📜
ปาราชิกวณฺณนา
เวรฺชกณฺโฑ
เวรฺชกณฺฑวณฺณนา
‘‘เตน ¶ ¶ สมเยน พุทฺโธ ภควา เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฏาคารสาลายํ. เตน โข ปน สมเยน เวสาลิยา อวิทูเร กลนฺทคาโม นาม โหตี’’ติ วินยนิทาเน อารภิตพฺเพ เวรฺชกณฺฑสฺส อารมฺโภ กิมตฺโถติ เจ? วุจฺจเต – มูลโต ปภุติ วินยนิทานํ ทสฺเสตุํ. ยทิ เอวํ ‘‘ปมํ อาวุโส อุปาลิ ปาราชิกํ กตฺถ ปฺตฺตนฺติ, เวสาลิย’’นฺติ วจเนน วิรุชฺฌตีติ เจ? น วิรุชฺฌติ. กสฺมา? กตฺถ ปฺตฺตนฺติ หิ นิทานปุจฺฉา. เอวํ สนฺเตปิ ‘‘ปมสฺส ปาราชิกสฺส กึนิทาน’’นฺติ ปุจฺฉิเต สาธารณมหานิทานวิสฺสชฺชนํ อยุตฺตํ วิยาติ? นายุตฺตํ, สพฺเพสํ สิกฺขาปทานํ ปาเฏกฺกํ นิทานสฺส ปุฏฺตฺตา ตสฺส วิสฺสชฺเชตพฺพตฺตา จ สพฺพสาธารณมหานิทานํ ปมมาห. เอกนฺเตน ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนกฺกเมน ปาราชิกาทีนิ สงฺคหํ อาโรปิตานิ. กถํ อาโรปิตานีติ เจ? อายสฺมตา มหากสฺสเปน อนุกฺกเมน สพฺโพปิ วินโย ปุจฺฉิโต, ปุฏฺเน จ อายสฺมตา อุปาลิตฺเถเรน ยถาสมฺภวํ นิรนฺตรํ วิสฺสชฺชิตเมว. อปุจฺฉิตานิปิ วินีตวตฺถุอาทีนิ ยุชฺชมานานิ วตฺถูนิ อนฺโตกตฺวา วิสฺสชฺชนกฺกเมเนว คณสชฺฌายมกํสูติ เวทิตพฺพํ. อฺถา เวรฺชกณฺฑํ ปมปาราชิกสฺเสว นิทานนฺติ วา อนธิการิกํ วา นิปฺปโยชนํ วา ปาเฏกฺกํ สิกฺขาปทนิทานปุจฺฉานนฺตรํ ตเทว วิสฺสชฺเชตพฺพนฺติ วา อาปชฺชติ, ตสฺมา อาทิโต ปภุติ วินยนิทานํ ทสฺเสตุํ ‘‘เตน สมเยนา’’ติอาทิ อารทฺธํ.
อิทานิ นิทานภณเน ปโยชนํ วกฺขาม – วินยสฺสอาณาเทสนตฺตา ภควโต ตาว อาณารหภาวทีปนํ ¶ , อาณาภูตสฺส จ วินยสฺส อนฺวิสยภาวทีปนํ, อาณาย ิตานํ สาวกานํ มหานุภาวทีปนฺจาติ ติวิธมสฺส ปโยชนํ. กถํ? อาณาสาสนารโห หิ ภควา ปหีนกิเลสตฺตา, อธิคตคุณวิเสสตฺตา, โลกเชฏฺเสฏฺตฺตา, ตาทิภาวปฺปตฺตตฺตา จ, อรสรูปตาทีหิ อฏฺหิ อกฺโกสวตฺถูหิ อกมฺปนโต ภควโต ตาทิภาวปฺปตฺติ เวทิตพฺพา, อฏฺนฺนมฺปิ เตสํ อกฺโกสวตฺถูนํ อตฺตนิ สมฺภวปริยายทีปนปาฬิยา ปหีนกิเลสตา เวทิตพฺพา ¶ . จตุนฺนํ ฌานานํ ติสฺสนฺนฺจ วิชฺชานํ อธิคมปริทีปเนน อธิคตคุณวิเสสตา เวทิตพฺพา. ‘‘นาหํ ตํ พฺราหฺมณ ปสฺสามิ สเทวเก…เป… มุทฺธาปิ ตสฺส วิปเตยฺยา’’ติ จ ‘‘เชฏฺโ เสฏฺโ โลกสฺสา’’ติ จ วจเนน เชฏฺเสฏฺตา เวทิตพฺพา, อิทฺจ ภควโต อาณารหภาวทีปนปฺปโยชนํ. ‘‘อาคเมหิ ตฺวํ สาริปุตฺต, อาคเมหิ ตฺวํ สาริปุตฺต, ตถาคโตว ตตฺถ กาลํ ชานิสฺสตี’’ติ วจนํ อนฺวิสยภาวทีปนํ. ‘‘สาธาหํ, ภนฺเต, ปถวึ ปริวตฺเตยฺย’’นฺติ จ ‘‘เอกาหํ, ภนฺเต, ปาณึ อภินิมฺมินิสฺสามี’’ติ จ ‘‘สาธุ, ภนฺเต, สพฺโพ ภิกฺขุสงฺโฆ อุตฺตรกุรุํ ปิณฺฑาย คจฺเฉยฺยา’’ติ จ อิเมหิ เถรสฺส ตีหิ สีหนาเทหิ อาณาย ิตานํ สาวกานํ มหานุภาวตาทีปนํ เวทิตพฺพํ. สาวตฺถิยาทีสุ อวิหริตฺวา กิมตฺถํ ภควา เวรฺชายเมว ตทา วิหาสีติ เจ? นเฬรุยกฺขสฺส ปีติสฺชนนตฺถํ, ภิกฺขุสงฺฆสฺส ภิกฺขาวเสน อกิลมนตฺถํ, เวรฺชพฺราหฺมณสฺส ปสาทสฺชนนตฺถํ, มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส อานุภาวทีปนฏฺานภูตตฺตา, สาริปุตฺตตฺเถรสฺส วินยปฺตฺติยาจนเหตุภูตปริวิตกฺกนฏฺานภูตตฺตา จ. เตสุ ปจฺฉิมํ พลวการณํ, เตน วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘เตน สมเยนาติ เยน กาเลน อายสฺมโต…เป… เตน กาเลนา’’ติ. ปุริเมสุ จตูสุ อสงฺคหการเณสุ ปเมน ภควา เมตฺตาภาวนาทินา อมนุสฺสานํ จิตฺตสํรกฺขเณน ภิกฺขูนํ อาทรํ ชเนติ. ทุติเยน ปริสาวจเรน ภิกฺขุนา เอวํ ปริสา สงฺคเหตพฺพา, เอวํ อปฺปิจฺเฉน สนฺตุฏฺเน จ ภวิตพฺพนฺติ วา ทสฺเสติ. ตติเยน ปจฺจเย นิรเปกฺเขน กุลานุคฺคโห กาตพฺโพติ. จตุตฺเถน เอวํ มหานุภาเวนาปิ ปจฺจยตฺถํ น โลลุปฺปํ กาตพฺพํ, เกวลํ ปรทตฺตุปชีวินา ภวิตพฺพนฺติ ทสฺเสติ. ‘‘เตนาติอาทิปาสฺส…เป… วินยสฺสตฺถวณฺณน’’นฺติ วจนโต อฺโ เตนาติอาทิปาโ, อฺโ วินโย อาปชฺชติ.
‘‘เตนาติอาทิปามฺหา, โก อฺโ วินโย อิธ;
ตสฺสตฺถํ ทสฺสยนฺโตว, กเร วินยวณฺณน’’นฺติ. –
เจ? นนุ วุตฺตํ ปุพฺเพว ‘‘อิทฺหิ พุทฺธสฺส ภควโต อตฺตปจฺจกฺขวจนํ น โหตี’’ติอาทิ, ตสฺมา อุปาลิตฺเถเรน วุตฺตสฺส เตนาติอาทิปาสฺส อตฺถํ นานปฺปการโต ทสฺสยนฺโต กริสฺสามิ วินยสฺส ¶ ภควโต อตฺตปจฺจกฺขวจนภูตสฺส อตฺถวณฺณนนฺติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ยทิ เอวํ ‘‘เตน ¶ สมเยน พุทฺโธ ภควา เวรฺชายํ วิหรตีติ เอวมาทิวจนปฏิมณฺฑิตนิทานํ วินยปิฏกํ เกน ธาริต’’นฺติอาทิวจนํ วิรุชฺฌติ ‘‘เตน สมเยนา’’ติอาทิวจนสฺส วินยปิฏกปริยาปนฺนภาวทีปนโตติ เจ? น, อฺตฺเถปิ ตพฺโพหารสิทฺธิโต ‘‘นานาวิธภิตฺติกมฺมปฏิมณฺฑิตวสโน ปุริโส’’ติอาทีสุ วิย. วินยสฺสาทิภาเวน สงฺคีติการเกหิ อนฺุาตตฺตา วินยปริยาปนฺนตาปิ ยุชฺชติ ตสฺส วจนสฺส. เอตฺถาห – ยถา สุตฺตนฺเต ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ จ, อภิธมฺเม จ ‘‘ยสฺมึ สมเย’’ติ อนิยมโต วุตฺตํ, ตถา อวตฺวา อิธ ‘‘เตน สมเยนา’’ติ ปมํ ตํนิทฺเทโสว กสฺมา วุตฺโตติ? วุจฺจเต – ตสฺส ตสฺส สิกฺขาปทปฺตฺติสมยสฺส, ยสฺส วา สิกฺขาปทปฺตฺติเหตุภูตสฺส สมยสฺส เหตุ ภควา ตตฺถ ตตฺถ วิหาสิ, ตสฺส จ สมยสฺส อตีตสฺส เตสํ สงฺคีติการกานํ วสีนํ สุวิทิตตฺตา. กถํ? ‘‘เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา เต อุชฺฌายนฺตี’’ติอาทิวจนโต, ‘‘อถ โข เต ภิกฺขู ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุ’’นฺติ จ ‘‘อถ โข ภควา เอตสฺมึ นิทาเน สนฺนิปาตาเปตฺวา’’ติ จ ‘‘ภิกฺขูนํ ตทนุจฺฉวิกํ ตทนุ…เป… ทส อตฺถวเส ปฏิจฺจ สงฺฆสุฏฺุตายา’’ติ จ ‘‘เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถา’’ติ จ ขนฺธเกสุ จ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตีหิ สรณคมเนหิ ปพฺพชฺช’’นฺติอาทิวินยกฺกมสฺส วจนโต โย โส สิกฺขาปทปฺตฺติสมโย, ตสฺส ตสฺส วินยกฺกมสฺส โส ปฺตฺติสมโย จ สุวิทิโต เตสํ ปฺจสตานํ ธมฺมธรานํ ภิกฺขูนํ, นายํ นโย สุตฺตนฺตาภิธมฺเมสุ สมฺภวติ. ตสฺมา สุวิทิตตฺตา เตน สมเยน เหตุภูเตน วิหรตีติ วิหรติปเทน เอกสมฺพนฺธตฺตา จ ปมํ ยํนิทฺเทสาทิโน อสมฺภวโต จ วินยปิฏเก ตํนิทฺเทโสว ปมํ วุตฺโต. กถํ? เอตฺถ ‘‘เยน โข ปน สมเยน เวสาลิยา อวิทูเร กลนฺทคาโม นาม โหตี’’ติ วา ‘‘เยน โข ปน สมเยน เวสาลี…เป… โหตี’’ติ วา อสมฺภวโต ยํนิทฺเทเสน อวตฺวา ตํนิทฺเทสสฺเสว สมฺภวโต ‘‘เตน โข ปน สมเยน…เป… กลนฺทคาโม นาม โหตี’’ติ วุตฺตนฺติ, เกวลํ สุวิทิตตฺตา วา. อนิยมนิทฺเทสวจนนฺติ เอตฺถ กิฺจาปิ ยถาวุตฺตนเยน นิยมนิทฺเทสวจนเมเวตํ ตํนิทฺเทสตฺตา, ตถาปิ สมฺปติกาลวเสน ตทิตเรสํ ภิกฺขูนํ อวิทิตตฺตา ‘‘อนิยมนิทฺเทสวจน’’นฺติ วุตฺตํ. ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘อยฺหิ สพฺพสฺมิมฺปิ วินเย ยุตฺตี’’ติ, ตํ ตพฺพหุเลน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
ยทิ ¶ สพฺพํ เตนาติ ปทํ อนิยมนิทฺเทสวจนํ ภเวยฺย, เตน หิ ภิกฺขเว ภิกฺขูนํ สิกฺขาปทนฺติ เอตฺถ อิทมฺปิ ปุพฺเพ สิทฺธตฺถํ เตนาติ ปทํ อนิยมนิทฺเทสวจนํ ภเวยฺย. ‘‘เตน สมเยน พุทฺโธ ภควา อุรุเวลายํ วิหรตี’’ติอาทีสุ วุตฺตํ เตนาติ ปทฺจ อนิยมนิทฺเทสวจนํ ภเวยฺย, น จ โหติ, ตสฺมา เยสํ เตน ตํนิทฺเทเสน นิทฺทิฏฺตฺโถ อวิทิโต, เตสํ ¶ วเสนาห ‘‘อนิยมนิทฺเทสวจนเมต’’นฺติ. อถ วา ตโต ปมํ ตทตฺถาทสฺสนโต ปจฺฉาปิ ตํสมฺพนฺเธน ยํนิทฺเทสทสฺสนโต จ ‘‘อนิยมนิทฺเทสวจนเมต’’นฺติ วุตฺตํ. อถ วา ปุพฺพณฺหาทีสุ อยํ นามาติ อนิยเมตฺวา กาลปริทีปนสฺส สมยสทฺทสฺส อุปปทภาเวนปิ เอวํ วตฺตุมรหติ ‘‘ยทิทํ อนิยมนิทฺเทสวจน’’นฺติ. อถ วา ‘‘เตนา’’ติ วุตฺเต เตน ฆเฏน ปเฏนาติ สพฺพตฺถปฺปสงฺคนิวารณตฺถํ นิยมํ กโรติ ‘‘สมเยนา’’ติ. เกน ปน สมเยน? ปรภาเค อตฺถโต สิทฺเธน สาริปุตฺตสฺส ปริวิตกฺกสมเยน. เอตฺถาห – วิตกฺกสมโย เจ อิธาธิปฺเปโต, ‘‘ปรโต อิธ ปน เหตุอตฺโถ กรณตฺโถ จ สมฺภวติ. โย หิ โส สิกฺขาปทปฺตฺติสมโย สาริปุตฺตาทีหิปิ ทุพฺพิฺเยฺโย, เตน สมเยน เหตุภูเตน กรณภูเตน จา’’ติอาทิวจนํ วิรุชฺฌตีติ? น, พาหุลฺเลน วุตฺตตฺตา. สุตฺตนฺตาภิธมฺเมสุ วิย อวตฺวา อิธ วินยปิฏเก กรณวจเนน กสฺมา นิทฺเทโสติ หิ โจทนา. ตสฺมา ตสฺสา วิสฺสชฺชเน พาหุลฺเลน กรณวจนปฺปโยชนํ วตฺตุกาโม อาจริโย อาห ‘‘โย โส สิกฺขาปทปฺตฺติสมโย’’ติอาทิ. น สมฺปติ วุจฺจมานสฺเสว กรณวจนสฺส ปโยชนํ วตฺตุกาโม, อิมสฺส ปน เหตุอตฺโถว สมฺภวติ, น กรณตฺโถ, ตสฺมา อาห ‘‘อปรภาเค อตฺถโต สิทฺเธนา’’ติอาทิ. สมยฺจาติ อาคมนปจฺจยสมวายํ ตทนุรูปกาลฺจ อุปาทายาติ อตฺโถ. ปจฺจยสามคฺคิฺจ อาคมนกาลฺจ ลภิตฺวา ชานิสฺสามาติ อธิปฺปาโย.
เอตฺถาห – ยถา ‘‘เอโกว โข, ภิกฺขเว, ขโณ สมโย จา’’ติ เอตฺถ ขณสมยานํ เอโก อตฺโถ, ตถา กาลฺจ สมยฺจ อุปาทายาติ กาลสมยานํ เอโก อตฺโถ สิยา, อปิจ อาคมนปจฺจยสมวาโย เจตฺถ สมโย กาลสฺสาปิ อาคมนปจฺจยตฺตา สมยคฺคหเณเนว โส คหิโตติ วิสุํ กาโล กิมตฺถํ คหิโตติ จ? วุจฺจเต – อปฺเปว นาม สฺเวปีติ กาลสฺส ปมํ นิยมิตตฺตา น สมโย กาลตฺโถ ¶ . ตสฺมึ สฺเวติ นิยมิตกาเล อิตเรสํ อาคมนปจฺจยานํ สมวายํ ปฏิจฺจ อุปสงฺกเมยฺยาม ยถานิยมิตกาเลปิ ปุพฺพณฺหาทิปฺปเภทํ ยถาวุตฺตสมวายานุรูปํ กาลฺจ อุปาทายาติ สฺเวติ ปริจฺฉินฺนทิวเส ปุพฺพณฺหาทิกาลนิยตภาวํ ทสฺเสติ, ตสฺมา กาลสมยานํ น เอกตฺถตฺตา กาลสฺส วิสุํ คหณมฺปิ สาตฺถกนฺติ เวทิตพฺพํ. ยสฺมา ขเณ ขเณ ตฺวํ ภิกฺขุ ชายสิ จ ชียสิ จ มียสิ เจติ ภิกฺขุนิยา สนฺติเก อภิกฺขณํ คจฺฉตีติ (ปาจิ. ๑๙๘) จ ขเณ ขเณ ภาสติ สตฺถุสาสนนฺติ จ ขณสทฺโท อเนกตฺโถ, ตถา สมยสทฺโท จ, ตสฺมา เอกเมเกน นิยเมนฺโต ‘‘เอโกว โข, ภิกฺขเว, ขโณ จ สมโย จา’’ติ อาห. ขณสมยานํ อตฺโถ เอกตฺโถ ยุชฺชติ ขโณ โอกาสลาโภ, อฏฺกฺขณวชฺชิโต นวโม ขโณติ อตฺโถ. อตฺตโน อตฺตโน อุจฺเฉทาทโย ทิฏฺิคตสงฺขาเต สมเย เอตฺถ ปวทนฺตีติ สมยปฺปวาทโก. สฺเวว ตินฺทุกาจีรสงฺขาตาย ติมฺพรุรุกฺขปนฺติยา ปริกฺขิตฺตตฺตา ¶ ตินฺทุกาจีรํ. เอกสาลเกติ เอโก สาลรุกฺโข. ‘‘กุฏิกา’’ติปิ วทนฺติ. อตฺถาภิสมยาติ อตฺตโน หิตปฏิลาภา. ธีโรติ จ ปณฺฑิโต วุจฺจติ, นาฺโ. สมฺมา มานาภิสมยาติ สุฏฺุ มานสฺส ปหาเนน, สมุจฺเฉทวเสน สุฏฺุ มานปฺปหาเนนาติ อตฺโถ. ทุกฺขสฺส ปีฬนฏฺโติอาทีสุ ‘‘จตุนฺนํ สจฺจานํ จตูหิ อากาเรหิ ปฏิเวโธ’’ติอาทีสุ ขนฺธปฺจกสงฺขาตสฺส ทุกฺขสฺส ทุกฺขาการตายฏฺโ. สงฺขตฏฺโ การณุปฺปตฺติอตฺโถ, ทุกฺขาย เวทนาย สนฺตาปฏฺโ. สุขาย เวทนาย วิปริณามฏฺโ. ปีฬนฏฺาทิโกว อภิสมยฏฺโติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. คพฺโภกฺกนฺติสมโยติอาทีสุปิ ปถวีกมฺปนอาโลกปาตุภาวาทีหิ เทวมนุสฺเสสุ ปากโฏ. ทุกฺกรการิกสมโยปิ กาโฬ สมโณ โคตโม น กาโฬติอาทินา ปากโฏ. สตฺตสตฺตาหานิ จ อฺานิ จ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารสมโย.
อจฺจนฺตเมว ตํ สมยนฺติ อารมฺภโต ปฏฺาย ยาว ปตฺตสนฺนิฏฺานา, ตาว อจฺจนฺตสมฺปโยเคน ตสฺมึ สมเย. กรุณาวิหาเรน วิหาสีติ กรุณากิจฺจวิหาเรน ตสฺมึ สมเย วิหาสีติ อตฺโถ. ตํ สมยฺหิ กรุณากิจฺจสมยํ. าณกิจฺจํ กรุณากิจฺจนฺติ ทฺเว ภควโต กิจฺจานิ, อภิสมฺโพธิ าณกิจฺจํ, มหากรุณาสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา เวเนยฺยสตฺตาวโลกนํ ¶ กตฺวา ตทนุรูปกรณํ กรุณากิจฺจํ. ‘‘สนฺนิปติตานํ โว, ภิกฺขเว, ทฺวยํ กรณีย’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๗๓; อุทา. ๑๒, ๒๘) หิ วุตฺตํ, ตํ ภควาปิ กโรติเยว. อถ วา อาคนฺตุเกหิ ภิกฺขูหิ อาทิสมาโยคฺจ. ตตฺถ กรุณากิจฺจํ วิหารํ ทสฺเสนฺโต ‘‘กรุณาวิหาเรน วิหาสี’’ติ อาห. อธิกรณฺหิ กาลตฺโถติ เอตฺถ หิ-กาโร การณตฺโถ. ตตฺถ หิ อภิธมฺเม กาลสมูหขณสมวายเหตุสงฺขาตวเสน ปฺจวิโธ สมยฏฺโ ทฏฺพฺโพ. กาลสมูหฏฺโ สมโย กถํ อธิกรณํ โหติ? อธิกรณมุปฺปตฺติฏฺานํ ปุพฺพณฺเห ชาโตติ ยถา, เอวํ กาลฏฺโ สมยสทฺโท ทฏฺพฺโพ. กถํ ราสฏฺโ? ยวราสิมฺหิ ชาโตติ ยถา. ตสฺมา ยสฺมึ กาเล ปฺุเช วา จิตฺตํ สมุปฺปนฺนํ, ตสฺมึ กาเล ปฺุเช วา ผสฺสาทโย อุปฺปชฺชนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. อธิกรณฺหีติ เอตฺถ อภิธมฺเม นิทฺทิฏฺํ อธิกรณํ กาลฏฺโ สมูหฏฺโ จ โหติ, ‘‘ยสฺมึ สมเย’’ติ วุตฺตํ อธิกรณํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อิทานิ ภาเวนภาวลกฺขณฺจ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถ วุตฺตาน’’มิจฺจาทิมาห. ตตฺถ อภิธมฺเม วุตฺตานํ ภาโว นาม กินฺติ? อุปฺปตฺติ วิชฺชมานตา, สา เตสํ ตตฺถ วุตฺตานํ ผสฺสาทิธมฺมานํ, สา ปน สมยสฺส ภาเวน ภาโว ลกฺขียติ ายติ, ตสฺมา ตตฺถ ภุมฺมวจนนิทฺเทโส กโตติ วุตฺตํ โหติ.
ตตฺถ ขโณ นาม อฏฺกฺขณวินิมุตฺโต นวโม ขโณ, ตสฺมึ สติ อุปฺปชฺชติ. สมวาโย นาม ¶ จกฺขุนฺทฺริยาทิการณสามคฺคี, ตสฺมึ สติ อุปฺปชฺชติ. เหตุ นาม รูปาทิอารมฺมณํ. ตสฺมา ตสฺมึ ขณการณสมวายเหตุมฺหิ สติ เตสํ ผสฺสาทีนํ ภาโว วิชฺชมานตา โหตีติ วุตฺตํ โหติ. อิธ ปน เหตุอตฺโถ กรณตฺโถ จ สมฺภวตีติ เอตฺถ อตฺถทฺวยเมกสฺส สมฺภวตีติ อิธ วินเย วุตฺตสฺส สมยสทฺทสฺส กตฺตุกรณตฺเถ ตติยา เหตุมฺหิ จ อิตฺยุตฺตตฺตา. โส ทุพฺพิฺเยฺโยติ ‘‘ตถาคโตว ตตฺถ กาลํ ชานิสฺสตี’’ติ วุตฺตตฺตาติ วุตฺตํ โหติ. เตน สมเยนาติ ตสฺส สมยสฺส การณา ‘‘อนฺเนน วสติ วิชฺชาย วสตี’’ติ ยถา, อนฺนํ วา วิชฺชํ วา ลภามีติ ตทตฺถํ วสตีตฺยตฺโถ. เอวํ ‘‘เตน สมเยน วิหรตี’’ติ วุตฺเต เหตฺวตฺเถ ตติยา ทฏฺพฺพา, ตสฺมา สิกฺขาปทปฺตฺติยา สมยฺจ วีติกฺกมฺจ โอโลกยมาโน ตตฺถ ตตฺถ วิหาสีติ วุตฺตํ โหติ. ตติยปาราชิกาทีสุ ‘‘อิจฺฉามหํ, ภิกฺขเว, อทฺธมาสํ ¶ , ปฏิสลฺลียิตุ’’นฺติ (ปารา. ๑๖๒) เอวมาทีสุ ทฏฺพฺพา, ตสฺมา ทุติยา กาลทฺธาเน อจฺจนฺตสํโยเคติ ทุติยาตฺร สมฺภวติ ‘‘มาสมธีเต ทิวสมธีเต’’ติ ยถา. อิธ ปน เหตุอตฺโถ กรณตฺโถ จ สมฺภวตีติ เอตฺถ ยสฺส กรณวจนสฺส เหตุอตฺโถ สมฺภวติ, เตน สมเยน เหตุภูเตน ตํ ตํ วตฺถุวีติกฺกมสงฺขาตํ วีติกฺกมสมยสงฺขาตํ วา สิกฺขาปทปฺตฺติเหตฺุจ อเปกฺขมาโน ภควา ตตฺถ ตตฺถ วิหาสิ. ยสฺส กรณตฺโถ สมฺภวติ, เตน กรณภูเตน สมเยน สมฺปตฺเตน สิกฺขาปทานิ ปฺาปยนฺโต ภควา ตตฺถ ตตฺถ วิหาสีติ อธิปฺปาโย.
คณฺิปเท ปน ‘‘สุทินฺนาทีนํ วีติกฺกโมว การณํ นาม, ตสฺส นิยมภูโต กาโล ปน กรณเมว ตํ กาลํ อนติกฺกมิตฺวาว สิกฺขาปทสฺส ปฺเปตพฺพตฺตา’’ติ วุตฺตํ, ตํ นิทฺโทสํ. ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘อิทํ กรณํ ปุพฺพภาคตฺตา ปมํ วตฺตพฺพมฺปิ ปจฺฉา วุตฺต’’นฺติ, ตํ ทุวุตฺตํ. เหตุอตฺถโต หิ ยถา ปจฺฉา กรณตฺโถ โยชิยมาโน อนุกฺกเมเนว โยคํ คจฺฉติ, ตถา จ โยชิโต. ยํ ปน อฏฺกถาจริโย ปจฺฉา วุตฺตํ อิทํ กรณตฺถํ ปมํ โยเชตฺวา ปมํ วุตฺตํ เหตุอตฺถํ ปจฺฉา โยเชสิ, ตํ โยชนาสุขตฺตาติ เวทิตพฺพนฺติ อาจริเยน ลิขิตํ. อิโต ปฏฺาย ยตฺถ ยตฺถ ‘‘อาจริเยน ลิขิต’’นฺติ วา ‘‘อาจริยสฺส ตกฺโก’’ติ วา วุจฺจติ, ตตฺถ ตตฺถ อาจริโย นาม อานนฺทาจริโย กลสปุรวาสีติ คเหตพฺโพ. เอตฺถาห – ยถา สุตฺตนฺเต ‘‘เอกํ สมยํ ภควา’’ติ วุจฺจติ, ตถา ‘‘เตน สมเยน ภควา เวรฺชาย’’นฺติ วตฺตพฺพํ, อถ สเววจนํ วตฺตุกาโม เถโร, ตถาคโต สุคโตติอาทีนิปิ วตฺตพฺพานิ, อถ อิมสฺเสว ปททฺวยสฺส คหเณ กิฺจิ ปโยชนํ อตฺถิ, ตํ วตฺตพฺพนฺติ? วุจฺจเต – เกสฺจิ พุทฺธสฺส ภควโต ปรมคมฺภีรํ อชฺฌาสยกฺกมํ อชานตํ ‘‘อปฺตฺเต สิกฺขาปเท อนาทีนวทสฺโส…เป… อภิวิฺาเปสี’’ติอาทิกํ (ปารา. ๓๖) ‘‘อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ สุทินฺนํ ปฏิปุจฺฉี’’ติอาทิกฺจ (ปารา. ๓๙) ‘‘สาทิยิ ตฺวํ ภิกฺขูติ. นาหํ ภควา สาทิยิ’’นฺติอาทิกฺจ (ปารา. ๗๒) ¶ ตถา ปุราณโวหาริกํ ภิกฺขุํ ปุจฺฉิตฺวา เตน วุตฺตปริจฺเฉเทน ทุติยปาราชิกปฺาปนฺจ เทวทตฺตสฺส ปพฺพชฺชานุชานนฺจาติ เอวมาทิกํ วินยปริยตฺตึ ทิสฺวา พุทฺธสุพุทฺธตํ ปฏิจฺจ สงฺกา สมฺภเวยฺย, ‘‘ตถา กึ ปน ตุยฺหํ ฉวสฺส เขฬาสกสฺสา’’ติ ¶ (จูฬว. ๓๓๖) เอวมาทิกํ ผรุสวจนปฏิสํยุตฺตํ วินยปริยตฺตึ นิสฺสาย ขีณาสวตฺตํ ปฏิจฺจ สงฺกา สมฺภเวยฺย, ตทุภยสงฺกาวิโนทนตฺถํ อายสฺมตา อุปาลิตฺเถเรน อิทเมว ปททฺวยคฺคหณํ สพฺพตฺถ กตนฺติ เวทิตพฺพํ. เตเนตํ ทีเปติ – กามํ สพฺพเยฺยพุทฺธตฺตา พุทฺโธเยว, ภคฺคสพฺพโทสตฺตา ภควาว, โส สตฺถาติ. ปรโตปิ วุตฺตํ ‘‘ชานนฺตาปิ ตถาคตา ปุจฺฉนฺติ…เป… อนตฺถสํหิเต เสตุฆาโต ตถาคตาน’’นฺติ (ปารา. ๑๖). สุตฺตนฺเต จ วุตฺตํ ‘‘สณฺเหนปิ เกสิ วิเนมิ ผรุเสนปี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๔.๑๑๑).
อสาธารณเหตุมฺหีติ เอตฺถ กุสลมูลานิ น อกุสลานํ กทาจิ มูลานิ โหนฺติ, ตถา อกุสลมูลานิ กุสลานํ, อพฺยากตมูลานิ น กทาจิ กุสลานนฺติ อยเมว นโย ลพฺภติ, ยสฺมา กุสลา เหตู ตํสมุฏฺานานํ รูปานํ เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย (ปฏฺา. ๑.๑.๔๐๑ อาทโย), ตสฺมา กุสลานิ กุสลานํเยวาติอาทินโย น ลพฺภติ. ปุจิ วุจฺจเต กุฏฺา, เต มนฺทยติ นาสยตีติ ปุจิมนฺโท. สตฺตานํ หิตสุขนิปฺผาทนาธิมุตฺตตนฺติ เอตฺถ สามฺโต วุตฺตสตฺเต ทฺวิธา ภินฺทิตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘มนุสฺสานํ อุปการพหุลต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. พหุชนหิตายาติ พหุโน ชนสฺส หิตตฺถาย. ปฺาสมฺปตฺติยา ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกหิตูปเทสโก หิ ภควา. สุขายาติ สุขตฺถาย. จาคสมฺปตฺติยา อุปการกสุขสมฺปทายโก หิ เอส. เมตฺตากรุณาสมฺปตฺติยา โลกานุกมฺปาย มาตาปิตโร วิย. โลกสฺส รกฺขิตโคปิตา หิ เอส. เทวมนุสฺสานนฺติ เอตฺถ ภพฺพปุคฺคเล เวเนยฺยสตฺเตเยว คเหตฺวา เตสํ นิพฺพานมคฺคผลาธิคมาย อตฺตโน อุปฺปตฺตึ ทสฺเสติ. ‘‘อตฺถายา’’ติ หิ วุตฺเต ปรมตฺถตฺถาย นิพฺพานาย, ‘‘หิตายา’’ติ วุตฺเต ตํสมฺปาปกมคฺคตฺถายาติ วุตฺตํ โหติ, มคฺคโต อุตฺตริ หิตํ นาม นตฺถีติ. สุขายาติ ผลสมาปตฺติสุขตฺถาย ตโต อุตฺตริ สุขาภาวโต. ทิฏฺิสีลสงฺฆาเตนาติ เอตฺถ สมาธึ ปฺฺจ อคฺคเหตฺวา ทิฏฺิสีลมตฺตคฺคหณํ สพฺพเสกฺขาเสกฺขสามฺตฺตา. โกสมฺพกสุตฺเตปิ (ม. นิ. ๑.๔๙๒) ‘‘สีลสามฺคโต วิหรติ, ทิฏฺิสามฺคโต วิหรตี’’ติ วุตฺตํ. ทิฏฺิคฺคหเณน ปฺาปิ คหิตาติ เจ? น, โสตาปนฺนาทีนมฺปิ ปฺาย ปริปูรการิภาวปฺปสงฺคโต, ตสฺมา เอกลกฺขณานมฺปิ ตาสํ ปฺาทิฏฺีนํ อวตฺถนฺตรเภโท อตฺถิ ธิติสมาธินฺทฺริยสมฺมาสมาธีนํ วิย ¶ . อฺาสีติ เอตฺถ โสตทฺวารานุสาเรน าตา, อตฺถา สุตาติ หิ วุจฺจนฺติ ‘‘สุตเมตํ, โภ โคตม, ปาปกา สมาจารา ทิสฺสนฺติ เจว สุยฺยนฺติ จา’’ติอาทีสุ วิย. ‘‘ภิกฺขุ โข, อุปาลิ ¶ , สงฺฆํ ภินฺทตี’’ติอาทีสุ (จูฬว. ๓๕๔) วิย อวธารณตฺเถ วา. เวรฺชายํ ภโว วิชฺชมาโน. อิตฺถมฺภูตสฺส เอวํ ภูตสฺส. กถํ ภูตสฺส? สกฺยปุตฺตสฺส สกฺยกุลา ปพฺพชิตสฺส, เอวํ หุตฺวา ิตสฺส กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโตติ อภิสทฺเทน โยเค อุปโยควจนานิ โหนฺตีติ อตฺโถ.
กามุปาทานปจฺจยา เอว เมตฺตํ ภาเวติ, พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺตตีติ อิมินา กามุปาทานเหตุ กมฺมํ กตฺวา กามภเว เอว นิพฺพตฺตตีติวาทีนํ วาโท ปฏิกฺขิตฺโตติ วทนฺติ, ‘‘พฺรหฺมโลเก ปณีตา กามา’’ติ สุตฺวา, กปฺเปตฺวา วา ปจฺฉา ‘‘ตตฺถ สมฺปตฺตึ อนุภวิสฺสามี’’ติ กามุปาทานปจฺจยา ตทุปคํ กโรตีติ พฺรหฺมโลเกปิ กามนียฏฺเน กามา, ‘‘ตทารมฺมณตฺตา ตณฺหา กามุปาทานนฺติ วุตฺตา’’ติ จ วทนฺติ, วีมํสิตพฺพํ. กมฺมฺจ จกฺขุสฺส ชนกการณํ, กมฺมสฺส มูลการณํ ตณฺหา, ตสฺมา น มูลการณํ โหติ ชนกํ. รูปตณฺหาทโย ทุกฺขสจฺจํ ขนฺธปริยาปนฺนตฺตา, ‘‘ยมฺปิจฺฉํ น ลภติ, ตมฺปิ ทุกฺข’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๓๘๗; ม. นิ. ๑.๑๓๑; วิภ. ๑๙๐) วจนโต จ. ตสฺส มูลการณภาเวน สมุฏฺาปิกาติ ตสฺส การณภูตสฺส อิมสฺส ขนฺธปฺจกสฺส สมุฏฺาปิกาติ โยเชตพฺพํ. ‘‘อาสวสมุทยา อวิชฺชาสมุทโย’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๐๓) วจนโต ตสฺส เอว การณนฺติปิ วตฺตุํ วฏฺฏติ. อปิจ ‘‘รูปาทิ วิย ตณฺหาปิ ตณฺหาย อุปฺปตฺติปฺปหานฏฺาน’’นฺติ วจนโต รูปาทิ วิย ตณฺหาปิ ทุกฺขสจฺจํ กตํ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘รูปตณฺหา โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอตฺเถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๔๐๐; วิภ. ๒๐๓) จ ‘‘เอตฺเถสา ตณฺหา ปหียมานา ปหียตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๔๐๑; ม. นิ. ๑.๑๓๔) จ. วิสุทฺธิมคฺเค ‘‘สพฺพากาเรน ปน อุปาทานกฺขนฺธปฺจกํ ทุกฺขฺเจว อริยสจฺจฺจ อฺตฺร ตณฺหายา’’ติ วจนโต อิธ รูปตณฺหาทโย ทุกฺขสจฺจนฺติ วจนํ วิรุชฺฌตีติ เจ? น, อฺมฺาสงฺกรภาเวน ทสฺเสตุํ ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตตฺตา. ยทิ ตณฺหา อุปาทานกฺขนฺธปริยาปนฺนา น ภเวยฺย, สจฺจวิภงฺเค ‘‘ตตฺถ กตเม สํขิตฺเตน ปฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขา. เสยฺยถิทํ, รูปุปาทานกฺขนฺโธ ¶ ..เป… วิฺาณุปาทานกฺขนฺโธ’’ติ (วิภ. ๒๐๒) เอตฺถ ‘‘เปตฺวา ตณฺหํ สงฺขารุปาทานกฺขนฺโธ’’ติ วตฺตพฺพํ ภเวยฺย, น จ วุตฺตํ, ตสฺมา ทุกฺขสจฺจปริยาปนฺนา ตณฺหาติ เจ? น, เหตุผลสงฺกรโทสปฺปสงฺคโต. น สงฺกรโทโสติ เจ? สจฺจวิภงฺคปาฬิยฺหิ ปฺจหิ โกฏฺาเสหิ สมุทยสจฺจํ นิทฺทิฏฺํ.
กถํ? ตณฺหาติ เอโก วาโร, ตณฺหา จ อวเสสา จ กิเลสาติ ทุติโย, ตณฺหา จ อวเสสา จ กิเลสา อวเสสา จ อกุสลา ธมฺมาติ ตติโย, ตณฺหา จ อวเสสา จ กิเลสา ¶ อวเสสา จ อกุสลา ธมฺมา ตีณิ จ กุสลมูลานิ สาสวานีติ จตุตฺโถ, ตณฺหา จ อวเสสา จ กิเลสา อวเสสา จ อกุสลา ธมฺมา ตีณิ จ กุสลมูลานิ สาสวานิ อวเสสา จ สาสวา กุสลา ธมฺมาติ ปฺจโม วาโรติ. อาม นิทฺทิฏฺํ, ตถาปิ อภิธมฺมภาชนิเยเยว, น อฺสฺมึ, โส จ นโย อริยสจฺจนิทฺเทเส น ลพฺภติ. ตถา หิ ตตฺถ ‘‘จตฺตาริ สจฺจานิ’’จฺเจวาห, สุตฺตนฺตภาชนิยปฺหปุจฺฉเกสุ วิย ‘‘จตฺตาริ อริยสจฺจานี’’ติ น วุตฺตํ, ตสฺมา สุตฺตนฺตภาชนิโยว ปมาณํ ตตฺถ จ ตณฺหาย วุตฺตตฺตา. ยถาห ‘‘ตตฺถ กตมํ ทุกฺขสมุทยํ อริยสจฺจํ, ยายํ ตณฺหา โปโนภวิกา…เป… เสยฺยถิทํ, กามตณฺหา’’ติอาทิ (วิภ. ๒๐๓). ‘‘ยทนิจฺจํ ตํ ทุกฺข’’นฺติ (สํ. นิ. ๓.๑๕) อิมินา ปริยาเยน วุตฺตตฺตา ตตฺถ วุตฺตมฺปิ ปมาณเมว. ‘‘ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ปถวีกสิณ’’นฺติ (ธ. ส. ๑๘๖ อาทโย) วจนโต ‘‘กสิณานี’’ติ ฌานานิ วุตฺตานิ. เกจิ ‘‘อุคฺคหนิมิตฺตปฏิภาคนิมิตฺเต สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ. ‘‘ทฺวตฺตึสาการาปิ ปณฺณตฺตึ วิสฺสชฺเชตฺวา ปฏิกูลาติ สติ ปฏฺเปตพฺพา’’ติ วจนโต สติโคจรา รูปาทโย จ เวทิตพฺพา.
สทฺธาหิโรตฺตปฺปพาหุสจฺจวีริยารมฺโภปฏฺิตสติสมฺปชฺตาติ อิเม สตฺต สทฺธมฺมา นาม. สภาวโตติ ทุกฺขโต. น จวตีติ เทเว สนฺธาย. าเตยฺยนฺติ าตพฺพํ. ทฏฺเยฺยนฺติ ทฏฺพฺพํ. อถ วา ปน ‘‘นาหํ คมเนน โลกสฺส อนฺตํ าเตยฺย’’นฺติ วทามีติ อตฺโถ. โลกนฺติ ขนฺธโลกํ. คมเนน น ปตฺตพฺโพติ สรีรคมเนน, อคติคมเนน วา น ปตฺตพฺโพ, อริยคมเนน โลกนฺตํ ปตฺวาว ทุกฺขา อตฺถิ ปโมจนนฺติ วุตฺตํ โหติ. สมิตาวีติ สมิตกิเลโส. อาหารฏฺิติกาติ ปจฺจยฏฺิติกา. เย เกจิ ¶ ปจฺจยฏฺิติกา, สพฺเพ เต ลุชฺชนปลุชฺชนฏฺเน เอโก โลโกติ อธิปฺปาโย. สงฺขารา หิ สกสกปจฺจยายตฺตตาย สตฺตา วิสตฺตา สตฺตา นาม. ปริหรนฺติ ปริจรนฺติ. ทิสาติ อุปโยคพหุวจนํ. ภนฺติ ปฏิภนฺติ. เก เต? เตเยว วิโรจมานา ปภสฺสรา จนฺทิมสูริยา. อฏฺ โลกธมฺมา สงฺขาราว. ‘‘สิเนรุสฺส สมนฺตโต’’ติ วจนโต ยุคนฺธราทโย สิเนรุํ ปริกฺขิปิตฺวา ปริมณฺฑลากาเรน ิตาติ วทนฺติ. ปริกฺขิปิตฺวา อจฺจุคฺคโต โลกธาตุ อยํ. ‘‘ม-กาโร ปทสนฺธิกโร’’ติ วทนฺติ. อฺถาปิ ลกฺขณาทิเภทโต สงฺขารโลกํ, อาสยานุสยเภทโต สตฺตโลกํ, จกฺกวาฬาทิปริมาณโต โอกาสโลกฺจ สพฺพถาปิ วิทิตตฺตา โลกวิทู.
วิมุตฺติาณทสฺสนํ กามาวจรํ ปริตฺตํ โลกิยํ, เตน สพฺพํ โลกํ กถํ อภิวติ? อสทิสานุภาวตฺตา สพฺพฺุตฺาณํ วิย. ตฺหิ อตฺตโน วิสเย ภควโต สพฺพฺุตฺาณคติกํ ¶ , ลหุตรปฺปวตฺติ จ ภวงฺคจิตฺตทฺวยานนฺตรํ อุปฺปตฺติโต. น กสฺสจิ เอวํลหุตรํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, อปิ อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส, ตสฺส กิเรส จิตฺตวาโร ปฺจทสภวงฺคานนฺตรนฺติ. อคฺคิสิขธูมสิขา จ นาคา กิร สีหฬทีเป. อตฺถสฺส ทีปกํ ปทํ อตฺถปทํ. เอกตฺถทีปกํ ปทํ, สพฺพเมตํ วากฺยนฺติ อตฺโถ. อฏฺ ทิสา นาม อฏฺ วิโมกฺขา, สมาปตฺติโย วา. สตฺถวาโห สตฺถาติ นิปาติโต ยถา ปิสิตาโส ปิสาโจ. อุทเก มณฺฑูโก อหํ อาสึ, น ถเล มณฺฑูโก, วาริมตฺตเมว โคจโร, ตสฺส เม ตว ธมฺมํ สุณนฺตสฺส สีสํ ทณฺเฑน สนฺนิรุมฺภิตฺวาติ ปาเสโส. อนาทรตฺเถ วา สามิวจนํ. ‘‘เอตฺตเกนปิ เอวรูปา อิทฺธิ ภวิสฺสตี’’ติ สิตํ กตฺวา. วิโมกฺโขติ เจตฺถ มคฺโค, ตทนนฺตริกํ าณํ นาม ผลาณํ, ตสฺมึ ขเณ พุทฺโธ นาม. สพฺพสฺส พุทฺธตฺตาติ กตฺตริ. โพเธตาติ เหตุกตฺตริ. เสฏฺตฺถทีปกํ วจนํ เสฏฺํ นาม, ตถา อุตฺตมํ. สจฺฉิกาปฺตฺตีติ สพฺพธมฺมานํ สจฺฉิกรณวเสน สยมฺภุตา ปฺตฺติ, อตฺตนา เอว วา าตา สจฺฉิกตาติปิ สจฺฉิกาปฺตฺติ. ภคี ภควา จีวรปิณฺฑปาตาทีนํ. ภชี อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ. ภาคี อตฺถธมฺมวิมุตฺติรสสฺส. ราคาทิกิเลสคณภคฺคมกาสิ. ภาวิตตฺตโน ภาวิตกาโย. ภวสฺส อนฺตํ นิพฺพานํ มคฺคาธิคเมน ตํ คโตติ ภวนฺตโค.
‘‘โลภํ ¶ , ภิกฺขเว, เอกํ ธมฺมํ ปชหถา’’ติอาทินา (อิติวุ. ๑) นเยน เอกกาทิวเสนาคเต คเหตฺวา วทติ. สํกิเลสตณฺหาทิฏฺิทุจฺจริตสํกิเลสวเสน อนิจฺจทุกฺขมนตฺตาสุเภสุ นิจฺจนฺติอาทิวิปริเยสา. จีวรเหตุ วา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, ปิณฺฑปาต เสนาสนอิติภวาภวเหตุ วา (อ. นิ. ๔.๙). เจโตขิลา สตฺถริ กงฺขติ, ธมฺเม, สงฺเฆ, สิกฺขาย, สพฺรหฺมจารีสุ กุปิโตติ (ที. นิ. ๓.๓๑๙; วิภ. ๙๔๑) อาคตา ปฺจ. กาเม อวีตราโค โหติ…เป… กาเย, รูเป, ยาวทตฺถํ อุทราวเทหกํ ภฺุชิตฺวา, อฺตรํ เทวนิกายํ ปณิธาย พฺรหฺมจริยํ จรตีติ (ที. นิ. ๓.๓๒๐; วิภ. ๙๔๑) อาคตา ปฺจ วินิพนฺธา. วิวาทมูลานิ โกโธ อุปนาโห มกฺโข ปฬาโส อิสฺสา มจฺฉริยํ มายา สาเยฺยํ ถมฺโภ สารมฺโภ สนฺทิฏฺิปรามาสิตา อาธานคฺคาหี ทุปฺปฏินิสฺสคฺคิตา (อ. นิ. ๖.๓๖; ที. นิ. ๓.๓๒๕). วิภงฺเค ปน ‘‘โกโธ มกฺโข อิสฺสา สาเยฺยํ ปาปิจฺฉตา สนฺทิฏฺิปรามาสิตา’’ติ (วิภ. ๙๔๔) อาคตํ. ตณฺหํ ปฏิจฺจ ปริเยสนา, ปริเยสนํ ปฏิจฺจ ลาโภ, ลาภํ ปฏิจฺจ วินิจฺฉโย, เอวํ ฉนฺทราโค, อชฺโฌสานํ, ปริคฺคโห, มจฺฉริยํ, อารกฺโข, อารกฺขาธิกรณํ, ทณฺฑาทานสตฺถาทาน…เป… อกุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺตีติ (ที. นิ. ๒.๑๐๔; ๓.๓๕๙; อ. นิ. ๙.๒๓; วิภ. ๙๖๓) วุตฺตานํ. รูปสทฺทคนฺธรสโผฏฺพฺพธมฺมตณฺหาติ ฉ, ตา กามภววิภวตณฺหาวเสเนว ¶ อฏฺารส, ตา เอว อชฺฌตฺติกสฺสุปาทาย อฏฺารส, พาหิรสฺสุปาทาย อฏฺารสาติ ฉตฺตึส, ตา อตีเต ฉตฺตึส, อนาคเต ฉตฺตึส, ปจฺจุปฺปนฺเน ฉตฺตึสาติ เอวํ อฏฺสตตณฺหาวิจริตานีติ. มาเรตีติ มาโร, ปมาโท ‘‘ปมาโท มจฺจุโน ปท’’นฺติ (ธ. ป. ๒๑) วจนโต. สมฺมาอาชีววินาสนโต วา กิเลสา วุจฺจนฺติ ‘‘มาโร’’ติ, วธกูปมตฺตา ขนฺธาว มารา. อภิสงฺขารา ชาติทุกฺขาภินิพฺพตฺตาปนโต, ชาตสฺส ชราทิสมฺภวโต จ มารา. เอกภวปริยาปนฺนชีวิตมารณโต มจฺจุ มาโร. อณิมตา นาม ปรมาณุ วิย อทสฺสนูปคมนํ. ลฆิมตา สรีเรน, จิตฺเตน วา สีฆคมนํ. มหิมตา จนฺทิมสูริยาทีนมฺปิปาณินา ปรามสนาทิ. ปตฺติ นาม ยถิจฺฉิตเทสปฺปตฺติ. ปกาสนตา, ลาภกสฺสตฺถสาธนํ วา ปากมฺมํ. อีสตฺตํ นาม สยํวสิตา. วสิตฺตํ นาม อปรวสิตา. ยตฺถกามาวสายิตํ นาม ยตฺถิจฺฉติ ยทิจฺฉติ ยาวทิจฺฉติ, ตตฺถ ตาว ตทตฺถสาธนํ. ปีฬนสงฺขตสนฺตาปวิปริณามฏฺเน ¶ วา ทุกฺขมริยสจฺจนฺติอาทิมฺหิ อิทํ โจทนาปุพฺพงฺคมํ อตฺถวิสฺสชฺชนํ – ทุกฺขาทีนํ อฺเปิ รูปตณฺหาทโย อตฺถา อตฺถิ, อถ กสฺมา จตฺตาโร เอว วุตฺตาติ เจ? อฺสจฺจทสฺสนวเสน อาวิภาวโต.
‘‘ตตฺถ กตมํ ทุกฺเขาณํ, ทุกฺขํ อารพฺภ ยา อุปฺปชฺชติ ปฺา’’ติอาทินาปิ (วิภ. ๗๙๔) นเยน เอเกกสจฺจารมฺมณวเสนาปิ สจฺจาณํ วุตฺตํ. ‘‘โย, ภิกฺขเว, ทุกฺขํ ปสฺสติ, ทุกฺขสมุทยมฺปิ โส ปสฺสตี’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๕.๑๑๐๐) นเยน เอกํ สจฺจํ อารมฺมณํ กตฺวา เสเสสุ กิจฺจนิปฺผตฺติวเสนาปิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยทา เอเกกํ สจฺจํ อารมฺมณํ กโรติ, ตทา สมุทยทสฺสเนน ตาว สภาวโต ปีฬนลกฺขณสฺสาปิ ทุกฺขสฺส ยสฺมา ตํ อายูหนลกฺขเณน สมุทเยน อายูหิตํ สงฺขตํ, ตสฺมาสฺส โส สงฺขตฏฺโ อาวิ ภวติ. ยสฺมา ปน มคฺโค กิเลสสนฺตาปหโร สุสีตโล, ตสฺมาสฺส มคฺคทสฺสเนน สนฺตาปฏฺโ อาวิ ภวติ นนฺทสฺส อจฺฉราทสฺสเนน สุนฺทริยา อนภิรูปภาโว วิย. อวิปริณามธมฺมสฺส ปน นิโรธสฺส ทสฺสเนน ตสฺส วิปริณามฏฺโ อาวิ ภวตีติ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. สภาวโต อายูหนลกฺขณสฺสปิ สมุทยสฺส ทุกฺขทสฺสเนน นิทานฏฺโ อาวิ ภวติ อสปฺปายโภชนโต อุปฺปนฺนพฺยาธิทสฺสเนน โภชนสฺส พฺยาธินิทานภาโว วิย. วิสํโยคภูตสฺส นิโรธสฺส ทสฺสเนน สํโยคฏฺโ. นิยฺยานภูตสฺส จ มคฺคสฺส ทสฺสเนน ปลิโพธฏฺโติ. ตถา นิสฺสรณสฺสาปิ นิโรธสฺส อวิเวกภูตสฺส สมุทยสฺส ทสฺสเนน วิเวกฏฺโ อาวิ ภวติ. มคฺคทสฺสเนน อสงฺขตฏฺโ. อิมินา หิ อนมตคฺเค สํสาเร มคฺโค น ทิฏฺปุพฺโพ, โสปิ จ สปฺปจฺจยตฺตา สงฺขโต เอวาติ อปฺปจฺจยธมฺมสฺส อสงฺขตภาโว อติวิย ปากโฏ โหติ. ทุกฺขทสฺสเนน ปนสฺส อมตฏฺโ อาวิ ภวติ. ทุกฺขฺหิ วิสํ, อมตํ นิพฺพานนฺติ. ตถา นิยฺยานลกฺขณสฺสาปิ ¶ มคฺคสฺส สมุทยทสฺสเนน ‘‘นายํ เหตุ นิพฺพานสฺส ปตฺติยา, อยํ เหตู’’ติ เหตฺวตฺโถ อาวิ ภวติ. นิโรธทสฺสเนน ทสฺสนฏฺโ ปรมสุขุมรูปานิ ปสฺสโต ‘‘วิปฺปสนฺนํ วต เม จกฺขู’’ติ จกฺขุสฺส วิปฺปสนฺนภาโว วิย. ทุกฺขทสฺสเนน อธิปเตยฺยฏฺโ อเนกโรคาตุรกปณชนทสฺสเนน อิสฺสรชนสฺส อุฬารภาโว วิยาติ เอวเมตฺถ ลกฺขณวเสน, เอกสฺส อฺสจฺจทสฺสนวเสน จ อิตเรสํ ติณฺณํ อาวิภาวโต ¶ เอเกกสฺส จตฺตาโร อตฺถา วุตฺตา. อุปธิวิเวโก นิกฺกิเลสตา.
ปฏิปกฺขํ อตฺถยนฺตีติ ปจฺจตฺถิกา. ปติ วิรุทฺธา อมิตฺตา ปจฺจามิตฺตา. สจฺฉิกตฺวา ปเวเทตีติ เอตฺตาวตา ภควโต สพฺพฺุตํ ทีเปติ. เตน าณสมฺปตฺตึ ทีเปตฺวา อิทานิ กรุณาสมฺปตฺตึ ทีเปตุํ ‘‘โส ธมฺมํ เทเสสี’’ติอาทิมาห. อถ วา กึ โส ปเวเทสีติ? าณํ, ตํ สพฺพํ ติโลกหิตภูตเมว. โส ธมฺมํ เทเสสีติ กีทิสํ? ‘‘อาทิกลฺยาณ’’นฺติอาทิ. อเนน วจเนน วตฺตุํ อรหภาวํ ทีเปติ. สาสนธมฺโมติ โอวาทปริยตฺติ. กิจฺจสุทฺธิยาติ กิเลสปฺปหานนิพฺพานารมฺมณกิจฺจสุทฺธิยา. สาสนพฺรหฺมจริยํ นาม สิกฺขตฺตยํ, นวโกฏิสหสฺสานีติอาทิกํ วา. มคฺคเมว พฺรหฺมจริยํ มคฺคพฺรหฺมจริยํ. ตสฺส ปกาสกํ ปิฏกตฺตยํ อิธ สาตฺถํ สพฺยฺชนํ นาม. ฉสุ อตฺถปเทสุ สงฺเขปโต กาสนํ สงฺกาสนํ. อาทิโต กาสนํ ปกาสนํ. อุภยมฺปิ วิตฺถาเรตฺวา เทสนํ วิวรณํ. ปุน วิภาคกรณํ วิภชนํ. โอปมฺมาทินา ปากฏกรณํ อุตฺตานีกรณํ. โสตูนํ จิตฺตปริโตสชนเนน, จิตฺตนิสาเนน จ ปฺาปนํ เวทิตพฺพํ. พฺยฺชนปเทสุ อกฺขรณโต อกฺขรํ, ‘‘เอกกฺขรปทมกฺขร’’นฺติ เอเก. วิภตฺติอนฺตํ ปทํ. พฺยฺชยตีติ พฺยฺชนํ, วากฺยํ. ปทสมุทาโย วา วากฺยํ. วิภาคปกาโส อากาโร นาม. ผุสตีติ ผสฺโสติอาทิ นิพฺพจนํ นิรุตฺติ, นิรุตฺติยา นิทฺทิฏฺสฺส อปเทโส นิทฺเทโส นาม. ผุสตีติ ผสฺโส, โส ติวิโธ – สุขเวทนีโย ทุกฺขเวทนีโย อทุกฺขมสุขเวทนีโยติ. เอเตสุ อยํ โยชนา – อกฺขเรหิ สงฺกาสยติ, ปเทหิ ปกาสยติ, พฺยฺชเนหิ วิวรติ, อากาเรหิ วิภชติ, นิรุตฺตีหิ อุตฺตานึ กโรติ, นิทฺเทเสหิ ปฺาเปติ. อกฺขเรหิ วา สงฺกาสยิตฺวา ปเทหิ ปกาเสติ, พฺยฺชเนหิ วิวริตฺวา อากาเรหิ วิภชติ, นิรุตฺตีหิ อุตฺตานึ กตฺวา นิทฺเทเสหิ ปฺาเปติ. อกฺขเรหิ วา อุคฺฆาเฏตฺวา ปเทหิ วิเนติ อุคฺฆฏิตฺุํ, พฺยฺชเนหิ วิวริตฺวา อากาเรหิ วิเนติ วิปฺจิตฺุํ, นิรุตฺตีหิ เนตฺวา นิทฺเทเสหิ วิเนติ เนยฺยนฺติ เวทิตพฺพํ. อตฺโถติ ภาสิตตฺโถ. ตสฺเสวตฺถสฺส ปฏิวิชฺฌิตพฺโพ สโก สโก ภาโว ปฏิเวโธ นาม. ตํ อุภยมฺปิ อตฺโถ นาม. เตน วุตฺตํ ‘‘อตฺถคมฺภีรตาปฏิเวธคมฺภีรตาหิ สาตฺถ’’นฺติ. ธมฺโมติ วา เทสนาติ วา พฺยฺชนเมว. นิทฺโทสภาเวน ปริสุทฺธํ สาสนพฺรหฺมจริยํ, สิกฺขตฺตยปริคฺคหิโต ¶ มคฺโค จ, อุภยมฺปิ พฺรหฺมจริยปเทน ¶ สงฺคหิตํ. ปฏิปตฺติยาติ ปฏิปตฺติเหตุ. อาคมพฺยตฺติโตติ ปุนปฺปุนํ อธียมานา ขนฺธาทโย ปากฏา โหนฺติ. ทุรุตฺตสตฺถานิ อธียมานานิ สมฺโมหเมวาวาหนฺติ.
๒-๓. กจฺจิ ขมนียํ สีตุณฺหาทิ. กจฺจิ ยาปนียํ ยถาลทฺเธหิ ชีวิตสาธเนหิ ชีวิตํ. อปฺปาพาธนฺติ อปฺโปปสคฺคํ, อปฺปาตงฺกนฺติ อปฺปโรคํ. กจฺจิ ลหุฏฺานํ สรีรกิจฺเจ. กจฺจิ พลํ สมณกิจฺเจ. กจฺจิ ผาสุวิหาโร ยถาวุตฺตนเยน อปฺปาพาธตาย, อนุกฺกณฺนาทิวเสน วา. สตฺตสฏฺิโต ปฏฺาย ปจฺฉิมวโย, อุตฺตรามุโขติ วุตฺตํ โหติ. โลกวิวรเณ ชาเต อิธ กึ โอโลเกสิ, นตฺเถตฺถ ตยา สทิโสปีติ อาห ‘‘ตฺวํ สเทวกสฺส โลกสฺส อคฺโค’’ติอาทิ. อาสภึ อุตฺตมํ. อุปปตฺติวเสน เทวา. รูปานํ ปริโภควเสน, ปตฺถนาวเสน วา อุปฺปนฺนา ราคสมฺปยุตฺตา โสมนสฺสเวทนานุรูปโต อุปฺปชฺชิตฺวา หทยตปฺปนโต อมฺพรสาทโย วิย ‘‘รูปรสา’’ติ วุจฺจนฺติ. ตถาคตสฺส ปหีนาติ อธิการวเสนาห. ตถาคตสฺสปิ หิ กสฺสจิ เต ปหีนาติ มตฺถกจฺฉินฺนตาโล วิย กตา. กถํ? รูปรสาทิวจเนน วิปากธมฺมธมฺมา คหิตา, เต วิชฺชมานาปิ มตฺถกสทิสานํ ตณฺหาวิชฺชานํ มคฺคสตฺเถน ฉินฺนตฺตา อายตึ ตาลปนฺติสทิเส วิปากกฺขนฺเธ นิพฺพตฺเตตุํ อสมตฺถา ชาตา. ตสฺมา ตาลาวตฺถุ วิย กตา. ‘‘กุสลโสมนสฺสาปิ เอตฺถ สงฺคหิตา’’ติ วทนฺติ. ปมมคฺเคน ปหีนา กมฺมปถฏฺานิยา, ทุติเยน อุจฺฉินฺนมูลา โอฬาริกา, ตติเยน ตาลาวตฺถุกตา กามราคฏฺานิยา. จตุตฺเถน อนภาวํกตา รูปราคารูปราคฏฺานิยา. อปริหานธมฺมตํ ปน ทีเปนฺโต ‘‘อายตึ อนุปฺปาทธมฺมา’’ติ อาห. ตทงฺคปฺปหาเนน วา ปหีนา วิปสฺสนากฺขเณ, ฌานสฺส ปุพฺพภาคกฺขเณ วา, วิกฺขมฺภนปฺปหาเนน อุจฺฉินฺนมูลา ฌานกฺขเณ. ‘‘วิวิจฺเจว กาเมหี’’ติ (ปารา. ๑๑) หิ วุตฺตํ. สมุจฺเฉทปฺปหาเนน ตาลาวตฺถุกตา ตติยวิชฺชาธิคมกฺขเณ. อิตฺถมฺภูตา ปน เต รูปรสาทโย อนภาวํกตา อายติมนุปฺปาทธมฺมาติ เอกเมวิทํ อตฺถปทํ. ปมาย วา อภินิพฺภิทาย ปหีนา, ทุติยาย อุจฺฉินฺนมูลา, ตติยาย ตาลาวตฺถุกตา. อิตฺถมฺภูตา ยสฺมา อนภาวํกตา นาม โหนฺติ, ตสฺมา อายตึอนอุปฺปาทธมฺมาติ เวทิตพฺพา. อถ วา ทุกฺขาเณน ปหีนา, สมุทยาเณน อุจฺฉินฺนมูลา ¶ , นิโรธาเณน ตาลาวตฺถุกตา, มคฺคาเณน อนภาวํกตา, ปจฺจเวกฺขณาเณน อายตึ อนุปฺปาทธมฺมาติ เวทิตพฺพา. โลกิยมคฺเคน วา ปหีนา, ทสฺสนมคฺเคน อุจฺฉินฺนมูลา, ติวิเธน ภาวนามคฺเคน ตาลาวตฺถุกตาติอาทิ. พฺราหฺมณสฺส อวิสยตฺตา ธมฺมรสา น อุทฺธฏา.
๑๑. ธมฺมธาตุนฺติ เอตฺถ สพฺพฺุตฺาณํ ธมฺมธาตุ นาม. อนุกมฺปวจนานุรูปํ ‘‘ปุณฺณจนฺโท วิยา’’ติ วุตฺตํ, สูริยวจนํ ‘‘สุปฺปฏิวิทฺธตฺตา’’ติวจนานุรูปํ, ปถวีสมจิตฺตตาย การณํ ¶ ‘‘กรุณาวิปฺผาร’’นฺติ วทนฺติ. ปฏิจฺฉาเทตพฺเพ หิ อตฺตโน คุเณ ‘‘อารทฺธํ โข ปน เม วีริย’’นฺติอาทินา ปกาเสนฺโต อตฺตโน กรุณาวิปฺผารํ ปกาเสตีติ คเหตพฺโพ. วรภูริเมธโส วรปุถุลาโณ, ภูรีติ วา ภูมิ, ภูมิ วิย ปตฺถฏวรปฺโติ อตฺโถ. อพุชฺฌิ เอตฺถาติปิ อธิกรเณน รุกฺโข โพธิ. สยํ พุชฺฌติ, พุชฺฌนฺติ วา เตน ตํสมงฺคิโนติ มคฺโค โพธิ, เอวํ สพฺพฺุตฺาณมฺปิ. พุชฺฌียตีติ นิพฺพานํ โพธิ. ติสฺสนฺนํ วิชฺชานํ อุปนิสฺสยวโต ยถาสมฺภวํ ติสฺโส วิชฺชา เวทิตพฺพา. เอกคฺคตาวเสน ติกฺขภาโว. ติกฺโขปิ เอกจฺโจ สโร ลกฺขํ ปตฺวา กุณฺโ โหติ, น ตถา อิทํ. สตินฺทฺริยวเสนสฺส ขรภาโว, สทฺธินฺทฺริยวเสน วิปฺปสนฺนภาโว, อนฺตรา อโนสกฺกิตฺวา กิเลสปจฺจตฺถิกานํ สุฏฺุ อภิภวนโต วีริยินฺทฺริยวเสนสฺส สูรภาโว จ เวทิตพฺโพ. มคฺควิชายนตฺถํ คพฺภคฺคหณกาโล สงฺขารุเปกฺขานนฺตรมนุโลมตฺตา.
ฉนฺโทติ จ สงฺกปฺโปติ จ อวตฺถนฺตรเภทภินฺโน ราโคว –
‘‘เสนหาตฺถฺยงฺคมุเปติ,
รตฺตหทโย ราเคน;
สมฺมคเต รตฺตกามมุเปติ,
กามปติตํ โลกสฺส มาตฺราลมตี’’ติ –
อาทีสุ วิย –
วิภงฺเคเยว กิฺจาปิ อตฺโถ วุตฺโตติ เอตฺถ อยมธิปฺปาโย – วิภงฺคปาฬึ อาเนตฺวา อิธ วุตฺโตปิ สพฺเพสํ อุปการาย น โหติ, ตสฺมา ตํ อฏฺกถานเยเนว ปกาสยิสฺสามีติ. อิโตติ กาเมหิ. กายวิเวกาทีสุ ¶ อุปธิวิเวโก ตติโย, ตสฺมา ตติยํ ฉฑฺเฑตฺวา ทฺเว คเหตฺวา ตทงฺคาทีสุ วิกฺขมฺภนวิเวกํ คเหตฺวา ‘‘ตโย เอวา’’ติ วุตฺตา. เอวํ สติ จิตฺตวิกฺขมฺภนา เอกตฺถา เอวาติ วิเสโส น สิยาติ เจ? อปฺปนาวารตฺตา น ปเนวํ ทฏฺพฺพํ. กายวิเวกคฺคหเณน ปุพฺพภาคคฺคหณํ ายติ, ตสฺมา จิตฺตวิเวโกติ ตทงฺควิเวโก วุตฺโต, วิกฺขมฺภเนน อปฺปนากาเลติ คเหตพฺพํ อสงฺกรโต. อถ วา จิตฺตวิเวเกน ตทงฺควิกฺขมฺภนา คหิตา, อิตเรน วิกฺขมฺภนวิเวโก เอวาติปิ ยุตฺตํ, กิเลสกามตฺตา วา ทฺวีสุ กมฺเมสุ ปริยาปนฺโน ปุริโส วิย. ยถา อวิชฺชมาเนน อวิชฺชมานปฺตฺติวเสน โลเก ‘‘สผโล รุกฺโข’’ติ ¶ วุจฺจติ, ตเถว วิชฺชมาเนน วิชฺชมานปฺตฺติวเสน สาสเน ‘‘สวิตกฺกํ สวิจารํ ฌาน’’นฺติ วุจฺจตีติ อธิปฺปาโย.
วูปสมาติ เอตฺถ เกสํ วูปสมาติ, กึ ปมชฺฌานิกานํ, อุทาหุ ทุติยชฺฌานิกานนฺติ? เอตฺถ ยทิ ปมชฺฌานิกานํ, นตฺถิ เตสํ วูปสโม. น หิ ปมชฺฌานํ วิตกฺกวิจารรหิตํ อตฺถิ. ยทิ ทุติยชฺฌานิกานํ, นตฺเถว วูปสโม ตตฺถ ตทภาวาติ เจ? เตเนตํ วุจฺจติ ‘‘สมติกฺกมา’’ติ, สมติกฺกโมปิ น เตสํเยว. กินฺตุ สกลสฺสปิ ปมชฺฌานธมฺมราสิสฺสาติ เจ? เตเนตํ วุจฺจติ ‘‘โอฬาริกสฺส ปน สมติกฺกมา’’ติอาทิ. สพฺเพปิ ปมชฺฌานธมฺมา โอฬาริกาว ทุติยชฺฌานโต, น เกวลํ วิตกฺกวิจารทฺวยเมวาติ เจ? น วิตกฺกวิจาราเยว เตหิ สมฺปยุตฺตานํ โอฬาริกภาวโตติ เตสฺเวว อาทีนวทสฺสเนน ทุติยชฺฌานกฺขเณ เตสํ อภาโว โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ทุติยชฺฌานกฺขเณ อปาตุภาวา’’ติ, ยสฺส ธมฺมสฺสานุภาเวน, โยเคน วา อิทํ ฌานํ ‘‘สมฺปสาทน’’นฺติ วุจฺจติ ‘‘เอโกทิภาว’’นฺติ จ, ตสฺส ทสฺสนตฺถํ สทฺธาสมาธโย วิภงฺเค วุตฺตา. ปณีตโภชนสิกฺขาปเท (ปาจิ. ๒๕๗ อาทโย) สปฺปิอาทโย วิยาติ วุตฺเต อยํ อตฺถวณฺณนา น วิรุชฺฌติ. สมํ ปสฺสตีติ ลีนุทฺธจฺจํ ปหาย ขีณาสวสฺส ฉสุ ทฺวาเรสุ อิฏฺานิฏฺฉฬารมฺมณาปาเถ ปริสุทฺธปกติภาวาวิชหนาการภูตา อุเปกฺขา ฉฬงฺคุเปกฺขา. นีวรณาทิปฏิสงฺขาสนฺติฏฺนาคหเณ มชฺฌตฺตภูตา อุเปกฺขา, อยํ สงฺขารุเปกฺขา นาม. วิจินเน มชฺฌตฺตภูตา อุเปกฺขา วิปสฺสนุเปกฺขา นาม. ตตฺถ ฉฬงฺคุเปกฺขา พฺรหฺมวิหารุเปกฺขา โพชฺฌงฺคุเปกฺขา ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขา ฌานุเปกฺขา ปาริสุทฺธุเปกฺขา ¶ จ อตฺถโต เอกา ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาว, อวตฺถาเภเทน เภโท เนสํ. สงฺขารุเปกฺขาวิปสฺสนุเปกฺขานมฺปิ เอกตา ปฺาวเสน, กิจฺจวเสน ปน ทุวิธตา เวทิตพฺพา.
ฉฬงฺคุเปกฺขา กามาวจรา, พฺรหฺมวิหารุเปกฺขา รูปาวจราติอาทินา ภูมิวเสน. ฉฬงฺคุเปกฺขา ขีณาสวสฺเสว, พฺรหฺมวิหารุเปกฺขา ติณฺณมฺปิ ปุถุชฺชนเสกฺขาเสกฺขานนฺติ เอวํ ปุคฺคลวเสน. ฉฬงฺคุเปกฺขา โสมนสฺสุเปกฺขาสหคตจิตฺตสมฺปยุตฺตา, พฺรหฺมวิหารุเปกฺขา อุเปกฺขาสหคตจิตฺตสมฺปยุตฺตา เอวาติ เอวํ จิตฺตวเสน. ฉฬงฺคุเปกฺขา ฉฬารมฺมณา, พฺรหฺมวิหารุเปกฺขา ธมฺมารมฺมณาวาติ อารมฺมณวเสน. เวทนุเปกฺขา เวทนากฺขนฺเธน สงฺคหิตา, อิตรา นว สงฺขารกฺขนฺเธนาติ ขนฺธสงฺคหวเสน. ฉฬงฺคุเปกฺขา พฺรหฺมวิหารโพชฺฌงฺคฌานุเปกฺขา ปาริสุทฺธิตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขา จ อตฺถโต เอกา, ตสฺมา เอกกฺขเณ เอกาว สิยา, น อิตรา, ตถา สงฺขารุเปกฺขาวิปสฺสนุเปกฺขาปิ. เวทนาวีริยุเปกฺขานํ เอกกฺขเณ สิยา อุปฺปตฺตีติ. ฉฬงฺคุเปกฺขา อพฺยากตา, พฺรหฺมวิหารุเปกฺขา กุสลาพฺยากตา, ตถา เสสา. เวทนุเปกฺขา ปน สิยา ¶ อกุสลาปิ. เอวํ กุสลตฺติกวเสน. ทสเปตา สงฺเขเปน จตฺตาโรว ธมฺมา วีริยเวทนาตตฺรมชฺฌตฺตาณวเสน. ‘‘ทุกฺขโทมนสฺสสุขโสมนสฺสาน’’นฺติ เอวํ ปหานกฺกเมน อวตฺวา วิภงฺเค วุตฺตนเยน กสฺมา วุตฺตานีติ เจ? สุตฺตานุรกฺขณตฺถํ. อิฏฺานิฏฺวิปรีตนฺติ เอตฺถ ‘‘อารมฺมณวเสน อคฺคเหตฺวา อิฏฺานิฏฺวิปรีตากาเรน อนุภวตีติ คเหตพฺพ’’นฺติ วทนฺติ. กสฺมา? เอกํเยว กสิณํ อารพฺภ สพฺเพสํ ปวตฺติโต. ตติยชฺฌานโต ปฏฺาย อุปการา หุตฺวา อาคตาติ สติสีเสน เทสนา กตา, วิคตวลาหกาทินา โสมฺมตาย รตฺติยา วลาหกาทินา กาลุสฺสิเย สติปิ ทิวา วิย อนุปการิกา น โหติ รตฺตึ, ตสฺมา ‘‘อตฺตโน อุปการกตฺเตน วา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘สูริยปฺปภาภิภวา, รตฺติยา อลาภาติ อิเม ทฺเว เหตู อปริสุทฺธตาย การณํ. โสมฺมภาเวน, อตฺตโน อุปการกตฺเตน จาติ อิเม ทฺเว สภาคตาย การณ’’นฺติ วทนฺติ, ตสฺสา อปริสุทฺธาย ชาติยาติ วุตฺตํ โหติ, ตสฺมา การณวจนนฺติ เอเก.
ฌานกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปุพฺเพนิวาสกถาวณฺณนา
๑๒. จิตฺเตกคฺคตาสภาคตฺตา ¶ ฌานานํ ‘‘เกสฺจิ จิตฺเตกคฺคตตฺถานี’’ติ อาห. กุสลานํ ภโวกฺกมนสภาคตฺตา ‘‘เกสฺจิ ภโวกฺกมนตฺถานี’’ติ. อสภาคตฺตา เสสฏฺาเนสุ ‘‘ปาทกตฺถานี’’ติ อวตฺวา ‘‘ปาทกานี’’ติ อาห. เตน ปาทกภูตานมฺปิ ยถาสมฺภวํ จิตฺเตกคฺคตา ภโวกฺกมนตาวหตํ, อิตเรสํ ยถาสมฺภวํ ปาทกตาวหตฺจ ทีเปติ. อสภาคตฺตา ชวนวิปสฺสนาปาทกานิ สมานานิ อภิฺาปาทกานิ จ โหนฺติ, อภิฺาปาทกานิ จ วิปสฺสนาปาทกานิ โหนฺตีติปิ ทีเปติ, ตถา ปาทกาภาวํ ทีเปติ. อภิฺาย หิ จตุตฺถเมว ปาทกํ, น อิตรานิ. เตสุ จตุตฺถสฺส ตติยํ ปาทกํ, ตติยสฺส ทุติยํ, ทุติยสฺส ปมนฺติ. อถ วา ‘‘จตฺตาริ ฌานานี’’ติ ยถาลาภโต วุตฺตํ.
วินยนิทานนิมิตฺตํ, เวรฺชนิวาสกปฺปนํ;
สตฺถุ ยสฺมา ตสฺมา ภควา, วิชฺชตฺตยมาห เวรฺเช.
วุตฺตฺเหตํ ‘‘วินเย สุปฺปฏิปนฺโน ภิกฺขุ สีลสมฺปตฺตึ นิสฺสายา’’ติอาทิ (ปารา. อฏฺ. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถา). สีลวโต หิ สีลปจฺจเวกฺขณตฺถํ รตฺติฏฺานทิวาาเนสุ นิสินฺนสฺส นิสชฺชนโต ปฏฺาย อตฺตโน อตีตกิริยานุสฺสรณพหุลตาย ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติวิชฺชา อปฺปกสิเรน ¶ สมิชฺฌติ. ตถา อตฺตานํ ปฏิจฺจ สตฺตานํ จุติปริคฺคหณสีลตาย จุตูปปาตาณํ อปฺปกสิเรน สมิชฺฌติ, อุทกาทีสุ สุขุมตฺต ทสฺสนสีลตาย ทิพฺพจกฺขุาณํ สมิชฺฌติ. ยสฺมา สตฺตวิธเมถุนสํโยคปริวชฺชเนน, กามาสวาทิปริวชฺชเนน วา พฺรหฺมจริยํ อขณฺฑาทิภาวํ ปาปุณาติ, ตสฺมาสฺส อาสวกฺขยาณํ อปฺปกสิเรน สมิชฺฌตีติ เอตฺถ วินยนิทาเน วิชฺชตฺตยเมว ทสฺสิตํ, ตสฺมา อาห ‘‘เยสฺจ คุณานํ ทายกํ อโหสิ, เตสํ เอกเทสํ ทสฺเสนฺโต’’ติ, อฺถา วิชฺชตฺตยปฏิลาภมตฺตปฺปสงฺโค สิยาติ.
โส เอวนฺติ อิมินา กิฺจาปิ จตุนฺนํ ฌานานํ ปุพฺพภาคปฏิปทาปิ สงฺคหํ คจฺฉติ, น เกวลํ ปุริมชฺฌานตฺติกเมว, ตถาปิ เกวลํ ปุริมชฺฌานตฺติกเมว คณฺหนฺโต ‘‘เอวนฺติ จตุตฺถชฺฌานกฺกมนิทสฺสนเมตํ, อิมินา ปมชฺฌานาธิคมาทินา กเมน จตุตฺถชฺฌานํ ปฏิลภิตฺวาติ วุตฺตํ โหตี’’ติ อาห, ตํ กสฺมาติ ¶ เจ? สมฺภารภูมิตฺตา. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถายํ (วิสุทฺธิ. ๒.๓๘๑) ‘‘เอตฺถ จ ปุริมานิ ตีณิ ฌานานิ ยสฺมา ปีติผรเณน จ สุขผรเณน จ สุขสฺฺจ ลหุสฺฺจ โอกฺกมิตฺวา ลหุมุทุกมฺมฺกาโย หุตฺวา อิทฺธึ ปาปุณาติ, ตสฺมา อิมินา ปริยาเยน อิทฺธิลาภาย สํวตฺตนโต สมฺภารภูมิโยติ เวทิตพฺพานิ. จตุตฺถชฺฌานํ ปน อิทฺธิลาภาย ปกติภูมิ เอวา’’ติ. อิทเมว วา อตฺถํ สนฺธายาห ‘‘ปุพฺเพ อิมานิ จตฺตาริ ฌานานิ เกสฺจิ อภิฺาปาทกานี’’ติ. ยทิ เอวํ จตุตฺถชฺฌานมฺปิ อนฺโตกตฺวา เอวนฺติ กิมตฺถํ น วุตฺตํ. ตฺหิ ปกติภูมีติ เจ? น วตฺตพฺพํ, จตุตฺถชฺฌานโต ปรสฺส สมาหิตาทิภาวปฺปตฺตสฺส จิตฺตสฺส อตฺถิภาวปฺปสงฺคโต. ยสฺมา ยสฺมึ สติ ‘‘ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมสิ’’นฺติ วุตฺตํ, ตสฺมา ตสฺมึ จตุตฺถชฺฌานจิตฺเต ปกติภูมิภาวปฺปตฺเต อภิฺาปาทเก ชาเต ปริกมฺมจิตฺตํ ‘‘ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณาย อภินินฺนาเมสิ’’นฺติ อาห. อภินีหารกฺขมํ โหตีติ เอตฺถ ตํ อิทฺธิวิธาธิคมตฺถาย ปริกมฺมจิตฺตํ อภินีหรติ. กสิณารมฺมณโต อปเนตฺวา อิทฺธิวิธาภิมุขํ เปเสสิ. คณฺิปเท ปน ‘‘อภิฺาปาทกชฺฌานโต อิทฺธิวิธาณาทีนํ นีหรณตฺถ’’นฺติ วุตฺตตฺตา อภินีหารกฺขมนฺติ อตฺโถ ปกปฺปิโต.
โส เอวํ สมาหิเต เอวํ อาเนฺชปฺปตฺเตติ โยชนา เวทิตพฺพา ทุติยวิกปฺเป, นีวรณทูรีภาเวน วิตกฺกาทิสมติกฺกเมนาติ ปมชฺฌานาทีนํ กิจฺจสงฺคณฺหนโต. อยํ โยชนา ปมวิกปฺเป น สมฺภวติ ‘‘ปริสุทฺเธติอาทีสุ ปนา’’ติ วจเนน ‘‘เอว’’นฺติ ปทสฺส อนุปฺปพนฺธนิวารณโต. เตเนว ‘‘อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิภาเวน ปริสุทฺเธ’’ติอาทิมาห. อิจฺฉาวจรานนฺติ ‘‘อโห วตาหํ อาปตฺติฺเจว อาปนฺโน อสฺสํ, น จ มํ ภิกฺขู ชาเนยฺยุ’’นฺติอาทินา ¶ (ม. นิ. ๑.๖๐) นเยน อุปฺปนฺนอิจฺฉาวเสน ปวตฺตานํ โกปอปจฺจยานํ อภาเวน อนงฺคเณติ อตฺโถ. เอตฺถ จ ปน ยถาวุตฺตปฺปการา อิจฺฉาปิ ปมชฺฌานาทีนํ อธิคมาย อนฺตรายิกา ‘‘สมฺปชานมุสาวาโท โข ปนายสฺมนฺโต อนฺตรายิโก ธมฺโม’’ติ (มหาว. ๑๓๔) วุตฺตตฺตา, ปเคว อิจฺฉาวจรา โกปอปจฺจยา, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ฌานปฏิลาภปจฺจนีกานํ ปาปกานํ อิจฺฉาวจราน’’นฺติอาทิ. กตฺถจิ ปน ‘‘ฌานปฏิลาภปจฺจยานํ อิจฺฉาวจราน’’นฺติ โปตฺถเกสุ ปาโ ทิสฺสติ, โส ปมาทเลโข, คณฺิปเท จ ‘‘อโห วต สตฺถา มมฺเว ปฏิปุจฺฉิตฺวา ธมฺมํ เทเสยฺยา’’ติ ¶ โย ตทตฺโถ ลิขิโต, โส ทุลฺลิขิโต. น หิ ฌานปฏิลาภปจฺจยา โกปาทโย อนงฺคณสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๕๗ อาทโย) วุตฺตา, ‘‘น จ ยุตฺติโต สมฺภวนฺติ ฌานลาภิโน ตทภาวา’’ติ อาจริโย วทติ, ตํ วีมํสิตพฺพํ. เอตฺถ วิชฺชตฺตยสฺส อุตฺตรุตฺตรวิเสสทสฺสนตฺถํ ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต’’ติอาทินา ปุนปฺปุนํ อฏฺงฺคนิทสฺสนํ กตนฺติ เวทิตพฺพํ. อุตฺตรุตฺตรวิเสสา เจภาสํ อตฺตทุกฺขปรทุกฺขทสฺสนตทุปสมตฺตทีปนโต เวทิตพฺพา. ภควา หิ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาเณน อตฺตโน อนนฺตสํสารทุกฺขํ ปสฺสิตฺวา, จุตูปปาตาเณน ปรสฺส จ โลกสฺส อาสวกฺขยาเณน ตทุภยวูปสมตฺตฺจ ปสฺสิตฺวา ตํ เทเสติ, ปเมน วา อตฺตทุกฺขทสฺสนโต อตฺตสิเนหปริจฺจาคํ ทีเปติ. ทุติเยน ปรทุกฺขทสฺสนโต ปเรสุ โกปปริจฺจาคํ, ตติเยน อริยมคฺคทสฺสนโต โมหปริจฺจาคฺจ ทีเปติ. เอวํ นานาคุณวิเสสทีปนโต อิมสฺเสว โลกิยาภิฺาทฺวยสฺส อิธ คหณํ กตนฺติ เวทิตพฺพํ.
ยสฺมา อตีตชาติ เอว นิวาโส, ตสฺมา ‘‘อตีตชาตีสู’’ติ น วตฺตพฺพนฺติ เจ? น, ชาติยา เอกเทเสปิ นิวาสโวหารสิทฺธิทสฺสนโต. ปาฬิยํ กิฺจาปิ ‘‘เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย’’ติอาทิวจเนน สกลชาติยา อนุสฺสรณเมว ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติ วิย ทิสฺสติ, น เอวํ ทฏฺพฺพํ. ตเทกเทสานุสฺสรณมฺปิ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติ เอวาติ ทสฺสนตฺถํ, ภุมฺมวจนํ กตํ โอกาสาทิสงฺคหตฺถฺจ. ‘‘ฉินฺนวฏุมกานุสฺสรณาทีสู’’ติ อาทิ-สทฺเทน อนิวุตฺถโลกธาตุทีปรฏฺนครคามาทิคฺคหณํ เวทิตพฺพํ. คณฺิปเท ปน ‘‘เตสํ ฉินฺนวฏุมกานํ โลกุตฺตรสีลาทีนิ น ภควตา โพธิสตฺตกาเล วิฺาตานี’’ติ วุตฺตํ. อตฺถาปตฺติโต โลกิยานิ วิฺาตานีติ อาปชฺชติ, ตํ ทิพฺพจกฺขุาณาธิกาเร ‘‘อริยานํ อุปวาทกา’’ติ วจเนน สเมนฺตํ วิย ทิสฺสติ. น หิ อริเย อปสฺสนฺตสฺส เอวํ โหติ. กิมตฺถํ ปเนตฺถ อนุสฺสติ วุตฺตา, นนุ เอส วิชฺชาธิกาโรติ เจ? อาทิกมฺมิกสฺส สติวเสน นิพฺพตฺติโต, อตีตธมฺมานํ สติยา วิเสสาธิการตฺตา จ. วุตฺตฺหิ ‘‘อนุสฺสรามี’’ติ.
‘‘วตฺตมาเนสุ ¶ วิชฺชาน-มตีเตสฺวสฺส สรติ;
อนาคเตสุ ธมฺเมสุ, สรติ วิชฺชาน ปณิธี’’ติ.
อาจริยกุมาริเตน สิโลโกปิ วุตฺโต.
ตตฺถ ¶ ราเค อุสฺสนฺนตเร เตโชสํวฏฺโฏ. โทเส อาโปสํวฏฺโฏ. โมเห วาโยสํวฏฺโฏ. เกจิ ‘‘โทเส เตโชสํวฏฺโฏ, ราเค อาโปสํวฏฺโฏ, โมเห วาโยสํวฏฺโฏ’’ติ วทนฺติ. ยสฺมา อมุตฺราติ จิตฺตํ, วจนํ วา ภวาทินิยเมน โหติ, ตสฺมา ‘‘ภเว วา’’ติอาทิ. เอวํนาโม เอวํโคตฺโตติ ปททฺวเยน อชฺฌตฺตพหิทฺธามูลกํ ปฺตฺติสงฺขาตํ โคจรนิวาสํ ทีเปติ. ปวตฺตผลโภชโน สยํปติตผลาหาโร. จตุราสีติกปฺปสหสฺสปรมายุปริยนฺโต วาติ ปณิธานโต ปุพฺเพ. ปฏินิวตฺตนฺตสฺส ปจฺจเวกฺขณํ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณํ น โหติ. ‘‘ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณลาภีนํ ปเนตํ อานุภาวปริทีปน’’นฺติ คณฺิปเท วุตฺตํ. อมุตฺราติ เอตฺถ ปมโยชนายํ สีโหกฺกนฺตวเสน อนุสฺสรณํ วุตฺตํ, ตฺจ โข อนุโลมวเสน. ‘‘ปฏิโลมวเสนา’’ติปิ ลิขนฺติ, ตํ ทุวิฺเยฺยํ. สีโหกฺกนฺตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อเนกาสุ กปฺปโกฏีสู’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยถา ตนฺติ นิทสฺสเนน ปฏิปตฺติสาธารเณน ผลสาธารณตํ ทสฺเสนฺโต พฺราหฺมณสฺส อาทรํ ชเนติ, อตฺตานเมเวกํ อุกฺกํเสตีติ วจนํ นิวาเรติ. ‘‘สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี’’ติ ตสฺส ปุพฺเพ อุปฺปนฺนจิตฺเต เอว นิโยเชติ. ปมา อภินิพฺภิทาติ วจเนน อวิชฺชณฺฑโกสสฺส พหุปฏลภาวํ ทสฺเสติ, เตน อฏฺคุณิสฺสริยาทินา อนภินิพฺภิทํ ทีเปติ.
ปุพฺเพนิวาสกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ทิพฺพจกฺขุาณกถาวณฺณนา
๑๓. ‘‘จุตูปปาตาณายา’’ติ ผลูปจาเรน วุตฺตํ. อิทฺหิ ทิพฺพจกฺขุาณํ รูปารมฺมณตฺตา ปริตฺตปจฺจุปฺปนฺนอชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณํ โหติ. น จุตึ วา ปฏิสนฺธึ วา อารมฺมณํ กโรติ. ตสฺมา ‘‘ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานามี’’ติ (ปารา. ๑๓) วจนํ วิย ผลูปจาเรเนว วุตฺตมิทนฺติ เวทิตพฺพํ. ทิพฺพวิหารสนฺนิสฺสิตตฺตา การโณปจาเรน ทิพฺพํ. อิมินา ปน เกจิ อาจริยา ‘‘กุสลากุสลา จกฺขู ทิพฺพจกฺขุ กามาวจร’’นฺติ วทนฺติ, เต ปฏิเสธิตา โหนฺติ. จตุตฺถชฺฌานปฺา หิ เอตฺถ อธิปฺเปตา. มหาชุติกตฺตา มหาคติกตฺตาติ เอเตสุ ¶ ‘‘สทฺทสตฺถานุสาเรนา’’ติ วุตฺตํ. เอกาทสนฺนํ อุปกฺกิเลสานํ ¶ เอวํ อุปฺปตฺติกฺกโม อุปกฺกิเลสภาโว จ เวทิตพฺโพ, มหาสตฺตสฺส อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา ทิพฺพจกฺขุนา นานาวิธานิ รูปานิ ทิสฺวา ‘‘อิทํ นุ โข กิ’’นฺติ วิจิกิจฺฉา อุทปาทิ, โส อุปกฺกิเลโส อุปกฺกิเลสสุตฺเต (ม. นิ. ๓.๒๓๖ อาทโย) ‘‘วิจิกิจฺฉาธิกรณฺจ ปน เม สมาธิมฺหิ จวิ, สมาธิมฺหิ จุเต โอภาโส อนฺตรธายติ ทสฺสนฺจ รูปาน’’นฺติ วจนโต. ตโต ‘‘รูปานิ เม ปสฺสโต วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชติ, อิทานิ น กิฺจิ มนสิ กริสฺสามี’’ติ จินฺตยโต อมนสิกาโร, ตโต กิฺจิ อมนสิกโรนฺตสฺส ถินมิทฺธํ อุทปาทิ, ตโต ตสฺส ปหานตฺถํ อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา รูปานิ ปสฺสโต หิมวนฺตาทีสุ ทานวรกฺขสาทโย ปสฺสนฺตสฺส ฉมฺภิตตฺตํ อุทปาทิ, ตโต ตสฺส ปหานตฺถํ ‘‘มยา ทิฏฺภยํ ปกติยา โอโลกิยมานํ นตฺถิ, อทิฏฺเ กึ นาม ภย’’นฺติ จินฺตยโต อุปฺปิลาวิตตฺตํ อุทปาทิ. คณฺิปเท ปน ‘‘อุปฺปิลํ ทิพฺพรูปทสฺเสเนนา’’ติ วุตฺตํ, ‘‘ตํ ทุวุตฺตํ ปรโต อภิชปฺปาวจเนน ตทตฺถสิทฺธิโต’’ติ อาจริโย วทติ. ตโต ฉมฺภิตตฺตปฺปหานตฺถํ ‘‘มยา วีริยํ ทฬฺหํ ปคฺคหิตํ, เตน เม อิทํ อุปฺปิลํ อุปฺปนฺน’’นฺติ วีริยํ สิถิลํ กโรนฺตสฺส กายทุฏฺุลฺลํ กายทรโถ กายาลสิยํ อุทปาทิ, ตโต ตํ จชนฺตสฺส อจฺจารทฺธวีริยํ อุทปาทิ, ตตฺถ โทสํ ปสฺสโต อติลีนวีริยํ อุปทาทิ, ตโต ตํ ปหาย สมปฺปวตฺเตน วีริเยน ฉมฺภิตตฺตภยา หิมวนฺตาทิฏฺานํ ปหาย เทวโลกาภิมุขํ อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา เทวสงฺฆํ ปสฺสโต ตณฺหาสงฺขาตา อภิชปฺปา อุทปาทิ, ตโต ‘‘มยฺหํ เอกชาติกรูปํ มนสิ กโรนฺตสฺส อภิชปฺปา อุปฺปนฺนา, ตสฺมา ทานิ นานาวิธํ รูปํ มนสิ กริสฺสามี’’ติ กาเลน เทวโลกาภิมุขํ, กาเลน มนุสฺสโลกาภิมุขํ อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา นานาวิธานิ รูปานิ มนสิ กโรโต นานตฺตสฺา อุทปาทิ, ตโต ‘‘นานาวิธรูปานิ เม มนสิ กโรนฺตสฺส นานตฺตสฺา อุทปาทิ, ตสฺมา ทานิ อภิชปฺปาทิภยา อิฏฺาทินิมิตฺตคฺคาหํ ปหาย เอกชาติกเมว รูปํ มนสิ กริสฺสามี’’ติ ตถา กโรโต อภินิชฺฌายิตตฺตํ รูปานํ อุทปาทิ เอวํ ปหีนอุปกฺกิเลสสฺสาปิ อนธิฏฺิตตฺตา. โอภาสฺหิ โข ชานามิ, น จ รูปานิ ปสฺสามีติอาทิ ชาตํ.
ตสฺสตฺโถ – ยทา ปริกมฺโมภาสเมว มนสิ กโรมิ, ตทา โอภาสํ สฺชานามิ, ทิพฺเพน จกฺขุนา รูปานิ น จ ปสฺสามิ, รูปทสฺสนกาเล จ ¶ โอภาสํ น ชานามีติ. กิมตฺถมิทํ วุตฺตํ, น หิ เอตํ อุปกฺกิเสสคตนฺติ? น เกวลํ อุปกฺกิเลสปฺปชหนเมเวตฺถ กตฺตพฺพํ, เยน อิทํ วิสุทฺธํ โหติ, อฺมฺปิ ตทุตฺตริ กตฺตพฺพํ อตฺถีติ ทสฺสนตฺถํ. วิจิกิจฺฉา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโสติอาทีสุ ‘‘อิเม ธมฺมา อุปกฺกิเลสาติ อาทีนวทสฺสเนน ปชหึ, น มยฺหํ ตทา อุปฺปนฺนตฺตา’’ติ เกจิ วทนฺติ. มานุสกํ วาติ อิมินา สภาวาติกฺกมํ ทสฺเสติ. มํสจกฺขุนา ¶ วิยาติ อิมินา ปริยตฺติคฺคหณํ, วณฺณมตฺตารมฺมณตฺจ อุปเมติ. วณฺณมตฺเต เหตฺถ สตฺต-สทฺโท, น ‘‘สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฺิติกา’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๒๗) เอตฺถ วิย สพฺพสงฺขเตสุ, หีนชาติอาทโย โมหสฺส นิสฺสนฺโท วิปาโก. กายทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา ปุพฺเพ อตีตภเว อเหสุํ, สมฺปติ นิรยํ อุปปนฺนาติ เอวํ ปาเสเสน สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. ‘‘ยถากมฺมูปคาณฺหิ เอกนฺตมตีตารมฺมณํ, ทิพฺพจกฺขุ ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณ’’นฺติ อุภินฺนํ กิจฺจวเสน วุตฺตํ. มหลฺลโกติ สมณานํ สารุปฺปมสารุปฺปํ, โลกาจารํ วา น ชานาตีติ อธิปฺปาเยน วุตฺตตฺตา คุณปริธํสเนน ครหตีติ เวทิตพฺพํ. ‘‘นิยโต สมฺโพธิปรายโน’’ติ (สํ. นิ. ๒.๔๑; ๕.๙๙๘, ๑๐๐๔) วุตฺโต อริยปุคฺคโล มคฺคาวรณํ กาตุํ สมตฺถํ ผรุสวจนํ ยทิ กเถยฺย, อปายคมนียมฺปิ กเรยฺย, เตน โส อปายุปโคปิ ภเวยฺย, ตสฺมา อุปปริกฺขิตพฺพนฺติ เอเก. ‘‘วายามํ มา อกาสีติ เถเรน วุตฺตตฺตา มคฺคาวรณํ กโรตี’’ติ วทนฺติ. ปุพฺเพว โสตาปนฺเนน อปายทฺวาโร ปิหิโต, ตสฺมาสฺส สคฺคาวรณํ นตฺถิ. ‘‘ปากติกนฺติ ปวตฺติวิปากํ อโหสี’’ติ วทนฺติ. ‘‘วุทฺธิ เหสา, ภิกฺขเว, อริยสฺส วินเย, โย อจฺจยํ อจฺจยโต ทิสฺวา ยถาธมฺมํ ปฏิกโรตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๗๐; ที. นิ. ๑.๒๕๑) วจนโต ปากติกํ อโหสีติ เอเก. สเจ โส น ขมตีติ โสตาปนฺนาทีนํ ขนฺติคุณสฺส มนฺทตาย วา อายตึ ตสฺส สุฏฺุ สํวรตฺถาย วา อกฺขมนํ สนฺธาย วุตฺตํ. สุขานํ วา อายสฺส อารมฺมณาทิโน อภาวา กาลกฺจิกา อสุรา โหนฺติ. ‘‘อิโต โภ สุคตึ คจฺฉา’’ติ (อิติวุ. ๘๓) วจนโต มนุสฺสคติปิ. ทิพฺพจกฺขุาณวิชฺชาติ ทิพฺพจกฺขุเมว ทสฺสนฏฺเน าณํ, ตสฺส ตสฺส อตฺถสฺส วินฺทนฏฺเน วิชฺชาติ อตฺโถ.
ทิพฺพจกฺขุาณกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อาสวกฺขยาณกถาวณฺณนา
๑๔. โส ¶ เอวํ สมาหิเต จิตฺเตติ กึ ปุริมสฺมึเยว, อุทาหุ อฺสฺมึเยว จตุตฺถชฺฌานจิตฺเต. อฏฺกถายมฺปิ ยโต วุฏฺาย ปุริมวิชฺชาทฺวยํ อธิคตํ, ตเทว ปุน สมาปชฺชนวเสน อภินวํ อภิณฺหํ กตนฺติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเตติ อิธ วิปสฺสนาปาทกํ จตุตฺถชฺฌานจิตฺตํ เวทิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. เอตฺถาห – ยทิ ตเทว ปุน สมาปชฺชนวเสน อภินวํ กตํ, อถ กสฺมา ปุพฺเพ วิย ‘‘วิปสฺสนาปาทกํ อภิฺาปาทกํ นิโรธปาทกํ สพฺพกิจฺจสาธกํ สพฺพโลกิยโลกุตฺตรคุณทายกํ อิธ จตุตฺถชฺฌานจิตฺตํ เวทิตพฺพ’’นฺติ อวตฺวา ‘‘อิธ วิปสฺสนาปาทกํ จตุตฺถชฺฌานจิตฺตํ เวทิตพฺพ’’นฺติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ ¶ , นนุ อิธ ตถาวจนฏฺานเมว ตํ อรหตฺตมคฺเคน สทฺธึ สพฺพคุณนิปฺผาทนโต, น ปมวิชฺชาทฺวยมตฺตนิปฺผาทนโตติ? วุจฺจเต – อริยมคฺคสฺส โพชฺฌงฺคมคฺคงฺคฌานงฺคปฏิปทาวิโมกฺขวิเสสนิยโม ปุพฺพภาควุฏฺานคามินีวิปสฺสนาย สงฺขารุเปกฺขาสงฺขาตาย นิยเมน อโหสีติ ทสฺสนตฺถํ วิปสฺสนาปาทกมิธ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ ปริยาปนฺนตฺตา, น ตทารมฺมณมตฺเตน. ปริยายโตติ อฺเนปิ ปกาเรน. ‘‘อิเม อาสวา’’ติ อยํ วาโร กิมตฺถํ อารทฺโธ? ‘‘อาสวานํ ขยาณายา’’ติ อธิการานุโลมนตฺถํ. มคฺคกฺขเณ หิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, ผลกฺขเณ วิมุตฺตํ โหตีติ อิทํ เอกตฺตนเยน วุตฺตํ. ยฺหิ วิมุจฺจมานํ, ตเทว อปรภาเค วิมุตฺตํ นาม โหติ. ยฺจ วิมุตฺตํ, ตเทว ปุพฺพภาเค วิมุจฺจมานํ นาม โหติ. ภฺุชมาโน เอว หิ โภชนปริโยสาเน ภุตฺตาวี นาม. ‘‘อิมินา ปจฺจเวกฺขณาณํ ทสฺเสตี’’ติ ปจฺจเวกฺขณาณสฺส จ ปฏฺาเน ‘‘มคฺคา วุฏฺหิตฺวา มคฺคํ ปจฺจเวกฺขติ, ผลํ, นิพฺพานํ, ปหีเน กิเลเส ปจฺจเวกฺขตี’’ติ อยมุปฺปตฺติกฺกโม วุตฺโต. ปวตฺติกฺกโม ปเนตฺถ สรูปโต อตฺถโตติ ทฺวิธา วุตฺโต. ตตฺถ ‘‘วิมุตฺตมิติ าณํ อโหสี’’ติ สรูปโต จตุพฺพิธสฺสปิ ปจฺจเวกฺขณาณสฺส ปวตฺติกฺกมนิทสฺสนํ. ‘‘ขีณา ชาตี’’ติอาทิ อตฺถโต. เตเนว อนฺเต ‘‘อพฺภฺาสิ’’นฺติ ปุคฺคลาธิฏฺานํ เทสนํ อกาสิ ปจฺจเวกฺขณาณสฺส ตถา อปฺปวตฺติโต. อปฺปฏิสนฺธิกํ โหตีติ ชานนฺโต ‘‘ขีณา ชาตี’’ติ ชานาติ นาม. ‘‘ทิพฺพจกฺขุนา ปจฺจุปฺปนฺนานาคตํสาณ’’นฺติ อนาคตํสาณสฺส จ ทิพฺพจกฺขุสนฺนิสฺสิตตฺตา วุตฺตํ.
อาสวกฺขยาณกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อุปาสกตฺตปฏิเวทนากถาวณฺณนา
๑๕. กณฺณสุขโต ¶ หทยงฺคมโตติ วจนเมว สนฺธาย วุตฺตํ. อนตฺตุกฺกํสนโตติอาทิ ปุคฺคลวเสน, กณฺณสุขโตติ โสตินฺทฺริยํ สนฺธาย. อาปาถารมณียโตติ าณาปาถารมณียโต. สยเมว เหฏฺามุขชาตํ วา, มคฺโค ปน อโสโก โหติ. ตทา หิ โสโก ปหียมาโน. จริยาทิอนุกูลโต อปฺปฏิกูลํ. ‘‘มธุรมิม’’นฺติ วุตฺตตฺตา ‘‘ธมฺมมิม’’นฺติ วจนํ อธิกํ วิย ทิสฺสติ. ตสฺมา ‘‘ราควิราคมิม’’นฺติ เอวํ วิสุํ วิสุํ โยเชตฺวา ปุน ปิณฺเฑตฺวา ธมฺมมิมํ อุเปหีติ โยเชตพฺพํ, ‘‘ธมฺมเมว สรณตฺถมุเปหี’’ติ ปนฺติ กิราติ ทีเปติ. สรณคตานํ เตเนว สรณคมเนน ภยํ สนฺตาสํ ทุคฺคตึ ปริกฺกิเลสํ ทุกฺขํ หึสตีติ รตนตฺตยํ สรณํ นาม. ตปฺปสาทตคฺครุตาทีหิ วิหตกิเลโส ตปฺปรายนตาการปฺปวตฺโต จิตฺตุปฺปาโท ¶ สรณคมนํ. ตํสมงฺคีสตฺโต สรณํ คจฺฉติ. ปเภเทน ปน ทุวิธํ สรณคมนํ โลกุตฺตรํ โลกิยนฺติ. ตตฺถ โลกุตฺตรํ ทิฏฺสจฺจานํ มคฺคกฺขเณ สรณคมนุปกฺกิเลสสมุจฺเฉเทน นิพฺพานารมฺมณํ หุตฺวา กิจฺจโต สกเลปิ รตนตฺตเย อิชฺฌติ. โลกิยํ ปุถุชฺชนานํ สรณคมนุปกฺกิเลสํ ตทงฺควิกฺขมฺภเนน อารมฺมณโต พุทฺธาทิคุณารมฺมณํ หุตฺวา อิชฺฌติ. ตํ อตฺถโต รตนตฺตเย สทฺธาปฏิลาโภ สทฺธามูลิกา จ สมฺมาทิฏฺิ. โลกุตฺตรสฺส จตฺตาริ สามฺผลานิ วิปากผลํ, สพฺพทุกฺขกฺขโย อานิสํสผลํ. ‘‘โย จ พุทฺธฺจ ธมฺมฺจ…เป… สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ (ธ. ป. ๑๙๐-๑๙๒) หิ วุตฺตํ. โลกิยสฺส ภวโภคสมฺปทา. ‘‘เย เกจิ พุทฺธํ สรณํ คตาเส’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๓๒; สํ. นิ. ๑.๓๗) หิ วุตฺตํ. โลกิยสรณคมนํ ตีสุ วตฺถูสุ อฺาณสํสยมิจฺฉาาณาทีหิ สํกิลิสฺสติ, น มหาชุติกํ โหติ, น มหาวิปฺผารํ. โลกุตฺตรสฺส นตฺถิ สํกิเลโส. โลกิยสฺส สาวชฺโช อนวชฺโชติ ทุวิโธ เภโท. ตตฺถ อฺสตฺถาราทีสุ อตฺตสนฺนิยฺยาตนาทีหิ สาวชฺโช โหติ, โส อนิฏฺผโล. อนวชฺโช กาลกิริยาย, โส อวิปากตฺตา อผโล. โลกุตฺตรสฺส เนวตฺถิ เภโท. ภวนฺตเรปิ หิ อริยสาวโก อฺํ สตฺถารํ น อุทฺทิสติ. โย โกจิ สรณคโต คหฏฺโ อุปาสโก. รตนตฺตยอุปาสนโต อุปาสโก. ปฺจ เวรมณิโย ¶ สีลํ. สตฺถสตฺตมํสมชฺชวิสวาณิชฺชารหิตํ ธมฺเมน ชีวิกํ อาชีโว. วุตฺตสีลาชีววิปตฺติ วิปตฺติ นาม. วิปรีตา สมฺปตฺติ.
๑๖. ลจฺฉาม นุ โขติ ทุคฺคเต สนฺธาย วุตฺตํ. สกฺขิสฺสาม นุโข โนติ สมิทฺเธ สนฺธาย. ตตฺถ เวรฺชายํ. ปคฺคยฺหตีติ ปตฺตํ ปคฺคโห, เตน ปคฺคเหน ปตฺเตนาติ อตฺโถ. สมาทาเยวาติ นิทสฺสนํ. น จ วฏฺฏตีติ ปุน ปากํ กิฺจาปิ วฏฺฏติ, ตถาปิ น สุฏฺุ ปกฺกตฺตา วุตฺตํ, ‘‘อุตฺตณฺฑุลภตฺตํ ลภิตฺวาปิ ปิเธตุํ น วฏฺฏตี’’ติ อฏฺกถาวจนฺเจตฺถ สาธกํ. ‘‘สาวกานํ วา สิกฺขาปทํ ปฺเปสฺสามี’’ติ อิมินา วจเนน อาชีวปาริสุทฺธิสีลํ สนฺธาย ‘‘ปจฺฉา สีล’’นฺติ วุตฺตํ. อุปาลิตฺเถโรปิ ตํ ตํ วตฺถุํ ปฏิจฺจ ภควตา พหูนิ สิกฺขาปทานิ ปฺตฺตานิ อตฺถีติ ทีเปติ. ยทิ เอวํ เวรฺชายํ ‘‘เอตสฺส ภควา กาโล’’ติ วจนํ น สเมตีติ เจ? น, ตโต ปุพฺเพ สิกฺขาปทาภาวปฺปสงฺคโต. เถโร ปน ปฺตฺตานิ เปตฺวา อิทานิ ปฺเปตพฺพานิ ปาติโมกฺขุทฺเทสปฺปโหนกานิ สนฺธายาห. ภควาปิ ‘‘น ตาว สาริปุตฺต สตฺถา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺเปตี’’ติ ภทฺทาลิสุตฺเต (ม. นิ. ๒.๑๓๔; อาทโย) วิย เอกจฺเจสุ ปฺตฺเตสุปิ ตโต ปรํ ปฺเปตพฺพานิ สนฺธายาห. อิเธว อฏฺกถายํ ‘‘สามมฺปิ ปจนํ สมณสารุปฺปํ น โหติ น จ วฏฺฏตี’’ติ วจนฺจ, ตถา ‘‘รตฺติจฺเฉโท วา วสฺสจฺเฉโท วา’’ติอาทิวจนานิ จ อตฺถิ. อฺถา ‘‘ทฺวีหากาเรหิ พุทฺธา ภควนฺโต ภิกฺขู ปฏิปุจฺฉนฺตี’’ติ ¶ อิเธเวทํ ปาฬิปนํ วิรุชฺฌตีติ อาจริเยน วิจาริตํ, ตํ สุนฺทรํ ปุพฺเพปิ ปฺตฺตสิกฺขาปทสมฺภวโต. กินฺตุ อิธ ปาฬิปนวิโรธวิจารณา ปน นิปฺปโยชนา วิย มม ทิสฺสติ. กสฺมา? อุปาลิตฺเถเรน สงฺคีติกาเล วุตฺตปาตฺตา. รตฺติจฺเฉโทติ สตฺตาหกิจฺจํ สนฺธาย วุตฺโต. ‘‘สตฺตาหกรณีเยน คนฺตฺวา รตฺติจฺเฉโท วา วสฺสจฺเฉโท วา เอกภิกฺขุนาปิ น กโต’’ติ วุตฺตํ กิร มหาอฏฺกถายํ, ตสฺมา วสฺสจฺเฉทสฺส การเณ สติ สตฺตาหกิจฺจํ กาตุํ วฏฺฏตีติ เอเก. วินยธรา ปน นิจฺฉนฺติ, ตสฺมา อฏฺกถาธิปฺปาโย วีมํสิตพฺโพ, อิมาย เวรฺชายํ อปฺปิจฺฉตาทิปฏิปทาย ปสนฺนา. สาลีนํ วิกติ สาลิวิกติ.
๑๗-๘. อุปปนฺนผโลติ พหุผโล. ‘‘ขุทฺทํ มธุ’’นฺติ ปาโ. เถรํ สีหนาทํ นทาเปตุํ ปุจฺฉีติ อิมินา อาจริโย ยํ ปุพฺเพ อาณาย ิตานํ ¶ สาวกานํ มหานุภาวตาทสฺสนํ ‘‘เวรฺชายํ นิวาสปฺปโยชน’’นฺติ อมฺเหหิ วุตฺตํ, ตํ สมฺปาเทติ, ราชคเห เวรฺชายฺจาติ อุภยตฺถ วิตกฺกุปฺปาเท เอกโต ปิณฺเฑตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘อถ โข อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺสา’’ติอาทิมาห. กาลํ สนฺธาย จิรํ, ิตึ สนฺธาย จิราติ วิคฺคโห.
กามํ หิโนติ อตฺตโน ผลนิพฺพตฺติยา สหายํ คจฺฉตีติ กตฺตริ เหตุ, ตถาปิ อิธ เตน กรณภูเตน ตสฺส ผลํ หิโนติ ปวตฺตตีติ เหตุ. ตถา ฆฏนฺติ เตนาติ ฆโฏ. กิลาสุโนติ ปโยชนาภาเวน อวาวฏา. อพฺโพกิณฺณานิ วิสภาเคหิ. อาคามินิยา อนาคเตติ อตฺโถ. อิเมสํเยว โนติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘สพฺพพุทฺธานํ หี’’ติ วุตฺตํ. ยาวสาสนปริยนฺตาติ ยาว พุทฺธา ธรนฺติ, ตาวาติ อตฺโถ. ขตฺติยพฺราหฺมณาว อุจฺจา, ตตฺถาปิ วิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘อุจฺจนีจอุฬารุฬารโภคา’’ติ. ‘‘มนสิ กตฺวา’’ติปิ ปาโ. อุปสมฺปาทฺยอุปสมฺปาทฺยอิจฺเจตํ ทฺวยํ มาคเธ ‘‘อุปสมฺปชฺชา’’ติ วุจฺจติ. อนุปาทายาติ อารมฺมณกรณวเสน อคฺคเหตฺวา. อาสเวหีติ กตฺตริ ตติยาวิภตฺติ. จิตฺตานีติ ปจฺจตฺตพหุวจนํ. วิมุจฺจึสูติ กมฺมการเก. วิโมจิตานีติ อธิปฺปาโยติ อาจริโย. อาสเวหีติ ปทฺจ ปจฺจตฺเต กรณวจนํ กตฺวา คณฺิปเท อตฺโถ ปกาสิโต. ยทิ อริยมคฺเคน นิรุทฺธานํ อาสวานํ วเสน อนาสวตา, โลเก จิตฺตานิปิ อนาสวา สิยุํ. น หิ นิรุทฺธานิ จิตฺตานิ อารมฺมณานิ กโรนฺตีติ ตานิ อนิรุทฺธาสววเสน สาสวานีติ เจ. โสตาปนฺนสฺส มคฺคจิตฺตํ อุปริมคฺควชฺฌาสววเสน สาสวํ, อวสิฏฺาสวสมุจฺฉินฺทนานุภาวตฺตา ผลานิ สาสวานิ สิยุนฺติ? น, อาสวสมุจฺฉินฺทนานุภาวาคตผลตฺตา. ภึสนสฺส กรณํ ภึสนกตํ, ตสฺมึ ภึสนกตสฺมึ, ภึสนกิริยายาติ อตฺโถ. อิตฺถิลิงฺคํ วิปลฺลาสํ กตฺวา นปุํสกลิงฺคํ, ปุริสลิงฺคํ วา กตฺวา. นิมิตฺตตฺเถติ เอตฺถ –
‘‘จมฺมนิ ¶ ทีปินํ หนฺติ, ทนฺเตสุ หนฺติ กฺุชรํ;
วาเลสุ จามรึ หนฺติ, สิงฺเคสุ สรโภ หโต’’ติ. –
อธิกรณํ.
๒๐-๒๑. นจิรฏฺิติกการเณ ¶ กถิเต จิรฏฺิติกการณํ อตฺถโต วุตฺตปฏิปกฺขวเสน กิฺจาปิ สิทฺธํ, ตถาปิ ตํ เถรสฺส วินยปฺตฺติยาจนาย โอกาสการณาธิปฺปายโต วินยปฺตฺติยาจโนกาสํ ปาเปตุํ ปุน ภควนฺตํ ‘‘โก ปน, ภนฺเต, เหตู’’ติ ปุจฺฉิ. ภควาปิ ยาจนํ สมฺปฏิจฺฉิตุกาโม พฺยากาสิ. ‘‘อาสวฏฺานียา สงฺเฆ ปาตุภวนฺตี’’ติ ปุคฺคลสฺส สงฺฆปริยาปนฺนตฺตา วุตฺตํ. อาทรตฺถวเสเนเวตฺถ ทฺวิกฺขตฺตุํ วุตฺตนฺติ ยสฺมา เถโร ปุพฺเพ ราชคเห, สมฺปติ เวรฺชายนฺติ ทฺวิกฺขตฺตุํ กาจิ, ตสฺมา อาทเรน ปุนปฺปุนํ ยาจยมานํ ปสฺสิตฺวา สยมฺปิ ภควา อาทเรเนว ‘‘อาคเมหิ ตฺวํ สาริปุตฺตา’’ติ อาห. เตเนตํ ทีเปติ ‘‘มา ตฺวํ ปุนปฺปุนํ ยาจาหิ, สมฺปฏิจฺฉิตาว มยา เต ยาจนา, ปุพฺเพนนุ ตวยาจนํ สมฺปฏิจฺฉตาว มยา เอตฺตเก กาเล เอตฺตกานิ สิกฺขาปทานิ ปฺตฺตานิ, น ตาว เม สาวกานํ อาณาปาติโมกฺขุทฺเทสานุชานนกาโล สมฺปตฺโต, ตกฺกานุมานวเสน ตยา ‘เอตสฺส ภควา กาโล’ติ ปุนปฺปุนํ นิทฺทิสิยมาโนปิ เนส โส กาโล, กินฺตุ ตถาคโตว ตตฺถ กาลํ ชานิสฺสตี’’ติ. ยสฺมา ปน ‘‘สิกฺขาปทปฺตฺติกาลโต ปภุติ อาณาปาติโมกฺขเมว อุทฺทิสิยตี’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา ปาติโมกฺขุทฺเทสปฺปโหนกสิกฺขาปทเมว สนฺธายาห. ‘‘ตตฺถาติ สิกฺขาปทปฺตฺติยาจนาเปกฺขํ ภุมฺมวจน’’นฺติ เอกเมว ปทํ วุตฺตํ ตสฺสา สิทฺธิยา อิตรสฺส สิทฺธิโต. ‘‘สาวกานํ วิสยภาวนฺติ อิมินา มหาปทุมตฺเถรวาโท ปฏิกฺขิตฺโต’’ติ อนุคณฺิปเท วุตฺตํ, ตํ สุนฺทรํ วิย. สมฺมุเข ครหา. ปรมฺมุเข อุปวาโท. ‘‘น, ภิกฺขเว, อูนทสวสฺเสน…เป… ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๗๕) อิทํ สิกฺขาปทํ ภควา พุทฺธตฺเตน ทสวสฺสิโก หุตฺวา ปฺเปสิ อูนทสวสฺสิกสฺส ตสฺส ตถา สิกฺขาปทปฺตฺติยา อภาวโต. น ตทา อติเรกทสวสฺสิโกว ทสวสฺสิกานํ รตฺตฺุมหตฺตปฺปตฺติโต, ตสฺมา ตํ สิกฺขาปทํ เวรฺชายํ วสฺสาวาสโต ปุพฺเพ ราชคเห เอว ปฺตฺตนฺติ สิทฺธํ, ตสฺมึ สิทฺเธ สิทฺธเมว ‘‘ยาว น สงฺโฆ รตฺตฺุมหตฺตํ ปตฺโตติ วจนํ อิโต ปุพฺเพ ปมยาจนายปิ วุตฺต’’นฺติ. อฏฺกถายมฺปิ รตฺตฺุมหตฺตปฺปตฺตกาเล ‘‘ทฺเว สิกฺขาปทานี’’ติ คณนปริจฺเฉทวจนํ ปมยาจนาย วุตฺตวจนํ สนฺธาย วุตฺตํ. อฺถา รตฺตฺุมหตฺตปฺปตฺตกาเล ทฺเว เอว, น อฺนฺติ อาปชฺชติ.
‘‘อถ ¶ โข อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺสา’’ติอาทิมฺหิ อยมาทิโต ปฏฺาย อตฺถวิภาวนา – อยํ ¶ กิรายสฺมา อสฺสชิตฺเถรโต ปฏิลทฺธํ เอกคาถามตฺตกํ ธมฺมปริยายํ นยสตสหสฺเสหิ วิเวเจนฺโต อรหตฺตํ ปตฺวา สาวกปารมีาเณ ิโต ‘‘อโห วต มหานุภาโวยํ สทฺธมฺโม, โย วินาปิ ธมฺมสามินา ปรมฺมุขโต สุตมตฺเตปิ มยฺหํ มหนฺตํ คุณวิเสสํ ชเนสิ, สาธุ วตายํ สทฺธมฺโม จิรํ ติฏฺเยฺยา’’ติ จินฺเตนฺโต ‘‘กตเมสานํ นุ โข พุทฺธานํ ภควนฺตานํ…เป… น จิรฏฺิติก’’นฺติ ตมตฺถํ, การณฺจ อตฺตโน อคฺคสาวกาเณน ปฏิวิชฺฌิตฺวา ‘‘สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตนฺติอาทิจิรฏฺิติการณ’’นฺติ นิฏฺํ กตฺวา วินยปฺตฺติยาจโนกาสกรณตฺถํ ภควนฺตํ ปุจฺฉิ. ตโต ปฺหสฺส วิสฺสชฺชเน วินยปฺตฺติยาจโนกาเส สมฺปตฺเต ‘‘เอตสฺส ภควา กาโล, เอตสฺส สุคต กาโล’’ติ วินยปฺตฺตึ ยาจิ. ตโต ภควา ตสฺสา ยาจนาย สมฺปฏิจฺฉิตภาวํ, ‘‘เอตสฺส ภควา กาโล’’ติ วุตฺตกาลสฺส อกาลตํ, กาลสฺส จ อนฺวิสยตํ ทีเปนฺโต ‘‘อาคเมหิ ตฺว’’นฺติอาทิมาห, ตโต ภควา ตสฺส ยาจนํ, สตฺเตสุ การฺุตฺจ ปฏิจฺจ ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู อนุปชฺฌายกา อนาจริยกา อโนวทิยมานา’’ติอาทินา (มหาว. ๖๔) นเยน เวปุลฺลมหตฺตตํ ปฏิจฺจ สตฺถา สาวกานํ อุปชฺฌายวตฺตาทีนิ วินยกมฺมานิ, ตทนุรูปสิกฺขาปทานิ จ ปฺเปสิ. ตโต อนุกฺกเมน ทฺวาทสมวสฺสํ เวรฺชายํ วสิ. ตทา จ อายสฺมา สาริปุตฺโต สตฺถารา นิทฺทิฏฺเสุ จิรฏฺิติเหตูสุ ชาเตสุ ‘‘นวงฺคสตฺถุสาสนมหตฺตตา จ สมฺปติ ชาตา, วินยปฺตฺติ จ พหุตรา ชาตา, ปาติโมกฺขุทฺเทโส เอเวโก น ตาว สาวกานํ อนฺุาโต, โส จ ปริสุทฺเธน สงฺเฆน กรียติ. สงฺโฆปิ เอตรหิ ปริสุทฺโธ ปจฺฉิมกสฺส โสตาปนฺนตฺตา’’ติ จินฺเตตฺวา ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อนุชานาเปตุกาโม ยตฺตเกหิ จ สิกฺขาปเทหิ ปาติโมกฺขุทฺเทโส อนุชานียติ, ตตฺตกานํ ปฺตฺติยาจนปุพฺพงฺคมํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ ยาจนฺโต ปุพฺพุปฺปนฺนวิตกฺกสูจนปุจฺฉาวิสฺสชฺชนกฺกมวเสน ยาจโนกาเส สมฺปตฺเต ‘‘เอตสฺส ภควา กาโล’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ ‘‘ยํ ภควา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺเปยฺยา’’ติ ปาติโมกฺขุทฺเทสปฺปโหนกสิกฺขาปทํ สนฺธายาห, อยมตฺโถ ภทฺทาลิสุตฺเตน (ม. นิ. ๒.๑๓๔ อาทโย) ทีเปตพฺโพ ¶ . ตตฺถ หิ พหูสุ สิกฺขาปเทสุ ปฺตฺเตสุ, ปฺปิยมาเนสุ จ ‘‘น ตาว ภทฺทาลิ สตฺถา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺเปตี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๒.๑๔๕) วุตฺตํ อปฺตฺตํ อุปาทาย, ตถา อิธาปิ อปฺตฺตํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ปริสุทฺธตฺตา สงฺฆสฺส สมฺปติ สาวกานํ อาณาปาติโมกฺขุทฺเทสํ นานุชานามีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘นิรพฺพุโท’’ติอาทิมาห. น หิ ปริสุทฺเธ สงฺเฆ โอวาทปาติโมกฺขุทฺเทสสฺส อนุทฺเทสการณํ อตฺถิ, ตสฺมึ สติ อาณาปาติโมกฺขุทฺเทสานุชานนาธิปฺปายโต. ตถา จ โส ตโต อฏฺนฺนํวสฺสานํ อจฺจเยน อนฺุาโต. ยถาห ปาติโมกฺขปนกฺขนฺธเก (จูฬว. ๓๘๖) ‘‘น ทานาหํ, ภิกฺขเว, อิโต ปรํ ¶ อุโปสถํ กริสฺสามิ…เป… ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยาถา’’ติ. ยํ ปน อุปสมฺปทกฺขนฺธเก (มหาว. ๑๒๙) ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู อฺตรํ ภิกฺขุํ อุปสมฺปาเทตฺวา เอกกํ โอหาย ปกฺกมึสุ…เป… โส ตสฺสา เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวิตฺวา จิเรน อคมาสี’’ติ วตฺถุ อาคตํ, ตํ สุทินฺนวตฺถุโต ปรโต อุปฺปนฺนมฺปิ ตตฺถ ยถาธิการํ สโมธาเนตุํ วุตฺตํ. ตถา ตตฺเถว ‘‘อุภยานิ โข ปนสฺส ปาติโมกฺขานิ วิตฺถาเรน สฺวาคตานิ โหนฺตี’’ติอาทินา (ปาจิ. ๑๔๗; อ. นิ. ๘.๕๒; ๑๐.๓๓) องฺคานิปิ เวทิตพฺพานิ. น หิ อาทิโต เอว อุภโตปาติโมกฺขานิ สิทฺธานีติ. อปิจ อาทิโต ปฏฺาย อยมนุกฺกโม เวทิตพฺโพ, เสยฺยถิทํ – ราหุลกุมาเร อุปฺปนฺเน โพธิสตฺโต นิกฺขมิตฺวา ฉพฺพสฺสานิ ทุกฺกรํ กตฺวา สตฺตเม อภิสมฺพุทฺโธ, ตสฺมึ เอว สํวจฺฉเร กปิลวตฺถุํ คนฺตฺวา ราหุลกุมารํ ปพฺพาเชสิ. อมฺพลฏฺิกราหุโลวาทสุตฺตฏฺกถายํ (ม. นิ. อฏฺ. ๒.๑๐๗ อาทโย) ‘‘อยฺหิ อายสฺมา สตฺตวสฺสิกกาเล ภควนฺตํ จีวรกณฺเณ คเหตฺวา ‘ทายชฺชํ เม สมณ เทหิ, ทายชฺชํ เม สมณ เทหี’ติ ทายชฺชํ ยาจมาโน ภควตา ธมฺมเสนาปติสาริปุตฺตตฺเถรสฺส นิยฺยาเทตฺวา ปพฺพาชิโต’’ติ จ วุตฺตํ, ตสฺมา ราหุลกุมารํ อารพฺภ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตีหิ สรณคมเนหิ สามเณรปพฺพชฺช’’นฺติ (มหาว. ๑๐๕) วุตฺตตฺตา สรณคมนูปสมฺปทา ปมวสฺสพฺภนฺตเร เอว ปฏิกฺขิตฺตา, ตฺติจตุตฺถกมฺมวเสน อุปสมฺปทา อนฺุาตาติ ปฺายติ. อปิจ ราหุลวตฺถุมฺหิ ‘‘น, ภิกฺขเว, อนนฺุาโต มาตาปิตูหิ ปุตฺโต ปพฺพาเชตพฺโพ, โย ปพฺพาเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๑๐๕) สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, ตสฺมา อิโต ปุพฺเพปิ สิกฺขาปทานิ ปฺตฺตานีติ สิทฺธํ.
สุตฺวา ¶ จ โย เหตุนิโรธมคฺคํ,
นิโรธุปายํ ปฏิวิชฺฌิ ขิปฺปํ;
ชาโตวเปกฺเขน อเสสเมตํ,
โลกํ วิปสฺสี สุคตคฺคสิสฺโส.
โส ธมฺมเสนาปติ อคฺคสิสฺโส,
สทฺธมฺมราชสฺส ตถาคตสฺส;
สยํ มุนินฺเทน ยสสฺส ปตฺโต,
อเนกโส โสฬสธา ปสตฺโถ.
ตสฺมา ¶ หิ สิกฺขาปทพนฺธกาโล,
าตุมฺปิ โลเก อติภาริโยว;
ปเคว สิกฺขาปทภาวเภโท,
ปเคว อฺโ อุภยตฺถ ตตฺถ.
ปจฺเจกพุทฺธา อปิ ตํ ทฺวยนฺตุ,
าตุํ น สกฺกาว ปเคว เนตุํ;
นิสฺสํสยํ ตตฺถ ตถาคโตว,
ชานิสฺสติจฺจาห ตถาคโตติ.
อิจฺเจตมตฺถํ อิธ ภิกฺขุ ตฺวา,
สิกฺขาปทานํ กมภาวเภทํ;
าตุํ สยํ โน น ปเร จ เนตุํ,
ปริเยสิตพฺโพ อิธ ยุตฺติมคฺโค.
ตตฺถ กมเภโท สิกฺขาปทานํ ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ. ภาวเภโท ตาว อุกฺขิตฺตกานุวตฺตนปจฺจยา ภิกฺขุ อนาปตฺติโก, ภิกฺขุนี ปน สมนุภฏฺา ปาราชิกา โหติ. ปาราชิกาปตฺติปฏิจฺฉาทเน ภิกฺขุสฺส ทุกฺกฏํ, ภิกฺขุนิยา ปาราชิกํ. ทุฏฺุลฺลํ อาโรเจนฺตสฺส, ปฏิจฺฉาเทนฺตสฺส จ ปาจิตฺติยํ. มหาสาวชฺชํ ปาราชิกํ อาโรเจนฺตสฺส, ปฏิจฺฉาเทนฺตสฺส จ ภิกฺขุสฺส ทุกฺกฏํ. อิจฺเจวมาทีหิ อภาวเภทสิกฺขาปทานํ อิธ ภาวเภเทน ยุตฺติปริเยสนํ สาธยมาโนปิ สิยา อนุมฺมาทวิฆาตภาคีติ. เอตฺตาวตา สกลสฺสปิ วินยปิฏกสฺส วิตกฺกยาจนกาลกาลฺูการณผลปโยชเนหิ สตฺตหิ องฺเคหิ ปฏิมณฺฑิตํ นิทานมายสฺมตา อุปาลิตฺเถเรน นิทสฺสิตํ โหติ. ตตฺถ เถรสฺส วินยปฺตฺติยาจนเหตุภูโต ¶ วิตกฺโก นาม. ตสฺเสว ‘‘เอตสฺส ภควา กาโล’’ติอาทินา ปวตฺตา ยาจนา นาม. รตฺตฺูเวปุลฺลลาภคฺคพาหุสจฺจมหตฺตปฺปตฺติ กาโล นาม. สพฺพฺู เอว กาลฺู นาม. อาสวฏฺานียานํ ธมฺมานํ ปาตุภาโว การณํ นาม. ‘‘เตสํเยว อาสวฏฺานียานํ ธมฺมานํ ปฏิฆาตายา’’ติ วจนโต อาสวฏฺานียธมฺมปฏิฆาโต ผลํ นาม. ‘‘ยถยิทํ พฺรหฺมจริยํ อทฺธนิยํ อสฺสา’’ติ วจนโต สาสนพฺรหฺมจริยสฺส จิรฏฺิติ ปโยชนนฺติ เวทิตพฺพํ. โหติ เจตฺถ –
‘‘วิตกฺโก ¶ ยาจนา กาโล, กาลฺู การณํ ผลํ;
ปโยชนนฺติ สตฺตงฺคํ, นิทานํ วินยสฺสิธา’’ติ.
๒๒. อนฺติมมณฺฑลนฺติ อพฺภนฺตรมณฺฑลํ. ตฺหิ อิตเรสํ อนฺโต โหติ, ขุทฺทกมณฺฑลํ วา. อนุมติทานวเสน เตสํ ภิกฺขูนํ ทตฺวา. เตสํ พุทฺธานํ จาริกาย วิเนตพฺพา เวเนยฺยสตฺตา. โอจินนฺตา วิยาติ พหุปุปฺผํ คจฺฉํ มาลาการา จิรํ โอจินนฺติ, เอวํ พหุเวเนยฺเยสุ คามาทีสุ จิรํ วสนฺตา เวเนยฺยปฺุํ ปริหรนฺตา จรนฺติ. สนฺตํ สุขํ, น เวทนาสุขํ วิย สปริปฺผนฺทํ. ทสสหสฺสจกฺกวาเฬติ เทวานํ วเสน วุตฺตํ. มนุสฺสา ปน อิมสฺมึเยว จกฺกวาเฬ โพธเนยฺยา อุปฺปชฺชนฺติ. มหากรุณาย ธุวํ สตฺตสมวโลกนํ. โอติณฺเณติ ปริสมชฺฌํ อาคเต, อาโรจิเต วา. เยน การเณน มยํ ตุมฺหากํ เทยฺยธมฺมํ ทเทยฺยาม, ตํ กุโต สกฺกา ลทฺธุํ. พหุกิจฺจา หิ ฆราวาสาติ. ทุติยวิกปฺเป ตนฺติ เทยฺยธมฺมํ. ‘‘ตุมฺเหหิ ตํ กุโต ลทฺธา’’ติ อนุคณฺิปเท วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘ปมํ กิริยํ เปกฺขติ, ทุติยํ เทยฺยธมฺม’’นฺติ วทนฺติ. อาจริโย ปน ‘‘ปมโยชนาย ยํ ทานปฺุํ, ตํ กุโต ลพฺภา. ปฺุนฺตรายพหุลา หิ ฆราวาสาติ. ทุติยโยชนาย เตมาสพฺภนฺตเร ยมหํ ทเทยฺยํ, อติกฺกนฺตกาลตฺตา ตมหํ สมฺปติ กุโต ทเทยฺยนฺติ ทสฺเสตี’’ติ วทติ. สีลาทิกุสลธมฺมสนฺทสฺสนาทิธมฺมรตนวสฺสํ.
๒๓. ปตฺตุณฺณเทเส ปตฺตุณฺณํ ปฏวรํ. มหายาคนฺติ มหาทานํ. ปริปุณฺณสงฺกปฺปนฺติ เตมาสํ โสตพฺพํ อชฺช สุณินฺติ.
ตตฺริทนฺติ อิทํ การณํ.
อุปาลิ ¶ ทาสโกติ อาจริยปรมฺปรโต. พาหิรพฺภนฺตรนิทานํ, สิกฺขาปทานํ ปฺตฺติฏฺานสงฺขาตํ อาเวณิกนิทานฺจ สนฺธายาห ‘‘นิทานสฺส ปเภททีปนโต’’ติ. เถรวาทาทิ วตฺถุปฺปเภโท. สกาย ปฏิฺาย เมตฺติยํ ภิกฺขุนึ นาเสถาติอาทิ ปรสมยวิวชฺชนโตติอาทิ. วิภงฺคนยเภททสฺสนโตติ ติสฺโส อิตฺถิโย ภูมฏฺํ ถลฏฺนฺติอาทิ. เอตฺถาห – กึ ภควโต มาราวฏฺฏนปฏิฆาตาย สตฺติ นตฺถีติ? อตฺถิ, ตถาปิสฺส ปจฺฉา อุปคุตฺตกาเล ปสาทเหตุตฺตา อธิวาเสติ. เอตฺถ อุปคุตฺตาธิฏฺานํ วตฺตพฺพํ. พุทฺธานํ อาจิณฺณนฺติ ทิชทสฺสเนน กึปโยชนนฺติ เจ? มาราวฏฺฏนเหตุ พฺราหฺมณสฺส ปฺุนฺตราโยติ ปโยชนํ.
ทิโชปิ ¶ โส มารมโนรถสฺส,
ภงฺคํ กโรนฺโต ชินปุงฺควสฺส;
สสฺสิสฺสสงฺฆสฺส อทาสิ ทานํ,
อเสสกํ กปฺปิยภณฺฑเภทํ.
กึ ภควา สสิสฺโส ตาว มหนฺตํ กปฺปิยภณฺฑํ อุพฺภณฺฑิกํ กตฺวา อคมาสีติ? น อคมาสิ, เตมาสิภาคิยํ ปน ปฺุราสิกํ เทยฺยธมฺมํ อปฺปฏิกฺขิปนฺโต พฺราหฺมณสฺส อุปายโต สตฺถา อทาสิ.
ตทฺถา มารมโนรโถว,
ปูโร สิยา เนว ทิชสฺส ภิยฺโย;
ปาปํ มหนฺตํ อปิ ปาปุเณยฺย,
มิจฺฉาภิมาเนน ตถาคเต โส.
ตสฺมา ภควา อสฺสาทิยนฺโต ตํ เทยฺยธมฺมํ อปฺปฏิกฺขิปนฺโต อุปาเยน พฺราหฺมณสฺส ปฺุพุทฺธึ กตฺวา, มารสฺส จ มโนรถวิฆาตํ กตฺวา อคมาสีติ, ‘‘อยํ นโย อฏฺกถํ วินาปิ ปาฬินยานุโลมโต สิทฺโธ’’ติ วทนฺติ. กถํ? –
‘‘สตฺถา สสิสฺโส ยทิ อคฺคเหสิ,
ทิชสฺส ตํ จีวรมาทิโตว;
นาถสฺส โน วีสติวสฺสกาเล,
วิรุชฺฌเต ชีวกยาจนาปิ;
ตถาปิ สพฺพํ สุวิจารยิตฺวา,
ยุตฺตํ นยํ จินฺตยิตุํว ยุตฺต’’นฺติ.
อิทานิ ¶ อายสฺมา อุปาลิตฺเถโร วินยปฺตฺติยา สาธารณนิทานํ ทสฺเสตฺวา สิกฺขาปทานํ ปาเฏกฺกํ ปฺตฺติฏฺานสงฺขาตํ นิทานมาทึ กตฺวา ปุคฺคลปฺตฺติอนุปฺตฺติวิภาคาปตฺติเภทนฺตราปตฺติอาทิกํ นานปฺปการํ วิธึ นิชฺชฏํ นิคฺคุมฺพํ กตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘อถ โข ภควา เวรฺชายํ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา’’ติอาทิมาหาติ. อิธ ตฺวา –
สิกฺขาปทาน ¶ สพฺเพสํ, กมเภทํ ปกาสเย;
ตสฺมึ สิทฺเธ นิทานานํ, กมสิทฺธิ ยโต ภเว.
ตตฺถ สพฺพสิกฺขาปทานํ ยถาสมฺภวํ เทสนากฺกโม ปหานกฺกโม ปฏิปตฺติกฺกโม อุปฺปตฺติกฺกโมติ จตุพฺพิโธ กโม ลพฺภติ. ตตฺถ ภควตา ราชคเห ภิกฺขูนํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อนุชานนฺเตน ปาติโมกฺขุทฺเทสสฺส โย เทสนากฺกโม อนฺุาโต, ตํ เทสนากฺกมมนุโลเมนฺโต อายสฺมา มหากสฺสโป ปมํ ปาราชิกุทฺเทสํ ปุจฺฉิ, ตทนนฺตรํ สงฺฆาทิเสสุทฺเทสํ, ตโต อนิยตุทฺเทสํ วิตฺถารุทฺเทสฺจ ปุจฺฉิตฺวา ตทนนฺตรํ ภิกฺขุนีวิภงฺคฺจ เตเนว อนุกฺกเมน ปุจฺฉิ, นิทานุทฺเทสนฺโตคธานฺจ สรูเปน อนุทฺทิฏฺานํ ปุจฺฉนตฺถํ ขนฺธเกปิ ปุจฺฉิ. เอเตน จ ขนฺธเก ปฺตฺตา ถุลฺลจฺจยา สงฺคหิตา โหนฺติ. ปุจฺฉิตานุกฺกเมเนว อุปาลิตฺเถโร ตํ สพฺพํ สาปตฺติเภทาทิกํ เทเสนฺโต ถุลฺลจฺจยทุพฺภาสิตอาปตฺติสมุฏฺานาทิทีปกํ อนฺโตกตฺวา เทเสสิ, อยเมตฺถ เทสนากฺกโม. อุภโตวิภงฺคขนฺธกโต ปน อุจฺจินิตฺวา ตทา ปริวารปาฬิ วิสุํ กตา. อิมเมว นยํ สนฺธาย อฏฺกถายํ วุตฺตํ ‘‘เอเตเนว อุปาเยน ขนฺธกปริวาเรปิ อาโรเปสุ’’นฺติอาทิ (ปารา. อฏฺ. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถา). อปิจ ปาฬิยา ‘‘เอเตเนวุปาเยน อุภโตวินเย ปุจฺฉิ. ปุฏฺโ ปุฏฺโ อายสฺมา อุปาลิ วิสฺสชฺเชสี’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ, ตสฺมา มหากสฺสโป อุภโตวิภงฺเค เอว ปุจฺฉิ. วิสฺสชฺเชนฺโต ปน อายสฺมา อุปาลิ นิวรเสสํ เทเสนฺโต ขนฺธกปริวาเร อนฺโตกตฺวา เทเสสิ. ตทา จ ขนฺธกปริวารปาฬิ วิสุํ กตาติ อยํ เทสนากฺกโม. ยทิ เอวํ นิทานุทฺเทโส ปมํ เทเสตพฺโพติ เจ? น, ตทสมฺภวโต. โส หิ ‘‘ยสฺส สิยา อาปตฺตี’’ติอาทินา (มหาว. ๑๓๔) นเยน ปวตฺตตฺตา ปมํ สิกฺขาปทสงฺคหิตาสุ อาปตฺตีสุ อทสฺสิตาสุ น สมฺภวติ. ‘‘ยานิ มยา ภิกฺขูนํ ปฺตฺตานิ สิกฺขาปทานิ, ตานิ เนสํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อนุชาเนยฺย’’นฺติ วจนโต สิกฺขาปทาเนว ปมํ เทเสตพฺพานีติ ปาราชิกุทฺเทสกฺกโม สมฺภวติ.
ปาราชิกุทฺเทสาทิสงฺคหิตานํ ¶ อาปตฺติอกุสลานํ ยโถฬาริกกฺกเมน ปหาตพฺพตฺตา ปหานกฺกโมเปตฺถ สมฺภวติ. อุปสมฺปนฺนสมนนฺตรํ ‘‘ตาวเทว จตฺตาริ อกรณียานิ อาจิกฺขิตพฺพานี’’ติ (มหาว. ๑๒๙) วจนโต ‘‘สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสู’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๙๓) วจนโต จ ยถา ครุกํ อาจิกฺขณํ สิกฺขเนน ปฏิปตฺติกฺกโมเปตฺถ สมฺภวติ, เอวมิเมหิ ตีหิ กเมหิ เทเสตพฺพานมฺเปเตสํ สิกฺขาปทานํ ยถาสมฺภวํ อุปฺปตฺติกฺกโม สมฺภวติ. ตถา หิ ยํ ยํ สาธารณํ, ตํ ตํ ภิกฺขุํ อารพฺภ อุปฺปนฺเน เอว วตฺถุสฺมึ ‘‘ยา ปน ภิกฺขุนี ฉนฺทโส เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสเวยฺยา’’ติ ภิกฺขุนีนมฺปิ ปฺตฺตํ. อฺถา ตํ ภิกฺขุนีนํ ¶ อนุปฺปนฺนปฺตฺติ สิยา. ตโต ‘‘อนุปฺปนฺนปฺตฺติ ตสฺมึ นตฺถี’’ติ (ปริ. ๒๔๗) ปริวาเร เอตํ วจนํ วิรุชฺฌติ, เอตฺตาวตา ปุริเมน กมตฺตเยน ปมํ เทเสตพฺพตํ ปตฺเต ปาราชิกุทฺเทเส ปมุปฺปนฺนตฺตา เมถุนธมฺมปาราชิกํ สพฺพปมํ เทเสตุกาโม อุปาลิตฺเถโร ‘‘ตตฺร สุทํ ภควา เวสาลิย’’นฺติ เวสาลิเมว ปาเปตฺวา เปสิ. อฺถา พาราณสิยํ ปฺตฺตานํ ‘‘น, ภิกฺขเว, มนุสฺสมํสํ ปริภฺุชิตพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๒๘๐) เอวมาทีนํ เทสนาธิปฺปาเย สติ พาราณสึ ปาเปตฺวา เปยฺยาติ.
อพฺภนฺตรนิทานกถา นิฏฺิตา.
เวรฺชกณฺฑวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑. ปาราชิกกณฺโฑ
๑. ปมปาราชิกํ
สุทินฺนภาณวารวณฺณนา
ปมสฺเสตฺถ ¶ ¶ นิทาเน, ตฺวา ปาราชิกสฺส วิฺเยฺโย;
โจทนาปริหารนโย, ปุคฺคลวตฺถุปฺปกาสเนเยว.
ตตฺถ ภควา เวรฺชายํ วุตฺถวสฺโส อนุปุพฺเพน จาริกํ จรนฺโต กตฺติกชุณฺหปกฺเข เอว เวสาลึ ปาปุณิตฺวา ยาว ปมปาราชิกสิกฺขาปทปฺาปนํ, ตาว อฏฺ วสฺสานิ เวสาลิยํเยว วิหรนฺโต วิย ปาฬิกฺกเมน ทิสฺสติ, น จ ภควา ตาวตฺตกํ กาลํ ตตฺเถว วิหาสิ. โส หิ สุทินฺนสฺส สาวกานํ สนฺติเก ปพฺพชฺชํ อุปสมฺปทฺจ อนุชานิตฺวา ยถาภิรนฺตํ ตตฺถ วิหริตฺวา จาริกํ จรนฺโต เภสกฬาวนํ ปตฺวา ตตฺถ เตรสมํ วสฺสํ วสิ, เตเนว อนุกฺกเมน สาวตฺถึ ปตฺวา จุทฺทสมํ วสฺสํ วสิ, ปนฺนรสมํ กปิลวตฺถุมฺหิ, โสฬสมํ อาฬวิยํ, ตโต วุตฺถวสฺโส จาริกํ จรนฺโต ราชคหํ ปตฺวา สตฺตรสมํ วสิ, อิมินา อนุกฺกเมน อปรานิปิ ตีณิ วสฺสานิ ตตฺเถว วสิ. เอตฺตาวตา ภควา ปริปุณฺณวีสติวสฺโส ราชคหโต อนุปุพฺเพน เวสาลึ ปาปุณิ, ตโต อุปสมฺปทาย อฏฺวสฺสิโก สุทินฺโน เวสาลิยํเยว เมถุนํ ธมฺมํ อภิวิฺาเปสิ, ตโต ภควา ตสฺมึ วตฺถุสฺมึ ปมํ ปาราชิกํ ปฺเปสีติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ ยสฺมา อุปาลิตฺเถโร อิโต ปมตรํ ตตฺถ เวสาลิยฺจ ปฺตฺตสิกฺขาปทานิ อทสฺเสตุกาโม, วินยนิทานานนฺตรํ ปมปาราชิกเมว ทสฺเสตุกาโม, ตสฺมา เวสาลิยํ ปมํ นิวาสํ, ปจฺฉา อิมสฺส สิกฺขาปทสฺส ปฺตฺติกาเล นิวาสฺจ เอกโต กตฺวา ‘‘ตตฺร สุทํ ภควา เวสาลิย’’นฺติอาทิมาห, เตน วุตฺตํ ‘‘ปมสฺเสตฺถ นิทาเน, ตฺวา ¶ …เป… ปกาสเนเยวา’’ติ. ตสฺมา อิมสฺมึ ปมปาราชิกสฺส ปฺตฺติฏฺานสงฺขาเต นิทาเน ตฺวา ‘‘เตน โข ปน สมเยน เวสาลิยา อวิทูเร กลนฺทคาโม นาม โหติ…เป… อฺตรํ วชฺชิคามํ อุปนิสฺสาย วิหรตี’’ติ เอตสฺมึ อิมสฺส สิกฺขาปทสฺส ปุคฺคลปฺปกาสเน, ‘‘เตน โข ปน สมเยน วชฺชี ทุพฺภิกฺขา โหติ…เป… ติกฺขตฺตุํ เมถุนํ ธมฺมํ อภิวิฺาเปสี’’ติ (ปารา. ๓๐) อิมสฺมึ วตฺถุปฺปกาสเน จ โจทนานโย, ปริหารนโย จ เวทิตพฺโพติ ¶ วุตฺตํ โหติ. ตตฺรายํ ปกาสนา – กิมตฺถํ เถเรน อฺเสํ สิกฺขาปทานํ ปุคฺคลวตฺถูนิ วิย สงฺเขปโต อวตฺวา ยตฺถ จ โส อุปฺปนฺโน, ยถา จ ธมฺเม ปสนฺโน, ยถา จ ปพฺพชิโต, ยถา จ อิมํ วตฺถุํ อุปฺปาเทติ, ตํ สพฺพํ อนวเสเสตฺวา ปุคฺคลวตฺถูนิ วิตฺถารโต วุตฺตานีติ เจ? วุจฺจเต –
เอวํ สทฺธาย กิจฺเฉน, มหนฺเต โภคาตเก;
หิตฺวา ปพฺพชิตานมฺปิ, เปสลานมฺปิ สพฺพโส.
สพฺพลามกธมฺมายํ, เมถุโน ยทิ สมฺภเว;
น ธมฺมเทสนาเยว, สิทฺธา วิรติ สพฺพโส.
ตสฺมา นวงฺคสทฺธมฺเม, สตฺถารา เทสิเตปิ จ;
วินโย ปฺเปตพฺโพ, ตโต ธมฺมวิสุทฺธิหิ.
วินยาภาวโต เอวํ, อชฺฌาจาโร ภวิสฺสติ;
ตสฺมา วินยปฺตฺติ, สาตฺถิกา เปสลสฺสปิ.
อนาทีนวทสฺสาวี, ยสฺมา ยํ ปาปมาจริ;
วินโยเยว สทฺธานํ, อาทีนววิภาวิโน.
ตสฺมา สทฺธานุสารีนํ, วินโย สาตฺถโกว ยํ;
ธมฺโม ธมฺมานุสารีนํ, ตโต อุภยเทสนา.
อปิ จ ยทิ ปณฺณตฺติวีติกฺกมํ อกโรนฺตสฺสาปิ ยาว พฺรหฺมโลกา อยโส ปตฺถโฏ, ปเควฺเสนฺติ ทสฺสนตฺถํ อชฺฌาจารสฺส ปากฏภาวทีปนํ. กถํ? –
อภพฺโพ ¶ อรหตฺตสฺส, สุทินฺโน ปุตฺตมาตโร;
ภพฺพานุปฺปนฺนปฺตฺติ, ตทตฺถํ น กตา อยํ.
นนุ มาคณฺฑิกํ อชฺฌุเปกฺขิตฺวา มาตาปิตูนมสฺสา หิตตฺถํ ธมฺมํ เทเสตีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ พีชกพีชกมาตูนํ อรหตฺตุปฺปตฺติ เถเรน ทีปิตา. ‘‘เตน โข ปน สมเยน เวสาลิยา อวิทูเร กลนฺทคาโม นาม โหติ, เยน สมเยน สุทินฺโน ปุราณทุติยิกาย เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวี’’ติ วา ‘‘เยน สมเยน ภควา ปมปาราชิกํ ปฺเปสี’’ติ วา วจนํ อิธ น ยุชฺชติ. กสฺมา? ‘‘อิธ ปน เหตุอตฺโถ กรณตฺโถ จ สมฺภวตี’’ติ วุตฺตํ อฏฺกถาวจนฺหิ อิธ น ลพฺภติ. จิรนิวิฏฺโ หิ โส คาโม ¶ , น ตสฺมึเยว สมเยติ. ยสฺมา ปน โส จิรนิวิฏฺโปิ จ คาโม อตฺตโน นิวิฏฺกาลโต ปฏฺาย สพฺพกาลมตฺถีติ วตฺตพฺพตํ อรหติ, เตน ปริยาเยน ‘‘เตน โข ปน สมเยน เวสาลิยา อวิทูเร กลนฺทคาโม นาม โหตี’’ติ วุตฺตํ.
๒๕-๖. อนฺุาโตสิ ปน ตฺวนฺติ สมณวตฺตทสฺสนตฺถํ ภควา ปุจฺฉติ. มาตาปิตูหิ อนนฺุาตนฺติ เอตฺถ ชนเกเหว อนนฺุาตทสฺสนตฺถํ ปุจฺฉีติ วุตฺตํ. น โข สุทินฺน ตถาคตาติ ‘‘ปพฺพาเชตุ มํ ภควา’’ติ ยาจนาวเสน ปเนวมาห, น ภควา สยํ สรณานิ ทตฺวา ปพฺพาเชสิ. ทุกฺขสฺสาติ เอตฺถ ‘‘กลภาคมฺปี’’ติ ปาเสโส. วิกปฺปทฺวเยปีติ ทุติยตติยวิกปฺเปสุ. ปุริมปทสฺสาติ กิฺจีติ ปทสฺส. อุตฺตรปเทนาติ ทุกฺขสฺสาติ ปเทน. สมานวิภตฺตีติ สามิวจนํ. ยถา กึ? ‘‘กสฺสจิ ทุกฺขสฺสา’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘กิฺจิ ทุกฺขสฺสา’’ติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อกามกา วินา ภวิสฺสามาติ ตยา สทฺธึ อมริตฺวา อกามา ชีวิสฺสาม. สเจปิ น มราม, อกามกาว ตยา วิโยคํ ปาปุณิสฺสาม, ตยิ ชีวมาเน เอว โน มรณํ ภเวยฺย, มรเณนปิ โน ตยา วิโยคํ มยํ อกามกาว ปาปุณิสฺสาม.
๓๐. กติปาหํ พลํ คาเหตฺวาติ กสฺมา ปนายํ ตถา ปพฺพชฺชาย ติพฺพจฺฉนฺโท อนฺุาโต สมาโน กติปาหํ ฆเรเยว วิลมฺพิตฺวา กายพลฺจ อคฺคเหสีติ? อนุมติทาเนน มาตาปิตูสุ สหายเกสุ จ ตุฏฺโ เตสํ จิตฺตตุฏฺตฺถํ. เกสุจิ อฏฺกถาโปตฺถเกสุ เกจิ อาจริยา ‘‘อยํ สุทินฺโน ชีวกวตฺถุโต ปจฺฉา ปํสุกูลิกธุตงฺควเสน ปํสุกูลิโก ชาโต’’ติ สฺาย ‘‘คหปติจีวรํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปํสุกูลิกธุตงฺควเสน ปํสุกูลิโก โหตี’’ติ ลิขนฺติ, ตํ ‘‘อจิรูปสมฺปนฺโน’’ติ วจเนน วิรุชฺฌติ. ‘‘ตถา สุทินฺโน หิ ภควโต ทฺวาทสเม วสฺเส ปพฺพชิโต ¶ , วีสติเม วสฺเส าติกุลํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺโ สยํ ปพฺพชฺชาย อฏฺวสฺสิโก หุตฺวา’’ติ, ‘‘ภควโต หิ พุทฺธตฺตํ ปตฺตโต ปฏฺาย ยาว อิทํ วตฺถํ, เอตฺถนฺตเร วีสติ วสฺสานิ น โกจิ คหปติจีวรํ สาทิยิ, สพฺเพ ปํสุกูลิกาว อเหสุ’’นฺติ จ วุตฺเตน อฏฺกถาวจเนน วิรุชฺฌติ, ปพฺพชฺชาย อฏฺวสฺสิโก, น อุปสมฺปทาย. อุปสมฺปทํ ปน ชีวกวตฺถุโต (มหาว. ๓๒๖) ปจฺฉา ¶ อลตฺถ, ตสฺมา อวสฺสิโก าติกุลํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺโ สิยาติ เจ? น, ‘‘อลตฺถ โข สุทินฺโน กลนฺทปุตฺโต ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อลตฺถ อุปสมฺปท’’นฺติ เอกโต อนนฺตรํ วุตฺตตฺตา. ปพฺพชฺชานนฺตรเมว หิ โส อุปสมฺปนฺโน เตรสธุตงฺคคุเณ สมาทาย วตฺตนฺโต อฏฺ วสฺสานิ วชฺชิคาเม วิหริตฺวา นิสฺสยมุตฺตตฺตา สยํวสี หุตฺวา ‘‘เอตรหิ โข วชฺชี ทุพฺภิกฺขา’’ติอาทิตกฺกวเสน เยน เวสาลี ตทวสริ, ตสฺมา ‘‘ปํสุกูลิกธุตงฺควเสน ปํสุกูลิโก โหตี’’ติ เอตฺตโกเยว ปาโ เยสุ โปตฺถเกสุ ทิสฺสติ, โสว ปมาณโต คเหตพฺโพ. ‘‘อารฺิโก โหตี’’ติ อิมินา ปฺจ เสนาสนปฏิสํยุตฺตานิ สงฺคหิตานิ เนสชฺชิกงฺคฺจ วิหารสภาคตฺตา, ‘‘ปิณฺฑปาติโก’’ติ อิมินา ปฺจ ปิณฺฑปาตปฏิสํยุตฺตานิ, ‘‘ปํสุกูลิโก’’ติ อิมินา ทฺเว จีวรปฏิสํยุตฺตานิ สงฺคหิตานีติ. าติฆรูปคมนการณทีปนาธิปฺปายโต สปทานจาริกงฺคํ วิสุํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘มา อติหราเปสุ’’นฺติ กาลพฺยตฺตยวเสน วุตฺตํ. ธมฺมสฺสนฺตรายกรตรตฺตา ‘‘อิมํ นย’’นฺติ อนโยเยว.
เยภุยฺเยน หิ สตฺตานํ, วินาเส ปจฺจุปฏฺิเต;
อนโย นยรูเปน, พุทฺธิมาคมฺม ติฏฺติ.
๓๖. อปฺตฺเต สิกฺขาปเทติ เอตฺถ ทุวิธํ สิกฺขาปทปฺาปนํ. กถํ? ‘‘เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถา’’ติ เอวํ สอุทฺเทสานุทฺเทสเภทโต ทุวิธํ. ตตฺถ ปาติโมกฺเข สรูปโต อาคตา ปฺจ อาปตฺติกฺขนฺธา สอุทฺเทสปฺตฺติ นาม. สาปิ ทุวิธา สปุคฺคลาปุคฺคลนิทฺเทสเภทโต. ตตฺถ ยสฺสา ปฺตฺติยา อนฺโต อาปตฺติยา สห, วินา วา ปุคฺคโล ทสฺสิโต, สา สปุคฺคลนิทฺเทสา. อิตรา อปุคฺคลนิทฺเทสาติ เวทิตพฺพา. สปุคฺคลนิทฺเทสาปิ ทุวิธา ทสฺสิตาทสฺสิตาปตฺติเภทโต. ตตฺถ อทสฺสิตาปตฺติกา นาม อฏฺ ปาราชิกา ธมฺมา. ‘‘ปาราชิโก โหติ อสํวาโส’’ติ หิ ปุคฺคโลว ตตฺถ ทสฺสิโต, นาปตฺติ. ทสฺสิตาปตฺติกา นาม ภิกฺขุนีปาติโมกฺเข ‘‘สตฺตรส สงฺฆาทิเสสา ธมฺมา นิสฺสารณียํ สงฺฆาทิเสส’’นฺติ หิ ตตฺถ อาปตฺติ ทสฺสิตา สทฺธึ ปุคฺคเลน, ตถา อปุคฺคลนิทฺเทสาปิ ทสฺสิตาทสฺสิตาปตฺติโตว ทุวิธา. ตตฺถ อทสฺสิตาปตฺติกา นาม เสขิยา ธมฺมา. เสสา ทสฺสิตาปตฺติกาติ ¶ เวทิตพฺพา. สาปิ ทุวิธา อนิทฺทิฏฺการกนิทฺทิฏฺการกเภทโต. ตตฺถ อนิทฺทิฏฺการกา นาม สุกฺกวิสฺสฏฺิ มุสาวาท โอมสวาท ¶ เปสฺุ ภูตคาม อฺวาทก อุชฺฌาปนก คณโภชน ปรมฺปรโภชน สุราเมรย องฺคุลิปโตทก หสธมฺม อนาทริย ตลฆาตกชตุมฏฺก สิกฺขาปทานํ วเสน ปฺจทสวิธา โหนฺติ. เสสานํ ปุคฺคลนิทฺเทสานํ วเสน นิทฺทิฏฺการกา เวทิตพฺพา.
อนุทฺเทสปฺตฺติปิ ปทภาชนนฺตราปตฺติวินีตวตฺถุปฏิกฺเขปปฺตฺติอวุตฺตสิทฺธิวเสน ฉพฺพิธา โหนฺติ. ตตฺถ ‘‘เยภุยฺเยน ขายิตํ อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติ (ปารา. ๖๑) เอวมาทิกา ปทภาชนิเย สนฺทิสฺสมานาปตฺติ ปทภาชนสิกฺขาปทํ นาม. ‘‘น ตฺเวว นคฺเคน อาคนฺตพฺพํ, โย อาคจฺเฉยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติอาทิกา (ปารา. ๕๑๗) อนฺตราปตฺติสิกฺขาปทํ นาม. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ทิวา ปฏิสลฺลียนฺเตน ทฺวารํ สํวริตฺวา ปฏิสลฺลียิตุ’’นฺติ (ปารา. ๗๕) เอวมาทิกา วินีตวตฺถุสิกฺขาปทํ นาม. ‘‘โลหิตุปฺปาทโก, ภิกฺขเว, อนุปสมฺปนฺโน น อุปสมฺปาเทตพฺโพ, อุปสมฺปนฺโน นาเสตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๑๑๔) เอวมาทิกา ปฏิกฺเขปสิกฺขาปทํ นาม. ขนฺธเกสุ ปฺตฺตทุกฺกฏถุลฺลจฺจยานิ ปฺตฺติสิกฺขาปทํ นาม. ‘‘ยา ปน ภิกฺขุนี นจฺจํ วา คีตํ วา วาทิตํ วา ทสฺสนาย คจฺเฉยฺย, ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๘๓๔) อิมินา วุตฺเตน ‘‘ยา ปน ภิกฺขุนี นจฺเจยฺย วา คาเยยฺย วา วาเทยฺย วา ปาจิตฺติย’’นฺติ เอวมาทิกํ ยํ กิฺจิ อฏฺกถาย ทิสฺสมานํ อาปตฺติชาตํ, วินยกมฺมํ วา อวุตฺตสิทฺธิสิกฺขาปทํ นาม. ฉพฺพิธมฺเปตํ ฉหิ การเณหิ อุทฺเทสารหํ น โหตีติ อนุทฺเทสสิกฺขาปทํ นามาติ เวทิตพฺพํ. เสยฺยถิทํ – ปฺจหิ อุทฺเทเสหิ ยถาสมฺภวํ วิสภาคตฺตา ถุลฺลจฺจยทุพฺภาสิตานํ, สภาควตฺถุกมฺปิ ทุกฺกฏถุลฺลจฺจยทฺวยํ อสภาคาปตฺติกตฺตา, อนฺตราปตฺติปฺตฺติสิกฺขาปทานํ นานาวตฺถุกาปตฺติกตฺตา, ปฏิกฺเขปสิกฺขาปทานํ เกสฺจิ วินีตวตฺถุปฺตฺติสิกฺขาปทานฺจ อทสฺสิตาปตฺติกตฺตา, อทสฺสิตวตฺถุกตฺตา เภทานุวตฺตกถุลฺลจฺจยสฺส, อทสฺสิตาปตฺติวตฺถุกตฺตา อวุตฺตสิทฺธิสิกฺขาปทานนฺติ. เอตฺตาวตา ‘‘ทุวิธํ สิกฺขาปทปฺาปนํ อุทฺเทสานุทฺเทสเภทโต’’ติ ยํ วุตฺตํ, ตํ สมาสโต ปกาสิตํ โหติ.
ตตฺถ อปฺตฺเต สิกฺขาปเทติ สอุทฺเทสสิกฺขาปทํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. เอกจฺเจ อาจริยา เอวํ กิร วณฺณยนฺติ ‘‘จตฺตาโร ปาราชิกา กติวสฺสาภิสมฺพุทฺเธน ภควตา ปฺตฺตาติอาทินา ปุจฺฉํ กตฺวา เตสุ ปมปาราชิโก ¶ เวสาลิยํ ปฺตฺโต ปฺจวสฺสาภิสมฺพุทฺเธน เหมนฺตานํ ปเม มาเส ทุติเย ปกฺเข ทสเม ทิวเส อฑฺฒเตยฺยโปริสาย ฉายาย ¶ ปุรตฺถาภิมุเขน นิสินฺเนน อฑฺฒเตรสานํ ภิกฺขุสตานํ มชฺเฌ สุทินฺนํ กลนฺทปุตฺตํ อารพฺภ ปฺตฺโต’’ติ, ตํ น ยุชฺชติ, กสฺมา? –
ยสฺมา ทฺวาทสมํ วสฺสํ, เวรฺชายํ วสิ ชิโน;
ตสฺมิฺจ สุทฺโธ สงฺโฆติ, เนว ปาราชิกํ ตทา.
เถรสฺส สาริปุตฺตสฺส, สิกฺขาปฺตฺติยาจนา;
ตสฺมึ สิทฺธาติ สิทฺธาว, ครุกาปตฺติ โน ตทา.
โอวาทปาติโมกฺขฺจ, กึ สตฺถา จตุวสฺสิโก;
ปฏิกฺขิปิ กิมาณฺจ, สมตฺตํ อนุชานิ โส.
อชาตสตฺตุํ นิสฺสาย, สงฺฆเภทมกาสิ ยํ;
เทวทตฺโต ตโต สงฺฆ-เภโท ปจฺฉิมโพธิยํ.
อาราธยึสุ มํ ปุพฺเพ, ภิกฺขูติ มุนิภาสิตํ;
สุตฺตเมว ปมาณํ โน, โสว กาโล อนปฺปโกติ.
ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘อถ ภควา อชฺฌาจารํ อปสฺสนฺโต ปาราชิกํ วา สงฺฆาทิเสสํ วา น ปฺเปสี’’ติ, ตํ สกลสิกฺขาปทํ สนฺธายาห. น เกวลํ สอุทฺเทสสิกฺขาปทมตฺตํ, เตน สอุทฺเทสานุทฺเทสปฺตฺติเภทํ สกลํ ปาราชิกํ สนฺธายาหาติ วุตฺตํ โหติ. กิฺจาปิ นาภิปรามสนมฺปิ กายสํสคฺโค, ตถาปิ เอตํ วิเสสนิยมนโต, อจฺฉนฺทราคาธิปฺปายโต จ วิสุํ วุตฺตํ. ฉนฺทราครตฺตสฺเสว หิ กายสํสคฺโค อิธาธิปฺเปโต. อสุจิปาเน ปน หตฺถินิยา ตาปสปสฺสาวปาเนน วาลกาพฺโย นาม อุปฺปชฺชติ, วาลกาพฺยสฺส วตฺถุ วตฺตพฺพํ. มณฺฑพฺยสฺส นาภิยา ปรามสเนเนว กิร. รูปทสฺสเน ปน เวชฺชกา อาหุ –
‘‘ถีนํ สนฺทสฺสนา สุกฺกํ, กทาจิ จลิโตวเร;
ตํ คามธมฺมกรณํ, ทฺวยสมํ สงฺคมิย;
คพฺภาทีติ อยํ นโย, ถีนํ ปุริสทสฺสนาสีตฺยูปเนยฺย’’.
‘‘ปุปฺผิเก เอธิยฺย สุทฺเธ, ปสฺสํ นรฺจ อิตฺถิ ตํ;
คพฺภฺจ นเยตฺยุตฺต-มิติ ตสฺมา กาโส อิตี’’ติ.
ราโชโรโธ วิยาติ สีหฬทีเป เอกิสฺสา อิตฺถิยา ตถา อโหสิ, ตสฺมา กิร เอวํ วุตฺตํ. กิฺจาปิ ยาว พฺรหฺมโลกา สทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉิ, น ตํ มนุสฺสานํ วิสโย อโหสิ เตสํ รูปํ วิย. เตเนว ภิกฺขู ปุจฺฉึสุ ‘‘กจฺจิ โน ตฺวํ อาวุโส สุทินฺน อนภิรโต’’ติ.
๓๙. กลีติ โกโธ, ตสฺส สาสนํ กลิสาสนํ, กลโห. คามธมฺมนฺติ เอตฺถ ชนปทธมฺมํ ชนปทวาสีนํ สิทฺธึ. อตฺตาติ จิตฺตํ, สรีรฺจ. อสุตฺตนฺตวินิพทฺธนฺติ วินยสุตฺเต อนาคตํ, สุตฺตาภิธมฺเมสุปิ อนาคตํ, ปาฬิวินิมุตฺตนฺติ อตฺโถ. กุสุมมาลนฺติ นานาคุณํ สนฺธายาห. รตนทามนฺติ อตฺถสมฺปตฺตึ สนฺธาย วทติ. ปฏิกฺขิปนาธิปฺปายา ภทฺทาลิ วิย. ปทนิรุตฺติพฺยฺชนานิ นามเววจนาเนว ‘‘นามํ นามกมฺมํ นามเธยฺยํ นิรุตฺตี’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๓๑๕) วิย. นิปฺปริยาเยน วิรติ สิกฺขาปทํ นาม. อกุสลปกฺเข ทุสฺสีลฺยํ นาม เจตนา. กุสลปกฺเขปิ เจตนาปริยายโต วิภงฺเค ‘‘สิกฺขาปท’’นฺติ วุตฺตํ. สงฺฆสุฏฺุตายาติ เอตฺถ โลกวชฺชสฺส ปฺาปเน สงฺฆสุฏฺุตา โหติ ปากฏาทีนวโต. ปฺตฺติวชฺชสฺส ปฺาปเน สงฺฆผาสุตา โหติ ปากฏานิสํสตฺตา. ตตฺถ ปเมน ทุมฺมงฺกูนํ นิคฺคโห, ทุติเยน เปสลานํ ผาสุวิหาโร. ปเมน สมฺปรายิกานํ อาสวานํ ปฏิฆาโต, ทุติเยน ทิฏฺธมฺมิกานํ. ตถา ปเมน อปฺปสนฺนานํ ปสาโท, ทุติเยน ปสนฺนานํ ภิยฺโยภาโว. ‘‘ปุพฺเพ กตปฺุตาย โจทิยมานสฺส ภพฺพกุลปุตฺตสฺสา’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘สุทินฺโน ตํ กุกฺกุจฺจํ วิโนเทตฺวา อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ, เตเนว ปพฺพชฺชา อนฺุาตา’’ติ วทนฺติ, อุปปริกฺขิตพฺพํ. ตถา ปเมน สทฺธมฺมฏฺิติ, ทุติเยน วินยานุคฺคโห โหตีติ เวทิตพฺโพ.
อปิเจตฺถ วตฺถุวีติกฺกเม ยตฺถ เอกนฺตากุสลภาเวน, ตํ สงฺฆสุฏฺุภาวาย ปฺตฺตํ โลกวชฺชโต, ยตฺถ ปฺตฺติชานเน เอว อตฺถาปตฺติ, น อฺทา, ตํ สทฺธมฺมฏฺิติยา วาปิ ปสาทุปฺปาทพุทฺธิยา ธมฺมเทสนาปฏิสํยุตฺตํ, อิตรฺจ เสขิยํ, อิทํ โลกวชฺชํ นาม. วตฺถุโน ปฺตฺติยา วา วีติกฺกมเจตนายาภาเวปิ ปฏิกฺขิตฺตสฺส กรเณ, กตฺตพฺพสฺส อกรเณ วา ¶ สติ ยตฺถ อาปตฺติปฺปสงฺโค, ตํ สพฺพํ เปตฺวา สุราปานํ ปณฺณตฺติวชฺชนฺติ เวทิตพฺพํ. อาคนฺตุกวตฺตํ, อาวาสิก, คมิก, อนุโมทน, ภตฺตคฺค, ปิณฺฑจาริก, อารฺก, เสนาสน ¶ , ชนฺตาฆร, วจฺจกุฏิ, สทฺธิวิหาริก, อุปชฺฌาย, อนฺเตวาสิก, อาจริยวตฺตนฺติ เอตานิ อคฺคหิตคฺคหณนเยน คณิยมานานิ จุทฺทส, เอตานิ ปน วิตฺถารโต ทฺเวอสีติ มหาวตฺตานิ นาม โหนฺติ. สตฺตหิ อาปตฺติกฺขนฺเธหิ สํวโร สํวรวินโย ปฺตฺติสิกฺขาปทเมว. ตตฺถ ปฺตฺติวินโย สมถวินยตฺถาย สมถวินโย สํวรวินยตฺถาย สํวรวินโย ปหานวินยตฺถายาติ โยชนา เวทิตพฺพา. ยํ สงฺฆสุฏฺุ, ตํ สงฺฆผาสูติ เอกมิว วุตฺตํ สงฺฆสุฏฺุตาย สติ สงฺฆผาสุ ภวิสฺสตีติ ทีปนตฺถํ. ปกรียนฺติ เอตฺถ เต เต ปโยชนวิเสสสงฺขาตา อตฺถวสาติ อตฺถวสํ ‘‘ปกรณ’’นฺติ วุจฺจติ. ทสสุ ปเทสุ เอเกกํ มูลํ กตฺวา ทสกฺขตฺตุํ โยชนาย ปทสตํ วุตฺตํ. ตตฺถ ปจฺฉิมสฺส ปทสฺส วเสน อตฺถสตํ ปุริมสฺส วเสน ธมฺมสตํ อตฺถโชติกานํ นิรุตฺตีนํ วเสน นิรุตฺติสตํ, ธมฺมภูตานํ นิรุตฺตีนํ วเสน นิรุตฺติสตนฺติ ทฺเว นิรุตฺติสตานิ, อตฺถสเต าณสตํ, ธมฺมสเต าณสตํ ทฺวีสุ นิรุตฺติสเตสุ ทฺเว าณสตานีติ จตฺตาริ าณสตานิ เวทิตพฺพานิ. เอตฺถ สงฺฆสุฏฺุตาติ ธมฺมสงฺฆสฺส สุฏฺุภาโวติ อตฺโถ. ‘‘อตฺถปทานีติ อฏฺกถา. ธมฺมปทานีติ ปาฬี’’ติ วุตฺตํ กิร.
เมถุนํ ธมฺมนฺติ เอวํ พหุลนเยน ลทฺธนามกํ สกสมฺปโยเคน, ปรสมฺปโยเคน วา อตฺตโน นิมิตฺตสฺส สกมคฺเค วา ปรมคฺเค วา ปรนิมิตฺตสฺส สกมคฺเค เอว ปเวสปวิฏฺิตุทฺธรเณสุ ยํ กิฺจิ เอกํ ปฏิสาทิยนวเสน เสเวยฺย ปาราชิโก โหติ อสํวาโสติ. เกจิ ปน ‘‘ปเวสาทีนิ จตฺตาริ วา ตีณิ วา ทฺเว วา เอกํ วา ปฏิเสเวยฺย, ปาราชิโก โหติ. วุตฺตฺเหตํ ‘โส เจ ปเวสนํ สาทิยติ, ปวิฏฺํ, ิตํ, อุทฺธรณํ สาทิยติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’ติอาที’’ติ (ปารา. ๕๙) วทนฺติ, เตสํ มเตน จตูสุปิ จตสฺโส ปาราชิกาปตฺติโย อาปชฺชติ. เตเยว เอวํ วทนฺติ ‘‘อาปชฺชตุ เมถุนธมฺมปาราชิกาปตฺติ เมถุนธมฺมปาราชิกาปตฺติยา ตพฺภาคิยา’’ติ, ‘‘อตฺตโน วีติกฺกเม ปาราชิกาปตฺตึ, สงฺฆาทิเสสาปตฺติฺจ อาปชฺชิตฺวา สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย คหฏฺกาเล เมถุนาทิปาราชิกํ อาปชฺชิตฺวา ปุน ปพฺพชิตฺวา อุปสมฺปชฺชิตฺวา เอกํ สงฺฆาทิเสสาปตฺตึ เอกมเนกํ วา ปฏิกริตฺวาว โส ปุคฺคโล ยสฺมา นิราปตฺติโก โหติ, ตสฺมา โส คหฏฺกาเล ¶ สาปตฺติโกวาติ อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺนสฺสาปิ อตฺเถว อาปตฺติวุฏฺานํ. วุฏฺานเทสนาหิ ปน อสุชฺฌนโต ‘ปโยเค ปโยเค อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’ติ น วุตฺตํ คณนปโยชนาภาวโต. กิฺจาปิ น วุตฺตํ, อถ โข ปทภาชเน ‘อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’ติ วจเนนายมตฺโถ สิทฺโธ’’ติ ยุตฺติฺจ วทนฺติ. ยทิ เอวํ มาติกายมฺปิ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสเวยฺย ปาราชิก’’นฺติ วตฺตพฺพํ ภเวยฺย, ปาราชิกสฺส อนวเสสวจนมฺปิ น ยุชฺเชยฺย. สพฺเพปิ หิ อาปตฺติกฺขนฺเธ ภิกฺขุคณนฺจ อนวเสเสตฺวา ¶ ติฏฺตีติ อนวเสสวจนนฺติ กตฺวา ปเวเสว อาปตฺติ, น ปวิฏฺาทีสุ, ตเมเวกํ สนฺธาย ‘‘ยสฺส สิยา อาปตฺตี’’ติ ปาราชิกาปตฺติมฺปิ อนฺโต กตฺวา นิทานุทฺเทเส วจนํ เวทิตพฺพํ. ตสฺมา มาติกายํ ‘‘ปาราชิก’’นฺติ อวตฺวา ‘‘ปาราชิโก โหตี’’ติ ปุคฺคลนิทฺเทสวจนํ เตน สรีรพนฺธเนน อุปสมฺปทาย อภพฺพภาวทีปนตฺถํ. ‘‘อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’’ติ ปทภาชเน วจนํ อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺนสฺสาปิ ปาราชิกสฺส อสํวาสสฺส สโต ปุคฺคลสฺส อเถยฺยสํวาสกภาวทีปนตฺถํ. น หิ โส สํวาสํ สาทิยนฺโตปิ เถยฺยสํวาสโก โหติ, ตสฺมา ‘‘อุปสมฺปนฺโน ภิกฺขุ’’ตฺเวว วุจฺจติ. เตเนวาห ‘‘อสุทฺโธ โหติ ปุคฺคโล อฺตรํ ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปนฺโน, ตฺเจ สุทฺธทิฏฺิ สมาโน อโนกาสํ การาเปตฺวา อกฺโกสาธิปฺปาโย วเทติ, อาปตฺติ โอมสวาเทน ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (ปารา. ๓๘๙). อนุปสมฺปนฺนสฺส ตทภาวโต สิทฺโธ โส ‘‘อุปสมฺปนฺโน ภิกฺขุ’’ตฺเวว วุจฺจตีติ. เตน ปทโสธมฺมํ สหเสยฺยฺจ น ชเนติ, ภิกฺขุเปสฺุาทิฺจ ชเนตีติ เวทิตพฺพํ. ภิกฺขุนีนํ สงฺฆาทิเสเสสุ ปน ภิกฺขุสงฺฆาทิเสสโต วุฏฺานวิธิวิเสสทสฺสนตฺถํ ‘‘อยมฺปิ ภิกฺขุนี…เป… อาปนฺนา’’ติ (ปาจิ. ๖๗๙) ปุคฺคลนิทฺเทสํ กตฺวาปิ ปาราชิกโต อธิปฺปายนฺตรทสฺสนตฺถํ ‘‘นิสฺสารณียํ สงฺฆาทิเสส’’นฺติ (ปาจิ. ๖๗๙) อาปตฺตินามคฺคหณฺจ กตํ. เอตฺตาวตา สปุคฺคลนิทฺเทเส ทสฺสิตาทสฺสิตาปตฺติทุกํ วิตฺถาริตํ โหติ. อปุคฺคลนิทฺเทเสสุ เสขิเยสุ อาปตฺติยา ทสฺสนการณํ เสขิยานํ อฏฺกถายเมว วุตฺตํ. ตทภาวโต อิตเรสุ อาปตฺติทสฺสนํ กตํ. อปุคฺคลนิทฺเทเสสุปิ ทสฺสิตาทสฺสิตาปตฺติทุกฺจ วิตฺถาริตํ โหตีติ.
ปมปฺตฺติกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
สุทินฺนภาณวารํ นิฏฺิตํ.
มกฺกฏีวตฺถุกถาวณฺณนา
๔๐-๑. ทุติยปฺตฺติยํ ¶ ‘‘อิธ มลฺลา ยุชฺฌนฺตี’’ติอาทีสุ วิย ปฏิเสวตีติ วตฺตมานวจนํ ปจุรปฏิเสวนวเสน วุตฺตํ, ‘‘ตฺจ โข มนุสฺสิตฺถิยา, โน ติรจฺฉานคตายา’’ติ ปริปุณฺณตฺถมฺปิ ปมํ ปฺตฺตึ อตฺตโน มิจฺฉาคาเหน วา เลสโอฑฺฑนตฺถาย วา เอวมาห. ปริปุณฺณตฺถตํเยว นิยเมตุํ ‘‘นนุ อาวุโส ตเถว ตํ โหตี’’ติ วุตฺตํ, เตเนว มกฺกฏีวตฺถุ วินีตวตฺถูสุ ปกฺขิตฺตํ อวิเสสตฺตา, ตถา วชฺชิปุตฺตกวตฺถุ. วิจารณา ปเนตฺถ ตติยปฺตฺติยํ อาวิ ภวิสฺสติ. ‘‘นนุ, อาวุโส, ภควตา อเนกปริยาเยนา’’ติอาทิ น เกวลํ สอุทฺเทสสิกฺขาปเทเนว สิทฺธํ, ‘‘ติรจฺฉานคตาทีสุปิ ปาราชิก’’นฺติ อนุทฺเทสสิกฺขาปเทนปิ สิทฺธนฺติ ¶ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. อถ วา ยทิ สอุทฺเทสสิกฺขาปทํ สาวเสสนฺติ ปฺเปสิ, อิมินา อนุทฺเทสสิกฺขาปเทนาปิ กึ น สิทฺธนฺติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ สิกฺขาปทํ ปฺเปสฺสามี’’ติ ตเทว สิกฺขาปทํ ปมปฺตฺตเมว เลสตฺถิกานํ อเลโสกาสํ กตฺวา อาเมฑิตตฺถํ กตฺวา ปฺเปสฺสามีติ อตฺโถ. อฺถา ‘‘อฺวาทเก วิเหสเก ปาจิตฺติย’’นฺติอาทีสุ (ปาจิ. ๑๐๑) วิย วตฺถุทฺวเยน อาปตฺติทฺวยํ อาปชฺชติ, น จาปชฺชติ, โส เอวตฺโถ อฺเนาปิ วจเนน สุปฺปกาสิโต, สุปริพฺยตฺตกรณตฺเถน ทฬฺหตโร กโตติ อธิปฺปาโย. ตติยปฺตฺติยมฺปิ อฺเสุ จ เอวํ วิสุทฺโธ.
ยสฺส สจิตฺตกปกฺเขติอาทิมฺหิ ปน คณฺิปทนโย ตาว ปมํ วุจฺจติ, สจิตฺตกปกฺเขติ สุราปานาทิอจิตฺตเก สนฺธาย วุตฺตํ. สจิตฺตเกสุ ปน ยํ เอกนฺตมกุสเลเนว สมุฏฺาปิตฺจ. อุภยํ โลกวชฺชํ นาม. สุราปานสฺมิฺหิ ‘‘สุรา’’ติ วา ‘‘ปาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วา ชานิตฺวา ปิวเน อกุสลเมว, ตถา ภิกฺขุนีนํ คนฺธวณฺณกตฺถาย เลปเน, เภสชฺชตฺถาย เลปเน อโทสตฺตา ‘‘อวิจารณีย’’นฺติ เอตฺตกํ วุตฺตํ. ตตฺถ น วฏฺฏตีติ ‘‘ชานิตฺวา’’ติ วุตฺตวจนํ น ยุชฺชติ ปณฺณตฺติวชฺชสฺสาปิ โลกวชฺชภาวปฺปสงฺคโต. อิมํ อนิฏฺปฺปสงฺคํ ปริหริตุกามตาย วชิรพุทฺธิตฺเถรสฺส คณฺิปเท วุตฺตํ ‘‘อิธ สจิตฺตกนฺติ จ อจิตฺตกนฺติ จ วิจารณา วตฺถุวิชานเนเยว โหติ, น ปฺตฺติวิชานเน. ยทิ ปฺตฺติวิชานเน โหติ, สพฺพสิกฺขาปทานิ โลกวชฺชาเนว สิยุํ, น จ สพฺพสิกฺขาปทานิ โลกวชฺชานิ ¶ , ตสฺมา วตฺถุวิชานเนเยว โหตี’’ติ, อิทํ ยุชฺชติ. กสฺมา? ยสฺมา เสขิเยสุ ปฺตฺติชานนเมว ปมาณํ, น วตฺถุมตฺตชานนนฺติ, ยํ ปน ตตฺเถว วุตฺตํ ‘‘ปสุตฺตสฺส มุเข โกจิ สุรํ ปกฺขิเปยฺย, อนฺโต เจ ปวิเสยฺย, อาปตฺติ, ตตฺถ ยถา ภิกฺขุนิยา อธกฺขกํ อุพฺภชาณุมณฺฑลํ ปรสฺส อามสนาทิกาเล กายํ อจาเลตฺวา จิตฺเตเนว สาทิยนฺติยา อาปตฺติ ‘กิริยาว โหตี’ติ วุตฺตา เยภุยฺเยน กิริยสมฺภวโต, ตถา อยมฺปิ ตทา กิริยาว โหตี’’ติ, ตํ สุวิจาริตํ อเนกนฺตากุสลภาวสาธนโต. สุราปานาปตฺติยา เอกนฺตากุสลตา ปน มชฺชสฺิโนปิ สกึ ปโยเคน ปิวโต โหตีติ กตฺวา วุตฺตา.
อยํ ปเนตฺถ อตฺโถ – สิกฺขาปทสีเสน อาปตฺตึ คเหตฺวา ยสฺส สิกฺขาปทสฺส สจิตฺตกสฺส จิตฺตํ อกุสลเมว โหติ, ตํ โลกวชฺชํ. สจิตฺตกาจิตฺตกสงฺขาตสฺส อจิตฺตกสฺส จ สจิตฺตกปกฺเข จิตฺตํ อกุสลเมว โหติ, ตมฺปิ สุราปานาทิ โลกวชฺชนฺติ อิมมตฺถํ สมฺปิณฺเฑตฺวา ‘‘ยสฺส สจิตฺตกปกฺเข จิตฺตํ อกุสลเมว โหติ, ตํ โลกวชฺช’’นฺติ วุตฺตํ. สจิตฺตกปกฺเขติ หิ อิทํ วจนํ อจิตฺตกํ สนฺธายาห. น หิ เอกํสโต สจิตฺตกสฺส สจิตฺตกปกฺเขติ ¶ วิเสสเน ปโยชนํ อตฺถิ. ยสฺมา ปเนตฺถ ปณฺณตฺติวชฺชสฺส ปฺตฺติชานนจิตฺเตน สจิตฺตกปกฺเข จิตฺตํ อกุสลเมว, วตฺถุชานนจิตฺเตน สจิตฺตกปกฺเข จิตฺตํ สิยา กุสลํ สิยา อกุสลํ สิยา อพฺยากตํ, ตสฺมา ‘‘ตสฺส สจิตฺตกปกฺเข จิตฺตํ อกุสลเมวา’’ติ น วุจฺจตีติ ‘‘เสสํ ปณฺณตฺติวชฺช’’นฺติ วุตฺตํ. อธิมาเน วีติกฺกมาภาวา, สุปินนฺเต อพฺโพหาริกตฺตา สุปินนฺเต วิชฺชมานาปิ วีติกฺกมฉายา อพฺโพหาริกภาเวนาติ วุตฺตํ โหติ. อิทํ ปน วจนํ ทฬฺหีกมฺมสิถิลกรณปฺปโยชนตฺตา จ วุตฺตํ, เตน ยํ วุตฺตํ พาหิรนิทานกถาธิกาเร ‘‘ทฬฺหีกมฺมสิถิลกรณปฺปโยชนาติ เยภุยฺยตาย วุตฺต’’นฺติอาทิ, ตํ สุวุตฺตเมวาติ เวทิตพฺพํ.
มกฺกฏีวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
วชฺชิปุตฺตกวตฺถุวณฺณนา
๔๓-๔. วชฺชีสุ ¶ ชนปเทสุ วสนฺตา วชฺชิโน นาม, เตสํ ปุตฺตา. ยาวทตฺถนฺติ ยาวตา อตฺโถ อธิปฺปาโยติ วุตฺตํ โหติ, ตตฺถ ยํ วุตฺตํ ‘‘สิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขาย ทุพฺพลฺยํอนาวิกตฺวา’’ติ, ตํ กามํ สิกฺขาปจฺจกฺขาเน, ตเทกฏฺเ จ ทุพฺพลฺยาวิกรเณ ปฺตฺเต สติ ยุชฺชติ, น อฺถา. ตถาปิ อิทานิ ปฺเปตพฺพํ อุปาทาย วุตฺตํ, กถฺหิ นาม ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู อติเรกจีวรํ ธาเรสฺสนฺติ (ปารา. ๔๕๙), อาฬวกา ภิกฺขู กุฏิโย การาเปนฺติ อปฺปมาณิกาโย (ปารา. ๓๔๒), ภิกฺขุนิโย ทฺเว วสฺสานิ ฉสุ ธมฺเมสุ อสิกฺขิตสิกฺขํ สิกฺขมานํ วุฏฺาเปนฺติ (ปาจิ. ๑๐๗๗), สงฺเฆน อสมฺมตํ วุฏฺาเปนฺตีติอาทิ (ปาจิ. ๑๐๘๔) วิย ทฏฺพฺพํ. น หิ ตโต ปุพฺเพ อธิฏฺานํ วิกปฺปนํ วา อนฺุาตํ. ยทภาวา อติเรกจีวรนฺติ วเทยฺย, ปมาณํ วา น ปฺตฺตํ, ยทภาวา อปฺปมาณิกาโยติ วเทยฺย, เอวํสมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ. ‘‘อุลฺลุมฺปตุ มํ, ภนฺเต, สงฺโฆ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ (มหาว. ๗๑, ๑๒๖) อุปสมฺปทํ ยาจิตฺวา อุปสมฺปนฺเนน อุปสมฺปนฺนสมนนฺตรเมว ‘‘อุปสมฺปนฺเนน ภิกฺขุนา เมถุโน ธมฺโม น ปฏิเสวิตพฺโพ, อสกฺยปุตฺติโย’’ติ (มหาว. ๑๒๙) จ ปฺตฺเตน อสฺสมณาทิภาวํ อุปคนฺตุกาเมน นนุ ปมํ อชฺฌุปคตา สิกฺขา ปจฺจกฺขาตพฺพา, ตตฺถ ทุพฺพลฺยํ วา อาวิกาตพฺพํ สิยา, เต ปน ‘‘สิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขาย ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวึสู’’ติ อนุปฺตฺติยา โอกาสกรณตฺถํ วา ตํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘โส อาคโต น อุปสมฺปาเทตพฺโพ’’ติ กิฺจาปิ เอตฺเถว วุตฺตํ, ตถาปิ อิตเรสุปิ ปาราชิเกสุ ยถาสมฺภวํ เวทิตพฺพํ. น หิ สิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขาย ¶ ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา โย ปาราชิกวตฺถุํ อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทิยติ, มนุสฺสวิคฺคหํ วา ชีวิตา โวโรเปติ, ปฏิวิชานนฺตสฺส อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ วา อุลฺลปติ, โส อาคโต น อุปสมฺปาเทตพฺโพ. อนุปฺตฺติ หิ ทฬฺหีกมฺมสิถิลกมฺมกรณปฺปโยชนา. สา หิ ยสฺส ปาราชิกํ โหติ อฺา วา อาปตฺติ, ตสฺส นิยมทสฺสนปฺปโยชนาติลกฺขณานุปฺตฺติกตฺตา. เอวฺหิ อนฺเต อวตฺวา อาทิมฺหิ วุตฺตา ‘‘คามา วา อรฺา วา’’ติ (ปารา. ๙๑) อนุปฺตฺติ วิย. ปริปุณฺเณ ปเนตสฺมึ สิกฺขาปเท –
‘‘นิทานา มาติกาเภโท, วิภงฺโค ตํนิยามโก;
ตโต อาปตฺติยา เภโท, อนาปตฺติ ตทฺถา’’ติ. –
อยํ ¶ นโย เวทิตพฺโพ. ตตฺถ สุทินฺนวตฺถุ มกฺกฏิวตฺถุ วชฺชิปุตฺตกวตฺถุ จาติ ติปฺปเภทํ วตฺถุ อิมสฺส สิกฺขาปทสฺส นิทานํ นาม, ตโต นิทานา ‘‘โย ปน, ภิกฺขุ, ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน…เป… อสํวาโส’’ติ อิมิสฺสา มาติกาย เภโท ชาโต. ตตฺถ หิ ‘‘อนฺตมโส ติรจฺฉานคตายา’’ติ อิตฺถิลิงฺควจเนน ‘‘สจฺจํ, อาวุโส, ภควตา สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, ตฺจ โข อิตฺถิยา โน ปุริเส โน ปณฺฑเก โน อุภโตพฺยฺชนเก จา’’ติ มกฺกฏิปาราชิโก วิย อฺโปิ เลสํ โอฑฺเฑตุํ สกฺโกติ, ตสฺมา ตาทิสสฺส อเลโสกาสสฺส ทสฺสนตฺถํ อิทํ วุจฺจติ. มกฺกฏิวตฺถุสงฺขาตา นิทานา ‘‘อนฺตมโส ติรจฺฉานคตายปี’’ติ มาติกาวจนเภโท น อิตฺถิยา เอว เมถุนสิทฺธิทสฺสนโต กโต, ตสฺมา วิภงฺโค ตํนิยามโก ตสฺสา มาติกาย อธิปฺเปตตฺถนิยามโก วิภงฺโค. วิภงฺเค หิ ‘‘ติสฺโส อิตฺถิโย. ตโย อุภโตพฺยฺชนกา. ตโย ปณฺฑกา. ตโย ปุริสา. มนุสฺสิตฺถิยา ตโย มคฺเค…เป… ติรจฺฉานคตปุริสสฺส ทฺเว มคฺเค’’ติอาทินา (ปารา. ๕๖) นเยน สพฺพเลโสกาสํ ปิทหิตฺวา นิยโม กโต.
เอตฺถาห – ยทิ เอวํ สาธารณสิกฺขาปทวเสน วา ลิงฺคปริวตฺตนวเสน วา น เกวลํ ภิกฺขูนํ, ภิกฺขุนีนมฺปิ ‘‘สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน’’ติ วิภงฺเค วตฺตพฺพํ สิยา. ตทวจเนน ภิกฺขุนี ปุริสลิงฺคปาตุภาเวน ภิกฺขุภาเว ิตา เอวํ วเทยฺย ‘‘นาหํ อุปสมฺปทกาเล ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺนา, ตสฺมา น อปฺปจฺจกฺขาตสิกฺขาปิ เมถุนธมฺเมน ปาราชิกา โหมี’’ติ? วุจฺจเต – ตถา น วตฺตพฺพํ อนิฏฺปฺปสงฺคโต. ภิกฺขุนีนมฺปิ ‘‘สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน’’ติ วุตฺเต ภิกฺขุนีนมฺปิ สิกฺขาปจฺจกฺขานํ อตฺถีติ อาปชฺชติ, ตฺจานิฏฺํ. อิทํ อปรํ อนิฏฺปฺปสงฺโคติ ‘‘สพฺพสิกฺขาปทานิ สาธารณาเนว, นาสาธารณานี’’ติ. อปิจายํ ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโนวาติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตํเยว อุปชฺฌ’’นฺติอาทิ (ปารา. ๖๙) วุตฺตํ, อปิจ โย ตถา เลสํ โอฑฺเฑตฺวา เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวนฺโต วชฺชิปุตฺตกา วิย ปาราชิโก โหติ. เต หิ ‘‘ภิกฺขูนํ ¶ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน’’ติ วจนาภาเว สติ ‘‘อาปตฺตึ ตุมฺเห, ภิกฺขเว, อาปนฺนา ปาราชิก’’นฺติ วุตฺตา ภควตา. เอตฺถ ปน ‘‘ภิกฺขเว’’ติ วุตฺตตฺตา เกจิ ภิกฺขุลิงฺเค ิตา, ‘‘อิทานิ เจปิ มยํ, ภนฺเต อานนฺท, ลเภยฺยาม ภควโต สนฺติเก ¶ ปพฺพชฺชํ ลเภยฺยาม อุปสมฺปท’’นฺติ วุตฺตตฺตา เกจิ วิพฺภนฺตาติ เวทิตพฺพา. ตโต อาปตฺติยา เภโทติ ตโต วิภงฺคโต ‘‘อกฺขายิเต สรีเร ปาราชิกํ, เยภุยฺเยน ขายิเต ถุลฺลจฺจย’’นฺติอาทิ อาปตฺติยา เภโท โหติ. อนาปตฺติ ตทฺถาติ ตโต เอว วิภงฺคโต เยนากาเรน อาปตฺติ วุตฺตา, ตโต อฺเนากาเรน อนาปตฺติเภโทว โหติ. ‘‘สาทิยติ อาปตฺติ ปาราชิกสฺส, น สาทิยติ อนาปตฺตี’’ติ หิ วิภงฺเค อสติ น ปฺายติ. เอตฺตาวตา สมาสโต คาถาตฺโถ วุตฺโต โหติ. เอตฺถ จ ปน –
‘‘นิทานมาติกาเภโท, วิภงฺคสฺส ปโยชนํ;
อนาปตฺติปกาโร จ, ปโม นิปฺปโยชโน’’ติ. –
อิมํ นยํ ทสฺเสตฺวาว สพฺพสิกฺขาปทานํ อตฺโถ ปกาสิตพฺโพ. กถํ? ภควตา ปน เยนากาเรน ยํ สิกฺขาปทํ ปฺาปิตํ, ตสฺส อาการสฺส สมตฺถํ วา อสมตฺถํ วาติ ทุวิธํ นิทานํ, อยํ นิทานเภโท. มาติกาปิ นิทานาเปกฺขา นิทานานเปกฺขาติ ทุวิธา. ตตฺถ จตุตฺถปาราชิกาทิสิกฺขาปทานิ นิทานาเปกฺขานิ. น หิ วคฺคุมุทาตีริยา ภิกฺขู สยเมว อตฺตโน อตฺตโน อสนฺตํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ มุสาวาทลกฺขณํ ปาเปตฺวา ภาสึสุ. อฺมฺสฺส หิ เต อุตฺตริมนุสฺสธมฺมสฺส คิหีนํ วณฺณํ ภาสึสุ, น จ ตาวตา ปาราชิกวตฺถุ โหติ. ตตฺถ เตน เลเสน ภควา ตํ วตฺถุํ นิทานํ กตฺวา ปาราชิกํ ปฺเปสิ, เตน วุตฺตํ ‘‘นิทานาเปกฺข’’นฺติ. อิมินา นเยน นิทานาเปกฺขานิ ตฺวา ตพฺพิปรีตานิ สิกฺขาปทานิ นิทานานเปกฺขานีติ เวทิตพฺพานิ, อยํ มาติกาเภโท.
นานปฺปการโต มูลาปตฺติปฺปโหนกวตฺถุปโยคจิตฺตนิยามทสฺสนวเสน มาติกาย วิภชนภาวทีปนตฺถํ เตสํ อปฺปโหนกตาย วา ตทฺตรเวกลฺลตาย วา วีติกฺกเม สติ อาปตฺติเภททสฺสนตฺถํ, อสติ อนาปตฺติทสฺสนตฺถฺจาติ สพฺพตฺถ ตโย อตฺถวเส ปฏิจฺจ มาติกาย วิภชนํ วิภงฺโค อารภียตีติ เวทิตพฺโพ. เอตฺถ ปน ‘‘ภิกฺขโกติ ภิกฺขุ, ภิกฺขาจริยํ อชฺฌุปคโตติ ¶ ภิกฺขุ, ภินฺนปฏธโรติ ภิกฺขู’’ติ เกวลํ พฺยฺชนตฺถทีปนวเสน ปวตฺโต วา, ‘‘สมฺาย ภิกฺขู’’ติ ภิกฺขุภาวสมฺภวํ อนเปกฺขิตฺวาปิ เกวลํ ภิกฺขุ นาม ปวตฺติฏฺานทีปนวเสน ปวตฺโต วา, ‘‘เอหิ ภิกฺขูติ ภิกฺขุ, สรณคมเนหิ อุปสมฺปนฺโนติ ภิกฺขุ, ตฺติจตุตฺเถน กมฺเมน อุปสมฺปนฺโนติ ภิกฺขู’’ติ อุปสมฺปทานนฺตเรนาปิ ภิกฺขุภาวสิทฺธิทีปนวเสน ¶ ปวตฺโต วา, ‘‘ภทฺโร ภิกฺขุ, สาโร ภิกฺขุ, เสกฺโข ภิกฺขุ, อเสกฺโข ภิกฺขู’’ติ ภิกฺขุกรเณหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตภิกฺขุทีปนวเสน ปวตฺโต วา วิภงฺโค อชฺฌุเปกฺขิโต สพฺพสามฺปทตฺตา, ตถา อฺภาคิยสิกฺขาปทาทีสุ สทฺวารวเสน, อธิกรณทสฺสนาทิวเสน ปวตฺโต จ อชฺฌุเปกฺขิโต อิตรตฺถ ตทภาวโตติ เวทิตพฺโพ.
ตตฺถ ติสฺโส อิตฺถิโยติอาทิ วตฺถุนิยมทสฺสนวเสน ปวตฺโต, มนุสฺสิตฺถิยา ตโย มคฺเค เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวนฺตสฺส อาปตฺติ ปาราชิกสฺสาติอาทิ ปโยคนิยมทสฺสนวเสน ปวตฺโต, ภิกฺขุสฺส เสวนจิตฺตํ อุปฏฺิเตติอาทิ จิตฺตนิยมทสฺสนวเสน ปวตฺโต, สาทิยติ อาปตฺติ ปาราชิกสฺส, น สาทิยติ อนาปตฺตีติอาทิ วตฺถุปโยคนิยเม สติ จิตฺตนิยมภาวาภาววเสน อาปตฺตานาปตฺติทสฺสนตฺถํ ปวตฺโต, มตํ เยภุยฺเยน ขายิตํ อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสาติอาทิ วตฺถุสฺส อปฺปโหนกตาย วีติกฺกเม อาปตฺติเภททสฺสนตฺถํ ปวตฺโต, น สาทิยติ อนาปตฺตีติ จิตฺตนิยมเวกลฺเยน วีติกฺกมาภาวา อนาปตฺติทสฺสนตฺถํ ปวตฺโตติ. เอวํ อิตเรสุปิ สิกฺขาปเทสุ ยถาสมฺภวนโย อยนฺติ ปโยชโน วิภงฺโค.
อนาปตฺติวาโร ปน มูลาปตฺติโต, ตทฺเกเทสโต, สพฺพาปตฺติโต จ อนาปตฺติทีปนวเสน ติวิโธ. ตตฺถ โย ปโม, โส วิภงฺโค วิย ตโย อตฺถวเส ปฏิจฺจ ปวตฺโต. กตเม ตโย? มาติกาปทานํ สาตฺถกนิรตฺถกานํ ตทฺถา อุทฺธรณานุทฺธรณวเสน สปฺปโยชนนิปฺปโยชนภาวทีปนตฺถํ, ตทฺถา ปฏิปตฺติกฺกมทสฺสนตฺถํ, อาปตฺติปฺปโหนกฏฺาเนปิ วิสฺสชฺชนตฺถฺจาติ. กถํ? เอฬกโลมสิกฺขาปเท ‘‘ภิกฺขุโน ปเนว อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺนสฺส เอฬกโลมานิ อุปฺปชฺเชยฺยุํ, อากงฺขมาเนน ภิกฺขุนา ปฏิคฺคเหตพฺพานี’’ติ (ปารา. ๕๗๒) เอตานิ เกวลํ วตฺถุมตฺตทีปนปทานีติ นิรตฺถกานิ นาม, เตสํ อนาปตฺติ. ‘‘อทฺธานมคฺคํ อปฺปฏิปนฺนสฺส อุปฺปนฺเน เอฬกโลเม อนาปตฺติ, อากงฺขมาเนน ปฏิคฺคหิเต’’ติอาทินา นเยน ตทฺถา อนุทฺธรเณน นิปฺปโยชนภาโว ทีปิโต โหติ, ยทิทํ มาติกายํ ‘‘เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสเวยฺยา’’ติ, อิทํ สาตฺถกํ. ตสฺส ¶ สปฺปโยชนภาวทีปนตฺถํ ‘‘อนาปตฺติ อชานนฺตสฺส อสาทิยนฺตสฺสา’’ติ วุตฺตํ. ยสฺมา ชานนสาทิยนภาเวน อาปตฺติ, อเสวนฺตสฺส อนาปตฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ มาติกายํ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสเวยฺย, ปาราชิโก โหติ อสํวาโส’’ติ ¶ อธิปฺปาโย. ‘‘ปรปริคฺคหิตํ ปรปริคฺคหิตสฺิตา ครุปริกฺขาโร เถยฺยจิตฺตํ อวหรณ’’นฺติ วุตฺตานํ ปฺจนฺนมฺปิ องฺคานํ ปาริปูริยา เปตติรจฺฉานคตปริคฺคหิเต อาปตฺติปฺปโหนกฏฺาเนปิ วิสฺสชฺชนตฺถํ ‘‘อนาปตฺติ เปตปริคฺคหิเต’’ติอาทิ (กงฺขา. อฏฺ. ทุติยปาราชิกวณฺณนา) วุตฺตํ. อนาปตฺติ อิมํ ชาน, อิมํ เทหิ, อิมํ อาหร, อิมินา อตฺโถ, อิมํ กปฺปิยํ กโรหีติ ภณตีติอาทิ ปน ตทฺถา ปฏิปตฺติกฺกมทสฺสนตฺถํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. เอตฺตาวตา ‘‘นิทานมาติกาเภโท’’ติอาทินา วุตฺตคาถาย อตฺโถ ปกาสิโต โหติ.
เอตฺถ ปมปฺตฺติ ตาว ปมโพธึ อติกฺกมิตฺวา ปฺตฺตตฺตา, อายสฺมโต สุทินฺนสฺส อฏฺวสฺสิกกาเล ปฺตฺตตฺตา จ รตฺตฺุมหตฺตํ ปตฺตกาเล ปฺตฺตา. ทุติยอนุปฺตฺติ พาหุสจฺจมหตฺตํ ปตฺตกาเล อุปฺปนฺนา. โส หายสฺมา มกฺกฏิปาราชิโก ยถา มาตุคามปฏิสํยุตฺเตสุ สิกฺขาปเทสุ ติรจฺฉานคติตฺถี อนธิปฺเปตา, ตถา อิธาปีติ สฺาย ‘‘สจฺจํ, อาวุโส, ภควตา สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, ตฺจ โข มนุสฺสิตฺถิยา, โน ติรจฺฉานคติตฺถิยา’’ติ อาห. ตติยานุปฺตฺติ ลาภคฺคมหตฺตํ ปตฺตกาเล อุปฺปนฺนา. เต หิ วชฺชิปุตฺตกา ลาภคฺคมหตฺตํ ปตฺตา หุตฺวา ยาวทตฺถํ ภฺุชิตฺวา นฺหายิตฺวา วรสยเนสุ สยิตฺวา ตติยานุปฺตฺติยา วตฺถุํ อุปฺปาเทสุํ, เต จ เวปุลฺลมหตฺตํ ปตฺเต สงฺเฆ อุปฺปนฺนา, สยฺจ เวปุลฺลมหตฺตํ ปตฺตาติ ‘‘เวปุลฺลมหตฺตมฺเปตฺถ ลพฺภตี’’ติ วุตฺตํ. อิทํ ปมปาราชิกสิกฺขาปทํ ติวิธมฺปิ วตฺถุํ อุปาทาย จตุพฺพิธมฺปิ ตํ กาลํ ปตฺวา ปฺตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
ตตฺถ โย ปนาติ อนวเสสปริยาทานปทํ. ภิกฺขูติ ตสฺส อติปฺปสงฺคนิยมปทํ. ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโนติ ตสฺส วิเสสนวจนํ. น หิ สพฺโพปิ ภิกฺขุนามโก ยา ภควตา ยาย กายจิ อุปสมฺปทาย อุปสมฺปนฺนภิกฺขูนํ เหฏฺิมปริจฺเฉเทน สิกฺขิตพฺพสิกฺขา วิหิตา, ‘‘เอตฺถ สห ชีวนฺตี’’ติ โย จ อาชีโว วุตฺโต, ตํ อุภยํ สมาปนฺโนว โหติ. กทา ปน สมาปนฺโน อโหสิ? ยาย กายจิ อุปสมฺปทาย อุปสมฺปนฺนสมนนฺตรเมว ¶ ตทุภยํ ชานนฺโตปิ อชานนฺโตปิ ตทชฺฌุปคตตฺตา สมาปนฺโน นาม โหติ. สห ชีวนฺตีติ ยาว สิกฺขํ น ปจฺจกฺขาติ, ปาราชิกภาวฺจ น ปาปุณาติ, ยํ ปน วุตฺตํ อนฺธกฏฺกถายํ ‘‘สิกฺขํ ปริปูเรนฺโต สิกฺขาสมาปนฺโน สาชีวํ อวีติกฺกมนฺโต สาชีวสมาปนฺโน โหตี’’ติ, ตํ อุกฺกฏฺปริจฺเฉทวเสน วุตฺตํ. น หิ สิกฺขํ อปริปูเรนฺโต กามวิตกฺกาทิพหุโล วา เอกจฺจํ สาวเสสํ สาชีวํ วีติกฺกมนฺโต วา สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน นาม น โหติ. อุกฺกฏฺปริจฺเฉเทน ปน จตุกฺกํ ลพฺภติ อตฺถิ ภิกฺขุ สิกฺขาสมาปนฺโน สีลานิ ปจฺจเวกฺขนฺโต น สาชีวสมาปนฺโน อจิตฺตกํ สิกฺขาปทํ วีติกฺกมนฺโต, อตฺถิ น สิกฺขาสมาปนฺโน ¶ กามวิตกฺกาทิพหุโล สาชีวสมาปนฺโน นิราปตฺติโก, อตฺถิ น สิกฺขาสมาปนฺโน น จ สาชีวสมาปนฺโน อนวเสสํ อาปตฺตึ อาปนฺโน, อตฺถิ สิกฺขาสมาปนฺโน จ สาชีวสมาปนฺโน จ สิกฺขํ ปริปูเรนฺโต สาชีวฺจ อวีติกฺกมนฺโต, อยเมว จตุตฺโถ ภิกฺขุ อุกฺกฏฺโ อิธ อธิปฺเปโต สิยา. น หิ ภควา อนุกฺกฏฺํ วตฺตุํ ยุตฺโตติ เจ? น, ‘‘ตตฺร ยายํ อธิสีลสิกฺขา, อยํ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปตา สิกฺขา’’ติวจนวิโรธโต. อุกฺกฏฺคฺคหณาธิปฺปาเย สติ ‘‘สิกฺขาติ ติสฺโส สิกฺขา’’ติ เอตฺตกเมว วตฺตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. สิกฺขตฺตยสมาปนฺโน หิ สพฺพุกฺกฏฺโติ.
‘‘เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสเวยฺยา’’ติ ปรโต วจนํ อเปกฺขิตฺวา อธิสีลสิกฺขาว วุตฺตาติ เจ? น, ตสฺสาปิ อภพฺพตฺตา. น หิ อธิสีลสิกฺขํ ปริปูเรนฺโต สาชีวฺจ อวีติกฺกมนฺโต เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวิตุํ ภพฺโพ, ตํ สิกฺขํ อปริปูเรนฺโต สาชีวฺจ วีติกฺกมนฺโต เอว หิ ปฏิเสเวยฺยาติ อธิปฺปาโย, ตสฺมา เอวเมตฺถ อตฺโถ คเหตพฺโพ. ยสฺมา สิกฺขาปทสงฺขาโต สาชีโว อธิสีลสิกฺขเมว สงฺคณฺหาติ, เนตรํ อธิจิตฺตสิกฺขํ อธิปฺาสิกฺขํ วา, ตสฺมา ‘‘ตตฺร ยายํ อธิสีลสิกฺขา, อยํ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปตา สิกฺขา’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา อธิสีลสิกฺขาย สงฺคาหโก สาชีโว สิกฺขาสาชีโวติ วุตฺโต. อิติ สาชีววิเสสนตฺถํ สิกฺขาคฺคหณํ กตํ. ตทตฺถทีปนตฺถเมว วิภงฺเค สิกฺขํ อปรามสิตฺวา ‘‘ตสฺมึ สิกฺขติ, เตน วุจฺจติ สาชีวสมาปนฺโน’’ติ วุตฺตํ ¶ , เตน เอกเมวิทํ อตฺถปทนฺติ ทีปิตํ โหติ. ตฺจ อุปสมฺปทูปคมนนฺตรโต ปฏฺาย สิกฺขนาธิการตฺตา ‘‘สิกฺขตี’’ติ จ ‘‘สมาปนฺโน’’ติ จ วุจฺจติ. โย เอวํ ‘‘สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน’’ติ สงฺขฺยํ คโต, ตาทิสํ ปจฺจยํ ปฏิจฺจ อปรภาเค สาชีวสงฺขาตเมว สิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขาย, ตสฺมึเยว จ ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสเวยฺยาติ อยมตฺโถ ยุชฺชติ. กินฺตุ อฏฺกถานโย ปฏิกฺขิตฺโต โหติ. โส จ น ปฏิกฺเขปารโหติ เตน ตทนุสาเรน ภวิตพฺพํ.
อธิปฺปาโย ปเนตฺถ ปริเยสิตพฺโพ, โส ทานิ วุจฺจติ – สพฺเพสุปิ สิกฺขาปเทสุ อิทเมว ภิกฺขุลกฺขณํ สาธารณํ, ยทิทํ ‘‘ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน’’ติ. ขีณาสโวปิ สาวโก อาปตฺตึ อาปชฺชติ อจิตฺตกํ, ตถา เสกฺโข. ปุถุชฺชโน ปน สจิตฺตกมฺปิ, ตสฺมา เสกฺขาเสกฺขปุถุชฺชนภิกฺขูนํ สามฺมิทํ ภิกฺขุลกฺขณนฺติ กตฺวา เกวลํ สิกฺขาสมาปนฺโน, เกวลํ สาชีวสมาปนฺโน จ อุภยสมาปนฺโน จาติ สรูเปกเทเสกเสสนเยน ‘‘สิกฺขาสาชีวสมอาปนฺโน’’ตฺเวว สมฺปิณฺเฑตฺวา อุกฺกฏฺคฺคหเณน อนุกฺกฏฺานํ คหณสิทฺธิโต อฏฺกถายํ อุกฺกฏฺโว วุตฺโต. ตเมว สมฺปาเทตุํ ‘‘ตสฺมึ สิกฺขติ, เตน วุจฺจติ สาชีวสมาปนฺโน’’ติ เอตฺถ สิกฺขาปทสฺส ¶ อวจเน ปริหารํ วตฺวา ยสฺมา ปน โส อสิกฺขมฺปิ สมาปนฺโน, ตสฺมา สิกฺขาสมาปนฺโนติปิ อตฺถโต เวทิตพฺโพติ จ วตฺวา ‘‘ยํ สิกฺขํ สมาปนฺโน ตํ อปฺปจฺจกฺขาย ยฺจ สาชีวํ สมาปนฺโน ตตฺถ ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา’’ติ วุตฺตนฺติ อยมฏฺกถายํ อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ. เอตสฺมึ ปน อธิปฺปาเย อธิสีลสิกฺขาย เอว คหณํ สพฺพตฺถิกตฺตา, สีลาธิการโต จ วินยสฺสาติ เวทิตพฺพํ. ยถา จ สิกฺขาปทํ สมาทิยนฺโต สีลํ สมาทิยตีติ วุจฺจติ, เอวํ สิกฺขาปทํ ปจฺจกฺขนฺโต สีลสงฺขาตํ สิกฺขํ ปจฺจกฺขาตีติ วตฺตุํ ยุชฺชติ, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตํ ‘‘ยํ สิกฺขํ สมาปนฺโน, ตํ อปฺปจฺจกฺขายา’’ติ. สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย ปฏิเสวิตเมถุนสฺส อุปสมฺปทํ อนุชานนฺโต น สมูหนติ นาม. น หิ โส ภิกฺขุ หุตฺวา ปฏิเสวิ, ‘‘โย ปน ภิกฺขู’’ติ จ ปฺตฺตํ. เอตฺตาวตา สมาสโต ‘‘สิกฺขาสาชีวสมานฺโน’’ติ เอตฺถ วตฺตพฺพํ วุตฺตํ.
กึ อิมินา วิเสสวจเนน ปโยชนํ, นนุ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ สิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขาย ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา…เป… อสํวาโส’’ติ เอตฺตกเมว วตฺตพฺพนฺติ เจ ¶ ? น วตฺตพฺพํ อนิฏฺปฺปสงฺคโต. โย ปน สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน เถยฺยสํวาสาทิโก เกวเลน สมฺามตฺเตน, ปฏิฺามตฺเตน วา ภิกฺขุ, ตสฺสาปิ สิกฺขาปจฺจกฺขานํ อตฺถิ. สิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขาย จ เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวนฺตสฺส ปาราชิกาปตฺติ. โย วา ปจฺฉา ปาราชิกํ อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา น สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน ตสฺส จ, โย วา ปกฺขปณฺฑกตฺตา ปณฺฑกภาวูปคมเนน น สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน ตสฺส จ ตทุภยํ อตฺถีติ อาปชฺชติ. ‘‘ปณฺฑกภาวปกฺเข จ ปกฺขปณฺฑโก อุปสมฺปทาย น วตฺถู’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา อิตรสฺมึ ปกฺเข วตฺถูติ สิทฺธํ, ตสฺมึ ปกฺเข อุปสมฺปนฺโน ปณฺฑกภาวปกฺเข ปณฺฑกตฺตา น สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน, โส ปริจฺจชิตพฺพสิกฺขาย อภาเวน สิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขาย มุเขน ปรสฺส องฺคชาตคฺคหณาทโย เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสเวยฺย, ตสฺส กุโต ปาราชิกาปตฺตีติ อธิปฺปาโย. อยํ นโย อปณฺฑกปกฺขํ อลภมานสฺเสว ปรโต ยุชฺชติ, ลภนฺตสฺส ปน อรูปสตฺตานํ กุสลานํ สมาปตฺติกฺขเณ ภวงฺควิจฺเฉเท สติปิ อมรณํ วิย ปณฺฑกภาวปกฺเขปิ ภิกฺขุภาโว อตฺถิ. สํวาสํ วา สาทิยนฺตสฺส น เถยฺยสํวาสกภาโว อตฺถิ อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺนสฺส วิย. น จ สหเสยฺยาทิกํ ชเนติ. คณปูรโก ปน น โหติ อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺโน วิย, น โส สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน, อิตรสฺมึ ปน ปกฺเข โหติ, อยํ อิมสฺส ตโต วิเสโส. กิมยํ สเหตุโก, อุทาหุ อเหตุโกติ? น อเหตุโก. ยโต อุปสมฺปทา ตสฺส อปณฺฑกปกฺเข อนฺุาตา สเหตุกปฏิสนฺธิกตฺตา. ปณฺฑกภาวปกฺเขปิ กิสฺส นานฺุาตาติ เจ? ปณฺฑกภูตตฺตา โอปกฺกมิกปณฺฑกสฺส วิย.
อปิจ ¶ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโนติ อิมินา ตสฺส สิกฺขาสมาทานํ ทีเปตฺวา ตํ สมาทินฺนสิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขาย ตตฺถ จ ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวาติ วตฺตุํ ยุชฺชติ, น อฺถาติ อิมินา การเณน ยถาวุตฺตานิฏฺปฺปสงฺคโต ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน สิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขายา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยถา เจตฺถ, ตถา ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน สิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขาย ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา คามา วา อรฺา วา อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทิเยยฺย (ปารา. ๘๙), สุคตจีวรปฺปมาณํ จีวรํ การาเปยฺย อติเรกํ วา, เฉทนกํ ปาจิตฺติย’’นฺติอาทินา (ปาจิ. ๕๔๘) นเยน สพฺพตฺถ โยเชตพฺพํ ¶ . อนฺตมโส ติรจฺฉานคตายปีติ มนุสฺสิตฺถึ อุปาทาย วุตฺตํ. น หิ ‘‘ปเคว ปณฺฑเก ปุริเส วา’’ติ วตฺตุํ ยุชฺชติ. เสสํ ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตนยเมว.
อยํ ปมปาราชิกสฺส มาติกาย ตาว วินิจฺฉโย.
จตุพฺพิธวินยกถาวณฺณนา
๔๕. นีหริตฺวาติ เอตฺถ สาสนโต นีหริตฺวาติ อตฺโถ. ‘‘ปฺจหุปาลิ, องฺเคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา นานุยฺุชิตพฺพํ. กตเมหิ ปฺจหิ? สุตฺตํ น ชานาติ, สุตฺตานุโลมํ น ชานาตี’’ติ (ปริ. ๔๔๒) เอวมาทิโต หิ ปริยตฺติสาสนโต สุตฺตํ, สุตฺตานุโลมฺจ นีหริตฺวา ปกาเสสุํ. ‘‘อนาปตฺติ เอวํ อมฺหากํ อาจริยานํ อุคฺคโห ปริปุจฺฉาติ ภณตี’’ติ เอวมาทิโต ปริยตฺติสาสนโต อาจริยวาทํ นีหริตฺวา ปกาเสสุํ. ภารุกจฺฉกวตฺถุสฺมึ ‘‘อายสฺมา อุปาลิ เอวมาห – อนาปตฺติ, อาวุโส, สุปินนฺเตนา’’ติ (ปารา. ๗๘) เอวมาทิโต ปริยตฺติสาสนโต เอว อตฺตโนมตึ นีหริตฺวา ปกาเสสุํ. ตาย หิ อตฺตโนมติยา เถโร เอตทคฺคฏฺานํ ลภิ. อปิ จ วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘อนุปสมฺปนฺเนน ปฺตฺเตน วา อปฺตฺเตน วา วุจฺจมาโน…เป… อนาทริยํ กโรติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (ปาจิ. ๓๔๓). ตตฺถ หิ ปฺตฺตํ นาม สุตฺตํ. เสสตฺตยํ อปฺตฺตํ นาม. เตนายํ ‘‘จตุพฺพิธฺหิ วินยํ, มหาเถรา’’ติ คาถา สุวุตฺตา. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ นาคเสนตฺเถเรน. อาหจฺจปเทนาติ อฏฺ วณฺณฏฺานานิ อาหจฺจ วุตฺเตน ปทนิกาเยนาติ อตฺโถ, อุทาหเฏน กณฺโกฺกนฺเตน ปทสมูเหนาติ อธิปฺปาโย. รเสนาติ ตสฺส อาหจฺจภาสิตสฺส รเสน, ตโต อุทฺธเฏน วินิจฺฉเยนาติ อตฺโถ. สุตฺตจฺฉายา วิย หิ สุตฺตานุโลมํ. อาจริยวาโท ‘‘อาจริยวํโส’’ติ วุตฺโต ปาฬิยํ วุตฺตานํ อาจริยานํ ปรมฺปราย อาภโตว ปมาณนฺติ ทสฺสนตฺถํ. อธิปฺปาโยติ การโณปปตฺติสิทฺโธ อุหาโปหนยปฺปวตฺโต ¶ ปจฺจกฺขาทิปมาณปติรูปโก. อธิปฺปาโยติ เอตฺถ ‘‘อตฺตโนมตี’’ติ เกจิ อตฺถํ วทนฺติ.
ปริวารฏฺกถายํ ¶ , อิธ จ กิฺจาปิ ‘‘สุตฺตานุโลมํ นาม จตฺตาโร มหาปเทสา’’ติ วุตฺตํ, อถ โข มหาปเทสนยสิทฺธํ ปฏิกฺขิตฺตาปฏิกฺขิตฺตํ อนฺุาตานนฺุาตํ กปฺปิยากปฺปิยนฺติ อตฺถโต วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ ยสฺมา านํ โอกาโส ปเทโสติ การณเววจนานิ ‘‘อฏฺานเมตํ, อานนฺท, อนวกาโส’’ติอาทิ (ปารา. ๔๓) สาสนโต, ‘‘นิคฺคหฏฺาน’’นฺติ จ ‘‘อสนฺทิฏฺิฏฺาน’’นฺติ จ ‘‘อสนฺทิฏฺิ จ ปน ปเทโส’’ติ จ โลกโต, ตสฺมา มหาปเทสาติ มหาการณานีติ อตฺโถ. การณํ นาม าปโก เหตุ อิธาธิปฺเปตํ. มหนฺตภาโว ปน เตสํ มหาวิสยตฺตา มหาภูตานํ วิย. เต ทุวิธา วินยมหาปเทสา สุตฺตนฺติกมหาปเทสา จาติ. ตตฺถ วินยมหาปเทสา วินเย ปโยคํ คจฺฉนฺติ, อิตเร อุภยตฺถาปิ, เตเนว ปริวาเร อนุโยควตฺเต ‘‘ธมฺมํ น ชานาติ, ธมฺมานุโลมํ น ชานาตี’’ติ (ปริ. ๔๔๒) วุตฺตํ. ตตฺถ ธมฺมนฺติ เปตฺวา วินยปิฏกํ อวเสสปิฏกทฺวยํ. ธมฺมานุโลมนฺติ สุตฺตนฺติเก จตฺตาโร มหาปเทเส. ตตฺถ โย ธมฺมํ ธมฺมานุโลมฺเจว ชานาติ, น วินยํ วินยานุโลมฺจ, โส ‘‘ธมฺมํ รกฺขามี’’ติ วินยํ อุพฺพินยํ กโรติ, อิตโร ‘‘วินยํ รกฺขามี’’ติ ธมฺมํ อุทฺธมฺมํ กโรติ, อุภยํ ชานนฺโต อุภยมฺปิ สมฺปาเทติ.
ตตฺริทํ มุขมตฺตํ – ตตฺถ ปโม ‘‘โส เจ ปเวสนํ สาทิยติ, ปวิฏฺํ, ิตํ, อุทฺธรณํ สาทิยติ อาปตฺติ, น สาทิยติ อนาปตฺตี’’ติ เอตฺถ วิปฺปฏิปชฺชติ. โส หายสฺมา สุขเวทนียสฺส อุปาทินฺนโผฏฺพฺพสฺส, กายินฺทฺริยสฺส จ สมาโยเค สติ ปฏิวิชานนฺโต กายิกสุขเวทนุปฺปตฺติมตฺเตน สาทิยติ นามาติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ตสฺส อาปตฺติ ปาราชิกสฺสาติ อเสวนาธิปฺปายสฺสปิ อาปตฺติปฺปสงฺคํ กโรติ, ตถา ยสฺส สนฺถตตฺตา วา โยนิโทสวเสน วา ทุกฺขา อสาตา เวทนา, วาโตปหฏคตฺตตาย วา เนว กายิกเวทนา, ตสฺส ชานโต อชานโตปิ ‘‘อนาปตฺติ อสาทิยนฺตสฺสา’’ติ (ปารา. ๗๖) สุตฺตนฺตํ ทสฺเสตฺวา เสวนาธิปฺปายสฺสาปิ อนาปตฺติปฺปสงฺคํ กโรติ, ตถา ยทิ โมจนราเคน อุปกฺกมโต มุตฺเต สงฺฆาทิเสโส, ปเคว เมถุนราเคนาติ ทุกฺกฏฏฺานํ คเหตฺวา สงฺฆาทิเสสฏฺานํ กโรติ, เอวํ วินยํ อุพฺพินยํ กโรติ นาม. อิตโร ‘‘อนาปตฺติ อชานนฺตสฺสาติ วุตฺตตฺตา ชานโต ชานเนเนว ¶ สุขเวทนา โหตุ วา มา วา สาทิยนา โหตี’’ติ วตฺวา อเสวนาธิปฺปายสฺสปิ ชานโต อนาปตฺติฏฺาเน อาปตฺตึ กโรติ, อนวชฺชํ สาวชฺชํ กโรตีติ เอวํ ธมฺมํ อุทฺธมฺมํ กโรติ. อุภยํ ปน ชานนฺโต ‘‘ภิกฺขุสฺส เสวนจิตฺตํ อุปฏฺิเตติ (ปารา. ๕๗) วจนโต เสวนจิตฺตเมเวตฺถ ¶ ปมาณํ, ตสฺส ภาเวน อาปตฺติ ปาราชิกสฺส, อภาเวน อนาปตฺตี’’ติ วตฺวา อุภยมฺปิ รกฺขติ สมฺปาเทติ. อิมินา นเยน สพฺพสิกฺขาปเทสุ ยถาสมฺภวํ สปฺปโยชนา กาตพฺพา.
สงฺคีตึ อาโรเปตฺวา ปิตปาฬิโต วินิมุตฺตํ กตฺวา ปิตตฺตา ปาฬิวินิมุตฺตา อตฺถโต, นยโต, อนุโลมโต จ ปาฬิโอกฺกนฺตวินิจฺฉยปฺปวตฺตา อนุปวิฏฺวินิจฺฉยวเสน ปวตฺตาติ อตฺโถ. ‘‘น สมูหนิสฺสตี’’ติ ชานนฺโตปิ ภควา เกวลํ ‘‘เตสํ มตํ ปจฺฉิมา ชนตา มม วจนํ วิย ปมาณํ กโรตู’’ติ ทสฺสนตฺถฺจ ปรินิพฺพานกาเล เอวมาห ‘‘อากงฺขมาโน, อานนฺท, สงฺโฆ มมจฺจเยน ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ สมูหนตู’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๖), เตเนตํ สิทฺธํ ‘‘ปฺตฺตมฺปิ เจ สิกฺขาปทํ สมูหนิตุํ ยสฺส สงฺฆสฺส อนฺุาตํ ภควตา, ตสฺส ปฺตฺตานุโลมํ อติเรกตฺถทีปนํ, ปเควานฺุาตํ ภควตา’’ติ. กิฺจ ภิยฺโย อูนาติริตฺตสิกฺขาปเทสุ อาจริยกุเลสุ วิวาโท อฺมฺํ น กาตพฺโพติ ทสฺสนตฺถฺจ. กสฺมา สงฺโฆ น สมูหนีติ? อฺมฺํ วิวาทปฺปสงฺคทสฺสนโต. ภควตา จ ‘‘สพฺเพเหว สมคฺเคหิ สมฺโมทมาเนหิ อวิวทมาเนหิ สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ จ เอกจฺเจ เถรา เอวมาหํสูติ จ อฺวาททสฺสนโต วิวทมาเนหิ สิกฺขิตพฺพํ ชาตํ, ตทภาวตฺตมฺปิ ตฺติทุติยกมฺมวาจํ สาเวตฺวา อวิวทมาเนเหว สิกฺขิตพฺพํ อกาสิ.
อปิจาติ อตฺตโน มติยา ปากฏกรณตฺถํ อารมฺโภ. ตตฺถ ‘‘สุตฺตนฺตาภิธมฺมวินยฏฺกถาสู’’ติ วจนโต ปิฏกตฺตยสฺสปิ สาธารณา เอสา กถาติ เวทิตพฺพา, ‘‘อถ ปนายํ กปฺปิย’’นฺติอาทิ วินยสฺเสว. การกสงฺฆสทิสนฺติ สงฺคีติการกสงฺฆสทิสํ. ‘‘สุตฺตาทิจตุกฺกํ อปฺปจฺจกฺขาย เตน อวิรุทฺธสฺส กมฺมสฺส การกสงฺฆสทิส’’นฺติ ธมฺมสิริตฺเถรสฺส คณฺิปเท วุตฺตํ, ตํ อยุตฺตํ, ‘‘สุตฺตเมว พลวตรํ. สุตฺตฺหิ อปฺปฏิวตฺติยํ การกสงฺฆสทิส’’นฺติ เอเตหิ ปเทหิ อยุตฺตตฺตา. ปากติเก ¶ ปน คณฺิปเท ‘‘ตมตฺถํ วินิจฺฉินิตฺวา ตสฺส การกสงฺฆสทิส’’นฺติ วุตฺตํ. ปรวาทีติ อมฺหากํ สมยวิชานนโก อฺนิกายิโกติ วุตฺตํ. ปรวาที สุตฺตานุโลมนฺติ กถํ? ‘‘อฺตฺร อุทกทนฺตโปนา’’ติ (ปาจิ. ๒๖๖) สุตฺตํ สกวาทิสฺส, ตทนุโลมโต นาฬิเกรผลสฺส อุทกมฺปิ อุทกเมว โหตีติ ปรวาที จ.
‘‘นาฬิเกรสฺส ยํ โตยํ, ปุราณํ ปิตฺตพนฺธนํ;
ตเมว ตรุณํ โตยํ, ปิตฺตฆํ พลพนฺธน’’นฺติ. –
เอวํ ¶ ปรวาทินา วุตฺเต สกวาที ธฺผลสฺส คติกตฺตา, อาหารตฺถสฺส จ ผรณโต ‘‘ยาวกาลิกเมว ต’’นฺติ วทนฺโต ปฏิกฺขิปติ. ปโร อาจริยวาทนฺติ ‘‘สุงฺกํ ปริหรตีติ เอตฺถ อุปจารํ โอกฺกมิตฺวา กิฺจาปิ ปริหรติ, อวหาโร เอวา’’ติ อฏฺกถาวจนโต ‘‘ตถา กโรนฺโต ปาราชิกมาปชฺชตี’’ติ ปรวาทินา วุตฺเต สกวาที ‘‘สุงฺกํ ปริหรติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ สุตฺตํ ตตฺเถว อาคตมหาอฏฺกถาวจเนน สทฺธึ ทสฺเสตฺวา ปฏิเสเธติ, ตถา กโรนฺตสฺส ทุกฺกฏเมวาติ. ปโร อตฺตโนมตีติ เอตฺถ ‘‘ปุเรภตฺตํ ปรสนฺตกํ อวหราติ ปุเรภตฺตเมว หริสฺสามีติ วายมนฺตสฺส ปจฺฉาภตฺตํ โหติ, ปุเรภตฺตปโยโคว โส, ตสฺมา มูลฏฺโ น มุจฺจตีติ ตุมฺหากํ เถรวาทตฺตา มูลฏฺสฺส ปาราชิกเมวา’’ติ ปรวาทินา วุตฺเต สกวาที ‘‘ตํ สงฺเกตํ ปุเร วา ปจฺฉา วา ตํ ภณฺฑํ อวหรติ, มูลฏฺสฺส อนาปตฺตี’’ติ (ปารา. ๑๑๙) สุตฺตํ ทสฺเสตฺวา ปฏิกฺขิปติ.
ปโร สุตฺตนฺติ ‘‘อนิยตเหตุธมฺโม สมฺมตฺตนิยตเหตุธมฺมสฺส อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ สุตฺตํ ปฏฺาเน ลิขิตํ ทสฺเสตฺวา ‘‘อริยมคฺคสฺส น นิพฺพานเมวารมฺมณ’’นฺติ ปรวาทินา วุตฺเต สกวาที ‘‘อารมฺมณตฺติกาทิสุตฺตานุโลเม น โอตรตี’’ติ ปฏิกฺขิปติ. สุตฺตานุโลเม โอตรนฺตํเยว หิ สุตฺตํ นาม, เนตรํ. เตน วุตฺตํ ปาฬิอาคตํ ปฺายตีติ เอตฺตเกนปิ สิทฺเธ ติสฺโส สงฺคีติโย อารุฬฺหปาฬิอาคตํ ปฺายตี’’ติอาทิ. ตาทิสฺหิ ปมาทเลขนฺติ อาจริโย. ‘‘อปฺปมาโท อมตํ ปทํ, ปมาโท มจฺจุโน ปท’’นฺติ (ธ. ป. ๒๑; เนตฺติ. ๒๖) วจนโต ทินฺนโภชเน ภฺุชิตฺวา ปริสฺสยานิ ปริวชฺชิตฺวา สตึ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา วิหรนฺโต นิจฺโจ โหตีติ. เอวรูปสฺส ¶ อตฺถสฺส วเสน อารุฬฺหมฺปิ สุตฺตํ น คเหตพฺพํ, เตน วุตฺตํ โน เจ ตถา ปฺายตีติ สิทฺเธปิ ‘‘โน เจ ตถา ปฺายติ, น โอตรติ น สเมตี’’ติ. ‘‘พาหิรกสุตฺตํ วา’’ติ วุตฺตตฺตา อตฺตโน สุตฺตมฺปิ อตฺเถน อสเมนฺตํ น คเหตพฺพํ. ปโร อาจริยวาทนฺติอาทีสุ ทฺวีสุ นเยสุ ปมาทเลขวเสน ตตฺถ ตตฺถ อาคตฏฺกถาวจนํ เถรวาเทหิ สทฺธึ โยเชตฺวา เวทิตพฺพํ.
อถ ปนายํ อาจริยวาทํ. ปโร สุตฺตนฺติ ปรวาทินา ‘‘มูลพีชํ นาม หลิทฺทิ สิงฺคิเวรํ วจา…เป… พีเช พีชสฺี ฉินฺทติ วา เฉทาเปติ วา ภินฺทติ วา…เป… อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสาติ (ปาจิ. ๙๑) ตุมฺหากํ ปาตฺตา หลิทฺทิคณฺึ ฉินฺทนฺตสฺส ปาจิตฺติย’’นฺติ วุตฺเต สกวาที ‘‘ยานิ วา ปนฺานิ อตฺถิ มูเล สฺชายนฺตี’’ติอาทึ ทสฺเสตฺวา ตสฺส อฏฺกถาสงฺขาเตน อาจริยวาเทน ปฏิกฺขิปติ. น หิ คณฺิมฺหิ คณฺิ ชายตีติ. ปโร สุตฺตานุโลมนฺติ ปรวาทินา ‘‘อนาปตฺติ เอวํ อมฺหากํ อาจริยานํ อุคฺคโหติ วจนสฺสานุโลมโต ‘อมฺหากํ ¶ โปราณภิกฺขู เอกปาสาเท คพฺภํ ถเกตฺวา อนุปสมฺปนฺเนน สยิตุํ วฏฺฏตีติ ตถา กตฺวา อาคตา, ตสฺมา อมฺหากํ วฏฺฏตี’ติ ตุมฺเหสุ เอว เอกจฺเจสุ วทนฺเตสุ ตุมฺหากํ น กิฺจิ วตฺตุํ สกฺกา’’ติ วุตฺเต สกวาที ‘‘สุตฺตํ สุตฺตานุโลมฺจ อุคฺคหิตกานํเยว อาจริยานํ อุคฺคโห ปมาณ’’นฺติอาทิอฏฺกถาวจนํ ทสฺเสตฺวา ปฏิเสเธติ. ปโร อตฺตโนมตินฺติ ‘‘ทฺวารํ วิวริตฺวา อนาปุจฺฉา สยิเตสุ เก มุจฺจนฺตี’’ติ เอตฺถ ปน ทฺเวปิ ชนา มุจฺจนฺติ โย จ ยกฺขคหิตโก, โย จ พนฺธิตฺวา นิปชฺชาปิโตติ ตุมฺหากํ เถรวาทตฺตา อฺเ สพฺเพปิ ยถา ตถา วา นิปนฺนาทโยปิ มุจฺจนฺตีติ ปฏิเสเธติ.
อถ ปนายํ อตฺตโนมตึ. ปโร สุตฺตนฺติ ‘‘อาปตฺตึ อาปชฺชนฺตี’’ติ ปรวาทินา คุตฺเต สกวาที ‘‘ทิวา กิลนฺตรูโป มฺเจ นิสินฺโน ปาเท ภูมิโต อโมเจตฺวาว นิทฺทาวเสน นิปชฺชติ, ตสฺส อนาปตฺตี’’ติอาทิอฏฺกถาวจนํ (ปารา. อฏฺ. ๑.๗๗) ทสฺเสตฺวา เอกภงฺเคน นิปนฺนาทโยปิ มุจฺจนฺตีติ ปฏิเสเธติ. อถายํ อตฺตโนมตึ. ปโร สุตฺตานุโลมนฺติ ‘‘โทมนสฺสํ ปาหํ, เทวานมินฺท, ทุวิเธน วทามิ เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปีติอาทิวจเนหิ (ที. นิ. ๒.๓๖๐) สํสนฺทนโต สทารโปเส โทโส ตุมฺหากํ นตฺถิ, เตน ¶ วุตฺตํ ‘ปุตฺตทารสฺส สงฺคโห’’’ติ (ขุ. ปา. ๕.๖; สุ. นิ. ๒๖๕) ปรวาทินา วุตฺเต กิฺจาปิ สกวาที พหุสฺสุโต น โหติ, อถ โข ราคสหิเตเนว อกุสเลน ภวิตพฺพนฺติ ปฏิกฺขิปติ. เสเสสุปิ อิมินา นเยน อฺถาปิ อนุรูปโต โยเชตพฺพํ. อิทํ สพฺพํ อุปติสฺสตฺเถราทโย อาหุ. ธมฺมสิริตฺเถโร ปน ‘‘เอตฺถ ปโรติ วุตฺโต อฺนิกายิโก, โส ปน อตฺตโน สุตฺตาทีนิเยว อาหรติ. ตานิ สกวาที อตฺตโน สุตฺตาทิมฺหิ โอตาเรตฺวา สเจ สเมติ คณฺหาติ, โน เจ ปฏิกฺขิปตี’’ติ วทติ.
จตุพฺพิธวินยกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปทภาชนียวณฺณนา
สิกฺขาปทวิภงฺเค ปน กิฺจาปิ โย ปนาติ อนวเสสปริยาทานปทํ, ตถาปิ ภิกฺขูติ อิมินา ปรปเทน สมานาธิกรณตฺตา ตทนุรูปาเนวสฺส วิภงฺคปทานิ วุตฺตานิ. ภิกฺขุนิพฺพจนปทานิ ตีณิ กิฺจาปิ สภิกฺขุภาวสฺส, อภิกฺขุภาวสฺส จาติ ยสฺส กสฺสจิ ปพฺพชิตสฺส สาธารณานิ, ตถาปิ ‘‘อสุทฺโธ โหติ ปุคฺคโล อฺตรํ ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปนฺโน, ตฺเจ สุทฺธทิฏฺิ สมาโน อโนกาสํ การาเปตฺวา จาวนาธิปฺปาโย วเทติ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสเสน ทุกฺกฏสฺสา’’ติ เอวมาทิสุตฺตํ นิพฺพจนตฺถยุตฺโตว ปุคฺคโล ‘‘อาปตฺติ สงฺฆาทิเสเสน ¶ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (ปารา. ๓๘๙) เอตฺถ วตฺถุ, น อิตโร คิหิภูโตติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. สพฺพสฺสปิ วินยปิฏกสฺส สาธารณํ ภิกฺขุลกฺขณํ วตฺถฺุหิ ภควา อารภิ. โย ปน สุทฺโธ เอว สมาโน เกนจิ การเณน คิหิลิงฺเค ิโต, โส อตฺตโน สภิกฺขุภาวตฺตา เอว วตฺถุ โหติ, อสุทฺโธปิ ภิกฺขุลิงฺเค ิตตฺตาติ อยมตฺโถ ทสฺสิโต โหติ. อสุทฺโธปิ าตเกหิ, ปจฺจตฺถิเกหิ วา ราชภยาทิการเณน วา กาสาเวสุ สอุสฺสาโหว อปนีตกาสาโว วตฺถุ เอว ปุน กาสาวคฺคหเณน เถยฺยสํวาสกภาวานุปคมนโต, ภิกฺขุนิพฺพจนตฺเถ อนิกฺขิตฺตธุรตฺตาติ วุตฺตํ โหติ. โย ปน ลิงฺคตฺเถนโก ภิกฺขุนิพฺพจนตฺถํ สยฺจ อชฺฌุปคโต, สํวาสํ เถเนนฺโต, ตฺเจ สุทฺธทิฏฺิ สมาโน อโนกาสํ การาเปตฺวา จาวนาธิปฺปาโย วเทติ, อาปตฺติ ¶ สงฺฆาทิเสเสน ทุกฺกฏสฺสาติ อยมฺปิ อตฺโถ ทสฺสิโต โหติ.
‘‘สมฺาย ภิกฺขุ ปฏิฺาย ภิกฺขู’’ติ วจนทฺวยํ ยถาวุตฺตฺจ อตฺถํ อุปพฺรูเหติ, อนฺตรา อุปฺปนฺนาย นิยตาย มิจฺฉาทิฏฺิยา อุปจฺฉินฺนกุสลมูโล เกวลาย สมฺาย, ปฏิฺาย จ ‘‘ภิกฺขู’’ติ วุจฺจติ, น ปรมตฺถโตติ อิมํ อติเรกตฺถํ ทีเปติ. กึ วุตฺตํ โหติ? ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อฺํ เอกธมฺมมฺปิ สมนุปสฺสามิ, ยํ เอวํ มหาสาวชฺชํ ยถยิทํ, ภิกฺขเว, มิจฺฉาทิฏฺิ. มิจฺฉาทิฏฺิปรมานิ, ภิกฺขเว, มหาวชฺชานี’’ติ อาหจฺจภาสิตํ สงฺคีติตฺตยารุฬฺหํ สุตฺตํ, อฏฺกถายมฺปิสฺส ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิปรมา เอเตสนฺติ มิจฺฉาทิฏฺิปรมานี’’ติ (อ. นิ. ๑.๓๑๐) วุตฺตํ. ปฺจ อานนฺตริยกมฺมานิ มหาสาวชฺชานิ, มิจฺฉาทิฏฺิ ปน มหาสาวชฺชตราติ อธิปฺปาโยติ. กสฺมา? เตสฺหิ ปริจฺเฉโท อตฺถิ, สพฺพพลวมฺปิ กปฺปฏฺิติกเมว โหติ, นิยตมิจฺฉาทิฏฺิยา ปน ปริจฺเฉโท นตฺถิ, ตาย สมนฺนาคตสฺส ภวโต วุฏฺานํ นตฺถิ, ตสฺมา ‘‘อิมสฺส ภิกฺขุกรณา กุสลา ธมฺมา สํวิชฺชนฺตี’’ติ วา ‘‘สุทฺโธวาย’’นฺติ วา น สกฺกา วตฺตุํ. ‘‘ทิฏฺิวิปตฺติปจฺจยา ทฺเว อาปตฺติโย อาปชฺชตี’’ติ วุตฺตตฺตา น สกฺกา ‘‘อสุทฺโธ’’ติ วา ‘‘อฺตรํ ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปนฺโน’’ติ วา วตฺตุํ. เอส หิ อุโภปิ ปกฺเข น ภชติ, เตน วุตฺตํ ‘‘สมฺาย, ปฏิฺาย จ ภิกฺขุ, น ปรมตฺถโต’’ติ.
กิมตฺถํ ปเนวํ มหาสาวชฺชาย นิยตมิจฺฉาทิฏฺิยา ปาราชิกํ ภควา น ปฺเปสีติ? ทุพฺพิชานตฺตา. ปกติยาเปสา ทิฏฺิ นาม ‘‘สมฺมา’’ติ วา ‘‘มิจฺฉา’’ติ วา ทุวิฺเยฺยา, ปเคว ‘‘นิยตา’’ติ วา ‘‘อนิยตา’’ติ วาติ. ตตฺถ ปาราชิกาปตฺติยา ปฺตฺตาย ภิกฺขู อฺมฺํ อสมทิฏฺิกํ ปาราชิกํ มฺมานา อุโปสถาทีนิ อกตฺวา อจิเรเนว ¶ สาสนํ วินาเสยฺยุํ, สยฺจ อปฺุํ ปสเวยฺยุํ สุทฺเธสุปิ ภิกฺขูสุ วิปฺปฏิปตฺติยา ปฏิปชฺชเนน. ตสฺมา อุปายกุสลตาย ปาราชิกํ อปฺาเปตฺวา ตสฺส อุกฺเขปนียกมฺมํ, สมฺมาวตฺตฺจ ปฺาเปตฺวา ตํ สงฺเฆน อสมฺโภคํ, อสํวาสฺจ อกาสิ. ภควา หิ ตสฺส เจ เอสา ทิฏฺิ อนิยตา, สมฺมาวตฺตํ ปูเรตฺวา โอสารณํ ลภิตฺวา ปกตตฺโต ภเวยฺย. นิยตา เจ, อฏฺานเมตํ อนวกาโส, ยํ โส นิยตมิจฺฉาทิฏฺิโก สมฺมาวตฺตํ ปูเรตฺวา โอสารณํ ลภิตฺวา ปกตตฺโต ภเวยฺย. เกวลํ ‘‘สมฺายภิกฺขุ ¶ ปฏิฺายภิกฺขู’’ติ นามมตฺตธารโก หุตฺวา ปรํ มรณา อริฏฺโ วิย สํสารขาณุโกว ภวิสฺสตีติ อิมํ นยํ อทฺทส.
อฏฺสุ อุปสมฺปทาสุ ติสฺโสเวตฺถ วุตฺตา, น อิตรา ปาฏิปุคฺคลตฺตา, ภิกฺขูนํ อสนฺตกตฺตา จ. ตตฺถ หิ โอวาทปฏิคฺคหณปฺหพฺยากรณูปสมฺปทา ทฺวินฺนํ เถรานํ เอว, เสสา ติสฺโส ภิกฺขุนีนํ สนฺตกาติ อิธ นาธิปฺเปตา, ติสฺสนฺนมฺปิ อุปสมฺปทานํ มชฺเฌ ‘‘ภทฺโร ภิกฺขู’’ติอาทีนิ จตฺตาริ ปทานิ วุตฺตานิ ติสฺสนฺนํ สาธารณตฺตา. เอหิภิกฺขุภาเวน วา สรณคมนตฺติจตุตฺเถน วา อุปสมฺปนฺโน หิ ภทฺโร จ สาโร จ เสกฺโข จ อเสกฺโข จ โหติ, อุปสมฺปทวจนํ ปน เนสํ สาวกภาวทีปนตฺถํ. อิเม เอว หิ อาปตฺตึ อาปชฺชนฺติ, น สมฺมาสมฺพุทฺธา, ปจฺเจกพุทฺธา จ.
อยํ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปโตติ เอตฺถ จ อาปตฺตึ อาปชฺชิตุํ ภพฺพา ตฺติจตุตฺเถเนว กมฺเมน อุปสมฺปนฺนา. น หิ อฺเ เอหิภิกฺขุสรณคมนโอวาทปฏิคฺคหณปฺหพฺยากรณาหิ อุปสมฺปนฺนา อาปตฺตึ อาปชฺชิตุํ ภพฺพา, เตเนเต ปฏิกฺขิปิตฺวา ‘‘อยํ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปโต ภิกฺขู’’ติ อนฺติโมว วุตฺโตติ กิร ธมฺมสิริตฺเถโร, ตํ อยุตฺตํ. ‘‘ทฺเว ปุคฺคลา อภพฺพา อาปตฺตึ อาปชฺชิตุํ พุทฺธา จ ปจฺเจกพุทฺธา จา’’ติ (ปริ. ๓๒๒) เอตฺตกเมว วุตฺตนฺติ. อฺถา เอหิภิกฺขุอาทโยปิ วตฺตพฺพา สิยุํ. กิฺจ ภิยฺโย ‘‘ทฺเว ปุคฺคลา ภพฺพา อาปตฺตึ อาปชฺชิตุํ ภิกฺขู จ ภิกฺขุนิโย จา’’ติ สามฺเน วุตฺตตฺตา จ, อปิจ อาปตฺติภยฏฺานทสฺสนโต จ. กถํ? อายสฺมา สาริปุตฺโต อาวสถปิณฺฑํ กุกฺกุจฺจายนฺโต น ปฏิคฺคเหสิ, จีวรวิปฺปวาสภยา จ สพฺพํ ติจีวรํ คเหตฺวา นทึ ตรนฺโต มนํ วุฬฺโห อโหสิ มหากสฺสโป. กิฺจ สรณคมนูปสมฺปทาย อุปสมฺปนฺเน อารพฺภ สทฺธิวิหาริกวตฺตาทีนิ อสมฺมาวตฺตนฺตานํ เนสํ ทุกฺกฏานิ จ ปฺตฺตานิ ทิสฺสนฺติ, ตสฺมา ทุพฺพิจาริตเมตํ. อยํ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปโต ภิกฺขูติ ปฏิกฺขิตฺตาย สรณคมนูปสมฺปทาย อนฺุาตปฺปสงฺคภยาติ อุปติสฺสตฺเถโร, อาปตฺติยา ภพฺพตํ สนฺธาย ตสฺมิมฺปิ วุตฺเต ปุพฺเพ ปฏิกฺขิตฺตาปิ สา ปุน เอวํ วทนฺเตน อนฺุาตาติ ภิกฺขูนํ มิจฺฉาคาโห วา วิมติ วา อุปฺปชฺชติ ¶ , ตสฺมา น วุตฺตาติ วุตฺตํ โหติ, ตํ ‘‘ภิกฺขุนี นาม อุภโตสงฺเฆ อุปสมฺปนฺนา’’ติ (ปาจิ. ๑๖๑) อิมินา สเมติ. อิทฺหิ สากิยาทีนํ อนฺุาตอุปสมฺปทาย อนุปฺปพนฺธภยา วุตฺตํ.
อยํ ¶ ปเนตฺถ อมฺหากํ ขนฺติ – ภิกฺขุ-ปทนิทฺเทสตฺตา ยตฺตกานิ เตน ปเทน สงฺคหํ คจฺฉนฺติ, เย จ วินยปิฏเก ตตฺถ ตตฺถ สนฺทิสฺสนฺติ สยํ อาปตฺตาปชฺชนฏฺเน วา ทุฏฺุลฺลาโรจนปฏิจฺฉาทนาทีสุ ปเรสํ อาปตฺติกรณฏฺเน วา, เต สพฺเพปิ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยทิทํ ตสฺส ภิกฺขุ-ปทสฺส วิเสสนตฺถํ วุตฺตํ ปรปทํ ‘‘สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน’’ติ, ตสฺส วเสน อิทํ วุตฺตํ ‘‘อยํ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปโต ภิกฺขู’’ติ. โส เอว หิ กมฺมวาจานนฺตรเมว สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน โหติ ตโต ปฏฺาย สอุทฺเทสสิกฺขาปทานํ อุปฺปตฺติทสฺสนโต, ตสฺเสว จ สิกฺขาปจฺจกฺขานํ ทิสฺสติ, เนตรสฺส. ตสฺเสว จ สิกฺขาปจฺจกฺขานํ สมฺภวติ ‘‘อุลฺลุมฺปตุ มํ, ภนฺเต, สงฺโฆ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ (มหาว. ๗๑, ๑๒๖) วตฺวา สมาทินฺนตฺตา, ตสฺเสว จ อุปสมฺปนฺนสมนนฺตรเมว อกรณียนิสฺสยาจิกฺขนทสฺสนโต, วินยํ ปาติโมกฺขํ อุทฺเทสํ ปจฺจกฺขามีติอาทิสิกฺขาปจฺจกฺขานลกฺขณปาริปูริโต จาติ สิกฺขาปจฺจกฺขานํ อุปาทาย โส เอว อิธาธิปฺเปโตติ วุตฺตํ โหติ.
ยสฺมา ปนสฺส สิกฺขาปจฺจกฺขานํ สพฺพถา ยุชฺชติ, ตสฺมา ‘‘สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย ตํ ตํ วตฺถุํ วีติกฺกมนฺตสฺส ตโต ตโต อาปตฺติโต อนาปตฺติ, อิตรสฺส อาปตฺตี’’ติ วตฺตุํ ยุชฺชติ, ตสฺมา ‘‘ยตฺถ ยตฺถ สาวชฺชปฺตฺติ, อนวชฺชปฺตฺติ วา, อยํ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปโต ภิกฺขูติ วุจฺจติ, ตตฺถ ตตฺถ ตทชฺฌาจารตฺเถนายเมว ตฺติจตุตฺเถน อุปสมฺปนฺโน อธิปฺเปโต นามา’’ติ วตฺตุํ ยุชฺชตีติ เวทิตพฺพํ. เอวํ สนฺเต ยํ วุตฺตํ ‘‘ยาย กายจิ อุปสมฺปทาย อยํ อิมสฺมึ ‘เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวิตฺวา ปาราชิโก โหตี’ติ อตฺเถ ภิกฺขูติ อธิปฺเปโต’’ติ, ตมฺปิ น วตฺตพฺพเมว. กถํ โหติ? วิโรธโทโสปิ ปริหโต โหติ. กถํ? สเจ ตฺติจตุตฺเถน อุปสมฺปนฺโน เอว อิธาธิปฺเปโต ‘‘ภิกฺขู’’ติ จ ‘‘อุปสมฺปนฺโน’’ติ จ, เตน น อุปสมฺปนฺโน อนุปสมฺปนฺโน นามาติ กตฺวา ตฺติจตุตฺถกมฺมโต อฺถา อุปสมฺปนฺนา นาม มหากสฺสปตฺเถราทโย อิตเรสํ อนุปสมฺปนฺนฏฺาเน ตฺวา สหเสยฺยปทโสธมฺมาปตฺตึ ชเนยฺยุํ, โอมสนาทิกาเล จ ทุกฺกฏเมว ชเนยฺยุนฺติ เอวมาทิโก วิโรธโทโส ปริหโต โหตีติ สพฺพํ อาจริโย วทติ. มงฺคุรจฺฉวิ นาม สาโม.
ยสฺมา ¶ เต อติมหนฺโต ชาติมโท จิตฺตํ ปริยุฏฺาติ, ตสฺมา ตุมฺเหหิ มม สาสเน เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ¶ . ‘‘สาตสหคตา ปมชฺฌานสุขสหคตา อสุเภ จ อานาปาเน จา’’ติ คณฺิปเท วุตฺตํ. อุทฺธุมาตกสฺาติ อุทฺธุมาตกนิมิตฺเต ปฏิลทฺธปมชฺฌานสฺา. รูปสฺาติ ปถวีกสิณาทิรูปาวจรชฺฌานสฺา. โส ตํ พฺยากาสิ ‘‘อวิภูตา, ภนฺเต, อุทฺธุมาตกสฺา อวฑฺฒิตพฺพตฺตา อสุภานํ, วิภูตา, ภนฺเต, รูปสฺา วฑฺฒิตพฺพตฺตา กสิณาน’’นฺติ. ปฺจอุปสมฺปทกฺกโม มหาวคฺคา คหิโต. ตฺติจตุตฺเถนาติ เอตฺถ กิฺจาปิ ตฺติ สพฺพปมํ วุจฺจติ, ติสฺสนฺนํ ปน อนุสฺสาวนานํ อตฺถพฺยฺชนเภทาภาวโต อตฺถพฺยฺชนภินฺนา ตฺติตาสํ จตุตฺถาติ กตฺวา ‘‘ตฺติจตุตฺถ’’นฺติ วุจฺจติ. พฺยฺชนานุรูปเมว อฏฺกถาย ‘‘ตีหิ อนุสฺสาวนาหิ เอกาย จ ตฺติยา’’ติ วุตฺตํ, อตฺถปวตฺติกฺกเมน ปเทน ปน ‘‘เอกาย ตฺติยา ตีหิ อนุสฺสาวนาหี’’ติ วตฺตพฺพํ. ยสฺมา ปเนตฺถ ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, กมฺมานิ (มหาว. ๓๘๔), ฉ อิมานิ, ภิกฺขเว, กมฺมานิ อธมฺมกมฺมํ วคฺคกมฺม’’นฺติ (มหาว. ๓๘๗) วจนโต กุปฺปกมฺมมฺปิ กตฺถจิ ‘‘กมฺม’’นฺติ วุจฺจติ ตสฺมา ‘‘อกุปฺเปนา’’ติ วุตฺตํ.
ยสฺมา อกุปฺปมฺปิ เอกจฺจํ น านารหํ, เยน อปฺปตฺโต โอสารณํ ‘‘โสสาริโต’’ติ จมฺเปยฺยกฺขนฺธเก (มหาว. ๓๙๕ อาทโย) วุจฺจติ, ตสฺมา ‘‘านารเหนา’’ติ วุตฺตํ. ยทิ เอวํ ‘‘านารเหนา’’ติ อิทเมว ปทํ วตฺตพฺพํ, น ปุพฺพปทํ อิมินา อกุปฺปสิทฺธิโตติ เจ? ตํ น, อฏฺานารเหน อกุปฺเปน อุปสมฺปนฺโน อิมสฺมึ อตฺเถ อนธิปฺเปโตติ อนิฏฺปฺปสงฺคโต. ทฺวีหิ ปเนเตหิ เอกโต วุตฺเตหิ อยมตฺโถ ปฺายติ ‘‘เกวลํ เตน อกุปฺเปน อุปสมฺปนฺโน อยมฺปิ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปโต ‘ภิกฺขู’ติ, านารเหน จ อุปสมฺปนฺโน อยมฺปิ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปโต ‘ภิกฺขู’ติ, กุปฺเปน อุปสมฺปนฺโน นาธิปฺเปโต’’ติ. เตนายมฺปิ อตฺโถ สาธิโต โหติ ‘‘โย ปน, ภิกฺขุ, ชานํ อูนวีสติวสฺสํ ปุคฺคลํ อุปสมฺปาเทยฺย, โส จ ปุคฺคโล อนุปสมฺปนฺโน’’ติ (ปาจิ. ๔๐๓) วจนโต ยาว น ายติ, ตาว สมฺายภิกฺขุปฏิฺายภิกฺขุภาวํ อุปคโตปิ น ปุพฺเพ ทสฺสิตสมฺายภิกฺขุปฏิฺายภิกฺขุ วิย อฺเสํ ภิกฺขูนํ อุปสมฺปนฺนฏฺาเน ตฺวา โอมสนปาจิตฺติยาทิวตฺถุ โหติ, เกวลํ อนุปสมฺปนฺนฏฺาเน ตฺวา ‘‘อนุปสมฺปนฺเน อุปสมฺปนฺนสฺี ¶ ปทโส ธมฺมํ วาเจติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติอาทิ (ปาจิ. ๔๗) อาปตฺติวตฺถุเมว หุตฺวา ติฏฺติ. อกุปฺเปน อุปสมฺปนฺโน ปน ปจฺฉา ปาราชิโกปิ ชาติโต อุปสมฺปนฺนฏฺาเน ติฏฺตีติ ‘‘ปณฺฑโก, ภิกฺขเว, อนุปสมฺปนฺโน น อุปสมฺปาเทตพฺโพ, อุปสมฺปนฺโน นาเสตพฺโพ’’ติอาทินา (มหาว. ๑๐๙) นเยน วุตฺเตสุ ปน วชฺชนียปุคฺคเลสุ โกจิ ปุคฺคโล ‘‘อุปสมฺปนฺโน’’ติ วุจฺจติ, โนปิ อุปสมฺปนฺนฏฺาเน ติฏฺติ, โกจิ ติฏฺตีติ เวทิตพฺพํ.
เอตฺถ ¶ ปน อตฺถิ กมฺมํ อกุปฺปํ านารหํ, อตฺถิ านารหํ นากุปฺปํ, อตฺถิ อกุปฺปฺเจว น านารหฺจ, อตฺถิ นากุปฺปํ น จ านารหนฺติ อิทํ จตุกฺกํ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ ปมํ ตาว วุตฺตํ, ตติยจตุตฺถานิ ปากฏานิ. ทุติยํ ปริยาเยน ภิกฺขุนิสงฺฆโต เอกโตอุปสมฺปนฺนาย ลิงฺคปริวตฺเต สติ ลพฺภติ. ตสฺส หิ ปุคฺคลสฺส ปุพฺเพ สิกฺขมานกาเล ลทฺธํ ตฺติจตุตฺถอุปสมฺปทากมฺมํ กิฺจาปิ อกุปฺปฺเจว านารหฺจ, ปุริสลิงฺเค ปน ปาตุภูเต ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตํเยว อุปชฺฌํ ตเมว อุปสมฺปท’’นฺติ (ปารา. ๖๙) เอตฺถ อปริยาปนฺนตฺตา ตสฺส ปุคฺคลสฺส เกวลํ สามเณรภาวาปตฺติโต กมฺมํ ทานิ กุปฺปํ ชาตนฺติ วุจฺจติ. ลิงฺคปริวตฺเตน จีวรสฺส อธิฏฺานวิชหนํ วิย ตสฺส ปุคฺคลสฺส ภิกฺขุนิสงฺเฆน กตาย อุปสมฺปทาย วิชหนํ โหตีติ เวทิตพฺพํ, อฺถา โส ปุคฺคโล อุปสมฺปนฺโน ภิกฺขูติ อาปชฺชติ. อถ วา ลิงฺคปริวตฺเต อสติปิตํ เอกโตอุปสมฺปทากมฺมํ กุปฺปติ, ยถาาเน น ติฏฺติ. ตสฺมา น ตาว สา ‘‘ภิกฺขุนี’’ติ สงฺขฺยํ คจฺฉติ. ยสฺมา อฺตรํ ปาราชิกํ ธมฺมํ อาปชฺชิตฺวาปิ อนาปชฺชิตฺวาปิ อุปฺปพฺพชิตุกามตาย คิหิลิงฺคํ สาทิยนฺติยา ปุนปิ อุปสมฺปทา อุภโตสงฺเฆ ลพฺภติ, ตสฺมา เตน ปริยาเยน ‘‘กุปฺปตีติ กุปฺป’’นฺติ วุจฺจติ, ยถาวุตฺตกมฺมโทสาภาวโต ปน ‘‘านารห’’นฺติ. ภิกฺขุนี ปน คิหิลิงฺคํ สาทิยนฺติกาเล น ปุริสลิงฺคปาตุภาเว สติ ภิกฺขูสุ อุปสมฺปทํ ลพฺภตีติ สาธกํ การณํ น ทิสฺสติ, สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย อุปฺปพฺพชิตา เจ, ลภตีติ เอเก, ตํ ปนายุตฺตํ ภิกฺขุนิยา สิกฺขาปจฺจกฺขนาภาวโตติ อมฺหากํ ขนฺตีติ อาจริโย. ‘‘ยถา ‘กตฺตพฺพ’นฺติ วุตฺตํ, ตถา อกเต กุปฺปตีติ กตฺวา กรณํ สตฺถุสาสน’’นฺติ คณฺิปเท วุตฺตํ. ยตฺถ ยตฺถ ‘‘คณฺิปเท’’ติ วุจฺจติ, ตตฺถ ตตฺถ ‘‘ธมฺมสิริตฺเถรสฺส คณฺิปเท’’ติ คเหตพฺพํ.
สาชีวปทภาชนียวณฺณนา
‘‘มหาโพธิสตฺตา ¶ นิยตา’’ติ วุตฺตํ อนุคณฺิปเท. ยตฺถ ‘‘อนุคณฺิปเท’’ติ, ตตฺถ ‘‘วชิรพุทฺธิตฺเถรสฺสา’’ติ คเหตพฺพํ. สาวกโพธิปจฺเจกโพธิสมฺมาสมฺโพธีติ วา ตีสุ โพธีสุ สมฺมาสมฺโพธิยํ สตฺตา โพธิสตฺตา มหาโพธิสตฺตา นาม. ปาติโมกฺขสีลพหุกตฺตา, ภิกฺขุสีลตฺตา, กิเลสปิทหนวเสน วตฺตนโต, อุตฺตเมน ภควตา ปฺตฺตตฺตา จ อธิกํ, พุทฺธุปฺปาเทเยว ปวตฺตนโต อุตฺตมนฺติ อฺตรสฺมึ คณฺิปเท. กิฺจาปิ ปจฺเจกพุทฺธาปิ ธมฺมตาวเสน ปาติโมกฺขสํวรสีเลน สมนฺนาคตาว โหนฺติ, ตถาปิ ‘‘พุทฺธุปฺปาเทเยว ปวตฺตตี’’ติ นิยมิตํ เตน ปริยาเยนาติ. เตนาห ‘‘น หิ ¶ ตํ ปฺตฺตึ อุทฺธริตฺวา’’ติอาทิ. ปาติโมกฺขสํวรโตปิ จ มคฺคผลสมฺปยุตฺตเมว สีลํ อธิสีลํ, ตํ ปน อิธ อนธิปฺเปตํ. น หิ ตํ ปาติโมกฺขุทฺเทเสน สงฺคหิตนฺติ. สมนฺตภทฺรกํ การณวจนํ สพฺพสิกฺขาปทานํ สาธารณลกฺขณตฺตา อิมิสฺสา อนุปฺตฺติยา อริยปุคฺคลา จ เอกจฺจํ อาปตฺตึ อาปชฺชนฺตีติ สาธิตเมตํ, ตสฺมา ‘‘น หิ ตํ สมาปนฺโน เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวตี’’ติ อฏฺกถาวจนํ อสมตฺถํ วิย ทิสฺสตีติ? นาสมตฺถํ, สมตฺถเมว ยสฺมึ ยสฺมึ สิกฺขาปเท สาสา วิจารณา, ตสฺส ตสฺเสว วเสน อฏฺกถาย ปวตฺติโต. ตถา หิ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) อุทกุกฺเขปสีมาธิกาเร ‘‘ติมณฺฑลํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา อนฺตรวาสกํ อนุกฺขิปิตฺวา อุตฺตรนฺติยา ภิกฺขุนิยา’’ติ วุตฺตํ ภิกฺขุนิวิภงฺเค อาคตตฺตา. เอเสว นโย อฺเปิ เอวรูเปสุ. กิมตฺถนฺติ เจ ตํ? ปาฬิกฺกมานุวตฺตเนน ปาฬิกฺกมทสฺสนตฺถํ. ตตฺริทํ สมาสโต อธิปฺปายทีปนํ – ปทโสธมฺมสิกฺขาปทสฺส ติกปริจฺเฉเท อุปสมฺปนฺเน อุปสมฺปนฺนสฺี, อนาปตฺติ, อกฏานุธมฺมสิกฺขาปทวเสน อุปสมฺปนฺเน อุกฺขิตฺตเก สิยา อาปตฺติ, ตถา สหเสยฺยสิกฺขาปเทติ เอวมาทิ. อตฺโถ ปเนตฺถ ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ.
ยํ วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘ตโตปิ จ มคฺคผลจิตฺตเมว อธิจิตฺตํ, ตํ ปน อิธ อนธิปฺเปต’’นฺติ จ, ‘‘ตโตปิ จ มคฺคผลปฺาว อธิปฺา, สา ปน อิธ อนธิปฺเปตา. น หิ ตํสมาปนฺโน ภิกฺขุ เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวตี’’ติ. ‘‘ตตฺร ยายํ อธิสีลสิกฺขา, อยํ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปตา สิกฺขา’’ติ อิมาย ปาฬิยา วิรุชฺฌติ. อยฺหิ ปาฬิ อธิสีลสิกฺขาว อิธ อธิปฺเปตา, น ¶ อิตราติ ทีเปติ. อฏฺกถาวจนํ ตาสมฺปิ ติณฺณํ โลกิยานํ อธิปฺเปตตํ ทีเปติ. อยํ ปเนตฺถ อฏฺกถาธิปฺปาโย – ติสฺโสปิ โลกิยา สิกฺขา อิมสฺมึ ปมปาราชิเก สมฺภวนฺติ, กาเลนาปิ อธิจิตฺตปฺาลาภี ภิกฺขุ ตถารูปํ อสปฺปายํ ปจฺจยํ ปฏิจฺจ ตโต ตโต อธิจิตฺตโต, อธิปฺาโต จ อาวตฺติตฺวา สีลเภทํ ปาปุเณยฺยาติ านเมตํ วิชฺชติ, น โลกุตฺตรจิตฺตปฺาลาภี, อยํ นโย อิตเรสุปิ สพฺเพสุ อทินฺนาทานาทีสุ สจิตฺตเกสุ ลพฺภติ, อจิตฺตเกสุ ปน อิตโรปิ. ตถาปิ เกวลํ วินยปิฏกสฺส, ปาติโมกฺขสีลสฺส จ สงฺคาหกตฺตา ‘‘สิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขายา’’ติ อิมสฺมึ อุตฺตรปเท ปจฺจกฺขานารหา อธิสีลสิกฺขาว โลกิยาติ ทสฺสนตฺถํ ปาฬิยํ ‘‘ตตฺร ยายํ อธิสีลสิกฺขา, อยํ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปตา สิกฺขา’’ติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
เอตฺถ สิกฺขาติ กายวจีทุจฺจริตโต วิรตี จ เจตนา จ, อฺตฺร เจตนาเยว เวทิตพฺพา. สิกฺขาปทนฺติ สอุทฺเทสสิกฺขาปทํ, เอกจฺจํ อนุทฺเทสสิกฺขาปทฺจ ลพฺภติ. จิตฺตสฺส อธิกรณํ กตฺวาติ ตสฺมึ สิกฺขตีติ อธิกรณตฺเถ ภุมฺมนฺติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ยถาสิกฺขาปทนฺติ ปจฺจเวกฺขณวเสน วุตฺตํ. สีลปจฺจเวกฺขณาปิ หิ สีลเมว, ตสฺมา สุปฺปฏิจฺฉนฺนาทิจาริตฺเตสุ ¶ วิรติวิปฺปยุตฺตเจตนํ ปวตฺเตนฺโตปิ สิกฺขํ ปริปูเรนฺโตตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ. ‘‘สมฺปชานมุสาวาเท ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๒) วุตฺตมริยาทํ อวีติกฺกมนฺโต ‘‘ตสฺมิฺจ สิกฺขาปเท สิกฺขตี’’ติ วุจฺจติ. อฺตรสฺมึ ปน คณฺิปเท วุตฺตํ ‘‘สิกฺขาติ ตํ สิกฺขาปทํ สิกฺขนภาเวน ปวตฺตจิตฺตุปฺปาโท. สาชีวนฺติ ปฺตฺติ. ตทตฺถทสฺสนตฺถํ ปุพฺเพ เมถุนสํวรสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ. ยสฺมา สิกฺขาย คุณสมฺมตาย ปฺุสมฺมตาย ตนฺติยา อภาวโต โลกสฺส ทุพฺพลฺยาวิกมฺมํ ตตฺถ น สมฺภวติ. ปตฺถนียา หิ สา, ตสฺมา ‘‘ยฺจ สาชีวํ สมาปนฺโน, ตตฺถ ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา’’ติ วุตฺตํ. อาณาย หิ ทุพฺพลฺยํ สมฺภวตีติ อายสฺมา อุปติสฺโส.
สิกฺขาปจฺจกฺขานกถาวณฺณนา
เอตฺถ ¶ ยามีติ อมุกสฺมึ ติตฺถายตเน, ฆราทิมฺหิ วา. ภาววิกปฺปากาเรนาติ ‘‘อหํ อสฺส’’นฺติ อาคตตฺตา ยํ ยํ ภวิตุกาโม, ตสฺส ตสฺส ภาวสฺส วิกปฺปากาเรน, ภิกฺขุภาวโต อฺภาววิกปฺปากาเรนาติ อธิปฺปาโย.
๔๖. หนฺทาติ วจสาเยว. คิหิภาวํ ปตฺถยมาโนติอาทิปเทหิ จิตฺตนิยมํ ทสฺเสติ. เอเกเนว จิตฺเตน สิกฺขาปจฺจกฺขานํ โหติ, น ตทภาเวนาติ.
๕๑. พุทฺธํ ธมฺมนฺติอาทิปเทหิ เขตฺตนิยมํ ทสฺเสติ. ตตฺถ อาทิโต จุทฺทสหิ ปเทหิ สภาวปริจฺจาโค, ปจฺฉิเมหิ อฏฺหิ ภาวนฺตราทานฺจ ทสฺสิตํ โหติ. ปจฺจกฺขามิ ธาเรหีติ เอเตหิ กาลนิยมํ ทสฺเสติ. วทตีติ อิมินา ปเทน ปโยคนิยมํ ทสฺเสติ. วิฺาเปตีติ อิมินา วิชานนนิยมํ ทสฺเสติ. อุมฺมตฺตโก สิกฺขํ ปจฺจกฺขาติ, อุมฺมตฺตกสฺส สนฺติเก สิกฺขํ ปจฺจกฺขาตีติอาทีหิ ปุคฺคลนิยมํ ทสฺเสติ. อริยเกน มิลกฺขสฺส สนฺติเก สิกฺขํ ปจฺจกฺขาตีติอาทีหิ ปน ปุคฺคลาทินิยเมปิ สติ วิชานนนิยมาสมฺภวํ ทสฺเสติ. ตตฺถ ‘‘ยาย มิลกฺขภาสาย กาลนิยโม นตฺถิ, ตายปิ ภาสาย กาลนิยมตฺถทีปเน สติ สิกฺขาปจฺจกฺขานํ รุหตีติ โน มตี’’ติ อาจริโย. ทวายาติอาทีหิ เขตฺตาทินิยเม สติปิ จิตฺตนิยมาภาเวน น รุหตีติ ทสฺเสติ. สาเวตุกาโม น สาเวตีติ จิตฺตนิยเมปิ สติ ปโยคนิยมาภาเวน น รุหตีติ ทสฺเสติ. อวิฺุสฺสสาเวติ, วิฺุสฺส น สาเวตีติ จิตฺตเขตฺตกาลปโยคปุคฺคลวิชานนนิยเมปิ สติ ยํ ปุคฺคลํ อุทฺทิสฺส สาเวติ, ตสฺเสว สวเน น รุหติ, น อฺสฺสาติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, เตน วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘ยทิ อยเมว ชานาตูติ เอกํ ¶ นิยเมตฺวา อาโรเจติ, ตฺเจ โส เอว ชานาติ, ปจฺจกฺขาตา โหติ สิกฺขา. อถ โส น ชานาติ…เป… อปฺปจฺจกฺขาตา โหติ สิกฺขา’’ติ. สพฺพโส วา ปน น สาเวติ, อปฺปจฺจกฺขา โหติ สิกฺขาติ จิตฺตาทินิยเมเนว สิกฺขา ปจฺจกฺขาตา โหติ, น อฺถาติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. เอตฺตาวตา ‘‘สิกฺขา…เป… ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา’’ติ ปทสฺส ปทภาชนํ ตีหิ อากาเรหิ ทสฺสิตํ ¶ โหติ. ตตฺถ ทฺเว อมิสฺสา, ปจฺฉิโม เอโก มิสฺโสติ เวทิตพฺโพ. เตเนว วจีเภเทนาติ ตทตฺถทีปนมตฺตํ วจนํ สุตฺวาว เตเนว วจีเภเทน ชานาเปตีติ อตฺโถ. จิตฺตสมฺปยุตฺตนฺติ ปจฺจกฺขาตุกามตาจิตฺตสมฺปยุตฺตํ. สมยฺู นาม ตทธิปฺปายชานนมตฺเตน โหติ.
๕๓. วณฺณปฏฺานํ พุทฺธคุณทีปกํ สุตฺตํ. อุปาลิคหปตินา วุตฺตา กิร อุปาลิคาถา. ปฺาณํ สฺาณนฺติ อตฺถโต เอกํ, ตสฺมา โพธิปฺาณนฺติ โพธิสฺาณํ, โพธิพีชนฺติ วุตฺตํ โหติ.
ทฺวินฺนมฺปิ นิยเมตฺวาติ เอตฺถ ‘‘ทฺวีสุปิ ชานนฺเตสุ เอว ปจฺจกฺขามีติ อธิปฺปาเยน วุตฺเต เตสุ เอโก เจ ชานาติ, น ปจฺจกฺขาตา โหตี’’ติ อฺตรสฺมิมฺปิ คณฺิปเท วุตฺตํ, ตํ อฏฺกถาย น สเมติ. ‘‘คิหี โหมี’’ติ วา ‘‘คิหิมฺหี’’ติ วา วุตฺเต กิฺจาปิ วตฺตมานวจนํ โหติ. ‘‘ธาเรหี’’ติ อตฺถาภาวา จ ‘‘ธาเรหี’’ติ วุตฺเต จ ปรสฺสุปริ คจฺฉติ, ตสฺมา น โหติ. สนฺทิฏฺิกํ ธมฺมนฺติ สพฺพตฺถ ธมฺมวจนํ วุตฺตํ ยํ สนฺธาย ‘‘สนฺทิฏฺิก’’นฺติ วทติ, ตํ ปกาเสตุํ. อฺถา ‘‘วิชิตวิชยํ ปจฺจกฺขามี’’ติ วุตฺเต จกฺกวตฺติอาทีสุปิ ตปฺปสงฺคโต พุทฺธสทฺโทปิ อวสาเน วตฺตพฺโพ ภเวยฺย. อาจริยเววจเนสุ ปน โย มํ ปพฺพาเชสีติอาทิ อุปชฺฌํ อคฺคเหตฺวา, ปรํ วา อุทฺทิสฺส ปพฺพชิตํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ. โอกลฺลโกติ กปณาธิวจนํ. โมฬิพทฺโธติ สิขาพทฺโธ, โอมุกฺกมกุโฏ วา. เจลฺลโก อเถโร. เจฏโก มชฺฌิโม. โมฬิคลฺโล มหาสามเณโร. มนุสฺสวิคฺคหนาคาทีนํ นาครูปาทีนํ วา สนฺติเก, ภาสาชานนกินฺนราทีนํ วา. ‘‘เทวตา นาม มหาปฺา’’ติ กิร ปาโ. ทวายาติ สหสา. รวาภฺเนาติ ขลิตภฺเน. อกฺขรสมยานฺหิ นาภิฺาตาย วา กรณานํ อวิสทตาย วา โหติ รวาภฺํ. อวิเธยฺยินฺทฺริยตาย ‘‘โปตฺถกรูปสทิสสฺสา’’ติ วุตฺตํ, ครุเมธสฺส มนฺทปฺสฺส. กิตฺตาวตา ปน ครุเมโธ โหตีติ เจ? สมเย อโกวิทตาย.
สิกฺขาปจฺจกฺขานกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
มูลปฺตฺติกถาวณฺณนา
๕๕. ‘‘ปฏิเสวตินามา’’ติ ¶ ¶ ปทํ มาติกายํ นตฺถิ, ตสฺมา ‘‘ปฏิเสเวยฺยาติ เอตฺถา’’ติอาทิมาห. ‘‘เอโส เมถุนธมฺโม นามา’’ติ สพฺพปาฬิโปตฺถเกสุ, อฏฺกถายํ ‘‘เอโส วุจฺจติ เมถุนธมฺโม นามา’’ติ อุทฺธฏา. อิตฺถิยา นิมิตฺเตน อตฺตโน นิมิตฺตนฺติ ทุวิฺเยฺยเมตํ ทสฺสิตํ. อตฺตโน นิมิตฺเตน อิตฺถิยา นิมิตฺตํ สุวิฺเยฺยตฺตา น ทสฺสิตํ. จตฺตาริ านานิ มฺุจิตฺวาติ เอตฺถ อพฺภนฺตรตลํ ฉุปนฺตํเยว สนฺธาย วุตฺตํ, อจฺฉุปนฺตํ นีหรนฺตสฺส อนาปตฺติ. มชฺฌนฺติ อคฺคปฺปเทสํ. อุปริภาคมชฺฌนฺติ อุปริภาคสฺส อคฺคปฺปเทสํ. นฏฺกายปฺปสาทนฺติ เอตฺถ อุปหตินฺทฺริยสฺส อาปตฺติสมฺภวโต อิธาปิ อาปตฺตีติ เจ? เนติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘มตจมฺมํ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. มตจมฺมฺหิ อนุปาทินฺนํ, อุปาทินฺเน เอว ปาราชิกาปตฺติ. อปิธาย อปฺปฏิจฺฉาเทตฺวา. ยถา ทนฺตา น ทิสฺสนฺติ, ตถา ปิธาเยว นิสีทิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย.
โคนโสติ โคณปิฏฺิโก มณฺฑลสปฺโป, ยสฺส ปิฏฺเ โลหิตกานิ มณฺฑลานิ ทิสฺสนฺติ. กลลปริจยวาริจารมจฺฉคฺคหเณน กิฺจาปิ สมุทฺเท มหามุขา หตฺถิสรีรมฺปิ เอกปฺปหาเรน คิลิตุํ สมตฺถา ตโต มหนฺตตรา จ คหิตา โหนฺติ, เตสํ มุขาทีสุ เมถุนธมฺโม น สมฺภวตีติ ตตฺถ านปริจฺเฉโท นตฺถีติ เอเก, วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ. เอตเมว หีติ อนนฺตรํ สนฺธาย. สทฺธึ โยชนาย อกฺขรโยชนาย. ‘‘ปฺตฺตํ ปน สิกฺขาปทํ สพฺเพหิปิ ลชฺชีปุคฺคเลหิ สมํ สิกฺขิตพฺพภาวโต สมสิกฺขตา นามาติ วุตฺตตฺตา สพฺพสิกฺขาปทํ สพฺพภิกฺขูหิ สิกฺขิตพฺพํ. น หิ กสฺสจิ อูนมธิกํ วา อตฺถี’’ติ ตสฺส คณฺิปเท วุตฺตํ. ปริวาเร ปน –
‘‘น อุกฺขิตฺตโก น จ ปน ปาริวาสิโก,
น สงฺฆภินฺโน น จ ปน ปกฺขสงฺกนฺโต;
สมานสํวาสกภูมิยา ิโต,
กถํ นุ สิกฺขาย อสาธารโณ สิยา’’ติ. (ปริ. ๔๗๙) –
วุตฺตํ. ตทฏฺกถาย จ ‘‘อยํ ปฺหา นหาปิตปุพฺพกํ สนฺธาย วุตฺตา. อยฺหิ ขุรภณฺฑํ ปริหริตุํ น ลภติ, อฺเ ลภนฺติ. ตสฺมา สิกฺขาย อสาธารโณ’’ติ วุตฺตํ. ตํ สพฺพํ ยถา สํสนฺทติ สเมติ, ตถา เวทิตพฺพํ ¶ . ภิกฺขุนีนํเยว สาธารณานิ สิกฺขาปทานิปิ ภิกฺขุ สิกฺขติ, เอวมฺโปิ อนฺหาปิตปุพฺพโก ภิกฺขุ ตํ สิกฺขาปทํ สิกฺขติ เอว ตทตฺถโกสลฺลตฺถนฺติ ¶ กตฺวา สพฺพมฺปิ สิกฺขาปทํ สมสิกฺขตา นามาติ. ยํ ตํ วุตฺตนฺติ สมฺพนฺโธ. ‘‘ติสฺโส อิตฺถิโย’’ติอาทิวิภงฺโคตํนิยามโกติลกฺขณตฺตา วตฺถุนิยมนตฺถํ วุตฺตํ. เตน อมนุสฺสิตฺถิปฺปสงฺเคน กเต สุวณฺณรชตาทิมเย ปฏิกฺขิปติ. อิโต ปฏฺาย เย จ ‘‘ตโย อตฺถวเส ปฏิจฺจ วิภงฺโค ปวตฺตตี’’ติ ปุพฺเพ วุตฺตา, เต ยถาสมฺภวํ โยเชตฺวา เวทิตพฺพา.
ปมจตุกฺกกถาวณฺณนา
๕๗. อาปตฺติ ปาราชิกา อสฺส โหตีติ เอตฺถ ยสฺมา สา อกุสลา อาปตฺติ ตสฺส ภิกฺขุโน สีลสมฺภวํ อภิภวติ, ราคาภิภเว ตสฺมึ ปาราชิกาติ ลทฺธนามา ปุพฺพภาเค อาปนฺนา ทุกฺกฏถุลฺลจฺจยาทโย อาปตฺติโย อภิภวิตฺวา วินาเสตฺวา สยเมเวกา อสฺส. วตฺถุนา สภาคาหิ วา อสภาคาหิ วา อฺาหิ ปาราชิกตฺเตน สมานชาติกาหิ อาปตฺตีหิ สยํ นาภิภวียตีติ เอเก. ตํ ตํ ปุพฺเพ วิจาริตเมว. ยทา ปน จตสฺโสปิ ปาราชิกาปตฺติโย เอกโต โหนฺติ, ตทา ตา ตสฺส ภิกฺขุโน ภิกฺขุภาวํ อภิภวนฺติ, อภิกฺขุํ กโรนฺติ, อนุปสมฺปนฺนํ กโรนฺติ, สมฺายปิ ภิกฺขุ น โหติ. โอมสวาทปาจิตฺติยํ น ชเนตีติ เอเก. ทุติเยน อตฺถวิกปฺเปน ปาราชิกสฺส ธมฺมสฺส ปตฺติ สมฺปตฺติ อาปตฺตีติ อตฺโถ สงฺคหิโต โหตีติ กตฺวา อาปตฺติสมฺปตฺติวาทีนํ สงฺคหิโต โหติ, ยุชฺชติ เจสา ปรสาเปกฺขา. สาปตฺติโก นาม โส ภิกฺขุ โหติ, อฺถา ตสฺส ขณภงฺเคน อนาปตฺติโก ภเวยฺย, น จ โหตีติ. กทา ปน โหตีติ? ยทา กาลํ กโรติ, ยทา จ สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย สามเณราทิภูมิยํ ติฏฺติ. ยทิ เอวํ สิกฺขาย ปจฺจกฺขาตาย ปาราชิกาปตฺติ ปจฺจกฺขาตา โหติ สิกฺขา จาติ อุภยํ ตสฺส เอกโต อตฺถิ, สงฺฆาทิเสสาทิอาปตฺติ สิกฺขาปจฺจกฺขาเนน กึ น ปจฺจกฺขาตา, ปุน อุปสมฺปนฺเนน เทสาเปตพฺพา. สิกฺขาปจฺจกฺขานํ อาปตฺติวุฏฺานํ ชาตํ, อภิกฺขุ อาปตฺติโต วุฏฺาติ, คหฏฺโ วุฏฺาติ, สามเณโร วุฏฺาติ, ตโต ¶ วินยวิโรธา น วุฏฺาติ. หฺจิ ปน วุฏฺาติ คหฏฺโ, สามเณโร วา สีลสมฺปนฺโนว ฌานลาภี อสฺส, โสตาปตฺติผลสฺส วา อรหตฺตผลสฺส วา ลาภี อสฺส, ปาราชิกาปตฺติยา สาปตฺติโก อรหา อสฺส. อุกฺขิตฺตโก อุปฺปพฺพชิโต วา ปริวาสารโห มานตฺตารโห อุปฺปพฺพชิโต วา สีลสมฺปนฺโน ฌานลาภี อสฺส, โสตาปตฺติผลสฺส, อรหตฺตผลสฺส วา ลาภี อสฺส, สาปตฺติโก สนฺตรายิโก อรหา อสฺส, โส ปุน อุปสมฺปนฺโน ปริวาสํ, มานตฺตํ วา ทตฺวา อพฺเภตพฺโพ อุกฺขิตฺตโก โอสาเรตพฺโพติ สมาโน อยํ อุปลพฺโภติ.
อยํ ปเนตฺถ วินิจฺฉโย – ปาราชิกํ ธมฺมํ อาปนฺโน ยาว ภิกฺขุภาวํ ปฏิชานาติ สาทิยติ ¶ สํวาสํ, สนฺตรายิกตฺตา อุโปสถทิวสาทีสุ คหฏฺสฺส วิย สยเมว สีลํ สมาทิยนฺตสฺสปิ น สีลสมาทานํ รุหติ, ปเคว ฌานาทีนิ. โส เจ ภิกฺขุภาวํ น สาทิยติ น ปฏิชานาติ สํวาสํ น สาทิยติ, เกวลํ ภิกฺขูนํ อาวิกตฺวา ราชเวริโจราทิภเยน กาสาวํ น ปริจฺจชติ, อนุปสมฺปนฺโนว โหติ สหเสยฺยาทึ ชเนติ, สีลสฺส จ ฌานาทีนฺจ ภาคี โหติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘อาปนฺเนน วิสุทฺธาเปกฺเขน สนฺตี อาปตฺติ อาวิกาตพฺพา, อาวิกตา หิสฺส ผาสุ โหติ, ปมสฺส ฌานสฺส อธิคมายา’’ติอาทิ (มหาว. ๑๓๔-๑๓๕).
ตตฺถ สนฺตี อาปตฺตีติ สาวเสสานวเสสปฺปเภทา สพฺพาปิ อาปตฺติ อาปนฺนา อธิปฺเปตา. เอวํ สนฺเตปิ ปเคว คหฏฺาทิภูมิยํ ิโต ฌานาทีนํ ภาคี อสฺส สุทฺธนฺเต ิตตฺตา, โย ปน อุกฺขิตฺตโก อโนสาริโต, ครุธมฺมํ วา อาปชฺชิตฺวา อวุฏฺิโต สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย คหฏฺาทิภูมิยํ ิโต, น โส ฌานาทีนํ ภาคีเยว ภวติ น สุทฺธนฺเต ิตตฺตา, สกรณียตฺตา จ, เตเนว ภควตา ‘‘โส ปุน อุปสมฺปนฺโน โอสาเรตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา ตสฺส ปุคฺคลสฺส เต ภิกฺขุกาเล อาปนฺนา อนฺตรายิกา ธมฺมา วิปฺปฏิสารํ ชนยิตฺวา อวิปฺปฏิสารมูลกานํ ปาโมชฺชาทีนํ สมฺภวํ นิวาเรนฺติ, โน สกาสาเวสุเยว. โน เจ นิวาเรนฺติ, สมฺภวติ. ครุกํ อาปชฺชิตฺวา ภิกฺขูนํ อาวิกตฺวา เจ อุปฺปพฺพชิโต, ปกตตฺโต หุตฺวา ¶ อุปฺปพฺพชิโตติ กตฺวา ฌานาทีนํ ภาคี อสฺส ‘‘อาวิกตา หิสฺส ผาสุ โหตี’’ติ วุตฺตตฺตา. ปเคว ภิกฺขุกาเล, น ตฺเวว อุกฺขิตฺตโก สกรณียตฺตาติ เอเก. ตทนุวตฺตนโก ปน ตํ ลทฺธึ ปหาย ภาคี อสฺส. น, ภิกฺขเว, สคหฏฺาย ปริสาย (มหาว. ๑๕๔) สิกฺขาปจฺจกฺขาตกสฺส อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺนกสฺส นิสินฺนปริสายาติ (มหาว. ๑๘๓) เอตฺถ คหฏฺโ นาม ปกติยา คิหิลิงฺเค ิโต. สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย ภิกฺขุลิงฺเค ิโต สิกฺขาปจฺจกฺขาตโก. โส สกาสาเวสุ สาเปกฺขตฺตา สามเณรภาวํ ปตฺถยมาโน เตเนว ลิงฺเคน ตีหิ สรณคมเนหิ สามเณโร โหติ. อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺโน สํวาสํ สาทิยนฺโตปิ ปจฺฉา ปุพฺเพ วุตฺตกฺกเมน อสาทิยิตฺวา สามเณรภาวํ ปตฺถยมาโน สิกฺขาปจฺจกฺขาตโก วิย ตีหิ สรณคมเนหิ สามเณโร โหติ, น ปุน กาสาวํ ปฏิคฺคาหาเปตพฺโพ ภิกฺขูหิ ปมํ ทินฺนลิงฺเคเยว ิตตฺตา. โย ปน ปาราชิโก โจทิยมาโน ปราชิตฺวา ‘‘หนฺท, ภนฺเต, สามเณโร ภวามิ, สรณานิ เทถา’’ติ วทติ, ‘‘สาธุ คณฺหาหี’’ติ น วตฺตพฺโพ, คิหิลิงฺเค เปตฺวา ปุน กาสายานิ ปฏิคฺคาหาเปตฺวา ปพฺพาเชตพฺโพ. ‘‘อิทํ ปน สพฺพํ อตฺตโน มติยา วุตฺตตฺตา วิจาเรตฺวา คเหตพฺพ’’นฺติ อาจริโย วทติ. ปเวสนํ นาม องฺคชาตํ ปเวเสนฺตสฺส องฺคชาเตน สมฺผุสนํ. ปวิฏฺํ นาม ยาว มูลา ปเวเสนฺตสฺส วิปฺปกตกาเล วายามกาโล. สุกฺกวิสฺสฏฺิสมเย องฺคชาตํ ิตํ นาม. อุทฺธรณํ นาม นีหรณกาโล. คณฺิปเท ปน ‘‘วายามโต โอรมิตฺวา านํ ิตํ นามา’’ติ วุตฺตํ, ตํ อสงฺกรโต ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ปเวสนปวิฏฺอุทฺธรณกาเลสุปิ สุกฺกวิสฺสฏฺิ โหติเยว.
ปมจตุกฺกกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
เอกูนสตฺตติทฺวิสตจตุกฺกกถาวณฺณนา
๕๙-๖๐. ‘‘มตํ เยภุยฺเยน อกฺขายิต’’นฺติ วจนโต อมตํ เยภุยฺเยน ขายิตมฺปิ ปาราชิกวตฺถุเมวาติ ทสฺเสติ. สพฺพโส ขายิตํ, อุปฺปาฏิตํ วา ถุลฺลจฺจยวตฺถุเมวาติ ทสฺเสติ, ตถา ‘‘เยภุยฺเยน ขายิต’’นฺติ ¶ วจนโต มตํ สพฺพขายิตํ, อุปฺปาฏิตํ วา ทุกฺกฏวตฺถูติ ทสฺเสติ. น จ สาวเสสํ ปฺเปนฺติ. กึ การณา? อิทฺหิ สิกฺขาปทํ โลกวชฺชํ, น ปณฺณตฺติวชฺชํ. ตตฺถ สิกฺขาปทนฺติ ปาราชิกํ อธิปฺเปตํ. ตตฺถ ถุลฺลจฺจยมฺปิ หิ โลกวชฺชํ, น ปณฺณตฺติวชฺชํ. อถ วา อุภยมฺปิ อนวเสสํ ปฺตฺตํ. ปาราชิกเขตฺเต หิ เหฏฺิมโกฏึ ปาเปตฺวา ปิเต ตโต ปรํ ถุลฺลจฺจยนฺติ ปฺตฺตเมว โหติ. ตตฺถ ถุลฺลจฺจยเขตฺตมฺปิ ปาราชิกเขตฺตํ วิย เหฏฺิมปริจฺเฉเทน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อุปฑฺฒกฺขายิเต ถุลฺลจฺจยนฺติ ยตฺถ นิมิตฺตํ ขายิตํ, ตํ ทุกฺกฏวตฺถูติ เวทิตพฺพํ. เอตฺถาห – ปณฺณตฺติวชฺชํ กึ สาวเสสเมว ภควา ปฺาเปตีติ? น. เอกํสโต ปน ยถาสมฺภวํ ตตฺถ ตตฺถ ปกาสยิสฺสาม, กิมตฺถํ ปน ภควา อุปฑฺฒกฺขายิเต ปาราชิกํ น ปฺาเปสีติ อยํ ตาว อปุจฺฉา พุทฺธวิสยตฺตา วินยปฺตฺติยา. อิทํ ปเนตฺถ การณปติรูปกํ ‘‘อุปฑฺฒภาวสฺส ทุพฺพินิจฺฉยตฺตา’’ติ. เยภุยฺเยน ขายิตํ นาม วจฺจมคฺคปสฺสาวมคฺคมุขานํ จตูสุ โกฏฺาเสสุ ทฺเว โกฏฺาเส อติกฺกมฺม ยาว ตติยโกฏฺาสปริโยสานา ขาทิตํ, ตติยโกฏฺาสํ อติกฺกมฺม ยาว จตุตฺถโกฏฺาสปริโยสานา ทุกฺกฏวตฺถุ.
ยทิปิ นิมิตฺตํ สพฺพโส ขายิตนฺติ ‘‘ชีวมานกสรีรํเยว สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, ตํ วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ. อลฺลสรีเรติ อภินเว, อกุถิเต วา มนุสฺสานํ ชีวมานสรีเร อกฺขินาสาทีสุ ถุลฺลจฺจยเมว. ติรจฺฉานคตานํ หตฺถิอสฺสาทีนํ นาสาย วตฺถิโกเส จ ถุลฺลจฺจยนฺติ ‘‘อมคฺเคน อมคฺคํ ปเวเสติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติ อิมาย ปาฬิยา อตฺถวิเสเสเนตฺถ วุตฺตํ. อุปกจฺฉกาทีสุ ทุกฺกฏํ, สพฺเพสมฺปิ ติรจฺฉานคตานํ อกฺขิกณฺณวเณสุ ทุกฺกฏํ, อวเสสสรีเรปิ ทุกฺกฏเมวาติ อิทํ วินีตวตฺถุสฺมึ ‘‘เอหิ, ภนฺเต, เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวา’’ติ ¶ . ‘‘อลํ ภคินิ เนตํ กปฺปตี’’ติ (ปารา. ๗๙) อิมินา ตาว เมถุนราคาภาโว ทสฺสิโต โหติ. ‘‘เอหิ, ภนฺเต, อูรุนฺตริกาย ฆฏฺเฏหิ…เป… โส ภิกฺขุ ตถา อกาสี’’ติ อิมินา ตาว โมจนสฺสาโท ทสฺสิโต โหติ, เตเนวาห ภควา ‘‘อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺสา’’ติ. ‘‘โย ปน เมถุนราเคน อูรุนฺตริกาย ฆฏฺเฏติ, ตสฺส ทุกฺกฏ’’นฺติ สิทฺธนฺติ กตฺวา วุตฺตํ.
มนุสฺสานํ ¶ อกฺขิกณฺณวณาทิ ถุลฺลจฺจยวตฺถุ, ติรจฺฉานคตานํ ทุกฺกฏวตฺถูติ เอตฺถ ทุวิฺเยฺโย ปาฬิเลโส, ตสฺมา ‘‘น จ, ภิกฺขเว, รตฺตจิตฺเตน องฺคชาตํ ฉุปิตพฺพํ, โย ฉุเปยฺย, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติ วจนโต รตฺตจิตฺเตน อกฺขิกณฺณวณํ ฉุปนฺตสฺส ทุกฺกฏนฺติ สิทฺธนฺติ อยํ จมฺมกฺขนฺธเก ปาฬิเลโสติ เวทิตพฺโพ. ‘‘ชีวมานกปุริสสฺสาติ ชีวมานกสทฺโท มเต วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ าปนตฺถํ วุตฺโต’’ติ วทนฺติ. มหาอฏฺกถายํ ปนาติ อิทํ กิฺจาปิ ‘‘กตฺวา มหาอฏฺกถํ สรีร’’นฺติ วุตฺตํ, อถ โข เสสอฏฺกถาสุ ‘‘เมถุนราเคน มุเขนา’’ติ วจนาภาวโต ตตฺเถว ภาวโต ตํ วจนํ ปาฬิวจเนน สํสนฺทิตฺวา ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. อนุคณฺิปเท ปน ‘‘ตํ สพฺพมฺปีติ มหาอฏฺกถายเมว เมถุนราเคน อิตฺถิยา นิมิตฺตํ อปฺปเวเสนฺโต ฉุปติ, ถุลฺลจฺจย’’นฺติ จ วุตฺตํ. ‘‘เมถุนราเคน มุเขนา’’ติปิ กตฺถจิ, ปาฬิยํ อวิเสเสน ‘‘น จ, ภิกฺขเว, รตฺตจิตฺเตน องฺคชาตํ ฉุปิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, ตสฺมา ‘‘ตํ สพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. ปุริมํ ปสํสนฺตีติ ติรจฺฉานคติ…เป… วุตฺตนเยเนว ถุลฺลจฺจยํ, กายสํสคฺคราเคน ทุกฺกฏนฺติอาทิอฏฺกถาวจเนหิ สํสนฺทนโต. ‘‘ตํ สพฺพมฺปิ…เป… ปุริมํ ปสํสนฺตี’’ติ อิทํ สงฺคีติโต ปจฺฉา สีหฬทีปเกหิ อาจริเยหิ ปาฬิยา, อฏฺกถายฺจ วุตฺตวจนํ สํสนฺทิตฺวา วุตฺตวินิจฺฉโยติ วุตฺตํ. เอตฺถ อิตรถา หีติ ปกติมุเขน. กสฺมา ทุกฺกฏนฺติ เจ? ‘‘องฺคุลิพีชาทีนิ ปเวเสนฺตสฺส ทุกฺกฏ’’นฺติ วุตฺตตฺตา ยุตฺตํ. ติรจฺฉานคติตฺถิยา ปสฺสาวมคฺคนฺติ เอตฺถ มหาอฏฺกถายมฺปิ ปุพฺเพ ‘‘นิมิตฺต’’นฺติ วตฺวา เอตฺถ ‘‘ปสฺสาวมคฺค’’นฺติ วุตฺตตฺตา อวเสสนิมิตฺเต ทุกฺกฏนฺติ ยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ. วุตฺตนเยเนวาติ เมถุนราเคน. ถุลฺลจฺจยนฺติ จ ขนฺธเก ปสฺสาวนิมิตฺตวเสเนวาคตตฺตา อุปปริกฺขิตฺวา คเหตพฺพํ.
เอกูนสตฺตติทฺวิสตจตุกฺกกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
สนฺถตจตุกฺกเภทกกถาวณฺณนา
๖๑-๒. อิตฺถินิมิตฺตํ ขาณุํ กตฺวาติ อิตฺถินิมิตฺตสฺส อนฺโต ขาณุํ ปเวเสตฺวา สมตลํ วา กตฺวา อติริตฺตํ วา ขาณุํ ฆฏฺเฏนฺตสฺส ทุกฺกฏํ ปเวสาภาวา. อีสกํ อนฺโต ปเวเสตฺวา ¶ ิตํ ขาณุเมว เจ องฺคชาเตน ¶ ฉุปติ, ปาราชิกํ. ‘‘อุปฺปลคนฺธา อุปฺปลภาวา’’ติปิ ทีปวาสิโน ปนฺติ กิร. สุตฺตํ ภิกฺขุมฺหีติ เสวนจิตฺตํ อุปฏฺิเตติ (ปารา. ๕๗) เอตฺถ วิย. ‘‘สุตฺตภิกฺขุมฺหี’’ติ จ ปนฺติ, ตํ อุชุกเมว.
สนฺถตจตุกฺกเภทกกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปทภาชนียวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปกิณฺณกกถาวณฺณนา
ปกิณฺณเก ยานิ สิกฺขาปทานิ ‘‘กิริยานี’’ติ วุจฺจนฺติ, เตสํ วเสน กาโย, วาจา จ สห วิฺตฺติยา เวทิตพฺพา. อกิริยานํ วเสน วินา วิฺตฺติยา เวทิตพฺพา, จิตฺตํ ปเนตฺถ อปฺปมาณํ ภูตาโรจนสมุฏฺานสฺส กิริยตฺตา, อจิตฺตกตฺตา จ. ตตฺถ กิริยา อาปตฺติยา อนนฺตรจิตฺตสมุฏฺานา เวทิตพฺพา. อวิฺตฺติชนกมฺปิ เอกจฺจํ พาหุลฺลนเยน ‘‘กิริย’’นฺติ วุจฺจติ, ยถยิทํ ปมปาราชิกํ วิฺตฺติยา อภาเวปิ ‘‘โส เจ สาทิยติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’’ติ หิ วุตฺตํ ‘‘น สาทิยติ อนาปตฺตี’’ติ จ. วิฺตฺติสงฺขาตาปิ กิริยา วินา เสวนจิตฺเตน น โหติ จิตฺตชตฺตา, วิการรูปตฺตา, จิตฺตานุปริวตฺติกตฺตา จ. ตสฺมา กิริยาสงฺขาตมิทํ วิฺตฺติรูปํ อิตรํ จิตฺตชรูปํ วิย ชนกจิตฺเตน วินา น ติฏฺติ, อิตรํ สทฺทายตนํ ติฏฺติ, ตสฺมา กิริยาย สติ เอกนฺตโต ตชฺชนกํ เสวนจิตฺตํ อตฺถิเยวาติ กตฺวา น สาทิยติ อนาปตฺตีติ น ยุชฺชติ. ยสฺมา วิฺตฺติชนกมฺปิ สมานํ เสวนจิตฺตํ น สพฺพกาลํ วิฺตฺตึ ชเนติ, ตสฺมา วินาปิ วิฺตฺติยา สยํ อุปฺปชฺชตีติ กตฺวา ‘‘สาทิยติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’’ติ วุตฺตํ. นุปฺปชฺชติ เจ, น สาทิยติ นาม, ตสฺส อนาปตฺติ, เตเนว ภควา ‘‘กึจิตฺโต ตฺวํ ภิกฺขู’’ติ จิตฺเตเนว อาปตฺตึ ปริจฺฉินฺทติ, น กิริยายาติ เวทิตพฺพํ. เอตฺตาวตา ฉ อาปตฺติสมุฏฺานานิ, ตานิ เอว อาปตฺติกรา ธมฺมา นามาติ จ, จตูหากาเรหิ อาปตฺตึ อาปชฺชติ กาเยน วาจาย กายวาจาหิ กมฺมวาจาย อาปชฺชตีติ จ เอตานิ สุตฺตปทานิ อวิโรธิตานิ โหนฺติ, อฺถา วิโรธิตานิ. กถํ? ยฺหิ อาปตฺตึ กมฺมวาจาย อาปชฺชติ, น ตตฺถ กายาทโยติ อาปนฺนํ, ตโต ¶ กมฺมวาจาย สทฺธึ อาปตฺติกรา ธมฺมา สตฺตาติ อาปชฺชติ, อถ ตตฺถาปิ กายาทโย เอกโต วา นานาโต วา ลพฺภนฺติ. ‘‘จตูหิ อากาเรหี’’ติ น ยุชฺชติ, ‘‘ตีหากาเรหิ อาปตฺตึ อาปชฺชตี’’ติ วตฺตพฺพํ สิยาติ เอวํ วิโรธิตานิ โหนฺติ. กถํ อวิโรธิตานีติ? สวิฺตฺติกาวิฺตฺติกเภทภินฺนตฺตา กายาทีนํ. ยา กิริยา อาปตฺติ, ตํ เอกจฺจํ กาเยน สวิฺตฺติเกน อาปชฺชติ ¶ , เอกจฺจํ สวิฺตฺติยา วาจาย, เอกจฺจํ สวิฺตฺติกาหิ กายวาจาหิ อาปชฺชติ. ยา ปน อกิริยา อาปตฺติ, ตํ เอกจฺจํ กมฺมวาจาย อาปชฺชติ, ตฺจ โข อวสิฏฺาหิ อวิฺตฺติกาหิ กายวาจาหิเยว, น วินา ‘‘โน เจ กาเยน วาจาย ปฏินิสฺสชฺชติ, กมฺมวาจาปริโยสาเน อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺสา’’ติ (ปารา. ๔๑๔, ๔๒๑) วจนโต. อวิเสเสน วา เอกจฺจํ อาปตฺตึ กาเยน อาปชฺชติ, เอกจฺจํ วาจาย, เอกจฺจํ กายวาจาหิ. ยํ ปเนตฺถ กายวาจาหิ, ตํ เอกจฺจํ เกวลาหิ กายวาจาหิ อาปชฺชติ, เอกจฺจํ กมฺมวาจาย อาปชฺชตีติ อยมตฺโถ เวทิตพฺโพติ เอวํ อวิโรธิตานิ โหนฺติ.
ตตฺรายํ สมาสโต อตฺถวิภาวนา – กาเยน อาปชฺชตีติ กาเยน สวิฺตฺติเกน อกตฺตพฺพํ กตฺวา เอกจฺจํ อาปชฺชติ, อวิฺตฺติเกน กตฺตพฺพํ อกตฺวา อาปชฺชติ, ตทุภยมฺปิ กายกมฺมํ นาม. อกตมฺปิ หิ โลเก ‘‘กต’’นฺติ วุจฺจติ ‘‘อิทํ ทุกฺกฏํ มยา, ยํ มยา ปฺุํ น กต’’นฺติ เอวมาทีสุ, สาสเน จ ‘‘อิทํ เต, อาวุโส อานนฺท, ทุกฺกฏํ, ยํ ตฺวํ ภควนฺตํ น ปุจฺฉี’’ติอาทีสุ (จูฬว. ๔๔๓), เอวมิธ วินยปริยาเย กาเยน อกรณียมฺปิ ‘‘กายกมฺม’’นฺติ วุจฺจติ, อยเมว นโย วาจาย อาปชฺชตีติอาทีสุ. ตตฺถ สมุฏฺานคฺคหณํ กตฺตพฺพโต วา อกตฺตพฺพโต วา กายาทิเภทาเปกฺขเมว อาปตฺตึ อาปชฺชติ, น อฺถาติ ทสฺสนตฺถํ. กิริยาคฺคหณํ กายาทีนํ สวิฺตฺติกาวิฺตฺติกเภททสฺสนตฺถํ. สฺาคฺคหณํ อาปตฺติยา องฺคานงฺคจิตฺตวิเสสทสฺสนตฺถํ, เตน ยํ จิตฺตํ กิริยาลกฺขเณ, อกิริยาลกฺขเณ วา สนฺนิหิตํ, ยโต วา กิริยา วา อกิริยา วา โหติ, น ตํ อวิเสเสน อาปตฺติยา องฺคํ วา อนงฺคํ วา โหติ, กินฺตุ ยาย สฺาย ‘‘สฺาวิโมกฺข’’นฺติ วุจฺจติ, ตาย สมฺปยุตฺตํ จิตฺตํ องฺคํ, อิตรํ อนงฺคนฺติ ทสฺสิตํ โหติ. อิทานิ ¶ เยน จิตฺเตน สิกฺขาปทํ สจิตฺตกํ โหติ, ยทภาวา อจิตฺตกํ, เตน ตสฺส อวิเสเสน สาวชฺชตฺตา โลกวชฺชภาโวว วุจฺจติ, กินฺตุ สาวชฺชํเยว สมานํ เอกจฺจํ โลกวชฺชํ เอกจฺจํ ปณฺณตฺติวชฺชนฺติ ทสฺสนตฺถํ โลกวชฺชคฺคหณํ. จิตฺตเมว ยสฺมา ‘‘โลกวชฺช’’นฺติ วุจฺจติ, ตสฺมา มโนกมฺมมฺปิ สิยา อาปตฺตีติ อนิฏฺปฺปสงฺคนิวารณตฺถํ กมฺมคฺคหณํ. ยํ ปเนตฺถ อกิริยาลกฺขณํ กมฺมํ, ตํ กุสลตฺติกวินิมุตฺตํ สิยาติ อนิฏฺปฺปสงฺคนิวารณตฺถํ กุสลตฺติกคฺคหณํ. ยา ปเนตฺถ อพฺยากตา อาปตฺติ, ตํ เอกจฺจํ อเวทนมฺปิ สฺาเวทยิตนิโรธสมาปนฺโน อาปชฺชตีติ กตฺวา เวทนาตฺติกํ เอตฺถ น ลพฺภตีติ อนิฏฺปฺปสงฺคนิวารณตฺถํ เวทนาตฺติกคฺคหณํ กตนฺติ เวทิตพฺพํ. สิกฺขาปทฺหิ สจิตฺตกปุคฺคลวเสน ‘‘ติจิตฺตํ ติเวทน’’นฺติ ลทฺธโวหารํ อจิตฺตเกนาปนฺนมฺปิ ‘‘ติจิตฺตํ ติเวทน’’มิจฺเจว วุจฺจติ. ตตฺริทํ สุตฺตํ ‘‘อตฺถาปตฺติ อจิตฺตโก อาปชฺชติ อจิตฺตโก วุฏฺาติ ¶ (ปริ. ๓๒๔). อตฺถาปตฺติ กุสลจิตฺโต อาปชฺชติ กุสลจิตฺโต วุฏฺาตี’’ติอาทิ (ปริ. ๔๗๐). อนุคณฺิปเท ปน ‘‘สฺา สทา อนาปตฺติเมว กโรติ, จิตฺตํ อาปตฺติเมว, อจิตฺตกํ นาม วตฺถุอวิชานนํ, โนสฺาวิโมกฺขํ วีติกฺกมชานนํ, อิทเมเตสํ นานตฺต’’นฺติ วุตฺตํ.
สพฺพสงฺคาหกวเสนาติ สพฺพสิกฺขาปทานํ สงฺคหวเสน. ภิกฺขุนิยา จีวรทานาทิ กิริยากิริยโต. ชาตรูปรชตปฏิคฺคหณาทิ สิยา กิริยโต. อุปนิกฺขิตฺตาปฏิกฺเขเป สิยา อกิริยโต. เทสิตวตฺถุกปมาณาติกฺกนฺตกุฏิกรเณ สิยา กิริยโต, อเทสิตวตฺถุกปมาณาติกฺกนฺตกรเณ สิยา กิริยากิริยโต. ยํ จิตฺตงฺคํ ลภติเยวาติ กายจิตฺตํ วาจาจิตฺตนฺติ เอวํ. วินาปิ จิตฺเตนาติ เอตฺถ วินาปิ จิตฺเตน สหาปิ จิตฺเตนาติ อธิปฺปาโย. โย โส สวิฺตฺติโก, อวิฺตฺติโก จ วุตฺโต กาโย, ตสฺส กมฺมํ กายกมฺมํ, ตถา วจีกมฺมํ. ตตฺถ สวิฺตฺติโก กาโย อุปฺปตฺติยา กมฺมํ สาเธติ, อิตโร อนุปฺปตฺติยา. ตถา วาจาติ เวทิตพฺพํ, สิกฺขาปทนฺติ ‘‘โย ตตฺถ นามกาโย ปทกาโย’’ติ วจนโต วีติกฺกเม ยุชฺชตีติ วุตฺตํ. ‘‘หสิตุปฺปาทโวฏฺพฺพนานิปิ อาปตฺติสมุฏฺาปกจิตฺตานิ. อิทมฺปิ น มยา ปริจฺฉินฺนนฺติ หสมาโน ปสฺสติ ยทา, ตทา โวฏฺพฺพนํ ชวนคติก’’นฺติ อนุคณฺิปเท วุตฺตํ. อภิฺาจิตฺตานิ ปฺตฺตึ อชานิตฺวา อิทฺธิวิกุพฺพนาทิกาเล คเหตพฺพานิ.
เอตฺถ ¶ ปน โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน…เป… เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวนฺโต อตฺถิ โกจิ ปาราชิโก โหติ อสํวาโส, อตฺถิ โกจิ น ปาราชิโก โหติ อสํวาโส. ทุกฺกฏถุลฺลจฺจยวตฺถูสุ ปฏิเสวนฺโต อตฺถิ โกจิ น ปาราชิโก. ปกฺขปณฺฑโก อปณฺฑกปกฺเข อุปสมฺปนฺโน ปณฺฑกปกฺเข เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวนฺโต โส ปาราชิกํ อาปตฺตึ นาปชฺชตีติ น ปาราชิโก นาม. น หิ อภิกฺขุโน อาปตฺติ นาม อตฺถิ. โส อนาปตฺติกตฺตา อปณฺฑกปกฺเข อาคโต กึ อสํวาโส โหติ น โหตีติ? โหติ, ‘‘อภพฺโพ เตน สรีรพนฺธเนนา’’ติ (ปารา. ๕๕; มหาว. ๑๒๙) หิ วุตฺตํ. ‘‘โย ปน, ภิกฺขุ, ภิกฺขูนํ…เป… อสํวาโส’’ติ (ปารา. ๔๔) วุตฺตตฺตา โย ปน ภิกฺขุภาเวน เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวติ, โส เอว อภพฺโพ. นายํ อปาราชิกตฺตาติ เจ? น, ‘‘พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สงฺโฆ าเปตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๘๖) วุตฺตฏฺาเน ยถา อภิกฺขุนา กมฺมวาจาย สาวิตายปิ กมฺมํ รุหติ กมฺมวิปตฺติยา อสมฺภวโต, เอวํสมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ. ตตฺริทํ ยุตฺติ – อุปสมฺปนฺนปุพฺโพ เอว เจ กมฺมวาจํ สาเวติ, สงฺโฆ จ ตสฺมึ อุปสมฺปนฺนสฺี, เอวฺเจ กมฺมํ รุหติ, น อฺถาติ โน ขนฺตีติ อาจริโย. คหฏฺโ วา ติตฺถิโย วา ปณฺฑโก ¶ วา อนุปสมฺปนฺนสฺี กมฺมวาจํ สาเวติ, สงฺเฆน กมฺมวาจา น วุตฺตา โหติ, ‘‘สงฺโฆ อุปสมฺปาเทยฺย, สงฺโฆ อุปสมฺปาเทติ, อุปสมฺปนฺโน สงฺเฆนา’’ติ (มหาว. ๑๒๗) หิ วจนโต สงฺเฆน กมฺมวาจาย วตฺตพฺพาย สงฺฆปริยาปนฺเนน, สงฺฆปริยาปนฺนสฺิเตน วา เอเกน วุตฺตา สงฺเฆน วุตฺตาว โหตีติ เวทิตพฺโพ, อยเมว สพฺพกมฺเมสุ ยุตฺติ. ตถา อตฺถิ เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวนฺโต โกจิ นาเสตพฺโพ ‘‘โย ภิกฺขุนีทูสโก, อยํ นาเสตพฺโพ’’ติ วุตฺตตฺตา เอว, โส อนุปสมฺปนฺโนว, สหเสยฺยาปตฺติอาทึ ชเนติ, ตสฺส โอมสเน จ ทุกฺกฏํ โหติ. อภิกฺขุนิยา เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวนฺโต น นาเสตพฺโพ ‘‘อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺโน, ภิกฺขเว, อนุปสมฺปนฺโน…เป… นาเสตพฺโพ’’ติ ปาฬิยา อภาวโต. เตเนว โส อุปสมฺปนฺนสงฺขฺยํ คจฺฉติ, น สหเสยฺยาปตฺตาทึ ชเนติ, เกวลํ อสํวาโสติ กตฺวา คณปูรโก น โหติ, เอกกมฺมํ เอกุทฺเทโสปิ หิ สํวาโสติ วุตฺโต. สมสิกฺขตาปิ สํวาโสติ กตฺวา โส เตน สทฺธึ นตฺถีติ ปทโสธมฺมาปตฺตึ ปน ชเนตีติ การณจฺฉายา ทิสฺสติ. ยถา ภิกฺขุนิยา สทฺธึ ภิกฺขุสงฺฆสฺส เอกกมฺมาทิโน ¶ สํวาสสฺส อภาวา ภิกฺขุนี อสํวาสา ภิกฺขุสฺส, ตถา ภิกฺขุ จ ภิกฺขุนิยา, ปทโสธมฺมาปตฺตึ ปน ชเนติ. ตถา ‘‘อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺโนปิ เอกจฺโจ โย นาเสตพฺโพ’’ติ อวุตฺโตติ อิมินา นิทสฺสเนน สา การณจฺฉายา คหณํ น คจฺฉติ.
อปิ จ ‘‘ภิกฺขุ สุตฺตภิกฺขุมฺหิ วิปฺปฏิปชฺชติ, ปฏิพุทฺโธ สาทิยติ, อุโภ นาเสตพฺพา’’ติ (ปารา. ๖๖) จ, ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, เมตฺติยํ ภิกฺขุนึ นาเสถา’’ติ (ปารา. ๓๘๔) จ วจนโต โย สงฺฆมชฺฌํ ปวิสิตฺวา อนุวิชฺชเกน อนุวิชฺชิยมาโน ปราชาปิโต, โสปิ อนุปสมฺปนฺโนว, น โอมสวาทปาจิตฺติยํ ชเนตีติ เวทิตพฺพํ. กิฺจาปิ ‘‘อุปสมฺปนฺนํ อุปสมฺปนฺนสฺี ขุํเสตุกาโม’’ติ ปาฬิ นตฺถิ, กิฺจาปิ กงฺขาวิตรณิยํ ‘‘ยํ อกฺโกสติ, ตสฺส อุปสมฺปนฺนตา, อนฺาปเทเสน ชาติอาทีหิ อกฺโกสนํ, ‘มํ อกฺโกสตี’ติ ชานนา, อตฺถปุเรกฺขารตาทีนํ อภาโวติ อิมาเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานี’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. โอมสวาทสิกฺขาปทวณฺณนา) วุตฺตํ, ตถาปิ ทุฏฺโทสสิกฺขาปเท ‘‘อสุทฺโธ โหติ ปุคฺคโล อฺตรํ ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปนฺโน, ตฺเจ สุทฺธทิฏฺิ สมาโน โอกาสํ การาเปตฺวา อกฺโกสาธิปฺปาโย วเทติ, อาปตฺติ โอมสวาทสฺสา’’ติ (ปารา. ๓๘๙) วจนโต อสุทฺเธ อุปสมฺปนฺนสฺาย เอว โอมสนฺตสฺส ปาจิตฺติยํ. อสุทฺธทิฏฺิสฺส ทุกฺกฏํ. ‘‘สุทฺโธ โหติ ปุคฺคโล, อฺตรํ ปาราชิกํ ธมฺมํ อนชฺฌาปนฺโน, ตฺเจ สุทฺธทิฏฺิ สมาโน โอกาสํ การาเปตฺวา อกฺโกสาธิปฺปาโย วเทติ, อาปตฺติ โอมสวาทสฺสา’’ติ (ปารา. ๓๘๙) วจนโต ปน ¶ กงฺขาวิตรณิยํ ‘‘ตสฺส อุปสมฺปนฺนตา อุปสมฺปนฺนสฺิตา’’ติ น วุตฺตํ อเนกํสิกตฺตา ตสฺส องฺคสฺสาติ เวทิตพฺพํ.
อปิ เจตฺถ สิกฺขาปจฺจกฺขาตกจตุกฺกํ เวทิตพฺพํ, อตฺถิ ปุคฺคโล สิกฺขาปจฺจกฺขาตโก น สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน, อตฺถิ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน น สิกฺขาปจฺจกฺขาตโก, อตฺถิ สิกฺขาปจฺจกฺขาตโก เจว สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน จ, อตฺถิ เนว สิกฺขาปจฺจกฺขาตโก น สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน. ตตฺถ ตติโย ภิกฺขุนีสิกฺขาปจฺจกฺขาตโก เวทิตพฺโพ. สา หิ ยาว น ลิงฺคํ ปริจฺจชติ, กาสาเว สอุสฺสาหาว สมานา สามฺา จวิตุกามา สิกฺขํ ปจฺจกฺขนฺตีปิ ภิกฺขุนี เอว สิกฺขาสาชีวสมาปนฺนาว. วุตฺตฺหิ ภควตา ‘‘น, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนิยา สิกฺขาปจฺจกฺขาน’’นฺติ (จูฬว. ๔๓๔). กทา จ ปน สา ¶ อภิกฺขุนี โหตีติ? ยทา สามฺา จวิตุกามา คิหินิวาสนํ นิวาเสติ, สา ‘‘วิพฺภนฺตา’’ติ สงฺขฺยํ คจฺฉติ. วุตฺตฺหิ ภควตา ‘‘ยเทว สา วิพฺภนฺตา, ตเทว อภิกฺขุนี’’ติ (จูฬว. ๔๓๔). กิตฺตาวตา ปน วิพฺภนฺตา โหตีติ? สามฺา จวิตุกามา กาสาเวสุ อนาลยา กาสาวํ วา อปเนติ, นคฺคา วา คจฺฉติ, ติณปณฺณาทินา วา ปฏิจฺฉาเทตฺวา คจฺฉติ, กาสาวํเยว วา คิหินิวาสนากาเรน นิวาเสติ, โอทาตํ วา วตฺถํ นิวาเสติ, สลิงฺเคเนว วา สทฺธึ ติตฺถิเยสุ ปวิสิตฺวา เกสลฺุจนาทิวตํ สมาทิยติ, ติตฺถิยลิงฺคํ วา สมาทิยติ, ตทา วิพฺภนฺตา นาม โหติ. ตตฺถ ยา ภิกฺขุนิลิงฺเค ิตาว ติตฺถิยวตํ สมาทิยติ, สา ติตฺถิยปกฺกนฺตโก ภิกฺขุ วิย ปจฺฉา ปพฺพชฺชมฺปิ น ลภติ, เสสา ปพฺพชฺชเมเวกํ ลภนฺติ, น อุปสมฺปทํ. ปาฬิยํ กิฺจาปิ ‘‘ยา สา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนี สกาสาวา ติตฺถายตนํ สงฺกนฺตา, สา อาคตา น อุปสมฺปาเทตพฺพา’’ติ วจนโต ยา ปมํ วิพฺภมิตฺวา ปจฺฉา ติตฺถายตนํ สงฺกนฺตา, สา อาคตา อุปสมฺปาเทตพฺพาติ อนฺุาตํ วิย ทิสฺสติ. สงฺคีติอาจริเยหิ ปน ‘‘จตุวีสติ ปาราชิกานี’’ติ วุตฺตตฺตา น ปุน สา อุปสมฺปาเทตพฺพา, ตสฺมา เอว สิกฺขาปจฺจกฺขานํ นานฺุาตํ ภควตา. อนฺติมวตฺถุอชฺฌาปนฺนา ปน ภิกฺขุนี เอว. ปกฺขปณฺฑกีปิ ภิกฺขุนี เอว. กินฺติ ปุจฺฉา.
วินีตวตฺถุวณฺณนา
๖๗. วินีตานิ วินิจฺฉิตานิ วตฺถูนิ วินีตวตฺถูนิ. เตสํ เตสํ ‘‘เตน โข ปน สมเยน อฺตโร ภิกฺขู’’ติอาทีนํ วตฺถูนํ ปาเฏกฺกํ นามคณนํ อุทฺธริตฺวา อุทฺธริตฺวา อูนาธิกโทสโสธนฏฺเน อุทฺทานา จ ตา มตฺราทิสิทฺธิคาถาหิ ฉนฺโทวิจิติลกฺขเณน คาถา จาติ ‘‘อุทฺทานคาถา ¶ นามา’’ติ วุตฺตํ, เท, โสธเน อิติ ธาตุสฺส รูปํ อุทฺทานาติ เวทิตพฺพํ. อิมา ปน อุทฺทานคาถา ธมฺมสงฺคาหกตฺเถเรหิ สงฺคีติกาเล ปิตา, กตฺถาติ เจ? ปทภาชนียาวสาเน. ‘‘วตฺถุคาถา นาม ‘เตน โข ปน สมเยน อฺตโร ภิกฺขู’ติอาทีนํ อิเมสํ วินีตวตฺถูนํ นิทานานี’’ติ คณฺิปเท วุตฺตํ, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยน วินีตวตฺถูนิ เอว ‘‘วตฺถุคาถา’’ติ วุตฺตาติ เวทิตพฺพํ. อิทเมตฺถ สมาสโต อธิปฺปายนิทสฺสนํ ¶ – ‘‘อาปตฺตึ ตฺวํ, ภิกฺขุ, อาปนฺโน ปาราชิก’’นฺติ มูลาปตฺติทสฺสนวเสน วา, ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, ปาราชิกสฺส, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺส, ทุกฺกฏสฺสา’’ติ อาปตฺติเภททสฺสนวเสน วา, ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, อสาทิยนฺตสฺสา’’ติ อนาปตฺติทสฺสนวเสน วา ยานิ วตฺถูนิ วินีตานิ วินิจฺฉิตานิ, ตานิ วินีตวตฺถูนิ นาม. เตสํ วินีตวตฺถูนํ นิทานวตฺถุทีปิกา ตนฺติ วตฺถุคาถา นาม. อุทฺทานคาถาว ‘‘วตฺถุคาถา’’ติ วุตฺตาติ เอเก. เตสํ ‘‘อิมินา ลกฺขเณน อายตึ วินยธรา วินยํ วินิจฺฉินิสฺสนฺตี’’ติ วจเนน วิรุชฺฌติ. น หิ อุทฺทานคาถายํ กิฺจิปิ วินิจฺฉยลกฺขณํ ทิสฺสติ, อุทฺทานคาถานํ วิสุํ ปโยชนํ วุตฺตํ ‘‘สุขํ วินยธรา อุคฺคณฺหิสฺสนฺตี’’ติ, ตสฺมา ปโยชนนานตฺตโตเปตํ นานตฺตํ เวทิตพฺพํ. ตตฺถายํ วิคฺคโห – วตฺถูนิ เอว คาถา วตฺถุคาถา. วินีตวตฺถุโต วิเสสนตฺถเมตฺถ คาถาคฺคหณํ. อุทฺทานคาถาโต วิเสสนตฺถํ วตฺถุคฺคหณนฺติ เวทิตพฺพํ. เกจิ ปน ‘‘คาถานํ วตฺถูนีติ วตฺตพฺเพ วตฺถุคาถาติ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ. มกฺกฏิวตฺถุํ อฺเ ตตฺถ ภิกฺขู อาโรเจสุํ, อิธ สยเมว. ตตฺถ การณสฺส ‘‘ภควตา สิกฺขาปทํ ปฺตฺต’’นฺติ วุตฺตตฺตา วชฺชิปุตฺตกาปิ อฺเ เอว. ‘‘ตตฺถ อานนฺทตฺเถโร, อิธ เต เอวา’’ติ อฺตรสฺมึ คณฺิปเท วุตฺตํ. อาจริยสฺส อธิปฺปาโย ปุพฺเพ วุตฺโต, ตสฺมา อุปปริกฺขิตพฺพํ.
๖๗-๘. ตฺวาติ อปุจฺฉิตฺวา สยเมว ตฺวา. โปกฺขรนฺติ สรีรํ เภริโปกฺขรํ วิย. โลกิยา อวิกลํ ‘‘สุนฺทร’’นฺติ วทนฺติ, ตสฺมา วณฺณโปกฺขรตายาติ ปเมนตฺเถน วิสิฏฺกายจฺฉวิตายาติ อตฺโถ, ทุติเยน วณฺณสุนฺทรตายาติ. ‘‘อุปฺปลคพฺภวณฺณตฺตา สุวณฺณวณฺณา, ตสฺมา อุปฺปลวณฺณาติ นามํ ลภี’’ติ คณฺิปเท วุตฺตํ. นีลุปฺปลวณฺณา กายจฺฉวีติ วจนํ ปน สามจฺฉวึ ทีเปติ. โลเก ปน ‘‘อุปฺปลสมา ปสตฺถสามา’’ติ วจนโต ‘‘ยา สามา สามวณฺณา สามตนุมชฺฌา, สา ปาริจริยา สคฺเค มม วาโส’’ติ วจนโต สามจฺฉวิกา อิตฺถีนํ ปสตฺถา. ‘‘ยาวสฺสา นํ อนฺธการ’’นฺติปิ ปาโ. กิเลสกาเมหิ วตฺถุกาเมสุ โย น ลิมฺปติ.
๖๙. อิตฺถิลิงฺคํ ปาตุภูตนฺติ อิตฺถิสณฺานํ ปาตุภูตํ, ตฺจ โข ปุริสินฺทฺริยสฺส อนฺตรธาเนน ¶ อิตฺถินฺทฺริยสฺส ปาตุภาเวน. เอวํ ปุริสินฺทฺริยปาตุภาเวปิ. เอเตน ยถา พฺรหฺมานํ ปุริสินฺทฺริยํ นุปฺปชฺชติ, เกวลํ ปุริสสณฺานเมว ¶ อุปฺปชฺชติ, ยถา จ กสฺสจิ ปณฺฑกสฺส วินาปิ ปุริสินฺทฺริเยน ปุริสสณฺานํ อุปฺปชฺชติ, น ตถา เตสนฺติ ทสฺสิตํ โหติ, ตํ ปน อิตฺถินฺทฺริยํ, ปุริสินฺทฺริยํ วา อนฺตรธายนฺตํ มรนฺตานํ วิย ปฏิโลมกฺกเมน สตฺตรสมจิตฺตกฺขณโต ปฏฺาย อนฺตรธายติ. ปจฺจุปฺปนฺเน อินฺทฺริเย นิรุทฺเธ อิตรํ วิสภาคินฺทฺริยํ ปาตุภวติ. ยสฺมา มหานิทฺทํ โอกฺกนฺตสฺเสว กิรสฺส วิสภาคินฺทฺริยํ ปาตุภวติ, ตสฺมา ‘‘รตฺติภาเค นิทฺทํ โอกฺกนฺตสฺสา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตํเยว อุปชฺฌํ ตเมว อุปสมฺปท’’นฺติ วจนโต ปวตฺตินีเยว อุปชฺฌายา, อุปสมฺปทาจริยา ภิกฺขุนีเยว อาจริยาติ กตฺวา ตาสํ อุปชฺฌายวตฺตํ, อาจริยวตฺตฺจ อิมินา ภิกฺขุนาสทาสายํ ปาตํ ภิกฺขุนุปสฺสยํ คนฺตฺวา กาตพฺพํ, ตาหิ จ อิมสฺส วิหารํ อาคมฺม สทฺธิวิหาริกวตฺตาทิ กาตพฺพํ นุ โขติ เจ? ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนีหิ สงฺคมิตุ’’นฺติ วจเนน วินาภาวทีปนโต เกวลํ น ปุน อุปชฺฌา คเหตพฺพา, น จ อุปสมฺปทา กาตพฺพาติ ทสฺสนตฺถเมว ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตํเยว อุปชฺฌ’’นฺติอาทิ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ ภิกฺขุนีหิ สงฺคมิตุนฺติ ภิกฺขูหิ วินา หุตฺวา ภิกฺขุนีหิ เอว สทฺธึ สมงฺคี ภวิตุํ อนุชานามีติ อตฺโถ, ตสฺมา อิมินา ปาฬิเลเสน ‘‘ตสฺสา เอว คามนฺตราทีหิ อนาปตฺตี’’ติ อฏฺกถาวจนํ สิทฺธํ โหติ, อาคนฺตฺวา สงฺคมิตุํ สกฺกา, ยฺจ ภควตา คมนํ อนฺุาตํ, ตํ นิสฺสาย กุโต คามนฺตราทิปจฺจยา อาปตฺติ. น หิ ภควา อาปตฺติยํ นิโยเชตีติ ยุตฺตเมว ตํ, อฺถา ‘‘ยา อาปตฺติโย ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีหิ อสาธารณา, ตาหิ อาปตฺตีหิ อนาปตฺตี’’ติ ปาฬิวจนโต น คามนฺตราทีหิ อนาปตฺตีติ อาปชฺชติ. สาธารณตา อาปตฺติเยว ‘‘ยา อาปตฺติโย ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีหิ อสาธารณา, ยา จ ภิกฺขุนีหิ สงฺคมนฺติยา คามนฺตรนทีปารรตฺติวิปฺปวาสคณโอหียนาปตฺติโย, ตาหิ อาปตฺตีหิ อนาปตฺตี’’ติ น วุตฺตตฺตาติ เจ? น วุตฺตํ อนิฏฺปฺปสงฺคโต. ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ สงฺกนฺตายปิ ตสฺสา ตา ปหาย อฺาหิ สงฺคมนฺติยา คามนฺตราทีหิ อนาปตฺติ เอว สพฺพกาลนฺติ อิมสฺส อนิฏฺปฺปสงฺคโต ตถา น วุตฺตนฺติ อตฺโถ. ตตฺถ คามนฺตราปตฺตาทิวตฺถุํ สฺจิจฺจ ตสฺมึ กาเล อชฺฌาจรนฺตีปิ สา ลิงฺคปาตุภาเวน การเณน อนาปชฺชนโต อนาปตฺติ. อนาปชฺชนฏฺเเนว วุฏฺาติ นามาติ เวทิตพฺพา. ตถา โยคี อนุปฺปนฺเน ¶ เอว กิเลเส นิโรเธติ. อพนฺธโนปิ ปตฺโต ‘‘อูนปฺจพนฺธโน’’ติ วุจฺจติ, สพฺพโส วา ปน น สาเวติ อปฺปจฺจกฺขาตา โหติ สิกฺขา, เอวมิธ อนาปนฺนาปิ อาปตฺติ วุฏฺิตา นาม โหตีติ เวทิตพฺพา.
ยสฺมา ปน สา ปุริเสน สหเสยฺยาปตฺตึ อนาปชฺชนฺตีปิ สกฺโกติ ภิกฺขุนีหิ สงฺคมิตุํ ¶ , ตสฺมา อนาปตฺตีติ กตฺวา อฏฺกถายํ ‘‘อุภินฺนมฺปิ สหเสยฺยาปตฺติ โหตี’’ติ วุตฺตํ. วุตฺตฺเหตํ ปริวาเร ‘‘อปเรหิปิ จตูหากาเรหิ อาปตฺตึ อาปชฺชติ สงฺฆมชฺเฌ คณมชฺเฌ ปุคฺคลสฺส สนฺติเก ลิงฺคปาตุภาเวนา’’ติ (ปริ. ๓๒๔). ยํ ปน วุตฺตํ ปริวาเร ‘‘อตฺถาปตฺติ อาปชฺชนฺโต วุฏฺาติ วุฏฺหนฺโต อาปชฺชตี’’ติ (ปริ. ๓๒๔), ตสฺส สหเสยฺยาทึ อาปชฺชติ อสาธารณาปตฺตีหิ วุฏฺาติ, ตทุภยมฺปิ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ทูเร วิหาโร โหติ ปฺจธนุสติกํ ปจฺฉิมํ, วิหารโต ปฏฺาย คามํ ปวิสนฺติยา คามนฺตรํ โหตีติ อตฺโถ. สํวิทหนํ ปริโมเจตฺวาติ อทฺธานคมนสํวิทหนํ อกตฺวาติ อตฺโถ. ตา โกเปตฺวาติ ปริจฺจชิตฺวาติ อตฺโถ. ‘‘ปริปุณฺณวสฺสสามเณเรนาปี’’ติ วจนโต อปริปุณฺณวสฺสสฺส อุปชฺฌายคฺคหณํ นตฺถีติ วิย ทิสฺสติ. วินยกมฺมํ กตฺวา ปิโตติ วิกปฺเปตฺวา ปิโต. อวิกปฺปิตานํ ทสาหาติกฺกเม นิสฺสคฺคิยตา เวทิตพฺพา. ปุน ปฏิคฺคเหตฺวา สตฺตาหํ วฏฺฏตีติ ปน ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ สนฺนิธึ ภิกฺขุนีหิ ปฏิคฺคาหาเปตฺวา ปริภฺุชิตุ’’นฺติ (จูฬว. ๔๒๑) วจนโต วุตฺตํ. อนเปกฺขวิสฺสชฺชเนนาติ วตฺถุํ อนเปกฺขวิสฺสชฺชเนน วา ปฏิคฺคหเณน วา ปุน ปฏิคฺคเหตฺวา ปริภฺุชิสฺสามีติ. ปกฺขมานตฺตกาเล ปุนเทว ลิงฺคํ ปริวตฺตติ ฉารตฺตํ มานตฺตเมว ทาตพฺพนฺติ สเจ, ภิกฺขุกาเล อปฺปฏิจฺฉนฺนาย อาปตฺติยา, โน ปฏิจฺฉนฺนายาติ โน ลทฺธีติ อาจริโย.
ปริวาสทานํ ปน นตฺถีติ ภิกฺขุนิยา ฉาทนาสมฺภวโต วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. สเจ ภิกฺขุนี อสาธารณํ ปาราชิกาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ปุริสลิงฺคํ ปฏิลภติ, ภิกฺขูสุ อุปสมฺปทํ น ลภติ, ปพฺพชฺชํ ลภติ, อนุปพฺพชิตฺวา ภิกฺขุภาเว ิโต สหเสยฺยาปตฺตึ น ชเนติ. วิพฺภนฺตาย ภิกฺขุนิยา ปุริสลิงฺเค ปาตุภูเต ภิกฺขูสุ อุปสมฺปทํ น ลภติ, ปาราชิกํ. อวิพฺภนฺตมานสฺส คหฏฺสฺเสว สโต ภิกฺขุนีทูสกสฺส สเจ อิตฺถิลิงฺคํ ปาตุภวติ, เนว ภิกฺขุนีสุ อุปสมฺปทํ ลภติ, น ¶ ปุน ลิงฺคปริวตฺเต ชาเต ภิกฺขูสุ วาติ. ภิกฺขุนิยา ลิงฺคปริวตฺเต สติ ภิกฺขุ โหติ, โส เจ สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย วิพฺภมิตฺวา อิตฺถิลิงฺคํ ปฏิลเภยฺย, ภิกฺขุนีสุ อุปสมฺปทํ ปฏิลภติ อุภยตฺถ ปุพฺเพ ปาราชิกภาวํ อปฺปตฺตตฺตา. ยา ปน ภิกฺขุนี ปริปุณฺณทฺวาทสวสฺสา ปุริสลิงฺคํ ปฏิลเภยฺย, อุปสมฺปนฺโน ภิกฺขุ เอว. ปุน สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย อาคโต น อุปสมฺปาเทตพฺโพ อปริปุณฺณวีสติวสฺสตฺตา. ปุน ลิงฺคปริวตฺเต สติ ภิกฺขุนีสุ อุปสมฺปทํ ลภติ. เอวํ เจ กตทฺวาทสสงฺคหสฺส ทารกสฺส ลิงฺคปริวตฺเต สติ คิหิคตา อิตฺถี โหติ, ปริปุณฺณทฺวาทสวสฺสา อุปสมฺปาเทตพฺพา กิร. ภิกฺขุนิยา อิตฺถิลิงฺคนฺตรธาเนน, ภิกฺขุสฺส วา ปุริสลิงฺคนฺตรธาเนน ปกฺขปณฺฑกภาโว ภเวยฺย, น สา ภิกฺขุนี ภิกฺขุนีหิ นาเสตพฺพา ภิกฺขุ วา ภิกฺขูหิ ปุน ปกติภาวาปตฺติสมฺภวา ¶ . ปกติปณฺฑกํ ปน สนฺธาย ‘‘ปณฺฑโก นาเสตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. ปกฺขปณฺฑโก หิ สํวาสนาสนาย นาเสตพฺโพ, อิตโร อุภยนาสนายาติ อตฺโถ. ยทิ เตสํ ปุน ปกติภาโว ภเวยฺย, ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตํเยว อุปชฺฌํ ตเมว อุปสมฺปทํ ตานิเยว วสฺสานิ ภิกฺขุนีหิ สงฺคมิตุ’’นฺติ อยํ วิธิ สมฺภวติ. สเจ เนสํ ลิงฺคนฺตรํ ปาตุภเวยฺย, โส จ วิธิ, ยา อาปตฺติโย ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีหิ สาธารณา, ตา อาปตฺติโย ภิกฺขุนีนํ สนฺติเก วุฏฺาตุํ อสาธารณาหิ อนาปตฺตีติ อยมฺปิ วิธิ สมฺภวติ. ยํ วุตฺตํ ปริวาเร ‘‘สห ปฏิลาเภน ปุริมํ ชหติ, ปจฺฉิเม ปติฏฺาติ, วิฺตฺติโย ปฏิปฺปสฺสมฺภนฺติ, ปฺตฺติโย นิรุชฺฌนฺติ, สห ปฏิลาเภน ปจฺฉิมํ ชหติ, ปุริเม ปติฏฺาติ, วิฺตฺติโย’’ติอาทิ, ตํ ยถาวุตฺตวิธึ สนฺธาย วุตฺตนฺติ อมฺหากํ ขนฺตีติ อาจริโย. อิตฺถิลิงฺคํ, ปุริสลิงฺคํ วา อนฺตรธายนฺตํ กึ สกลมฺปิ สรีรํ คเหตฺวา อนฺตรธายติ, อุทาหุ สยเมว. กิฺเจตฺถ – ยทิ ตาว สกลํ สรีรํ คเหตฺวา อนฺตรธายติ, อยํ ปุคฺคโล จุโต ภเวยฺย. ตสฺมา สามฺา จุโต ภเวยฺย, ปุน อุปสมฺปชฺชนฺโต โอปปาติโก ภเวยฺย. อถ สยเมว อนฺตรธายติ, โสปิ ภาโว ตสฺส วิรุชฺฌติ. อิตฺถินฺทฺริยาทีนิ หิ สกลมฺปิ สรีรํ พฺยาเปตฺวา ิตานีติ ขณนิโรโธ วิย เตสํ อนฺตรธานํ เวทิตพฺพํ, ตสฺมา ยถาวุตฺตโทสปฺปสงฺคาภาโว เวทิตพฺโพ. อฺมฺํ สํสฏฺปฺปภานํ ทีปานํ เอกปฺปภานิโรเธปิ อิตริสฺสา านํ วิย เสสสรีรฏฺานํ ตตฺถ โหตีติ เวทิตพฺพํ.
๗๑-๒. มุจฺจตุ ¶ วา มา วา ทุกฺกฏเมวาติ โมจนราคาภาวโต. อวิสโยติ อสาทิยนํ นาม เอวรูเป าเน ทุกฺกรนฺติ อตฺโถ. เมถุนธมฺโม นาม อุภินฺนํ วายาเมน นิปชฺชติ ‘‘ตสฺส ทฺวยํทฺวยสมาปตฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา, ตสฺมา ตฺวํ มา วายาม, เอวํ เต อนาปตฺติ ภวิสฺสติ, กิริยฺเหตํ สิกฺขาปทนฺติ วุตฺตํ โหติ, ‘‘อาปตฺตึ ตฺวํ ภิกฺขุ อาปนฺโน ปาราชิก’’นฺติ วจนโต อกิริยมฺเปตํ สิกฺขาปทํ เยภุยฺเยน ‘‘กิริย’’นฺติ วุจฺจตีติ สิทฺธํ โหติ.
๗๓-๔. ‘‘ปาราชิกภเยน อากาสคตเมว กตฺวา ปเวสนาทีนิ กโรนฺตสฺส สหสา ตาลุกํ วา ปสฺสํ วา องฺคชาตํ ฉุปติ เจ, ทุกฺกฏเมวา’’ติ วทนฺติ. กสฺมา? น เมถุนราคตฺตาติ, วีมํสิตพฺพํ. ทนฺตานํ พาหิรภาโว โอฏฺานํ พาหิรภาโว วิย ถุลฺลจฺจยวตฺถุ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘พหิ นิกฺขนฺตทนฺเต ชิวฺหาย จ ถุลฺลจฺจย’’นฺติ. ตํ ปุคฺคลํ วิสฺึ กตฺวาติ วจเนน โส ปุคฺคโล ขิตฺตจิตฺโต นาม โหตีติ ทสฺสิตํ โหติ. โย ปน ปุคฺคโล น วิสฺีกโต, โส เจ อตฺตโน องฺคชาตสฺส ธาตุฆฏฺฏนจริณิชฺฌิณิกาทิสฺาย สาทิยติ, เมถุนสฺาย ¶ อภาวโต วิสฺีปกฺขเมว ภชตีติ ตสฺส อนาปตฺติจฺฉายา ทิสฺสติ. ‘‘เมถุนเมตํ มฺเ กสฺสจิ อมนุสฺสสฺสา’’ติ ตฺวา สาทิยนฺตสฺส อาปตฺติ เอว. ปณฺฑกสฺส เมถุนธมฺมนฺติ ปณฺฑกสฺส วจฺจมคฺเค วา มุเข วา, ภุมฺมตฺเถ วา สามิวจนํ. อเวทยนฺตสฺสปิ เสวนจิตฺตวเสน อาปตฺติ สนฺถเตเนว เสวเน วิย.
อุปหตินฺทฺริยวตฺถุสฺมึ ‘‘เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ, โส อาโรเจสี’’ติ ทุวิโธ ปาโ อตฺถิ. ตตฺถ ‘‘อาโรเจสุ’’นฺติ วุตฺตปาโ ‘‘เวทิยิ วา โส ภิกฺขเว’’ติ วุตฺตตฺตา สุนฺทรํ, อฺถา ‘‘อาปตฺตึ ตฺวํ ภิกฺขู’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา. ‘‘เวทิยา วา’’ติ ทีปวาสิโน ปนฺติ กิร, เมถุนธมฺมสฺส ปุพฺพปโยคา หตฺถคฺคาหาทโย, ตสฺมา ‘‘ทุกฺกฏเมวสฺส โหตี’’ติ อิมินา ปุริมปเทน สมฺพนฺโธ. ยสฺมา ปน ทุกฺกฏเมวสฺส โหติ, ตสฺมา ยาว สีสํ น ปาปุณาติ ปุคฺคโล, ตาว ทุกฺกเฏ ติฏฺตีติ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. สีสํ นาม มคฺคปฏิปาทนํ. ‘‘สีสํ น ปาปุณาตีติ ปาราชิกํ น โหติ ตาว ปุพฺพปโยคทุกฺกเฏ ติฏฺตี’’ติ อฺตรสฺมึ คณฺิปเท ลิขิตํ ¶ . อุจฺจาลิงฺคปาณกทฏฺเนาติ เอตฺถ ภาวนิฏฺาปจฺจโย เวทิตพฺโพ. ทฏฺเน ทํเสน ขาทเนนาติ หิ อตฺถโต เอกํ.
๗๖-๗. สงฺคามสีเส ยุทฺธมุเข โยธปุริโส วิยายํ ภิกฺขูติ ‘‘สงฺคามสีสโยโธ ภิกฺขู’’ติ วุจฺจติ. รุกฺขสูจิทฺวารํ อุปิลวาย, เอเกน วา พหูหิ วา กณฺฏเกหิ ถกิตพฺพํ กณฺฏกทฺวารํ. ทุสฺสทฺวารํ สาณิทฺวารฺจ ทุสฺสสาณิทฺวารํ. ‘‘กิลฺชสาณี’’ติอาทินา วุตฺตํ สพฺพมฺปิ ทุสฺสสาณิยเมว สงฺคเหตฺวา วุตฺตํ. เอกสทิสตฺตา ‘‘เอก’’นฺติ วุตฺตํ. อากาสตเลติ หมฺมิยตเลติ อตฺโถ. อยฺเหตฺถ สงฺเขโปติ อิทานิ วตฺตพฺพํ สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘กิฺจิ กโรนฺตา นิสินฺนา โหนฺตีติ วุตฺตตฺตา นิปนฺนานํ อาปุจฺฉนํ น วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘ยถาปริจฺเฉทเมว จ น อุฏฺาติ, ตสฺส อาปตฺติเยวา’’ติ กิฺจาปิ อวิเสเสน วุตฺตํ, อนาทริยทุกฺกฏาปตฺติ เอว ตตฺถ อธิปฺเปตา. กถํ ปฺายตีติ? ‘‘รตฺตึ ทฺวารํ วิวริตฺวา นิปนฺโน อรุเณ อุคฺคเต อุฏฺหติ, อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา, มหาปจฺจริยํ วิเสเสตฺวา ‘‘อนาทริยทุกฺกฏาปิ น มุจฺจตี’’ติ วุตฺตตฺตา จ, เตน อิตรสฺมา ทุกฺกฏา มุจฺจตีติ อธิปฺปาโย. ยถาปริจฺเฉทเมว จ น อุฏฺาติ, ตสฺส อาปตฺติเยวาติ เอตฺถ น อนาทริยทุกฺกฏํ สนฺธาย วุตฺตํ. ยถาปริจฺเฉทเมวาติ อวธารณตฺตา ปริจฺเฉทโต อพฺภนฺตเร น โหตีติ วุตฺตํ โหติ. ปุน ‘‘สุปตี’’ติ วุตฺตฏฺาเน วิย สนฺนิฏฺานํ คเหตฺวา วุตฺตํ. เอวํ นิปชฺชนฺโตติ นิปชฺชนกาเล อาปชฺชิตพฺพทุกฺกฏเมว สนฺธาย วุตฺตํ, ตสฺมา ยถาปริจฺเฉเทน อุฏฺหนฺตสฺส ทฺเว ทุกฺกฏานีติ วุตฺตํ โหตีติ. อนฺธกฏฺกถายมฺปิ ‘‘ยทิ รตฺตึ ทฺวารํ อสํวริตฺวา นิปนฺโน ‘ทิวา วุฏฺหิสฺสามี’ติ, อนาทริเย อาปตฺติ ¶ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ วุตฺตํ, เอตฺถาปิ ‘‘นิปนฺโน’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘อรุเณ อุฏฺิเต อุฏฺาหี’’ติ น วุตฺตตฺตา จ ชานิตพฺพํ. ‘‘มหาปจฺจริยํ อนาทริยทุกฺกฏเมว สนฺธาย วุตฺตํ, น อฏฺกถายํ วุตฺตทุกฺกฏ’’นฺติ เอเก วทนฺติ. ตสฺส อนาปตฺตีติ อตฺถโต อนิปนฺนตฺตา วุตฺตํ. ‘‘สเจ ปน รตฺตึ สํวริตฺวา นิปนฺโน, อรุณุฏฺานสมเย โกจิ วิวรติ, ทฺวารชคฺคนาทีนิ อกตฺวา นิปนฺนสฺส อาปตฺติเยว. กสฺมา? อาปตฺติเขตฺตตฺตา’’ติ วทนฺติ.
ยสฺมา ยกฺขคหิตโกปิ วิสฺีภูโต วิย ขิตฺตจิตฺโต นาม โหติ, อสฺส ปาราชิกาปตฺติโต อนาปตฺติ, ปเคว อฺโต, ตสฺมา ‘‘ยกฺขคหิตโก วิย วิสฺีภูโตปิ น มุจฺจตี’’ติ ยํ มหาปจฺจริยํ วุตฺตํ, ตํ ปุพฺเพ ¶ สฺจิจฺจ ทิวา นิปนฺโน ปจฺฉา ยกฺขคหิตโกปิ วิสฺีภูโตปิ น มุจฺจติ นิปชฺชนปโยคกฺขเณ เอว อาปนฺนตฺตาติ อธิปฺปาเยน วุตฺตํ. พนฺธิตฺวา นิปชฺชาปิโตว มุจฺจตีติ น ยกฺขคหิตกาทีสฺเวว, โสปิ ยาว สยเมว สยนาธิปฺปาโย น โหติ, ตาว มุจฺจติ. ยทา กิลนฺโต หุตฺวา นิทฺทายิตุกามตาย สยนาธิปฺปาโย โหติ, ตทา สํวราเปตฺวา, ชคฺคาเปตฺวา วา อาโภคํ วา กตฺวา นิทฺทายิตพฺพํ, อฺถา อาปตฺติ. สภาโค เจ นตฺถิ, น ปสฺสติ วา, น คนฺตุํ วา สกฺโกติ. จิรมฺปิ อธิวาเสตฺวา ปจฺฉา เวทนาฏฺโฏ หุตฺวา อนาโภเคเนว สยติ, ตสฺส ‘‘อนาปตฺติ เวทนาฏฺฏสฺสา’’ติ วจเนน อนาปตฺติ, ตสฺสาปิ อวิสยตฺตา อาปตฺติ น ทิสฺสตีติ วิสฺีภาเวเนว สุปนฺตสฺส ‘‘อนาปตฺติ ขิตฺตจิตฺตสฺสา’’ติ วจเนน น ทิสฺสติ. อาจริยา ปน เอวํ น กถยนฺตีติ อวิเสเสน ‘‘น ทิสฺสตี’’ติ น กถยนฺติ, ยทิ สฺํ อปฺปฏิลภิตฺวา สยติ, อวสวตฺตตฺตา อาปตฺติ น ทิสฺสติ, สเจ สฺํ ปฏิลภิตฺวาปิ กิลนฺตกายตฺตา สยนํ สาทิยนฺโต สุปติ, ตสฺส ยสฺมา อวสวตฺตตฺตํ น ทิสฺสติ, ตสฺมา อาปตฺติ เอวาติ กถยนฺตีติ อธิปฺปาโย.
มหาปทุมตฺเถรวาเท ยกฺขคหิตโก ขิตฺตจิตฺตโก มุจฺจติ. พนฺธิตฺวา นิปชฺชาปิโต อสยนาธิปฺปายตฺตา, เวทนาฏฺฏตฺตา จ มุจฺจตีติ อธิปฺปาโย. เอวํ สนฺเต ปาฬิอฏฺกถา, เถรวาโท จ สเมติ, ตสฺมา เตสํ เตสํ วินิจฺฉยานํ อยเมว อธิปฺปาโยติ โน ขนฺตีติ อาจริโย, อนุคณฺิปเท ปน ยกฺขคหิตโกปิ วิสฺีภูโตปิ น มุจฺจติ นาม, ปาราชิกํ อาปชฺชิตุํ ภพฺโพ โส อนฺตรนฺตรา สฺาปฏิลาภโตติ อธิปฺปาโย. ‘‘พนฺธิตฺวา นิปชฺชาปิโต วา’’ติ กุรุนฺทีวจเนน เอกภงฺเคน นิปนฺโนปิ น มุจฺจตีติ เจ? มุจฺจติเยว. กสฺมา? อตฺถโต อนิปนฺนตฺตา. กุรุนฺทีวาเทน มหาอฏฺกถาวาโท สเมติ. กสฺมา? อวสวตฺตสามฺโต. กิฺจาปิ สเมติ, อาจริยา ปน เอวํ น กถยนฺติ. น เกวลํ เตเยว, มหาปทุมตฺเถโรปีติ ¶ ทสฺสนตฺถํ ‘‘มหาปทุมตฺเถเรนา’’ติ วุตฺตํ. มหาปทุมตฺเถรวาเท ‘‘ปาราชิกํ อาปชฺชิตุํ อภพฺโพ ยกฺขคหิตโก นามา’’ติ จ วุตฺตํ, ตตฺถ อาจริยา ปน เอวํ วทนฺติ ‘‘สเจ โอกฺกนฺตนิทฺโท อชานนฺโตปิ ปาเท มฺจกํ อาโรเปติ, อาปตฺติเยวาติ วุตฺตตฺตา โย ปน ปติตฺวา ตตฺเถว สยติ น วุฏฺาติ, ตสฺส อาปตฺติ อนฺตรนฺตรา ชานนฺตสฺสาปิ อชานนฺตสฺสาปิ โหตี’’ติ ¶ . สพฺพฏฺกถาสุ วุตฺตวจนานิ สมฺปิณฺเฑตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘อิธ โก มุจฺจติ โก น มุจฺจตี’’ติ วุตฺตํ. ยกฺขคหิตโก วา วิสฺีภูโต วา น เกวลํ ปาราชิกํ อาปชฺชิตุํ ภพฺโพ เอว, สพฺโพปิ อาปชฺชติ. เอวํ ‘‘พนฺธิตฺวา นิปชฺชาปิโตว มุจฺจตี’’ติ วจเนน ตสฺสปิ อวสวตฺตตฺตา ‘‘อาปตฺติ น ทิสฺสตี’’ติ เอวํ น กถยนฺติ. ยสฺมา อุมฺมตฺตกขิตฺตจิตฺตเวทนาฏฺเฏสุ อฺตโร น โหติ, ตสฺมา ‘‘อาปตฺติเยวา’’ติ กถยนฺติ. อิทํ กิร สพฺพํ น สงฺคีตึ อารุฬฺหํ. ‘‘ปเวสนํ สาทิยตีติอาทินา วุตฺตตฺตา อกิริยาปิ โหตีติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ, ยทา ปน สาทิยติ, ตทา สุขุมาปิ วิฺตฺติ โหติ เอวาติ อิธ กิริยา เอวา’’ติ อนุคณฺิปเท วุตฺตํ.
ปมปาราชิกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ทุติยปาราชิกํ
ธนิยวตฺถุวณฺณนา
๘๔. ทุติเย ราชูหิ เอว ปริคฺคหิตตฺตา ‘‘ราชคห’’นฺติ ลทฺธนามเก สมีปตฺเถน, อธิกรณตฺเถน จ ปฏิลทฺธภุมฺมวิภตฺติเก คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเต จตูหิ วิหาเรหิ วิหรนฺโตติ อธิปฺปาโย. ตสฺส ‘‘วสฺสํ อุปคจฺฉึสู’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. ตโย เอว หิ ตฺตึ เปตฺวา คณกมฺมํ กโรนฺติ, น ตโต อูนา อธิกา วา อกิริยตฺตา. ตตฺถ วินยปริยาเยน สงฺฆคณปุคฺคลกมฺมโกสลฺลตฺถํ อิทํ ปกิณฺณกํ เวทิตพฺพํ – อตฺถิ สงฺฆกมฺมํ สงฺโฆ เอว กโรติ, น คโณ น ปุคฺคโล, ตํ อปโลกนกมฺมสฺส กมฺมลกฺขเณกเทสํ เปตฺวา อิตรํ จตุพฺพิธมฺปิ กมฺมํ เวทิตพฺพํ. อตฺถิ สงฺฆกมฺมํ สงฺโฆ จ กโรติ, คโณ จ กโรติ, ปุคฺคโล จ กโรติ. กิฺจาติ? ยํ ปุพฺเพ ปิตํ. วุตฺตฺเหตํ ปริวารฏฺกถายํ ‘‘ยสฺมึ วิหาเร ทฺเว ตโย ชนา วสนฺติ ¶ , เตหิ นิสีทิตฺวา กตมฺปิ สงฺเฆน กตสทิสเมว. ยสฺมึ ปน วิหาเร เอโก ภิกฺขุ โหติ, เตน ภิกฺขุนา อุโปสถทิวเส ปุพฺพกรณปุพฺพกิจฺจํ กตฺวา นิสินฺเนน กตมฺปิ กติกวตฺตํ สงฺเฆน กตสทิสเมว โหตี’’ติ (ปริ. อฏฺ. ๔๙๕-๔๙๖). ปุนปิ วุตฺตํ ‘‘เอกภิกฺขุเก ปน ¶ วิหาเร เอเกน สาวิเตปิ ปุริมกติกา ปฏิปฺปสฺสมฺภติ เอวา’’ติ. อตฺถิ คณกมฺมํ สงฺโฆ กโรติ, คโณ กโรติ, ปุคฺคโล กโรติ, ตํ ตโย ปาริสุทฺธิอุโปสถา อฺเสํ สนฺติเก กรียนฺติ, ตสฺส วเสน เวทิตพฺพํ. อตฺถิ คณกมฺมํ คโณว กโรติ, น สงฺโฆ น ปุคฺคโล, ตํ ปาริสุทฺธิอุโปสโถ อฺมฺํ อาโรจนวเสน กรียติ, ตสฺส วเสน เวทิตพฺพํ. อตฺถิ ปุคฺคลกมฺมํ ปุคฺคโลว กโรติ, น สงฺโฆ น คโณ, ตํ อธิฏฺานุโปสถวเสน เวทิตพฺพํ. อตฺถิ คณกมฺมํ เอกจฺโจว คโณ กโรติ, เอกจฺโจ น กโรติ, ตตฺถ อตฺติกํ ทฺเว เอว กโรนฺติ, น ตโย. สตฺติกํ ตโยว กโรนฺติ, น ตโต อูนา อธิกา วา, เตน วุตฺตํ ‘‘ตโย เอว หิ ตฺตึ เปตฺวา คณกมฺมํ กโรนฺติ, น ตโต อูนา อธิกา วา อกิริยตฺตา’’ติ. ตสฺมา ตโยว วินยปริยาเยน สมฺปหุลา, น ตโต อุทฺธนฺติ เวทิตพฺพํ. อนุคณฺิปเท ปน ‘‘กิฺจาปิ กมฺมลกฺขณํ ตโยว กโรนฺติ, อถ โข เตหิ กตํ สงฺเฆน กตสทิสนฺติ วุตฺตตฺตา เอเกน ปริยาเยน ตโย ชนา วินยปริยาเยนปิ สงฺโฆ’’ติ วุตฺตํ, อิทํ สพฺพมฺปิ วินยกมฺมํ อุปาทาย วุตฺตํ, ลาภํ ปน อุปาทาย อนฺตมโส เอโกปิ อนุปสมฺปนฺโนปิ ‘‘สงฺโฆ’’ติ สงฺขฺยํ คจฺฉติ กิร. ปวารณาทิวสสฺส อรุณุคฺคมนสมนนฺตรเมว ‘‘วุตฺถคสฺสา’’ติ วุจฺจนฺติ, อุกฺกํสนเยน ‘‘ปาฏิปททิวสโต ปฏฺายา’’ติ วุตฺตํ, เตเนว ‘‘มหาปวารณาย ปวาริตา’’ติ วุตฺตํ. อฺถา อนฺตราเยน อปวาริตา ‘‘วุตฺถวสฺสา’’ติ น วุจฺจนฺตีติ อาปชฺชติ. ถมฺภาทิ กฏฺกมฺมนฺติ เวทิตพฺพํ. เกจิ ตนุกํ ทารุตฺถมฺภํ อนฺโตกตฺวา มตฺติกามยํ ถมฺภํ กโรนฺติ, อยํ ปน ตถา น อกาสิ, เตน วุตฺตํ ‘‘สพฺพมตฺติกามยํ กุฏิกํ กริตฺวา’’ติ. เตลมิสฺสาย ตมฺพมตฺติกาย.
๘๕. ‘‘มา ปจฺฉิมา ชนตา ปาเณสุ ปาตพฺยตํ อาปชฺชี’’ติ อิมินา อนุทฺเทสสิกฺขาปเทน ยตฺถ อิฏฺกปจน ปตฺตปจน กุฏิกรณ วิหารการาปน นวกมฺมกรณ ขณฺฑผุลฺลปฏิสงฺขรณ วิหารสมฺมชฺชน ปฏคฺคิทาน กูปโปกฺขรณีขณาปนาทีสุ ปาตพฺยตํ ชานนฺเตน ภิกฺขุนา กปฺปิยวจนมฺปิ น วตฺตพฺพนฺติ ทสฺเสติ, เตเนว ปริยายํ อวตฺวา เตสํ สิกฺขาปทานํ อนาปตฺติวาเรสุ ‘‘อนาปตฺติ อสติยา อชานนฺตสฺสา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อนฺตราปตฺติสิกฺขาปท’’นฺติปิ เอตสฺส นามเมว. ‘‘คจฺฉเถตํ, ภิกฺขเว, กุฏิกํ ภินฺทถา’’ติ อิมินา กตํ ลภิตฺวา ตตฺถ วสนฺตานมฺปิ ทุกฺกฏเมวาติ จ สิทฺธํ. อฺถา หิ ¶ ภควา น ภินฺทาเปยฺย. เอส นโย เภทนกํ เฉทนกํ อุทฺทาลนกนฺติ เอตฺถาปิ, อาปตฺติเภทาว. ตโต เอว หิ ¶ เภทนกสิกฺขาปทาทีสุ วิย ‘‘อฺเน กตํ ปฏิลภิตฺวา ปริภฺุชติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ น วุตฺตํ, ตถา อฺสฺสตฺถาย กโรติ, เจติยาทีนํ อตฺถาย กโรติ, ทุกฺกฏเมวาติ จ สิทฺธํ, อฺถา กุฏิการสิกฺขาปทาทีสุ วิย ‘‘อฺสฺสตฺถาย วาสาคารํ เปตฺวา สพฺพตฺถ, อนาปตฺตี’’ติ นยเมว วเทยฺย, น ภินฺทาเปยฺย. สพฺพมตฺติกามยภาวํ ปน โมเจตฺวา กฏฺปาสาณาทิมิสฺสํ กตฺวา ปริภฺุชติ, อนาปตฺติ. ตถา หิ เฉทนกสิกฺขาปทาทีสุ ภควตา นโย ทินฺโน ‘‘อฺเน กตํ ปมาณาติกฺกนฺตํ ปฏิลภิตฺวา ฉินฺทิตฺวา ปริภฺุชตี’’ติอาทีสุ. เกจิ ปน ‘‘วยกมฺมมฺปีติ เอเตน มูลํ ทตฺวา การาปิตมฺปิ อตฺถิ, เตน ตํ อฺเน กตมฺปิ น วฏฺฏตีติ สิทฺธ’’นฺติ วทนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ. กสฺมา? สมฺภาเร กิณิตฺวา สยเมว กโรนฺตสฺสาปิ วยกมฺมสมฺภวโต. กึ วา ปาฬิเลเส สติ อฏฺกถาเลสนโย. อิฏฺกาหิ คิฺชกาวสถสงฺเขเปน กตา วฏฺฏตีติ เอตฺถ ปกติอิฏฺกาหิ จินิตฺวา กตฺตพฺพาวสโถ คิฺชกาวสโถ นาม. สา หิ ‘‘มตฺติกามยา’’ติ น วุจฺจติ, ‘‘อิฏฺกกุฏิกา’’ตฺเวว วุจฺจติ, ตสฺมา ถุสโคมยติณปลาลมิสฺสา มตฺติกามยาปิ อปกฺกิฏฺกมยาปิ ‘‘สพฺพมตฺติกามยา’’ตฺเวว วุจฺจตีติ โน ขนฺตีติ อาจริโย, ภสฺมาทโย หิ มตฺติกาย ทฬฺหิภาวตฺถเมว อาทียนฺติ, อปกฺกิฏฺกมยาปิ คิฺชกาวสถสงฺขฺยํ น คจฺฉติ, น จ อายสฺมา ธนิโย เอกปฺปหาเรเนว กุมฺภกาโร วิย กุมฺภํ ตํ กุฏิกํ นิฏฺาเปสิ, อนุกฺกเมน ปน สุกฺขาเปตฺวา สุกฺขาเปตฺวา มตฺติกาปิณฺเฑหิ จินิตฺวา นิฏฺาเปสิ, อปกฺกิฏฺกมยา กุฏิ วิย สพฺพมตฺติกามยา กุฏิ เอกาพทฺธา โหติ, น ตถา ปกฺกิฏฺกมยา, ตสฺมา สา กปฺปตีติ เอเก. สพฺพมตฺติกามยาย กุฏิยา พหิ เจ ติณกุฏิกาทึ กตฺวา อนฺโต วสติ, ทุกฺกฏเมว. สเจ ตตฺถ ตตฺถ ฉิทฺทํ กตฺวา พนฺธิตฺวา เอกาพทฺธํ กโรติ, วฏฺฏติ. อนฺโต เจ ติณกุฏิกาทึ กตฺวา อนฺโต วสติ, วฏฺฏติ. การโก เอว เจ วสติ, กรณปจฺจยา ทุกฺกฏํ อาปชฺชติ, น วสนปจฺจยา. สเจ อนฺโต วา พหิ วา อุภยตฺถ วา สุธาย ลิมฺปติ, วฏฺฏติ. ยสฺมา สพฺพมตฺติกามยา กุฏิ สุกรา ภินฺทิตุํ, ตสฺมา ตตฺถ ปิตํ ปตฺตจีวราทิ อคุตฺตํ โหติ, โจราทีหิ อวหริตุํ สกฺกา, เตน วุตฺตํ ‘‘ปตฺตจีวรคุตฺตตฺถายา’’ติ.
ปาฬิมุตฺตกวินิจฺฉยวณฺณนา
เตน ¶ โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู อุจฺจาวเจ ปตฺเต ธาเรนฺติ, อุจฺจาวจานิ ปตฺตมณฺฑลานิ ธาเรนฺตี’’ติ (จุฬว. ๒๕๓) เอวมาทีนิ วตฺถูนิ นิสฺสาย ‘‘น, ภิกฺขเว, อุจฺจาวจา ปตฺตา ธาเรตพฺพา, โย ธาเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติอาทินา นเยน อกปฺปิยปริกฺขาเรสุ ¶ จ ทุกฺกฏํ ปฺตฺตํ. กสฺมา? ตทนุโลมตฺตา. ยตฺถาปิ น ปฺตฺตํ, ตตฺถ ‘‘น, ภิกฺขเว, อุจฺจาวจานิ ฉตฺตานิ ธาเรตพฺพานิ, โย ธาเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติอาทินา (จูฬว. ๒๖๙-๒๗๐) นเยน ทุกฺกฏํ สมฺภวติ, ตสฺมา ‘‘ตตฺรายํ ปาฬิมุตฺตโก’’ติ อารภิตฺวา สพฺพปริกฺขาเรสุ วณฺณมฏฺํ, สวิการํ วา กโรนฺตสฺส อาปตฺติ ทุกฺกฏนฺติ ทีเปนฺเตน ‘‘น วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. เอตฺถาห – ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เปตฺวา ปหรณึ สพฺพํ โลหภณฺฑํ, เปตฺวา อาสนฺทึ ปลฺลงฺกํ ทารุปตฺตํ ทารุปาทุกํ สพฺพํ ทารุภณฺฑํ, เปตฺวา กตกฺจ กุมฺภการิกฺจ สพฺพํ มตฺติกาภณฺฑ’’นฺติ (จูฬว. ๒๙๓) วุตฺตตฺตา ยถาปิตํ วชฺเชตฺวา อิตรํ สพฺพํ วณฺณมฏฺมฺปิ สวิการมฺปิ อวิเสเสน วฏฺฏตีติ? วุจฺจเต – ตํ น ยุตฺตํ ยถาทสฺสิตปาฬิวิโรธโต, ตสฺมา ‘‘เปตฺวา ปหรณิ’’นฺติ เอวํ ชาติวเสน อยํ ปาฬิ ปวตฺตา, ยถาทสฺสิตา ปาฬิ วณฺณมฏฺาทิวิการปฏิเสธนวเสน ปวตฺตาติ เอวํ อุภยมฺปิ น วิรุชฺฌติ, ตสฺมา ยถาวุตฺตเมว. อารคฺเคน นิขาทนคฺเคน, ‘‘อารคฺเคริว สาสโป’’ติ (ม. นิ. ๒.๔๕๘; ธ. ป. ๔๐๑; สุ. นิ. ๖๓๐) เอตฺถ วุตฺตนยโต อารคฺเคน.
ปฏฺฏมุเข วาติ ปฏฺฏโกฏิยํ. ปริยนฺเตติ จีวรปริยนฺเต. เวณิอุหุมุนิยุเปฺาม. อคฺฆิยนฺติ เจติยํ. คยมุคฺครนฺติ ตุลาทณฺฑสณฺานํ, คยา สีเส สูจิกา โหติ, มุขปตฺตา ลทฺรา. อุกฺกิรนฺติ นีหรนฺติ กโรนฺติ เปนฺติ. โกณสุตฺตปิฬกา นาม คณฺิกปฏฺฏาทิโกเณสุ สุตฺตมยปิฬกา. ยํ เอตฺถ จีวรํ วา ปตฺโต วา ‘‘น วฏฺฏตี’’ติ วุตฺโต, ตตฺถ อธิฏฺานํ รุหติ, วิกปฺปนาปิ รุหตีติ เวทิตพฺพํ. เทฑฺฑุโภติ อุทกสปฺโป. อจฺฉีติ กฺุชรกฺขิ. โคมุตฺตกนฺติ โคมุตฺตสณฺานา ราชิโย. กฺุจิกาย เสนาสนปริกฺขารตฺตา สุวณฺณรูปิยมยาปิ วฏฺฏตีติ ฉายา ทิสฺสติ, ‘‘กฺุจิกาย วณฺณมฏฺกมฺมํ น วฏฺฏตี’’ติ วจนโต อฺเ กปฺปิยโลหาทิมยาว กฺุจิกา กปฺปนฺติ ปริหรณียปริกฺขารตฺตา. อารกณฺฏโก โปตฺถกาทิกรณสตฺถกชาติ. ‘‘อามณฺฑกสารโก อามลกผลมโย’’ติ วทนฺติ ¶ . ตาลปณฺณพีชนีอาทีสุ ‘‘วณฺณมฏฺกมฺมํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. กิฺจาปิ ตานิ กฺุจิกา วิย ปริหรณียานิ, อถ โข ‘‘อุจฺจาวจานิ น ธาเรตพฺพานี’’ติ ปฏิกฺเขปาภาวโต วุตฺตํ. เกวลฺหิ ตานิ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วิธูปนฺจ ตาลวณฺฏฺจา’’ติอาทินา (จูฬว. ๒๖๙) วุตฺตานิ. คณฺิปเท ปน ‘‘เตลภาชเนสุ วณฺณมฏฺกมฺมํ วฏฺฏตีติ เสนาสนปริกฺขารตฺตา’’ติ วุตฺตํ. ราชวลฺลภาติ ราชกุลูปกา. สีมาติ อิธาธิปฺเปตา ภูมิ, พทฺธสีมา จ. ‘‘เยสํ สนฺตกา เตสํ สีมา, ตตฺถ ปเรหิ น กตฺตพฺพ’’นฺติ อนุคณฺิปเท วุตฺตํ. ‘‘ภูมิ จ สีมา จ เยสํ สนฺตกา, เตหิ เอว วาเรตพฺพา. เยสํ ปน อฺเสํ ภูมิยํ สีมา กตา, เต วาเรตุํ น อิสฺสรา’’ติ วทนฺติ ¶ . ‘‘สงฺฆเภทาทีนํ การณตฺตา ‘มา กโรถา’ติ ปฏิเสเธตพฺพา เอวา’’ติ อนฺธกฏฺกถายํ วุตฺตํ กิร.
๘๖-๗. ทารุกุฏิกํ กาตุํ, กตฺตุนฺติ จ อตฺถิ. ขณฺฑาขณฺฑิกนฺติ ผลาผลํ วิย ทฏฺพฺพํ. อาณาเปหีติ วจนํ อนิฏฺเ เอว วุจฺจตีติ กตฺวา พนฺธํ อาณาเปสิ. อิสฺสริยมตฺตายาติ สมิทฺธิยํ มตฺตาสทฺโทติ าเปติ.
๘๘. ‘‘เอวรูปํ วาจํ ภาสิตฺวา’’ติ จ ปาโ. โลเมน ตฺวํ มุตฺโต, มา ปุนปิ เอวรูปมกาสีติ อิทํ กึ พฺยาปาททีปกํ, ทารูสุปิ โลภกฺขนฺธทีปกํ วจนํ โสตาปนฺนสฺส สโต ตสฺส ราชสฺส ปติรูปํ. นนุ นาม ‘‘ปุพฺเพ กตํ สุกตํ ภนฺเต, วเทยฺยาถ ปุนปิ เยนตฺโถ’’ติ ปวาเรตฺวา อตีว ปีติปาโมชฺชํ อุปฺปาเทตพฺพํ เตน สิยาติ? สจฺจเมตํ โสตาปนฺนตฺตา อตีว พุทฺธมามโก ธมฺมมามโก สงฺฆมามโก จ, ตสฺมา ภิกฺขูนํ อกปฺปิยํ อสหนฺโต, สิกฺขาปทปฺตฺติยา จ โอกาสํ กตฺตุกาโม ‘‘สุปยุตฺตานิ เม ทารูนี’’ติ ตุฏฺจิตฺโตปิ เอวมาหาติ เวทิตพฺพํ. อิเมหิ นาม เอวรูเป าเน. ‘‘อาคตปทานุรูเปนาติ อฺเหิ วา ปเทหิ, อิโต โถกตเรหิ วา อาคตกาเล ตทนุรูปา โยชนา กาตพฺพา’’ติ คณฺิปเท วุตฺตํ. ‘‘น เกวลํ อิมสฺมึเยว สิกฺขาปเท, อฺเสุปิ อาคจฺฉนฺติ, ตสฺมา ตตฺถ ตตฺถ อาคตปทานุรูเปน โยชนา เวทิตพฺพา’’ติ อนุคณฺิปเท วุตฺตํ. อุชฺฌายนตฺโถ อทินฺนสฺสาทินฺนตฺตาว, เต อุชฺฌายึสุ.
รุทฺรทามโก นาม รุทฺรทามกาทีหิ อุปฺปาทิโต. พาราณสินคราทีสุ เตหิ เตหิ ราชูหิ โปราณสตฺถานุรูปํ ลกฺขณสมฺปนฺนา อุปฺปาทิตา นีลกหาปณา. เตสํ กิร ติภาคํ อคฺฆติ รุทฺรทามโก, ตสฺมา ตสฺส ¶ ปาโท ถุลฺลจฺจยวตฺถุ โหติ. มาสโก ปน อิธ อปฺปมาณํ. กหาปโณ กิฺจิกาเล อูนวีสติมาสโก โหติ, กิฺจิ กาเล อติเรกวีสติมาสโก. ตสฺมา ตสฺส กหาปณสฺส จตุตฺถภาโค ปฺจมาสโก วิย อติเรกปฺจมาสโก วา อูนปฺจมาสโก วา ปาโทติ เวทิตพฺพํ. อิมสฺสตฺถสฺส ทีปนตฺถํ ‘‘ตทา ราชคเห วีสติมาสโก กหาปโณ โหตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ รชตมโย สุวณฺณมโย ตมฺพมโย จ กหาปโณ โหติ. สุวณฺณภูมิยํ วิย ปาโทปิ ยตฺถ ตมฺพมโยว กโต โหติ, ตตฺถ โสว ปาโทติ อาจริโย. ยสฺมา ปาโท เอกนีลกหาปณคฺฆนโก, ตสฺมา ตสฺส ปาทสฺส จตุตฺถภาโคว สิยา ปาโทติ เอเก. อิทํ น ยุชฺชติ. โย จ ตตฺถ ปาทารโห ภณฺโฑ, ตสฺส จตุตฺถภาคสฺเสว ปาราชิกวตฺถุภาวปฺปสงฺคโต. ยทิ ปาทารหํ ภณฺฑํ ปาราชิกวตฺถุ, สิทฺธํ ‘‘โสว ปาโท ปจฺฉิมํ ปาราชิกวตฺถู’’ติ ¶ . น หิ สพฺพตฺถ ภณฺฑํ คเหตฺวา นีลกหาปณคฺเฆน อคฺฆาเปนฺติ. ยสฺมา ตสฺส ตสฺเสว กหาปณคฺเฆน อคฺฆาเปนฺติ, ตสฺมา ตสฺส ตสฺส ชนปทสฺส ปาโทว ปาโทติ ตทคฺฆนกเมว ปาทคฺฆนกนฺติ สิทฺธํ, ‘‘โส จ โข โปราณสฺส นีลกหาปณสฺส วเสน, น อิตเรสนฺติ ยตฺถ ปน นีลกหาปณา วฬฺชํ คจฺฉนฺติ, ตตฺเถวา’’ติ เกจิ วทนฺติ, อุปปริกฺขิตฺวา คเหตพฺพํ.
ปทภาชนียวณฺณนา
๙๒. คามา วา อรฺา วาติ ลกฺขณานุปฺตฺติกตฺตา ปมปฺตฺติยา อาทิมฺหิ วุตฺตา. ยโต วา อปกฺกนฺตา, โส อมนุสฺโส นาม. ‘‘อมนุสฺสคามํ อปารุปิตฺวา, คามปฺปเวสนฺจ อนาปุจฺฉา ปวิสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อนุคณฺิปเท วุตฺตํ. ‘‘ยโต คามโต อาคนฺตุกามา เอว อปกฺกนฺตา, ตํ คามํ เอวํ ปวิสิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ เอเก. เกจิ ปน ‘‘ยกฺขปริคฺคหภูโตปิ อาปณาทีสุ ทิสฺสมาเนสุ เอว ‘คาโม’ติ สงฺขฺยํ คจฺฉติ, อทิสฺสมาเนสุ ปเวสเน อนาปตฺตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘คาโม เอว อุปจาโร คามูปจาโรติ เอวํ กมฺมธารยวเสน คหิเต กุรุนฺทฏฺกถาทีสุ วุตฺตมฺปิ สุวุตฺตเมว โหตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘ตสฺส ฆรูปจาโร คาโมติ อาปชฺชตี’’ติ วจนํ ปฏิกฺขิปติ. ‘‘คามสฺสุปจาโร จ คาโม จ คามูปจาโร จา’’ติ วทนฺติ, ตํ วิรุชฺฌติ, น. ‘‘อิเมสํ ลาภาทีสุ ลกฺขณํ สนฺธาย มหาอฏฺกถายํ ‘ฆรํ ฆรูปจาโร’ติอาทิ วุตฺตํ, ตํ น มยํ ปฏิกฺขิปามา’’ติ จ วทนฺติ. ‘‘กตปริกฺเขโป ¶ จาติ ฆรสฺส สมนฺตโต ตตฺตโก อุปจาโร นามา’’ติ คณฺิปเท ลิขิตํ. อนุคณฺิปเท ปน ‘‘โย โย อฏฺกถาวาโท วา เถรวาโท วา ปจฺฉา วุจฺจตีติ อิโต อนาคตํ สนฺธาย วุตฺตํ, นาตีตํ. ยทิ อตีตมฺปิ สนฺธาย วุตฺตํ, มหาปทุมเถรวาโทว ปมาณํ ชาตนฺติ อาปชฺชติ, ตสฺมา อนาคตเมว สนฺธาย วุตฺตนฺติ อาจริยา กถยนฺตี’’ติ วุตฺตํ. เสสมฺปีติ คามูปจารลกฺขณมฺปิ.
ตตฺรายํ นโยติ ตสฺส คามูปจารสฺส คหเณ อยํ นโย. วิกาเลคามปฺปเวสนาทีสูติ เอตฺถ ‘‘คามปฺปเวสนฺหิ พหิ เอว อาปุจฺฉิตพฺพ’’นฺติ คณฺิปเท วุตฺตํ. ‘‘ตํ อฏฺกถาย น สเมตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘คามสงฺขาตูปจารํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ คหิเต สเมตีติ มม ตกฺโก. ‘‘อาทิ-สทฺทโต ฆเร ิตานํ ทินฺนลาภภาชนาทีนี’’ติ คณฺิปเท วุตฺตํ. ‘‘คามูปจาเร ิตานํ ปาปุณิตพฺพลาภํ สฺจิจฺจ อเทนฺตานํ ปาราชิก’’นฺติ อนุคณฺิปเท วุตฺตํ. กิฺจาปิ กุรุนฺทิอาทีสุ ปาฬิยํ วุตฺตวจนานุโลมวเสน วุตฺตตฺตา ‘‘ปมาทเลขา’’ติ น วตฺตพฺพํ, มหาอฏฺกถายํ ¶ วุตฺตวินิจฺฉโย สงฺคีติโต ปฏฺาย อาคโต. ‘‘ยฺเจตํ มหาอฏฺกถาย’’นฺติอาทิ สีหฬทีเป อฏฺกถาจริเยหิ วุตฺตํ ‘‘วินิจฺฉยนโย’’ติ จ. เลฑฺฑุปาเตเนว ปริจฺฉินฺทิตพฺโพติ ปริกฺเขปารหฏฺานํ, น อุปจารํ. โส หิ ตโต อปเรน เลฑฺฑุปาเตน ปรจฺฉินฺโน. อิมสฺมึ อทินฺนาทานสิกฺขาปเทติ นิยเมน อฺตฺถ อฺถาติ อตฺถโต วุตฺตํ โหติ. เตน วา นิยเมน ยถารุตวเสนาปิ อตฺโถ อิธ ยุชฺชติ. อภิธมฺเม ปนาติอาทินา อฺถาปิ อตฺถาปตฺติสิทฺธํ ทสฺเสติ.
‘‘ปริจฺจาคาทิมฺหิ อกเต ‘อิทํ มม สนฺตก’นฺติ อวิทิตมฺปิ ปรปริคฺคหิตเมว ปุตฺตกานํ ปิตุ อจฺจเยน สนฺตกํ วิย, ตํ อตฺถโต อปริจฺจตฺเต สงฺคหํ คจฺฉตี’’ติ คณฺิปเท วุตฺตํ. ‘‘เถนสฺส กมฺมํ เถยฺยํ, เถเนน คเหตพฺพภูตํ ภณฺฑํ. เถยฺยนฺติ สงฺขาตนฺติ เถยฺยสงฺขาต’’นฺติ โปราณคณฺิปเท วุตฺตํ. ตํ เถยฺยํ ยสฺส เถนสฺส กมฺมํ, โส ยสฺมา เถยฺยจิตฺโต อวหรณจิตฺโต โหติ, ตสฺมา ‘‘เถยฺยสงฺขาต’’นฺติ ปทํ อุทฺธริตฺวา ‘‘เถยฺยจิตฺโต อวหรณจิตฺโต’’ติ ปทภาชนมฺปิ เตสํ โปราณานํ ยุชฺชเตว, ตถาปิ อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว คเหตพฺพํ. ‘‘ยฺจ ปุพฺพภาเค ‘อวหริสฺสามี’ติ ปวตฺตํ จิตฺตํ, ยฺจ คมนาทิสาธกํ, ปรามสนาทิสาธกํ วา มชฺเฌ ปวตฺตํ, ยฺจ านาจาวนปโยคสาธกํ ¶ , เตสุ อยเมเวโก ปจฺฉิโม จิตฺตโกฏฺาโส อิธ อธิปฺเปโต ‘เถโน’ติ อปเร’’ติ อนุคณฺิปเท วุตฺตํ. อูนมาสกมาสปาทาทีสุ ‘‘อวหรณจิตฺเตสุ เอกจิตฺตโกฏฺาโสติ อาจริยา วทนฺตี’’ติ วุตฺตํ.
ปฺจวีสติอวหารกถาวณฺณนา
ปฺจวีสติ อวหารา นาม วจนเภเทเนว ภินฺนา, อตฺถโต ปน อภินฺนา. อากุลา ทุวิฺเยฺยวินิจฺฉยาติ อาจริยานํ มุเข สนฺติเก สพฺพากาเรน อคฺคหิตวินิจฺฉยานํ ทุวิฺเยฺยา. ทุกติกปฏฺานปาฬิ (ปฏฺา. ๕.๑.๑ อาทโย, ทุกติกปฏฺานปาฬิ) วิย อากุลา ทุวิฺเยฺยวินิจฺฉยา, เกวลํ ตํ อาจริยา ปุพฺพาปรวิโรธมกตฺวา สงฺคีติโต ปฏฺาย อาคตนยมวินาเสตฺวา วณฺณยนฺตีติ ‘‘ปฏฺานปาฬิมิวาติ อปเร วทนฺตี’’ติ จ วุตฺตา. โปราณาติ สงฺคีติอาจริยา. อยเมตฺถ สามีจิ เอว, สเจ น เทติ, อาปตฺติ นตฺถิ, ปาราชิกภยา ปน ยถา สิกฺขากาโม เทติ, เอวํ ทาตพฺพเมว. ยานิ ปเนตฺถ วตฺถูนิ, ตานิ สีหฬทีเป อาจริเยหิ สงฺฆาทีนมนุมติยา อฏฺกถาสุ ปกฺขิตฺตานิ, ‘‘อนาคเต พฺรหฺมจารีนํ หิตตฺถาย โปตฺถการุฬฺหกาลโต ปจฺฉาปี’’ติ วุตฺตํ. อาณตฺติกํ อาณตฺติกฺขเณปิ คณฺหาติ, กาลนฺตเรนาปิ อตฺถสาธโก, กาลนฺตรํ สนฺธายาติ อิทเมเตสํ นานตฺตํ. ภฏฺเติ อปคเต. อนฺตรสมุทฺเท ¶ อตุรุมุหุเท. ผรติ สาเธติ. นวโธโตติ นวกโต. ปาสาณสกฺขรนฺติ ปาสาณฺจ สกฺขรฺจ.
ภูมฏฺกถาทิวณฺณนา
๙๔. มหาอฏฺกถายํ ปน สจฺเจปิ อลิเกปิ ทุกฺกฏเมว วุตฺตํ, ตํ ปมาทลิขิตนฺติ เวทิตพฺพนฺติ ยเถตรหิ ยุตฺติยา คเหตพฺพา. ตตฺถ ‘‘จตุวคฺเคน เปตฺวา อุปสมฺปทปวารณอพฺภานาทิสพฺพํ สงฺฆกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ’’จฺเจว วตฺตพฺเพ ‘‘อุปสมฺปทปวารณกถินพฺภานาทีนี’’ติ ลิขนฺตีติ เวทิตพฺพํ. ตํ อาจริยา ‘‘ปมาทเลขา’’ตฺเวว วณฺณยนฺติ, เตน วุตฺตํ ‘‘ปมาทลิขิต’’นฺติ. ยํ ยํ วจนํ มุสา, ตตฺถ ตตฺถ ปาจิตฺติยนฺติ วุตฺตํ. ทุกฺกฏสฺส วจเน ปโยชนาภาวา ‘‘อทินฺนาทานสฺส ปุพฺพปโยเค’’ติ วุตฺตํ. อฺเสมฺปิ ปุพฺพปโยเค ปาจิตฺติยฏฺาเน ปาจิตฺติยเมว. ปมาทลิขิตนฺติ เอตฺถ ¶ อิธ อธิปฺเปตเมว คเหตฺวา อฏฺกถายํ วุตฺตนฺติ คหิเต สเมติ วิย. อาจริยา ปน ‘‘ปาจิตฺติยฏฺาเน ปาจิตฺติย’’นฺติ วตฺวา ทุกฺกเฏ วิสุํ วตฺตพฺเพ ‘‘สจฺจาลิเก’’ติ สามฺโต วุตฺตตฺตา ‘‘ปมาทเลขา’’ติ วทนฺตีติ เวทิตพฺพาติ. ‘‘กุสลจิตฺเตน คมเน อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘ทานฺจ ทสฺสามี’’ติ วจเนน อนาปตฺติ วิย.
ปาจิตฺติยฏฺาเน ทุกฺกฏา น มุจฺจตีติ ปาจิตฺติเยน สทฺธึ ทุกฺกฏมาปชฺชติ. พหุกาปิ อาปตฺติโย โหนฺตูติ ขณนพฺยูหนุทฺธรเณสุ ทส ทส กตฺวา อาปตฺติโย อาปนฺโน, เตสุ อุทฺธรเณ ทส ปาจิตฺติโย เทเสตฺวา มุจฺจติ, ชาติวเสน ‘‘เอกเมว เทเสตฺวา มุจฺจตี’’ติ กุรุนฺทิยํ วุตฺตํ, ตสฺมา ปุริเมน สเมติ. ‘‘สโมธาเนตฺวา ทสฺสิตปโยเค ‘‘ทุกฺกฏ’’นฺติ วุตฺตตฺตา สมานปโยคา พหุทุกฺกฏตฺตํ าเปติ. ขณเน พหุกานีติ สมานปโยคตฺตา น ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. อฏฺกถาจริยปฺปมาเณนาติ ยถา ปเนตฺถ, เอวํ อฺเสุปิ เอวรูปานิ อฏฺกถาย อาคตวจนานิ สงฺคีติโต ปฏฺาย อาคตตฺตา คเหตพฺพานีติ อตฺโถ. ‘‘อิธ ทุติยปาราชิเก คเหตพฺพา, น อฺเสู’’ติ ธมฺมสิริตฺเถโร กิราห. คณฺิปเท ปน ‘‘ปุริมขณนํ ปจฺฉิมํ ปตฺวา ปฏิปฺปสฺสมฺภติ, เตเนว เอกเมว เทเสตฺวา มุจฺจตี’’ติ วุตฺตํ, ‘‘วิสภาคกิริยํ วา ปตฺวา ปุริมํ ปฏิปฺปสฺสมฺภตี’’ติ จ วุตฺตํ.
เอวํ เอกฏฺาเน ิตาย กุมฺภิยา านาจาวนฺเจตฺถ ฉหากาเรหิ เวทิตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ. กุมฺภิยาติ ภุมฺมวจนํ. อุทฺธํ อุกฺขิปนฺโต เกสคฺคมตฺตมฺปิ ภูมิโต โมเจติ, ปาราชิกนฺติ เอตฺถ มุขวฏฺฏิยา ¶ ผุฏฺโกาสํ พุนฺเทน โมจิเต ‘‘านาจาวนฺเจตฺถ ฉหากาเรหิ เวทิตพฺพ’’นฺติ อิมินา สเมติ, ตถา อวตฺวา ‘‘ภูมิโต มุตฺเต เกสคฺคมตฺตมฺปิ อติกฺกนฺเต ภูมิโต โมจิตํ นาม โหตี’’ติ ทฬฺหํ กตฺวา วทนฺติ, อุปปริกฺขิตฺวา คเหตพฺพํ. เอตฺถ เอกจฺเจ เอวํ อตฺถํ วทนฺติ ‘‘ปุพฺเพ ขณนฺเตน อวเสสฏฺานานิ วิโยชิตานิ, ตสฺมึ วิมุตฺเต ปาราชิก’’นฺติ. สงฺเขปมหาปจฺจริยาทีสุ วุตฺตวจนสฺส ปมาทเลขภาโว ‘‘อตฺตโน ภาชนคตํ วา กโรติ, มุฏฺึ วา ฉินฺทตี’’ติ วจเนน ทีปิโต.
ยํ ปน ‘‘ปีตมตฺเต ปาราชิก’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ ยเถตรหิ ‘‘ปฺจวิฺาณา อุปฺปนฺนวตฺถุกา อุปฺปนฺนารมฺมณา’’ติ ปทสฺส ‘‘อุปฺปนฺนวตฺถุกาหิ อนาคตปฏิกฺเขโป’’ติ ¶ อฏฺกถาวจนํ ‘‘อสมฺภินฺนวตฺถุกา อสมฺภินฺนารมฺมณา ปุเรชาตวตฺถุกา ปุเรชาตารมฺมณา’’ติ วจนมเปกฺขิตฺวา อตีตานาคตปฏิกฺเขโปติ ปริวตฺเตติ, ตถา ตาทิเสหิ ปริวตฺต’นฺติ เวทิตพฺพํ. น หิ อฏฺกถาจริยา ปุพฺพาปรวิรุทฺธํ วทนฺติ. ยํ ปน อาจริยา ‘‘อิทํ ปมาทลิขิต’’นฺติ อปเนตฺวา ปฏิกฺขิปิตฺวา วจนกาเล วาเจนฺติ, อุทฺทิสนฺติ, ตเมว จ อิมินาปิ อาจริเยน ‘‘ปมาทลิขิต’’นฺติ ปฏิกฺขิตฺตํ. ยฺจ สุตฺตํ ทสฺเสตฺวา เต ปฏิกฺขิปนฺติ, ตเมว จ ทสฺเสนฺเตน อิมินา ปฏิกฺขิตฺตํ, เตน วุตฺตํ ‘‘ตํ ปน ตตฺเถวา’’ติอาทิ.
อนาปตฺติมตฺตเมว วุตฺตนฺติ เนว อวหาโร น คีวา อนาปตฺตีติ พฺยฺชนโตว เภโท, น อตฺถโตติ ทสฺสนตฺถํ. ตํ ปมาทลิขิตํ กตเรหีติ เจ? ปุพฺเพ วุตฺตปฺปกาเรหิ, เลขเกหิ วา, เอส นโย สพฺพตฺถ. ‘‘น หิ ตเทว พหูสุ าเนสุ ยุตฺตโต ปาราชิกมหุตฺวา กตฺถจิ โหตี’’ติ สพฺพํ อนุคณฺิปเท วุตฺตํ. ทุฏฺปิตํ วา เปตีติ เอตฺถ ตโต ปคฺฆริสฺสตีติ านาจาวนํ สนฺธาย กตตฺตา ปาราชิกํ ตํ ปน คณฺหตุ วา มา วา ตตฺเถว ‘‘ภินฺทตี’’ติอาทิวจนโต เวทิตพฺพํ. ‘‘ตตฺเถวาติ านาจาวนํ อกโรนฺโตว านา อจาเวตุกาโมว เกวลํ ‘ภินฺทตี’ติ อฏฺกถาวจนโต จ าเปตพฺพ’’นฺติ อฺตรสฺมึ คณฺิปเท วุตฺตํ. ตถา ‘‘ปคฺฆริเตหิ ตินฺตปํสุํ คเหตฺวา อุทเก ปกฺขิปิตฺวา ปจิตฺวา คเหตุํ สกฺกา, ตสฺมา คหณเมว สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ อปเร. ‘‘ริตฺตกุมฺภิยา อุปริ กโรติ, ภณฺฑเทยฺย’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ อาณตฺติยา วิรุชฺฌติ, ‘‘ยทา สกฺโกสิ, ตทา ตํ ภณฺฑํ อวหรา’’ติ อตฺถสาธโก อาณตฺติกาเล เอว ปาราชิกํ. อปิจ อาวาฏกาทีนิ ถาวรปโยคานิ จ เอตฺถ สาธกานิ. นตฺถิ กาลกตปโยคานิ ปาราชิกวตฺถูนีติ ตสฺมา อุปปริกฺขิตพฺพนฺติ เอเก. ยตฺถ ยตฺถ ‘‘อปเร’’ติ วา ‘‘เอเก’’ติ วา วุจฺจติ, ตตฺถ ตตฺถ สุฏฺุ อุปปริกฺขิตฺวา ยุตฺตํ คเหตพฺพํ, อิตรํ ฉฑฺเฑตพฺพํ. วทนฺตีติ อาจริยา วทนฺติ. น, อฺถา คเหตพฺพตฺถโตติ ปาฬิปริหรณตฺถํ วุตฺตํ. เอวเมเก วทนฺตีติ ตํ ¶ น คเหตพฺพํ. กสฺมา? ‘‘ปสฺสาวํ วา ฉฑฺเฑตี’’ติ จ ‘‘อปริโภคํ วา กโรตี’’ติ จ อตฺถโต เอกตฺตา, อฏฺกถาย ‘‘มุคฺคเรน โปเถตฺวา ภินฺทตี’’ติ วุตฺตตฺตาปิ.
อยํ ¶ ปเนตฺถ สาโรติอาทิกถาย ‘‘อมฺหากํ อาจริยสฺส วจน’’นฺติ ธมฺมสิริตฺเถโร อาห. สงฺคหาจริยานํ วาโทติ เอเก. ปุพฺเพ วุตฺตาปิ เต เอว, ตสฺมา โวหารวเสนาติ อฉฑฺเฑตุกามมฺปิ ตถา กโรนฺตํ ‘‘ฉฑฺเฑตี’’ติ โวหรนฺติ. เอวเมเตสํ ปทานํ อตฺโถ คเหตพฺโพติ เอวํ สนฺเต ‘‘านาจาวนสฺส นตฺถิตาย ทุกฺกฏ’’นฺติ อฏฺกถาวจเนน อติวิย สเมติ, ตตฺถ านาจาวนจิตฺตสฺส นตฺถิตาย านา จุตมฺปิ น ‘‘านา จุต’’นฺติ วุจฺจตีติ อตฺโถ คเหตพฺโพ. อิตรถาปีติ เถยฺยจิตฺตาภาวา านา จาเวตุกามสฺสปิ ทุกฺกฏํ ยุชฺชติ.
๙๖. สยเมว ปติตโมรสฺเสว อิโต จิโต จ กโรโต ถุลฺลจฺจยํ. อากาสฏฺวินิจฺฉเย ตปฺปสงฺเคน ตสฺมึ เวหาสาทิคเตปิ อสมฺโมหตฺถํ เอวํ คเหตพฺพนฺติ วุตฺตํ. ‘‘เอวมฺตฺราปิ สามิเส’’ติ คณฺิปเท วุตฺตํ. ‘‘านาจาวนํ อกโรนฺโต จาเลตี’’ติ วจนโต านาจาวเน ถุลฺลจฺจยํ นตฺถีติ วุตฺตํ โหติ. เกจิ อผนฺทาเปตฺวา านาจาวนาจาวเนหิปิ ทุกฺกฏถุลฺลจฺจเย วทนฺติ. ‘‘เต านาจาวนํ อกโรนฺโตติ อิมํ อฏฺกถาวจนํ ทสฺเสตฺวา ปฏิเสเธตพฺพา’’ติ เกจิ วทนฺติ, วีมํสิตพฺพํ.
๙๗. เฉทนโมจนาทิ อุปริภาคํ สนฺธาย วุตฺตํ. อวสฺสํ านโต อากาสคตํ กโรติ. เอตฺถ ‘‘เอกโกฏึ นีหริตฺวา ปิเต วํเส ิตสฺส อากาสกรณํ สนฺธายา’’ติ เกจิ วทนฺติ. เต ปน อถ ‘‘มูลํ อจฺเฉตฺวา วลยํ อิโต จิโต จ สาเรติ, รกฺขติ. สเจ ปน มูลโต อนีหริตฺวาปิ หตฺเถน คเหตฺวา อากาสคตํ กโรติ, ปาราชิก’’นฺติ อฏฺกถาวจนํ ทสฺเสตฺวา ปฏิเสเธตพฺพา. ภิตฺตินิสฺสิตนฺติ ภิตฺติยา อุปตฺถมฺภิตํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เอเก. ภิตฺตึ นิสฺสาย ปิตนฺติ นาคทนฺตาทีสุ ิตํ สนฺธาย วุตฺตํ. ฉินฺนมตฺเตติ อุปริ อุคฺคนฺตฺวา ิตํ สนฺธาย วุตฺตํ.
๙๘. อุปริ ิตสฺส ปิฏฺิยาติ เอตฺถ อโธ โอสารณํ สนฺธาย วุตฺตํ. เหฏฺา โอสาเรนฺตสฺส อุปริมสฺส ปิฏฺิยา เหฏฺิเมน ิโตกาสํ อติกฺกนฺตมตฺเต ปาราชิกํ, อุทฺธํ อุกฺขิปนฺตสฺส อุทกโต มุตฺตมตฺเต. ‘‘เอวํ คหิเต ¶ ภูมฏฺเ วุตฺเตน สเมตี’’ติ วทนฺติ. มตมจฺฉานํ ิตฏฺานเมว านํ กิร. เถยฺยจิตฺเตน มาเรตฺวา คณฺหโต อูนปาทคฺฆนเก ทุกฺกฏํ, สหปโยคตฺตา ปาจิตฺติยํ นตฺถีติ เอเก. มทนผลวสาทีนีติ เอตฺถ สีหฬภาสา กิร วส อิติ วิสนฺติ อตฺโถ, ครุฬากาเรน กตุปฺเปยิตํ วา.
๙๙. ปุพฺเพ ¶ ปาเส พทฺธสูกรอุปมาย วุตฺตา เอว. ‘‘ถเล ปิตาย นาวาย น ผุฏฺโกาสมตฺตเมวา’’ติ ปาโ. ‘‘วาโต อาคมฺมาติ วจนโต วาตสฺส นตฺถิกาเล ปโยคสฺส กตตฺตา อวหาโร นตฺถิ, อตฺถิกาเล เจ กโต, อวหาโรวา’’ติ วทนฺติ. ‘‘ภณฺฑเทยฺยํ ปน เกสนฺติ เจ? เยสํ หตฺเถ กหาปณานิ คหิตานิ, เตสํ วา, นาวาสามินา นาวาย อคฺคหิตาย นาวาสามิกสฺส วา’’ติ อนุคณฺิปเท วุตฺตํ.
๑๐๔. นิรมฺพิตฺวา อุปริ. อกตํ วา ปน ปติฏฺเปตีติ อปุพฺพํ วา ปฏฺเปตีติ อตฺโถ.
๑๐๖. คามฏฺเ วา ‘‘คาโม นามา’’ติ น วุตฺตํ ปมํ คามลกฺขณสฺส สพฺพโส วุตฺตตฺตา.
๑๐๗. อรฺฏฺเ อรฺํ นามาติ ปุน น เกวลํ ปุพฺเพ วุตฺตลกฺขณฺเว อรฺนฺติ อิธาธิปฺเปตํ, กินฺตุ ปรปริคฺคหิตเมว เจตํ โหติ, ตํ อิธาธิปฺเปตนฺติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. เตเนว อตฺเถปิ อรฺคฺคหณํ กตํ. อคฺเคปิ มูเลปิ ฉินฺนาติ เอตฺถ ‘‘น เวเตฺวา ิตา, ฉินฺนมตฺเต ปตนกํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ. ตจฺเฉตฺวา ปิโตติ อรฺสามิเกหิ ปเรหิ ลทฺเธหิ ตจฺเฉตฺวา ปิโต. อทฺธคโตปีติ จิรกาลิโกปิ. ‘‘น คเหตพฺโพติ อรฺสามิเกหิ อนฺุาเตนปี’’ติ คณฺิปเท วุตฺตํ. ฉลฺลิยา ปริโยนทฺธํ โหตีติ อิมินา สามิกานํ นิรเปกฺขตํ ทีเปติ. เตน วุตฺตํ ‘‘คเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ยทิ สามิกานํ สาเปกฺขตา อตฺถิ, น วฏฺฏติ.
๑๐๘. ตตฺถ ‘‘ภาชเนสุ โปกฺขรณีตฬาเกสุ จ คาโว ปกฺโกสตีติ อิโต ปฏฺาย ตโย ทส วารา อาทิเมว ทสฺเสตฺวา สํขิตฺตา’’ติ ¶ อนุคณฺิปเท วุตฺตํ. นิพฺพหนอุทกํ นาม ตฬากรกฺขณตฺถาย อธิโกทกนิกฺขมนทฺวาเรน นิกฺขมนอุทกํ. ‘‘คเหตุํ น ลภตีติ สามีจิกมฺมํ น โหตี’’ติ อนุคณฺิปเท วุตฺตํ. อิโต ปฏฺาย ‘‘วุตฺต’’นฺติ วุตฺเต อนุคณฺิปเทติ คเหตพฺพํ. อนิกฺขนฺเต อุทเกติ ปาเสโส, สุกฺขมาติกาปโยคตฺตา ภณฺฑเทยฺยมฺปิ น โหตีติ อธิปฺปาโย. ตฬากํ นิสฺสาย เขตฺตสฺส กตตฺตาติ ‘‘สพฺพสาธารณํ ตฬากํ โหตี’’ติ ปมํ วุตฺตตฺตา ตํ สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘ยสฺมา ตฬากคตํ อุทกํ สพฺพสาธารณมฺปิ มาติกาย สติ ตํ อติกฺกมิตฺวา คเหตุํ น วฏฺฏติ, ตสฺมา ตํ สนฺธาย กุรุนฺทิยาทีสุ อวหาโรติ วุตฺต’’นฺติ อปเร อาหูติ. อิมินา ลกฺขเณน น สเมตีติ ยสฺมา สพฺพสาธารณเทโส นาม ตฺจ ตฬากํ สพฺพสาธารณํ, กติกาภาวา จ มหาอฏฺกถายํ วุตฺตเมว ยุตฺตนฺติ อาหาจริโย.
๑๐๙. ‘‘ตโต ¶ ปฏฺาย อวหาโร นตฺถีติ เถยฺยายปิ คณฺหโต, ตสฺมา ยถามุณฺฑมหาเชตพฺพตฺตา, อรกฺขิตพฺพตฺตา, สพฺพสาธารณตฺตา จ อฺมฺปิ สงฺฆสนฺตกํ อิทํ น โหตี’’ติ คณฺิปเท วุตฺตํ.
๑๑๐. อุชุกเมว ติฏฺตีติ เอตฺถ ‘‘สมีเป รุกฺขสาขาทีหิ สนฺธาริตตฺตา อีสกํ ขลิตฺวา อุชุกเมว ติฏฺติ เจ, อวหาโร. ฉินฺนเวณุ วิย ติฏฺติ เจ, อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ สุวุตฺตํ, ตสฺส วินิจฺฉเย ‘‘สเจ ตานิ รกฺขนฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา. โน อฺถาติ สมฺปตฺเต เจ วาเต วาตมุขโสธนํ กโรติ, ปาราชิกนฺติ อตฺโถ.
๑๑๑. อฺเสุ ปน วิจารณา เอว นตฺถีติ เตสุ อปฺปฏิกฺขิปิตตฺตา อยเมว วินิจฺฉโยติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘เอเตน ธุรนิกฺเขปํ กตฺวาปิ โจเรหิ อาหฏํ โจเทตฺวา คณฺหโต อนาปตฺตีติ ทีปิตํ โหตี’’ติ วุตฺตํ.
๑๑๒. เอเสว นโยติ อุทฺธาเรเยว ปาราชิกํ, กสฺมา? อฺเหิ ปตฺเตหิ สาธารณสฺส สฺาณสฺส วุตฺตตฺตา. ปทวาเรนาติ โจเรน นีหริตฺวา ทินฺนํ คเหตฺวา คจฺฉโต. คามทฺวารนฺติ โวหารมตฺตเมว, คามนฺติ อตฺโถ อาณตฺติยา ทฏฺพฺพตฺตา, ทฺวินฺนมฺปิ อุทฺธาเร เอว ปาราชิกํ. อสุกํ ¶ นาม คามํ คนฺตฺวาติ วจเนน ยาว ตสฺส คามสฺส ปรโต อุปจาโร, สพฺพเมตํ อาณตฺตเมว โหติ. ‘‘ตฺวา วา นิสีทิตฺวา วา วิสฺสมิตฺวา ปุริมเถยฺยจิตฺตํ วูปสมิตฺวา คมนตฺถฺเจ ภณฺฑํ น นิกฺขิตฺตํ, ยถาคหิตเมว, ปทวาเรน กาเรตพฺโพติ, นิกฺขิตฺตฺเจ, อุทฺธาเรนา’’ติ จ ลิขิตํ. เกวลํ ‘‘ลิขิต’’นฺติ วุตฺเต คณฺิปเท คเหตพฺพํ. เถยฺยจิตฺเตน ปริภฺุชนฺโตติ านาจาวนํ อกตฺวา นิวตฺถปารุตนีหาเรน ‘‘ปุพฺเพเวทํ มยา คหิต’’นฺติ เถยฺยจิตฺเตน ปริภฺุชนฺโต. ‘‘นฏฺเ ภณฺฑเทยฺยํ กิรา’’ติ ลิขิตํ. ‘‘อฺโ วา’’ติ วจเนน เยน ปิตํ, เตน ทินฺเน อนาปตฺตีติ ทีปิตํ โหติ โคปกสฺส ทาเน วิย, ‘‘เกวลํ อิธ ภณฺฑเทยฺยนฺติ อปเร’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อฺโ วา’’ติ วจนโต เยน ปิตํ. โส วาติปิ ลพฺภตีติ วิจาเรตฺวา คเหตพฺโพ. วา-สทฺเทน ยสฺส หตฺเถ ปิตํ, โส วา เทติ ราชคเห คณโก วิย ธนิยสฺส, ตสฺมา ปาราชิกํ ยุตฺตํ วิย.
ตว ถูลสาฏโก ลทฺโธติ วุตฺตกฺขเณ มุสาวาเท ทุกฺกฏํ. ตสฺส นามํ ลิขิตฺวาติ เอตฺถ ‘‘เตน ‘คเหตฺวา เปยฺยาสี’ติ อาณตฺตตฺตา นามเลขนกาเล อนาปตฺติ กุสสงฺกมนสทิสํ น โหตี’’ติ วุตฺตํ. น ชานนฺตีติ น สุณนฺตีติ อตฺโถ. สเจ ชานิตฺวาปิ จิตฺเตน น สมฺปฏิจฺฉนฺติ ¶ เอเสว นโย. ชานนฺเตน ปน รกฺขิตุํ อนิจฺฉนฺเต ปฏิกฺขิปิตพฺพเมว เอตนฺติ วตฺตํ ชานิตพฺพํ. อุมฺมคฺเคนาติ ปุราปาณํ ขณิตฺวา กตมคฺเคนาติ อตฺโถ.
นิสฺสิตวาริกสฺส ปน สภาคา ภตฺตํ เทนฺติ, ตสฺมา ยถา วิหาเร ปนฺติ, ตเถว กาตพฺพนฺติ สมฺปตฺตวารํ อคฺคเหตุํ น ลภนฺติ, ‘‘ตสฺส วา สภาคา อทาตุํ น ลภนฺตี’’ติ วุตฺตํ. อตฺตทุติยสฺสาติ น หิ เอเกนานีตํ ทฺวินฺนํ ปโหติ, สเจ ปโหติ ปาเปตพฺโพติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยสฺส วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘ปริปุจฺฉํ เทตีติ ปุจฺฉิตปฺหสฺส วิสฺสชฺชนํ กโรตี’’ติ ลิขิตํ. สงฺฆสฺส ภารํ นาม ‘‘สทฺธมฺมวาจนา เอวา’’ติ วุตฺตํ, ‘‘นวกมฺมิโกปิ วุจฺจตี’’ติ จ, ‘‘อิโต ภณฺฑโต วฏฺฏนฺตํ ปุน อนฺโต ปวิสตีติ มหาอฏฺกถาปทสฺส กุรุนฺทีสงฺเขปฏฺกถาหิ อธิปฺปาโย วิวริโต’’ติ ลิขิตํ.
๑๑๓. คจฺฉนฺเต ยาเน วาติ เอตฺถ ‘‘สุงฺกฏฺานสฺส พหิ ิตํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ อุปติสฺสตฺเถโร วทติ กิร. ‘‘คจฺฉนฺเต ยาเน วาติอาทิ สุงฺกฏฺานพฺภนฺตเร ¶ คเหตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. พหิ ิตสฺส วตฺตพฺพเมว นตฺถิ, ‘‘อนฺโต ตฺวา’’ติ อธิกาเร วุตฺตตฺตา เจติ ยุตฺตํ – ยานาทีสุ ปิเต ตสฺส ปโยคํ วินาเยว คเตสุ ปาราชิโก น โหติ. กสฺมา น ภณฺฑเทยฺยนฺติ เจ? สุงฺกฏฺานสฺส พหิ ิตตฺตา. อรฺฏฺเ ‘‘อสฺสติยา อติกฺกมนฺตสฺสปิ ภณฺฑเทยฺยเมวา’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๐๗) วุตฺตํ เตสํ สปริคฺคหิตตฺตา. อิธ ปน ‘‘อตฺร ปวิฏฺสฺสา’’ติ วจนโต น พหิ ิตสฺส, ตํ กิร สุงฺกสงฺเกตํ. อฺํ หราเปตีติ ตตฺถ ‘‘สหตฺถา’’ติ วจนโต อนาปตฺติ. นิสฺสคฺคิยานิ โหนฺตีติ อฏฺกถาโต ปาจิตฺติยํ, อุปจารํ โอกฺกมิตฺวา ปริหรเณ สาทีนวตฺตา ทุกฺกฏํ.
สุงฺกฏฺาเน สุงฺกํ ทตฺวาว คนฺตุํ วฏฺฏตีติ อิทํ ทานิ วตฺตพฺพานํ มาติกาติ ธมฺมสิริตฺเถโร. ‘‘อนุราธปุรสฺส จตูสุ ทฺวาเรสุ สุงฺกํ คณฺหนฺติ, เตสุ ทกฺขิณทฺวารสฺส ปุรโต มคฺโค ถูปารามโต อานนฺทเจติยํ ปทกฺขิณํ กตฺวา เชตวนวิหารสฺสนฺตรปาการสฺสาสนฺเน นิวิฏฺโ, โย น คามํ ปวิสนฺโต อุปจารํ โอกฺกนฺโต โหติ. ถูปารามโต จ มหาเจติยํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ราชวิหารํ คจฺฉนฺโต น โอกฺกมตี’’ติ กิร มหาอฏฺกถายํ อาคตํ. เอตฺถ จาติ สุงฺกฆาเต ‘‘ทฺวีหิ เลฑฺฑุปาเตหีติ อาจริยปรมฺปราภตา’’ติ ลิขิตํ. ทฺวีหิ เลฑฺฑุปาเตหีติ สุงฺกฆาตสฺส ปริจฺเฉเท อฏฺปิเต ยุชฺชติ, ปิเต ปน อติเรกโยชนมฺปิ สุงฺกฆาตํ โหตีติ ตโต ปรํ ทฺเว เลฑฺฑุปาตา อุปจาโรติ คเหตพฺโพ. โส ปเนตฺถาปิ ทุวิโธ พาหิรพฺภนฺตรเภทโต. ตตฺถ ทุติยเลฑฺฑุปาตสงฺขาตํ พาหิโรปจารํ สนฺธาย ปาฬิยํ, มหาอฏฺกถายฺจ ทุกฺกฏํ วุตฺตํ. อพฺภนฺตรํ สนฺธาย ¶ กุรุนฺทิยนฺติ โน ขนฺติ. ‘‘อตฺร ปวิฏฺสฺส สุงฺกํ คณฺหนฺตูติ หิ นิยมิตฏฺานํ เอกนฺตโต ปาราชิกเขตฺตํ โหติ, ตฺจ ปริกฺขิตฺตํ, เอโก เลฑฺฑุปาโต ทุกฺกฏเขตฺตํ, อปริกฺขิตฺตฺเจ, ทุติโย เลฑฺฑุปาโตติ โน อธิปฺปาโย’’ติ อาจริโย วทติ.
๑๑๔. ธนํ ปน คตฏฺาเน วฑฺฒตีติ เอตฺถ ‘‘วฑฺฒิยา สห อวหารกสฺส ภณฺฑเทยฺย’’นฺติ ลิขิตํ. ‘‘ตํ วฑฺฒึ ทสฺสามี’’ติ อคฺคเหสิ, ตตฺถ กมฺมํ อกโรนฺตสฺส วฑฺฒตีติ กตฺวา วุตฺตํ. เกวลํ อาปิตเขตฺตสฺส น วฑฺฒติ. ‘‘ยํ ธนํ วฑฺฒิ, ตํ เทนฺตสฺส อวหารกสฺส วฑฺฒิยา อทาเน ปาราชิกํ โหตี’’ติ วทนฺติ.
นาเมนาติ ¶ สปฺปนาเมน วา สามิเกน กเตน วา.
๑๑๖. ราชฆรสฺส อนฺโตวตฺถุมฺหิ, ปริกฺขิตฺตราชงฺคณํ วา อนฺโตวตฺถุ. อปริกฺขิตฺเต ราชงฺคเณ ิตสฺส สกลนครํ านํ. โคณสฺส ‘‘อปริกฺขิตฺเต ิตสฺส อกฺกนฺตฏฺานเมว าน’’นฺติ วุตฺตตฺตา ขณฺฑทฺวารนฺติ อตฺตนา ขณฺฑิตจฺฉิทฺทํ. ตตฺเถว ฆาเตตีติ ‘‘ชีวิตินฺทฺริยารมฺมณตฺตา วธกจิตฺตสฺส ปาจิตฺติยํ โหตีติ? น โหติ. กสฺมา? อทินฺนาทานปโยคตฺตา. ตมฺปิ เถยฺยจิตฺตํ สงฺขารารมฺมณํว โหติ. อิธ ตทุภยํ ลภติ สทฺธึ ปุพฺพภาคาปรภาเคหี’’ติ วุตฺตํ.
๑๑๘. ตสฺสุทฺธาเร สพฺเพสํ ปาราชิกนฺติ ยทิ โย อาณตฺโต อวสฺสํ ตํ ภณฺฑํ หรติ, อาณตฺติกฺขเณ เอว ปาราชิกํ. ‘‘อิธ ติณฺณํ กสฺมา ปาราชิกํ, นนุ ‘ตุมฺเห, ภนฺเต, ตโย หรถา’ติ วุตฺตตฺตา ถุลฺลจฺจยํ, อิตเรสฺจ ปฏิปาฏิยา เอเกกสฺสาณตฺตตฺตา เอเกเกน จ ทุกฺกเฏน ภวิตพฺพํ. กถํ, เอโก กิร มาสคฺฆนกํ ปริสฺสาวนํ เถเนตฺวา เทเสตฺวา นิรุสฺสาโห เอว วา หุตฺวา ปุน มาสคฺฆนกํ สูจึ ตเถว กตฺวา ปุน มาสคฺฆนกนฺติ เอวํ สิยาติ? น เอวํ, ตํ ยถา อุปฺปลเถนโก เยน วตฺถุ ปูรติ ตาว สอุสฺสาหตฺตา ปาราชิโก อาสิ, เอวมิเม สอุสฺสาหาว น เทสยึสุ วา’’ติ ลิขิตํ, ปาฬิยํ, อฏฺกถายฺจ สํวิทหิตฺวา คเตสุ เอกสฺสุทฺธาเร สพฺเพสํ ปาราชิกํ วินา วิย อาณตฺติยา กิฺจาปิ วุตฺตํ, อถ โข ‘‘ตสฺสายํ อตฺโถ’’ติ วตฺวา ปจฺฉา วุตฺตวินิจฺฉเยสุ จ เอกภณฺฑเอกฏฺานาทีสุ จ สมฺพหุลา เอกํ อาณาเปนฺตีติ อาณตฺติเมว นิยเมตฺวา วุตฺตํ, ตสฺมา อาณตฺติ อิจฺฉิตพฺพา วิย, วีมํสิตพฺพํ. ‘‘‘เอกภณฺฑํ เอกฏฺาน’นฺติ จ ปาโ ‘เอกกุลสฺส ภณฺฑ’นฺติ วจนโต’’ติ วทนฺติ.
๑๑๙-๑๒๐. โอจรเก ¶ วุตฺตนเยเนวาติ อวสฺสํหาริเย ภณฺเฑ. ตํ สงฺเกตนฺติ ตสฺส สงฺเกตสฺส. อถ วา ตํ สงฺเกตํ อติกฺกมิตฺวา ปจฺฉา วา. อปตฺวา ปุเร วา. เอส นโย ตํ นิมิตฺตนฺติ เอตฺถาปิ. อกฺขินิขณนาทิกมฺมํ ลหุกํ อิตฺตรกาลํ, ตงฺขเณ เอว ภณฺฑํ อวหริตุํ น สกฺกา, กิฺจิ ภณฺฑํ ทูรํ โหติ, กิฺจิ ภาริยํ, ตํ คเหตุํ ยาว คจฺฉติ ยาว อุกฺขิปติ, ตาว นิมิตฺตสฺส ปจฺฉา โหติ. สเจ ตํ ภณฺฑํ อธิคตํ ¶ วิย อาสนฺนํ, ลหุกฺจ, สกฺกา นิมิตฺตกฺขเณ อวหริตุํ, ตเมว สนฺธาย วุตฺตํ กินฺติ? น, ปุพฺเพ วุตฺตมฺปิ ‘‘ตโต ปฏฺาย เตเนว นิมิตฺเตน อวหรตี’’ติ วุจฺจติ อารทฺธตฺตา. ยทิ เอวํ ‘‘ปุเรภตฺตปโยโค เอโส’’ติ วาโร ปมาณํ โหติ, น จ ตํ ปมาณํ มหาปทุมตฺเถรวาทสฺส ปจฺฉา วุตฺตตฺตา, น สงฺเกตกมฺมํ วิย นิมิตฺตกมฺมํ ทฏฺพฺพํ. ตตฺถ หิ กาลปริจฺเฉโท อตฺถิ, อิธ นตฺถิ, อิทเมว เตสํ นานตฺตํ.
๑๒๑. ตฺจ อสมฺโมหตฺถนฺติ เอโก ‘‘ปุเรภตฺตาทีสุ วา, อกฺขินิขณนาทีนิ วา ทิสฺวา คณฺหา’’ติ, เอโก คเหตพฺพํ ภณฺฑนิสฺสิตํ กตฺวา ‘‘ปุเรภตฺตํ เอวํ วณฺณสณฺานํ ภณฺฑํ คณฺหา’’ติ วทติ, เอวํวิเธสุ อสมฺโมหตฺถํ เอวํวิธํ สงฺเกตํ นิมิตฺตฺจ ทสฺเสตุนฺติ จ, ยถาธิปฺปายนฺติ ทุติโย ตติยสฺส ตติโย จตุตฺถสฺสาติ เอวํ ปฏิปาฏิยา เจ วทนฺตีติ อตฺโถ. สเจ ทุติโย จตุตฺถสฺส วเทติ, น ยถาธิปฺปาโยติ จ. ‘‘ปฏิคฺคหิตมตฺเตติ อวสฺสํ เจ ปฏิคฺคณฺหาติ, ปุพฺเพว ถุลฺลจฺจย’’นฺติ จ ลิขิตํ. ปฏิคฺคณฺหกานํ ทุกฺกฏํ สพฺพตฺโถกาสาภาวโต น วุตฺตํ. ปาราชิกาปชฺชเนเนตํ ทุกฺกฏํ อาปชฺชิตฺวา อาปชฺชนฺติ กิร. อตฺถสาธกาณตฺติเจตนาขเณ เอว ปาราชิโก โหตีติ อธิปฺปาโย. ตตฺถ มคฺคฏฺานิยํ กตรํ, กตรํ ผลฏฺานิยนฺติ ‘‘อตฺถสาธกเจตนา นาม มคฺคานนฺตรผลสทิสา’’ติ วุตฺตตฺตา ผลฏฺานิยา เจตนาติ สิทฺธํ. อาณตฺติ เจ มคฺคฏฺานิยา สิยา, เจตนาสหชตฺตา น สมฺภวติ, ตถา ภณฺฑสฺส อวสฺสํหาริตา จ น สมฺภวติ. อาณตฺติกฺขเณ เอว หิ ตํ อวสฺสํหาริตํ ชาตนฺติ อวหารกสฺส ปฏิคฺคณฺหฺเจ, ตมฺปิ น สมฺภวติ อนาคตตฺตา. เจตนา เจ มคฺคฏฺานิยา โหติ, อาณตฺติอาทีสุ อฺตรํ, ภณฺฑสฺส อวสฺสํหาริตา เอว วา ผลฏฺานิยา เจ, อตฺโถ น สมฺภวติ. ปาราชิกาปตฺติ เอว หิ ผลฏฺานิยา ภวิตุมรหติ, น อฺนฺติ เอวํ ตาว อิธ โอปมฺมสํสนฺทนํ สมฺภวติ เจตนา มคฺคฏฺานิยา, ตสฺสา ปาราชิกาปตฺติภาโว ผลฏฺานิโย. ยถา กึ? ยถา ปฏิสมฺภิทามคฺเค ‘‘สทฺธาย าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา. สทฺธาย สทฺทตฺเถ าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา’’ติ เอตฺถ อฺโ สทฺโธ, อฺโ สทฺธาย สทฺทตฺโถติ สิทฺธํ, ยถา จ ‘‘เอโก อโมหสงฺขาโต ธมฺโม สมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย ¶ อธิปติสหชาตอฺมฺนิสฺสยอินฺทฺริยมคฺคสมฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ เอตฺถ อโมโห ธมฺโม อฺโ, อฺเ ¶ ตสฺส เหตุปจฺจยตาทโยติ สิทฺธํ. ยถา จ วินยปิฏเก ยานิ ฉ อาปตฺติสมุฏฺานานิ, เอวํ ยถาสมฺภวํ ‘‘สตฺต อาปตฺติกฺขนฺธา’’ติ วุจฺจนฺติ, เตสํ อฺา อาปตฺติสมุฏฺานตา, อฺโ อาปตฺติกฺขนฺธภาโวติ สิทฺธํ. อิมินา อาปตฺติกฺขนฺธนเยน อาปตฺตาธิกรณสฺส กติ านานีติ? สตฺต อาปตฺติกฺขนฺธา านานีติ. กติ วตฺถูนีติ? สตฺต อาปตฺติกฺขนฺธา วตฺถูนีติ. กติ ภูมิโยติ? สตฺต อาปตฺติกฺขนฺธา ภูมิโยติ เอวมาทโยปิ ทสฺเสตพฺพา. ตถา หิ ตสฺสา เอวํ มคฺคฏฺานิยาย อตฺถสาธิกาย เจตนาย ยสฺมา อฺา ปาราชิกาปตฺติตา อนตฺถนฺตรภูตา อาการวิเสสสงฺขาตา ผลฏฺานิยา อตฺถิ, ตสฺมา ‘‘อตฺถสาธกเจตนา นาม มคฺคานนฺตรผลสทิสา’’ติ วุตฺตาติ เวทิตพฺพํ. อถ วา เกวลํ ธมฺมนิยามตฺตํเยว อุปมตฺเตน อาจริเยน เอวํ วุตฺตนฺติปิ สมฺภวตีติ น ตตฺถ โอปมฺมสํสนฺทนํ ปริเยสิตพฺพํ, ‘‘อิทํ สพฺพํ เกวลํ ตกฺกวเสน วุตฺตตฺตา วิจาเรตฺวา คเหตพฺพ’’นฺติ อาจริโย.
ภูมฏฺกถาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
อาปตฺติเภทวณฺณนา
๑๒๒. ‘‘วิภงฺคนยทสฺสนโต’’ติ วุตฺตตฺตา ตํ สมฺปาเทตุํ ‘‘อิทานิ ตตฺถ ตตฺถา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ องฺควตฺถุเภเทน จาติ อวหารงฺคชานนเภเทน วตฺถุสฺส หริตพฺพภณฺฑสฺส ครุกลหุกภาวเภเทนาติ อตฺโถ. อถ วา องฺคฺจ วตฺถุเภเทน อาปตฺติเภทฺจ ทสฺเสนฺโตติ อตฺโถ. อติเรกมาสโก อูนปฺจมาสโกติ เอตฺถ วา-สทฺโท น วุตฺโต, ตีหิปิ เอโก เอว ปริจฺเฉโท วุตฺโตติ. อนชฺฌาวุฏฺกํ นาม อรฺปาลกาทินา น เกนจิ มมายิตํ. ฉฑฺฑิตํ นาม อนตฺถิกภาเวน อติเรกมตฺตาทินา สามิเกน ฉฑฺฑิตํ. นฏฺํ ปริเยสิตฺวา ฉินฺนาลยตฺตา ฉินฺนมูลกํ. อสฺสามิกวตฺถูติ อจฺฉินฺนมูลกมฺปิ ยสฺส สามิโก โกจิ โน โหติ, นิรเปกฺขา วา ปริจฺจชนฺติ, ยํ วา ปริจฺจตฺตํ เทวตาทีนํ, อิทํ สพฺพํ อสฺสามิกวตฺถุ นาม. เทวตาทีนํ วา พุทฺธธมฺมานํ วา ปริจฺจตฺตํ ปเรหิ ¶ เจ อารกฺขเกหิ ปริคฺคหิตํ, ปรปริคฺคหิตเมว. ตถารูเป หิ อทินฺนาทาเน ราชาโน โจรํ คเหตฺวา หนนาทิกํ กเรยฺยุํ, อนารกฺขเก ปน อาวาเส, อภิกฺขุเก อนารามิกาทิเก จ ยํ พุทฺธธมฺมสฺส สนฺตกํ, ตํ ‘‘อาคตาคเตหิ ภิกฺขูหิ รกฺขิตพฺพํ โคเปตพฺพํ มมายิตพฺพ’’นฺติ วจนโต อภิกฺขุกาวาสสงฺฆสนฺตกํ วิย ปรปริคฺคหิตสงฺขฺยเมว คจฺฉตีติ ฉายา ทิสฺสติ. อิสฺสโร หิ โย โกจิ ภิกฺขุ ตาทิเส ปริกฺขาเร โจเรหิปิ คยฺหมาเน วาเรตุํ ปฏิพโล เจ, พลกฺกาเรน อจฺฉินฺทิตฺวา ยถาาเน เปตุนฺติ. อปริคฺคหิเต ปรสนฺตกสฺิสฺส ฉสุ อากาเรสุ วิชฺชมาเนสุปิ อนาปตฺติ วิย ทิสฺสติ ¶ , ‘‘ยํ ปรปริคฺคหิตฺจ โหตี’’ติ องฺคภาโว กิฺจาปิ ทิสฺสติ, ปรสนฺตเก ตถา ปฏิปนฺนเก สนฺธาย วุตฺตนฺติ คเหตพฺพํ. อตฺตโน สนฺตกํ โจเรหิ หฏํ, โจรปริคฺคหิตตฺตา ปรปริคฺคหิตํ โหติ, ตสฺมา ปโร เจตํ เถยฺยจิตฺโต คณฺหติ, ปาราชิกํ. สามิโก เอว เจ คณฺหติ, น ปาราชิกํ, ยสฺมา โจเทตฺวา, อจฺฉินฺทิตฺวา จ โส ‘‘มม สนฺตกํ คณฺหามี’’ติ คเหตุํ ลภติ. ปมํ ธุรํ นิกฺขิปิตฺวา เจ ปจฺฉา เถยฺยจิตฺโต คณฺหติ, เอส นโย. สามิเกน ธุรํ นิกฺขิตฺตกาเล โส เจ โจโร กาลํ กโรติ, อฺโ เถยฺยจิตฺเตน คณฺหติ, น ปาราชิโก. อนิกฺขิตฺตกาเล เอว เจ กาลํ กโรติ, ตํ เถยฺยจิตฺเตน คณฺหนฺตสฺส ภิกฺขุโน ปาราชิกํ มูลภิกฺขุสฺส สนฺตกภาเว ิตตฺตา. โจรภิกฺขุมฺหิ มเต ‘‘มตกปริกฺขาร’’นฺติ สงฺโฆ วิภชิตฺวา เจ ตํ คณฺหติ, มูลสามิโก ‘‘มม สนฺตกมิท’’นฺติ คเหตุํ ลภติ.
เอตฺถาห – ภูมฏฺาทินิมิตฺตกมฺมปริโยสานา เอว อวหารเภทา, อุทาหุ อฺเปิ สนฺตีติ. กิฺเจตฺถ ยทิ อฺเปิ สนฺติ, เตปิ วตฺตพฺพา. น หิ ภควา สาวเสสํ ปาราชิกํ ปฺเปติ. โน เจ สนฺติ, เย อิเม ตุลากูฏกํสกูฏมานกูฏอุกฺโกฏนวฺจนนิกติสาจิโยควิปราโมสอาโลปสาหสาการา จ สุตฺตงฺเคสุ สนฺทิสฺสมานา, เต อิธ อาคเตสุ เอตฺถ สโมธานํ คจฺฉนฺตีติ จ ลกฺขณโต วา เตสํ สโมธานคตภาโว วตฺตพฺโพติ? วุจฺจเต – ลกฺขณโต สิทฺโธว. กถํ? ‘‘ปฺจหิ อากาเรหี’’ติอาทินา นเยน องฺควตฺถุเภเทน. อาปตฺติเภโท หิ ปาฬิยํ (ปารา. ๑๒๘-๑๓๐) วุตฺโต เอว, อฏฺกถายฺจ ‘‘กูฏมานกูฏกหาปณาทีหิ วา วฺเจตฺวา คณฺหติ, ตสฺเสวํ คณฺหโต อวหาโร เถยฺยาวหาโร’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๓๘; กงฺขา. อฏฺ. ทุติยปาราชิกวณฺณนา) ¶ อาคตตฺตา ตุลากูฏคหณาทโย เถยฺยาวหาเร สโมธานํ คตาติ สิทฺธํ. วิปราโมสอาโลปสาหสาการา จ อฏฺกถายาคเต ปสยฺหาวหาเร สโมธานํ คจฺฉนฺติ. อิมํเยว วา ปสยฺหาวหารํ ทสฺเสตุํ ‘‘คามฏฺํ อรฺฏฺ’’นฺติ มาติกํ นิกฺขิปิตฺวา ‘‘คามฏฺํ นาม ภณฺฑํ จตูหิ าเนหิ นิกฺขิตฺตํ โหตี’’ติอาทินา นเยน วิภาโค วุตฺโต. เตเนทํ วุตฺตํ โหติ – คหณาการเภทสนฺทสฺสนตฺถํ วิสุํ กตํ. น หิ ภูมิตลาทีหิ คามารฺฏฺํ ยํ กิฺจีติ. ตตฺถ ยํ ตุลากูฏํ, ตํ รูปกูฏงฺคคหณปฏิจฺฉนฺนกูฏวเสน จตุพฺพิธมฺปิ เวหาสฏฺเ สโมธานํ คจฺฉติ. หทยเภทสิขาเภทรชฺชุเภทวเสน ติวิเธ มานกูเฏ ‘‘สฺวายํ หทยเภโท มริยาทํ ฉินฺทตี’’ติ เอตฺถ สโมธานํ คจฺฉติ. หทยเภโท หิ สปฺปิเตลาทิมินนกาเล ลพฺภติ. ‘‘ผนฺทาเปติ อตฺตโน ภาชนคตํ กโรตี’’ติ เอตฺถ สิขาเภโทปิ ลพฺภติ. โส ‘‘ติลตณฺฑุลาทิมินนกาเล ลพฺภตี’’ติ วุตฺตํ. เขตฺตมินนกาเล รชฺชุเภโท สโมธานํ คจฺฉติ. ‘‘ธมฺมํ จรนฺโต สามิกํ ปราเชตี’’ติ เอตฺถ อุกฺโกฏนํ สโมธานํ คจฺฉตีติ เต จ ตถา วฺจนนิกติโยปิ.
อาปตฺติเภทวณฺณนา นิฏฺิตา.
อนาปตฺติเภทวณฺณนา
๑๓๑. น ¶ จ คหิเต อตฺตมโน โหติ, ตสฺส สนฺตกํ วิสฺสาสคาเหน คหิตมฺปิ ปุน ทาตพฺพนฺติ อิทํ ‘‘เตน โข ปน สมเยน ทฺเว ภิกฺขู สหายกา โหนฺติ. เอโก คามํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ…เป… อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, วิสฺสาสคฺคาเห’’ติ (ปารา. ๑๔๖) อิมินา อสเมนฺตํ วิย ทิสฺสติ. เอตฺถ หิ ‘‘โส ชานิตฺวา ตํ โจเทสิ อสฺสมโณสิ ตฺว’’นฺติ วจเนน อนตฺตมนตา ทีปิตา. ปุน ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, วิสฺสาสคฺคาเห’’ติ วจเนน อตฺตมนตายปิ สติ วิสฺสาสคฺคาโห รุหตีติ ทีปิตนฺติ เจ? ตํ น, อฺถา คเหตพฺพตฺถโต. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – ปาราชิกาปตฺติยา อนาปตฺติ วิสฺสาสสฺาย คาเห สติ, โสปิ ภิกฺขุ สหายกตฺตา น กุทฺโธ โจเทสิ, ปิโย เอว สมาโน ‘‘กจฺจิ อสฺสมโณสิ ตฺวํ, คจฺฉ, วินิจฺฉยํ กตฺวา ¶ สุทฺธนฺเต ติฏฺาหี’’ติ โจเทสิ. สเจปิ โส กุทฺโธ เอว โจเทยฺย, ‘‘อนาปตฺตี’’ติ อิทํ เกวลํ ปาราชิกาภาวํ ทีเปติ, น วิสฺสาสคฺคาหสิทฺธํ. โย ปน ปริสมชฺเฌ ลชฺชาย อธิวาเสติ, น กิฺจิ วทตีติ อตฺโถ. ‘‘ปุนวตฺตุกามตาธิปฺปาเย ปน โสปิ ปจฺจาหราเปตุํ ลภตี’’ติ วุตฺตํ. สเจ โจโร ปสยฺห คเหตุกาโมปิ ‘‘อธิวาเสถ, ภนฺเต, อิธ เม จีวรานี’’ติ วตฺวา จีวรานิ เถเรน ทินฺนานิ, อทินฺนานิ วา สยํ คเหตฺวา คจฺฉติ, เถโร ปุน ปกฺขํ ลภิตฺวา โจเทตุํ ลภติ, ปุพฺเพ อธิวาสนา อธิวาสนสงฺขฺยํ น คจฺฉติ ภเยน ตุณฺหีภูตตฺตา, ‘‘ยํ จีวรํ อิธ สามิโก ปจฺจาหราเปตุํ ลภตี’’ติ วุตฺตํ. สามิกสฺส ปากติกํ กาตพฺพํ, ‘‘อิทํ กิร วตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. สเจ สงฺฆสฺส สนฺตกํ เกนจิ ภิกฺขุนา คหิตํ, ตสฺส เตน สงฺฆสฺส วา ธมฺมสฺส วา อุปการิตา อตฺถิ, คหิตปฺปมาณํ อปโลเกตฺวา ทาตพฺพํ. ‘‘โส เตน ยถาคหิตํ ปากติกํ กตฺวา อนโณ โหติ, คิลานาทีนมฺปิ เอเสว นโย’’ติ วุตฺตํ.
ปทภาชนียวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปกิณฺณกกถาวณฺณนา
สาหตฺถิกาณตฺติกนฺติ เอกภณฺฑํ เอว. ‘‘ภาริยฺหิทํ ตฺวมฺปิ เอกปสฺสํ คณฺห, อหมฺปิ เอกปสฺสํ คณฺหามีติ สํวิทหิตฺวา อุภเยสํ ปโยเคน านาจาวเน กเต กายวาจาจิตฺเตหิ โหติ ¶ . อฺถา ‘สาหตฺถิกํ วา อาณตฺติกสฺส องฺคํ น โหติ, อาณตฺติกํ วา สาหตฺถิกสฺสา’ติ อิมินา วิรุชฺฌตี’’ติ ลิขิตํ. ธมฺมสิริตฺเถโร ปน ‘‘น เกวลํ ภาริเย เอว วตฺถุมฺหิ อยํ นโย ลพฺภติ, ปฺจมาสกมตฺตมฺปิ ทฺเว เจ ชนา สํวิทหิตฺวา คณฺหนฺติ, ทฺวินฺนมฺปิ ปาเฏกฺกํ, สาหตฺถิกํ นาม ตํ กมฺมํ, สาหตฺถิกปโยคตฺตา เอกสฺมึเยว ภณฺเฑ, ตสฺมา ‘สาหตฺถิกํ อาณตฺติกสฺส องฺคํ น โหตี’ติ วจนมิมํ นยํ น ปฏิพาหติ. ‘สาหตฺถิกวตฺถุองฺคนฺติ สาหตฺถิกสฺส วตฺถุสฺส องฺคํ น โหตี’ติ ตตฺถ วุตฺตํ. อิธ ปน ปโยคํ สนฺธาย วุตฺตตฺตา ยุชฺชตี’’ติ อาห กิร, ตํ อยุตฺตํ กายวจีกมฺมนฺติ วจนาภาวา, ตสฺมา สาหตฺถิกาณตฺติเกสุ ปโยเคสุ อฺตเรน วายมาปตฺติ สมุฏฺาติ ¶ , ตถาปิ ตุริตตุริตา หุตฺวา วิโลปนาทีสุ คหณคาหาปนวเสเนตํ วุตฺตํ. ยถา กาเลน อตฺตโน กาเลน ปรสฺส ธมฺมํ อารพฺภ สีฆํ สีฆํ อุปฺปตฺตึ สนฺธาย ‘‘อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ติกมาติกา ๒๑) วุตฺตา, เอวํสมฺปทมิทนฺติ ทฏฺพฺพํ.
ตตฺถปิ เย อนุตฺตราทโย เอกนฺตพหิทฺธารมฺมณา วิฺาณฺจายตนาทโย เอกนฺตอชฺฌตฺตารมฺมณา, อิตเร อนิยตารมฺมณตฺตา ‘‘อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณา’’ติ วุจฺจนฺติ, น เอกกฺขเณ อุภยารมฺมณตฺตา. อยํ ปน อาปตฺติ ยถาวุตฺตนเยน สาหตฺถิกา อาณตฺติกาปิ โหติเยว, ตสฺมา อนิทสฺสนเมตนฺติ อยุตฺตํ. ‘‘ยถา อนิยตารมฺมณตฺตา ‘อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณา’ติ วุตฺตา, ตถา อนิยตปโยคตฺตา อยมฺปิ อาปตฺติ ‘สาหตฺถิกาณตฺติกา’ติ วุตฺตาติ นิทสฺสนเมเวต’’นฺติ เอกจฺเจ อาจริยา อาหุ. ‘‘อิเม ปนาจริยา อุภินฺนํ เอกโต อารมฺมณกรณํ นตฺถิ. อตฺถิ เจ, ‘อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมโณ ธมฺโม อุปฺปชฺชติ เหตุปจฺจยา’ติอาทินา (ปฏฺา. ๒.๒๑.๑ อชฺฌตฺตารมฺมณติก) ปฏฺานปาเน ภวิตพฺพนฺติ สฺาย อาหํสุ, เตสํ มเตน ‘สิยา อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณา’ติ วจนํ นิรตฺถกํ สิยา, น จ นิรตฺถกํ, ตสฺมา อตฺเถว เอกโต อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมโณ ธมฺโม. ปุน ‘อยํ โส’ติ นิยเมน อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณา ธมฺมา วิย นิทฺทิสิตพฺพาภาวโต น อุทฺธโฏ สิยา. ตตฺถ อนุทฺธฏตฺตา เอว ธมฺมสงฺคหฏฺกถายํ อุภินฺนมฺปิ อชฺฌตฺตพหิทฺธาธมฺมานํ เอกโต อารมฺมณกรณธมฺมวเสน ‘อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณา’ติ อวตฺวา ‘กาเลน อชฺฌตฺตพหิทฺธา ปวตฺติยํ อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณ’นฺติ วุตฺตํ, ตสฺมา คณฺิปเท วุตฺตนโยว สาโรติ โน ตกฺโก’’ติ อาจริโย. ตตฺถ ‘‘กายวจีกมฺม’’นฺติ อวจนํ ปนสฺส สาหตฺถิกปโยคตฺตา เอกปโยคสฺส อเนกกมฺมตฺตาว, ยทิ ภเวยฺย, มโนกมฺมมฺปิ วตฺตพฺพํ ภเวยฺย, ยถา ตตฺถ มโนกมฺมํ วิชฺชมานมฺปิ อพฺโพหาริกํ ชาตํ, เอวํ ตสฺมึ สาหตฺถิกาณตฺติเก วจีกมฺมํ อพฺโพหาริกนฺติ เวทิตพฺพํ, ตํ ปน เกวลํ กายกมฺมสฺส อุปนิสฺสยํ ชาตํ, จิตฺตํ วิย ตตฺถ องฺคเมว ชาตํ, ตสฺมา ¶ วุตฺตํ ‘‘สาหตฺถิกปโยคตฺตา’’ติ, ‘‘องฺคภาวมตฺตเมว หิ สนฺธาย ‘สาหตฺถิกาณตฺติก’นฺติ วุตฺตนฺติ โน ตกฺโก’’ติ จ, วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ.
กายวาจา ¶ สมุฏฺานา, ยสฺสา อาปตฺติยา สิยุํ;
ตตฺถ กมฺมํ น ตํ จิตฺตํ, กมฺมํ นสฺสติ ขียติ.
กิริยากิริยาทิกํ ยฺจ, กมฺมากมฺมาทิกํ ภเว;
น ยุตฺตํ ตํ วิรุทฺธตฺตา, กมฺมเมกํว ยุชฺชติ.
วินีตวตฺถุวณฺณนา
๑๓๒. อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, จิตฺตุปฺปาเทติ เอตฺถ เกวลํ จิตฺตํ, ตสฺเสว อุปฺปาเทตพฺพาปตฺตีหิ อนาปตฺตีติ อตฺโถ. เอตฺถาห – อุปนิกฺขิตฺตสาทิยนาทีสุ, สพฺเพสุ จ อกิริยสิกฺขาปเทสุ น กายงฺคโจปนํ วา วาจงฺคโจปนํ วา, อปิจาปตฺติ, กสฺมา อิมสฺมึเยว สิกฺขาปเท อนาปตฺติ, น สพฺพาปตฺตีหีติ? น, กสฺมา.
กตฺตพฺพา สาธิกํ สิกฺขา, วิฺตฺตึ กายวาจิกํ;
อกตฺวา กายวาจาหิ, อวิฺตฺตีหิ ตํ ผุเส.
น เลสภาวตฺตา. สปฺปาเย อารมฺมเณ อฏฺตฺวา ปฏิลทฺธาเสวนํ หุตฺวา ตโต ปรํ สุฏฺุ ธาวตีติ สนฺธาวติ. ตโต อภิชฺฌาย สหคตํ, พฺยาปาทสหคตํ วา หุตฺวา วิเสสโต ธาวตีติ วิธาวติ.
๑๓๗. วณํ กตฺวา คเหตุนฺติ เอตฺถ กิฺจาปิ อิมินา สิกฺขาปเทน อนาปตฺติ, อิตฺถิรูปสฺส นาม ยตฺถ อามสนฺตสฺส ทุกฺกฏนฺติ เกจิ. ‘‘กายปฏิพทฺธคฺคหณํ ยุตฺตํ, ตํ สนฺธาย วฏฺฏตีติ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ. อุภยํ วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ.
กุสสงฺกามนวตฺถุกถาวณฺณนา
๑๓๘. มหาปจฺจริยาทีสุ ยํ วุตฺตํ ‘‘ปทุทฺธาเรเนว กาเรตพฺโพ’’ติ, ตํ สุวุตฺตํ. กินฺตุ ตสฺส ¶ ปริกปฺปาวหารกมตฺตํ น ทิสฺสตีติ ทสฺสนตฺถํ อิทํ วุตฺตํ. อุทฺธาเร วายํ อาปนฺโน, ตสฺมา ทิสฺวา คจฺฉนฺโต ‘‘ปทุทฺธาเรเนว กาเรตพฺโพ’’ติ อิทํ ตตฺถ ทุวุตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติ. กถํ? ‘‘สาฏกตฺถิโก สาฏกปสิพฺพกเมว คเหตฺวา พหิ นิกฺขมิตฺวา สาฏกภาวํ ตฺวา ‘ปจฺฉา คณฺหิสฺสามี’ติ เอวํ ปริกปฺเปตฺวา คณฺหติ, น อุทฺธาเร เอวาปชฺชติ. ยทา พหิ ตฺวา ¶ ‘สาฏโก อย’นฺติ ทิสฺวา คจฺฉติ, ตทา ปทุทฺธาเรเนว กาเรตพฺโพ’’ติ น วุตฺตเมตํ, กินฺตุ กิฺจาปิ ปริกปฺโป ทิสฺสติ, ปุพฺพภาเค อวหารกฺขเณ น ทิสฺสตีติ น โส ปริกปฺปาวหาโร, อยมตฺโถ มหาอฏฺกถายํ วุตฺโตว, ตสฺมา ‘‘ายเมวา’’ติ วทนฺติ. กมฺมนฺตสาลา นาม กสฺสกานํ วนจฺเฉทกานํ เคหานิ. อยํ ตาวาติ สเจ อุปจารสีมนฺติอาทิ ยาว เถรวาโท มหาอฏฺกถานโย, ตตฺถ เกจิ ปนาติอาทิ น คเหตพฺพํ เถรวาทตฺตา ยุตฺติอภาวโต, น หิ สาหตฺถิเก เอวํวิธา อตฺถสาธกเจตนา โหติ. อาณตฺติเก เอว อตฺถสาธกเจตนา. ‘‘เสสํ มหาปจฺจริยํ วุตฺเตนตฺเถน สเมตี’’ติ วุตฺตํ.
กุสสงฺกามนกรเณ สเจ ปโร ‘‘นายํ มม สนฺตโก’’ติ ชานาติ, อิตรสฺส หตฺถโต มุตฺตมตฺเต ปาราชิกาปตฺติ ขีลสงฺกามเน วิย. ‘‘อตฺตโน สนฺตกํ สเจ ชานาติ, น โหตี’’ติ วทนฺติ. เอวํ สนฺเต ปฺจกานิ สงฺกรานิ โหนฺตีติ อุปปริกฺขิตพฺพํ.
๑๔๐. ปรานุทฺทยตายาติ เอตฺถ ปรานุทฺทยตาย โกฏิปฺปตฺเตน ภควตา กสฺมา ‘‘อนาปตฺติ เปตปริคฺคเห ติรจฺฉานคตปริคฺคเห’’ติ (ปารา. ๑๓๑) วุตฺตนฺติ เจ? ปรานุทฺทยตาย เอว. ยสฺส หิ ปริกฺขารสฺส อาทาเน ราชาโน โจรํ คเหตฺวา น หนนาทีนิ กเรยฺยุํ, ตสฺมิมฺปิ นาม สมโณ โคตโม ปาราชิกํ ปฺเปตฺวา ภิกฺขุํ อภิกฺขุํ กโรตีติ มหาชโน ภควติ ปสาทฺถตฺตํ อาปชฺชิตฺวา อปายุปโค โหติ. อเปตปริคฺคหิตา รุกฺขาที จ ทุลฺลภา, น จ สกฺกา าตุนฺติ รุกฺขาทีหิ ปาปภีรุโก อุปาสกชโน ปฏิมาฆรเจติยโพธิฆรวิหาราทีนิ อกตฺวา มหโต ปฺุกฺขนฺธโต ปริหาเยยฺย. ‘‘รุกฺขมูลเสนาสนํ ปํสุกูลจีวรํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชา’’ติ (มหาว. ๑๒๘) วุตฺตนิสฺสยา จ อนิสฺสยา โหนฺติ. ปรปริคฺคหิตสฺิโน หิ ภิกฺขู รุกฺขมูลปํสุกูลานิ น สาทิยิสฺสนฺตีติ, ปพฺพชฺชา จ น สมฺภเวยฺยุํ, สปฺปทฏฺกาเล ฉาริกตฺถาย รุกฺขํ อคฺคเหตฺวา มรณํ วา นิคจฺเฉยฺยุํ, อจฺฉินฺนจีวราทิกาเล สาขาภงฺคาทึ อคฺคเหตฺวา นคฺคา หุตฺวา ติตฺถิยลทฺธิเมว สุลทฺธิ วิย ทีเปนฺตา วิจเรยฺยุํ, ตโต ติตฺถิเยสฺเวว โลโก ปสีทิตฺวา ทิฏฺิคฺคหณํ ปตฺวา สํสารขาณุโก ภเวยฺย, ตสฺมา ภควา ปรานุทฺทยตาย ¶ เอว ‘‘อนาปตฺติ เปตปริคฺคเห’’ติอาทิมาหาติ เวทิตพฺพํ.
๑๔๑. อปรมฺปิ ¶ ภาคํ เทหีติ ‘‘คหิตํ วิฺตฺติสทิสตฺตา เนว ภณฺฑเทยฺยํ น ปาราชิก’’นฺติ ลิขิตํ, อิทํ ปกติชเน ยุชฺชติ. ‘‘สเจ ปน สามิโก วา เตน อาณตฺโต วา ‘อปรสฺส สหายภิกฺขุสฺส ภาคํ เอส คณฺหาติ ยาจติ วา’ติ ยํ อปรภาคํ เทติ, ตํ ภณฺฑเทยฺย’’นฺติ วทนฺติ.
๑๔๘-๙. ขาทนฺตสฺส ภณฺฑเทยฺยนฺติ โจรสฺส วา สามิกสฺส วา สมฺปตฺตสฺส ทินฺนํ สุทินฺนเมว กิร. อวิเสเสนาติ ‘‘อุสฺสาหคตานํ วา’’ติ อวตฺวา วุตฺตํ, น หิ กติปยานํ อนุสฺสาหตาย สงฺฆิกมสงฺฆิกํ โหติ. มหาอฏฺกถายมฺปิ ‘‘ยทิ สอุสฺสาหาว คจฺฉนฺติ, เถยฺยจิตฺเตน ปริภฺุชโต อวหาโร โหตี’’ติ วุตฺตตฺตา ตทุภยเมกํ. ฉฑฺฑิตวิหาเร อุปจารสีมาย ปมาณํ ชานิตุํ น สกฺกา, อยํ ปน ภิกฺขุ อุปจารสีมาย พหิ ตฺวา ฆณฺฏิปหรณาทึ กตฺวา ปริภฺุชติ ขาทติ, เตน เอวํ ขาทิตํ สุขาทิตนฺติ อตฺโถ. ‘‘อิตรวิหาเร ตตฺถ ทิตฺตวิธินาว ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘สุขาทิตํ อนฺโตวิหารตฺตา’’ติ ลิขิตํ, อาคตานาคตานํ สนฺตกตฺตาติ ‘‘จาตุทฺทิสสฺส สงฺฆสฺส เทมี’’ติ ทินฺนตฺตา วุตฺตํ. เอวํ อวตฺวา ‘‘สงฺฆสฺส เทมี’’ติ ทินฺนมฺปิ ตาทิสเมว. ตถา หิ พหิ ิโต ลาภํ น ลภติ ภควโต วจเนนาติ เวทิตพฺพํ.
๑๕๓. ‘‘มตสูกโร’’ติ วจนโต ตเมว ชีวนฺตํ ภณฺฑเทยฺยนฺติ กตฺวา ทาตุํ น ลภติ. วชฺฌํ วฏฺฏตีติ ทีปิตํ โหติ. มทฺทนฺโต คจฺฉติ, ภณฺฑเทยฺยนฺติ เอตฺถ กิตฺตกํ ภณฺฑเทยฺยํ, น หิ สกฺกา ‘‘เอตฺตกา สูกรา มทฺทิตฺวา คตา คมิสฺสนฺตี’’ติ ชานิตุนฺติ? ยตฺตเก สามิกานํ ทินฺเน เต ‘‘ทินฺนํ มม ภณฺฑ’’นฺติ ตุสฺสนฺติ, ตตฺตกํ ทาตพฺพํ. โน เจ ตุสฺสนฺติ, อติกฺกนฺตสูกรมูลํ ทตฺวา กึ โอปาโต ขณิตฺวา ทาตพฺโพติ? น ทาตพฺโพ. อถ กึ โจทิยมานสฺส อุภินฺนํ ธุรนิกฺเขเปน ปาราชิกํ โหตีติ? น โหติ, เกวลํ กปฺปิยปริกฺขารํ ทตฺวา โตเสตพฺโพว สามิโก, เอเสว นโย อฺเสุปิ เอวรูเปสูติ โน ตกฺโกติ อาจริโย. ‘‘ตทเหว วา ทุติยทิวเส วา มทฺทนฺโต คจฺฉตี’’ติ วุตฺตํ. คุมฺเพ ขิปติ, ภณฺฑเทยฺยเมวาติ ¶ อวสฺสํ ปวิสนเก สนฺธาย วุตฺตํ. เอตฺถ เอกสฺมึ วิหาเร ปรจกฺกาทิภยํ อาคตํ. มูลวตฺถุจฺเฉทนฺติ ‘‘สพฺพเสนาสนํ เอเต อิสฺสรา’’ติ วจนโต อิตเร อนิสฺสราติ ทีปิตํ โหติ.
๑๕๖. อารามรกฺขกาติ วิสฺสฏฺวเสน คเหตพฺพํ. อธิปฺปายํ ตฺวาติ เอตฺถ ยสฺส ทานํ ปฏิคฺคณฺหนฺตํ ภิกฺขุํ, ภาคํ วา สามิกา น รกฺขนฺติ น ทณฺเฑนฺติ, ตสฺส ทานํ อปฺปฏิจฺฉาเทตฺวา ¶ คเหตุํ วฏฺฏตีติ อิธ สนฺนิฏฺานํ. ตมฺปิ ‘‘น วฏฺฏติ สงฺฆิเก’’ติ วุตฺตํ. อยเมว ภิกฺขุ อิสฺสโรติ ยตฺถ โส อิจฺฉติ, ตตฺถ อตฺตาตเหตุํ ลภติ กิร อตฺโถ. อปิจ ‘‘ทหโร’’ติ วทนฺติ. สวตฺถุกนฺติ สห ภูมิยาติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘ครุภณฺฑํ โหตี’’ติ วตฺวา ‘‘ติณมตฺตํ ปน น ทาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ กินฺตุ ครุภณฺฑนฺติ เจ, อรกฺขิยอโคปิยฏฺาเน, วินสฺสนกภาเว จ ิตํ สนฺธาย วุตฺตํ. กปฺปิเยปิ จาติ วตฺวา, อวตฺวา วา คหณยุตฺเต มาตาทิสนฺตเกปิ เถยฺยจิตฺตุปฺปาเทน. อิทํ ปน สิกฺขาปทํ ‘‘ราชาปิเมสํ อภิปฺปสนฺโน’’ติ (ปารา. ๘๖) วจนโต ลาภคฺคมหตฺตํ, เวปุลฺลมหตฺตฺจ ปตฺตกาเล ปฺตฺตนฺติ สิทฺธํ.
ทุติยปาราชิกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ตติยปาราชิกํ
ปมปฺตฺตินิทานวณฺณนา
๑๖๒. ตีหิ สุทฺเธนาติ เอตฺถ ตีหีติ นิสฺสกฺกวจนํ วา โหติ, กรณวจนํ วา. นิสฺสกฺกปกฺเข กายวจีมโนทฺวาเรหิ สุทฺเธน. ตถา ทุจฺจริตมเลหิ วิสเมหิ ปปฺเจหีติอาทินา นเยน สพฺพกิเลสตฺติเกหิ โพธิมณฺเฑ เอว สุทฺเธนาติ โยเชตพฺพํ. กรณปกฺเข ตีหีติ กายวจีมโนทฺวาเรหิ สุทฺเธน. ตถา ตีหิ สุจริเตหิ, ตีหิ วิโมกฺเขหิ, ตีหิ ภาวนาหิ, ตีหิ สีลสมาธิปฺาหิ สุทฺเธนาติ สพฺพคุณตฺติเกหิ โยเชตพฺพํ. วิภาวิตนฺติ เทสนาย วิตฺถาริตํ, วิภูตํ วา กตํ วิหิตํ, ปฺตฺตํ วา โหติ. สํวณฺณนาติ วตฺตมานสมีเป วตฺตมานวจนํ.
น ¶ เกวลํ ราชคหเมว, อิทมฺปิ นครํ. สปริจฺเฉทนฺติ สปริยนฺตนฺติ อตฺโถ. สปริกฺเขปนฺติ เอเก. ‘‘หํสวฏฺฏกจฺฉทเนนาติ หํสปริกฺเขปสณฺาเนนา’’ติ ลิขิตํ. กายวิจฺฉินฺทนิยกถนฺติ อตฺตโน อตฺตภาเว, ปรสฺส วา อตฺตภาเว ฉนฺทราคปฺปหานกรํ วิจฺฉินฺทนกรํ ธมฺมกถํ กเถติ. อสุภา เจว สุภาการวิรหิตตฺตา. อสุจิโน จ โทสนิสฺสนฺทนปภวตฺตา. ปฏิกูลา จ ชิคุจฺฉนียตฺตา ปิตฺตเสมฺหาทีสุ อาสยโต. อสุภาย วณฺณนฺติ ¶ อสุภาการสฺส, อสุภกมฺมฏฺานสฺส วา วิตฺถารํ ภาสติ. สามิอตฺเถ เหตํ สมฺปทานวจนํ. อสุภนฺติ อสุภนิมิตฺตสฺส อาวิภาวาย ปจฺจุปฏฺานาย วิตฺถารกถาสงฺขาตํ วณฺณํ ภาสภีติ อตฺโถ. เตสํเยว อาทิมชฺฌปริโยสานานํ ทสหิ ลกฺขเณหิ สมฺปนฺนํ กิเลสโจเรหิ อนภิภวนียตฺตา ฌานจิตฺตํ มฺชูสํ นาม.
ตตฺริมานีติ เอตฺถายํ ปิณฺฑตฺโถ – ยสฺมึ วาเร ปมํ ฌานํ เอกจิตฺตกฺขณิกํ อุปฺปชฺชติ, ตํ สกลมฺปิ ชวนวารํ อนุโลมปริกมฺมอุปจารโคตฺรภุอปฺปนาปฺปเภทํ เอกตฺตนเยน ‘‘ปมํ ฌาน’’นฺติ คเหตฺวา ตสฺส ปมชฺฌานสฺส อปฺปนาปฏิปาทิกาย ขิปฺปาทิเภทาย อภิฺาย อธิคตาย กิจฺจนิปฺผตฺตึ อุปาทาย อาคมนวเสน ปฏิปทาวิสุทฺธิ อาทีติ เวทิตพฺพา. ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาย กิจฺจนิปฺผตฺติวเสน อุเปกฺขานุพฺรูหนา มชฺเฌติ เวทิตพฺพา. ปริโยทาปกาณสฺส กิจฺจนิปฺผตฺติวเสน สมฺปหํสนา ปริโยสานนฺติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ อาทิจิตฺตโต ปฏฺาย ยาว ปมชฺฌานสฺส อุปฺปาทกฺขณํ, เอตสฺมึ อนฺตเร ปฏิปทาวิสุทฺธีติ เวทิตพฺพา. อุปฺปาทิติกฺขเณสุ อุเปกฺขานุพฺรูหนา, ิติภงฺคกฺขเณสุ สมฺปหํสนาติ เวทิตพฺพา. ลกฺขียติ เอเตนาติ ลกฺขณนฺติ กตฺวา ‘‘วิสุทฺธิปฏิปตฺติปกฺขนฺทเน’’ติอาทินา ปุพฺพภาโค ลกฺขียติ, ติวิเธน อชฺฌุเปกฺขเนน มชฺฌํ ลกฺขียติ, จตุพฺพิธาย สมฺปหํสนาย ปริโยสานํ ลกฺขียตีติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ทส ลกฺขณานี’’ติ.
ปาริพนฺธกโตติ นีวรณสงฺขาตปาริพนฺธกโต วิสุทฺธตฺตา โคตฺรภุปริโยสานํ ปุพฺพภาคชวนจิตฺตํ ‘‘จิตฺตวิสุทฺธี’’ติ วุจฺจติ. ตถา วิสุทฺธตฺตา ตํ จิตฺตํ มชฺฌิมํ สมาธินิมิตฺตสงฺขาตํ อปฺปนาสมาธึ ตทตฺถาย อุปคจฺฉมานํ เอกสนฺตติวเสน ปริณาเมนฺตํ ปฏิปชฺชติ นาม. เอวํ ปฏิปนฺนสฺส ตสฺส ตตฺถ สมถนิมิตฺเต ¶ ปกฺขนฺทนํ ตพฺภาวูปคมนํ โหตีติ กตฺวา ‘‘ตตฺถ จิตฺตปกฺขนฺทน’’นฺติ วุจฺจติ. เอวํ ตาว ปมชฺฌานุปฺปาทกฺขเณ เอว อาคมนวเสน ปฏิปทาวิสุทฺธิ เวทิตพฺพา. เอวํ วิสุทฺธสฺส อปฺปนาปฺปตฺตสฺส ปุน วิโสธเน พฺยาปาราภาวา อชฺฌุเปกฺขนํ โหติ. สมถปฺปฏิปนฺนตฺตา ปุน สมาธาเน พฺยาปาราภาวา จ สมถปฺปฏิปนฺนสฺส อชฺฌุเปกฺขนํ โหติ. กิเลสสํสคฺคํ ปหาย เอกนฺเตน อุปฏฺิตตฺตา ปุน เอกตฺตุปฏฺาเน พฺยาปาราสมฺภวโต เอกตฺตุปฏฺานสฺส อชฺฌุเปกฺขนํ โหติ. ตตฺถ ชาตานนฺติ ตสฺมึ จิตฺเต ชาตานํ สมาธิปฺานํ ยุคนทฺธภาเวน อนติวตฺตนฏฺเน นานากิเลเสหิ วิมุตฺตตฺตา. สทฺธาทีนํ อินฺทฺริยานํ วิมุตฺติรเสเนกรสฏฺเน อนติวตฺตเนกสภาวานํ เตสํ ทฺวินฺนํ อุปคตํ ตชฺชํ ตสฺสารุปฺปํ ตทนุรูปํ วีริยํ ตถา จิตฺตํ โยคี วาเหติ ปวตฺเตตีติ กตฺวา ตทุปควีริยวาหนฏฺเน จ วิเสสภาคิยภาวตฺตา อาเสวนฏฺเน จ สมฺปหํสนา โหตีติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อปิเจตฺถ ‘‘อนนฺตราตีตํ ¶ โคตฺรภุจิตฺตํ เอกสนฺตติวเสน ปริณาเมนฺตํ ปฏิปชฺชติ นามา’’ติ ลิขิตํ. ตตฺถ หิ ปริณาเมนฺตํ ปฏิปชฺชตีติ เอตานิ วจนานิ อตีตสฺส น สมฺภวนฺติ, ยฺจ ตทนนฺตรํ ลิขิตํ ‘‘อปฺปนาสมาธิจิตฺตํ อุปคจฺฉมานํ โคตฺรภุจิตฺตํ ตตฺถ ปกฺขนฺทติ นามา’’ติ. อิมินาปิ ตํ น ยุชฺชติ, ‘‘ปฏิปตฺติกฺขเณ เอว อตีต’’นฺติ วุตฺตตฺตา ‘‘โคตฺรภุจิตฺตํ ตตฺถ ปกฺขนฺทตี’’ติ วจนเมว วิรุชฺฌตีติ อาจริโย. ‘‘เอกจิตฺตกฺขณิกมฺปิ โลกุตฺตรจิตฺตํ อาเสวติ ภาเวติ พหุลีกโรตี’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘เอกจิตฺตกฺขณิกสฺสาปิ ฌานสฺส เอตานิ ทส ลกฺขณานี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ตโต ปฏฺาย อาเสวนา ภาวนา เอวา’’ติปิ วุตฺตํ. ‘‘อธิฏฺานสมฺปนฺนนฺติ อธิฏฺาเนน สหคต’’นฺติ ลิขิตํ. ตสฺสตฺโถ – ยฺจ ‘‘อาทิมชฺฌปริโยสานสงฺขาต’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ เตสํ ติณฺณมฺปิ กลฺยาณกตาย สมนฺนาคตตฺตา ติวิธกลฺยาณกตฺจ. เอวํ ติวิธจิตฺตํ ตทธิคมมูลกานํ คุณานํ, อุปริฌานาธิคมสฺส วา ปทฏฺานฏฺเน อธิฏฺานํ โหติ, ตสฺมา จิตฺตสฺส อธิฏฺานภาเวน สมฺปนฺนตฺตา อธิฏฺานสมฺปนฺนํ นามาติ.
อทฺธมาสํ ปฏิสลฺลียิตุนฺติ เอตฺถ อาจริยา เอวมาหุ ‘‘ภิกฺขูนํ อฺมฺวธทสฺสนสวนสมฺภเว สตฺถุโน สติ ตสฺส อุปทฺทวสฺส อภาเว อุปายาชานนโต ‘อยํ อสพฺพฺู’ติ เหตุปติรูปกมเหตุํ วตฺวา ธมฺมิสฺสรสฺสาปิ ตถาคตสฺส กมฺเมสฺวนิสฺสริยํ อสมฺพุชฺฌมานา อสพฺพทสฺสิตมธิจฺจโมหา พหุชนา อวีจิปรายนา ภเวยฺยุํ, ตสฺมา โส ภควา ¶ ปเคว เตสํ ภิกฺขูนํ อฺมฺํ วธมานภาวํ ตฺวา ตทภาโวปายาภาวํ ปน สุวินิจฺฉินิตฺวา ตตฺถ ปุถุชฺชนานํ สุคติลาภเหตุเมเวกํ กตฺวา อสุภเทสนาย วา รูปสทฺททสฺสนสวเนหิ นิปฺปโยชเนหิ วิรมิตฺวา ปเคว ตโต วิรมณโต, สุคติลาภเหตุกรณโต, อวสฺสํ ปฺาปิตพฺพาย ตติยปาราชิกปฺตฺติยา วตฺถาคมทสฺสนโต จ อตฺตโน สพฺพทสฺสิตํ ปริกฺขกานํ ปกาเสนฺโต วิย ตมทฺธมาสํ เวเนยฺยหิตนิปฺผตฺติยา ผลสมาปตฺติยา อวกาสํ กตฺวา วิหริตุกาโม ‘อิจฺฉามหํ, ภิกฺขเว, อทฺธมาสํ ปฏิสลฺลียิตุ’นฺติอาทิมาหา’’ติ. อาจริยา นาม พุทฺธมิตฺตตฺเถรธมฺมสิริตฺเถรอุปติสฺสตฺเถราทโย คณปาโมกฺขา, อฏฺกถาจริยสฺส จ สนฺติเก สุตปุพฺพา. ตโต อฺเ เอเกติ เวทิตพฺพา. ‘‘สเกน กาเยน อฏฺฏียนฺติ…เป… ภวิสฺสนฺตี’’ติ อิทํ ปรโต ‘‘เย เต ภิกฺขู อวีตราคา, เตสํ ตสฺมึ สมเย โหติ เอว ภยํ, โหติ โลมหํโส, โหติ ฉมฺภิตตฺต’’นฺติ อิมินา น ยุชฺชติ, อิทฺจ ภควโต อสุภกถารมฺมณปฺปโยชเนน น สเมตีติ เจ? น, ตทตฺถาชานนโต. สเกน กาเยน อฏฺฏียนฺตานมฺปิ เตสํ อริยมคฺเคน อปฺปหีนสิเนหตฺตา ขีณาสวานํ วิย มรณํ ปฏิจฺจ อภยํ น โหติ, ภยฺจ ปน อสุภภาวนานุโยคานุภาเวน มนฺทีภูตํ ¶ อนฏฺฏียนฺตานํ วิย น มหนฺตํ หุตฺวา จิตฺตํ โมเหสิ. อปายุปเค เต สตฺเต นากาสีติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ. อถ วา อิทํ ปุริมสฺส การณวจนํ, ยสฺมา เตสํ ตสฺมึ สมเย โหติ เอว ภยํ, ฉมฺภิตตฺตํ, โลมหํโส จ, ตสฺมา ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภควา อสุภกถํ กเถตี’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ.
อถ วา สเกน กาเยน อฏฺฏียนฺตานมฺปิ เตสํ โหติ เอว ภยํ, มหานุภาวา วีตราคาติ ขีณาสวานํ มหนฺตํ วิเสสํ ทสฺเสติ, อติทุปฺปสเหยฺยมิทํ มรณภยํ, ยโต เอวํวิธานมฺปิ อวีตราคตฺตา ภยํ โหตีติปิ ทสฺเสติ. ตทฺเ เตสํ ภิกฺขูนํ ปฺจสตานํ อฺตรา. เตเนทํ ทีเปติ ‘‘ตํ ตถา อาคตํ อสิหตฺถํ วธกํ ปสฺสิตฺวา ตทฺเสมฺปิ โหติ เอว ภยํ, ปเคว เตสนฺติ กตฺวา ภควา ปมเมว เตสํ อสุภกถํ กเถสิ, ปรโต เตสํ นาโหสิ. เอวํ มหานิสํสา เนสํ อสุภกถา อาสี’’ติ. โย ปเนตฺถ ปจฺฉิโม นโย ¶ , โส ‘‘เตสุ กิร ภิกฺขูสุ เกนจิปิ กายวิกาโร วา วจีวิกาโร วา น กโต, สพฺเพ สตา สมฺปชานา ทกฺขิเณน ปสฺเสน นิปชฺชึสู’’ติ อิมินา อฏฺกถาวจเนน สเมติ.
อปเร ปนาหูติ กุลทฺธิปฏิเสธนตฺถํ วุตฺตํ. ‘‘อยํ กิร ลทฺธี’’ติ วจนํ ‘‘มารเธยฺยํนาติกฺกมิสฺสตี’’ติ วจเนน วิรุชฺฌตีติ เจ? น วิรุชฺฌติ. กถํ? อยํ ภิกฺขู อฆาเตนฺโต มารวิสยํ อติกฺกมิสฺสติ อกุสลกรณโต จ. ฆาเตนฺโต ปน มารเธยฺยํ นาติกฺกมิสฺสติ พลวตฺตา กมฺมสฺสาติ สยํ มารปกฺขิกตฺตา เอวํ จินฺเตตฺวา ปน ‘‘เย น มตา, เต สํสารโต น มุตฺตา’’ติ อตฺตโน จ ลทฺธิ, ตสฺมา ตํ ตตฺถ อุภเยสํ มคฺเค นิโยเชนฺตี เอวมาห, เตเนว ‘‘มารปกฺขิกา มาเรน สมานลทฺธิกา’’ติ อวตฺวา ‘‘มารสฺสา นุวตฺติกา’’ติ วุตฺตา. ‘‘อิมินา กึ วุตฺตํ โหติ? ยสฺมา มารสฺส อนุวตฺติ, ตสฺมา เอวํ จินฺเตตฺวาปิ อตฺตโน ลทฺธิวเสน เอวมาหา’’ติ เกจิ ลิขนฺติ. มม สนฺติเก เอกโต อุปฏฺานมาคจฺฉนฺติ, อตฺตโน อตฺตโน อาจริยุปชฺฌายานํ สนฺติเก อุทฺเทสาทึ คณฺหาติ.
อานาปานสฺสติสมาธิกถาวณฺณนา
๑๖๕. อยมฺปิ โข, ภิกฺขเวติ อิมินา กึ ทสฺเสติ? เยสํ เอวมสฺส ‘‘ภควตา อาจิกฺขิตกมฺมฏฺานานุโยคปจฺจยา เตสํ ภิกฺขูนํ ชีวิตกฺขโย อาสี’’ติ, เตสํ ตํ มิจฺฉาคาหํ นิเสเธติ. เกวลํ เตสํ ภิกฺขูนํ ปุพฺเพ กตกมฺมปจฺจยาว ชีวิตกฺขโย อาสิ, อิทํ ปน กมฺมฏฺานํ เตสํ เกสฺจิ อรหตฺตปฺปตฺติยา, เกสฺจิ อนาคามิสกทาคามิโสตาปตฺติผลปฺปตฺติยา ¶ , เกสฺจิ ปมชฺฌานาธิคมาย, เกสฺจิ วิกฺขมฺภนตทงฺคปฺปหาเนน อตฺตสิเนหปอยาทานาย อุปนิสฺสโย หุตฺวา, เกสฺจิ สุคติยํ อุปฺปตฺติยา อุปนิสฺสโย อโหสีติ สาตฺถิกาว เม อสุภกถา, กินฺตุ ‘‘สาธุ, ภนฺเต ภควา, อฺํ ปริยายํ อาจิกฺขตู’’ติ อานนฺเทน ยาจิตตฺตา อฺํ ปริยายํ อาจิกฺขามิ, ยถา โว ปุพฺเพ อาจิกฺขิตอสุภกมฺมฏฺานานุโยคา, เอวํ อยมฺปิ โข ภิกฺขเวติ โยชนา เวทิตพฺพา. ‘‘อสฺสาสวเสน อุปฏฺานํ สตี’’ติ วุตฺตํ. สา หิ ตํ อสฺสาสํ, ปสฺสาสํ วา อารมฺมณํ กตฺวา ปุพฺพภาเค, อปรภาเค ปน อสฺสาสปสฺสาสปภวนิมิตฺตํ อารมฺมณํ กตฺวา อุปฏฺาตีติ จ ตถา วุตฺตา.
อสุเภ ¶ ปวตฺตํ อสุภนฺติ วา ปวตฺตํ ภาวนากมฺมํ อสุภกมฺมํ, ตเทว อฺสฺส ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชนกสฺส การณฏฺเน านตฺตา อสุภกมฺมฏฺานํ, อารมฺมณํ วา อสุภกมฺมสฺส ปทฏฺานฏฺเน านนฺติ อสุภกมฺมฏฺานนฺติ อิธ อสุภชฺฌานํ, เตเนว ‘‘โอฬาริการมฺมณตฺตา’’ติ วุตฺตํ. ปฏิเวธวเสนาติ วิตกฺกาทิองฺคปฏิลาภวเสน. อารมฺมณสนฺตตายาติ อนุกฺกเมน สนฺตกาลํ อุปาทาย วุตฺตกายทรถปฺปฏิปสฺสทฺธิวเสน นิพฺพุโต. ปริกมฺมํ วาติ กสิณปริกมฺมํ กิร นิมิตฺตุปฺปาทปริโยสานํ. ตทา หิ นิรสฺสาทตฺตา อสนฺตํ, อปฺปณิหิตฺจ. ยถา อุปจาเร นีวรณวิคเมน, องฺคปาตุภาเวน จ สนฺตตา โหติ, น ตถา อิธ, อิทํ ปน ‘‘อาทิสมนฺนาหารโต’’ติ วุตฺตํ. ทุติยวิกปฺเป อเสจนโกติ อติตฺติกโร, เตน วุตฺตํ ‘‘โอชวนฺโต’’ติ. เจตสิกสุขํ ฌานกฺขเณปิ อตฺถิ, เอวํ สนฺเตปิ ‘‘อุโภปิ ฌานา วุฏฺิตสฺเสว คเหตพฺพา’’ติ วุตฺตํ. สมเถน สกสนฺตาเน อวิกฺขมฺภิเต. อิตรถา ปาปกานํ ฌาเนน สหุปฺปตฺติ สิยา. ขนฺธาทีนํ โลกุตฺตรปาทกตฺตา นิพฺเพธภาคิยํ, วิเสเสน ยสฺส นิพฺเพธภาคิยํ โหติ, ตํ สนฺธาย วา. ‘‘อนิจฺจานุปสฺสีติอาทิจตุกฺกวเสน อนุปุพฺเพน อริยมคฺควุฑฺฒิปฺปตฺโต สมุจฺฉินฺทติ, เสสานเมตํ นตฺถี’’ติ ลิขิตํ.
ตถาภาวปฏิเสธโน จาติ โสฬสวตฺถุกสฺส ติตฺถิยานํ นตฺถิตาย วุตฺตํ. สพฺพปมานํ ปน จตุนฺนํ ปทานํ วเสน โลกิยชฺฌานเมว เตสํ อตฺถิ, ตสฺมึ โลกุตฺตรปทฏฺานํ นตฺถิ เอว. ‘‘ผลมุตฺตมนฺติ ผเล อุตฺตม’’นฺติ วุตฺตํ. อุตุตฺตยานุกูลนฺติ คิมฺเห อรฺเ, เหมนฺเต รุกฺขมูเล, วสนฺตกาเล สฺุาคาเร คโต. เสมฺหธาตุกสฺส อรฺํ, ปิตฺตธาตุกสฺส รุกฺขมูลํ, วาตธาตุกสฺส สฺุาคารํ อนุกูลํ. โมหจริตสฺส อรฺํ อนุกูลํ มหาอรฺเ จิตฺตํ น สงฺกุฏติ, โทสจริตสฺส รุกฺขมูลํ, ราคจริตสฺส สฺุาคารํ. านจงฺกมานิ อุทฺธจฺจปกฺขิกานิ, สยนํ ลีนปกฺขิกํ, ปลฺลงฺกาภุชเนน นิสชฺชาย ทฬฺหภาวํ, อุชุกายํ ปณิธาเนน อสฺสาสปสฺสาสานํ ปวตฺตนสุขํ ‘‘ปริมุขํ สติ’’นฺติ อิมินา อารมฺมณปริคฺคหูปายํ ทสฺเสติ. การีติ กรณสีโล ¶ . เอตสฺส วิภงฺเค ‘‘อสฺสสติ ปสฺสสตี’’ติ อวตฺวา ‘‘สโต การี’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมา ‘‘อสฺสสติ ปสฺสสตี’’ติ ¶ วุตฺเต ‘‘ปมจตุกฺกํ เอว ลพฺภติ, น เสสานี’’ติ จ ‘‘ทีฆํอสฺสาสวเสนาติ อโลปสมาสํ กตฺวา’’อิติ จ ‘‘เอกตฺถตาย อวิกฺเขป’’นฺติ จ ‘‘อสมฺโภควเสน ปชานโต’’ติ จ ‘‘เตน าเณนา’’ติ จ ‘‘ปชานโตติ วุตฺตาเณนา’’ติ จ ‘‘สโตการีติ สติสมฺปชฺาหิการี’’ติ จ ‘‘ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสิโน อสฺสาสาว ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสิอสฺสาสา’’ติ จ ลิขิตํ. อุปฺปฏิปาฏิยา อาคตมฺปิ ยุชฺชเตว, เตน าเนน ปฏิสิทฺธํ. ตาลุํ อาหจฺจ นิพฺพายนโต กิร โปตโก สมฺปติชาโตว ขิปิตสทฺทํ กโรติ, ฉนฺทปาโมชฺชวเสน ฉ ปุริมา ตโยติ นว. เอเกนากาเรนาติ อสฺสาสวเสน วา ปสฺสาสวเสน วา เอวํ อานาปานสฺสตึ ภาวยโต กาเย กายานุปสฺสนาสติกมฺมฏฺานภาวนา สมฺปชฺชติ.
กาโยติ อสฺสาสปสฺสาสา. อุปฏฺานํ สติ. ทีฆนฺติ สีฆํ คตํ อสฺสาสปสฺสาสํ. อทฺธานสงฺขาเตติ กาลสงฺขาเต วิย กาลโกฏฺาเสติ อตฺโถ, ทีฆกาเล วาติ อตฺโถ. เอโก หิ อสฺสาสเมวูปลกฺเขติ, เอโก ปสฺสาสํ, เอโก อุภยํ, ตสฺมา ‘‘วิภาคํ อกตฺวา’’ติ วา วุตฺตํ, ฉนฺโทติ เอวํ อสฺสาสโต, ปสฺสาสโต จ อสฺสาโท อุปฺปชฺชติ, ตสฺส วเสน กตฺตุกมฺยตาฉนฺโท อุปฺปชฺชติ. ตโต ปาโมชฺชนฺติ. อสฺสาสปสฺสาสานํ ทุวิฺเยฺยวิสยตฺตา จิตฺตํ วิวตฺตติ, คณนํ ปหาย ผุฏฺฏฺานเมว มนสิ กโรนฺตสฺส เกวลํ อุเปกฺขาว สณฺาติ. จตฺตาโร วณฺณาติ ‘‘ปตฺตสฺส ตโย วณฺณา’’ติอาทีสุ วิย จตฺตาโร สณฺานาติ อตฺโถ.
ตถาภูตสฺสาติ อานาปานสฺสตึ ภาวยโต. สํวโรติ สติสํวโร. อถ วา ปเมน ฌาเนน นีวรณานํ, ทุติเยน วิตกฺกวิจารานํ, ตติเยน ปีติยา, จตุตฺเถน สุขทุกฺขานํ, อากาสานฺจายตนสมาปตฺติยา รูปสฺาย, ปฏิฆสฺาย, นานตฺตสฺาย วา ปหานํ. ‘‘สีลนฺติ เวรมณิ สีลํ, เจตนา สีลํ, สํวโร สีลํ, อวีติกฺกโม สีล’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๓๙ โถกํ วิสทิสํ) วุตฺตวิธินาเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ‘‘อตฺถโต ตถา ตถา ปวตฺตธมฺมา อุปธารณสมาธานสงฺขาเตน สีลนฏฺเน สีลนฺติ วุจฺจนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ตถา ‘‘อยํ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปตา สิกฺขา’’ติ เอตฺถาปิ เจตนาสีลเมว, กตฺถจิ วิรติสีลมฺปีติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อฺถา ปณฺณตฺติวชฺเชสุปิ สิกฺขาปเทสุ วิรติปฺปสงฺโค อโหสิ ¶ , ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรตีติ กตฺวา ตสฺสาปิ วิรติปฺปสงฺโค. ตสฺมึ อารมฺมเณติ อานาปานารมฺมเณ. ตาย สติยาติ ตตฺถ อุปฺปนฺนสติยา. ‘‘เตน มนสิกาเรนาติ อาวชฺชเนนา’’ติ ลิขิตํ. เอเตน นานาวชฺชนปฺปวตฺติทีปนโต นานาชวนวาเรหิปิ สิกฺขติ นามาติ ทีปิตํ โหติ, เยน ปน มนสิกาเรน ¶ วา. าณุปฺปาทนาทีสูติ เอตฺถ อาทิสทฺเทน ยาว ปริโยสานํ เวทิตพฺพํ. ‘‘ตตฺราติ ตสฺมึ อานาปานารมฺมเณ. เอวนฺติ อิทานิ วตฺตพฺพนเยนา’’ติ ลิขิตํ. ตตฺราติ เตสํ อสฺสาสปสฺสาสานํ วา. ตฺหิ ‘‘ปุพฺเพ อปริคฺคหิตกาเล’’ติ อิมินา สุฏฺุ สเมติ. ‘‘ปมวาโท ทีฆภาณกานํ. เต หิ ‘ปมชฺฌานํ ลภิตฺวา นานาสเน นิสีทิตฺวา ทุติยตฺถาย วายามโต อุปจาเร วิตกฺกวิจารวเสน โอฬาริกจิตฺตปฺปวตฺติกาเล ปวตฺตอสฺสาสปสฺสาสวเสน โอฬาริกา’ติ วทนฺติ. ‘มชฺฌิมภาณกา ฌานลาภิสฺส สมาปชฺชนกาเล, เอกาสนปฏิลาเภ จ อุปรูปริ จิตฺตปฺปวตฺติยา สนฺตภาวโต ปมโต ทุติยสฺสุปจาเร สุขุมตํ วทนฺตี’’’ติ ลิขิตํ.
วิปสฺสนายํ ปนาติ จตุธาตุววตฺถานมุเขน อภินิวิฏฺสฺส อยํ กโม, อฺสฺส จาติ เวทิตพฺพํ. เอตฺตกํ รูปํ, น อิโต อฺนฺติ ทสฺสนํ สนฺธาย ‘‘สกลรูปปริคฺคเห’’ติ วุตฺตํ. รูปารูปปริคฺคเหติ เอตฺถ อนิจฺจตาทิลกฺขณารมฺมณิกภงฺคานุปสฺสนโต ปภุติ พลวตี วิปสฺสนา. ปุพฺเพ วุตฺตนเยนาติ สพฺเพสํเยว ปน มเตน อปริคฺคหิตกาเลติอาทินา. โสธนา นาม วิสฺสชฺชนํ. อสฺสาติ ‘‘ปสฺสมฺภยํ กายสงฺขาร’’นฺติ ปทสฺส.
ปุรโต นมนา อานมนา. ติริยํ นมนา วินมนา. สุฏฺุ นมนา สนฺนมนา. ปจฺฉา นมนา ปณมนา. ชาณุเก คเหตฺวา านํ วิย อิฺชนาติ อานมนาทีนํ อาวิภาวตฺถมุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ยถารูเปหิ อานมนาทิ วา กมฺปนาทิ วา โหติ, ตถารูเป ปสฺสมฺภยนฺติ สมฺพนฺโธ. อิติ กิราติ อิติ เจ. เอวํ สนฺเตติ สนฺตสุขุมมฺปิ เจ ปสฺสมฺภติ. ปภาวนาติ อุปฺปาทนํ. อสฺสาสปสฺสาสานํ วูปสนฺตตฺตา อานาปานสฺสติสมาธิสฺส ภาวนา น โหติ. ยสฺมา ตํ นตฺถิ, ตสฺมา น สมาปชฺชติ, สมาปตฺติยา อภาเวน น วุฏฺหนฺติ. อิติ กิราติ เอวเมตํ ตาว วจนนฺติ ตเทตํ ¶ . สทฺโทว สทฺทนิมิตฺตํ, ‘‘สโต อสฺสสติ สโต ปสฺสสตี’’ติ ปทานิ ปติฏฺเปตฺวา ทฺวตฺตึสปทานิ จตฺตาริ จตุกฺกานิ เวทิตพฺพานิ.
อปฺปฏิปีฬนนฺติ เตสํ กิเลสานํ อนุปฺปาทนํ กิฺจาปิ เจติยงฺคณวตฺตาทีนิปิ อตฺถโต ปาติโมกฺขสํวรสีเล สงฺคหํ คจฺฉนฺติ ‘‘ยสฺส สิยา อาปตฺตี’’ติ (มหาว. ๑๓๔) วจนโต. ตถาปิ ‘‘น ตาว, สาริปุตฺต, สตฺถา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺเปติ อุทฺทิสติ ปาติโมกฺขํ, ยาว น อิเธกจฺเจ อาสวฏฺานียา ธมฺมา สงฺเฆ ปาตุภวนฺตี’’ติ เอตฺถ อนธิปฺเปตตฺตา ‘‘อาภิสมาจาริก’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘ยํ ปเนตฺถ อาปตฺติฏฺานิยํ น โหติ, ตํ อมิสฺสเมวา’’ติ วุตฺตํ.
ยถาวุตฺเตนาติ ¶ โยคานุโยคกมฺมสฺส ปทฏฺานตฺตา. สลฺลหุกวุตฺติ อฏฺปริกฺขาริโก. ปฺจสนฺธิกํ กมฺมฏฺานนฺติ เอตฺถ ฌานมฺปิ นิมิตฺตมฺปิ ตทตฺถโชติกาปิ ปริยตฺติ อิธ กมฺมฏฺานํ นาม. คมนาคมนสมฺปนฺนตาทิ เสนาสนํ. สํกิลิฏฺจีวรโธวนาทโย ขุทฺทกปลิโพธา. ‘‘อนฺตรา ปติตํ นุ โข’’ติ วิกมฺปติ.
อชฺฌตฺตํ วิกฺเขปคเตนาติ นิยกชฺฌตฺเต วิกฺเขปคเตน. สารทฺธา อสมาหิตตฺตา. อุปนิพนฺธนถมฺภมูลํ นาม นาสิกคฺคํ, มุขนิมิตฺตํ วา. ตตฺเถวาติ นาสิกคฺคาทินิมิตฺเต. ‘‘โทลาผลกสฺส เอกปสฺเส เอว อุโภ โกฏิโย มชฺฌฺจ ปสฺสตี’’ติ วทนฺติ.
อิธ ปนาติ กกจูปเม. เทสโตติ ผุสนกฏฺานโต. ‘‘นิมิตฺตํ ปฏฺเปตพฺพนฺติ นิมิตฺเต สติ ปฏฺเปตพฺพา’’ติ วุตฺตํ. ครูหิ ภาเวตพฺพตฺตา ครุกภาวนํ. เอกจฺเจ อาหูติ เอกจฺเจ ฌายิโน อาหุ.
‘‘สฺานานตายา’’ติ วจนโต เอกจฺเจหิ วุตฺตมฺปิ ปมาณเมว, สงฺคีติโต ปฏฺาย อฏฺกถาย อนาคตตฺตา ตถา วุตฺตํ. ‘‘มยฺหํ ตารกรูปํ นุ โข อุปฏฺาตี’’ติอาทิปริกปฺเป อสติปิ ธาตุนานตฺเตน เอตาสํ ธาตูนํ อุปฺปตฺติ วิย เกวลํ ภาวยโต ตถา ตถา อุปฏฺาติ. ‘‘น นิมิตฺต’นฺติ วตฺตุํ น วฏฺฏติ สมฺปชานมุสาวาทตฺตา’’ติ วุตฺตํ. กมฺมฏฺานนฺติ อิธ วุตฺตปฏิภาคนิมิตฺตเมว.
นิมิตฺเต ¶ ปฏิภาเค. นานาการนฺติ ‘‘จตฺตาโร วณฺณา วตฺตนฺตี’’ติ วุตฺตนานาวิธตํ. วิภาวยนฺติ ชานํ ปกาสยํ. อสฺสาสปสฺสาเสติ ตโต สมฺภูเต นิมิตฺเต, อสฺสาสปสฺสาเส วา นานาการํ. นิมิตฺเต หิ จิตฺตํ เปนฺโตว นานาการตฺจ วิภาเวติ, อสฺสาสปสฺสาเส วา สกํ จิตฺตํ นิพนฺธตีติ วุจฺจติ. ตารกรูปาทิวณฺณโต. กกฺขฬตฺตาทิลกฺขณโต.
อฏฺกถาสุ ปฏิกฺขิตฺตนฺติ อาสนฺนภวงฺคตฺตาติ การณํ วตฺวา สีหฬฏฺกถาสุ ปฏิกฺขิตฺตํ. กสฺมา? ยสฺมา ฉฏฺเ, สตฺตเม วา อปฺปนาย สติ มคฺควีถิยํ ผลสฺส โอกาโส น โหติ, ตสฺมา. อิธ โหตูติ เจ? น, โลกิยปฺปนาปิ หิ อปฺปนาวีถิมฺหิ โลกุตฺตเรน สมานคติกาวาติ ปฏิลทฺธชฺฌาโนปิ ภิกฺขุ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารตฺถาย ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา สตฺตาหํ นิสีทิตุกาโม จตุตฺเถ, ปฺจเม วา อปฺเปตฺวา นิสีทติ, น ฉฏฺเ, สตฺตเม วา. ตตฺถ หิ ¶ อปฺปนา. ตโต ปรํ อปฺปนาย อาธารภาวํ น คจฺฉติ. อาสนฺนภวงฺคตฺตา จตุตฺถํ, ปฺจมํ วา คจฺฉติ ถเล ิตฆโฏ วิย ชวนานมนฺตเร ิตตฺตาติ กิร อาจริโย.
ปุถุตฺตารมฺมณานิ อนาวชฺชิตฺวา ฌานงฺคาเนว อาวชฺชนํ อาวชฺชนวสี นาม. ตโต ปรํ จตุนฺนํ, ปฺจนฺนํ วา ปจฺจเวกฺขณจิตฺตานํ อุปฺปชฺชนํ, ตํ ปจฺจเวกฺขณวสี นาม. เตเนว ‘‘ปจฺจเวกฺขณวสี ปน อาวชฺชนวสิยา เอว วุตฺตา’’ติ วุตฺตํ. สมาปชฺชนวสี นาม ยตฺตกํ กาลํ อิจฺฉติ ตตฺตกํ สมาปชฺชนํ, ตํ ปน อิจฺฉิตกาลปริจฺเฉทํ ปติฏฺาเปตุํ สมตฺถตาติ. ‘‘อธิฏฺานวสิยา วุฏฺานวสิโน อยํ นานตฺตํ อธิฏฺานานุภาเวน ชวนํ ชวติ, วุฏฺานานุภาเวน ปน อธิปฺเปตโต อธิกํ ชวตี’’ติปิ วทนฺติ. อปิจ ปถวีกสิณาทิอารมฺมณํ อาวชฺชิตฺวา ชวนฺจ ชวิตฺวา ปุน อาวชฺชิตฺวา ตโต ปฺจมํ ฌานํ จิตฺตํ โหติ, อยํ กิร อุกฺกฏฺปริจฺเฉโท. ภควโต ปน อาวชฺชนสมนนฺตรเมว ฌานํ โหตีติ สพฺพํ อนุคณฺิปเท วุตฺตํ.
‘‘วตฺถุนฺติ หทยวตฺถุํ. ทฺวารนฺติ จกฺขาทิ. อารมฺมณนฺติ รูปาที’’ติ ลิขิตํ. ยถาปริคฺคหิตรูปารมฺมณํ วา วิฺาณํ ปสฺสติ, อฺถาปิ ปสฺสติ. กถํ? ‘‘ยถาปริคฺคหิตรูปวตฺถุทฺวารารมฺมณํ วา’’ติ วุตฺตํ. ยถาปริคฺคหิตรูเปสุ วตฺถุทฺวารารมฺมณานิ ยสฺส วิฺาณสฺส, ตํ วิฺาณํ ยถาปริคฺคหิตรูปวตฺถุทฺวารารมฺมณํ ¶ ตมฺปิ ปสฺสติ, เอกสฺส วา อารมฺมณสทฺทสฺส โลโป ทฏฺพฺโพติ จ มม ตกฺโก วิจาเรตฺวาว คเหตพฺโพ.
ตโต ปรํ ตีสุ จตุกฺเกสุ ทฺเว ทฺเว ปทานิ เอกเมกํ กตฺวา คเณตพฺพํ. สมเถน อารมฺมณโต วิปสฺสนาวเสน อสมฺโมหโต ปีติปฏิสํเวทนเมตฺถ เวทิตพฺพํ. ‘‘ทุกฺขเมตํ าณ’’นฺติอาทีสุ ปน ‘‘อารมฺมณโต อสมฺโมหโต’’ติ ยํ วุตฺตํ, อิธ ตโต วุตฺตนยโต อุปฺปฏิปาฏิยา วุตฺตํ. ตตฺถ หิ เยน โมเหน ตํ ทุกฺขํ ปฏิจฺฉนฺนํ, น อุปฏฺาติ, ตสฺส วิหตตฺตา วา เอวํ ปวตฺเต าเณ ยถารุจิ ปจฺจเวกฺขิตุํ อิจฺฉิติจฺฉิตกาเล สมตฺถภาวโต วา ทุกฺขาทีสุ ตีสุ อสมฺโมหโต าณํ วุตฺตํ. นิโรเธ อารมฺมณโต ตํสมฺปยุตฺตา ปีติปฏิสํเวทนา อสมฺโมหโต น สมฺภวติ โมหปฺปหานาภาวา, ปฏิสมฺภิทาปาฬิวิโรธโต จ. ตตฺถ ‘‘ทีฆํ อสฺสาสวเสนา’’ติอาทิ อารมฺมณโต ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. ตาย สติยา เตน าเณน สา ปีติ ปฏิสํวิทิตา โหติ ตทารมฺมณสฺส ปฏิสํวิทิตตฺตาติ เอตฺถ อธิปฺปาโย. ‘‘อาวชฺชโต’’ติอาทิ อสมฺโมหโต ปีติปฏิสํเวทนํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. อนิจฺจาทิวเสน ชานโต, ปสฺสโต, ปจฺจเวกฺขโต ¶ จ. ตทธิมุตฺตตาวเสน อธิฏฺหโต, อธิมุจฺจโต, ตถา วีริยาทึ สมาทหโต ขณิกสมาธินา.
อภิฺเยฺยนฺติ าตปริฺาย. ปริฺเยฺยนฺติ ตีรณปริฺาย. สพฺพฺหิ ทุกฺขสจฺจํ อภิฺเยฺยํ, ปริฺเยฺยฺจ. ตตฺร จายํ ปีตีติ ลิขิตํ. อภิฺเยฺยนฺติอาทิ มคฺคกฺขณํ สนฺธายาหาติ วุตฺตํ. มคฺเคน อสมฺโมหสงฺขาตวิปสฺสนากิจฺจนิปฺผตฺติโต มคฺโคปิ อภิฺเยฺยาทิอารมฺมณํ กโรนฺโต วิย วุตฺโต. วิปสฺสนาภูมิทสฺสนตฺถนฺติ สมเถ กายิกสุขาภาวา วุตฺตํ. ทฺวีสุ จิตฺตสงฺขารปเทสูติ จิตฺตสงฺขารปฏิสํเวที…เป… สิกฺขติ ปสฺสมฺภยํ จิตฺตสงฺขารปฏิสํเวที…เป… สิกฺขตีติ เอเตสุ. โมทนาทิ สพฺพํ ปีติเววจนํ. อนิจฺจานุปสฺสนาทิ กิเลเส, ตมฺมูลเก ขนฺธาภิสงฺขาเร. เอวํ ภาวิโตติ น จตุกฺกปฺจกชฺฌานนิพฺพตฺตเนน ภาวิโต. เอวํ สพฺพาการปริปุณฺณํ กตฺวา ภาวิโต. วิปสฺสนามคฺคปจฺจเวกฺขณกาเลสุปิ ปวตฺตอสฺสาสมุเขเนว สพฺพํ ทสฺสิตํ อุปายกุสเลน ภควตา.
๑๖๘. กสฺมา อิทํ วุจฺจติ อมฺเหหีติ อธิปฺปาโย.
ปทภาชนียวณฺณนา
๑๗๒. อุสฺสุกฺกวจนนฺติ ¶ ปากฏสทฺทสฺา กิร, สมานกปทนฺติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘สุตฺวา ภฺุชนฺตี’’ติ เอตฺถ วิย สฺจิจฺจ โวโรเปตุกามสฺส สฺจิจฺจปทํ โวโรปนปทสฺส อุสฺสุกฺกํ, สฺเจตนา จ ชีวิตา โวโรปนฺจ เอกสฺเสวาติ วุตฺตํ โหติ. น เกวลํ เจตสิกมตฺเตเนว โหติ, ปโยโคปิ อิจฺฉิตพฺโพ เอวาติ ทสฺเสตุํ วุตฺตานีติ กิร อุปติสฺสตฺเถโร. ‘‘ชานิตฺวา สฺชานิตฺวา เจจฺจ อภิวิตริตฺวา’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘ชานนฺโต…เป… วีติกฺกโม’’ติ โวโรปนมฺปิ ทสฺสิตํ, ตสฺมา พฺยฺชเน อาทรํ อกตฺวา อตฺโถ ทสฺสิโต. วีติกฺกมสงฺขาตตฺถสิทฺธิยา หิ ปุริมเจตนา อตฺถสาธิกา โหติ. สพฺพสุขุมอตฺตภาวนฺติ รูปํ สนฺธาย วุตฺตํ, น อรูปํ. อตฺตสงฺขาตานฺหิ อรูปานํ ขนฺธวิภงฺเค (วิภ. ๑ อาทโย) วิย อิธ โอฬาริกสุขุมตา อนธิปฺเปตา. มาตุกุจฺฉิสฺมินฺติ เยภุยฺยวจนํ, โอปปาติกมนุสฺเสปิ ปาราชิกเมว, อรูปกาเย อุปกฺกมาภาวา ตคฺคหณํ กสฺมาติ เจ? อรูปกฺขนฺเธน สทฺธึ ตสฺเสว รูปกายสฺส ชีวิตินฺทฺริยสมฺภวโต. เตน สชีวโกว มนุสฺสวิคฺคโหปิ นาม โหตีติ สิทฺธํ. เอตฺถ มาตุกุจฺฉิสฺมินฺติ มนุสฺสมาตุยา วา ติรจฺฉานมาตุยา วา. วุตฺตฺหิ ปริวาเร (ปริ. ๔๘๐) –
‘‘อิตฺถึ ¶ หเน จ มาตรํ, ปุริสฺจ ปิตรํ หเน;
มาตรํ ปิตรํ หนฺตฺวา, น เตนานนฺตรํ ผุเส;
ปฺหา เมสา กุสเลหิ จินฺติตา’’ติ.
ปมนฺติ ปฏิสนฺธิจิตฺตเมว. เอกภวปริยาปนฺนาย หิ จิตฺตสนฺตติยา ปฏิสนฺธิจิตฺตํ ปมจิตฺตํ นาม. จุติจิตฺตํ ปจฺฉิมํ นาม. อฺถา อนมตคฺเค สํสาเร ปมจิตฺตํ นาม นตฺถิ วินา อนนฺตรสมนนฺตรนตฺถิวิคตปจฺจเยหิ จิตฺตุปฺปตฺติยา อภาวโต. ภาเว วา นวสตฺตปาตุภาวโทสปฺปสงฺโค. อยํ สพฺพปโม มนุสฺสวิคฺคโหติ กิฺจาปิ อิมํ ชีวิตา โวโรเปตุํ น สกฺกา, ตํ อาทึ กตฺวา สนฺตติยา ยาว มรณา อุปฺปชฺชนกมนุสฺสวิคฺคเหสุ อปริมาเณสุ ‘‘สพฺพปโม’’ติ ทิสฺสติ. ยทา ปน โย มนุสฺสวิคฺคโห ปุพฺพาปริยวเสน สนฺตติปฺปตฺโต โหติ, ตทา ตํ ชีวิตา โวโรเปตุํ ¶ สกฺกา. สนฺตตึ วิโกเปนฺโต หิ ชีวิตา โวโรเปติ นาม. เอตฺถ จ นานตฺตนเย อธิปฺเปเต สติ ‘‘สพฺพปโม’’ติ วจนํ ยุชฺชติ, น ปน เอกตฺตนเย สนฺตติยา เอกตฺตา. เอกตฺตนโย จ อิธาธิปฺเปโต ‘‘สนฺตตึ วิโกเปตี’’ติ วจนโต, ตสฺมา ‘‘สพฺพปโม’’ติ วจนํ น ยุชฺชตีติ เจ? น, สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนพหุตฺตา. ยสฺมา ปน สนฺตติ นาม อเนเกสํ ปุพฺพาปริยุปฺปตฺติ วุจฺจติ, ตสฺมา ‘‘อยํ สพฺพปโม’’ติ วุตฺโต, เอวเมตฺถ ทฺเวปิ นยา สงฺคหํ คจฺฉนฺติ, อฺถา ‘‘สนฺตตึ วิโกเปตี’’ติ อิทํ วจนํ น สิชฺฌติ. กิฺจาปิ เอตฺถ ‘‘สนฺตตึ วิโกเปตี’’ติ วจนโต สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนเมว อธิปฺเปตํ, น อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนํ วิย ทิสฺสติ, ตถาปิ ยสฺมา สนฺตติปจฺจุปฺปนฺเน วิโกปิเต อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนํ วิโกปิตเมว โหติ, อทฺธาปจฺจุปฺปนฺเน ปน วิโกปิเต สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนํ วิโกปิตํ โหตีติ เอตฺถ วตฺตพฺพํ นตฺถิ. ตสฺมา อฏฺกถายํ ‘‘ตทุภยมฺปิ โวโรเปตุํ สกฺกา, ตสฺมา ตเทว สนฺธาย ‘สนฺตตึ วิโกเปตี’ติ อิทํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติ อาห. ‘‘สนฺตตึ วิโกเปตี’’ติ วจนโต ปกติยา อายุปริยนฺตํ ปตฺวา มรณกสตฺเต วีติกฺกเม สติ อนาปตฺติ วีติกฺกมปจฺจยา สนฺตติยา อโกปิตตฺตา. วีติกฺกมปจฺจยา เจ อายุปริยนฺตํ อปฺปตฺวา อนฺตราว มรณกสตฺเต วีติกฺกมปจฺจยา อาปตฺติ, กมฺมพทฺโธ จาติ โน ตกฺโกติ อาจริโย. ‘‘มรณวณฺณํ วา สํวณฺเณยฺย, มรณาย วา สมาทเปยฺย, อยมฺปิ ปาราชิโก โหติ อสํวาโส’’ติ วจนโต วา เจตนากฺขเณ เอว ปาราชิกาปตฺติ เอกนฺตากุสลตฺตา, ทุกฺขเวทนตฺตา, กายกมฺมตฺตา, วจีกมฺมตฺตา, กิริยตฺตา จาติ เวทิตพฺพํ.
สตฺตฏฺชวนวารมตฺตนฺติ สภาคารมฺมณวเสน วุตฺตํ, เตเนว ‘‘สภาคสนฺตติวเสนา’’ติอาทิ วุตฺตํ ¶ . อตฺตโน ปฏิปกฺเขน สมนฺนาคตตฺตา สมนนฺตรสฺส ปจฺจยํ โหนฺตํ ยถา ปุเร วิย อหุตฺวา ทุพฺพลสฺส. ตนฺติ ชีวิตินฺทฺริยวิโกปนํ.
อีตินฺติ สตฺตวิธวิจฺฉิกาทีนิ ยุทฺเธ ฑํสิตฺวา มารณตฺถํ วิสฺสชฺเชนฺติ. ปชฺชรกนฺติ สรีรฑาหํ. สูจิกนฺติ สูลํ. วิสูจิกนฺติ สุกฺขมาติสารํวสยํ. ปกฺขนฺทิยนฺติ รตฺตาติสารํ. ทฺวตฺติพฺยามสตปฺปมาเณ มหากาเย นิมฺมินิตฺวา ิตนาคุทฺธรณํ, กุชฺฌิตฺวา โอโลกิเต ปเรสํ กาเย วิสมรณํ วา ฑาหุปฺปาทนํ วา ปโยโค นาม.
เกจีติ ¶ มหาสงฺฆิกา. อยํ อิตฺถี. กุลุมฺพสฺสาติ คพฺภสฺส. กถํ สา อิตรสฺสาติ เจ? ตสฺส ทุฏฺเน มนสานุปกฺขิเต โส จ คพฺโภ สา จ อิทฺธีติ อุภยมฺปิ สเหว นสฺสติ, ฆฏคฺคีนํ เภทนิพฺพายนํ วิย เอกกฺขเณ โหติ. ‘‘เตสํ สุตฺตนฺติเกสุ โอจริยมานํ น สเมตี’’ติ ลิขิตํ, ‘‘เตสํ มตํ คเหตฺวา ‘ถาวรีนมฺปิ อยํ ยุชฺชตี’ติ วุตฺเต ติกวเสน ปฏิเสธิตพฺพนฺติ อปเร’’ติ วุตฺตํ. สาหตฺถิกนิสฺสคฺคิยปโยเคสุ สนฺนิฏฺาปกเจตนาย สตฺตมาย สหุปฺปนฺนกายวิฺตฺติยา สาหตฺถิกตา เวทิตพฺพา. อาณตฺติเก ปน สตฺตหิปิ เจตนาหิ สห วจีวิฺตฺติสมฺภวโต สตฺตสตฺต สทฺทา เอกโต หุตฺวา เอเกกกฺขรภาวํ คนฺตฺวา ยตฺตเกหิ อกฺขเรหิ อตฺตโน อธิปฺปายํ วิฺาเปติ, ตทวสานกฺขรสมุฏฺาปิกาย สตฺตมเจตนาย สหชาตวจีวิฺตฺติยา อาณตฺติกตา เวทิตพฺพา. ตถา วิชฺชามยปโยเค. กาเยนาณตฺติยํ ปน สาหตฺถิเก วุตฺตนโยว. ถาวรปโยเค ยาวตา ปรสฺส มรณํ โหติ, ตาวตา กมฺมพทฺโธ, อาปตฺติ จ. ตโต ปรํ อติสฺจรเณ กมฺมพทฺธาติพหุตฺตํ เวทิตพฺพํ สติ ปรํ มรเณ. ปาราชิกาปตฺติ ปเนตฺถ เอกา. อตฺถสาธกเจตนา ยสฺมา เอตฺถ จ ทุติยปาราชิเก จ ลพฺภติ, น อฺตฺถ, ตสฺมา ทฺวินฺนมฺปิ สาธารณา อิมา คาถาโย –
‘‘ภูตธมฺมนิยามา เย, เต ธมฺมา นิยตา มตา;
ภาวิธมฺมนิยามา เย, เตว อนิยตา อิธ.
‘‘ภูตธมฺมนิยามานํ, ิตาว สา ปจฺจยฏฺิติ;
ภาวิธมฺมนิยามานํ, สาเปกฺขา ปจฺจยฏฺิติ.
‘‘เตนฺา เหตุยา อตฺถิ, สาปิ ธมฺมนิยามตา;
ตสฺสา ผลํ อนิยตํ, ผลาเปกฺขา นิยามตา.
‘‘เอวฺหิ ¶ สพฺพธมฺมานํ, ิตา ธมฺมนิยามตา;
ลทฺธธมฺมนิยามา ยา, สาตฺถสาธกเจตนา.
‘‘เจตนาสิทฺธิโต ปุพฺเพ, ปจฺฉา ตสฺสาตฺถสิทฺธิโต;
อวิเสเสน สพฺพาปิ, ฉพฺพิธา อตฺถสาธิกา.
‘‘อาณตฺติยํ ¶ ยโต สกฺกา, วิภาเวตุํ วิภาคโต;
ตสฺมา อาณตฺติยํเยว, วุตฺตา สา อตฺถสาธิกา.
‘‘มิจฺฉตฺเต วาปิ สมฺมตฺเต, นิยตานิยตา มตา;
อภิธมฺเม น สพฺพตฺถิ, ตตฺถ สา นิยตา สิยา.
‘‘ยา เถยฺยเจตนา สพฺพา, สหตฺถาณตฺติกาปิ วา;
อภิธมฺมนเยนายํ, เอกนฺตนิยตา สิยา.
‘‘ปาณาติปาตํ นิสฺสาย, สหตฺถาณตฺติกาทิกา;
อภิธมฺมวเสเนสา, ปจฺเจกํ ตํ ทุกํ ภเช.
‘‘ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉโท, เจตนา เจติ ตํ ทฺวยํ;
น สาหตฺถิกกมฺเมน, ปเควาณตฺติกาสมํ.
‘‘ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉโท, เจตนา เจติ ตํ ทฺวยํ;
น สาหตฺถิกกมฺเมน, ปเควาณตฺติกาสมํ.
‘‘ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทกฺขเณ วธกเจตนา;
จิราิตาติ โก ธมฺโม, นิยาเมติ อาปตฺติกํ.
‘‘ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทกฺขเณ เจ วธโก สิยา;
มโต สุตฺโต ปพุทฺโธ วา, กุสโล วธโก สิยา.
‘‘กุสลตฺติกเภโท ¶ จ, เวทนาตฺติกเภโทปิ;
สิยา ตถา คโต สิทฺโธ, สหตฺถา วธกเจตนา’’ติ.
ยานิ ปน พีชอุตุกมฺมธมฺมจิตฺตนิยามานิ ปฺจ อฏฺกถาย อาเนตฺวา นิทสฺสิตานิ, เตสุ อยมตฺถสาธกเจตนา โยคํ คจฺฉตีติ มฺเ ‘‘อยํ อตฺถสาธกเจตนานิยโม นตฺถี’’ติ เจตนานํ มิจฺฉตฺตสมฺมตฺตนิยตานมฺปิ นตฺถิภาวปฺปสงฺคโต. ภชาปิยมานา เยน, เตน สพฺเพปิ ยถาสมฺภวํ กมฺมจิตฺตนิยาเม ภชนฺติ คจฺฉนฺตีติ เวทิตพฺพํ. ชีวิเต อาทีนโว มรณวณฺณทสฺสเน น วิภตฺโตว, อิธ ปน สงฺกปฺปปเท อตฺถโต ‘‘มรณสฺี มรณเจตโน มรณาธิปฺปาโย’’ติ เอวํ อวิภูตตฺตา วิภตฺโต, อปากฏตฺตา, อโนฬาริกตฺตา วา อวิภาคา การิตา ¶ วา. นยิทํ วิตกฺกสฺส นามนฺติ น วิตกฺกสฺเสว นามํ, กินฺตุ สฺาเจตนานมฺปิ นามนฺติ คเหตพฺพํ. กงฺขาวิตรณิยมฺปิ เอวเมว วุตฺตํ.
๑๗๔. กายโตติ วุตฺตตฺตา ‘‘สตฺติสู’’ติ วตฺตพฺเพ วจนสิลิฏฺตฺถํ ‘‘อุสุสตฺติอาทินา’’ติ วุตฺตํ. อนุทฺเทสิเก กมฺมสฺสารมฺมณํ โส วา โหติ, อฺโ วา. อุภเยหีติ กิฺจาปิ ปมปฺปหาโร น สยเมว สกฺโกติ, ทุติยํ ลภิตฺวา ปน สกฺโกนฺโต ชีวิตวินาสนเหตุ อโหสิ, ตทตฺถเมว หิ วธเกน โส ทินฺโน, ทุติโย ปน อฺเน จิตฺเตน ทินฺโน, เตน สุฏฺุ วุตฺตํ ‘‘ปมปฺปหาเรเนวา’’ติ, ‘‘เจตนา นาม ทารุณาติ ครุํ วตฺถุํ อารพฺภ ปวตฺตปุพฺพภาคเจตนา ปกติสภาววธกเจตนา, โน ทารุณา โหตี’’ติ อาจริเยน ลิขิตํ. ‘‘ปุพฺพภาคเจตนา ปริวารา, วธกเจตนาว ทารุณา โหตี’’ติ วุตฺตํ. ยถาธิปฺปายนฺติ อุโภปิ ปฏิวิชฺฌติ, สาหตฺถิโกปิ สงฺเกตตฺตา น มุจฺจติ กิร.
กิริยาวิเสโส อฏฺกถาสุ อนาคโต. ‘‘เอวํ วิชฺฌ, เอวํ ปหร, เอวํ ฆาเหหี’ติ ปาฬิยา สเมตีติ อาจริเยน คหิโต’’ติ วทนฺติ. ปุรโต ปหริตฺวาติอาทิ วตฺถุวิสงฺเกตเมว กิร. เอตํ คาเม ิตนฺติ ปุคฺคโลว นิยมิโต. โย ปน ลิงฺควเสน ‘‘ทีฆํ…เป… มาเรหี’’ติ อาณาเปติ อนิยเมตฺวา. ยทิ นิยเมตฺวา วทติ, ‘‘เอตํ ทีฆ’’นฺติ วเทยฺยาติ อปเร. อาจริยา ปน ‘‘ทีฆนฺติ วุตฺเต นิยมิตํ โหติ, เอวํ อนิยเมตฺวา วทติ, น ปน อาณาปโก ทีฆาทีสุ อฺตรํ มาเรหีติ อธิปฺปาโย’’ติ วทนฺติ กิร. ‘‘อตฺโถ ปน จิตฺเตน เอกํ สนฺธายปิ อนิยเมตฺวา อาณาเปตี’’ติ ลิขิตํ. ‘‘อิตโร อฺํ ตาทิสํ มาเรติ, อาณาปโก มุจฺจตี’’ติ วุตฺตํ ยถาธิปฺปายํ น คตตฺตา. ‘‘เอวํ ทีฆาทิวเสนาปิ จิตฺเตน อนิยมิตสฺเสวาติ ยุตฺตํ วิย ทิสฺสตี’’ติ อฺตรสฺมึ คณฺิปเท ลิขิตํ, สุฏฺุ วีมํสิตฺวา สพฺพํ ¶ คเหตพฺพํ, โอกาสสฺส นิยมิตตฺตาติ เอตฺถ โอกาสนิยมํ กตฺวา นิทฺทิสนฺโต ตสฺมึ โอกาเส นิสินฺนํ มาเรตุกาโมว โหติ, สยํ ปน ตทา ตตฺถ นตฺถิ. ตสฺมา โอกาเสน สห อตฺตโน ชีวิตินฺทฺริยํ อารมฺมณํ น โหติ, เตน อตฺตนา มาราปิโต ปโร เอว มาราปิโต. กถํ? สยํ รสฺโส จ ตนุโก จ หุตฺวา ปุพฺพภาเค อตฺตานํ สนฺธาย อาณตฺติกฺขเณ ‘‘ทีฆํ รสฺสํ ¶ ถูลํ พลวนฺตํ มาเรหี’’ติ อาณาเปนฺตสฺส จิตฺตํ อตฺตนิ ตสฺสาการสฺส นตฺถิตาย อฺสฺส ตาทิสสฺส ชีวิตินฺทฺริยํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตติ, เตน มูลฏฺสฺส กมฺมพทฺโธ. เอวํสมฺปทมิทนฺติ ทฏฺพฺพํ.
ทูตปรมฺปรานิทฺเทเส อาณาเปติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. อิตรสฺส อาโรเจติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ อาจริยนฺเตวาสีนํ ยถาสมฺภวํ อาโรจเน, ปฏิคฺคณฺหเน ทุกฺกฏํ สนฺธาย วุตฺตํ. น วธโก ปฏิคฺคณฺหาติ, ตสฺส ทุกฺกฏนฺติ สิทฺธํ โหติ. ตํ ปน โอกาสาภาวโต น วุตฺตํ. มูลฏฺเน อาปชฺชิตพฺพาปตฺติยา หิ ตสฺส โอกาโส อปริจฺฉินฺโน, เตนสฺส ตสฺมึ โอกาเส ถุลฺลจฺจยํ วุตฺตํ. วธโก เจ ปฏิคฺคณฺหาติ, มูลฏฺโ อาจริโย ปุพฺเพ อาปนฺนทุกฺกเฏน สห ถุลฺลจฺจยมฺปิ อาปชฺชติ. กสฺมา? มหาชโน หิ เตน ปาเป นิโยชิโตติ. อิทํ ปน ทุกฺกฏถุลฺลจฺจยํ วธโก เจ ตมตฺถํ น สาเวติ อาปชฺชติ. ยทิ สาเวติ, ปาราชิกเมวาปชฺชติ. กสฺมา? อตฺถสาธกเจตนาย อภาวา. อนุคณฺิปเท ปน ‘‘ปฏิคฺคณฺหติ, ตํ ทุกฺกฏํ โหติ. ยทิ เอวํ กสฺมา ปาเ น วุตฺตนฺติ เจ? วธโก ปน ‘สาธุ กโรมี’ติ ปฏิคฺคณฺหิตฺวา ตํ น กโรติ. เอวฺหิ นิยเม ‘มูลฏฺสฺส กึ นาม โหติ, กิมสฺส ทุกฺกฏาปตฺตี’ติ สฺชาตกงฺขานํ ตทตฺถทีปนตฺถํ ‘มูลฏฺสฺส อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’’ติ วุตฺตํ. ‘‘วธโก ปฏิคฺคณฺหาติ อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส, มูลฏฺสฺส จ อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติ วุตฺตํ น สิลิสฺสติ, มูลฏฺเน อาปชฺชิตพฺพาปตฺติทสฺสนาธิการตฺตา วธโก ปฏิคฺคณฺหาติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ วุตฺตํ.
วิสกฺกิยทูตปทนิทฺเทเส ‘‘วตฺตุกามตาย จ กิจฺเฉเนตฺถ วตฺวา ปโยชนํ นตฺถีติ ภควตา น วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. ยํ ปน ‘‘มูลฏฺสฺเสว ทุกฺกฏ’’นฺติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ. ตตฺรายํ วิจารณา – อาจริเยน อาณตฺเตน พุทฺธรกฺขิเตน ตทตฺเถ สงฺฆรกฺขิตสฺเสว อาโรจิเต กิฺจาปิ โย ‘‘สาธู’’ติ ปฏิคฺคณฺหาติ, อถ โข อาจริยสฺเสเวตํ ทุกฺกฏํ วิสงฺเกตตฺตา, น พุทฺธรกฺขิตสฺส, กสฺมา? อตฺถสาธกเจตนาย อาปนฺนตฺตา. เตเนว ‘‘อาณาปกสฺส จ วธกสฺส จ อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’’ติ ปาฬิยํ วุตฺตํ, ตํ ปน มูลฏฺเน อาปชฺชิตพฺพทุกฺกฏํ ‘‘มูลฏฺสฺส อนาปตฺตี’’ติ อิมินา อปริจฺฉินฺโนกาสตฺตา น วุตฺตํ.
อวิสงฺเกเต ¶ ¶ ‘‘มูลฏฺสฺส อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติ วุตฺตตฺตา วิสงฺเกเต อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ สิทฺธนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘วธโก ปฏิคฺคณฺหาติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ อิทํ ปน ทุกฺกฏํ วธกสฺเสว. โส หิ ปมํ อาณาปกํ พุทฺธรกฺขิตํ ปาราชิกาปตฺตึ ปาเปตฺวา สยํ ชีวิตา โวโรเปตฺวา อาปชฺชิสฺสตีติ กิฺจาปิ ปาฬิยํ ‘‘โส ตํ ชีวิตา โวโรเปติ, อาณาปกสฺส จ วธกสฺส จ อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’’ติ น วุตฺตํ, ตถาปิ ตํ อตฺถโต วุตฺตเมว, ‘‘ยโต ปาราชิกํ ปฺตฺต’’นฺติ ปุพฺเพ วุตฺตนยตฺตา จ ตํ น วุตฺตํ. ‘‘โส ตํ ชีวิตา โวโรเปติ, อาปตฺติ สพฺเพสํ ปาราชิกสฺสา’’ติ หิ ปุพฺเพ วุตฺตํ. เอตฺถ ปุพฺเพ อาจริยนฺเตวาสิกานํ วุตฺตทุกฺกฏถุลฺลจฺจยาปตฺติโย ปมเมว อนาปนฺนา ปาราชิกาปตฺติยา อาปนฺนตฺตา. ตถาปิ วธกสฺส ปาราชิกาปตฺติยา เตสํ ปาราชิกภาโว ปากโฏ ชาโตติ กตฺวา ‘‘อาปตฺติ สพฺเพสํ ปาราชิกสฺสา’’ติ เอกโต วุตฺตํ, น ตถา ‘‘อาณาปกสฺส, วธกสฺส จ อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’’ติ เอตฺถ. กสฺมา? วธกสฺส ทุกฺกฏาปตฺติยา อาปนฺนตฺตา. โส หิ ปมํ ทุกฺกฏาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ปจฺฉา ปาราชิกํ อาปชฺชติ. ยทิ ปน อนฺเตวาสิกา เกวลํ อาจริยสฺส ครุกตาย สาสนํ อาโรเจนฺติ สยํ อมรณาธิปฺปายา สมานา ปาราชิเกน อนาปตฺติ. อกปฺปิยสาสนหรณปจฺจยา ทุกฺกฏาปตฺติ โหติ เอว, อิมสฺสตฺถสฺส สาธนตฺถํ ธมฺมปทวตฺถูหิ มิคลุทฺทกสฺส ภริยาย โสตาปนฺนาย ธนุอุสุสูลาทิทานํ นิทสฺสนํ วทนฺติ เอเก. ตํ ติตฺติรชาตเกน (ชา. ๑.๔.๗๓ อาทโย) สเมติ, ตสฺมา สุตฺตฺจ อฏฺกถฺจ อนุโลเมตีติ โน ตกฺโกติ อาจริโย. อิธ ปน ทูตปรมฺปราย จ ‘‘อิตฺถนฺนามสฺส ปาวท, อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามํ ปาวทตู’’ติ เอตฺถ อวิเสเสตฺวา วุตฺตตฺตา วาจาย วา อาโรเจตุ, หตฺถมุทฺทาย วา, ปณฺเณน วา, ทูเตน วา อาโรเจตุ, วิสงฺเกโต นตฺถิ. สเจ วิเสเสตฺวา มูลฏฺโ, อนฺตราทูโต วา วทติ, ตทติกฺกเม วิสงฺเกโตติ เวทิตพฺพํ.
อิทานิ อิมสฺมึเยว อธิการทฺวเย อนุคณฺิปเท วุตฺตนโย วุจฺจติ – ‘‘วธโก ปฏิคฺคณฺหาติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ วธกสฺเสว อาปตฺติ, น อาณาปกสฺส พุทฺธรกฺขิตสฺส. ยทิ ปน โส วชฺฌมรณามรเณสุ อวสฺสมฺตรํ กโรติ, พุทฺธรกฺขิตสฺสาณตฺติกฺขเณ เอว ปาราชิกทุกฺกเฏสุ อฺตรํ ¶ สิยา. ‘‘อิติ จิตฺตมโน’’ติ อธิการโต ‘‘จิตฺตสงฺกปฺโป’’ติ เอตฺถาปิ อิติ-สทฺโท วิย ‘‘วธโก ปฏิคฺคณฺหาติ, มูลฏฺสฺส อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติ อธิการโต ‘‘มูลฏฺสฺส อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ วุตฺตเมว โหติ. กสฺมา สรูเปน น วุตฺตนฺติ เจ? ตโต จุตฺตริ นยทานตฺถํ. ‘‘มูลฏฺสฺส อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ หิ วุตฺเต มูลฏฺสฺเสว วเสน นิยมิตตฺตา ‘‘ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺส ทุกฺกฏํ โหตี’’ติ น ายติ. ‘‘วธโก ปฏิคฺคณฺหาติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ หิ อนิยเมตฺวา วุตฺเต สกฺกา อุภเยสํ ¶ วเสน ทุกฺกเฏ โยเชตุํ. ตสฺมา เอว หิ อฏฺกถาจริเยหิ อธิการํ คเหตฺวา ‘‘สงฺฆรกฺขิเตน สมฺปฏิจฺฉิเต มูลฏฺสฺเสว ทุกฺกฏนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺส เนว อนฺุาตํ, น ปฏิกฺขิตฺตํ, เกวลนฺตุ พุทฺธรกฺขิตสฺส อนิยมิตตฺตา ปฏิกฺขิตฺตํ, ตสฺส ปน ปาราชิกทุกฺกเฏสุ อฺตรํ ภเวยฺยาติ อยมตฺโถ ทีปิโต, ตสฺมา ตมฺปิ สุวุตฺตํ. ยสฺมา อุภเยสํ วเสน โยเชตุํ สกฺกา, ตสฺมา อาจริเยหิ ‘‘ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺเสเวตํ ทุกฺกฏ’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ มูลฏฺโ เนว อนฺุาโต ‘‘มูลฏฺสฺสา’’ติ วจนาภาวโต, น จ ปฏิกฺขิตฺโต ‘‘ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺส อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ ปาฬิยา อภาวโต, ปฏิคฺคณฺหนปจฺจยา วธกสฺส ทุกฺกฏํ สิยาติ นยํ ทาตุํ ‘‘มูลฏฺสฺสา’’ติ ปาฬิยํ อวุตฺตตฺตา ‘‘ตํ ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺเสเวตํ ทุกฺกฏ’’นฺติ ยํ วุตฺตํ, ตมฺปิ สุวุตฺตํ. ตตฺร หิ พุทฺธรกฺขิตสฺส ปฏิกฺขิตฺตํ, วุตฺตนเยน ปน ตสฺส อาปตฺติ อนิยตาติ. กสฺมา ปน อฏฺกถายํ อนุตฺตานํ ปฏิคฺคณฺหนปจฺจยา วธกสฺส ทุกฺกฏํ อวตฺวา มูลฏฺสฺเสว วเสน ทุกฺกฏํ วุตฺตนฺติ เจ? อนิฏฺนิวารณตฺถํ. ‘‘สงฺฆรกฺขิเตน สมฺปฏิจฺฉิเต ปฏิคฺคณฺหนปจฺจยา ตสฺส ทุกฺกฏ’’นฺติ หิ วุตฺเต อนนฺตรนเยน สรูเปน วุตฺตตฺตา อิธาปิ มูลฏฺสฺส ถุลฺลจฺจยํ อฏฺกถายํ วุตฺตเมว โหตีติ อาปชฺชติ. อิติ ตํ เอวํ อาปนฺนํ ถุลฺลจฺจยํ อุตฺตานนฺติ ตํ อวตฺวา ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺส ทุกฺกฏํ วุตฺตํ. อนุตฺตานตฺตา อฏฺกถายนฺติ อิมํ อนิฏฺคฺคหณํ นิวาเรตุํ ‘‘มูลฏฺสฺเสเวตํ ทุกฺกฏ’’นฺติ วุตฺตํ. อาจริเยน หิ วุตฺตนเยน ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺส ทุกฺกฏมฺปิ อุตฺตานเมว. อุตฺตานฺจ กสฺมา อมฺหากํ ขนฺตีติ วุตฺตนฺติ เจ? ปฏิปตฺติทีปนตฺถํ. ‘‘ปิฏกตฺตยาทีสุ อปฺปฏิหตพุทฺธิโยปิ อาจริยา สรูเปน ปาฬิยํ อฏฺกถายฺจ อวุตฺตตฺตา เอวรูเปสุ นาม าเนสุ เอวํ ปฏิปชฺชนฺติ, กิมงฺคํ ปน มาทิโสติ สุหทยา กุลปุตฺตา อนาคเต วุตฺตนยมนติกฺกมิตฺวา สงฺกรโทสํ วิวชฺเชตฺวา ¶ วณฺณนาเวลฺจ อนติกฺกมฺม ปฏิปชฺชนฺตี’’ติ จ อปเรหิ วุตฺตํ. อยํ ปน อฏฺกถาย วา อวุตฺตตฺตา เอวรูเปสุ นาม ปาโ อาจริเยน ปจฺฉา นิกฺขิตฺตตฺตา เกสุจิ โปตฺถเกสุ น ทิสฺสตีติ กตฺวา สพฺพํ ลิขิสฺสาม. เอวํ สนฺเต ปฏิคฺคหเณ อาปตฺติเยว น สิยา, สฺจริตฺตปฏิคฺคหณมรณาภินนฺทเนสุปิ จ อาปตฺติ โหติ, มารณปฏิคฺคหเณ กถํ น สิยา, ตสฺมา ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺเสเวตํ ทุกฺกฏํ, เตเนเวตฺถ ‘‘มูลฏฺสฺสา’’ติ น วุตฺตํ. ปุริมนเยปิ เจตํ ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺส เวทิตพฺพเมว, โอกาสาภาเวน ปน น วุตฺตํ. ตสฺมา โย โย ปฏิคฺคณฺหาติ, ตสฺส ตสฺส ตปฺปจฺจยา อาปตฺติเยวาติ อยเมตฺถ อมฺหากํ ขนฺติ. ยถา เจตฺถ, เอวํ อทินฺนาทาเนปีติ.
๑๗๕. อรโห รโหสฺีนิทฺเทสาทีสุ กิฺจาปิ ปาฬิยํ, อฏฺกถายฺจ ทุกฺกฏเมว วุตฺตํ, ตถาปิ ตตฺถ ปรมฺปราย สุตฺวา มรตูติ อธิปฺปาเยน อุลฺลปนฺตสฺส อุทฺเทเส สติ อุทฺทิฏฺสฺส มรเณน อาปตฺติ ¶ ปาราชิกสฺส, อสติ ยสฺส กสฺสจิ มรเณน อาปตฺติ ปาราชิกสฺส. ‘‘อิตฺถนฺนาโม สุตฺวา เม วชฺฌสฺส อาโรเจตู’’ติ อุทฺทิสิตฺวา อุลฺลปนฺตสฺส วิสงฺเกตตา ทูตปรมฺปราย วุตฺตตฺตา เวทิตพฺพา. สเจ ‘‘โย โกจิ สุตฺวา วทตู’’ติ อุลฺลปติ, วชฺโฌ สยเมว สุตฺวา มรติ, วิสงฺเกตตฺตา น ปาราชิกํ. โย โกจิ สุตฺวา วทติ, โส เจ มรติ, ปาราชิกํ. ‘‘โย โกจิ มม วจนํ สุตฺวา ตํ มาเรตู’’ติ อุลฺลปติ, โย โกจิ สุตฺวา มาเรติ, ปาราชิกํ, สยเมว สุตฺวา มาเรติ, วิสงฺเกตตฺตา น ปาราชิกนฺติ เอวํ ยถาสมฺภโว เวทิตพฺโพ.
๑๗๖. มูลํ ทตฺวา มุจฺจตีติ เอตฺถ ภินฺทิตฺวา, ภฺชิตฺวา, จวิตฺวา, จุณฺเณตฺวา, อคฺคิมฺหิ ปกฺขิปิตฺวา วา ปเคว มุจฺจตีติ อตฺถโต วุตฺตเมว โหติ. เยสํ หตฺถโต มูลํ คหิตนฺติ เยสํ าตกปริวาริตานํ หตฺถโต มูลํ เตน ภิกฺขุนา คหิตํ, โปตฺถกสามิกหตฺถโต ปุพฺเพ ทินฺนมูลํ ปุน คเหตฺวา เตสฺเว าตกาทีนํ ทตฺวา มุจฺจติ, เอวํ โปตฺถกสามิกสฺเสว สนฺตกํ ชาตํ โหติ. อนุคณฺิปเท ปน ‘‘สเจปิ โส วิปฺปฏิสารี หุตฺวา สีฆํ เตสํ มูลํ ทตฺวา มุจฺจตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ เยน ธเนน โปตฺถโก กีโต, ตฺจ ธนํ สนฺธาย วุตฺตํ. กสฺมา? โปตฺถกสามิกหตฺถโต ธเน คหิเต โปตฺถเก อทินฺเนปิ มุจฺจนโต. สเจ อฺํ ¶ ธนํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ยุตฺตํ โปตฺถกสฺส อตฺตนิยภาวโต อโมจิตตฺตา. สเจ โปตฺถกํ สามิกานํ ทตฺวา มูลํ น คณฺหาติ, น มุจฺจติ อตฺตนิยภาวโต อโมจิตตฺตา. สเจ โปตฺถกํ มูลฏฺเน ทิยฺยมานํ ‘‘ตเวว โหตู’’ติ อปฺเปติ, มุจฺจติ อตฺตนิยภาวโต โมจิตตฺตา. เอตฺถายํ วิจารณา – ยถา เจติยํ วา ปฏิมํ โปกฺขรณึ เสตุํ วา กิณิตฺวา คหิตมฺปิ การกสฺเสเวตํ ปฺุํ, น กิณิตฺวา คหิตสฺส, ตถา ปาปมฺปิ เยน โปตฺถโก ลิขิโต, ตสฺเสว ยุชฺชติ, น อิตรสฺสาติ เจ? น, ‘‘สตฺถหารกํ วาสฺส ปริเยเสยฺยา’’ติ วจนโต. ปเรน หิ กตสตฺถํ ลภิตฺวา อุปนิกฺขิปนฺตสฺส ปาราชิกนฺติ สิทฺธํ. เอวํ ปเรน ลิขิตมฺปิ โปตฺถกํ ลภิตฺวา ยถา วชฺโฌ ตํ ปสฺสิตฺวา มรติ, ตถา อุปนิกฺขิเปยฺย ปาราชิกนฺติ สิทฺธํ โหตีติ. เจติยาทีติ เอตมนิทสฺสนํ กรณปจฺจยํ หิ ตํ กมฺมํ อิทํมรณปจฺจยนฺติ เอวํ อาจริเยน วิจาริตํ. มม ปน เจติยาทินิทสฺสเนเนว โสปิ อตฺโถ สาเธตพฺโพ วิย ปฏิภาติ.
ตตฺตกา ปาณาติปาตาติ ‘‘เอกาปิ เจตนา กิจฺจวเสน ‘ตตฺตกา’ติ วุตฺตา สติปฏฺานสมฺมปฺปธานานํ จตุกฺกตา วิยา’’ติ ลิขิตํ. ปมาเณ เปตฺวาติ อตฺตนา อธิปฺเปตปฺปมาเณ. ‘‘กตํ มยา เอวรูเป อาวาเฏ ขณิเต ตสฺมึ ปติตฺวา มรตู’’ติ อธิปฺปาเยน วธโก อาวาฏปฺปมาณํ นิยเมตฺวา สเจ ขณิ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อิมสฺมึ อาวาเฏ’’ติ. อิทานิ ขณิตพฺพํ สนฺธาย เอตฺตกปฺปมาณสฺส อนิยมิตตฺตา ‘‘เอกสฺมิมฺปิ กุทาลปฺปหาเร’’ติอาทิ ¶ วุตฺตํ, สุตฺตนฺติกตฺเถเรหิ กิฺจาปิ อุปตํ, ตถาปิ สนฺนิฏฺาปกเจตนา อุภยตฺถ อตฺเถวาติ อาจริยา. พหูนํ มรเณ อารมฺมณนิยเม กถนฺติ เจ? วชฺเฌสุ เอกสฺส ชีวิตินฺทฺริเย อาลมฺพิเต สพฺเพสมาลมฺพิตเมว โหติ. เอกสฺส มรเณปิ น ตสฺส สกลํ ชีวิตํ สกฺกา อาลมฺพิตุํ น อุปฺปชฺชมานํ, อุปฺปนฺนํ, นิรุชฺฌมานํ, อตฺถิตายปาณาติปาตเจตนาว ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา, ปุเรชาตารมฺมณา จ โหติ, ตสฺมา ตมฺปิ ยุชฺชติ. ปจฺฉิมโกฏิยา เอกจิตฺตกฺขเณ ปุเรชาตํ หุตฺวา ิตํ ตํ ชีวิตมาลมฺพณํ กตฺวา สตฺตมชวนปริยาปนฺนเจตนาย โอปกฺกเม กเต อตฺถโต ตสฺส สตฺตสฺส สพฺพํ ชีวิตินฺทฺริยมาลมฺพิตํ, โวโรปิตฺจ โหติ, อิโต ปนฺถา น สกฺกา; เอวเมว ปุพฺพภาเค ‘‘พหูปิสตฺเต มาเรมี’’ติ จินฺเตตฺวา สนฺนิฏฺานกาเล วิสปกฺขิปนาทีสุ เอกํ ปโยคํ ¶ สาธยมานา วุตฺตปฺปการเจตนา เตสุ เอกสฺส วุตฺตปฺปการํ ชีวิตินฺทฺริยํ อาลมฺพณํ กตฺวา อุปฺปชฺชติ, เอวํ อุปฺปนฺนาย ปเนกาย สพฺเพปิ เต มาริตา โหนฺติ ตาย เอว สพฺเพสํ มรณสิทฺธิโต, อฺถา น สกฺกา โวโรเปตุํ, อาลมฺพิตุํ วา. ตตฺถ เอกาย เจตนาย พหูนํ มรเณ อกุสลราสิ กถนฺติ เจ? วิสุํ วิสุํ มรเณ ปวตฺตเจตนานํ กิจฺจกรณโต. กถํ? ตา ปน สพฺพา อุปปชฺชเวทนียาว โหนฺติ, ตสฺมา ตาสุ ยาย กายจิ ทินฺนาย ปฏิสนฺธิยา อิตรา สพฺพาปิ ‘‘ตโต พลวตรกุสลปฏิพาหิตา อโหสิกมฺม’’นฺติอาทิโกฏฺาสํ ภชนฺติ, ปุนปิ วิปากํ ชนิตุํ น สกฺโกนฺติ. อปราปริยเวทนียาปิ วิย ตํ ปฏิพาหิตฺวา กุสลเจตนา ปฏิสนฺธึ เทติ, ตถา อยมฺปิ เจตนา อนนฺตรภเว เอว ปฏิสนฺธิทานาทิวเสน ตาสํ กิจฺจเลสกรณโต เอกาปิ สมานา ‘‘ราสี’’ติ วุตฺตา. ตาย ปน ทินฺนาย ปฏิสนฺธิยา อติติกฺโข วิปาโก โหติ. อยเมตฺถ วิเสโสติอาทิ อนุคณฺิปเท ปปฺจิตํ.
อมริตุกามา วาติ อธิปฺปายตฺตา โอปปาติกมรเณปิ อาปตฺติ. ‘‘‘นิพฺพตฺติตฺวา’ติ วุตฺตตฺตา ปตนํ น ทิสฺสตีติ เจ? โอปปาติกตฺตํ, ปตนฺจ เอกเมวา’’ติ ลิขิตํ. อถ วา ‘‘สพฺพถาปิ อนุทฺทิสฺเสวา’’ติ วจนโต เอตฺถ มรตูติ อธิปฺปายสมฺภวโต ‘‘อุตฺตริตุํ อสกฺโกนฺโต มรติ ปาราชิกเมวา’’ติ สุวุตฺตํ. สเจ ‘‘ปติตฺวา มรตู’’ติ นิยเมตฺวา ขณิโต โหติ, โอปปาติกมนุสฺโส จ นิพฺพตฺติตฺวา ิตนิยเมเนว ‘‘อุตฺตริตุํ น สกฺกา’’ติ จินฺเตตฺวา มรตีติ ปาราชิกจฺฉายา น ทิสฺสติ, เตน วุตฺตํ ‘‘อุตฺตริตุํ อสกฺโกนฺโต’’ติ. โส หิ อุตฺตริตุํ อสกฺโกนฺโต ปุนปฺปุนํ ปติตฺวา มรติ, เตน ปาโตปิ ตสฺส สิทฺโธ โหตีติ อธิปฺปาโย. ตตฺถ สิยา – โย ปน ‘‘อุตฺตริตุํ อสกฺโกนฺโต มรตี’’ติ วุตฺโต, โส โอปาตขณนกฺขเณ อรูปโลเก ชีวติ. วธกเจตนา จ ‘‘อนิยโต ธมฺโม มิจฺฉตฺตนิยตสฺส ธมฺมสฺส อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย, รูปชีวิตินฺทฺริยํ มาตุฆาติกมฺมสฺส ปิตุฆาติกมฺมสฺส อรหนฺตฆาติกมฺมสฺส ¶ รุหิรุปฺปาทกมฺมสฺส อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๒.๑๕.๓๘ มิจฺฉตฺตนิยตตฺติก) วจนโต รูปชีวิตินฺทฺริยารมฺมณํ โหติ, น จ ตํ อรูปาวจรสตฺตสฺสตฺถิ, น จ สา เจตนา ‘‘อนิยโต ธมฺโม มิจฺฉตฺตนิยตสฺส ธมฺมสฺส ปุเรชาตปจฺจเยน ปจฺจโย, อารมฺมณปุเรชาตํ วตฺถุปุเรชาตํ อารมฺมณปุเรชาตํ. รูปชีวิตินฺทฺริยํ ¶ มาตุฆาติกมฺมสฺส ปุเรชาตปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๒.๑๕.๔๘ มิจฺฉตฺตนิยตตฺติก) วจนโต อนาคตารมฺมณา โหติ. อฺโ อิธ ปติตฺวา มรณกสตฺโต นตฺถิ, เอวํ สนฺเต วธกเจตนาย กึ อารมฺมณนฺติ เจ? ยสฺส กสฺสจิ อิธ ชีวนกสตฺตสฺส ปจฺจุปฺปนฺนํ ชีวิตินฺทฺริยํ อารมฺมณํ. กิฺจาปิ โส น มรติ, อถ โข ปาณาติปาโต โหติ เอว. ยถา กึ ‘‘ยถากฺกเมน ิเต สตฺต ชเน เอเกน กณฺเฑน วิชฺฌิตฺวา มาเรมี’’ติ ปุพฺพภาเค จินฺเตตฺวา สนฺนิฏฺานกาเล เตสุ เอกสฺส ชีวิตมารมฺมณํ กตฺวา กณฺฑํ วิสฺสชฺเชติ, กณฺโฑ ตํ วิรชฺฌิตฺวา อิตเร ฉ ชเน มาเรติ, เอวํ สนฺเตปิ อยํ ปาณาติปาตี เอว โหติ, เอวมิธาปิ ‘‘โย โกจี’’ติ วิกปฺเปนฺตสฺส วธกเจตนา ยสฺส กสฺสจิ ชีวิตารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตติ, ตสฺมึ อมเตปิ อิตรสฺส วเสน ปาณาติปาตี. สเจ อรหา หุตฺวา ปรินิพฺพายติ, อรหนฺตฆาตโกว โหติ. เอส นโย สพฺพตฺถ เอวรูเปสุ. อยเมว เหตฺถ อาจริยปรมฺปราคตา ยุตฺติ วินิจฺฉยกถาติ วุตฺตํ.
ปตนรูปํ ปมาณนฺติ เอตฺถ ยถา มาตุยา ปติตฺวา ปริวตฺตลิงฺคาย มตาย โส มาตุฆาตโก โหติ, น เกวลํ ปุริสฆาตโก, ตสฺมา ปตนสฺเสว วเสน อาปตฺติ. กสฺมา? ปตนรูปมรณรูปานํ เอกสนฺตานตฺตา, ตเทว หิสฺส ชีวิตินฺทฺริยํ, ตสฺส หิ ปริวตฺตนํ นตฺถิ, อิตฺถิปุริสินฺทฺริยาเนว ปวตฺติยํ นิรุชฺฌนุปฺปชฺชนกานิ, อิตฺถิปุริโสติ จ ตตฺถ โวหารมตฺตเมว, ตสฺมา มาตุฆาตโกว, น ปุริสฆาตโกติ, ยถา ตสฺส ปตนรูปวเสนาปตฺติ, ตถา อิธาปิ ปตนรูปวเสน ถุลฺลจฺจยํ เอกสนฺตานตฺตาติ อยํ ปมเถรวาเท ยุตฺติ. ทุติเย กิฺจาปิ เปโต ปติโต, ยกฺโข จ, อถ โข อเหตุกปฏิสนฺธิกตฺตา อกุสลวิปากสฺส ‘‘วาเมน สูกโร โหตี’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๒๙๖; มหานิ. อฏฺ. ๑๖๖) เอตฺถ วุตฺตยกฺขานํ ปฏิสนฺธิ วิย สพฺพรูปานํ สาธารณตฺตา, อมนุสฺสชาติกตฺตา จ ติรจฺฉานรูเปน มเต มรณรูปวเสน ปาจิตฺติยํ, วตฺถุวเสน ลหุกาปตฺติยา ปริวตฺตนา โหติ เอว ตตฺถชาตกรุกฺขาทิเฉทนปาจิตฺติยปริวตฺตนํ วิย. อยเมว ยุตฺตตโร, ตสฺมา ปจฺฉา วุตฺโต. ปาราชิกสฺส ปน มนุสฺสชาติโก ยถา ตถา วา ปติตฺวา ยถา ตถา วา มรตุ, ปาราชิกเมว ครุกตฺตา. ครุกาปตฺติยา หิ วิปริวตฺตนา นตฺถีติ วุตฺตํ.
ถุลฺลจฺจยํ ¶ ¶ ติรจฺฉาเน, มเต เภทสฺส การณํ;
สรูปมรณํ ติสฺโส, ผุสฺโส มฺเติ อฺถา.
คณฺิปเท ปน ‘‘ทุติยวาเท ปุถุชฺชนสฺส ปติตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา มรนฺตสฺส วเสน วุตฺโต’’ติ ลิขิตํ. ‘‘ติรจฺฉาเน’’ติ เอตฺถ เกจิ วทนฺติ ‘‘เทวา อธิปฺเปตา’’ติ. ‘‘สกสกรูเปเนว มรณํ ภวติ นาฺถา’’ติ จ วทนฺติ. ยกฺขเปตรูเปน มเตปิ เอเสว นโยติ ถุลฺลจฺจยนฺติ อตฺโถ. ‘‘ติรจฺฉานคตมนุสฺสวิคฺคหมรเณ วิยา’’ติ ลิขิตํ. ปหารํ ลทฺธาติ สตฺตานํ มารณตฺถาย กตตฺตา วุตฺตํ.
๑๗๗. สาธุ สุฏฺุ มรตูติ วจีเภทํ กโรติ. วิสภาคโรโคติ สรีรฏฺโ คณฺฑปีฬกาทิ.
๑๗๘. กาฬานุสารีติ เอกิสฺสา ลตาย มูลํ กิร. มหากจฺฉเปน กตปุปฺผํ วา. หํสปุปฺผนฺติ หํสานํ ปกฺขปตฺตํ. เหฏฺา วุตฺตนเยน สาหตฺถิกาณตฺติกนยฺเหตฺถ โยเชตฺวา กายวาจาจิตฺตโต สมุฏฺานวิธิ ทสฺเสตพฺโพ.
ปทภาชนียวณฺณนา นิฏฺิตา.
วินีตวตฺถุวณฺณนา
๑๘๐. มรณตฺถิกาว หุตฺวาติ อิมสฺส กายสฺส เภเทน สคฺคปาปนาธิปฺปายตฺตา อตฺถโต มรณตฺถิกาว หุตฺวา เอวํอธิปฺปายิโน มรณตฺถิกา นาม โหนฺตีติ อตฺตโน มรณตฺถิกภาวํ อชานนฺตา อาปนฺนา ปาราชิกํ. น หิ เต ‘‘อตฺตโน จิตฺตปฺปวตฺตึ น ชานนฺตี’’ติ วุจฺจนฺติ. โวหารวเสนาติ ปุพฺพภาคโวหารวเสน. สนฺนิฏฺาเน ปเนตํ นตฺถิ. ปาเส พทฺธสูกรโมจเน วิย น โหติ. ยถานุสนฺธินาติ อนฺตรา อมริตฺวาติ อตฺโถ. อปฺปฏิเวกฺขิตฺวาติ อวิจาเรตฺวา. เหฏฺิมภาเค หิ กิสฺมิฺจิ วิชฺชมาเน วลิ ปฺายติ. ทสฺสิเตติ อุทฺธริตฺวา ปิเต. ปฏิพนฺธนฺติ ตยา ปฏิพนฺธํ, ปริโภคนฺตรายํ สงฺฆสฺส มา อกาสีติ อตฺโถ.
๑๘๑-๒. ยสฺมา ¶ กิริยํ ทาตุํ น สกฺกา, ตสฺมา ‘‘ปมํ ลทฺธ’’นฺติ วุตฺตํ. ปุพฺเพปิ อตฺตนา ลทฺธปิณฺฑปาตโต ปณีตปณีตํ เทนฺโต ตตฺถปิ อตฺตการิยํ อทาสิ. อสฺจิจฺจาติ ¶ เอตฺถ อฺํ อากฑฺฒนฺตสฺส อฺสฺส ปตเน สพฺเพน สพฺพํ อภิสนฺธิ นตฺถิ. น มรณาธิปฺปายสฺสาติ ปฏิโฆ จ ปโยโค จ อตฺถิ, วธกเจตนา นตฺถิ. อชานนฺตสฺสาติ เอตฺถ ‘‘วตฺถุอชานนวเสน อชานนฺตสฺส โทโส นตฺถิ, อิทํ กิร เตสํ นานตฺตํ. ‘อสฺจิจฺโจ อห’นฺติ ปาฬิยํ น ทิสฺสติ. อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา ตถารูปาย ปาฬิยา ภวิตพฺพ’’นฺติ วทนฺติ. โน เจ, ถุลฺลจฺจยนฺติ เอตฺถ ‘‘ทุกฺขเวทนา เจ นุปฺปชฺชติ, ทุกฺกฏเมวา’’ติ วทนฺติ, วีมํสิตพฺพํ. ‘‘มุคฺครา นาม ขาทนทณฺฑกา. เวมา นาม เตสํ ขาทนทณฺฑกานํ เหฏฺา จ อุปริ จ ติริยํ พนฺธิตพฺพทณฺฑา’’ติ ลิขิตํ. เหฏฺาว ทุวิธาปิ ปนฺติ. หตฺถปฺปตฺโต วิย ทิสฺสติ ‘‘ตสฺส วิกฺเขโป มา โหตู’’ติ อุปจฺฉินฺทติ. วิเสสาธิคมํ พฺยากริตฺวา ตปฺปภวํ สกฺการํ ลชฺชียนฺโต อาหารํ อุปจฺฉินฺทติ สภาคานํ พฺยากตตฺตา. เต หิ กปฺปิยเขตฺตํ อาโรเจนฺติ.
๑๘๖. อกตวิฺตฺติยาติ น วิฺตฺติยา. สา หิ อนฺุาตตฺตา กตาปิ อกตา วิยาติ อกตวิฺตฺติ. ‘‘‘วเทยฺยาถ, ภนฺเต เยนตฺโถ’ติ เอวํ อกตฏฺาเน วิฺตฺติ อกตวิฺตฺตี’’ติ ลิขิตํ. ติตฺถิยภูตานํ มาตาปิตูนํ สหตฺถา ทาตุํ น วฏฺฏตีติ. ปิตุจฺฉา นาม ปิตุภคินี. สเจปิ น ยาจนฺติ ‘‘ยาจิตุํ ทุกฺข’’นฺติ, สยํ วา เอวํ วตฺตุมสกฺโกนฺตา. ‘‘ยทา เตสํ อตฺโถ ภวิสฺสตี’’ติ อาโภคํ กตฺวา วา. ‘‘‘เวชฺชกมฺมํ วา น โหตี’ติ วจนโต ยาว สตฺตโม กุลปริวฏฺโฏ, ตาว เภสชฺชํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. สพฺพปเทสูติ มหามาตุยาจูฬมาตุยาติอาทีนํ.
วุตฺตนเยน ปริเยสิตฺวาติ ‘‘สามเณเรหิ วา’’ติอาทินา. ‘‘น อกตวิฺตฺติยา’’ติ วทนฺติ. ‘‘ปจฺจาสีสติ สเจ, ทุกฺกฏ’’นฺติ วทนฺติ. กปฺปิยวเสนาติ ปุปฺผํ อาเนถาติอาทินา. ‘‘ปูชํ อกาสี’ติ วุตฺตตฺตา สยํ คเหตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ.
‘‘ภณถา’’ติ วุตฺเต ปน กาตพฺพํ. ธมฺมฺหิ วตฺตุํ วฏฺฏติ. โน เจ ชานนฺติ, น ปาทา อปเนตพฺพา. อวมงฺคลนฺติ หิ คณฺหนฺติ.
โจรนาคสฺส ¶ หิ อามฏฺํ ทินฺเน กุชฺฌิสฺสติ, อนามฏฺํ น วฏฺฏตีติ องฺคุลนฺตเร โถกํ ภตฺตํ คเหตฺวา ปตฺเต ภตฺตํ สพฺพํ อทาสิ, โส เตน ตุสฺสิ. วรโปตฺถกจิตฺตตฺถรณนฺติ สิพฺพิตฺวา กาตพฺพตฺถรณวิกติ. ปิตุราชา ทมิฬสฺส ปราชิโต โรหเณ โสฬสวสฺสานิ วสิตฺวา มิตฺตามจฺจปริวุโต ‘‘รชฺชํ คณฺหามี’’ติ อาคนฺตฺวา อนฺตรามคฺเค อปฺปมตฺตกสฺส การณา เอกํ อมจฺจํ ¶ ฆาตาเปสิ. เสสา ภเยน ปลายนฺตา อรฺเ อนฺตรามคฺเค โจเรหิ วิลุตฺตา หมฺพุคลฺลกวิหารํ คนฺตฺวา ตตฺถ จาตุนิกายิกติสฺสตฺเถโร เตสํ สงฺคหํ กตฺวา ปุน อาเนตฺวา รฺโ ทสฺเสสิ, เตหิ สทฺธึ รชฺชํ คเหตฺวา ราชา หมฺพุคลฺลกติสฺสตฺเถรสฺส อภยคิริวิหารํ อกาสิ. เสสาปิ เอเกกวิหารํ การาเปสุํ กิร.
๑๘๗. โจรสมีปํ เปเสนฺโต ‘‘วาฬยกฺขวิหารํ เปเสตี’’ติ อิมินา สทิโส. กสฺมา? มรณาธิปฺปายตฺตา. ตฬากาทีสุ มจฺฉาทิคฺคหณตฺถํ เกวฏฺฏํ อฺาปเทเสน ‘‘ตฬากตีรํ คจฺฉา’’ติ ปหิณนฺตสฺส ปาณาติปาเตน ภวิตพฺพํ, ‘‘วาฬยกฺขวิหารํ ปาเหสี’’ติ อิมสฺส สทิโส. กสฺมา? ‘‘มรณาธิปฺปายตฺตา’’ติ วจนสฺสานุโลมโต, อฏฺกถายมฺปิ ‘‘เอวํ วาฬยกฺขมฺปี’’ติ วุตฺตตฺตา.
๑๘๙. ตํ ตตฺรฏฺิตํ ฉินฺทนฺตนฺติ ตํ-สทฺโท เอกจฺเจสุ นตฺถิ. อิตเรสุ ปาราชิกถุลฺลจฺจยํ อาปนฺนาติ อตฺโถ. ‘‘อิมํ ฉินฺทิตฺวา สีฆํ คนฺตฺวา สงฺฆสฺส ปตฺตจีวรํ ทสฺสามี’’ติ กุสลจิตฺเตนปิ ฉินฺทิตุํ น วฏฺฏติ อนนฺุาตตฺตา. อฺสฺส ปน ภิกฺขุโน วฏฺฏติ อนฺุาตตฺตา.
๑๙๐. กถํ? กุฏิรกฺขณตฺถฺหิ ภควตา ปฏคฺคิทานาทิ อนฺุาตํ, กุฏิ นาเมสา ภิกฺขูนํ อตฺถาย. ตสฺมา ‘‘ภิกฺขุรกฺขณตฺถํ อฺสฺส ภิกฺขุสฺส วฏฺฏตี’ติ วตฺตพฺพเมตฺถ นตฺถี’’ติ วุตฺตํ. ยทิ เอวํ อจฺฉินฺนจีวรสฺส นคฺคภาวปฺปฏิจฺฉาทนตฺถํ ภูตคามปาตพฺยตา ภควตา อนฺุาตา, ชีวิตรกฺขณตฺถฺจ สปฺปทฏฺกาเล อนฺุาตํ, ตสฺมา ‘‘อปิ ชีวิตํ ปริจฺจชิตพฺพํ, น จ รุกฺโข วา ฉินฺทิตพฺโพ’’ติอาทิ น วตฺตพฺพํ สิยา, ตสฺมา ตํ นิทสฺสนํ อปฺปมาณํ, อฏฺกถาจริโย เอเวตฺถ ปมาณํ. เอตฺถ ปนายํ อาจริยสฺส ตกฺโก – อริยปุคฺคเลสุปิ สตฺตา นคฺคิยํ ปสฺสิตฺวา อปฺปสาทํ กตฺวา นิรยูปคา ภวิสฺสนฺติ ¶ , ตถา สปฺปา จ ฑํสิตฺวา, เตสํ ปาปวิโมจนตฺถํ ภูตคามปาตพฺยตา อนฺุาตา. ทานปตีนํ จิตฺตรกฺขณตฺถํ ปฏคฺคิทานาทิ. อฺถา โลกสฺส ปฺุนฺตราโย, สงฺฆสฺส จ ลาภนฺตราโย โหติ. วธกสฺส ปน จิตฺตหิตกรณํ นตฺถิ, ตํ ปน อวีติกฺกมํ, ชีวิตปริจฺจชนํ ปสฺสิตฺวา วา ‘‘อโห ทุกฺกรํ กต’’นฺติ ปสาทเมว ลเภยฺยุนฺติ อตฺตโน น วฏฺฏติ, อฺสฺส วฏฺฏติ. อฺถา ติตฺถิยานํ อสทฺธมฺมสิทฺธิยาติ. คณฺิปเท ปน ‘‘ชีวิตตฺถาย รุกฺขํ ฉินฺทนฺตสฺส อตฺตสิเนหวเสน ฉินฺทนโต อกุสลตฺตา น วฏฺฏติ, อฺสฺส วฏฺฏตี’’ติ ลิขิตํ. อเนเกสุ รุกฺเขน โอตฺถเตสุ, โอปาเต วา ปติเตสุ อฺเน อฺสฺสตฺถาย รุกฺขเฉทนาทิ ¶ กาตุํ วฏฺฏติ, กสฺมา? ปรปริตฺตาณาธิปฺปายโตติ. ปริตฺตนฺติ รกฺขณํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สมนฺตา ภูมิตจฺฉน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.
๑๙๑. ตีหิ มาริเต ปน วิสงฺเกตนฺติ เอตฺถ ตีสุ เอเกน มาริเตปิ ‘‘เขตฺตเมว โอติณฺณตฺตา ปาราชิก’’นฺติ วุตฺตตฺตา ตโยปิ เอกโต หุตฺวา มาเรนฺติ เจ, อาปชฺชติ, เตเนว วุตฺตํ ‘‘ปริจฺเฉทพฺภนฺตเร วา อวิสงฺเกต’’นฺติ. ‘‘ปริจฺเฉทาติกฺกเม ปน สพฺพตฺถ วิสงฺเกตํ โหตี’’ติ วุตฺตตฺตา ทฺวินฺนํ พลํ คเหตฺวา ตติโย เจ มาเรติ อาปชฺชติ วิย ทิสฺสติ, วีมํสิตพฺพํ. ‘‘ทฺเว มาเรนฺตู’’ติ วุตฺเต เอเกน วา ทฺวีหิ วา มาริเต ปาราชิกนฺติ ‘‘ทฺวินฺนํ ปหารานํ มรเณ สติ ทฺเว มาริตา นาม โหนฺติ, อสติ เอโกว โหติ, ตสฺมา วิชานิตพฺพ’’นฺติ วทนฺติ.
ตติยปาราชิกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. จตุตฺถปาราชิกํ
วคฺคุมุทาตีริยภิกฺขุวตฺถุวณฺณนา
๑๙๓. จตุตฺเถ วคฺคุ จ สา โมทยติ จ สตฺเตติ วคฺคุมุทา. ‘‘วคฺคุมทา’’ติปิ ปาโ, ตสฺส วคฺคุ จ สา ปสนฺนสุทฺธตรงฺคสมิทฺธตฺตา สุขุมา จาติ อตฺโถ ชีวิตวคฺคุตฺถนิตา ชีวิตตฺถนฺติ นีลุปฺปลนฺติอาทีสุ วิย. มทสฺสาติ จ พหุขชฺชโภชฺชปานาทิสมิทฺธา นที ฉณทิวเสสูติ นิรุตฺติ เวทิตพฺพา. วคฺคุ ปริสุทฺธาติ โลเกน สมฺมตาติ กิร อตฺโถ. ภาสิโต ภวิสฺสตีติ ปาเสโส.
๑๙๔-๕. วณฺณวา ¶ วณฺณวนฺโต วณฺณวนฺตานีติปิ สิชฺฌติ กิร พหุวจเนน. ยสฺมา อินฺทฺริยานํ อูนตฺตํ, ปูรตฺตํ วา นตฺถิ, ตสฺมา ‘‘อภินิวิฏฺโกาสสฺส ปริปุณฺณตฺตา’’ติ วุตฺตํ. ฉฏฺสฺส อภินิวิฏฺโกาโส หทยวตฺถุ. จตุอิริยาปถจกฺเก ปากตินฺทฺริเย. อตฺตโน ทหตีติ อตฺตนา ทหติ, อตฺตนา ปฏิวิทฺธํ กตฺวา ปเวเทตีติ อธิปฺปาโย. สนฺตนฺติ วตฺตมานํ. โคตฺรภุโนติ โคตฺตมตฺตํ อนุภวตฺตา นามมตฺตกเมวาติ อตฺโถ.
สวิภงฺคสิกฺขาปทวณฺณนา
๑๙๗. ปทภาชเน ¶ ‘‘ติสฺโส วิชฺชา’’ติ วุตฺตตฺตา อรูปาวจรชฺฌานานิ ปฏิกฺขิตฺตานีติ เจ? น, ตตฺเถว ‘‘ยํ าณํ, ตํ ทสฺสนํ, ยํ ทสฺสนํ, ตํ าณ’’นฺติ ทสฺสนปเทน วิเสเสตฺวา วุตฺตตฺตา, ตสฺมา เอว อฏฺกถายํ ‘‘วิชฺชาสีเสน ปทภาชนํ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. ธุรํ กตฺวาติ ปุริมํ กตฺวา.
ปทภาชนียวณฺณนา
๑๙๙. อนาคเต อุปฺปชฺชนกราคาทีนํ การณตฺตา ราคาทโยว นิมิตฺตํ นาม. ติสฺสนฺนฺจ วิชฺชานํ อฺตรํ สนฺธาย ‘‘วิชฺชานํ ลาภีมฺหี’’ติ ภณติ, ปาราชิกํ, น วตฺถุวิชฺชาทีนํ กิเลสนหานเมว วุตฺตํ, ตํขณตฺตา อุตฺตริมนุสฺสธมฺมปฺปวตฺติ น โหตีติ เจ? น, มคฺคกิจฺจทีปนโต. เตเนว ‘‘มคฺเคน วินา นตฺถี’’ติอาทิ วุตฺตํ. จิตฺตนฺติ จิตฺตสฺส วิคตนีวรณตาติ อตฺโถ. ‘‘ยาวฺจ วิชฺชา อนาคตา, ตาว วิปสฺสนาาณสฺส ลาภีมฺหี’ติ วทนฺโต ยทิ โลกุตฺตรํ สนฺธาย วทติ, โสปิ จ ตถา ชานาติ, ปาราชิกเมว โลกุตฺตรสฺสปิ ตํนามตฺตา’’ติ วทนฺติ. ‘‘อวิเสเสนาปิ วทโต ปาราชิกํ วุตฺตนฺติ โลกุตฺตรํ สนฺธาย วทโต ‘ปาราชิก’นฺติ วตฺตุํ ยุชฺชติ. ยถา กึ ‘วิชฺชานํ ลาภีมฺหี’ติ ภณนฺโตปิ ปาราชิกเมวา’ติ วุตฺตฏฺาเน วตฺถุวิชฺชาทีนํ สมฺภเวปิ ตาสํ อนธิปฺเปตตฺตา ปาราชิกํ โหติ, เอวมิธาปิ. น สกฺกา อฺํ ปมาณํ กาตุนฺติ อตฺตโน คุณมาโรเจตุกาโม โลกิเยน สมฺมิสฺสํ อตฺถปฏิสมฺภิทํ วทโต ปาราชิกนฺติ ปมาณํ กาตุํ น สกฺกา, อิตรถา โหตี’’ติ อปเรหิ วุตฺตํ, ‘‘ตํ ปุพฺพาปรวิรุทฺธํ, ตสฺมา วิชฺชานิทสฺสนํ อิธ อนิทสฺสนํ สาสเน วตฺถุวิชฺชาทีนํ วิชฺชาวิธานาภาวา. ภควตา วิภตฺตเขตฺตปเท วา เตสํ ปริยายวจนานํ อนามฏฺตฺตา น สกฺกา อฺํ ปมาณํ กาตุ’’นฺติ ลิขิตํ. ‘‘ปฏิสมฺภิทานํ ลาภีมฺหี’ติ วุตฺเต ปริยาเยน ¶ วุตฺตตฺตา ถุลฺลจฺจยํ ยุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, วิจาเรตพฺพํ. วีมํสิตฺวา คเหตพฺพนฺติ ‘‘โย เต วิหาเร วสตี’’ติอาทีหิ สํสนฺทนโต ปริยายวจนตฺตา ถุลฺลจฺจยํ วุตฺตํ. ‘‘นิโรธสมาปตฺตึ สมาปชฺชามี’ติ วา ‘ลาภีมฺหาหํ ตสฺสา’ติ วา วทโตปี’’ติ วุตฺตวจนมฺปิ ‘‘สเจ ปนสฺเสวํ โหตี’’ติอาทิวจนมฺปิ อตฺถโต เอกเมว, โสปิ หิ อตฺตโน วิเสสํ อาโรเจตุเมว วทติ. ‘‘โย เต วิหาเร วสตี’ติอาทีสุ อหํ-วจนาภาวา ปริยาโย ยุชฺชติ, อิธ ปน ‘ลาภีมฺหาหํ ตสฺสา’ติ อตฺตานํ นิทฺทิสติ, ตสฺมา ปาราชิกํ อาปชฺชิตุํ ยุตฺตํ วิยา’’ติ วทนฺติ. ‘‘มหาปจฺจริยาทิวจนํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺเมสุ เอโกปิ น โหติ, ตสฺมา ปริยาเยน วุตฺตตฺตา น โหตี’’ติ ¶ วทนฺติ, สุฏฺุ อุปปริกฺขิตพฺพํ. ผลสจฺฉิกิริยา-ปทโต ปฏฺาย เอว ปาโ คเหตพฺโพ, ผลสจฺฉิกิริยายปิ เอเกกมฺปิ เอเกกผลวเสน ปาราชิกํ เวทิตพฺพํ.
ราคสฺส ปหานนฺติอาทิตฺติเก กิเลสปฺปหานเมว วุตฺตํ, ตํ ปน ยสฺมา มคฺเคน วินา นตฺถิ. ตติยมคฺเคน หิ ราคโทสานํ ปหานํ, จตุตฺเถน โมหสฺส, ตสฺมา ‘‘ราโค เม ปหีโน’’ติอาทีนิ วทโตปิ ปาราชิกํ. ราคา จิตฺตํ วินีวรณตาติอาทิตฺติเก โลกุตฺตรเมว วุตฺตํ, ตสฺมา ‘‘ราคา เม จิตฺตํ วินีวรณ’’นฺติอาทีนิ วทโต ปาราชิกเมวาติ. อกุปฺปธมฺมตฺตาติ เกจิ อุตฺตรวิหารวาสิโน. กสฺมา น โหตีติ เจ? ‘‘อิติ ชานามิ, อิติ ปสฺสามี’’ติ วตฺตมานวจเนเนว มาติกายํ วุตฺตตฺตา. ยทิ เอวํ ปทภาชเน ‘‘สมาปชฺชึ, สมาปนฺโน’’ติอาทินา วุตฺตตฺตา ‘‘อตีตตฺตภาเว โสตาปนฺโนมฺหี’’ติ วทโตปิ โหตูติ เจ? น, อฺถา อตฺถสมฺภวโต. กถํ? อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนวเสน วตฺตมานตา คเหตพฺพาติ าปนตฺถํ วุตฺตํ, น อตีตตฺตภาวํ. อตีตตฺตภาโว หิ ปริยาเยน วุตฺตตฺตา ‘‘ถุลฺลจฺจย’’นฺติ วุตฺตนฺติ อาจริยา.
๒๐๐. ‘‘สเจปิ น โหติ, ปาราชิกเมวา’’ติ อฏฺานปริกปฺปวเสน วุตฺตํ กิร. ‘‘อิติ วาจา ติวงฺคิกา’’ติ วกฺขติ. นตฺเถตนฺติ ปุริเม สติ ปจฺฉิมสฺสาภาวา สมาปชฺชึ, สมาปนฺโนติ อิเมสํ กิฺจาปิ อตฺถโต กาลวิเสโส นตฺถิ, วจนวิเสโส ปน อตฺถิ เอว.
๒๐๗. อุกฺเขฏิโตติ อุตฺตาสิโต. ขิฏ อุตฺราสเน.
สุทฺธิกวารกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
วตฺตุกามวารกถาวณฺณนา
วิฺตฺติปเถติ ¶ วิชานนฏฺาเน, เตน ‘‘วิฺตฺติปถมติกฺกมิตฺวา ิโต ภิกฺขุ ทิพฺพาย โสตธาตุยา สุตฺวา ชานาติ, น ปาราชิกนฺติ ทีเปตี’’ติ วุตฺตํ. ฌานํ กิร สมาปชฺชินฺติ เอตฺถ โส เจ ‘‘เอส ภิกฺขุ อตฺตโน คุณทีปนาธิปฺปาเยน เอวํ วทตี’’ติ ชานาติ, ปาราชิกเมว. อฺถา ชานาตีติ เจ? ปาราชิกจฺฉายา น ทิสฺสตีติ อาจริโย.
วตฺตุกามวารกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อนาปตฺติเภทกถาวณฺณนา
อนุลฺลปนาธิปฺปาโยติ ¶ ยทิ อุลฺลปนาธิปฺปาโย ภเวยฺย, ทุกฺกฏเมวาติ อปเร. ‘‘ตํ ปรโต ‘นาวุโส, สกฺกา ปุถุชฺชเนน อธิวาเสตุ’นฺติ วตฺถุนา สํสนฺทิตฺวา คเหตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ.
ปทภาชนียวณฺณนา นิฏฺิตา.
วินีตวตฺถุวณฺณนา
๒๒๕-๖. ทุกฺกร อาคาร อาวฏกาม อภิรติวตฺถูสุ ‘‘ยทิ อุลฺลปนาธิปฺปาโย ภเวยฺย, ปาราชิก’’นฺติ วทนฺติ, การณํ ปน ทุทฺทสํ, ถุลฺลจฺจยํ วุตฺตํ วิย, วีมํสิตพฺพํ. ยาเนน วา อิทฺธิยา วา คจฺฉนฺโตปิ ปาราชิกํ นาปชฺชตีติ ปทสา คมนวเสเนว กติกาย กตาย ยุชฺชติ. ‘‘อปุพฺพํอจริมํ คจฺฉนฺโตติ หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา อฺมฺสฺส หตฺถํ คณฺหนฺโต วิย คจฺฉนฺโต’’ติ วุตฺตํ. อุฏฺเถ เอถ คจฺฉามาติ เอวํ สหคมเน ปุพฺพาปรา คจฺฉนฺโตปิ นาปชฺชตีติ อาจริยสฺส ตกฺโก. วสนฺตสฺสาติ ตถา วสนฺโต เจ อุปาสเกน ทิสฺสติ, ปาราชิโก โหติ. ‘‘รตฺตึ วสิตฺวา คจฺฉนฺโต น ปาราชิโก’’ติ วุตฺตํ. นานาเวรชฺชกาติ นานาชนปทวาสิโน. สงฺฆลาโภติ ยถาวุฑฺฒํ อตฺตโน ปาปุณนโกฏฺาโส.
๒๒๘. อิธาติ ‘‘โก นุ โข’’ติอาทินา วุตฺเต ปฺหากมฺเม. ธมฺมธาตุ สพฺพฺุตฺาณํ.
๒๓๒. น ¶ อุปฺปฏิปาฏิยาติ น สีโหกฺกนฺตวเสน อนุสฺสริ. ตสฺมา อนฺตราภวภูตา เอกา เอว ชาตีติ ปฏิวิชฺฌตีติ อตฺโถ.
นิคมนวณฺณนา
๒๓๓. จตุวีสตีติ เอตฺถ มาตุฆาตกปิตุฆาตกอรหนฺตฆาตกา ตติยปาราชิกํ อาปนฺนา. ภิกฺขุนิทูสโก, ลมฺพิอาทโย จ จตฺตาโร ปมปาราชิกํ อาปนฺนา เอวาติ กตฺวา กุโต จตุวีสตีติ เจ? น, อธิปฺปายาชานนโต. มาตุฆาตกาทโย หิ จตฺตาโร อิธานุปสมฺปนฺนา เอว อธิปฺเปตา, ลมฺพิอาทโย จตฺตาโร กิฺจาปิ ปมปาราชิเกน สงฺคหิตา, ยสฺมา ¶ เอเกน ปริยาเยน เมถุนธมฺมปฏิเสวิโน น โหนฺติ, ตสฺมา วิสุํ วุตฺตา. ‘‘เอกกมฺมํ เอกุทฺเทโส สมสิกฺขตา’’ติ เอวํ วุตฺตสํวาสสฺส อภพฺพตามตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ยถา ปุเร ตถา ปจฺฉา’’ติ. อฺถา เนสํ สมฺายปฏิฺายภิกฺขุภาโวปิ นตฺถีติ อาปชฺชติ.
จตุตฺถปาราชิกวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปาราชิกกณฺฑวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. สงฺฆาทิเสสกณฺโฑ
๑. สุกฺกวิสฺสฏฺิสิกฺขาปทวณฺณนา
๒๓๕. ‘‘โอกฺกมนฺตาน’’นฺติ ¶ ¶ ปาโ. เอตฺถาห – ‘‘โย ปน ภิกฺขู’’ติ การโก อิธ กสฺมา น นิทฺทิฏฺโติ? อภิ-นิทฺเทเสน อิมสฺส สาเปกฺขาภาวทสฺสนตฺถํ. กถํ? กณฺฑุวนาทิอธิปฺปายเจตนาวเสน เจเตนฺตสฺส กณฺฑุวนาทิอุปกฺกเมน อุปกฺกมนฺตสฺส, เมถุนราควเสน อูรุอาทีสุ ทุกฺกฏวตฺถูสุ, วณาทีสุ ถุลฺลจฺจยวตฺถูสุ จ อุปกฺกมนฺตสฺส สุกฺกวิสฺสฏฺิยา สติปิ น สงฺฆาทิเสโส. โมจนสฺสาทสงฺขาตาธิปฺปายาเปกฺขาว สุกฺกวิสฺสฏฺิ สติ อุปกฺกเม, น อฺถา ‘‘อนาปตฺติ น โมจนาธิปฺปายสฺสา’’ติ วจนโต. ตสฺมา ตทตฺถทสฺสนตฺถํ อิธ การโก น นิทฺทิฏฺโ, อฺถา ‘‘โย ปน ภิกฺขุ สฺเจตนิกํ สุกฺกวิสฺสฏฺึ อาปชฺเชยฺยา’’ติ การเก นิทฺทิฏฺเ ‘‘เจเตติ น อุปกฺกมติ มุจฺจติ, อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตวจนวิโรโธ. ‘‘สฺเจตนิกาย สุกฺกวิสฺสฏฺิยา อฺตฺร สุปินนฺตา’’ติ ภุมฺเม นิทฺทิฏฺเปิ โสว วิโรโธ อาปชฺชติ, ตสฺมา ตทุภยวจนกฺกมํ อวตฺวา ‘‘สฺเจตนิกา สุกฺกวิสฺสฏฺิ อฺตฺร สุปินนฺตา’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ นิมิตฺตตฺเถ ภุมฺมวจนาภาวโต เหตุตฺถนิยโม น กโต โหติ. ตสฺมึ อกเต สฺเจตนิกา สุกฺกวิสฺสฏฺิ อฺตฺร สุปินนฺตา สงฺฆาทิเสสาปตฺติ, อุปกฺกเม อสติ อนาปตฺตีติ อยมตฺโถ ทีปิโตติ เวทิตพฺพํ.
๒๓๖-๗. สฺเจตนิกาติ เอตฺถ ปมวิคฺคเหน อุปสคฺคสฺส สาตฺถกตา ทสฺสิตา, ทุติเยน อิกปจฺจยสฺส. วาตปิตฺตเสมฺหรุหิราทิอาสยเภทโตติ อตฺโถ. ธาตูติ เอตฺถ ‘‘ปถวีธาตุอาทโย จตสฺโส, จกฺขุธาตุอาทโย วา อฏฺารสา’’ติ คณฺิปเท ลิขิตํ. วตฺถิสีสนฺติ วตฺถิปุฏสฺส สีสํ. ‘‘องฺคชาตสฺส มูลํ อธิปฺเปตํ, น อคฺคสีส’’นฺติ วทนฺติ. ตเถวาติ ‘‘นิมิตฺเต อุปกฺกมโต’’ติอาทึ คณฺหาติ. ตโต มุจฺจิตฺวาติ ‘‘น สกลกายโต, ตสฺมา ปน านา จุตมตฺเต โหตู’’ติ คณฺิปเท ลิขิตํ. ‘‘ทกโสตํ โอติณฺณมตฺเต’’ติ อิมินา น สเมตีติ เจ ¶ ? ตโต ทกโสโตโรหณฺเจตฺถาติอาทิ วุจฺจติ. ตสฺสตฺโถ – นิมิตฺเต อุปกฺกมํ กตฺวา สุกฺกํ านา จาเวตฺวา ปุน วิปฺปฏิสารวเสน ทกโสโตโรหณํ นิวาเรตุํ อธิวาเสมีติ. ตโต พหิ นิกฺขมนฺเต อธิวาเสตุํ น สกฺกา, ตถาปิ อธิวาสนาธิปฺปาเยน อธิวาเสตฺวา อนฺตรา ทกโสตโต ¶ อุทฺธํ นิวาเรตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย ‘‘อนิกฺขนฺเต วา’’ติ วุตฺตํ. กสฺมา? านา จุตฺหิ อวสฺสํ ทกโสตํ โอตรตีติ อฏฺกถาธิปฺปาโย คณฺิปทาธิปฺปาเยน สเมติ. ตโต มุจฺจิตฺวาติ สกฏฺานโต. สกสรีรโต หิ พหิ นิกฺขนฺตเมว โหติ, ตโต ‘‘พหิ นิกฺขนฺเต วา อนิกฺขนฺเต วา’’ติ วจนํ วิรุชฺเฌยฺย. ยสฺมา ปน ตมฺหา ตมฺหา สรีรปเทสา จุตํ อวสฺสํ ทกโสตํ โอตรติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ทกโสตํ โอติณฺณมตฺเต’’ติ, อิมินา จ อาปตฺติยา ปากฏกาลํ ทสฺเสติ, กึ วุตฺตํ โหติ? โมจนสฺสาเทน นิมิตฺเต อุปกฺกมโต สุกฺกํ พหุตรมฺปิ สรีรปเทสา จุตํ ตตฺถ ตตฺถ ลคฺคาวเสสํ ยตฺตกํ เอกา ขุทฺทกมกฺขิกา ปิเวยฺย, ตตฺตเก ทกโสตํ โอติณฺณมตฺเต สงฺฆาทิเสสาปตฺติ. วุตฺตฺหิ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. สุกฺกวิสฺสฏฺิสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘ทกโสตํ อโนติณฺเณปิ สงฺฆาทิเสโส’’ติอาทิ. ตตฺตกสฺส พหิ นิกฺขมนํ อสลฺลกฺเขนฺโต ‘‘เจเตติ อุปกฺกมติ น มุจฺจติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติ วจนโต ถุลฺลจฺจยนฺติ สฺาย เทเสนฺโตปิ น มุจฺจติ, ปสฺสาวมฺปิ วณฺณตํ ปสฺสิตฺวา วตฺถิโกสคตสฺส ปิจฺฉิลตาย วา ตฺวา สงฺฆาทิเสสโต วุฏฺาตพฺพํ. อยเมตฺถ ตติยตฺเถรวาเท ยุตฺติ. สพฺพาจริยา อิเม เอว ตโย เถรา, เตสมฺปิ ทกโสโตโรหณํ นิมิตฺเต อุปกฺกมนนฺติ อยํ ทุติโย วินิจฺฉโย สาธารณโต เอตฺถ, เอวํ อุปติสฺสตฺเถโร วทติ กิร.
านา จุตฺหิ อวสฺสํ ทกโสตํ โอตรตีติ กตฺวา ‘‘านา จาวนมตฺเตเนเวตฺถ อาปตฺติ เวทิตพฺพา’’ติ วุตฺตํ. ทกโสตํ โอติณฺเณ เอว อาปตฺติ. สุกฺกสฺส หิ สกลํ สรีรํ านํ, อโนติณฺเณ านา จุตํ นาม น โหตีติ วีมํสิตพฺพํ. อาภิธมฺมิกตฺตา เถรสฺส ‘‘สุกฺกวิสฺสฏฺิ นาม ราคสมุฏฺานา โหตี’’ติ (กถา. อฏฺ. ๓๐๗) กถาวตฺถุฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา สมฺภโว จิตฺตสมุฏฺาโน, ‘‘ตํ อสุจึ เอกเทสํ มุเขน อคฺคเหสิ, เอกเทสํ องฺคชาเต ปกฺขิปี’’ติ (ปารา. ๕๐๓) วจนโต อุตุสมุฏฺาโน จ ทิสฺสติ, โส จ โข อวีตราคสฺเสว ‘‘อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส ยํ อรหโต อสุจิ มุจฺเจยฺยา’’ติ (มหาว. ๓๕๓; กถา. ๓๑๓) วจนโต. ปรูปาหารฏฺกถายํ ‘‘อตฺถิ ตสฺส อาสโยติ ตสฺส สุกฺกสฺส อุจฺจารปสฺสาวานํ วิย ปติฏฺาโนกาโส อตฺถี’’ติ ¶ (กถา. อฏฺ. ๓๐๙) จนโต ตสฺส อาสโยติ สิทฺธํ. ปากติกจิตฺตสมุฏฺานรูปํ วิย อสํสฏฺตฺตา, นิกฺขมนโต จ ‘‘วตฺถิสีสํ, กฏิ, กาโย’’ติ ติธา สุกฺกสฺส านํ ปกปฺเปนฺติ อาจริยา. สปฺปวิสํ วิย ตํ ¶ ทฏฺพฺพํ, น จ วิสสฺส านนิยโม, โกธวเสน ผุสนฺตสฺส โหติ, เอวมสฺส น จ านนิยโม, ราควเสน อุปกฺกมนฺตสฺส โหตีติ ตกฺโก.
โขภกรณปจฺจโย นาม เภสชฺชเสนาสนาหาราทิปจฺจโย. สํสคฺคเภทโตปีติ เอเตสุ ทฺวีหิปิ ตีหิปิ. ปหีนวิปลฺลาสตฺตาติ เอตฺถ ยํ กิฺจิ สุปินนฺเตน เสกฺขปุถุชฺชนา ปสฺสนฺติ, ตํ สพฺพํ วิปลฺลตฺถํ อภูตเมวาติ อาปชฺชติ. ตโต ‘‘ยํ ปน ปุพฺพนิมิตฺตโต ปสฺสติ. ตํ เอกนฺตสจฺจเมว โหตี’’ติ อิทํ วิรุชฺฌติ, ตสฺมา น วิสยํ สนฺธาย วุตฺตํ. โส หิ สจฺโจ วา โหติ, อลิโก วาติ กตฺวา ตฺเจ สนฺธาย วุตฺตํ สิยา, ‘‘อเสกฺขา ปหีนวิปลฺลาสตฺตา สจฺจเมว ปสฺสนฺติ, นาสจฺจ’’นฺติ วตฺตพฺพํ สิยา. กินฺตุ ทสฺสนํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตฺหิ อภูตํ, อปสฺสนฺโตปิ หิ ปสฺสนฺโต วิย อสุณนฺโตปิ สุณนฺโต วิย อมุนนฺโตปิ มุนนฺโต วิย โหติ. สจฺจมฺปิ วิปสฺสตีติ โน ตกฺโกติ อาจริโย. ตํ รูปนิมิตฺตาทิอารมฺมณํ น โหติ, อาคนฺตุกปจฺจุปฺปนฺนํ รูปนิมิตฺตาทิอารมฺมณํ สนฺธาย วุตฺตํ. กมฺมนิมิตฺตคตินิมิตฺตภูตานิ หิ รูปนิมิตฺตาทีนิ ภวงฺคสฺส อารมฺมณานิ โหนฺติ เอว. ตตฺถ กมฺมนิมิตฺตมตีตเมว, คตินิมิตฺตํ โถกํ กาลํ ปจฺจุปฺปนฺนํ สิยา.
อีทิสานีติ ปจฺจกฺขโต อนุภูตปุพฺพปริกปฺปิตาคนฺตุกปจฺจุปฺปนฺนรูปนิมิตฺตาทิอารมฺมณานิ, ราคาทิสมฺปยุตฺตานิ จาติ อตฺโถ. มกฺกฏสฺส นิทฺทา ลหุปริวตฺตา โหติ. โส หิ รุกฺขสาขโต ปตนภยา อภิกฺขณํ อุมฺมีลติ จ สุปติ จ. มนุสฺสา กิฺจาปิ ปุนปฺปุนํ อุมฺมีลนฺติ สุพฺยตฺตตรํ ปฏิพุทฺธา วิย ปสฺสนฺติ, อถ โข ปฏิพุทฺธานํ ปุนปฺปุนํ ภวงฺโคตรณํ วิย สุปินกาเลปิ เตสํ ภวงฺโคตรณํ โหติ, เยน ‘‘สุปตี’’ติ วุจฺจติ. ‘‘ภวงฺคจิตฺเตน หิ สุปตี’’ติ วจนโต ภวงฺโคตรณํ กรชกายสฺส นิรุสฺสาหสนฺตภาวูปนิสฺสยตฺตา ‘‘นิทฺทา’’ติ วุจฺจติ. สา กรชกายสฺส ทุพฺพลภาเวน สุปินทสฺสนกาเล ภวงฺคโต อุตฺตรเณ สติปิ นิรุสฺสาหสนฺตภาวปฺปตฺติยา ‘‘ปวตฺตตี’’ติ จ วุจฺจติ, ยโต สตฺตา ‘‘ปฏิพุทฺธา’’ติ น วุจฺจนฺติ, กรชกายสฺส นิรุสฺสาหสนฺตสภาวปฺปตฺติโต จ ตนฺนิสฺสิตํ ¶ หทยวตฺถุ น สุปฺปสนฺนํ โหติ, ตโต ตนฺนิสฺสิตาปิ จิตฺตปฺปวตฺติ อสุปฺปสนฺนวฏฺฏินิสฺสิตทีปปฺปภา วิย. เตเนว อฏฺกถายํ ‘‘สฺวายํ ทุพฺพลวตฺถุกตฺตา เจตนาย ปฏิสนฺธึ อากฑฺฒิตุํ อสมตฺโถ’’ติอาทิ วุตฺตํ.
คณฺิปเท ปน ‘‘ทุพฺพลวตฺถุกตฺตาติ สุปิเน อุปฏฺิตํ นิมิตฺตมฺปิ ทุพฺพล’’นฺติ ลิขิตํ. ตํ อเนกตฺถํ สพฺพมฺปิ นิมิตฺตํ โหติ, น จ ทุพฺพลารมฺมณวตฺถุกตฺตา เจตนา, ตาย จิตฺตปฺปวตฺติ ทุพฺพลา อตีตานาคตารมฺมณาย, ปฺตฺตารมฺมณาย วา อทุพฺพลตฺตา, อวตฺถุกาย ทุพฺพลภาโว น ¶ ยุชฺชติ เจตนาย อวตฺถุกาย ภาวนาปภาวายาติเรกพลสพฺภาวโต. ภาวนาพลสมปฺปิตฺหิ จิตฺตํ อรูปมฺปิ สมานํ อติภาริยมฺปิ กรชกายํ คเหตฺวา เอกจิตฺตกฺขเณเนว พฺรหฺมโลกํ ปาเปตฺวา เปติ. ตปฺปฏิภาคํ อนปฺปิตมฺปิ กามาวจรจิตฺตํ กรชกายํ อากาเส ลงฺฆนสมตฺถํ กโรติ, ปเคเวตรํ. กึ ปเนตฺถ ตํ อนุมานการณํ, เยน จิตฺตสฺเสว อานุภาโวติ ปฺาเยยฺย จิตฺตานุภาเวน วา ลทฺธาเสวนาทิกิริยาวิเสสนิพฺพตฺติทสฺสนโต, ตสฺมา ทุพฺพลวตฺถุกตฺตาติ ทุพฺพลหทยวตฺถุกตฺตาติ อาจริยสฺส ตกฺโก. อตฺตโน มนฺทติกฺขากาเรน ตนฺนิสฺสิตสฺส จิตฺตสฺส มนฺทติกฺขภาวนิปฺผาทนสมตฺถฺเจ, หทยวตฺถุ จกฺขุโสตาทิวตฺถุ วิย อินฺทฺริยํ ภเวยฺย, น เจตํ อินฺทฺริยํ. ยโต ธมฺมสงฺคเห อุปาทายรูปปาฬิยํ อุทฺเทสารหํ น ชาตํ. อนินฺทฺริยตฺตา หิ ตํ กายินฺทฺริยสฺส อนนฺตรํ น อุทฺทิฏฺํ, วตฺถุรูปตฺตา จ อวตฺถุรูปสฺส ชีวิตินฺทฺริยสฺส อนนฺตรมฺปิ น อุทฺทิฏฺํ, ตสฺมา ยํ วุตฺตํ ‘‘ตสฺส อสุปฺปสนฺนตฺตา ตนฺนิสฺสิตา จ จิตฺตปฺปวตฺติ อสุปฺปสนฺนา โหตี’’ติ, ตํ น สิทฺธนฺติ เจ? สิทฺธเมว อนินฺทฺริยานมฺปิ สปฺปายาสปฺปายอุตุอาหาราทีนํ ปจฺจยานํ สมาโยคโต, จิตฺตปฺปวตฺติยา วิการทสฺสนโต, ปจฺจกฺขตฺตา จ. ยสฺมา อปฺปฏิพุทฺโธปิ ปฏิพุทฺธํ วิย อตฺตานํ มฺตีติ. เอตฺตาวตา กรชกายสฺส นิรุสฺสาหสนฺตภาวาการวิเสโส นิทฺทา นาม. สา จิตฺตสฺส ภวงฺโคตรณาการวิเสเสน โหติ, ตาย สมนฺนาคโต สตฺโต ภวงฺคโต อุตฺติณฺโณ สุปินํ ปสฺสติ, โส ‘‘กปิมิทฺธปเรโต’’ติ วุจฺจติ, โส สุตฺโต อปฺปฏิพุทฺโธ โหตีติ อยมตฺโถ สาธิโต โหติ.
ยสฺมา ¶ ภวงฺควารนิรนฺตรตาย อจฺจนฺตสุตฺโต นาม โหติ, ตสฺมา ‘‘ยทิ ตาว สุตฺโต ปสฺสติ, อภิธมฺมวิโรโธ อาปชฺชตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยสฺมา ปน นิทฺทากฺขเณ น ปฏิพุทฺโธ นาม โหติ, ตสฺมา ‘‘อถ ปฏิพุทฺโธ ปสฺสติ, วินยวิโรโธ’’ติอาทิ วุตฺตํ, ยสฺมา จ อขีณนิทฺโท, อโนติณฺณภวงฺโค จ อตฺถิ, ตสฺมา ‘‘กปิมิทฺธปเรโต ปสฺสตี’’ติ วุตฺตํ. อฺถา อยํ เนว สุตฺโต น ปฏิพุทฺโธ, อตฺตนา ตํ นิทฺทํ อโนกฺกนฺโต อาปชฺเชยฺย. เอตฺตาวตา จ อภิธมฺโม, วินโย, นาคเสนตฺเถรวจนํ ยุตฺติ จาติ สพฺพํ อฺมฺสํสนฺทิตํ โหติ. ตตฺถ กปิมิทฺธปเรโตติ ภวงฺคโต อุตฺติณฺณนิทฺทาปเรโต. สา หิ อิธ กปิมิทฺธํ นาม. ‘‘ตตฺถ กตมํ มิทฺธํ? ยา กายสฺส อกลฺยตา อกมฺมฺตา…เป… สุปนํ, อิทํ วุจฺจติ มิทฺธ’’นฺติ (ธ. ส. ๑๑๖๓) เอวมาคตํ. อิทฺหิ อรูปํ, อิมสฺส ผลภูโต กรชกายสฺส อกลฺยตา’ปจลายิกาสุปิ นิทฺทาวิเสโส การโณปจาเรน ‘‘กปิมิทฺธ’’นฺติ ปวุจฺจติ. ยฺเจว ‘‘กปิมิทฺธปเรโต โข, มหาราช, สุปินํ ปสฺสตี’’ติ (มิ. ป. ๕.๓.๕ โถกํ วิสทิสํ) วุตฺตนฺติ.
ยํ ¶ ตํ อาปตฺติวุฏฺานนฺติ เอตฺถ เยน วินยกมฺเมน ตโต วุฏฺานํ โหติ, ตํ อิธ อาปตฺติวุฏฺานํ นาม. อวยเว สมูหโวหาเรน วาติ เอตฺถ สาขจฺเฉทโก รุกฺขจฺเฉทโกติ วุจฺจตีติอาทิ นิทสฺสนํ, เวทนากฺขนฺธาทิ รุฬฺหีสทฺทสฺส นิทสฺสนํ. น จ มยาติ วีมํสนปทสฺส ตสฺส กิริยํ สนฺธาย, โมจเน จ สนฺนิฏฺานํ สนฺธาย มุจฺจนปกติยา จาติ วุตฺตํ.
๒๔๐. เคหนฺติ ปฺจกามคุณา. วนภงฺคิยนฺติ ปาภติกํ. สมฺปยุตฺตสุขเวทนามุเขน ราโคว ‘‘อสฺสาโท’’ติ วุตฺโต. สุปนฺตสฺส จาติ อิทํ กปิมิทฺธปเรโต วิย ภวงฺคสนฺตตึ อวิจฺฉินฺทิตฺวา สุปนฺตํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ, วีมํสิตพฺพํ. ชคฺคนตฺถายาติ โสธนตฺถาย.
๒๖๖. ‘‘ทารุธีตลิกเลปจิตฺตานํ องฺคชาตปฏินิชฺฌาเนปิ ทุกฺกฏ’’นฺติ วทนฺติ. ‘‘อุปฺปนฺเน ปริฬาเห โมจนราคโช’’ติ ลิขนฺติ. วาลิกาย วา ‘‘หตฺถิกามํ นสฺสตี’’ติ เอตฺถ วิย ‘‘อาปตฺติ ตฺว’’นฺติ สพฺพตฺถ ปาโ. ‘‘เอหิ เม ตฺวํ, อาวุโส สามเณร, องฺคชาตํ คณฺหาหี’’ติ อาคตตฺตา ‘‘วจีกมฺม’’นฺติปิ วตฺตุํ ยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ. เอวํ สนฺเต อฺํ ‘‘เอวํ กโรหี’’ติ อาณตฺติยาปิ ¶ อาปตฺติ สิยาติ สงฺกรํ โหติ. ตสฺมา น วุตฺตนฺติ คเหตพฺพนฺติ เกจิ.
๒๖๗. ‘‘ปุปฺผาวลิยํ สาสวฬิย’’นฺติ ทุวิโธ กิร.
สุกฺกวิสฺสฏฺิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. กายสํสคฺคสิกฺขาปทวณฺณนา
๒๗๐. ‘‘โอติณฺโณ’’ติ อิมินาสฺส เสวนาธิปฺปายตา ทสฺสิตา. ‘‘วิปริณเตน จิตฺเตน มาตุคาเมน สทฺธิ’’นฺติ อิมินาสฺส วายาโม ทสฺสิโต. ‘‘สทฺธิ’’นฺติ หิ ปทํ สํโยคํ ทีเปติ, โส จ ปโยโค สมาคโม อลฺลียนํ. เกน จิตฺเตน? วิปริณเตน จิตฺเตน, น ปตฺตปฏิคฺคหณาธิปฺปายาทินาติ อธิปฺปาโย. ‘‘กายสํสคฺคํ สมาปชฺเชยฺยา’’ติ อิมินาสฺส วายมโต ผสฺสปฏิวิชานนา ทสฺสิตา โหติ. วายมิตฺวา ผสฺสํ ปฏิวิชานนฺโต หิ สมาปชฺชติ นาม. เอวมสฺส ติวงฺคสมฺปตฺติ ทสฺสิตา โหติ. อถ วา โอติณฺโณ. เกน? วิปริณเตน จิตฺเตน ยกฺขาทินา สตฺโต วิย. อุปโยคตฺเถ วา เอตํ กรณวจนํ. โอติณฺโณ วิปริณตํ ¶ จิตฺตํ กูปาทึ วิย สตฺโต. อถ วา ‘‘ราคโต อุตฺติณฺโณ ภวิสฺสามี’’ติ ภิกฺขุภาวํ อุปคโต, ตโต อุตฺติณฺณาธิปฺปายโต วิปริณเตน จิตฺเตน เหตุภูเตน ตเมว ราคํ โอติณฺโณ. มาตุคาเมน อตฺตโน สมีปํ อาคเตน, อตฺตนา อุปคเตน วา. เอเตน มาตุคามสฺส สารตฺตตา วา โหตุ วิรตฺตตา วา, สา อิธ อปฺปมาณา, น ภิกฺขุนีนํ กายสํสคฺเค วิย อุภินฺนํ สารตฺตตาย ปโยชนํ อตฺถิ.
กายสํสคฺคนฺติ อุภินฺนํ กายานํ สมฺปโยคํ. ปทภาชเน ปน ‘‘สมาปชฺเชยฺยาติ อชฺฌาจาโร วุจฺจตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ สมาปชฺชนํ สนฺธาย, น กายสํสคฺคํ. กายสํสคฺคสฺส สมาปชฺชนา หิ ‘‘อชฺฌาจาโร’’ติ วุจฺจติ. อฏฺกถายํ ปน ‘‘โย โส กายสํสคฺโค นาม, โส อตฺถโต อชฺฌาจาโร โหตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ ปรโต ปาฬิยํ ‘‘เสวนาธิปฺปาโย, น จ กาเยน วายมติ, ผสฺสํ ปฏิวิชานาติ, อนาปตฺตี’’ติ (ปารา. ๒๗๙) วุตฺตลกฺขเณน ¶ วิรุชฺฌตีติ. ผสฺสปฏิวิชานนาย หิ สํสคฺโค ทีปิโต. โส เจ อชฺฌาจาโร โหติ, กถํ อนาปตฺติ โหตีติ. สุวุตฺตเมตํ, กินฺตุ ‘‘กายสํสคฺคํ สมาปชฺเชยฺยา’’ติ ปทํ อุทฺธริตฺวา ‘‘อชฺฌาจาโร วุจฺจตี’’ติ อุภินฺนมฺปิ ปทานํ สามฺภาชนียตฺตา, สมาปชฺชิตพฺพาภาเว สมาปชฺชนาภาเวน ‘‘โส อตฺถโต อชฺฌาจาโร โหตี’’ติ วุตฺตํ สิยา.
‘‘หตฺถคฺคาหํ วา’’ติ เอตฺถ หตฺเถน สพฺโพปิ อุปาทินฺนโก กาโย สงฺคหิโต, น ภินฺนสนฺตาโน ตปฺปฏิพทฺโธ หตฺถาลงฺการาทิ. เวณิคฺคหเณน อนุปาทินฺนโก อภินฺนสนฺตาโน เกสโลมนขทนฺตาทิโก กมฺมปจฺจยอุตุสมุฏฺาโน คหิโตติ เวทิตพฺพํ. เตเนวาห อฏฺกถายํ ‘‘อนุปาทินฺนเกนปิ เกนจิ เกสาทินา อุปาทินฺนกํ วา อนุปาทินฺนกํ วา ผุสนฺโตปิ สงฺฆาทิเสสํ อาปชฺชติเยวา’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๒๗๔). เตน อนุปาทินฺนกานมฺปิ เกสโลมาทีนํ องฺคภาโว เวทิตพฺโพ. เอวํ สนฺเตปิ ‘‘ผสฺสํ ปฏิชานาตีติ ติวงฺคสมฺปตฺติยา สงฺฆาทิเสโส. ผสฺสสฺส อปฺปฏิวิชานนโต ทุวงฺคสมฺปตฺติยา ทุกฺกฏ’’นฺติ อิมินา ปาฬิอฏฺกถานเยน วิรุชฺฌตีติ เจ? น, ตทตฺถชานนโต. ผุฏฺภาวฺหิ ปฏิวิชานนฺโตปิ ผสฺสํ ปฏิวิชานาติ นาม, อยเมโก อตฺโถ, ตสฺมา มาตุคามสฺส, อตฺตโน จ กายปริยาปนฺนานํ เกสาทีนํ อฺมฺํ ผุฏฺภาวํ ผุสิตฺวา ตํ สาทิยนํ ผสฺสํ ปฏิวิชานาติ นาม, น กายวิฺาณุปฺปตฺติยา เอว. อเนกนฺติกฺเหตฺถ กายวิฺาณํ. มาตุคามสฺส อุปาทินฺนเกน กาเยน, อนุปาทินฺนเกน วา กาเยน ภิกฺขุโน อุปาทินฺนกกาเย ผุฏฺเ ปสนฺนกายินฺทฺริโย เจ โหติ, ตสฺส กายวิฺาณํ อุปฺปชฺชติ, เตเนว ผสฺสํ ปฏิวิชานาติ นาม โส โหติ. อนุปาทินฺนกกาโย, โลลุปฺโป อปฺปสนฺนกายินฺทฺริโย วา โหติ, ติมิรวาเตน อุปหตกาโย ¶ วา ตสฺส กายวิฺาณํ นุปฺปชฺชติ. น จ เตน ผสฺสํ ปฏิวิชานาติ นาม, เกวลํ เสวนาธิปฺปาเยน วายมิตฺวา กายสํสคฺคํ สมาปชฺชนฺโต ผสฺสํ ปฏิวิชานาติ นาม มโนวิฺาเณน, เตน วุตฺตํ ‘‘กายสํสคฺคํ สมาปชฺเชยฺยาติ อิมินาสฺส วายมโต ผสฺสปฏิวิชานนา ทสฺสิตา’’ติ. อปโรปิ ภิกฺขุ มาตุคามสฺส กายปฏิพทฺเธน วา นิสฺสคฺคิเยน วา ผุฏฺโ กายวิฺาณํ อุปฺปาเทนฺเตน ผสฺสํ ปฏิวิชานาติ นาม, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อเนกนฺติกฺเหตฺถ ¶ กายวิฺาณ’’นฺติ. อปโร วตฺถํ ปารุปิตฺวา นิทฺทายนฺตํ มาตุคามํ กายสํสคฺคราเคน วตฺถสฺส อุปริภาเค สณิกํ ผุสนฺโต วตฺถนฺตเรน นิกฺขนฺตโลมสมฺผสฺสํ อปฺปฏิวิชานนฺโตปิ เสวนาธิปฺปาโย กาเยน วายมิตฺวา ผสฺสํ ปฏิวิชานาติ นาม, สงฺฆาทิเสสํ อาปชฺชติ. ‘‘นีลํ ฆฏฺเฏสฺสามีติ กายํ ฆฏฺเฏติ, สงฺฆาทิเสโส’’ติ หิ วุตฺตํ. อยํ ทุติโย อตฺโถ. เอวํ อเนกตฺถตฺตา, เอวํ ทุวิฺเยฺยาธิปฺปายโต จ มาติกาฏฺกถายํ ผสฺสปฏิวิชานนํ องฺคนฺตฺเวว น วุตฺตํ. ตสฺมิฺหิ วุตฺเต านเมตํ วิชฺชติ, ยํ ภิกฺขุ สงฺฆาทิเสสํ อาปชฺชิตฺวาปิ นเขน โลเมน สํสคฺโค ทิฏฺโ, น จ เม โลมฆฏฺฏเนน กายวิฺาณํ อุปฺปนฺนํ, ติมิรวาตถทฺธคตฺโต จาหํ น ผสฺสํ ปฏิวิชานามีติ อนาปนฺนสฺี สิยาติ น วุตฺตํ, อปิจ ‘‘ผสฺสํ ปฏิวิชานาติ, น จ ผสฺสํ ปฏิวิชานาตี’’ติ จ เอเตสํ ปทานํ อฏฺกถายํ วุตฺตนยํ ทสฺเสตฺวา โส ปฺาเปตพฺโพ. เอตฺตาวตา น ตทตฺถชานนโตติ การณํ วิตฺถาริตํ โหติ.
ปทภาชนียวณฺณนา
๒๗๑. ‘‘รตฺตํ จิตฺตํ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปตํ วิปริณต’’นฺติ กิฺจาปิ สามฺเน วุตฺตํ, วินีตวตฺถูสุ ‘‘มาตุยา มาตุเปเมน อามสติ…เป… อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ วุตฺตตฺตา กายสํสคฺคราเคเนว รตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตถา ‘‘มาตุคาโม นาม มนุสฺสิตฺถี’’ติ กิฺจาปิ อวิเสเสน วุตฺตํ, อถ โข อวินฏฺินฺทฺริยาว มนุสฺสิตฺถี อิธาธิปฺเปตา ‘‘มติตฺถิยา กายสํสคฺคํ สมาปชฺชิ…เป… อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติ วุตฺตตฺตา. ‘‘มนุสฺสิตฺถี’’ติ เอตฺตาวตา สิทฺเธ ‘‘น ยกฺขี น เปตี น ติรจฺฉานคตา’’ติ วจนํ อวินฏฺินฺทฺริยาปิ น สพฺพา มนุสฺสวิคฺคหา อิตฺถี อิธ มนุสฺสิตฺถี นาม. ยกฺขิอาทโย หิ อตฺตโน ชาติสิทฺเธน อิทฺธิวิเสเสน อิชฺฌนฺติโย มนุสฺสวิคฺคหาปิ โหนฺตีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ตาสุ ยกฺขี ถุลฺลจฺจยวตฺถุ โหติ วินีตวตฺถูสุ ยกฺขิยา กายสํสคฺเคน ถุลฺลจฺจยสฺส วุตฺตตฺตา. ตทนุโลมตฺตา เปติตฺถี, เทวิตฺถี จ ถุลฺลจฺจยวตฺถุ. ติรจฺฉานคติตฺถี ทุกฺกฏวตฺถุ. ติรจฺฉานคตมนุสฺสวิคฺคหิตฺถี จ ถุลฺลจฺจยวตฺถุเมวาติ เอเก. วิภงฺเค ปน ‘‘มนุสฺสิตฺถี จ โหติ มนุสฺสิตฺถิสฺี’’ติ ปาฬิยา อภาเวน ¶ ‘‘อิตฺถี จ โหติ ยกฺขิสฺี’’ติอาทิวจเน สติ ยกฺขิอาทีนํ อนิตฺถิตาปสงฺคโต, ‘‘อิตฺถี ¶ จ โหติ อิตฺถิสฺี’’ติอาทิมฺหิ ยกฺขิอาทีนํ อนฺโตกรเณ สติ ตาสํ สงฺฆาทิเสสวตฺถุภาวปฺปสงฺคโต จ ยกฺขิอาทโย น วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. เอเก ปน ‘‘วินีตวตฺถุมฺหิ ‘อฺตโร ภิกฺขุ ติรจฺฉานคติตฺถิยา กาย…เป… ทุกฺกฏสฺสา’ติ เอตฺถ อมนุสฺสวิคฺคหา ปากติกติรจฺฉานคติตฺถี อธิปฺเปตา, ตสฺมา ทุกฺกฏํ วุตฺตํ. ‘อิตฺถี จ โหติ ติรจฺฉานคตสฺีติ ติรจฺฉานคตา จ โหติ อิตฺถิสฺี’ติอาทิวาเรสุปิ ปากติกติรจฺฉานคโตว อธิปฺเปโต, โส จ ติรจฺฉานคตปุริโสว. เตเนว ทุฏฺุลฺลวาจาอตฺตกอามปาริจริยสิกฺขาปเทสุ มนุสฺสปุริสปฏิสํยุตฺตวารา วิย ติรจฺฉานปฏิสํยุตฺตวาราปิ นาคตา’’ติ วทนฺติ. ตถา ปณฺฑโกติ อิธ มนุสฺสปณฺฑโกว, ปุริโสติ จ อิธ มนุสฺสปุริโสว อาคโต, ตสฺมา อมนุสฺสิตฺถี อมนุสฺสปณฺฑโก อมนุสฺสปุริโส ติรจฺฉานคติตฺถี ติรจฺฉานคตปณฺฑโก มนุสฺสามนุสฺสติรจฺฉานคตอุภโตพฺยฺชนกา จาติ อฏฺ ชนา อิธ นาคตา, เตสํ วเสน วตฺถุสฺาวิมติเภทวเสน อาปตฺติเภทาเภทวินิจฺฉโย, อนาคตวารคณนา จ อสมฺมุยฺหนฺเตน เวทิตพฺพา, ตถา เตสํ ทุกมิสฺสกาทิวารา, อาปตฺติอนาปตฺติเภทวินิจฺฉโย จ. ‘‘ตตฺถ อมนุสฺสปณฺฑกอมนุสฺสปุริสติรจฺฉานคติตฺถิติรจฺฉานคตปณฺฑกาติ จตฺตาโร ทุกฺกฏวตฺถุกา, อมนุสฺสิตฺถิมนุสฺสอุภโตพฺยฺชนกา ถุลฺลจฺจยวตฺถุกา, อมนุสฺสอุภโตพฺยฺชนกา ติรจฺฉานคตอุภโตพฺยฺชนกา ทุกฺกฏวตฺถุกา, ปาฬิยํ ปน อมนุสฺสิตฺถิยา อนาคตตฺตา อมนุสฺสปณฺฑกา, อุภโตพฺยฺชนกา ปุริสา จ นาคตา. ติรจฺฉานคติตฺถิปณฺฑกอุภโตพฺยฺชนกา ติรจฺฉานคตปุริเสน สมานคติกตฺตา นาคตา, มนุสฺสอุภโตพฺยฺชนโก มนุสฺสปณฺฑเกน สมานคติกตฺตา อนาคโต’’ติ วทนฺติ. อฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๒๘๑) ปน ‘‘นาคมาณวิกายปิ สุปณฺณมาณวิกายปิ กินฺนริยาปิ คาวิยาปิ ทุกฺกฏเมวา’’ติ วุตฺตตฺตา ตเทว ปมาณโต คเหตพฺพํ.
ตตฺรายํ วิจารณา – ‘‘น, ภิกฺขเว, ติรจฺฉานคตสฺส นิสินฺนปริสาย ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๑๘๓) เอตฺถ ‘‘ติรจฺฉานคโตติ ยสฺส อุปสมฺปทา ปฏิกฺขิตฺตา’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา ติรจฺฉานคตมนุสฺสวิคฺคโห ปากติกติรจฺฉานคตโต วิสิฏฺโ, ตถา ยกฺขเปตติรจฺฉานคตมนุสฺสวิคฺคหานํ ‘‘ติรจฺฉานคตสฺส จ ทุกฺขุปฺปตฺติยํ อปิจ ทุกฺกฏเมวา’’ติ เอตฺถ ¶ วิเสเสตฺวา วุตฺตตฺตา จ ‘‘ปตนรูปํ ปมาณํ, น มรณรูป’’นฺติ เอตฺถ อาปตฺติวิเสสวจนโต จ ‘‘อุภโต อวสฺสุเต ยกฺขสฺส วา เปตสฺส วา ปณฺฑกสฺส วา ติรจฺฉานคตมนุสฺสวิคฺคหสฺส วา อธกฺขกํ อุพฺภชาณุมณฺฑลํ กาเยน กายํ อามสติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติ (ปาจิ. ๖๖๑) สามฺเน ¶ วจนโต จ โส วิสิฏฺโติ สิทฺธํ. วิสิฏฺตฺตา จ ติรจฺฉานคตมนุสฺสวิคฺคหิตฺถิยา กายสํสคฺคํ สมาปชฺชนฺตสฺสาติ วิเสโส โหติ, ตสฺมา ตตฺถ อาปตฺติวิเสเสน ภวิตพฺพํ. ยทิ กายสํสคฺคสิกฺขาปเท ติรจฺฉานคตมนุสฺสวิคฺคหิตฺถีปิ อธิปฺเปตา, รูปสามฺเน สฺาวิราคตฺตาสมฺภวโต ทุฏฺุลฺลวาจาอตฺตกามปาริจริยสิกฺขาปเทสุปิ สา วตฺตพฺพา ภเวยฺย, สา จานาคตา. สรูเปน สํขิตฺตวารตฺตา นาคตาติ เจ? อิตฺถี จ โหติ ติรจฺฉานคโต จ อุภินฺนํ อิตฺถิสฺีติ อิธ อาคตตฺตา ปุริสลิงฺคนิทฺเทโส น ยุชฺชติ, ตสฺมา ติรจฺฉานคตปุริโส จ อิธ อาคโต, ติรจฺฉานคตมนุสฺสวิคฺคหิตฺถิยา ปาฬิยํ อนาคตายปิ ทุกฺกฏเมว อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตาติ อิมสฺส วจนสฺส การณจฺฉายา ปริเยสิตพฺพาติ อธิปฺปาโย. อิทํ น ยุชฺชติ. กสฺมา? อิตฺถีนํ, ปุริสานฺจ เอกโต วจเน ปุริสลิงฺคสพฺภาวโต. อิธ ติรจฺฉานคตปุริสปณฺฑกิตฺถิโย ติสฺโสปิ เอกโต สมฺปิณฺเฑตฺวา ‘‘ติรจฺฉานคโต’’ติ วุตฺตํ.
ตตฺถ จ มนุสฺสวิคฺคหามนุสฺสวิคฺคเหสุ อิตฺถิปณฺฑกปุริสสฺิตา ยถาสมฺภวํ เวทิตพฺพา. ทุฏฺุลฺลวาจาทิสิกฺขาปททฺวเย วารานํ สํขิตฺตตฺตา ปุริสติรจฺฉานคตาทโย นาคตา. ยถาวุตฺเตสุ อาปตฺติ, ตถา ตตฺถาปิ. อฺถา ปุริสํ โอภาสนฺตสฺส จ อนาปตฺตีติ ปณฺฑกํ โอภาสนฺตสฺส จ ถุลฺลจฺจยนฺติ มาติกาฏฺกถายํ วุตฺตํ. ตสฺมา เต วารา สํขิตฺตาติ ปฺายนฺตีติ. วิเสโส จ ปณฺฑเก, ปุริเส, ติรจฺฉานคเต จ อิตฺถิสฺิสฺส อตฺถิ, ตถาปิ ตตฺถ ทุกฺกฏํ วุตฺตํ, ตสฺมา อฏฺกถายํ วุตฺตเมว ปมาณนฺติ ทฺวินฺนเมเตสํ วาทานํ ยตฺถ ยุตฺติ วา การณํ วา อติเรกํ ทิสฺสติ, ตํ วิจาเรตฺวา คเหตพฺพนฺติ อาริจโย. เอวรูเปสุ าเนสุ สุฏฺุ วิจาเรตฺวา กเถตพฺพํ.
ตตฺถ ปาฬิยํ อาคตวารคณนา ตาว เอวํ สงฺเขปโต เวทิตพฺพา – อิตฺถิมูลกา ปฺจ วารา ปณฺฑกปุริสติรจฺฉานคตมูลกา จ ปฺจ ปฺจาติ วีสติ วารา เอกมูลกา, ตถา ทุมูลกา วีสติ, มิสฺสกมูลกา วีสตีติ สฏฺิ ¶ วารา, ตานิ ตีณิ วีสติกานิ โหนฺติ. เอเกกสฺมึ วีสติเก เอเกกมูลวารํ คเหตฺวา กาเยน กายปฏิพทฺธวารา ตโย วุตฺตา. เสสา สตฺตปฺาส วารา สํขิตฺตา, ตถา กายปฏิพทฺเธน กายวารา ตโย วุตฺตา, เสสา สํขิตฺตา, เอวํ กายปฏิพทฺเธน กายปฏิพทฺธวาเรปิ นิสฺสคฺคิเยน กายวาเรปิ นิสฺสคฺคิเยน กายปฏิพทฺธวาเรปิ นิสฺสคฺคิเยน นิสฺสคฺคิยวาเรปิ ตโย ตโย วารา วุตฺตา, เสสา สํขิตฺตา. เอวํ ฉนฺนํ ติกานํ วเสน อฏฺารส วารา อาคตาติ สรูปโต วุตฺตา, เสสา ทฺเวจตฺตาลีสาธิกานิ ตีณิ วารสตานิ สํขิตฺตานิ. ตโต ปรํ มาตุคามสฺส สารตฺตปกฺเข กาเยน กายนฺติ เอกเมกํ วฑฺเฒตฺวา ปุพฺเพ วุตฺตา อฏฺารส วารา อาคตาติ เอกวีสติ วารา สรูเปน อาคตา, นวนวุตาธิกานิ ตีณิ วารสตานิ สํขิตฺตานิ. ตโต ปรํ อาปตฺตานาปตฺติทีปกา ¶ จตฺตาโร เสวนาธิปฺปายมูลกา จตฺตาโร โมกฺขาธิปฺปายมูลกาติ ทฺเว จตุกฺกา อาคตา.
ตตฺถายํ วิเสโส – ยทิทํ มาติกาย ปรามสนปทํ, เตน ยสฺมา อามสนาทีนิ ฉุปนปริโยสานานิ ทฺวาทสปิ ปทานิ คหิตานิ, ตสฺมา ปทุทฺธารํ อกตฺวา ‘‘อามสนา ปรามสนํ ฉุปน’’นฺติ อาห. ปรามสนํ นาม อามสนา. ‘‘ฉุปน’’นฺติ หิ วุตฺเต ปรามสนมฺปิ วิสุํ เอกตฺตํ ภเวยฺยาติ เวทิตพฺพํ. อิตฺถี จ โหติ อิตฺถิสฺี จาติ อิมสฺมึ ปมวาเร เอว ทฺวาทสปิ อามสนาทีนิ โยเชตฺวา ทสฺสิตานิ. ตโต ปรํ อาทิมฺหิ ทฺเว ปทานีติ จตฺตาริ ปทานิ อาคตานิ, อิตรานิ สํขิตฺตานีติ เวทิตพฺพานิ. นิสฺสคฺคิเยน กายวาราทีสุ ปน สพฺพากาเรน อลาภโต อามสนเมเวกํ อาคตํ, เนตรานิ. ‘‘สฺโจเปติ หรตี’’ติ ปาโ, สฺโจเปติ จ. คณฺิปเทสุ ปน ‘‘ปุริมนเยเนวาติ รชฺชุวตฺถาทีหิ ปริกฺขิปเน’’ติ จ ปจฺฉา ‘‘ปุริมนเยเนวาติ สมฺมสนา โหตี’’ติ จ ‘‘เวณิคฺคาเห อาปตฺติยา ปฺตฺตตฺตา โลมผุสเนปิ สงฺฆาทิเสโส’’ติ จ ‘‘ตํ ปกาเสตุํ อุปาทินฺนเกน หีติอาทิ วุตฺต’’นฺติ จ ลิขิตํ.
ยถานิทฺทิฏฺนิทฺเทเสติ อิมสฺมึเยว ยถานิทฺทิฏฺเ นิทฺเทเส. ‘‘สทิสํ อคฺคเหสี’’ติ วุตฺเต ตาทิสํ อคฺคเหสีติ ครุกํ ตตฺถ การเยติ อตฺโถ, กายสํสคฺควิภงฺเค วาติ อตฺโถ. อิตโรปิ กายปฏิพทฺธฉุปนโก. คหเณ จาติ คหณํ วา. วิราคิเตติ วิรทฺเธ. สารตฺตนฺติ กายสํสคฺคราเคน ¶ รตฺตํ, อตฺตนา อธิปฺเปตนฺติ อตฺโถ. ‘‘มาตุภคินิอาทิวิรตฺตํ คณฺหิสฺสามี’’ติ วิรตฺตํ าติเปมวเสน คณฺหิ, เอตฺถ ทุกฺกฏํ ยุตฺตํ. ‘‘กายสํสคฺคราคํ วา สารตฺตํ คณฺหิสฺสามี’’ติ วิรตฺตํ มาตรํ คณฺหิ, อนธิปฺเปตํ คณฺหิ. เอตฺถ มหาสุมตฺเถรวาเทน ถุลฺลจฺจยํ ‘‘กายํ คณฺหิสฺสามี’’ติ กายปฺปฏิพทฺธํ คณฺหาติ, ถุลฺลจฺจยนฺติ ลทฺธิกตฺตา. ‘‘อิตฺถี จ โหติ อิตฺถิสฺี สารตฺโต จ, ภิกฺขุ จ นํ อิตฺถิยา กาเยน กายํ อามสติ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺสา’’ติ (ปารา. ๒๗๓) วจนโต สงฺฆาทิเสโสปิ ขายติ. ‘‘วิรตฺตํ คณฺหิสฺสามี’’ติ สารตฺตํ คณฺหาติ, เอตฺถปิ สงฺฆาทิเสโสว ขายติ ‘‘นีลํ ฆฏฺเฏสฺสามี’ติ กายํ ฆฏฺเฏติ, สงฺฆาทิเสโส’’ติ วจนโต. เอตฺถ ปน ‘‘น ปุพฺพภาเค กายสํสคฺคราคตฺตา’’ติ อนุคณฺิปเท การณํ วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘ครุกาปตฺติภเยน ‘นีลเมว ฆฏฺเฏสฺสามี’ติ วายามนฺโต กายํ ฆฏฺเฏติ, ปุพฺพภาเค ตสฺส ‘กายปฏิพทฺธํ ฆฏฺเฏสฺสามี’ติ ปวตฺตตฺตา ทุกฺกเฏน ภวิตพฺพ’’นฺติ วทนฺติ. ธมฺมสิริตฺเถโร ‘‘เอวรูเป สงฺฆาทิเสโส’’ติ วทติ กิร. ‘‘อิตฺถิอุภโตพฺยฺชนกอิตฺถิยา ปุริสอุภโตพฺยฺชนกปุริเส วุตฺตนเยน อาปตฺติเภโท, อิตฺถิลิงฺคสฺส ปฏิจฺฉนฺนกาเลปิ อิตฺถิวเสเนว อาปตฺตี’’ติ วทนฺติ.
วินีตวตฺถุวณฺณนา
๒๘๑. ติณณฺฑุปกนฺติ ¶ หิริเวราทิมูลานิ คเหตฺวา กตฺตพฺพํ. ตาลปณฺณมุทฺทิกนฺติ ตาลปณฺณมยํ องฺคุลิมุทฺทิกํ, เตน ตาลปณฺณมยํ กฏํ, กฏิสุตฺตกํ, กณฺณปิฬนฺธนาทิ สพฺพํ น วฏฺฏตีติ สิทฺธํ. ตมฺพปณฺณิวาสิโน อิตฺถิรูปํ ลิขิตํ, กฏิกปฏฺจ น ฉุปนฺติ กิร. อากรโต มุตฺตมตฺโต. รตนมิสฺโสติ อลงฺการตฺถํ กโต กฺจนลตาทิวินทฺโธ. สุวณฺเณน สทฺธึ โยเชตฺวา ปจิตฺวาติ สุวณฺณรสํ ปกฺขิปิตฺวา ปจิตฺวา. พีชโต ธาตุปาสาณโต ปฏฺาย. เถโร น กปฺปตีติ ‘‘ตุมฺหากํ เปสิต’’นฺติ วุตฺตตฺตา. ‘‘เจติยสฺส ปูชํ กโรถา’’ติ วุตฺเต วฏฺฏติ กิร. พุพฺพุฬกํ ตารกํ. อารกูฏโลหมฺปิ ชาตรูปคติกเมว.
วุตฺตฺเหตํ อนฺธกฏฺกถายํ –
‘‘อารกูฏโลหํ สุวณฺณสทิสเมว, สุวณฺณํ อนุโลเมติ, อนามาส’’นฺติ.
‘‘เภสชฺชตฺถาย ¶ ปน วฏฺฏตี’’ติ วจนโต มหาอฏฺกถายํ วุตฺตนเยกเทโสปิ อนฺุาโต โหตีติ ตตฺถ ตตฺถ อธิปฺปายํ ตฺวา วิภาเวตพฺพํ.
กายสํสคฺคสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ทุฏฺุลฺลวาจาสิกฺขาปทวณฺณนา
๒๘๓. ตติเย ตโย สงฺฆาทิเสสวารา ตโย ถุลฺลจฺจยวารา ตโย ทุกฺกฏวารา ตโย กายปฏิพทฺธวาราติ ทฺวาทส วารา สรูเปน อาคตา. ตตฺถ ตโย สงฺฆาทิเสสวารา ทุติยสิกฺขาปเท วุตฺตาติ ติณฺณํ วีสติกานํ เอเกกมูลา วาราติ เวทิตพฺพา, ตสฺมา อิธ วิเสสาติ ปณฺณาส วารา สํขิตฺตา โหนฺติ, อฺถา อิตฺถี จ โหติ เวมติโก สารตฺโต จ, ภิกฺขุ จ นํ อิตฺถิยา วจฺจมคฺคํ ปสฺสาวมคฺคํ อาทิสฺส วณฺณมฺปิ ภณติ…เป… อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺส. อิตฺถี จ โหติ ปณฺฑกปุริสสฺี ติรจฺฉานคตสฺี สารตฺโต จ, ภิกฺขุ จ นํ อิตฺถิยา วจฺจมคฺคํ ปสฺสาวมคฺคํ อาทิสฺส วณฺณมฺปิ ภณติ อกฺโกสติปิ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺส. ปณฺฑโก จ โหติ ปณฺฑกสฺี สารตฺโต จ, ภิกฺขุ จ นํ ปณฺฑกสฺส วจฺจมคฺคํ อาทิสฺส วณฺณมฺปิ ภณติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสาติ เอวมาทีนํ อาปตฺติฏฺานานํ อนาปตฺติฏฺานตา ¶ อาปชฺเชยฺย, น จาปชฺชติ, ปณฺฑเก อิตฺถิสฺิสฺส ทุกฺกฏนฺติ ทีเปตุํ ‘‘อิตฺถี จ ปณฺฑโก จ อุภินฺนํ อิตฺถิสฺี อาปตฺติ สงฺฆาทิเสเสน ทุกฺกฏสฺสา’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘ปณฺฑเก ปณฺฑกสฺิสฺส ถุลฺลจฺจย’’นฺติ วุตฺตเมว โหติ, ตสฺมา สพฺพตฺถ สํขิตฺตวาเรสุ ถุลฺลจฺจยฏฺาเน ถุลฺลจฺจยํ, ทุกฺกฏฏฺาเน ทุกฺกฏมฺปิ วุตฺตเมว โหตีติ เวทิตพฺพํ. ตถา ‘‘อิตฺถี จ โหติ เวมติโก สารตฺโต จ, ภิกฺขุ จ นํ อิตฺถิยา วจฺจมคฺคํ ปสฺสาวมคฺคํ เปตฺวา อธกฺขกํ อุพฺภชาณุมณฺฑลํ อาทิสฺส วณฺณมฺปิ ภณติ…เป… ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติอาทินา นเยน ถุลฺลจฺจยเขตฺเตปิ ยถาสมฺภวํ อุทฺธริตพฺพา. ตถา ‘‘อิตฺถี จ โหติ เวมติโก สารตฺโต จ, ภิกฺขุ จ นํ อิตฺถิยา กายปฏิพทฺธํ อาทิสฺส วณฺณมฺปิ ภณติ…เป… ทุกฺกฏสฺสา’’ติอาทินา นเยน กายปฏิพทฺธวาราปิ ยถาสมฺภวํ อุทฺธริตพฺพา. กายปฺปฏิพทฺธวารตฺติกํ วิย นิสฺสคฺคิยวารตฺติกํ ลพฺภมานมฺปิ อาปตฺติวิเสสาภาวโต น อุทฺธฏํ. กายปฺปฏิพทฺธวารตฺติเก ปน ทินฺนนยตฺตา ตมฺปิ ตทนุโลมา วารา จ ¶ อุทฺธริตพฺพา. สพฺพตฺถ น-วิฺู ตรุณทาริกา, มหลฺลิกา อุมฺมตฺติกาทิกา จ อนธิปฺเปตา, ปเคว ปากติกา ติรจฺฉานคติตฺถีนํ, ตถา ปณฺฑกาทโยปีติ เวทิตพฺพา. เสสํ ทุติเย วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
ปทภาชนียวณฺณนา
๒๘๕. วุตฺตนยเมวาติ ‘‘กายสํสคฺเค อิตฺถิลกฺขเณนา’’ติ ลิขิตํ. ‘‘อิตฺถิลกฺขเณนา’’ติ กิร มหาอฏฺกถาปาโ. สีสํ น เอตีติ อกฺโกสนํ น โหติ, ฆฏิเต ปน โหติ. ตตฺรายํ วิเสโส – อิเมหิ ตีหิ ฆฏิเต เอว สงฺฆาทิเสโส วจฺจมคฺคปสฺสาวมคฺคานํ นิยตวจนตฺตา, อจฺโจฬาริกตฺตา วา, น อฺเหิ อนิมิตฺตาสีติอาทีหิ อฏฺหิ. ตตฺถ อโลหิตาสิ, ธุวโลหิตาสิ, ธุวโจฬาสิ, ปคฺฆรณีสิ, อิตฺถิปณฺฑกาสิ, เวปุริสิกาสีติ เอตานิ ฉ มคฺคานํ อนิยตวจนานิ, อนิมิตฺตาสิ, นิมิตฺตมตฺตาสีติ ทฺเว ปทานิ อนจฺโจฬาริกานิ จ, ยโต อฏฺปทานิ ‘‘สงฺฆาทิเสสํ น ชเนนฺตี’’ติ วุตฺตานิ, ตสฺมา ตานิ ถุลฺลจฺจยวตฺถูนิ. ปริพฺพาชกวตฺถุมฺหิ วิย อกฺโกสมตฺตตฺตา ทุกฺกฏวตฺถูนีติ เอเก. อิตฺถิปณฺฑกาสิ, เวปุริสิกาสีติ เอตาเนว ปทานิ สกลสรีรสณฺานเภททีปกานิ สุทฺธานิ สงฺฆาทิเสสํ น ชเนนฺติ สกลสรีรสามฺตฺตา, อิตรานิ ชเนนฺติ อสามฺตฺตา. ตานิ หิ ปสฺสาวมคฺคเมว ทีเปนฺติ สิขรณี-ปทํ วิย. อุภโตพฺยฺชนาสีติ วจนํ ปน ปุริสนิมิตฺเตน อสงฺฆาทิเสสวตฺถุนา มิสฺสวจนํ. ปุริสอุภโตพฺยฺชนกสฺส จ อิตฺถินิมิตฺตํ ปฏิจฺฉนฺนํ, ปุริสนิมิตฺตํ ปากฏํ โหติ. ยทิ ตมฺปิ ชเนติ, กถํ อนิมิตฺตาสีติอาทิปทานิ น สงฺฆาทิเสสํ ชเนนฺตีติ เอเก, ตํ น ยุตฺตํ. ปุริสสฺสปิ นิมิตฺตาธิวจนโต, ‘‘เมถุนุปสํหิตาหิ สงฺฆาทิเสโส’’ติ มาติกาย ลกฺขณสฺส วุตฺตตฺตา จ เมถุนุปสํหิตาหิปิ ¶ โอภาสเน ปฏิวิชานนฺติยา สงฺฆาทิเสโส, อปฺปฏิวิชานนฺติยา ถุลฺลจฺจยํ, อิตเรหิ โอภาสเน ปฏิวิชานนฺติยา ถุลฺลจฺจยํ, อปฺปฏิวิชานนฺติยา ทุกฺกฏนฺติ เอเก, สพฺพํ สุฏฺุ วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ.
๒๘๗. หสนฺโตติ ยํ อุทฺทิสฺส ภณติ, สา เจ ปฏิวิชานาติ, สงฺฆาทิเสโส.
วินีตวตฺถุวณฺณนา
๒๘๙. ‘‘ปฏิวุตฺตํ ¶ นามา’’ติ ปาโ. โน-สทฺโท อธิโก. ‘‘อกฺขรลิขเนนปิ โหตี’’ติ วทนฺติ, ตํ อาวชฺชนสมนนฺตรวิธินา สเมติ เจ, คเหตพฺพํ.
ทุฏฺุลฺลวาจาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. อตฺตกามปาริจริยสิกฺขาปทวณฺณนา
๒๙๐. จตุตฺเถ ตโย สงฺฆาทิเสสวารา อาคตา, เสสา สตฺตปฺาส วารา ถุลฺลจฺจยทุกฺกฏาปตฺติกาย สํขิตฺตาติ เวทิตพฺพา, ตโต อฺตโร อสมฺภวโต อิธ น อุทฺธโฏ. เสสโยชนกฺกโม วุตฺตนเยน เวทิตพฺโพ. นครปริกฺขาเรหีติ ปาการปริขาทีหิ นครปริวาเรหิ. เสตปริกฺขาโรติ เสตาลงฺกาโร, สีลาลงฺกาโรติ อตฺโถ (สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๕.๔). จกฺกวีริโยติ วีริยจกฺโก. วสลํ ทุคฺคนฺธนฺติ นิมิตฺตํ สนฺธายาห, ตเทว สนฺธาย ‘‘กึ เม ปาปกํ, กึ เม ทุคฺคนฺธ’’นฺติ วุตฺตํ.
๒๙๑. สนฺติเกติ ยตฺถ ิโต วิฺาเปติ. ‘‘ปมวิคฺคเห สเจ ปาฬิวเสน โยเชตีติ กามเหตุปาริจริยาอตฺโถ. เสสนฺติ ‘อธิปฺปาโย’ติ ปทํ พฺยฺชนํ อตฺถาภาวโต. ทุติเย ปาฬิวเสน กามเหตุ-ปทานิ พฺยฺชนานิ เตสํ ตตฺถ อตฺถาภาวโต. เอวํ จตฺตาริ ปทานิ ทฺวินฺนํ วิคฺคหานํ วเสน โยชิตานีติ อปเร วทนฺตี’’ติ วุตฺตํ.
๒๙๕. เอเตสุ สิกฺขาปเทสุ เมถุนราเคน วีติกฺกเม สติ สงฺฆาทิเสเสน อนาปตฺติ. ตสฺมา ‘‘กึ ภนฺเต อคฺคทานนฺติ. เมถุนธมฺม’’นฺติ อิทํ เกวลํ เมถุนธมฺมสฺส วณฺณภณนตฺถํ วุตฺตํ, น เมถุนธมฺมาธิปฺปาเยน ตทตฺถิยา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ, ปรสฺส ภิกฺขุโน กามปาริจริยาย วณฺณภณเน ¶ ทุกฺกฏํ. ‘‘โย เต วิหาเร วสติ, ตสฺส อคฺคทานํ เทหี’’ติ ปริยายวจเนนปิ ทุกฺกฏํ. ‘‘อตฺตกามปาริจริยาย วณฺณํ ภาเสยฺย. ยา มาทิสํ สีลวนฺต’’นฺติ จ วุตฺตตฺตาติ เอเก. ปฺจสุ องฺเคสุ สพฺภาวา สงฺฆาทิเสโสวาติ เอเก. วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ. คณฺิปเท ปน ‘‘อิมสฺมึ ¶ สิกฺขาปททฺวเย กายสํสคฺเค วิย ยกฺขิเปตีสุ ทุฏฺุลฺลตฺตกามวจเน ถุลฺลจฺจย’นฺติ วทนฺติ. อฏฺกถาสุ ปน นาคต’’นฺติ ลิขิตํ. ‘‘อุภโตพฺยฺชนโก ปน ปณฺฑกคติโกวา’’ติ วทนฺติ.
อตฺตกามปาริจริยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. สฺจริตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา
๒๙๗. อหมฺหิ ทุคฺคตาติ อหํ อมฺหิ ทุคฺคตา. อหํ ขฺวยฺโยติ เอตฺถ อยฺโยติ พหุวจนํ โหติ.
๒๙๘. โอยาจนฺตีติ นีจํ กตฺวา เทเว ยาจนฺติ. อายาจนฺตีติ อุจฺจํ กตฺวา อาทเรน ยาจนฺติ. อลงฺการาทีหิ มณฺฑิโต เกสสํวิธานาทีหิ ปสาธิโต. ‘‘มณฺฑิตกรเณ ทุกฺกฏ’’นฺติ วทนฺติ.
ปทภาชนียวณฺณนา
๓๐๓. สห ปริทณฺเฑน วตฺตมานาติ อตฺโถ. ฉนฺทวาสินี นาม ‘‘ปิยา ปิยํ วเสตี’’ติ ปาฬิ, ปุริสํ วาเสตีติ อธิปฺปาโย. ‘‘ปิโย ปิยํ วาเสตี’’ติ อฏฺกถา.
ตํ กิริยํ สมฺปาเทสฺสตีติ อวสฺสํ อาโรเจนฺติยา เจ อาโรเจตีติ อตฺโถ. ทฺวินฺนํ มาตาปิตูนํ เจ อาโรเจติ, สงฺฆาทิเสโสติ วินยวินิจฺฉเย ‘‘วตฺถุ โอโลเกตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. วตฺถุมฺหิ จ ‘‘อุทายิตฺเถโร คณิกาย อาโรเจสี’’ติ วุตฺตํ. ตํ ‘‘มาตาทีนมฺปิ วทโต วิสงฺเกโต นตฺถี’’ติ อฏฺกถาวจนโต นิปฺปโยชนํ. ตํ ปเนตนฺติ อาจริยสฺส วจนํ. มาตุรกฺขิตํ พฺรูหีติ เปสิตสฺส คนฺตฺวา มาตาปิตุรกฺขิตํ วทโต ตสฺส ตสฺสา มาตุรกฺขิตภาเวปิ สติ วิสงฺเกตเมว, กสฺมา? ‘‘ปิตุรกฺขิตาทีสุ อฺตรํ วทนฺตสฺส วิสงฺเกต’’นฺติ วุตฺตตฺตา อิตรถา อาทิ-สทฺโท นิรตฺถโก สิยา. เอกํ ทสกํ อิตเรน ทสเกน โยเชตฺวา ปุพฺเพ สุกฺกวิสฺสฏฺิยํ วุตฺตนยตฺตา มาตุรกฺขิตาย มาตา อตฺตโน ธีตุสนฺติกํ ปหิณตีติ คเหตพฺพํ.
๓๓๘. อนภินนฺทิตฺวาติ ¶ วจนมตฺตเมว, ยทิปิ อภินนฺทติ, ยาว สาสนํ นาโรเจติ, ตาว ‘‘วีมํสิโต’’ติ น วุจฺจติ. สาสนาโรจนกาเลติ อาณาปกสฺส ¶ สาสนวจนกฺขเณ. ตติยปเท วุตฺตนเยนาติ เอกงฺคสมฺปตฺติยา ทุกฺกฏนฺติ อตฺโถ. วตฺถุคณนาย สงฺฆาทิเสโสติ อุภยวตฺถุคณนาย กิร.
๓๓๙. จตุตฺเถ อนาปตฺตีติ เอตฺถ ปน ‘‘ปฏิคฺคณฺหาติ น วีมํสติ น ปจฺจาหรติ, อนาปตฺตีติ เอตฺถ วิย ‘คจฺฉนฺโต น สมฺปาเทติ, อาคจฺฉนฺโต วิสํวาเทตี’ติ อนาปตฺติปาฬิยาปิ ภวิตพฺพนฺติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, เอกจฺเจสุ โปตฺถเกสุ ‘‘อตฺถี’’ติปิ.
วินีตวตฺถุวณฺณนา
๓๔๑. อลํวจนียาติ น วจนียา, นิวารเณ อลํ-สทฺโท. เถรปิตา วทตีติ ชิณฺณปิตา วทตีติ อตฺโถ. กิฺจาปิ เอตฺถ ‘‘อิตฺถี นาม มนุสฺสิตฺถี น ยกฺขี น เปตี น ติรจฺฉานคตา, ปุริโส นาม มนุสฺสปุริโส น ยกฺโข’’ติอาทิ นตฺถิ, ตถาปิ กายสํสคฺคาทีสุ ‘‘มนุสฺสิตฺถี’’ติ อิตฺถีววตฺถานสฺส กตตฺตา อิธาปิ มนุสฺสิตฺถี เอวาติ ปฺายติ. เมถุนปุพฺพภาคตฺตา มนุสฺสอุภโตพฺยฺชนโก จ ถุลฺลจฺจยวตฺถุโกว โหติ, เสสา มนุสฺสปณฺฑกอุภโตพฺยฺชนกติรจฺฉานคตปุริสาทโย ทุกฺกฏวตฺถุกาว มิจฺฉาจารสาสนงฺคสมฺภวโตติ เวทิตพฺพํ. ยถาสมฺภวํ ปน วารา อุทฺธริตพฺพา. ปฺตฺติอชานเน วิย อลํวจนียภาวาชานเนปิ อจิตฺตกตา เวทิตพฺพา. ทุฏฺุลฺลาทีสุปีติ ‘‘อิมสฺมิมฺปี’’ติ วุตฺตเมว โหติ. ‘‘เลขํ เนตฺวา ปฏิเลขํ อาโรจิตสฺสาปิ สฺจริตฺตํ นตฺถิ สฺจริตฺตภาวมชานนฺตสฺสา’’ติ วทนฺติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ.
สฺจริตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. กุฏิการสิกฺขาปทวณฺณนา
๓๔๒. ยาจนาติ ‘‘เทถ เทถา’’ติ โจทนา. วิฺตฺตีติ อิมินา โน อตฺโถติ วิฺาปนา. ‘‘หตฺถกมฺมํ ยาจิโต อุปกรณํ, มูลํ วา ทสฺสตี’’ติ ยาจติ, น วฏฺฏตีติ. วฏฺฏติ เสนาสเน โอภาสปริกถาทีนํ ลทฺธตฺตาติ เอเก. อนชฺฌาวุตฺถกนฺติ อสฺสามิกํ. น อาหฏํ ¶ ปริภฺุชิตพฺพนฺติ ‘‘สูโปทนวิฺตฺติทุกฺกฏํ ¶ โหตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘กิฺจาปิ ครุภณฺฑปฺปโหนเกสูติ วุตฺตํ, ตถาปิ ยํ วตฺถุวเสน อปฺปํ หุตฺวา อคฺฆวเสน มหา หริตาลหิงฺคุลิกาทิ, ตํ ยาจิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ.
๓๔๔. โส กิราติ อิสิ. ตทา อชฺฌคมา ตทชฺฌคมา.
๓๔๘-๙. น หิ สกฺกา ยาจนาย กาตุํ, ตสฺมา สยํ ยาจิตเกหิ อุปกรเณหีติ อธิปฺปาโย. พฺยฺชนํ สเมติ, น อตฺโถ. กสฺมา? อิธ อุภเยสํ อธิปฺเปตตฺตา, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิมาห. อิธ วุตฺตนเยนาติ อิมสฺมึ สิกฺขาปทวิภงฺเค วุตฺตนเยน. ‘‘สฺาจิกายา’’ติ วจนโต กโรนฺเตนาปิ, ‘‘ปเรหิ ปริโยสาเปตี’’ติ วจนโต การาเปนฺเตนาปิ ปฏิปชฺชิตพฺพํ. อุโภเปเต การกการาปกา. พฺยฺชนํ วิโลมิตํ ภเวยฺย, ‘‘การยมาเนนา’’ติ หิ พฺยฺชนํ ‘‘กโรนฺเตนา’’ติ วุตฺเต วิโลมิตํ โหติ อตทตฺถตฺตา. น หิ การาเปนฺโต นาม โหติ. ‘‘อิธ วุตฺตนเยนาติ เทสิตวตฺถุกปมาณิกนเยน. เอวํ สนฺเต ‘กโรนฺเตน วา การาเปนฺเตน วา’ติ วจนโต กโรนฺเตนาปิ ปเรหิ วิปฺปกตํ วตฺตพฺพนฺติ เจ, ตทตฺถวิสฺสชฺชนตฺถํ ‘ยทิ ปนาติอาทิมาหา’’’ติ อนุคณฺิปเท วุตฺตํ. ‘‘สฺาจิกาย กุฏึ กโรนฺโต’’ติ วจนวเสน วุตฺตํ. ‘‘อายามโต จ วิตฺถารโต จา’’ติ อวตฺวา วิกปฺปตฺถสฺส วา-สทฺทสฺส คหิตตฺตา เอกโตภาเคปิ วฑฺฒิเต อาปตฺติ เอว. ปมาณยุตฺตมฺโจ กิร นววิทตฺถิ. ‘‘‘จตุหตฺถวิตฺถารา’ติ วจเนน ‘ติริยํ ติหตฺถา วา’ติ วจนมฺปิ สเมติ ‘ยตฺถ ปมาณยุตฺโต’ติอาทิสนฺนิฏฺานวจนาสมฺภวโต’’ติ วุตฺตํ. ปมาณโต อูนตรมฺปีติ วิตฺถารโต จตุปฺจหตฺถมฺปิ ทีฆโต อนติกฺกมิตฺวา วุตฺตปมาณเมว เทสิตวตฺถุ. อเทสิตวตฺถฺุหิ กโรโต อาปตฺติ. ปมาณาติกฺกนฺตา กุฏิ เอว ปมาณาติกฺกนฺตํ กุฏึ กเรยฺยาติ วุตฺตตฺตา. ‘‘ถมฺภตุลา’’ติ ปาโ. อนุสฺสาวนานเยนาติ เอตฺถ ‘‘ทมิฬภาสายปิ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ.
๓๕๓. จารภูมิ โคจรภูมิ. น คหิตาติ น วาริตา. อฏฺกถายํ ‘‘การณาย คุตฺติพนฺธนาคารํ, อกรณฏฺานํ วา ธมฺมคนฺธิกา หตฺถปาทจฺฉินฺทนกา คนฺธิกา’’ติ ลิขิตํ. ทฺวีหิ พลิพทฺเทหีติ เหฏฺิมโกฏิยา กิร ¶ วุตฺตโต อาวิชฺชิตุํ น สกฺกา ฉินฺนาวฏตฺตา, นิคมนสฺสาปิ อตฺถปฺปกาสนตฺถํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ปาจินนฺติ วตฺถุ อธิฏฺานํ. ตทตฺถายาติ ตจฺฉนตฺถาย. ปณฺณสาลมฺปีติ อุลฺลิตฺตาวลิตฺตกุฏิเมว ปณฺณจฺฉทนํ. เตเนว ‘‘สภิตฺติจฺฉทน’’นฺติ วุตฺตํ, อลิตฺตํ กิร สพฺพํ วฏฺฏติ. ปุพฺเพ โถกํ ปิตํ ปุน วฑฺเฒตฺวา. ตสฺมินฺติ ทฺวารพนฺธเน วา วาตปาเน วา ปิเต. ปมเมวาติ เอตฺถ ปตฺตกาเล เอวาติ กิร ธมฺมสิริตฺเถโร. อุปติสฺสตฺเถโร ¶ ปิตกาเลวาติ กิร. ปุริเมน เลปสฺส อฆฏิตตฺตา ทุติเยน วตฺตสีเสน กตตฺตา อุภินฺนมฺปิ อนาปตฺติ. สเจ อาณตฺเตน กตํ, ‘‘กโรติ วา การาเปติ วา’’ติ วจนโต อาปตฺติ อุภินฺนํ สติ อตฺตุทฺเทสิกตาย, อสติ มูลฏฺสฺเสว. เหฏฺิมปฺปมาณสมฺภเว สติ สพฺพมตฺติกามยํ กุฏึ กโรโต อาปตฺติ ทุกฺกเฏน สงฺฆาทิเสโสติ อาจริยสฺส ตกฺโก.
๓๕๔. ฉตฺตึส จตุกฺกานิ นาม อเทสิตวตฺถุกจตุกฺกํ เทสิตวตฺถุกจตุกฺกํ ปมาณาติกฺกนฺตจตุกฺกํ ปมาณิกจตุกฺกํ อเทสิตวตฺถุกปมาณาติกฺกนฺตจตุกฺกํ เทสิตวตฺถุกปมาณิกจตุกฺกนฺติ ฉ จตุกฺกานิ, เอวํ สมาทิสติวาราทีสุปิ ปฺจสูติ ฉตฺตึส. อาปตฺติเภททสฺสนตฺถนฺติ เอตฺถ ยสฺมา ‘‘สารมฺเภ เจ, ภิกฺขุ, วตฺถุสฺมึ อปริกฺกมเน…เป… สงฺฆาทิเสโส’’ติ มาติกายํ อวิเสเสน วุตฺตตฺตา สารมฺภอปริกฺกมเนปิ สงฺฆาทิเสโสวาติ มิจฺฉาคาหวิวชฺชนตฺถํ อาปตฺติเภโท ทสฺสิโต, ตสฺมา วุตฺตานีติ อธิปฺปาโย. วิภงฺเค เอวํ อวตฺวา กิมตฺถํ มาติกายํ ทุกฺกฏวตฺถุ วุตฺตนฺติ เจ? ภิกฺขู อภิเนตพฺพา วตฺถุเทสนาย, เตหิ ภิกฺขูหิ วตฺถุ เทเสตพฺพํ. กีทิสํ? อนารมฺภํ สปริกฺกมนํ, เนตรํ, อิตรสฺมึ ‘‘สารมฺเภ เจ ภิกฺขุ วตฺถุสฺมึ อปริกฺกมเน’’ติ เอวํ อานิสํสวเสน อาคตตฺตา วุตฺตํ. ยสฺมา วตฺถุ นาม อตฺถิ สารมฺภํ, อตฺถิ อนารมฺภํ, อตฺถิ สปริกฺกมนํ, อตฺถิ อปริกฺกมนํ, อตฺถิ สารมฺภํ สปริกฺกมนํ, อตฺถิ สารมฺภํ อปริกฺกมนํ, อตฺถิ อนารมฺภํ สปริกฺกมนํ, อตฺถิ อนารมฺภํ อปริกฺกมนนฺติ พหุวิธตฺตา วตฺถุ เทเสตพฺพํ อนารมฺภํ สปริกฺกมนํ, เนตรนฺติ วุตฺตํ โหติ. กิมตฺถิกา ปเนสา เทสนาติ เจ? ครุกาปตฺติปฺาปนเหตุปริวชฺชนุปายตฺถา. วตฺถุเทสนาย หิ ครุกาปตฺติปฺาปนเหตุตฺตา อกตวิฺตฺติ คิหีนํ ปีฬาชนเนน อตฺตทุกฺขปรทุกฺขเหตุภูโต จ สารมฺภภาโวติ เอเต วตฺถุเทสนาปเทเสน อุปาเยน ปริวชฺชิตา โหนฺติ. น หิ ภิกฺขุ อกปฺปิยกุฏิกรณตฺถํ คิหีนํ ¶ วา ปีฬานิมิตฺตํ สารมฺภวตฺถุ. กุฏิกรณตฺถํ วา วตฺถุํ เทเสนฺตีติ ปมเมว สาธิตเมตํ. โวมิสฺสกาปตฺติโยติ ทุกฺกฏสงฺฆาทิเสสมิสฺสกาปตฺติโย.
๓๕๕. ตตฺถ ‘‘ทฺวีหิ สงฺฆาทิเสเสหี’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘ทฺวินฺนํ สงฺฆาทิเสเสนา’’ติ วิภตฺติพฺยตฺตเยน, วจนพฺยตฺตเยน จ วุตฺตํ. ‘‘อาปตฺติ ทฺวินฺนํ สงฺฆาทิเสสาน’’นฺติปิ ปาโ.
๓๖๔. น ฆฏยติ ฉทนเลปาภาวโต, อนาปตฺติ, ตํ ปรโต สาธิยติ. ฉทนเมว สนฺธาย อุลฺลิตฺตาวลิตฺตตา วุตฺตาติ. ‘‘กุกฺกุฏจฺฉิกเคหํ วฏฺฏตีติ วตฺวา ปุน ฉทนํ ทณฺฑเกหีติอาทินา นเยน ตํ ทสฺเสนฺเตหิ ติณปณฺณจฺฉทนากุฏิกาว วุตฺตา. ตตฺถ ฉทนํ ทณฺฑเกหิ ¶ ทีฆโต ติริยฺจ ชาลํ วิย พนฺธิตฺวา ติเณหิ วา ปณฺเณหิ วา ฉาเทตุํ อุลฺลิตฺตาทิภาโว ฉทนเมว สนฺธาย วุตฺโตติ ยุตฺตมิทํ. ตสฺมา มตฺติกามยํ ภิตฺตึ วฑฺฒาเปตฺวา อุปริ อุลฺลิตฺตํ วา อวลิตฺตํ วา อุภยํ วา ภิตฺติยา ฆฏิตํ กโรนฺตสฺส อาปตฺติ เอว วินาปิ ภิตฺติเลเปนา’’ติ ลิขิตํ. ‘‘‘โส จ ฉทนเมว สนฺธายา’ติ ปธานวเสน วุตฺตํ, น เหฏฺาภาคํ ปฏิกฺขิตฺต’’นฺติ วทนฺติ, วีมํสิตพฺพํ. เอตฺถาติ ติณกุฏิกาย. ยถาสมาทิฏฺายาติ ยถาวุตฺตปฺปการนฺติ อธิปฺปาโย. ‘‘อาปตฺติ การุกานํ ติณฺณํ ทุกฺกฏาน’’นฺติอาทิมฺหิ โส สุณาติฉกฺกมฺปิ ลพฺภติ. อุภยตฺถ สมาทิฏฺตฺตา อาณาปกสฺส อนาปตฺติ. อาณตฺตสฺส ยถา สมาทิฏฺํ อาณาปเกน, ตถา อกรณปจฺจยา ทุกฺกฏํ. สเจ ‘‘อหมฺเปตฺถ วสามี’’ติ อตฺตุทฺเทสมฺปิ กโรติ, สงฺฆาทิเสโสว. ‘‘กุฏึ กโรถา’’ติ อวิเสเสน วุตฺตฏฺาเน ปน อาณาปกสฺสาปิ สงฺฆาทิเสโส อจิตฺตกตฺตา สิกฺขาปทสฺส.
อหฺจ วสิสฺสามีติ เอตฺถ ปรสฺส ยสฺส กสฺสจิ อุทฺทิฏฺสฺส อภาวา อาปตฺติ เอว ‘‘กโรนฺตสฺส วา’’ติ นิยมิตตฺตา, อนาปตฺติ อวิภตฺตตฺตา. ‘‘อิธ ปฺตฺติชานนมตฺตเมว จิตฺต’’นฺติ จ ลิขิตํ. อนุคณฺิปเท ปน อหฺจ วสิสฺสามีติ เอตฺถ โย ‘‘มยฺหํ วาสาคารฺจ ภวิสฺสตี’’ติ อิจฺฉติ, ตสฺสาปตฺติ. โย ปน อุโปสถาคารํ อิจฺฉติ, ตสฺส อนาปตฺติ, ตสฺมา ‘‘อุภยํ สเมตี’’ติ วตฺวา จ ‘‘วินยวินิจฺฉเย อาคเต ครุเก าตพฺพ’’นฺติ วจนโต มหาปจฺจริวาทโต อิตโร ปจฺฉา วตฺตพฺโพติ เจ? น, พลวตฺตา ¶ . ‘‘วาสาคารํ เปตฺวา สพฺพตฺถ, อนาปตฺตี’’ติ วจนโต, โภชนสาลาทีนมฺปิ อตฺถาย อิมินา กตตฺตา สงฺกรา ชาตา. ยถา – ทฺเว ตโย ‘‘เอกโต วสิสฺสามา’’ติ กโรนฺติ, รกฺขติ ตาวาติ เอตฺถ วิย. ‘‘อิทํ านํ วาสาคารํ ภวิสฺสติ, อิทํ อุโปสถาคาร’’นฺติ วิภชิตฺวา กเตปิ อาปตฺติ เอว. ทฺวีสุ มหาปจฺจริวาโท พลวา, ตสฺมา ‘‘ปจฺฉา วุตฺโต’’ติอาทินา อตีว ปปฺจิตํ. กึ เตน. ‘‘อตฺตนา วิปฺปกตํ อตฺตนา จ ปเรหิ จ ปริโยสาเปตี’’ติอาทินา นเยน อปรานิปิ จตุกฺกานิ ยถาสมฺภวํ โยเชตฺวา ทสฺเสตพฺพานิ, เลณาทีสุ กิฺจาปิ สงฺฆาทิเสเสน อนาปตฺติ, อกตวิฺตฺติยา สติ ตปฺปจฺจยา อาปตฺติ เอว.
กุฏิการสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. วิหารการสิกฺขาปทวณฺณนา
๓๖๖. สตฺตเม ¶ วา-สทฺโท อวธารณตฺโถติ เวทิตพฺโพ.
วิหารการสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. ปมทุฏฺโทสสิกฺขาปทวณฺณนา
๓๘๐. สาวเกน ปตฺตพฺพนฺติ ปกติสาวกํ สนฺธาย วุตฺตํ, น อคฺคสาวกํ. ยถูปนิสฺสยยถาปุคฺคลวเสน ‘‘ติสฺโส วิชฺชา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เกนจิ สาวเกน ติสฺโส วิชฺชา, เกนจิ จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา, เกนจิ ฉ อภิฺา, เกนจิ เกวโล นวโลกุตฺตรธมฺโมติ เอวํ วิสุํ วิสุํ ยถาสมฺภวํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
๓๘๒. ‘‘เย เต ภิกฺขู สุตฺตนฺติกา’’ติอาทิวจนโต ธรมาเนปิ ภควติ ปิฏกตฺตยปริจฺเฉโท อตฺถีติ สิทฺธํ. ธมฺมกถิกาติ อาภิธมฺมิกา รติยา อจฺฉิสฺสนฺตีติอาทิ อายสฺมโต ทพฺพสฺส เนสํ ติรจฺฉานกถาย รตินิโยชนํ วิย ทิสฺสติ, น ตถา ทฏฺพฺพํ. สุตฺตนฺติกาทิสํสคฺคโต เตสํ สุตฺตนฺติกาทีนํ ผาสุวิหารนฺตรายํ, เตสมฺปิ ติรจฺฉานกถารติยา อภาเวน อนภิรติวาสํ, ตโต เนสํ สามฺา จาวนฺจ ¶ ปริวชฺชนฺโต เอวํ จินฺเตสีติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘นิมฺมิตานํ ธมฺมตาติ สาวเกหิ นิมฺมิตานํเยว, น พุทฺเธหี’’ติ วทนฺติ. ‘‘สาธกตมํ กรณ’’นฺติ เอวํ วุตฺเต กรณตฺเถเยว ตติยาวิภตฺตีติ อตฺโถ.
๓๘๓-๔. ยนฺติ เยน. ‘‘กตฺตาติ กตฺตา, น กตฺตา’’ติ ลิขิตํ. ‘‘ภริยํ วิย มํ อชฺฌาจรตี’’ติ วทนฺติยา พลวตี โจทนา. เตน หีติ เอตฺถ ยถา ฉุปนมตฺเต วิปฺปฏิสารีวตฺถุสฺมึ กายสํสคฺคราคสมฺภวา อปุจฺฉิตฺวา เอว สงฺฆาทิเสสํ ปฺาเปสิ, ตเถว ปุพฺเพวสฺสา ทุสฺสีลภาวํ ตฺวา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ยทิ ตาว ภูตาย ปฏิฺาย นาสิตา, เถโร การโก โหติ. อถ อภูตาย, ภควตา ‘‘นาเสถา’’ติ น วตฺตพฺพํ, วุตฺตฺจ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ยทิ ตาว ปฏิฺาย นาสิตา, เถโร การโก โหตี’’ติ.
อถ อปฺปฏิฺายาติ ‘‘อยฺเยนมฺหิ ทูสิตา’’ติ อิมํ ปฏิฺํ วินา เอว ตสฺสา ปกติทุสฺสีลภาวํ สนฺธาย นาสิตา, เถโร อการโก โหติ. อภยคิริวาสิโนปิ อตฺตโน สุตฺตํ วตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ วาเท เถโร การโก’’ติ วทนฺติ, กสฺมา? ทุกฺกฏํ มุสาวาทปจฺจยา ลิงฺคนาสนาย ¶ อนาเสตพฺพตฺตา. ปาราชิกสฺเสว หิ ลิงฺคนาสนาย นาเสตพฺพา. ‘‘นาเสถา’’ติ จ วุตฺตตฺตา ปาราชิกาว ชาตา, สา กึ สนฺธาย, ตโต เถโร การโก อาปชฺชติ. ‘‘สกาย ปฏิฺาย นาเสถา’’ติ วุตฺเต ปน อปาราชิกาปิ อตฺตโน วจเนน นาเสตพฺพา ชาตาติ อธิปฺปาโย. มหาวิหารวาสิโนปิ อตฺตโน สุตฺตํ วตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ วาเท เถโร การโก’’ติ จ วทนฺติ. กสฺมา? ‘‘สกาย ปฏิฺาย นาเสถา’’ติ หิ วุตฺเต ปฏิฺาย ภูตตา อาปชฺชติ ‘‘นาเสถา’’ติ วจนโต. ภูตาเยว หิ ปฏิฺาย นาเสตพฺพา โหติ, นาภูตายาติ อธิปฺปาโย. ปุริมนเยติ ทุกฺกฏวาเท. ปุริโม ยุตฺติวเสน ปวตฺโต, ปจฺฉิโม ปาฬิวจนวเสน ปวตฺโตติ เวทิตพฺโพ.
๓๘๕-๖. ปีติสุเขหีติ เอตฺถ ‘‘สุเขนา’’ติ วตฺตพฺเพ ปีติคฺคหณํ ตติยชฺฌานสุขํ, กายิกฺจ อปเนตุํ สมฺปยุตฺตปีติยา วุตฺตํ. สเจ จุทิตกวเสน กตํ อมูลกํ นาม, ‘‘อนชฺฌาปนฺนํ อกต’’นฺติ วเทยฺย, อิเม กริสฺสนฺติ, ตสฺมา ‘‘ตาทิสํ ทิฏฺสฺี หุตฺวา โจเทตี’’ติ ปาโ ¶ . ‘‘เอเตน นเยน สุตมุตปริสงฺกิตานิปิ วิตฺถารโต เวทิตพฺพานี’’ติ ปาโ. ‘‘จตุนฺนํ อฺตเรนา’’ติ ปาติโมกฺขุทฺเทเส เอว อาคเต คเหตฺวา วุตฺตํ, อิตเรสํ อฺตเรนาปิ อนุทฺธํเสนฺตสฺส สงฺฆาทิเสโสวาติ โน ตกฺโกติ อาจริโย. ภิกฺขุภาวา หิ จาวนสมตฺถโต. ‘‘สมีเป ตฺวา’’ติ วจนโต ปรมฺมุขา โจเทนฺตสฺส, โจทาเปนฺตสฺส วา สีสํ น เอติ. ทิฏฺฺเจ สุเตน ปริสงฺกิเตน โจเทติ โจทาเปติ, สุตปริสงฺกิตํ วา ทิฏฺาทีหิ โจทิเต วา โจทาปิเต วา สีสํ เอติ เอว อมูลเกน โจทิตตฺตา. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ทิฏฺสฺส โหติ ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปชฺชนฺโต, ตฺเจ โจเทติ ‘สุโต มยา…เป… สงฺฆาทิเสสสฺสา’’ติ (ปารา. ๓๘๗). ‘‘อสุทฺโธ โหติ ปุคฺคโล อฺตรํ ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปนฺโน, ตฺเจ อสุทฺธทิฏฺิ สมาโน อโนกาสํ การาเปตฺวา จาวนาธิปฺปาโย วเทติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. โอกาสํ การาเปตฺวา จาวนาธิปฺปาโย วเทติ, อนาปตฺตี’’ติ (ปารา. ๓๘๙) อิมินา น-สเมนฺตํ วิย ขายติ, กถํ? ทิฏฺสฺส โหติ ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปชฺชนฺโต นาม อสุทฺโธ ปุคฺคโล โหติ, ‘‘อฺตรสฺมึ อสุทฺธทิฏฺิ สมาโน ตฺเจ โจเทติ ‘สุโต มยา ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปนฺโนสี’ติ, อาปตฺติ วาจาย วาจาย สงฺฆาทิเสสสฺสา’’ติ วจนโต ปุริมนเยนาปตฺติ. ‘‘จาวนาธิปฺปาโย วเทติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ วจนโต ปจฺฉิมนเยน สงฺฆาทิเสเสน อาปตฺตีติ ทฺเว ปาฬินยา อฺมฺํ วิรุทฺธา วิย ทิสฺสนฺติ, น จ วิรุทฺธํ พุทฺธา กถยนฺติ, ตสฺมา เอตฺถ ยุตฺติ ปริเยสิตพฺพา. อฏฺกถาจริยา ตาวาหุ ‘‘สมูลเกน วา สฺาสมูลเกน วา โจเทนฺตสฺส อนาปตฺติ, อมูลเกน วา ปน สฺาอมูลเกน วา โจเทนฺตสฺส อาปตฺตี’’ติ. ตสฺสตฺโถ – ทสฺสนสวนปริสงฺกนมูเลน สมูลเกน วา ตทภาเวน อมูลเกนาปิ ¶ สฺาสมูลเกน วา โจเทนฺตสฺส อนาปตฺติ, ทสฺสนาทิมูลาภาเวน อมูลเกน วา ตพฺภาเวน สมูลเกนาปิ สฺาอมูลเกน วา โจเทนฺตสฺส อาปตฺติ, ตสฺมา ทิฏฺสฺส โหติ.
ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปชฺชนฺโตติอาทิมฺหิ ทสฺสนมูเลน สมูลเกนาปิ ‘‘สุโต มยา’’ติ วจนโต สฺาอมูลเกน วา โจเทติ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺส. ตทตฺถสฺส อาวิภาวตฺถํ ‘‘ทิฏฺเ เวมติโก’’ติอาทิ วารา วุตฺตาติ เวทิตพฺพา.
อสุทฺโธ ¶ โหติ ปุคฺคโลภิอาทิมฺหิ ปน สมูลเกน, สฺาสมูลเกน วา โจทิตตฺตา อนาปตฺตีติ. เอวเมวํ ปน ตทตฺถทีปนตฺถํ เต วารา วุตฺตา. ตตฺถ หิ ‘‘อทิฏฺสฺส โหตี’’ติอาทิวารา อมูลเกน โจเทนฺตสฺส อาปตฺติ โหตีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตา. ‘‘ทิฏฺเ เวมติโก’’ติอาทินา สฺาอมูลเกน โจเทนฺตสฺส อาปตฺติ โหตีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตา. อฺถา ‘‘ทิฏฺสฺส โหติ, ทิฏฺเ เวมติโก’’ติอาทิวารา นิพฺพิเสสา ภเวยฺยุํ. อิทํ ปเนตฺถ สนฺนิฏฺานํ-ยถา อสุทฺธํ ปุคฺคลํ อโนกาสํ การาเปตฺวา โจเทนฺตสฺส ทุกฺกฏํ, อกฺโกสาธิปฺปายสฺส จ โอมสวาเทน ทุกฺกฏสฺส, ตถา อสุทฺธทิฏฺิโกปิ อสุทฺธํ อสุทฺธทิฏฺิ อมูลเกน โจเทติ, อาปตฺติ. สมูลเกน วา โจเทติ, อนาปตฺตีติ ตํ สนฺนิฏฺานํ ยถา ‘‘อนาปตฺติ สุทฺเธ อสุทฺธทิฏฺิสฺส อสุทฺเธ อสุทฺธทิฏฺิสฺสา’’ติ อิมินา สํสนฺทติ, ตถา คเหตพฺพํ. อฺถา ยุตฺติ ปริเยสิตพฺพา.
สีลสมฺปนฺโนติ เอตฺถ ‘‘ทุสฺสีลสฺส วจนํ อปฺปมาณํ. ภิกฺขุนี หิ ภิกฺขุมฺหิ อนิสฺสรา, ตสฺมา อุกฺกฏฺนเย วิธึ สนฺธาย เถเรน วุตฺตํ. ทุติยตฺเถเรน ภิกฺขุนี อชานิตฺวาปิ โจเทติ, สิกฺขมานาทโย วา โจเทนฺติ, เตสํ สุตฺวา ภิกฺขู เอว วิจาเรตฺวา ตสฺส ปฏิฺาย กาเรนฺติ. โก เอตฺถ โทโสติ อิทํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตติเยน ติตฺถิยานํ วจนํ สุตฺวาปิ ภิกฺขู เอว วิจาเรนฺติ, ตสฺมา น โกจิ น ลภตีติ เอวํ สพฺพํ สเมตีติ อปเร’’ติ วุตฺตํ. ตึสานิ ตึสวนฺตานิ. อนุโยโคติ ปฏิวจนํ. เอหิตีติ อาคมิสฺสติ. ทิฏฺสนฺตาเนนาติ ทิฏฺนเยน, ทิฏฺวิธาเนนาติ อธิปฺปาโย. ปติฏฺายาติ ปติฏฺํ ลภิตฺวา. าเนติ ลชฺชิฏฺาเน.
คาหนฺติ ‘‘อหํ โจเทสฺสามี’’ติ อตฺตาทานคฺคหณํ. เจตนาติ อตฺตาทานคฺคหณเจตนา. โวหาโรติ อิโต, เอตฺโต จ ตฺวา ปกาสนํ. ปณฺณตฺตีติ นามปฺตฺติ. ยา วจีโฆสารมฺมณสฺส โสตทฺวารปฺปวตฺตวิฺาณสนฺตานสฺส อนนฺตรํ อุปฺปนฺเนน อุปลทฺธปุพฺพสงฺเกเตน มโนทฺวารวิฺาเณน ¶ วิฺายติ, ยสฺสา วิฺาตตฺตา ตทตฺโถ ปรมตฺโถ วา อปรมตฺโถ วา ตติยวารํ อุปฺปนฺเนน มโนวิฺาเณน วิฺายตีติ นามาทีหิ ฉหิ พฺยฺชเนหิ ปาฬิยา ปกาสิตา, สา ‘‘วิชฺชมานปฺตฺติ อวิชฺชมานปฺตฺตี’’ติอาทินา ฉธา อาจริเยหิ ทสฺสิตา. ตพฺภาคิยภาโว อตพฺภาคิยภาโว จ นิปฺผนฺนธมฺมสฺเสว ยุชฺชติ, น ปฺตฺติยา อธิกรณียวตฺถุตฺตา ¶ , อธิกรเณ ปวตฺตตฺตา จ อธิกรโณ มฺจฏฺเ มฺโจปจาโร วิยาติ จ. ‘‘ปริยาเยนาติ อมูลกา นามปฺตฺติ นตฺถิ. ปริยายมตฺตํ, สภาวโต นตฺถิ. อภิธานมตฺตเมว, อภิเธยฺยํ นตฺถี’’ติ จ ลิขิตํ. อิเธวาติ อิมสฺมึ เอว สิกฺขาปเท. น สพฺพตฺถาติ วิวาทาธิกรณาทีสุ. กสฺมา? น หีติอาทิ. วิวาทาธิกรณาทีนมตฺถิตา วิย อมูลกํ อธิกรณํ นตฺถีติ. ปุพฺเพ วุตฺตสมเถหีติ ‘‘ยํ อธิกิจฺจ สมถา วตฺตนฺตี’’ติ วุตฺตสมเถหีติ อธิปฺปาโย. อปิจ สภาวโต นตฺถีติ อปฺปฏิลทฺธสภาวตฺตา วุตฺตํ. อนุปฺปนฺนํ วิย วิฺาณาทิ. น หิ วิวาทาทีนํ ปณฺณตฺติ อธิกรณฏฺโติ ปณฺณตฺตึ อธิกิจฺจ สมถา น ปวตฺตนฺติ, ตสฺมา น ตสฺสา อธิกรณียตาติ น วิวาทาทีนํ ปณฺณตฺติ อธิกรณฏฺโติ อธิปฺปาโย. โหติ เจตฺถ –
‘‘ปาราชิกาปตฺติ อมูลิกา เจ,
ปณฺณตฺติมตฺตา ผลมคฺคธมฺมา;
จตุตฺถปาราชิกวตฺถุภูตา,
ปณฺณตฺติมตฺตาว สิยุํ ตเถว.
‘‘ตโต ทฺวิธา มคฺคผลาทิธมฺมา,
สิยุํ ตถาตีตมนาคตฺจ;
ปณฺณตฺติฉกฺกํ น สิยา ตโต วา,
ปริยายโต สมฺมุติวาทมาหา’’ติ.
อนุวทนฺตีติ อกฺโกสนฺติ. กิจฺจยตาติ กรณียตา. ตํ กตมนฺติ เจ? อปโลกนกมฺมนฺติอาทิ. กิจฺจนฺติ วิฺตฺติสมุฏฺาปกจิตฺตํ กิร อธิปฺเปตํ.
๓๘๗. สุตาทีนํ อภาเวน อมูลกตฺตนฺติ เอตฺถ โย ทิสฺวาปิ ‘‘ทิฏฺโสิ มยา’’ติ วตฺตุํ อสกฺโกนฺโต อตฺตโน ทิฏฺนิยาเมเนว ‘‘สุโตสิ มยา’’ติ วทติ. ตสฺส ตสฺมึ อสุทฺธทิฏฺิตฺตา อาปตฺติ, อิธ ปน โย ปุพฺเพ สุตฺวา อนาปตฺติ, ปจฺฉา ตํ วิสฺสริตฺวา สุทฺธทิฏฺิ เอว สมาโน วทติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘เอส นโย สพฺพตฺถาติ อปเร’’ติ วุตฺตํ. เชฏฺพฺพติโก กาเกกปฺปฏิวตฺตา ¶ . ยทคฺเคนาติ ยาวตา, ยทา วา. โน กปฺเปตีติอาทิ เวมติกาภาวทีปนตฺถเมว วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ. เตน เวมติโกว นสฺสรติ ¶ สมฺมุฏฺโ นามาติ อาปชฺชติ, ตํ น ยุตฺตํ ตทนนฺตรภาวโต, ตสฺมา ทุติยตฺเถรวาโท ปจฺฉา วุตฺโต.
๓๘๙. สพฺพตฺถาติ สพฺพอฏฺกถาสุ. โอกาสกมฺมนฺติ โอกาสกรณํ. ‘‘โอกาเสน กมฺมํ โอกาสกมฺม’’นฺติ ลิขิตํ. อสูริยํ ปสฺสติ กฺาติ เอตฺถ ยถา กฺา สูริยํ น ปสฺสตีติ ภวติ, เอวํ ‘‘อโนกาสํ กาเรตฺวา’’ติ วุตฺเต โอกาสํ น กาเรตฺวาติ โหติ.
ปมทุฏฺโทสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ทุติยทุฏฺโทสสิกฺขาปทวณฺณนา
๓๙๑. เวฬุวเนเยวาติ อิทํ เตหิ วุตฺตเวลํ สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘ปุพฺเพ มยํ อาวุโส สุเตน อโวจุมฺหา’’ติ ‘‘อมฺเหหิ สา อุสฺสาหิตา กุปิเตหิ อนตฺตมเนหี’’ติอาทิวจนํ สนฺธาย วุตฺตํ, อฺภาคสฺส อิทนฺติ มนุสฺสภิกฺขุภาวโต อฺภาคสฺส ติรจฺฉานฉคลกภาคสฺส อิทํ ฉคลกชาตํ อธิกรณํ. อฺภาโค วา อสฺส อตฺถีติ โส ติรจฺฉานฉคลกภาวสงฺขาโต อฺภาโค อสฺส ฉคลกสฺส อตฺถีติ สฺวายํ ฉคลโก อฺภาคิยํ อธิกรณํ นาม.
ตตฺถ ปฏิมาย สรีรํ, สิลาปุตฺตกสฺส สรีรนฺติ นิทสฺสนํ, ปมํ ปเนตฺถ นิพฺพจนํ ชาติปทตฺโถติวาทีนํ มเตน วุตฺตํ. สา หิ สามิภาเวน, นิจฺจภาเวน จ ปธานตฺตา สตฺติสภาเว ิตา. ตพฺพิปรีตกตฺตา พฺยตฺตากติ ชาติโย ตุ ปทตฺโถ อิติ อิมสฺส สุตฺตสฺส วเสน ทุติยํ นิพฺพจนํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. นามกรณสฺาย อาธาโรติ เอตฺถ นามเมว นามกรณํ. นามํ กโรนฺตานํ สฺา นามกรณสฺา, ตสฺสา. มนุสฺสชาติโก ฉคลกชาติอาธาโร นาม. น หิ ตํ นามํ กจฺฉปโลมํ วิย อนาธารนฺติ อธิปฺปาโย. ตํ ปน ฉคลกสฺส ทพฺโพติ ทินฺนนามํ ‘‘เทโส’’ติ วุจฺจติ. ตสฺมา เถรํ อมูลเกนาติอาทินา อฺมฺปิ วตฺถุํ เถรสฺส ลิสฺสติ สิลิสฺสติ โวหารมตฺเตเนว, น อตฺถโต, อีสกํ อลฺลียตีติ เลโสติ อธิปฺปาโย. ยสฺมา เทสเลสา อตฺถโต นินฺนานากรณา, ตสฺมา ‘‘กฺจิเทสํ เลสมตฺตํ อุปาทายา’’ติ อุทฺธริตฺวา ‘‘ทส เลสา ชาติเลโส’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ยถา นิทาเน ¶ , เอวํ สิกฺขาปทปฺตฺติยมฺปิ มาติกายมฺปิ อยเมวตฺโถ. ยสฺมา อฺภาคิยสฺส อธิกรณสฺสาติ ฉคลกสฺส. กฺจิเทสํ เลสมตฺตํ อุปาทายาติ ทพฺโพติ นามํ อุปาทายาติ อยมตฺโถ ¶ อฏฺุปฺปตฺติวเสเนว อาวิภูโต, ตสฺมา น วิภตฺโต. กิฺจ ภิยฺโย อนิยมตฺตา. น หิ เมตฺติยภูมชกานํ วิย สพฺเพสมฺปิ ฉคลกเมว อฺภาคิยํ อธิกรณํ โหติ. อฺํ โคมหึ สาทิกมฺปิ โหติ, น จ เมตฺติยภูมชกา วิย สพฺเพปิ นามเลสมตฺตเมว อุปาทิยนฺติ. อฺมฺปิ ชาติเลสาทึ อุปาทิยนฺติ, ตสฺมา อนิยมตฺตา จ ยถาวุตฺตนเยน น วิภตฺตํ. กิฺจ ภิยฺโย ตถา วุตฺเต ฉคลกสฺเสว อฺภาคิยตา สมฺภวติ, น อฺสฺส, เยน โสว ทสฺสิโต. เลโส จ นาม เลโสว, น ชาติอาทิ, เยน โสว ทสฺสิโตติ เอวํ มิจฺฉาคาหปฺปสงฺคโต จ ตถา น วิภตฺโต.
๓๙๓. อฺภาคิยสฺสาติ จุทิตกโต อฺสฺส. อธิกรณสฺสาติ มนุสฺสสฺส วา อมนุสฺสสฺส วา ติรจฺฉานคตสฺส วาติ เอวํ วตฺตพฺพํ. เอวฺหิ วุตฺเต มนุสฺสาทีนํเยว ชาติเลสาทโย วุตฺตา โหนฺติ, อฺถา จตุนฺนํ อธิกรณานํ เต อาปชฺชนฺติ ‘‘อธิกรณสฺส กฺจิ เทสํ เลสมตฺต’’นฺติ สามิวจนํ ปุพฺพงฺคมํ อุทฺทิฏฺตฺตาติ เจ? น, นามสฺส วิย ชาติอาทีนํ มนุสฺสาทีนํ อาธารภาวนิยมสมฺภวโต, อธิกรณภาวานิยมโตติ วุตฺตํ โหติ. นิยเม จ สติ ชาติยา อาธาโร ชาติ, ลิงฺคสฺส จ ลิงฺคํ, อาปตฺติยา จ อาปนฺโน อาธาโร, วิรุทฺธานมฺปิ อสมาทินฺนานมฺปิ ปตฺตจีวรานํ สามิโก อาธาโร, เยน อธิกรณสงฺขฺยํ คจฺเฉยฺยาติ อาปชฺชตีติ อธิกรณสฺสาติ ปทํ อภาเชตพฺพเมว ภเวยฺยาติ น อุทฺธริตพฺพํ สิยา, อุทฺธริตพฺพํ. ตสฺมา ‘‘อธิกรณนฺติ วจนสามฺโต’’ติอาทิ สพฺพํ วตฺตพฺพํ. อปากฏา อิโต อฺตฺร ทสฺสิตฏฺานาภาวโต. ชานิตพฺพา จ วินยธเรหิ ยสฺมา อฺถา ปริวาเร ‘‘วิวาทาธิกรณํ จตุนฺนํ อธิกรณานํ วิวาทาธิกรณํ ภชตี’’ติอาทินา นเยน อนาคตฏฺาเน ‘‘กสฺมา’’ติ วุตฺเต การณํ น ปฺาเยยฺย, ตสฺมา เตสํ ตพฺภาคิยตา จ อฺภาคิยตา จ ชานิตพฺพา วินยธเรหิ. ตาสุ หิ วิฺาตาสุ วิวาทาธิกรณํ วิวาทาธิกรณํ ภชติ. กสฺมา? ตพฺภาคิยตฺตา. อิตรํ น ภชติ อฺภาคิยตฺตาติ สุขการณโต ปฺายนฺติ, ตสฺมา วจนสามฺโต ลทฺธํ อธิกรณํ นิสฺสายาติอาทิ. ตตฺถ ¶ ยสฺมา อาปตฺตฺภาคิยํ มหาวิสยํ, อิตเรหิ อสทิสนิทฺเทสฺจ, ตสฺมา ตํ อธิกรณปริยาปนฺนมฺปิ สมานํ วิสุํ วุตฺตํ ‘‘อาปตฺตฺภาคิยํ วา โหตี’’ติ. อธิกรณปริยาปนฺนตฺตา จ ‘‘อธิกรณฺภาคิยํ วา’’ติ เอตฺถ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถาปิ มหาวิสยตฺตา, มาติกายํ อาคตตฺตา จ ปมํ อฺภาคิยตา วุตฺตา, ปจฺฉา ตพฺภาคิยตาติ เวทิตพฺพา. ตตฺถ ยสฺมา อธิกรณฺภาคิยวจเนน อตฺถาปตฺตินเยน สิทฺธํ. อธิกรณํ ตพฺภาคิยํ, ตสฺมา ‘‘อธิกรณํ ตพฺภาคิยํ โหตี’’ติ เอวํ อุทฺเทสํ อกตฺวา ‘‘กถํ อธิกรณํ อธิกรณสฺส ตพฺภาคิยํ โหตี’’ติ ปุจฺฉาปุพฺพงฺคมนิทฺเทโส กโต. ตตฺถาปิ อาปตฺตาธิกรณสฺส อฺภาคิยตา กิฺจาปิ ปาราชิเกน ¶ อนุทฺธํสิภาธิการตฺตา ปาราชิกานํเยว วเสน วุตฺตา, อถ โข เสสาปตฺติกฺขนฺธวเสนาปิ เวทิตพฺพา. ยา จ สา โจทนา ‘‘อสุโก นาม ภิกฺขุ สงฺฆาทิเสสํ อชฺฌาปชฺชนฺโต ทิฏฺโ โหตี’’ติอาทิกา, ตตฺถ ‘‘สงฺฆาทิเสเส ถุลฺลจฺจยทิฏฺิ โหติ, ทุพฺภาสิเต สงฺฆาทิเสสทิฏฺิ โหตี’’ติ เอวมาทิกา วินเย อปกตฺุตาย, ตํตํวตฺถุสริกฺขตาย วา วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. สพฺพตฺถาปิ ‘‘ปาราชิกทิฏฺิ โหตี’’ติ น วุตฺตํ. ตถาสฺิโน อนาปตฺติโต. ‘‘ตพฺภาคิยวิจารณาย’’นฺติ ตพฺภาคิยปทนิทฺเทเส อฺภาคิยตายปิ นิทฺทิฏฺตฺตา วุตฺตํ.
วตฺถุสภาคตายาติ อนุวาทวตฺถุสภาคตายาติ อตฺโถ. อฺถา ‘‘จตสฺโส วิปตฺติโย’’ติ วจนํ วิรุชฺเฌยฺย. สภาวสริกฺขาสริกฺขโต จาติ สภาเวน สทิสาสทิสโต. ตตฺถ ฌานาทิวตฺถุวิสภาคตายปิ สภาวสริกฺขตาย อุตฺตริมนุสฺสธมฺมปาราชิกาปตฺติ ตสฺเสว ตพฺภาคิยาว โหติ. ตถา วตฺถุวเสน อนุวาทาธิกรณํ, กิจฺจาธิกรณฺจ ปาเฏกฺกํ จตุพฺพิธมฺปิ วุตฺตฺภาคิยํ น ชาตํ, ตสฺมา ตทฺภาคิยตาย วิทิตาย ตพฺภาคิยตา ปาริเยสยุตฺติยา อวุตฺตาปิ สิชฺฌตีติ กตฺวา ‘‘อฺภาคิยเมว ปมํ นิทฺทิฏฺ’’นฺติปิ วตฺตุํ ยุชฺชติ. เอกํเสน ตพฺภาคิยํ น โหตีติ สริกฺขวเสน อรหตฺตํ อาปตฺติ อนาปตฺตีติ วิวาทสพฺภาวโต อพฺยากตภาเวน วิวาทาธิกรณสฺสปิ อฺภาคิยํ สิยา, ปาฬิยํ อาปตฺตาธิกรณสฺส วุตฺตตฺตา เอวํ วุตฺตํ, อาทิโต ปฏฺายาติ ‘‘อฺภาคิยสฺส อธิกรณสฺสา’’ติ อิโต ปฏฺาย. ‘‘เมถุนราเคน มนุสฺสวิคฺคโห โทเสนาติอาทินา ¶ สริกฺขโต จา’’ติ ลิขิตํ. ตํ วตฺถุวิสภาคตาย เอว สิทฺธํ. อยํ ปน วตฺถุสภาคตายปิ สติ อาปตฺติสภาคตา สริกฺขโตติ โน ตกฺโกติ จ, เอกสฺมิมฺปิ หิ วตฺถุสฺมึ อาปตฺติเภโท โหตีติ อาจริโย. ปรโต วุตฺตนเยน เวทิตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ.
‘‘กิจฺจเมว กิจฺจาธิกรณ’’นฺติ วุตฺตตฺตา สงฺฆกมฺมานเมตํ อธิวจนํ. กมฺมลกฺขณนฺติ กมฺมานํ สภาวํ. ตํ นิสฺสายาติ ปุพฺเพว หิ สํวิธาย สงฺโฆ กมฺมํ กโรติ. อถ วา ปุริมํ ปุริมนฺติ ปริวาสอุกฺเขปนิยาทีนิ สงฺฆกมฺมานิ นิสฺสาย อพฺภานโอสารณาทิ อุปฺปนฺนนฺติ กตฺวา วุตฺตํ. ตสฺมา กิฺจาปิ สงฺฆกมฺมเมว กิจฺจาธิกรณํ, ตถาปิ เสสวิเสโส ลพฺภตีติ ทสฺเสติ.
๓๙๔. อตฺถโต เอกํ, ตสฺมา เทสสฺส อตฺถมวตฺวา ‘‘เลโส’’ติอาทิ วุตฺตํ กิร.
๓๙๕. สวตฺถุกํ กตฺวาติ ปุคฺคลสฺส อุปริ อาโรเปตฺวา ขตฺติยาทิภาเวน เอกชาติโกปิ ทีฆรสฺสกาฬโกทาตาทีนํ ¶ ทิฏฺสุตปริสงฺกิตานํ วเสน อฺภาคิยตา, ทีฆํ ขตฺติยํ อชฺฌาจรนฺตํ ทิสฺวา รสฺสาทิขตฺติยปฺตฺติยา อาธารภาวโต ชาติเลเสน โจเทติ, เอกํ วา ขตฺติยํ อชฺฌาจรนฺตํ ทิสฺวา ตโต วิสิฏฺฺภาคภูตํ ขตฺติยํ ชาติเลสํ คเหตฺวา ‘‘ขตฺติโย ทิฏฺโ ตฺวํ ขตฺติโยสี’’ติ โจเทติ ทิฏฺาทิอฺภาเคน. เอตฺถ จ ‘‘ทีฆาทโย, ทิฏฺาทโย จ ชาตินามาทีนํ วตฺถุภูตตฺตา อธิกรณ’’นฺติ ลิขิตํ. ตํ ‘‘อธิกรณภาวานิยมโต’’ติ วุตฺตโทสํ นาติกฺกมติ, อฏฺกถายํ ‘‘ขตฺติยชาติปฺตฺติยา อาธารวเสน อธิกรณตา จ เวทิตพฺพา’’ติ วุตฺตํ. ตมฺปิ นามโคตฺตโต อฺิสฺสา นามโคตฺตปฺตฺติยา นาม กสฺสจิ อภาวโต น สพฺพสาธารณํ, ตสฺมา ‘‘อธิกรณสฺสา’’ติ ปทุทฺธารณํ อธิกรณจตุกฺกทสฺสนตฺถํ, ตํ สมานวจนทสฺสนตฺถนฺติ โน ตกฺโกติ. ตตฺถ ทีฆาทิโน วา ทิฏฺาทิโน วาติ เอตฺถ ทีฆาทิตา, ทิฏฺาทิตา จ อฺภาโค, โย จุทิตโก อิตรสฺส วิเสโส ยโต อฺโติ วุจฺจติ.
๓๙๙. ลหุกํ อาปตฺตินฺติ ปาราชิกโต ลหุกาปตฺติ สงฺฆาทิเสสาทิ. เตเนว อนฺเต ตํ ทสฺเสนฺเตน ‘‘ภิกฺขุ สงฺฆาทิเสสํ อชฺฌาปชฺชนฺโต ¶ ทิฏฺโ โหตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อาปตฺติเลโสปิ กิมตฺถํ ชาติเลสาทโย วิย น วิตฺถาริโตติ เจ? ตถา อสมฺภวโตติ เวทิตพฺพํ.
๔๐๐. สาฏกปตฺโต สรีรฏฺปตฺโต. อาปตฺติยาติ ปาราชิกาปตฺติยา อฺภาคิยํ สงฺฆาทิเสสาทิ, อธิกรณฺจ อาปตฺติปฺตฺติยา. ‘‘เลโส นาม อาปตฺติภาโค’’ติ วุตฺตตฺตา อาปตฺติภาวเลโส วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ, ตสฺมา ปาราชิกาปตฺติโต อฺภาคิยสฺส อาปตฺติปฺตฺติยา อาธารณฏฺเน ‘‘อธิกรณ’’นฺติ สงฺขฺยํ คตสฺส สงฺฆาทิเสสาทิโน อาปตฺตินิกายสฺส อาปตฺติภาวเลสํ คเหตฺวา โจทนา อาปตฺติเลสโจทนาติ เวทิตพฺพา.
๔๐๘. อนาปตฺติ ตถาสฺี โจเทติ วา โจทาเปติ วาติ อาปตฺตฺภาคิยโจทนายเมว, น อฺตฺถ. เอตฺตาวตา ปมทุฏฺโทเส วุตฺตวิจรณาย สํสนฺทิตํ โหติ, ตํ อิธ กถํ ปฺายตีติ เจ? กงฺขาวิตรณิยา วจนโต. วุตฺตฺหิ ‘‘ตตฺถ อิธ จ อาปตฺตฺภาคิยโจทนาย ตถาสฺิโนปิ อนาปตฺตี’’ติ.
อฺาภาคิยสิกฺขํ โย, เนว สิกฺขติ ยุตฺติโต. คจฺเฉ วินยวิฺูหิ, อฺภาคิยตฺจ
โสติ.
ทุติยทุฏฺโทสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ปมสงฺฆเภทสิกฺขาปทวณฺณนา
๔๐๙. ‘‘วชฺชํ ¶ น ผุเสยฺยา’’ติ จ ปาโ.
๔๑๐. เตสํ อนุรูปาชานนโต อสพฺพฺู อสฺส. ‘‘น, ภิกฺขเว, อเสนาสนิเกน วสฺสํ อุปคนฺตพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๒๐๔) วุตฺตตฺตา ปฏิกฺขิตฺตเมว. ติโกฏิปริสุทฺธนฺติ ปรสฺส ปาปปสงฺคนิวารณตฺถํ วุตฺตํ, น ปฏิจฺจกมฺมนิวารณตฺถํ โกฏีหีติ อากาเรหิ. ปริสุทฺธนฺติ วิมุตฺตํ. ทสหิ เลเสหิ อุทฺทิสฺส กตํ สมณา ปริภฺุชนฺติ, อสฺสมณา อิเมติ สาสนสฺส ครหภาโว อาคจฺเฉยฺย ¶ , ครหปจฺจยา โลโก วา อปฺุํ อริยูปวาทํ ปสเวยฺย, เตหิ วิมุตฺตนฺติ อตฺโถ. วาคุรนฺติ มิคชาลํ. อตฺตโน อตฺถาย วาติอาทินา ปเรสํ อตฺถาย กเต กปฺปิยภาวํ ทสฺเสตฺวา ภิกฺขูนฺจ อฺเสฺจ อตฺถาย กเต ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘มตานํ เปตกิจฺจตฺถายา’’ติอาทิมาห.
ยํ ยํ หีติอาทิ ตสฺส การณสฺส ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ปุน ปฺจนฺนํ สหธมฺมิกานํ อตฺถาย กตํ น กปฺปตีติ วุตฺตนฺติ กิร ธมฺมสิริตฺเถโร. คณฺิปเท ‘‘ภิกฺขูนเมว สุทฺธานํ อตฺถาย กตํ น วฏฺฏตี’’ติ ลิขิตํ. อปเรหิ ปน ‘‘มตานํ เปตกิจฺจตฺถายาติอาทินา วุตฺเตปิ กปฺปติ, ภิกฺขูนํเยว อตฺถายาติ อิมินา ‘ภิกฺขูนมฺปิ ทตฺวา มยํ ภฺุชิสฺสามา’ติ กตมฺปิ วุตฺตํ. ปุน ‘ปฺจสุ เอกํ อุทฺทิสฺสกตํ อิตเรสํ น กปฺปตี’ติ ทสฺสนตฺถํ ‘ปฺจสุ หิ สหธมฺมิเกสูติอาทิ วุตฺต’นฺติ วทนฺตี’’ติ วุตฺตํ. อฺตรสฺมึ ปน คณฺิปเท ‘‘อมฺหากนฺติ จ ราชยุตฺตาทีนนฺติ จ วุตฺเต วฏฺฏตีติ วตฺวา ‘ตุมฺหาก’นฺติ อวตฺวา ‘เปตกิจฺจตฺถายาติ วุตฺเตปิ วฏฺฏตี’ติ จ ทสฺเสตฺวา สพฺพตฺถ วุตฺตานํ, อาทิสทฺเทน สงฺคหิตานฺจ ลกฺขณํ เปนฺเตน ‘ภิกฺขูนํเยวา’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘ภิกฺขูนํ อุทฺทิฏฺเ เอวาติ อธิปฺปาเยนา’ติ วุตฺตํ. น ‘ตุมฺหากํ, อมฺหากฺจาติ วุตฺเต อนาปตฺตี’ติ ทสฺสนตฺถํ. กสฺมา? มิสฺสกวารสฺส อภาวา. ลกฺขณํ นาม วุตฺตานํ, วุตฺตสทิสานฺจ โหติ. ‘สเจ เปตกิจฺจตฺถายาติ วุตฺตฏฺาเน ภิกฺขูนํ โภชนํ สนฺธาย กโรนฺตี’ติ วทนฺติ มหาอฏฺกถายฺจ ‘ตสฺมึ วาเร จ น ตุมฺหากนฺติ วุตฺเต วฏฺฏตี’ติ วุตฺตตฺตา. เตเนว อิธาปิ ‘เปตกิจฺจตฺถาย, มงฺคลาทีนํ วา อตฺถาย กเตปิ เอเสว นโย’ติ ปุพฺเพ วุตฺตตฺถวเสน วุตฺตํ. ‘อวธารณตฺเถน มิสฺสเก วฏฺฏตี’ติ เจ? ‘กปฺปิยมํสสฺส หิ ปฏิคฺคหเณ อาปตฺติ นตฺถี’ติ วจเนน อกปฺปิยปฏิคฺคหเณ อาปตฺตีติ อาปนฺนํ, ‘ตฺจ คเหตพฺพํ สิยา’ติ ปฏิกฺขิปิตพฺพา’’ติ วุตฺตํ, ตํ สุนฺทรํ วิย ทิสฺสติ, วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ. ยตฺถ จาติ ภิกฺขูนํ อตฺถาย กเตปิ. ตมตฺถํ อาวิ กาตุํ ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ ¶ . เอตฺถ ปน ‘‘ภิกฺขุนีนํ ทุกฺกฏํ, อิตเรสํ ทณฺฑกมฺมวตฺถู’’ติ วทนฺติ. กปฺปํ นิรยมฺหีติ อสงฺขฺเยยฺยกปฺปํ. วิวฏฺฏฏฺายิกาเลเยว สงฺฆเภโท โหตีติ. กปฺปนฺติ อายุกปฺปํ.
๔๑๑. กุสลนฺติ เขมํ. อาปตฺติภยา กตา ลชฺชีหีติ เอตฺถ อาปตฺติภเยน อวสฺสํ อาโรเจนฺตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ลชฺชี รกฺขิสฺสตี’’ติ (วิสุทฺธิ. ๑.๔๒; ปารา. อฏฺ. ๑.๔๕) โปราณวจนสฺสานุรูปโต ¶ ‘‘อฺเหิ ลชฺชีหี’’ติ วุตฺตํ. อลชฺชิสฺสปิ อนาโรเจนฺตสฺส อาปตฺติเยว ‘‘เย ปสฺสนฺติ เย สุณนฺตี’’ติ วจนโต.
๔๑๖. อสมนุภาสนฺตสฺสาติ กมฺมการเก กตฺตุนิทฺเทโส, สมนุภาสนกมฺมํ อกริยมานสฺสาติ อตฺโถ. โอทิสฺส อนฺุาโต นาม อุมฺมตฺตกขิตฺตจิตฺตเวทนฏฺฏาทิโก ‘‘อนาปตฺติ อาทิกมฺมิกสฺสา’’ติ อริฏฺสิกฺขาปเท อาคตตฺตา อตฺถีติ เจ? ยมฺปีติอาทิ. สา ปเนสา อนาปตฺติ. โส วุจฺจตีติ ตตฺถ อาคโตปิ สกมฺมพฺยาวโฏปิ เอวํ วุจฺจติ. เอเตนุปาเยนาติ อสมนุภาสนฺตสฺส จ อาทิกมฺมิกสฺส จ วุตฺตตฺถวเสน. เปตฺวา อริฏฺสิกฺขาปทนฺติ ตตฺถ อาทิกมฺมิกปทาภาวา.
ติวงฺคิกนฺติ เอตฺถ วาจาย เอว ปฏินิสฺสชฺชนฺตสฺส โอฏฺจลนาทิกายวิฺตฺติ โหติ, ตสฺมา ทุวิธมฺปิ วิฺตฺตึ กเถนฺตสฺส โหติ. วจีเภทํ กาตุํ อสกฺโกนฺตสฺส กายวิการํ กโรนฺตสฺส อนาปตฺติยา ภวิตพฺพํ. กสฺมา? ติวงฺเคสุ เอกสฺส ปริหีนตฺตา, ตสฺมา ติวงฺคภาโว อาปตฺติยา, องฺคหานิภาโว อนาปตฺติยาติ คเหตพฺพํ. เอตฺถ สิยา – ยทิ องฺคหานิภาเวน อนาปตฺติ, เอวํ สนฺเตปิ วิการํ อกตฺวา จิตฺเตเนว วิสฺสชฺเชนฺตสฺส อนาปตฺติยา ภวิตพฺพนฺติ? ตํ น, กสฺมา? อฏฺกถายํ ‘‘กายวิการํ วา วจีเภทํ วา อกโรนฺตสฺเสว ปน อาปชฺชนโต อกิริย’’นฺติ หิ วุตฺตํ, ‘‘จิตฺตํ วา อนุปฺปาเทนฺตสฺส วา’’ติ น วุตฺตํ, ตสฺมา จิตฺตฺจ นาม วิฺตฺติปฏิพทฺธํ เอวาติ วิสุํ องฺคภาเวเนว วุตฺตตฺตา ชานิตพฺพนฺติ เจ? ตํ น, ทฺวินฺนํเยว อกิริยาติ, ตสฺมา จิตฺเตน วิสฺสชฺเชนฺตสฺสาปิ อาปตฺติ วิย ทิสฺสติ, อุปปริกฺขิตฺวา คเหตพฺพํ. ตตฺถ ‘‘อกุสลจิตฺต’’นฺติ วุตฺตนฺติ เจ? ‘‘จิตฺตพาหุลฺลโต วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ. เตปิ กิร พาหุลฺลโต วทนฺติ.
ปมสงฺฆเภทสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๑. ทุติยสงฺฆเภทสิกฺขาปทวณฺณนา
๔๒๒. สฺีติ ¶ สฺิโน.
ทุติยสงฺฆเภทสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๒. ทุพฺพจสิกฺขาปทวณฺณนา
๔๒๔. ปตํ ¶ ปติตํ วิวริ วิวฏฺฏยิ. เอกโต อุสฺสาเรติ จ คิฬิตโต เปติ จ. เอกปํสุถุปกนทีสงฺขํ ทีฆมูลกปณฺณเสวาลํ เสวาลํ ทณฺฑิสิปิปฺปรึ ปณกํ เปสิฏฺึ นิสฺสาเรติ. ติลพีชกนฺติ สุขุมมูลปณฺณกํ หุตฺวา อุทกปิฏฺเ ปตฺถริกํ อุทกปปฺปฏกํ นิสฺสาเรติ.
๔๒๕-๖. ‘‘ทุพฺพจฺจชาติโก’’ติปิ ปนฺติ. อปทาเนนาติ ปุราณกมฺเมน. ‘‘กึ ปุพฺเพปิ มยํ เอวรูปํ กโรมาติอาทินา เอกูนวีสตี’’ติ มหาปจฺจริยํ กิร วุตฺตํ. มหาอฏฺกถายฺจ อนุมานสุตฺตฏฺกถายฺจ ‘‘โสฬสวตฺถุกา’’ติ วุตฺตํ, ตํ สเมติ.
ทุพฺพจสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๓. กุลทูสกสิกฺขาปทวณฺณนา
๔๓๑. น เกวลํ วิหาโร เอว กีฏาคิริ, โสปิ คาโม ‘‘กีฏาคิริ’’จฺเจว วุจฺจติ. คามฺหิ สนฺธาย ปรโต ‘‘น อสฺสชิปุนพฺพสุเกหิ ภิกฺขูหิ กีฏาคิริสฺมึ วตฺถพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. เอกสํวจฺฉเร ทฺวิกฺขตฺตุํ วสฺสติ กิร, ตํ สนฺธาย ‘‘ทฺวีหิ เมเฆหี’’ติ วุตฺตํ. สมธิกนฺติ ฉ ชเน สนฺธาย. อกตวตฺถุนฺติ นวํ อฏฺุปฺปตฺตึ. ‘‘ชาภิสุมนาทิคจฺฉํ อลฺลานํ หริตานํ เอวา’’ติ ลิขิตํ. ภูตคามพีชคามเภทโต ปเนส เภโท. วตตฺถายาติ วติอตฺถาย. ยํกิฺจีติ โสทกํ วา นิรุทกํ วา. อารามาทิอตฺถายาติ วนราชิกาทิอตฺถาย. มาลาวจฺฉโรปนํ กุลทูสกํเยว สนฺธาย, คนฺถนาทิสพฺพํ น สนฺธาย วุตฺตนฺติ. กถํ ปฺายตีติ เจ? ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘พุทฺเธน ธมฺโม’’ติอาทิ. ‘‘อาเวฬํ อาพิฬ’’นฺติปิ ปาโ.
โคปฺผนนฺติ คนฺถนํ. เวิมนฺติ ตคฺคติกเมว. เวธิมํ อฺเน เกนจิ ปุปฺผํ เวเธตฺวา กตํ ¶ . กณฺฏกมฺปิ พนฺธิตุนฺติ เอตฺถ ‘‘สยํ วิชฺฌนตฺถํ น วฏฺฏติ. อฺสฺสตฺถาย วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. ชาลมยํ วิตานํ ชาลวิตานํ. ปุปฺผปฏิจฺฉกํ ควกฺขํ วิย สฉิทฺทํ กโรนฺติ. ตาลปณฺณคุฬกนฺติ ตาลปณฺณมยํ ปุน กตมฺปิ ปฏิฉิชฺชกเมว. ธมฺมรชฺชุ เจติยํ วา โพธึ วา ปุปฺผปฺปเวสนตฺถํ อาวิชฺฌิตฺวา ¶ พทฺธรชฺชุ. ‘‘กาสาเวน พทฺธมฺปิ สุตฺตวากาทีหิ พทฺธํ ภณฺฑิตสทิส’’นฺติ ลิขิตํ. อํสภณฺฑิกํ ปสิพฺพเก ปกฺขิตฺตสทิสตฺตา เวธิมํ น ชาตํ, ตสฺมา ‘‘สิถิลพทฺธสฺส อนฺตรนฺตรา ปกฺขิปิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘อฺมฺํ อผุสาเปตฺวา อเนกกฺขตฺตุมฺปิ ปริกฺขิปิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. ปูริตนฺติ ทีฆโต ปสาเรตฺวา ปูริตํ. ฆฏิกทามโอลมฺพโกติ ‘‘ยมกทามโอลมฺพโก’’ติ ลิขิตํ. ‘‘เคณฺฑุขรปตฺตทามานํ ปฏิกฺขิตฺตตฺตา เจลาทีหิ กตทามมฺปิ น วฏฺฏติ อกปฺปิยานุโลมตฺตา’’ติ วทนฺติ.
‘‘เรจกํ นาม ตถาลาสิยนาฏนฏานํ นจฺจ’’นฺติ ลิขิตํ. ตํ ‘‘ปริวตฺตนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘สาริโย นาม รุตสุนขา สิงฺคาลกมฺมกุรุงฺคเกฬิปเน ิตา’’ติ กิร ปาโ. ‘‘นิพุชฺฌนฺตี’’ติ ปาฬิ.
๔๓๒. อพลพลาทิ-ปทานํ อุปฺปฏิปาฏิยา. ยถา ปาโมกฺขานํ วเสน สพฺเพปิ ‘‘อสฺสชิปุนพฺพสุกา’’ติ วุตฺตา, ตถา ปาโมกฺขปฺปตฺตสาวกสฺส วเสน ตทายตฺตวุตฺติเน สพฺเพปิ ‘‘สาริปุตฺตา’’ติ. เตน วุตฺตํ ‘‘คจฺฉถ ตุมฺเห สาริปุตฺตา’’ติ.
๔๓๓. ‘‘คาเม วา น วสิตพฺพ’’นฺติ อิมินาว ตสฺมึ คาเม อฺตฺถ น วสิตพฺพนฺติ สิทฺธํ. ‘‘ตสฺมึ วิหาเร วา’’ติ กสฺมา วุตฺตนฺติ เจ? อตฺถสพฺภาวโต. ยสฺมิฺหิ คาเม กุลทูสกกมฺมํ กตํ, ตสฺมึ คาเม, ยสฺมึ วิหาเร วสนฺเตน กุลทูสนํ กตํ, ตํ วิหารํ เปตฺวา อฺสฺมึ วสิตุํ น วฏฺฏตีติ ทสฺสนตฺถํ. ตํ กถนฺติ เจ? ‘‘คาเม วา น วสิตพฺพ’’นฺติ วจเนน ยสฺมึ คาเม กุลทูสนกมฺมํ กตํ, ตสฺมึ วิหาเรปิ วสิตุํ น ลพฺภตีติ อาปนฺนํ, ตํ ทิสฺวา ‘‘ตสฺมึ วิหาเร’’ติ วุตฺตํ, เตน ตสฺมึ คาเม อฺสฺมึ วสิตุํ ลพฺภตีติ สิทฺธํ. ‘‘ตสฺมึ วิหาเร วสนฺเตนา’’ติ อิมินา ตสฺมึ คาเม อฺตฺถ วสนฺเตน สามนฺตคาเม ปิณฺฑาย จริตุํ วฏฺฏตีติ ทีปิตํ โหติ. สามนฺตวิหาเรปีติ สามนฺตวิหาโร นาม ตสฺมึเยว คาเม ตสฺส วิหารสฺส สามนฺตวิหาโร จ ตสฺส คามสฺส สามนฺตวิหาโร จาติ อุภยํ วุจฺจติ, เอเตน ตสฺมึ คาเม อฺตฺถ วสนฺเตน ตสฺมึ คาเม ปิณฺฑาย น จริตพฺพํ. สามนฺตคาเมปิ ปิณฺฑาย จริตุํ วฏฺฏติ, ปุน ยสฺมึ คาเม กุลทูสนกมฺมํ กตํ, ตสฺส สามนฺตคาเม กุลทูสกวิหารสฺส สามนฺตวตฺถุวิหาเร วสนฺเตน ตสฺมึ คาเมปิ จริตุํ วฏฺฏติ. ยสฺมึ ¶ สามนฺตคาเม กุลทูสกํ น กตํ, ตสฺมิมฺปิ จริตุํ วฏฺฏติ, เนว วิหาเรติ อธิปฺปาโย. ‘‘น ¶ นคเร จริตุ’’นฺติ วุตฺตตฺตา อฺสฺมึ วิหาเร ตสฺมึ คาเม วสิตุํ วฏฺฏตีติ ทีปิตํ โหตีติ เอเก. คณฺิปเทสุ ปน วิจารณา เอว นตฺถิ, ตสฺมา สุฏฺุ วิจาเรตฺวา กเถตพฺพํ.
๔๓๖-๗. ทาเปตุํ น ลภนฺติ, ปุปฺผทานฺหิ สิยา. ตสฺเสว น กปฺปตีติ เอตฺถ ยาคุอาทีนิ อาเนตฺวา ‘‘ททนฺตู’’ติ อิจฺฉาวเสน วทติ เจ, สพฺเพสํ น กปฺปติ, เกวลํ ปน สุทฺธจิตฺเตน อตฺตานํ วา ปเรสํ วา อนุทฺทิสิตฺวา ‘‘อิเม มนุสฺสา ทานํ ทตฺวา ปฺุํ ปสวนฺตู’’ติ วทนฺตสฺส ตสฺเสว น กปฺปติ ยาคุอาทีนํ ปจฺจยปฏิสํยุตฺตกถาย อุปฺปนฺนตฺตา. มหาอฏฺกถายมฺปิ ‘‘ปฺจนฺนมฺปิ สหธมฺมิกาน’’นฺติ วิเสเสตฺวา อวุตฺตตฺตา อตฺถโต สยเมวาติ อปเร. อาจริยา ปน ‘‘ยถา มหาปจฺจริยํ, กุรุนฺทิยฺจ ‘ตสฺเสวา’ติ วิเสเสตฺวา วุตฺตํ, เอวํ มหาอฏฺกถายํ วิเสเสตฺวา น วุตฺตํ, ตสฺมา สพฺเพสํ น กปฺปตี’’ติ วทนฺติ.
กุลทูสกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
เตรสกกณฺฑวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. อนิยตกณฺโฑ
๑. ปมอนิยตสิกฺขาปทวณฺณนา
๔๔๔-๕. อุทฺเทสนฺติ ¶ ¶ อุทฺทิสนํ, อาสาฬฺหินกฺขตฺตํ นาม วสฺสูปคมปูชา. โสตสฺส รโหติ เอตฺถ รโห-วจนสามฺโต วุตฺตํ ทุฏฺุลฺลสามฺโต ทุฏฺุลฺลาโรจนปฺปฏิจฺฉาทนสิกฺขาปเทสุ ปาราชิกวจนํ วิย. ตสฺมา ‘‘จกฺขุสฺส รเหเนว ปน ปริจฺเฉโท กาตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. กถํ ปฺายตีติ เจ? ‘‘มาตุคาโม นาม ตทหุชาตาปิ ทาริกา’’ติ วจนโต, ‘‘อลํกมฺมนิเยติ สกฺกา โหติ เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวิตุ’’นฺติ วจนโต จ รโหนิสชฺชสฺสาโท เจตฺถ เมถุนสนฺนิสฺสิตกิเลโส, น ทุติเย วิย ทุฏฺุลฺลวาจสฺสาทกิเลโส, ตสฺมา จ ปฺายติ ‘‘โสตสฺส รโห นาธิปฺเปโต’’ติ. เกจิ ปน ‘‘ตฺจ ลพฺภตีติ วจนสฺส ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, เตน ทุติเย วุตฺตา วิฺู ปฏิพลา คหิตา โหตี’’ติ วทนฺติ. เยน วา สาติ เอตฺถ วา-สทฺโท ‘‘เตน โส ภิกฺขุ กาเรตพฺโพ วา’’ติ โยเชตพฺโพ, โส จ วิกปฺปตฺโถ, ตสฺมา กาเรตพฺโพ วา ปฏิชานมาโน, น วา กาเรตพฺโพ อปฺปฏิชานมาโนติ อตฺโถ. เตน วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘ปฏิชานมาโนว เตน โส ภิกฺขุ กาเรตพฺโพ…เป… น กาเรตพฺโพ’’ติ. ตสฺมา เอว ปาฬิยํ ตทตฺถทฺวยทสฺสนตฺถํ ‘‘สา เจ เอวํ วเทยฺยา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘สทฺเธยฺยวจสา’’ติ อิมินา โสตาปนฺนา อตฺถภฺชนกํ น ภณนฺติ, เสสํ ภณนฺตีติ วาทีนํ วาโท ปฏิเสธิโต โหติ. ‘‘ทิฏฺ’’นฺติ วุตฺตตฺตา ‘‘โอโลเกสี’’ติ สุนฺทรํ. รกฺเขยฺยาสีติ มม วิเสสํ กสฺสจิ นาโรเจยฺยาสีติ อธิปฺปาโย.
๔๔๖. ‘‘สา เจ เอวํ วเทยฺย ‘อยฺยสฺส มยา สุตํ นิสินฺนสฺส มาตุคามํ ทุฏฺุลฺลาหิ วาจาหิ โอภาเสนฺตสฺสา’’’ติ, อิทํ กิมตฺถเมตฺถ วุตฺตํ, น อธิปฺเปตฺเหตํ อิธ โสตสฺส รโห นาธิปฺเปโตติ กตฺวาติ เจ? อลํกมฺมนิยฏฺาเน ทุฏฺุลฺลวาจาปิ ลพฺภติ, น ปน นาลํกมฺมนิยฏฺาเน เมถุนนฺติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพนฺติ. ยถา เอตํ, ตถา ‘‘สา เจ เอวํ วเทยฺย ¶ ‘อยฺยสฺส มยา สุตํ มาตุคามสฺส สนฺติเก อตฺตกามปาริจริยาย วณฺณํ ภาสนฺตสฺสา’’’ติ เอตมฺปิ อิธ ลพฺภติ, น ทุติเย นาลํกมฺมนิยฏฺานตฺตาติ เอเก. กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. ทุติยานิยตสิกฺขาปทวณฺณนา) อิธาปิ ทุติยานิยตาธิกาเร ปาราชิกาปตฺติฺจ ¶ ปริหาเปตฺวา ทุฏฺุลฺลวาจาปตฺติยา วุตฺตตฺตา ปมานิยเต ทุฏฺุลฺลวาจาปตฺติ น วุตฺตาติ เจ? ‘‘สา เจ’’ติ ตสฺสา ปาฬิยา โปตฺถกา โสเธตพฺพา. คณฺิปเท จ ‘‘อิธ สิกฺขาปเท เมถุนกายสํสคฺครโหนิสชฺชานเมวาคตตฺตา จกฺขุสฺสรโหว ปมาณ’’นฺติ ลิขิตํ, ทุติยานิยตาธิกาเร จ ‘‘อนนฺโธ กายสํสคฺคํ ปสฺสติ, อพธิโร ทุฏฺุลฺลํ สุณาติ, กายจิตฺตโต กายสํสคฺโค, วาจาจิตฺตโต ทุฏฺุลฺลํ, อุภเยหิ อุภย’’นฺติ จ ลิขิตํ. อฏฺกถายํ ‘‘สมุฏฺานาทีนิ ปมปาราชิกสทิสาเนวา’’ติ วุตฺตตฺตาปิ ทุฏฺุลฺลวาโท น สุนฺทโร ‘‘ตทหุชาตา’’ติ วุตฺตตฺตาติ.
ปมอนิยตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ทุติยอนิยตสิกฺขาปทวณฺณนา
๔๕๓. ทุติเย เกสุจิ โปตฺถเกสุ ‘‘น เหว โข ปน ปฏิจฺฉนฺนํ อาสนํ โหติ อาสน’’นฺติ ลิขิตํ. ‘‘อาสนนฺติ อธิกํ, อุทฺธริตานุรูป’’นฺติ ลิขิตํ. ทฺเวปิ รหา อิธ อธิปฺเปตา กายสํสคฺคทุฏฺุลฺลวาจารโหนิสชฺชคฺคหณโต. ยทิ เอวํ ‘‘มาตุคาโม นาม วิฺู ปฏิพลา’’ติ กิมตฺถํ วุตฺตนฺติ? อยเมว หิ มาตุคาโม ทฺวินฺนมฺปิ กายสํสคฺคทุฏฺุลฺลวาจานํ เอกโต วตฺถุภูโต, ตสฺมา วุตฺตํ. กายสํสคฺคสฺส วตฺถุภูโต ทสฺสิโต, น อิตรสฺสาติ กตฺวา ทุฏฺุลฺลวาจเมว สนฺธาย ตสฺสา วตฺถุํ ทสฺเสนฺโต เอวมาห.
เอตฺถาห – ยถา ปเม อนธิปฺเปตาปิ ทุฏฺุลฺลวาจา สมฺภววิเสสทสฺสนตฺถํ วุตฺตา, อิธาปิ กายสํสคฺโค, กสฺมา น ตสฺส วเสน จกฺขุสฺส รโห คเหตพฺโพติ? อาม น คเหตพฺโพ, น จ คหิโต, คหิโต เอว ปน นิสชฺชวเสน, น หิ องฺคสฺส นิสชฺชา วิเสโสติ. อปฺปฏิจฺฉนฺเน สติ กถํ จกฺขุสฺส รโหติ เจ? ทูรตฺตา. ปเม กสฺมา อิตฺถิสตมฺปิ อนาปตฺตึ น กโรติ, อิธ กสฺมา เอกาปิ กโรตีติ เจ? โน วุจฺจติ สิทฺธตฺตา. สิทฺธํ โหติ, ยทิทํ อฺตโร ภิกฺขุ เวสาลิยํ มหาวเน…เป… ทฺวารํ วิวริตฺวา นิปนฺโน โหติ…เป… สมฺพหุลา อิตฺถิโย ยาวทตฺถํ ¶ กตฺวา ปกฺกมึสูติ (ปารา. ๗๗). ตสฺมา น เมถุนสฺส มาตุคาโม ทุติโย โหติ. อิตฺถิโย หิ อฺมฺิสฺสา วชฺชํ ปฏิจฺฉาเทนฺติ, เตเนว ภิกฺขุนีนํ ¶ วชฺชปฏิจฺฉาทเน ปาราชิกํ ปฺตฺตํ. ตถา ‘‘อายสฺมา อุทายี ตา อิตฺถิโย วิหารํ เปกฺขาเปตฺวา ตาสํ อิตฺถีนํ วจฺจมคฺค’’นฺติ (ปารา. ๒๘๓) เอตฺถ ‘‘ยา ปน ตา อิตฺถิโย หิริมนา, ตา นิกฺขมิตฺวา ภิกฺขู อุชฺฌาเปนฺตี’’ติ (ปารา. ๒๘๓) วจนโต ทุฏฺุลฺลสฺส มาตุคาโม ทุติโย โหตีติ สิทฺธนฺติ อธิปฺปาโย. อุภยตฺถาปิ อุมฺมตฺตกาทิกมฺมิกานํ อนาปตฺตีติ เตสํ ปาเฏกฺกํ นิทาเน อาคตํ, อาทิกมฺมิกานํ อนาปตฺตีติ อตฺโถ. อนุคณฺิปเท ปน ‘‘อเจลกวคฺเค รโหปฏิจฺฉนฺนาสนสิกฺขาปเท ‘วิฺู ปุริโส ทุติโย โหตี’ติ (ปาจิ. ๒๘๘) อิมสฺส อนุรูปโต ‘อิตฺถีนํ สตมฺปิ อนาปตฺตึ น กโรตี’ติ วุตฺต’’นฺติ จ, ‘‘ทุติยานิยเต ‘อิตฺถีปิ ปุริโสปี’ติ อิทํ ภิกฺขุนีวคฺเค โอสานสิกฺขาปทสฺส, อเจลกวคฺเค อปฺปฏิจฺฉนฺนาสนสิกฺขาปทสฺส จ อนาปตฺติวาเร ‘โย โกจิ วิฺู ปุริโส ทุติโย’ติ วุตฺตํ. อิเมสํ อนุรูปโต วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติ จ วุตฺตํ.
ทุติยอนิยตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปกิณฺณกวณฺณนา
อปิเจตฺถ อิทํ ปกิณฺณกํ, เสยฺยถิทํ – อิทํ อนิยตกณฺฑํ นิปฺปโยชนํ อปุพฺพาภาวโตติ เจ? น, ครุกลหุกเภทภินฺนาปตฺติโรปนาโรปนกฺกมลกฺขณทีปนปฺปโยชนโต. เอตฺถ หิ ‘‘สา เจ เอวํ วเทยฺย ‘อยฺโย มยา ทิฏฺโ นิสินฺโน มาตุคามสฺส เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวนฺโต’ติ, โส จ ตํ ปฏิชานาติ, อาปตฺติยา กาเรตพฺโพ…เป… นิสชฺชาย กาเรตพฺโพ’’ติอาทินา (ปารา. ๔๔๖) อาปตฺติยา ครุกาย ลหุกาย จ โรปนกฺกมลกฺขณํ, กาเรตพฺโพติ อิมินา อนาโรปนกฺกมลกฺขณฺจ ทสฺสิตํ. ลกฺขณทีปนโต อาทิมฺหิ, อนฺเต วา อุทฺทิสิตพฺพนฺติ เจ? น, อสมฺภวโต. กถํ? น ตาว อาทิมฺหิ สมฺภวติ, เยสมิทํ ลกฺขณํ, เตสํ สิกฺขาปทานํ อทสฺสิตตฺตา. น อนฺเต, ครุกมิสฺสกตฺตา, ตสฺมา ครุกลหุกานํ มชฺเฌ เอว อุทฺทิสิตพฺพนฺติ อรหติ อุภยามิสฺสกตฺตา. ยา ตตฺถ ลหุกาปตฺติ ทสฺสิตา ¶ , สาปิ ครุกาทิกา. เตเนวาห ‘‘เมถุนธมฺมสนฺนิสฺสิตกิเลสสงฺขาเตน รหสฺสาเทนา’’ติอาทิ, ตสฺมา ครุกานํ เอว อนนฺตรํ อุทฺทิฏฺาติปิ เอเก. เอวํ สนฺเต ปมเมวาลํ ตาวตา ลกฺขณทีปนสิทฺธิโต, กึ ทุติเยนาติ เจ? น, โอกาสนิยมปจฺจยมิจฺฉาคาหนิวารณปฺปโยชนโต. ‘‘ปฏิจฺฉนฺเน อาสเน อลํกมฺมนิเย’’ติ โอกาสนิยมโต หิ ตพฺพิปรีเต โอกาเส อิทํ ลกฺขณํ น วิกปฺปิตนฺติ มิจฺฉาคาโห โหติ, ตนฺนิวารณโต ทุติยมฺปิ สาตฺถกเมวาติ อธิปฺปาโย. กสฺมา? โอกาสเภทโต, รโหเภททีปนโต, รโหนิสชฺชสฺสาทเภททีปนโต ¶ . โอกาสนิยมภาเว จ รโหนิสชฺชสฺสาทเภโท ชาโต. ทฺวินฺนํ รโหนิสชฺชสิกฺขาปทานํ นานตาชานนฺจ สิยา, ตถา กายสํสคฺคเภททีปนโต. นาลํกมฺมนิเยปิ หิ โอกาเส อปฺปฏิจฺฉนฺเน, ปฏิจฺฉนฺเนปิ วา นิสินฺนาย วาตปานกวาฏฉิทฺทาทีหิ นิกฺขนฺตเกสาทิคฺคหเณน กายสํสคฺโค ลพฺภตีติ เอวมาทโยปิ นยา วิตฺถารโต เวทิตพฺพา. ‘‘ภิกฺขุปาติโมกฺเข อาคตนยตฺตา ภิกฺขุนีปาติโมกฺเข อิทํ กณฺฑํ ปริหีนนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติ วทนฺติ. อตฺถุปฺปตฺติยา ตตฺถ อนุปนฺนตฺตาติ เอเก. ตํ อเนกตฺถภาวทีปนโต อยุตฺตํ. สพฺพพุทฺธกาเล หิ ภิกฺขูนํ ปฺจนฺนํ, ภิกฺขุนีนํ จตฺตาโร จ อุทฺเทสา สนฺติ. ปาติโมกฺขุทฺเทสปฺตฺติยา อสาธารณตฺตา ตตฺถ นิทฺทิฏฺสงฺฆาทิเสสปาจิตฺติยานนฺติ เอเก. ตาสํ ภิกฺขุนีนํ อุพฺภชาณุมณฺฑลิกอฏฺวตฺถุกวเสน กายสํสคฺควิเสโส ปาราชิกวตฺถุ, ‘‘หตฺถคฺคหณํ วา สาทิเยยฺย, กายํ วา ตทตฺถาย อุปสํหเรยฺยา’’ติ (ปาจิ. ๖๗๔-๖๗๕) วจนโต สาทิยนมฺปิ, ‘‘สนฺติฏฺเยฺย วา’’ติ (ปาจิ. ๖๗๕) วจนโต านมฺปิ, ‘‘สงฺเกตํ วา คจฺเฉยฺยา’’ติ (ปาจิ. ๖๗๕) วจนโต คมนมฺปิ, ‘‘ฉนฺนํ วา อนุปวิเสยฺยา’’ติ (ปาจิ. ๖๗๕) วจนโต ปฏิจฺฉนฺนฏฺานปเวโสปิ, ตถา ‘‘รตฺตนฺธกาเร อปฺปทีเป ปฏิจฺฉนฺเน โอกาเส เอเกเนกา สนฺติฏฺเยฺย วา สลฺลเปยฺย วา’’ติ (ปาจิ. ๘๓๘) วจนโต ทุฏฺุลฺลวาจาปิ ปาจิตฺติยวตฺถุกนฺติ กตฺวา ตาสํ อฺถา อนิยตกณฺฑสฺส อวตฺตพฺพตาปตฺติโตปิ น วุตฺตนฺติ เตสํ อธิปฺปาโย.
ปกิณฺณกวณฺณนา นิฏฺิตา.
อนิยตกณฺฑํ นิฏฺิตํ.
๔. นิสฺสคฺคิยกณฺโฑ
๑. จีวรวคฺโค
๑. ปมกถินสิกฺขาปทวณฺณนา
๔๕๙. สมิตาวินาติ ¶ ¶ สมิตา’เนน กิเลสาติ สมิตาวี, เตน สมิตาวินา. ‘‘ตีณิ จีวรานี’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘ติจีวร’’นฺติ วุตฺตํ. สงฺขฺยาปุพฺโพ ทิคุเนกวจนนฺติ เอตฺถ ลกฺขณํ เวทิตพฺพํ. ตํ ปน อธิฏฺิตสฺสปิ อนธิฏฺิตสฺสปิ นามํ ‘‘เอกรตฺตมฺปิ เจ ภิกฺขุ ติจีวเรน วิปฺปวเสยฺยา’’ติอาทีสุ ติจีวราธิฏฺาเนน อธิฏฺิตสฺส นามํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติจีวรํ อธิฏฺาตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๕๘) เอตฺถ อนธิฏฺิตสฺส นามํ, อิธ ตทุภยมฺปิ สมฺภวติ. ‘‘ภควตา ภิกฺขูนํ ติจีวรํ อนฺุาตํ โหตี’’ติ เอตฺถ อธิฏฺิตเมว. ‘‘อฺเเนว ติจีวเรน คามํ ปวิสนฺตี’’ติ เอตฺถ อนธิฏฺิตเมว. เอกสฺมึเยว หิ จีวเร ติจีวราธิฏฺานํ รุหติ, น อิตรสฺมึ ปตฺตาธิฏฺานํ วิย, ตสฺมา อิตรํ อติเรกฏฺาเน ติฏฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘กถฺหิ นาม ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู อติเรกจีวรํ ธาเรสฺสนฺตี’’ติอาทิ.
๔๖๐-๑. ปมปฺตฺติยา ปเนตฺถ เอกรตฺตมฺปิ อติเรกจีวรํ ธาเรยฺย, นิสฺสคฺคิยํ วุตฺตํ โหติ, ตโต ปรํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ทสาหปรมํ อติเรกจีวรํ ธาเรตุํ. เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ ‘ทสาหปรมํ อติเรกจีวรํ ธาเรตพฺพํ, ตํ อติกฺกามยโต นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติย’’’นฺติ เอวํ ภควา ปริปุณฺณํ สิกฺขาปทํ ปฺาเปสิ. อถ ปจฺฉิมโพธิยํ อชาตสตฺตุกาเล กถินํ อนฺุาตํ, ตโต ปฏฺาย ภิกฺขู อิทํ สิกฺขาปทํ ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ ภิกฺขุนา อุพฺภตสฺมึ กถิเน ทสาห…เป… ปาจิตฺติย’’นฺติ อุทฺทิสนฺติ, เอส นโย ทุติยตติยกถิเนสุปิ. ตถาปิ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘ทสาหปรมนฺติ ¶ อยเมตฺถ อนุปฺตฺตี’’ติ เอตฺตกํเยว วุตฺตํ, ตสฺมา ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ ภิกฺขุนา อุพฺภตสฺมึ กถิเน’’ติ วจนํ น ปฺตฺติ, น จ อนุปฺตฺตีติ สิทฺธํ. น หิ ปฺตฺติวตฺถุสฺมึ, อนุปฺตฺติวตฺถุมฺหิ วา กถินาธิกาโร ทิสฺสตีติ ยถาวุตฺตนโยว สาโรติ นิฏฺเมตฺถ คนฺตพฺพํ. อถาปิ สิยา ‘‘กถินสฺสุปฺปตฺติกาลโต ปฏฺาย ภควโต วจนํ อนุปฺตฺติภาเวน วุตฺต’’นฺติ. ยทิ เอวํ ทฺเว อนุปฺตฺติโย สิยุํ, ตโต ปริวาเร (ปริ. ๒๔) ‘‘เอกา ¶ อนุปฺตฺตี’’ติวจนวิโรโธ. อปิจ ยถาวุตฺตนยทีปนตฺถํ อิธ ตํ วจนํ ปมปฺตฺติกาเล อวตฺวา ปจฺฉา วุตฺตํ. เอตฺถ สาธิตตฺตา ทุติยตติเยสุ ปจฺฉา วุตฺตปมปฺตฺตีสุ เอวํ วุตฺตํ. อฺถา ตตฺถปิ ตํ วจนํ ปจฺฉา วตฺตพฺพํ สิยา. อนุคณฺิปเท ปน ‘‘ปจฺฉา วุตฺตภาวํ สนฺธาย นิฏฺิตจีวรสฺมินฺติอาทีสุ อนุปฺตฺตี’’ติ วุตฺตํ. เสกฺขปุถุชฺชนานํ เปมํ, อรหนฺตานํ คารโว. ทสมํ วา นวมํ วาติ เอตฺถ ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนํ.
๔๖๒-๓. นิฏฺิตจีวรสฺมินฺติ อิทํ เกวลํ จีวรปลิโพธาภาวมตฺตทีปนตฺถํ วุตฺตํ, ตสฺมา ‘‘นฏฺํ วา วินฏฺํ วา ทฑฺฒํ วา จีวราสา วา อุปจฺฉินฺนา’’ติ วุตฺตํ. ยทิ ทสาหปรมํ ธาเรตพฺพจีวรทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ สิยา, นฏฺาทิกํ โส ธาเรยฺย. ธารณฺเจตฺถ ปนํ, ปริโภโค วา. ตํ ทฺวยํ กเตปิ ยุชฺชติ, อกเตปิ ยุชฺชติ, ตสฺมา ‘‘กตํ วา โหตี’’ติปิ น วตฺตพฺพํ. น หิ กตเมว อติกฺกามยโต นิสฺสคฺคิยนฺติ, ตสฺมา ยํ จีวรํ อุปาทาย ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมิ’’นฺติ วุตฺตํ. ตมฺปิ อุพฺภตสฺมึ กถิเน ทสาหปรมํ กาลํ ธาเรตพฺพนฺติ อตฺโถ น คเหตพฺโพ. ตฺหิ จีวรํ สนฺตฺเจ, อุพฺภตสฺมึ กถิเน เอกทิวสมฺปิ ปริหารํ น ลพฺภติ. อปิจ ‘‘จีวรํ นาม วิกปฺปนุปคํ ปจฺฉิม’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ จ กตํ นาม โหติ, ตสฺมาปิ น ตํ สนฺธาย ธาเรตพฺพนฺติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ อสมฺภวโต.
อนุคณฺิปเท ปเนตํ วุตฺตํ ‘‘ตตฺถ สิยา – ตสฺส ภิกฺขุโน จีวรํ นฏฺาทีสุ อฺตรํ ยทิ ภเวยฺย, กตมํ จีวรํ ทสาหปรมํ ธาเรยฺย. ยสฺมา ธาเรตพฺพจีวรํ นตฺถิ, ตสฺมา อตฺถุทฺธารวเสน กรณปลิโพธทสฺสนตฺถํ ‘นฏฺํ วา’ติอาทิปทานิ วุตฺตานิ. อยํ ปนตฺโถ ‘นฏฺํ วา’ติอาทินา นเยน วุตฺตจีวรานํ อฺตรสฺมึ จีวเร อสติ คเหตพฺโพ, สติ ตํ ทสาหปรมํ อติกฺกามยโต นิสฺสคฺคิยํ. เอส นโย สพฺพตฺถ. ‘กตํ วา โหตี’ติ วุตฺตจีวรเมวาธิปฺเปตํ. กสฺมา ปน กตจีวรํ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปตนฺติ น วุตฺตนฺติ เจ? ปากฏตฺตา. กถํ? นฏฺวินฏฺจีวราทีนํ ธารณสฺส อภาวโต กตจีวรเมว อิธาธิปฺเปตนฺติ ปากฏํ. ยถา กึ? ยถา ปมานิยเต เมถุนกายสํสคฺครโหนิสชฺชานเมวาคตตฺตา โสตสฺส รโห อตฺถุทฺธารวเสน ¶ วุตฺโตติ ปากโฏ, ตสฺมา ‘จกฺขุสฺส รโห อิตรสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปโต’ติ น วุตฺโต. เอวํสมฺปทมิทนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘กตํ วา โหตี’ติ อิทํ น วตฺตพฺพํ, กสฺมา? อกตํ อติกฺกามยโตปิ นิสฺสคฺคิยตฺตา, กิฺจาปิ นิสฺสคฺคิยํ โหติ ¶ , อิธ ปน ติจีวราธิฏฺานมธิปฺเปตํ. ตสฺมึ ติจีวราธิฏฺาเน อกตํ, อรชิตํ, อกปฺปิยกตฺจ ‘อิมํ สงฺฆาฏึ อธิฏฺามี’ติอาทินา นเยน อธิฏฺาตุํ น วฏฺฏติ, ตทตฺถทีปนตฺถํ ‘กตํ วา โหตี’ติ วุตฺตํ. อิตรถา ‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ ปฏิลทฺเธ’ติ วเทยฺย, เอวํ สนฺเต ติจีวรํ ทสาหํ อติกฺกามยโต นิสฺสคฺคิยนฺติ กถํ ปฺายตีติ เจ? วจนปฺปมาณโต. ‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติจีวรํ อธิฏฺาตุํ น วิกปฺเปตุ’นฺติ วุตฺตตฺตา อิธาปิ ‘อติเรกจีวรํ นาม อนธิฏฺิต’นฺติ เอตฺตกเมว วตฺตพฺพํ สิยา. ยสฺมา ‘กตํ วา โหตี’ติ วจเนน อิธาธิปฺเปตจีวเรน สทฺธึ เสสมฺปิ ทสาหปรมโต อุตฺตริ ธาเรตุํ น ลพฺภตีติ อนุชานนฺโต ‘อติเรกจีวรํ นาม อนธิฏฺิตํ อวิกปฺปิต’นฺติ อาห. ตตฺถ สิยา – ยถา ‘อวิกปฺปิต’นฺติ อตฺถุทฺธารวเสน วุตฺตํ, ตถา ‘วิกปฺปนุปคํ ปจฺฉิม’นฺติปิ. กสฺมา? ยสฺมา ติจีวรเมว ทสาหปรมํ ธาเรตพฺพํ ‘นิฏฺิตจีวรสฺมิ’นฺติอาทิอนุปฺตฺติวเสน. อิตรถา เอกาหาติกฺกเมปิ นิสฺสคฺคิยํ โหติ ‘โย ปน, ภิกฺขุ, อติเรกจีวรํ ธาเรยฺย, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติย’นฺติ วจนโต. น ติจีวรโต อฺมฺปิ จีวรํ ทสาหปรมํ ธาเรตพฺพํ, ตโต ปรํ นิสฺสคฺคิยํ ‘อนฺโตทสาห’นฺติ วุตฺตตฺตา. ยถาห ‘อนาปตฺติ อนฺโตทสาหํ อธิฏฺเติ, วิกปฺเปตี’ติ, อิตรถา ‘อนฺโตทสาหํ อธิฏฺเตี’ติ วจนมตฺตเมว ภเวยฺย, ตสฺมา อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว อตฺโถ คเหตพฺโพ. อิทํ สพฺพํ อปเร วทนฺตี’’ติ. เอตฺถ อนฺโตกถิเน อุปฺปนฺนจีวรํ กตเมว สนฺตฺเจ, ทสาหปรมํ ธาเรตพฺพนฺติ อิทฺจิมสฺส สาธนตฺถํ วุตฺตวจนฺจ ปรโต อิเธว วุตฺตวิจารณาย ยถาวุตฺตยุตฺติยา จ วิรุชฺฌตีติ น คเหตพฺพํ.
อิเธว วุตฺตวิจารณา นาม – ‘‘สฺเว กถินุทฺธาโร ภวิสฺสตี’’ติ อชฺช อุปฺปนฺนจีวรํ ตทเหว อนธิฏฺหนฺตสฺส อรุณุคฺคมเน นิสฺสคฺคิยํ. กสฺมา? ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมิ’’นฺติอาทินา สิกฺขาปทสฺส วุตฺตตฺตา. อนฺโตกถิเน อติเรกทสาหมฺปิ ปริหารํ ลภติ, กถินโต อุทฺธํ เอกทิวสมฺปิ น ลภติ. ยถา กึ? ยถา อตฺถตกถิโน สงฺโฆ อตฺถตทิวสโต ปฏฺาย ยาว อุพฺภารา เอกทิวสาวเสเสปิ กถินุพฺภาเร อานิสํสํ ลภติ, ปุนทิวเส น ลภติ. สเจ สติสมฺโมสา ภาชนียจีวรํ น ภาชิตํ, ปุนทิวเส อนตฺถตกถินานมฺปิ สาธารณํ โหติ. ทิวสา เจ สาวเสสา, อตฺถตกถินสฺเสว สงฺฆสฺส ปาปุณาติ, เอวเมว อตฺถตทิวสโต ปฏฺาย ยาว อุพฺภารา อนธิฏฺิตํ อวิกปฺปิตํ วฏฺฏติ อนฺุาตทิวสพฺภนฺตรตฺตา. กถินทิวโส ¶ คณนุปโค โหติ, อุพฺภตทิวสโต ปฏฺาย ทสาหปรมํ กาลํ อุปฺปนฺนจีวรํ ปริหารํ ลภติ, ตโต ¶ ปรํ น ลภติ. กสฺมา? ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ทสาหปรมํ อติเรกจีวรํ ธาเรตุ’’นฺติ วจนโต. อนฺโตกถิเนปิ เอกาทเส อรุณุคฺคมเน นิสฺสคฺคิยปฺปสงฺคํ ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ อุพฺภตสฺมึ กถิเน’’ติ อยํ อนุปฺตฺติ วาเรตฺวา ิตา, น จ เต ทิวเส อทิวเส อกาสีติ. ตถา ตติยกถิเน จ วิจาริตํ ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ ภิกฺขุนา อุพฺภตสฺมึ กถิเน ภิกฺขุโน ปเนว อกาลจีวรํ อุปฺปชฺเชยฺยา’ติ วทนฺเตน ภควตา ยํ มยา เหฏฺา ปมสิกฺขาปเท ‘ทสาหปรมํ อติเรกจีวรํ ธาเรตพฺพ’นฺติ อนฺุาตํ, ตมฺปิ กถินมาสโต พหิ อุปฺปนฺนเมว, น อนฺโตติ ทีปิตํ โหตี’’ติ จ, ‘‘‘กาเลปิ อาทิสฺส ทินฺนํ เอตํ อกาลจีวร’นฺติ (ปารา. ๕๐๐) วจนโต กถินุพฺภารโต อุทฺธํ ทสาหปริหารํ น ลภตีติ ทีปิตํ โหติ, เตหิ สทฺธึ ปุน กถินุพฺภารโต อุทฺธํ ปฺจ ทิวสานิ ลภตีติ ปสงฺโคปิ ‘นิฏฺิตจีวร…เป… ขิปฺปเมว กาเรตพฺพ’นฺติ อกาลจีวรสฺส อุปฺปตฺติกาลํ นิยเมตฺวา วุตฺตตฺตา วาริโต โหติ. ตทุภเยน กถินพฺภนฺตเร อุปฺปนฺนจีวรํ กถินุพฺภารโต อุทฺธํ เอกทิวสมฺปิ ปริหารํ น ลภตีติ สิทฺธํ โหตี’’ติ จ. ตสฺมา ทุวิธมฺเปตํ วิจารณํ สนฺธาย อมฺเหหิ ‘‘อิเธว วุตฺตวิจารณาย ยถาวุตฺตยุตฺติยา จ วิรุชฺฌตีติ น คเหตพฺพ’’นฺติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
เอตฺถาห – ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ อุพฺภตสฺมึ กถิเน’’ติ อิทํ ภุมฺมํ กึ จีวรสฺส อุปฺปตฺติ นิยเมติ, อุทาหุ ธารณํ, อุทาหุ อุภยนฺติ, กิฺเจตฺถ, ยทิ อุปฺปตฺตึ นิยเมติ, ปจฺฉิมกตฺติกมาเส เอว อุพฺภตสฺมึ กถิเน อุปฺปนฺนจีวรํ ตโต ปฏฺาย ทสาหํ ธาเรตพฺพํ อนิฏฺิเตปิ ตสฺมึ มาเสติ อาปชฺชติ. อถ ธารณํ นิยเมติ, อนฺโตกถิเน อุปฺปนฺนจีวรํ อุพฺภเตปิ ทสาหปรมํ ธาเรตพฺพนฺติ อาปชฺชติ. อถ อุภยํ นิยเมติ, ตติยกถิเน วิย วิเสเสตฺวา วตฺตพฺพนฺติ? วุจฺจเต – กามํ อุภยํ นิยเมติ, น ปน วิเสสเน ปโยชนํ อตฺถิ. ยํ อนฺโตกถิเน อุปฺปนฺนจีวรํ สนฺธาย ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมิ’’นฺติ วุตฺตํ, น ตํ สนฺธาย ‘‘ธาเรตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, สาธิตฺเหตํ. ‘‘กตํ วา โหตี’’ติอาทิวจนโต ตทตฺถสิทฺธิ, เตน ปุน วิเสสเน ปโยชนํ นตฺถิ, น หิ กตเมว นิสฺสคฺคิยํ กโรติ, น จ นฏฺาทิกํ ธาเรตุํ สกฺกาติ. เยน วา อธิปฺปาเยน ภควตา อิทํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, โส ¶ อธิปฺปาโย ตติยกถิเน ปกาสิโตติ เวทิตพฺโพ. กสฺมา ตตฺถ ปกาสิโตติ เจ? วิเสสวิธานทสฺสนาธิปฺปายโต. วิเสสวิธานฺหิ ‘‘โน จสฺส ปาริปูรี’’ติอาทิ. ตตฺถาปิ ‘‘จีวรํ อุปฺปชฺเชยฺยา’’ติ อวตฺวา ‘‘อกาลจีวรํ อุปฺปชฺเชยฺยา’’ติ วิเสสเนน อุพฺภเตปิ กถิเน กาลจีวรํ อตฺถีติ ทีเปติ. กิฺเจตํ? ปจฺฉิมกตฺติกมาเส อุปฺปนฺนจีวรํ, เตเนว ตตฺถ ‘‘อนตฺถเต กถิเน เอกาทสมาเส อุปฺปนฺน’’นฺติ วุตฺตํ, ตสฺมา อุปฺปตฺตินิยเม วุตฺตโทสาภาวสิทฺธิ. ยฺจ ¶ ตตฺถ ‘‘กาเลปิ อาทิสฺส ทินฺนํ เอตํ อกาลจีวรํ นามา’’ติ วุตฺตํ, ตสฺส ทฺเว อตฺถวิกปฺปา. อาเทสวเสน ‘‘อกาลจีวร’’นฺติ ลทฺธสงฺขฺยมฺปิ กาเล อุปฺปนฺนตฺตา กาลปริหารํ ลภติ, ปเควานาเทสนฺติ อยํ ปโม วิกปฺโป อุปฺปตฺตินิยเม วุตฺตโทสาภาวเมว อุปตฺถมฺเภติ. ตถา อาเทสวเสน อกาลจีวรสงฺขฺยํ คตํ จีวรกาเล อุปฺปนฺนตฺตา จีวรกาลโต ปรํ ทสาหปริหารํ น ลภติ, ปเควานาเทสนฺติ อยํ ทุติโย ธารณนิยเม วุตฺตโทสาภาวเมว อุปตฺถมฺเภติ. ยทิ เอวํ อาเทสวเสน อกาลจีวรสฺส อกาลจีวรตา กิมตฺถิกาติ เจ? สงฺฆุทฺเทสิกสฺส ตสฺส อตฺถตกถินสฺสปิ ภิกฺขุสงฺฆสฺส สาธารณภาวตฺถิกาติ เวทิตพฺพา.
อปิจ ปุคฺคลสฺส กถินทิวสาปิ ทิวสาว. เอวํ คณนุปคตฺตา อกาลจีวรสงฺขยาปฏิลาภานุภาเวน ‘‘อุพฺภตสฺมึ กถิเน’’ติ วจนาเปกฺขสฺส อนิสฺสคฺคิยตฺตา ตทนุโลมตฺตา ‘‘กาลจีวรสฺสปี’’ติ เอวํ สพฺพถา จตุพฺพิธํ เอตฺถ วจนนฺติ เวทิตพฺพํ. อปิจ อตฺถิ เอกจฺเจน กถินุทฺธาเรน อุพฺภเต กถิเน อุปฺปนฺนํ เอกจฺจสฺส ภิกฺขุโน กาลจีวรํ โหติ, เอกจฺจสฺส อกาลจีวรํ, ตํ สีมาติกฺกนฺตสฺส, โน อุพฺภารคตํ. ตํ ทฺวินฺนํ วเสน อุพฺภเต อุปฺปนฺนํ เปตฺวา อิตเรสํ อฺตเรน อุพฺภเต อุปฺปนฺนนฺติ เวทิตพฺพํ. ตฺหิ ยสฺส อุพฺภตํ, ตสฺส อกาลจีวรํ, อิตรสฺส กาลจีวรํ. ตถา อตฺถิ เอกจฺเจน กถินุทฺธาเรน อุพฺภเต กถิเน อุปฺปนฺนํ สพฺพสฺสปิ อกาลจีวรเมว โหติ. ตํ ยถาปิตํ เวทิตพฺพํ. ตถา อตฺถิ อุพฺภตสฺมึ กถิเน อุปฺปนฺนํ เปตฺวา วสฺสานสฺส ปจฺฉิเม มาเส อุปฺปนฺนํ. ตถา อตฺถิ อุพฺภตสฺมึ กถิเน อุปฺปนฺนํ อกาลจีวรํ, ตํ เหมนฺเต, คิมฺเห วา อุปฺปนฺนนฺติ เวทิตพฺพํ. เอวํ ปุคฺคลกาลเภทโต พหุวิธตฺตา อุปฺปนฺนสฺส ‘‘อุพฺภตสฺมึ กถิเน อุปฺปนฺน’’นฺติ น วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อเนกํสิกตฺตา อิมมฺปิ อตฺถวิกปฺปํ ¶ ทสฺเสตุํ ‘‘อุพฺภตสฺมึ กถิเนติ ภิกฺขุโน กถินํ อุพฺภตํ โหตี’’ติ. เอตฺตาวตา สิทฺเธปิ ‘‘อฏฺนฺนํ มาติกานํ อฺตรายา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘ธารยามี’’ติ ภิกฺขุนีวิภงฺเค อาคโตติ วตฺตพฺโพ. ‘‘เอว’’นฺติ วจเนน วจนเภโท ตตฺถ นตฺถีติ วุตฺตํ โหติ.
‘‘วิกปฺปนุปคํ ปจฺฉิม’’นฺติ อิทํ สพฺพสงฺคาหิกตฺตา วุตฺตํ. ‘‘อธิฏฺานุปคํ ปจฺฉิม’’นฺติ อสพฺพสงฺคาหิกํ. น หิ ยตฺตกํ สงฺฆาฏิ อธิฏฺานุปคํ ปจฺฉิมํ, ตตฺตกํ อนฺตรวาสกาทิ อธิฏฺานุปคํ ปจฺฉิมํ โหติ อธิฏฺานสฺส พหุวิธตฺตา. น เอวํ วิกปฺปนาย เภโท ตสฺสา เอกวิธตฺตาติ เวทิตพฺพํ. ‘‘เอกาทเส อรุณุคฺคมเน นิสฺสคฺคิย’’นฺติ อนฺติมํ เปตฺวา ตโต ปุริมตรสฺมินฺติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อนฺติมํ นาม อปรกตฺติกาย ปมารุณุคฺคมนํ. ตฺหิ กาลตฺตา นิสฺสคฺคิยํ น กโรติ, เตเนวาห อจฺเจกจีวรสิกฺขาปทฏฺกถายํ ‘‘ฉฏฺิโต ปฏฺาย ปน อุปฺปนฺนํ อนจฺเจกจีวรมฺปิ ปจฺจุทฺธริตฺวา ปิตจีวรมฺปิ เอตํ ปริหารํ ลภติเยวา’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๖๔๖-๙). อิมํเยว ¶ นยํ สนฺธาย ‘‘อจฺเจกจีวรสฺส อนตฺถเต กถิเน เอกาทสทิวสาธิโก มาโส, อตฺถเต กถิเน เอกาทสทิวสาธิกา ปฺจ มาสา, ตโต ปรํ เอกทิวสมฺปิ ปริหาโร นตฺถี’’ติ ตตฺเถวาห. อิมสฺมึ นเย สิทฺเธ อนจฺเจกจีวรํ ทฺวาทสาเห น ลภตีติ สิทฺธเมว โหติ. ตโต ‘‘อนจฺเจกจีวเร อนจฺเจกจีวรสฺี, อนาปตฺตี’’ติ (ปารา. ๖๕๐) เอตฺถ อจฺเจกจีวรสทิเส อฺสฺมึ อนธิฏฺิเตติ สิทฺธํ โหติ. ตตฺถ ปน ‘‘ปฺจ มาสา’’ติ อุกฺกฏฺปริจฺเฉทวจนํ. วสฺสิกสาฏิกฺจ อวสฺสิกสาฏิกภาวํ ปตฺวา เอกาทสมาเส ปริหารํ ลภตีติ เวทิตพฺพํ.
ทสาหาติกฺกนฺตํ นิสฺสคฺคิยนฺติ เอตฺถ อาปตฺติวุฏฺาเน ‘‘ทสาหปฺปฏิจฺฉนฺนํ ปกฺขอติเรกปกฺขมาสอติเรกมาสปฏิจฺฉนฺน’’นฺติอาทิวจนเภโท วิย, น อิธ วจนเภโท, ตสฺมา สํวจฺฉราติกฺกนฺตมฺปิ ทสาหาติกฺกนฺตเมว นาม, ตถา ทุติยกถิเนปิ สํวจฺฉรวิปฺปวุตฺถมฺปิ รตฺติวิปฺปวุตฺถเมว. ตติเย สํวจฺฉราติกฺกนฺตมฺปิ มาสาติกฺกนฺตเมว นามาติ เวทิตพฺพํ. ‘‘อนธิฏฺิเต อธิฏฺิตสฺี นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติย’’นฺติ อิทเมกสฺส ติกปาจิตฺติยสฺส อาทิปททีปนํ. เอส นโย อวิกปฺปิเตติอาทีสุปิ, ตสฺมา เอตฺถ อฏฺสุ ติกจฺเฉเทสุ เอกํ วิตฺถาเรตฺวา อิตเรสํ เอเกกมาทิปทํ วิตฺถาเรหฺวา ทฺเว ทฺเว ภควตาว ¶ สงฺขิตฺตตฺตาติ พหูสุปิ ติกจฺเฉเทสุ สมฺภวนฺเตสุ เอโก เอว วุจฺจติ, ‘‘อยํ วินยสฺส ธมฺมตา’’ติ วทนฺติ. ทุกฺกฏวาเรสุ ปน เอกํ ทุกฺกฏํ วิตฺถาเรตฺวา เสสานิ สตฺต ตเถว สงฺขิตฺตานิ. ตถา อนฺติมนฺติโม เอเกโก อนาปตฺติโกฏฺาโสติ เวทิตพฺพํ.
อนาปตฺติ อนฺโตทสาหนฺติ อยํ สงฺเขปตฺโถ – ตํ ทสาหปรมํ ธาเรตพฺพํ. ตํ อติเรกจีวรํ ยถาสกํ อธิฏฺานํ อนฺโตทสาหํ อธิฏฺเติ วา วิกปฺเปติ วา วิสฺสชฺเชติ วา อตฺตโน ธมฺมตาย นสฺสติ วา วินสฺสติ วา ฑยฺหติ วา อฺโ วา ตํ อจฺฉินฺทิตฺวา คณฺหาติ วิสฺสาสนฺโต วา คณฺหาติ ปาจิตฺติยโต อนาปตฺติ. ทุกฺกฏโต ปน สิยา อาปตฺติ สิยา อนาปตฺติ สฺาเภเทน. อนฺติมานํ ปเนตฺถ ทฺวินฺนํ ปทานํ วเสน อนจฺฉินฺเน อจฺฉินฺนสฺี นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ. อวิสฺสาสคฺคาเห วิสฺสาสคฺคาหสฺี นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยนฺติอาทิกา ทฺเว ติกปาจิตฺติยา, ทฺเว จ ทุกฺกฏา สงฺขิตฺตาติ เวทิตพฺพา. เอตฺถ หิ ยทิ อนฺโตทสาหํ อธิฏฺเติ, ทสาหปรมํ อรุณํ อติกฺกมิตฺวา ตสฺส ทิวสภาเค อธิฏฺหตีติ เวทิตพฺพํ. อยํ ตาว ปาฬิวินิจฺฉโย.
อฏฺกถายํ ปน อิโต ครุกตรานีติอาทิมฺหิ อยํ โจทนาปุพฺพงฺคโม วินิจฺฉโย – คณฺิปเท ¶ ปนสฺส อิโต นิสฺสฏฺจีวรทานโต ครุกมฺปิ ตฺติทุติยกมฺมํ ยถา อปโลกเนน กโรนฺติ, เอวมิทํ ตฺติยา กตฺตพฺพมฺปิ ปกติวจเนน วฏฺฏตีติ. ยทิ เอวํ ปริวาเร กมฺมวคฺคสฺส อฏฺกถายํ ‘‘ตฺติกมฺมมฺปิ เอกํ ตฺตึ เปตฺวาว กาตพฺพํ, อปโลกนกมฺมาทิวเสน น กาตพฺพ’’นฺติ (ปริ. อฏฺ. ๔๘๒) ยํ วุตฺตํ, เตน วิรุชฺเฌยฺย. เตเนตํ วุจฺจติ ‘‘เตสํ เอตํ อนุโลม’’นฺติ, ตสฺมา อนุโลมนเยเนว ตํ วุตฺตํ. นิยมํ ปน ยถา ทฺวินฺนํ ปาริสุทฺธิอุโปสโถ วินา ตฺติยา โหติ, เอวํ ทฺวินฺนํ นิสฺสฏฺจีวรทานมฺปีติ วทาม, ตสฺมา ‘‘อายสฺมโต เทมา’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏติ. กถํ ปเนตํ าตพฺพนฺติ? ตทนุโลมตฺตาติ. เอกเทเวทํ ตฺติกมฺมํ อปโลกเนนาปิ กาตุํ วฏฺฏตีติ สาธนนฺติ เวทิตพฺพนฺติ อาจริโย. อนุคณฺิปเท ปเนตฺถ โจทนํ กตฺวา ‘‘เอตํ สาธิตํ. ตฺติกมฺมํ เอกํ ตฺตึ เปตฺวาว กาตพฺพ’’นฺติ ปาฬิยา อาคตํ สนฺธาย วุตฺตํ, อิทํ ปน ปาฬิยํ นาคตํ, เลสโต อาหริตฺวา วุตฺตนฺติ กตฺวา เอตํ อปโลกเนนาปิ วฏฺฏตีติ.
๔๖๘. เอส ¶ นโยติ อฺเสํ จีวเรสุ อุปจิกาทีหิ ขายิเตสุ มมปิ ขายิตานีติอาทิ. ‘‘อฺเน กตํ…เป… สาธก’’นฺติ วจนโต สมานชาติกํ, เอกตฺถชาติกฺจ ตติยกถินํ ปมสมานเมวาติ สิทฺธํ โหติ.
๔๖๙. ติจีวรํ อธิฏฺาตุนฺติ เอตฺถ ติจีวรํ ติจีวราธิฏฺาเนน อธิฏฺาตพฺพยุตฺตกํ, ยํ วา ติจีวราธิฏฺาเนน อธิฏฺาตุํ อวิกปฺเปตุํ อนุชานามิ, ตสฺส อธิฏฺานกาลปริจฺเฉทาภาวโต สพฺพกาลํ อิจฺฉนฺตสฺส อธิฏฺาตุํเยว อนุชานามิ, ตํ กาลปริจฺเฉทํ กตฺวา วิกปฺเปตุํ นานุชานามิ. สติ ปน ปจฺจเย ยทา ตทา วา ปจฺจุทฺธริตฺวา วิกปฺเปตุํ วฏฺฏตีติ ‘‘อนาปตฺติ อนฺโตทสาหํ อธิฏฺเติ, วิกปฺเปตี’’ติ วจนโต สิทฺธํ โหตีติ วุตฺตเมตํ. วสฺสิกสาฏิกํ ตโต ปรํ วิกปฺเปตุํเยว นาธิฏฺาตุํ. วตฺถฺหิ กตปริโยสิตํ อนฺโตจตุมาเส วสฺสานทิวสํ อาทึ กตฺวา อนฺโตทสาเห อธิฏฺาตุํ อนุชานามิ, จตุมาสโต อุทฺธํ อตฺตโน สนฺตกํ กตฺวา ปิตุกาเมน วิกปฺเปตุํ อนุชานามีติ อตฺโถ. สุคตจีวรโต อูนกนฺติ ติณฺณมฺปิ จีวรานํ อุกฺกฏฺปริจฺเฉโท. ‘‘ติจีวรํ ปน ปริกฺขารโจฬํ อธิฏฺาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วาเท ปน สติ ตถารูปปจฺจเย วฏฺฏติ. ยถา สติ ปจฺจเย วิกปฺเปตุํ วฏฺฏตีติ สาธิตเมตํ, ปเคว อฺเน อธิฏฺาเนน อธิฏฺาตุํ. ‘‘อนฺโตทสาหํ อธิฏฺเติ, วิกปฺเปตี’’ติ อนิยมโต วุตฺตนฺติ สงฺฆาฏิ, อุตฺตราสงฺโค, อนฺตรวาสกนฺติ อธิฏฺิตานธิฏฺิตานํ สมานเมว นามํ. ‘‘อยํ สงฺฆาฏี’’ติอาทีสุ (มหาว. ๑๒๖) หิ อนธิฏฺิตา วุตฺตา. ‘‘ติจีวเรน วิปฺปวเสยฺยา’’ติ เอตฺถ อธิฏฺิตา วุตฺตา. สามนฺตวิหาเร วาติ โคจรคามโต วิหาเรติ ธมฺมสิริตฺเถโร. ทูรตเรปิ ลพฺภเตวาติ ¶ อาจริโย. อนุคณฺิปเทปิ ‘‘สามนฺตวิหาเร วาติ เทสนาสีสมตฺตํ, ตสฺมา ปิตฏฺานํ สลฺลกฺเขตฺวา ทูเร ิตมฺปิ อธิฏฺาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. สามนฺตวิหาโร นาม ยตฺถ ตทเหว คนฺตฺวา นิวตฺติตุํ สกฺกา. รตฺติวิปฺปวาสํ รกฺขนฺเตน ตโต ทูเร ิตํ อธิฏฺาตุํ น วฏฺฏติ, เอวํ กิร มหาอฏฺกถายํ วุตฺตนฺติ. เกจิ ‘‘จีวรวํเส ปิตํ อฺโ ปริวตฺติตฺวา นาคทนฺเต เปติ, ตํ อชานิตฺวา อธิฏฺหนฺตสฺสปิ รุหติ จีวรสฺส สลฺลกฺขิตตฺตา’’ติ วทนฺติ. อธิฏฺหิตฺวาติ ปริกฺขารโจฬาทิวเสน. มหนฺตตรเมวาติอาทิ สพฺพาธิฏฺานสาธารณลกฺขณํ ¶ . ตตฺถ ปุน อธิฏฺาตพฺพเมวาติ อธิฏฺิตจีวรสฺส เอกเทสภูตตฺตา. อนธิฏฺิตฺเจ, อธิฏฺิตสฺส อปฺปภาเวน เอกเทสภูตํ อธิฏฺิตสงฺขฺยเมว คจฺฉติ. ตถา อธิฏฺิตฺเจ, อนธิฏฺิตสฺส เอกเทสภูตํ อนธิฏฺิตสงฺขฺยํ คจฺฉตีติ หิ ลกฺขณํ, น เกวลฺเจตฺถ ทุติยปฏฺฏเมว, ตติยปฏฺฏาทิกมฺปิ. ยถาห ‘‘อนุชานามิ…เป… อุตุทฺธฏานํ ทุสฺสานํ จตุคฺคุณํ สงฺฆาฏึ…เป… ปํสุกูเล ยาวทตฺถ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๘).
อวเสสา ภิกฺขูติ วกฺขมานกาเล นิสินฺนา ภิกฺขู. ตสฺมา วฏฺฏตีติ ยถา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติจีวรํ อธิฏฺาตุํ น วิกปฺเปตุ’’นฺติ วุตฺตํ, เอวํ ปริกฺขารโจฬมฺปิ วุตฺตํ, น ตสฺส อุกฺกฏฺปริจฺเฉโท วุตฺโต, น จ สงฺขฺยาปริจฺเฉโท, ตสฺมา ตีณิปิ จีวรานิ ปจฺจุทฺธริตฺวา ‘‘อิมานิ จีวรานิ ปริกฺขารโจฬานิ อธิฏฺามี’’ติ อธิฏฺหิตฺวา ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏตีติ อตฺโถ. ‘‘นิธานมุขเมต’’นฺติ กถํ ปฺายตีติ เจ? ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขูนํ ปริปุณฺณํ โหติ ติจีวรํ, อตฺโถ จ โหติ ปริสฺสาวเนหิปิ ถวิกาหิปี’’ติ เอตสฺมึ วตฺถุสฺมึ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปริกฺขารโจฬ’’นฺติ (มหาว. ๓๕๘) อนฺุาตตฺตา. ภิกฺขูนฺจ เอกเมว ปริสฺสาวนํ, ถวิกา วา วฏฺฏติ, น ทฺเว วา ตีณิ วาติ ปฏิกฺเขปาภาวโต วิกปฺปนุปคปจฺฉิมปฺปมาณานิ, อติเรกปฺปมาณานิ วา ปริสฺสาวนาทีนิ ปริกฺขารานิ กปฺปนฺตีติ สิทฺธํ. ยทิ เอวํ ‘‘ยํนูนาหํ ภิกฺขูนํ จีวเร สีมํ พนฺเธยฺยํ มริยาทํ เปยฺย’’นฺติ (มหาว. ๓๔๖) วจนวิโรโธติ เจ? น, อนุสนฺธิยา อชานนโต, วิโรธโต จ. กึ วุตฺตํ โหติ? จีวรกฺขนฺธเก (มหาว. ๓๒๖ อาทโย) ปมํ คหปติจีวรํ อนฺุาตํ, ตโต ปาวารโกสิยโกชวกมฺพลาทิ. ตโต ‘‘เตน โข ปน สมเยน สงฺฆสฺส อุจฺจาวจานิ จีวรานิ อุปฺปนฺนานิ โหนฺติ. อถ โข ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ ‘กึ นุ โข ภควตา จีวรํ อนฺุาตํ, กึ อนนฺุาต’’’นฺติ เอตสฺมึ วตฺถุสฺมึ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ฉ จีวรานิ โขม’’นฺติอาทินา (มหาว. ๓๓๙) กปฺปิยจีวรชาติ อนฺุาตา, น ปน สงฺขฺยาปมาณํ. ตโต ‘‘อทฺทส ภควา…เป… สมฺพหุเล ภิกฺขู จีวเรหิ อุพฺภณฺฑิเต สีเสปิ จีวรภิสึ กริตฺวา ขนฺเธปิ จีวรภิสึ กริตฺวา ¶ กฏิยาปิ จีวรภิสึ กริตฺวา อาคจฺฉนฺเต, ทิสฺวาน ภควโต เอตทโหสิ…เป… เยปิ โข เต กุลปุตฺตา อิมสฺมึ ธมฺมวินเย สีตาลุกา สีตภีรุกา, เตปิ สกฺโกนฺติ ¶ ติจีวเรน ยาเปตุํ, ยํนูนาหํ ภิกฺขูนํ จีวเร สีมํ พนฺเธยฺยํ มริยาทํ เปยฺยํ ติจีวรํ อนุชาเนยฺย’’นฺติ (มหาว. ๓๔๖) จีวรํ อนฺุาตํ, ตฺจ โข เอกเมว. ฉพฺพคฺคิยา ปน มิจฺฉา คเหตฺวา พหูนิ ปริหรึสุ. ตานิ เนสํ อติเรกฏฺาเน ิตานิ โหนฺติ. ตโต ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ทสาหปรมํ อติเรกจีวรํ ธาเรตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๗) อนฺุาตํ, เตเนตํ ปฺายติ. อติเรกานิ พหูนิ จีวรานิ เต ปริหรึสุ, ‘‘ตานิ ทสาหปรมเมว ธาเรตุํ อนุชานามิ, น ตเมเวก’’นฺติ วทนฺเตน ยา ปุพฺเพ ติจีวราธิฏฺานสงฺขาตา จีวเร สีมาพทฺธา, มริยาทา จ ปิตา, ตาย สติปิ ติจีวรพาหุลฺลปริหรณกฺกโม ทสฺสิโต ทิวสปริจฺเฉทวเสน. ตโต ปรํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อติเรกจีวรํ วิกปฺเปตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๗) อนุชานนฺเตน วินาปิ ทิวสปริจฺเฉเทน อติเรกจีวรปริหรณกฺกโม ทสฺสิโตติ ทฺเวปิ ตานิ นิธานมุขานีติ สิทฺธํ. ตถา ปริกฺขารโจฬาธิฏฺานมฺปิ สิยา, อฺถา อิตรจีวราธิฏฺานานุชานนวิโรโธ สิยา สีมามริยาทฏฺปนวิโรธโต. ติจีวราธิฏฺานปฺตฺติเยว ติจีวรมริยาทา โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปาเฏกฺกํ นิธานมุขเมต’’นฺติ. ‘‘ปมํ ติจีวรํ ติจีวราธิฏฺาเนน อธิฏฺาตพฺพํ, ปุน ปริหริตุํ อสกฺโกนฺเตน ปจฺจุทฺธริตฺวา ปริกฺขารโจฬํ อธิฏฺาตพฺพํ, น ตฺเวว อาทิโตว อิทํ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘ยถา ติจีวรํ ปริหริตุํ อสกฺโกนฺตสฺส คิลานสฺส วิปฺปวาสสมฺมุติ อนฺุาตา, อคิลานสฺสปิ สาสงฺกสิกฺขาปเท (ปารา. ๖๕๒) ตสฺส อนฺตรฆเร นิกฺเขโป จ, ตโตปิ สติ ปจฺจเย ฉารตฺตวิปฺปวาโส, ตโตปิ อสกฺโกนฺตสฺส ปจฺจุทฺธาโร, ปจฺจุทฺธฏมฺปิ อนฺโตทสาเห อธิฏฺาตุํ, อสกฺโกนฺตสฺส วิกปฺปนา จ อนฺุาตา. ตเถว ทฺวินฺนมฺปิ สมฺมุขาปรมฺมุขาวิกปฺปนานํ ปรสนฺตกตฺตา วิกปฺปนปจฺจเย อสติ ‘ปริกฺขารโจฬ’นฺติ อธิฏฺหิตฺวา ปริภฺุชิตุํ ภควตา อนฺุาตํ สิยา, ยโต ตทธิปฺปายฺู เอวํ วทนฺตี’’ติ มหาปจฺจริยมฺปิ วุตฺตํ. ปุพฺเพติอาทิ ‘‘ปาเฏกฺกํ นิธานมุข’’นฺติ วุตฺตสฺส ปโยคทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. อพทฺธสีมายํ ทุปฺปริหารนฺติ วิกปฺปนาทิอตฺถาย อุปจารํ อติกฺกมิตฺวาปิ คมนสมฺภวโต.
วสฺสิกสาฏิกา อนติริตฺตปฺปมาณาติ ตสฺสา อุกฺกฏฺปริจฺเฉทสฺส วุตฺตตฺตา วุตฺตํ. ปจฺจตฺถรณมฺปิ อธิฏฺาตพฺพเมวาติ ‘‘อิทํ, ภนฺเต, อมฺหากํ เสนาสนสฺส อุปริ อตฺถริตพฺพ’’นฺติอาทินา ทินฺนํ นาธิฏฺาตพฺพํ, ‘‘อิทํ ตุมฺหาก’’นฺติ ¶ ทินฺนํ สยํ อธิปฺเปตํว อธิฏฺาตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. ‘‘สกึ อธิฏฺิตํ อธิฏฺิตเมว โหติ, น ปุน ปจฺจุทฺธรียติ กาลปริจฺเฉทาภาวโต’’ติ ลิขิตํ. ‘‘เอกวจเนนปิ วฏฺฏตีติ อปเร’’ติ วุตฺตํ. เภสชฺชนวกมฺมมาตาปิตุอาทีนํ ¶ อตฺถายาติ เอตฺถ ‘‘อิมินา เภสชฺชํ เจตาเปสฺสามิ, อิทํ มาตุยา ทสฺสามี’’ติ เปนฺเตน อธิฏฺาตพฺพํ. ‘‘‘อิทํ เภสชฺชสฺส, อิมํ มาตุยา’ติ วิภชนฺเตน อธิฏฺานกิจฺจํ นตฺถีติ อปเร’’ติ วุตฺตํ. ‘‘สกภาวํ โมเจตฺวา ปนํ สนฺธายาหา’’ติ ลิขิตํ.
‘‘ปุน อธิฏฺาตพฺพนฺติ อยํ สงฺคีติโต ปฏฺาย อาคตอฏฺกถาวาโท. ตโต ปรํ อาจริยานํ ตตฺถ ตตฺถ ยุตฺติวิจารณา’’ติ วุตฺตํ. ปมาณจีวรสฺสาติ ปจฺฉิมปฺปมาณสฺส. ทฺเว จีวรานีติ สห อุตฺตราสงฺเคน. เอส นโยติ ปมาณยุตฺเตสุ ยตฺถ กตฺถจีติอาทินโยว. ‘‘ตํ อติกฺกามยโต เฉทนก’’นฺติ (ปาจิ. ๕๓๓) วจนโต อุตฺตริ ปฏิสิทฺธํ, ตโต เหฏฺา อปฺปฏิสิทฺธตฺตา วฏฺฏติ. ตตฺถ สิยา – ติจีวรสฺส ปจฺฉิมปฺปมาณํ วิสุํ สุตฺเต นตฺถีติ, น วตฺตพฺพํ, สิกฺขากรณีเยหิ สิทฺธตฺตา. กึ วุตฺตํ โหติ? ‘‘‘ปริมณฺฑลํ นิวาเสสฺสามิ, ปารุปิสฺสามิ, สุปฺปฏิจฺฉนฺโน อนฺตรฆเร คมิสฺสามี’ติ (ปาจิ. ๕๗๖-๕๗๙) วจนโต ยตฺตเกน ปมาเณน ปริมณฺฑลตา, สุปฺปฏิจฺฉนฺนตา จ อฏฺกถายํ วุตฺตกฺกเมน สมฺปชฺชตี’’ติ วตฺตพฺพํ. เตสํ วเสน ปจฺฉิมปฺปมาณนฺติ สิทฺธํ, ตฺจ โข มุฏฺิปฺจกาทิ ยถาวุตฺตเมว วุจฺจเต. เตเนวาห เลสํ เปตฺวา ‘‘วิสุํ สุตฺเต นตฺถี’’ติ.
อปิเจตฺถ อธิปฺเปตํ, ตถาปิ น สเมติเยวาติ อตฺโถ, ตสฺมา ‘‘ยที’’ติอาทิสมฺพนฺโธ อทฺธา วุตฺโต. ยสฺมา ปริจฺฉินฺโน สเมติ จ. อิตเรสุ ปน เอกจฺจสฺมึ อาจริยวาเท เนว ปริจฺเฉโท อตฺถิ. เอกจฺจสฺมึ น ปุพฺพาปรํ สเมตีติ สมฺพนฺโธ. อธิฏฺานํ อธิฏฺานเมว, ปริโภคกาเล ปน อรชิตํ น วฏฺฏติ. อิทํ สพฺพํ ติจีวเร เอว. อิมสฺส ปน สิกฺขาปทสฺส อยํ สงฺเขปวินิจฺฉโย – อนตฺถเต กถิเน เหมนฺตานํ ปมทิวสโต ปฏฺาย อตฺถเต กถิเน คิมฺหานํ ปมทิวสโต ปฏฺาย อุปฺปนฺนจีวรํ สนฺธาย ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมิ’’นฺติอาทิ วุตฺตนฺติ.
เอตฺถาห – ‘‘รชเกหิ โธวาเปตฺวา เสตํ การาเปนฺตสฺสาปิ อธิฏฺานํ อธิฏฺานเมวา’’ติ วจนโต อรชิเตปิ อธิฏฺานํ รุหติ, เตน สูจิกมฺมํ ¶ กตฺวา รชิตฺวา กปฺปพินฺทุํ ทตฺวา อธิฏฺาตพฺพนฺติ นิยโม น กาตพฺโพติ? วุจฺจเต, กาตพฺโพว ปตฺโต วิย อธิฏฺิโต. ยถา ปุน เสตภาวํ, ตมฺพภาวํ วา ปตฺโต อธิฏฺานํ น วิชหติ, น จ ปน ตาทิโส อธิฏฺานํ อุปคจฺฉติ, เอวเมตํ ทฏฺพฺพนฺติ. ‘‘ยโต ปฏฺาย ปริโภคาทโย วฏฺฏนฺติ, ตโต ปฏฺาย อนฺโตทสาเห อธิฏฺาตพฺพ’’นฺติ วทนฺติ.
อวิเสเสน ¶ วุตฺตวจนนฺติ อธิฏฺาตพฺพํ อธิฏฺเติ, วิกปฺเปตพฺพํ วิกปฺเปตีติ เอวํ สวิเสสํ กตฺวา อวจนํ ‘‘น วิกปฺเปตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๕๘) อิมินา วิรุทฺธํ วิย ทิสฺสติ. อิทานิ อิทํ อธิฏฺานวิกปฺปนนยปฏิพทฺธํ ขนฺธกํ, ปริวารฺจ มิสฺเสตฺวา ปกิณฺณกํ วุจฺจติ – ขนฺธเก ตาว ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติจีวรํ อธิฏฺาตุํ น วิกปฺเปตุํ, วสฺสิกสาฏิกํ วสฺสานํ จาตุมาสํ อธิฏฺาตุํ, ตโต ปรํ วิกปฺเปตุ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ปริวาเร ‘‘น นว จีวรานิ อธิฏฺาตพฺพานิ, น นว จีวรานิ วิกปฺเปตพฺพานี’’ติ (ปริ. ๓๒๙), ‘‘ทสเก ทส, เอกาทสเก เอกาทส จีวรานิ อธิฏฺาตพฺพานิ, น วิกปฺเปตพฺพานี’’ติ (ปริ. ๓๓๑) จ อเนกกฺขตฺตุํ วจเนน สุฏฺุ ทฬฺหํ กตฺวา ‘‘สพฺพานิ จีวรานิ อธิฏฺาตพฺพานิ, น วิกปฺเปตพฺพานี’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา อุโภปิ เต วิรุทฺธา วิย ทิสฺสนฺติ, ขนฺธเก เอว จ ‘‘วสฺสิกสาฏิกํ วสฺสานํ จาตุมาสํ อธิฏฺาตุํ ตโต ปรํ วิกปฺเปตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๕๘) วุตฺตํ. ตทฏฺกถายํ ‘‘วสฺสิกสาฏิกา อนติริตฺตปฺปมาณา นามํ คเหตฺวา วุตฺตนเยเนว จตฺตาโร วสฺสิเก มาเส อธิฏฺาตพฺพา, ตโต ปรํ ปจฺจุทฺธริตฺวา วิกปฺเปตพฺพา’’ติ วุตฺตํ. อิทฺจ วิรุทฺธํ วิย ทิสฺสติ อฺมฺํ เหมนฺเต ปจฺจุทฺธารสมฺภวโต, วสฺสาเน วิกปฺปนาสมฺภวโต จ. ตถา อิธ ‘‘อนาปตฺติ อนฺโตทสาหํ อธิฏฺเติ วิกปฺเปตี’’ติ วจนปฺปมาณโต สพฺพตฺถ วิกปฺปนาย อปฺปฏิสิทฺธภาโว เวทิตพฺโพติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๖๙) อฏฺกถาวจนํ ปริวารวจเนน วิรุทฺธํ วิย ทิสฺสติ, น หิ วิรุทฺธํ ตถาคตา ภาสนฺติ, ตสฺมา อฏฺกถานโยเวตฺถ ปฏิสรณํ, เยน สพฺพมฺปิ ตํ เอกรสํ โหติ. ปริวารฏฺกถายฺจ วุตฺตํ ‘‘น วิกปฺเปตพฺพานีติ อธิฏฺิตกาลโต ปฏฺาย น วิกปฺเปตพฺพานี’’ติ (ปริ. อฏฺ. ๓๒๙). ติจีวรานิ อธิฏฺิตกาลโต ปฏฺาย, วสฺสิกสาฏิกาทีนิ จ อตฺตโน อตฺตโน อธิฏฺานเขตฺเต น อกามา วิกปฺเปตพฺพานีติ อตฺโถ, อวเสสปาฬิ, อตฺโถ จ อิธ อฏฺกถายํ วุตฺโต, ตสฺมา สพฺพมฺเปตํ เอกรสนฺติ.
เอตฺถาห ¶ – ยทิ เอวํ ‘‘นว จีวรานิ นาธิฏฺาตพฺพานี’’ติ จ วตฺตพฺพํ. วิกปฺปิตกาลโต ปฏฺาย หิ นาธิฏฺาตพฺพานีติ? เอตฺถ วุจฺจเต – ‘‘ติจีวรํ อธิฏฺาตุํ น วิกปฺเปตุํ…เป… ปริกฺขารโจฬํ อธิฏฺาตุํ น วิกปฺเปตุ’’นฺติ เอตฺถ สพฺพตฺถ อธิฏฺาเน ปฏิเสธาทสฺสนโต, วิกปฺปนาย อทสฺสนโต จ ‘‘ตโต ปร’’นฺติ ทฺวีสฺเวว ปริจฺเฉททสฺสนโต จ ‘‘นว จีวรานิ อธิฏฺาตพฺพานิ, น วิกปฺเปตพฺพานิ เจว วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อปโร นโย – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติจีวรํ อธิฏฺาตุํ อกามา. กสฺมา? กาเล อุปฺปนฺนํ อนธิฏฺหนฺตสฺส กาลาติกฺกเม อาปตฺติสมฺภวโต, อกาเล อุปฺปนฺนํ อนธิฏฺหนฺตสฺส ทสาหาติกฺกเม อาปตฺติสมฺภวโต จ. ตตฺถ ยํ กาเล อุปฺปนฺนํ อปฺปโหนฺเตปิ ทสาเห กาลาติกฺกเม อาปตฺติกรํ, ตํ ¶ นิสฺสชฺชนกาเล ‘‘อิทํ เม, ภนฺเต, อติเรกจีวรํ ธาริตํ นิสฺสคฺคิยํ, อิมาหํ สงฺฆสฺสา’’ติอาทินา นิสฺสชฺชิตพฺพํ, อิตรํ ยถาปาฬิเมว. ตตฺถ ปมนโย ‘‘โย ปน, ภิกฺขุ, อติเรกจีวรํ ธาเรยฺย นิสฺสคฺคิย’’นฺติ อิมาย ปมปฺตฺติยา วเสน วุตฺโต, ทุติโย อนุปฺตฺติยา วเสน วุตฺโต.
ยถา จ นิสฺสชฺชิตพฺพวตฺถุมฺหิ อสติ ยถาปาฬึ อวตฺวา เกวลํ อาปตฺติ เอว เทเสตพฺพา, ยถา จ วสฺสิกสาฏิกนิสฺสชฺชเน เกวลํ ปริยิฏฺมตฺเต ยถาปาฬึ อวตฺวา ยถาสมฺภวํ นิสฺสชฺชิตพฺพํ, ตถา อิทมฺปีติ เวทิตพฺพํ. ยถา สํวจฺฉราติกฺกนฺตํ อติเรกจีวรํ ‘‘ทสาหาติกฺกนฺต’’มิจฺเจว วุจฺจติ. สํวจฺฉรวิปฺปวุตฺถติจีวรํ, มาสาติกฺกนฺตฺจ ‘‘รตฺติวิปฺปวุตฺถ’’นฺติ จ ‘‘ฉารตฺตวิปฺปวุตฺถ’’นฺติ จ วุจฺจติ, ตถา อิทมฺปิ ‘‘ทสาหาติกฺกนฺต’’มิจฺเจว วุจฺจตีติ เอเก, ตสฺมา สิทฺธมิทํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติจีวรํ อธิฏฺาตุํ อกามา’’ติ, ตถา อกามา น วิกปฺเปตุนฺติ อตฺโถ. อิจฺฉาย หิ สติ ‘‘ปจฺจุทฺธริตฺวา วิปฺปวาสสุขตฺถํ วิกปฺปนาย โอกาโส ทินฺโน โหติ, ทสาหาติกฺกเม จ อนาปตฺตี’’ติ วจนโต วิกปฺเปตุํ อนุชานามีติ วุตฺตํ โหติ. ตถา วสฺสิกสาฏิกา อกามา อธิฏฺาตุํ ทสาหาติกฺกเม อาปตฺติสมฺภวโต. กิตฺตกํ กาลนฺติ เจ? วสฺสานํ จาตุมาสํ, อิจฺฉาย ปน สติ อุทฺธํเยว วิกปฺเปตพฺพํ. ‘‘สพฺพตฺถ วิกปฺปนาย อปฺปฏิสิทฺธภาโว เวทิตพฺโพ’’ติ หิ วุตฺตํ. ‘‘อตฺถาปตฺติ เหมนฺเต อาปชฺชติ, โน คิมฺเห, โน วสฺเส’’ติ (ปริ. ๓๒๓) จ วุตฺตํ, เตน วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘ตโต ปรํ ปจฺจุทฺธริตฺวา วิกปฺเปตพฺพา’’ติ.
ตตฺรายํ ¶ วิจารณา – กทา ปจฺจุทฺธริตพฺพา, กทา วิกปฺเปตพฺพา, กิฺเจตฺถ ยสฺมา ‘‘ตโต ปร’’นฺติ วุตฺตํ. เหมนฺตฺจ ปตฺตมตฺเต สา อธิฏฺานํ วิชหติ, ตสฺมา ‘‘ปจฺจุทฺธริตฺวา’’ติ น วตฺตพฺพํ อธิฏฺานสฺส นตฺถิตาย, อถ ‘‘อนฺโตจาตุมาเส วิกปฺเปตพฺพา’’ติ น วตฺตพฺพํ. ‘‘ตโต ปรํ วิกปฺเปตุ’’นฺติ หิ วุตฺตนฺติ? เอตฺถ เอกจฺเจ วทนฺติ ‘‘วตฺตพฺพเมต’’นฺติ. ยถา ปริวุตฺถปริวาโส, จิณฺณมานตฺโต จ สนฺโต นิฏฺิเตสุปิ ปริวาสมานตฺตทิวเสสุ, ตถา นิฏฺิเตสุปิ อธิฏฺานทิวเสสุ สาธิฏฺานเมตนฺติ เอเก. อฏฺกถาจริยานํ อิทํ สนฺนิฏฺานํ ‘‘กตฺติกปุณฺณมทิวเส ปจฺจุทฺธริตฺวา ปาฏิปททิวเส วิกปฺเปตพฺพา’’ติ. วุตฺตฺเหตํ ปริวารฏฺกถายํ ‘‘กตฺติกปุณฺณมาสิยา ปจฺฉิเม ปาฏิปททิวเส วิกปฺเปตฺวา ปิตํ วสฺสิกสาฏิกํ นิวาเสนฺโต เหมนฺเต อาปชฺชติ. กุรุนฺทิยํ ปน ‘กตฺติกปุณฺณมทิวเส อปจฺจุทฺธริตฺวา เหมนฺเต อาปชฺชตี’ติ วุตฺตํ, ตมฺปิ สุวุตฺตํ. ‘จาตุมาสํ อธิฏฺาตุํ, ตโต ปรํ วิกปฺเปตุ’นฺติ หิ วุตฺต’’นฺติ (ปริ. อฏฺ. ๓๒๓). ตตฺถ กุรุนฺทินโย ปจฺฉา วุตฺตตฺตา สารโต ทฏฺพฺโพ ¶ , น ปุริโม. นิวาเสนฺโต หิ คิมฺเหปิ โอเรนทฺธมาสํ อาปชฺชติ เอว. อิธ จ ‘‘อตฺถาปตฺติ เหมนฺเต อาปชฺชติ, โน คิมฺเหติ วุตฺต’’นฺติ กุรุนฺทิวจนสฺสายมตฺโถ ทิสฺสติ.
‘‘กตฺติกปุณฺณมทิวเส อปจฺจุทฺธริตฺวา ตสฺมึเยว ทิวเส อวิกปฺเปนฺโต ปจฺฉิมปาฏิปททิวเส อปจฺจุทฺธารปจฺจยา ทุกฺกฏํ อาปชฺชติ, น, อวิกปฺปนปจฺจยา ทสาหปริหารสมฺภวโต’’ติ การณเมเก วทนฺติ. เอวํ สติ เหมนฺเต ปตฺตมตฺเต อธิฏฺานํ วิชหตีติ อาปชฺชติ, ตฺจ อยุตฺตํ. อธิฏฺานฺหิ ‘‘อฺสฺส ทาเนน…เป… ฉิทฺทภาเวนาติ อิเมหิ นวหิ การเณหิ วิชหตี’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๖๙) วุตฺตํ, น ‘‘อธิฏฺานเขตฺตาติกฺกเมน วา’’ติ. อสาธารณตฺตา น วุตฺตนฺติ เจ? น, ‘‘ฉิทฺทภาเวนา’’ติ น วตฺตพฺพปฺปสงฺคโต, ฉิทฺทภาเวน ปน ติจีวรสฺเสว สพฺพฏฺกถาสุ อธิฏฺานวิชหนสฺส วุตฺตตฺตา. ตสฺมา เหมนฺตสฺส ปมทิวเส อปจฺจุทฺธารปจฺจยา ทุกฺกฏํ อาปชฺชติ, น ปจฺจุทฺธริตฺวา อวิกปฺปนปจฺจยา. ‘‘วิกปฺเปตุ’’นฺติ วจนโต ตโต อธิฏฺานํ น วิชหตีติ ปฺายติ. น หิ กตฺติกปุณฺณมาสิยา ปจฺฉิเม ปาฏิปททิวเส อวิกปฺเปตฺวา เหมนฺเต อาปชฺชตีติ วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโย, ยสฺมา ตํ อปจฺจุทฺธารปจฺจยา ทุกฺกฏํ เหมนฺตสฺส ปมอรุณกฺขเณ เอว อาปชฺชติ, ตสฺมา ‘‘กตฺติกปุณฺณมทิวเส อปจฺจุทฺธริตฺวา’’ติ วุตฺตํ. ปจฺจุทฺธฏํ ปน เหมนฺเต ทสาหปริหารํ ¶ ลภติ. ‘‘ทสาเห อปฺปโหนฺเต จีวรกาลํ นาติกฺกาเมตพฺพา’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๖๓๐) หิ วุตฺตํ, ตฺจ โข สมเย อุปฺปนฺนํ เจ, นาสมเย. ตถา จ สาธิตํ อปจฺจุทฺธฏํ น นิสฺสคฺคิยํ โหติ, โน จ ตํ ปริทหิตํ, ตสฺมา กตฺติกปุณฺณมทิวเส เอว ปจฺจุทฺธรณฺจ วิกปฺปนฺจ กตฺตพฺพนฺติ สิทฺธํ, เอตฺถ จ ยถา อติเรกจีวรํ ทสเม ทิวเส วิกปฺเปนฺเตน ทสาหปรมํ ธาริตํ โหติ, อนฺโตทสาเห จ วิกปฺปิตํ โหติ, ตถา กตฺติกปุณฺณมาย วิกปฺเปนฺเตน วสฺสานํ จาตุมาสํ อธิฏฺิตฺจ โหติ, ตโต ปรํ อนาปตฺติเขตฺเต เอว วิกปฺปนา จ โหตีติ เวทิตพฺพํ. เอตฺตาวตา อตฺถิ วิกปฺปนาเขตฺเต อธิฏฺานํ, อธิฏฺานเขตฺเต จ วิกปฺปนาติ ทีปิตํ โหติ. อฺถา ‘‘อตฺถาปตฺติ อธิฏฺาเนน อาปชฺชติ, อนธิฏฺาเนน อาปชฺชติ. อตฺถาปตฺติ วิกปฺปนาย อาปชฺชติ, อวิกปฺปนาย อาปชฺชตี’’ติ ทุเกสุ ทฺเว ทุกานิ วตฺตพฺพานิ สิยุํ. ตตฺถ ปมทุเก ปมปทํ สมฺภวติ. วิกปฺปนเขตฺเต หิ วสฺสิกสาฏิกาทีนํ อธิฏฺาเนน วินยาติสารทุกฺกฏํ อาปชฺชติ. เอเตเนว ทุติยทุกฺกฏสฺส ทุติยปทํ วุตฺตํ โหติ. อนธิฏฺาเนน อาปชฺชตีติ นตฺถิ. อนฺโตทสาเห อนาปชฺชนโต, วิกปฺปนาทิสมฺภวโต จ วิกปฺปนาย อาปชฺชตีติ นตฺถิ สพฺพตฺถ วิกปฺปนาย อปฺปฏิสิทฺธตฺตา, ตสฺมา ตานิ ทุกานิ ‘‘น ลพฺภนฺตี’’ติ น วุตฺตานิ. เอตฺถาห – ยา สา ‘‘อตฺถาปตฺติ เหมนฺเต อาปชฺชตี’’ติ (ปริ. ๓๒๓) วจนปฺปมาณโต ทุกฺกฏาปตฺติ สาธิตา, สา ¶ สฺจิจฺจ อปจฺจุทฺธรนฺตสฺส ยุชฺชติ, อสติยา เจ, กฺจิ, อนาปตฺติ. กตฺติกปุณฺณมาย ปจฺจุทฺธฏํ สฺจิจฺจ อวิกปฺปยโต ทุกฺกเฏน สห ปุนทิวเส นิสฺสคฺคิยํ, อสติยา อวิกปฺปยโต นิสฺสคฺคิยเมว อิธ ปมปฺตฺติยา. ยํ ปน วุตฺตํ มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘วสฺสิกสาฏิกา วสฺสานมาสาติกฺกเมนาปิ, กณฺฑุปฏิจฺฉาทิ อาพาธวูปสเมนาปิ อธิฏฺานํ วิชหติ, ตสฺมา สา ตโต ปรํ วิกปฺเปตพฺพา’’ติ, เตเนตํ วิรุชฺฌติ, น เกวลํ อิทเมว, ‘‘ตโต ปรํ ปจฺจุทฺธริตฺวา วิกปฺเปตพฺพา’’ติ อฏฺกถาวจนฺจ วิรุชฺฌติ. ตโต ปรํ นาม หิ เหมนฺตํ, ตตฺถ เจ ปจฺจุทฺธาโร, ‘‘วสฺสิกสาฏิกา วสฺสานมาสาติกฺกเมนาปี’’ติอาทิ น ยุตฺตํ อธิฏฺานาภาเวน ปจฺจุทฺธาราภาวโต. อวิโรโธ จ อิจฺฉิตพฺโพ, ตสฺมา ‘‘ปจฺจุทฺธรณํ วตฺตมตฺต’’นฺติวาโท เอตฺถาปิ สมฺภวตีติ เจ? น, กุรุนฺทิ วจนวิโรธโต. ตตฺถ หิ กตฺติกปุณฺณมาย ปจฺจุทฺธาโร วุตฺโต, ตสฺมา ¶ วสฺสานทิวสตฺตา สาธิฏฺานาวสา ปจฺจุทฺธรียตีติ น ปจฺจุทฺธาโร วตฺตมตฺตํ, ตสฺมา ‘‘ตโต ปร’’นฺติ ยาว ปุณฺณมา อธิปฺเปตา สิยา. ยถา จายํ วิกปฺโป, ตถา ‘‘วสฺสานมาสาติกฺกเมนาปิ อาพาธวูปสเมนาปี’’ติ อิทมฺปิ อวสฺสํ ปจฺจุทฺธริตพฺพตาย วุตฺตํ สิยา. เอวฺจ สติ อิธ สมนฺตปาสาทิกาย ตทวจเนน สเมติ. อฺถา อิธปิ ตํ วตฺตพฺพํ สิยาติ ยถาวุตฺโตว วิธิ เอตฺถ สมฺภวติ, กิฺจาปิ สมฺภวติ, ทุวิฺาปยสฺส ปน โลกสฺส สุวิฺาปนตฺถํ วุตฺตา. ยสฺมา ปน สา วสฺสานาติกฺกเมน อธิฏฺานํ วิชหติ, เหมนฺตปมารุเณ จ อปจฺจุทฺธารปจฺจยา ทุกฺกฏา สาธิตา, ตสฺมา กตฺติกปุณฺณมายเมว ปจฺจุทฺธริตฺวา วิกปฺเปตพฺพา, อวิกปฺปิตาย ‘‘นิสฺสคฺคิยาปชฺชนเมวา’’ติ วตฺตพฺพํ. เอตฺตาวตาปิ สนฺโตสํ อกตฺวา วินิจฺฉโย ปริเยสิตพฺโพ. โหติ เจตฺถ –
‘‘เอวํ อภาวํ วินยสฺส ปาฬิ,
ภินฺนํ อภินฺนฺจ ตทตฺถยุตฺตึ;
วิฺาตุกาเมน ตทตฺถวิฺู,
ปริเยสิตพฺพา วินเย วิฺายา’’ติ.
‘‘ตุยฺหํ คณฺหาหี’’ติ วุตฺเต วินาปิ ‘‘มยฺหํ คณฺหามี’’ติ วจเนน สุทินฺนํ โหติ. อิตโร เจ อธิวาเสติ, เตนาปิ สุคฺคหิตํ โหติ, โน เจ อธิวาเสติ, เทนฺเตน สุทินฺนํ. ตํ ปน วตฺถุ น กสฺสจิ โหติ. ตถา ‘‘มยฺหํ คณฺหามี’’ติ วทติ, สามิโก เจ อธิวาเสติ, วินาปิ ‘‘คณฺหาหี’’ติ วจเนน สุคฺคหิตํ. โน เจ อธิวาเสติ, สามิกสฺเสว ตํ, น หิ ตสฺเสตํ วินยกมฺมนฺติ เอตฺถ วินยกมฺมสฺสตฺถาย เจ คณฺหาติ, น วฏฺฏติ. น เกวลํ อตฺตโน อตฺถาย คหิตํ ¶ , ปุน ตสฺสปิ เทติ, วฏฺฏตีติ จ. ตถา อนเปกฺโข หุตฺวา ปรสฺส วิสฺสชฺเชตฺวา ปุน เตน ทินฺนํ วา ตสฺส วิสฺสาสนฺโต วา ปริภฺุชติ, วฏฺฏติ. ตตฺถาปิ วินยกมฺมวเสน น วฏฺฏตีติ เอเก. เต เอว ‘‘มหนฺตํ วา ขุทฺทกํ กโรตี’’ติ เอตฺถ ‘‘ติจีวเร ทีฆโต วิทตฺถิ อนติกฺกมิตฺวา ฉินฺทิตฺวา กโรติ, เอวํ เสเสสุปี’’ติ วทนฺติ. เอวรูเปสุ าเนสุ โปราณาจริยานํ กถามคฺคํ สุฏฺุ อาจริยกุลเสวนาย สฺชานิตฺวา เตน สํสนฺทิตฺวา สโต สมฺปชาโน หุตฺวา โสตูนฺจ จิตฺตํ อวิโมเหตฺวา กเถตพฺพํ. เอสา อมฺหากํ อายาจนา.
ปมกถินสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อุโทสิตสิกฺขาปทวณฺณนา
๔๗๑. สนฺตรุตฺตเรน ¶ ชนปทจาริกํ ปกฺกมนฺติ. กสฺมา? กิฺจาปิ ‘‘น, ภิกฺขเว, สนฺตรุตฺตเรน คาโม ปวิสิตพฺโพ, โย ปวิเสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๓๖๒) ปมํ วุตฺตํ. ปจฺฉา ปน ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ปจฺจยา สงฺฆาฏิยา นิกฺเขปาย, อุตฺตราสงฺคสฺส, อนฺตรวาสกสฺส นิกฺเขปาย คิลาโน วา โหติ, วสฺสิกสงฺเกตํ วา, นทีปารํ คนฺตุํ วา, อคฺคฬคุตฺติวิหาโร วา, อตฺถตกถินํ วา โหตี’’ติ วุตฺตตฺตา, อฏฺกถายมฺปิสฺส ‘‘ปฺจสุ เปเตสุ อคฺคฬคุตฺติ เอว ปมาณํ. คุตฺเต เอว หิ วิหาเร นิกฺขิปิตฺวา พหิ คนฺตุํ วฏฺฏติ, นาคุตฺเต’’ติ วุตฺตตฺตา อปฺตฺเตปิ กถิเน ‘‘เต ภิกฺขู อคฺคฬคุตฺติวิหาเร เปถา’’ติ วตฺวา สภาคานํ หตฺเถ จีวรํ นิกฺขิปิตฺวา สนฺตรุตฺตเรน คามปฺปเวเส ลทฺธกปฺปิยา ชนปทจาริกํ ปกฺกามึสูติ เวทิตพฺพํ.
๔๗๓. อวิปฺปวาสสมฺมุตินฺติ อวิปฺปวาสตฺถํ, วิปฺปวาสปจฺจยา ยา อาปตฺติ, ตทภาวตฺถํ วา สมฺมุตึ ทาตุนฺติ อตฺโถ. ตโต ปฏฺาย วฏฺฏติ. กิตฺตกํ กาลํ วฏฺฏตีติ? มาสํ วา อติเรกํ วา ยาว คมเน สอุสฺสาโห, ตาว วฏฺฏติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ธุรนิกฺเขปํ กโรนฺเตน ปจฺจุทฺธริตพฺพ’’นฺติ. ปุน สมฺมุติทานกิจฺจํ นตฺถีติ สเจ ทฺวาทสนฺนํ วสฺสานํ อจฺจเยน อฺโ โรโค โหติ, วฏฺฏติ, อุปสมฺปทกมฺมํ วิย ยาวชีวํ เอกาสมฺมุติ วฏฺฏตีติ จ.
‘‘กตํ วา โหตี’’ติอาทิ อิมสฺมึ สิกฺขาปเท น วตฺตพฺพํ, กสฺมา? กรณปลิโพเธ อุปจฺฉินฺเนปิ อนธิฏฺิตจีวรโต วิปฺปวาสปจฺจยา อาปตฺติยา อสมฺภวโต, ตสฺมา ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมินฺติ ภิกฺขุโน จีวรํ อธิฏฺิตํ โหตี’’ติ เอตฺตกเมว วตฺตพฺพนฺติ เจ? น, ตทายตฺตตฺตา ¶ . อธิฏฺานฺหิ กรณปลิโพธสฺส นิฏฺาปนายตฺตํ, ตสฺมา ‘‘กตํ วาติอาทิ วุตฺต’’นฺติ จ วุตฺตํ. ตตฺถ กตนฺติ ปุพฺเพ วุตฺตเมว.
๔๗๗-๘. อวิปฺปวาสลกฺขณววตฺถาปนตฺถนฺติ เอตฺถ ‘‘อนฺโตคาเม จีวรํ นิกฺขิปิตฺวา อนฺโตคาเม วตฺถพฺพ’’นฺติอาทิวจนโต อวิปฺปวาสลกฺขณํ ววตฺถาปิตํ, ตพฺพิปรีตนเยน วิปฺปวาสลกฺขณํ เวทิตพฺพํ. คาโม เอกูปจาโรติอาทิมฺหิ ปน เปตฺวา สตฺถํ, รุกฺขมูลํ, อชฺโฌกาสฺจ เสเสสุ ปริกฺเขปาปริกฺเขปวเสน เอกูปจารนานูปจารตา เวทิตพฺพา. ยสฺมา ปน ¶ สตฺถํ ทุวิธํ นิวิฏฺํ, อนิวิฏฺฺจ, เตสุ อนิวิฏฺํ เอกกุลสฺส วา นานากุลสฺส วา อปริกฺขิตฺตเมว โหติ, นิวิฏฺํ สิยา ปริกฺขิตฺตํ, สิยา อปริกฺขิตฺตํ, ตสฺมา ตตฺถ ปริกฺเขปาทิวเสน อทสฺเสตฺวา อพฺภนฺตรวเสน วุตฺโต. ตถา อพฺโภกาเส. รุกฺขมูเล ฉายาวเสน. อฺถา ‘‘สตฺโถ เอกูปจาโร นานูปจาโร’’ติอาทิ อุทฺเทสวิโรโธ สิยา วิภงฺเค อทสฺสิตตฺตา, ตสฺมา สตฺถสฺส ปุรโต จ ปจฺฉโต จ สตฺตพฺภนฺตรา, ปสฺสโต จ เอกพฺภนฺตรนฺติ อยเมกูปจาโร, ตโต ปรํ นานูปจาโร. ตถา รุกฺขมูลสฺส ยตฺถ มชฺฌนฺหิเก กาเล ฉายา ผรติ, อยํ เอกูปจาโร. อิตโร นานูปจาโร. กสฺมา? ตตฺถ หิ ปริกฺเขโป อปฺปมาณํ. ฉายาว ปมาณํ. อชฺโฌกาสสฺส ปาฬิยํ วุตฺโตว. ‘‘สตฺถาทีนํ เอกกุลสนฺตกวเสน เอกูปจารตา’’ติ ลิขิตํ, ตสฺมา นิเวสเน, อุโทสิเต จ วุตฺตปริจฺเฉโทว อฏฺฏาทีสูติ กตฺวา สํขิตฺตํ. ตโต ปรํ เขตฺตธฺกรณอารามวิหาเรสุ ปน ปริกฺขิตฺตาปริกฺขิตฺต-ปทํ ปุน อุทฺธฏํ สตฺถวิภงฺเคน อธิการสฺส ปจฺฉินฺนตฺตา. ‘‘นานาคพฺภา’’ติอาทิวจนํ ปน อสมฺภวโต เขตฺตธฺกรณอาราเมสุ น อุทฺธฏํ. วิหาเร สมฺภวนฺตมฺปิ ตตฺถ ปจฺฉินฺนตฺตา น อุทฺธฏํ. กุลํ วุจฺจติ สามิโก, ตสฺมา ‘‘เอกกุลสฺส นานากุลสฺสา’’ติ อิมินา คามาทีนํ จุทฺทสนฺนํ จีวรนิกฺเขปฏฺานานํ สาธารณาสาธารณภาวํ ทีเปติ. อชฺโฌกาสสฺส ปน อสมฺภวโต น วุตฺตํ. ยสฺมา ปเนตฺถ เอกกุลสฺส, นานากุลสฺส จ อปริกฺขิตฺเตสุ คามาทีสุ ปริหารวิเสโส กิฺจาปิ นตฺถิ, ปริกฺขิตฺเตสุ ปน อตฺถิ, ตสฺมา เอกนานากุลคฺคหณํ, เอกนานูปจารคฺคหณฺจ สาตฺถกนฺติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถปิ อยํ วิเสโส – สตฺเถ, รุกฺขมูเล จ กุลเภทโตว เภโท, โนปจารเภทโต. อชฺโฌกาเส อุปจารเภทโต จ, โส ปน ปาฬิยํ น ทสฺสิโตติ. ‘‘ตํ ปมาณํ อติกฺกมิตฺวาติ วจนโต อากาเสปิ อฑฺฒเตยฺยรตนปฺปมาเณ โทโส นตฺถี’’ติ วทนฺติ.
๔๗๙. ‘‘สภา’’ติ อิตฺถิลิงฺคํ. ‘‘สภาย’’นฺติ นปุํสกลิงฺคํ, เตน วุตฺตํ ‘‘ลิงฺคพฺยตฺตนเยนา’’ติ. นปุํสกลิงฺคทสฺสนตฺถํ กิร ‘‘สภาย’’นฺติ ปจฺจตฺตวเสน นิทฺทิฏฺํ, ตสฺส อนุปโยคตฺตา ¶ ‘‘ทฺวารมูล’’นฺติปิ. อตฺตโน นิกฺขิตฺตฏฺาเน อนิกฺขิตฺตตฺตา วีถิหตฺถปาโส น รกฺขติ, ยสฺมึ ฆเร จีวรํ นิกฺขิตฺตํ โหติ, ตสฺมึ ฆเร วตฺถพฺพํ. ‘‘สภาเย วา วตฺถพฺพํ ทฺวารมูเล วา, หตฺถปาสา ¶ วา น วิชหิตพฺพ’’นฺติ หิ วุตฺตํ. ‘‘หตฺถปาเสเยว อรุณํ อุฏฺเปตพฺพ’’นฺติ นิยมิตตฺตา ชานิตุํ น สกฺกาติ เจ? อนฺโตฆเร น สกฺกา, ตถา ตถา วุตฺตตฺตา, ตสฺมา ‘‘ยุตฺติ ปมาณ’’นฺติ วุตฺตํ. อยมตฺโถ อฏฺกถายมฺปิ ปกาสิโต, ปุนปิ ขุทฺทกคาเม สพฺพสาธารณคามทฺวารวเสน. สเจ ตสฺส ทฺวารทฺวยํ โหติ, มชฺเฌ จ ฆรสภายํ, ยตฺถิจฺฉติ, ตตฺถ วสิตพฺพ’’นฺติ.
๔๘๐-๑. ยานิ นิเวสนาทีนิ คามสงฺขฺยํ น คจฺฉนฺติ, ตานิ นิเวสนาทีนีติ อธิปฺเปตานิ. อชฺโฌกาเส อปริสงฺกิตมฺปิ จีวรํ อติเรกสตฺตพฺภนฺตเร นิกฺขิตฺตํ นิสฺสคฺคิยํ โหติ, เอตฺถ อนฺโตสีมตา น รกฺขติ, สตฺเถ ปน รกฺขติ. ‘‘นทีปริหาโร จ ลพฺภตี’’ติ วจนโต อุทกุกฺเขปสีมายํ ปริหาโร ลพฺภตีติ สิทฺธํ. สามนฺตวิหาโร เจ เอกสีโม, จีวรํ น นิสฺสคฺคิยํ.
อิทานิ –
‘‘ฉินฺนํ ธุตงฺคํ สาสงฺก-สมฺมโต สนฺตรุตฺตรํ;
อจีวรสฺสานาปตฺติ, ปจฺจุทฺธาราทิสิทฺธิโต’’ติ. –
อิทํ ปกิณฺณกํ, ตตฺถายํ โจทนาปุพฺพงฺคโม วินิจฺฉโย – เกจิ ‘‘ทิคุณํ สงฺฆาฏิ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๘) วจนโต ‘‘เอกจฺจิกา สงฺฆาฏิปิ นาธิฏฺาตพฺพา. สเจ อธิฏฺาติ น รุหตี’’ติ วตฺวา อุปสมฺปทาเปกฺขานมฺปิ ทิคุณเมว สงฺฆาฏึ ทตฺวา อุปสมฺปาเทนฺติ, เต อิมินา สุตฺตเลเสน สฺาเปตพฺพา. ภควตา หิ ‘‘ฉินฺนกํ สงฺฆาฏึ ฉินฺนกํ อุตฺตราสงฺคํ ฉินฺนกํ อนฺตรวาสก’’นฺติ ปมํ อนฺุาตํ. ตโต ‘‘อฺตรสฺส ภิกฺขุโน ติจีวเร กริยมาเน สพฺพํ ฉินฺนกํ นปฺปโหติ. ทฺเว ฉินฺนกานิ เอกํ อจฺฉินฺนกํ นปฺปโหติ. ทฺเว อจฺฉินฺนกานิ เอกํ ฉินฺนกํ นปฺปโหตี’’ติ อิมสฺมึ วตฺถุสฺมึ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อนฺวาธิกมฺปิ อาโรเปตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๖๐) อนฺุาตํ, ตสฺมา เอกจฺจิกาปิ สงฺฆาฏิ วฏฺฏตีติ สิทฺธํ. ยา ฉิชฺชมานา นปฺปโหติ, ตสฺสา กุโต ทิคุณตาติ. อฏฺกถายมฺปิสฺส วุตฺตํ ‘‘อนฺวาธิกมฺปิ อาโรเปตุนฺติ อาคนฺตุกปตฺตมฺปิ ทาตุํ. อิทํ ปน อปฺปโหนเก อาโรเปตพฺพํ. สเจ ปโหติ, อาคนฺตุกปตฺตํ น วฏฺฏติ, ฉินฺทิตพฺพเมวา’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๖๐). กถินํ ปน ฉินฺนกเมว วฏฺฏติ อาเวณิกลกฺขณตฺตา ¶ , ‘‘ฉินฺนกํ ทิคุณํ นปฺปโหตี’’ติ วจนาภาวโต จาติ สนฺนิฏฺานเมตฺถ คนฺตพฺพํ.
ธุตงฺคนฺติ ¶ อนุปสมฺปนฺนานํ เตจีวริกธุตงฺคาภาวโต ติจีวเรเนว เตจีวริโกติ. เตสํ อธิฏฺานาภาวโต ‘‘อธิฏฺิเตเนวา’’ติ วตฺตพฺพํ โหตูติ เจ? น, ธุตงฺคเภเทน วิโรธปฺปสงฺคโต. จตุตฺถจีวรสาทิยเนน หิ ธุตงฺคเภโท, น ติจีวรวิปฺปวาเสน, นาปิ อติเรกจีวรสาทิยเนน, นาปิ อติเรกจีวรธารเณน. ยสฺมา ปน ภิกฺขูนํเยว ภควตา อธิฏฺานวเสน นว จีวรานิ อนฺุาตานิ, ชาติวเสน จ วุตฺตานิ, น เอวํ อนุปสมฺปนฺนานํ. ตสฺมา เตสํ จีวรนิยมาภาวา น ตํ ธุตงฺคํ อนฺุาตํ คหฏฺานํ วิย, ตสฺมา ตสฺส สมาทานวิธาเน อวจนโต จ สนฺนิฏฺานเมตฺถ คนฺตพฺพํ.
สาสงฺกสมฺมโตติ กงฺขาวิตรณิยํ สาสงฺกสิกฺขาปเท วิสุํ องฺคานิ น วุตฺตานิ, ‘‘เสสเมตฺถ จีวรวคฺคสฺส ทุติยสิกฺขาปเท วุตฺตนเยน เวทิตพฺพ’’นฺติ (กงฺขา. อฏฺ. สาสงฺกสิกฺขาปทวณฺณนา) วุตฺตํ, น จ ปเนตํ วุตฺตํ. ตตฺถ รตฺติวิปฺปวาโส จตุตฺถํ องฺคํ, อิธ ฉารตฺตวิปฺปวาโส, อยเมตฺถ วิเสโสติ, ตสฺมา องฺคสามฺโต, สมฺมุติสามฺโต จ สาสงฺกสิกฺขาปทเมว วทนฺติ. อิทํ นิปฺปเทสํ, ตํ สปฺปเทสํ มาสปรมตฺตา. ตตฺถ พหิคาเมปิ คามสีมํ โอกฺกมิตฺวา วสิตฺวา ปกฺกมนฺตสฺส อนาปตฺติ, อิธ น ตถา, อิธ อนนฺตเร อนนฺตเร อรุณุคฺคมเน นิสฺสคฺคิยํ, ตตฺถ สตฺตเมติ อยํ อิเมสํ ทฺวินฺนํ วิเสโส. องฺคานิ ปน จีวรนิกฺเขปงฺคสมฺปตฺติโต วิปริยาเยน, อิธ วุตฺตนเยน จ สิทฺธตฺตา น วุตฺตานิ. ตานิ กามํ น วุตฺตานิ, ตถาปิ จตุตฺถมงฺคํ วิเสสิตพฺพํ, น ปน วิเสสิตํ. กึการณา? อิธ วุตฺตนิสฺสชฺชนกฺกเมน นิสฺสชฺเชตฺวา อาปตฺติเทสนโต, ตตฺถาปนฺนาปตฺติวิโมกฺขทีปนตฺถํ. สํวจฺฉรวิปฺปวุตฺถมฺปิ รตฺติวิปฺปวุตฺถเมว, ปเคว ฉารตฺตํ วิปฺปวุตฺถํ. เอวํ สนฺเตปิ ตตฺถ ยถาวุตฺตองฺคสมฺปตฺติยา สติ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว นิสฺสชฺชิตพฺพํ. เหมนฺเต วา คิมฺเห วา นิสฺสชฺชติ เจ? อิธ วุตฺตนเยนาปิ นิสฺสชฺชิตุํ วฏฺฏตีติ าปนตฺถํ จตุตฺถํ องฺคํ น วิเสสิตนฺติ โน ตกฺโกติ อาจริโย. มาสาติกฺกนฺตมฺปิ จีวรํ ‘‘ทสาหาติกฺกนฺต’’นฺติ วตฺวา นิสฺสฏฺเมว. ทฺวเยน อูนมาสํ หุตฺวา ‘‘ทสาหาติกฺกนฺต’’นฺติ วตฺวา มาสาติกฺกนฺตนฺติ เอเก. ตถาปิ สเจ ปจฺจาสาจีวรํ โหติ, นิสฺสคฺคิยํ ‘‘ทสาหาติกฺกนฺต’’นฺติ วตฺวา, มูลจีวรํ ปน ‘‘มาสาติกฺกนฺต’’นฺติ วตฺวา นิสฺสชฺชิตพฺพํ.
‘‘สนฺตรุตฺตร’’นฺติ ¶ วา ‘‘สงฺฆาฏิ’’นฺติ วา ‘‘จีวร’’นฺติ วา กึ ติจีวรํ, อุทาหุ อฺมฺปีติ ¶ . กิฺเจตฺถ – ยทิ ติจีวรเมว ปฏิสิทฺธํ, ปริยาปนฺนวเสน อจฺฉินฺนจีวรจฺฉินฺทนโธวาปนวิฺตฺติอาทิวิโรโธ. อถ อฺมฺปิ, ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมิ’’นฺติ เอวมาทินา วิโรโธติ? วุจฺจเต – น นิยมโต เวทิตพฺพํ ยถาสมฺภวํ คเหตพฺพโต. ตถา หิ ‘‘จีวรํ นิกฺขิปิตฺวา สนฺตรุตฺตเรน ชนปทจาริกํ ปกฺกมนฺตี’’ติ (ปารา. ๔๗๑) เอวมาทีสุ ติจีวรเมว. ‘‘น, ภิกฺขเว, สนฺตรุตฺตเรน คาโม ปวิสิตพฺโพ, สนฺตรุตฺตรปรมํ ตโต จีวรํ สาธิตพฺพ’’นฺติ เอวมาทีสุ ยํกิฺจิ, ตถา สคุณํ กตฺวา สงฺฆาฏิโย ทาตพฺพา, นิวาสนํ ทาตพฺพํ, สงฺฆาฏิ ทาตพฺพา, หนฺท เต, อาวุโส, สงฺฆาฏิ, เทหิ เม ปฏนฺติอาทีสุ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘สพฺพฺหิ จีวรํ สงฺฆฏิตฏฺเน ‘สงฺฆาฏี’ติ วุจฺจตี’’ติ. ตถา ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมิ’’นฺติ เอตฺถาปีติ เอเก. อนฺโตสมเย หิ ยาวทตฺถํ จีวรํ อนฺุาตํ, ตํ สพฺพํ กริยมานํ กทา นิฏฺานํ คจฺฉิสฺสติ, ตสฺมา ติจีวรเมวาติ เอเก. อจีวรสฺสานาปตฺติ ปจฺจุทฺธาราทิสิทฺธิโตติ กึ วุตฺตํ โหติ? อุโทสิตสิกฺขาปทสฺส นิปฺปโยชนภาวปฺปสงฺคโต ติจีวรวิปฺปวาเส เตจีวรสฺส อาปตฺตีติ เอเก. ตตฺเถตํ วุจฺจติ น โหติ อาปตฺติ ปจฺจุทฺธาราทิสิทฺธิโต. ‘‘อนาปตฺติ อนฺโตอรุเณ ปจฺจุทฺธรติ, วิสฺสชฺเชตี’’ติ หิ วุตฺตํ. อฺถา ปจฺจุทฺธรนฺตสฺส, อนฺโตอรุเณ วิสฺสชฺเชนฺตสฺส จ ยาว อฺโ นาธิฏฺาติ, ตาว อาปตฺตึ อาปชฺชติ ยถาวุตฺตนเยน. อฺถา สตฺตพฺภนฺตเรน วิปฺปวาสสฺสาติ วิปฺปวาสโต ยถารุตํเยว สติ วิปฺปวาเส วิปฺปวาสโต อวิปฺปวาเส สติ อวิปฺปวาสโตติ.
อุโทสิตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ตติยกถินสิกฺขาปทวณฺณนา
๔๙๗. นปฺปโหตีติ ลามกปริจฺเฉทํ น ปาปุณาติ, เตเนว ติจีวรสฺส มุฏฺิปฺจกาทิลามกปริจฺเฉโทว ตาว วุตฺโต. จีวเร ปจฺจาสา จีวรปจฺจาสา. เตเนตํ ทีเปติ – ตํ จีวรํ ปจฺฉา ลพฺภตุ วา มา วา, ยาว สา ปจฺจาสา ฉิชฺชติ, ตาว อิทํ มูลจีวรํ เปตุํ อนุชานามีติ. ‘‘จีวรปจฺจาสา’’ติ มริยาทตฺเถ นิสฺสกฺกวจนํ, ภุมฺมตฺเถ วา ปจฺจตฺตวจนํ กตํ.
๔๙๙-๕๐๐. นิฏฺิตจีวรสฺมึ ¶ …เป… จีวราสา วา อุปจฺฉินฺนาติอาทิมฺหิ ตีสุ จีวเรสุ อฺตรํ กตํ โหติ, เสสา อตฺถิ, รกฺขติ. จีวรปลิโพธสฺส อุปจฺเฉเท, อุพฺภตสฺมิฺจ กถิเน สมเย วา เหมนฺตสฺส สมเย วา อกาลจีวรํ อุปฺปชฺเชยฺย, ขิปฺปเมว กาเรตพฺพํ ¶ . สติ ปาริปูริยา ปจฺจาสา น รกฺขติ, อสติ นตฺถิ เจ ปจฺจาสา, น รกฺขติ. ‘‘อนตฺถเต กถิเน เอกาทสมาเส อุปฺปนฺน’’นฺติ วจนโต อปรกตฺติกา อตฺถเต วา อนตฺถเต วา สมโยว. เหมนฺโต สิยา สมโย อตฺถเต, สิยา อสมโย อนตฺถเต. ตโต ปรํ เอกํสโต อสมโย วาติ. ‘‘อาทิสฺส ทินฺน’’นฺติ อิทํ อิธ อลพฺภมานมฺปิ อตฺถุทฺธารวเสน วุตฺตํ ภิกฺขุนีนํ ทุติยนิสฺสคฺคิเย (ปาจิ. ๗๓๘ อาทโย) เสสํ อกาลจีวรํ วิย. ตตฺถ หิ ภิกฺขุนิสงฺฆสฺส ‘‘สมฺปตฺตา ภาเชนฺตู’’ติ เอวํ อาทิสฺส ทินฺนเมว ‘‘อกาลจีวรํ กาลจีวร’’นฺติ อธิฏฺหิตฺวา ภาเชนฺติยา นิสฺสคฺคิยํ. ตถา หิ ตตฺถ ยถา ‘‘อกาลจีวรํ นาม อนตฺถเต กถิเน เอกาทสมาเส อุปฺปนฺนํ, อตฺถเต กถิเน สตฺตมาเส อุปฺปนฺน’’นฺติ อิทํ อตฺถุทฺธารวเสน วุตฺตํ, เอวํสมฺปทมิทํ. ยทิ เอวํ ‘‘เอกปุคฺคลสฺส อิทํ ตุยฺหํ ทมฺหีติ ทินฺน’’นฺติ อิทํ กิมตฺถํ วุตฺตํ, น หิ ตํ ภาชนียนฺติ เจ? อภาชนียสามฺโต วุตฺตํ โหติ. ยถา สงฺฆสฺส อาทิสฺส ทินฺนํ อตฺถตกถิเนหิ เอว ภิกฺขูหิ อภาชนียตฺตา อกาลจีวรํ นาม ชาตํ, เอวํ ปุคฺคลิกมฺปิ อิตเรหีติ อตฺโถ. เอวํ สนฺเตปิ กสฺสจิ สิยา ‘‘อาทิสฺส ทินฺนมฺปิ ทสาหเมว ปริหารํ ลภตี’’ติ. ตสฺเสตํ ปาฏิกงฺขํ. ปมกถิเน ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ ภิกฺขุนา อุพฺภตสฺมึ กถิเน’’ติ อิทฺหิ นิรตฺถกนฺติ. อนุพฺภตสฺมิมฺปิ หิ กถิเน ทสาหปรมเมว ธาเรตพฺพนฺติ วิฺาตตฺตา อนาทิสฺส ทินฺนเมว สนฺธาเยตํ วุตฺตํ สิยาติ เจ? เอวํ สนฺเตปิ อนาทิสฺส ทินฺนมฺปิ อนตฺถตกถินานํ อปรกตฺติกาย ทสาหเมว ปริหารํ ลภติ ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ ภิกฺขุนา อุพฺภตสฺมึ กถิเน’’ติ วุตฺตตฺตา. อามนฺตาติ เจ? ‘‘อนตฺถเต กถิเน เอกาทสมาเส อุปฺปนฺน’’นฺติ วจเนน วิรุชฺฌติ, ตสฺมา ยถาวุตฺตนเยเนเวตฺถ สนฺนิฏฺานํ คนฺตพฺพํ.
อนุคณฺิปเท วุตฺตํ ‘‘ปมสิกฺขาปเท สพฺพจีวรานํ ยาวทตฺถจีวรวเสน กถินมาสพฺภนฺตเร ทสาหาติกฺกเมปิ อนาปตฺติ ปริหารสฺส ทินฺนตฺตา. ยถา ¶ กถินมาสพฺภนฺตเร อาทิสฺส ทินฺนมกาลจีวรํ กาลจีวรปริหารเมว ลภติ, ตถา อิตรมาเสปิ ลภตีติ เวทิตพฺพํ. ตสฺมา เอวํ ‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ ภิกฺขุนา อุพฺภตสฺมึ กถิเน ภิกฺขุโน ปเนว จีวรํ อุปฺปชฺเชยฺยา’ติอาทินา สิกฺขาปเท สิทฺเธปิ อนตฺถตกถินานํ ปจฺฉิมกตฺติกมาสํ อนุชานนฺเตน ‘อกาลจีวรํ อุปฺปชฺเชยฺยา’ติ วุตฺตํ. เอวฺหิ อวุตฺเต อกาลจีวรํ นาม ‘อนตฺถเต กถิเน เอกาทสมาเส อุปฺปนฺน’นฺติ น สกฺกา วตฺตุํ. เอวฺหิ วจนโต อนตฺถตกถินานํ อตฺถตกถินานํ วิย สพฺพจีวรานํ ปจฺฉิมกตฺติกมาเส ทสาหาติกฺกเม นิสฺสคฺคิยํ น โหตี’’ติอาทิ.
ภิยฺโยปิ เอวํ วุตฺตํ – ยํ ปน มยา ‘‘ปมกถิเน ทสาหปรมํ อติเรกจีวรํ ธาเรตพฺพ’’นฺติ ¶ อนฺุาตํ, ตมฺปิ กถินมาสโต พหิ อุปฺปนฺนเมว, น อนฺโตติ อยมตฺโถ ทีปิโต โหติ. กถํ? อติเรกจีวรสฺส ทสาหปริหารโต อุทฺธํ อาปชฺชิตพฺพาปตฺตึ ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ ภิกฺขุนา อุพฺภตสฺมึ กถิเน’’ติ อนุปฺตฺติยา กถินพฺภนฺตเร วาเรตฺวา ตโต อุทฺธํ อุปฺปนฺเนสุ ทสาหาติกฺกเม อาปชฺชิตพฺพาปตฺตึ อิมินา สิกฺขาปเทน วาเรตุํ ‘‘อกาลจีวรํ อุปฺปชฺเชยฺยา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เตน ‘‘กาเลปิ อาทิสฺส ทินฺนํ, เอตํ อกาลจีวรํ นามา’’ติ วจนโต กถินุพฺภารโต อุทฺธํ ทสาหปริหารํ น ลภตีติ ทีปิตํ โหติ, เตหิ สทฺธึ ปุน กถินุพฺภารโต อุทฺธํ ปฺจ ทิวสานิ ลภตีติ ปสงฺโคปิ ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ ภิกฺขุนา อุพฺภตสฺมึ กถิเน ภิกฺขุโน ปเนว อกาลจีวรํ อุปฺปชฺเชยฺย…เป… ขิปฺปเมว กาเรตพฺพ’’นฺติ อกาลจีวรสฺส อุปฺปตฺติกาลํ นิยเมตฺวา วุตฺตตฺตา นิวาริโต โหติ, ตทุภเยน กถินพฺภนฺตเร อุปฺปนฺนจีวรํ กถินุพฺภารโต อุทฺธํ เอกทิวสมฺปิ ปริหารํ น ลภตีติ สิทฺธํ โหติ. เอวํ อปเร วทนฺตีติ.
ปุนปิ วุตฺตํ – อาจริยา ปน เอวํ วเทยฺยุํ ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ ภิกฺขุนา อุพฺภตสฺมึ กถิเน ภิกฺขุโน ปเนว อกาลจีวรํ อุปฺปชฺเชยฺยา’’ติ เอตฺถ ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ ภิกฺขุนา อุพฺภตสฺมึ กถิเน’’ติ วทนฺโต เอวํ วิฺาเปติ ‘‘เอตฺถนฺตเร ติณฺณนฺนมฺปิ อกาลจีวรานํ อุปฺปตฺติ อภาว’’นฺติ. กสฺมา ปน ปทภาชเน วิตฺถาริตานีติ? วุจฺจเต – อิทํ สิกฺขาปทํ อธิฏฺานํ สนฺธาย วุตฺตํ, กินฺตุ ปเม ทสาหํ อนุชานิตฺวา ตสฺมึ อปฺปโหนฺเต สเจ ปจฺจาสา อตฺถิ, ตเมว วฑฺเฒตฺวา มาสํ อนุชานนฺโต อิมมฺปิ อตฺถวิเสสํ ทีเปติ อกาลจีวรํ นาม ¶ สมฺมุขีภูเตน ภาเชตพฺพนฺติปิ ทีเปติ. ตํ ปน ‘‘อากงฺขมาเนน ภิกฺขุนา ปฏิคฺคเหตพฺพ’’นฺติ อิมินา สิกฺขาปเทน วฑฺเฒตฺวา วุตฺตนฺติ, ตสฺมา ตีณิปิ ปทภาชเน วิตฺถาริตานีติ.
‘‘ขิปฺปเมว กาเรตพฺพนฺติ ทสาหา กาเรตพฺพ’’นฺติ อิทํ ปน ปโหนกภาเว ปุริมสิกฺขาปทลกฺขเณนาติ ทีเปตุํ วุตฺตํ, ตสฺมา ‘‘เอวํ สีฆนฺติ วา ลหุนฺติ วา’’ติอาทินา อวตฺวา ‘‘ทสาหา’’ติ วุตฺตํ. อตฺถตกถินสฺส เอวํ โหตุ, อนตฺถเต ปน กถิเน กถนฺติ วุตฺเต อนตฺถตสฺส ปฏิกฺเขปตํ ทสฺเสตีติ วุตฺโต อปสฺสนฺโต วิฆาตํ อาปชฺชตีติ. เอกตึเส อรุณุคฺคมเน นิสฺสคฺคิยนฺติ มหนฺเตนปิ ปจฺจาสาจีวเรน สห ฆฏิตมฺปิ ตพฺภาวํ อนุปติตฺวา นิสฺสคฺคิยํ โหติ สติ ปจฺฉิมปฺปมาณสมฺภเว, อสติ น โหติ, ปุน ฆฏิเต โหติ, อฺเน ฆฏิเต น โหติ. ฉินฺนํ อฺวตฺถุ โหติ. ปุพฺพปริจฺเฉทํ อติกฺกนฺตํ ฆฏิตํ ปุน อฺปริจฺเฉทํ ลภตีติ เอเก, อุปปริกฺขิตฺวา คเหตพฺพํ. อฺตรสฺมึ คณฺิปเท ปน ‘‘สงฺฆสฺส วา อิทํ อกาลจีวรนฺติ อุทฺทิสฺส ทินฺน’นฺติ เอตฺถ สงฺฆสฺส ทินฺเน อาปตฺติ นาม นตฺถิ, ‘โสตสฺส ¶ รโห’ติอาทีสุ วิย ปทุทฺธาเรน วุตฺตํ, ตสฺส ลาภํ สนฺธายาติ เจ? สงฺฆโต วา อุปฺปชฺเชยฺยาติ อเนน สิทฺธตฺตา อธิกเมวา’’ติ จ ‘‘สงฺโฆ จีวรานิ ลภิสฺสติ คโณ วา’ติอาทินาปิ ปาโ อตฺถี’’ติ จ วุตฺตํ. คณฺิปเท โกสลฺลตฺถํ ปน มยา สพฺพํ ลิขิตํ, สุฏฺุ วิจาเรตฺวา กเถตพฺพํ.
ตติยกถินสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ปุราณจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา
๕๐๓-๕๐๕. ภตฺตวิสฺสคฺคนฺติ ภตฺตกิจฺจาธิฏฺานํ. ภตฺตกิจฺจาธิฏฺานวิภาคนฺติ โปราณา. ตตฺถ นาม ตฺวนฺติ ตตฺถ ตยา กตกมฺเม เอวํ อกตฺตพฺเพ สติ โธวาปิสฺสสิ นาม. อถ วา โส นาม ตฺวนฺติ อตฺโถ. อุภโตสงฺเฆ อุปสมฺปนฺนาติ ภิกฺขูนํ สนฺติเก อุปสมฺปทาย ปฏิกฺขิตฺตตฺตา ตทนุปสงฺคภยา เอวํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘ปุราณจีวร’’นฺติ เอตฺถ ปุราณภาวทีปนตฺถเมว ‘‘สกึ นิวตฺถมฺปิ สกึ ปารุตมฺปี’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา ‘‘จีวรํ นาม ฉนฺนํ จีวรานํ อฺตรํ จีวรํ วิกปฺปนุปคํ ปจฺฉิม’’นฺติ วจนสฺส โอกาโส น ¶ ชาโตติ เอเก. ยสฺมา วิกปฺปนุปคปจฺฉิมํ อิธ นาธิปฺเปตํ, นิวาสนปารุปนุปคเมวาธิปฺเปตํ, เตเนว นิสีทนปจฺจตฺถรเณ ทุกฺกฏํ วุตฺตํ, ตสฺมา น วุตฺตนฺติ เอเก. ชาติปฺปมาณาวจนโต ยํ กิฺจิ ปุราณวตฺถํ โธวาเปนฺตสฺส นิสฺสคฺคิยเมว, เตเนว ‘‘อนาปตฺติ จีวรํ เปตฺวา อฺํ ปริกฺขารํ โธวาเปตี’’ติ วุตฺตํ. ถวิกมฺปิ หิ อสุจิมกฺขิตํ ปริภุตฺตํ โธวาเปติ, นิสฺสคฺคิยเมว โอฬาริกตฺตา, อปฺปติรูปตฺตา จ. เตเนว กงฺขาวิตรณิยํ อิมสฺมึ าเน จีวรปริจฺเฉโท น วุตฺโตติ เอเก, วิจาเรตฺวา ยุตฺตตรํ คเหตพฺพํ. ‘‘รชิตฺวา กปฺปํ กตฺวาติ กปฺปิยํ กตเมว นิวาเสตุํ, ปารุปิตุํ วา วฏฺฏติ, เนตร’’นฺติ วุตฺตํ. อิมินา จ มชฺฌิมตฺเถรวาโท อุปตฺถมฺภิโต โหติ, โนปตฺถมฺภิโต. รชิตฺวาติอาทิ ปน วินยวิธิทสฺสนตฺถํ วุตฺตนฺติ มม ตกฺโก. ยถา อฺาติกาย อฺาติกสฺีวาเร ตีณิ จตุกฺกานิ, เอวํ เวมติกาติกวาเรสุ จาติ นว จตุกฺกานิ โหนฺติ. เอตฺถาห – เอกวารํ โธวิตฺวา โธวเนสุ ธุรํ นิกฺขิปิตฺวา ปุน ‘‘ทุทฺโธต’’นฺติ มฺมานา โธวติ, อนาปตฺติยา ภวิตพฺพํ, ทุติยวารํ อวุตฺตา โธวติ นาม โหตีติ? วุจฺจเต – สเจ ภิกฺขุ ‘‘อลํ เอตฺตาวตา โธเตนา’’ติ ปฏิกฺขิปติ, ปุน โธวนฺตี อวุตฺตา โธวติ นามาติ ยุชฺชติ. โน เจ, วุตฺตาว โหตีติ เวทิตพฺพํ. ภิกฺขุสฺส ลิงฺคปริวตฺตเน เอกโตอุปสมฺปนฺนาย วเสน อาปตฺติ สากิยานีนํ วิย.
๕๐๖. เอเกน ¶ วตฺถุนาติ เยน เกนจิ ปเมน. ‘‘ติณฺณํ จตุกฺกานํ วเสนา’’ติ ปาโ. ภิกฺขูนํ สนฺติเก อฏฺวาจิกาย อุปสมฺปนฺนาย ปากฏตฺตา ตํ อวตฺวา สากิยานิโยว วุตฺตา อปากฏตฺตา.
ปุราณจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. จีวรปฏิคฺคหณสิกฺขาปทวณฺณนา
๕๐๘-๕๑๐. อปฺตฺเต สิกฺขาปเทติ เอตฺถ ‘‘คณมฺหา โอหียนสิกฺขาปเท’’ติ ลิขิตํ. อรฺวาสีนิเสธนสิกฺขาปเท อปฺตฺเตติ เอเก, ‘‘ตํ น สุนฺทร’’นฺติ วทนฺติ. วิหตฺถตายาติ อายาเสน.
๕๑๒. อุปจาโรติ ทฺวาทสหตฺโถ. มหาปจฺจริยํ, กุรุนฺทิยฺจ วุตฺตนฺติ เอตฺถ รตฺติภาเค ธมฺมกถิกสฺส ภิกฺขุโน พหูสุ จีวเรสุ มหาชเนน ปสาททานวเสน ¶ ปฏิกฺขิตฺเตสุ ปุนทิวเส ‘‘อุปาสกานํ ปสาททานานิ เอตานี’’ติ สุทฺธจิตฺเตน คณฺหนฺตสฺส โทโส นตฺถิ, ‘‘ภิกฺขุนีหิปิ ทินฺนานิ อิธ สนฺตี’’ติ ตฺวา คณฺหโต โทโส. ตํ อจิตฺตกภาเวนาติ ภิกฺขุนีหิ ทินฺนภาวํ ตฺวา พหูสุ ตสฺสา จีวรสฺส อชานเนนาติ อตฺโถ. ปํสุกูลํ อธิฏฺหิตฺวาติ ‘‘ภิกฺขุนีหิ นุ โข ทินฺนํ สิยา’’ติ อวิกปฺเปตฺวา ‘‘ปํสุกูลํ คณฺหามี’’ติ คณฺหนฺตสฺส วฏฺฏติ. กุรุนฺทิอาทีสุ วุตฺโตปิ อตฺโถ อยเมว, เอกํ, ‘‘อจิตฺตกภาเวนา’’ติ วจเนน ‘‘ยถา ตถา คณฺหิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อุปฺปโถว ปฏิเสธิโตติ อปเร. เอวํ ธมฺมสิริตฺเถโร น วทติ, อุชุกเมว วทตีติ ปปฺจิตํ. ตสฺเสว วิสโย, ตสฺสายํ อธิปฺปาโย – ยถา ‘‘ปํสุกูลํ คณฺหิสฺสตีติ ปิตํ กามํ ภิกฺขุนิสนฺตกมฺปิ อวิกปฺเปตฺวา ปํสุกูลํ อธิฏฺหิตฺวา คเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ, ตถา ธมฺมกถิกสฺส ภิกฺขุนิยา ทินฺนมฺปิ อปฺายมานํ วฏฺฏตีติ, ตสฺมา ตํ วุตฺตํ มหาปจฺจริยํ, กุรุนฺทิยฺจ อจิตฺตกภาเวน น สเมตีติ. ปฏิกฺเขโป ปน วิกปฺปคฺคหเณ เอว รุหติ. อฺถา ปุพฺพาปรํ วิรุชฺฌตีติ. ตํ น ยุตฺตํ ปํสุกูเลน อสมานตฺตา. ปํสุกูลภาเวน สงฺการกูฏาทีสุ ปิตํ ภิกฺขุนีหิ, น ตํ ตสฺสา สนฺตกํ หุตฺวา ิตํ โหติ. อสฺสามิกฺหิ ปํสุกูลํ สพฺพสาธารณฺจ, อฺโปิ คเหตุํ ลภติ. อิทํ ปุพฺเพว ‘‘ภิกฺขุนีนํ จีวร’’นฺติ ชานิตฺวาปิ ปํสุกูลิโก คเหตุํ ลภติ ตทา ตสฺสา อสนฺตกตฺตา. ‘‘ปํสุกูลํ อธิฏฺหิตฺวา’’ติ สลฺเลขกฺกมนิทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. มํสํ ททนฺเตน ตถาคเตน สลฺเลขโต กปฺปิยมฺปิ ภุตฺตํ นิสฺสคฺคิยํ จีวรมาห โย มํสํ กถนฺติ สยมาทิเสยฺยาติ.
อจิตฺตกตฺตา ¶ กถํ ปํสุกูลํ วฏฺฏตีติ เจ? ตาย ตสฺส อทินฺนตฺตา, ภิกฺขุนาปิ ตโต ภิกฺขุนิโต อคฺคหิตตฺตา จ. อสฺสามิกมฺปิ หิ ปํสุกูลํ อฺิสฺสา หตฺถโต คณฺหาติ, น วฏฺฏติ ‘‘อฺาติกาย ภิกฺขุนิยา จีวรํ ปฏิคฺคณฺเหยฺยา’’ติ วุตฺตลกฺขณสมฺภวโต. อฺาติกาย สนฺตกํ าติกาย หตฺถโต คณฺหาติ, วฏฺฏตีติ เอเก. ยถา สิกฺขมานสามเณราทีนํ หตฺถโต ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺส อนาปตฺติ, ตถา กงฺขาวิตรณิยฺจ ‘‘อฺาติกาย หตฺถโต คหณ’’นฺติ (กงขา. อฏฺ. จีวรปฺปฏิคฺคหณสิกฺขาปทวณฺณนา) องฺคํ วุตฺตํ. ตถา าติกาย ¶ สนฺตกํ สิกฺขมานาย, สามเณริยา, อุปาสกสฺส, อุปาสิกาย, ภิกฺขุสฺส, สามเณรสฺส สนฺตกํ อฺาติกาย ภิกฺขุนิยา หตฺถโต คณฺหนฺตสฺส จ อนาปตฺติ เอวํ ยถาวุตฺตลกฺขณาสมฺภวโตติ เอเก, เตเนว ‘‘เอกโตอุปสมฺปนฺนาย จีวรํ ปฏิคฺคณฺหาตี’ติ อวตฺวา ‘หตฺถโต ปฏิคฺคณฺหาติ อฺตฺร ปาริวตฺตกา, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’ติ (ปารา. ๕๑๓) วุตฺตํ, ตสฺมา อฺาติกาย สนฺตกมฺปิ เอกโตอุปสมฺปนฺนาย หตฺถโต ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺส ทุกฺกฏ’’นฺติ วทนฺติ, อุโภเปเต น สารโต ทฏฺพฺพา, การณํ ปริเยสิตพฺพํ.
๕๑๔. โก ปน วาโท ปตฺตตฺถวิกาทีสูติ อนธิฏฺาตพฺเพสุ พหูสุ ปฏเลสุ. เตเนวาห มาติกาฏฺกถายํ ‘‘ปตฺตตฺถวิกาทิมฺหิ อนธิฏฺาตพฺพปริกฺขาเร’’ติ. อธิฏฺานุปเคสุ วา เตสํ ปริกฺขารตฺตา ภิสิฉวิยา วิย อนาปตฺติ. กึ ปฏปริสฺสาวนํ ปริกฺขารํ น โหตีติ? โหติ, กินฺตุ ตํ กิร นิวาสนาทิจีวรสณฺานตฺตา น วฏฺฏติ. ตสฺมา อิธ นิวาสนาทิจีวรสาธนํ วิกปฺปนุปคปจฺฉิมํ จีวรํ นาม. อนนฺตราตีเต นิวาสนปารุปนุปคเมวาติ สนฺนิฏฺานํ. เอวํ สนฺเต กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. จีวรปฺปฏิคฺคหณสิกฺขาปทวณฺณนา) กปฺปนุปคปจฺฉิมตา, ปาริวตฺตกาภาโว, อฺาติกาย หตฺถโต คหณนฺติ ตีเณว องฺคานิ อวตฺวา อปริกฺขารตาติ จตุตฺถมงฺคํ วตฺตพฺพนฺติ เจ? น วตฺตพฺพํ, อิมสฺมึ สิกฺขาปเท ปตฺตตฺถวิกาทิปริกฺขารสฺส อจีวรสงฺขฺยตฺตา. ปมกถินาทีสุ วิกปฺปนุปคตา ปมาณํ, อิธ กายปริโภคุปคตาติ. ‘‘อฺํ ปริกฺขาร’’นฺติ อุทฺธริตฺวา ‘‘ปตฺตตฺถวิกาทึ ยํกิฺจี’’ติ วุตฺตตฺตา วิกปฺปนุปคมฺปิ ปตฺตตฺถวิกาทึ คณฺหิตุํ วฏฺฏติ, ‘‘ปฏปริสฺสาวนมฺปี’’ติ วุตฺตฏฺาเน จ ‘‘จีวรํ นาม วิกปฺปนุปคปจฺฉิม’’นฺติ วจนโต ปฏปริสฺสาวนํ จีวรเมว, น ปริกฺขารํ. ‘‘โก ปน วาโทติ นิคมนวจนมฺปิ สาธก’’นฺติ เกจิ วทนฺติ, ปณฺณตฺตึ อชานนโต อจิตฺตกํ, น วตฺถุํ, ‘‘อฺาติกาย ภิกฺขุนิยา สนฺตกภาวาชานนโต, จีวรภาวาชานนโต จ อจิตฺตก’’นฺติ อนุคณฺิปเท วุตฺตํ.
จีวรปฏิคฺคหณสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. อฺาตกวิฺตฺติสิกฺขาปทวณฺณนา
๕๑๕. ปริกฺขารานนฺติ ¶ ¶ อุปโยคตฺเถ สามิวจนํ. เอกสาฏกนฺติ ภาวนปุํสกํ, ‘‘อฺาตโก โมฆปุริสา’’ติ วจเนน ปวาริโตปิ อทาตุกาโม อฺาตโก อปฺปวาริตฏฺาเน ติฏฺตีติ ทีปิตํ โหติ. อฺถา ‘‘อนาปตฺติ ปวาริตาน’’นฺติ อิมินา วิรุชฺฌติ.
๕๑๗. เนว ตาว วิฺาเปตพฺพํ, น ภฺชิตพฺพนฺติ อนจฺฉินฺนานํ จีวรานํ อตฺตโน สนฺตกานํ อตฺถิตาย, ตตฺถ ปจฺจาสาสพฺภาวโต จ. ปจฺจาสา กิตฺตกํ กาลํ รกฺขตีติ? ยาว คามนฺตรา, ยาว อทฺธโยชนาติ เอเก. ยาว ทสฺสนสวนูปจาราติ เอเก. ยาว อฺเ น ปสฺสนฺตีติ เอเก. ยาว ปจฺจาสา ฉิชฺชตีติ เอเก. ยาว สาขาปลาสปริเยสนภฺชนสชฺชนกาลปริจฺเฉทาติ เอเก. อิทํ สพฺพํ ยถาสมฺภวํ ยุชฺชติ. กถํ ปฺายตีติ เจ? ‘‘สเจ ปน เอเตสํ วุตฺตปฺปการานํ คิหิวตฺถาทีนํ ภิสิฉวิปริยนฺตานํ กิฺจิ น ลพฺภติ, เตน ติเณน วา ปณฺเณน วา ปฏิจฺฉาเทตฺวา อาคนฺตพฺพ’’นฺติ อฏฺกถาวจนโต.
น ตาว เถรานํ ทาตพฺพานีติ น ตาว อตฺตโน รุจิยา ทาตพฺพานิ, ยทา เถรา ‘‘เทถาวุโส’’ติ วทนฺติ, ตทา ทาตพฺพานิ. ‘‘เอวํ สติ ทหราปิ อจฺฉินฺนจีวรฏฺาเน ติฏฺนฺติ, สาขาปลาสํ ภฺชิตุํ วฏฺฏติ, น อฺถา. ‘เยหิ เกหิจิ วา อจฺฉินฺนํ โหตี’ติ หิ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. อาจริโย ปน เอวํ วทติ ‘‘อตฺตโน รุจิยาปิ ทาตุํ ลภนฺตี’’ติ. ตถา หิ อฏฺกถายํ ‘‘ปริโภคชิณฺณํ วา’ติ เอตฺถ จ ‘อจฺฉินฺนจีวรานํ อาจริยุปชฺฌายาทีนํ อตฺตนา ติณปณฺเณหิ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ทินฺนจีวรมฺปิ สงฺคหํ คจฺฉตี’ติ วตฺตุํ ยุชฺชตี’’ติ วุตฺตํ. อถาปิ สิยา อาจริยาทีหิ ‘‘อาหราวุโส’’ติ วุตฺเตเยว, นาวุตฺเตติ, น, ‘‘เกหิจิ วา อจฺฉินฺน’’นฺติ เอตฺถ วุตฺตเลสโต ทุติยเลสสฺส อวิเสสภาวปฺปสงฺคโตติ. อถ กิมตฺถํ ‘‘น ตาว เถรานํ ทาตพฺพานี’’ติ วุตฺตนฺติ เจ? ยาว เถรานํ อตฺถาย สาขาปลาสานิ ภฺชติ, ตาว น ทาตพฺพานิ, ตโต ตานิ เถรุทฺทิสฺสกานิ สาขาปลาสานิ สยํ ปริทหิตฺวา วินาปิ เถราณตฺติยา อตฺตโน รุจิยา ทาตพฺพานิ, ภูตคามปาตพฺยตาย ปาจิตฺติยํ น โหติ สตฺถุนาปิ อนฺุาตตฺตา. ‘‘ติเณน วา ปณฺเณน วา’’ติ หิ วุตฺตํ, ตํ กปฺปิยเมว สนฺธาย วุตฺตนฺติ เจ? น, ‘‘ตทลาเภ น ตฺเวว…เป… ทุกฺกฏสฺสา’’ติ ¶ วจนวิโรธโต. เอตฺถาห – ทุกฺกฏภยา ปาจิตฺติยวตฺถุ เจ อติกฺกมิตพฺพํ, ตทลาเภ ถุลฺลจฺจยวตฺถุ สงฺฆิกํ, ตทลาเภ ปาราชิกวตฺถุปิ อติกฺกมิตพฺพํ สิยาติ? น, ปาราชิกสฺส โลกวชฺชตฺตา. อปิจ น สพฺพํ ภูตคามํ ปาจิตฺติยวตฺถุเมว, ตโต ทุกฺกฏาทิวตฺถุปิ อตฺถิ, อนาปตฺติวตฺถุปิ กาโลทิสกํ, ตสฺมา อิทํ ตทา ¶ อนาปตฺติวตฺถุกนฺติ เวทิตพฺพํ. กิตฺตาวตา ภิกฺขุ อจฺฉินฺนจีวโร นฏฺจีวโร โหตีติ? เอตฺตาวตา นคฺโค โหตีติ เอเก. วิกปฺปนุปคปจฺฉิมภาเวน, วิกปฺปนุปคปจฺฉิมมาทึ กตฺวา วิฺาเปนฺตสฺส อาปตฺตีติ เอเก. นิวาสนปารุปนุปคาภาเวนาติ เอเก. ติจีวราภาเวนาติ เอเก. สนฺตรุตฺตรปรมาภาเวนาติ เอเก. อยํ เอเกวาโท ยุตฺโต ‘‘สนฺตรุตฺตรปรมํ ตโต จีวรํ สาทิตพฺพ’’นฺติ หิ วจนโต, ตสฺมา สนฺตรุตฺตเร สติ วิกปฺปนุปคปจฺฉิมํ วิฺาเปนฺตสฺส ปฏิลาเภน นิสฺสคฺคิยํ. ยทิ เอวํ ‘‘วิฺาเปตฺวา ปฏิลเภยฺย นิสฺสคฺคิย’’นฺติ สิกฺขาปเทน ภวิตพฺพนฺติ เจ? ตนฺน, ตทตฺถสิทฺธิโต นานตฺถตฺตา ธาตูนํ. กึ วุตฺตํ โหติ? ยถา หิ ‘‘ติกฺขตฺตุํ เมถุนํ ธมฺมํ อภิวิฺาเปสี’’ติ (ปารา. ๓๖) วุตฺเต ปวตฺเตสีติ อตฺโถ, ตถา อิธาปิ ‘‘จีวรํ วิฺาเปยฺยา’’ติ วิฺตฺติยา ปวตฺเตยฺย อุปฺปาเทยฺยาติ อตฺโถ.
เตน นิวตฺโถติ ตํนิวตฺโถ. อฺสฺส อลาเภน ตเมว ปริภฺุชโต ชิรติ, น เลเสน. อตฺตนาติ สยเมว วตฺตุํ ยุชฺชติ, ตสฺมา อยุตฺตปริโภเคน อปริภฺุชิตฺวา ยุตฺตปริโภควเสน ปริภฺุชโต ชิณฺณํ ปริโภคชิณฺณํ นาม. ตสฺส สภาคานํ อจฺฉินฺนกาเล ทานมฺปิ ยุตฺตปริโภเค เอว สงฺคหํ คจฺฉตีติ อธิปฺปาโย. ‘‘อิเม กิร ทฺเว เลสา อฏฺกถาโย, วาเจนฺตานํ อาจริยานํ มตนฺติ ธมฺมสิริตฺเถโร อาหา’’ติ วุตฺตํ.
๕๒๑. นิสีทิตุํ วา นิปชฺชิตุํ วา น ลภตีติ ยถาสุขํ น ลภตีติ อธิปฺปาโย. ‘‘อฺสฺสตฺถายา’’ติ เอตฺถาปิ ‘‘าตกานํ ปวาริตาน’’นฺติ อนุวตฺตติ เอว. อตฺถาย กสฺส? ตสฺเสว อฺสฺส. ยถา อฺาตเก ติกปาจิตฺติยํ, ตถา อปฺปวาริเตปีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘าตกานํ ปวาริตาน’’นฺติ วุตฺตํ. อฺถา ‘‘าตเก าตกสฺี’’ติ อิมินา สิทฺธตฺตา น นิจฺจํ เสสํ อาปชฺชติ. อปิเจตฺถ อฺาตกคฺคหเณน อปฺปวาริตคฺคหณํ โหติ ¶ , อปฺปวาริตคฺคหเณน อฺาตกคฺคหณํ, อฺาตกา หิ อปฺปวาริตา โหนฺติ. ตถา าตกคฺคหเณน ปวาริตคฺคหณํ โหติ, กตฺถจิ น โหติ. น ปวาริตคฺคหเณน าตกคฺคหณํ โหตีติ อิมสฺส อตฺถวิเสสสฺส ทสฺสนตฺถํ ‘‘าตกานํ ปวาริตาน’’นฺติ วุตฺตํ. ตถา หิ อฺาติกาย ภิกฺขุนิยา อปฺปวาริตาย จ จีวรํ อฺตฺร ปาริวตฺตกา ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺส อาปตฺติ. าติกาย ปน ปวาริตาย จ วิสฺสาสํ คณฺหาติ, อนาปตฺติ. ตถา ปุราณจีวรํ าติกาย อนาปตฺติ, ปวาริตาย ปน ติกปาจิตฺติยเมว. าตกานฺจ เอกจฺจานํ ปุราณจีวรํ นาม ทาตุํ วฏฺฏติ, น ปวาริตานํ. ติกจฺเฉโท จ มาติกาปเทเนว โหติ, น อฺเน. ตตฺถาปิ เอเกเนว, น ทุติยาทีหีติ อยํ วินเย ธมฺมตา เวทิตพฺพา.
อฺาตกวิฺตฺติสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. ตตุตฺตริสิกฺขาปทวณฺณนา
๕๒๒-๔. ปคฺคาหิกสาลํ ¶ วาติ ทุสฺสปสารํ วา. หตฺเถน ปคฺคเหตฺวา ตฺวา สาลายํ ปสาเรตพฺพทุสฺสํ ปสาเรนฺตีติ โจทนา. ติจีวริเกเนวาติ วินยติจีวริเกน. โส หิ อธิฏฺหิตฺวา ปิตปริกฺขารโจฬาทีสุ สนฺเตสุปิ ติจีวเร อจฺฉินฺเน สนฺตรุตฺตรปรมํ วิฺาเปตฺวา คเหตุํ ลภติ. อฺถาปีติ ‘‘ปมาณิกํ ติจีวรํ ปริกฺขารโจฬวเสน อธิฏฺหิตฺวา ปริภฺุชโต ตสฺมึ นฏฺเ พหูนิปิ คเหตุํ ลภติ, น สนฺตรุตฺตรปรม’’นฺติ จ, ตสฺมา ตํ วิภาคนฺติ ‘‘ติจีวริกสฺส ตํ วิภาคนฺติ อตฺโถ, น ปริกฺขารโจฬิกสฺสา’’ติ จ เกจิ วทนฺติ. อาจริโย ปน ‘‘อฺเนาติ อติจีวริเกน, อฺถาติ อิโต วุตฺตคฺคหณปริจฺเฉทโต อฺเนา’’ติ เอตฺตกเมว วทติ. อฺถาติ ปน สเจ ตีณิปิ นฏฺานิ, สนฺตรุตฺตรปรมํ คณฺหิตพฺพํ, สเจ ทฺเว วา เอกํ วา นฏฺํ, เตน ‘‘อฺถาปี’’ติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตนฺติ เอเก. คณฺิปเทสุ วิจารณา เอว นตฺถิ, ตสฺมา อุปปริกฺขิตฺวา คเหตพฺพํ. ปกติยา สนฺตรุตฺตเรน จรติ, สาสงฺกสิกฺขาปทวเสน วา ตํสมฺมุติวเสน วา ตติยสฺส อลาเภน วา.
๕๒๖. ‘‘ปมาณเมว ¶ วฏฺฏตี’’ติ สลฺเลขทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ตํ มิจฺฉา คเหตฺวา าตกาทิฏฺาเน ตทุตฺตริ คณฺหนฺตสฺส อาปตฺตีติ เจ? ตํ ปาฬิยา น สเมติ, ‘‘อนาปตฺติ าตกานํ ปวาริตาน’’นฺติ หิ ปาฬิ. เอตฺถ จ ปวาริตา นาม อจฺฉินฺนกาลโต ปุพฺเพ เอว ปวาริตา, น อจฺฉินฺนกาเล. ‘‘อภิหฏฺุํ ปวาเรยฺยา’’ติ หิ วุตฺตํ, ตสฺมา โย อจฺฉินฺนกาลสฺสตฺถาย ปวาเรติ, อุโภปิ อปฺปวาริตา เอวาติ เวทิตพฺพา. เต หิ อจฺฉินฺนการณา นฏฺการณาว เทนฺติ นาม. อปิจ ยถา ปิฏฺิสมเย สตุปฺปาทํ กตฺวา าตกปวาริตฏฺานโต วสฺสิกสาฏิกํ นิปฺผาเทนฺตสฺส เตน สิกฺขาปเทน นิสฺสคฺคิยํ, ตถา อิธาปิ าตกปวาริตฏฺาเนปิ อจฺฉินฺนนฏฺการณา น วฏฺฏติ, ตสฺมา ‘‘อฏฺกถาสุ ปมาณเมว วฏฺฏตี’ติ วุตฺตวจนเมว ปมาณ’’นฺติ ธมฺมสิริตฺเถโร อาห, ตํ อยุตฺตํ, กสฺมา? ยสฺมา อิทํ สิกฺขาปทํ ตทุตฺตริ วิฺาเปนฺตสฺส ปฺตฺตํ, ตสฺมิฺจ ‘‘อฺาตโก คหปติ วา คหปตานี วา’’ติ มาติกาย ปาฬิ, วิภงฺเค จ ‘‘อฺาตโก นาม มาติโต วา…เป… อสมฺพทฺโธ’’ติ ปาฬิ, อนาปตฺติวาเร จ ‘‘าตกานํ ปวาริตาน’’นฺติ ปาฬิ, ตสฺมา ติวิธายปิ ปาฬิยา น สเมตีติ อยุตฺตเมว, ตสฺมา เกวลํ สลฺเลขเมว สนฺธาย วุตฺตนฺติ อปเร. อุปริ กาณมาตาสิกฺขาปเท อฏฺกถาสุ ปน ‘‘เตสมฺปิ ปาเถยฺยปเหณกตฺถาย ปฏิยตฺตโต ปมาณเมว วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ, น ปน ‘‘ปาฬิยา น สเมตี’’ติ วุตฺตํ, น ตตฺถ จ อิธ จ นานากรณํ ปฺายติ ¶ , ตสฺมา เถรสฺส ลทฺธิ สุนฺทรา วิย มม ขายติ, วีมํสิตพฺพํ. ยสฺมา ปนิทํ สิกฺขาปทํ อฺสฺสตฺถาย วิฺาปนวตฺถุสฺมึเยว ปฺตฺตํ, ตสฺมา อิธ ‘‘อฺสฺสตฺถายา’’ติ น วุตฺตํ. ‘‘เสสํ อุตฺตานตฺถเมวา’’ติ ปาโ. ‘‘อฺสฺสตฺถายา’’ติ นิทานวิโรธโต น วุตฺตํ. ตถาปิ อนนฺตเร วุตฺตนเยน ลพฺภตีติ อาจริโย. เอวรูเปสุ คหปติปฏิสํยุตฺตสิกฺขาปเทสุ กิฺจาปิ ‘‘คหปติ นาม โย โกจิ อคารํ อชฺฌาวสตี’’ติ วุตฺตํ, ตถาปิ ปฺจ สหธมฺมิเก เปตฺวา อวเสสา จ สิกฺขาปจฺจกฺขาตโก จ ติตฺถิโย จ เวทิตพฺโพ.
ตตุตฺตริสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. ปมอุปกฺขฏสิกฺขาปทวณฺณนา
๕๒๗-๘. อปิ ¶ โหติ จิตฺตนฺติ อตฺโถ. เมยฺยาติ ปาสฺส มยฺหนฺติ อตฺโถ. น อิเม สุกรา, ‘‘น อิเมสํ สุกรา’’ติ วา ปาโ. ‘‘ตสฺส น อิเมสํ สุกรา อจฺฉาเทตุนฺติ อตฺโถ’’ติ ลิขิตํ. ‘‘ปุพฺเพ อปฺปวาริโต’’ติ วจนโต ตสฺมึ ขเณ ปวาริโตปิ อปฺปวาริโตว โหตีติ.
ปมอุปกฺขฏสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ทุติยอุปกฺขฏสิกฺขาปทวณฺณนา
๕๓๒. ทุติยอุปกฺขเฏน กึปโยชนนฺติ? นตฺถิ, เกวลํ อฏฺุปฺปตฺติวเสน ปฺตฺตํ ภิกฺขุนิยา รโหนิสชฺชสิกฺขาปทํ วิย. เอวํ สนฺเต ตนฺติ อนาโรเปตพฺพํ ภเวยฺย วินาปิ เตน ตทตฺถสิทฺธิโต, อนิสฺสรตฺตา, อนาโรเปตุํ อนฺุาตตฺตา จ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อากงฺขมาโน, อานนฺท, สงฺโฆ…เป… สมูหเนยฺยา’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๖). อิทํ สพฺพมการณํ. น หิ พุทฺธา อปฺปโยชนํ วาจํ นิจฺฉาเรนฺติ, ปเคว สิกฺขาปทํ, เตเนวาห อฏฺกถายํ ‘‘ตฺหิ อิมสฺส อนุปฺตฺติสทิส’’นฺติอาทิ. อนุปฺตฺติ จ นิปฺปโยชนา นตฺถิ, ตํสทิสฺเจตํ, น นิปฺปโยชนนฺติ ทสฺสิตํ โหติ, เอวํ สนฺเต โก ปเนตฺถ วิเสโสติ? ตโต อาห ‘‘ปมสิกฺขาปเท เอกสฺส ปีฬา กตา, ทุติเย ทฺวินฺนํ, อยเมตฺถ วิเสโส’’ติ. อิมินา อตฺถวิเสเสน โก ปนฺโ อติเรกตฺโถ ทสฺสิโตติ? โปราณคณฺิปเท ตาว วุตฺตํ ‘‘เอกสฺมิมฺปิ วตฺถุสฺมึ ¶ อุภินฺนํ ปีฬา กาตุํ วฏฺฏตีติ อยมติเรกตฺโถ ทสฺสิโต’’ติ. เตเนตํ ทีเปติ ‘‘น เกวลํ ปฏิลทฺธจีวรคณนาเยว อาปตฺติคณนา, ปีฬิตปุคฺคลสงฺขาตวตฺถุคณนายปี’’ติ.
โหนฺติ เจตฺถ –
‘‘วตฺถุโต คณนายาปิ, สิยา อาปตฺติ เนกตา;
อิติ สนฺทสฺสนตฺถฺจ, ทุติยูปกฺขฏํ อิธ.
‘‘กายสํสคฺคสิกฺขาย, วิภงฺเค วิย กินฺเตตํ;
เอกิตฺถิยาปิ เนกตา, อาปตฺตีนํ ปโยคโต’’ติ.
อปิเจตํ ¶ สิกฺขาปทํ ตํชาติเกสุ สิกฺขาปเทสุ สพฺเพสุปิ คเหตพฺพวินิจฺฉยสฺส นยทสฺสนปฺปโยชนนฺติ เวทิตพฺพํ. อาห จ –
‘‘อฺาติกาย พหุตาย วิมิสฺสตาย,
อาปตฺติยาปิ พหุตา จ วิมิสฺสตา จ;
อิจฺเจวมาทิวิธิสมฺภวทสฺสนตฺถํ,
สตฺถา อุปกฺขฏมิทํ ทุติยํ อโวจา’’ติ.
ตสฺสายํ สงฺเขปโต อธิปฺปายปุพฺพงฺคมา วิจารณา – ปุราณจีวรํ เอกเมว ภิกฺขุ ภิกฺขุนีหิ ทฺวีหิ, พหูหิ วา โธวาเปติ, ภิกฺขุนิคณนาย ปาจิตฺติยคณนา, ตถา ทฺวินฺนํ, พหูนํ วา สาธารณํ เอกเมว จีวรํ อฺตฺร ปาริวตฺตกา ปฏิคฺคณฺหาติ, อิธาปิ ตถา ทฺวินฺนํ, พหูนํ วา สาธารณเมกํ วิฺาเปติ, วิฺตฺตปุคฺคลคณนาย อาปตฺติคณนา. ตถา อฺเสุปิ เอวรูเปสุ สิกฺขาปเทสุ นโย เนตพฺโพ. อยํ ตาว พหุตาย นโย. มิสฺสตาย ปน าติกาย, อฺาติกาย จ เอกํ โธวาเปติ, เอกโต นิฏฺาปเน เอกํ ปาจิตฺติยํ. อถ าติกา ปมํ โถกํ โธวิตฺวา ิตา, ปุน อฺาติกา สุโธตํ กโรติ, นิสฺสคฺคิยํ. อถ อฺาติกา ปมํ โธวติ, ปจฺฉา าติกา สุโธตํ กโรติ, อฺาติกาย ปโยควเสน ภิกฺขุโน ทุกฺกฏเมว. อฺาติกาย จ าติกาย จ อฺาติกสฺี, เวมติโก, าติกสฺี วา โธวาเปติ, ยถาวุตฺตนเยน นิสฺสคฺคิยทุกฺกฏาทิอาปตฺติเภทคณนา เวทิตพฺพา. ตถา อฺาติกาย จ าติกาย จ สนฺตกํ จีวรํ อุโภหิ เอกโต ทิยฺยมานํ ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺส ¶ , อฺาติกาย เอว หตฺถโต ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺส จ นิสฺสคฺคิยเมว. อถ าติกาย อนาปตฺติ. อถ อุโภสุ อฺาติกาทิสฺี วุตฺตนเยเนว นิสฺสคฺคิยทุกฺกฏาทิอาปตฺติเภทคณนา เวทิตพฺพา. ตถา อฺาตกวิฺตฺติสิกฺขาปเทสุปิ ยถาสมฺภวํ นโย เนตพฺโพ. อยํ มิสฺสตาย นโย. อาทิ-สทฺเทน ปน อเนเก อฺาติกา วิฺตฺตาวิฺตฺตปุคฺคลคณนาย ทุกฺกฏํ. เอโก เทติ, เอโก น เทติ, นิสฺสคฺคิยํ. อถ อวิฺตฺโต เทติ, น นิสฺสคฺคิยํ. อถ วิฺตฺตาวิฺตฺตานํ สาธารณํ วิฺตฺโต เทติ, นิสฺสคฺคิยเมว. อุโภ เทนฺติ, นิสฺสคฺคิยเมว. อวิฺตฺโต เทติ, นิสฺสคฺคิเยน อนาปตฺติ. วิฺตฺตสฺส วจเนน อวิฺตฺโต เทติ, อนาปตฺติ เอว. ตถา อุปกฺขฏาทีสุปิ ยถาสมฺภวํ นโย เนตพฺโพ.
ทุติยอุปกฺขฏสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ราชสิกฺขาปทวณฺณนา
๕๓๗. ‘‘น ¶ โข มยํ, อาวุโส, จีวรเจตาปนฺนํ ปฏิคฺคณฺหาม…เป… กาเลน กปฺปิย’’นฺติ อิโต ปุพฺเพ เอว รูปิยปฏิคฺคหณสิกฺขาปทสฺส ปฺตฺตตฺตา วุตฺตํ. อฺถา อายสฺมา อุปนนฺโท มํสสฺส เจตาปนฺนํ เอกมฺปิ กหาปณํ หตฺเถน ปฏิคฺคณฺหนฺโต ตโต มหนฺตตรํ จีวรเจตาปนฺนํ กถํ น ปฏิคฺคณฺหิสฺสติ, เอวํ สนฺเตปิ จีวรปฏิสํยุตฺตตฺตา จีวรวคฺเค สงฺคายึสูติ.
๕๓๘-๙. ‘‘อาคตการณํ ภฺชตี’’ติ วุตฺตตฺตา นนุ ปุน โจเทตุํ น ลภตีติ เอเก. อาคมนสฺส สาตฺถกํ น โหติ, จีวรํ น ลภิสฺสติ ปฏิสนฺถารสฺส กตตฺตาติ เอเก. โจทนาลกฺขณํ น โหตีติ กตฺวา วุตฺตนฺติ เอเก. ‘‘ตฺวา โจเทมี’’ติ อาคโต ตํ านํ ภฺชติ, กโรติ เจกํ, ตีณิปิ เจ กโรติ, เอกเมว, เอกวจนตฺตาติ เอเก. ตีณิ านานิ ภฺชตีติ เอเก. อุปติสฺสตฺเถโร ‘‘น โจทนาทึ ภฺชติ, โจเทตุกาโม อกตฺตพฺพํ อกาสิ, เตน วตฺตเภเท ทุกฺกฏ’’นฺติ วทติ. ธมฺมสิริตฺเถโร ปน ‘‘อาสเน เจ นิสีทติ, เอกาย นิสชฺชาย ทฺเว านานิ ภฺชติ. อามิสํ เจ ปฏิคฺคณฺหาติ, เอเกน ปฏิคฺคเหน ทฺเว านานิ ภฺชติ. ธมฺมํ เจ ภาสติ, ธมฺมเทสนสิกฺขาปเท วุตฺตปริจฺเฉทาย เอกาย วาจาย ทฺเว านานิ ภฺชติ, ตํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ วทติ. ‘‘ยตฺถา’’ติ วุตฺเต อตฺตโน เอว สนฺติกํ คนฺตพฺพนฺติ วุตฺตํ วิย โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘พฺยฺชนํ ปน น สเมตี’’ติ. อุปาสเกหิ อาณตฺตา ตํ. มูลํ อสาทิยนฺเตนาติ มูลสฺส อกปฺปิยภาเว สติ อสาทิยนฺเตน. ตฺจ โข จิตฺเตน ¶ , น มุเขน. สเจ เอวํ วุตฺเต อกปฺปิยํ ทสฺเสตีติ กตฺวา จิตฺเตน อกปฺปิยํ อิจฺฉนฺโตว มุเขน กปฺปิยํ นิทฺทิสติ ‘‘จีวรํ เม เทถา’’ติ, น วฏฺฏติ. ปฏิลาเภ รูปิยปฏิคฺคหณสิกฺขาปเทน อาปตฺติ.
ตตฺรายํ วิจารณา – จิตฺเตน สาทิยนฺโตปิ มุเขน กปฺปิยโวหาเรน เจ โวหรติ ‘‘กหาปณารเหน, ปาทารเหน วา กปฺปิยภณฺเฑน อิทฺจิทฺจ อาหรา’’ติ. กิฺจาปิ รูปิยํ สนฺธาย วทติ, วฏฺฏติ เอว. กสฺมา? กฺจิ สสฺสุฏฺานกํ ภูมิปเทสํ สนฺธาย ‘‘สีมํ เทมาติ วทนฺติ, วฏฺฏตี’’ติ วจนโต, ‘‘วิหารสฺส เทมา’’ติ วุตฺเต ‘‘ปฏิกฺขิปิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วจนโต จ. อนุคณฺิปเท ปน วุตฺตํ ‘‘สงฺฆํ สนฺธาย ‘วิหารสฺส เทมา’ติ ทินฺนํ ครุภณฺฑํ น โหติ, ทกฺขิโณทกํ สมฺปฏิจฺฉิตุํ, ‘สาธู’ติ จ วตฺตุํ, อนุโมเทตฺุจ ¶ วฏฺฏติ. กสฺมา? สงฺฆสฺส ‘วิหาโร’ติ นามาภาวโต, เขตฺตสฺเสว ‘สีมา’ติ นามภาวโต จ, จิตฺเตน อารมฺมณํ กตํ อปฺปมาณํ, กปฺปิยโวหาโรว ปมาณํ. กปฺปิยเมวาจิกฺขิตตฺตา ‘น ตฺเววาหํ, ภิกฺขเว, เกนจิ ปริยาเยน ชาตรูปรชตํ สาทิตพฺพํ ปริเยสิตพฺพนฺติ วทามี’ติ (มหาว. ๒๙๙) วจเนนปิ น วิรุชฺฌติ. กปฺปิยวจนปจฺจยา ทายโก สยเมว กตฺตพฺพยุตฺตกํ ชานิสฺสตีติ อธิปฺปายโต ทายเกน เอตสฺส อธิปฺปายํ ตฺวา กปฺปิยการกสฺส หตฺเถ ปิตํ ภิกฺขุสฺส สนฺตกเมว โหตี’’ติ. อิทํ สพฺพมยุตฺตํ, กสฺมา? สีมาวิหารวจนสฺส ทายกวจนตฺตา. อิธ จ ภิกฺขุโน วจนํ ปมาณํ. เตเนวาห ‘‘อถาปิ ‘มม ตฬากํ วา โปกฺขรณึ วา สงฺฆสฺส ทมฺมี’ติ วุตฺเต ‘สาธุ, อุปาสก, สงฺโฆ ปานียํ ปิวิสฺสตี’ติอาทีนิ วตฺวา ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏติ เอวา’’ติ. อฺถา เขตฺตํ สนฺธาย ภิกฺขุโน เขตฺตปฏิพทฺธวจนานิ สีมาวจเนน กปฺปนฺตีติ อาปชฺชติ. อวิหารสฺส จ ภิกฺขุสฺส รูปิยํ ทสฺเสตฺวา ‘‘อิทํ วิหารสฺส ทมฺมี’’ติ วุตฺเต อตฺตโน อตฺถาย ทิยฺยมานํ ชานนฺเตนาปิ ตํ อปฺปฏิกฺขิปิตพฺพํ. ตถา กหาปณารหาทิโน อกปฺปิยภณฺฑภาวํ, กหาปณาทิภาวเมว วา ชานนฺตเมว สนฺธาย ตถาโวหรนฺตสฺส จ อนาปตฺตีติ อาปชฺชติ. ‘‘น ตฺเววาหํ, ภิกฺขเว, เกนจิ ปริยาเยนา’’ติ นิปฺปเทสโต วุตฺตตฺตา น สกฺกา เลสํ โอฑฺเฑตุนฺติ โน ตกฺโก, วิจาเรตฺวา ปน คเหตพฺพํ. ‘‘โน เจ อิจฺฉติ, น กเถตพฺพ’’นฺติ วจนโต ยถาวุตฺตสามิจิยา อกรเณ อนาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ ทสฺเสติ.
‘‘อฺาตกอปฺปวาริเตสุ วิย ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ วจนโต ยถาวุตฺตสามิจิมฺปิ น กตฺวา เจ นิปฺผาเทติ, อฺาตกวิฺตฺติสิกฺขาปเทน กาเรตพฺโพติ ทสฺเสติ. กปฺปิยการกา สยเมว โจเทตฺวา เทนฺติ, วฏฺฏติ. ‘‘สยํ กรณเมว ปฏิกฺขิตฺต’’นฺติ จ วทนฺติ. ปิณฺฑปาตาทีนํ ¶ …เป… เอเสว นโยติ เอตฺถ ‘‘ทุกฺกฏ’’นฺติ วทนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ, ททนฺเตสุปีติ อปิ-สทฺเทน สงฺคหิตตฺตา นิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยเมว. ชาตรูปรชตํ ‘‘สงฺเฆ สาทิเต ทุกฺกฏ’’นฺติ จ วิกปฺเปนฺติ. ตํ วิเสเสตฺวา นวุตฺตตฺตา ปาจิตฺติยเมวาติ ทสฺเสติ. ‘‘นิสฺสคฺคิยเมวาติ เยวาปนกสิกฺขาปเทสุ สิยา’’ติ วทนฺติ, อุปปริกฺขิตพฺพํ. ‘‘ยสฺส กสฺสจิ หิ อฺสฺส…เป… มหาปจฺจริยํ วุตฺต’’นฺติ วจนโต อปพฺพชิตานํ อนฺตมโส มาตาปิตูนมฺปิ อตฺถาย สมฺปฏิจฺฉนฺตสฺส ทุกฺกฏเมวาติ ทสฺเสติ.
สพฺพตฺถ ¶ สมฺปฏิจฺฉนํ นาม ‘‘อุคฺคณฺเหยฺย วา อุคฺคณฺหาเปยฺยวา อุปนิกฺขิตฺตํ วา สาทิเยยฺยา’’ติ เอวํ วุตฺตลกฺขณเมว. เอวํ สนฺเตปิ กตฺถจิ ปฏิกฺขิปิตพฺพํ, กตฺถจิ น ปฏิกฺขิปิตพฺพํ, กตฺถจิ ปฏิกฺขิตฺตํ สาทิตุํ วฏฺฏติ, เอวํ อปฺปฏิกฺขิตฺตํ กิฺจิ วฏฺฏติ, อิทํ สพฺพมฺปิ ทสฺเสตุํ ‘‘สเจ ปนา’’ติ วิตฺถาโร อารทฺโธ. ตตฺถ ‘‘เจติยสฺส…เป… น วฏฺฏตี’’ติ วจนโต อปฺปฏิกฺขิตฺตํ วิหารสฺส ทินฺนํ สาทิตุํ วฏฺฏตีติ สิทฺธํ. ตถา เถรสฺส ‘‘มาตุยา เทมา’’ติอาทินา วุตฺเตปิ ปฏิคฺคหเณ อาปตฺติ ปาจิตฺติยเมว. สาปตฺติโก โหตีติ เอตฺถ กาย อาปตฺติยา สาปตฺติโก โหตีติ? ทุกฺกฏาปตฺติยาติ เอเก. น ยาย กายจิ, เกวลํ อฏฺาเน โจเทตีติ กตฺวา ‘‘สาปตฺติโก’’ติ วุตฺตํ. ยถา กถนฺติ? ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต สทฺธิวิหาริโก ปณาเมตพฺโพ…เป… ปณาเมนฺโต อนติสาโร’’ติ (มหาว. ๖๘) เอตฺถ น สมฺมาวตฺตนฺตํเยว อปณาเมนฺตสฺส ทุกฺกฏํ วุตฺตํ. ยถาห – ‘‘น จ, ภิกฺขเว, อสมฺมาวตฺตนฺโต น ปณาเมตพฺโพ, โย น ปณาเมยฺย, อาปตฺติทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๖๘), ตสฺมา อธิมตฺตเปมาทิอภาเวปิ อปณาเมนฺตสฺส อนาปตฺติ ทิสฺสติ. อปิจ ‘‘สาติสาโร โหตี’’ติ วุตฺตํ. เอวํสมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ. อฏฺกถาย ‘‘สาติสาโร โหตีติ สโทโส โหติ, อาปตฺตึ อาปชฺชตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๖๘) วุตฺตตฺตา น ยุตฺตนฺติ เจ? น, ตทนนฺตรเมว ตํมิจฺฉาคาหนิวตฺตนตฺถํ, ตสฺมา ‘‘น สมฺมาวตฺตนฺโต ปณาเมตพฺโพ’’ติ วุตฺตตฺตา อนาปตฺติกา กตาติ. ทุกฺกฏาปตฺติ โหตีติ อาจริโย, วีมํสิตพฺพํ. ‘‘กปฺปิยภณฺฑมฺปิ อกปฺปิยเมวาติ ตฬากโต นิปฺผนฺนธฺเน ปริวตฺเตตฺวา ลทฺธํ โครสมฺปิ น วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ.
กปฺปิยโวหาเรปิ วิธานํ วกฺขาม, เสยฺยถิทํ – ‘‘อุทกวเสนา’’ติอาทิ. ทุพฺพินิพฺโภคํ โหตีติ อิทํ ปรโต ‘‘ตสฺเสว อกปฺปิยํ. กสฺมา? ธฺสฺส วิจาริตตฺตา’’ติ อิมินา อสทิสํ, ตสฺมา สุวุตฺตํ. อิทฺหิ ภิกฺขุสฺส ปโยควเสน อาทิโต ปฏฺาย อุปฺปนฺเนน มิสฺสนฺติ. อกตปุพฺพํ นวสสฺสํ นาม. ขเล วา ตฺวา รกฺขตีติ ‘‘อิทํ วา เอตฺตกํ วา มา คณฺห, อิทํ คเหตุํ ลพฺภตี’’ติ วา ‘‘อิโต อปเนหิ, อิธ ปฺุชํ กโรหี’’ติ เอวมาทินา วา ปโยเคน ¶ เจ รกฺขติ, ตํ อกปฺปิยํ. ‘‘สเจ ‘มยิิเต รกฺขิตํ โหตี’ติ รกฺขติ, คณฺหนฺเต วา ปสฺสิตฺวา ‘กึ กโรถา’ติ, ภณติ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ ยุตฺตํ. รูปิยปฏิคฺคหณสิกฺขาปเท ‘‘ทฺวารํ ปิทหิตฺวา รกฺขนฺเตน วสิตพฺพ’’นฺติ หิ ¶ วุตฺตํ. ตสฺเสว ตํ อกปฺปิยํ. กสฺมา? อปุพฺพสฺส อนุปฺปาทิตตฺตา. เหฏฺา ‘‘สสฺสํ กตฺวา อาหรถา’’ติ วตฺตุํ ปน น วฏฺฏตีติ. ปณฺเณปิ เอเสว นโย. ‘‘ปกติยา สยเมว กโรนฺตานํ อุสฺสาหชนนโต’’ติ วุตฺตํ. กสฺมา? ‘‘กหาปณานํ วิจาริตตฺตา’’ติ วจนโต, ปเคว อุฏฺาปิตตฺตาติ สิทฺธํ โหติ. สเจ ทายกา วา สงฺฆสฺส คามเขตฺตารามาทึ เกณิยา คหิตมนุสฺสา วา ตตฺถ กุฏุมฺพิโน ‘‘อิเม สงฺฆสฺส กหาปณา อาหฏา’’ติ วทนฺติ, ‘‘น กปฺปตี’’ติ เอตฺตกเมว วตฺตพฺพํ. กปฺปิยการกาว เจ วทนฺติ, ‘‘สงฺฆสฺส กหาปณา น กปฺปนฺติ, สปฺปิอาทีนิ วฏฺฏนฺตี’’ติ วตฺตพฺพํ, ตสฺมา ‘‘สงฺฆสฺส กปฺปิยการเก วา คุตฺตฏฺานํ วา อาจิกฺขถา’’ติ วตฺวา เตหิ สมฺปาทิตํ เกนจิ อกตฺตพฺพตาย ‘‘อิมินา สปฺปึ อาหราหี’’ติ วิจาเรติ นิฏฺาเปตฺวา อิตเรสํ กปฺปิยํ ปรโต ปตฺตจตุกฺเก จตุตฺถปตฺโต วิย. วุตฺตฺหิ ตตฺถ ‘‘อิเม กหาปเณ คเหตฺวา อิมํ เทหี’ติ กหาปเณ ทาเปตฺวา คหิโต, อยํ ปตฺโต เอตสฺเสว ภิกฺขุโน น วฏฺฏติ, ทุพฺพิจาริตตฺตา, อฺเสํ ปน วฏฺฏติ, มูลสฺส อสมฺปฏิจฺฉิตตฺตา’’ติอาทิ. ยทิ เอวํ สพฺเพสํ อกปฺปิยํ. กสฺมา? กหาปณานํ วิจาริตตฺตาติ. อิทํ ทุวุตฺตนฺติ เจ? น, มูลสฺส สมฺปฏิจฺฉิตฏฺานํ สนฺธาย อิมสฺส วุตฺตตฺตา ปตฺตจตุกฺเก ทุติยตติยปตฺตา วิย, เตเนว วุตฺตํ สยํการิวาเร ‘‘น กปฺปตี’’ติ เอตฺตกเมว วตฺตพฺพ’นฺติ. ตโต ปรํ มูลํ สมฺปฏิจฺฉติ นาม.
มหาวิสยสิกฺขตฺตา, ราชสิกฺขาปทํ อิทํ;
รฺโ วิย ทุวิฺเยฺยํ, จิตฺตาธิปฺปายโตปิ วา.
ราชสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิฏฺิโต จีวรวคฺโค ปโม.
๒. โกสิยวคฺโค
๑. โกสิยสิกฺขาปทวณฺณนา
๕๔๒. โกสิยการโกติ ¶ เอตฺถ โกสํ กโรนฺตีติ ‘‘โกสการา’’ติ ลทฺธโวหารานํ ปาณกานํ โกสโต นิพฺพตฺตํ โกสิยํ นาม. อตฺตนา กตํ เจ? นิสฺสชฺชนกาเล ‘‘สยํ กตํ นิสฺสคฺคิย’’นฺติ วตฺตพฺพํ. อุโภหิ ¶ เจ กตํ, ยถาปาเมว วตฺตพฺพํ. อตฺตนา จ ปเรหิ จ วิปฺปกตํ อตฺตนา ปริโยสาเปตีติอาทิจตุกฺกมฺปิ สมฺภวนฺตํ น ทสฺสิตํ. วินยธมฺมตา เหสา, ยทิทํ เอกสฺมึ ติเก วา จตุกฺเก วา ทสฺสิเต อิตรํ สมฺภวนฺตมฺปิ น วุจฺจตีติ.
โกสิยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. สุทฺธกาฬกสิกฺขาปทวณฺณนา
๕๔๗. สุทฺธกาฬกานนฺติ เอตฺถ ยถา ปเม ‘‘เอเกนปิ โกสิยํสุนา’’ติ วุตฺตํ, ตถา อิธ ‘‘เอเกนปิ อฺเน อมิสฺเสตฺวา’’ติ วจนาภาวโต อฺเหิ มิสฺสภาเว สติปิ อปฺายมานรูปกํ ‘‘สุทฺธกาฬก’’มิจฺเจว วุจฺจตีติ เวทิตพฺพํ.
สุทฺธกาฬกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ทฺเวภาคสิกฺขาปทวณฺณนา
๕๕๒. ‘‘ธารยิตฺวา ทฺเว ตุลา อาทาตพฺพา’’ติ วจนโต ยถา ตุลาธารณาย กาฬกา อธิกา น โหนฺติ, ตถา กาฬกานํ ทฺเว ภาวา คเหตพฺพา อุกฺกฏฺปริจฺเฉเทน. กถํ ปฺายตีติ? สุทฺธกาฬกปฏิเสธนนิทาเนน. ตติยํ โอทาตานํ จตุตฺถํ โคจริยานนฺติ เหฏฺิมปริจฺเฉโท. มาติกาฏฺกถายํ ปน ‘‘เอกสฺสปิ กาฬกโลมสฺส อติเรกภาเว นิสฺสคฺคิย’’นฺติ (กงฺขา. อฏฺ. ทฺเวภาคสิกฺขาปทวณฺณนา) วุตฺตํ, ตํ ตุลาธารณาย กิฺจาปิ น สเมติ, อจิตฺตกตฺตา ปน สิกฺขาปทสฺส ปุพฺเพ ตุลาย ธารยิตฺวา ปิเตสุ เอกมฺปิ โลมํ ตตฺถ ¶ ปเตยฺย นิสฺสคฺคิยนฺติ อธิปฺปาโยติ โน ตกฺโก. อฺถา ทฺเว ตุลา นาทาตพฺพา, อูนกตรา อาทาตพฺพา สิยุํ. น หิ โลมํ คเณตฺวา ตุลาธารณา กรียติ. อถ คเณตฺวาว กาตพฺพํ. กึ ตุลาธารณาย ปโยชนนฺติ เกจิ. ‘‘โคจริยโอทาเตสุ เอกเมว ทิคุณํ กตฺวา คเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, อฏฺกถายํ อวิจาริตตฺตา วีมํสิตพฺพํ.
ทฺเวภาคสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ฉพฺพสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา
๕๖๒. นวํ ¶ นาม กรณํ อุปาทายาติ อิทํ อาทิกรณโต ปฏฺาย วสฺสคณนํ ทีเปติ. กริตฺวา วาติ วจนํ นิฏฺานทิวสโต ปฏฺายาติ ทีเปติ. ธาเรตพฺพนฺติ วจนํ ปน ปริโภคโต ปฏฺายาติ ทีเปติ, ยสฺมา ลทฺธสมฺมุติกสฺส คตคตฏฺาเน ฉนฺนํ ฉนฺนํ วสฺสานํ โอรโตว กตานิ พหูนิปิ โหนฺติ, ตสฺมา อฺํ นวนฺติ กึ กตโต อฺํ, อุทาหุ ธาริตโต อฺนฺติ? กิฺเจตฺถ ยทิ กตโต อฺํ, เตสุ อฺตรํ ทุกฺกตํ วา ปริโภคชิณฺณํ วา ปุน กาตุํ วฏฺฏติ, ตฺจ โข วินาปิ ปุราณสนฺถตสฺส สุคตวิทตฺถึ อปฺปฏิสิทฺธปริยาปนฺนตฺตา. กตโต หิ อฺํ ปฏิสิทฺธํ, อิทฺจ ปุพฺพกตนฺติ ตโต อนนฺตรสิกฺขาปทวิโรโธ โหติ. อถ ธาริตโต อฺํ นาม, สมฺมุติ นิรตฺถิกา อาปชฺชติ, ปมกตํ เจ อปริภุตฺตํ, สติยาปิ สมฺมุติยา อฺํ นวํ น วฏฺฏตีติ อธิปฺปาโย? ตตฺริทํ สนฺนิฏฺานนิทสฺสนํ – นิฏฺานทิวสโต ปฏฺาย ฉนฺนํ ฉนฺนํ วสฺสานํ ปริจฺเฉโท เวทิตพฺโพ. ตตฺถ จ สตฺตเม วสฺเส สมฺปตฺเต ฉพฺพสฺสานิ ปริปุณฺณานิ โหนฺติ. ตฺจ โข มาสปริจฺเฉทวเสน, น วสฺสปริจฺเฉทวเสน. สตฺตเม ปริปุณฺณฺจ อูนกฺจ วสฺสํ นาม, ตสฺมา วิปฺปกตสฺเสว สเจ ฉพฺพสฺสานิ ปูเรนฺติ, ปุน นิฏฺานทิวสโต ปฏฺาย ฉพฺพสฺสานิ ลภนฺติ. ตฺจ โข ปริภุตฺตํ วา โหตุ อปริภุตฺตํ วา, ธาริตเมว นาม. ยสฺมา ‘‘นวํ นาม กรณํ อุปาทาย วุจฺจตี’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา ฉนฺนํ วสฺสานํ ปรโต ตเมว ปุพฺพกตํ ทุกฺกตภาเวน, ปริโภคชิณฺณตาย วา วิชเฏตฺวา ปุน กโรติ, นิฏฺานทิวสโต ปฏฺาย ฉพฺพสฺสปรมตา ธาเรตพฺพํ, อติเรกํ วา. อนฺโต เจ กโรติ, ตเทว อฺํ นวํ นาม โหติ กรณํ อุปาทาย, ตสฺมา นิสฺสคฺคิยํ. อฺถา ‘‘นวํ นาม กรณํ อุปาทายา’’ติ อิมินา น โกจิ วิเสโส อตฺถิ. เอวํ สนฺเต กึ โหติ? อฏฺุปฺปตฺตีติ. ‘‘ยาจนพหุลา วิฺตฺติพหุลา วิหรนฺตี’’ติ หิ ตตฺถ วุตฺตํ, ตฺจ อฺสฺส กรณํ ทีเปติ. ยทิ เอวํ ตํ นิพฺพิเสสเมว อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ. อยํ ปนสฺส วิเสโส, ยสฺมา ‘‘อฺเน กตํ ปฏิลภิตฺวา ปริภฺุชติ, อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตตฺโถ วิเสโสติ. กึ วุตฺตํ โหติ ¶ ? ‘‘นวํ นาม กรณํ อุปาทาย วุจฺจตี’’ติ วุตฺเต อติเรกจีวรสฺส อุปฺปตฺติ วิย ปฏิลาเภนสฺส อุปฺปตฺติ นวตา อาปชฺชติ. ตโต ปฏิลทฺธทิวสโต ปฏฺาย ¶ ฉพฺพสฺสปรมตา ธาเรตพฺพํ. โอเรน เจ ฉนฺนํ วสฺสานํ…เป… การาเปยฺย, นิสฺสคฺคิยนฺติ อาปชฺชติ, ตสฺมา นวํ นาม กรณเมว อุปาทาย วุจฺจติ, น ปฏิลาภํ. โอเรน ฉนฺนํ วสฺสานํ อตฺตโน อนุปฺปนฺนตฺตา ‘‘นว’’นฺติ สงฺขฺยํ คตํ, อปฺปฏิลทฺธํ เจ การาเปยฺย, ยถา ลาโภ, ตถา กเรยฺย วา การาเปยฺย วาติ จ น โหติ. กสฺมา? ยสฺมา อฺเน กตํ ปฏิลภิตฺวา ปริภฺุชติ, อนาปตฺตีติ วิเสโสติ.
ฉพฺพสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. นิสีทนสนฺถตสิกฺขาปทวณฺณนา
๕๖๕. นาสฺสุธ โกจีติ เอตฺถ อสฺสุธ-อิติ อวธารณตฺเถ นิปาโต. ตตฺถ กิฺจาปิ ‘‘เอวํ ภนฺเตติ โข เต ภิกฺขู’’ติ พหุวจนํ วุตฺตํ, ตถาปิ เต ภิกฺขู ภควโต ปฏิสฺสุณิตฺวา อิธ เตสุ ภิกฺขูสุ โกจิ ภควนฺตํ นาสฺสุธ อุปสงฺกมติ อฺตฺร เอเกนาติ อตฺโถ คเหตพฺโพ. ตํ สุคฺคาหํ เอกาหํ ภนฺเต ภควนฺตํ วรนฺติอาทีสุ (มหาว. ๓๓๗) วิย, อนุชานามิ…เป… ยถาสุขํ มํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมนฺตูติ ทสฺสนตฺถาย อุปสงฺกมนฺตุ.
๕๖๖-๗. ‘‘มยํ อายสฺมนฺตํ อุปเสน’’นฺติ ตสฺส คณปาโมกฺขตฺตา วุตฺตํ. อารฺิกปิณฺฑปาติกปํสุกูลิกวเสน สพฺพานิ วุตฺตานิ. เตเนวาห อฏฺกถายํ ‘‘สนฺถเต จตุตฺถจีวรสฺิตายา’’ติ. กึ สพฺเพปิ เต จีวรํ น พุชฺฌนฺตีติ เจ? ยถา โหตุ. กตมํ จีวรํ นามาติ? ฉนฺนํ อฺตรํ วิกปฺปนุปคํ ปจฺฉิมนฺติ. กิฺจ วายิมํ อวายิมนฺติ? วายิมเมวาติ. กตรสุตฺเตนาติ? อทฺธา โส สุตฺตเมว น ปสฺสติ, สิเวยฺยกํ ทุสฺสยุคํ, อิทฺธิมยิกฺจ เทวทตฺติยฺจ อจีวรํ กโรติ. ยทิ เอวํ อวายิมมฺปีติ วทามีติ. เอวํ สนฺเต สิทฺธา สนฺถเต จีวรสฺิตา กมฺพลสีเสน อุณฺณามยสามฺโต. กึ ปน เต สนฺถตํ อธิฏฺหึสูติ? ทุฏฺุ อธิฏฺหึสุ อจีวรตฺตา, น อธิฏฺานุปคตฺตา จ สนฺถตสฺส. อถ นาธิฏฺหึสุ, ปุพฺเพว ตตฺถ อจีวรสฺิโน เอเตติ กตฺวา ตตฺถ จีวรสฺิตาย ตทุภยํ น ยุชฺชตีติ. กึ ปเนตํ อธิฏฺานุปคํ นตฺถีติ? ตตฺเถวาคตํ ¶ , อปิเจตํ อวิกปฺปนุปคํ เจ, จีวรํ น โหติ, อฺถา ‘‘จีวรํ นาม ฉนฺนํ จีวรานํ อฺตร’’นฺติ เอตฺตาวตา สิทฺธํ ‘‘วิกปฺปนุปคํ ปจฺฉิม’’นฺติ น วตฺตพฺพํ. อถ น วิกปฺปนุปคมฺปิ จีวรเมว สิทฺธํ, อนธิฏฺานุปคํ ¶ , อวิกปฺปนุปคฺจ เอกชฺฌํ ‘‘จีวร’’นฺติ สงฺขฺยํ คจฺฉติ. เตเนวาห ‘‘เตจีวริกสฺส จตุตฺถจีวรํ วตฺตมานํ อํสกาสาวเมว วฏฺฏตี’’ติ.
อปิจ สนฺถเต จีวรสฺิตา น เกวลํ เตสํเยว, อฺเสมฺปิ อนุพนฺธติ เอว ‘‘ปุราณสนฺถตํ นาม สกึ นิวตฺถมฺปิ สกึ ปารุตมฺปี’’ติ วจนโต. อฏฺกถาจริโย ปนสฺส อจีวรตํ สนฺธายภาสิตตฺถทีปเนน ทีเปติ. นิวตฺถปารุตนฺติ เอเตสํ นิสินฺนฺเจว นิปนฺนฺจาติ อตฺโถ. อปิจ เอวํ สนฺเตปิ สนฺถเต จีวรสฺิตา อนุพนฺธติ เอว. ขนฺธเก (มหาว. ๓๕๘) หิ ‘‘นิสีทนํ อธิฏฺาตุํ น วิกปฺเปตุ’’นฺติ จ, ปริวาเร (ปริ. ๓๒๙) ‘‘นว จีวรานิ อธิฏฺาตพฺพานี’’ติ จ นิสีทนสิกฺขาปเท ‘‘ทสา วิทตฺถี’’ติ จ อิธ ‘‘นิสีทนํ นาม สทสํ วุจฺจตี’’ติ จ วุตฺตํ, อฏฺกถายฺจสฺส ‘‘สนฺถตสทิสํ สนฺถริตฺวา เอกสฺมึ อนฺเต สุคตวิทตฺถิยา วิทตฺถิมตฺตปเทเส ทฺวีสุ าเนสุ ผาเลตฺวา ติสฺโส ทสา กรียนฺติ, ตาหิ ทสาหิ สทสํ นาม วุจฺจตี’’ติ จ ‘‘นิสีทนํ วุตฺตนเยน อธิฏฺาตพฺพเมว, ตฺจ โข ปมาณยุตฺตํ เอกเมว, ทฺเว น วฏฺฏนฺตี’’ติ จ วุตฺตํ, ตสฺมา นิสีทนํ นาม นวนฺนํ จีวรานํ อฺตรํ จีวรํ อธิฏฺาตพฺพํ, ตฺจ สนฺถตสทิสํ เอฬกโลมมยสนฺถตวิเสสนฺติ สิทฺธํ, ตถา นิสีทนเมว นิสีทนสนฺถตฺจ สิทฺธํ. โปราณคณฺิปเท จ ‘‘เอกเมวา’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมึ สิทฺเธ สิทฺธา สนฺถเต จีวรสฺิตาติ อตฺโถ. กสฺมา? สนฺถตสามฺโต.
เอตฺถาห – กถํ อทสเมว สนฺถตํ จีวรสงฺขฺยํ น คจฺฉติ. อเนกมฺปิ อนธิฏฺิตมฺปิ มหนฺตมฺปิ วฏฺฏติ, ยโต สทสเมว สนฺถตํ จีวรสงฺขฺยํ คจฺฉติ, ตโต อธิฏฺานฺจ อุปคจฺฉตีติ. อสนฺถตปริยาปนฺนตฺตา โอเรน จ ฉนฺนํ วสฺสานํ วินาปิ สมฺมุตึ, ตฺจ โปราณํ วิสฺสชฺเชตฺวา เอว, น อวิสฺสชฺเชตฺวา ‘‘ตฺจ โข ปมาณยุตฺตํ เอกเมว, ทฺเว น วฏฺฏนฺตี’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๖๙) วจนโตติ. อถาปิ สิยา สนฺถตํ สยนตฺถเมว กรียติ, นิสีทนํ อสนฺถตเมวาติ. ตฺจ น นิยมโต ‘‘ปุราณสนฺถตํ นาม สกึ นิวตฺถํ สกึ ปารุตมฺปี’’ติ วุตฺตตฺตาติ. เอตฺถ วุจฺจติ, น เอตฺถ การณํ ปริเยสิตพฺพํ วินยปฺตฺติยา อนฺวิสยตฺตา.
สนฺถตสฺส ¶ ปน อจีวรภาเว อยํ ยุตฺติ – อาทิโต ‘‘ตีณิ สนฺถตานิ ปน วินยกมฺมํ กตฺวา ปฏิลภิตฺวา ปริภฺุชิตุํ น วฏฺฏนฺตี’’ติ อฏฺกถาวจนโต ตานิ อกปฺปิยานีติ สิทฺธํ, ภควตา จ โขมาทีนิ ฉ อนฺุาตานีติ โกเสยฺยํ กปฺปิยนฺติ สิทฺธํ. เอวํ สนฺเต สุทฺธโกเสยฺยมฺปิ จีวรํ กปฺปิยํ ชาตํ, ปเคว โกสิยมิสฺสกสนฺถตจีวรนฺติ ¶ อาปชฺชติ. ตถา กมฺพลฺจ อนฺุาตํ, ตฺจ สุทฺธิกมฺปิ โหติ ชาติกาฬกภาเวน, ปเคว โอทาตโคจริยมิสฺสกสนฺถตจีวรนฺติ อาปชฺชติ. ตโต จ อฺมฺวิโรโธ, ตสฺมา น สนฺถตํ จีวรํ นาม โหติ, นิสีทนํ ปน โหติ ตสฺส ปมาณสณฺานปริจฺเฉทสมฺภวโต. เอตฺถาหุ เกจิ อาจริยา ‘‘ทุวิธํ นิสีทนํ สนฺถตํ, อสนฺถตฺจ. ตตฺถ สนฺถตํ สนฺถตเมว. อสนฺถตํ โขมาทิฉพฺพิธํ, ตทนุโลมํ วา โหติ, อยเมเตสํ วิเสโส’’ติ.
เอตฺถาห – กสฺมา ปเนตฺถ ‘‘สนฺถตํ ปน ภิกฺขุนา’’ติ สิกฺขาปทํ อปฺาเปตฺวา ‘‘นิสีทนสนฺถต’’นฺติ ปฺตฺตนฺติ? จีวรสฺิตาย สนฺถตานํ อุชฺฌิตตฺตา เตสํ อจีวรภาวทสฺสนตฺถํ ตถา ปฺตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติ, ตสฺมา เต ภิกฺขู ธุตงฺคเภทภยา ตานิ อุชฺฌิตฺวา เตรสาปิ ธุตงฺคานิ สมาทิยึสุ, สีสทสฺสนวเสน ตีเณว วุตฺตานิ, ภควา จ เตสํ สนฺถตํ อนุชานิ, ตโต เนสํ เอวํ โหติ ‘‘นิสีทนจีวรสณฺานมฺเปตํ นิสีทนสนฺถตํ โน อนฺุาตํ, จตุตฺถจีวรภาเวน ปเคว กตสนฺถตํ วา’’ติ. ตโต สนฺถเต เนสํ จีวรสฺิตา น ภวิสฺสตีติ ตทตฺถํ ภควตา นิสีทนสนฺถตนฺติ ปฺตฺตนฺติ อธิปฺปาโย. ‘‘ปจฺฉิมานิ ทฺเว วฏฺฏนฺตี’’ติ กถํ ปฺายตีติ เจ? ‘‘อนาปตฺติ อฺเน กตํ ปฏิลภิตฺวา ปริภฺุชตี’’ติ วจนโตติ.
นิสีทนสนฺถตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. เอฬกโลมสิกฺขาปทวณฺณนา
๕๗๒-๓. อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺนสฺสาติ อิมินา ปกติยา ทีฆมคฺคปฺปฏิปนฺนสฺส อุปฺปนฺนานิปิ ติโยชนปรมเมว หริตพฺพานิ, ปเคว อปฺปฏิปนฺนสฺสาติ ทสฺเสติ. อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺนสฺส นิสฺสคฺคิยนฺติ วา สมฺพนฺโธ. เตเนว วาสาธิปฺปายสฺส ปฏิปฺปสฺสทฺธคมนุสฺสาหตฺตา ‘‘อปฺปฏิปนฺโน’’ติ สงฺขฺยํ คตสฺส ¶ อนาปตฺตีติ สิทฺธา. อิมสฺมึ อตฺถวิกปฺเป หิ ภิกฺขุโน ปเนว เอฬกโลมานิ อุปฺปชฺเชยฺยุํ…เป… อสนฺเตปิ หารเก อทฺธานํ มคฺคปฺปฏิปนฺนสฺส นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยนฺติ โยชนา เวทิตพฺพา. อากงฺขมาเนน ภิกฺขุนา ปฏิคฺคเหตพฺพานีติ อตฺตโน สนฺตกานํเยว ติโยชนาติกฺกเม อาปตฺตึ ทสฺเสติ. เตน อนากงฺขมาเนน ปรสนฺตกานิ ปฏิคฺคหิตานิ อติเรกติโยชนํ หรนฺตสฺส อนาปตฺติ สิทฺธา. อยมตฺโถ ‘‘ภิกฺขุโน อุปฺปชฺเชยฺยุ’’นฺติ อิมินา, ‘‘อจฺฉินฺนํ ปฏิลภิตฺวา’’ติ อิมินา จ ทีปิโตว โหตีติ. โปราณคณฺิปเท ¶ จ ‘‘อฺํ ภิกฺขุํ หราเปนฺโต คจฺฉติ เจ, ทฺวินฺนํ อนาปตฺตีติ วุตฺตํ, ตสฺมา ทฺเว ภิกฺขู ติโยชนปรมํ ปตฺวา อฺมฺสฺส ภณฺฑํ ปริวตฺเตตฺวา เจ หรนฺติ, อนาปตฺตีติ สิทฺธํ, เตเนว อนาปตฺติวาเร ‘‘อฺํ หราเปตี’’ติ วุตฺตํ. กึ หราเปติ? ชานนฺตํ อชานนฺตํ. กิฺเจตฺถ ยทิ ชานนฺตํ, ‘‘อฺโ หริสฺสตีติ เปติ, เตน หริเตปิ อาปตฺติเยวา’’ติ เอกํสโต น วตฺตพฺพํ. ชานนฺโตปิ หิ เอกจฺโจ หรตีติ. ตโต อฏฺกถาย วิรุชฺฌติ. อถ อชานนฺตํ, ‘‘อฺสฺส ยาเน วา ภณฺเฑ วา อชานนฺตสฺส ปกฺขิปิตฺวา ติโยชนํ อติกฺกาเมติ, นิสฺสคฺคิยานี’’ติ ปาฬิยา วิรุชฺฌติ, อถ อุโภปิ เอกโต เอกํ ภณฺฑํ หราเปนฺติ, ตมฺปิ นิสฺสคฺคิยํ สิยา. อนิสฺสคฺคิยนฺติ ยุตฺติยา วิรุชฺฌติ ‘‘ติโยชนปรมํ สหตฺถา หริตพฺพานิ อสนฺเต หารเก’’ติ อวิเสเสน จ ปาฬิ วุตฺตา. หารโกปิ สเจตโน อเจตโนติ ทุวิโธ. สเจตโนปิ เอฬกโลมภาวํ วา ‘‘อหมิทํ หรามี’’ติ วา ‘‘มํ เอส อิทํ หราเปตี’’ติ วา ชานนาชานนวเสน ทุวิโธ โหติ. ตตฺถ อเจตโน นาม หารโก นทีโสโต วา นาวา วา อสฺสามิกยานํ วา โหติ. สเจตโน ปากโฏว. ตตฺถ ‘‘มํ เอส อิทํ หราเปตี’’ติ เอตฺตกํ ชานนฺตํ มนุสฺสํ วา ติรจฺฉานคตํ วา อฺํ หราเปติ, อนาปตฺตีติ อนุคณฺิปทนโย. อยํ ปาฬิยา, อฏฺกถาย จ เอกรโส วินิจฺฉโย, ‘‘อสนฺเต หารเก’’ติ กิฺจาปิ อิทํ อวิเสสโต วุตฺตํ, ‘‘อฺสฺส ยาเน วา ภณฺเฑ วา อชานนฺตสฺสา’’ติ วจนโต ปน สเจตโนว หารโก ตตฺถ อธิปฺเปโตติ ปฺายติ, โส จ เอฬกโลมภาวฺจ ‘‘อิทํ หรามี’’ติ จ ชานนฺโต นาธิปฺเปโต. เตน วุตฺตํ ‘‘อฺโ หริสฺสตีติ เปติ, เตน หริเตปิ อาปตฺติเยวา’’ติอาทิ. ตตฺถ เหตุกตฺตุโน อภาวโตว. ปาฬิยฺหิ ‘‘อฺํ หราเปตี’’ติ เหตุกตฺตุวเสน วุตฺตา ¶ . อิตเร ทฺเว ชานนฺตา อิธ สมฺภวนฺติ. ‘‘อชานนฺตสฺส ปกฺขิปิตฺวา’’ติ ปาฬิยํ ‘‘เอส หราเปตี’’ติ วา ‘‘อิทํ านํ อติกฺกมาเปตี’’ติ วา ชานนฺตสฺส ยาเน วา ภณฺเฑ วา ปกฺขิปิตฺวา ติโยชนํ อติกฺกมาเปติ, น นิสฺสคฺคิยา โหนฺตีติ ทีเปติ.
‘‘หราเปตี’’ติ อิทํ เหตุกตฺตุวจนตํ สาเธติ, ตสฺมา อฏฺกถายํ ‘‘สามิกสฺส อชานนฺตสฺเสวา’’ติ อิทํ ‘‘มํ เอส หราเปตี’’ติ เอวํ อชานนฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘สาเรติ โจเทติ อนุพนฺธาเปตี’’ติ อิทํ ‘‘มํ เอส อิทํ านํ อติกฺกมาเปตี’’ติ เอวํ ชานนฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ. อชานนฺโตปิ สารณาทีหิ ิตฏฺานํ นาติกฺกมติ, น วา อนุพนฺธติ. อถ สารณาทีหิ อนติกฺกมิตฺวา อตฺตโน รุจิยา อติกฺกมติ อาปตฺติ เอว ภิกฺขุโน เหตุกตฺตุภาวาสมฺภวโต.
อิทานิ ยถาิตฏฺานโต ปฏฺาย วกฺขาม, ‘‘อสนฺเตปิ หารเก’’ติ หารกาลาภปจฺจยาปิ สยํ ¶ หรณโต นิสฺสคฺคิยเมว, ปเคว สติ หารเกติ อยเมโก อตฺโถ. อวธารณตฺถํ อปิ-สทฺทํ คเหตฺวา อสนฺเต เอว หารเก นิสฺสคฺคิยํ, สติ ปน หารเก น เตน หราเปนฺตสฺส นิสฺสคฺคิยนฺติ อยํ ทุติโย อตฺโถ. ‘‘สงฺฆโต วา…เป… อตฺตโน วา ธเนนา’’ติ อิมินา กิฺจาปิ อจิตฺตกมิทํ สิกฺขาปทํ, สงฺฆาทิโต ปน อตฺตนา อากงฺขมาเนน ปฏิคฺคหิตสฺเสว เอฬกโลมสฺส ติโยชนาติกฺกเม อาปตฺติ, น อชานโต อปฺปฏิคฺคหิตสฺส จีวราทีสุ กุโตจิ ลคฺคสฺส อติกฺกมเนติ ทีเปติ. อนุคณฺิปเท ปน ‘‘กมฺพลสฺส อุปริ นิปชฺชิตฺวา คจฺฉนฺตสฺส สเจ เอกมฺปิ โลมํ จีวเร ลคฺคํ โหติ, อาปตฺติ เอว กมฺพลโต วิชฏิตตฺตา’’ติ วุตฺตํ, ตํ กมฺพลสฺส ปฏิคฺคหิตตฺตา อตฺตโน อิจฺฉาย ปฏิคฺคหิตเมว โหตีติ ยุตฺตํ. ยสฺมา ‘‘อนาปตฺติ กตภณฺเฑ’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา ตํ อเนกมฺปิ กตภณฺฑฏฺานิยเมว โหติ. ตฺหิ อเนน ปฏิคฺคหิตํ, น โลมํ. อถ โลมมฺปิ อคฺคหิตเมว โหติ, กตภณฺฑํ ทุปฺปริหาริยโลมวินิพฺโภคกตภณฺโฑ นิยโม. เอวํ สนฺเต อกตภณฺเฑ ติกปาจิตฺติยํ, กตภณฺเฑ ติกทุกฺกฏฺจ นยโต ทสฺเสตพฺพํ ภเวยฺย, อฺถา ติกสฺส ทสฺสิตตฺตา. สอุสฺสาหตฺตาติ อปฺปฏิปฺปสฺสทฺธคมนตฺตา. อจิตฺตกตฺตา จาติ ภิกฺขุโน อุสฺสาหานุรูปํ โลมานํ ติโยชนาติกฺกมนโต วินาปิ ปโยคจิตฺเตน หรณจิตฺเตน อาปชฺชติ เอวาติ อธิปฺปาโย. สา อนาปตฺติ ปาฬิยา น สเมตีติ ¶ อนฺโต ปน ปโยเคน ติโยชนปรมํ อติกฺกมิตตฺตา อนาปตฺติ. ‘‘ติโยชนํ หรตี’’ติ อิมินา ติโยชนํ ปทสา เนตุกาโมปิ อนฺโตติโยชเน ปเท ปเท ทุกฺกฏํ นาปชฺชตีติ ทสฺเสติ, ตํ ยุตฺตํ ‘‘ติโยชนํ วาสาธิปฺปาโย คนฺตฺวา ตโต ปรํ หรตี’ติ วจนสฺสตฺถิตายา’’ติ วุตฺตํ. ปุนปิ วุตฺตํ ‘‘อฺํ หราเปตีติ ‘อิทํ หริสฺสามี’ติ สอุสฺสาหเมว อฺํ หราเปตีติ อตฺโถ. อิตรถา คจฺฉนฺตสฺส สีเส เปสิ, ตสฺมึ อชานนฺเตปิ อนาปตฺติ สิยา’’ติ. สเจ ปน ‘‘อคจฺฉนฺเต ยาเน วา’’ติอาทินา นเยน วุตฺตตฺตา หรณาทีหิ ชนิตอุสฺสาหานํ หตฺถิอาทีนํ ‘อิทํ กริสฺสามา’ติ วา ‘หริสฺสามา’ติ วา อาโภเค ชนิเต เอว อนาปตฺติ, น อชนิเตติ อุปติสฺสตฺเถโร อาหา’’ติ จ วุตฺตํ. ปริวตฺเตตฺวา ปิเตติ ทฺวินฺนมฺปิ พหิ นิกฺขิปิตตฺตาติ อุปติสฺสตฺเถโร. พหิสีมาย ปิตํ ภณฺฑิกํ อนฺโต อนฺโตสีมายํ ปิตํ พหิ กโรโต อนาปตฺตีติ เกจิ, น สุนฺทรํ วิย.
๕๗๕. ปฏิลภิตฺวา หรตีติ ปมติโยชนโต ปรํ หรติ, น ทุติยาทิโตติ อตฺโถ. กตภณฺเฑ อุปฺปนฺโนกาสาภาวา อนาปตฺติ.
เอฬกโลมสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. เอฬกโลมโธวาปนสิกฺขาปทวณฺณนา
๕๘๑. กิฺจาปิ ¶ ปุราณจีวรโธวนสิกฺขาปเท จีวรํ เปตฺวา ‘‘อฺํ ปริกฺขารํ โธวาเปตี’’ติ (ปารา. ๕๐๗) อนาปตฺติวาเร วุตฺตํ. อิมสฺส ปน สิกฺขาปทสฺส อุปฺปนฺนกาลโต ปฏฺาย เอฬกโลมโธวาปนาทินา อาปตฺตีติ เอเก. สา วา อนาปตฺติ มูลาปตฺติโต เอว, น อิมมฺหาติ เอเก. เอฬกโลมานํ อปริกฺขารตฺตา ภฏฺํ อคฺคหณเมวาติ เอเก. อิมสฺส อนฺติมนยสฺส อตฺถปฺปกาสนตฺถํ อิทํ ปฺหากมฺมํ – ‘‘โธวาเปตี’’ติ อิทํ รชาปนวิชฏาปนคฺคหเณน นิปฺปเทสวาจิปทํ, อุทาหุ อคฺคหเณน สปฺปเทสวาจิปทํ. กิฺเจตฺถ ยทิ นิปฺปเทสวาจิปทํ, สพฺพตฺถ อิทเมว วตฺตพฺพํ, น อิตรานิ. อถ สปฺปเทสวาจิปทํ, ‘‘อวุตฺตา โธวติ, อปริภุตฺตํ โธวาเปตี’’ติ เอตฺถ วิโรโธ. ‘‘อวุตฺตา รชติ วิชเฏติ, นิสฺสคฺคิย’’นฺติ อนิฏฺปฺปสงฺคโตติ? เทสนาวิลาสมตฺตํ ¶ ภควโต วจนํ, กตฺถจิ ติกปทวจนํ, กตฺถจิ เอกปทวจนํ, นิปฺปเทสปทเมว เต วทนฺตีติ. สเจ ‘‘กตภณฺฑํ โธวาเปตี’’ติ เอตฺถ ปฏิวิโรโธ, ‘‘กตภณฺฑํ วิชฏาเปติ, อนาปตฺตี’’ติ อนิฏฺปฺปสงฺคโต อนาปตฺติ เอวาติ เจ? น, อกตภณฺฑสฺส สุทฺธโลมสฺส วิชฏาปนํ อิโต วา ทาตพฺพํ. อุทกาทิโธวนวเสน ปิณฺเฑตฺวา ิตานํ วิชฏาปนํ ลพฺภตีติ เจ? ปุราณสนฺถตสฺส วิชฏาปเน อนาปตฺติยา ภวิตพฺพํ, น จ ตํ ยุตฺตํ ‘‘อปริภุตฺตํ โธวาเปตี’’ติ วจนโต. เตน ปริภุตฺตํ โธวาเปติ รชาเปติ วิชฏาเปติ, นิสฺสคฺคิยเมวาติ สิทฺธํ โหติ, ตฺจ ปริภุตฺตํ นาม กตภณฺฑเมว โหติ. น หิ สกฺกา เอฬกโลมานิ ปริภฺุชิตุํ, อฺถา ‘‘ปริภุตฺตํ โธวาเปตี’’ติ วจนํ นิรตฺถกํ โหติ. น หิ เอตฺถ ‘‘ปุราณานิ เอฬกโลมานิ โธวาเปยฺย วา’’ติ วจนํ อตฺถิ ปุราณจีวรสิกฺขาปเท วิย. ตตฺถ อาทินฺนกปฺปวเสน, อิธ ตํ ลิขิตํ. เลขโทโสติ เจ? น, วิเสสเหตุโน อภาวา, ปุราณจีวรสิกฺขาปเท อปริภุตฺตํ กตภณฺฑํ นาม, ‘‘กมฺพลโกชวสนฺถตาทิ’’นฺติ วจนโต จ. กิฺจาปิ อิมินา สทฺเทน อยมตฺโถ สิทฺโธ, ‘‘โธวาเปตี’’ติ อิทํ ปน สิยา นิปฺปเทสํ. สิยา สปฺปเทสํ. ตฺหิ ‘‘อวุตฺตา โธวตี’’ติอาทีสุ นิปฺปเทสํ. ‘‘กตภณฺฑํ โธวาเปตี’’ติ เอตฺถ สปฺปเทสํ. ‘‘อกตภณฺฑํ โธวาเปติ รชาเปติ, อนาปตฺตี’’ติ ‘‘วิชฏาเปติ, อนาปตฺตี’’ติ วจนปฺปมาณโต อนาปตฺติ เอวาติ เจ? น, วจนปฺปมาณโต เอว อาปตฺตีติ อาปชฺชนโต. ‘‘อปริภุตฺตํ โธวาเปตี’’ติ วจนเมว หิ ตํ อปริภุตฺตํ สนฺถตํ วิชฏาเปนฺตสฺส อนาปตฺตีติ ทีเปติ เจ? สิทฺธํ ปริภุตฺตํ วิชฏาเปนฺตสฺส อาปตฺติ เอวาติ.
เอฬกโลมโธวาปนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. รูปิยสิกฺขาปทวณฺณนา
๕๘๓-๔. สพฺพมฺปีติ ¶ ติวิธมฺปิ. ‘‘มุตฺตา มณิ เวฬุริโย สงฺโข’ติอาทิ ปน กิฺจาปิ ราชสิกฺขาปเท ‘น วฏฺฏตี’ติ ปสงฺคโต วุตฺตํ, สรูปโต ปน อาปตฺติทสฺสนวเสน สกฏฺาเนปิ วตฺตุมารทฺธ’’นฺติ วุตฺตํ. กถเมตํ? มุตฺตาทีนํ สกฏฺานํ ชาตํ, น หิ ตานิ อิธ ปาฬิยํ ทิสฺสนฺตีติ อิมสฺส อฏฺกถายํ วุตฺตานิ, ราชสิกฺขาปทสฺสปิ อฏฺกถายํ วุตฺตานีติ. น เกวลํ ¶ หิรฺสุวณฺณเมว, อฺมฺปิ เขตฺตวตฺถาทิกํ ‘‘อกปฺปิยํ น สมฺปฏิจฺฉิตพฺพ’’นฺติ สามฺเน, น สรูปโต. ปาฬิยํ ปน สรูปโต ‘‘จีวรเจตาปนฺนํ นาม หิรฺํ วา สุวณฺณํ วา มุตฺตา วา มณิ วา’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ, ตสฺมา ราชสิกฺขาปทเมวสฺส สกฏฺานํ. มุตฺตามณิคฺคหเณน เจตฺถ ตชฺชาติยคฺคหณํ สิทฺธเมวาติ นาคโต อิมสฺส ปมเมว ปฺตฺตตฺตา. ยทิ เอวํ อิธ อนาคตตฺตา กตรํ เนสํ สกฏฺานนฺติ? อิทเมว อตฺถโต, โน สรูปโต.
กถํ? เอตานิ หิ รตนสิกฺขาปเท นิสฺสคฺคิยวตฺถูนิ, ทุกฺกฏวตฺถูนิ จ เอกโต ‘‘รตน’’นฺติ อาคตานิ, ‘‘รตนสมฺมต’’นฺติ กปฺปิยวตฺถุ อาคตํ. เตสุ จ ทสสุ รตเนสุ รชตชาตรูปทฺวยํ อิธ นิสฺสคฺคิยวตฺถุ, อวเสสํ ทุกฺกฏวตฺถูติ สิทฺธํ. อิธ จ สิทฺธตฺตา เอว รตนสิกฺขาปทสฺส อนาปตฺติวาเร ‘‘รตนสมฺมตํ วิสฺสาสํ คณฺหาติ, ตาวกาลิกํ คณฺหาติ, ปํสุกูลสฺิสฺสา’’ติ วุตฺตํ, น รตนํ วุตฺตํ. สตฺตวิธธฺทาสิทาสเขตฺตาทิ ปน พฺรหฺมชาลาทิสุตฺตวเสน (ที. นิ. ๑.๑ อาทโย) อกปฺปิยนฺติ สิทฺธํ, ตสฺมา อิธ ทุกฺกฏวตฺถูติ สิทฺธํ, เตเนว อนุโยควตฺเต ‘‘ธมฺมํ ชานาติ, ธมฺมานุโลมํ, วินยํ, วินยานุโลมํ ชานาตี’’ติ (ปริ. ๔๔๒) วุตฺตํ. ตถา อามกมํสมฺปิ ทุกฺกฏวตฺถุํ อาปชฺชตีติ? น, อิธ วินเย อนฺุาตตฺตา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อมนุสฺสิกาพาเธ อามกมํส’’นฺติอาทินา (มหาว. ๒๖๔), ตสฺมา น อามกมํสํ สุตฺเต อาคตมฺปิ ทุกฺกฏวตฺถุ โหติ, ตถาปิ อตฺตโน ปริโภคตฺถาย ปฏิคฺคหเณ ทุกฺกฏเมวาติ โน ตกฺโกติ อาจริโย. ‘‘อิธ นิกฺขิปาหี’ติ วุตฺเต อุปนิกฺขิตฺตสาทิยนเมว โหตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘อกปฺปิยวิจารณา เอว น วฏฺฏตีติ เจ? กปฺปิยฺจ อกปฺปิยฺจ นิสฺสาย ิตนฺติ เอตฺถ ตํ สยํ อปริโภคารหํ หุตฺวา ตทคฺฆนกํ กปฺปิยภณฺฑํ ปริโภคารหํ หุตฺวา ิตนฺติ อตฺโถ’’ติ ลิขิตํ, ‘‘ปํสุกูลภาเวน ิตตฺตา, คุตฺตฏฺานาจิกฺขนสฺส กปฺปิยตฺตา จ กปฺปิยํ นิสฺสาย ิตํ. ‘อิทํ คณฺหา’ติอาทินา วทนฺตสฺส อกปฺปิยตฺตา อกปฺปิยํ นิสฺสาย ิต’’นฺติ จ. เอวมฺปิ กปฺปิยฺจ อกปฺปิยฺจาติ ‘‘อิมสฺมึ โอกาเส ปิตํ, กึ น ปสฺสสีติ เฉกตเร อิเมว กหาปเณ’’ติอาทิวจนสฺส กปฺปิยตฺตา กปฺปิยํ นิสฺสาย ิตํ. ‘‘อิทํ คณฺหา’’ติ วุตฺเต ทุพฺพิจาริตตฺตา อตฺตโน อกปฺปิยตฺตา ตโต อาคตํ ¶ อกปฺปิยํ นิสฺสาย ิตเมว โหติ. ‘‘อิทํ คณฺหา’ติ วุตฺเต เตน คหิเต ‘อุคฺคณฺหาเปยฺย ¶ วา’ติ วุตฺตวิธึ น ปาปุณาติ, เกวลํ ทุพฺพิจาริตตฺตา ตสฺเสว ตํ อกปฺปิยํ โหติ, มูลปฏิคฺคหณสฺส สุทฺธตฺตา ปรโต ปตฺตจตุกฺเก ตติยปตฺโต วิยาติ จ เอวํ อุปติสฺสตฺเถโร วทตี’’ติ อนุคณฺิปเท วุตฺตํ. กึ พหุนา, วิสุทฺธาคมตฺตา กปฺปิยํ. ทุพฺพิจารณาย สติ อกปฺปิยํ นิสฺสาย ิตํ โหตีติ โน ตกฺโกติ อาจริโย. ‘‘เอวํ สงฺฆคณาทีนมฺปิ อตฺถาย ปริจฺจตฺเตปิ เตน สมานคติกตฺตา เปตฺวา อาปตฺติวิเสส’’นฺติ วุตฺตํ.
น กิฺจิ กปฺปิยภณฺฑํ เจตาปิตนฺติ เจตาปิตฺเจ, อุปายาภาวํ ทสฺเสติ. ‘‘อุปนิกฺเขปํ เปตฺวาติ สเจ โส อุปาสโก ‘อติพหุํ เอตํ หิรฺํ, อิทํ ภนฺเต อชฺเชว น วินาเสตพฺพ’นฺติ วตฺวา สยํ อุปนิกฺเขปเทเส เปติ, อฺเน วา ปาเปติ, เอตํ อุปนิกฺเขปํ เปตฺวา ตโต ลทฺธํ อุทยํ ปริภฺุชนฺโต สงฺโฆ ปจฺจเย ปริภฺุชติ นามา’’ติ วุตฺตํ.
๕๘๕. อยํ กิร อิตฺถํลกฺขณสมฺปนฺโน อุกฺกํสโต. เอวํ องฺคสมฺปนฺโนปิ อปรภาเค โลภวเสน วา อฺเน วา การเณน สเจ นิมิตฺตํ กตฺวา ปาเตติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. เสนาสนมฺปิ ปริโภเค ปริโภเคติ ปเวเส ปเวเส. โส หิ การณนฺตเรน รุกฺขมูลิกสฺส, อพฺโภกาสิกสฺสปิ วฏฺฏติ เอว, านนิสชฺชาทิวเสน นิวาสาธิปฺปาเย สติ ปริโภเค ปริโภเค ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ. เภสชฺชสฺส สติปจฺจยตา สพฺพกาลมฺปีติ เอเก. อสนฺนิหิตสฺส ปจฺฉาภตฺตเมว, สนฺนิหิตสฺส ปุเรภตฺตมฺปีติ โน ตกฺโกติ อาจริโย. ‘‘ยามกาลิกํ สตฺตาหกาลิกํ ยาวชีวิกํ อาหารตฺถาย…เป… ปฏิคฺคณฺหาติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. อชฺโฌหาเร อชฺโฌหาเร อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (ปาจิ. ๒๔๔) หิ วุตฺตํ. ทุกฺกฏฺหิ วิกาลโภชนสิกฺขาปเท อาคตํ วิกาเล อาปชฺชติ, โน กาเล อาหารกาลตฺตา, สนฺนิธิสิกฺขาปเท อาคตํ ปน กาเลปิ สนฺนิธิชาตตฺตา, เตเนว ตตฺถ สตฺตาหกาลิกยาวชีวิกทฺวยเมว วุตฺตนฺติ. ‘‘สติ ปจฺจเย’’ติ วจนโต นายํ วิเสโส ลพฺภตีติ เจ? น, อนิฏฺปฺปสงฺคโต, วจนานิยมโต จ. สนฺนิธิสิกฺขาปเท หิ ‘‘อนาปตฺติ ยาวกาลิกํ ยาวกาลํ นิทหิตฺวา ภฺุชติ. ยามกาลิกํ ยาเม นิทหิตฺวา ภฺุชตี’’ติ (ปาจิ. ๒๕๖) เอตฺถ วจนปฺปมาณโต ยามกาลิกํ น ปุเรภตฺเต, น ปจฺฉาภตฺเต, น ทิวเส, น รตฺติยํ ยามเมว นิทหิตฺวา ภฺุชนฺตสฺส อนาปตฺตีติ ¶ อนิฏฺปฺปสงฺโค. ตถา ตตฺเถว ‘‘ยามกาลิกํ ยามํ นิทหิตฺวา ภฺุชติ, สตฺตาหกาลิกํ สตฺตาหํ นิทหิตฺวา ภฺุชตี’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘สติ ปจฺจเย’’ติ, ตสฺมา สติปจฺจย-วจนํ กตฺถจิ โหติ, กตฺถจิ น โหตีติ วจนานิยมโต อาปตฺติยาปิ อนิยโม สิยา. เอวํ สนฺเตปิ ยถาวุตฺตทุกฺกฏํ อาปชฺชติ ¶ เอว. น อนาหารปฺปโยชนตฺตา ยามกาลิกาทีนนฺติ เจ? น, สปฺปิอาทิมิสฺสโภชนสฺส ปณีตโภชนภาวปฺปตฺติโต. อปิจ สพฺพกาลิเกสุ ยาวกาลิกํ โอฬาริกํ, ตํ อาหารตฺถาย ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺส กาเล อนาปตฺติ, ปเคว อโนฬาริกํ ยามกาลิกาทึ, อาหารตฺถาย เอว อนฺุาตตฺตา. ยาวกาลิเก เอว อนาปตฺตีติ เจ? น, อนาหารตฺถาย คณฺหนฺตสฺส อาปตฺติสมฺภวโต อิตรํ อาหารตฺถาย คณฺหนฺตสฺส วิย, ตสฺมา ยถาวุตฺตเมเวตฺถ สนฺนิฏฺานํ ปาฬึ, ยุตฺติฺจ อนุโลเมตีติ.
เทสนาสุทฺธีติ เอตฺถ เทสนา นาม วินยกมฺมํ, เตน วุฏฺานมฺปิ เทสนา เอว นาม โหตีติ. ‘‘ปฏิคฺคณฺหาตี’’ติ อวตฺวา ‘‘ปฏิเสวตี’’ติ วุตฺตตฺตา ปฏิคฺคหเณ ปน สตึ อกตฺวา ปริโภเค กโรนฺตสฺส อนาปตฺติ. ขีณาสวา กตกิจฺจตฺตา วิภตฺตทายาทา วิย โหนฺติ, เตน เตสํ สามิปริโภคา โหนฺติ. อฺถา ยาวกาลิกภาวํ อนติกฺกนฺตตฺตา วิรุชฺฌติ. อิณปริโภโค น วฏฺฏติ, เภสชฺเช อาปตฺติโต, อิตรสฺมึ อยุตฺตปริโภคโต, อิณํ วิย อนนฺุาตภุตฺตตฺตา จ. ‘‘อาทิโต ปฏฺาย หิ อลชฺชี นาม นตฺถิ, ตสฺมา น โกจิ สงฺกิตพฺโพ’’ติ ลิขิตํ. ภารภูตา สทฺธิวิหาริกาทโย. ยถาทานเมว คหิตตฺตาติ เอตฺถ ‘‘อตฺตโน หตฺเถน เจ เทติ, น วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ, ‘‘อติเรกภาคํ คเหตฺวา ปุนทิวเส อตฺตโน อตฺถาย อุทฺธฏภาคํ ตตฺเถว ทาเปติ, วฏฺฏตี’’ติ จ. ปริวตฺตกํ เทติ, ธมฺมิยฺเจ, วฏฺฏติ. โน อธมฺมิยํ. ‘‘ตํ ธมฺมานุคฺคเหน อุคฺคณฺหิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. เกน เลเสนาติ เจ? ‘‘อลพฺภมานาย สามคฺคิยา อนาปตฺติ สมฺโภเค สํวาเส’’ติ (มหาว. ๑๓๐) อิมินา อุปสมฺปทกฺขนฺธกวจนเลเสน.
๕๘๖. อสฺสติยา ทินฺนนฺติ เอตฺถ ‘‘อสฺสติยา ทินฺนํ นาม อปริจฺจตฺตํ โหติ, ตสฺมา ทุสฺสนฺเต พทฺธกหาปณาทีนิ สตึ ปฏิลภิตฺวา ทายกา เจ ¶ ปุน คณฺหนฺติ, นิสฺสคฺคิยเมว เทเสตพฺพํ. เตน อกปฺปิยภณฺเฑน เต เจ ทายกา สปฺปิอาทีนิ กิณิตฺวา สงฺฆสฺส เทนฺติ, ตสฺสปิ ภิกฺขุโน กปฺปติ ทายกานํเยว สนฺตกตฺตา. ภิกฺขุนา หิ ‘วตฺถํ คณฺหามี’ติ วตฺถสฺาย เอว คหิตํ, น รูปิยสฺาย. อิทฺจ สิกฺขาปทํ อตฺตโน อตฺถาย อุคฺคหณํ สนฺธาย วุตฺตํ, น จ เตน ตํ อตฺตโน อตฺถาย ปเรสํ วา อตฺถาย คหิตํ. อถ เต ทายกา โน เจ อาคนฺตฺวา คณฺหนฺติ, ทายเก ปุจฺฉิตฺวา อตฺตโน อตฺถาย เจ ปริจฺจตฺตํ, สงฺเฆ นิสฺสชฺชิตฺวา อาปตฺติ เทเสตพฺพา. โน เจ, อาปตฺติ เอว เทเสตพฺพา’’ติ วุตฺตํ, ตํ ปุพฺพาปรวิรุทฺธํ. อาปตฺติเทสนาย หิ สติ รูปิยํ ปฏิคฺคหิตนฺติ สิทฺธํ, ตสฺมึ สิทฺเธ ‘‘ตโต อุปฺปนฺนํ ตสฺสปิ กปฺปตี’’ติ อิทํ น ยุชฺชตีติ. กปฺปติ เอวาติ เจ? น, วตฺถุํ อนิสฺสชฺชิตฺวา ¶ อาปตฺติ เทเสตพฺพาติ น ยุชฺชติ. อจิตฺตกตฺตา สิกฺขาปทสฺส ยุชฺชตีติ เจ? น, สพฺพตฺถ ‘‘รูปิยํ ปฏิคฺคณฺหาตี’’ติ วจนโต. ‘‘รูปิยํ ปฏิคฺคณฺหาตี’’ติ หิ วุตฺตํ, อฺถา สพฺพตฺถ ‘‘รูปิย’’นฺติ ปทํ นิรตฺถกํ โหติ วินาปิ เตน ตทตฺถสิทฺธิโต. อเนน จ วตฺถํ ปฏิคฺคหิตํ, ทายเกน จ วตฺถเมว ทินฺนํ, วตฺถคตมฺปิ รูปิยํ เถยฺยจิตฺเตน คณฺหนฺโต ปทวาเรน กาเรตพฺโพ. อฏฺกถายฺจ ‘‘รูปิเย อรูปิยสฺีติ สุวณฺณาทีสุ ขรปตฺตาทิสฺี’’ติ วุตฺตํ ‘‘รูปิยํ ปฏิคฺคณฺหาตี’’ติ วจนวเสน.
‘‘อปิจ ปฺุกามา’’ติอาทิ ปน วิธานนฺตรทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, เตเนว หิ ‘‘อิมสฺมึ เคเห อิทํ ลทฺธนฺติ สลฺลกฺเขตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. อฺถา สลฺลกฺขเณ วิมติวเสน, วิมติยา จ สติ นิสฺสคฺคิยเมว ‘‘รูปิเย เวมติโก’’ติอาทิ วจนโตติ. อิทํ วิธานํ นิรตฺถกเมว อาปชฺชติ, น จ นิรตฺถกํ. กสฺมา? ทุสฺสนฺเต พทฺธกหาปณาทิ อสฺสติยา ทินฺนํ วตฺถสฺาย ปฏิคฺคหิตฺจ, ตโต น รูปิยํ ทินฺนฺจ โหติ ปฏิคฺคหิตฺจาติ. เอตฺถ อาปตฺติเทสนากิจฺจํ นตฺถิ, ตํ ปน ทายกานเมว ปฏิทาตพฺพํ. ตโต อุปฺปนฺนํ กปฺปิยภณฺฑฺจ สพฺเพสํ กปฺปตีติ อิมสฺส วิธานนฺตรทสฺสนตฺถํ ‘‘อปิจ ปฺุกามา’’ติอาทีติ โน ตกฺโกติ อาจริโย.
รูปิยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. รูปิยสํโวหารสิกฺขาปทวณฺณนา
๕๘๗. ‘‘ชาตรูปรชตปริวตฺตน’’นฺติ ¶ อุกฺกฏฺปริจฺเฉเทน วุตฺตํ, ตถา ‘‘รูปิยํ นาม สตฺถุวณฺโณ กหาปโณ’’ติอาทิ ปาฬิวจนฺจ. ‘‘อรูปิเย รูปิยสฺี รูปิยํ เจตาเปตี’’ติอาทิ ติกวจนโต, ‘‘ทุกฺกฏวตฺถุนา ปน นิสฺสคฺคิยวตฺถุํ เจตาเปนฺตสฺส…เป… นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ ครุกสฺส เจตาปิตตฺตา’’ติ อฏฺกถาวจนโต จ ปน อนุกฺกฏฺปริจฺเฉโทเปตฺถ ลพฺภตีติ สิทฺธํ. สตฺถุวณฺโณ จ กหาปโณ จ ตโต เย จฺเ โวหารํ คจฺฉนฺตีติ เอวเมตฺถ สมุจฺจโย เวทิตพฺโพ. อิมสฺมึ ปน สิกฺขาปเท ‘‘นานปฺปการกํ นาม กตมฺปิ อกตมฺปิ กตากตมฺปี’’ติ เอตฺถ วิภตฺตานํ ติณฺณํ รูปิยารูปิยานฺจ ทฺวินฺนํ วเสน ปฺจ ติกา วุตฺตา, อฏฺกถาจริเยหิ ตทนุโลมโต เอโก ติโก ทสฺสิโตติ สพฺเพ ฉ โหนฺติ.
เอตฺถาห – อฺสฺมึ สิกฺขาปเท เอกสฺมึ ติกจฺเฉเท ทสฺสิเต สติปิ สมฺภเว อิตเร น ทสฺสียนฺติ ¶ , อิเธว กสฺมา ทสฺสิโตติ? ‘‘นานปฺปการก’’นฺติ มาติกายํ วุตฺตตฺตา อิเธว นานปฺปการภาวทสฺสนตฺถนฺติ. น กยวิกฺกยสิกฺขาปเทปิ วตฺตพฺพปฺปสงฺคโตติ เจ? น, อิธ ทสฺสิตนยตฺตา. อถ จ รูปิยสฺส วิภงฺเค ‘‘เย โวหารํ คจฺฉนฺตี’’ติ อนฺเต วุตฺตตฺตา สตฺถุวณฺณาทโย วฬฺชนุปคา เอวาติ สิทฺธํ. ตโต อวฬฺชนุปเคหิ ชาตรูปรชเตหิ โวหาเรน น นิสฺสคฺคิยนฺติ อาปชฺชติ, ตสฺมา ตํ อาปชฺชนตฺถนฺติ ทสฺเสนฺเตน ‘‘กเตน กตํ เจตาเปตี’’ติอาทโย ติกา วุตฺตาติ, เอวํ สนฺเต รูปิยวิภงฺเค ‘‘เย จ โวหารํ คจฺฉนฺตี’’ติ น วตฺตพฺพํ, ตสฺมึ ปเท อวุตฺเต อวฬฺชนุปคาปิ สงฺคหํ คตาว โหนฺตีติ กตาทีหิ ติกตฺตยสฺส วตฺตพฺพปโยชนํ น ภวิสฺสตีติ เจ? น, กปฺปิยภณฺเฑน กปฺปิยภณฺฑปอวตฺตนสฺสาปิ รูปิยสํโวหารภาวปฺปสงฺคโต. ‘‘เย โวหารํ คจฺฉนฺตี’’ติ วจเนนปิ กมุก กถล กํสภาชน สาฏกาทิปริวตฺตนสฺสปิ รูปิยสํโวหารภาวปฺปสงฺโค เอวาติ เจ? น, กตาทิวจเนน ชาตรูปาทิอกปฺปิยวตฺถูนฺเว อธิปฺเปตภาวทีปนโต, ตสฺมา อุภเยนปิ ยเทตํ กตากตาทิเภทํ ปากติกรูปิยํ ยฺจ กหาปณมาสกสงฺเขปํ, ยฺจ กหาปณาทิโวหารูปคํ, อุภยมฺเปตํ อิธ จ อนนฺตราตีตสิกฺขาปเท จ รูปิยํ นามาติ อธิปฺเปตตฺถสิทฺธิ โหติ, น ตณฺฑุลาทีนิ, ตตฺถ กตาทิโวหาราสมฺภวโต. เอตฺตาวตา กตาทิติกตฺตยปฺปโยชนํ วุตฺตํ.
อิทานิ ¶ เสสตฺติกานิ วุจฺจติ – เอตฺถ หิ ยถาวุตฺตปฺปเภทํ นิสฺสคฺคิยวตฺถุ รูปิยํ นาม, เสสํ ทุกฺกฏวตฺถุปิ กปฺปิยวตฺถุปิ น รูปิยนฺติ อรูปิยํ นาม โหตีติ กตฺวา ‘‘อรูปิเย อรูปิยสฺี ปฺจนฺนํ สหธมฺมิกานํ อนาปตฺตี’’ติ อิทํ น เอกํสิกํ อาปชฺชติ ทุกฺกฏวตฺถุมฺหิ ทุกฺกฏาปชฺชนโต. อิธ วจนปฺปมาณโต นิสฺสคฺคิยวตฺถุโต อฺํ อนฺตมโส มุตฺตาทิปิ อรูปิยเมว นาม. ตตฺถ ปฺจนฺนํ สหธมฺมิกานํ อนาปตฺตีติ เจ? น, ราชสิกฺขาปทวิโรธโต. ตตฺถ หิ ‘‘มุตฺตา วา มณิ วา’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา มุตฺตาทิ อกปฺปิยํ ทุกฺกฏวตฺถูติ จ สิทฺธํ นิสฺสคฺคิยวตฺถูสุ อภาวา. เอวํ สนฺเต ‘‘อรูปิเย อรูปิยสฺี ปฺจนฺนํ สหธมฺมิกานํ อนาปตฺตี’’ติ สุทฺธกปฺปิยภณฺฑํ สนฺธาย วุตฺตํ, น สพฺพํ อรูปิยํ. ตโต อฺตฺถ ปน ‘‘อรูปิเย รูปิยสฺี’’ติอาทิติกทุกฺกเฏ จ อฏฺกถายํ ทสฺสิตติเก จ สพฺพํ อรูปิยํ นามาติ เวทิตพฺพํ, ตสฺมา อรูปิยภาวทีปนตฺถํ ทุติโย ติโก วุตฺโต. ตทตฺถเมว อฏฺกถายํ ทสฺสิโต เอโก ติโก. กสฺมา น ปาฬิยํ โส วุตฺโตติ เจ? ตตฺถ เจตาปิตอรูปิเย รูปิยฉฑฺฑนกสมฺมุติกิจฺจาภาวโต. ตสฺมิฺหิ ติเก วุตฺเต กปฺปิยวตฺถุโนปิ อรูปิยฉฑฺฑนกสมฺมุติ ทาตพฺพาติ อาปชฺชติ, ตสฺส วเสน รูปิยฉฑฺฑนกสมฺมุติ เอว น วตฺตพฺพาติ? น, รูปิยสฺสปิ สมฺมุติกิจฺจาภาวปฺปสงฺคโต, ตสฺมา รูปิเย รูปิยสฺี กปฺปิยวตฺถุํ เจตาเปติ ปตฺตจตุกฺเก ตติยปตฺตํ วิย, ตํ สงฺฆาทีนํ นิสฺสชฺชิตพฺพํ, นิสฺสฏฺํ ปน ¶ อฺเสํ กปฺปติ ตติยปตฺโต วิย. อถ สมฺปฏิจฺฉิตรูปิเยน เจตาปิตํ โหติ ทุติยปตฺโต วิย, ตํ วินาปิ สมฺมุติยา โย โกจิ ภิกฺขุ ฉฑฺเฑติ, วฏฺฏติ. ตโต ปรํ ‘‘สเจ ตตฺถ อาคจฺฉติ อารามิโก วา’’ติอาทินา วุตฺตนเยเนว ปฏิปชฺชิตพฺพํ. ตตฺถ ‘‘รูปิเย’’ติ วา ‘‘อรูปิเย’’ติ วา สพฺพตฺถ ภุมฺมปฺปตฺเต อตฺตโน สนฺตกํ, อุปโยคปฺปตฺเต ปรสนฺตกนฺติ เวทิตพฺพํ. เอตฺถาห – อุปติสฺสตฺเถโร ปุริมสิกฺขาปเทน รูปิยปฏิคฺคหณํ วาริตํ, อิมินา สุทฺธาคเมน กปฺปิยการกสฺส หตฺเถ กปฺปิยํ นิสฺสาย ิเตน สํโวหาโร วาริโตติ.
๕๘๙. นิสฺสคฺคิยวตฺถุนา นิสฺสคฺคิยวตฺถุํ…เป… อปราปรปริวตฺตเน อิมินาติ เอตฺถ เอกสฺมึ เอว วตฺถุสฺมึ ทฺวินฺนํ สิกฺขาปทานํ วเสน เอกโต อาปตฺติ วุตฺตา, ตํ ปน ปจฺฉิมสฺส วเสน นิสฺสชฺชิตพฺพํ. เอเตน นิสฺสคฺคิยํ อาปนฺนมฺปิ อาปชฺชตีติ เอเก. ปรสฺส รูปิยคฺคหณํ ปริวตฺตนนฺติ รูปิเย อคฺคหิเต ตสฺส อภาวโต อิมินาว อาปตฺติ, น ปุริเมน โอมสวาโท วิย. มุสาวาเทน ¶ มุสา วทนฺตสฺสาปิ หิ โอมสวาเทเนว อาปตฺติ. นิสฺสคฺคิยวตฺถุนา ทุกฺกฏ…เป… เอเสว นโยติ เอตสฺส ยุตฺตึ ทสฺเสนฺโต ‘‘โย หิ อย’’นฺติ อาห.
วฑฺฒึ ปโยเชนฺตสฺสาติ เอตฺถ อิทํ คเหตฺวา สติ มาเส, สติ สํวจฺฉเร ‘‘เอตฺตกํ เทหี’’ติ เจ วทติ. รูปิยสํโวหาโร โหติ. วินา กปฺปิยการเกน ‘‘เอตฺตกา วุฑฺฒิ โหตุ, เอตฺตกํ คณฺหา’’ติ วทโต ทุกฺกฏํ กยวิกฺกยลกฺขณาภาวโต. ‘‘มูเล มูลสามิกาน’’นฺติอาทิ กปฺปิยกรณูปายทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, น เกวลํ นิสฺสฏฺํ อปริโภคํ โหติ, ปุน เอวํ กเต ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏติ. ตสฺสปิ ปริโภเค มูลสฺส กปฺปิยกรณูปาโย เจ น โหติ, กปฺปิยํ อาจิกฺขิตพฺพนฺติ ยถา ปาฬิยา เจตฺถ กปฺปิยกรณูปาโย, โส จ ตติยปตฺเตปิ, ‘‘ยถา จ อตฺตโน อตฺถาย คหิเต เอวรูปุปาโย, ตถา สงฺฆาทิอตฺถาย คหิเตปิ เอโส วา’’ติ วุตฺตํ. อิเม กิร ปมทุติยปตฺเต ยาว คหฏฺเน ปริวตฺเตติ, ตาว น กปฺปิยกรณูปาโย, อเนกปุริสยุคมฺปิ ‘‘อกปฺปิยา เอวา’’ติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ. อนุคณฺิปเท ปน ‘‘สงฺฆสนฺตกํ กปฺปิยภณฺฑํ วิกฺกิณิตฺวา อาคตกหาปณานิปิ ปฏิคฺคหณํ โมเจตฺวาว สมฺปฏิจฺฉิตพฺพานิ, ตสฺมา กปฺปิยการโก เจ อิมานิ ตานิ กหาปณานีติ วทติ, น วฏฺฏติเยว, ปฏิกฺขิปิตพฺพํ, น วิจาเรตพฺพํ, วิจาเรติ เจ? สพฺเพสํ น กปฺปติ. ปฏิคฺคหณํ โมเจตฺวา สมฺปฏิจฺฉิตานิ เจ วิจาเรติ, ตสฺเสว น วฏฺฏตี’’ติ อภิกฺขณํ วุตฺตํ.
รูปิยสํโวหารสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. กยวิกฺกยสิกฺขาปทวณฺณนา
๕๙๓. ปฏปิโลติกานนฺติ ¶ ปฏปิโลติเกหิ. ‘‘อชฺฌาจรติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ อิทํ ปุริมสิกฺขาปเทปิ เวทิตพฺพํ. ‘‘กยิตฺจ โหติ วิกฺกยิตฺจา’’ติ เอเตสํ ปทานํ วิปรีตโต ‘‘อตฺตโน ภณฺฑ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. กสฺมา? ‘‘อิมินา อิม’’นฺติ วจนานุรูปโต. สทฺธาเทยฺยวินิปาตนํ ปเนตฺถ อฏฺานปทานํ วเสน เวทิตพฺพํ.
กยวิกฺกยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิฏฺิโต โกสิยวคฺโค ทุติโย.
๓. ปตฺตวคฺโค
๑. ปตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา
๕๙๘. พหู ¶ ปตฺเต สนฺนิจยนฺติ เอตฺถ สนฺนิจยนฺติ ภาวนปุํสกํ, พหู ปตฺเต วา คเหตฺวา สนฺนิจยํ กริสฺสนฺตีติ อตฺโถ. ‘‘อฑฺฒเตรสปลมาสานํ คาหิกา’’ติ ลิขิตํ. เอตฺถ –
‘‘กุฑุโว จตุปเลยฺโย, กุฑุวานํ จตุคฺคุณํ;
ปตฺถํ จตุคฺคุโณ มาสา-ติ กมาหุ จตุคฺคุณ’’นฺติ. –
อาทึ โลกโวหารํ ทสฺเสตฺวาว เกจิ ปปฺเจนฺติ.
๖๐๒. ขาทนนฺติ ขาทนียํ สูปาทิ. ‘‘พฺยฺชนสฺส มตฺตา นาม โอทนโต จตุตฺโถ ภาโค’’ติ (ม. นิ. อฏฺ. ๒.๓๘๗) พฺรหฺมายุสุตฺตฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา อาโลปสฺส จตุตฺถภาคํ พฺยฺชนํ อนุรูปนฺติ คเหตพฺพํ. ‘‘ภิกฺขุนิยา ปตฺตสนฺนิจยสฺส วาริตตฺตา ตทนุโลมโต ภิกฺขูนมฺปิ ทุติโย วาริโต’’ติ วุตฺตํ, ตํ น ยุตฺตํ, ปาฬิยฺหิ ‘‘สนฺนิจยํ กเรยฺยาติ อนธิฏฺิโต อวิกปฺปิโต’’ติ (ปาจิ. ๗๓๕) วุตฺตํ. โส หิ กถินกฺขนฺธเก (มหาว. ๓๐๖ อาทโย) นิจยสนฺนิธิ ¶ วิย เอโกปิ ปุนทิวเส ‘‘สนฺนิจโย’’ติ วุจฺจติ. อนนฺตรสิกฺขาปเท ปน ‘‘ทุติโย วาริโตติ อธิฏฺานํ นิยตํ, ตสฺมา ทฺเว ปตฺเต อธิฏฺาตุํ น ลภติ. สเจ เอกโต อธิฏฺาติ, ทฺเวปิ น อธิฏฺิตา โหนฺติ. วิสุํ วิสุํ อธิฏฺาติ, ทุติโย อนธิฏฺิโต’’ติ วทนฺติ. วิกปฺเปตุํ ปน พหูปิ ลภติ. อิทานิ วตฺตพฺพํ สนฺธาย ‘‘นามมตฺเต วิเสโส’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ นามนฺติ มชฺฌิโม มชฺฌิโมมโก มชฺฌิมุกฺกฏฺโติอาทิ.
๖๐๘. ‘‘ปากสฺส หิ อูนตฺตา ปตฺตสงฺขฺยํ น คจฺฉตี’’ติ วจนโต อธิฏฺิตปตฺโตปิ ขรปาเกน เสตตฺตา อธิฏฺานํ วิชหตีติ เจ? น, อธิฏฺานวิชหเนสุ นวสุ อนาคตตฺตา, ตสฺมา ปมปากานํ เอว อูนตฺตา ปตฺตสงฺขฺยํ น คจฺฉติ, ตสฺมึ สติ อฺํ วิฺาเปตุํ น วฏฺฏติ. ‘‘อูนปฺจพนฺธเนนา’’ติ หิ วุตฺตํ. ฉิทฺเท, ราชิยา วา หิ สติ เตหิ อธิฏฺานํ วิชหตีติ วิชหิเต นายํ ปฏิเสโธ, ตสฺมา ปจฺจุทฺธริตฺวา, วิกปฺเปตฺวาปิ อฺํ วิฺาเปตุํ น ลภติ.
เอวํ ปตฺตการโก มูลํ ลภิตฺวาติ เอตฺถ ปจิตฺวา ปิตทิวสโต ปฏฺาย. ทาตุกาโม หุตฺวาติ เอตฺถ ทินฺนทิวสโต, สุตทิวสโต วา ¶ ปฏฺาย ทสาหํ เวทิตพฺพํ. ลิงฺคปริวตฺเตน ปน ทสาหาติกฺกเม ปตฺตสามิกสฺส ภิกฺขุสฺส, ภิกฺขุนิยา ปน รตฺตาติกฺกเม นิสฺสคฺคิยํ.
ปตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อูนปฺจพนฺธนสิกฺขาปทวณฺณนา
๖๑๒-๓. พหู ปตฺเต วิฺาเปนฺตีติ เอกเมกํ วิฺาเปนฺตา พหู ภิกฺขู พหู ปตฺเต วิฺาเปนฺติ, พหู วา ภิกฺขู ปตฺเต วิฺาเปนฺตีติ อตฺโถ. ‘‘น, ภิกฺขเว, ปตฺโต วิฺาเปตพฺโพ, โย วิฺาเปยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ อิทํ สิกฺขาปทํ อูนปฺจพนฺธเนน สมูหตํ โหติ น โหตีติ? น โหติ ตเมว คเหตฺวา ‘‘วิฺาเปติ, ปโยเค ทุกฺกฏ’’นฺติ วุตฺตตฺตาติ เอเก. ปฏิลาภมฺปิ ปริยาทิยิตฺวา ตํ ทุกฺกฏํ วุตฺตํ, ตสฺมา ตํ ‘‘ปฏิลาเภน นิสฺสคฺคิโย โหตี’’ติ อิมินา สมูหตํ โหติ. อฺถา สทุกฺกฏํ นิสฺสคฺคิยํ อาปชฺชติ อนาปตฺติวารวิโรโธ จ. ยา กาจิ ปน อกตวิฺตฺติ อนนฺุาตกาเล ทุกฺกฏเมว. ภินฺเนนาติ อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ, เภเทนาติ วา อตฺโถ, เหตฺวตฺเถ กรณวจนํ.
อูนปฺจพนฺธนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. เภสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา
๖๒๐. ‘‘สา ¶ อโหสิ สุวณฺณมาลา’’ติ วจนโต เปตฺวา สหธมฺมิเก อฺเสํ ยถาสุขํ รูปิยํ ทาตุํ วฏฺฏติ อุคฺคณฺหาเปตุํ, สพฺโยหาราเปภฺุจาติ อาจริโย, วีมํสิตพฺพํ อิทฺธิมสฺส อิทฺธิวิสยตฺตา.
๖๒๒. ‘‘เยสํ มํสํ กปฺปตี’’ติ วจเนน เยสํ มํสํ น กปฺปติ, เตสํ สปฺปิอาทิ กิฺจาปิ น กปฺปติ, น ปน นิสฺสคฺคิยวตฺถูติ เวทิตพฺพํ. ตถา น ปณีตโภชนวตฺถูติ. อุคฺคหิตกํ กตฺวา นิกฺขิตฺตนฺติ อชฺโฌหรณตฺถํ นิกฺขิตฺตํ. อิตรฺหิ ปฏิคฺคเหตฺวา อชฺโฌหริตุํ วฏฺฏติ. อุภเยสมฺปีติ ปจฺฉาภตฺตํ ปฏิคฺคหิเตหิ, ปุเรภตฺตํ ปฏิคฺคหิเตหิ จ กตานํ. ‘‘มํสสฺส อกปฺปิยตฺตา’’ติ การณปติรูปกํ วตฺวา. ขาทึสูติ ‘‘วิกาเล ¶ เกวลํ นวนีตเมว ขาทิตุกาเมน ทธิตกฺกคตานิ อปเนตพฺพานิ, ปจิตุกามสฺส สามํปากํ น โหตีติ เถรสฺส อธิปฺปาโย’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ขยํ คมิสฺสตี’’ติ วจนโต ขีรํ ปกฺขิปิตฺวา ปกฺกสปฺปิ วิกาเล กปฺปตีติ สิทฺธํ. เภสชฺเชหีติ ยาวชีวิกเภสชฺเชหิ. กตเตลํ ปุเรภตฺตนฺติ อปจิตฺวา กตํ เอว. อุณฺโหทเกนาติ ตาปนภาวํ ทีเปตีติ เกจิ, ตํ น สุนฺทรํ. นิพฺพฏฺฏิตตฺตาติ ปิฺากาทิโต. ‘‘เตลตฺถาย ปฏิคฺคหิต…เป… ทุกฺกฏเมวา’’ติ วจนโต อเตลตฺถาย ปฏิคฺคหิเตหิ, สตฺตาหาติกฺกนฺเตหิปิ กตเตลํ กตทิวสโต ปฏฺาย สตฺตาหํ วฏฺฏตีติ ฉายา ทิสฺสติ, กรมนฺทํ รุกฺขสาโรติ เกจิ.
๖๒๓. อวสกสเฏ ยสฺมา ขีราทีนิ ปกฺขิปิตฺวา เตลํ ปจนฺติ, ตสฺมา กสฏํ น วฏฺฏติ, เตลเมว วฏฺฏติ, เตน วุตฺตํ ‘‘ปกฺกเตลกสเฏ วิย กุกฺกุจฺจายตี’’ติ. วสาย สทฺธึ ปกฺกตฺตา น วฏฺฏตีติ เจ? วทถ, ภนฺเต, นวนีเต ทธิคุฬิกาติอาทิสมฺพนฺโธ. มธุมฺหิ จตฺตาโร กาลิกา ยถาสมฺภวํ โยเชตพฺพา, อุจฺฉุมฺหิ จ, กถํ? สมกฺขิกํ เสฬกํ มธุ ยาวกาลิกํ. อเนลกํ อุทกสมฺภินฺนํ ยามกาลิกํ, อสมฺภินฺนํ สตฺตาหกาลิกํ, มธุสิฏฺํ ปริสุทฺธํ ยาวชีวิกํ. ตถา อุจฺฉุ วา รโส วา สกสโฏ ยาวกาลิโก, นิกฺกสโฏ อุทกสมฺภินฺโน ยามกาลิโก, อสมฺภินฺโน สตฺตาหกาลิโก, สุกฺขกสฏํ ยาวชีวิกนฺติ เวทิตพฺพํ. กสฺมา? อุทกสมฺเภทวิเสสโต.
กึ วุตฺตํ โหติ? จตูสุ กาลิเกสุ ปุพฺพํ ปุพฺพํ ครุกํ, อปรํ อปรํ ลหุกํ. เตสุ จายํ อุทกสมฺเภโท ครุกํ ลหุกํ กโรติ, ลหุกฺจ ครุกํ. อมฺพรสาทีนิ หิ ยาวกาลิกตฺตา ¶ ครุกานิ, อุทกสมฺเภโท ปน ตานิ อมฺพปานาทิสมฺํ ทตฺวา ลหุกานิ ยามกาลิกานิ กโรติ. ‘‘ผาณิตํ นาม อุจฺฉุมฺหา นิพฺพตฺตนฺติ อุจฺฉุรสํ อุปาทายา’’ติ อฏฺกถาวจนโต อุจฺฉุรโส สตฺตาหกาลิโกติ สิทฺธํ. ตตฺถ ‘‘อุทกสมฺเภโท ตํ ยามกาลิกํ กโรตี’’ติอาทึ พหุํ วตฺวา โยชิตา.
อปิเจตฺถ อุจฺฉุรโส ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อุจฺฉุรส’’นฺติ (มหาว. ๓๐๐) อนฺุาตตฺตา คุโฬทกํ วิย อุจฺฉุรสสามฺโต อุทเกน อสมฺภินฺโนปิ อคิลานสฺส ¶ วฏฺฏติ, เตเนวาห อฏฺกถายํ ‘‘อุจฺฉุรโส นิกสโฏ ปจฺฉาภตฺตํ วฏฺฏตี’’ติ (มหา. อฏฺ. ๓๐๐). อยํ สพฺโพ โน ตกฺโกติ อาจริโย. เกจิ ปนาหุ ‘‘ผาณิตํ นาม อุจฺฉุมฺหา นิพฺพตฺต’นฺติ วจนโต, ‘อุจฺฉุรสํ อุปาทายา’ติ อฏฺกถาวจนโต จ อุจฺฉุรโส ผาณิตเมว, ตสฺมา คุเฬ วิย ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ. เกจิ ‘‘วุตฺตนเยน สตฺตาหกาลิโกว สมาโน ‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อุจฺฉุรส’นฺติ วิสุํ อนฺุาตตฺตา อสมฺภินฺโนปิ อคิลานสฺส วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. เกจิ ‘‘วุตฺตนเยน วิสุํ อนฺุาตตฺตา เอว สมฺภินฺโน วา อสมฺภินฺโน วา ยามกาลิโกว, คุโฬทกํ ปน สตฺตาหกาลิกเมวา’’ติ วทนฺติ. เกจิ ‘‘คุโฬทกํ วิย โส ทุวิโธปิ สตฺตาหกาลิโกเยวา’’ติ วทนฺติ.
ตตฺถายํ ปมาจริยวาเท วิจารณา – ผาณิตานุมติยาเยว อุจฺฉุรสานุมติยา สิทฺธิโต วิสุํ ‘‘อุจฺฉุรส’’นฺติ อุทฺธริตฺวา อนุมติ นิรตฺถิกาติ อาปชฺชติ, ตถา ‘‘อุจฺฉุรโส นิกสโฏ ปจฺฉาภตฺตํ วฏฺฏตี’’ติ อฏฺกถาปิ นิรตฺถิกา. ‘‘สตฺตาหํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺตพฺพํ สิยาติ, น จ ตถา สกฺกา วตฺตุํ. ปจฺฉาภตฺตํ วฏฺฏนกรสาธิการตฺตาติ เจ? น, ตสฺมึ อธิกาเร สตฺตาหกาลิกสฺส อวตฺตพฺพปฺปสงฺคโต. กาลเภทํ อนเปกฺขิตฺวา รสาธิกาเร โอติณฺณตฺตา วุตฺโตติ เจ? น สกฺกา ‘‘นิกสโฏ สตฺตาหํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺตุํ. ปจฺฉาภตฺตํ วฏฺฏนกรสาธิการตฺตา น วตฺตพฺพนฺติ เจ? น, เอวฺหิ วุตฺเต ตทฺรโส วิย อยมฺปิ ปจฺฉาภตฺตเมว วฏฺฏติ, น ตโต ปรนฺติ อาปชฺชติ. ตโต ปรํ อปริโภคตฺตา ‘‘ปจฺฉาภตฺตํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตนฺติ เจ? น, ยาวกาลิกภาวปฺปสงฺคโต. น โส ปสงฺโค อาภิโทสิกสฺสาปิ อุจฺฉุรสสฺส ปาเกน ผาณิตาทิภาวปฺปสงฺคโต. อยเมว ตติยจตุตฺถาจริยวาเทสุ วิจารณา. ทุติยวาเท วิจารณา วุตฺตา, วิมทฺโท ปเนตฺถ เภสชฺชกฺขนฺธเก (มหาว. ๓๐๐) อาวิ ภวิสฺสติ. ผาณิตํ นาม อุจฺฉุมฺหา นิพฺพตฺตนฺติ มธุกตาลนาฬิเกรผาณิตาทิโต อุกฺกฏวตฺถุโต นิสฺสคฺคิยวตฺถุผาณิตสฺส วิเสสวจนํ, เตเนตํ ปฺายติ ‘‘นิสฺสคฺคิยวตฺถุภูตํ อิธ ผาณิตํ นาม อุจฺฉุมฺหา นิพฺพตฺตเมว, น มธุกาทิโต นิพฺพตฺต’’นฺติ. เอตฺตาวตา ยํกิฺจิ อุจฺฉุมฺหา นิพฺพตฺตํ ¶ , น ตํ สพฺพํ ผาณิตเมว นามาติ สาธิตํ โหติ. เตเนว ขนฺธเก ผาณิตํ ปมํ อนุชานิตฺวาว ปจฺฉา อุจฺฉุรโส อนฺุาโต, ตถา ตตฺเถว คุฬํ, คุโฬทกฺจ.
อุจฺฉุรสํ ¶ อุปาทาย อปกฺกา วาติอาทิมฺหิ ปน เยสํ ลทฺธิ ‘‘อุจฺฉุรโส ยามกาลิโก’’ติ. ‘‘เต อปกฺกา วาติ สามํ ภิกฺขุนา อปกฺกา วา. อวตฺถุกปกฺกา วาติ วินา วตฺถุนา ปกฺกา วา’’ติ อตฺถํ วณฺณยนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ ‘‘อุจฺฉุรสํ อุปาทายา’’ติ อิมสฺส วจนสฺส ปโยชนาภาวปฺปสงฺคโต, ภิกฺขุโน ปจนาธิการาภาวา. สามปาโก อิธาธิปฺเปโตติ เจ? สามํ อปกฺกสฺส อุจฺฉุรสสฺส เตสํ อตฺตโนมติยา ผาณิตภาวสิทฺธิโต จ ปรโต ‘‘ปุเรภตฺตํ ปฏิคฺคหิเตน อปริสฺสาวิตอุจฺฉุรเสน กตผาณิต’’นฺติอาทินยทสฺสนโต จ ตํ อยุตฺตํ, ตตฺถ ‘‘อปริสฺสาวิตอุจฺฉุรเสน สยํกตํ นิรามิสเมว วฏฺฏตี’’ติ วจนํ ยํ ตตฺถ กสฏํ สามปากํ น ชเนติ, สวตฺถุกปฏิคฺคหิตกตํเยว ตํ กโรตีติ ทีเปติ, ตสฺมา ปฏิคฺคเหตุํ น วฏฺฏติ วิกาเลติ โปราณา. ‘‘โกฏฺฏิตอุจฺฉุผาณิตํ ‘รชนปากํ วิย โอฬาริกํ สวตฺถุกปกฺกํ นาม โหตี’ติ สฺาย ปุเรภตฺตเมว วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. มหาอฏฺกถาจริยา ‘‘เอวํ ผาณิตคฺคหณํ อมธุรํ, ตสฺมา ปจฺฉาภตฺตํ น วฏฺฏตี’’ติ วทึสุ. กึ มธุรตาย, อมธุรตาย วาติ? อตฺถเมว ทสฺเสตุํ มหาปจฺจริยํ ตถา วุตฺตนฺติ อุปติสฺสตฺเถโร อาห กิร. ตํ ยุตฺตนฺติ อุจฺฉุโต นิพฺพตฺตตฺตา วุตฺตํ, เตเนวาห ‘‘ขณฺฑสกฺขรํ ปน…เป… วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘ตํ ขีรฆเฏ ปกฺขิปิตฺวา ปจนฺตี’’ติ ลิขิตํ. ชลฺลิกา นาม เผณาทิ.
เภสชฺโชทิสํ วทนฺเตน อิตเร อตฺถุทฺธารวเสน วุตฺตา. ‘‘อาหารตฺถํ ผริตุํ สมตฺถานี’’ติ ขนฺธเก (มหาว. ๒๖๐) ‘‘ยํ เภสชฺชฺเจว อสฺส เภสชฺชสมฺมตฺจ โลกสฺส, อาหารตฺถฺจ ผเรยฺยา’’ติ วุตฺตตฺตา วุตฺตํ. เอตฺถ วิจารณา เภสชฺชกฺขนฺธเก อาวิ ภวิสฺสติ.
๖๒๔. ทฺวารวาตปานกวาฏานีติ ทฺวารสฺส จ วาตปานานฺจ กวาฏานิ. กสาวปกฺเขปมตฺเตน หิ ตานิ อตฺตโน สภาวํ ปริจฺจชิตานิ โหนฺติ, ตสฺมา ‘‘มกฺเขตพฺพานี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘กสาโว นาม กนกลมฺพาทีนิปี’’ติ วทนฺติ. อธิฏฺเตีติ ‘‘อิทานิ อชฺโฌหรณียํ น ภวิสฺสติ, พาหิรปริโภโค ภวิสฺสตี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทติ. อิธ ‘‘วิกปฺเปตี’’ติ ปทํ นตฺถิ. อธิฏฺานมฺปิ มุขารุฬฺหิยา วุตฺตํ ‘‘อิมํ นวนีตํ อธิฏฺามี’’ติ อวตฺตพฺพโต.
๖๒๕. ปริภฺุชิตุํ ¶ ปน น วฏฺฏตีติ วิสฺสาสาภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ. สเจ สวิสฺสาโส, วฏฺฏตีติ ¶ ‘‘ปริภฺุช ตฺว’’นฺติ เอตฺตาวตา วิสฺสชฺชิตํ โหติ, ตสฺมา อุภินฺนํ อนาปตฺตีติ สมฺพนฺโธ. สเจ น วิสฺสชฺชิตํ, อาปตฺติ โหตีติ สิทฺธํ. ตสฺมา อุภินฺนํ สนฺตกํ จีวรํ อฺตเรน สมฺมุขีภูเตน อธิฏฺาตพฺพํ. โน เจ อธิฏฺาติ, นิสฺสคฺคิยํ โหตีติปิ ยุชฺชติ. กากนิกมตฺตฺเจ มูลํ อทินฺนํ, ‘‘น อธิฏฺานุปคํ…เป… สกภาวํ น อุเปตี’’ติ อิมินา เอตํ สทิสํ น โหติ, อาภิธมฺมิกคณานํ ทินฺนํ วิย จ น โหติ. กสฺมา? อาภิธมฺมิกา หิ อนุปสมฺปนฺนาปิ โหนฺติ, ปจฺฉา อาภิธมฺมิกภูตานมฺปิ ตํ สาธารณํ โหตีติ. เอตฺถ ทฺเวปิ อุปสมฺปนฺนา เอว, ทฺวินฺนมฺปิ ตตฺถ ยถากามกรณียตา อตฺถิ มมตฺตฺจ, น เอวํ ตทฺเสํ สาธารณํ, น จ ทฺเว ตโย ภิกฺขู ‘‘เอกโต วสฺสิสฺสามา’’ติ กโรนฺติ, รกฺขติ ตาว. ‘‘อวิภตฺตตฺตา อนาปตฺตี’’ติ อิมินา จ อิทํ สทิสํ, เยน มูเลน ปฏิคฺคหิตํ, ตสฺส สเจ อิตโร เทติ, โส วา ตํ อิตรสฺส เทติ, สติ ปฏิคฺคหเณ สตฺตาหาติกฺกเม นิสฺสคฺคิยตฺตา, ตสฺมา ตํ จีวรํ ทฺวีสุ สมฺมุขีภูเตน เอเกน อธิฏฺาตพฺพํ. กิฺจาปิ เอตฺถ ปโยโค น ทิสฺสติ สมานปริกฺขารานํ ทฺวินฺนํ อธิฏฺานปโยคาภาวโต, ตถาปิ สมานสพฺพภณฺฑกานํ ทฺวินฺนํ เตลาทิ เยน ปฏิคฺคหิตํ, ตสฺส กาลาติกฺกเม อาปตฺติสมฺภวโต, อนธิฏฺาเน ทุลฺลภวิเสสเหตุตฺตา จ ‘‘อธิฏฺาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. ตํ อยุตฺตํ ปตฺตจีวรสตฺตาหกาลิกานํ อสทิสวิธานตฺตา. เอตฺถ ปตฺตจีวรฺหิ อตฺตโน สนฺตกภาวํ อุปคตเมว อนธิฏฺหนฺตสฺส กาลาติกฺกเม อาปตฺติ, สตฺตาหกาลิกํ ปน ปรสนฺตกสาธารณมฺปิ ปฏิคฺคหิตํ ปฏิคฺคาหกสฺส กาลาติกฺกเม อาปตฺติกรํ. ปฏิคฺคหณฺเจตฺถ ปมาณํ, น ตตฺถ สกสนฺตกตา, สตฺตาหกาลิกฺจ นิสฺสคฺคิยํ, สพฺเพสมฺปิ อนชฺโฌหรณียํ. ปตฺตจีวรํ อฺสฺส ปริภฺุชโต อนาปตฺติ. อิทฺจ กาลาติกฺกนฺตมฺปิ นิสฺสชฺชิตฺวา ปจฺฉา ลทฺธํ กปฺปติ. ปตฺตจีวรํ ปน ตํ ตสฺส วินยกมฺมนฺติ กปฺปตีติ. อวิภตฺตสฺสปิ อิมสฺส ทานํ รุหติ, น ปตฺตจีวรสฺส. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถายํ ‘‘ทฺวินฺนํ สนฺตกํ โหติ…เป… สเจปิ อวิภชิตฺวา สทฺธิวิหาริกาทีนํ เทนฺติ, อทินฺนเมว โหตี’’ติ. ยสฺส ทานเมว น รุหติ, ตสฺส กุโต อธิฏฺานํ. เอโก เจ ปตฺตจีวรํ ทสเม ทิวเส อิตรสฺส เทติ. ตโต ปฏฺาย โส ทส ทิวเส ปริหริตุํ ลภติ ¶ , น ตถา สตฺตาหกาลิกนฺติ สพฺพถา อุปปริกฺขิยมานํ สริกฺขํ นกฺขมตีติ น ตํ สารโต ทฏฺพฺพนฺติ อาจริยสฺส ตกฺโก. ‘‘วินยกมฺมวเสน ปน อนิสฺสชฺชิตฺวา สหสา วิรุชฺฌิตฺวา กสฺสจิ ปริจฺจตฺตมฺปิ ปุน ปฏิลภิตฺวา ปริภฺุชิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ, สเจ เทสนฺตริตํ, สมุทฺทนฺตริตํ วา จีวรํ นิสฺสคฺคิยํ ชาตํ, ตํ อิธ ิเตน ภิกฺขุนา เอกสฺส วนฺเตน จิตฺเตน จตฺตํ กตฺวา อนเปกฺขิตฺวา อาปตฺตึ เทเสตฺวา ตสฺส วิสฺสาเสน ปุน คเหตฺวา อธิฏฺาตพฺพํ, ‘‘ปตฺตาทีสุ จ อยเมว นโย’’ติ จ วุตฺตํ, ‘‘ตาลนาฬิเกรผาณิตมฺปิ สตฺตาหกาลิกํ เอวา’’ติ จ. ‘‘ทฺวินฺนํ สนฺตกํ เอเกน ปฏิคฺคหิตํ สตฺตาหกาลิกํ สตฺตาหาติกฺกเม อาปตฺตึ น กโรติ ¶ , ปริภฺุชิตุํ ปน ทฺวินฺนมฺปิ น วฏฺฏตี’’ติ จ ‘‘ปรสนฺตกํ ปฏิคฺคเหตฺวา ปิเตปิ เอเสว นโย’’ติ จ เกจิ วทนฺติ. ทุกฺกฏวตฺถุภูตํ สปฺปิอาทิ นิสฺสชฺชิตพฺพํ ปุน ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏตีติ วิธานํ น ทิสฺสตีติ.
เภสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. วสฺสิกสาฏิกสิกฺขาปทวณฺณนา
๖๒๗. ‘‘เอกเมว กตฺวา’’ติ วจเนน วสฺสิกสาฏิกลกฺขเณน าตกานมฺปิ สตุปฺปาทํ กโรนฺเตน เอกเมว คเหตพฺพนฺติ ธมฺมสิริตฺเถโร. จตุพฺพิธํ เขตฺตนฺติ เอตฺถ กิฺจาปิ ติวิธํ ทิสฺสติ, ตํ ปน เอวํ คเหตพฺพํ, ยสฺมึ เขตฺเต ปริเยสิตุํ ลภติ, ตํ ปริเยสนเขตฺตํ นาม, ‘‘เอวํ กรณนิวาสนาธิฏฺานเขตฺตานิปี’’ติ วุตฺตํ. เอตฺถ ปจฺฉิเมน ปุริมคฺคาโห เวทิตพฺโพ, น ปุริเมน ปจฺฉิมคฺคาโห, ยถาลาภนฺติ อาจริโย. ตสฺสตฺโถ – อธิฏฺานเขตฺเตน ปจฺฉิเมน ปุริมานํ ติณฺณํ คาโห โหติ, ตถา นิวาสนเขตฺเตน ทฺวินฺนํ ปุริมานํ. กรณเขตฺเตน ปน เอกสฺเสว ปุริมสฺส คาโห โหตีติ. เอตฺถ ปน กิฺจาปิ กรณเขตฺตนิวาสนเขตฺตานํ กาลโต นานตฺตํ นตฺถิ, กิริยโต ปน ‘‘อฏฺึ กตฺวา นิวาเสตพฺพ’’นฺติ ปาฬิวจนโต, ตสฺมา ทฺวิธา กตฺวา วุตฺตํ อฺตราภาเวน, ตทตฺถสิทฺธิโต จ, กถํ ปเนตฺถ นานตฺตํ นตฺถีติ ปฺายตีติ เจ? ปาฬิโต, ‘‘อฑฺฒมาโส เสโส คิมฺหานนฺติ กตฺวา นิวาเสตพฺพ’’นฺติ หิ ปาฬิ, ตถา มาติกาฏฺกถาโต (กงฺขา. อฏฺ. วสฺสิกสาฏิกสิกฺขาปทวณฺณนา) จ.
ตถาห ¶ ‘‘ปจฺฉิโม อฑฺฒมาโส กรณนิวาสนเขตฺตมฺปี’’ติ, อิมินา นเยน ติวิธเมว เขตฺตนฺติปิ สิทฺธํ. สมนฺตปาสาทิกายํ ปน กตฺถจิ โปตฺถเก ‘‘เชฏฺมูลปุณฺณมาสิยา ปจฺฉิมปาฏิปททิวสโต ปฏฺาย ยาว กาฬปกฺขุโปสโถ, อยเมโก อทฺธมาโส ปริเยสนเขตฺตฺเจว กรณเขตฺตฺจ. เอตสฺมิฺหิ อนฺตเร วสฺสิกสาฏิกํ อลทฺธํ ปริเยสิตุํ, ลทฺธํ กาตฺุจ วฏฺฏติ, นิวาเสตุํ, อธิฏฺาตฺุจ น วฏฺฏตี’’ติ ปาโ ทิสฺสติ, โส อปาโ ยถาวุตฺตปาฬิมาติกาฏฺกถาวิโรธโต, ตสฺมา ตตฺถ ‘‘อลทฺธํ ปริเยสิตุํ วฏฺฏติ, กาตุํ, นิวาเสตุํ, อธิฏฺาตฺุจ น วฏฺฏตี’’ติ ปาโ เวทิตพฺโพ. เอวํ ตาว ปจฺฉิเมน ปุริมคฺคาหสิทฺธิ เวทิตพฺพา, น ปุริเมน กรณเขตฺตาทีนํ คาโห สมฺภวติ. ‘‘มาโส เสโส คิมฺหานนฺติ วสฺสิกสาฏิกจีวรํ ปริเยสิตพฺพ’’นฺติ เอตฺตกเมว หิ วุตฺตํ, น, อฏฺกถายํ ‘‘อยเมโก อทฺธมาโส ปริเยสนเขตฺตฺเจว กรณเขตฺตฺจา’’ติ วุตฺตตฺตาติ เจ? น, ตสฺส เลขนโทสตฺตา ¶ , ตถา สาธิตํ. กรณเขตฺเตน ปน นิวาสนเขตฺตคฺคาโห อตฺถิ กาลนานตฺตาภาวโต, เตเนว ปุพฺเพ ยถาลาภคฺคหณํ กตํ, ตถา จ สาธิตเมว, น เภโท ปนตฺถิ, ปโยชนํ วุตฺตเมว. นิวาสนกฺเขตฺเตน อธิฏฺานกฺเขตฺตคฺคาโห นตฺถิ เอว, น หิ ปุริเมน ปจฺฉิมคฺคาโห เวทิตพฺโพ. น ปาฬิวิโรธโตติ เจ? น, ตทตฺถาชานนโต. ‘‘มาโส เสโส คิมฺหานนฺติ อทฺธมาโส เสโส คิมฺหาน’’นฺติ เอตฺถ อิติ-สทฺทสฺส หิ อิโต ปฏฺายาติ อตฺโถ. ปรโต อาปตฺติเขตฺตทสฺสนโต อิตรสฺส อนาปตฺติเขตฺตภาโว ทสฺสิโตว โหติ. ทินฺนปุพฺพโตปิ าตกปวาริตฏฺานโต นิปฺผาเทนฺตสฺส นิสฺสคฺคิยํ ปิฏฺิสมยตฺตา, ปกติยา วสฺสิกสาฏิกทายกา นาม สงฺฆสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา อปวาเรตฺวา อนุสํวจฺฉรํ เทนฺตา, ตตฺถ สตุปฺปาโทว วฏฺฏติ. วตฺตเภเท ทุกฺกฏนฺติ ตทฺเสุ.
‘‘สเจ กต…เป… วสฺสูปนายิกทิวเส อธิฏฺาตพฺพา…เป… ฉ มาเส ปริหารํ ลภตี’’ติ วจนโต อนฺโตวสฺเสปิ ยาว วสฺสานสฺส ปจฺฉิมทิวสา อกตา ปริหารํ ลภตีติ ทีปิตํ โหติ. กสฺมา น วิจาริตนฺติ เจ? อตฺถาปตฺติสิทฺธตฺตา. ‘‘ฉ มาเส ปริหารํ ลภตี’’ติ วจเนน อกตา ลภตีติ สิทฺธเมว, ตํ กิฺจาปิ สิทฺธํ, สรูเปน ปน อนาคตตฺตา สรูเปน ทสฺเสตุํ, ทุสฺสทฺธาปยตฺตา อุปปตฺติโต ทสฺเสตฺุจ อิทมารทฺธํ ¶ อาจริเยน, ‘‘ยถา เจตฺถ, เอวํ กถินพฺภนฺตเร อุปฺปนฺนจีวรมฺปิ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ อนุคณฺิปเท วุตฺตํ, ตํ ทุวุตฺตํ ตตฺเถว ปุพฺพาปรวิโรธโต. ยฺเจตฺถ อฏฺกถาวจนํ สาธกตฺเตน วุตฺตํ, ตํ ตมตฺถํ น สาเธติ. ‘‘ยทิ นปฺปโหติ ยาว กตฺติกปุณฺณมา ปริหารํ ลภตี’’ติ วจนํ อปฺปโหนฺตสฺส ยาว กตฺติกปุณฺณมา ตาว ปริหารเขตฺตํ, ตโต ปรํ เอกทิวโสปิ น โหตีติ ทีเปติ, ตสฺมา อปฺปโหนกภาเวน อกตาว ยาว กตฺติกปุณฺณมา ปริหารํ ลภติ, ตโต ปรํ น ลภตีติ สิทฺธํ. ตถา ตเทว วจนํ กตปริหารํ น ลภตีติ ทีเปติ, ตสฺมา กตฺติกปุณฺณมทิวเสเยว อธิฏฺาตพฺพา. ‘‘อปฺปโหนฺเต ทสาเห อนฺโตวสฺเส กรณปริโยสานํเยว ปมาณ’’นฺติ ลิขิตํ.
เอตฺถาห – ‘‘เอกาหทฺวีหาทิวเสนา’’ติอาทิ น วตฺตพฺพํ. กสฺมา? คิมฺหทิวสานํ อนธิฏฺานกาลตฺตา, ตสฺมา เอว ‘‘อนฺโตทสาเห วา ตทเหเยว วา อธิฏฺาตพฺพา’ติ จ สามฺโต น วตฺตพฺพํ คิมฺหทิวสานํ อธิฏฺานเขตฺตภาวปฺปสงฺคโต’’ติ. เอตฺถ วุจฺจติ – น, ตทตฺถาชานนโต. ทสาหานาคตาย วสฺสูปนายิกาย คิมฺหทิวสา ทสาหา โหนฺติ, ปมทิวเส จ ลทฺธา นิฏฺิตา วสฺสิกสาฏิกา ทสาหาติกฺกนฺตาปิ วสฺสูปนายิกทิวสํ อธิฏฺานเขตฺตํ อปฺปตฺตตฺตา ¶ น จ ตาว นิสฺสคฺคิยํ โหติ, วุตฺตฺเจตํ ‘‘วสฺสูปนายิกโต ปุพฺเพ ทสาหาติกฺกเมปิ อนาปตฺตี’’ติ.
อนฺโตทสาเห อธิฏฺาตพฺพาติ อิทํ น อวิเสเสน เอตสฺมึ อนฺตเร คิมฺหทิวเสปิ อธิฏฺาตพฺพนฺติ อิมมตฺถํ ทีเปตุํ วุตฺตํ, กินฺตุ คิมฺหทิวเส เจ อุปฺปนฺนา, อธิฏฺานเขตฺเต จ อนฺโตทสาหํ โหติ, อนฺโตทสาเห เขตฺเตเยว อธิฏฺาตพฺพา, น เขตฺตนฺติ กตฺวา ทสาหํ อติกฺกมิตพฺพนฺติ ทีเปตุํ วุตฺตํ. กสฺมา? คิมฺหทิวสานมฺปิ คณนูปคตฺตา, ตสฺมา อเขตฺตทิวเสปิ คเณตฺวา เขตฺเต เอว ‘‘อนฺโตทสาเห อธิฏฺาตพฺพา’’ติ วุตฺตํ โหตีติ.
วสฺสิกสาฏิกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. จีวรอจฺฉินฺทนสิกฺขาปทวณฺณนา
๖๓๒. สามนฺติ ¶ สกสฺิตานิยมนตฺถํ วุตฺตํ. สกสฺิตาเยว หิ อจฺฉินฺทาปนอจฺฉินฺทเนสุ นิสฺสคฺคิยํ, ตสฺมา นิสฺสคฺคิยมูลงฺคนิทสฺสนเมตํ. ‘‘จีวร’’นฺติ วุตฺตตฺตา ‘‘อจีวรํ อจฺฉินฺทนฺตสฺส น นิสฺสคฺคิย’’นฺติ วุตฺตเมว โหติ. ‘‘ทตฺวาติ ทตฺวา วา ทาเปตฺวา วา’’ติ กิฺจาปิ ปทภาชนํ ยุชฺชติ, อฺสฺส ปน สนฺตกํ อฺสฺส ภิกฺขุโน ทาเปตฺวา ตํ สยํ วา อจฺฉินฺเทยฺย, เตเนว วา อจฺฉินฺทาเปยฺยาติ อนิฏฺปฺปสงฺคภยา น วุตฺตํ, อตฺถโต ปน อตฺตโน สนฺตกํ อฺเน สทฺธิวิหาริกาทินา ทาเปตฺวา, อฺสฺส สนฺตกํ วา ตสฺส วิสฺสาสา ทาเปตฺวา ตํ อจฺฉินฺเทยฺย วา อจฺฉินฺทาเปยฺย วา นิสฺสคฺคิยนฺติ เวทิตพฺพํ, ตฺจ โข อนเปกฺโข ทตฺวา. ยทิ เอวํ ‘‘จชิตฺวา ทินฺนํ อจฺฉินฺทิตฺวา คณฺหนฺโต ภณฺฑคฺเฆน กาเรตพฺโพ’’ติ อิทํ กินฺติ เจ? สกสฺาย อคฺคเหตฺวา อฺาย เถยฺยาย คณฺหนฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ, เตเนว วุตฺตํ ‘‘สกสฺาย คหิตตฺตา ปนสฺส ปาราชิกํ นตฺถี’’ติ, อปิจ ‘‘อนาปตฺติ โส วา เทติ, ตสฺส วา วิสฺสสนฺโต คณฺหาตี’’ติ วจนโตปิ ตํ สิทฺธเมว. เอตฺตาวตา ตาวกาลิกํ กตฺวา ทินฺนํ อจฺฉินฺทนฺตสฺส อนาปตฺติ สาธิตา โหติ. ‘‘อมฺหากํ สนฺติเก อุปชฺฌํ คณฺหิสฺสตี’’ติอาทิวจนํ สามเณรสฺส ทานํ ทีเปติ, ตฺจ อิธ นาธิปฺเปตํ. ปาฬิยํ (ปารา. ๖๓๓-๖๓๔) อุปสมฺปนฺเน ติกปาจิตฺติยํ วิย อนุปสมฺปนฺเน ติกทุกฺกฏมฺปิ อาคตนฺติ เจ? น, ตทธิปฺปายาชานนโต. อนุปสมฺปนฺนกาเล เอวํ ทตฺวา อฺสฺส สนฺติเก อุปสมฺปนฺนํ ทิสฺวา กุปิโต เจ อจฺฉินฺทติ, อุปสมฺปนฺนสฺเสว วา ‘‘สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย ตุมฺหากํ สนฺติเก ¶ อุปสมฺปชฺชิสฺสามี’’ติ วทนฺตสฺส ทตฺวา ปุน อจฺฉินฺทติ เจ, นิสฺสคฺคิยนฺติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย.
๖๓๓. สกึ อาณตฺโต พหุกมฺปิ อจฺฉินฺทติ, นิสฺสคฺคิยนฺติ เอกพทฺธตฺตา เอกํ ปาจิตฺติยํ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ ‘‘อาณตฺโต พหูนิ คณฺหาติ, เอกํ ปาจิตฺติย’’นฺติ. มาติกาฏฺกถายํ ปน ‘‘วตฺถุคณนาย อาปตฺติโย’’ติ วุตฺตํ, ตํ อาณตฺติยา พหุตฺตา ‘‘สพฺพานิ คณฺหา’’ติ วทนฺตสฺส คาหํ สนฺธาย วุตฺตํ, เตเนว ตตฺถ วุตฺตํ ‘‘เอกวาจาย สมฺพหุลา อาปตฺติโย’’ติ. เอวํ สนฺเต ปาฬิวจนํ, อฏฺกถาวจนทฺวยฺจ อฺมฺํ สเมติ, ปรสนฺตกมฺปิ นิสฺสคฺคิยํ โหติ ปํสุกูลฺจ, เตน ‘‘ทุสฺสนฺเต พทฺธรูปิยํ วิยา’’ติ วุตฺตํ, ตํ ¶ ตทตฺถนิยมทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, ยถาวฉาทิตํ อจฺฉินฺทนจิตฺเตน สจิตฺตกํ, วจีกมฺมํ ปน เกวลํ อจฺฉินฺทาเปนฺตสฺเสว ‘‘เทหี’’ติ พลกฺกาเรน คณฺหโตปิ เวทิตพฺพํ, ตํ น ยุตฺตํ ‘‘อนาปตฺติ โส วา เทตี’’ติ วจนโต. ‘‘ตุฏฺโ วา ทุฏฺโ วา เทติ, อนาปตฺติเยวา’’ติ มาติกาฏฺกถาวจนโต วาติ เจ? น, อุภยตฺถ อตฺตโน รุจิยา ทานํ สนฺธาย วุตฺตตฺตา, ปสยฺหาวหาเร อนาปตฺติปฺปสงฺคโต จ. ‘‘ภิกฺขุสฺส สามํ จีวรํ ทตฺวา’ติ ปาฬิวจนโต จ มาติกาฏฺกถาย องฺคววตฺถาเน ‘อุปสมฺปนฺนตา’ติ วุตฺตตฺตา จ อุภยตฺถ ทานหรเณสุ ภิกฺขุภาโว อิจฺฉิตพฺโพติ ทีเปตี’’ติ วทนฺติ, อิทมยุตฺตนฺติ โน ตกฺโกติ อาจริโย. กสฺมา? อนุปสมฺปนฺนสฺส จีวรํ ทตฺวา ตํ อุปสมฺปนฺนกาเล อจฺฉินฺทนฺตสฺส อนาปตฺติปฺปสงฺคโต. ‘‘อนุปสมฺปนฺนสฺส จีวรํ วา อฺํ วา ปริกฺขารํ ทตฺวา…เป… อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ วจนโต ทุกฺกฏํ ตตฺถ โหตีติ เจ? นาสิทฺธตฺตา, ทานกาเล เอว อุปสมฺปนฺนตา ปมาณนฺติ อสิทฺธเมตํ อฏฺกถาย วา ปาฬิยา วา ยุตฺติโต วา, ตสฺมา ตํ น ยุตฺตนฺติ อตฺโถ. อนุปสมฺปนฺนสฺส จีวรํ ทตฺวา ตสฺเสว อนุปสมฺปนฺนกาเลเยว จีวรํ อจฺฉินฺทนฺตสฺส ทุกฺกฏํ, อุปสมฺปนฺนกาเล วา ทตฺวา อนุปสมฺปนฺนกาเล อจฺฉินฺทนฺตสฺส ทุกฺกฏนฺติ ตสฺส วจนสฺส อิทํ วิกปฺปนฺตรฺจ สมฺภวติ, ตสฺมา (ปารา. ๖๓๑ อาทโย) วิกปฺปนฺตรสฺส สมฺภวโต จ น ยุตฺตํ, ยสฺมา อนุปสมฺปนฺนกาเล ทตฺวา อุปสมฺปนฺนกาเล อจฺฉินฺทนฺตสฺส วิสุํ ทุกฺกฏํ น ปฺตฺตํ, ตสฺมา ปุราณจีวรโธวาปนาทิสิกฺขาปเทสุ วิย อปรภาเค อุปสมฺปนฺนตา เจตฺถ ปมาณํ, ตสฺมา ‘‘อุปสมฺปนฺนตา’’ติ องฺเคสุ วุตฺตตฺตา จ ตํ น ยุตฺตนฺติ อตฺโถ. เอตฺถ ‘‘ปจฺจาสีสนฺตสฺเสว ทานมธิปฺเปตํ, น นิสฺสฏฺทาน’’นฺติ ธมฺมสิริตฺเถโร วทติ กิร, วีมํสิตพฺพํ.
จีวรอจฺฉินฺทนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. สุตฺตวิฺตฺติสิกฺขาปทวณฺณนา
๖๓๗. ฉฏฺเ ¶ กิฺจาปิ ‘‘สามํ สุตฺตํ วิฺาเปตฺวา’’ติ วุตฺตํ, มาติกาฏฺกถายํ ปน ‘‘จีวรตฺถาย สามํ วิฺตฺตํ สุตฺต’’นฺติ อวตฺวา เกวลํ ‘‘จีวรตฺถาย วิฺาปิตสุตฺต’’นฺติ องฺเคสุ วุตฺตตฺตา อฺเน จีวรตฺถาย วิฺตฺตํ สุตฺตมฺปิ สงฺคหํ คจฺฉตีติ เวทิตพฺพํ. สามนฺติ เจตฺถ กสฺสจิ นิยมนํ. ‘‘สามํ ¶ วิฺาเปตฺวา’’ติ กิฺจาปิ วุตฺตํ, ตถาปิ ‘‘สามํ วายาเปยฺยา’’ติ อตฺตโน อตฺถาย วายาเปยฺยาติ เอวํ สมฺพนฺโธ, อตฺโถ จ เวทิตพฺโพ, ปาฬิยํ ปน อาสนฺนปเทน โยชนา กตา, ตสฺมา สามํ วิฺตฺตํ สุตฺตนฺติ อฺวิฺตฺตํ กปฺปิยํ อาปชฺชติ, หตฺถกมฺมยาจนวเสน ลทฺธตนฺตวาโยปิ กปฺปิโย. วิกปฺปนุปคปจฺฉิมปฺปมาณํ เจ, ตนฺเต วีตํเยว สกึ อธิฏฺาตพฺพํ, ปุน อธิฏฺานกิจฺจํ นตฺถิ อธิฏฺิเตน เอกีภาวูปคมนโต. ‘‘สเจ ปน ปริจฺเฉทํ ทสฺเสตฺวาว จินสาฏกํ วิย, อนฺตรนฺตรา อธิฏฺิตํ โหติ, ปุน อธิฏฺาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘ปฏิลาเภนาติ วจเนน วายาเปตฺวา เปสฺสามีติอาทิ เอกสฺมึ อนฺโตคธํ โหตี’’ติ วทนฺติ.
สุตฺตวิฺตฺติสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. มหาเปสการสิกฺขาปทวณฺณนา
๖๔๒. วิสิฏฺํ กปฺปฺจ ตสฺส วจเนน วิสิฏฺํ กตฺจ ปมาณํ, น อามิสทานํ. เกสุจิ โปตฺถเกสุ ‘‘จีวร’’นฺติ อุทฺธริตฺวา วิภาโค วุตฺโต, ตํ น สเมตีติ.
มหาเปสการสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. อจฺเจกจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา
๖๔๖. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อจฺเจกจีวรํ ปฏิคฺคเหตฺวา นิกฺขิปิตุ’’นฺติ, ‘‘ยาว ปวารณา ปวาริตา’’ติ จ ยํ วุตฺตํ, เต ปน ภิกฺขู ตสฺส วจนสฺส อตฺถํ มิจฺฉา คเหตฺวา อจฺเจกจีวรํ นิกฺขิปนฺตา จีวรกาลสมยํ อติกฺกาเมสุํ. กิมิทํ วิภตฺตํ, อุทาหุ อวิภตฺตนฺติ? วิภตฺตํ, ปุคฺคลิกํ วา. เตเนว ปรโต ‘‘อมฺหากํ, อาวุโส, อจฺเจกจีวรานี’’ติ วุตฺตํ, อวิภตฺตํ ปน สงฺฆิกตฺตา น กสฺสจิ นิสฺสคฺคิยํ กโรติ.
อปิจ ¶ ‘‘อจฺเจกจีวรํ ปฏิคฺคเหตฺวา นิกฺขิปิตุ’’นฺติ อิมินา สามฺวจเนน วสฺสูปนายิกทิวสโต ปฏฺาย, ปิฏฺิสมยโต ปฏฺาย วา ยาว ปวารณา ¶ นิกฺขิปิตุํ วฏฺฏติ เอว สงฺฆิกตฺตา, ปุคฺคลิกมฺปิ ‘‘วสฺสํวุตฺถกาเล คณฺหถา’’ติ ทินฺนตฺตา. ตาทิสฺหิ ยาว วสฺสํวุตฺโถ โหติ, ตาว น ตสฺเสว, ทายกสฺส สนฺตกํ โหติ, ตถา อิโต ตติยวสฺเส, จตุตฺถวสฺเส วา ‘‘ปวารณาย คณฺหถา’’ติอาทินา ทินฺนมฺปิ นิกฺขิปิตฺวา ยถาทานเมว คเหตพฺพํ. อยมตฺโถ อฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๖๔๖-๙ อาทโย) ปากโฏ. ตานิ จีวรกาลสมยาติกฺกเม น นิสฺสคฺคิยานีติ เจ? น, อุทฺทิสฺส ทินฺนตฺตา. ยสฺมา อยํ สมโย ‘‘กาเลปิ อาทิสฺส ทินฺน’’นฺติ เอตฺถ ‘‘กาโล’’ติ อาคโต, คณโภชนสิกฺขาปทาทีสุ ‘‘สมโย’’ตฺเวว อาคโต, ตสฺมา อิธ เตสํ เอกตฺถตาทสฺสนตฺถํ เอกโต ‘‘จีวรกาลสมโย’’ติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. มาติกายํ ปเนตฺถ ตาทิสํ จีวรํ อตฺตโน สนฺตกภาวํ อุปคตํ ปุคฺคลิกํ สนฺธาย วุตฺตํ, เตเนวาห ‘‘ภิกฺขุโน ปเนว อจฺเจกจีวรํ อุปฺปชฺเชยฺยา’’ติ. อตฺตโน กุฏิยา วสฺสํวุตฺถสฺส ภิกฺขุโน หิ ทาตุํ อลภนฺโต อนฺโตวสฺเส เอว ทานกิจฺจํ ปรินิฏฺาเปตฺวา คจฺฉติ, ตถา สงฺฆสฺส. ตสฺมา อิทํ อจฺเจกจีวรํ อตฺถิ อุปฺปนฺนกาลโต ปฏฺาย สงฺฆสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา สนฺตกภาวํ อุปคจฺฉนฺตํ, ยํ น วสฺสาวาสิกภาเวน ทินฺนํ, อตฺถิ อุปฺปนฺนกาลโต ปฏฺาย อนุปคนฺตฺวา วสฺสํวุตฺถกาเลเยว ปุคฺคลสฺส วา สงฺฆสฺส วา อุปคจฺฉนฺตํ, ยํ วสฺสาวาสิกภาเวน อุปฺปชฺชิตฺวา สมเย ทินฺนํ, อตฺถิ สมเย ทินฺนมฺปิ ปุคฺคลสฺส สนฺตกภาวํ อนุปคจฺฉนฺตํ, สงฺฆสนฺตกภาวํ วา ทายกสนฺตกภาวํ วา อุปคจฺฉนฺตํ, อีทิสํ สนฺธาย ‘‘สฺาณํ กตฺวา นิกฺขิปิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. อิทํ อติเรกสํวจฺฉรมฺปิ นิกฺขิปิตุํ ลภติ อตฺตโน สนฺตกภาวํ อนุปคตตฺตา, ตสฺมา ‘‘ทสาหานาคต’’นฺติ อิโต อฺํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ สิทฺธเมตนฺติ. ทสาหโต ปุเรตรํ ลภิตฺวา ยาว ปวารณา นิกฺขิปิตุํ น ลภติ, ตสฺมา สกภาวูปคตเมว อธิฏฺาตพฺพํ, ตํเยว สนฺธาย ‘‘ทสาหานาคต’’นฺติ วุตฺตํ, ยโต ‘‘อนฺโตสมเย อธิฏฺเติ, วิกปฺเปตี’’ติ อนาปตฺติวาเร วุตฺตํ. สฺาณํ กตฺวา นิกฺขิปิตพฺพกํ ปน ปรสฺส ทาตพฺพตาย สกภาวํ อนุปคตํ, น หิ ตํ สนฺธาย ‘‘อธิฏฺเติ, วิกปฺเปตี’’ติ สกฺกา วตฺตุํ, น จ ตํ อิมสฺมึ อตฺเถ นิสฺสคฺคิยํ โหติ สงฺฆสฺส นิสฺสคฺคิยาภาวโต, อฏฺกถายมฺปิ อยมตฺโถ สุฏฺุ ปากโฏว. กตมํ สฺาณํ กตฺวา นิกฺขิปิตพฺพนฺติ เจ? ปรสนฺตกํ จีวรํ สงฺฆิกเมว ¶ โหติ, ตโต ‘‘สลฺลกฺเขตฺวา สุขํ ทาตุํ ภวิสฺสตี’’ติ อิมินา หิ ปรสฺส สนฺตกภาโว ทสฺสิโต.
‘‘ตโต ปรํ เอกทิวสมฺปิ ปริหาโร นตฺถีติ ทสาหปรมโต อุทฺธํ อนุปคตตฺตา’’ติ ลิขิตํ, อิโต สมยโต อุทฺธเมว ทสาหสฺส อนุปคตตฺตา สมยโต ปรํ ทสาหํ น ลภตีติ กิรสฺส ¶ อธิปฺปาโย. ‘‘เอตํ ปริหารํ ลภติเยวา’’ติ เอตฺถ ‘‘เอกาทสมํ อรุณํ จีวรมาเส อุฏฺเตี’’ติ การณํ ลิขิตํ. อนุคณฺิปเท ปน ‘‘อนธิฏฺหิตฺวา เอกาทสทิวเส นิกฺขิปิตุํ ลภตี’ติ วทนฺโต ภควา อิตรมฺปิ อนจฺเจกจีวราทึ อนุชานาติ, อจฺเจกจีวรมุเขนาติ อปเร’’ติ วุตฺตํ. เอตฺถ กตรํ สุภาสิตํ? อุภยมฺปีติ เอเก. กถํ? ปมํ ‘‘อจฺเจกจีวรสฺส อนตฺถเต กถิเน ทสทิวสาธิโก มาโส, อตฺถเต กถิเน ทสทิวสาธิกา ปฺจมาสา’’ติ อิมินา สเมติ, อนุคณฺิปทลทฺธิยา หิ เอตฺถ ‘‘เอกาทสทิวสาธิโก’’ติ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติ, ทุติยํ ‘‘ทสาหานาคตนฺติ…เป… ทสาเหน อสมฺปตฺตาติ อตฺโถ’’ติ อิมินา สเมติ. อิมสฺส นยสฺส วเสน ‘‘ปฺจมิโต ปฏฺาย อุปฺปนฺนสฺส จีวรสฺส นิธานกาโล ทสฺสิโต โหตี’’ติ ปาโ ยุชฺชติ. ตถา คณฺิปทลทฺธิยา ‘‘นวาหานาคตํ กตฺติกเตมาสิกปุณฺณม’’นฺติ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติ, ตสฺส วเสน ‘‘กามฺเจส ทสาหปรมํ อติเรกจีวรํ ธาเรตพฺพนฺติ อิมินาว สิทฺโธ, อฏฺุปฺปตฺติวเสน ปน อปุพฺพํ วิย อตฺถํ ทสฺเสตฺวา สิกฺขาปทํ ปิต’’นฺติ อยํ ปาโ ยุชฺชติ. โก ปเนตฺถ สาโรติ? โย ปจฺฉา วุตฺโต, โสว สาโร. เตเนว อฏฺกถาจริเยน ‘‘ปฺจมิโต ปฏฺายา’’ติ วุตฺตํ. โปราณคณฺิปเทหิ อฏฺกถาย จ สทฺธึ สํสนฺทนโต, ‘‘ทสาหานาคต’’นฺติ ปาฬิยา สํสนฺทนโต จ เอตฺถ คณฺิปทลทฺธิปิ ปาฬิยา สเมติ.
กถํ? ยสฺมา ปวารณาทิวเส อรุณุคฺคมเน ภิกฺขุ วสฺสํวุตฺโถ โหติ, ตสฺมา อิมินา ทสเมน อเหน สทฺธึ ฉฏฺิโต ปฏฺาย นวทิวสา ทส อหานีติ ทสาหํ, เตน ทสาเหน, สหโยคตฺเถ กรณวจนํ. กตฺติกเตมาสิกปุณฺณมา จีวรสมยํ อสมฺปตฺตาติ กตฺวา ‘‘อนาคตา’’ติ วุจฺจติ. ยถา อปรกตฺติกปุณฺณมาย วสฺสิกสาฏิกํ ปจฺจุทฺธริตฺวา วิกปฺเปนฺโต ‘‘จาตุมาสํ อธิฏฺาตุํ ตโต ปรํ วิกปฺเปตุ’’นฺติ วุจฺจติ ¶ , เอวํสมฺปทมิทนฺติ. เอตฺถ วุจฺจตีติ เจ? น, อิมสฺส นิปฺปโยชนภาวปฺปสงฺคโต. อจฺเจกจีวรปฏิคฺคหณกาลํ นิยมิตนฺติ เจ? น, ‘‘ฉฏฺิโต ปฏฺาย อุปฺปนฺนจีวรํ อจฺเจกเมว น โหติ. ปมกถิเนน สิทฺธตฺตา’’ติ โปราณฏฺกถาคณฺิปเทสุ วุตฺตตฺตา ตโต อุปริ ‘‘อจฺเจกจีวร’’นฺติ วุจฺจติ, ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺส อาปตฺติสงฺคโห จ. น จ สา อาปตฺติ ปาฬิยา, อฏฺกถาย, ยุตฺติโต วา สมฺภวติ. อฏฺุปฺปตฺติมตฺตวเสน วุตฺตนฺติ เจ? น, ทสาหาธิจฺจการิกา อฏฺุปฺปตฺติปายํ น ทิสฺสติ. ‘‘ภิกฺขู อจฺเจกจีวรํ ปฏิคฺคเหตฺวา จีวรกาลสมยํ อติกฺกาเมนฺตี’’ติ เอตฺถ เอตฺติกา เอว หิ อฏฺุปฺปตฺติ. ตถา หิ ปริวาเร (ปริ. ๔๗-๕๓) ‘‘กิสฺมึ วตฺถุสฺมิ’’นฺติ อารภิตฺวา เอตฺตกเมว วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อจฺเจกจีวรํ จีวรกาลํ นาติกฺกาเมตพฺพํ, อิตรํ อติกฺกาเมตพฺพนฺติ ทสฺสนตฺถํ อิทํ ปฺตฺตนฺติ เจ? น, อจฺเจกจีวรสฺเสว อปราธทสฺสนโต, วิเสสการณาภาวา ¶ , ‘‘กามฺเจส ทสาหปรมํ อติเรกจีวรํ ธาเรตพฺพนฺติ อิมินาว สิทฺโธ’’ติอาทิวจนวิโรธโต จ ยถาวุตฺตวจนาสมฺภวโต จ.
กถํ? ทสาเหน สห กตฺติกปุณฺณมา ‘‘อนาคตา’’ติ หิ วุตฺเต ทสาหโต อฺา สา ปุณฺณมาติ อาปชฺชติ. อนฺา เจ, สห-สทฺโท น สมฺภวติ, น หิ อตฺตนาว อตฺตโน โยโค สมฺภวติ, อนาคต-สทฺโท จ น สมฺภวติ. อาคตา สมฺปตฺตา เอว หิ สา ปุณฺณมา. จีวรสมยสฺส อนนฺตรตฺตา เอกีภาวํ อนาคตตฺตา อนาคตาเยวาติ เจ? น, ตถาปิ อนาคต-สทฺทสฺส สมฺภวโต, อาคมนสมฺภเว สติเยว หิ อนาคต-สทฺโท สมฺภวติ, น หิ นิพฺพานํ, ปฺตฺติ วา ‘‘อนาคตา’’ติ วุจฺจติ. นิพฺพานํ วิย ขณตฺตยํ, สา จ ปุณฺณมา น กทาจิ สมยภาวํ ปาปุณาตีติ อยุตฺตเมว. ‘‘ตโต ปรํ วิกปฺเปตุ’’นฺติ ปน วจนํ ปิฏฺิสมยํ คเหตฺวา ิตตฺตา สมฺภวติ. อปิจ ปวารณายํ อรุเณ จ อุฏฺิเต สา ปุณฺณมา จีวรสมยํ เอกาหานาคตา เอวาปชฺชติ ปุพฺเพ สหโยคปตฺตตฺตา. เอวํ สนฺเต เอกีภาวคตาปิ สา จีวรสมยํ อนาคตา เอว ชาตาติ สพฺพทา น ตถาวิคฺคหกรณวจนตฺถํ โกจิเทว วจนโต ทีเปตีติ เวทิตพฺพํ.
กิมตฺถํ ¶ ปเนตฺถ ‘‘ทสทิวสาธิโก มาโส’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ? ตํ ปาริปูริสมฺภวโต. ปฺจมิยฺหิ ปุเร อรุณํ อุปฺปนฺนอจฺเจกจีวรสฺส ทสทิวสาธิโก มาโสเยว ปริปูโรติ กตฺวา ตถา วุตฺตํ. อปิจ ตสฺสา ปฺจมิยา ทิวสภาโคปิ สมฺปตฺตาย รตฺติยา ‘‘หิยฺโย’’ติ วุจฺจติ, ปเคว ปุเร อรุณํ, เตเนวาห ‘‘หิยฺโย โข, อาวุโส, อมฺหาก’’นฺติอาทิ. ‘‘เอวํ สนฺเต ‘ฉฏฺิโต ปฏฺายา’ติ วุตฺตปมปาสฺส วเสน ‘อนจฺเจกจีวรมฺปิ ปจฺจุทฺธริตฺวา ปิตํ ติจีวรมฺปิ เอตํ ปริหารํ ลภติเยวา’’’ติ จ ‘‘ทสทิวสาธิโก มาโส’’ติอาทิ จ ยํ ลิขิตํ. ตํ น, ‘‘ปฺจมิโต ปฏฺายา’’ติ ปาเ สชฺชิเตว เอเตน ปริยาเยน ยถาวุตฺตอตฺถสมฺภวโต, น ตานิ านานิ ปุน สชฺชิตานิ. ยถาิตวเสเนว อชฺฌุเปกฺขิตพฺพานีติ โน ตกฺโกติ อาจริโย. อิทํ สิกฺขาปทํ ปุณฺณมายํ อนิสฺสคฺคิยตฺถเมวาติ อุปติสฺสตฺเถโร. ‘‘ปวารณามาสสฺส ชุณฺหปกฺขปฺจมิโต ปฏฺายา’’ติ ปาเ สชฺชิเต เอเตน ปริยาเยน ยถาวุตฺโต อุปฺปนฺนสฺส จีวรสฺส นิธานกาโล ทสฺสิโต โหติ, ‘‘อจฺเจกจีวรนฺติ อจฺจายิกจีวรํ วุจฺจตี’’ติอาทิ ปาโ. ‘‘ฉฏฺิโต ปฏฺายา’’ติ จ ‘‘กามฺเจส ทสาหปรม’’นฺติอาทิ จ ยํ ลิขิตํ, ตํ น ปาโ, ตสฺมา เอกาทสทิวสํ ปริหารํ ลภตีติ กตฺวา อาจริเยน ‘‘ปฺจมิโต ปฏฺายา’’ติ ลิขาปิโต กิร. ‘‘ปวารณามาสสฺส ชุณฺหปกฺขฉฏฺิโต ปฏฺาย ปน อุปฺปนฺนํ อนจฺเจกจีวรมฺปิ ปจฺจุทฺธริตฺวา ปิตํ ¶ ติจีวรมฺปิ เอตํ ปริหารํ ลภติเยวาติ ปาโ’’ติ จ ‘‘อจฺเจกจีวรสฺส อนตฺถเต กถิเน เอกาทสทิวสาธิโก มาโส, อตฺถเต กถิเน เอกาทสทิวสาธิกา ปฺจมาสาติ ปาโ’’ติ จ เอตฺถ ปปฺเจนฺติ, ตสฺมา สุฏฺุ สลฺลกฺเขตฺวา กเถตพฺพํ, ตุณฺหีภูเตน วา ภวิตพฺพํ.
อจฺเจกจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. สาสงฺกสิกฺขาปทวณฺณนา
๖๕๒. ‘‘ติณฺณํ จีวรานํ อฺตรํ จีวรนฺติ อิทํ ติจีวเร เอว อยํ วิธิ, อิตรสฺมึ ยถาสุขนฺติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ. ‘‘อติเรกฉารตฺตํ วิปฺปวสนฺตี’’ติ ตสฺมึเยว เสนาสเน วาโส น วิปฺปวาโสติ กตฺวา วุตฺตํ. กสฺมา? จีวรปฺปวตฺติชานนโต. เอตฺถ กิฺจาปิ ‘‘อารฺกํ นาม ¶ เสนาสนํ ปฺจธนุสติกํ ปจฺฉิม’’นฺติ วจนโต อติเรกโตปิ วุตฺตํ, อารฺกเมว ปน เสนาสนํ โหติ, ธุตงฺคํ รกฺขติ จีวรปฺปวตฺติชานนปลิโพธสมฺภวโต.
๖๕๓. ‘‘คาวุตโต อติเรกปฺปมาเณน ลภตี’’ติ ยํ วุตฺตํ, ตํ กถํ ปฺายตีติ เจ? ‘‘สิยา จ ตสฺส ภิกฺขุโน โกจิเทว ปจฺจโย เตน จีวเรน วิปฺปวาสายา’’ติ วจนโต. โยชนปฺปมาเณปิ สิยาติ เจ? น, ‘‘ปุน คามสีมํ โอกฺกมิตฺวา วสิตฺวา ปกฺกมตี’’ติ อนาปตฺติวาเร อนฺุาตตฺตา. ยทิ เอวํ ‘‘โยชนปฺปมาเณ น ลภตี’’ติ อิทํ กินฺติ? อิทํ นิพทฺธาวาสวเสเนว วุตฺตํ. ตตฺถ ธุตงฺคํ ภิชฺชตีติ? น ภิชฺชติ, กินฺตุ น อิธ ธุตงฺคาธิกาโร อตฺถีติ. อถ กสฺมา ‘‘อยํ ธุตงฺคโจโรติ เวทิตพฺโพ’’ติ วุตฺตนฺติ? อสมฺภวโต. กถํ ปฺายตีติ? องฺเคสุ อภาวโต. ธุตงฺคธรสฺส ปติรูปเสนาสนทีปนโต ธุตงฺคธรตา ตสฺส สิทฺธา. วจนปฺปมาณโตติ เจ? น, วจนปฺปมาณโต จ ปาฬิเยว ปมาณํ. ‘‘อนาปตฺติ ปุน คามสีมํ โอกฺกมิตฺวา วสิตฺวา ปกฺกมตี’’ติ หิ วุตฺตํ. คามสีมา นิกฺขมิตฺวา กิตฺตกํ กาลํ วสิตฺวา ปกฺกมิตพฺพนฺติ เจ? ปุนทิวเสเยว, ตสฺมา อฏฺโม อรุโณ นิพทฺธาวาเส วา คนฺตพฺพฏฺาเน วา อุฏฺเตพฺโพติ เอเก. อนฺโตฉารตฺตนฺติ เอเก. ยาว นิพทฺธาวาสํ น กปฺเปตีติ เอเก. ยาว มคฺคปริสฺสมวิโนทนาติ เอเก. สติ อนฺตราเย อนฺโตฉารตฺตํ วสติ, อนาปตฺติ. นิพทฺธาวาสกปฺปเน สติ อรุณุคฺคมเน อาปตฺติ. สเจ ตํสตฺตโม ทิวโส, ตทเหว นิกฺขิตฺตจีวรํ คเหตพฺพํ, ปจฺจุทฺธริตพฺพํ วาติ เอเก. สเจ อนฺตรา ¶ นวมคฺคปาตุภาเวน วา นวคามสนฺนิเวเสน วา, ตํ เสนาสนํ องฺคสมฺปตฺติโต ปริหายติ. ตทเหว จีวรํ คเหตพฺพํ วา ปจฺจุทฺธริตพฺพํ วา. ฉารตฺตํ วิปฺปวสนฺตสฺส เจ ปริหายติ, อนาปตฺติ อนฺุาตทิวสตฺตาติ เอเก. อาปตฺติ เอว อนงฺคสมฺปตฺติโตติ เอเก. ยุตฺตตรํ ปเนตฺถ วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ. สเจ ธุตงฺคธโร โหติ, คามสีมายํ อวสิตฺวา ปจฺฉิมปฺปมาณยุตฺเต าเน วสิตฺวา ปกฺกมิตพฺพํ. ปมํ พทฺธอวิปฺปวาสสีโม เจ คาโม โหติ, อฺสฺมิมฺปิ มาเส อนฺโตสีมาย วสโต อนาปตฺติ. โปราณคณฺิปเท ‘‘ยถาวุตฺตเสนาสเน วสนฺเตนาปิ ฉารตฺตเมว จีวรํ คาเม นิกฺขิปิตพฺพนฺติ อธิปฺปาเยน อฺํ อนฺโตฉารตฺตมฺปิ อฺมฺปิ วสโต อาปตฺติเยวา’’ติ วุตฺตํ.
สาสงฺกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ปริณตสิกฺขาปทวณฺณนา
๖๕๗. เทถาวุโส ¶ อมฺหากนฺติ เอตฺถ อกตวิฺตฺติ โหติ น โหตีติ? โหติ, ยทิ เอวํ อฺาตกวิฺตฺติสิกฺขาปทสฺส จ อิมสฺส จ กึ นานากรณนฺติ? ตํ อฺาตกอปฺปวาริเตเยว วิฺาเปนฺตสฺส, อิทํ าตกปวาริเตปิ, ตํ อนจฺฉินฺนจีวรสฺเสว, อิทํ ตสฺสปิ, ตํ จีวรํเยว วิฺาเปนฺตสฺส, อิทํ อจีวรมฺปิ. เอวํ สนฺเต อิทํ ตํ อนฺโตกตฺวา ิตํ โหติ, ตสฺมา ทฺวินฺนมฺปิ องฺคสมฺปตฺติยา สติ เกน ภวิตพฺพนฺติ? อิมินา ภวิตพฺพํ อิมสฺส นิปฺปเทสโตติ เอเก. ทฺวีหิปิ ภวิตพฺพํ อุภินฺนมฺปิ องฺคสิทฺธิโตติ เอเก. อิมานิ ตสฺส องฺคานิ วิกปฺปนุปคจีวรตา, สมยาภาโว, อฺาตกวิฺตฺติ, ตาย จ ปฏิลาโภติ จตฺตาริ. อิมสฺส ปน สงฺเฆ ปริณตภาโว, ตฺวา อตฺตโน ปริณามนํ, ปฏิลาโภติ ตีณิ. เอตฺถ ปโม วาโท อยุตฺโต กตฺวาปิ โอกาสํ อฏฺกถายํ, ปริวาเร จ อวิจาริตตฺตา. ยทิ เอวํ ตตฺถ องฺเคสุ ‘‘อนฺปริณตตา’’ติ วตฺตพฺพนฺติ เจ? น วตฺตพฺพํ, อตฺถโต สิทฺธตฺตา. ปริณตสิกฺขาปททฺวยสิทฺธิโต, ปริณตสฺิโต, อาปตฺติสมฺภวโต จ ‘‘มยฺหมฺปิ เทถา’’ติ วทติ, ‘‘วฏฺฏตี’’ติ อนุทฺทิฏฺํ, ‘‘อมฺหากมฺปิ อตฺถี’’ติ วุตฺตตฺตา วฏฺฏติ. ‘‘สงฺฆสฺส ปริณตํ…เป… อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ เอตฺถ ‘‘ปุคฺคลสฺสา’’ติ น วุตฺตํ, ยโต สุทฺธปาจิตฺติยวเสน อาคตตฺตา. ‘‘อฺเจติยสฺสา’’ติ น วุตฺตํ สงฺฆสฺส อเจติยตฺตา, ตสฺมาเยว ‘‘เจติยสฺส ปริณตํ…เป… อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ เอตฺถาปิ ‘‘อฺสงฺฆสฺส อฺปุคฺคลสฺสา’’ติ น วุตฺตํ. ‘‘ยโต ตถา อิธ จ ‘ปุคฺคลสฺส ปริณตํ…เป… อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’ติ เอตฺถ จ ‘อตฺตโนปี’ติ กิฺจาปิ น วุตฺตํ, ตถาปิ สมฺภวตี’’ติ วทนฺติ. ตํ ¶ ปน อิธ อตฺตโน ปริณามนาธิการตฺตา อิมสฺส สิกฺขาปทสฺส น วุตฺตนฺติ เอเก. ตตุตฺตริสิกฺขาปเท ‘‘อฺสฺสตฺถายา’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๒๖) ปทํ วิยาติ เอเก. ตํ น, เอตฺถ ปุคฺคลปริณามนสิกฺขาปเท อวุตฺตตฺตา. ธมฺมสิริตฺเถโร ปนาห –
‘‘อตฺตโน อฺโต ลาภํ, สงฺฆสฺสฺสฺส วา นตํ;
ปริณาเมยฺย นิสฺสคฺคิ, ปาจิตฺติยมฺปิ ทุกฺกฏ’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ – สงฺฆสฺส ปริณตํ อตฺตโน ปริณาเมยฺย นิสฺสคฺคิยํ. ตเทว อฺโต ปริณาเมยฺย ปาจิตฺติยํ. อฺสฺส ปริณตํ อตฺตโน วา ¶ ปรสฺส วา ปริณาเมยฺย ทุกฺกฏนฺติ, ตสฺมา อฺาตกวิฺตฺติอาทีสุ วุตฺตาปตฺติสมฺภวโต อิธ ปริณตทฺวเย ‘‘อตฺตโน’’ติ ปทํ น วุตฺตํ. ตสฺมิฺหิ วุตฺเต ทุกฺกฏมตฺตปฺปสงฺโค สิยา, อวุตฺเต ปเนเตสุ วุตฺตาปตฺตีนํ ยถาคมมฺตรา จ อิธ อวุตฺตสิทฺธิ ทุกฺกฏฺจาติ ทฺเว อาปตฺติโย เอกโต โหนฺตีติ วินยธรานํ อนวเสสาณสฺส โอกาโส กโต โหตีติ.
อิติ ตึสกกณฺฑํ สารมณฺฑํ,
อลเมตํ วินยสฺส สารมณฺเฑ;
อิธ นิฏฺิตสพฺพสารมณฺฑํ,
วินยวเสน ปุนาติ สารมณฺฑนฺติ.
ปริณตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิฏฺิโต ปตฺตวคฺโค ตติโย.
นิสฺสคฺคิยวณฺณนา นิฏฺิตา.