติ พุทฺโธปจาเรน ธาตุโย วทติ. ชงฺฆปฺปมาณนฺติ ‘‘ถูปสฺส ชงฺฆปฺปมาณ’’นฺติ วทนฺติ. มาตุลภาคิเนยฺยา จูโฬทรมโหทรา. ธรมานสฺส วิย พุทฺธสฺส รสฺมิ สรสรสฺมิ, รฺโ เลขาสาสนํ อปฺเปสิ, เอวฺจ มุขสาสนมโวจ. โทณมตฺตา มคธนาฬิยา ทฺวาทสนาฬิมตฺตา กิร. ‘‘ปริจฺฉินฺนฏฺาเน ฉิชฺชิตฺวา’’ติ ปาโ. สพฺพทิสาหิ ปฺจ รสฺมิโย อาวฏฺเฏตฺวาติ ปฺจหิ ผเลหิ นิกฺขนฺตตฺตา ปฺจ, ตา ปน ฉพฺพณฺณาว. กตฺติกชุณฺหปกฺขสฺส ปาฏิปททิวเสติ ชุณฺหปกฺขสฺส ปมทิวเสติ อตฺโถ. มหาโพธิฏฺาเน ปริวาเรตฺวา ิตนาคยกฺขาทิเทวตากุลานิ. โคปกา นาม ราชปริกมฺมิโน ตถาภาวกิจฺจา. เตสํ กุลานํ นามนฺติปิ เกจิ. อุทกาทิวาหา กาลิงฺคา. กาลิงฺเคสุ ชนปเทสุ ชาติสมฺปนฺนํ กุลํ กาลิงฺคกุลนฺติ เกจิ.
ปมปาฏิปททิวเสติ ทุติยอุโปสถสฺส ปาฏิปททิวเสติ อตฺโถ. ตตฺถ ิเตหิ สมุทฺทสฺส ทิฏฺตฺตา ตํ านํ สมุทฺทสาลวตฺถุ. โสฬส ชาติสมฺปนฺนกุลานิ อฏฺ พฺราหฺมณามจฺจกุลานิ. มหาอริฏฺตฺเถโร เจติยคิริมฺหิ ¶ ปพฺพชิโต. อมจฺจสฺส ปริเวณฏฺาเนติ สมฺปติกาลวเสนาห. มหินฺทตฺเถโร ทฺวาทสวสฺสิโก หุตฺวา ตมฺพปณฺณิทีปํ สมฺปตฺโต, ตตฺถ ทฺเว วสฺสานิ วสิตฺวา วินยํ ปติฏฺาเปสิ, ทฺวาสฏฺิวสฺสิโก หุตฺวา ปรินิพฺพุโต. วินโย สํวรตฺถายาติ วินยปิฏกํ, ตสฺส ปริยาปุณนํ วา. ยถาภูตาณทสฺสนํ สปฺปจฺจยนามรูปปริคฺคโห. มคฺคาทิปจฺจเวกฺขเณ อสติ อนฺตรา ปรินิพฺพานํ นาม นตฺถิ เสกฺขสฺส มรณํ วา, สติเยว โหติ. ตสฺมา อาห ‘‘วิมุตฺติาณทสฺสน’’นฺติ. อนุปาทาปรินิพฺพานตฺถายาติ กฺจิ ธมฺมํ อนุปาทาย อคฺคเหตฺวา อีสกมฺปิ อนวเสเสตฺวา ปรินิพฺพานตฺถายาติ อตฺโถ. อุปนิสาติ ‘‘วินโย สํวรตฺถายา’’ติอาทิกา การณปรมฺปรา. เอตฺตาวตา อตฺตหิตนิปฺผตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปรหิตนิปฺผตฺตึ ทสฺเสตุํ ‘‘เอตทตฺถํ โสตาวธาน’’นฺติ อาห. ตสฺสตฺโถ – อตฺตโน วินยกถนํ วินยมนฺตนฺจ อุคฺคเหตุํ ปเรสํ โสตสฺส โอทหนํ โสตาวธานํ. ตโต อุคฺคหิตวินยกถามนฺตนานํ เตสํ อุปนิสา ยถาวุตฺตการณปรมฺปรา สิทฺธาเยวาติ น ปุน ทสฺสิตาติ เวทิตพฺพา. อฺถา เอตทตฺถา อุปนิสาติ อิมินา วจเนเนว อนุปาทาปรินิพฺพานสฺส สงฺคหิตตฺตา อนุปาทาปรินิพฺพานโต อุทฺธํ โสตาวธานาสมฺภวโต เอตทตฺถํ โสตาวธานนฺติ อนฺเต น สมฺภวตีติ นิรตฺถกํ ภเวยฺย, น จ นิรตฺถกํ ปรหิตนิปฺผตฺติยา มูลการณทสฺสนตฺถตฺตาติ เวทิตพฺพํ.
เอวํ ¶ ยถา ยถา ยํ ยํ, สมฺภเวยฺย ปทํ อิธ;
ตํ ตํ ตถา ตถา สพฺพํ, ปโยเชยฺย วิจกฺขโณติ.
พาหิรนิทานกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.