📜

มหาวคฺควณฺณนา

๑. มหาขนฺธกวณฺณนา

โพธิกถาวณฺณนา

ยํ ขนฺธเก ลีนปทาทิเภท-ปกาสนํ ทานิ สุปตฺตกาลํ;

ตสฺมา อปุพฺพํ วินยตฺถเมว, วกฺขามิ สงฺเขปคหณตฺถํ.

ตตฺถ เกนฏฺเนายํ ขนฺธโกติ? ขนฺธานํ สมูหตฺตา วิภงฺโค วิย. เต ปน กถนฺติ? ขนฺธานํ ปกาสนโต ทีปนโต. ขนฺธาติ เจตฺถ ปพฺพชฺชาทิวินยกมฺมสงฺขาตา, จาริตฺตวาริตฺตสิกฺขาปทสงฺขาตา จ ปฺตฺติโย อธิปฺเปตา. ปพฺพชฺชาทีนิ หิ ภควตา ปฺตฺตตฺตา ‘‘ปฺตฺติโย’’ติ วุจฺจนฺติ. ปฺตฺติยฺจ ขนฺธ-สทฺโท ทิสฺสติ ‘‘ทารุกฺขนฺโธ อคฺคิกฺขนฺโธ อุทกกฺขนฺโธ’’ติอาทีสุ วิย. เตสํ ปฺตฺติสงฺขาตานํ ขนฺธานํ ปกาสนโต วณฺณนโต ปพฺพชฺชกฺขนฺธกาทโย วีสติ ‘‘ขนฺธกา’’ติ วุตฺตา, อวสาเน ทฺเว ตํสทิสตฺตา เวลาย สทิสตฺตา สีลสฺส เวลาติ วจนํ วิย. อปิจ ภาคราสตฺถตาเปตฺถ ยุชฺชเต เตสํ ปฺตฺตีนํ ภาคโต จ ราสิโต จ วิภตฺตตฺตา. กึ ปเนเตสํ ขนฺธกานํ อนุปุพฺพการณนฺติ? นายํ ปุจฺฉา สมฺภวติ, อฺถา วุตฺเตสุปิ ตปฺปสงฺคานติกฺกมนโต. อถ วา ปพฺพชฺชุปสมฺปทาปุพฺพงฺคมตฺตา สาสนปฺปเวสนสฺส ตทตฺถสงฺคหโก มหาขนฺธโก ปมํ วุตฺโต. เกนาติ เจ? ธมฺมสงฺคาหกตฺเถเรหิ. ภควตา ปน ตตฺถ ตตฺถ อุปฺปนฺนวตฺถุํ ปฏิจฺจ ตถา ตถา วุตฺตานิ, น อิมินา อนุกฺกเมน. เถรา ปน ตํ ตํ ปโยชนํ ปฏิจฺจ สมานชาติเก เอกชฺฌํ กตฺวา อนุกฺกเมน สชฺฌายึสุ. เสสานํ ปโยชนํ ตตฺถ ตตฺเถว อาวิ ภวิสฺสติ.

ขนฺธโกวิทาติ ปฺตฺติภาคราสฏฺเน เนสํ ขนฺธตฺถโกวิทา, นิรุตฺติปฏิสมฺภิทาปารปฺปตฺตาติ อตฺโถ. เตสํ อนุตฺตานตฺถานํ ปทานํ สํวณฺณนา. กสฺมา ปเนวํ วิเสสิตนฺติ? ตโต เสสภาคา ยุตฺตา. มาติกาฏฺุปฺปตฺติคฺคหณมฺเปตฺถ ปทภาชนิยคฺคหเณเนว เวทิตพฺพํ. เยหิ อตฺถา เยสํ ปทวิเสสานํ อฏฺกถายํ ปกาสิตา, เตสํ เต ปทวิเสเส ปุน อิธ วเทยฺยาม, วณฺณนาย ปริโยสานํ กทา ภเว เต เต อตฺเถติ วุตฺตํ, ตํ ตสฺส นิทฺเทเสน ยุชฺชติ. อุตฺตานา เจว ยา ปาฬิ, ตสฺสา สํวณฺณนาย กินฺติ วตฺตพฺพํ? น หิ อตฺถา อุตฺตานาติ สมฺภวติ. อธิปฺปายานุสนฺธีหีติอาทิวจเนหิปิ ตํ วจนํ สมฺภวตีติ เจ? น, อตฺถคฺคหเณน เจตฺถ ปทวิเสสานํ คหิตตฺตา. เต หิ อตฺถโต อนเปตตฺเถน, อภิธานตฺเถน วา อตฺโถปจาเรน วา อตฺถาติ เวทิตพฺพา. สํวณฺณนานโยติ สํวณฺณนา นาม อวุตฺเตสุ อุหาโปหกฺกมนิทสฺสนโต ‘‘นโย’’ติ วุตฺโต.

. อุรุเวลาติ ยถาวุตฺตวาลิกราสิวเสน ลทฺธนามโก คาโม, ตสฺมา สมีปตฺเถ เอตํ ภุมฺมํ. ตถาภาวทสฺสนตฺถํ ‘‘นชฺชา เนรฺชราย ตีเร’’ติอาทิ วุตฺตํ. อฺถา ตสฺมึ วาลิกราสิมฺหิ วิหรตีติ อาปชฺชติ, ‘‘อุรุเวลํ ปิณฺฑาย ปาวิสีติ เยน อุรุเวลเสนานิคโม’’ติอาทิวจนวิโรโธ จ. อฏฺกถายํ ปน มูลการณเมว ทสฺสิตํ. ตตฺถ ตํ สนฺธาย วุตฺตํ…เป… ทฏฺพฺโพติ นิคมนวจนํ. ตํ กิมตฺถนฺติ เจ? คามํ สนฺธาย ยถาวุตฺตปทตฺถสมฺภวทสฺสนตฺถํ. ‘‘โส ปน คาโม ตทุปจาเรน เอวํ นามํ ลภตี’’ติ วจนํ ปน อวุตฺตสิทฺธนฺติ กตฺวา น วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ, อถ วา ยสฺส ‘‘อุรุเวลา’’ติ ยถาวุตฺตวาลิกราสิสฺส, ตสฺส สมีปคามสฺสปิ นามํ. ตตฺถ อายสฺมา อุปาลิตฺเถโร น อิธ คามํ สนฺธาย ‘‘อุรุเวลายํ วิหรตี’’ติ อาห โคจรคามปโยชนาภาวโต. น หิ ภควา ตํ คามํ โคจรํ กตฺวา ตทา ตตฺถ วิหาสิ, ตสฺมา เอตฺถ วาลิกราสิสฺส สมีเป โพธิรุกฺขมูเล วิหารํ สนฺธาย โส เอวมาหาติ ทสฺเสตุกาโม อฏฺกถาจริโย เอวมาหาติ เวทิตพฺพํ, ตสฺมา ภควโต คามโต ทูรตเร อรฺเ อภิสมฺโพธิทีปเนน ทุติยุปฺปตฺติฏฺานนิยมํ ตีหิ ปเทหิ อกาสิ เถโรติ เวทิตพฺพํ, อฺถา ปทตฺตยวจนปโยชนาภาวโต. ตตฺถ นทนฺตา คจฺฉตีติ นที. เนลฺชลายาติ วตฺตพฺเพ -การสฺส -การํ กตฺวา ‘‘เนรฺชรายา’’ติ วุตฺตํ, กทฺทมเสวาลวิรหิตตฺตา นิทฺโทสชลายาติ อตฺโถ, นีลชลายาติ ตสฺสา นามเมว วา เอตํ.

โพธิรุกฺขมูเลติ เอตฺถ จ โพธิ วุจฺจติ อภิสมฺโพโธ. โส จ อตฺถโต ภควโต จตุตฺถมคฺคาณํ โหติ ‘‘วิโมกฺขนฺติกเมตํ นาม’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๖๒) ปฏิสมฺภิทาวจนโต. กิฺจาปิ ตํ นามกรณภูตํ จตุตฺถผลาณมฺปิ วตฺตุํ สมฺภวติ, กตฺตพฺพกิจฺจานํ ปน กรณโต ตํ จตุตฺถมคฺคาณเมว เอตฺถ โพธีติ เวทิตพฺพํ. เตเนว ปาฬิยํ ‘‘ตติยวิชฺชาย อาสวานํ ขยาณายา’’ติ ตเทว ทสฺสิตํ. อฏฺกถายํ ปน ‘‘โพชฺฌงฺคา’’ติ, ‘‘โพธิปกฺขิยา ธมฺมา’’ติ จ. ตตฺถ ยสฺมา จตูสุ มคฺเคสุ าณํ ‘‘โพธี’’ติ วุจฺจติ, ตสฺมา สามฺโต วตฺตุกามตาธิปฺปายวเสน ‘‘โพธิ วุจฺจติ จตูสุ มคฺเคสุ าณ’’นฺติ (จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิทฺเทส ๑๒๑) วุตฺตํ อิธาธิปฺเปตาณสฺสปิ ตทนฺโตคธตฺตา. อถ วา ปาฬิยํ ภควโต อาทิมคฺคตฺตยวจนสฺส วุตฺตฏฺานาภาวา จตุตฺถมคฺคาณเมว ภควโต อุปฺปนฺนํ, น ภควา โสตาปนฺนาทิภาวํ ปตฺวา พุทฺโธ ชาโตติ สมยนฺตรปฺปสงฺคนิวารณตฺถํ ‘‘จตูสู’’ติ วุตฺตํ อาทิตฺตยสฺส จตุตฺถอุปนิสฺสยสมฺภเวน โพธิปริยายสิทฺธิโต. ‘‘ปุคฺคโลปิ เสนาสนมฺปิ อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๙ ปจฺจยนิทฺเทส) วจนโต ผลเหตุโก ผลชนโก รุกฺโข ผลรุกฺโขติ วิย โพธิเหตุรุกฺโข โพธิรุกฺโขติ เวทิตพฺโพ. เอตฺถ ‘‘ยสฺมา เกวลํ โพธีติ รุกฺขสฺสปิ นามํ, ตสฺมา โพธี’’ติ ปรโต วุตฺตํ. นิคฺโรธาทิรุกฺขโต อสฺส วิเสสนวจนํ ปน ตทฺโพธิมูลปฺปสงฺคนิวารณตฺถํ. มคฺคาณฺหิ กุสลมูลตฺตา โพธิ จ ตํ มูลฺจาติ สงฺขฺยํ ลเภยฺย. ปมาภิสมฺพุทฺโธ นิสีทตีติ สมฺพนฺโธ. เตน อภิสมฺพุทฺธทิวเสน สทฺธึ อฏฺาหํ เอกปลฺลงฺเกน นิสินฺนภาวํ ทสฺเสติ. เอตฺถ เอก-สทฺโท ตสฺส นิสชฺชาสงฺขาตสฺส ปพฺพชฺชานุโยคานุรูปสฺส ปลฺลงฺกสฺส อฺเน อิริยาปเถน อนนฺตริยภาวํ อถสฺส อโกปิตภาวํ ทสฺเสติ. วิมุตฺติสุขนฺติ เอตฺถ วิมุตฺติยํ วา สุขนฺติ น สมฺภวติ. ปฺจมชฺฌานิกตฺตา ภควโต ผลสมาปตฺติสงฺขาตา วิมุตฺติ เอว อนุชงฺฆนฏฺเน นิพฺพานสุขนฺติ วิมุตฺติสุขํ, ตํ สมาปชฺชเนน ปฏิสํเวที อนุภวนฺโต นิสีทิ. เวเนยฺยกาลานติกฺกมนโต ตํ อเปกฺขมาโน นิสีทิ, น วิมุตฺติสุขสงฺเคน.

อถ โขติ อธิการนฺตรารมฺเภ นิปาตทฺวยํ. เตน วิมุตฺติสุขํ ปฏิสํเวทยมาโน น ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ มนสากาสิ, กินฺตุ ตโต วุฏฺายาติ ทสฺเสติ . ปฏิเวธวเสเนว สุมนสิกตสฺส ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส ปุนปฺปุนํ มนสิกรณํ คมฺภีรตฺตา อสฺสาทชนนโต, น อปุพฺพนยทสฺสนาธิปฺปายโต. ปจฺจกฺขภูตสพฺพธมฺมตฺตา ภควโต อสมฺโมหโต, ปฏิวิทฺธสฺส วิสยโต วา มนสิกรณํ ปน วิชิตเทสปจฺจเวกฺขณํ วิย รฺโ อปุพฺพํ ปีตึ ชเนติ. วุตฺตฺหิ ‘‘อมานุสี รตี โหติ, สมฺมา ธมฺมํ วิปสฺสโต’’ติ (ธ. ป. ๓๗๓). รตฺติยา ปมํ ยามนฺติ อจฺจนฺตสํโยควเสน อุปโยควจนํ, เตน ตสฺส วิกปฺปนานตฺตตํ ทสฺเสติ. กิฺจาปิ ‘‘อนุโลมปฏิโลมํ มนสากาสี’’ติ เอกโตว วุตฺตํ, ตถาปิ อิมินา อนุกฺกเมนาติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา’’ติอาทิ. ตตฺถ จ กิฺจาปิ ปวตฺติมตฺตปจฺจเวกฺขณา อธิปฺเปตา กถํ ปฺายตีติ? ปมภาวาย, ปฏิโลมมนสิกรณํ ปน อนุโลเม ปจฺจยานํ, ปจฺจยุปฺปนฺนานฺจ ตถาภาวสาธนตฺถํ. ยสฺมา อวิชฺชาย เอว นิโรธา สงฺขารนิโรโธ, น อฺถา, ตสฺมา สงฺขารานํ อวิชฺชา ปจฺจโย, ตสฺสา จ สงฺขารา ผลนฺติ ทีปนโต. ตถา นิพฺพานปจฺจเวกฺขณาย อนุโลมมนสิกรณํ การณนิโรธา ผลนิโรธสาธนตฺถํ. เอตฺถ จ อนุภาวโต นิพฺพานํ ทสฺสิตํ. น หิ ตํ อวิชฺชาทินิโรธมตฺตนฺติ. ตตฺถ ‘‘ยโต ขยํ ปจฺจยานํ อเวที’’ติ วจเนน อนุโลโม นาธิปฺเปโตติ สิทฺธํ. มคฺคปจฺจเวกฺขณาย วตฺตพฺพํ นตฺถิ, อุภยตฺถปิ กิจฺจโต, อารมฺมณโต จ ตสฺส มคฺคสฺส วิสยโต จ ตตฺถ มคฺโค ทสฺสิโต.

ตตฺถาห – ‘‘ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ ปฏิโลมํ มนสากาสี’’ติ น ยุชฺชติ, น หิ ปฏิโลมาปเทเสน นิทฺทิฏฺํ นิพฺพานํ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท ภวิตุมรหตีติ? วุจฺจเต – น, ตทตฺถชานนโต. อนุโลมปฏิโลมนฺติ หิ ภาวนปุํสกํ. อนุโลมโต, ปฏิโลมโต จ ตํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ มนสากาสีติ หิ ตตฺถ อตฺโถ. อฺถา นิโรธสฺส ปฏิโลมปฺปสงฺคาปตฺติเยวาปชฺชติ. ปฏิโลเม จ ปเนตสฺมึ อนุกฺกมนิยโม อนุโลเม อนุกฺกมนิยมโต สิทฺโธติ เวทิตพฺพํ. เอวํ สติ ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส ปฏิโลโม นาม อปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ สิทฺธํ โหติ. เตน วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘นิโรโธ โหตีติ อนุปฺปาโท โหตี’’ติอาทิ. เอวํ สนฺเต ปุพฺพาปรวิโรโธ โหติ. กถํ? ปฏิจฺจาติ หิ อิมินา ผลสฺส ปจฺจยปริคฺคเหน, ปจฺจยานฺจ ปจฺจยายตฺตุปคมเนน ตสฺส อุปฺปาทาภิมุขภาวทีปนโต อสมุปฺปาโท น สมฺภวติ, ตสฺมา อปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ เอวํ อุภยปฏิกฺเขเปน ปนสฺส ปฏิโลมตา เวทิตพฺพาติ เอเก. ตํ อยุตฺตํ ตสฺส อนุโลมภาวนิยมนโต, อตฺถาติสยาภาวโต, ตสฺมา อปฺปฏิจฺจสมุปฺปาโท ตสฺส ปฏิโลโมติ เวทิตพฺพํ. เตเนว ภควตา ปาฬิยํ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนนิโรโธ วุตฺโต. ตตฺถ หิ ‘‘อวิชฺชาย ตฺเวว อเสสวิราคนิโรธา’’ติ เอวํ ปจฺจยสฺส สมุจฺฉินฺนปจฺจยภาววเสน ปจฺจยนิโรธํ, ผลสฺส ปจฺจยปฏิคฺคหาภาววเสน ปจฺจยุปฺปนฺนนิโรธฺจ ทีเปติ. ทุวิโธ ปาฬิยํ นิโรโธ อตฺถโต อนุปฺปาโท นาม โหตีติ กตฺวา อฏฺกถายํ ‘‘นิโรโธ โหตีติ อนุปฺปาโท โหตี’’ติ วุตฺตํ. เอวํ สนฺเต นิพฺพานํ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนานํ นิโรธมตฺตนฺติ อาปชฺชตีติ เจ? น, ตสฺสานุภาวทีปนาธิปฺปายโต. วิทิตเวลายนฺติ มนสิกตเวลายนฺติ อตฺโถ, อฺถา ตโต ปุพฺเพ อวิทิตปฺปสงฺคโต.

ฌายโตติ เอตฺถ กามํ ลกฺขณูปนิชฺฌาเนน ฌายโต โพธิปกฺขิยธมฺมา ปาตุภวนฺติ, จตุอริยสจฺจธมฺมา วา ปกาสนฺติ, ตถาปิ ปุพฺพภาเค สมถาทิยานิกวิภาคทสฺสนตฺถํ อารมฺมณูปนิชฺฌานคฺคหณํ. จตุสจฺจธมฺมคฺคหณํ กามํ อนุโลมปฏิจฺจสมุปฺปาททสฺสนาธิกาเรน วิรุชฺฌติ, ตถาปิ ‘‘โย ทุกฺขํ ปริชานาติ, โส สมุทยํ ปชหตี’’ติ ลทฺธิวเสน กตนฺติ เวทิตพฺพํ.

. ‘‘ปจฺจยกฺขยสฺสา’’ติ กิจฺจปริยายวเสน วุตฺตํ. เตน ปจฺจยนิพฺพานํ, ตทุปนิสฺสยนิพฺพานฺจาติ ทุวิธํ นิพฺพานํ ทสฺสิตํ โหตีติ. กามฺจ ตํ น เกวลํ ปจฺจยกฺขยมตฺตํ กโรติ, อถ โข ปจฺจยุปฺปนฺนกฺขยมฺปิ กโรติ. ยโต อุภินฺนมฺปิ นิโรโธ ทสฺสิโต, ตถาปิ เหตุนิโรธา ผลนิโรโธติ กตฺวา ‘‘ปจฺจยกฺขยสฺสา’’ติ วุตฺตํ. วุตฺตปฺปการา ธมฺมาติ เอตฺถ จตุสจฺจคฺคหณํ ปมคาถายํ วุตฺตนยวิปลฺลาเสน กตนฺติ เวทิตพฺพํ.

. สมุทยนิโรธสงฺขาโต อตฺโถติ เอตฺถ สมุทโย กิจฺจวเสน, นิโรโธ อารมฺมณกิริยาย. เอเตน ทฺวิปฺปการา นิโรธา ทสฺสิตา โหนฺติ ตสฺส อนุภาวสฺส วเสนาติ อตฺโถ. ยสฺมา ปลฺลงฺกาภุชิตฏฺานฺจ ‘‘ปลฺลงฺโก’’ติ วุจฺจติ, ตสฺมา ผลาธิคมฏฺานํ ‘‘ปลฺลงฺก’’นฺติ วุตฺตํ.

อชปาลกถาวณฺณนา

. สมฺโมทีติ หิตกามตาย ภควา เตน พฺราหฺมเณน สทฺธึ สมฺโมทิ. เวเทหิ อนฺตนฺติ เอตฺถ นิพฺพานํ อนฺโต นาม. เวทานํ วา อนฺตํ คตตฺตาติ เอตฺถ อรหตฺตํ. ตตฺถ ปเมน เวทนฺตคู ยสฺมา, ตสฺมา เอว วุสิตพฺรหฺมจริโย. ทุติเยน เวทนฺตคู ยสฺมา, ตสฺมา วุสิตพฺรหฺมจริโยติ เอวํ โยชนา กาตพฺพา. กิฺจาปิ พฺราหฺมณสฺส จตุสจฺจยุตฺตํ อตฺถโต วุตฺตํ, อุทานคาถายํ วุตฺตปฏิเวธาภาวํ สนฺธาย ‘‘ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตน’’นฺติ วุจฺจตีติ ปริหาโร.

อชปาลกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

มุจลินฺทกถาวณฺณนา

. มุจลินฺทวตฺถุมฺหิ เอตมตฺถนฺติ อิทานิ วตฺตพฺพมตฺถํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตํ วิเวกนฺติ อุปธิวิเวกํ . ‘‘อพฺยาปชฺชํ สุขํ โลเก’’ติ อิมินา ปมมคฺคํ ทสฺเสติ เตน สตฺเตสุ มารณวเสน อุปฺปชฺชนกพฺยาปาทปฺปหานสิทฺธิโต. ‘‘ปาณภูเตสุ สํยโม’’ติ อิมินา ทุติยมคฺคํ ทสฺเสติ. มคฺคี หิ ปุคฺคโล อวสิฏฺพฺยาปาทตนุตฺตวเสน ปาณภูเตสุ สํยโต โหติ วิหึสาธิปฺปายาภาวโต. เอวํ จตฺตาโร หิ มคฺคา อนุกฺกเมนาปิ คหิตา โหนฺติ.

มุจลินฺทกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ราชายตนกถาวณฺณนา

. ราชายตนํ ปาตลิ. ‘‘จตุทฺทิสา อาคนฺตฺวา’’ติ ปาเสโส. มุขวฏฺฏิยํ กิรสฺส ทินฺนานํ จตุนฺนมฺปิ เลขาปริจฺเฉโท อตฺถิ, เต วาณิชา เทวตาย คารวทสฺสเนน ภควโต รูปกายทสฺสเนน ปสนฺนตฺตา สรณํ อคฺคเหสุํ. เทวตาย ‘‘ภควา ราชายตนมูเล ปมาภิสมฺพุทฺโธ’’ติ วจนํ สุตฺวา สาวกสงฺฆาภาวํ, อภิสมฺพุทฺธธมฺมสพฺภาวฺจ ชานึสูติ เวทิตพฺพํ. ชานนฺตีติ พุทฺธาติ สมฺพนฺโธ.

ราชายตนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

พฺรหฺมยาจนกถาวณฺณนา

. อธิคโตโข มฺยายนฺติอาทิมฺหิ ธมฺโมติ จตุสจฺจธมฺโม, คมฺภีรตฺตา ทุทฺทโส. ทุทฺทสตฺตา ทุรนุโพโธ. สนฺโตติ นิพฺพุโต. ปณีโตติ อตปฺปโก. อิทํ ทฺวยํ โลกุตฺตรเมว สนฺธาย วุตฺตํ. อตกฺกาวจโรติ ตกฺเกน อาการปริวิตกฺเกน โอคาหิตพฺโพ น โหติ, าเณเนว อวจริตพฺโพติ อตฺโถ. ปณฺฑิตเวทนีโยติ สมฺมาปฏิปทํ ปฏิปนฺเนหิ ปณฺฑิเตหิ เวทนีโย. สพฺพสงฺขารสมโถติอาทิ สพฺพํ นิพฺพานเมว. ตฺหิ ผลูปจาเรน เอกมฺปิ สมานํ ตถา ตถา วุจฺจติ. รามาติ ปชา. อนุ อนุ อจฺฉริยา อนจฺฉริยา. เตสํ ภควโต ปุพฺพภาคปฏิปทํ สุตปุพฺพานํ, ธมฺมสฺส วา คมฺภีรภาวํ อธิคตปุพฺพานํ. กิฺจาปิ ภควโต จตฺตาโรปิ มคฺคา สุขปฺปฏิปทา, ตถาปิ โพธิสตฺตปฏิปทํ สนฺธาย ‘‘กิจฺเฉน เม’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ปกาสิตํ ปกาสิตุ’’นฺติ อุภยถาปิ ปาโ. ปเรเตหิ ยุตฺเตหิ. ราครตฺตาติ กามราคทิฏฺิราเคหิ รตฺตา. อตฺตนิจฺจาทิคาหกา น ทกฺขนฺติ น ปสฺสิสฺสนฺติ.

. สหํปติ กิร ‘‘นสฺสติ วต โภ โลโก’’ติ อิมํ สทฺทํ ตถา นิจฺฉาเรติ, ยถา ทสสหสฺสิโลกธาตุพฺรหฺมาโน สุตฺวา สนฺนิปตึสุ. ปฺามเย อกฺขิมฺหิ สนฺตานานุสยิตวเสน อปฺปํ ปริตฺตํ ราคาทิรชํ เอเตสํ, เอวํสภาวาติ อปฺปรชกฺขชาติกา. อสฺสวนตาติ อสฺสวนตาย.

สมเลหิ สตฺถาเรหิ. อปาปุเรตนฺติ วิวร เอตํ. อมตสฺส ทฺวารนฺติ อริยมคฺคํ, จตุสจฺจธมฺมํ วา. วิชฺชตฺตยจตุมคฺคาเณหิ ปุนปฺปุนํ พุทฺธํ ปฏิวิทฺธํ. เสเลติ สิลามเย. วิคตรชตฺตา สุขทสฺสนโยคฺเค อิโต จ เอตฺโต จ อาคนฺตฺวา ยถา ิโต จกฺขุมา ปุริโส สมนฺตโต ชนตํ ปสฺเสยฺย. ตฺวมฺปิ สุเมธ สุนฺทรปฺ สพฺพฺุตฺาณาธิคมาย สมนฺตจกฺขุ. สพฺพกิเลสสงฺคามานํ วิชิตตฺตา วิชิตสงฺคาม. ชาติกนฺตาราทินิตฺถรณตฺถํ เวเนยฺยชนสตฺถวาหนสมตฺถตาย สตฺถวาห. กามจฺฉนฺทอิณสฺส อภาวโต อณณ.

. พุทฺธจกฺขุนา อินฺทฺริยปโรปริยตฺตาเณน จ อาสยานุสยาเณน จ. อิเมสฺหิ ทฺวินฺนํ าณานํ ‘‘พุทฺธจกฺขู’’ติ นามํ. อุปฺปลินิยนฺติ อุปฺปลวเน. เอวํ เสเสสุปิ . อนฺโต นิมุคฺคโปสีนีติ ยานิ อนฺโต นิมุคฺคาเนว โปสิยนฺติ, ตตฺถ ยานิ อุทกํ อจฺจุคฺคมฺม ิตานิ, ตานิ สูริยรํสิสมฺผสฺสํ อาคมยมานานิ ิตานิ อชฺช ปุปฺผนกานิ. ยานิ สโมทกํ ิตานิ, ตานิ สฺเว ปุปฺผนกานิ. ยานิ อุทกานุคฺคตานิ, ตานิ ตติยทิวเส ปุปฺผนกานิ. อุทกา ปน อนุคฺคตานิ อฺานิปิ สโรคอุปฺปลาทีนิ นาม โหนฺติ. ยานิ เนว ปุปฺผิสฺสนฺติ มจฺฉกจฺฉปภกฺขาเนว ภวิสฺสนฺติ, ตานิ ปาฬินารุฬฺหานิ, อาหริตฺวา ปน ทีเปตพฺพานิ. เอเตหิ อุคฺฆฏิตฺู วิปฺจิตฺู เนยฺโย ปทปรโมติ จตฺตาโร ปุคฺคลา โยเชตพฺพา. ปจฺจภาสีติ ปติ อภาสิ.

อปารุตาติ วิวฏา. ปจฺฉิมสฺส ปททฺวยสฺส อยมตฺโถ. อหฺหิ อตฺตโน ปคุณํ สุปฺปวตฺตมฺปิ อิมํ ปณีตํ อุตฺตมํ ธมฺมํ กายวาจากิลมถสฺี หุตฺวา นาภาสิ.

พฺรหฺมยาจนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปฺจวคฺคิยกถาวณฺณนา

๑๐. อิทานิ ปน สพฺโพ ชโน สทฺธาภาชนํ อุปเนตุ, ปูเรสฺสามิ เนสํ สงฺกปฺปนฺติ. อปฺปรชกฺขชาติโกติ สมาปตฺติยา วิกฺขมฺภิตกิเลสตฺตา นิกฺกิเลสชาติโก. อาชานิสฺสตีติ เจ น นิฏฺานมกํสุ ธมฺมสงฺคาหกา เต วินยกฺกมฺา, อหํ เทเสยฺยํ ปฏิวิชฺฌิสฺสตีติ อธิปฺปาโย, ‘‘มุทฺธาปิ ตสฺส วิปเตยฺยา’’ติ (อ. นิ. ๘.๑๑; ปารา. ๒) เอตฺถ วิย อภูตปริกปฺโป กิเรโส. โลเก ตสฺส อธิมุตฺตภาวทีปนตฺถฺหิ อิทํ วจนํ อตฺตโน ตทุปเทเสน อวิทิตภาวทีปนตฺถํ. ตสฺส อนนฺเตวาสิกภาวทีปนตฺถนฺติ เอวมาทีนิ ปเนตฺถ ปโยชนานิ. ภควโตปิ โข าณนฺติ สพฺพฺุตฺาณํ ตสฺส มรณารมฺมณํ อุปฺปชฺชิ. เตน ตโต ปุพฺเพ ตสฺส สติ ธมฺมเทสนาย ขิปฺปํ ชานนภาวารมฺมณนฺติ ทีเปติ. ปโรปเทสโต อชานิตฺวา ปจฺจกฺขโต มรณสจฺฉิกิริยมฺปิ ทสฺเสติ. พุทฺธานมฺปิ อเนกาณสโมธานาภาวโต สุวุตฺตเมตํ. จิตฺตปุพฺพิกา หิ จิตฺตปฺปวตฺติ, อฺถา นวสตฺตปาตุภาวปฺปสงฺโค. สพฺพธมฺมานํ เอกโต คหเณ วิรุทฺธกาลานํ เอกโต ชานนปฺปสงฺโค. ตโต เอกาณสฺส วิตถภาวปฺปตฺติโทโส, ตสฺมา สพฺพสฺส วินาเนกาณสโมธานํ อาปชฺชิตธมฺเมสุ อปฺปฏิหตาณวนฺตตฺตา ปน สพฺพฺู เอว ภควาติ เวทิตพฺพํ, น สพฺพกาลํ เอกโต. อาฬาราทีนํ มรณาชานนโตติ เจ? น, ตสฺส ชานเนน ปุถุชฺชนสฺสาปิ สพฺพฺุตาปตฺติปฺปสงฺคโต. ยทาภาเวน ยทาภาโว ตพฺภาเวน ตสฺสาภาวปฺปสงฺโค โลเก สิทฺโธติ. ‘‘ภควโตปิ โข าณํ อุทปาที’’ติ วจนโต ตสฺส มรณชานนํ สิทฺธนฺติ กตฺวา ภวํ มเตเนว ภควา สพฺพฺูติ สิทฺธํ น เทวตาโรจนโต ปุพฺเพ อชานนโตติ เจ? น, วิเสสํ ปริคฺคเหตฺวา อนฺตรา ปชานนโต, เทวตาย สพฺพฺุภาวปฺปตฺติโทสโต จ. น หิ โส กสฺสจิ วจเนน อฺาสีติ.

อปิจ กิมิทํ ตตฺถ ชานนํ นาม ตทารมฺมณาณุปฺปตฺตีติ เจ? น, โลเก สพฺพฺุโน อจฺจนฺตาภาวปฺปสงฺคโต. สาธิกา หิ มยา เอกาณกฺขเณ สพฺพํ าณํ, ตทฺเสฺจ ตทฺาณานุปฺปตฺติ. อปิจ สพฺพฺุโน สพฺพธมฺมวิสเย าณปจฺจุปฏฺานสิทฺธิ ตสฺส าณสฺส อตฺตนาว อตฺตโน อวิสโยติ เจ? น, เหตุนิทสฺสนานุปฺปตฺติโต. อปิจ ‘‘ภควโตปิ โข าณํ อุทปาที’’ติ เอตฺถ วิเสสวจนํ อตฺถิ. เยน เทวตาโรจนุตฺตรกาลเมว ภควโต าณํ อุทปาทีติ ปฺายติ. น หิ วจนปุพฺพาปริยภาวมตฺเตน ตทตฺถปุพฺพาปริยตา โหติ, ตสฺมา อยุตฺตเมตํ. อภิโทสกาลํกโตติ ปมยาเม กาลํกโต. ‘‘มชฺฌิมยาเม’’ติปิ วทนฺติ. อุภยตฺถปิ มหาชานิโย. สตฺตทิวสพฺภนฺตเร, เอกทิวสพฺภนฺตเร จ ปตฺตพฺพมคฺคผลโต ปริหีนตฺตา มหตี ชานิ อสฺสาติ มหาชานิ. เตสุ หิ ทฺวีสุ อาฬาโร อากิฺจฺายตนภเว นิพฺพตฺโต, อุทโก ภวคฺเค, ตสฺมา เนสํ ธมฺมเทสนาย อกฺขเณ นิพฺพตฺตภาวํ สนฺธาย ภควา เอวํ จินฺเตสิ, น อิโต มนุสฺสโลกโต จุติภาวํ สนฺธายาติ เวทิตพฺพํ. อพุทฺธเวเนยฺยตฺจ สนฺธายาติ โน ตกฺโก, อฺถา อนิฏฺปฺปสงฺโคติ อาจริโย.

โพธิสตฺตสฺส ชาตกาเล สุปินปฏิคฺคาหกา เจว ลกฺขณปริคฺคาหกา จ อฏฺ พฺราหฺมณา. เตสุ ตโย ทฺวิธา พฺยากรึสุ ‘‘อิเมหิ ลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต อคารํ อชฺฌาวสนฺโต ราชา โหติ จกฺกวตฺติ, ปพฺพชนฺโต พุทฺโธ’’ติ. ปฺจ พฺราหฺมณา ‘‘อคาเร น ติฏฺติ, พุทฺโธว โหตี’’ติ เอกํสพฺยากรณาว อเหสุํ. เตสุ ปุริมา ตโย ยถามนฺตปารํ คตา. อิเม ปน มนฺตปารํ อติกฺกมนฺตา อตฺตนา ลทฺธํ ปุฺมหตฺตํ วิสฺสชฺเชตฺวา โพธิสตฺตํ อุทฺทิสฺส ปุเรตรเมว ปพฺพชึสุ. อิเม สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ปฺจวคฺคิยา’’ติ. ‘‘เตสํ ปุตฺตา’’ติปิ วทนฺติ, ตํ อฏฺกถายํ ปฏิกฺขิตฺตํ. กสฺมา ปเนตฺถ ภควา ‘‘พหูปการา โข เม’’ติ จินฺเตสิ. กึ อุปการกานํ เอว เอส ธมฺมํ เทเสติ, อิตเรสํ น เทเสตีติ? โน น เทเสติ. อุปการานุสฺสรณมตฺตเกเนว วุตฺตนฺติ อฏฺกถานโย. อตฺตโน กตฺุกตเวทิภาวปฺปกาสนตฺถํ, กตฺุตาทิปสํสนตฺถํ, ปเรสฺจ กตฺุภาวาทินิโยชนตฺถํ, ขิปฺปชานนปฺปสงฺคนิวารณตฺถํ.

๑๑. อนฺตรา จ คยํ อนฺตรา จ โพธินฺติ คยาย จ โพธิยา จ มชฺเฌ ติคาวุตนฺตเร าเน. โพธิมณฺฑโต หิ คยา ตีณิ คาวุตานิ. พาราณสินครํ อฏฺารส โยชนานิ. อุปโก ปน โพธิมณฺฑสฺส จ คยาย จ อนฺตเร ภควนฺตํ อทฺทส. อนฺตรา-สทฺเทน ปน ยุตฺตตฺตา อุปโยควจนํ กตํ. อีทิเสสุ จ าเนสุ อกฺขรจินฺตกา เอกเมว อนฺตราสทฺทํ ปยุชฺชนฺติ, โส ทุติยปเทปิ โยเชตพฺโพ. อโยชิยมาเน ปน อุปโยควจนํ น ปาปุณาติ. อิธ ปน โยเชตฺวาว วุตฺโตติ.

สพฺพาภิภูติ สพฺพํ เตภูมกธมฺมํ อภิภวิตฺวา ิโต. ตณฺหกฺขเยติ นิพฺพาเน. วิมุตฺโตติ อารมฺมณโต วิมุตฺโต. นตฺถิ เม ปฏิปุคฺคโลติ มยฺหํ ปฏิปุคฺคโล นาม นตฺถิ, อสทิโสติ อตฺโถ, มม สพฺพฺุภาเว โทสํ ทสฺเสตฺวา โลเก าตุํ อสมตฺถตาย มม ปจฺจตฺถิกปุคฺคโล วา นตฺถีติ อตฺโถ. อาหฺฉํ อมตทุนฺทุภินฺติ ธมฺมจกฺขุปฏิลาภาย อมตเภรึ ปหริสฺสามีติ คจฺฉามิ.

อรหสิ อนนฺตชิโน ภวิตุํ ยุตฺโต ตฺวนฺติ อตฺโถ. อิทมฺปิ อตฺตโน สตฺถุนามํ. หุเปยฺยาสีติ อาวุโส เอวมฺปิ นาม ภเวยฺย. ปกฺกามีติ วงฺกหารชนปทํ นาม อคมาสิ. ภควาปิ ‘‘ตตฺถ ตสฺส มิคลุทฺทกสฺส ธีตุยา จาปาย อุกฺกณฺิตฺวา ปุน อาคนฺตฺวา อนาคามี อยํ ภวิสฺสตี’’ติ อุปนิสฺสยสมฺปตฺตึ ทิสฺวา เตน สทฺธึ อาลปิ. โส จ ตเถวาคนฺตฺวา ปพฺพชิตฺวา อนาคามี หุตฺวา อนุกฺกเมน กาลํ กตฺวา อวิเหสุ อุปฺปชฺชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ.

๑๒. สณฺเปสุนฺติ กติกํ อกํสุ. ปธานวิพฺภนฺโตติ ปธานโต ภฏฺโ ปริหีโน. ‘‘อภิชานาถ นุ ภาสิตเมต’’นฺติ, ‘‘วาจํ ภาสิตเมว’’นฺติ จ เอวรูปํ กฺจิ วจนเภทํ อกาสีติ อธิปฺปาโย. ภควนฺตํ สุสฺสูสึสูติ ภควโต วจนํ โสตุกามา อเหสุํ. อฺาติ อฺาย, ชานิตุนฺติ อตฺโถ.

๑๓. อถ กิมตฺถํ อามนฺเตสีติ? ตโตปิ สุฏฺุตรํ ปฏิชานนตฺถํ, ธมฺมสฺส อภิภาริยทุลฺลภภาวทีปนตฺถํ, อกฺขรวิกฺเขปนิวารณตฺถฺจ. ตตฺถ ทฺเวเมติ อนฺตทฺวยวจนํ อฺเสมฺปิ ตทนฺโตคธภาวโต. อปิจ โยชนาวเสน. ตณฺหาอวิชฺชาติ หิ สํสารปฺปวตฺติยา สีสภูตา ทฺเว กิเลสา. เต จ สมถวิปสฺสนานํ ปฏิปกฺขภูตตฺตา อนฺตา นาม. เตสุ ตณฺหาวเสน กามสุขลฺลิกานุโยคํ ภชนฺโต สมถํ ปริหาเปติ พาโล, ตถา อวิชฺชาวเสน อตฺตกิลมถานุโยคํ ภชนฺโต คจฺฉนฺโต วิปสฺสนนฺติ น สกฺกา อุโภ ทฺเว อนฺเต อปฺปหาย อมตํ อธิคนฺตุนฺติ เอวํ วุตฺตา. อปิจ ลีนุทฺธจฺจปหานทสฺสนเมตํ. ลีโน หิ นิกฺขิตฺตวีริยารมฺโภ กามสุขฺจ ภชติ, อิตโร อจฺจารทฺธวีริโย อตฺตกิลมถํ. อุโภปิ เต วีริยสมตาย ปฏิปกฺขตฺตา อนฺตา นาม. อปิจ ติสฺโส สาสเน ปฏิปทา วุตฺตา อาคาฬฺหา, นิชฺฌามา, มชฺฌิมา จ. ตตฺถ อาคาฬฺหา ‘‘ปาณาติปาตี โหติ, นตฺถิ กาเมสุ โทโส’’ติ เอวมาทิกา. นิชฺฌามา ‘‘อเจลโก โหติ, มุตฺตาจาโร’’ติ เอวมาทิกา, มชฺฌิมา ‘‘อยเมว อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค’’ติ เอวมาทิกา. ตตฺถ กามสุขลฺลิกานุโยโค อาคาฬฺหา นาม ปฏิปทา โหติ สพฺพากุสลมูลตฺตา. อตฺตกิลมถานุโยโค นิชฺฌามา นาม อตฺตชฺฌาปนโต. อุโภเปเต มชฺฌิมาย ปฏิปทาย ปฏิปกฺขภูตตฺตา อนฺตา นาม, ตสฺมา อิเมว สนฺธาย ทฺเวเมติ. กิมตฺถํ ภควา ‘‘ปพฺพชิเตน น เสวิตพฺพา’’ติ ปพฺพชิเต เอว อธิกโรติ, น คหฏฺเติ? ปพฺพชิตานํ ตทธิมุตฺตตฺตา, สุขปริวชฺชนสมตฺถตาย, ตทธิกตตฺตา จ ปพฺพชิตา เอตฺถ อธิกตา, น คหฏฺา. ยทิ เอวํ กิมตฺถํ กามสุขลฺลิกานุโยคมาห, นนุ เต ปกติยาปิ กามปริจฺจาคํ กตฺวา ตํ นิสฺสรณตฺถํ ปพฺพชิตาติ? น, เตสํ อนฺตทฺวยนิสฺสิตตฺตา. เต หิ อิธ โลเก กาเมน วิสุทฺธิมิจฺฉนฺติ อตฺตกิลมถานุโยคมนุยุตฺตา ตสฺเสว ตปสฺส ผเลน เปจฺจ ทิพฺเพ กาเม อาสีสมานา ทฬฺหตรํ กามสุขลฺลิกานุโยคมนุยุตฺตาติ เวทิตพฺพา . อนฺตตฺโถ ปน อิธ กุจฺฉิตฏฺเน เวทิตพฺโพ ‘‘อนฺตมิทํ, ภิกฺขเว, ชีวิกานํ, ยทิทํ ปิณฺโฑลฺย’’นฺติอาทีสุ (อิติวุ. ๙๑; สํ. นิ. ๓.๘๐) วิย.

โย จายํ กาเมสุ กามสุขลฺลิกานุโยโคติ เอตฺถ กาเมสูติ วตฺถุกาโม อธิปฺเปโต, ทุติโย กิเลสกาโม . ตํสมฺปยุตฺตสุขเมตฺถ กามสุขํ นาม. เตน วิปากสุขสฺส นิรวชฺชภาวํ ทีเปตีติ. อลฺลียนํ นาม ตทภินนฺทนา. อนุโยโค นาม ภวนฺตเร ตทนุโยคปตฺถนา. หานภาคิยกรตฺตา กุสลปกฺขสฺส, หีนปุคฺคลภาวิตตฺตา, หีนธาตุปภวตฺตา จ ลามกฏฺเน หีโน. คามนิวาสิสตฺตธมฺมตฺตา คมฺโม. ปุถุชฺชนสาธารณตฺตา โปถุชฺชนิโก. อนริโยติ อริยานํ อนธิปฺเปตตฺตา, อริยธมฺมปฏิปกฺขตฺตา, อนริยกรตฺตา, อนริยธมฺมตฺตา, อนริยาจิณฺณตฺตา จ เวทิตพฺโพ. อนตฺถสงฺขาตสํสารภยาวหตฺตา, อนตฺถผลนิพฺพตฺตกตฺตา จ อนตฺถสํหิโต. อตฺตโน เกวลํ เขทูปคโม อตฺตกิลมโถ นาม. โส ทิฏฺิคตปุพฺพกตฺตตปานุกฺกมกิริยาวิเสสํ นิสฺสาย ปวตฺตติ, ตสฺส ทิฏฺิวเสน อนุโยโค อตฺตกิลมถานุโยโค นาม. อตฺตวิโยควิตฺตาปริสฺสมตฺตา, อนุปายปวตฺตตฺตา สมฺปชฺชมาโน มิคโยนิโคโยนิกุกฺกุรโยนิสูกรโยนีสุ ปาตายติ. วิปจฺจมาโน นรกํ เนตีติ อนตฺถสํหิโต. เอเต ตฺวาติ เอเต ตุ. ตถาคเตนาติ อตฺตานํ อวิตถาคมนํ อาวิ กโรติ, เตเนตํ ทสฺเสติ ‘‘น มยา ปริวิตกฺกิตมตฺเตน วิตกฺกิตา, กินฺตุ มยา ตถาคเตเนว สตา อภิสมฺโพธิาเณน อภิสมฺพุทฺโธ’’ติ. จกฺขุกรณีติอาทีหิ ปน ตเมว ปฏิปทํ โถเมติ. เภสชฺชํ อาตุรสฺส วิย ‘‘จกฺขุกรณี’’ติ อิมินา าณจกฺขุวิโสธนํ วุตฺตํ. าณกรณีติ อิมินา อนฺธการวิธมนํ วุตฺตํ. อุปสมายาติ กิเลสปริฬาหปฏิปฺปสฺสทฺธิ วุตฺตา. อภิฺายาติ สจฺจปฏิเวธนํ วุตฺตํ. สมฺโพธายาติ สจฺจปฏิวิชฺฌนํ วุตฺตํ. นิพฺพานายาติ โสปาทิเสสนิพฺพานธาตุยา อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุยาติ เอวํ ยถาสมฺภวํ โยเชตฺวา กเถตพฺพํ.

๑๔. กสฺมา ปเนตฺถ ภควา อฺตฺถ วิย อนุปุพฺพึ กถํ อกเถตฺวา ปมเมว อเสวิตพฺพมนฺตทฺวยํ วตฺวา มชฺฌิมปฏิปทํ เทเสสีติ? อตฺตาทิมิจฺฉาภิมานนิวารณตฺถํ, กุมฺมคฺคปฏิปตฺตินิวารณตฺถฺจ อนฺตทฺวยวชฺชนํ วตฺวา อตฺตโน วิเสสาธิคมทีปนนเยน อพาหุลฺลิกาทิภาวทสฺสนตฺถํ, เตสฺจ มชฺฌิมปฏิปทาทีปเนน ตตฺถ อนุโยชนตฺถํ ปจฺฉา สมฺมาปฏิปทํ เทเสสิ, ตโต ตสฺส มชฺฌิมปฏิปทาสงฺขาตสฺส อริยมคฺคสฺส วิสยทสฺสนตฺถํ จตุสจฺจธมฺมํ สงฺเขปวิตฺถารวเสน เทเสตุกาโม ‘‘อิทํ โข ปน, ภิกฺขเว, ทุกฺข’’นฺติอาทิมาห, อยเมตฺถ อนุสนฺธิ. ‘‘อิทํ ทุกฺขํ อริยสจฺจนฺติ เม, ภิกฺขเว’’ติอาทิ สุตฺตานุสนฺธิปกอาสนตฺถํ อยมนุกฺกโม เวทิตพฺโพ. ยถาวุตฺตํ ปฏิปทํ สุตฺวา กิร โกณฺฑฺโ อาห ‘‘กถํ ภควตา วุตฺตปฏิปทาย อุปฺปตฺติ สิยา. อยฺหิ ปฏิปทา กิเลสานํ อนุปฺปตฺติยา สติ สมฺภวติ, น อฺถา. กิเลสานฺจ ยทิ โลภโต อุปฺปตฺติ ขุปฺปิปาสานํ วิย, ตทาเสวนาย อนุปฺปตฺติ สิยา, ตทวตฺถุสฺส วา เตสํ อุปฺปตฺติ. ตทวตฺถุวิปรีตกายกิลมถาเสวนาย อนุปฺปตฺติ สิยา. อุโภเปตา ภควตา ‘อนฺตา’ติ วุตฺตา, ตสฺมา กถํ ปเนติสฺสาย สมฺมาปฏิปทาย อุปฺปตฺติ สมฺภเวยฺยา’’ติ. ภควา อาห อนุปายาเสวนโต. กถนฺติ เจ? –

‘‘สํสารมูลโต าณํ, ตฺจ าณา ปหิยฺยติ;

ชีวิเต สติ ตํ โหติ, ตฺจ ชีวิตสาธเน.

‘‘ตสฺมา าณาย เมธาวี, รกฺเข ชีวิตมตฺตโน;

าณสาธนภูตฺจ, สีลฺจ ปริปาลเย.

‘‘ชีวิตฺจ ยถา โลเก, ภินฺเน กาเย น วิชฺชติ;

ตเถว ภินฺนสีลสฺส, นตฺถิ าณสฺส สมฺภโว.

‘‘ตสฺมา อายุฺจ สีลฺจ, าณตฺถํ รกฺขตา สตา;

เสวิตพฺพา น กามาปิ, นาปิ กายวินาสนา.

‘‘กาเมสุ เคธมุปคมฺม หิโน คมฺมฺจ,

อจฺจุทฺธโน กิลมถํ คมุเปติ มูฬฺโห;

โย มชฺฌิมํ ปฏิปทํ ปรมํ อุเปติ,

โส ขิปฺปเมว ลภเต ปรมํ วิโมกฺข’’นฺติ.

สุตฺวา ตเทตํ สุคตสฺส วากฺยํ,

ปฺํ มุนี โส สุตชํ ลภิตฺวา;

จินฺตามยํ าณ ปเวสมาโน,

อุจฺฉินฺทยํ ปฺหมิมํ อปุจฺฉิ.

‘‘นิพฺเพธปทฏฺานํ ปหาย โฆรํ,

ตปํ กถมิวาติ โส ตฺวํ;

พฺรูหิ ตเทว โหติ ภิกฺขุ จร,

วิราคมุปยาติ จ ทุกฺขสจฺจสฺส;

ทสฺสเนเนว ทุกฺขานุภวนา,

ตมฺหิ โทสสฺส ปจฺจโย’’ติ.

สุตฺวาว โกณฺฑฺโ มุนิวจนํ,

วุฏฺาย หฏฺโ สหสา อโวจ;

‘‘อุทาหร ตฺวํ ภควา มเมตํ,

ภิกฺขุ ยถา ปสฺสติ ทุกฺขสจฺจ’’นฺติ.

จินฺตามยิสฺส ปฺาปริปุณฺณา ภาวนามยิปฺาสมฺปตฺติ ชานิตพฺพา อิเมหิ อิติ ภควา สุตฺตมิทมาหาติ กิร. กสฺมา ภควา โกณฺฑฺสฺส ปุริมเมว สจฺจเทสนํ อวฑฺเฒตฺวา อตฺตโน อธิคตกฺกมมาหาติ? นาหํ กสฺสจิ อาคมํ เทเสมิ, อปิจ โข สยเมว เอวมธิคโตมฺหีติ ทสฺสนตฺถํ. ตตฺถ ‘‘ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสู’’ติ อิมินา อิทํ อตฺถทฺวยํ ทสฺเสติ, น มยา อาฬารโต, อุทกโต วา อยํ ธมฺโม สุโต, กินฺตุ ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสฺเวว าณํ เม อุทปาทีติ มชฺฌิมาย ปฏิปทาย อานุภาวํ ปกาเสติ. อปิจ ยสฺมา เอวํ ปฏิปนฺโน วินาปิ ปโรปเทเสน อริยสจฺจานิ ปสฺสติ, ตสฺมา กถํ ตุมฺเหว มมาปเทเสน น ปสฺสถาติ.

๑๕. จกฺขุนฺติอาทีนิ ปฺจ ปทานิ าณเววจนาเนว. าณฺหิ สจฺจานํ อาโลจนโต จกฺขุภูตตฺถชานนโต าณํ. ปกาเรหิ ชานนโต ปฺา. กิเลสวิทารณโต, วิชฺชนโต จ วิชฺชา. สจฺจจฺฉาทกตมวินาสนโต, เตสํ คติโกฏิปกาสนโต อาโลโกติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ ปเมน ปริวฏฺเฏน สจฺจานํ อฺมฺํ อสงฺกรโต ปนปฺํ ทสฺเสติ, ทุติเยน เตสํ กตฺตพฺพาการปริจฺฉินฺทนปฺํ, ตติเยน สจฺเจสุ าณกิจฺจสนฺนิฏฺานํ ทสฺเสติ.

๑๖. ยาวกีวฺจาติ ทฺวีหิ ปเทหิ ยาวอิจฺเจว วุตฺตํ โหติ ‘‘อิติ จิตฺตมโน’’ติอาทิ วิย. ราคาทีหิ อกุปฺปตาย อกุปฺปา วิมุตฺติ. เวยฺยากรณนฺติ ธมฺมเทสนา. สา หิ ธมฺมานํ พฺยากรณโต ปกาสนโต ‘‘เวยฺยากรณ’’นฺติ วุจฺจติ. วิรชํ วีตมลนฺติ เอตฺถ วิรชํ วิสมเหตุวาทวิคมโต. วีตมลํ อเหตุกวาทวิคมโต. วิรชํ สสฺสตทิฏฺิปฺปหานโต. วีตมลํ อุจฺเฉททิฏฺิปฺปหานโต. วิรชํ ปริยุฏฺานปฺปหานโต. วีตมลํ อนุสยปฺปหานโต. ธมฺมจกฺขุนฺติ ธมฺมมตฺตทสฺสนํ, น ตตฺถ สตฺโต วา ชีโว วา การโก วา เวทโก วาติ, เตเนวาห ‘‘ยํ กิฺจิ สมุทยธมฺมํ, สพฺพนฺตํ นิโรธธมฺม’’นฺติ. อิทฺหิ ตสฺส ธมฺมจกฺขุสฺส อุปฺปตฺติอาการทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ตฺหิ นิโรธํ อารมฺมณํ กตฺวา กิจฺจวเสน เอว สงฺขตํ ปฏิวิชฺฌนฺตํ อุปฺปชฺชติ.

๑๗. ธมฺมจกฺกนฺติ เอตฺถ เทสนาาณํ อธิปฺเปตํ, ปฏิเวธาณฺจ ลพฺภเตว. เอตฺถ กิมตฺถํ เทวา สทฺทมนุสฺสาเวสุนฺติ? นานาทิฏฺิคตนฺธการวิธมนโต ลทฺธาโลกตฺตา, อปายภยสมติกฺกมนโต อสฺสาสํ ปตฺตตฺตา, เทวกายวิมานทสฺสนโต ปีติปาโมชฺชจลิตตฺตา จาติ เอวมาทีเนตฺถ การณานิ วทนฺติ. ปถวิกมฺปนมหาสทฺทปาตุภาโว จ ธมฺมตาวเสเนว โหตีติ เอเก. เทวตานํ กีฬิตุกามตาย ปถวิกมฺโป. พหุโน เทวสงฺฆสฺส สนฺนิปาตโต, ภควโต สรีรปฺปภาชาลวิสชฺชนโต จาติ เอกจฺเจ.

๑๘. ปพฺพชฺชุปสมฺปทาวิเสสนฺติ อตฺโถ. ตตฺถ อิติ-สทฺโท ตสฺส เอหิภิกฺขูปสมฺปทาปฏิลาภนิมิตฺตวจนปริโยสานทสฺสโน. ตทวสาโน หิ ตสฺส ภิกฺขุภาโว. สฺวากฺขาโตติอาทิ ‘‘เอหี’’ติ อามนฺตนาย ปโยชนทสฺสนวจนํ. ‘‘เอหิภิกฺขู’’ติ ภควา อโวจ ‘‘สฺวากฺขาโต ธมฺโม จร…เป… กิริยายา’’ติ จ อโวจาติ ปทสมฺพนฺโธ. ตตฺถ จร พฺรหฺมจริยนฺติ อวสิฏฺํ มคฺคตฺตยพฺรหฺมจริยํ สมธิคจฺฉ. กิมตฺถํ? สมฺมาทุกฺขสฺสนฺตกิริยายาติ อตฺโถ. ‘‘เอหิภิกฺขู’’ติ อิมินา ภควโต วจเนน นิปฺผนฺนตฺตา การณูปจาเรน ‘‘เอหิภิกฺขูปสมฺปทา’’ติ วุตฺตา. สาว ตสฺสายสฺมโต ยาวชีวํ อุปสมฺปทา อโหสีติ อตฺโถ. เตน ตสฺสา อุปสมฺปทาย สิกฺขาปจฺจกฺขาตาทินา วิจฺเฉทา วา ตทฺาย อุปสมฺปทาย กิจฺจํ วา นตฺถีติ อิทมตฺถทฺวยํ อฏฺกถายํ ทสฺเสติ. อฏฺนฺนมฺปิ อุปสมฺปทานํ เอหิภิกฺขุโอวาทปฏิคฺคหณปฺหพฺยากรณครุธมฺมปฏิคฺคหณูปสมฺปทานํ จตุนฺนํ อฺตราย อุปสมฺปนฺนสฺส อนฺตรา วิจฺเฉโท วา ตทฺูปสมฺปทาย กิจฺจํ วา นตฺถิ, อิตรสฺสตฺถีติ. นิกายนฺตริกา ปนาหุ ‘‘พุทฺธปจฺเจกพุทฺธานํ นิยาโมกฺกนฺติสงฺขาตาย อุปสมฺปทาย ตฺติจตุตฺถกมฺมุปสมฺปทฺจ ทสวคฺคปฺจวคฺคกรณียวเสน ทฺวิธา ภินฺทิตฺวา ทสวิโธปสมฺปทา’’ติ. กา ปเนตฺถ อตฺถโต อุปสมฺปทา นามาติ? ตทธิคตกิริยาวเสน นิพฺพตฺติยา อเสกฺขา ตทธิวาสนเจตนาย ปริภาวิตปฺจกฺขนฺธิกา อชฺฌตฺตสนฺตติ. กา ปเนตฺถ ปริภาวนา นาม? ตพฺพิปกฺขธมฺมชฺฌาจารวิรุทฺธภาโว, ตสฺส ปตฺติยา ตาย ปริภาวนาย วเสน กตฺถจิ ‘‘สมนฺนาคโต’’ติ วุจฺจติ. ยถาห ‘‘โลเภน สมนฺนาคโต, ภิกฺขเว, อภพฺโพ จตฺตาริ สติปฏฺานานิ ภาเวตุ’’นฺติอาทิ. เอตฺถาหุ นิกายนฺตริกา ‘‘ยถาวุตฺตาย อุปสมฺปทาย ปตฺติสงฺขาโต จิตฺตวิปฺปยุตฺโต สงฺขารกฺขนฺธปริยาปนฺโน ธมฺโม อตฺถิ, ตสฺส สนฺตติวเสน ปุพฺพาปริยํ อุปฺปชฺชมานสฺส ยาว อวิจฺเฉโท, ตาว อุปสมฺปนฺโนติ, อฺถา ตโต ธมฺมนฺตรุปฺปตฺติกฺขเณ ตสฺส อุปสมฺปนฺนสฺส อนุปสมฺปนฺนภาวปฺปสงฺโค อาปชฺชตี’’ติ. เต วตฺตพฺพา ‘‘สุตฺตํ อาหรถา’’ติ. เต เจ วเทยฺยุํ ‘‘โย เตสํ ทสนฺนํ อเสกฺขานํ ธมฺมานํ อุปาทาย ปฏิลาภสมนฺนาคโม อริโย โหติ วิปฺปหีโนติ เอวมาทีนิ โน สุตฺตานี’’ติ. เอวํ สติ อสนฺตธมฺเมหิ, ปรสตฺเตหิ จ สมนฺนาคมโทสปฺปสงฺโค เนสํ ปาปุณาติ. กึการณํ? สุตฺตสมฺภวโต. ยถาห – ‘‘ราชา, ภิกฺขเว, จกฺกวตฺตี สตฺตหิ รตเนหิ สมนฺนาคโต โหตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๙๙-๒๐๐ อตฺถโต สมานํ) วิตฺถาโร. วสิภาโว ตตฺถ สมนฺนาคตสทฺเทน วุตฺโต. ตสฺสหิเตสุ รตเนสุ วสิภาโว กามจาโร อตฺถีติ เจ? เอตฺถ วสิภาโว สมนฺนาคมสทฺเทน วุตฺโต, อฺตฺถ ปตฺติสงฺขาโต, ตํ ธมฺมนฺตรนฺติ. กิเมตฺถ วิเสสการณํ? นตฺถิ จ, ตสฺมา ยถาวุตฺตลกฺขณาว อุปสมฺปทา. อยเมว นโย ปพฺพชฺชาทีสุปิ เนตพฺโพ.

๑๙. กิฺจาปิ วปฺปตฺเถรสฺส ปาฏิปททิวเส…เป… อสฺสชิตฺเถรสฺส จตุตฺถิยนฺติ เอวํ นานาทิวเสสุ ปาเฏกฺกํ ธมฺมจกฺขุํ อุทปาทิ, ตถาปิ โอวาทสามฺเน วปฺปภทฺทิยานํ, มหานามอสฺสชีนฺเจตฺถ เอกโต วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.

๒๐. ‘‘รูปํ, ภิกฺขเว, อนตฺตา’’ติ กิมตฺถํ อาทิโตว อนตฺตลกฺขณํ ทีเปตีติ? เตสํ ปุถุชฺชนกาเลปิ อิตรลกฺขณทฺวยสฺส ปากฏตฺตา. เต หิ มนาปานํ กามานํ อนิจฺจตาทสฺสเนน สํวิคฺคา ปพฺพชึสูติ อนิจฺจลกฺขณํ ตาว เนสํ เอกเทเสน ปากฏํ, ปพฺพชิตานฺจ อตฺตกิลมถานุโยคโต กายิกทุกฺขํ, ตฺจ มานสสฺส ปจฺจโยติ มานสิกทุกฺขฺจ ปากฏํ, ตสฺมา ตทุภยํ วชฺชิตฺวา อนตฺตลกฺขณเมว ทีเปตุํ อารภิ. ตฺจ ทีเปนฺโต ทุกฺขลกฺขเณเนว ทีเปตุํ ‘‘รูปฺจ หิทํ, ภิกฺขเว, อตฺตา อภวิสฺสา’’ติอาทิมาห. กิมตฺถนฺติ? อนิจฺจลกฺขณโตปิ เตสํ ทุกฺขลกฺขณสฺส สุฏฺุตรํ ปากฏตฺตา. เตสฺหิ อตฺตกิลมถานุโยคมนุยุตฺตตฺตา, ตปฺปรายณภาวโต จ ทุกฺขลกฺขณํ สุฏฺุ ปากฏํ, ตสฺมา เตน ตาว สุฏฺุ ปากเฏน อนตฺตลกฺขณํ ทีเปตฺวา ปุน ตเทว ตทุภเยนาปิ ทีเปตุํ ‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, รูปํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ วกฺขติ. กลฺลํ นูติ ยุตฺตํ นุ. เอตํ มมาติ ตณฺหาคฺคาโห. เอโสหมสฺมีติ มานคฺคาโห. เอโส เม อตฺตาติ ทิฏฺิคฺคาโห. ตณฺหาคฺคาโห เจตฺถ อฏฺสตตณฺหาวิจริตวเสน, มานคฺคาโห นววิธมานวเสน, ทิฏฺิคฺคาโห ทฺวาสฏฺิทิฏฺิวเสน เวทิตพฺโพ.

ปฺจวคฺคิยกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปพฺพชฺชากถาวณฺณนา

๒๕. เยน สมเยน ภควา ปฺจวคฺคิเย ปฺจมิยํ อรหตฺเต ปติฏฺาเปตฺวา สตฺตมิยํ นาฬกตฺเถรสฺส นาฬกปฏิปทํ อาจิกฺขิตฺวา ภทฺทปทปุณฺณมายํ ยสสฺส อินฺทฺริยานํ ปริปกฺกภาวํ ตฺวา ตํ อุทิกฺขนฺโต พาราณสิยํ วิหาสิ, เตน สมเยน ยโส นามาติ สมฺพนฺโธ. ตสฺส กิร อุปฺปตฺติโต ปฏฺาย ตสฺส กุลสฺส กิตฺติสทฺทสงฺขาโต, ปริชนสงฺขาโต วา ยโส วิเสสโต ปวฑฺฒติ. เตน ตสฺส มาตาปิตโร เอวํ นามมกํสุ. ‘‘สุขุมาโล’’ติอาทิ กิมตฺถํ อายสฺมตา อุปาลิตฺเถเรน วุตฺตนฺติ? ปจฺฉิมชนสฺส เนกฺขมฺเม สมุสฺสาหนชนนตฺถํ. เอวํ อุตฺตมโภคสมปฺปิตานมฺปิ อุตฺตเมสุ โภเคสุ อปฺปมตฺตเกนาปิ อสุภนิมิตฺเตน วิตชฺเชตฺวา กาลากาลํ อคเณตฺวา วิเวกาภิรติยา มหนฺตํ โภคกฺขนฺธํ ติณํ วิย ปหาย เคหโต นิกฺขมนา อโหสิ, กสฺส ปนฺสฺส น สิยาติ อธิปฺปาโย. สมงฺคีภูตสฺสาติ เตหิ เอกตฺตํ อุปคตสฺส, อวิวิตฺตสฺสาติ อตฺโถ. นิทฺทา โอกฺกมีติ มนาเปสุปิ วิสเยสุ ปวตฺตึ นิวาเรตฺวา ตสฺส จิตฺตํ อติกฺกมิตฺวา อภิภวิตฺวา อตฺตโน วสํ อุปเนสีติ อตฺโถ. สพฺพรตฺติโย จาติ ตโยปิ ยาเม. เตน ปริชนสฺส วิการทสฺสเน การณํ ทสฺเสติ. รตฺติ-สทฺโท ปเนตฺถ กาเล สูริยาภาเว, ยาเม จ ปวตฺตตีติ วิฺเยฺโย. ยาเมวิธ วิฺเยฺโย ติจีวรวิปฺปวาเส จ. กจฺเฉติ กจฺฉปสฺเส. กณฺเติ กณฺสฺส เหฏฺา. มุทิงฺคสฺส หิ อุปริ กณฺํ เปตฺวา สยนฺติยา กณฺเ มุทิงฺคํ อทฺทสาติ อตฺโถ. อาฬมฺพรนฺติ ปณวํ. อุภโตมุขสฺส ตนุกา ทีฆา. วิตฺถินฺนสมตลสฺส วาทิตสฺส เอตํ อธิวจนํ. วิปฺปลปนฺติโยติ สุปินทสฺสนาทิวเสน อสมฺพนฺธปลาปํ วิปฺปลปนฺติโย. สุสานํ มฺเติ สุสานํ วิย อทฺทส สกํ ปริชนนฺติ สมฺพนฺโธ. อาทีนโวติ อสุภภาโว. นิพฺพิทาย จิตฺตํ สณฺาตีติ วิมุจฺจิตุกามตาสงฺขาตาย อุกฺกณฺาย จิตฺตํ นมีติ อตฺโถ. อุทานํ อุทาเนสีติ ‘‘อิโต ปฏฺาย อิมาหิ อิตฺถีหิ สห นาหํ ภวิสฺสามี’’ติ อตฺตมนวาจํ นิจฺฉาเรสิ. ทฺเว กิร อาการา ตสฺส ปมาทสุตฺตปริชนทสฺสเน ปากฏา ชาตา กิเลสานํ พลวภาโว, อสุภาการสฺส อติโอฬาริกภาโว จ. เอวํ สติ โอฬาริกตเร จ อสุภากาเร กิเลสวเสนายํ สพฺโพปิ โลโก เอตฺถ ปีฬิโต มุจฺฉิโต. อโห กิเลสา พลวตราติ หิ ปสฺสโต ปสฺสโต ตสฺส ทฺเวปิ เต อาการา ปากฏา ชาตา, เยเนวมโวจาติ.

‘‘สุวณฺณปาทุกาโย อาโรหิตฺวา’’ติ เอเตนสฺส นิสฺสงฺคตาย วิสฺสฏฺคมนํ ทีเปติ. โส หิ พลวสํเวคาภิตุนฺนหทยตฺตา ปริชนสฺส ปโพเธ สติปิ อตฺตโน คมนนิวารณสมตฺถภาวํ อสหมาโน อตฺตานํ ตกฺเกนฺโต วิสฺสฏฺโ อคมาสิ. อมนุสฺสาติ เทวตา. ตา หิ มนุสฺเสหิ สุคติปฏิเวธาณสณฺานาทิคุณสามฺเน ‘‘อมนุสฺสา’’ติ วุจฺจนฺติ. น หิ อสมานชาติกา ติรจฺฉานาทโย ‘‘อพฺราหฺมณา’’ติ วา ‘‘อวสลา’’ติ วา วุจฺจนฺติ, กินฺตุ ชาติสภาคตาย เอว วสลาทโย ‘‘อพฺราหฺมณา’’ติ วุจฺจนฺติ, เอวํ มนุสฺเสหิ เกนจิ อากาเรน สภาคตาย เทวตา ‘‘อมนุสฺสา’’ติ วุตฺตา. อฺถา มนุสฺสา น โหนฺตีติ ติรจฺฉานคตาปิ ‘‘อมนุสฺสา’’ติ วตฺตพฺพา ภเวยฺยุํ.

๒๖. วนคหนํ ทิสฺวา ‘‘สุมุตฺโตหํ นครโต’’ติ ปมุทิตตฺตา ภควโต อวิทูเร อุทาเนสิ. อิทํ โข ยสาติ ภควา นิพฺพานํ สนฺธายาห. ตฺหิ ตณฺหาทิกิเลเสหิ อนุปทฺทุตํ, อนุปสฏฺตฺจ ทสฺสนมตฺเตนาปิ อสฺสาทชนนโต. ธมฺมํ เทเสสฺสามีติ เยน ตํ นิพฺพานํ อิธ นิสินฺนมตฺโตว ตฺวํ อธิคมิสฺสสีติ อธิปฺปาโย. กิราติ อสฺสทฺเธยฺยอพฺยตฺติปริหาเสสุ นิปาโต, อิธ อพฺยตฺติยํ. สุวณฺณปาทุกาโย โอโรหิตฺวาติ จ สุวณฺณปาทุกาหิ โอตริตฺวา. นิสฺสกฺกตฺเถ หิ อิทํ ปจฺจตฺตวจนํ. ตสฺส นิสินฺนมตฺตสฺเสว อฺํ สมฺโมทนียํ กถํ อกตฺวา อนามนฺเตตฺวา อนุปุพฺพึ กถํ กเถสิ. สุปริปกฺกินฺทฺริยตฺตา, ปฏิเวธกฺขณานติกฺกมนตฺถํ อนุปทฺทุตานุปสฏฺตานํ ปาปกธมฺมเทสนาภิมุขจิตฺตตฺตา, เสฏฺิสฺส คหปติโน อจิราคมนทสฺสนโต จ. กิมตฺถํ ภควา ตสฺส สุฏฺุตรํ สํวิคฺคหทยสฺส ภวโต มุจฺจิตุกามสฺส ภวาภวูปายานิสํสกถํ ปมเมว กเถสีติ? สพฺพภวาทีนวทสฺสนตฺถํ. โส หิ มนุสฺสโลกสฺเสว อุปทฺทุตอุปสฏฺภาวํ อทฺทส, น สคฺคานนฺติ กทาจิ สคฺคโลกํ สุขโต มฺเยฺย. ตตฺถ สุขสฺเน นิพฺพานาภิมุขํ จิตฺตํ เปเสยฺยาติ สคฺคานมฺปิ อาทีนวํ ทสฺเสตุกามตาย อนุปุพฺพึ กถํ อารภิ. เอตฺถ ทานํ, ทานานิสํสํ, สีลานิสํสฺจ กเถนฺโต ทานสีลกถํ กเถติ นาม. สคฺควณฺณํ กเถนฺโต สคฺคกถํ กเถติ นาม. ตตฺถ วตฺถุกามกิเลสกามานํ อนิจฺจตํ, อปสาทตํ, มหาทีนวตฺจ กเถนฺโต กามานํ อาทีนวํ, โอการํ, สํกิเลสฺจ ปกาเสติ. เนกฺขมฺเม ตทภาวโต จ ตํนิสฺสรณโต จ ตพฺพิปรีตํ อานิสํสํ กเถนฺโต เนกฺขมฺเม อานิสํสํ ปกาเสติ นาม. ตตฺถ โอการนฺติ อวการํ ลามกภาวํ. สํกิเลสนฺติ สํกิลิสฺสนํ พาธนํ อุปตาปนํ วาติ อตฺโถ. กลฺลจิตฺตํ ปฺินฺทฺริยสฺส อานุภาเวน, ทิฏฺิโยควิจิกิจฺฉาโยคานํ ปฺินฺทฺริเยน วิหตตฺตา. มุทุจิตฺตํ สตินฺทฺริยสมาโยเคน, วิหึสาสารมฺภาทิกิเลสปเวสํ นิวาเรตฺวา จิตฺตมุทุตาทิกุสลธมฺมปฺปเวสนํ กโรนฺตํ สหชาตํ จิตฺตํ มุทุํ กโรติ. สมาธินฺทฺริยสฺส อานุภาเวน วินีวรณจิตฺตํ. ตฺหิ วิเสสโต นีวรณวิปกฺขภูตนฺติ. วีริยินฺทฺริยวเสน อุทคฺคจิตฺตํ. ตฺหิ ถินมิทฺธสงฺขาตลีนภาววิปกฺขนฺติ. สทฺธินฺทฺริยสฺส อานุภาเวน ปสนฺนจิตฺตํ ตสฺส ปสาทลกฺขณตฺตา. สามุกฺกํสิกาติ เอตํ วิสยวเสน เทสนํ อุปาลิตฺเถโร ปกาเสติ. สจฺจานิ หิ สามุกฺกํสิกเทสนาย วิสยานิ. อฺถา ทุกฺขาทีนิ สามุกฺกํสิกา ธมฺมเทสนาติ อาปชฺชติ ตสฺส วิภาวเน สจฺจานํ นิทฺทิฏฺตฺตา.

๒๗. จตุทฺทิสาติ จตูสุ ทิสาสุ. อภิสงฺขเรสีติ อภิสงฺขริ. กิมตฺถนฺติ เจ? อุภินฺนํ ปฏิลภิตพฺพวิเสสนฺตรายนิเสธนตฺถํ. ยทิ โส ปุตฺตํ ปสฺเสยฺย, ปุตฺตสฺสปิ ธมฺมจกฺขุปฏิลาโภ อรหตฺตุปฺปตฺติ, เสฏฺิสฺสปิ ธมฺมจกฺขุปฏิลาโภ น สิยา. ทิฏฺสจฺโจปิ ‘‘เทหิ เต มาตุยา ชีวิต’’นฺติ วทนฺโต กิมฺํ น กเรยฺย. ยโสปิ ตํ วจนํ สุตฺวา อรหาปิ สมาโน สยํ อปฺปฏิกฺขิปิตฺวา ภควนฺตํ อุลฺโลเกนฺโต กิมฺาย สณฺเหยฺย.

๒๘. อุโภหิปิ ปตฺตพฺพวิเสสโกฏิยา ปตฺตตฺตา ภควา ปุน ตํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภสิ. ปุพฺเพ อคาริกภูโตติ ตสฺส โสตาปนฺนกาลํ สนฺธายาห. โสตาปนฺโน หิ อคารมชฺเฌ วสนารหตฺตา อคาริยภูโต นาม โหติ อปพฺพชิโต. สมฺปติ ปพฺพชิโต สมาโน อคารมชฺฌวสนสฺส อภพฺพตฺตา ‘‘อคาริโก’’ติ น วุจฺจติ, ตสฺมา เอวมาห. ยสฺส ทิฏฺโติ สมฺพนฺโธ, เยน ทิฏฺโติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘เสยฺยถาปิ ปุพฺเพ อคาริกภูโต’’ติ วจเนน ลทฺธนยตฺตา ปจฺฉา คหปติ คิหิเวสธาริเมว ยสํ สนฺธายาห ‘‘ยเสน กุลปุตฺเตน ปจฺฉาสมเณนา’’ติ. ตตฺถ จร พฺรหฺมจริยนฺติ อาภิสมาจาริกสีลํ พฺรหฺมจริยํ จร ปริปูเรหิ ตาว, ยาว สมฺมาทุกฺขสฺสนฺตกิริยา, ยาว จุติจิตฺตาติ อธิปฺปาโย. ลิงฺคพฺรหฺมจริยํ สนฺธายาติ โปราณา, ตฺจ ยุตฺตํ. ลิงฺคมตฺตฺหิ สนฺธาย โส อายสฺมา ‘‘ลเภยฺยาหํ, ภนฺเต, ปพฺพชฺชํ อุปสมฺปท’’นฺติ อาห.

กิมตฺถํ ภควา ยสสฺส มาตุ, ปชาปติยา จ ภตฺตกิจฺจํ อกตฺวาว ธมฺมํ เทเสสีติ? ยสสฺส ปพฺพชฺชาย โสกสลฺลสมปฺปิตตฺตา ทานฺจ โสมนสฺสิกจิตฺเตน น ทเทยฺยุํ, สตฺถริ จ โทมนสฺสปฺปตฺตา หุตฺวา มคฺคปฏิเวธมฺปิ น ลเภยฺยุนฺติ ภควา ปมํ ตาว ตา วิคตโสกสลฺลหทยาโย กตฺวา ปุน ภตฺตกิจฺจํ อกาสิ.

๓๐. เสฏฺานุเสฏฺีนนฺติ อนุกฺกมเสฏฺีนนฺติ โปราณา. ‘‘เสฏฺิโน จานุเสฏฺิโน จ ยานิ กุลานิ, ตานิ เสฏฺานุเสฏฺานิ กุลานิ, เตสํ เสฏฺานุเสฏฺีนํ กุลาน’’นฺติ ลิขิตํ. ธมฺมวินโยติ สาสนพฺรหฺมจริยํ ปาวจนนฺติ อิธ อตฺถโต เอกํ. อถ วา ธมฺเมน วินโย, น ทณฺฑสตฺเถหีติ ธมฺมวินโย, ธมฺมาย วินโย, น หึสตฺถนฺติ วา ธมฺมโต วินโย, นาธมฺมโตติ วา ธมฺโม วินโย, นาธมฺโมติ วา ธมฺมานํ วินโย, น อฺเสนฺติ วา ธมฺมกายตฺตา, ธมฺมสามิตฺตา วา ธมฺโม ภควา, ตสฺส ธมฺมสฺส วินโย, น ตกฺกิกานนฺติ วา ธมฺมวินโย. สมานาธิกรณวเสน วา ธมฺมวินโย นีลุปฺปลํ วิย, ธมฺโม จ วินโย จาติ ธมฺมวินโย ผลาผลํ วิย นปุํสกมิติ ปุลฺลิงฺคาปเทสโต อสฺส ลิงฺคภาโว สิทฺโธ, ยสฺส วา ธมฺโม วินโย, โส ธมฺมวินโย เสตปโฏ ปุริโส วิย, ธมฺเมน ยุตฺโต วา วินโย ธมฺมวินโย อสฺสรโถ วิยาติ เอวมาทินา นเยน โยชนา เวทิตพฺพา.

๓๔. ‘‘ขณฺฑสีมํ เนตฺวา’’ติ ภณฺฑุกมฺมาโรจนปฏิหรณตฺถํ วุตฺตํ. เตน ‘‘สภิกฺขุเก วิหาเร อฺมฺปิ เอตสฺส เกเส ฉินฺทา’’ติ วตฺตุํ น วฏฺฏตีติ. ปพฺพาเชตฺวาติ อิมสฺส อธิปฺปายปกาสนตฺถํ ‘‘กาสายานิ อจฺฉาเทตฺวา เอหี’’ติ วุตฺตํ. อุปชฺฌาโย เจ เกสมสฺสุโอโรปนาทีนิ อกตฺวา ปพฺพชตฺถํ สรณานิ เทติ, น รุหติ ปพฺพชฺชา. กมฺมวาจํ สาเวตฺวา อุปสมฺปาเทติ, รุหติ อุปสมฺปทา. อปฺปตฺตจีวรานํ อุปสมฺปทาสิทฺธิทสฺสนโต, กมฺมวิปตฺติยา อภาวโต เจตํ ยุชฺชเตวาติ เอเก. โหติ เจตฺถ –

‘‘สลิงฺคสฺเสว ปพฺพชฺชา, วิลิงฺคสฺสาปิ เจตรา;

อเปตปุพฺพเวสสฺส, ตํ ทฺวยํ อิติ จาปเร’’ติ.

ภิกฺขุนา หิ สหตฺเถน วา อาณตฺติยา วา ทินฺนเมว กาสาวํ วฏฺฏติ, อทินฺนํ น วฏฺฏตีติ ปน สนฺเตสฺเวว กาสาเวสุ, นาสนฺเตสุ อสมฺภวโตติ เตสํ อธิปฺปาโย. เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, ปพฺพาเชตพฺโพ อุปสมฺปาเทตพฺโพ. ปมํ…เป…อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อิเมหิ ตีหิ สรณคมเนหิ ปพฺพชฺชํ อุปสมฺปทนฺติ เอตฺถ อิมินา อนุกฺกเมน ทินฺเนหิ ตีหิ สรณคมเนหิ ปพฺพชฺชํ อุปสมฺปทํ อนุชานามิ เกวเลหีติ อธิปฺปายทสฺสนโต –

อาทินฺนปุพฺพลิงฺคสฺส, นคฺคสฺสาปิ ทฺวยํ ภเว;

เนตรสฺสาติ โน ขนฺติ, สพฺพปาานุโลมโตติ. –

อาจริโย . อาจริเยน อทินฺนํ น วฏฺฏตีติ เอตฺถ ‘‘ปพฺพชฺชา น รุหตีติ วทนฺตี’’ติ ลิขิตํ. โปราณคณฺิปเทปิ ตเถว ลิขิตํ. อุราทีนิ านานิ นาม. สํวุตาทีนิ กรณานิ นาม. ‘‘อนุนาสิกนฺตํ กตฺวา เอกสมฺพนฺธํ กตฺวา ทานกาเล อนฺตรา อฏฺตฺวา วตฺตพฺพํ. วิจฺฉินฺทิตฺวา ทาเนปิ ยถาวุตฺตฏฺาเน เอว วิจฺเฉโท, อฺตฺร น วฏฺฏตี’’ติ ลิขิตํ. อนุนาสิกนฺเต ทิยฺยมาเน ขลิตฺวา ‘‘พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามี’’ติ มกาเรน มิสฺสีภูเต เขตฺเต โอติณฺณตฺตา วฏฺฏตีติ อุปติสฺสตฺเถโร. มิสฺสํ กตฺวา วตฺตุํ วฏฺฏติ, วจนกาเล ปน อนุนาสิกฏฺาเน วิจฺเฉทํ อกตฺวา วตฺตพฺพนฺติ ธมฺมสิริตฺเถโร. ‘‘เอวํ กมฺมวาจายมฺปี’’ติ วุตฺตํ. อุภโตสุทฺธิยาว วฏฺฏตีติ เอตฺถ มหาเถโร ปติตทนฺตาทิการณตาย อจตุรสฺสํ กตฺวา วทติ, พฺยตฺตสามเณโร สมีเป ิโต ปพฺพชฺชาเปกฺขํ พฺยตฺตํ วทาเปติ. มหาเถเรน อวุตฺตํ วทาเปตีติ น วฏฺฏติ. กมฺมวาจาย อิตโร ภิกฺขุ เจ วทติ, วฏฺฏตีติ. สงฺโฆ หิ กมฺมํ กโรติ, น ปุคฺคโลติ. น นานาสีมปวตฺตกมฺมวาจาสามฺนเยน ปฏิกฺขิปิตพฺพตฺตา. อถ เถเรน จตุรสฺสํ วุตฺตํ ปพฺพชฺชาเปกฺขํ วตฺตุํ อสกฺโกนฺตํ สามเณโร สยํ วตฺวา วทาเปติ, อุภโตสุทฺธิ เอว โหติ เถเรน วุตฺตสฺเสว วุตฺตตฺตา. พุทฺธํ สรณํ คจฺฉนฺโต อสาธารเณ พุทฺธคุเณ, ธมฺมํ สรณํ คจฺฉนฺโต นิพฺพานํ, สงฺฆํ สรณํ คจฺฉนฺโต เสกฺขธมฺมํ, อเสกฺขธมฺมฺจ สรณํ คจฺฉตีติ อคฺคหิตคฺคหณวเสน โยชนา กาตพฺพา. อฺถา สรณตฺตยสงฺกรโทโส. สพฺพมสฺส กปฺปิยากปฺปิยนฺติ ทสสิกฺขาปทวินิมุตฺตํ ปรามาสาปรามาสาทิ. ‘‘อาภิสมาจาริเกสุ วิเนตพฺโพ’’ติ วจนโต เสขิยอุปชฺฌายวตฺตาทิอาภิสมาจาริกสีลมเนน ปูเรตพฺพํ. ตตฺถ จาริตฺตสฺส อกรเณ วาริตฺตสฺส กรเณ ทณฺฑกมฺมารโห โหตีติ ทีเปติ.

ปพฺพชฺชากถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ทุติยมารกถาวณฺณนา

๓๕. ‘‘เตน เหตุนา’’ติ วจนโต ปาฬิยํ ‘‘โยนิโสมนสิการาสมฺมปฺปธานา’’ติ เหตฺวตฺเถ นิสฺสกฺกวจนนฺติ เวทิตพฺพํ.

ทุติยมารกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

อุรุเวลปาฏิหาริยกถาวณฺณนา

๓๗-๘. วเสยฺยามาติ ‘‘ตฺวฺจ อหฺจ วเสยฺยามา’’ติ ปิยวจเนน ตสฺส สงฺคณฺหนตฺถํ วุตฺตํ กิร. เตชสา เตชนฺติ อานุภาเวน อานุภาวํ. เตโชธาตุยา วา เตโชธาตุํ. อุภินฺนํ สโชติภูตานนฺติ อนาทรตฺเถ สามิวจนํ, ภาวสตฺตมีอตฺเถ วา. อคฺยาคารเมว อาทิตฺตํ, น ตตฺถ วสนโก สตฺตชาติโก. อจินฺเตยฺโย หิ อิทฺธิวิสโย. กสฺมา ปน ภควา อคฺยาคารมฺปิ อนาทิตฺตํ นาธิฏฺาสีติ? อตฺตโน ทุกฺขุปฺปาทาภาวสฺส อนติวิมฺหาทิภาวปฺปสงฺคโต. กิมตฺถํ ปรสนฺตกํ มหาสมฺภารปวตฺตํ ตํ วินาเสตีติ? ปุน ยถาโปราณํ อิทฺธานุภาเวน กตฺตุกามตาธิปฺปายโต. ปริยาทินฺโนติ ขยํ นีโต. เตชสา เตชนฺติ อานุภาเวน อานุภาวํ. อคฺยาคารสฺส ปริตฺตตฺตา อิตโร อตฺโถ น สมฺภวติ. อยมตฺโถ ‘‘มกฺขํ อสหมาโน’’ติ อิมินา อติวิย สเมติ. อิทฺธานุภาวมกฺขนฺหิ ตตฺถ มกฺโข นาม. ปตฺเตนาติ ปทุมปตฺเตนาติปิ โปราณา. ปทุมินิสณฺเฑ ิโต หิ ภควา ตตฺถ อโหสีติ เตสํ มติ.

๓๙. ทินฺนนฺติ อนุมตินฺติ อตฺโถ. อภีโต นิพฺภโย. กสฺมา? ยโต โส มคฺเคน ภยมตีโต. ‘‘สุมนมนโสติ สุนฺทรจิตฺตสงฺขาตมโน. สุมโน เอว วา’’ติ ลิขิตํ. เตโชวาติ อคฺคิ วิย. ธาตุกุสโลติ เตโชธาตุมฺหิ กุสโล. ‘‘พฺยวหิตา เจ’’ติ สทฺทลกฺขณตฺตา จ อุปสคฺโค. เตโชธาตุสมาปตฺตีสุ กุสโล อิจฺเจวตฺโถ. อุทิจฺฉเรติ อุลฺโลเกสุํ. ‘‘สํปริวาเรสุ’’นฺติ จ ลิขิตํ. อิติ เอวํ ภณนฺตีติ อตฺโถ. หตาติ สมาติ อตฺโถ, กาฬกาว โหนฺตีติ กิเรตฺถ อธิปฺปาโย. อีสกมฺปิ พฺยาปารํ อกตฺวา อุปสมานุรูปํ ติฏฺนฺติ. เย จ อเนกวณฺณา อจฺจิโย โหนฺตีติ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘นีลา อถ โลหิติกา’’ติอาทิมาห.

๔๐. จตุทฺทิสาติ จตูสุ ทิสาสุ.

๔๔. ปํสุกูลํ อุปฺปนฺนนฺติ ปริเยสมานสฺส ปฏิลาภวเสน อุปฺปนฺนํ โหติ. จิตฺตวิจิตฺตปาฏิหีรทสฺสนตฺถาย จ สา ปริเยสนา. สา อยํ สายํ. ตา อิมา ตยิมา. ทฺเว เอกโต คเหตฺวา วทติ. อายามิ อหํ อายมหํ. เอตนฺติ เอตสฺส. ยถา มยนฺติ ยสฺมา มยํ.

๕๐-๕๑. อุทกวาหโกติ อุทโกโฆ. อุทกโสโตติ โปราณา. ‘‘ยาย ตฺว’’นฺติ ปุพฺพภาควิปสฺสนาปฏิปทํ สนฺธาย วุตฺตํ. จิรปฏิกาติ จิรปภุติ, นาคทมนโต ปฏฺาย จิรปฏิกา. ‘‘จิรปฏิสงฺขา’’ติปิ วทนฺติ. เกสมิสฺสนฺติอาทิมฺหิ อพฺโพกิณฺณํ วิสุํ วิสุํ พนฺธิตฺวา ปกฺขิตฺตตฺตา เกสาทโยว เกสมิสฺสาติ โปราณา. ขาริกาชมิสฺสนฺติ เอตฺถ ขารี วุจฺจติ ตาปสปริกฺขาโร. ชฏิเล ปาเหสีติ ทฺเว ตโย ตาปเส ปาเหสิ. ‘‘โสฬสาติเรกอฑฺฒอุฑฺฒานิ ปาฏิหาริยสหสฺสานี’’ติ วุตฺตํ.

๕๔. อคฺคิหุตฺเต กตปริจยตฺตา ภควา เตสํ อาทิตฺตปริยาย-มภาสิ (สํ. นิ. ๔.๒๘). ตตฺถ เอกจฺจํ อารมฺมณวเสน อาทิตฺตํ จกฺขาทิ ราคคฺคินา, เอกจฺจํ สมฺปโยควเสน จกฺขุสมฺผสฺสปจฺจยา เวทยิตาทิเกเนว, เอกจฺจํ อภิภูตตฺเถน จกฺขาทิ เอว ชาติอาทินา , เอกจฺจํ ปจฺจยตฺเถน, ตเทว โสกาทินาติ ยถาสมฺภวเมตฺถ อาทิตฺตตา เวทิตพฺพา. เอตฺถ กิฺจาปิ ทุกฺขลกฺขณเมเวกํ ปากฏํ, ตทนุสาเรน ปน อิตรํ ลกฺขณทฺวยมฺปิ เตหิ ทิฏฺนฺติ เวทิตพฺพํ ทุกฺขาการสฺส อิตราการทีปนโต. สนฺตสุขตณฺหาภินิวิฏฺตฺตา ปเนสํ ทุกฺขลกฺขณปุพฺพงฺคมา เทสนา กตาติ เวทิตพฺพา.

อุรุเวลปาฏิหาริยกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

พิมฺพิสารสมาคมกถาวณฺณนา

๕๕-๗. วตฺถุกามภูตา อิตฺถิโย กามิตฺถิโย. ทุติยาทโย อสฺสาสกา. ยสฺมา อนุปฺปนฺเน เอว ภควติ พุทฺธโกลาหลํ โลเก ปมเมว วสฺสสหสฺสํ อุปฺปชฺชติ. พฺรหฺมาโน จ พฺราหฺมณวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา เวเทสุ สหสฺสตฺตยมตฺตํ พุทฺธปฏิสํยุตฺตํ ปริยตฺตึ ปกฺขิปิตฺวา วาเจนฺติ, ภควโต ชาติโต ปฏฺาย จ พุทฺธกถา ลกฺขณฺูหิ พฺราหฺมเณหิ อุปฺปาทิตา, ปตฺถฏา โลเก, ตสฺมา ยุชฺชนฺติ, น อฺถา. ‘‘ตมทฺทส พิมฺพิสาโร, ปาสาทสฺมึ ปติฏฺิโต’’ติอาทิคาถาหิ โพธิสตฺตกาเล เอว อภิสิตฺตตา พิมฺพิสารสฺส สิทฺธา.

๕๘. อิธาวุโส ขีณาสโว ภิกฺขุ ปฺจงฺควิปฺปหีโน โหติ ฉฬงฺคสมนฺนาคโต เอการกฺโข จตุราปสฺเสโน ปณุนฺนปจฺเจกสจฺโจ สมวยสฏฺเสโน อนาวิลสงฺกปฺโป ปสฺสทฺธกายสงฺขาโร สุวิมุตฺตจิตฺโต สุวิมุตฺตปฺโติ (ที. นิ. ๓.๓๔๘, ๓๖๐; อ. นิ. ๑๐.๑๙) ทส อริยวาสา นาม. รูปารูปสมาปตฺติโย อฏฺ นิโรธสมาปตฺติ มหากรุณาสมาปตฺตีติปิ โปราณา. ตตฺถ นีวรณา ปฺจงฺคา จ. ฉฬงฺคุเปกฺขา ฉฬงฺคา. สตารกฺเขน เอการกฺขา. สงฺขาย เอกํ ปฏิเสวติ, อธิวาเสติ, ปริวชฺเชติ, สงฺขาย เอกํ วิโนเทตีติ อยํ จตุราปสฺเสโน. ปุถุสมณพฺราหฺมณานํ ปุถุปจฺเจกสจฺจานิ จตฺตาริ ปหีนานิ, เอวํ ปณุนฺนปจฺเจกสจฺโจ. กาเมสนา ภเวสนา ปหีนา โหติ, พฺรหฺมจริเยสนา ปฏิปฺปสฺสทฺธา, เอวํ สมวยสฏฺเสโน. กามพฺยาปาทวิหึสาสงฺกปฺโป ปหีโน โหติ, เอวํ อนาวิลสงฺกปฺโป, สุขสฺส จ ปหานา…เป… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ เอวํ สุวิมุตฺตจิตฺโต โหติ. ราโค ปหีโน อุจฺฉินฺนมูโล…เป… อนุปฺปาทธมฺโมติ ปชานาติ, โทโส, โมโห อนุปฺปาทธมฺโมติ ปชานาติ, เอวํ สุวิมุตฺตปฺโติ.

‘‘านาานํ วิปากฺจ, าณํ สพฺพตฺถคามินึ;

อเนกธาตุโย โลกํ, อธิมุตฺติฺจ ปาณินํ.

‘‘ชานาติ อินฺทฺริยานฺจ, ปโรปริยตํ มุนิ;

ฌานาทิสํกิเลสาทิ-าณํ วิชฺชตฺตยํ ตถา’’ติ. –

อิมานิ ทส พลานิ. อเสกฺขงฺคานิ นาม อเสกฺขา สมฺมาทิฏฺิ…เป… อเสกฺขวิมุตฺติ อเสกฺขวิมุตฺติาณทสฺสนนฺติ. ตตฺถ ทสมํ อเสกฺขํ. เอเตหิ ทสหิ จุเปโต ปารมีหีติ โปราณา.

พิมฺพิสารสมาคมกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานปพฺพชฺชากถาวณฺณนา

๖๐. กึ กาหสีติ กึ กาหติ. ‘‘กึ กโรติ, กึ กโรสี’’ติ วา พฺยฺชนํ พหุํ วตฺวาติ อตฺโถ. ปฏิปาเทนฺโตติ นิคเมนฺโต. ‘‘ปจฺจพฺยถา , ปจฺจพฺยถ’’นฺติปิ ปนฺติ. กปฺปนหุเตหีติ เอตฺถ ทสกานํ สตํ สหสฺสํ, สหสฺสานํ สตํ สตสหสฺสํ, สตสหสฺสานํ สตํ โกฏิ, โกฏิสตสหสฺสานํ สตํ ปโกฏิ, ปโกฏิสตสหสฺสานํ สตํ โกฏิปโกฏิ, โกฏิปโกฏิสตสหสฺสานํ สตํ นหุตนฺติ เวทิตพฺพํ. กปฺปนหุเตหีติ เอวมนุสารโต อพฺภตีตํ นามาติ ขนฺธกภาณกานํ ปาโติ.

๖๓. ‘‘กุลจฺเฉทายา’’ติ ปาโ, กุลุปจฺเฉทายาติ อตฺโถ. มนุสฺสา ‘‘ธมฺเมน กิร สมณา สกฺยปุตฺติยา นยนฺติ, นาธมฺเมนา’’ติ น ปุน โจเทสุนฺติ เอวํ ปาเสเสน สมฺพนฺโธ กาตพฺโพ.

เอตฺตาวตา เถโร นิทานํ นิฏฺเปสีติ เวทิตพฺพํ. โหนฺติ เจตฺถ –

‘‘ยํ ธมฺมเสนาปติ เอตฺถ มูล-

คนฺถสฺส สิทฺธิกฺกมทสฺสเนน;

นิทานนิฏฺานมกํสุ ธมฺม-

สงฺคาหกา เต วินยกฺกมฺู.

‘‘นิทานลีนตฺถปทานเมว,

นิทานิฏฺานมิทํ วิทิตฺวา;

อิโต ปรํ เจ วินยตฺถยุตฺต-

ปทานิ วีมํสนเมว เยฺย’’นฺติ.

สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานปพฺพชฺชากถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

อุปชฺฌายวตฺตกถาวณฺณนา

๖๔. พุทฺธุปชฺฌายกานํ อิตเรสํ เอหิภิกฺขูนํ นิวาสนปารุปนกปฺปโต เนสํ วิสุํ วิสุํ สทิสตฺตา ‘‘ทุนฺนิวตฺถา ทุปฺปารุตา อนากปฺปสมฺปนฺนา’’ติ วุตฺตา. น เกวลฺจ อิตฺถมฺภูตา ปิณฺฑาย จรนฺติ, อปิจ มนุสฺสานํ ภุฺชมานานํ อุปรีติอาทิ. มนุสฺสา อุชฺฌายนฺติ ปิปาสาสหนโต, อิตเรสํ อากปฺปสมฺปตฺติยา ปสนฺนตฺตา จ.

๖๕. เกน โก อุปชฺฌาโย คเหตพฺโพติ? ‘‘ตทา โส ยสฺส สนฺติเก ปพฺพาชิโต, เอตรหิ ยสฺส สนฺติเก อุปสมฺปทาเปกฺโข โหติ. อุปชฺฌาเยน จ สาธูติ สมฺปฏิจฺฉนํ สนฺธายา’’ติ เกหิจิ ลิขิตํ. ตํ เต เอวํ ชานนฺติ ‘‘อุปชฺฌาเยน ‘สาหู’ติอาทินา สมฺปฏิจฺฉิเต สทฺธิวิหาริกสฺส ‘สาธุ สุฏฺุ สมฺปฏิจฺฉามี’ติ วจนํ เกวลํ ภิกฺขูหิ อาจิณฺณเมว, น กตฺถจิ ทิสฺสติ, ตสฺมา วินาปิ เตน อุปชฺฌาโย คหิโตว โหตี’’ติ. ตตฺถ สาหูติ สาธูติ วุตฺตํ โหติ. ลหูติ ลหุ, ตฺวํ มม น ภาริโยสีติ วุตฺตํ โหติ. โอปายิกนฺติ อุปายปฏิสํยุตฺตํ, อิมินา อุปาเยน ตฺวํ เม อิโต ปฏฺาย ภาโร ชาโตสีติ อตฺโถ. ปติรูปนฺติ อนุรูปํ เต อุปชฺฌายคฺคหณนฺติ อตฺโถ.

๖๖. ตาทิสเมว มุขโธวโนทกํ อุตุมฺหิ เอกสภาเคติ. อิโต ปฏฺายาติ ‘‘น อุปชฺฌายสฺส ภณมานสฺสา’’ติ เอตฺถ วุตฺตน-การโต ปฏฺาย. เตน ‘‘นาติทูเร คนฺตพฺพํ, นาจฺจาสนฺเน คนฺตพฺพ’’นฺติ เอตฺถ วุตฺตน-กาเรน อนาปตฺตีติ ทีเปตีติ เอเก. สจิตฺตกา อยํ อาปตฺติ, อุทาหุ อจิตฺตกาติ? อนาทริยปจฺจยตฺตา สจิตฺตกา. อนาทริยปจฺจยตา กถํ ปฺายตีติ เจ? อนาทริยปจฺจเยหิ สงฺคหิตนฺติ. ปาติโมกฺขุทฺเทเส เสขิยานํ คณปริจฺเฉทากรณฺหิ ขนฺธกปริยาปนฺนาปตฺติยา สงฺคณฺหนตฺถํ. อิทํ ปน ลกฺขณํ จาริตฺเตเยว เวทิตพฺพํ, น วาริตฺเต อกปฺปิยมํสขาทนาทิอาปตฺตีนํ อจิตฺตกตฺตา. ขนฺธกวาริตฺตานํ เตหิ สงฺคโห, เสขิยวาริตฺเตเยว อจิตฺตเกหิ สูโปทนวิฺตฺติปจฺจยาทีหีติ อาจริโย. ยตฺถ ยตฺถ -กาเรน ปฏิเสโธ กรียติ, กึ สพฺพตฺถ ทุกฺกฏาปตฺตีติ? อาม. ยตฺถ อฏฺกถาย นโย น ทสฺสิโต, ตตฺถ สพฺพตฺถ. ปรโต หิ อฏฺกถายํ ‘‘สเจ ปน กาฬวณฺณกตา วา สุธาพทฺธา วา โหติ นิรชมตฺติกา, ตถารูปาย ภูมิยา เปตุํ วฏฺฏตี’’ติอาทินา นเยน นโย ทสฺสิโต.

เอตฺถาห – ยสฺมา ปาฬิยํเยว ‘‘สเจ อุปชฺฌายสฺส อนภิรติ อุปฺปนฺนา โหติ, ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺนํ โหตี’’ติ (มหาว. ๖๖) ภควโต วจนวเสน อฏฺกถายํ วุตฺตนโย ยุตฺโตติ ทสฺเสตุํ ‘‘นาติทูเร นาจฺจาสนฺเน’’ติ เอตฺถ โก ภควโต วจนเลโสติ? วุจฺจเต – ‘‘ปมตรํ อาคนฺตฺวา อาสนํ ปฺาเปตพฺพ’’นฺติอาทีนิ วทนฺติ เทสนิยมนโต. อุปชฺฌาเยน อนุมตํเยว ปมคมนนฺติ เจ? น, อสิทฺธตฺตา, สิทฺเธปิ ยถาวุตฺตนยสิทฺธิโต จ . น หิ วาริตฺตสฺส อนุมติ อนาปตฺติกรา โหติ, เอวํ สนฺเตปิ วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ. โกฏฺกนฺติ ทฺวารโกฏฺกํ. น นิสฺสชฺชิตพฺพํ, น นิทหิตพฺพํ วา.

อุปชฺฌายวตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

นสมฺมาวตฺตนาทิกถาวณฺณนา

๖๘. อธิมตฺตํ เคหสฺสิตเปมํ น โหตีติ เอตฺถ เคหสฺสิตเปมํ น อกุสลมิจฺเจว ทฏฺพฺพํ ขีณาสวานมฺปิ สาธารณตฺตา อิมสฺส ลกฺขณสฺส. น ขีณาสวานํ อสมฺมาวตฺตนาภาวโตติ เจ? น, เตสํ น ปณาเมตพฺพํ ตํสมนฺนาคมนสิทฺธิโต, ตสฺมา ‘‘มเมส ภาโร’’ติ มมตฺตกรณํ ตตฺถ เปมนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘เอโก วตฺตสมฺปนฺโน…เป… เตสํ อนาปตฺตี’ติ เอตฺถ วิย สเจ เอโก วตฺตสมฺปนฺโน ภิกฺขุ ‘ภนฺเต, ตุมฺเห อปฺโปสฺสุกฺกา โหถ, อหํ ตุมฺหากํ สทฺธิวิหาริกํ, อนฺเตวาสิกํ วา คิลานํ วา อุปฏฺหิสฺสามิ, โอวทิตพฺพํ โอวทิสฺสามิ, อิติ กรณีเยสุ อุสฺสุกฺกํ อาปชฺชิสฺสามี’ติ วทติ, เต เอวาสทฺธิวิหาริกาทโย ‘ภนฺเต, ตุมฺเหว เกวลํ อปฺโปสฺสุกฺกา โหถา’ติ วทนฺติ, วตฺตํ วา น สาทิยนฺติ, ตโต ปฏฺาย อาจริยุปชฺฌายานํ อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตํ.

นสมฺมาวตฺตนาทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ราธพฺราหฺมณวตฺถุกถาวณฺณนา

๗๓. ‘‘ปูติมุตฺตนฺติ มุตฺตํ ปูติกาโย วิยา’’ติ วตฺวาปิ ‘‘ปูติภาเวน มุตฺตํ ปฏินิสฺสฏฺํ เภสชฺชํ ปูติมุตฺตเภสชฺช’’นฺติ ลิขิตํ. สพฺพตฺถ อิตฺถนฺนาโมติ เอโกว น-กาโร โหติ.

ราธพฺราหฺมณวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

อาจริยวตฺตกถาวณฺณนา

๗๖. ‘‘อายสฺมโต นิสฺสาย วจฺฉามี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อายสฺมโต โอวาทํ นิสฺสาย วสามี’’ติ ปาเสสวเสน เวทิตพฺพา. นิสฺสายาติ วา นิสฺสยา, นิสฺสเยนาติ วุตฺตํ โหติ. อายสฺมโตติ วา อุปโยคตฺเถ สามิวจนํ.

อาจริยวตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

นิสฺสยปฏิปฺปสฺสทฺธิกถาวณฺณนา

๘๓. ทิสํ คโตติ ตตฺถ ธุรนิกฺขิตฺตวาโส หุตฺวา ติโรคามํ คโต. ยตฺถ นิสฺสโย ลพฺภติ, ตตฺถ คนฺตพฺพนฺติ เอตฺถาปิ อุปชฺฌาเย วุตฺตนเยเนว ‘‘กติปาเหน คมิสฺสามี’’ติ คมเน เจส อุสฺสาโห รกฺขติ. มา อิธ ปฏิกฺกมีติ มา อิธ คจฺฉ. สภาคา นาม อุปชฺฌายสฺส สิสฺสา. ตตฺถ นิสฺสยํ คเหตฺวา. ยทิ เอวํ โก วิเสโสติ เจ? เตน อิทํ วุจฺจติ ‘‘อปฺเปว นาม ขเมยฺยา’’ติ. วสิตุํ วฏฺฏตีติ อุปชฺฌาเยน ปริจฺจตฺตตฺตา อุปชฺฌายสโมธานํ นิรตฺถกนฺติ อตฺโถ. สเจ อุปชฺฌาโย จิเรน อนุคฺคเหตุกาโม โหติ, ตโต ปฏฺาย อุปชฺฌาโยว นิสฺสโย. อุปชฺฌาโย เจ อลชฺชี โหติ, สทฺธิวิหาริเกน อเนกกฺขตฺตุํ วาเรตฺวา อวิรมนฺตํ อุปชฺฌายํ ปหาย วินาปิ นิสฺสยปณามเนน อฺสฺส สนฺติเก นิสฺสยํ คเหตฺวา วสิตพฺพํ. อุปชฺฌายสฺส เจ ลิงฺคํ ปริวตฺตติ, เอกทิวสมฺปิ น รกฺขติ. ปกฺขปณฺฑโก เจ โหติ, นิสฺสยชาติโก เจ ‘‘อุปชฺฌายสฺส สุกฺกปกฺขํ อาคเมหี’’ติ วทติ, สยเมว วา อาคเมติ, วฏฺฏติ. อุปชฺฌาโย เจ อุกฺเขปนิยกมฺมกโต โหติ, นานาสํวาสกภูมิยํ ิตตฺตา นิสฺสโย ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. สมฺมาวตฺตนฺตํ ปน ปสฺสิตฺวา กมฺมปฏิปฺปสฺสทฺธึ อาคเมตุํ ลภติ. มานตฺตาจารี เจ โหติ, อพฺภานํ อาคเมตพฺพํ. ทีฆํ เจ ปริวาสํ จรติ, อฺสฺส สนฺติเก นิสฺสโย คเหตพฺโพ, อุปชฺฌายสโมธานํ อปฺปมาณํ. ปริวาสมานตฺตจารินา หิ น นิสฺสโย ทาตพฺโพ. ยํ ปน ปาริวาสิกกฺขนฺธกฏฺกถายํ วุตฺตํ ‘‘สทฺธิวิหาริกานมฺปิ สาทิยนฺตสฺส ทุกฺกฏเมวา’’ติอาทิ (จูฬว. อฏฺ. ๗๕), ตํ ยถาวุตฺตมตฺถํ สาเธติ เอว. ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘สเจ สทฺธาปพฺพชิตา กุลปุตฺตา ‘ตุมฺเห, ภนฺเต, วินยกมฺมมตฺตํ กโรถา’’ติ วตฺวา วตฺตํ กโรนฺติเยว, คามปฺปเวสนํ อาปุจฺฉนฺติเยว, ตํ วาริตกาลโต ปฏฺาย อนาปตฺตี’’ติ. ตํ วตฺตสาทิยนปจฺจยา ทุกฺกฏาภาวมตฺตทีปนตฺถํ, สทฺธิวิหาริกานํ สาเปกฺขตํ วา สนฺธาย วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตสฺมา เต เจ อุปชฺฌาเยน วาริตานุรูปเมว ปฏิปชฺชนฺติ, นิสฺสโย เตสํ ปฏิปฺปสฺสทฺโธติ สิทฺธํ โหติ.

ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวา นิวตฺตตีติ ‘‘เอตฺตาวตา ทิสาปกฺกนฺโต นาม โหติ, ตสฺมา อนฺเตวาสิเก อนิกฺขิตฺตธุเรปิ นิสฺสโย ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. อาจริยุปชฺฌายา ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อนติกฺกมฺม เลฑฺฑุปาตทฺวยพฺภนฺตเร ติโรวิหาเรปิ ปริกฺขิตฺเต, อปริกฺขิตฺเต วา วสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ลิขิตํ. อปริกฺขิตฺเตเยวาติ โน ตกฺโกติ อาจริโย, เอตฺถ ปน อปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขปารหฏฺานโต วิมุตฺเต อฺสฺมึ วิหาเร วสนฺตีติ อธิปฺปาโย. วิหาโรติ เจตฺถ ‘‘ตาทิสสฺส วิหารสฺส อนฺเต ิตา เอกา กุฏิกา อธิปฺเปตาติ อุปติสฺสตฺเถโร’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘สเจ อุโภปิ อาจริยนฺเตวาสิกา เกนจิ…เป… นิสฺสโย น ปฏิปฺปสฺสมฺภตี’’ติ อิมินา สามฺโต วุตฺเตน อฏฺกถาวจเนน ธมฺมสิริตฺเถรวาโท สเมติ. อปริกฺขิตฺเต วาติ ทฺวินฺนํ เลฑฺฑุปาตานํ อนฺโต ปริกฺขิตฺโต วา โหติ อปริกฺขิตฺโต วา. ‘‘พหิสีม’’นฺติ จ วุตฺตตฺตา อนฺโตวิหารสีมายํ ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวาปิ วสิตุํ วฏฺฏตีติ สิทฺธตฺตา ปน อุปติสฺสตฺเถรวาโท น สเมติ. เอกาวาเส หิ ปริกฺขิตฺเต วา อปริกฺขิตฺเต วา อนฺตมโส อนฺโตติโยชเนปิ วสโต นิสฺสโย น ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. โส จ อุปจารสีมาย ปริจฺฉินฺโน, สา จ อุปจารสีมา ปริกฺขิตฺตสฺส วิหารสฺส ปริกฺเขเปน อปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขปารหฏฺาเนน ปริจฺฉินฺโน เอกาวาโส.

อุโปสถกฺขนฺธเก เอกาวาสวิมติยํ สีมาย อนุฺาตตฺตาติ เจ? น, จีวรกฺขนฺธกฏฺกถาย วิจาริตตฺตา. ยถาห ‘‘สีมฏฺกสงฺโฆ ภาเชตฺวา คณฺหาตู’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙). กตรสีมาย ภาเชตพฺพํ? มหาสิวตฺเถโร กิราห ‘‘อวิปฺปวาสสีมายา’’ติ. ตโต นํ อาหํสุ ‘‘อวิปฺปวาสสีมา นาม ติโยชนาปิ โหติ, เอวํ สนฺเต ติโยชเน ิตา ลาภํ คณฺหิสฺสนฺติ, ติโยชเน ตฺวา อาคนฺตุกวตฺตํ ปูเรตฺวา อารามํ ปวิสิตพฺพํ ภวิสฺสติ, คมิโก ติโยชนํ คนฺตฺวา เสนาสนํ อาปุจฺฉิสฺสติ, นิสฺสยปฏิปฺปนฺนสฺส ติโยชนาติกฺกเม นิสฺสโย ปฏิปฺปสฺสมฺภิสฺสติ, ปาริวาสิเกน ติโยชนํ อติกฺกมิตฺวา อรุณํ อุฏฺาเปตพฺพํ ภวิสฺสติ, ภิกฺขุนิยา ติโยชเน ตฺวา อารามปฺปเวสนา อาปุจฺฉิตพฺพา ภวิสฺสติ, สพฺพเมตํ อุปจารสีมาปริจฺเฉทวเสน กาตุํ วฏฺฏตีติ. ตสฺมา อนฺโตอุปจารสีมาย เลฑฺฑุปาตทฺวยํ อติกฺกมิตฺวาปิ วสโต นิสฺสโย ติโยชนาติกฺกเม นิสฺสโย น ปฏิปฺปสฺสมฺภตีติ สิทฺธํ. กามฺเจตฺถ อุปจารสีมาย ติโยชนปฺปมาณาย, อติเรกาย วา ยถาวุตฺตโทสปฺปสงฺโค สิยาติ. สา หิ อาวาเสสุ วฑฺฒนฺเตสุ วฑฺฒติ, ปริหายนฺเตสุ ปริหายตีติ วุตฺตตฺตา, ตสฺมา ตาทิสสฺส วิหารสฺส อนฺเต ิตา เอกา กุฏิ วิหาโรติ อิธาธิปฺเปตา. สาปิ ตสฺเสว วิหารสฺส กุฏิกาว โหตีติ กตฺวา โส อาวาโส โหติ. นานาวาโส เอว เจ อธิปฺเปโต, ‘‘อนฺเต ิตา กุฏิกา’’ติ น วตฺตพฺพํ. ทฺวินฺนํ เลฑฺฑุปาตานํ อพฺภนฺตเร ปน อปริกฺขิตฺเต นานาวาเส นิสฺสโย น ปฏิปฺปสฺสมฺภตีติ ยฺวายํ ‘‘โน ตกฺโก’’ติ วุตฺโต, โส ตาทิเส นานาวาเส เสนาสนคฺคาหสฺส อปฺปฏิปฺปสฺสทฺธินเยน วุตฺโต. เสนาสนคฺคาโห หิ ‘‘คหเณน คหณํ อาลโย ปฏิปฺปสฺสมฺภตี’’ติ ลกฺขณตฺตา อิตรตฺถ ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. ตตฺรายํ ปาฬิ ‘‘เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา อุปนนฺโท สกฺยปุตฺโต เอโก ทฺวีสุ อาวาเสสุ วสฺสํ วสิ…เป… เทถ, ภิกฺขเว, โมฆปุริสสฺส เอกาธิปฺปาย’’นฺติ (มหาว. ๓๖๔). อฏฺกถายฺจสฺส เอวํ วุตฺตํ ‘‘อิทฺจ นานาลาเภหิ นานูปจาเรหิ เอกสีมวิหาเรหิ กถิตํ, นานาสีมวิหาเร ปน เสนาสนคฺคาโห ปฏิปฺปสฺสมฺภตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๖๔). อปริกฺขิตฺตา นานาวาสา เอกูปจารสงฺขฺยํ คจฺฉนฺติ. ปริกฺขิตฺตฺจ เอกูปจารํ อปริกฺขิตฺตสงฺขฺยํ คจฺฉติ. เอตฺตาวตา เลฑฺฑุปาตทฺวยพฺภนฺตเร อปริกฺขิตฺเต อฺสฺมึ วิหาเร วสโต นิสฺสโย ปน น ปฏิปฺปสฺสมฺภติ, ปริกฺขิตฺเต ปฏิปฺปสฺสมฺภติ เอวาติ อยมตฺโถ สาธิโตติ. เอตฺถาห – ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวาว สโตปิ นิสฺสโย น ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. วุตฺตฺหิ นิสฺสคฺคิยฏฺกถายํ ‘‘สเจ คจฺฉนฺตานํเยว อสมฺปตฺเตสุ ทหเรสุ อรุณํ อุคฺคจฺฉติ, จีวรํ นิสฺสคฺคิยํ โหติ, นิสฺสโย ปน น ปฏิปฺปสฺสมฺภตี’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๙๕)? วุจฺจเต – ตํ อุปชฺฌาเยน สมาคเม สอุสฺสาหตาย วุตฺตํ. อิธ ธุววาสํ สนฺธาย, ตสฺมา อฺมฺํ น วิโลเมนฺติ . เกจิ ปน ‘‘ทฺเว เลฑฺฑุปาตํ อติกฺกมฺมาติ อิทํ เทวสิกํ อาโรเจตฺวา วสนวเสน วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตเมวาติ มม ตกฺโก. เทวสิกํ อาโรเจตฺวา วตฺถพฺพนฺติ หิ เนว ปาฬิยํ น อฏฺกถายํ ทิสฺสติ, ตฺจ ปน อปกตฺูหิ อาจิณฺณนฺติ เวทิตพฺพํ.

นิสฺสยปฏิปฺปสฺสทฺธิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

อุปสมฺปาเทตพฺพปฺจกกถาวณฺณนา

๘๔. อเสกฺเขน สีลกฺขนฺเธนาติอาทิ ‘‘อตฺตานเมว ปมํ, ปติรูเป นิเวสเย’’ติ (ธ. ป. ๑๕๘) วจนวเสน วุตฺตํ, น อาปตฺติองฺควเสน. นีลสมาโยคโต นีลํ วิย วุตฺตํ ‘‘อเสกฺเขน วิมุตฺติาณทสฺสนกฺขนฺเธนา’’ติ. อธิสีเล สีลวิปนฺโน นาม อาปชฺชิตฺวา อวุฏฺิโต.

อุปสมฺปาเทตพฺพปฺจกกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

อฺติตฺถิยปุพฺพวตฺถุกถาวณฺณนา

๘๖. โย โส อฺติตฺถิยปุพฺโพติ เอตฺถ ทฺเว อตฺถวิกปฺปา – ตสฺส ปสูรสฺส ภิกฺขุภาวํ สนฺธาย อฺติตฺถิยปุพฺโพ, โส ภิกฺขุ ตํเยว ติตฺถายตนํ สงฺกมีติ อยเมโก อตฺโถ. เอวํ ติตฺถิยปกฺกนฺตโก ปุน คิหิเวเสน อาคโต อฺติตฺถิยปุพฺโพ, โส อาคโต น อุปสมฺปาเทตพฺโพติ อยเมโก อตฺโถ. ตํ อฺติตฺถิยปกฺกนฺตกํ เปตฺวา ‘‘โย โส, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยปุพฺโพ’’ติ เอตฺถ น คิหิเวสธารโณว ปุพฺพสทฺเทน วุตฺโต, กินฺตุ ตสฺมึ อตฺตโน ยถาสมาทินฺนติตฺถิยเวเส ิโตปิ. ทิฏฺิวเสน อติตฺถิยภูตตฺตา อติตฺถิยปุพฺโพ, โส ปนาคโต วิพฺภนฺโต อาคจฺฉติ, ตสฺส ปริวาสทานกิจฺจํ นตฺถิ. กึ อิมสฺส อฺติตฺถิยปุพฺพสฺส ภิกฺขุเวสํ คเหตฺวา สรณคมเนน สามเณรปพฺพชฺชา ชาตา, น ชาตาติ? กิฺเจตฺถ ยทิ ชาตา, ‘‘โย โส, ภิกฺขเว, อฺโปิ อฺติตฺถิยปุพฺโพ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย อากงฺขติ ปพฺพชฺชํ, อากงฺขติ อุปสมฺปทํ, ตสฺส จตฺตาโร มาเส ปริวาโส ทาตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๘๖) วจนํ วิรุชฺฌติ. อถ น ชาตา, ปริวาสกมฺมวาจาย ปพฺพชฺชาย อปรามสนํ วิรุชฺฌตีติ. ตตฺถ มหาวิหารวาสิโน ‘‘สามเณรสฺเสว สโต ปริวาโส ทาตพฺโพ’’ติ วทนฺติ. อิตเร ตถา น วทนฺติ. เต หิ ‘‘เอวํ อาราธโก โข ภิกฺขเว อฺติตฺถิยปุพฺโพ อาคโต อุปสมฺปาเทตพฺโพ’ติ (มหาว. ๘๗) สุตฺตปทํ ปริหริตพฺพํ, ปุเร จ ปจฺฉา จ ‘อฺติตฺถิยปุพฺโพ’ติ วจนสามฺโต น สามเณโร ชาโตติ เจ, ยทิ เอวํ อปพฺพาเชตฺวาว อุปสมฺปาเทตพฺโพติ อาปชฺชติ. ตโต จ สพฺพปมํ วุตฺตสุตฺตํ วิรุชฺฌติ. ‘ติตฺถายตนํ สงฺกนฺโต’ติ ปาโปิ น สุนฺทรํ. ปาณาติปาตาทีสุ อฺตรํ สเจ ภินฺทติ, จตฺตาโร มาเส ปริปุณฺเณปิ ปุน ปริปูเรตพฺพํ วิย ทิสฺสติ. วุตฺตมฺปิ ตสฺส สํวรํ ภิกฺขุกรณตฺถาย อนุฺาตตฺตา สีเล วตฺตพฺพํ นตฺถี’’ติ วทนฺติ, วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ. สรณานิ สเจ ภิชฺชนฺติ สามเณรสฺเสว.

อฺติตฺถิยปุพฺพวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปฺจาพาธวตฺถุกถาวณฺณนา

๘๘. นขปิฏฺีติ จูฬงฺคุลินขปิฏฺิ อธิปฺเปตา. ‘‘ปฏิจฺฉนฺเน นขปิฏฺิโต มหนฺตมฺปิ วฏฺฏติ, เอวํ เสเสสุปี’’ติ เกจิ วทนฺติ, ตํ อฏฺกถาย น สเมติ วิย. ปทุมกณฺณิกาปิ อารุฬฺเห รตฺตปทุมวณฺณจิตฺรํ.

ปฺจาพาธวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

โจรวตฺถุกถาวณฺณนา

๙๑-๒. ธมฺมสามีติ ยสฺมา สยํ ธมฺมสามี, ตสฺมา ภิกฺขูหิ อปพฺพาเชตพฺพกมฺปิ โจรํ องฺคุลิมาลํ ปพฺพาเชตฺวา อายตึ เอวมาหาติ อตฺโถ. ปาฬิโปตฺถเกสุ ‘‘ขรเภทโก’’ติปิ ลิขิตํ. สนฺนิสินฺนาสูติ วูปสนฺตาสุ.

โจรวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

อิณายิกทาสวตฺถุกถาวณฺณนา

๙๖. ปสฺส เม ปตฺตจีวรมตฺตํ, อหํ อิทํ ทสฺสามีติ สามีจิ, ยโต นตฺถิ อาปตฺติ. อุปฑฺฒุปฑฺฒนฺติ โถกํ โถกํ.

๙๗. เทสจาริตฺตนฺติ สาวนปณฺณาโรปนาทิ ตํ ตํ เทสจาริตฺตํ. ‘‘เทวทาสิปุตฺเต วฏฺฏตี’’ติ ลิขิตํ. ‘‘อารามิกํ เจ ปพฺพาเชตุกาโม, อฺเมกํ ทตฺวา ปพฺพาเชตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. มหาปจฺจริวาทสฺส อยมิธ อธิปฺปาโย. ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส อารามิเก เทมา’’ติ ทินฺนตฺตา น เต เตสํ ทาสา. ‘‘อารามิโก จ เนว ทาโส น ภุชิสฺโสติ วตฺตพฺพโต น ทาโส’’ติ ลิขิตํ. ตกฺกาสิฺจนํ สีหฬทีเป จาริตฺตํ. เต จ ปพฺพาเชตพฺพา สงฺฆสฺสารามิกตฺตา. นิสฺสามิกํ ทาสํ อตฺตนาปิ ภุชิสฺสํ กาตุํ ลภติ. ‘‘ทาสสฺส ปพฺพชิตฺวา อตฺตโน สามิเก ทิสฺวา ปลายนฺตสฺส อาปตฺติ นตฺถีติ วทนฺตี’’ติ จ ลิขิตํ. อตฺตโน วา ทาโส อสฺส ภิกฺขุโนติ อตฺโถ. นิสฺสามิกสฺส ทาสสฺส ราชา สามิ, ตสฺมา ราชานํ วา ตสฺมึ คาเม มนุสฺเส วา อาปุจฺฉิตฺวา ปพฺพาเชตพฺโพติ เอเก. ‘‘ภุชิสฺสํ กตฺวา’’ติ ลิขิตํ. ตสฺส ปริหารํ ภณนฺติ ‘‘ยถา ภุชิสฺโส โหติ, ตถา กตฺตพฺโพ’’ติ. เอวํ สงฺกปฺเปน วตฺวา ‘‘ปโยชนํ นตฺถี’’ติ เกหิจิ ลิขิตํ. ภุชิสฺสํ กาตุเมว วฏฺฏตีติ ‘‘สเจ ปสฺสนฺติ, อนุพนฺธิสฺสนฺตี’’ติ วุตฺตํ. อาปตฺติ นตฺถิ. ‘‘อสุทฺธา กิร เมติปิ ตํ สนฺธาเยว วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ.

อิณายิกทาสวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

กมฺมารภณฺฑุวตฺถาทิกถาวณฺณนา

๙๘. กมฺมารภณฺฑูติ เอตฺถ ทารโก จูฬามตฺตํ เปตฺวา อาคจฺฉติ, ตสฺมา อาปุจฺฉิตุํ ลภติ. ตฺเจ โส วา อฺโ วา อวหรติ, โทโส นตฺถิ. ‘‘เกสมสฺสุโอโรหนํ อกตฺวา อสติยา สรณานิ ทตฺวา ปพฺพาเชติ, รุหเตวา’’ติ วทนฺติ.

๑๐๑-๓. เอตฺถ กุเล. ‘‘อุภยานิ โข ปนสฺส…เป… อนุพฺยฺชนโสติ สพฺโพปายํ ปเภโท มาติกาฏฺกถายํ าโต โหตี’’ติ จ ‘‘อาปตฺตึ ชานาตีติ ปาเ อวตฺตมาเนปิ อิทํ นาม กตฺวา อิทํ อาปชฺชตีติ ชานาติ เจ, วฏฺฏตี’’ติ จ ลิขิตํ. ‘‘ตฺจ โข ตโต ปุพฺเพ ปาเ ปคุเณ กเตติ คเหตพฺพํ, อาจริยุปชฺฌายานมฺปิ เอเสว นโย’’ติ วุตฺตํ.

กมฺมารภณฺฑุวตฺถาทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ราหุลวตฺถุกถาวณฺณนา

๑๐๕. ‘‘องฺคาริโน ทานิ ทุมา ภทนฺเต’’ติอาทีหิ (เถรคา. ๕๒๗) สฏฺิมตฺตาหิ. ทสฺเสหิ อิติ มํ อาณาเปสิ. เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาหริตพฺโพ. โปกฺขรวสฺสนฺติ โปกฺขรปตฺตวณฺณํ อุทกํ, ตมฺหิ วสฺสนฺเต เตมิตุกามาว เตเมนฺติ. อุณฺหีสโต ปฏฺายาติ มุทฺธโต ปฏฺาย.

‘‘สินิทฺธนีลมุทุกุฺจิตเกโส ,

สูริยนิมฺมลตลาภินลาโฏ;

ยุตฺตตุงฺคมุทุกายตนาโส,

รํสิชาลวิตโต นรสีโห’’ติ. (อป. อฏฺ. ๑.สนฺติเกนิทานกถา; ชา. อฏฺ. ๑.สนฺติเกนิทานกถา) –

อาทิคาถาหิ. อถ วา –

‘‘จกฺกวรงฺกิตรตฺตสุปาโท,

ลกฺขณมณฺฑิตอายตปณฺหิ;

จามรฉตฺตวิภูสิตปาโท,

เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโห.

‘‘สกฺยกุมารวโร สุขุมาโล,

ลกฺขณจิตฺติกปุณฺณสรีโร;

โลกหิตาย คโต นรวีโร,

เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโห.

‘‘ปุณฺณสสงฺกนิโภ มุขวณฺโณ,

เทวนราน ปิโย นรนาโค;

มตฺตคชินฺทวิลาสิตคามี,

เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโห.

‘‘ขตฺติยสมฺภวอคฺคกุลีโน ,

เทวมนุสฺสนมสฺสิตปาโท;

สีลสมาธิปติฏฺิตจิตฺโต,

เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโห.

‘‘อายตยุตฺตสุสณฺิตนาโส,

โคปขุโม อภินีลสุเนตฺโต;

อินฺทธนู อภินีลภมูโก,

เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโห.

‘‘วฏฺฏสุวฏฺฏสุสณฺิตคีโว,

สีหหนู มิคราชสรีโร;

กฺจนสุจฺฉวิอุตฺตมวณฺโณ,

เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโห.

‘‘สุทฺธสุคมฺภีรมฺชุสโฆโส,

หิงฺคุลพทฺธสุรตฺตสุชิวฺโห;

วีสติ วีสติ เสตสุทนฺโต,

เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโห.

‘‘อฺชนวณฺณสุนีลสุเกโส,

กฺจนปฏฺฏวิสุทฺธนลาโฏ;

โอสธิปณฺฑรสุทฺธสุอุณฺโณ,

เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโห.

‘‘คจฺฉตินีลปเถ วิย จนฺโท,

ตารคณาปริเวิตรูโป;

สาวกมชฺฌคโต สมณินฺโท,

เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโห’’ติ. (ชา. อฏฺ. ๑.สนฺติเกนิทานกถา) –

อิมาหิ.

อุทฺทิฏฺเติ เอวํ จริตพฺพนฺติ อตฺตโน, ‘‘อุตฺติฏฺเ’’ติ ธมฺมปทปาโ. ธมฺมนฺติ สปทานจาริกวตฺตํ. อเนสนํ วชฺเชตฺวา สุจริตํ จเร.

เกสวิสฺสชฺชนนฺติ ปฺจสิขาการํ วชฺเชตฺวา เอกสิขาการํ. ปฏฺฏพนฺโธติ เอตฺถ ปฏฺโฏติ ตสฺมึ กุเล อาจิณฺโณ อลงฺการวิเสโส. ฆรมงฺคลนฺติ ฆรมโห. ฉตฺตมงฺคลนฺติ ยุวราชฉตฺตปฏฺฏิ. วฏฺฏานุคตนฺติ กิเลสวฏฺฏานุคตํ. วิฆาตปจฺจยตฺตา สวิฆาตกํ. เถโร ราธํ พฺราหฺมณํ ปุพฺเพ ปพฺพชิตฺวา กสฺมา อิทานิ ‘‘กถาหํ, ภนฺเต, ราหุลํ ปพฺพาเชมี’’ติ อาหาติ เจ? ตตฺถ อุปสมฺปทาปฏิกฺเขโป อธิปฺเปโต, ตสฺมา ‘‘ภควา อุปสมฺปทเมว ปฏิกฺขิปิ, อิทานิ อนาคเต สํสยาปนยนาธิปฺปาโย ภควา’’ติ ตฺวา อาห. จิตฺตสมุฏฺานรูปวเสน ‘‘อฏฺิมิฺชํ อาหจฺจา’’ติ วุตฺตํ กิร. พุทฺธานํ, จกฺกวตฺตีนฺจ พฺยตฺตาทิวเสน นานตฺตํ เวทิตพฺพํ, อฺถา นนฺทาทโยปิ ปพฺพชิตฺวา พุทฺธา สิยุํ ‘‘สเจ ปพฺพชติ, พุทฺโธ โหตี’’ติ วจนโต.

เปเสตฺวา ทสฺเสตุํ วฏฺฏติ, อาปุจฺฉิสฺสามาติ ปพฺพาเชตุํ วฏฺฏตีติ จ อิทํ ยสฺมา วิเทสปฺปตฺโต นาม โลกสงฺเกเตนาปิ มาตาปิตุวาสโต มุตฺโต เสริวิหารีติ วุจฺจติ, ตสฺมาสฺส เต อสนฺตปกฺเข ิตา วิย โหนฺตีติ กตฺวา ‘‘น ตสฺส ปพฺพชฺชาจริเย วา อปฺปสาทํ กโรนฺตี’’ติ เอวํ วุตฺตํ นฏฺเมว. ปพฺพชิตา สมคติกาติ โลกโวหาโร. เตเนว เจตฺถ ทุกฺขปฺปตฺตาทินา เทสนฺตรคมนฺจ สมคติกํ กตํ. วิเทสํ คนฺตฺวาติ เจตฺถ วิเทโส นาม มาตาปิตุวาสโต อฺโ เทโส, น อุปฺปตฺติเทสโต. พฺยฺชนตฺโถ เอว เจ ปมาณํ, น ยุตฺติ. มตมาตาปิติโกปิ น ปพฺพาเชตพฺโพติ อาปชฺชติ, ตสฺมา อนุปฺปตฺตพฺพฏฺาเน ิเตหิเยว มาตาปิตูหิ อนนุฺาโต ปุตฺโต น ปพฺพาเชตพฺโพติ เอวมิธาธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ, อฺถา ปาฬิยา วิรุชฺเฌยฺย, อาปตฺติฏฺานสฺส จ สิถิลกรณํ อฏฺกถาย น ยุชฺชติ. อิทํ ตาว เอวํ โหตุ, ‘‘วิหารํ วา ฌาเปมี’’ติอาทินโย กถํ น วิรุชฺฌตีติ เจ? อตฺตปรูปทฺทวปฺปสงฺคภเยน อวเสน ปพฺพชิตตฺตา, ปุตฺตรกฺขณตฺถํ ปพฺพชิตตฺตา จ. เอวฺหิ สติ สยเมว โส อตฺตนา ปพฺพชิโต โหติ, น เกนจิ อุปลาเปตฺวา ปพฺพชิโต. ‘‘ปุตฺตเปมํ วา ปุตฺตรกฺเข ปิโย โหตี’’ติ นิทานานุโลมโต น วิรุชฺฌติ.

ราหุลวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

สิกฺขาปททณฺฑกมฺมวตฺถุกถาวณฺณนา

๑๐๗. อตฺตโนปริเวณฺจาติ ปุคฺคลิกํ. มุขทฺวาริกนฺติ มุขทฺวาเรน ภุฺชิตพฺพํ. ตตฺถ นิโยชิตพฺพกํ, ตสฺส อาวรณํ นิวารณํ กโรนฺติ. อถ วา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อาวรณํ กาตุ’’นฺติ ยํ อาวรณํ อนุฺาตํ, ตํ อาวรณํ มุขทฺวาริกํ อาหารํ กโรนฺตีติ อธิปฺปาโย.

สิกฺขาปททณฺฑกมฺมวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

อนาปุจฺฉาวรณวตฺถุอาทิกถาวณฺณนา

๑๐๘. ปรสฺส ทุสฺสีลภิกฺขุสฺสปีติ อตฺโถ. เกจิ ‘‘ทุสฺสีลภิกฺขูปี’’ติ ลิขนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ. โปราณา ปน ‘‘ยาวตติยํ วุจฺจมาโน เจ น โอรมติ, สงฺฆํ อปโลเกตฺวา นาเสตพฺโพ, ปุน ปพฺพชฺชํ ยาจมาโนปิ อปโลเกตฺวา ปพฺพาเชตพฺโพ’’ติ วทนฺติ. ภิกฺขูนํ อุปสมฺปทกมฺมวาจาสทิสนฺติ เอตฺถ ‘‘ยถา อุปสมฺปนฺโน สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย ยถานิวตฺถปารุโตว หุตฺวา ปจฺฉา อุปสมฺปนฺโน ปุพฺเพ อตฺตโน นวกตรสฺส สมานวสฺสิกสฺส ปุน วนฺทนาทีนิ กโรติ, เอวํ สามเณโรปิ ปุน คหิตสรโณ ตโต ปุพฺเพ อตฺตโน นวกตรสฺส สมานวสฺสิกสฺส สามเณรสฺส ปุน วนฺทนาทีนิ กโรติ. ลิงฺคํ ปเนตฺถ วุฑฺฒตรภาวํ น สาเธตีติ วุตฺตํ โหตี’’ติ วุตฺตํ. วิกาลโภชนํ สามเณรานํ วีติกฺกเมวาติ เอเก. ‘‘อจฺจโย มํ, ภนฺเต, อจฺจาคมา’’ติอาทินา นเยน อจฺจยํ เทสาเปตพฺโพ. ‘‘ทิฏฺิยา อนิสฺสชฺชเนน ‘ตฺวํ, สามเณร, คจฺฉา’ติ วุตฺเตเยว ปาราชิโก โหตี’’ติ วุตฺตํ, ‘‘ยาวตติยนฺติ วุตฺตตฺตา พุทฺธาทีนํ อวณฺณภาสิตมตฺเตน จ ทิฏฺิคฺคหิตมตฺเตน จ สรณานิ น ภิชฺชนฺตีติ วุตฺตํ โหตี’’ติ วทนฺติ. เอวํ สนฺเต ปาณาติปาตาทึ กโรนฺตสฺสาปิ ตํ สมฺโภตีติ มม ตกฺโก. ‘‘นิสฺสีลสฺส ปุน นาสนา วุตฺตา’’ติ จ เกจิ วทนฺติ, ตํ ยุตฺตํ วิย. น หิ ภควา สีลวนฺตสฺส ลิงฺคนาสนํ อนุชานาตีติ วิจาเรตพฺพํ, ภิกฺขุนิทูสกาปเทเสน ภพฺพาภพฺเพ สงฺคณฺหาตีติ โปราณา. ‘‘ปพฺพชฺชมฺปิ น ลภตีติ ยถา เจตฺถ อยมตฺโถ ทสฺสิโต, ตถา ‘ปณฺฑโก, ภิกฺขเว, อนุปสมฺปนฺโน น อุปสมฺปาเทตพฺโพ, อุปสมฺปนฺโน นาเสตพฺโพ’ติ (มหาว. ๑๐๙) อาทินา นเยน วุตฺตานมฺปิ ปพฺพชฺชํ นตฺถีติ ทีปิตํ โหติ. น หิ อิทํ านํ เปตฺวา เตสํ ปพฺพชฺชาย วาริตฏฺานํ อตฺถิ. ‘ภิกฺขุนิทูสโก, ภิกฺขเว, อนุปสมฺปนฺโน น อุปสมฺปาเทตพฺโพ, อุปสมฺปนฺโน นาเสตพฺโพ’ติ (มหาว. ๑๑๔) วุตฺเตนปิ สมานตฺตา ตสฺส ปพฺพชฺชา วิย เตสมฺปิ ปพฺพชฺชา วาริตาว โหตีติปิ ทสฺเสตุํ ปุน ภิกฺขุนิทูสโกติ คหิตนฺติ อปเร’’ติ วุตฺตํ. กึ อิมินา? นนุ อฏฺกถายํ วุตฺตํ ‘‘ยสฺส เจตฺถ ปพฺพชฺชา วาริตา, ตํ สนฺธาย อิทํ วุตฺตํ อนุปสมฺปนฺโน น อุปสมฺปาเทตพฺโพ, อุปสมฺปนฺโน นาเสตพฺโพ’’ติ.

อนาปุจฺฉาวรณวตฺถุอาทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปณฺฑกวตฺถุกถาวณฺณนา

๑๐๙. โอปกฺกมิกปณฺฑกสฺส หีนงฺคตฺตา อปพฺพชิตสฺส ปพฺพชฺชา วาริตา, ปพฺพชิตสฺส อุปสมฺปทา น กาตพฺพา. ปุพฺเพ อุปสมฺปนฺนสฺส เจ อุปจรณํ อตฺถิ, น นาสนา กาตพฺพาติ โน ตกฺโกติ อาจริโย. ฉินฺนงฺคชาโต น ปณฺฑโก. ปฺจสุ นปุํสกปณฺฑโกว อภาวโก. อิตเร จตฺตาโร สภาวกาติ เวทิตพฺพา. ภาโว ปน เตสํ ปณฺฑโก โหติ. เอเต จตฺตาโรปิ กิร ปุริสาวาติ เอเก. อิตฺถีปิ ปกฺขปณฺฑกี โหตีติ เอเก. อุปกฺกเม กเต ปณฺฑกภาโว อวสฺสํ โหติ, ตสฺมา ปพฺพชฺชํ น ลภติ. ‘‘ยทิ ปน กสฺสจิ น โหติ, ปพฺพชฺชา น วาริตาติ วินิจฺฉยํ วทนฺตี’’ติ วุตฺตํ.

‘‘ปพฺพชฺชา วาริตาติ อปณฺฑกปกฺเข ปพฺพาเชตฺวา ปณฺฑกปกฺเข นาเสตพฺโพติ อธิปฺปาโย’’ติ ลิขิตํ. โปราณคณฺิปเท ปน มาสปณฺฑกเลขปณฺฑเกหิ สห สตฺต ปณฺฑกา วุตฺตา. ตตฺถ เลขปณฺฑโก นาม กิร มนฺตวเสน อุปหตพีโช. ตตฺถ ‘‘โอปกฺกมิกเลขปณฺฑกา ปพฺพชิตา น นาเสตพฺพา. โย ปพฺพาเชติ, ตสฺส ทุกฺกฏ’’นฺติ จ วุตฺตํ.

ปณฺฑกวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

เถยฺยสํวาสกวตฺถุกถาวณฺณนา

๑๑๐. เถยฺยสํวาสโกติ เอตฺถ กิฺจาปิ พฺยฺชนตฺถวเสน สํวาสตฺเถนโกว เถยฺยสํวาสโกติ ปฺายติ, อถ โข ตโย เถยฺยสํวาสกา. สํวาโสติ เจตฺถ น เอกกมฺมาทิโก สํวาโส, กินฺตุ ภิกฺขุวสฺสคณนาทิโก กิริยเภโท อิธ สํวาโส นาม. อิมฺหิ สกฺกา เถยฺยาย กาตุํ, เนตรนฺติ อฏฺกถาย อธิปฺปาโย. วิเทสํ คนฺตฺวา ปพฺพชิเตหิ ปุจฺฉิเต ‘‘ทสวสฺโส’’ติอาทึ ภณนฺตสฺส โทโส. คิหีนํ วุตฺเต โทโส นตฺถีติ เกจิ. ราชภยาทีหิ คหิตลิงฺคานํ ‘‘คิหี มํ สมโณติ ชานาตู’’ติ วฺจนจิตฺเต สติปิ ภิกฺขูนํ วฺเจตุกามตาย, เตหิ สํวสิตุกามตาย จ อภาวา โทโส น ชาโต. ‘‘สพฺพปาสณฺฑิยภตฺตานีติ วิหารํ อาคนฺตฺวา สงฺฆิกํ คณฺหนฺตสฺส สํวาสํ ปริหริตุํ ทุกฺกรํ, ตสฺมา วุตฺต’’นฺติ จ ลิขิตํ. ‘‘สูปสมฺปนฺโน’’ติ วุตฺตตฺตา คหฏฺมฺปิ สเจ อุปสมฺปาเทนฺติ, สูปสมฺปนฺโนติ อาปนฺนํ, ‘‘อนุปสมฺปนฺนกาเลเยวา’’ติ อิมินา สเจ อุปสมฺปนฺนกาเล สุณาติ, สูปสมฺปนฺโน เอว อนาโรเจนฺโตปีติ ทสฺเสติ. อนฺธกฏฺกถายํ, โปราณคณฺิปเทสุ จ ทุสฺสีลภิกฺขุ ‘‘เถยฺยสํวาสโก’’ติ วุตฺโต ‘‘เถยฺยาย โว, ภิกฺขเว, รฏฺปิณฺโฑ ภุตฺโต’’ติ (ปารา. ๑๙๕) อิมินา กิร ปริยาเยนาติ เวทิตพฺพํ. เตเนวาห ‘‘ตํ น คเหตพฺพ’’นฺติ. ‘‘มหาเปฬาทีสู’’ติ เอเตน คิหิสนฺตกํ ทสฺสิตํ.

สยํ สามเณโรว กูฏวสฺสานิ คเณตฺวา คณฺหนฺโต ปาราชิโก โหติ, เถยฺยสํวาสโก ปน น โหติ, ตถา ภิกฺขุปิ, โส ปน ภณฺฑคฺเฆน กาเรตพฺโพติ อิมินา อธิปฺปาเยน ‘‘สยํ สามเณโรวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อยํ ปน เถยฺยสํวาสโก นาม ยสฺมา ปพฺพชิโตว โหติ, นาปพฺพชิโต, ตสฺมา ‘‘เถยฺยสํวาสโก, ภิกฺขเว, อปพฺพชิโต น ปพฺพาเชตพฺโพ, ปพฺพชิโต นาเสตพฺโพ’’ติ วตฺตุํ น สกฺกาติ กตฺวา อิมสฺส วเสน ปณฺฑกโต ปฏฺาย ‘‘อนุปสมฺปนฺโน น อุปสมฺปาเทตพฺโพ’’ติอาทินา ปาฬิ ปิตา, น อุปสมฺปทามตฺตสฺเสว อภพฺพตฺตา เอกาทสนฺนมฺปิ เนสํ ปพฺพชฺชารหภาวปฺปสงฺคโต. อปิจ อนิฏฺโทสปฺปสงฺคโต ตถา เอว ปาฬิ ปิตา. ยสฺมา ติตฺถิยปกฺกมนํ, สงฺฆเภทนฺจ อุปสมฺปนฺนสฺเสว โหติ, นานุปสมฺปนฺนสฺส, โส ทุวิโธปิ ปพฺพชิโตว โหติ, นาปพฺพชิโต, ตสฺมา ‘‘ติตฺถิยปกฺกนฺตโก, ภิกฺขเว, อปพฺพชิโต น ปพฺพาเชตพฺโพ’’ติอาทิปาฬิยา สติ เต อุโภปิ อปพฺพาเชตพฺพา โหนฺตีติ อนิฏฺปฺปสงฺโค อาปชฺชตีติ. ตีสุ ปน เถยฺยสํวาสเกสุ สามเณราลยํ กโรนฺโต ลิงฺคตฺเถนโก, อุปสมฺปนฺนาลยํ กโรนฺโต สํวาสตฺเถนโก, อุภยตฺเถนโก จ. น หิ สามเณรสํวาโส อิธ สํวาโส นาม, เตเนว อฏฺกถายํ ‘‘ภิกฺขุวสฺสคณนาทิโก หิ สพฺโพปิ กิริยเภโท อิมสฺมึ อตฺเถ สํวาโส’’ติ วุตฺตนฺติ เอเก. ยถาวุฑฺฒํ วนฺทนสาทิยนาสนปฏิพาหนานํ สามเณรสํวาสสามฺโต เนวาติ อาจริโย.

เถยฺยสํวาสกวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ติตฺถิยปกฺกนฺตกกถาวณฺณนา

ติตฺถิยปกฺกนฺตโก, ภิกฺขเวติอาทิ อตฺตโน นิทานภูเต ปสูรวตฺถุสฺมึ เอว วตฺตพฺพํ สมานมฺปิ ตตฺถ วาริตอธิการาภาวา อภพฺพา. อิเธว เถยฺยสํวาสเกน วินา สมฺภวโต วุตฺโต. ตตฺถ ‘‘อถ โข น ปพฺพาเชตพฺโพปี’’ติ อิเธว วจนํ ปสูรสฺส อุปสมฺปทาย เอว ยาจนิจฺฉาย ทสฺสเนน, ‘‘โส อาคโต น อุปสมฺปาเทตพฺโพ’’ติ ภควโต อุปสมฺปทามตฺตปฏิเสธเนน จ ปพฺพชฺชานุมติโทสปฺปสงฺคภยาติ เวทิตพฺพํ. เตสํ ลิงฺเค อาทินฺนมตฺเต ลทฺธิยา คหิตายปิ อคฺคหิตายปิ ติตฺถิยปกฺกนฺตโก โหติ, อวนฺทนียสฺเสว นคฺคลิงฺคสฺส เสฏฺภาวํ วา อุปคจฺฉติ, น มุจฺจติ, เอตฺถ ‘‘ปทวาเร ทุกฺกฏํ, อาชีวโก ภวิสฺสนฺติ วิสมจิตฺตวเสน คตตฺตา นคฺโค หุตฺวา น คมเนนา’’ติ วทนฺติ. อุภินฺนมฺปิ วเสน ยุตฺตนฺติ มม ตกฺโก. ตาว นํ ลทฺธิ รกฺขติ อสมฺปฏิจฺฉิตตฺตา. อุปสมฺปนฺนภิกฺขุนา กถิโตติ กถํ ปฺายติ? อฏฺกถาวจนปฺปมาณโตวาติ เอเก. นิทานวเสนาติ เอเก. ปสูรสฺส อุปสมฺปนฺนตฺตา อุปสมฺปนฺนานํ เอว ติตฺถิยปกฺกนฺตตาวจนโตติ เอเก. ยถาห ‘‘อุปชฺฌาโย ปกฺกนฺโตวา โหติ, วิพฺภนฺโต วา, กาลํกโต วา, ปกฺขสงฺกนฺโต วา’’ติ อาจริโย. ปกฺขสงฺกนฺโต วาติ สามเณรนาสนาวตฺถูสุ อภาวโตติ เอเก. อฺติตฺถิยปุพฺพสฺส อุปสมฺปนฺนสฺส สโต ปกฺขสงฺกนฺตภยา อนุปสมฺปนฺนกาเล อุปสมฺปทตฺถํ ปริวาสปฺาปเนนาติ เอเก . ปพฺพชฺชตฺถมฺปีติ เจ? น, ปุพฺเพ วิจาริตตฺตา, อปพฺพชิตสฺส อธิสีลาภาวโต จ. ปาติโมกฺขสีลฺหิ อธิสีลํ นาม, ตฺจ อปพฺพชิตสฺส นตฺถิ. อิมสฺส จ ปริวาสวตฺเต อธิสีลํ วุตฺตํ. ยถาห ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยปุพฺโพ ติพฺพจฺฉนฺโท โหติ อุทฺเทเส ปริปุจฺฉาย อธิสีเล’’ติ (มหาว. ๘๗). อปิจ ‘‘สเจ, ภิกฺขเว, ชาติยา สากิโย อฺติตฺถิยปุพฺโพ อาคจฺฉติ, โส อาคโต อุปสมฺปาเทตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๘๗) เอตฺถ อุปสมฺปทามตฺตปริทีปนโต. อุปสมฺปทามตฺตปริทีปนฺเหตฺถ ตสฺเสว ปริวาสทานสิทฺธิโต. ปริวาสทานตฺตนิทสฺสนตฺเถ เหสา ปาฬิ.

ติตฺถิยปกฺกนฺตกกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ติรจฺฉานคตวตฺถุกถาวณฺณนา

๑๑๑. นาคโยนิยาติ นาคโยนิโต, อตฺตโน นาคชาติเหตูติ อธิปฺปาโย. กึการณา? อภิกฺขณํ สกชาติยา เมถุนปฏิเสวเน, วิสฺสฏฺนิทฺโทกฺกมเน จ สพฺเพสมฺปิ.

ติรจฺฉานคตวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

มาตุฆาตกาทิวตฺถุกถาวณฺณนา

๑๑๒-๕. อปวาหนนฺติ ปกฺขลนํ, กาสายวตฺถนิวาสนํ อิจฺฉมานนฺติ อตฺโถ. ทุฏฺจิตฺเตน. กีทิเสน? วธกจิตฺเตนาติ อธิปฺปาโย. โลหิตุปฺปาทนวเสน ทุฏฺจิตฺตนฺติ เกจิ, ตํ น สุนฺทรํ.

มาตุฆาตกาทิวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

อุภโตพฺยฺชนกวตฺถุกถาวณฺณนา

๑๑๖. ‘‘ยทิ ปฏิสนฺธิยํ อุปฺปนฺนลิงฺเคน เอตํ นามํ ลภนฺตีติ อธิปฺปาโย’’ติ ลิขิตํ.

อุภโตพฺยฺชนกวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

อนุปชฺฌายกาทิวตฺถุกถาวณฺณนา

๑๑๗. ‘‘เกจิ ‘กุปฺปตี’ติ วทนฺติ, ตํ ‘น คเหตพฺพ’’นฺติ ยํ วุตฺตํ, ตํ ‘‘ปฺจวคฺคกรณียฺเจ, ภิกฺขเว, กมฺมํ ภิกฺขุนิปฺจโม กมฺมํ กเรยฺย, อกมฺมํ น จ กรณีย’’นฺติอาทินา (มหาว. ๓๙๐) นเยน วุตฺตตฺตา ปณฺฑกาทีนํ คณปูรณภาเว เอว กมฺมํ กุปฺปติ, น สพฺพนฺติ กตฺวา สุวุตฺตํ, อิตรถา ‘‘ปณฺฑกุปชฺฌาเยน กมฺมํ กเรยฺย, อกมฺมํ น จ กรณีย’’นฺติอาทิกาย ปาฬิยา ภวิตพฺพํ สิยา. ยถา อปริปุณฺณปตฺตจีวรสฺส อุปสมฺปาทนกาเล กมฺมวาจายํ ‘‘ปริปุณฺณสฺส ปตฺตจีวร’’นฺติ อสนฺตํ วตฺถุํ กิตฺเตตฺวา อุปสมฺปทาย กตาย ตสฺมึ อสนฺเตปิ อุปสมฺปทา รุหติ, เอวํ ‘‘อยํ พุทฺธรกฺขิโต อายสฺมโต ธมฺมรกฺขิตสฺส อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติ อวตฺถุํ ปณฺฑกุปชฺฌายาทึ, อสนฺตํ วา, วตฺถุํ กิตฺเตตฺวา กตายปิ คณปูรกานมตฺถิตาย อุปสมฺปทา รุหเตว. ‘‘น, ภิกฺขเว, ปณฺฑกุปชฺฌาเยน อุปสมฺปาเทตพฺโพ, โย อุปสมฺปาเทยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส, โส จ ปุคฺคโล อนุปสมฺปนฺโน’’ติอาทิวจนสฺสาภาวา อยมตฺโถ สิทฺโธว โหติ. น หิ พุทฺธา วตฺตพฺพยุตฺตํ น วทนฺติ, เตน วุตฺตํ ‘‘โย ปน, ภิกฺขุ, ชานํ อูนวีสติวสฺสํ…เป… โส จ ปุคฺคโล อนุปสมฺปนฺโน’’ติอาทิ (ปาจิ. ๔๐๓). ตถา ‘‘พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สงฺโฆ าเปตพฺโพ’ติ (มหาว. ๗๑) วจนโต เถยฺยสํวาสกาทิอาจริเยหิ อนุสฺสาวนาย กตาย อุปสมฺปทา น รุหติ เตสํ อภิกฺขุตฺตา’’ติ วจนมฺปิ น คเหตพฺพํ. กิฺจ ภิยฺโย ‘‘อิมานิ จตฺตาริ กมฺมานิ ปฺจหากาเรหิ วิปชฺชนฺตี’’ติอาทินา (ปริ. ๔๘๒) นเยน กมฺมานํ สมฺปตฺติวิปตฺติยา กถิยมานาย ‘‘สตฺตหิ อากาเรหิ กมฺมานิ วิปชฺชนฺติ วตฺถุโต วา ตฺติโต วา อนุสฺสาวนโต วา สีมโต วา ปริสโต วา อุปชฺฌายโต วา อาจริยโต วา’’ติ อกถิตตฺตา น คเหตพฺพํ. ‘‘ปริสโต วา’’ติ วจเนน อาจริยอุปชฺฌายานํ วา สงฺคโห กโตติ เจ? น, ‘‘ทฺวาทสหากาเรหิ ปริสโต กมฺมานิ วิปชฺชนฺตี’’ติ เอตสฺส วิภงฺเค เตสมนามฏฺตฺตา. อยมตฺโถ ‘‘ยสฺมา ตตฺถ ตตฺถ สรูเปน วุตฺตปาฬิวเสเนว สกฺกา ชานิตุํ, ตสฺมา นยมุขํ ทสฺเสตฺวา สํขิตฺโตติ อยมสฺส ยุตฺติคเวสนา’’ติ วุตฺตํ. ตตฺริทํ วิจาเรตพฺพํ – อนุปชฺฌายกํ อุปสมฺปาเทนฺตา เต ภิกฺขู ยถาวุตฺตนเยน อภูตํ ตํ วตฺถุํ กิตฺตยึสุ, อุทาหุ มุสาวาทภยา ตาเนว ปทานิ น สาเวสุนฺติ. กิฺเจตฺถ ยทิ ตาว อุปชฺฌายาภาวต น สาเวสุํ, ‘‘ปุคฺคลํ น ปรามสตี’’ติ วุตฺตวิปตฺติปฺปสงฺโค โหติ, อถ สาเวสุํ, มุสาวาโท เนสํ ภวตีติ? วุจฺจเต – สาเวสุํเยว ยถาวุตฺตวิปตฺติปฺปสงฺคภยา, ‘‘กมฺมํ ปน น กุปฺปตี’’ติ อฏฺกถาย วุตฺตตฺตา จ, น มุสาวาทสฺส อสมฺภวโต, มุสาวาเทนาปิ กมฺมสมฺภวโต จ. น หิ สกฺกา มุสาวาเทน กมฺมวิปตฺติสมฺปตฺตึ กาตุนฺติ. ตสฺมา ‘‘อนุปชฺฌายกํ อุปสมฺปาเทนฺตี’’ติ วจนสฺส อุภยโทสวินิมุตฺโต อตฺโถ ปริเยสิตพฺโพ.

อยฺเจตฺถ ยุตฺติ – ‘‘ยถา ปุพฺเพ ปพฺพชฺชุปสมฺปทุปชฺฌาเยสุ วิชฺชมาเนสุปิ อุปชฺฌายคฺคหณกฺกเมน อคฺคหิตตฺตา ‘เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู อนุปชฺฌายก’นฺติอาทิ วุตฺตํ, ตถา อิธาปิ อุปชฺฌายสฺส วิชฺชมานสฺเสว สโต อคฺคหิตตฺตา ‘อนุปชฺฌายกํ อุปสมฺปาเทนฺตี’ติ วุตฺตํ. กมฺมวาจาจริเยน ปน คหิโต เตน อุปชฺฌาโยติ สฺาย อุปชฺฌายํ กิตฺเตตฺวา กมฺมวาจํ สาเวตพฺพํ, เกนจิ วา การเณน กายสามคฺคึ อเทนฺตสฺส อุปชฺฌายสฺส ฉนฺทํ คเหตฺวา กมฺมวาจํ สาเวติ, อุปชฺฌาโย วา อุปสมฺปทาเปกฺขสฺส อุปชฺฌํ ทตฺวา ปจฺฉา อุปสมฺปนฺเน ตสฺมึ ตาทิเส วตฺถุสฺมึ สมนุยุฺชิยมาโน วา อสมนุยุฺชิยมาโน วา อุปชฺฌายทานโต ปุพฺเพ เอว สามเณโร ปฏิชานาติ, สิกฺขาปจฺจกฺขาตโก วา อนฺติมวตฺถุอชฺฌาปนฺนโก วา ปฏิชานาติ, ฉนฺทหารกาทโย วิย อุปชฺฌาโย วา อฺสีมาคโต โหติ, ‘กมฺมวาจา รุหตี’ติ วตฺวา ‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปจฺจนฺติเมสุ ชนปเทสุ วินยธรปฺจเมน คเณน อุปสมฺปท’นฺติ (มหาว. ๒๕๙) วุตฺตตฺตา เกจิ ‘วินยธรปฺจเมน อุปชฺฌาเยน สนฺนิหิเตเนว ภวิตพฺพ’นฺติ วทนฺตี’’ติ โปราณคณฺิปเท วุตฺตํ. โส เจ ปาโ ปมาโณ มชฺฌิเมสุ ชนปเทสุ ตสฺส วจนสฺสาภาวโต. อสนฺนิหิเตปิ อุปชฺฌาเย กมฺมวาจา รุหตีติ อาปชฺชตีติ เจ? น, กสฺมา? กมฺมสมฺปตฺติยํ ‘‘ปุคฺคลํ ปรามสตี’’ติ วุตฺตปาโว โน ปมาณํ. น หิ ตตฺถ อสนฺนิหิโต อุปชฺฌายสงฺขาโต ปุคฺคโล ปรามสนํ อรหติ, ตสฺมา ตตฺถ สงฺฆปรามสนํ วิย ปุคฺคลปรามสนํ เวทิตพฺพํ. สงฺเฆน คเณน อุปชฺฌาเยน อุปสมฺปาเทนฺติ เตสํ อตฺถโต ปุคฺคลตฺตา. ปณฺฑกาทิอุปชฺฌาเยน อุปสมฺปาเทนฺติ อุปสมฺปาทนกาเล อวิทิตตฺตาติ โปราณา.

อปตฺตกาทิวตฺถุกถาวณฺณนา

๑๑๘. อปตฺตจีวรํอุปสมฺปาเทนฺตีติ กมฺมวาจาจริโย ‘‘ปริปุณฺณสฺส ปตฺตจีวร’’นฺติ สฺาย , เกวลํ อตฺถสมฺปตฺตึ อนเปกฺขิตฺวา สนฺตปทนิหาเรน วา ‘‘ปริปุณฺณสฺส ปตฺตจีวร’’นฺติ กมฺมวาจํ สาเวติ. ยถา เอตรหิ มตวิปฺปวุตฺถมาตาปิติโกปิ ‘‘อนุฺาโตสิ มาตาปิตูหี’’ติ ปุฏฺโ ‘‘อาม ภนฺเต’’ติ วทติ. กึ พหุนา, อยํ ปเนตฺถ สาโร – ‘‘ตสฺมึ สมเย จตฺตาริ กมฺมานิ ปฺจหากาเรหิ วิปชฺชนฺตี’’ติ ลกฺขณสฺส น ตาว ปฺตฺตตฺตา อนุปชฺฌายกาทึ อุปสมฺปาเทนฺติ, วชฺชนียปุคฺคลานํ อวุตฺตตฺตา ปณฺฑกุปชฺฌายาทึ อุปสมฺปาเทนฺติ. เตรสนฺตรายปุจฺฉาย อทสฺสนตฺตา อปตฺตจีวรกํ อุปสมฺปาเทนฺติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตฺติจตุตฺเถน กมฺเมน อุปสมฺปาเทตุ’’นฺติ (มหาว. ๖๙) เอวํ สพฺพปมํ อนุฺาตกมฺมวาจาย ‘‘ปริปุณฺณสฺส ปตฺตจีวร’’นฺติ อวจนเมตฺถ สาธกนฺติ เวทิตพฺพํ. ตฺหิ วจนํ อนุกฺกเมนานุฺาตนฺติ.

หตฺถจฺฉินฺนาทิวตฺถุกถาวณฺณนา

๑๑๙. อิทํ ตาว สพฺพถา โหตุ, ‘‘มูคํ ปพฺพาเชนฺติ, พธิรํ ปพฺพาเชนฺตี’’ติ อิทํ กถํ สมฺภวิตุมรหติ อาทิโต ปฏฺาย ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อิเมหิ ตีหิ สรณคมเนหิ ปพฺพชฺช’’นฺติอาทินา (มหาว. ๓๔) อนุฺาตตฺตาติ? วุจฺจเต – ‘‘เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, ปพฺพาเชตพฺโพติ. เอวํ วเทหีติ วตฺตพฺโพ…เป… ตติยมฺปิ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามี’’ติ เอตฺถ ‘‘เอวํ วเทหีติ วตฺตพฺโพ’’ติ อิมสฺส วจนสฺส มิจฺฉา อตฺถํ คเหตฺวา มูคํ ปพฺพาเชสุํ. ‘‘เอวํ วเทหี’’ติ ตํ ปพฺพชฺชาเปกฺขํ อาณาเปตฺวา สยํ อุปชฺฌาเยน วตฺตพฺโพ ‘‘ตติยํ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามี’’ติ, โส ปพฺพชฺชาเปกฺโข ตถา อาณตฺโต อุปชฺฌายวจนสฺส อนุ อนุ วทตุ วา, มา วา, ตตฺถ ตตฺถ ภควา ‘‘กาเยน วิฺาเปติ, วาจาย วิฺาเปติ, กาเยน วาจาย วิฺาเปติ, คหิโต โหติ อุปชฺฌาโย. ทินฺโน โหติ ฉนฺโท. ทินฺนา โหติ ปาริสุทฺธิ. ทินฺนา โหติ ปวารณา’’ติ วทติ. ตทนุมาเนน วา กาเยน เตน ปพฺพชฺชาเปกฺเขน วิฺตฺตํ โหติ สรณคมนนฺติ วา โลเกปิ กาเยน วิฺาเปนฺโต ‘‘เอวํ วทตี’’ติ วุจฺจติ, ตํ ปริยายํ คเหตฺวา มูคํ ปพฺพาเชนฺตีติ เวทิตพฺพํ. โปราณคณฺิปเท ‘‘มูคํ กถํ ปพฺพาเชนฺตี’ติ ปุจฺฉํ กตฺวา ตสฺส กายปฺปสาทสมฺภวโต กาเยน ปหารํ ทตฺวา หตฺถมุทฺทาย วิฺาเปตฺวา ปพฺพาเชสุ’’นฺติ วุตฺตํ. กึ พหุนา, อยํ ปเนตฺถ สาโร – ยถา ปุพฺเพ ปพฺพชฺชาธิกาเร วตฺตมาเน ปพฺพชฺชาภิลาปํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา ‘‘ปณฺฑโก, ภิกฺขเว, อนุปสมฺปนฺโน น อุปสมฺปาเทตพฺโพ’’ติอาทินา นเยน อุปสมฺปทวเสเนว อภิลาโป กโต. เถยฺยสํวาสกปเท อสมฺภวโต กิฺจาปิ โส น กโต ปพฺพชฺชาว ตตฺถ กตา, สพฺพตฺถ ปน อุปสมฺปทาภิลาเปน อธิปฺเปตา ตทนุภาวโต. อุปสมฺปทาย ปพฺพชฺชาย วาริตาย อุปสมฺปทา วาริตา โหตีติ กตฺวา. ตถา อิธ อุปสมฺปทาธิกาเร วตฺตมาเน อุปสมฺปทาภิลาปํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา อุปสมฺปทเมว สนฺธาย ปพฺพชฺชาภิลาโป กโตติ เวทิตพฺโพ. กามํ โส น กตฺตพฺโพ, มูคปเท อสมฺภวโต ตสฺส วเสน อาทิโต ปฏฺาย อุปสมฺปทาภิลาโปว กตฺตพฺโพ วิย ทิสฺสติ, ตถาปิ ตสฺเสว มูคปทสฺส วเสน อาทิโต ปฏฺาย ปพฺพชฺชาภิลาโปว กโต มิจฺฉาคหณนิวารณตฺถํ. กถํ? ‘‘มูโค, ภิกฺขเว, อปฺปตฺโต โอสารณํ, ตฺเจ สงฺโฆ โอสาเรติ, โสสาริโต’’ติ (มหาว. ๓๙๖) วจนโต มูโค อุปสมฺปนฺโน โหตีติ สิทฺธํ. โส ‘‘เกวลํ อุปสมฺปนฺโนว โหติ, น ปน ปพฺพชิโต ตสฺส ปพฺพชฺชาย อสมฺภวโต’’ติ มิจฺฉาคาโห โหติ. ตํ ปริจฺจชาเปตฺวา โย อุปสมฺปนฺโน, โส ปพฺพชิโตว โหติ. ปพฺพชิโต ปน อตฺถิ โกจิ อุปสมฺปนฺโน, อตฺถิ โกจิ อนุปสมฺปนฺโน. อิมํ สมฺมาคาหํ อุปฺปาเทติ ภควาติ เวทิตพฺพํ.

อปิจ เตสํ หตฺถจฺฉินฺนาทีนํ ปพฺพชิตานํ สุปพฺพชิตภาวทีปนตฺถํ, ปพฺพชฺชาภาวาสงฺกานิวารณตฺถฺเจตฺถ ปพฺพชฺชาภิลาโป กโต. กถํ? ‘‘น, ภิกฺขเว, หตฺถจฺฉินฺโน ปพฺพาเชตพฺโพ’’ติอาทินา ปฏิกฺเขเปน, ‘‘ปพฺพชิตา สุปพฺพชิตา’’ติ วุตฺตฏฺานาภาเวน จ เตสํ ปพฺพชฺชาภาวปฺปสงฺกา ภเวยฺย. ยถา ปสงฺกาภเว, ตถา ปสงฺกํ เปยฺย. ขนฺธเก อุปสมฺปทํ สนฺธาย ‘‘หตฺถจฺฉินฺโน, ภิกฺขเว, อปฺปตฺโต โอสารณํ, ตฺเจ สงฺโฆ โอสาเรติ, โสสาริโต’’ติอาทินา นเยน ภควา นิวาเรติ. เตเนว ปน นเยน ปพฺพชิตา เต สพฺเพปิ สุปพฺพชิตา เอวาติ ทีเปติ, อฺถา สพฺเพเปเต อุปสมฺปนฺนาว โหนฺติ, น ปพฺพชิตาติ อยมนิฏฺปฺปสงฺโค อาปชฺชติ. กถํ? ‘‘หตฺถจฺฉินฺโน, ภิกฺขเว, น ปพฺพาเชตพฺโพ, ปพฺพชิโต นาเสตพฺโพ’’ติ วา ‘‘น, ภิกฺขเว, หตฺถจฺฉินฺโน ปพฺพาเชตพฺโพ, โย ปพฺพาเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส, โส จ อปพฺพชิโต’’ติ วา ตนฺติยา ปิตาย จมฺเปยฺยกฺขนฺธเก ‘‘โสสาริโต’’ติ วุตฺตตฺตา เกวลํ ‘‘อิเม หตฺถจฺฉินฺนาทโย อุปสมฺปนฺนาว โหนฺติ, น ปพฺพชิตา’’ติ วา ‘‘อุปสมฺปนฺนาปิ เจ ปพฺพชิตา, นาเสตพฺพา’’ติ วา อนิฏฺโกฏฺาโส อาปชฺชตีติ อธิปฺปาโย.

อิทํ ปเนตฺถ วิจาเรตพฺพํ – ‘‘โส จ อปพฺพชิโต’’ติ วจนาภาวโต มูคสฺส ปพฺพชฺชสิทฺธิปฺปสงฺคโต ปพฺพชฺชาปิ เอกโตสุทฺธิยา โหตีติ อยมนิฏฺโกฏฺาโส กถํ นาปชฺชตีติ? ปพฺพชฺชาภิลาเปน อุปสมฺปทา อิธาธิปฺเปตาติ สมฺมาคาเหน นาปชฺชติ, อฺถา ยถาพฺยฺชนํ อตฺเถ คหิเต ยถาปฺตฺตทุกฺกฏาภาวสงฺขาโต อปโรปิ อนิฏฺโกฏฺาโส อาปชฺชติ. กถํ? ‘‘น, ภิกฺขเว, มูโค ปพฺพาเชตพฺโพ, โย ปพฺพาเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ วุตฺตทุกฺกฏํ ปพฺพชฺชปริโยสาเน โหติ, น ตสฺสาวิปฺปกตาย. ปุพฺพปโยคทุกฺกฏเมว หิ ปมํ อาปชฺชติ , ตสฺมา มูคสฺส ปพฺพชฺชปริโยสานสฺเสว อภาวโต อิมสฺส ทุกฺกฏสฺส โอกาโส จ สพฺพกาลํ น สมฺภเวยฺย. อุปสมฺปทาวเสน ปน อตฺเถ คหิเต สมฺภวติ กมฺมนิปฺผตฺติโต. เตเนว ปาฬิยํ ‘‘น, ภิกฺขเว, ปณฺฑโก อุปสมฺปาเทตพฺโพ, โย อุปสมฺปาเทยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ ทุกฺกฏํ น ปฺตฺตํ. อปฺตฺตตฺตา ปุพฺพปโยคทุกฺกฏเมว เจตฺถ สมฺภวติ, เนตรํ, เอตฺตาวตา สิทฺธเมตํ ‘‘ปพฺพชฺชาภิลาเปน อุปสมฺปทา จ ตตฺถ อธิปฺเปตา, น ปพฺพชฺชา’’ติ.

เอตฺถาห – สามเณรปพฺพชฺชา น กายปโยคโต โหตีติ กถํ ปฺายตีติ? วุจฺจเต – กาเยน วิฺาเปตีติอาทิตฺติกาทสฺสนโต. โหติ เจตฺถ –

‘‘อปฺเปว สสโก โกจิ, ปติฏฺเยฺย มหณฺณเว;

น ตฺเวว จตุคมฺภีเร, ทุคฺคาโห วินยณฺณเว’’ติ.

พฺรหฺมุชุคตฺโตติ เอตฺถ ‘‘นิทฺโทสตฺเถ, เสฏฺตฺเถ จ พฺรหฺม-สทฺทํ คเหตฺวา นิทฺโทสํ หุตฺวา อุชุ คตฺตํ ยสฺส โส พฺรหฺมุชุคตฺโต’’ติ ลิขิตํ. อถ วา กามโภคิตฺตา เทวินฺทาทโย อุปมาวเสน อคฺคเหตฺวา พฺรหฺมา วิย อุชุคตฺโต พฺรหฺมุชุคตฺโต. มหากุจฺฉิโต ฆโฏ มหากุจฺฉิฆโฏ. เตน สมาโน วุจฺจติ ‘‘มหากุจฺฉิฆฏสทิโส’’ติ. คลคณฺฑีติ เทสนามตฺตเมเวตนฺติ กถํ ปฺายตีติ? ‘‘น, ภิกฺขเว, ปฺจหิ อาพาเธหิ ผุฏฺโ ปพฺพาเชตพฺโพ’’ติ วจนโต. กิลาโสปิ อิธาธิปฺเปโตติ น เกวลํ โส เอเวโก, กินฺตุ ปฺจหิ อาพาเธหิ ผุฏฺโ, ปาฬิยํ อาคตา ราชภฏาทโย ทาสปริโยสานา, ราหุลวตฺถุมฺหิ อาคตา อนนุฺาตมาตาปิตโร จาติ ทสปิ ชนา อิธาธิปฺเปตา. ตทตฺถทีปนตฺถเมว ลิขิตกกสาหตลกฺขณาหเต ปุพฺเพ วุตฺเตปิ อาเนตฺวา อุปาลิตฺเถโร อิธ หตฺถจฺฉินฺนปาฬิยํ อาห. เตเนว จมฺเปยฺยกฺขนฺธเก ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อปฺปตฺโต โอสารณํ, ตฺเจ สงฺโฆ โอสาเรติ, เอกจฺโจ โสสาริโต, เอกจฺโจ โทสาริโต’’ติ (มหาว. ๓๙๖) อิมสฺส วิภงฺเค ‘‘ปฺจหิ อาพาเธหิ ผุฏฺา, ราชภฏา, โจรการเภทกอิณายิกทาสา, อนนุฺาตมาตาปิตโร จา’’ติ สตฺต ชนา น คหิตา, น จ ลพฺภนฺติ, อฺถา อิเมปิ ตสฺส วิภงฺเค วตฺตพฺพา สิยุํ. น วตฺตพฺพา ตตฺถ อภพฺพตฺตาติ เจ? เอวํ สนฺเต ‘‘สงฺโฆ โอสาเรติ, เอกจฺโจ โทสาริโต’’ติ อิมสฺส วิภงฺเค วตฺตพฺพา ปณฺฑกาทโย วิย, น จ วุตฺตา. อุภยตฺถ อวุตฺตตฺตา น จิเม อนุภยา ภวิตุมรหนฺติ, ตสฺมา อวุตฺตานเมว ทสนฺนํ ยถาวุตฺตานํ สงฺคณฺหนตฺถํ ปุน ลิขิตกาทโย วุตฺตาติ. อถ กิมตฺถํ เต อิธ อุปฺปฏิปาฏิยา วุตฺตาติ? อิณายิกทาสานํ โสสาริตภาเวปิ อิณายิกทาสา สามิกานํ ทาตพฺพาติ ตทธีนภาวทสฺสนตฺถํ. เตเนว ตตฺถ วุตฺตํ ‘‘ปลาโตปิ อาเนตฺวา ทาตพฺโพ’’ติอาทิ. โย ปเนตฺถ โจโร กตกมฺโม ปพฺพชติ, ราชภโฏ วา สเจ กตโทโส, อิณายิกคฺคหเณเนว คหิโตติ เวทิตพฺโพ. อถ วา ยถาวุตฺตลกฺขโณ สพฺโพปิ อิณายิกทาสานํ ‘‘โสสาริโต’’ติ วตฺตพฺพารโห น โหตีติ กตฺวา เตสํ ปริวชฺชนตฺถํ อุปฺปฏิปาฏิยา เทสนา อุปริ อาโรหติ, น เหฏฺาติ ทีปนโต. ลิขิตโก ‘‘โสสาริโต’’ติ วุตฺตตฺตา เทสนฺตรํ เนตพฺโพ. ตถาการเภทกาทโยปีติ เวทิตพฺพํ.

เอตฺตาวตา ภควตา อตฺตโน เทสนากุสลตาย ปุพฺเพ คหิตคฺคหเณน ยถาวุตฺตานํ ทสนฺนมฺปิ ปพฺพชฺชุปสมฺปทากมฺมนิปฺผตฺติ, อุปฺปฏิปาฏิวจเนน ปุคฺคลเวมตฺตตฺจ เทสนาย โกวิทานํ ทีปิตํ โหตีติ เวทิตพฺพํ. โหติ เจตฺถ –

‘‘วตฺตพฺพยุตฺตํ วจเนน วตฺวา, อยุตฺตมิฏฺํ นยเทสนาย;

สนฺทีปยนฺตํ สุคตสฺส วากฺยํ, จิตฺตํ วิจิตฺตํว กโรติปี’’ติ.

เอตฺถาห จมฺเปยฺยกฺขนฺธเก อูนวีสติวสฺโส อุภยตฺถ อวุตฺตตฺตา อนุภโย สิยาติ? น สิยา อวุตฺตตฺตา เอว. ยทิ หิ ตติยาย โกฏิยา ภวิตพฺพํ, สา อวสฺสํ ภควตา วตฺตพฺพาว โหติ, น จ วุตฺตา, ตสฺมา น โส อนุภโย โหติ. อถ กตรํ ปกฺขํ ภชตีติ? โทสาริตปกฺขํ ภชติ. อถ กสฺมา น วุตฺโตติ? สิกฺขาปเทน ปฏิสิทฺธตฺตา. อุปนาหํ พนฺธิตฺวาติ ปุน พนฺธนํ กตฺวา. ‘‘นานาวิเธหิ โอสเธหิ ปาทํ พนฺธิตฺวา อาวาฏเก ปเวเสตฺวา กตฺตพฺพวิธานสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ ลิขิตํ. กปฺปสีโส วา หตฺถี วิย. โคภตฺตนาฬิกา นาม คุนฺนํ ภตฺตปานตฺถํ กตนาฬิกา. อุปกฺกมุโข นาม กุธิตมุโข วุจฺจติ, วาตณฺฑิโก นาม อณฺฑเกสุ วุฑฺฒิโรเคน สมนฺนาคโต. วิกโฏ นาม ติริยํ คมนกปาเทหิ สมนฺนาคโต. ‘‘คุณิ กุณี’’ติ ทุวิโธ กิร ปาโ. เยสฺจ ปพฺพชฺชา ปฏิกฺขิตฺตา, อุปสมฺปทาปิ เตสํ ปฏิกฺขิตฺตาวาติอาทิ ยสฺมา หตฺถจฺฉินฺนาทโย อุปสมฺปทาวเสเนว วุตฺตา, ตสฺมา เต เอว หตฺถจฺฉินฺนาทโย สนฺธายาห.

หตฺถจฺฉินฺนาทิวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

อลชฺชีนิสฺสยวตฺถุกถาวณฺณนา

๑๒๐. ‘‘น , ภิกฺขเว, อลชฺชีนํ นิสฺสโย ทาตพฺโพ’’ติ อิมินา อลชฺชีหิ ภิกฺขูหิ, สามเณเรหิ วา สทฺธึ ทฺเวปิ ธมฺมามิสปริโภคา ปฏิกฺขิตฺตา โหนฺติ นิสฺสยภาเว ภาวโต เตสํ. ยถาห ‘‘อาจริเยน, ภิกฺขเว, อนฺเตวาสิโก สงฺคเหตพฺโพ อนุคฺคเหตพฺโพ อุทฺเทเสน ปริปุจฺฉาย โอวาเทน อนุสาสนิยา’’ติอาทิ (มหาว. ๗๙) อุปชฺฌายสฺสปิ นิสฺสยปฺปณามนสมฺภวโต, โสปิ สทฺธิวิหาริกสฺส นิสฺสโยติ เวทิตพฺพํ, ตสฺมา อุปชฺฌาโย เจ อลชฺชี โหติ, น ตํ นิสฺสาย วสิตพฺพนฺติ สิทฺธํ โหติ. ภิกฺขูนํ สมฺมาปฏิปตฺติยา สมานภาโค ภิกฺขุ สภาโค. ตสฺสภาโว ภิกฺขุสภาคตา. ตํ ภิกฺขุสภาคตํ. ยาว ชานามีติ อธิปฺปาเยน วสิตุํ วฏฺฏติ. ภิกฺขูหิ สภาคตํ. กึ ตํ? ลชฺชิภาวํ. ‘‘สตฺตาหํ…เป… คเหตพฺโพ’’ติ เอตฺถ ‘‘สตฺตาหมตฺตํ วสิสฺสามิ, กึ ภิกฺขุสภาคตาชานเนนาติ ชานเน ธุรํ นิกฺขิปิตฺวา วสิตุํ น ลภตีติ อตฺโถ’’ติ ลิขิตํ. ‘‘ภิกฺขุสภาคตํ ปน ชานนฺโต สฺเวว คมิสฺสามิ, กึ เม นิสฺสยาโรจเนนา’’ติ อรุณํ อุฏฺเปตุํ น ลภติ. ‘‘ปุเร อรุณํ อุฏฺหิตฺวา คมิสฺสามี’’ติ อาโภเคน สยนฺตสฺส เจ อรุโณ อุคฺคจฺฉติ, วฏฺฏติ.

คมิกาทินิสฺสยวตฺถุกถาวณฺณนา

๑๒๑. ‘‘อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺเนน ภิกฺขุนา นิสฺสยํ อลภมาเนน อนิสฺสิเตน วตฺถุนฺติ อวสฺสกาเลเยว วสฺสกาเล อทฺธานคมนสฺส ปาฬิยํเยว ปฏิกฺขิตฺตตฺตา’’ติ วุตฺตํ, ตํ อปฺปมาณํ สตฺตาหํ วสฺสจฺเฉทาทิวเสน อทฺธานคมนสมฺภวโต, คจฺฉนฺตสฺเสว วสฺสกาลคมนสมฺภวโต จ. อนฺตรามคฺเค…เป… อนาปตฺตีติ นิสฺสยทายกาภาเวเยว. ‘‘ตสฺส นิสฺสายา’’ติ ปาานุรูปํ วุตฺตํ, ตํ นิสฺสายาติ อตฺโถ. ‘‘ยทา ปติรูโป นิสฺสยทายโก อาคจฺฉิสฺสตี’’ติ วจเนน อยํ วิธิ อวสฺสกาเล เอวาติ สิทฺธํ. ‘‘อนฺโตวสฺเส ปน กสฺสจิ อาคมนาภาวา’’ติ วุตฺตํ. สเจ โส ชลปฏฺฏเน วา ถลปฏฺฏเน วา วสนฺโต วสฺสูปนายิกาย อาสนฺนาย คนฺตุกาโม สุณาติ ‘‘อสุโก มหาเถโร อาคมิสฺสตี’’ติ, ตํ เจ อาคเมติ, วฏฺฏติ. อาคเมนฺตสฺเสว เจ วสฺสูปนายิกทิวโส โหติ, โหตุ, คนฺตพฺพํ ตตฺถ, ยตฺถ นิสฺสยทายกํ ลภตีติ. ปาติโมกฺขุทฺเทสกาภาเวน เจ คนฺตุํ วฏฺฏติ, ปเคว นิสฺสยทายกาภาเวน. สเจ โส คจฺฉนฺโต ชีวิตนฺตรายํ, พฺรหฺมจริยนฺตรายํ วา ปสฺสติ, ตตฺเถว วสิตพฺพนฺติ เอเก.

๑๒๒. ‘‘นาหํ อุสฺสหามิ เถรสฺส นามํ คเหตุ’’นฺติ อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามสฺส อายสฺมโตติ ลกฺขณโต อาห. ‘‘โคตฺเตนาปี’ติ วจนโต เยน โวหาเรน โวหริยนฺติ, เตน วฏฺฏตีติ สิทฺธํ, ตสฺมา ‘โก นาโม เต อุปชฺฌาโย’ติ ปุฏฺเนาปิ โคตฺตเมว นามํ กตฺวา วตฺตพฺพนฺติ สิทฺธํ โหติ, ตสฺมา จตุพฺพิเธสุ นาเมสุ เยน เกนจิ นาเมน อนุสฺสาวนา กาตพฺพา’’ติ วทนฺติ. เอกสฺส พหูนิ นามานิ โหนฺติ, ตตฺถ เอกํ นามํ ตฺติยา, เอกํ อนุสฺสาวนาย กาตุํ น วฏฺฏติ, อตฺถโต, พฺยฺชนโต จ อภินฺนาหิ อนุสฺสาวนาหิ ภวิตพฺพนฺติ. กตฺถจิ ‘‘อายสฺมโต พุทฺธรกฺขิตตฺเถรสฺสา’’ติ วตฺวา กตฺถจิ เกวลํ ‘‘พุทฺธรกฺขิตสฺสา’’ติ สาเวติ, ‘‘สาวนํ หาเปตี’’ติ น วุจฺจติ นามสฺส อหาปิตตฺตาติ เอเก. สเจ กตฺถจิ ‘‘อายสฺมโต พุทฺธรกฺขิตสฺสา’’ติ วตฺวา กตฺถจิ ‘‘พุทฺธรกฺขิตสฺสายสฺมโต’’ติ สาเวติ, ปาานุรูปตฺตา เขตฺตเมว โอติณฺณนฺติปิ เอเก. พฺยฺชนเภทปฺปสงฺคโต อนุสฺสาวเน ตํ น วฏฺฏตีติ เอเก. สเจ ปน สพฺพฏฺาเนปิ ตเถว วทติ, วฏฺฏติ ภควตา ทินฺนลกฺขณานุรูปตฺตา. ลกฺขณวิโรธโต อฺถา น วฏฺฏตีติ เจ? น, ปโยคานุรูปตฺตา. ตตฺถ ตถา, อิธ อฺถา ปโยโคติ เจ? น, วิปตฺติลกฺขณานํ วิโรธโต. น สพฺเพน สพฺพํ, สาวนาหาปนา เอว หิ ปาฬิยํ ตทตฺถวิภาวเน อาคตาติ อฺปเทสุ สาวเนสุ ปริหาโร น สมฺภวติ อาจิณฺณกปฺปวิโรธโต. โสปิ กึปมาณนฺติ เจ? ปมาณํ อาจริยุคฺคหสฺส ปมาณตฺตา.

๑๒๓. ทฺเว เอกานุสฺสาวเนติ เอตฺถ คณฺิปเท ตาว เอวํ ลิขิตํ ‘‘เอกโต ปวตฺตอนุสฺสาวเน’’. อิทํ สนฺธายาติ นานุปชฺฌายํ เอกาจริยํ อนุสฺสาวนกิริยํ สนฺธาย, ตฺจ อนุสฺสาวนกิริยํ เอเกนุปชฺฌาเยน นานาจริเยหิ อนุชานามีติ อตฺโถ. นานุปชฺฌาเยหิ เอเกนาจริเยน น ตฺเวว อนุชานามีติ อตฺโถติ. โปราณคณฺิปเทปิ ตเถว วตฺวา ‘‘ติณฺณํ อุทฺธํ น เกนจิ อากาเรน เอกโต วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ ยุตฺตํ, น หิ สงฺโฆ สงฺฆสฺส กมฺมํ กโรตีติ อาจริโย. อิทํ ปเนตฺถ จินฺเตตพฺพํ. กถํ? จตฺตาโร วา อติเรกา วา อุปสมฺปทาเปกฺขา สงฺฆโวหารํ น ลภนฺติ ภิกฺขุภาวํ อปฺปตฺตตฺตา. เกวลํ ภควตา ปริจฺฉินฺทิตฺวา ‘‘ตโย’’ติ วุตฺตตฺตา ตโต อุทฺธํ น วฏฺฏตีติ โน ตกฺโกติ อาจริโย. อนุคณฺิปเทปิ อยเมวตฺโถ พหุธา วิจาเรตฺวา วุตฺโต. ตถา อนฺธกฏฺกถายมฺปิ. น สพฺพตฺถ อิมสฺมึ อตฺถวิกปฺเป มติเภโท อตฺถิ. ยา ปเนสา อุโภ ปริปุณฺณวีสติวสฺสา, อุภินฺนเมกุปชฺฌาโย, เอกาจริโย, เอกา กมฺมวาจา, เอโก อุปสมฺปนฺโน, เอโก อนุปสมฺปนฺโนติ ปริวารกถา, ตํ ทสฺเสตฺวา เอโก เจ อาจริโย ทฺวินฺนํ, ติณฺณํ วา อุปสมฺปทาเปกฺขานํ เอกํ กมฺมวาจํ เอเกนุปชฺฌาเยน สาเวติ, วฏฺฏตีติ เอเก. ตํ อยุตฺตํ, น หิ สกฺกา สิถิลธนิตาทิพฺยฺชนลกฺขณสมฺปนฺนํ ตสฺมึ ขเณ กมฺมวาจํ ทสฺเสตุํ วิมุตฺตโทสาทีสุ ปตนโต . วิสุํ วิสุํ กรณํ สนฺธาย อิทํ วุตฺตนฺติ ทีปนตฺถํ ‘‘ตโย ปริปุณฺณวีสติวสฺสา , ติณฺณเมกุปชฺฌาโย, เอกาจริโย, เอกา กมฺมวาจา, ทฺเว อุปสมฺปนฺนา, เอโก อนุปสมฺปนฺโน’’ติ น วุตฺโต. เอวฺหิ วุตฺเต สกฺกา ตีสุ อากาสฏฺมปเนตฺวา สีมฏฺานํ ทฺวินฺนมนุรูปํ กมฺมวาจํ ทสฺเสตุํ, ตมนิฏฺปฺปสงฺคํ นิวาเรตุํ ‘‘อุโภ’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ตตฺถ ปริปุณฺณวีสติวสฺสวจเนน วตฺถุสมฺปตฺติ, ปริสาย ปธานตฺตา, อาจริยุปชฺฌายวจเนน ปริสสมฺปตฺติ, กมฺมวาจาย อนุสฺสาวนสมฺปตฺติ ทสฺสิตา, สีมสมฺปตฺติ เอเวกา น ทสฺสิตา. ตโต วิปตฺติ ชาตา กมฺมวาจานํ นานากฺขณิกตฺตา. เอกกฺขณภาเว สติ อุภินฺนํ สมฺปตฺติ วา สิยา วิปตฺติ วา, น เอกสฺเสว สมฺปตฺติ เอกสฺส วิปตฺตีติ สมฺภวติ วิมุตฺตาทิพฺยฺชนโทสปฺปสงฺคโต’’ติ วุตฺตํ, ตํ วจนํ อุโภปิ เจเต สีมคตาว โหนฺติ, อุภินฺนํ เอกโต กมฺมสมฺปตฺติทีปนโต ทฺวินฺนํ เอกโต อนุสฺสาวนํ เอเกน อุปชฺฌาเยน เอเกนาจริเยน วฏฺฏตีติ สาเธติ. ทฺวินฺนํ, ติณฺณฺจ เอกโต สสมนุภาสนา จ ปาฬิยํเยว ทสฺสิตา, ตฺจ อนุโลเมติ. อฏฺกถาจริเยหิ นานุฺาตํ, น ปฏิกฺขิตฺตํ, วิจาเรตฺวา คเหตพฺพนฺติ อาจริโย, ตํ ธมฺมตาย วิรุชฺฌติ.

อยฺหิ พุทฺธานํ ธมฺมตา – ยทิทํ ยตฺถ ยตฺถ วจนนานตฺตมตฺถิ, ตตฺถ ตตฺถ ครุเกสุ าเนสุ วตฺตพฺพยุตฺตํ วทนฺติ. ทูเตน อุปสมฺปทาทโย เจตฺถ นิทสฺสนํ. ยสฺมา เจตฺถ ปุพฺเพ อนุฺาตกมฺมวาจาย นานตฺตํ นตฺถิ, ตสฺมา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ทฺเว ตโย เอกานุสฺสาวเน กาตุ’’นฺติ วตฺวา ‘‘เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, กาตพฺโพ’’ติ น วุตฺตํ. นานตฺเต สติปิ ตตฺถ ตตฺถ ทฺวินฺนํ, พหูนํ วา วเสน วุตฺตกมฺมวาจานุสาเรน คเหตพฺพโต อวุตฺตนฺติ เจ? น หิ ลหุเกสุ าเนสุ วตฺวา ครุเกสุ อวจนํ ธมฺมตาติ อาจริโย. อฺตรสฺมึ ปน คณฺิปเท เอวํ ปปฺจิตํ ทฺเว เอกานุสฺสาวเนติ ทฺเว เอกโต อนุสฺสาวเน. ‘‘เอเกน’’ อิติ ปาโ, เอเกน อาจริเยนาติ อตฺโถ. ปุริมนเยเนวาติ ‘‘เอเกน วา ทฺวีหิ วา อาจริเยหี’’ติ วุตฺตนเยน เอว, ตสฺมา เอเกนาจริเยน ทฺเว วา ตโย วา อนุสฺสาเวตพฺพา. ‘‘ทฺวีหิ วา ตีหิ วา’’ติ ปาโ. นานาจริยา นานุปชฺฌายาติ เอตฺถ ‘‘ตฺจ โข เอเกน อุปชฺฌาเยน, น ตฺเวว นานุปชฺฌาเยนา’’ติ วุตฺตตฺตา น วฏฺฏตีติ เจ? วฏฺฏติ. กถํ? เอเกน อนุสฺสาวเน เอกานุสฺสาวเนติ วิคฺคหสฺส ปากฏตฺตา ลีนเมว ทสฺเสตุํ ‘‘เอกโต อนุสฺสาวเน’’ติ วิคฺคโหว วุตฺโต, ตสฺมา อุชุกตฺตเมว สนฺธาย ตฺจ โข เอเกน อนุสฺสาวนํ เอกานุสฺสาวนํ, เอเกน อุปชฺฌาเยน อนุชานามิ, น ตฺเวว นานุปชฺฌาเยนาติ อตฺโถ. อิทํ สนฺธาย หิ ทฺวิธา วิคฺคโห, ตสฺมา ‘‘นานาจริเยหิ นานุปชฺฌายา น วฏฺฏนฺตีติ สิทฺธเมวา’’ติ อฺถาปิ วทนฺติ. ตฺจ โข เอเกน อุปชฺฌาเยน เอกสฺส อุปชฺฌายสฺส วา วตฺตพฺพํ อนุสฺสาวนํ, น ตฺเวว นานุปชฺฌาเยน อนุชานามีติ อตฺโถ. กึ วุตฺตํ โหติ? ‘‘เอโก อาจริโย, ทฺเว วา ตโย วา อุปสมฺปทาเปกฺขา ทฺวินฺนํ ติณฺณํ วา อุปชฺฌายานํ น ตฺเวว อนุชานามี’’ติ กิร วุตฺตนฺติ. อปรสฺมึ ปน คณฺิปเท ‘‘เอเกน อนุสฺสาวเนติ วิคฺคหสฺส ปากฏตฺตา ตํ ปกาเสตุํ ‘เอเกนา’ติ วุตฺตํ. เอวํ วุตฺเต อวสฺสํ ปณฺฑิตา ชานนฺติ. ตํปากฏตฺตา เจ ชานนฺติ, เอเกนาติ อิมินา กินฺติ เจ? กิฺจาปิ ชานนฺติ, วิวาโท ปน โหติ อลทฺธเลสตฺตา, ชานิตุฺจ น สกฺกา, ‘เอเกนา’ติ วุตฺเต ปน ตํ สพฺพํ น โหตีติ วุตฺต’’นฺติ ลิขิตํ. เอวํ เอตฺถ อเนเก อาจริยา จ ตกฺกิกา จ อเนกธา ปปฺเจนฺติ, ตํ สพฺพํ สุฏฺุ อุปปริกฺขิตฺวา ครุกุลํ ปยิรุปาสิตฺวา วํสานุคโตว อตฺโถ คเหตพฺโพ. ‘‘น สพฺพตฺถ อิมสฺมึ อตฺถวิกปฺเป มติเภโท อตฺถี’’ติ วุตฺตเมว.

อุปสมฺปทาวิธิกถาวณฺณนา

๑๒๕. กุฏฺํ คณฺโฑติ เอตฺถ กุฏฺาทิคฺคหเณน หตฺถจฺฉินฺนาทโยปิ คหิตาว โหนฺตีติ โปราณา, ตสฺมา ‘‘มนุสฺโสสิ ปุริโสสี’’ติ เอเตหิ ภพฺพาภพฺพปุคฺคลปริวชฺชนํ กโรติ. ‘‘ภุชิสฺโสสิ อณโณสี’’ติอาทีหิ ปุพฺเพ หตฺถจฺฉินฺนาธิกาเร วุตฺตอตฺถวิกปฺเปสุ ทุติยํ วิกปฺปํ อุปถมฺเภติ. ตตฺถ ‘‘อณโณสิ ภุชิสฺโสสี’’ติ อนุกฺกเมน อวตฺวา อุปฺปฏิปาฏิยา วจเนน ภุชิสฺโส โหติ, น จ รฺโ ภตฺตเวตนวเสน ภโฏ. ราชาธีนตฺตา ปน โส ราชภฏปกฺขํ ภชตีติ ตพฺพิปกฺขภาวปุจฺฉนตฺถํ ‘‘นสิ ราชภโฏ’’ติ วุตฺตํ. อฺถา ปฺจหิ อาพาเธหิ ผุฏฺานํ คหเณเนว สพฺเพสํ คหเณ สิทฺเธ อิตเร น วตฺตพฺพา. อถ วตฺตพฺพา, สพฺเพปิ วตฺตพฺพา สิยุํ.

จตฺตาโรนิสฺสยาทิกถาวณฺณนา

๑๒๘-๙. ‘‘ตาวเทว ฉายา เมตพฺพา’’ติอาทิ ‘‘ภิกฺขูนํ ปาเท วนฺทาเปตฺวา’’ติ วจนโต เถราเถรภาวชานนตฺถํ วุตฺตํ. ‘‘จิเรน อคมาสี’’ติ กิร โปราณปาโ, จิรํ อกาสีติ จตฺถิ.

๑๓๐. อนาปตฺติสมฺโภเค สํวาเสติ อุกฺขิตฺตเกน สทฺธึ สมฺโภคสํวาสปจฺจยา ปาจิตฺติยาปตฺติ ปฺตฺตา, ตโต อนาปตฺตีติ อตฺโถ. กถํ ปฺายตีติ? สํวาสคฺคหเณ. อลชฺชินา สทฺธึ สมฺโภคปจฺจยา อาปชฺชิตพฺพํ ทุกฺกฏํ ปน อาปชฺชติ เอว, น สํวาสปจฺจยา. น หิ อลชฺชินา สทฺธึ สํวาโส ปฏิกฺขิตฺโต. สํวาโส ปเนตฺถ สหเสยฺยปฺปโหนเก อาวาเส สหวาโส, น ‘‘ปาราชิโก โหติ อสํวาโส’’ติ เอตฺถ วุตฺตสํวาโส. อยํ สํวาโส อุกฺขิตฺตเกน สทฺธึ น วฏฺฏติ. อลชฺชินา สทฺธึ เอกจฺโจ วฏฺฏติ. ธมฺมสมฺโภควินิมุตฺโตเวตโร . อิทํ ปน ‘‘อุกฺขิตฺตโก วิพฺภมี’’ติอาทิสุตฺตํ อิมสฺมึ อุปสมฺปาเทตพฺพานุปสมฺปาเทตพฺพทีปนสามฺโต วุตฺตํ. กิฺจ ภิยฺโย ปฏิปตฺติกฺกมโตว อาปตฺติโต สุทฺธิ โหติ, น วิพฺภเมน, ตสฺมา อุปสมฺปนฺโน ภิกฺขุ อนฺตมโส ทุพฺภาสิตมฺปิ อาปชฺชิตฺวา อปรภาเค วิพฺภมิตฺวา อาคโต อุปสมฺปชฺชติ, ตํ อาปตฺตึ เทเสตฺวาว สุชฺฌติ, น อฺถาติ อุปสมฺปนฺนสฺส สุทฺธิกฺกมทสฺสนตฺถํ. อสาธารณาปตฺติยา อทสฺสนปจฺจยา อุกฺขิตฺตกสฺส ลิงฺคปริวตฺตเนน อาปตฺติโต วุฏฺิตสฺส ปุน เจ ปกติลิงฺคเมวุปฺปชฺชติ, นานาสํวาสกตาว, วิพฺภมิตฺวา อาคเตปิ ยถาวุตฺตนเยเนว อุปสมฺปาเทตฺวา น วุฏฺิตตฺตาติ เจ? น ลิงฺคนฺตรปาตุภาวา. น วิพฺภเมน กมฺมาสุชฺฌนโต. น กมฺมาสุชฺฌเน ปุน อุปสมฺปทากมฺมวิปตฺติปฺปสงฺคโต. น จ กมฺมวิปตฺติ, น จ กมฺมปฏิปฺปสฺสทฺธิ. วิพฺภเมน จ อนุปสมฺปนฺโน นานาสํวาสกภาเวน กมฺมํ โกเปติ ธมฺมิสฺสเรน อาหจฺจ ภาสิตตฺตา. เตเนว ‘‘ปสฺสิสฺสสี’’ติ อนาคตวจนํ กตํ. ตาทิโส ปน คหฏฺโ นิกฺขิตฺตวตฺตปาริวาสิโก วิย ปกตตฺตภูมิยํ วิพฺภมาทินา อนุปสมฺปนฺนปกติยํเยว ติฏฺตีติ อิมสฺส สพฺพสฺสปิ อตฺถวิกปฺปสฺส ทสฺสนตฺถมิทํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ปุพฺเพ วุตฺตปฺปกาโร ปน ปริวตฺติตลิงฺโค หุตฺวา ปุน ปกติลิงฺเค ิตอุกฺขิตฺตโก ปุน ปุจฺฉิตพฺโพ ‘‘ปสฺสสี’’ติ. ‘‘อาม ปสฺสามี’’ติ วทนฺโต โอสาเรตพฺโพ. ‘‘เทเสหี’’ติ น วตฺตพฺโพ ลิงฺคปริวตฺตเนน วุฏฺิตตฺตา. ตปฺปฏิกมฺโม อุกฺขิตฺตโก ปุจฺฉิตพฺโพ ‘‘ปฏิกมฺมํ กึ เต กต’’นฺติ, ‘‘อาม กต’’นฺติ วทนฺโต โอสาเรตพฺโพ. ‘‘กตฺตพฺพํ เม ปฏิกมฺมํ น โหตี’’ติ วทนฺโต น โอสาเรตพฺโพติ เอเก. อสาธารณาปตฺติมฺหิ อิทํ วิธานํ, น สาธารณาย. ตตฺถ อุกฺขิตฺตโก ลิงฺคปริวตฺตเนเนว ปฏิปฺปสฺสทฺธกมฺโมติ เอเก. วิจาเรตฺวา ยุตฺตตรํ คเหตพฺพนฺติ อาจริโย. อนุคณฺิปเท ปน ‘‘อลชฺชิปริโภโค สหตฺถทานาทิวเสน ปริจฺฉินฺทิตพฺโพ, ‘สารณียธมฺมปูรกาทโย ทสฺเสตฺวา อลชฺชิสฺส สหตฺถา ทาตุํ วฏฺฏตี’ติ วทนฺตานํ วาโท ปฏิเสเธตพฺโพ. กถํ? อุกฺขิตฺตกสฺส สหตฺถา ทาตุํ น วฏฺฏตีติ วินิจฺฉยานุสาเรน. ทาเปตุํ ปน วฏฺฏเตวาติ จ. กิฺจาปิ อลชฺชิปริโภควเสน ทุกฺกฏํ, อถ โข อยํ อลชฺชี น โหติ, ตสฺมา สพฺพากาเรน นิราปตฺติตํ สนฺธาย ‘อนาปตฺติ สมฺโภเค สํวาเส’ติ วุตฺตํ. กถํ ปฺายตีติ? วิฺเยฺโย อตฺถโต อุจฺฉุรสกสฏานํ สตฺตาหกาลิกยาวชีวิกตฺตา ‘วฏฺฏติ วิกาเล อุจฺฉุํ ขาทิตุ’นฺติ สฺํ อุปฺปาเทตฺวา ตํ ขาทิตฺวา ตปฺปจฺจยา ปาจิตฺติยํ น ปสฺสติ, วฏฺฏตีติ ตถาสฺิตาย. โย วา ปน อาปตฺตึ อาปนฺนภาวํ ปฏิชานิตฺวา ‘น ปฏิกโรมี’ติ อภินิวิสติ, อิเม ทฺเว –

‘สฺจิจฺจ อาปตฺตึ อาปชฺชติ, อาปตฺตึ ปริคูหติ;

อคติคมนฺจ คจฺฉติ, เอทิโส วุจฺจติ อลชฺชีปุคฺคโล’ติ. (ปริ. ๓๕๙) –

วุตฺตลกฺขเณ อปตนโต อลชฺชิโน น โหนฺติ, ตสฺมา ‘โย อาปตฺติเทสนปฏิกมฺมานิ น กโรติ, เตน สทฺธึ สมฺโภคาทิกรเณ อนาปตฺตี’ติ วิเสเสตฺวา วุตฺตวจเนน, อิตเรนปิ สทฺธึ กิฺจาปิ รูปิยสํโวหาโร น โหติ, อถ โข กยวิกฺกเยน อาปตฺติ โหติเยวาติ นโย ทินฺโน โหติ, ปฺจหิ สทฺธึ สพฺพถาปิ อนาปตฺตีติ นโย จ. เอวํ สาปตฺติฏฺาเนสุ วิเสเสตฺวา จ วจนโต อิธ ตถา อวุตฺตตฺตา เตน สห อลชฺชิปริโภโค นตฺถิ. ภชาปิยมาโน ปน อลชฺชิปกฺขํ ภชตีติ อิมินาปิ อุปาเยน สพฺพตฺถ ตํ ตํ สํสนฺทิตฺวา อตฺโถ ปริเยสิตพฺโพติ อปเร. อาจริยา ปน เอวํ น วทนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘สจาหํ น ปสฺสิสฺสามีติ วทติ, น ปพฺพาเชตพฺโพ’’ติ วุตฺตตฺตา ปุพฺเพ อาปนฺนาปตฺติโย อุปฺปพฺพชิตสฺสาปิ น ปฏิปฺปสฺสมฺภนฺตีติ สิทฺธํ, เตเนว อาจริยา อาปตฺตึ เทสาเปตฺวาว สิกฺขาปจฺจกฺขานํ การาเปนฺตีติ จ อนาปตฺติ สมฺโภเค สํวาเสติ อิทํ ปุพฺเพ อาปนฺนํ สนฺตึ เอว อาปตฺตึ น ปสฺสตีติ อาสงฺกิตพฺโพ. สา ปฏิปฺปสฺสทฺธาติ าปนตฺถํ วุตฺตนฺติ จ เอเก. ‘‘ปสฺสิสฺสสี’’ติ คหฏฺตฺตา เทเสตุํ น วฏฺฏตีติ อนาคตวเสน วุตฺตํ. ‘‘อุปสมฺปาเทตฺวา ปสฺสิสฺสสี’’ติ ปริวาสาทินา กตฺตพฺพสฺส อตฺถิภาเวน ‘‘ปสฺสสี’’ติ อวตฺวา อนาคตวเสน วุตฺตํ, โอสาเรตฺวาติ อพฺภานวเสน. ตตฺถ ปุน กาตพฺพสฺส อภาวา ‘‘ปสฺสสี’’ติ วุตฺตํ. อิทํ สพฺพํ สพฺพตฺถ ปฏิชานนํ สนฺธาย วุตฺตํ. เอกตฺราปิ ปุน น ปฏิชานาติ, เอเตน สห ตสฺสา อาปตฺติยา อนุรูเปน สํวาโส น กาตพฺโพ, อลชฺชิภาเวนาติ วุตฺตํ โหติ. ทิฏฺิยาติอาทีสุ โอสารณํ นาม สมานกมฺมาทินา กรณนฺติ อตฺโถ. อนาปตฺติ สมฺโภเคติ อุกฺขิตฺตเกน สมฺโภเค อนาปตฺติ. กสฺมา? อุกฺขิตฺตกกมฺมสฺส คหฏฺภาเวน ปฏิปฺปสฺสทฺธตฺตา, เตเนว ‘‘อลพฺภมานาย สามคฺคิยา’’ติ วุตฺตํ. อิทานิ ภิกฺขุภาเว กตฺตพฺพโตติ เกจิ. ทฺวีสุปิ วาเรสุ กมฺมปฏิปฺปสฺสทฺธิวิธานํ เตเยว ชานนฺติ, ตสฺมา สพฺพวาเรสุ ยุตฺตมยุตฺตฺจ สุฏฺุ สลฺลกฺเขตฺวา กเถตพฺพํ.

โย ขนฺธกํ ปพฺพชฺชนามเธยฺยํ,

นานานยํ สาสนมูลภูตํ;

ตฺวา ปกาเสติ ปรสฺส สมฺมา,

ตสฺสาธิปจฺจํ มุนิสาสนสฺมินฺติ.

มหาขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. อุโปสถกฺขนฺธกวณฺณนา

สนฺนิปาตานุชานนาทิกถาวณฺณนา

๑๓๒-๓. เตนสมเยนาติ อตฺตโน โอวาทปาติโมกฺขุทฺเทเส ธุรํ นิกฺขิปิตฺวา ภิกฺขูนํเยว วิสุํ อุโปสถกรณํ อนุชานิตฺวา ิตสมเยน. โก ปน โสติ? มชฺฌิมโพธิยํ ปาติโมกฺขุทฺเทสปฺปโหนกสิกฺขาปทานํ ปรินิฏฺานกาโล. เตเนวาห ‘‘ตานิ เนสํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อนุชาเนยฺย’’นฺติ. ‘‘เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, อุทฺทิสิตพฺพ’’นฺติ นิทานุทฺเทสํ ปฺาเปตุกามตาย จ สิกฺขาปทานํ อุทฺเทสปริจฺเฉทนิทสฺสนตฺถฺจ วุตฺตํ. อฺถา ‘‘เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยถา’’ติ สพฺพสิกฺขาปทานํ อุทฺทิสิตพฺพกฺกมสฺส ทสฺสิตตฺตา อิทานิ ‘‘เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, อุทฺทิสิตพฺพ’’นฺติ อิทํ นิรตฺถกํ อาปชฺชติ, อิทฺจ สพฺพสงฺฆุโปสถํ สนฺธาย วุตฺตํ.

๑๓๔. ‘‘ยํนูน อยฺยาปิ…เป… สนฺนิปเตยฺยุ’’นฺติ พหูนํ อธิการปฺปวตฺติ. ตตฺราปิ วินยํ อาคมฺม วุตฺโต ภิกฺขุ สามิ, น เกวลํ สงฺฆตฺเถโรติ ทสฺสนตฺถํ, สงฺฆสฺส คารวยุตฺตวจนารหตาทสฺสนตฺถฺจ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต’’ติ อาห. ตตฺถ สยํ เจ เถโร, ภิกฺขุํ สนฺธาย ‘‘อาวุโส’’ติ วตฺตุํ ยุชฺชติ. กถํ ปฺายติ? พุทฺธกาเล สงฺฆตฺเถโร อพฺยตฺโต นาม ทุลฺลโภ. สพฺพกมฺมวาจาย ปโยคนิทสฺสเน จ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ’’ อิจฺเจว ภควา ทสฺเสตีติ เจ? เอวเมตํ ตถา ทสฺสนโต. สงฺฆํ อุปาทาย สงฺฆตฺเถเรนาปิ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ’’ติ วตฺตพฺพํ, ภิกฺขุํ อุปาทาย ‘‘อาวุโส’’ติ มหากสฺสปสฺส กมฺมวาจาย ปโยคทสฺสนโต, ปาริสุทฺธิอุโปสเถ จ เถเรน ภิกฺขุนา ‘‘ปริสุทฺโธ อหํ, อาวุโส’’ติ ปโยคทสฺสนโต จ. ‘‘ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺล’’นฺติ ปรโต ปฺาเปตพฺเพ อุโปสถกรณนฺตราเย สนฺธายาห. อุโปสถสฺส พหุวิธตฺตา สรูปโต วตฺตุํ ‘‘ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยา’’ติ อาห. เอตฺตาวตา ตฺตึ นิฏฺเปสิ. ตฺติทุติยกมฺมโต เอว หิ อุโปสถกมฺมํ. น, ตติยานุสฺสาวนสมฺภวโตติ เจ? น, อฺเหิ ตฺติจตุตฺถกมฺเมหิ อสทิสตฺตา. น หิ เอตฺถ จตุกฺขตฺตุํ ‘‘สุณาตุ เม’’ติ อารภียตีติ. อฺเหิ ตฺติทุติเยหิ อสทิสตฺตา ตฺติทุติยมฺปิ มาโหตูติ เจ? น, ตฺติทุติยกมฺมสฺส อฺถาปิ กตฺตพฺพโต. ตถา หิ ตฺติทุติยกมฺมํ เอกจฺจํ อปโลกนวเสนปิ กาตุํ วฏฺฏติ, น อฺํ อฺถา กาตุํ วฏฺฏติ. กถํ ปฺายตีติ? อิทเมว อุโปสถกมฺมํ าปกํ.

‘‘กึ สงฺฆสฺส ปุพฺพกิจฺจ’’นฺติ อิทํ น ตฺติ นิฏฺเปตฺวา วตฺตพฺพํ, ตฺหิ ตฺติโต ปุเรตรเมว กรียตีติ. ตสฺมา ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, กึ สงฺฆสฺส ปุพฺพกิจฺจํ, ยทิ สงฺฆสฺสา’’ติ วตฺตพฺพํ สิยาติ? ตถาปิ น วตฺตพฺพํ, น หิ ตํ ตฺติยา อนฺโตกรียตีติ. ยทิ เอวํ สพฺพตฺถ น วตฺตพฺพํ ปโยชนาภาวาติ เจ? น, ยถาคตฏฺาเนเยว วตฺตพฺพโต, ปรปทาเปกฺขตายาติ วุตฺตํ โหติ. อิทํ ปุพฺพกิจฺจํ อกตฺวา อุโปสถํ กโรนฺโต สงฺโฆ, ปุคฺคโล วา ปนกฺเขตฺตาติกฺกเม อาปชฺชติ. น หิ ตสฺมึ เขตฺเต อติกฺกนฺเต สมฺมชฺชนาสโนทกปทีปกรเณ อาปตฺติโมกฺโข โหติ. อุโปสถกมฺมโต ปุพฺเพ กตฺตพฺพกิจฺจากรณปจฺจยตฺตา ตสฺสา อาปตฺติยา, น สา กมฺมปริโยสานาเปกฺขา เอตฺถาคตสมฺปชานมุสาวาทาปตฺติ วิย, ตสฺมา ปาติโมกฺขุทฺเทสโก ภิกฺขุ ‘‘ปาริสุทฺธึ อายสฺมนฺโต อาโรเจถา’’ติ วตฺตุกาโม ปมํเยว ปริสุทฺธาปริสุทฺธปจฺจยํ ปุพฺพกิจฺจํ สราเปติ. ตฺหิ กตํ ปริสุทฺธปจฺจโย โหติ, อกตํ อปริสุทฺธปจฺจโย, เตเนว อุภยาเปกฺขาธิปฺปาเยน ‘‘กตํ น กต’’นฺติ อวตฺวา ‘‘กึ สงฺฆสฺส ปุพฺพกิจฺจ’’ มิจฺเจวาห. ตตฺถ อกตปกฺเข ตาว ปาริสุทฺธิอาโรจนกฺกมนิทสฺสนตฺถํ ปรโต ‘‘ยสฺส สิยา อาปตฺติ, โส อาวิ กเรยฺยา’’ติ จ, กตปกฺเข ‘‘อสนฺติยา อาปตฺติยา ตุณฺหี ภวิตพฺพ’’นฺติ จ วกฺขติ.

ปาริสุทฺธึ อายสฺมนฺโต อาโรเจถ. กึการณา? ยสฺมา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิสฺสามิ. เอตฺถ จ ‘‘อุทฺทิสามี’’ติ วตฺตมานกาลํ อปรามสิตฺวา ‘‘อุทฺทิสิสฺสามี’’ติ อนาคตกาลปรามสเนน ยฺวายํ ‘‘ทานิ เนสํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อนุชาเนยฺย’’นฺติ (มหาว. ๑๕๐) เอตฺถ วุตฺตปาติโมกฺขุทฺเทโส, ตํ สนฺธาย ‘‘ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิสฺสามี’’ติ วุตฺตนฺติ เอเก. ยสฺมา ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ปาติโมกฺขุทฺเทสา’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา วตฺตมานสฺส นิทานุทฺเทสสงฺขาตสฺส ปาติโมกฺขสฺส ยเทตํ อนฺเต ‘‘กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา’’ติอาทิกํ ยาวตติยานุสฺสาวนํ, ตสฺเสว อาปตฺติเขตฺตตฺตา, อวยเวปิ อวยวีโวหารสมฺภวโต จ อิธ อาปตฺติเขตฺตเมว สนฺธาย ‘‘ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิสฺสามี’’ติ วุตฺตํ. เอวฺหิ วุตฺเต ยสฺมา ปรโต อาปตฺติเขตฺตํ อาคมิสฺสติ, ตสฺมา อาปตฺติภีรุกา ตุมฺเห สพฺเพว ปมเมว ปาริสุทฺธึ อาโรเจถาติ อยมตฺโถ สมฺภวติ. วตฺตมานกาลวเสน วุตฺเต ‘‘ปาริสุทฺธึ อายสฺมนฺโต อาโรเจถา’’ติ วจนเมว น สมฺภวติ ตทาโรจนสฺส ปมํ อิจฺฉิตพฺพตฺตา, ปเคว ตสฺส กรณาภาเวน ‘‘ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิสฺสามี’’ติ วจนํ. อยํ นโย สนฺติยา อาปตฺติยา อาโรจเน ยุชฺชติ, น ตุณฺหีภาเว, อกมฺมปริโยสานา ตุณฺหีภาวปฺปตฺติโต, เอวํ สนฺเตปิ ตสฺมึ ยุชฺชเตว. ปาติโมกฺขุทฺเทสโก หิ อฺมฺํ อาปตฺติอาวิกรณํ อกตฺวา ตุณฺหีภูเต ภิกฺขู ปสฺสิตฺวา เตเนว ตุณฺหีภาเวน อาโรจิตปาริสุทฺธิโก หุตฺวา ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต’’ติ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อารภิ.

เอตฺถาห – ปมํ ‘‘สงฺโฆ อุโปสถํ กเรยฺย, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยา’’ติ วุตฺตตฺตา อิธาปิ ‘‘สงฺโฆ อุโปสถํ กริสฺสติ, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิสฺสตี’’ติ วตฺตพฺพํ, อถ ‘‘ปุคฺคลสฺส อุทฺเทสา’’ติ ลกฺขณตฺตา ยถารุตเมว วตฺตพฺพํ, ตถาปิ ‘‘อุโปสถํ กริสฺสามิ, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิสฺสามี’’ติ วตฺตพฺพนฺติ? น วตฺตพฺพํ ลกฺขณวิโรธโต, อนิฏฺปฺปสงฺคโต จ. ปุคฺคลสฺส อุทฺเทสา เอว หิ สงฺฆสฺส อุโปสโถ กโต โหติ, น ปุคฺคลสฺส อุโปสถกรเณน. ตฺจ โสว กริสฺสติ, น สงฺโฆติ อนิฏฺปฺปสงฺโคว อาปชฺชติ. ‘‘สุณาถา’’ติ วุตฺเต อจิตฺตสามคฺคิปฺปสงฺคภยา ‘‘สุโณมา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘สุณิสฺสามา’’ติ วตฺตพฺพํ ‘‘อุทฺทิสิสฺสามี’’ติ วุตฺตตฺตาติ เจ? น วตฺตพฺพํ, อาปตฺติเขตฺตทสฺสนาธิปฺปายนิรเปกฺขตาย ‘‘สุโณม’’ อิจฺเจว วตฺตพฺพํ. เอกปเทเนว หิสฺส ตทธิปฺปาโย อติกฺกนฺโตติ. ยทิ เอวํ กิมตฺถํ ตํ สพฺเพเหว อารทฺธนฺติ เจ? ‘‘อุทฺทิสิสฺสามี’’ติ อิมินา อสาธารณวจเนน อาปนฺนสฺส อจิตฺตสามคฺคิปฺปสงฺคนิวารณตฺถํ. สรมาเนนาติ อิมินา จสฺส สมฺปชานมุสาวาทสฺส สจิตฺตกตํ ทสฺเสติ. อนฺตรายิโก ธมฺโม วุตฺโต ภควตาติ เอวํ อกิริยสมุฏฺานสฺสาปิ เอวํ ปริตฺตกสฺส อิมสฺส มุสาวาทสฺส มหาทีนวตํ ทสฺเสติ. วิสุทฺธาเปกฺเขนาติ สาวเสสํ อาปตฺตึ อุปาทาย อนาปตฺติภาวสงฺขาตํ อนวเสสฺจ อุปาทาย คิหิภาวสงฺขาตํ วิสุทฺธึ อิจฺฉนฺเตน กสฺมา อาวิ กาตพฺพา? อนฺตรายภาวานุปคมเนน ผาสุวิหารปจฺจยตฺตา. อิธ ‘‘อชฺชุโปสโถ ปนฺนรโส’’ติ น วุตฺตํ ปรโต ทิวสนิยมสฺส กตฺตุกามตาธิปฺปาเยน อวุตฺตตฺตา. เอวํ ปน เต ภิกฺขู สพฺพทิวเสสุ อุทฺทิสึสุ.

๑๓๕. ‘‘อาทิเมต’’นฺติ สีลปาติโมกฺขเมว วุตฺตํ, กิฺจาปิ คนฺถปาติโมกฺโข อธิปฺเปโต. ‘‘ปฺจนฺนํ วา’’ติ มาติกายํ วุตฺตานํ วเสน วุตฺตํ. อนชฺฌาปนฺโน วาติ ปุคฺคลาธิฏฺานเทสนา. โปราณคณฺิปเท ปน ‘‘‘อุโปสถํ กเรยฺยา’ติ เอตฺตาวตา ตฺติ โหติ. ยาวตติยานุสฺสาวนา นาม ‘ยสฺส สิยา อาปตฺตี’ติอาทิวจนตฺตยํ, อนฺเต ‘ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ ปุจฺฉามี’ติ อิทฺจาติ ทุวิธํ. ตตฺถ ปมํ อาปตฺตึ สริตฺวา นิสินฺนสฺส, ทุติยํ อสรนฺตสฺส สารณตฺถ’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘วจีทฺวาเร’’ติ ปากฏวเสน อุชุกเมว วุตฺตํ. กิฺจาปิ กายวิฺตฺติยาปิ กรียติ, กายกมฺมาภาวา ปน วจีวิฺตฺติยาเยว อาวิ กาตพฺพา. ‘‘สงฺฆมชฺเฌ วา’’ติอาทิ ลกฺขณวจนํ กิร. สงฺฆุโปสถกรณตฺถํ สงฺฆมชฺเฌ เจ นิสินฺโน, ตสฺมึ สงฺฆมชฺเฌ. คณุโปสถกรณตฺถฺเจ คณมชฺเฌ นิสินฺโน, ตสฺมึ คณมชฺเฌ. เอกสฺเสว สนฺติเก เจ ปาริสุทฺธิอุโปสถํ กตฺตุกาโม, ตสฺมึ เอกปุคฺคเล อาวิ กาตพฺพาติ, ‘‘เอเตน น เกวลํ สงฺฆมชฺเฌ เอวายํ มุสาวาโท สมฺภวติ, อถ โข เอตฺถ วุตฺตลกฺขเณน อสติปิ ‘ปาริสุทฺธึ อายสฺมนฺโต อาโรเจถา’ติอาทิวิธาเน คณุโปสเถปิ สาปตฺติโก หุตฺวา อุโปสถํ กตฺตุกาโม อนาโรเจตฺวา ตุณฺหีภูโตว กโรติ เจ, สมฺปชานมุสาวาทาปตฺตึ อาปชฺชตีติ อิมสฺสตฺถสฺส อาวิกรณโต ลกฺขณวจนํ กิเรต’’นฺติ วทนฺติ ตกฺกิกา. อฺถา ‘‘คณมชฺเฌวา’’ติ น วุตฺตนฺติ เตสํ อธิปฺปาโย. อาโรจนาธิปฺปายวเสน วุตฺตนฺติ โน ตกฺโกติ อาจริโย. อาโรเจนฺโต หิ สงฺฆสฺส อาโรเจมีติ อธิปฺปาเยน อาวิ กโรนฺโต สงฺฆมชฺเฌ อาวิ กโรติ นาม. อตฺตโน อุภโตปสฺเส นิสินฺนานํ อาโรเจนฺโต คณมชฺเฌ. เอกสฺเสวาโรเจสฺสามิ สภาคสฺสาติ อธิปฺปาเยน อาโรเจนฺโต เอกปุคฺคเล อาโรเจติ นาม. ปุพฺเพ วิภตฺตปทสฺส ปุน วิภชนํ อตฺถวิเสสาภาวทีปนตฺถนฺติ เวทิตพฺพํ.

๑๓๖-๗. ‘‘น, ภิกฺขเว, เทวสิกํ…เป… ทุกฺกฏสฺสา’’ติ วตฺวา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อุโปสเถ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุ’’นฺติ อิทํ อนุโปสเถ เอว ตํ ทุกฺกฏํ , อุโปสเถ ปน เทวสิกมฺปิ วฏฺฏตีติ ทีเปติ, ตสฺมา เต ภิกฺขู จาตุทฺทสิยํ อุทฺทิสิตฺวาปิ ปนฺนรสิยํ อุทฺทิสึสุ, เตนาห ‘‘สกึ ปกฺขสฺสา’’ติ. ตตฺถ ปุริเมน สามคฺคีทิวโส อุโปสถทิวโส เอวาติ ทีเปติ. อุภเยน อฏฺมึ ปฏิกฺขิปิตฺวา เทวสิกํ ปฏิกฺเขปสฺส อติปฺปสงฺคํ นิวาเรติ. กึ วุตฺตํ โหติ? ภินฺโน เจ สงฺโฆ ปาฏิปททิวเส สมคฺโค โหติ, ตสฺมึ ทิวเส สามคฺคีอุโปสถํ กโรนฺโต อุภยมฺปิ ทุกฺกฏํ อาปชฺชนฺโต อุภเยน เอกีภูเตน นิวาริโต โหตีติ วุตฺตํ โหติ. อฺถา สามคฺคีอุโปสโถ น เทวสิโก. เจ, อโหรตฺตํ กาตพฺโพ. ตสฺมิฺจ ปกฺเข ปกติอุโปสโถ น เทวสิโก. เจ, อโหรตฺตํ กาตพฺโพ. ตสฺมิฺจ ปกฺเข ปกติอุโปสโถ อนุทฺทิฏฺโ. เจ โหติ, สามคฺคีอุโปสโถ กาตพฺโพติ อาปชฺชติ. น อปวาทนเยน คเหตพฺพตฺตาติ เจ? น, อนิฏฺปฺปสงฺคโต. กึ วุตฺตํ โหติ? สามคฺคีทิวเส สามคฺคีอุโปสถํ กตฺวา ปุน ตสฺมึ ปกฺเข ปกติอุโปสถทิวเส สมฺปตฺเต ปกติอุโปสโถ น กาตพฺโพติ. อปวาโทติ. อปวาทิตพฺพฏฺานโต อฺตฺถ อุสฺสคฺควิธานํ นิวาเรติ.

กิตฺตาวตานุ โข สามคฺคีติ เอตฺถายมธิปฺปาโย – สามคฺคี นาเมสา สภาคานํ สนฺนิปาโต. สภาคา จ นาม ยตฺตกา สหธมฺมิกา, เต สพฺเพปิ โหนฺติ, อุทาหุ อาวาสสภาคตาย สภาคา นาม โหนฺตีติ. ตตฺถ ยทิ สหธมฺมิกานํ สามคฺคี สามคฺคี นาม, สพฺเพสํ ปุถุวิภตฺตานํ สามคฺคี อิจฺฉิตพฺพา. อถาวสถวเสน, เอกาวาสสภาคานนฺติ วุตฺตํ โหติ. อฺถา เอกาวาเส สามคฺคีติ อาปชฺชติ. มา โน อคมาสีติ อคโต มา โหติ.

สีมานุชานนกถาวณฺณนา

๑๓๘. เอกาวาสคตานํ วเสน สามคฺคึ ปฏิกฺขิปิตฺวา เอกสีมคตานํ วเสน อนุชานิตุกาโม ภควา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สีมํ สมฺมนฺนิตุ’’นฺติ อาห. อถ อาวาสปริจฺเฉทํ วตฺตุกาโม ภเวยฺย. เอตฺตาวตา เอกาวาโส ยาวตา เอกาสีมา. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สีมํ สมฺมนฺนิตุ’’นฺติ วเทยฺย. ตสฺมา น อิธ อนุฺาตพทฺธสีมาวเสน เอกาวาสปริจฺเฉโท โหติ, อุปจารสีมาวเสเนว โหตีติ เวทิตพฺพํ. กถํ ชานิตพฺพนฺติ เจ? ปาฬิโตว, ยถาห ‘‘เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา อุปนนฺโท สกฺยปุตฺโต เอโก ทฺวีสุ อาวาเสสุ วสฺสํ วสิ…เป… เอกาธิปฺปาย’’นฺติ (มหาว. ๓๖๔). อฺถา วสฺสจฺเฉโทติ อนิฏฺปฺปสงฺโคว, กถํ? เอกาวาสวเสเนว เจ สามคฺคี, พหุอาวาสอนาวาเสสุ น สมฺภเวยฺย. ตโต โส ตํ อาวาสํ คจฺฉนฺโต พหิทฺธา อุโปสถํ กโรติ. ‘‘น, ภิกฺขเว, ตทหุโปสเถ สภิกฺขุโก อนาวาโส คนฺตพฺโพ’’ติอาทิ (มหาว. ๑๘๑)-ปาฬิวิโรโธ สติปิ สงฺเฆ อนาวาเส อุโปสถสฺส อกตฺตพฺพโต. อนาวาเสปิ เจ สามคฺคี ลพฺภติ, ‘‘เอตฺตาวตา สามคฺคี, ยาวตา เอกาวาโส’’ติ น วตฺตพฺพํ, ตสฺมา สพฺพถา ปุริมนโย ปจฺฉิเมเนว ปฏิกฺขิตฺโตติ กตฺวา นานาวาสวเสนปิ สามคฺคีติ เวทิตพฺพํ. ‘‘ตํ กมฺมํ กโรมาติ วตฺวา น อกํสู’ติอาทีสุ วิย อนาคตมฺปิ อเปกฺขติ, ตสฺมา ‘กโรมา’ติ วุตฺเต น วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘สีมํ อโสเธตฺวาปิ นิมิตฺตํ กิตฺเตตุํ วฏฺฏตี’’ติ ลิขิตํ. เหฏฺิมโกฏิยา อฑฺฒฏฺมรตนุพฺเพโธ หตฺถิปฺปมาโณ. สเจ เอโก พทฺโธ โหติ, น กาตพฺโพติ เอตฺถ ‘‘จตูสุ ทิสาสุ จตุนฺนํ ปพฺพตกูฏานํ เหฏฺา ปิฏฺิปาสาณสทิเส ปาสาเณ ิตตฺตา เอกาพทฺธภาเว สติปิ ปถวิโต อุทฺธํ เตสํ สมฺพนฺเธ อสติ เหฏฺา ปถวิคตสมฺพนฺธมตฺเต อพฺโพหาริกํ กตฺวา กิตฺเตตุํ วฏฺฏติ. เตเนว ‘ปิฏฺิปาสาโณ อติมหนฺโตปิ ปาสาณสงฺขฺยเมว คจฺฉตี’ติ วุตฺตํ. ปถวิโต เหฏฺา ตสฺส มหนฺตภาเว คยฺหมาเน ปพฺพตเมว โหตี’’ติ อนุคณฺิปเท วุตฺตํ. ‘‘จินิตฺวา กตปํสุปุฺเช ติณคุมฺพรุกฺขา เจ ชายนฺติ, ปพฺพโต โหตีติ ธมฺมสิริตฺเถโร. เนวาติ อุปติสฺสตฺเถโร’’ติ วุตฺตํ.

ปาสาโณติ ‘‘สุธามยปาสาโณปิ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. วีมํสิตพฺพํ อิฏฺกาย ปฏิกฺขิตฺตตฺตา. ทฺวตฺตึสปลคุฬปิณฺฑปฺปมาโณ ตุลตาย, น ตุลคณนาย. โสปีติ ขาณุโก วิย อุฏฺิตปาสาโณ.

จตุปฺจรุกฺขนิมิตฺตมตฺตมฺปีติ เอกจฺเจสุ นิมิตฺตสทฺโท นตฺถิ. เอตฺถ ตโย เจ สารรุกฺขา โหนฺติ, ทฺเว อสารรุกฺขา, สารรุกฺขานํ พหุตฺตํ อิจฺฉิตพฺพํ. ‘‘สุสานมฺปิ อิธ ‘วนเมวา’ติ สงฺขฺยํ คจฺฉติ สยํชาตตฺตา’’ติ วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘จตูสุ ทฺเว อนฺโตสารา เจ, วฏฺฏติ. อนฺโตสารา อธิกา, สมา วา, วฏฺฏติ. ตสฺมา พหูสุปิ ทฺเว เจ อนฺโตสารา อตฺถิ, วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ.

ปรภาเคติ เอตฺถ ‘‘เอเตหิ พทฺธฏฺานโต คตตฺตา วฏฺฏติ. ตถา ทีฆมคฺเคปิ คหิตฏฺานโต คตฏฺานสฺส อฺตฺตา’’ติ วทนฺติ.

อนฺวทฺธมาสนฺติ เอตฺถ ‘‘อนุพทฺโธ อทฺธมาโส, อทฺธมาสสฺส วา อนู’’ติ ลิขิตํ. ‘‘อนฺตรวาสโก เตมิยตี’’ติ วุตฺตตฺตา ตตฺตกปฺปมาณอุทเกเยว กาตุํ วฏฺฏตีติ เกจิ. เตมิยตีติ อิมินา เหฏฺิมโกฏิยา นทิลกฺขณํ วุตฺตํ. เอวรูปาย นทิยา ยสฺมึ าเน จตฺตาโร มาเส อปฺปํ วา พหุํ วา อุทกํ อชฺโฌตฺถริตฺวา ปวตฺตติ, ตสฺมึ าเน อปฺโปทเกปิ ตฺวา กาตุํ วฏฺฏตีติ เอเก. ‘‘ปวตฺตนฏฺาเน นทินิมิตฺต’นฺติ วุตฺตตฺตา เสตุโต ปรโต ตตฺตกํ อุทกํ ยทิ ปวตฺตติ, นที เอวา’’ติ วทนฺติ.

ชาตสฺสราทีสุ ิโตทกํ ชาตสฺสราทิปเทเสน อนนฺตริกมฺปิ นิมิตฺตํ กาตุํ วฏฺฏติ นทิปารสีมาย นิมิตฺตํ วิย. สเจ โส ปเทโส กาลนฺตเรน คามเขตฺตภาวํ ปาปุณาติ, ตตฺถ อฺํ สีมํ สมฺมนฺนิตุํ วฏฺฏติ. อุกฺเขปิมนฺติ อุทฺธริตฺวา คเหตพฺพกํ.

อพทฺธสีมวิหารานํ สีมาย อุปจารํ เปตฺวาติ ‘‘อายตึ สมฺมนฺนิตพฺพาย โอกาสํ เปตฺวา’’ติ ลิขิตํ. อนฺโตนิมิตฺตคเตหิ ปนาติ ‘‘เอกสฺส อุปฑฺฒํ อนฺโตกตฺตุกามตาย สติ สพฺเพสํ อาคมเน ปโยชนํ นตฺถีติ กตฺวา ‘อนฺโตนิมิตฺตคเตหี’ติ วุตฺตํ, ตฺจ สามีจิวเสนา’’ติ วทนฺติ. อนาคมนมฺปิ วฏฺฏตีติ ‘‘สีมาย อพทฺธตฺตา วคฺคํ นาม น โหตี’’ติ ลิขิตํ. ‘‘อฺสฺมึ คามเขตฺเต ตฺวา นิมิตฺตกิตฺตนกาเล, สมานสํวาสกสีมาย สมฺมนฺนนกาเล จ อาคมนปโยชนํ นตฺถี’’ติ วุตฺตํ. เภริสฺํ วาติ ‘‘สมฺมนฺนนปริโยสานํ กโรมาติ วตฺวา’’ติ ลิขิตํ, เตน ตาทิเส กาเล ตํ กปฺปตีติ สิทฺธํ โหติ. กึ อิมินา? สุขกรณตฺถนฺติ มหาชนสนฺนิปาตนปริสฺสมํ อกตฺวา อปฺปตเรหิ สุขกรณตฺถํ. ยทิ มหาสีมาพนฺธนกาเล อนฺตราโย โหติ, ตตฺตเกนปิ สุขวิหาโรติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ปม’’นฺติ วุตฺตนฺติ เอเก. ตโต โอรํ น วฏฺฏตีติ กถํ ปฺายตีติ? วีสติวคฺคกรณียปรมตฺตา สงฺฆกมฺมสฺส. กมฺมารเหน สทฺธึ เอกวีสติ ภิกฺขู เจ คณฺหาติ, วฏฺฏติ. ตตฺตกปฺปมาณํ สุขนิสชฺชวเสน เวทิตพฺพํ. ตเมว นิมิตฺตํ อฺเปิ กิตฺเตตฺวา สเจ พนฺธนฺติ, วฏฺฏตีติ เอเก.

‘‘เอวํพทฺธาสุ ปน…เป… สีมนฺตริกา หิ คามเขตฺตํ ภชตี’’ติ น อาวาสวเสน สามคฺคีปริจฺเฉโท, กินฺตุ สีมาวเสเนวาติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ‘‘นิมิตฺตุปคปาสาเณ เปตฺวา’’ติ สฺจาริมนิมิตฺตสฺส ตปฺปรโต วุตฺตํ. อิโต ปฏฺาย คณฺิปทกฺกโม โหติ – น สกฺขิสฺสนฺตีติ เต อวิปฺปวาสํ อสลฺลกฺเขตฺวา ‘‘สมานสํวาสกเมว สมูหนิสฺสามา’’ติ วายามนฺตา สมูหนิตุํ น สกฺขิสฺสนฺติ. ‘‘เอกรตนปฺปมาณา’’ติ สุวิฺเยฺยนฺตรา โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ. เอกงฺคุลมตฺตมฺปิ วฏฺฏเตว. ขณฺฑสีมโต ปฏฺาย พนฺธนํ อาจิณฺณํ. อาจิณฺณกรเณน วิคตสมฺโมโห โหตีติ. กุฏิเคเหติ กุฏิฆเร ภูมิฆเร. อุทุกฺขลํวาติ ภูมิอุทุกฺขลํ วิย ขุทฺทกาวาฏํ. ‘‘ปมุเข’’ติ ภูมิกุฏึ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เอเก. เหฏฺา น โอตรตีติ ภิตฺติโต โอรํ นิมิตฺตานิ เปตฺวา กิตฺติตตฺตา เหฏฺา อากาเส น โอตรติ, อุปริ กเต ปาสาเทติ อตฺโถ. ภิตฺติลคฺเคติ ภิตฺตินิสฺสิตเก. อิเม กิร ภิตฺติลคฺคาปิ ‘‘เอกาพทฺธา’’ติ น วุจฺจนฺติ. สพฺโพ ปาสาโท สีมฏฺโ โหตีติ เอกาพทฺโธ วา โหตุ, มา วา. ตาลมูลกปพฺพโต นาม อนุปุพฺเพน ตนุโก. อากาสปพฺภารนฺติ อปริกฺเขปปพฺภารํ. สุสิรปาสาโณ นาม เลณํ โหติ. อนฺโตเลณนฺติ ปพฺพตสฺส อนฺโตเลณํ. ทฺวารํ ปน สนฺธาย ปรโต ‘‘โอรโต’’ติ วุตฺตํ, สพฺพถาปิ สีมโต พหิเลเณน โอตรตีติ อธิปฺปาโย.

มหาสีมํ โสเธตฺวาติ สีมฏฺํ ทูรคตมฺปิ สีมคตํ สีมสมฺพนฺธํว, ตสฺมา ตํ อนามสิตฺวา าตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. ยทิ เอวํ ‘‘ตนฺนิสฺสิตกํ อปเนตฺวา กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺตพฺพํ. มหาอฏฺกถายมฺปิ ‘‘สีมํ โสเธตฺวา กาตพฺพ’’นฺติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ. มหาเถราปิ ‘‘โสเธตพฺพ’’มิจฺเจว วทนฺตีติ เอเก. ‘‘มหาสีมํ โสเธตฺวา วา กมฺมํ กาตพฺพ’’นฺติ จ ปาโ อตฺถิ. ‘‘วุตฺตนเยเนวา’’ติ จ ปรโต วกฺขติ, ตสฺมา สาธารณปาโว สุนฺทโรติ เอเก. ปุริมนเยปีติ ขณฺฑสีมาย อุฏฺหิตฺวา มหาสีมาย โอนเตปีติ อตฺโถ. อุกฺขิปาเปตฺวา กาตุํ น วฏฺฏติ. กสฺมา? อนฺโต ิตตฺตา. รุกฺขสฺส เหฏฺา ปถวิคตํ มูลํ ขณฺฑสีมาว โหติ, อพฺโพหาริกํ วาติ อปเร. ‘‘มชฺเฌ ปน ฉินฺเน มหาสีมาย ิตมูลํ มหาสีมเมว ภชติ, ขณฺฑสีมาย ิตํ ขณฺฑสีมเมว ภชติ ตทายตฺตปถวิรสาทีหิ อนุคฺคหิตตฺตา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘สีมาย ปจฺฉา อุฏฺิตรุกฺเข นิสีทิตฺวา กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ ปจฺฉาสีมายํ กตเคเห วิยา’’ติ วตฺวา ‘‘พนฺธนกาเล ิตรุกฺเข นิสีทิตฺวา กาตุํ น วฏฺฏติ อุปริสีมาย อคมนโต’’ติ การณํ วทนฺติ. เอวํ สติ พนฺธนกาเล ปุน อาโรหณํ นาม นตฺถิ, พนฺธิตกาเล เอว อารุหตีติ อาปชฺชติ. ปจฺฉา อุฏฺิตรุกฺโข ปน ตปฺปฏิพทฺธตฺตา สีมสงฺขฺยเมว คโต, เอวํ ปุพฺเพ อุฏฺิตรุกฺโขปีติ คเหตพฺพํ. ‘‘ยํ กิฺจิปี’’ติ วจนโต ติณาทิปิ สงฺคหิตํ. มหาเถราปิ ติณํ โสเธตฺวาว กโรนฺตีติ.

๑๔๐. ยสฺมา มชฺฌโต โกณํ โหติ, ตสฺมา ‘‘โกณโต โกณ’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘อาปตฺติฺจ อาปชฺชติ อจิตฺตกตฺตา’’ติ วทนฺติ. ปารยตีติ อชฺโฌตฺถรติ. กา สา? สีมา. ‘‘ยา สพฺพนฺติเมน…เป… วหตี’’ติ ตโต เหฏฺิมา นาวาสงฺขฺยํ น คจฺฉตีติ กตฺวา วุตฺตนฺติ เอเก, ตํ น ยุตฺตํ ทุติยปาราชิเก นาวฏฺภณฺฑาธิกาเร ตสฺสาปิ อธิปฺเปตตฺตา. มชฺฌิมปุริสสฺส ภารปฺปมาเณน วุตฺตนฺติ เอเก. ภิกฺขุนีนมฺปิ นทีปารสีมาสมฺภวโต ตาสํ ‘‘เอกา วา นทีปารํ คจฺเฉยฺยา’’ติ วุตฺตโทสปริหรณตฺถนฺติ อาจริยสฺส ตกฺโก. อุภยตฺถาปิ ธุว-สทฺโท คหิโต. เตน อุโปสถนฺตราย ปริหรณตฺถํ อุโปสถทิวโส นิยมโตว วุตฺโต. เอตฺถ จ นาวา นาม ปมาณยุตฺตา สพฺพสาธารณา ถมฺภนาวา อธิปฺเปตา, น กุลฺลนาวาติ โน ตกฺโกติ อาจริโย. รุกฺขํ ฉินฺทิตฺวา กโตติ อตฺโถ. สเจ เอกํ คามเขตฺตํ, สพฺพนิมิตฺตานํ อนฺโต ิเต ภิกฺขู หตฺถปาสคเต กตฺวา สมฺมนฺนิตพฺพา. นานาคามเขตฺตํ เจ, อนาคมนมฺปิ วฏฺฏติ. อุภยตีเร นิมิตฺตกิตฺตนมตฺเตน ทีปโก สงฺคหิโต น โหติ, ตสฺมา ทีปเก นิมิตฺตานิ กิตฺเตตพฺพาเนว. ‘‘นทิยา เหฏฺา นิสินฺนภิกฺขุ กมฺมํ โกเปติ. อุปริเยว หิ นที โหตี’’ติ วทนฺติ.

สีมานุชานนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

อุโปสถาคาราทิกถาวณฺณนา

๑๔๑. ‘‘ยํ สงฺโฆ อากงฺขติ วิหารํ วา…เป… คุหํ วา’’ติ วจนโต น เกวลํ ปถวิยํเยว, วิหาราทีนํ อุปริปิ สีมา อนุฺาตา โหติ อุโปสถกมฺมปธานตฺตาติ สิทฺธํ. ตปฺปธานา สีมาติ กถํ ปฺายตีติ เจ? ตทธิการานุฺาตตฺตา, สมฺมุติยํ ‘‘สมานสํวาสา’’ติ เอตฺตาวตา สิทฺเธ วิสุํ ‘‘เอกูโปสถา’’ติ วจนโต จ. ‘‘อุโปสถํ เปตฺวา เสสกมฺมานิ สมานสํวาสา นามา’’ติ ลิขิตํ. ‘‘เอกํ สมูหนิตฺวา’’ติ ปาฬิปาโ.

๑๔๒. กโตวสฺสาติ เอกสีมาย สมคฺเค สนฺธาย วุตฺตํ. อฺถา นานาสีมายํ ิตานํ สวนํ ปมาณํ, เอกสีมายปิ หตฺถปาสํ มุฺจิตฺวา ิตานํ วา สวนเมว ปมาณนฺติ อนิฏฺํ อาปชฺชติ. ตตฺถ สมฺมตาย วา อสมฺมตาย วาติ อุโปสถาคารสมฺมุติยา, น สีมาสมฺมุติยา. กถํ ปฺายตีติ? อธิการโต, ปรโต ฉนฺททานปฺตฺติโต, ปาริสุทฺธิทานปฺตฺติโต จ. ตตฺถ ปุริมํ การณํ ปุริมํ อนิฏฺํ นิวาเรติ, ปจฺฉิมํ ปจฺฉิมนฺติ เวทิตพฺพํ. อุโปสถมุขนฺติ อุโปสถฏฺานํ. ‘‘อุโปสถมุขสฺสาติ อุโปสถาคารฏฺานสฺสา’’ติ ลิขิตํ. ยานิ กานิจิ นิมิตฺตานิ กิตฺเตตุํ วฏฺเฏตีติ อิทํ กถํ ปฺายตีติ? ‘‘ปมํ นิมิตฺตา กิตฺเตตพฺพา นิมิตฺเต กิตฺเตตฺวา’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตตฺตา. ปมํ วุตฺตตฺตา น วุจฺจนฺตีติ เจ? ตํ ปน อการณํ, น หิ พุทฺธานํ เทสนาย อาลสิยํ อตฺถิ. สีมาสมูหนนกาเล อุโปสถาคารํ สมูหนิตฺวาว สีมาสมูหนนํ อิชฺฌตีติ เอเก. ตํ อยุตฺตํ อพทฺธาย สีมาย อุโปสถาคารสมฺมุติสิทฺธิโตติ โน ตกฺโกติ อาจริโย. อุโปสถมุขนฺติ อุโปสถาคารสฺส มุขนฺติ อาจริยา. อุโปสถมุขสฺส นิมิตฺตกิตฺตนา สีมาย วุตฺตนเยน กาตพฺพา. เอเกนาปิ กิตฺเตตุํ วฏฺฏตีติ เอเก. ‘‘ปาสาโท วา โหตุ, มณฺฑปาทีสุ วา อฺตโร. กมฺมวาจาย ปน ‘อุโปสถมุข’มิจฺเจว วตฺตพฺพ’’นฺติ วทนฺติ. ‘‘โปราณโก อาวาโส นาม มูลาวาโส’’ติ ลิขิตํ. วทติ ฆฏมตฺตา อิติ หิ ลกฺขณํ.

อวิปฺปวาสสีมานุชานนกถาวณฺณนา

๑๔๓-๔. ‘‘มนมฺหิ วูฬฺโห’’ติ วา ปาโ. ตตฺถ มนมฺหิ วูฬฺโหติ มนํ วูฬฺโห อมฺหีติ อตฺโถ. เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจาติ อนฺตรฆรสงฺขาตํ คามฺจ คามูปจารฺจ เปตฺวา. เกจิ ‘‘ปริกฺขิตฺตํ คามํ สนฺธาย ‘คาม’นฺติ วุตฺตํ, อปริกฺขิตฺตํ สนฺธาย ‘คามูปจาร’’นฺติ วทนฺติ, ตํ ปน อฏฺกถาย วิรุชฺฌติ. ตสฺมา นิเวสนรจฺฉาทโย สนฺธาย คามํ, ปริกฺเขปารหฏฺานานิ สนฺธาย ‘‘คามูปจาร’’นฺติ จ วุตฺตํ. เอตฺถ ปน อเนกธา ปนฺติ. กึ เตน, ปาฬิฺจ อฏฺกถฺจ สุฏฺุ อุปปริกฺขิตฺวา ยถา สเมนฺติ, ตถา คเหตพฺพํ. ภิกฺขูนํ ปุริมกมฺมวาจา น วฏฺฏตีติ คามคามูปจาเร อนฺโตกตฺวา สมานสํวาสกสีมาย สมฺมตาย อุปริ อวิปฺปวาสสีมาสมฺมุติยํ ยุชฺชติ. ยตฺถ ปน เกวลํ อรฺํเยว สมฺมตํ, ตตฺถ กถํ น วฏฺฏตีติ. ตตฺถ ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจา’’ติ วจนํ น สาตฺถกนฺติ เจ? วุจฺจเต – เอวเมตํ, กินฺตุ อนุสฺสาวนหานิปฺปสงฺคโต ตํ วจนํ วตฺตพฺพเมวาติ อิมินาว อธิปฺปาเยน ‘‘ปุริมกมฺมวาจา น วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ สิยา. เอกสฺมึ วา อตฺเถ กมฺมวาจาทฺวยอาภาวโตติ วุตฺตํ. ‘‘น หิ เต อฺมฺสฺส กมฺเม คณปูรกา โหนฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา อุภินฺนํ นานาสํวาสกสงฺฆานมฺปิ อยเมว วิธิ อาปชฺเชยฺยาติ เจ? นาปชฺชติ ปฏิคฺคหสนฺนิธีนํ อนุฺาตตฺตา, โอมสนาทิปจฺจยา อวิเสสโต, กมฺมปฏิปฺปสฺสทฺธิมตฺตาเปกฺขตาย จ. ตสฺสาติ ภิกฺขุนิสงฺฆสฺส. น กมฺมวาจํ วคฺคํ กโรนฺตีติ กมฺมํ น โกเปนฺตีติ อตฺโถ. เอตฺถาติ เปตฺวา คามนฺติ เอตฺถ. ‘‘ยทิ ภิกฺขูนํ อวิปฺปวาสสีมา คามฺจ คามูปจารฺจ น โอตรติ, อถ กสฺมา คาเม สีมาพนฺธนกาเล อวิปฺปวาสํ สมฺมนฺนนฺตีติ เจ? อาจิณฺณกปฺเปน, น ตโต อฺํ กฺจิ อตฺถํ อเปกฺขิตฺวา’’ติ ลิขิตํ. ‘‘อตฺถโต หิ สา พหิทฺธาปิ อพทฺธา เอว โหตี’’ติ วุตฺตํ. อนฺตรคาเม พทฺธา สมานสํวาสสีมา ยสฺมา คามสงฺขฺยํ น คจฺฉติ, ตสฺมาติ เอเก. โสปิ สีมาสงฺขฺยเมว คจฺฉตีติ อวิปฺปวาสสีมาสงฺขฺยํ คจฺฉตีติ อตฺโถ. อิทํ ปเนตฺถ วิจาเรตพฺพํ – คามํ อนฺโตกตฺวา พทฺธาย สีมาย ปุน อวิปฺปวาสสมฺมุติยํ อรฺปเทเส ตฺวา อวิปฺปวาสกมฺมวาจา กาตพฺพา, อุทาหุ คาเม ตฺวาติ? คาเม ตฺวา กตายปิ กปฺปิยภูมิยา ผรตีติ. พหิสีเม ิตสมฺมตโทสานุโลมตฺตา อกปฺปิยภูมิยํ ตฺวา น กาตพฺพาติ โน ตกฺโก, เอส นโย สมูหนเนปีติ อาจริโย. ขณฺฑสีมายํ ตฺวา อวิปฺปวาสสีมาติอาทีสุ มหาสีมา กิร ‘‘อวิปฺปวาสสีมา’’ติ วุตฺตา.

๑๔๖. ‘‘ยสฺสายสฺมโต ขมติ เอติสฺสา สีมาย สมานสํวาสาย เอกูโปสถาย สมุคฺฆาโต, โส ตุณฺหสฺสา’’ติ อนฺธกโปตฺถเก, สีหฬโปตฺถเกสุ จ เกสุจิ ปาโ อตฺถิ. เกสุจิ ‘‘สมุคฺฆาโต เอติสฺสา สีมายา’’ติ ปมํ ลิขนฺติ, เกสุจิ ‘‘เอติสฺสา สีมาย สมุคฺฆาโต’’ติ จ.

คามสีมาทิกถาวณฺณนา

๑๔๗. สาจาติ สา ปริจฺฉินฺทิตฺวา ทินฺนคามสีมา จ อิตรา จ. สา กตมาติ เจ? ‘‘ปกติคามา’’ติอาทิมาห. พทฺธสีมาสทิสาเยว โหนฺตีติ สา จ โหติ อิตรา จ โหตีติ อธิปฺปาโย, ตสฺมาเยว ‘‘ติจีวรวิปฺปวาสปริหารํ ลภตี’’ติ เอกวจนํ กตํ, ตํ น ยุตฺตํ อุภินฺนมฺปิ คามตฺตาติ เอเก. ‘‘โหนฺติ, น ลภนฺตี’’ติ จ พหุวจนมฺปิ กโรนฺตีติ. ‘‘สา จ อิตรา จา’’ติ วุตฺตา ‘‘มชฺเฌ ภินฺทิตฺวา ทินฺนคามสีมา ปกติคามาทโย อภินฺนา’’ติ จ วทนฺติ. ‘‘ภิกฺขุวสตี’’ติ ปาโ, ‘‘วสนฺตี’’ติ จ ลิขิตํ. ‘‘อถสฺส ิโตกาสโต’’ติ วุตฺตตฺตา เอกวจนเมว ยุตฺตํ. สพฺพา, ภิกฺขเว, นที อสีมาติ กตรํ สีมํ ปฏิกฺขิปติ? พทฺธสีมํ, เอกาทสวิปตฺติสีมฺตรปฺปสงฺคโตติ อาจริยา. สเจ ปมํ สีมาย พทฺธาย ปจฺฉา นทิอาทโย โหนฺติ, ปฏิกฺเขโปติ ปสงฺโค อาปชฺชติ, ตสฺมา อพทฺธสีมเมว ปฏิกฺขิปติ. ยถา สพฺโพ คาโม คามสีมา, ตถา สพฺพา นที อสีมา. กินฺตุ ตสฺส ตสฺส ภิกฺขุโน อุทกุกฺเขปสีมาติ สีมานานตฺตํ ทสฺเสตีติ โน ตกฺโกติ อาจริโย. ยํ มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส สมนฺตา อุทกุกฺเขปาติ ปน เอกิสฺสา นทิยา จตุวคฺคาทีนํ สงฺฆานํ วิสุํ จตุวคฺคกรณียาทิกมฺมกรณกาเล สีมาปริจฺเฉททสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ติจีวเรน วิปฺปวาสาวิปฺปวาสปริจฺเฉททสฺสนตฺถมฺปิ สตฺตพฺภนฺตรสีมาย ปริจฺเฉททสฺสนํ วิยาติ อาจริยา, ตสฺมา อุทกุกฺเขปปริจฺเฉทาภาเวปิ อนฺโตนทิยํ กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตีติ สิทฺธํ.

อยํ ปน วิเสโส – ตตฺถ นาวาคโต เจ, นาวายํ วุตฺตนเยน. สตฺถคโต เจ, สตฺเถ วุตฺตนเยน. โส เจ อติเรกจาตุมาสนิวิฏฺโ, คาเม วุตฺตนเยน ติจีวราวิปฺปวาโส เวทิตพฺโพ. ตตฺถาปิ อยํ วิเสโส – สเจ สตฺโถ อุทกุกฺเขปสฺส อนฺโต โหติ, อุทกุกฺเขปสีมาปมาณนฺติ เอเก. สตฺโถว ปมาณนฺติ อาจริยา. สเจ ปเนตฺถ พหู ภิกฺขูติอาทิมฺหิ เกจิ อธิฏฺานุโปสถํ, เกจิ คณุโปสถํ, เกจิ สงฺฆุโปสถนฺติ วตฺตุกามตาย ‘‘พหู สงฺฆา’’ติ อวตฺวา ‘‘ภิกฺขู’’ติ วุตฺตํ. อูนกํ ปน น วฏฺฏตีติ เอตฺถ สีมาสมฺเภทสมฺภวโตติ อุปติสฺสตฺเถโร. เปนฺเต หิ อูนกํ น เปตพฺพํ. ‘‘อเปตุมฺปิ วฏฺฏติ เอวา’’ติ วุตฺตํ. คจฺฉนฺติยา ปนาติ เอตฺถ ‘‘อุทกุกฺเขปมนติกฺกมิตฺวา ปริวตฺตมานาย กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ ลิขิตํ. อฺิสฺสา สีมาย ตฺตีติอาทิ กึ สีมโต กมฺมวิปตฺติภยา วุตฺตํ , อุทาหุ ปริสโตติ? เอกกมฺมสฺส นานาสีมาย อสมฺภวโต สีมโตติ. เอกกมฺมสฺส นานาสีมฏฺสงฺเฆน อสมฺภวโต ปริสโตติปิ เอเก. ‘‘สวนํ หาเปตี’’ติ วุตฺตโทสปฺปสงฺคโตติ โน ตกฺโก. เอกิสฺสา หิ สีมาย เอกํ กมฺมํ อนิฏฺเปนฺโต หาเปตีติ อาจริโย.

พหินทิตีเร ชาตรุกฺขสฺส อนฺโตนทิยํ ปวิฏฺสาขาย วาติ เอตฺถ จ นทิตีเร ขาณุกํ โกฏฺเฏตฺวาติ เอตฺถ จ สเจ ปน เสตุ วา เสตุปาทา วา พหิตีเร ปติฏฺิตาติ เอตฺถ จ สีมาโสธนํ นาม คามสีมฏฺเ หตฺถปาสานยนํ. ขณฺฑสีมาย อุฏฺิตรุกฺขโต วิโยเชตฺวา กาตุํ วฏฺฏติ. กสฺมา? ตีรฏฺเ รุกฺเข พทฺธนาวาย คาโม อาธาโรติ. ‘‘อุภโตภาเคน คามสีมํ ผุสิตฺวา ิตเสตุ ขณฺฑสีมามหาสีมาโย ผุสิตฺวา ิตรุกฺเขน อุปเมตพฺโพ’’ติ จ ลิขิตํ. ตตฺถ ปุริมนเย ตาว อิทํ วิจาเรตพฺพํ – ตาทิเส าเน กตกมฺมํ กึ นทิยํ กตสงฺขฺยํ คจฺฉติ, อุทาหุ คามสีมายํ, อถ อุภยตฺถาติ? กิฺเจตฺถ ตํ เจ นทิยํ กตสงฺขฺยํ คจฺฉติ, อุทกุกฺเขปสีมาว โสเธตพฺพา, น อิตรา. อถ คามสีมายํ กตสงฺขฺยํ คจฺฉติ, อุทกุกฺเขปสีมา น โสเธตพฺพา. ยทิ อุภยตฺถ กตสงฺขฺยํ คจฺฉติ, ทฺวีสุ สีมาสุ เอกกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตีติ อนิฏฺปฺปสงฺโค อาปชฺชติ. ตโต ‘‘อฺิสฺสา สีมาย ตฺติ, อฺิสฺสา อนุสฺสาวนา โหตี’’ติ อิทฺจ ‘‘ขณฺฑสีมามหาสีมฏฺานํ กายสามคฺคิยา กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ อิทฺจานิฏฺํ อาปชฺชตีติ? เอตฺถ วุจฺจเต – ยถาวุตฺตํ กมฺมํ อุภยตฺถ กตสงฺขฺยํ คจฺฉติ, น จ ยถาวุตฺตํ อนิฏฺํ อาปชฺชติ. กสฺมา? ‘‘ตฺติอนุสฺสาวนานํ เอเกกสีมายํ ปวตฺตตฺตา, การกภิกฺขูนํ วา เอเกกสีมายํ ิตตฺตา’’ติ วทนฺติ. อุภยตฺถาปิ าตุํ สกฺกุเณยฺยตาย ปน ตํ อการณํ. เอกีภาวํ อุปคตสีมฏฺาเน กตตฺตาติ อิทํ อจลการณํ. เอกีภาวํ อุปคตาสุ หิ ทฺวีสุ นทีคามสีมาสุ กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตีติ จ. สตฺตพฺภนฺตรสีมายํ เจ นที โหติ, สมุทฺโท วา, ชาตสฺสโร วา. เตสุ ิตภิกฺขุ สตฺตพฺภนฺตรสีมายํ ิตสงฺขฺยํ น คจฺฉติ. ตตฺถ เจ นทิอาทิลกฺขณํ อปฺปตฺโต ทีปโก, ปาสาโณ, รุกฺโข วา โหติ, สตฺตพฺภนฺตรสงฺขฺยํ คจฺฉติ. มนุสฺเสหิ วฬฺชนฏฺานํ เจ ตํ โหติ, คามเขตฺตสงฺขฺยํ คจฺฉติ. กตรคามเขตฺตํ? ยโต มนุสฺสา สฺจรนฺติ, สพฺเพ เจ สฺจรนฺติ, วิสุํ คามเขตฺตสงฺขฺยํ คจฺฉตีติ จ อาจริยา.

ปจฺฉิมนเย สเจ เสตุ นทีลกฺขณฏฺานํ อผุสิตฺวา ิโต, คามสีมาสงฺขฺยํ คจฺฉติ. ตตฺถ เอโก เจ คาโม, ตํ โสเธตฺวา, ทฺวีสุ ตีเรสุ สเจ ทฺเว, ทฺเวปิ คาเม โสเธตฺวา กมฺมํ กาตพฺพํ. เอวฺหิ กตํ อุภยตฺร กตํ โหติ. อิมินา นเยน ทฺวีสุ นทีสุ, ชาตสฺสเรสุ จ เอกกมฺมปสิทฺธิ เวทิตพฺพา. อยํ ปน นโย ขณฺฑสีมามหาสีมานมฺปิ ลพฺภเตว. สเจ เสตุ นทีลกฺขณฏฺานํ ผุสิตฺวา ิโต, อุทกุกฺเขปสีมาปิ โสเธตพฺพา.

สีมานเมว เจกตฺตํ, เวหาสฏฺํ วินา คโต;

วิทิตฺวา เอกกมฺมสฺส, สีมโต อิทมาทิเส.

เอกสีมํ ทฺวิสีมํ วา, ติสีมํ จตุสีมกํ;

เอกกมฺมํ สิยา ตสฺส, โกโป ปริสโต สิยาติ.

อยํ ปเนตฺถ วิเสโส – นทิยํ กโรนฺตานํ อุทกุกฺเขปโต พหิ รุกฺขาทิสมฺพนฺโธ อปฺปมาณํ. คาเม กโรนฺตานํ นทิยํ สมฺพนฺธรุกฺขสฺส อุทกุกฺเขปโต พหิ ิตภิกฺขุ อปฺปมาณํ, ตโต โอรํ ปมาณํ. พทฺธสีมาย สมฺพนฺธรุกฺขสฺส พทฺธสีมาย ิตภิกฺขุ ปมาณนฺติ เวทิตพฺพํ, เตเนว วุตฺตํ ‘‘สีมํ โสเธตฺวา กมฺมํ กาตพฺพ’’นฺติ. ‘‘สเจ ปน เสตุ วา เสตุปาทา วา พหิตีเร ปติฏฺิตา กมฺมํ กาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วจนมฺปิ ปาโรหาทีสุ วิย สกลสีมาโสธนเมว กาตพฺพนฺติ สาเธติ, วีมํสิตพฺพํ. อติวุฏฺิกาเล ปนาติ เอตฺถ อติวุฏฺิ นาม ยถา จาตุมาสิกายาติ เวทิตพฺพา, ตสฺมา จตุมาสํ อติวุฏฺิเยว สเจ โหติ, สพฺโพปิ โอเฆน โอตฺถโฏกาโส นที เอว. อถ เอกิสฺสาปิ อติวุฏฺิยา โอโฆ จตุมาสํ ติฏฺติ, สนฺทติ วา, พหิตีเร ปติฏฺิตโอเฆน โอตฺถโฏกาโส สพฺโพปิ นที เอว. นทึ โอตฺถริตฺวา สนฺทนฏฺานโต ปฏฺายาติ ตเมว วา นทึ อฺํ วา อปุพฺพํ วา ปเทสํ อตฺตโน ปวตฺตวเสน นทิลกฺขณปฺปตฺตํ โอตฺถริตฺวา สนฺทนฏฺานโต ปฏฺาย วฏฺฏติ. คามนิคมสีมํ โอตฺถริตฺวาติ จตุมาสปฺปวตฺตึ สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘อคมนปเถติ ตทหุ คตปจฺจาคตํ กาตุํ อสกฺกุเณยฺยเก’’ติ ลิขิตํ. ยํ ปน อนฺธกฏฺกถายํ วุตฺตํ, ตํ น คเหตพฺพํ. กสฺมา? นทิยมฺปิ ตํโทสปฺปสงฺคโต. ติปุสกาทีติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน กมลุปฺปลาทีนิปิ สงฺคหํ คจฺฉนฺติ . สพฺโพปิ อชาตสฺสโร โหติ, คามสีมาสงฺขฺยเมว คจฺฉตีติ เยหิ กตํ, เตสํ คามสีมาสงฺขฺยํ วา, สมนฺตโต ตีรฏฺคาเมหิ เจ กตํ, สพฺพคามสงฺขฺยํ วา, อฺเหิ คามเขตฺเตหิ อสมฺพนฺธฏฺานํ เจ, วิสุํคามสีมาสงฺขฺยํ วา คจฺฉตีติ อตฺโถ.

๑๔๘. สํสฏฺวิฏปาติ อิมินา อาสนฺนตฺตํ ทีเปติ, เตน ปเทสสมฺภินฺทนา อิธ สมฺเภโทติ ทีเปติ. โส ปน วฑฺฒนฺโต สีมาสงฺกรํ กโรตีติ พทฺธสีมฏฺานปฺปเวสนวเสน ‘‘เอกเทสพทฺธสีมา’’ติ วตฺตพฺพโต สงฺกรโทโส โหติ. น, ภิกฺขเว, สีมาย สีมา สมฺภินฺทิตพฺพาติ เอตฺถ ‘‘ปมํ พทฺธสีมาย ปจฺฉา อตฺตนา พนฺธิตพฺพสีมา น สมฺภินฺทิตพฺพา’’ติ เอเก อธิปฺปายํ สํวณฺณยนฺติ. ปมํ สมฺมตสีมายํ สมฺเภทาภาวโต สฺวาธิปฺปาโย อชฺโฌตฺถรเณน ยุชฺชติ, ตสฺมา ปจฺฉา พนฺธิตพฺพสีมาย ปมํ พทฺธสีมา น สมฺภินฺทิตพฺพา. สกลํ วา เอกเทสโต วา นิมิตฺตานํ อนฺโตกรเณน ปมํ พทฺธสีมาย สีมนฺตริเก อกิตฺเตตฺวา สมฺมนฺนนโต หิ สมฺภินฺทติ นาม, ปเรสํ พทฺธสีมํ สกลํ วา เอกเทสโต วา นิมิตฺตานํ อนฺโตกรเณน อชฺโฌตฺถรติ นาม, เตเนวาห ‘‘สีมํ สมฺมนฺนนฺเตน สีมนฺตริกํ เปตฺวา’’ติอาทิ. ตสฺสตฺโถ – ปมํ พทฺธสีมาย สีมนฺตริกํ ปจฺฉา พนฺธิตพฺพสีมาย นิมิตฺตภูตํ เปตฺวา ปจฺฉา สีมํ สมฺมนฺนิตุนฺติ. อิมา ทฺเวปิ วิปตฺติโย ภิกฺขุภิกฺขุนีสีมานํ อฺมฺํ น สมฺภวนฺติ. โส ปน วฑฺฒนฺโต สีมาสงฺกรํ กโรตีติ เอตฺถ เกวลํ สีมาสงฺกรเมว กโรติ. ตสฺมึ กตกมฺมานิ น กุปฺปนฺตีติ เกจิ, ตํ นยุตฺตํ สาขาปาโรหเฉทนสีมาโสธนานํ วุตฺตตฺตา. อิทํ สพฺพํ สุฏฺุ วิจาเรตฺวา ครุกุเล ปยิรุปาสิตฺวา คเหตพฺพยุตฺตกํ คเหตพฺพํ, อิตรํ ฉฑฺเฑตพฺพํ.

อุโปสถเภทาทิกถาวณฺณนา

๑๔๙. ‘‘ทฺเวเม , ภิกฺขเว, อุโปสถา’’ติ ตทา สามคฺคีอุโปสถสฺส อนนุฺาตตฺตา วุตฺตํ. สามคฺคีอุโปสถสฺส ปุพฺพกิจฺเจ ‘‘อชฺชุโปสโถ สามคฺคี’’ติ วตฺตพฺพํ, น จ กมฺมวาจาย ภควตา ปโยโค ทสฺสิโต, ปาฬินยโต อฏฺกถาจริเยหิ อุทฺทิสิตพฺพกฺกโม ทสฺสิโต. ตถา ปฺจนฺนํ ปาติโมกฺขุทฺเทสานํ อุทฺเทสกฺกโม สิทฺโธติ เวทิตพฺพํ. ตโย วา ทฺเว วา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสนฺติ, อธมฺเมน สมคฺคํ นาม โหตีติ เอตฺถ กามํ สงฺฆสฺส สามคฺคี นาม โหติ วคฺคกถาย ยถากมฺมํ สามคฺคีววตฺถานโต. ตถาปิ วคฺคปฏิปกฺขภาเวน สมคฺคํ, สมคฺคปฏิปกฺขภาเวน จ วคฺคํ นาม กตํ. อาเวณิกโต วา คณกมฺมาทิสมฺภวโต, ตสฺส จ สมคฺควคฺคภาวสมฺภวโต วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ธมฺเมน วคฺคนฺติ เอตฺถ ปาริสุทฺธิกรณํ ธมฺมิกํ, สงฺฆสฺเสว ฉนฺทาคมนํ, น คณสฺสาติ กตฺวา วคฺคํ นาม โหติ. ‘‘เอกวารํ กตํ สุกตํ, อาปตฺตึ ปน อาปชฺชติ, ปุน กาตุํ น ลภนฺตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘ปฺจสุ เอกสฺส ฉนฺทํ อาหริตฺวา จตูหิ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, ตํ ยุตฺตํ, ฉนฺทหารเก ภิกฺขูนํ สนฺติกํ ปตฺเต เตน สงฺโฆ ปโหติ, ตสฺมา ฉนฺโท สงฺฆปฺปตฺโต โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ.

ปาติโมกฺขุทฺเทสกถาวณฺณนา

๑๕๐. มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ…เป… อาวิกตา หิสฺส ผาสุ โหติ, ตตฺถายสฺมนฺเต ปุจฺฉามิ…เป… ตสฺมา ตุณฺหี. เอวเมตํ ธารยามี’ติ วตฺวา ‘อุทฺทิฏฺํ โข อายสฺมนฺโต นิทาน’นฺติอาทินา นเยน อวเสเส สุเตน สาวิเต อุทฺทิฏฺโ โหตี’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘เอวเมตํ ธารยามีติ สุตา โข ปนายสฺมนฺเตหี’’ติ เอตฺถ ‘‘ธารยามี’’ติ วตฺวา ‘‘อุทฺทิฏฺํ โข อายสฺมนฺโต นิทาน’’นฺติ วจนํ สํขิตฺตนฺติ คเหตพฺพํ, เตเนว ขุทฺทกเปยฺยาลวเสน ลิขิตํ. เอวํ มาติกาฏฺกถายมฺปิ ‘‘อาวิกตา หิสฺส ผาสุ โหติ, ตตฺถายสฺมนฺเต’’ติ เอตฺถาปิ ‘‘อุทฺทิฏฺํ โข อายสฺมนฺโต นิทาน’’นฺติ วจนํ สํขิตฺตนฺติ คเหตพฺพนฺติ เอเก. เกจิ ‘‘อวิวทมาเนหิ สิกฺขิตพฺพ’นฺติ วุตฺเต นิทานุทฺเทโส นิฏฺิโต นาม โหติ, ตสฺมา อนาวิกโรนฺโต อาปตฺตึ อาปชฺชตี’’ติ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ. กสฺมา? ‘‘นิทานํ อุทฺทิสิตฺวา’’ติ นิฏฺานวจเนน หิ นิทานสฺส นิฏฺิตภาโว วุตฺโต, นิทานาวสาเน จ อาปตฺติ วุตฺตาติ. ‘‘สรภฺํ นาม สเรน ภณน’’นฺติ ลิขิตํ. สชฺฌายํ อธิฏฺหิตฺวาติ ‘‘สชฺฌายํ กโรมี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา. ‘‘อาปุจฺฉามีติ วุตฺตมตฺเตน กเถตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. ตํ ตุณฺหีภาเว ยุชฺชติ. ‘‘อถาปิ ลาภาทินา อภิภูโต วาเรติ, ตํ น ปมาณ’’นฺติ วทนฺติ. เอเสว นโยติ กเถนฺโต ยทิ วิจฺฉินฺทติ, ปุน อาปุจฺฉิตพฺพนฺติ.

อธมฺมกมฺมปฏิกฺโกสนาทิกถาวณฺณนา

๑๕๔. ‘‘เตสํอนุปทฺทวตฺถายา’’ติ สงฺโฆ สงฺฆสฺส กมฺมํ น กโรติ, อฺโปิ อุปทฺทโว พหูนํ โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ.

ปาติโมกฺขุทฺเทสกอชฺเฌสนาทิกถาวณฺณนา

๑๕๕. ‘‘เถราธิกํ ปาติโมกฺข’’นฺติ วตฺวาปิ ปจฺฉา อวิเสเสน ‘‘โย ตตฺถ พฺยตฺโต ปฏิพโล, ตสฺสาเธยฺย’’นฺติ วุตฺตตฺตา ‘‘ภนฺเต’’ติ วจนํ เถรสฺสาปิ อตฺถีติ สิทฺธํ โหติ. ‘‘คจฺฉาวุโส สํขิตฺเตน วา วิตฺถาเรน วา’’ติ วจนโต อสติปิ อนฺตราเย ถามํ ปมาณนฺติ สิทฺธํ โหติ.

ทิสํคมิกาทิวตฺถุกถาวณฺณนา

๑๖๓. ‘‘สจสฺส สทฺธึจรา ภิกฺขุอุปฏฺากา อตฺถี’’ติ ปาโ. ‘‘อุตุวสฺเสติ อุตุสํวจฺฉเร เหมนฺตคิมฺเหสู’’ติ ลิขิตํ.

ปาริสุทฺธิทานกถาวณฺณนา

๑๖๔. ปาริสุทฺธึ ทมฺมีติ ‘‘สาปตฺติโก เถรานํ เทติ, สมฺปชานมุสาวาเท ทุกฺกฏํ สมฺภวตี’’ติ อาจริเยน ลิขิตํ. กึ นุ โข การณํ? สมฺปชานมุสาวาเทน ทุกฺกฏาปตฺติ นาม เกวลํ ภควตา วุตฺตตฺตา อกิริยสมุฏฺานา โหตีติ. ‘‘ปาริสุทฺธึ ทมฺมี’’ติ เอตฺถ ปน กิริยา ปฺายติ, ตสฺมา สมฺปชานมุสาวาเท ปาจิตฺติยํ วิย ทิสฺสติ, สุฏฺุ อุปปริกฺขิตพฺพํ. มหนฺตา หิ เต อาจริยา นาม. ตตฺถ ‘‘ทมฺมี’’ติ อตฺตโน อุโปสถกมฺมนิพฺพตฺตินิมิตฺตํ วุตฺตํ. ‘‘หรา’’ติ จ ‘‘อาโรเจหี’’ติ จ หารกสฺส อนาโรจนปจฺจยา ทุกฺกฏโมจนตฺถํ วุตฺตํ. เอเสว นโย ฉนฺททาเนปิ. ตตฺถ ‘‘ทมฺมี’’ติ อตฺตโน จิตฺตสามคฺคิทีปนวจนํ, เสสํ วุตฺตนยเมว, เอวํ อุปติสฺสตฺเถโร วณฺเณติ. อถ วา ปมํ สมคฺคภาวํ สนฺธาย, ทุติยํ ปจฺฉา วิธาตพฺพภาวํ, ตติยํ ฉนฺทหารกสฺส ทุกฺกฏโมจนตฺถํ วุตฺตํ. อุภยตฺถาปิ ‘‘สงฺฆปฺปตฺโต ปกฺกมตี’’ติอาทิวจนโต สงฺเฆ สมคฺเค เอว ฉนฺทปาริสุทฺธิทานํ รุหติ, นาสมคฺเคติ สิทฺธํ. ‘‘สงฺฆปฺปตฺโต อุกฺขิตฺตโก ปฏิชานาติ, อาหฏา โหติ ปาริสุทฺธี’’ติอาทิวจนโต อุกฺขิตฺตกาทีนมฺปิ ฉนฺทปาริสุทฺธิทานํ รุหตีติ สิทฺธํ, ตฺจ โข ปกตตฺตสฺาย, โน อฺถาติ ตกฺโก. ชานิตฺวา สามเณรสฺส ทินฺเน น ยาติ, อาปตฺติ จ, อชานิตฺวา ทินฺเน ยาติ จ, อนาปตฺตีติ เอเก. พิฬาลสงฺขลิกา นาม ปาริสุทฺธีติ เอตฺถ สงฺขลิกา นาม อนนฺตเรน สมฺพชฺฌติ, อฺเน จ สงฺขลิเกนาติ เกวลํ สงฺขลิกา ปาริสุทฺธิ นาม โหตีติ อุปติสฺสตฺเถโร. เอวํ สนฺเต วิเสสนํ นิรตฺถกํ โหติ. พิฬาลสงฺขลิกา พทฺธาว โหติ อนฺโตเคเห เอว สมฺปโยชนตฺตา. ยถา สา น กตฺถจิ คจฺฉติ, ตถา สาปิ น กตฺถจิ คจฺฉตีติ กิร อธิปฺปาโย.

ฉนฺททานาทิกถาวณฺณนา

๑๖๕-๗. ‘‘ฉนฺทํ ทตฺวา ขณฺฑสีมํ วา สีมนฺตริกํ วา พหิสีมํ วา คนฺตฺวา อาคโต ภิกฺขุ กมฺมํ น โกเปติ, ตสฺมา คมิกภิกฺขูนํ ฉนฺทํ คณฺหิตฺวา ขณฺฑสีมํ พนฺธิตฺวา ปุน วิหารสีมํ พนฺธิตุํ เตสํ ฉนฺทํ น คณฺหนฺตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘มุหุตฺตํ เอกมนฺตํ โหถา’’ติอาทิวจนโต ยํ กิฺจิ ภิกฺขุกมฺมํ คหฏฺาทีสุ หตฺถปาสคเตสุ น วฏฺฏตีติ สิทฺธํ. นิสฺสีมนฺติ พหิสีมํ. ตสฺส สมฺมุติทานกิจฺจํ นตฺถีติ ตสฺมึ สติปิ วฏฺฏตีติ อตฺโถ. อาสเนน สห อุทกนฺติ อตฺโถ. ปนฺนรโสปีติ อปิ-สทฺโท จาตุทฺทสึ สมฺปิณฺเฑติ, เตน วุตฺตํ มหาอฏฺกถายํ ‘‘ยทิ โน เอต’’นฺติ. ‘‘อชฺช เม อุโปสโถ ปนฺนรโส’’ติ อธิฏฺานํ สทา น กิฺจิ, น อฺถาติ เอเก.

อาปตฺติปฏิกมฺมวิธิกถาทิวณฺณนา

๑๖๙-๑๗๐. ปฏิเทเสมีติ ยาย กายจิ ภาสาย วุตฺเต เทสนา จ ปฏิคฺคโห จ โหติเยว ทิฏฺาวิกมฺเมน วิสุทฺธิยา วุตฺตตฺตาติ เกจิ. เวมติเกน ‘‘อหํ, ภนฺเต, เอกิสฺสา ถุลฺลจฺจยาปตฺติยา เวมติโก, ยทา นิพฺเพมติโก ภวิสฺสามิ, ตทา ตํ อาปตฺตึ ปฏิกริสฺสามี’’ติ วตฺตพฺพํ. เอวํ กเต ยาว นิพฺเพมติโก น โหติ, ตาว สภาคาปตฺตึ ปฏิคฺคเหตุํ น ลภติ, อฺเสฺจ กมฺมานํ ปริสุทฺโธ นาม โหติ. ปุน นิพฺเพมติโก หุตฺวา เทเสตพฺพํ. น จาติ เนว ปาฬิยํ น อฏฺกถายํ อตฺถิ, เทสิเต ปน โทโส นตฺถีติ. ตถา อิโตวุฏฺหิตฺวา ตํ อาปตฺตึ ปฏิกริสฺสามีติ เอตฺถ จ สกลสงฺเฆ สภาคาปตฺตึ อาปนฺเน, เวมติเก จ. ตถา จ ‘‘สพฺโพ สงฺโฆ สภาคาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ยทา สุทฺธํ ปสฺสิสฺสตี’’ติ, ‘‘ตทา ตสฺส สนฺติเก ตํ อาปตฺตึ ปฏิกริสฺสตี’ติ วตฺวา ‘อุโปสถํ กาตุํ ลภตี’’ติ จ ลิขิตํ.

อนาปตฺติปนฺนรสกาทิกถาวณฺณนา

๑๗๒-๓. ‘‘อตฺถฺเ’’ติ ปุพฺพวาเร, ‘‘อถฺเ’’ติ ปจฺฉาวาเร ปาโ. สีมํ โอกฺกนฺเต วา โอกฺกมนฺเต วา ปสฺสนฺติ. ธมฺมสฺิโน ปน อฺาเณน โหนฺติ. ‘‘เวมติกปนฺนรสกํ อุตฺตานเมวา’’ติ ปาโ.

สีโมกฺกนฺติกเปยฺยาลกถาวณฺณนา

๑๗๘. ‘‘น อกามา ทาตพฺพา’’ติวจนโต อิจฺฉาย สติ ทาตพฺพาติ สิทฺธํ.

ลิงฺคาทิทสฺสนกถาวณฺณนา

๑๘๐. นาภิวิตรนฺตีติ เอตฺถ ลทฺธินานาสํวาสกา กิร เต. กมฺมนานาสํวาสกฺหิ ทิฏฺึ ปฏินิสฺสชฺชาเปตฺวา ตสฺส โอสารณกมฺมํ กาตพฺพํ. เอวฺหิ กเต เตน สทฺธึ อุโปสถํ กาตุํ วฏฺฏติ. อิตเรน ลทฺธินิสฺสชฺชนมตฺเตน กาตุนฺติ วุตฺตํ. อาปตฺติยา อทสฺสเน อปฺปฏิกมฺเม อุกฺขิตฺตกฺจ ทิฏฺิยา อปฺปฏินิสฺสคฺเค อุกฺขิตฺตกฺจ ชานิตฺวา เตน สทฺธึ กโรนฺตสฺส ปาจิตฺติยํ, ตสฺมา อิเม อุกฺขิตฺตานุวตฺตกาติ เวทิตพฺพาติ เอเก.

นคนฺตพฺพคนฺตพฺพวารกถาวณฺณนา

๑๘๑. น คนฺตพฺโพติ กึ สนฺธาย? ‘‘อฺตฺร สงฺเฆนา’’ติ วจนโต ยสฺมึ วิหาเร สตํ ภิกฺขู วิหรนฺติ, เต สพฺเพ เกนจิเทว กรณีเยน ทส ทส หุตฺวา วิสุํ วิสุํ นานาอุทกุกฺเขปสีมาทีสุ ตฺวา อุโปสถํ กาตุํ ลภนฺติ. นวกมฺมสาลาทิกา นานาสีมาโกฏิ อุโปสถาธิฏฺานตฺถํ สีมาปิ นทีปิ น คนฺตพฺพา. ครุกํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ วิสฺสชฺชิตฺวา ลหุกสฺส อกตฺตพฺพตฺตา ‘‘อฺตฺร สงฺเฆนา’’ติ วจนํ สาเธติ. ตตฺถ ‘‘ยสฺมึ อาวาเส อุโปสถการกา …เป… อกตฺวา น คนฺตพฺโพ’’ติ วจนโต วิสฺสฏฺอุโปสถาปิ อาวาสา คนฺตุํ วฏฺฏตีติ สิทฺธํ. ‘‘ตโต ปาริสุทฺธิอุโปสถกรณตฺถํ วิสฺสฏฺอุโปสถา คนฺตุํ วฏฺฏติ, ขณฺฑสีมํ วา ปวิสิตุนฺติ อปเร วทนฺตี’’ติ วุตฺตํ. อิมินา เนว อุโปสถนฺตราโยติ ‘‘อตฺตโน อุโปสถนฺตราโย’’ติ ลิขิตํ.

วชฺชนียปุคฺคลสนฺทสฺสนกถาวณฺณนา

๑๘๓. ‘‘อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺนสฺส นิสินฺนปริสาย กลหาทิภเยน นาหํ กริสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา นิสีทิตุํ วฏฺฏติ. อฺกมฺเม ตสฺส นิสินฺนปริสาย อาปตฺติ นตฺถีติ เอเก. ‘‘น จ, ภิกฺขเว, อนุโปสเถ อุโปสโถ กาตพฺโพ อฺตฺร สงฺฆสามคฺคิยา’’ติ (มหาว. ๑๘๓) วจนโต สามคฺคีทิวโส อนุโปสถทิวโสติ อตฺถโต วุตฺตํ วิย ทิสฺสติ. ‘‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, อุโปสถา’’ติ วุตฺตวจนวเสเนตํ วุตฺตํ, อฺถา ปริวารปาฬิยา วิรุชฺฌตีติ อาจริยา. จาตุทฺทสิยํ, ปนฺนรสิยํ วา เจ สงฺโฆ สมคฺโค โหติ, ‘‘อชฺชุโปสโถ สามคฺคี’’ติ อวตฺวา ปกตินีหาเรเนว กตฺตพฺพนฺติ ทสฺสนตฺถํ ยถาเทสนา กตาติ โน ตกฺโก. อฺถา ยถาวุตฺตทฺวเย เจ สามคฺคี โหติ, ตตฺถ อุโปสถํ อกตฺวา อนุโปสถทิวเส เอว สามคฺคีอุโปสโถ กาตพฺโพติ อาปชฺชติ. อฺถา ปุพฺเพ ปฏิสิทฺธตฺตา อิทานิ ปฏิเสธนกิจฺจํ นตฺถิ. ‘‘น, ภิกฺขเว, เทวสิกํ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๑๓๖) ปุพฺเพ หิ วุตฺตํ. อถ วา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อุโปสเถ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุ’’นฺติ ปุพฺเพ วุตฺตตฺตา ‘‘สกึ ปกฺขสฺส จาตุทฺทเส วา ปนฺนรเส วา’’ติ จ ‘‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, อุโปสถา’’ติ (มหาว. ๑๔๙) จ ปจฺฉา วุตฺตตฺตา ตโต อฺสฺมึ ทิวเส อุโปสโถ น กาตพฺโพติ อตฺถโต อาปนฺนํ อนิฏฺํ, สติ สงฺฆสามคฺคิยา อฺโ ทิวโส ปกติวเสน อนุโปสโถปิ อุโปสถทิวโส นาม โหตีติ ทสฺสนวเสน นิวาเรตุมฺปิ เอวํเทสนา กตาติ เวทิตพฺพา.

อุโปสถกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. วสฺสูปนายิกกฺขนฺธกวณฺณนา

วสฺสูปนายิกานุชานนกถาวณฺณนา

๑๘๔. มหาอฏฺกถายมฺปิ ‘‘สงฺกาสยิสฺสนฺตี’’ติ ปาโ, ทีปวาสิโน ‘‘สงฺกาปยิสฺสนฺตี’’ติ ปนฺติ กิร. ‘‘กติ นุ โข วสฺสูปนายิกา’’ติ จินฺตายํ ‘‘กึ นิมิตฺต’’นฺติ วุตฺเต ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วสฺสํ อุปคนฺตุ’’นฺติ ยํ วสฺสูปคมนํ วุตฺตํ, ตํ ‘‘อิมํ เตมาสํ วสฺสํ อุเปมี’’ติ วตฺวา อุปคนฺตพฺพํ. วสฺสานมาสา จ จตฺตาโร. ตตฺถ ปมํ เตมาสํ, ปจฺฉิมํ เตมาสนฺติ ทุวิธํ เตมาสํ. เตนายํ เตสํ ภิกฺขูนํ จินฺตา อโหสิ.

วสฺสาเนจาริกาปฏิกฺเขปาทิกถาวณฺณนา

๑๘๕. อนเปกฺขคมเนน วา อฺตฺถ อรุณํ อุฏฺาปเนน วา อาปตฺติ เวทิตพฺพาติ เอตฺถ ปมํ ตาว โส สตฺตาหํ อนาคตาย ปวารณาย สกรณีโย ปกฺกมติ. ‘‘อาคจฺเฉยฺย วา โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ตํ อาวาสํ น วา อาคจฺเฉยฺย, ตสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ปุริมิกา จ ปฺายติ, ปฏิสฺสเว จ อนาปตฺตี’’ติ วจนโต โอรํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตถา หิ ‘‘โส ตทเหว อกรณีโย ปกฺกมติ, สกรณีโย ปกฺกมติ, ตสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ปุริมิกา จ น ปฺายติ, ปฏิสฺสเว จ อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๒๐๗) วุตฺตํ.

สตฺตาหกรณียานุชานนกถาวณฺณนา

๑๘๗-๘. ทุติยํ ปน ‘‘โส ตํ สตฺตาหํ พหิทฺธา วีตินาเมติ, ตสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ปุริมิกา จ น ปฺายติ, ปฏิสฺสเว จ อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ วจนโต สตฺตาหโต ปรํ เวทิตพฺพํ. ตถา หิ ‘‘โส ตํ สตฺตาหํ อนฺโต สนฺนิวตฺตํ กโรติ, ตสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ปุริมิกา จ ปฺายติ, ปฏิสฺสเว จ อนาปตฺตี’’ติ (มหาว. ๒๐๗) วุตฺตํ. สติปิ การณทฺวเย วสฺสจฺเฉทการณาภาเว อาปตฺติ เวทิตพฺพา, ตสฺมา ตีณิปิ เอตานิ วจนานิ ยถาสมฺภวํ โยชิตานิ วิคฺคหานิ โหนฺติ. ตีณิ ปริหีนานีติ ตาสํ นตฺถิตาย.

ปหิเตเยวอนุชานนกถาวณฺณนา

๑๙๙. ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว, สงฺฆกรณีเยน คนฺตุํ, สตฺตาหํ สนฺนิวตฺโต กาตพฺโพ’’ติ วจนโต อนฺโตวสฺเส สํหาริกภาเวน คนฺตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ ธมฺมฉนฺทวเสนปิ อาคเต สงฺฆสฺส อายมุขํ วินสฺสติ. ตโต ‘‘เสนาสนานิ กตฺวา’’ติ จ วุตฺตํ. อาคตนฺติ อาคมนํ. ภาเวตฺถ ตปจฺจโยยํ. สงฺฆกรณีเยน คนฺตุนฺติ เอตฺถ ‘‘เสนาสนปฏิสํยุตฺเตสุ เอว สงฺฆกรณีเยสุ, น อฺเสู’’ติ ธมฺมสิริตฺเถโร วทติ กิร. อฏฺกถายมฺปิ ตํ ปทํ อุทฺธริตฺวา ‘‘ยํ กิฺจิ อุโปสถาคาราทีสุ เสนาสเนสู’’ติอาทินา เสนาสนเมว ทสฺสิตํ, ตสฺมา อุปปริกฺขิตพฺพํ.

อนิมนฺติเตน คนฺตุํ น วฏฺฏตีติ ตสฺส รตฺติจฺเฉโท จ ทุกฺกฏาปตฺติ จ โหติ, ตํ ‘‘วสฺสจฺเฉโท’’ติ จ วทนฺติ. นิมนฺติโตเยว นาม โหตีติ เอตฺถ อุปาสเกหิ ‘‘อิมสฺมึ นาม ทิวเส ทานาทีนิ กโรม, สพฺเพ สนฺนิปตนฺตู’’ติ กตายปิ กติกาย คนฺตุํ วฏฺฏติ. ปวารณาย นวมิโต ปฏฺาย ปํสุกูลิกจีวรํ ปริเยสิตุํ กาวีรปฏฺฏเน วิย สพฺเพสํ คนฺตุํ วฏฺฏติ อนุสํวจฺฉรํ นิยมโต อุปาสเกหิ สชฺชิตฺวา ปนโต. วุตฺตมฺปิ เจตํ อนฺธกฏฺกถายํ ‘‘ภิกฺขุสงฺเฆน วา กติกา กตา ‘สมนฺตา ภิกฺขู คจฺฉนฺตู’ติ, โฆสนํ วา กตํ อุปาสเกหิ, ตตฺถ คจฺฉนฺตสฺส รตฺติจฺเฉโท นตฺถีติ ตถา ‘อนุสํวจฺฉรํ อาคจฺฉนฺตู’ติ สกึ นิมนฺติเตปิ วฏฺฏตี’’ติ จ ‘‘จีวรกาลโต ปฏฺาย นิยมํ กตฺวา สมนฺตโต อาคตานํ สชฺเชตฺวา ทานโต กาวีรปฏฺฏเน โฆเสตฺวา กรณากาโร ปฺายตีติ อปเร’’ติ จ. อาจริยา ปน เอวํ น วทนฺติ.

อนฺตราเยอนาปตฺติวสฺสจฺเฉทกถาวณฺณนา

๒๐๑. ‘‘สเจ ทูรํ คโต โหติ, สตฺตาหวาเรน อรุโณ อุฏฺาเปตพฺโพ’’ติ วจนโต ‘ยสฺมึ อนฺตราเย สติ วสฺสจฺเฉทํ กาตุํ วฏฺฏติ, ตสฺมึ อนฺตราเยว วสฺสจฺเฉทมกตฺวา สตฺตาหกรณีเยน วีตินาเมตุํ วฏฺฏตีติ ทีปิตนฺติ อปเร’’ติ วุตฺตํ. วินยธรา ปน น อิจฺฉนฺติ, ตสฺมา ‘‘สตฺตาหวาเรน อรุโณ อุฏฺาเปตพฺโพ’’ติ อิทํ ตตฺรุปฺปาทาทินิมิตฺตํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตํ สนฺธาย ‘‘อาจริยา ปน เอวํ น วทนฺตี’’ติ วุตฺตํ. คาวุํวาติ พลิพทฺธํ วา. พหิสีมาย ิตานนฺติ เตหิ ขณฺฑสีมาย ิเตหิปีติ อุปติสฺสตฺเถโร. วสฺสจฺเฉเท อสฺส วสฺสจฺเฉทสฺส. วิหารา อฺตฺถ วุฏฺาเปนฺเตหิ ตตฺเถว สนฺนิปติตฺวา ‘‘อิมินา จ อิมินา จ การเณน อิมสฺมึ นาม ปเทเส อิมํ วิหารํ เนตฺวา วุฏฺาเปมา’’ติ อนุสฺสาเวตฺวาว กาตพฺพนฺติ.

วชาทีสุวสฺสูปคมนกถาวณฺณนา

๒๐๓. วเชน สทฺธึ คตสฺส วสฺสจฺเฉเท อนาปตฺตีติ วสฺสจฺเฉโท น โหตีติ กิร อธิปฺปาโย. สตฺถสฺส อวิหารตฺตา ‘‘อิมสฺมึ วิหาเร’’ติ อวตฺวา ‘‘อิธ วสฺสํ อุเปมี’’ติ เอตฺตกํ วตฺตพฺพํ. ‘‘สตฺเถ ปน วสฺสํ อุปคนฺตุํ น วฏฺฏตีติ ‘อิมสฺมึ วิหาเร อิมํ เตมาส’นฺติ วา ‘อิธ วสฺสํ อุเปมี’ติ วา น วฏฺฏติ, อาลยกรณมตฺเตเนว วฏฺฏตีติ อธิปฺปาโย’’ติ ลิขิตํ. ตํ ปน อฏฺกถาย วิรุชฺฌติ. ‘‘อิธ วสฺสํ อุเปมีติ ติกฺขตฺตุํ วตฺตพฺพ’’นฺติ หิ วุตฺตํ. อฏฺกถาวจนมฺปิ ปุพฺพาปรํ วิรุชฺฌตีติ เจ? น, อธิปฺปายาชานนโต. สตฺโถ ทุวิโธ ิโต, สฺจาโรติ. ตตฺถ ิเต กุฏิกาย ‘‘อิธ วสฺสํ อุเปมี’’ติ วตฺวา วสิตพฺพํ. อิทฺหิ สนฺธาย ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สตฺเถ วสฺสํ อุปคนฺตุ’’นฺติ วุตฺตํ, สฺจาริมฺหิ ปน สตฺเถ กุฏิกาย อภาวโต วสฺสํ อุปคนฺตุํ น วฏฺฏติ. สติ สิวิกาย วา สกฏกุฏิกาย วา วฏฺฏติ, ตถา วเชปิ. ตีสุ าเนสุ ภิกฺขุโน นตฺถิ วสฺสจฺเฉเท อาปตฺติ.

ปวาเรตุฺจ ลภตีติ เอตฺถายํ วิจารณา – ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เยน วโช, เตน คนฺตุ’’นฺติ อิทํ กึ วสฺสรกฺขณตฺถํ วุตฺตํ, อุทาหุ วสฺสจฺเฉทาปตฺติรกฺขณตฺถนฺติ? กิฺเจตฺถ ยทิ วสฺสรกฺขณตฺถํ, ‘‘น, ภิกฺขเว, อเสนาสนิเกน วสฺสํ อุปคนฺตพฺพ’’นฺติ อิทํ วิรุชฺฌติ. อถ วสฺสจฺเฉทาปตฺติรกฺขณตฺถํ วุตฺตนฺติ สิทฺธํ น โส ปวาเรตุํ ลภตีติ, กา ปเนตฺถ ยุตฺติ? ยโต อยเมว ติวิโธ ปวาเรตุํ ลภติ, เนตโร. วาเฬหิ อุพฺพาฬฺหาทิโก หิ อุปคตฏฺานาปริจฺจาคา ลภติ. ปริจฺจาคา น ลภตีติ อยเมตฺถ ยุตฺติ. เยน คาโม, ตตฺถ คโตปิ ปวาเรตุํ ลภตีติ เอเกนาติ อาจริโย. โย หิ ปุพฺเพ ‘‘อิธ วสฺสํ อุเปมี’’ติ น อุปคโต, ‘‘อิมสฺมึ วิหาเร’’ติ อุปคโต, โส จ ปริจฺจตฺโต. อฺถา วินา วิหาเรน เกวลํ คามํ สนฺธาย ‘‘อิธ วสฺสํ อุเปมี’’ติ อุปคนฺตุํ วฏฺฏตีติ. อาปชฺชตูติ เจ? น, ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วเช สตฺเถ นาวาย วสฺสํ อุปคนฺตุ’’นฺติ วจนํ วิย ‘‘คาเม อุปคนฺตุ’’นฺติ วจนาภาวโต. ยสฺมา ‘‘ตีสุ าเนสุ ภิกฺขุโน นตฺถิ วสฺสจฺเฉเท อาปตฺตี’’ติ วจนํ ตตฺถ วสฺสูปคมนํ อตฺถีติ ทีเปติ ตทภาเว เฉทาภาวา, ตสฺมา ‘‘สตฺเถ ปน วสฺสํ อุปคนฺตุํ น วฏฺฏตี’’ติ กุฏิยา อภาวกาลํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ สิทฺธํ. ตีสุ าเนสุ ภิกฺขุโน นตฺถิ วสฺสจฺเฉเท อาปตฺตีติ ‘‘เตหิ สทฺธึ คจฺฉนฺตสฺเสว นตฺถิ, วิรุชฺฌิตฺวา คมเน อาปตฺติ จ, ปวาเรตุฺจ น ลภตี’’ติ ลิขิตํ, ตสฺมา ยํ วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘อถ สตฺโถ อนฺโตวสฺเสเยว ภิกฺขุนา ปตฺถิตฏฺานํ ปตฺวา อติกฺกมติ…เป… อนฺตรา เอกสฺมึ คาเม ติฏฺติ วา วิปฺปกิรติ วา’’ติอาทิ, ตํ เอตฺตาวตา วิรุชฺฌิตฺวา คตานมฺปิ วิรุชฺฌิตฺวา คมนํ น โหติ, ตสฺมา ปวาเรตพฺพนฺติ ทสฺสนตฺถนฺติ เวทิตพฺพํ.

ตตฺถ ‘‘ปทรจฺฉทนํ กุฏึ กตฺวา อุปคนฺตพฺพ’’นฺติ วจนโต เสนาสนตฺถาย รุกฺขํ อารุหิตุํ วฏฺฏตีติ สิทฺธํ โหติ, น ปาฬิวิโรธโตติ เจ? น, ตปฺปฏิกฺเขเปเนว สิทฺธตฺตา, อิมสฺส อิธ ปุนปิ ปฏิกฺเขปนโต. ‘‘น, ภิกฺขเว, อเสนาสนิเกน วสฺสํ อุปคนฺตพฺพ’’นฺติ อิมินา ปฏิกฺเขเปน สิทฺเธ ‘‘น, ภิกฺขเว, อชฺโฌกาเส วสฺสํ อุปคนฺตพฺพ’’นฺติ ปฏิกฺเขโป วิย สิยาติ เจ? น, อชฺโฌกาสสฺส อเสนาสนภาวานุมติปฺปสงฺคโต. อชฺโฌกาโส หิ ‘‘อชฺโฌกาเส ปลาลปุฺเช’’ติ วจนโต เสนาสนนฺติ สิทฺธํ. จตุสาลอชฺโฌกาเส วสนฺโตปิ ‘‘จตุสาลาย วสตี’’ติ วุจฺจติ, ตสฺมา ตตฺถ วฏฺฏตีติ อาปชฺชติ, ตสฺมา อิธ อเสนาสนิโก นาม อตฺตนา วา ปเรน วา อตฺตโน นิพทฺธวาสตฺถํ อปาปิตเสนาสนิโกติ เวทิตพฺพํ. อฺถา ทฺวินฺนํ ปฏิกฺเขปานํ อฺตราติเรกตา จ รุกฺขมูเลปิ นิพฺพโกเสปิ วสฺสํ อุปคนฺตุํ วฏฺฏตีติ จ, อปาปิตเสนาสนิเกนาปิ คพฺเภ วสิตุํ วฏฺฏตีติ จ อาปชฺชติ, สทฺวารพนฺธเมว เสนาสนํ อิธ อธิปฺเปตนฺติ กถํ ปฺายตีติ เจ? นิทานโต. อยฺหิ อเสนาสนิกวสฺสูปคมนาปตฺติ ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู อเสนาสนิกา วสฺสํ อุปคจฺฉนฺติ, สีเตนปิ อุณฺเหนปิ กิลมนฺตี’’ติ อิมสฺมึ นิทาเน ปฺตฺตา, ตสฺมา สีตาทิปฏิกฺเขปเมว อิธ เสนาสนนฺติ อธิปฺเปตพฺพนฺติ สิทฺธํ. เอวํ สนฺเต สิทฺธํ ปุพฺพปกฺขนิทสฺสนนฺติ เจ? น, ปุพฺเพ อปรตฺถปวตฺติสูจนโต. ทุติยชฺฌานนิทฺเทเส ‘‘วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อวิตกฺกํ อวิจาร’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๒๒๘; ม. นิ. ๑.๒๗๑) วจนานิ นิทสฺสนํ. อชฺโฌกาสปฏิกฺเขปนิทาเนน พหิอชฺโฌกาโสว ปฏิกฺขิตฺโต, น จตุสาลาทิมชฺฌคโต อชฺโฌกาโสติ อาปชฺชติ, ตสฺมา น นิทานํ ปมาณนฺติ เจ? น, นิยมโต. กิฺจิ หิ สิกฺขาปทํ นิทานาเปกฺขํ โหตีติ สาธิตเมตํ. อิทํ สาเปกฺขํ, อิทํ อนเปกฺขนฺติ กถํ ปฺายติ, น หิ เอตฺถ อุภโตวิภงฺเค วิย สิกฺขาปทานํ ปทภาชนํ, อนาปตฺติวาโร วา อตฺถีติ? อิธาปิ เทสนาวิธานโต ปฺายติ. ‘‘เทเว วสฺสนฺเต รุกฺขมูลมฺปิ นิพฺพโกสมฺปิ อุปธาวนฺตี’’ติ หิ อิเมหิ ทฺวีหิ นิทานวจเนหิ พหิ วา อนฺโต วา สพฺพํ โอวสฺสกฏฺานํ อิธ อชฺโฌกาโส นาม. อโนวสฺสกฏฺานมฺปิ อนิพฺพโกสเมว อิธ อิจฺฉิตพฺพนฺติ สิทฺธํ โหติ. เตน น อุปคนฺตพฺพนฺติ น อาลยกรณปฏิกฺเขโป, ‘‘อิธ วสฺสํ อุเปมี’’ติ วจนปฏิกฺเขโป. ฉวสรีรํ ทหิตฺวา ฉาริกาย, อฏฺิกานฺจ อตฺถาย กุฏิกา กรียตีติ อนฺธกฏฺกถาวจนํ. ‘‘ฏงฺกิตมฺโจติ กสิกุฏิกาปาสาณฆร’’นฺติ ลิขิตํ. ‘‘อกวาฏพทฺธเสนาสเน อตฺตโน ปาปิเต สภาคฏฺาเน สกวาฏพทฺเธ วสติ เจ, วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. ปโยโคปิ อตฺถิ, ‘‘อเสนาสนิเกน วสฺสํ น อุปคนฺตพฺพ’’นฺติ ปาฬิอฏฺกถา จ, ตสฺมา อุปปริกฺขิตพฺพํ.

อธมฺมิกกติกาทิกถาวณฺณนา

๒๐๕. มหาวิภงฺเค วุตฺตนฺติ เอตฺถ อยํ อนฺธกฏฺกถาวจนํ อูนปนฺนรสวสฺเสน สามเณเรน อิธ วิหาเร น วตฺถพฺพา, น ปํสุกูลํ อาหิณฺฑิตพฺพํ, น โจฬภิกฺขา คเหตพฺพา, น อฺวิหาเร ภุฺชิตพฺพํ, น อฺสฺส ภิกฺขุสฺส วา ภิกฺขุนิยา วา สนฺตกํ ภุฺชิตพฺพํ, อฺมฺํ เนว อาลเปยฺยาม น สลฺลเปยฺยาม, น สชฺฌายิตพฺพํ, มตฺติกาปตฺเตน วฏฺฏติ, น อปริปุณฺณปริกฺขารสฺส วาโสติ.

๒๐๖. มุสาวาโทติ วิสํวาโท อธิปฺเปโต. เกจิ ‘‘วิสํวาทนวเสน ปฏิสฺสุณิตฺวาติ วุตฺต’’นฺติ จ, ‘‘รฺโ วุตฺตวจนานุรูปโต มุสาวาโทติ คหฏฺา คณฺหนฺตีติ วุตฺต’’นฺติ จ วทนฺติ.

๒๐๗. ‘‘ปุริมิกาจ น ปฺายติ. กสฺมา? ‘ทุติเย วสามี’ติ จิตฺเต อุปฺปนฺเน ปมเสนาสนคฺคาโห ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. ปุน ‘ปเม เอว วสามี’ติ จิตฺเต อุปฺปนฺเน ทุติโย ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. อุภยาวาเส วิธานํ นตฺถี’’ติ ลิขิตํ. โปราณคณฺิปเท ปน ‘‘ปมํ คหิตฏฺาเน อวสิตฺวา อฺสฺมึ วิหาเร เสนาสนํ คเหตฺวา ทฺวีหตีหํ วสติ, ตโต ปมคฺคาโห ปฏิปฺปสฺสมฺภตีติ ปุริมิกา จ น ปฺายติ. ปจฺฉิมคฺคาโห น ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. อิทฺหิ ทิวสวเสน ปฏิปฺปสฺสมฺภนํ นาม โหติ. อถ ปจฺฉิมํ เตมาสํ อฺสฺมึ วสติ, ปุริมิกา จ น ปฺายติ, อิทํ เสนาสนคฺคาหานํ วเสน ปฏิปฺปสฺสมฺภนํ นามา’’ติ วุตฺตํ. อุโภเปเต อตฺถวิกปฺปา อิธ นาธิปฺเปตา. ยตฺถายํ ปฏิสฺสุโต, ตตฺถ ปุริมิกา จ น ปฺายติ, ปฏิสฺสเว จ อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. กตฺถ ปน ปุริมิกา ปฺายตีติ? อนฺตรามคฺเค ทฺวีสุ อาวาเสสุ ยตฺถ ตทเหว ปจฺฉิมคฺคาโห, ตตฺถ ปมํ คหิตฏฺาเน สตฺตาหกรณีเยน คจฺฉโต น วสฺสจฺเฉโท, โส ตทเหว อกรณีโย ปกฺกมตีติอาทิมฺหิ ‘‘กรณียํ นาม สตฺตาหกรณีย’’นฺติ ลิขิตํ.

ปาฬิมุตฺตกรตฺติจฺเฉทวินิจฺฉเย ‘‘ธมฺมสฺสวนาที’’ติ วุตฺตํ. อาทิมฺหิ จตูสุ วาเรสุ นิรเปกฺขปกฺกมนสฺสาธิปฺเปตตฺตา ‘‘สตฺตาหกรณีเยนา’’ติ น วุตฺตํ ตสฺมึ สติ นิรเปกฺขคมนาภาวโต. ตตฺถ ปุริมา ทฺเว วารา วสฺสํ อนุปคตสฺส วเสน วุตฺตา, ตสฺมา อุปคตสฺส ตทเหว สตฺตาหกรณีเยน คนฺตฺวา อนฺโตสตฺตาหํ อาคจฺฉโต น วสฺสจฺเฉโทติ สิทฺธํ. ปจฺฉิมา ทฺเว วารา อุปคตสฺส นิรเปกฺขคมนวเสน วุตฺตา, ‘‘สตฺตาหํ อนาคตาย ปวารณาย สกรณีโย ปกฺกมตี’’ติ ตโต พหิทฺธา สตฺตาหํ วีตินาเมนฺตสฺส วสฺสจฺเฉโทติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘อกรณีโย ปกฺกมตี’’ติ วจนาภาวา วินา รตฺติจฺเฉทการเณน คนฺตุํ น วฏฺฏตีติ สิทฺธํ. ปวาเรตฺวา ปน คนฺตุํ วฏฺฏติ ปวารณาย ตํทิวสสนฺนิสฺสิตตฺตา. ตตฺถ น วา อาคจฺเฉยฺยาติ อนฺตราเยน. อาจริโย ปน ‘‘น ปุน อิธาคจฺฉามี’ติ นิรเปกฺโขปิ สกรณีโยว คนฺตุํ ลภตีติ ทสฺสนตฺถํ อกรณีโย’ติ น วุตฺต’’นฺติ วทติ. ‘‘สีหฬทีเป กิร จูฬปวารณา นาม อตฺถิ, ตํ ปวารณํ กตฺวา ยถาสุขํ สกรณียา คจฺฉนฺติ, ปโยคฺจ ทสฺเสนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ตตฺถ ฉ อรุณา อนฺโตวสฺเส โหนฺติ , เอโก พหิ, ตสฺมา โส เตมาสํ วุตฺโถ โหตีติ อปเร’’ติ จ, ‘‘อาจริโย เอวํ น วทตี’’ติ จ วุตฺตํ. สพฺพตฺถ วิหารํ อุเปตีติ อตฺตโน วสฺสคฺเคน ปตฺตคพฺภํ อุเปตีติ โปราณา. อสติยา ปน วสฺสํ น อุเปตีติ เอตฺถ ‘‘อิมสฺมึ วิหาเร อิมํ เตมาส’’นฺติ อวจเนน. ‘‘อฏฺกถายํ วุตฺตรตฺติจฺเฉทการณํ วินา ติโรวิหาเร วสิตฺวา อาคจฺฉิสฺสามีติ คจฺฉโตปิ วสฺสจฺเฉท’’นฺติ ลิขิตํ.

๒๐๘. ปฏิสฺสุโต โหติ ปจฺฉิมิกายาติ อนฺตรา ปพฺพชิตภิกฺขุนา, ฉินฺนวสฺเสน วา ปฏิสฺสุโต, อฺเน ปน ปุริมํ อนุปคนฺตฺวา ปจฺฉิมิกายํ ปฏิสฺสโว น กาตพฺโพ. รตฺติจฺเฉเท สพฺพตฺถ วสฺสจฺเฉโทติ สนฺนิฏฺานํ กตฺวา วทนฺติ. เกจิ ปน น อิจฺฉนฺติ. ตํ สาเธตุํ อเนกธา ปปฺเจนฺติ. กึ เตน.

วสฺสูปนายิกกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. ปวารณากฺขนฺธกวณฺณนา

อผาสุกวิหารกถาวณฺณนา

๒๑๐. ‘‘สงฺฆํ อาวุโส ปวาเรมี’’ติ วุตฺตตฺตา ปจฺฉาปิ ‘‘วทตุ มํ สงฺโฆ’’ติ วตฺตพฺพํ วิย ทิสฺสติ. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย – ยสฺมา อหํ สงฺฆํ ปวาเรมิ, ตสฺมา ตตฺถ ปริยาปนฺนา เถรา, มชฺฌิมา, นวา วา อวิเสเสนายสฺมนฺโต สพฺเพปิ มํ วทนฺตูติ.

ปวารณาเภทวณฺณนา

๒๑๒. ทฺเวมา, ภิกฺขเว, ปวารณาติ เอตฺถ ตาทิเส กิจฺเจ สติ ยตฺถ กตฺถจิ ปวาเรตุํ วฏฺฏติ. เตเนว มหาวิหาเร ภิกฺขู จาตุทฺทสิยํ ปวาเรตฺวา ปนฺนรสิยํ กายสามคฺคึ อิทานิปิ เทนฺติ. เจติยคิริ มหาทสฺสนตฺถมฺปิ อฏฺมิยํ คจฺฉนฺติ, ตมฺปิ จาตุทฺทสิยํ ปวาเรตุกามานํเยว โหติ. ‘‘สตฺตาหํ อนาคตาย ปวารณาย สกรณีโย ปกฺกมติ, อนาปตฺตีติ วจนโต อิทํ อาจิณฺณ’’นฺติ ลิขิตํ. ‘‘โน เจ อธิฏฺเหยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ เอกสฺส วุตฺตทุกฺกฏํ, ตสฺเสว วุตฺตํ ปุพฺพกิจฺจฺจ สงฺฆคณานมฺปิ เนตพฺพํ.

ปวารณาทานานุชานนกถาวณฺณนา

๒๑๓. เตน จ ภิกฺขุนาติ ปวารณาทายเกน.

อนาปตฺติปนฺนรสกาทิกถาวณฺณนา

‘‘ตสฺสา จ ปวารณาย อาโรจิตาย สงฺเฆน จ ปวาริเต สพฺเพสํ สุปฺปวาริตํ โหตีติ วจนโต เกวลํ ปวารณาย ปวารณาทายโกปิ ปวาริโตว โหตี’’ติ วทนฺตีติ.

๒๒๒. อวุฏฺิตาย ปริสายาติ ปวาเรตฺวา ปจฺฉา อฺมฺํ กเถนฺติยา. เอกจฺจาย วุฏฺิตายาติ เอกจฺเจสุ ยถานิสินฺเนสุ เอกจฺเจสุ สกสกฏฺานํ คเตสุ. ปุน ปวาเรตพฺพนฺติ ปุนปิ สพฺเพหิ สมาคนฺตฺวา ปวาเรตพฺพํ. อาคจฺฉนฺติ สมสมา, เตสํ สนฺติเก ปวาเรตพฺพนฺติ ‘‘คเต อนาเนตฺวา นิสินฺนานํเยว สนฺติเก ปวาเรตพฺพํ, อุโปสถกฺขนฺธเกปิ เอเสว นโย’’ติ ลิขิตํ. สพฺพาย วุฏฺิตาย ปริสาย อาคจฺฉนฺติ สมสมา, เตสํ สนฺติเก ปวาเรตพฺพนฺติ ‘‘ยทิ สพฺเพ วุฏฺหิตฺวา คตา, สนฺนิปาเตตุฺจ น สกฺกา, เอกจฺเจ สนฺนิปาตาเปตฺวา ปวาเรตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. กสฺมา? ตฺตึ เปตฺวา กตฺตพฺพสงฺฆกมฺมาภาวา วคฺคํ น โหติ กิร. เอตฺถ ปน เอกจฺเจสุ คเตสุปิ สพฺเพสุ คเตสุปิ สพฺเพ สนฺนิปาตาเปตฺวา ตฺตึ อฏฺเปตฺวา เกวลํ ปวาเรตพฺพํ. เอกจฺเจ สนฺนิปาตาเปตฺวา ปวาเรตุํ น วฏฺฏติ ‘‘สงฺฆํ, ภนฺเต, ปวาเรมี’’ติ วจนโต. สพฺเพปิ หิ สนฺนิปติตา ปจฺฉา ทิฏฺํ วา สุตํ วา ปริสงฺกิตํ วา วตฺตาโร โหนฺติ. อนาคตานํ อตฺถิภาวํ ตฺวาปิ เอกจฺจานํ สนฺติเก ปวารณาวจนํ วิย โหติ. สมฺมุขีภูเต จตฺตาโร สนฺนิปาตาเปตฺวา นิสฺสคฺคิยํ อาปนฺนจีวราทินิสฺสชฺชนํ วิย ปวารณา น โหติ สพฺพายตฺตตฺตา. ‘‘สมคฺคานํ ปวารณา ปฺตฺตา’’ติ วจนฺเจตฺถ สาธกํ. ‘‘อิโต อฺถา น วฏฺฏติ อฏฺกถายํ อนนุฺาตตฺตา’’ติ อุปติสฺสตฺเถโร วทติ. ‘‘โถกตเรหิ เตสํ สนฺติเก ปวาเรตพฺพํ ตฺตึ อฏฺเปตฺวาวา’’ติ วุตฺตํ. อาคนฺตุกา นาม นวมิโต ปฏฺายาคตา วา วชสตฺถนาวาสุ วุตฺถวสฺสา วา โหนฺติ.

๒๓๗. ‘‘ทสวตฺถุกา มิจฺฉาทิฏฺิ โหติ ตถาคโตติอาที’’ติ ลิขิตํ. ‘‘นตฺถิ ทินฺนนฺติอาที’’ติ วุตฺตํ.

๒๓๙. ‘‘อุปปริกฺขิตฺวา ชานิสฺสามาติ เตน สห ปวาเรตพฺพ’’นฺติ ลิขิตํ.

ปวารณากฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. จมฺมกฺขนฺธกวณฺณนา

โสณโกฬิวิสวตฺถุกถาวณฺณนา

๒๔๒. อสีติยา…เป… กาเรตีติ ‘‘อสีติ คามิกสหสฺสานิ สนฺนิปาตาเปตฺวา’’ติ อิมสฺส การณวจนํ. ตตฺถ ‘‘คามานํ อสีติยา สหสฺเสสู’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘อสีติยา คามสหสฺเสสู’’ติ วุตฺตํ. คามปฺปมุขา คามิกา, เตสํ สหสฺสานิ. ‘‘กมฺมจิตฺตีกตานี’’ติ อุปจาเรน วุตฺตํ. กมฺมปจฺจยอุตุสมุฏฺาเน หิ เตสํ อฺชนวณฺณภาโว. ‘‘เกนจิเทว กรณีเยนา’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘เกนจิเทวา’’ติ วุตฺตํ. เอตฺถ เอวํ-สทฺโท โอปมฺเม ปวตฺตติ. เอวมุปมาโนปเทสปุจฺฉาวธารณปฏิฺาตโอปมฺเม. ปุรโต เปกฺขมานานนฺติ อนาทรตฺเถ สามิวจนํ. ตโต ปน ภควโต คนฺธกุฏิยา กวาฏํ สุพทฺธํ ปสฺสิตฺวา อิจฺฉิตาการกุสลตาย อิทฺธิยา คนฺตฺวา กุฏึ ปวิสิตฺวา อาโรเจสิ. วิหารปจฺฉายายนฺติ วิหารสฺส วฑฺฒมานจฺฉายายํ. ‘‘อโห นูนาติ อโห มหนฺโต’’ติ ลิขิตํ. ภควโต สมฺพหุเลหิ สทฺธึ อาหิณฺฑนํ อายสฺมโต โสณสฺส วีริยารมฺภนิทสฺสเนน อนารทฺธวีริยานํ อุตฺเตชนตฺถํ, เอวํ สุขุมาลานํ ปาทรกฺขณตฺถํ อุปาหนา อนุฺาตาติ ทสฺสนตฺถฺจ.

โสณสฺสปพฺพชฺชากถาวณฺณนา

๒๔๓. ตตฺถ จ นิมิตฺตํ คณฺหาหีติ เตสํ อินฺทฺริยานํ อาการํ อุปลกฺเขหิ.

๒๔๔. อธิมุตฺโต โหตีติ ปฏิวิชฺฌิตฺวา ปจฺจกฺขํ กตฺวา ิโต โหติ. เนกฺขมฺมาธิมุตฺโตติอาทีหิ นิพฺพานํ, อรหตฺตฺจ วุตฺตํ. ‘‘ตฺหิ สพฺพกิเลเสหิ นิกฺขนฺตตฺตา ‘เนกฺขมฺม’นฺติ จ เคหโต ปวิวิตฺตตฺตา ‘ปวิเวโก’ติ จ พฺยาปชฺชาภาวโต ‘อพฺยาปชฺช’นฺติ จ อรหตฺตํ อุปาทานสฺส ขยนฺเต อุปฺปนฺนตฺตา ‘อุปาทานกฺขโย’ติ จ ตณฺหาย ขยนฺเต อุปฺปนฺนตฺตา ‘ตณฺหกฺขโย’ติ จ สมฺโมหาภาวโต ‘อสมฺโมโห’ติ จ วุจฺจตี’’ติ วุตฺตํ. สพฺเพหิ อรหตฺตํ วุตฺตนฺติ เกจิ. สิยา โข เอวมสฺสาติ กทาจิ เอวมสฺส, อสฺส วา อายสฺมโต เอวํ สิยา. ปจฺจาคจฺฉนฺโต ชานนฺโต. กรณียมตฺตานนฺติ อตฺตโน. โส เอว วา ปาโ. เนกฺขมฺมาธิมุตฺโตติ อิมสฺมึเยว อรหตฺตํ กถิตํ. เสเสสุ นิพฺพานนฺติ เกจิ. อสมฺโมหาธิมุตฺโตติ เอตฺเถว นิพฺพานํ. เสเสสุ อรหตฺตนฺติ เกจิ. ‘‘สพฺเพสฺเวเวเตสุ อุภยมฺปี’’ติ วทนฺติ. ปวิเวกฺจ เจตโส, อธิมุตฺตสฺส, อุปาทานกฺขยสฺส จาติ อุปโยคตฺเถ สามิวจนํ. อายตนานํ อุปฺปาทฺจ วยฺจ ทิสฺวา.

สพฺพนีลิกาทิปฏิกฺเขปกถาวณฺณนา

๒๔๖. ‘‘รฺชนโจฬเกน ปุฺฉิตฺวา’’ติ ปาโ. ‘‘ขลฺลกาทีนิ อปเนตฺวา’ติ วุตฺตตฺตา ทฺเว ตีณิ ฉิทฺทานิ กตฺวา วฬฺเชตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺตานํ วาโท น คเหตพฺโพ.

ยานาทิปฏิกฺเขปกถาวณฺณนา

๒๕๔. ‘‘จตุรงฺคุลาธิกานี’’ติ วุตฺตตฺตา จตุรงฺคุลโต เหฏฺา วฏฺฏตีติ เอเก. อุภโตโลหิตกูปธานนฺติ เอตฺถ ‘‘กาสาวํ ปน วฏฺฏติ, กุสุมฺภาทิรตฺตเมว น วฏฺฏตี’’ติ ลิขิตํ.

สพฺพจมฺมปฏิกฺเขปาทิกถาวณฺณนา

๒๕๕. กิสฺส ตฺยายนฺติ กิสฺส เต อยํ.

๒๕๖. คิหิวิกตนฺติ คิหีนํ อตฺถาย กตํ. ‘‘ยตฺถ กตฺถจิ นิสีทิตุํ อนุชานามีติ อตฺโถ’’ติ ลิขิตํ. กิฺจาปิ ทีฆนิกายฏฺกถายํ ‘‘เปตฺวา ตูลิกํ สพฺพาเนว โคนกาทีนิ รตนปริสิพฺพิตานิ วฏฺฏนฺตี’’ติ วุตฺตํ, อถ โข วินยปริยายํ ปตฺวา ครุเก าตพฺพโต อิธ วุตฺตนเยเนเวตฺถ อตฺโถ คเหตพฺโพ. ‘‘ตตฺถ ปน สุตฺตนฺติกเทสนาย คหฏฺาทีนมฺปิ วเสน วุตฺตตฺตา เตสํ สงฺคณฺหนตฺถํ เปตฺวา ‘ตูลิกํ…เป… วฏฺฏนฺตี’ติ วุตฺตํ วิย ขายตีติ อปเร’’ติ วุตฺตํ.

๒๕๙. มิคมาตุโกติ ตสฺส นามํ. วาตมิโคติ จ ตสฺส นามํ. ‘‘กาฬสีโห กาฬมุโข กปี’’ติ ลิขิตํ. จมฺมํ น วฏฺฏตีติ เยน ปริยาเยน จมฺมํ วฏฺฏิสฺสติ, โส ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ. ‘‘อตฺตโน ปุคฺคลิกวเสน ปริหาโร ปฏิกฺขิตฺโต’’ติ วุตฺตํ. ‘‘น, ภิกฺขเว, กิฺจิ จมฺมํ ธาเรตพฺพ’’นฺติ เอตฺตาวตา สิทฺเธ ‘‘น, ภิกฺขเว, โคจมฺม’’นฺติ อิทํ ปรโต ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สพฺพปจฺจนฺติเมสุ ชนปเทสุ จมฺมานิ อตฺถรณานี’’ติ เอตฺถ อนุมติปฺปสงฺคภยา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.

จมฺมกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. เภสชฺชกฺขนฺธกวณฺณนา

ปฺจเภสชฺชาทิกถาวณฺณนา

๒๖๐. ‘‘ยํเภสชฺชฺเจว อสฺสา’’ติ ปรโต ‘‘ตทุภเยน ภิยฺโยโส มตฺตาย กิสฺสา โหนฺตี’’ติอาทินา วิโรธทสฺสนโต นิทานานเปกฺขํ ยถาลาภวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ยถานิทานํ กสฺมา น วุตฺตนฺติ เจ? ตทฺาเปกฺขาธิปฺปายโต. สพฺพพุทฺธกาเลปิ หิ สปฺปิอาทีนํ สตฺตาหกาลิกภาวาเปกฺขาติ ตถา วจเนน ภควโต อธิปฺปาโย, เตเนว ‘‘อาหารตฺถฺจ ผเรยฺย, น จ โอฬาริโก อาหาโร ปฺาเยยฺยา’’ติ วุตฺตํ. ตถา หิ กาเล ปฏิคฺคเหตฺวา กาเล ปริภุฺชิตุนฺติ เอตฺถ จ กาลปริจฺเฉโท น กโต. กุโตเยว ปน ลพฺภา ตทฺาเปกฺขาธิปฺปาโย ภควโต มูลเภสชฺชาทีนิ ตานิ ปฏิคฺคเหตฺวา ยาวชีวนฺติ กาลปริจฺเฉโท. ยํ ปน ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตานิ ปฺจ เภสชฺชานิ กาเล ปฏิคฺคเหตฺวา กาเล ปริภุฺชิตุ’’นฺติ วจนํ, ตํ ‘‘สนฺนิธึ กตฺวา อปราปรสฺมึ ทิวเส กาเล เอว ปริภุฺชิตุํ อนุชานามี’’ติ อธิปฺปายโต วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อฺถา อติสยตฺตาภาวโต ‘‘ยํ เภสชฺชฺเจว อสฺสา’’ติอาทิ วิตกฺกุปฺปาโท น สมฺภวติ. ปณีตโภชนานุมติยา ปสิทฺธตฺตา อาพาธานุรูปสปฺปายาเปกฺขาย วุตฺตานีติ เจ? ตฺจ น, ภิยฺโยโส มตฺตาย กิสาทิภาวาปตฺติทสฺสนโต. ยถา ‘‘อุจฺฉุรสํ อุปาทาย ผาณิต’’นฺติ วุตฺตํ, ตถา ‘‘นวนีตํ อุปาทาย สปฺปิ’’นฺติ วตฺตพฺพโต นวนีตํ วิสุํ น วตฺตพฺพนฺติ เจ? น, วิเสสทสฺสนาธิปฺปายโต. ยถา ผาณิตคฺคหเณน สิทฺเธปิ ปรโต อุจฺฉุรโส วิสุํ อนุฺาโต อุจฺฉุสามฺโต คุโฬทกฏฺาเน ปนาธิปฺปายโต. ตถา นวนีเต วิเสสวิธิทสฺสนาธิปฺปายโต นวนีตํ วิสุํ อนุฺาตนฺติ เวทิตพฺพํ. วิเสสวิธิ ปนสฺส เภสชฺชสิกฺขาปทฏฺกถาวเสน เวทิตพฺพํ. วุตฺตฺหิ ตตฺถ ‘‘ปจิตฺวา สปฺปึ กตฺวา ปริภุฺชิตุกาเมน อโธตมฺปิ ปจิตุํ วฏฺฏตี’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๖๒๒). ตตฺถ สปฺปิ ปกฺกาว โหติ, นาปกฺกา. ตถา ผาณิตมฺปิ. นวนีตํ อปกฺกเมว.

เอตฺถาห – นวนีตํ วิย อุจฺฉุรโสปิ สตฺตาหกาลิกปาฬิยํ เอว วตฺตพฺโพติ? น วตฺตพฺโพ. กสฺมา? สตฺตาหกาลิกปาฬิยํ วุตฺเต อุจฺฉุรโส คุฬาปเทเสน ยถา อคิลานสฺส ผาณิตํ ปฏิสิทฺธํ, ตถา อุจฺฉุรโสปีติ อาปชฺชติ, อวุตฺเต ปน คุฬํ วิย โส ผาณิตสงฺขฺยํ น คจฺฉติ. อิธ อวตฺวา ปจฺฉา วจเนน คุโฬทกฏฺาเนว ปิโต โหติ. ตทตฺถเมว ปจฺฉาภตฺตํ วฏฺฏนกปานกาธิกาเร วุตฺโต, ตสฺมา เอว ยามกาลิโกติ เจ? น, อฏฺกถาวิโรธโต. น อุปาทายตฺถสฺส นิสฺสยตฺถตฺตาติ เจ? กึ วุตฺตํ โหติ – ‘‘อุจฺฉุรสํ อุปาทาย อุจฺฉุวิกติ ผาณิตนฺติ เวทิตพฺพา’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๖๒๓) ยเทตํ นิสฺสคฺคิยฏฺกถาวจนํ, ตตฺถ ‘‘อุปาทายา’’ติ อิมสฺส นิสฺสาย ปจฺจยํ กตฺวาติ อตฺโถติ. น, ปรโต อปรกิริยาย อทสฺสนโต. ยถา ‘‘จกฺขุฺจ ปฏิจฺจ รูเป จา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๐๔, ๔๐๐; ๓.๔๒๑, ๔๒๕; สํ. นิ. ๒.๔๓) ‘‘ปฏิจฺจา’’ติ อิมสฺส อุสฺสุกฺกวจนสฺส ‘‘อุปฺปชฺชตี’’ติ อปรกิริยา ทิสฺสติ, น ตถา ‘‘อุจฺฉุรสํ อุปาทายา’’ติ เอตฺถ อปรกิริยา ทิสฺสตีติ. อยุตฺตเมตํ ตตฺถ ตทภาเวปิ สิทฺธตฺตา. ยถา ‘‘จตฺตาโร จ มหาภูตา จตุนฺนฺจ มหาภูตานํ อุปาทาย รูป’’นฺติ (ธ. ส. ๕๘๔) เอตฺถ อปรกิริยาย อภาเวปิ อุสฺสุกฺกวจนํ สิทฺธํ, ตถา เอตฺถาปิ สิยาติ? น, ตตฺถ ปาเสสาเปกฺขตฺตา. ยถา จตฺตาโร มหาภูตา อุปาทาย วุตฺตํ, ปวตฺตกํ วา รูปนฺติ อิมํ ปาเสสํ สา ปาฬิ อเปกฺขติ, น ตถา อิทํ อฏฺกถาวจนํ กฺจิ ปาํ อเปกฺขติ. ปริปุณฺณวาทิโน หิ อฏฺกถาจริยา. สฺากรณมตฺตํ วา ตสฺส รูปสฺส. ‘‘อตฺถิ รูปํ อุปาทายา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๕๘๔) หิ สฺากรณมตฺตํ, เอวมิธาปีติ เวทิตพฺพํ. อิธ ปน ‘‘อุจฺฉุรสํ อุปาทายา’’ติ อุจฺฉุรสํ อาทึ กตฺวา, ตโต ปฏฺายาติ อตฺโถ, ตสฺมา ‘‘อุจฺฉุรเสน สํสฏฺํ ภตฺตํ อคิลาโน ภิกฺขุ วิฺาเปตฺวา ภุฺชนฺโต ปณีตโภชนสิกฺขาปเทน กาเรตพฺโพ, ภิกฺขุนี ปาฏิเทสนิเยนา’’ติ วุตฺตํ, ตํ อยุตฺตนฺติ เอเก. เต วิเสสเหตุโน อภาวํ ทสฺเสตฺวา ปฺาเปตพฺพา.

เอตฺตาวตา ‘‘อุจฺฉุรสํ อุปาทายาติ อุจฺฉุรสํ อาทึ กตฺวา’’ติอาทีนํ ปทานํ อตฺถํ มิจฺฉา คเหตฺวา ยทิ ‘‘อุจฺฉุรสํ อุปาทายา’’ติ วจเนน อุจฺฉุรโส ผาณิตํ สิยา, ‘‘อปกฺกา วา’’ติ วจนํ นิรตฺถกํ อปกฺกวจเนน อุจฺฉุรสสฺส คหิตตฺตา. อถ ‘‘ปกฺกา วา’’ติ วจเนน อุจฺฉุรโส ผาณิตนฺติ สิทฺธํ, ‘‘อุจฺฉุรสํ อุปาทายา’’ติ วจนํ นิรตฺถกนฺติ อุตฺตรํ วุตฺตํ, ตํ อนุตฺตรนฺติ สาธิตํ โหติ. โส เจเตหิ อปกฺกา วาติ สามํ ภิกฺขุนา อปกฺกา วา. อวตฺถุกปกฺกา วาติ ภิกฺขุนาว สามํ วินา วตฺถุนา ปกฺกา วาติ อตฺโถ. ตสฺมา อฺถา ‘‘สวตฺถุกปกฺกา วา’’ติ จ วตฺตพฺพนฺติ อตฺโถ ทสฺสิโต, โส ทุฏฺุ ทสฺสิโต. กสฺมา? มหาอฏฺกถายํ ‘‘ฌามอุจฺฉุผาณิตํ วา โกฏฺฏิตอุจฺฉุผาณิตํ วา ปุเรภตฺตเมว วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตตฺตา, ‘‘สวตฺถุกปกฺกา วา’’ติ วจนสฺส จ ลทฺธิวิโรธโต อวุตฺตตฺตา. ‘‘มหาปจฺจริยํ ปน ‘เอตํ สวตฺถุกปกฺกํ วฏฺฏติ โน วฏฺฏตี’ติ ปุจฺฉํ กตฺวา ‘อุจฺฉุผาณิตํ ปจฺฉาภตฺตํ โน วฏฺฏนกํ นาม นตฺถี’ติ วุตฺตํ, ตํ ยุตฺต’’นฺติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๖๒๓) วุตฺตตฺตา จ สวตฺถุกปกฺกา วาติ อตฺโถ จ วุตฺโตเยว โหติ, ตสฺมา ทุทฺทสฺสิโตติ สิทฺธํ. อาหารตฺถนฺติ อาหารปโยชนํ. อาหารกิจฺจํ ยาปนนฺติ อตฺโถติ จ.

๒๖๒. เตลปริโภเคนาติ สตฺตาหกาลิกปริโภเคน.

๒๖๓. สติ ปจฺจเยติ เอตฺถ สติปจฺจยตา คิลานาคิลานวเสน ทฺวิธา เวทิตพฺพา. วิกาลโภชนสิกฺขาปทสฺส หิ อนาปตฺติวาเร ยามกาลิกาทีนํ ติณฺณมฺปิ อวิเสเสน สติปจฺจยตา วุตฺตา. อิมสฺมึ ขนฺธเก ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, คิลานสฺส คุฬํ, อคิลานสฺส คุโฬทกํ, อนุชานามิ, ภิกฺขเว, คิลานสฺส โลณโสวีรกํ, อคิลานสฺส อุทกสมฺภินฺน’’นฺติ วุตฺตํ. ตสฺมา สิทฺธํ สติปจฺจยตา คิลานาคิลานวเสน ทุวิธาติ. อฺถา อสติ ปจฺจเย คุโฬทกาทีสุ อาปชฺชติ. ตโต จ ปาฬิวิโรโธ.

ปิฏฺเหีติ ปิสิตเตเลหิ. โกฏฺผลนฺติ โกฏฺรุกฺขสฺส ผลํ. ‘‘มทนผลํ วา’’ติ จ ลิขิตํ. หิงฺคุชตุ นาม หิงฺคุรุกฺขสฺส ทณฺฑปลฺลวปวาฬปากนิปฺผนฺนา. หิงฺคุสิปาฏิกา นาม ตสฺส มูลสาขปากนิปฺผนฺนา. ตกํ นาม ตสฺส รุกฺขสฺส ตจปาโกทกํ. ตกปตฺตีติ ตสฺส ปตฺตปาโกทกํ. ตกปณฺณีติ ตสฺส ผลปาโกทกํ. อถ วา ‘‘ตกํ นาม ลาขา. ตกปตฺตีติ กิตฺติมโลมลาขา. ตกปณฺณีติ ปกฺกลาขา’’ติ ลิขิตํ. อุพฺภิทํ นาม อูสปํสุมยํ.

๒๖๔. ฉกณํ โคมยํ. ปากติกจุณฺณํ นาม อปกฺกกสาวจุณฺณํ, เตน ‘‘เปตฺวา คนฺธจุณฺณํ สพฺพํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. จาลิเตหีติ ปริสฺสาวิเตหิ.

๒๖๕. นานาสมฺภาเรหิ กตนฺติ นาโนสเธหิ.

คุฬาทิอนุชานนกถาวณฺณนา

๒๗๔. สามํ ปกฺกํ สมปกฺกนฺติ ทุวิธํ วิย ทีเปติ, ตสฺมา ขีราทีสุ อุณฺหมตฺตเมว ปาโก. เตน อุตฺตณฺฑุลาทิสมานา โหนฺติ.

๒๗๖-๘. ‘‘พุทฺธปฺปมุข’นฺติ อาคตฏฺาเน ‘ภิกฺขุสงฺโฆ’ติ อวตฺวา ‘สงฺโฆ’ติ วุจฺจติ ภควนฺตมฺปิ สงฺคเหตุ’’นฺติ วทนฺติ. นาโคติ หตฺถี.

๒๗๙. สมฺพาเธติ วจฺจมคฺเค ภิกฺขุสฺส ภิกฺขุนิยา จ ปสฺสาวมคฺเคปิ อนุโลมโต. ทหนํ ปฏิกฺเขปาภาวา วฏฺฏติ. สตฺถวตฺติกมฺมานุโลมโต น วฏฺฏตีติ เจ? น, ปฏิกฺขิตฺตปฏิกฺเขปา, ปฏิกฺขิปิตพฺพสฺส ตปฺปรมตาทีปนโต, กึ วุตฺตํ โหติ? ปุพฺเพ ปฏิกฺขิตฺตมฺปิ สตฺถกมฺมํ สมฺปิณฺเฑตฺวา ปจฺฉา ‘‘น, ภิกฺขเว…เป… ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติ ทฺวิกฺขตฺตุํ สตฺถกมฺมสฺส ปฏิกฺเขโป กโต. เตน สมฺพาธสฺส สามนฺตา ทฺวงฺคุลํ ปฏิกฺขิปิตพฺพํ นาม. สตฺถวตฺติกมฺมโต อุทฺธํ นตฺถีติ ทีเปติ. กิฺจ ภิยฺโย ปุพฺเพ สมฺพาเธเยว สตฺถกมฺมํ ปฏิกฺขิตฺตํ, ปจฺฉา สมฺพาธสฺส สามนฺตา ทฺวงฺคุลมฺปิ ปฏิกฺขิตฺตํ, ตสฺมา ตสฺเสว ปฏิกฺเขโป, เนตรสฺสาติ สิทฺธํ. เอตฺถ ‘‘สตฺถํ นาม สตฺถหารกํ วาสฺส ปริเยเสยฺยา’’ติอาทีสุ วิย เยน ฉินฺทติ, ตํ สพฺพํ. เตน วุตฺตํ ‘‘กณฺฏเกน วา’’ติอาทิ. ขารทานํ ปเนตฺถ ภิกฺขุนิวิภงฺเค ปสาเข เลปมุเขน อนุฺาตนฺติ เวทิตพฺพํ. เอเก ปน ‘‘สตฺถกมฺมํ วา’’ติ ปาํ วิกปฺเปตฺวา วตฺถิกมฺมํ กโรนฺติ. ‘‘วตฺถี’’ติ กิร อคฺฆิกา วุจฺจติ. ตาย ฉินฺทนํ วตฺถิกมฺมํ นามาติ จ อตฺถํ วณฺณยนฺติ, เต ‘‘สตฺถหารกํ วาสฺส ปริเยเสยฺยา’’ติ อิมสฺส ปทภาชนียํ ทสฺเสตฺวา ปฏิกฺขิปิตพฺพา. อณฺฑวุฑฺฒีติ วาตณฺฑโก. อาทานวตฺตีติ อานหวตฺติ.

มนุสฺสมํสปฏิกฺเขปกถาวณฺณนา

๒๘๐. ‘‘น, ภิกฺขเว, มนุสฺสมํสํ…เป… ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติ วุตฺตตฺตา, ‘‘น จ, ภิกฺขเว, อปฺปฏิ…เป… ทุกฺกฏสฺสา’’ติ จ วุตฺตตฺตา อปฺปฏิเวกฺขณทุกฺกฏฺจ ถุลฺลจฺจยฺจาติ ทฺเว อาปชฺชติ, ตสฺมา กปฺปิยมํเสปิ อปฺปฏิเวกฺขณปจฺจยา ทุกฺกฏเมว. เกจิ ‘‘มํสภาวํ ชานนฺโตว อาปชฺชติ. ปูวาทีสุ อชานนฺตสฺส กา ปจฺจเวกฺขณา’’ติ วทนฺติ. อชานนฺโตปิ อาปชฺชติ สามฺเน วุตฺตตฺตาติ เกจิ.

หตฺถิมํสาทิปฏิกฺเขปกถาวณฺณนา

๒๘๑. อิเมสํ…เป… สพฺพํ น วฏฺฏตีติ อิทํ ทสนฺนมฺปิ มนุสฺสมํสาทีนํ อกปฺปิยภาวมตฺตปริทีปนวจนํ, นาปตฺติวิภาคทสฺสนวจนํ. ยํ กิฺจิ ตฺวา วา อตฺวา วา ขาทนฺตสฺส อาปตฺติเยวาติ อิทมฺปิ อนิยมิตวจนเมว ‘‘อยํ นาม อาปตฺตี’’ติ อวุตฺตตฺตา . ตทุภยมฺปิ เหฏฺา มนุสฺสาทีนํ มํสาทีสุ ถุลฺลจฺจยทุกฺกฏาปตฺติโย โหนฺตีติ คหิตนเยหิ อธิปฺปาโย ชานิตุํ สกฺกาติ เอวํ วุตฺตํ. ตตฺรายํ อธิปฺปาโย – ยสฺมา เอเตสํ มนุสฺสาทีนํ มํสาทีนิ อกปฺปิยานิ, ตสฺมา มนุสฺสานํ มํสาทีสุ ถุลฺลจฺจยาปตฺติ. เสสานํ สพฺพตฺถ ทุกฺกฏาปตฺตีติ. ปาเเยว หิ โลหิตาทึ มํสคติกํ กตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, มนุสฺสมํสํ…เป… ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติ วุตฺตํ. ตตฺเถว หตฺถาทีนํ มํสาทีสุปิ ทุกฺกฏาปตฺติ ปฺตฺตา. เตน วุตฺตํ สีหฬฏฺกถายํ ‘‘มนุสฺสมํเส วา เกเส วา นเข วา อฏฺิมฺหิ วา โลหิเต วา ถุลฺลจฺจยเมวา’’ติ วุตฺตํ. อิมินา เอว –

‘‘อฏฺิปิ โลหิตํ จมฺมํ, โลมเมสํ น กปฺปตี’’ติ. –

ขุทฺทสิกฺขาคาถาปทสฺส อตฺโถ จ อธิปฺปาโย จ สุวิฺเยฺโยติ. ปฏิคฺคหเณติ เอตฺถ อนาทริยทุกฺกฏํ วุตฺตํ. ‘‘อุทกมนุสฺสาทิมํสมฺปิ น วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. นาคราเชน วุตฺตาทีนเว สติปิ อุชฺฌายนาธิการเมว คเหตฺวา ‘‘ปฏิกูลตายา’’ติ วุตฺตํ.

ยาคุมธุโคฬกาทิกถาวณฺณนา

๒๘๓. ยถาธมฺโม กาเรตพฺโพติ อิทํ สงฺคีติการกวจนํ. น หิ ภควา ตเมว สิกฺขาปทํ ทฺวิกฺขตฺตุํ ปฺเปสิ, เอวํ เอวรูเปสูติ เอเก. ปมปฺตฺตเมว สนฺธาย วุตฺตํ, ตถาปิ น จ เต ภิกฺขู สาปตฺติกา ชาตา. กถํ? ปรมฺปรโภชนสิกฺขาปทสฺส อฏฺุปฺปตฺติยา. ‘‘อปิจ มยํ กาลสฺเสว ปิณฺฑาย จริตฺวา ภุฺชิมฺหา’’ติ วุตฺตํ. มาติกาวิภงฺเค (ปาจิ. ๒๒๗) จ ‘‘ปรมฺปรโภชนํ นาม ปฺจนฺนํ โภชนานํ อฺตเรน โภชเนน นิมนฺติโต, ตํ เปตฺวา อฺํ ปฺจนฺนํ โภชนานํ อฺตรํ โภชนํ ภุฺชติ, เอตํ ปรมฺปรโภชนํ นามา’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา อฺํ โภชนํ นาม นิมนฺตนโต ลทฺธํ ยํ กิฺจีติ สิทฺธํ. ยสฺมา น โภชฺชยาคุนิมนฺตนโต ลทฺธโภชนํ, ตสฺมา ‘‘เอตฺถ อนาปตฺตี’’ติ เต ภิกฺขู ปริภุฺชึสูติ. เอตฺถ ‘‘ยถาธมฺโม กาเรตพฺโพ’’ติ วุตฺตตฺตา ปน อฺนิมนฺตนโต ลทฺธโภชนเมว ภุฺชนฺตสฺส อาปตฺติ, เนตรนฺติ อนุฺาตํ. ตโต ปฏฺาย ตสฺส อนาปตฺติวาเร ‘‘นิจฺจภตฺเต สลากภตฺเต ปกฺขิเก อุโปสถิเก ปาฏิปทิเก’’ติ วุตฺตํ. ปุพฺเพ เวสาลิยา ปฺตฺตกาเล นตฺถิ, ยทิ อตฺถิ, อฏฺุปฺปตฺติมาติกาวิภงฺควิโรโธ, ตสฺมา ‘‘อปิจ มยํ กาลสฺเสว ปิณฺฑาย จริตฺวา ภุฺชิมฺหา’’ติ อฏฺุปฺปตฺติยํ วุตฺตตฺตา, ปทภาชเนปิ ‘‘อฺํ ปฺจนฺนํ โภชนานํ อฺตรํ โภชนํ ภุฺชตี’’ติ อวิเสเสน วุตฺตตฺตา จ ปมํ วา ปจฺฉา วา นิมนฺติตํ โภชนํ เปตฺวา อนิมนฺติตเมว ภุฺชนฺตสฺส อาปตฺติ, เนตรนฺติ กิฺจาปิ อาปนฺนํ, ‘‘น, ภิกฺขเว, อฺตฺร นิมนฺติเตน อฺสฺส โภชฺชยาคุ ปริภุฺชิตพฺพา’’ติ วุตฺตตฺตา ปน ปมนิมนฺติตโภชนโต อฺํ ปจฺฉา ลทฺธํ นิมนฺติตโภชนํ, นิจฺจภตฺตาทีนิ จ ภุฺชนฺตสฺส อาปตฺตีติ อาปชฺชมานํ วิย ชาตนฺติ อนุปฺตฺติปฺปสงฺคนิวารณํ, อนิมนฺตนโภชเน อาปตฺติปฺปสงฺคนิวารณฺจ กโรนฺโต, ปมปฺตฺติสิกฺขาปทเมว อิมินา อตฺเถน ปริณาเมนฺโต จ ‘‘ยถาธมฺโม กาเรตพฺโพ’’ติ ภควา อาห, ตสฺมา ตโต ปฏฺาย ปจฺฉา นิมนฺตนโภชนํ ภุฺชนฺตสฺเสว อาปตฺติ. เตสุ น นิจฺจภตฺตาทีนีติ อาปนฺนํ. เตเนวายสฺมา อุปาลิตฺเถโร ตสฺส อนาปตฺติวาเร ‘‘นิจฺจภตฺเต’’ติอาทีนิ ปฺจ ปทานิ ปกฺขิปิตฺวา สงฺคายิ. อธิปฺปายฺู หิ เต มหานาคา, ตสฺมา ปมเมว ยํ ภควตา วุตฺตํ ‘‘ปฺจ โภชนานิ เปตฺวา สพฺพตฺถ อนาปตฺตี’’ติ วจนํ, ปจฺฉาปิ ตํ อนุรกฺขนฺเตน อโภชนํ มธุโคฬกํ อปรามสิตฺวา โภชฺชยาคุ เอว วุตฺตาติ เอวํ อาจริโย.

เอตฺถาห – ยถา ปจฺฉาลทฺธเลเสน เถเรน นิจฺจภตฺตาทิปกฺเขโป กโต, เอวํ กถินกฺขนฺธเก ปรมฺปรโภชนํ ปกฺขิปิตฺวา ‘‘อตฺถตกถินานํ โว, ภิกฺขเว, ฉ กปฺปิสฺสนฺตี’’ติ กิมตฺถํ น วุจฺจนฺติ? วุจฺจเต – ยถาวุตฺตเลสนิทสฺสนตฺถํ. อฺถา อิทํ สิกฺขาปทํ เวสาลิยํ, อนฺธกวินฺเท จาติ อุภยตฺถ อุปฑฺฒุปฑฺเฒน ปฺตฺตํ สิยา. โน เจ, สาปตฺติกา ภิกฺขู สิยุํ, น จ เต สาปตฺติกา อปฺปฏิกฺขิตฺเตปิ เตสํ กุกฺกุจฺจทสฺสนโต. ‘‘เตน หิ, พฺราหฺมณ, ภิกฺขูนํ เทหีติ. ภิกฺขู กุกฺกุจฺจายนฺตา น ปฏิคฺคณฺหนฺตี’’ติ หิ วุตฺตํ. เตสฺหิ ‘‘ปริภุฺชถา’’ติ ภควโต อาณตฺติยา ปริภุตฺตานมฺปิ ‘‘โอทิสฺสกํ นุ โข อิทํ อมฺหาก’’นฺติ วิมติปฺปตฺตานํ วิมติวิโนทนตฺถํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ยาคุฺจ มธุโคฬกฺจา’’ติ วุตฺตํ. เอวมิธาเปเต ปฺตฺตํ ปรมฺปรโภชนสิกฺขาปทํ โอมทฺทิตฺวา ปรมฺปรโภชนํ กถํ ภุฺชิสฺสนฺตีติ. เอตฺถาหุ เกจิ อาจริยา ปรมฺปรโภชนสิกฺขาปเทเนว ‘‘อฺสฺส โภชนํ น กปฺปตี’’ติ ชานนฺตาปิ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ยาคุฺจา’’ติ วิสุํ อนุฺาตตฺตา ‘‘ปฏคฺคิทานมหาวิกฏาทิ วิย กปฺปตี’’ติ สฺาย ภุฺชึสุ. เตน วุตฺตํ ‘‘อปิจ มยํ กาลสฺเสว โภชฺชยาคุยา ธาตา’’ติอาทิ, ตํ อยุตฺตํ ตตฺถ อฏฺุปฺปตฺติมาติกาวิภงฺควิโรเธน อนาปตฺติวาเร นิจฺจภตฺตาทีนํ อสมฺภวปฺปสงฺคโต, ภิกฺขูนํ สาปตฺติกภาวานติกฺกมนโต, มิจฺฉาคาหเหตุปฺปสงฺเคน ภควตา อนุฺาตปฺปสงฺคโต จ. เต หิ ภิกฺขู ยสฺมา ภควา กตฺถจิ วินยวเสน กปฺปิยมฺปิ ‘‘คาถาภิคีตํ เม อโภชเนยฺย’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๑๙๔; สุ. นิ. ๘๑; มิ. ป. ๔.๕.๙) ปฏิกฺขิปติ, ตสฺมา ภควโต อธิปฺปายํ ปติ ‘‘กุกฺกุจฺจายนฺตา น ปฏิคฺคณฺหนฺตี’’ติ วุตฺตํ, สิกฺขาปทํ ปติ ภควาปิ อตฺตโน อธิปฺปายปฺปกาสนตฺถเมว ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ยาคุฺจา’’ติ อาห. ทุรวคฺคาโห หิ ภควโต อธิปฺปาโย. ตถา หิ ภารทฺวาชสฺส ปายาสํ อโภชเนยฺยนฺติ อกตวิฺตฺติปฺปสงฺคโต ปฏิกฺขิปิ. อานนฺทตฺเถเรน วิฺาเปตฺวา สชฺชิตํ เตกฏุลยาคุํ ปน ‘‘ยทปิ, อานนฺท, วิฺตฺตํ, ตทปิ อกปฺปิย’’นฺติ อวตฺวา ‘‘ยทปิ, อานนฺท, อนฺโตวุตฺถ’’นฺติอาทิเมวาห. เตน โน เจ ตํ อนฺโตวุตฺถํ กปฺปตีติ อธิปฺปายทสฺสเนน ปณีตโภชนสูโปทนวิฺตฺติสิกฺขาปทานิ อุปตฺถมฺเภติ ภควโตปิ กปฺปติ, ปเคว อมฺหากนฺติ.

๒๘๔. คิลานสฺเสว ภควตา คุโฬ อนุฺาโตติ ‘‘ยานิ โข ปน ตานิ คิลานานํ ภิกฺขูนํ ปฏิสายนียานี’’ติ (ปารา. ๖๒๒) วจนวเสน วุตฺตํ, เตเนว เต อิธ ปฏิคฺคหเณ กุกฺกุจฺจายึสุ. อิธ ปน ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, คิลานสฺส คุโฬทก’’นฺติ วตฺตพฺเพ คุฬาธิการตฺตา ปุพฺเพ อนุฺาตฺจ วตฺวา อคิลานสฺส คุโฬทกํ อนุฺาตํ, เตน คิลาเนน สติ ปจฺจเย คุโฬ ปริภุฺชิตพฺโพ, คุโฬทกํ อสติ ปจฺจเยปิ วฏฺฏตีติ อิมํ วิเสสํ ทีเปติ. ตตฺถ ‘‘คุโฬทกํ กาลิเกสุ สตฺตาหกาลิกํ, ภควตา โอทิสฺสานุฺาตตฺตา สตฺตาหาติกฺกเมน ทุกฺกฏ’’นฺติ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ, อุทกสมฺภินฺนตฺตา สตฺตาหกาลิกภาวํ ชหติ. ‘‘ยถา อมฺพาทิ อุทกสมฺภินฺนํ ยามกาลิกํ ชาตํ, ตถา สตฺตาหกาลิกํ ชหิตฺวา ตทนนฺตเร ยาวชีวิเก ิต’’นฺติ วทนฺติ, ตํ ยุตฺตํ, ตฺจ ภควตา โอทิสฺสานุฺาตตฺตา ปจฺจเวกฺขณาภาเว โทโส นตฺถิ. ‘‘คุโฬทก’นฺติ วุตฺตตฺตา อุทกคติก’’นฺติ วทนฺติ. ยทิ อุทกมิสฺสํ อุทกคติกํ โหติ, มธุปิ สิยา ตํ ตถา อนุฺาตตฺตา. มา โหตุ, อปฺปฏิคฺคเหตฺวา ปริภุฺชิตพฺพํ สิยา อุทกคติกตฺตา, ตฺจ น โหติ, ‘‘สพฺพตฺถาปิ อุปปริกฺขิตฺวา คเหตพฺพ’’นฺติ อฺตรสฺมึ คณฺิปเท วุตฺตํ.

๒๘๕. สุฺาคารนฺติ จตุตฺถชฺฌานํ.

กปฺปิยภูมิอนุชานนกถาวณฺณนา

๒๙๕. โอรวสทฺทนฺติ มหาสทฺทํ. พหูหิ สมฺปริวาเรตฺวาติ เอตฺถ เอเกนาปิ วฏฺฏติ. ‘‘พหูสุ เอกสฺสปิ วจเนน สห สิยาติ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ. ‘‘อามสิตฺวา’’ติ วุตฺตตฺตา อนามสิเต น วฏฺฏติ. ‘‘โทโส นตฺถี’’ติ วจเนน เสสาปิ อนุฺาตา. ‘‘ภิตฺติฺเจ อุปสนฺเต ปจฺฉา ตํ ปูเรนฺติ, ตตฺถ กาตุํ น วฏฺฏติ, ปกติภูมิยํเยว กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. ตํ อุปริ อฏฺกถายํ ‘‘อิฏฺกาทีหิ กตาจยสฺสา’’ติอาทินา วิรุชฺฌติ วิย. มตฺติกาปิณฺฑํ วาติ เอตฺถ ‘‘อสติยา อนธิฏฺิตาย สริตฏฺานโต ปฏฺาย เจ อุปริ อธิฏฺิตา, เหฏฺา ิตํ ภณฺฑํ อกปฺปิยํ, อุปริฏฺิตเมว กปฺปิยํ, อยเมตฺถ วิเสโส’’ติ วุตฺตํ. เอตฺถ กปฺปิยกุฏิ ลทฺธุํ วฏฺฏตีติ เอวํวิเธ ปุน กาตพฺพาติ อตฺโถ. กปฺปิยกุฏึ กาตุํ เทมาติ เอตฺถ กปฺปิยกุฏิกิจฺจํ กาตุนฺติ อธิปฺปาโย. โภชนสาลา ปน เสนาสนเมว, ตสฺมา ตตฺถ กาตพฺพนฺติ อปเร. ‘‘อกเตปิ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ.

‘‘มุขสนฺนิธิ นาม โภชนกาเล สนฺนิธี’’ติ ลิขิตํ. มุขสนฺนิธีติ ตสฺส นามํ. ‘‘ยทิ สนฺนิธิ โหติ, ปาจิตฺติยํ ภเวยฺย, มุขสนฺนิธิ ปน ทุกฺกฏํ, ตสฺมา สนฺนิธิ อนธิปฺเปตา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ตสฺส สนฺตกํ กตฺวา’’ติ วุตฺตตฺตา อนเปกฺขวิสฺสชฺชนํ นาธิปฺเปตํ. จีวรวิกปฺปเน วิย กปฺปิยมตฺตํ าตพฺพนฺติ เกจิ.

เกณิยชฏิลวตฺถุกถาวณฺณนา

๓๐๐. ‘‘อตฺตนา ปฏิคฺคหิตํ ปุเรภตฺตเมว ปริจฺจชิตฺวา สามเณราทีหิ ปานกํ กตฺวา ทินฺเน ปุเรภตฺตเมว วฏฺฏติ, น ปจฺฉาภตฺตํ สวตฺถุกปฏิคฺคหิตตฺตา’’ติ วทนฺติ, ตตฺถ ปุน ปฏิคฺคหเณ นิทฺโทสตฺตา, ปุเรภตฺตเมว ปฏิคฺคหณสฺส นิสฺสฏฺตฺตา, อตฺตนา จ อคฺคหิตตฺตา โทโส น ทิสฺสติ, อุปปริกฺขิตฺวา คเหตพฺพํ. สาลูกา นาม กนฺทา, ‘‘อิโต กิฺจิตก’’นฺติ โวหรนฺติ. ‘‘ผารุสกนฺติ โคฬวิสเย เอโก รุกฺโข’’ติ จ ลิขิตํ. ‘‘ปกฺกฑากรส’’นฺติ วิเสสิตตฺตา ‘‘อปกฺกํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. กุรุนฺทิวจเนนปิ สิทฺธเมว. ตณฺฑุลโธวโนทกมฺปิ ธฺรโส เอว. ‘‘นิกฺกสโฏ อุจฺฉุรโส สตฺตาหกาลิโก’’ติ ลิขิตํ. สาวิตฺตีติ คายตฺติ. ฉนฺทโสติ เวทสฺส. ‘‘น, ภิกฺขเว, ปพฺพชิเตน อกปฺปิเย สมาทเปตพฺพ’นฺติ วุตฺตตฺตา อนุปสมฺปนฺนสฺสาปิ น เกวลํ ทสสุ เอว สิกฺขาปเทสุ, อถ โข ยํ ภิกฺขุสฺส น กปฺปติ, ตสฺมิมฺปีติ อธิปฺปาโย’’ติ วุตฺตํ.

๓๐๕. ทฺเว ปฏา เทสนาเมเนวาติ จีนปฏฺฏโสมารปฏฺฏานิ. ตีณีติ ปตฺตุณฺเณน สห ตีณิ. อิทฺธิมยิกํ เอหิภิกฺขูนํ นิพฺพตฺตํ. เทวทตฺติยํ อนุรุทฺธตฺเถเรน ลทฺธํ. ‘‘ยามาติกฺกเม สนฺนิธิวเสน สตฺตาหาติกฺกเม เภสชฺชสิกฺขาปทวเสนา’’ติ ลิขิตํ.

เภสชฺชกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. กถินกฺขนฺธกวณฺณนา

กถินานุชานนกถาวณฺณนา

๓๐๖. ‘‘กถินนฺติ ปฺจานิสํเส อนฺโตกรณสมตฺถตาย ถิรนฺติ อตฺโถ’’ติ ลิขิตํ. ‘‘ปฺจ กปฺปนฺตี’’ติ อวตฺวา ‘‘กปฺปิสฺสนฺตี’’ติ อนาคตวจนํ ‘‘โว’’ติ อิมสฺส สามิวจนปกฺเข ยุชฺชติ เตสํ ตสฺมึ ขเณ อนตฺถตกถินตฺตา. ทฺวีสุ ปเนเตสุ อตฺถวิกปฺเปสุ ปจฺฉิโม ยุตฺโต สพฺเพสมฺปิ เตสํ ปาเวยฺยกานํ สพฺพธุตงฺคธรตฺตา. นิมนฺตนํ สาทิยนฺตสฺเสว หิ อนามนฺตจาโร ปฺตฺโต, ตถา คณโภชนํ. อสมาทานจาโร อนธิฏฺิตติจีวรสฺส นตฺถิ อเตจีวริกสฺส ยาวทตฺถจีวรจตุตฺถาทิจีวรคฺคหณสมฺภวโต. อิตรสฺสาปิ อนธิฏฺานมุเขน ลพฺภติ. จีวรุปฺปาโท อปํสุกูลิกสฺเสว. ‘‘กถินตฺถตสีมาย’’นฺติ อุปจารสีมํ สนฺธาย วุตฺตํ. อุปจารสีมฏฺสฺส มตกจีวราทิภาคิยตาย พทฺธสีมาย ตตฺรุปฺปาทาภาวโต วิฺเยฺยเมตํ อุปจารสีมาเวตฺถ อธิปฺเปตาติ. กถินตฺถารํ เก ลภนฺตีติ เก สาเธนฺตีติ อตฺโถ. ปฺจ ชนา สาเธนฺติ. กถินทุสฺสสฺส หิ ทายกา ปจฺฉิมโกฏิยา จตฺตาโร โหนฺติ. เอโก ปฏิคฺคาหโกติ. ‘‘ตตฺร เจ, ภิกฺขเว, ยฺวายํ จตุวคฺโค ภิกฺขุสงฺโฆ เปตฺวา ตีณิ กมฺมานิ อุปสมฺปทํ ปวารณํ อพฺภาน’’นฺติ (มหาว. ๓๘๘) จมฺเปยฺยกฺขนฺธเก วุตฺตตฺตา ‘‘น ปฺจวคฺคกรณีย’’นฺติ คเหตพฺพํ. ‘‘ยสฺส สงฺโฆ กถินทุสฺสํ เทติ, ตํ หตฺถปาเส อกตฺวาปิ พหิสีมาย ิตสฺสปิ ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, ตํ หตฺถปาเส กตฺวา เอว ทาตพฺพํ. กสฺมา? ‘‘ตสฺส กมฺมปฺปตฺตตฺตา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ตตฺรุปฺปาเทน ตณฺฑุลาทินา วตฺเถสุ เจตาปิเตสุ อตฺถตกถินานเมว ตานิ วตฺถานิ ปาปุณนฺติ. วตฺเถหิ ปน ตณฺฑุลาทีสุ เจตาปิเตสุ สพฺเพสํ ตานิ ปาปุณนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ปมปวารณาย ปวาริตา ลภนฺตีติ อิทํ อุกฺกฏฺโกฏิยา วุตฺตํ. อนฺตราเยน อปฺปวาริตานมฺปิ วุตฺถวสฺสานํ กถินตฺถารสมฺภวโต อิตเร คณปูรเก กตฺวา กถินํ อตฺถริตพฺพนฺติ กถํ ปฺายตีติ เจ? ‘‘ทฺวินฺนํ ปุคฺคลานํ อตฺถตํ โหติ กถินํ อตฺถารกสฺส จ อนุโมทกสฺส จา’’ติ (ปริ. ๔๐๓) ปริวาเร เอกวจนกรณโต, ตตฺเถว ‘‘สงฺฆสฺส อตฺถตํ โหติ กถินํ, คณสฺส ปุคฺคลสฺส อตฺถตํ โหติ กถิน’’นฺติ (ปริ. ๔๑๔) วจนโต จ.

อฺสฺมึวิหาเร วุตฺถวสฺสาปิ น ลภนฺตีติ อิทํ กึ เอกสีมสฺมึ, อุทาหุ นานาสีมสฺมินฺติ? กิฺเจตฺถ – ยทิ ตาว เอกสีมสฺมึ, ปรโต ‘‘สเจ ปน เอกสีมาย พหู วิหารา โหนฺติ, สพฺเพ ภิกฺขู สนฺนิปาเตตฺวา เอกตฺถ กถินํ อตฺถริตพฺพํ, วิสุํ วิสุํ อตฺถริตุํ น วฏฺฏตี’’ติ อิมินา อฏฺกถาวจเนน วิรุชฺฌติ. อิทฺหิ วจนํ สพฺเพสํเยว เอโก กถินตฺถาโรติ ทีเปติ. อถ นานาสีมสฺมึ, อุปนนฺทสฺส เอกาธิปฺปายทานานุมติยา วิรุชฺฌติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘เทถ, ภิกฺขเว, โมฆปุริสสฺส เอกาธิปฺปาย’’นฺติ (มหาว. ๓๖๔). อิทฺหิ วจนํ ทฺวีสุปิ อาวาเสสุ ตสฺส กถินตฺถารสิทฺธึ ทีเปตีติ. อวิโรโธว อิจฺฉิตพฺโพ อปฺปฏิสิทฺธตฺตา, ตสฺมา เอกสีมสฺมึ วา นานาสีมสฺมึ วา นานูปจาเร อฺสฺมึ วิหาเร วุตฺถวสฺสาปิ น ลภนฺตีติ อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ. ‘‘ปจฺฉิมิกาย อุปสมฺปนฺโน ปมปวารณาย ปวาเรตุมฺปิ ลภติ, วสฺสิโก จ โหติ อานิสํสฺจ ลภตีติ สามเณรานํ วสฺสูปคมนํ อนุฺาตํ โหติ, สามเณรา กถินานิสํสํ ลภนฺตี’’ติ วทนฺติ.

ติณฺณํ จีวรานํ อฺตรปฺปโหนกนฺติ อิทํ ‘‘น อฺตฺร สงฺฆาฏิยา อุตฺตราสงฺเคน อนฺตรวาสเกน อตฺถตํ โหติ กถิน’’นฺติ อิมาย ปาฬิยา วิรุชฺฌนํ วิย ทิสฺสติ. อยฺหิ ปาฬิ ติณฺณํ จีวรานํ อฺตรวิรเหนาปิ น อตฺถตํ โหติ กถินนฺติ ทีเปตีติ เจ? น, ตทตฺถชานนโต, น ติณฺณํ จีวรานํ อฺตรวิรเหน น อตฺถตํ โหติ กถินนฺติ หิ ทีเปตุกาโม ภควา ตํ ปาฬิมาห. ยทิ เอวํ ‘‘อฺตฺร สงฺฆาฏิยา อุตฺตราสงฺเคน อนฺตรวาสเกนา’’ติ น วตฺตพฺพา สิยาติ เจ? น, อธิปฺปายชานนโตว. โย สงฺฆาฏิยา อตฺถริตุกาโม, ตสฺส อฺตฺร สงฺฆาฏิยา น อตฺถตํ โหติ. เอส นโย อิตรตฺถาปีติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย. เตเนว สุกฺกปกฺเข ‘‘สงฺฆาฏิยา อตฺถตํ โหตี’’ติอาทินา นเยน เอกเมว จีวรํ วุตฺตํ, เอวํ สนฺเต ‘‘จตุวีสติยา อากาเรหิ อนตฺถตํ โหติ กถินํ, สตฺตรสหิ อากาเรหิ อตฺถตํ โหติ กถิน’’นฺติ ยถารหํ อุกฺกฏฺโกฏิยา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ, ตสฺมา กณฺหปกฺเข อุลฺลิขิต…เป… นิสฺสีมฏฺานุโมทนานํ จตุวีสติยา อาการานํ สมฺภวนฺตานํ สพฺเพน สพฺพํ อภาเวนปิ นิมิตฺตกตาทีนํ อสมฺภวนฺตานํ อฺตรภาเวนปิ น อตฺถตํ โหติ กถินนฺติ เอวมธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ. สุกฺกปกฺเขปิ อหตาหตกปฺป…เป… สีมฏฺานุโมทนานํ สตฺตรสนฺนํ อาการานํ สมฺภวนฺตานํ อฺตรภาเวนปิ อิตเรสํ สพฺเพน สพฺพํ อภาเวนปิ อตฺถตํ โหติ กถินนฺติ เอวมธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ. อฺถา อฺมฺวิโรโธ, ยถาสมฺภวํ โยเชตฺวา เวทิตพฺโพ.

ตตฺริทํ มุขมตฺตนิทสฺสนํ – กณฺหปกฺเข ‘‘อุตฺตราสงฺเคน อตฺถเต กถิเน น อฺตฺร สงฺฆาฏิยา น อฺตฺร อนฺตรวาสเกน อตฺถตํ โหติ กถิน’’นฺติ วจนปฺปมาณโต ตํ กถินํ อนตฺถตํ สิยา. สุกฺกปกฺเข จ ‘‘อนิมิตฺตกเตน อตฺถตํ โหติ กถิน’’นฺติ วจนปฺปมาณโต อนิมิตฺตกเตน กถิเน อตฺถเต ตฺเจ ปริกถา กตํ, ตถาปิ อตฺถตเมว กถินํ โหตีติ อยํ ทุวิโธปิ วิโรโธ. ยถาวุตฺตนเยน อธิปฺปาเย คหิเต ปริหาโร โหตีติ เวทิตพฺพํ.

โย อานิสํสํ พหุํ เทตีติ อิมินา ปจฺจยโลลภาวํ วิย ทีเปติ, ตถาปิ ภควตา ยาวทตฺถจีวรปริเยสนปฺาปนมุเขน ทฺวารํ ทินฺนนฺติ กตฺวา สงฺฆานุคฺคหตฺถํ โหติ. ‘‘อกาตุํ น โหตีติ อนาทริเยน อกโรนฺตสฺส ทุกฺกฏ’’นฺติ ลิขิตํ. อนุโมทามาติ เอตฺถ สพฺพสงฺคาหิกวเสน เอวํ วุตฺตํ. ‘‘อนุโมทามี’’ติ เอกเกน วตฺตพฺพํ, อิตรถา ‘‘น วฏฺฏตี’’ติ มหาอฏฺกถายํ กิร วุตฺตํ. กถินจีวรํ อธิฏฺหิตฺวา ‘‘อิมาย สงฺฆาฏิยา กถินํ อตฺถรามี’’ติ วาจาย ภินฺนมตฺตาย ปุคฺคลสฺส อตฺถตํ โหติ. ‘‘กมฺมวาจา ปน เอกาเยว วฏฺฏตีติ กถินทุสฺสสฺส เอว กมฺมวาจา, เสสจีวรทาเน อปโลกนเมวาติ อตฺโถ’’ติ ลิขิตํ. เอกสีมายาติ เอกอุปจารสีมายาติ อตฺโถ ยุชฺชติ. เกจิ ปน ‘‘พทฺธสีมา อธิปฺเปตา เอกสีมาย เอกฏฺาเน อตฺถริเต สพฺพตฺถ อตฺถริตํ โหติ ‘สพฺเพ ภิกฺขู สนฺนิปติตฺวา’ติ วุตฺตตฺตา, เตหิปิ อนุโมทนฺเตหิ อตฺถริตเมว โหติ, อุปจารปริจฺฉินฺเน ตตฺถ ตตฺถ ลทฺธํ เตหิ เตหิ ลทฺธพฺพํ โหติ. ตตฺถ ปวิฏฺเหิปิ ลภิตพฺพํ สพฺเพหิปิ อตฺถริตตฺตา, อยํ วิเสโส. มหาอฏฺกถายมฺปิ เอวเมว วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, วีมํสิตพฺพํ.

๓๐๘. จตุวีสติ อาการวนฺตตาย มหาภูมิกํ. ‘‘ทีฆสิพฺพิตนฺติ ปจฺฉากตสิพฺพนํ, โอวฏฺฏิตฺวา สิพฺพนํ วา’’ติ ลิขิตํ. กณฺฑุสํ นาม ปุพฺพพนฺธนํ. ปมจิมิลิกา ฆเฏตฺวา ปิตา โหตีติ กถินทุสฺสํ ทุพฺพลํ ทิสฺวา ตํ พลวตา อตฺตโน ปกติทุสฺเสน สทฺธึ ฆเฏตฺวา ทุปฏฺฏํ กตฺวา สิพฺพิตุกาเมหิ กถินทุสฺสโต ปกติทุสฺสสฺส มหนฺตตาย ปมํ ตปฺปมาณานุรูปํ พนฺธกณฺฑุเส ฆเฏตฺวา รชฺชุเกหิ พนฺธิตฺวา กตํ โหตีติ อธิปฺปาโย. กถินจีวรสฺส อปฺปตาย ปมํ พทฺธทุสฺสํ กุจฺฉิจิมิลิกา โหติ, มหาปจฺจริยํ, กุรุนฺทิยฺจ วุตฺตวจนนิทสฺสนํ, พฺยฺชเน เอว เภโท, อตฺเถ นตฺถีติ ทสฺสนตฺถํ กตนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘อิมินา กึ ทีเปตีติ เจ? ตถากตํ ทุปฏฺฏจีวรํ ปกติจีวรสฺส มหนฺตตาย ปกติจีวรสงฺขฺยเมว คจฺฉติ, น กถินจีวรสงฺขฺยนฺติ กสฺสจิ สิยา, เนวํ ทฏฺพฺพํ. เอวํ กุจฺฉิจิมิลิกภาเวน ิตมฺปิ กถินจีวรํ. มหนฺตมฺปิ ตํ ปกติจีวรํ อตฺตโน กถินจีวรเมวาติ. เหฏฺิมโกฏิยา ปฺจกสฺส อิจฺฉิตพฺพตฺตา กถินทุสฺสํ ขณฺฑาขณฺฑํ พหุธา ฉินฺทิตฺวา สิพฺพิตุกาโม กถินจีวรโต ปฏฺฏํ คเหตฺวา อฺสฺมึ อกถินจีวเร ปฏฺฏมาโรเปตี’’ติ ลิขิตํ. อถ วา พหูนิ กถินทุสฺสานิ ปํสุกูลานิ ขุทฺทกขุทฺทกานิ เอกจีวรตฺถาย, มหนฺตานิ จ อูนตฺถาย ทินฺนานิ โหนฺติ. กถินจีวรโตติ ภิกฺขุ เอกจฺจโต กถินจีวรโต ปฏฺฏํ คเหตฺวา อฺสฺมึ อาโรเปติ. เอตฺถาห – กึ ปํสุกูลานิ กถินทุสฺสานิ วิกปฺปนุปคปจฺฉิมานิ ทาตพฺพานิ, อุทาหุ ขุทฺทกานิปีติ? เอตฺถ อจีวรสงฺขฺยตฺตา ขุทฺทกานิ ทาตุํ น วฏฺฏติ. กมฺมวาจา ตตฺถ น รุหตีติ เอเก. ‘‘ปํสุกูเลน อตฺถตํ โหตี’’ติ ปาฬิยํ นยทานโต กุจฺฉิจิมิลิกภาเวน ิตสฺส กถินทุสฺสสฺส อตฺตโน สภาเวน อนธิฏฺานุปคสฺส ปุราณจีวรภาเวเนว อธิฏฺานารหสฺสปิ กถินจีวรภาวานุมติมุเขน อฏฺกถายํ ปทานโต จ ขุทฺทกานิปิ ทาตุํ วฏฺฏติ. ตฺหิ กถินตฺถารโก ฆเฏตฺวา กถินจีวรํ กริสฺสตีติ กตฺวา กปฺปตีติ เอเก, ยุตฺตตรํ คเหตพฺพํ.

นิจยสนฺนิธิ สงฺฆายตฺตา สงฺเฆน กตตฺตา. รตฺตาติกฺกนฺตํ นิสฺสชฺชิตพฺพตฺตา ‘‘นิสฺสคฺคิย’’นฺติ วุจฺจติ. ปฺจ ขณฺฑานิ ปฏฺฏานิ ปมาณํ อสฺสาติ ปฺจกํ. เตน วา อติริตฺเตน วาติ อตฺโถ. ตทเหว สฺฉินฺเนนาติ สงฺเฆน กถินตฺถารกสฺส กมฺมวาจํ วตฺวา ทินฺเนเนว ตทเหว สฺฉินฺเนน สมณฺฑลิกเตน ภวิตพฺพํ. เอวํ ทินฺนํเยว หิ ปริวาเร ‘‘ปุพฺพกรณํ สตฺตหิ ธมฺเมหิ สงฺคหิต’’นฺติ วุตฺตํ, น ทายเกน ทิยฺยมานํ, ตสฺมา ปรินิฏฺิตปุพฺพกรณเมว เจ ทายโก สงฺฆสฺส เทติ, สมฺปฏิจฺฉิตฺวา กมฺมวาจาย ทาตพฺพํ. เตน จ ตสฺมึเยว สีมามณฺฑเล อธิฏฺหิตฺวา อตฺถริตฺวา สงฺโฆ อนุโมทาเปตพฺโพ กตปุพฺพกรณสฺส ปุน กตฺตพฺพาภาวโต. อตฺถารกสฺส หตฺถคตเมว หิ สนฺธาย ‘‘น อุลฺลิขิตมตฺเตนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปรินิฏฺิตปุพฺพกรณมฺปิ ปุน โธวิตฺวา วิสิพฺพิตฺวา กาตพฺพเมว วจนปมาณโตติ เจ? น, ฉินฺนสฺส ปุน เฉทาสมฺภวโต. อฺสฺมึ าเน ฉินฺทิตพฺพเมวาติ เจ? น, ปพฺพชฺชาธิกาเร ‘‘เกสมสฺสุํ โอหาราเปตฺวา’’ติ วจนปฺปมาณโต มุณฺฑิกสฺส ฉินฺเนปิ เกเส ปริเยสิตฺวา สิรสฺมึ เปตฺวา ปุน โอหาราเปตฺวา ปพฺพาเชตพฺพปฺปสงฺคโต, น อิธ น-กาเรน ปฏิสิทฺธตฺตาติ เจ? น, ‘‘น อฺตฺร สงฺฆาฏิยา’’ติ น-กาเรน ปฏิสิทฺธตฺตา อุตฺตราสงฺเคน อตฺถเต อนตฺถตํ โหตีติ อนิฏฺปฺปสงฺคโต, ตสฺมา อภินิเวโส น กาตพฺโพ. ‘‘พหิอุปจารสีมาย ิโต’’ติ วุตฺตตฺตาปิ ปุพฺเพ วุตฺตวินิจฺฉโยว คเหตพฺโพ.

๓๐๙. อสนฺนิธิกเตน อตฺถตํ โหติ กถินนฺติ เอตฺถ กึ กถินตฺถารมาเสเยว ทุวิโธปิ สนฺนิธิ อธิปฺเปโต, อุทาหุ ตโต ปุพฺเพปิ, ทายเกน วา กทา ทาตพฺพํ, กึ กถินตฺถารมาเสเยว, อุทาหุ ตโต ปุพฺเพปิ, กถินตฺถารมาเสปิ อสุกสฺมึ ทิวเสเยว อตฺถารตฺถาย ทมฺมีติ ทาตุํ วฏฺฏติ น วฏฺฏตีติ อิทํ วิจาเรตพฺพํ. กถินตฺถารมาเส เอว ทุวิโธปิ สนฺนิธิ. ทายเกนาปิ วสฺสาวาสิกํ วิย กถินจีวรํ อุทฺทิสฺส ทินฺนํ น วฏฺฏติ. กสฺมา? ‘‘กถินทายกสฺส วตฺตํ อตฺถี’’ติอาทินา (มหาว. อฏฺ. ๓๐๖) นเยน อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา. อุกฺกฏฺมตฺตเมตนฺติ เจ? น, ‘‘กถินํ นาม อติอุกฺกฏฺํ วฏฺฏตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๐๘) วุตฺตตฺตา. น อาคมนํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เจ? น, อิทมฺปิ อาคมนเมว สนฺธาย วุตฺตํ, ปุพฺเพ ทินฺนํ น วฏฺฏตีติ.

๓๑๐. กถินสฺสาติ กถินตฺถารสฺส. อุพฺภารายาติ วูปสมาย, อปฺปวตฺติยาติ อตฺโถ. กิมตฺถิยํ อุพฺภารนิทสฺสนนฺติ เจ? ปฺจหิ อนาปตฺติกาลปริยนฺตทสฺสเนน เตสุ สํวรุปฺปาทนตฺถํ. อฺถา ‘‘จีวรกาลสมโย นาม อนตฺถเต กถิเน วสฺสานสฺส ปจฺฉิโม มาโส, อตฺถเต กถิเน ปฺจ มาสา’’ติ (ปารา. ๖๔๙) วิภงฺเค วุตฺตตฺตา อนฺตราปกฺกมนนฺติกาทิอุพฺภาราภาเวปิ ปฺจหิ ปฺจสุ มาเสสุ อนาปตฺติเยวาติ มิจฺฉาคาโห สิยา . ตโต อาปตฺติเขตฺเต อนาปตฺติเขตฺตสฺาย ตํ ตํ อาปตฺตึ อาปชฺชติ, อิตเรสฺจ ภิกฺขูนํ ลาภนฺตรายํ กโรตีติ เวทิตพฺพํ.

อาทายสตฺตกกถาวณฺณนา

๓๑๑. สนฺนิฏฺานนฺติเก ทฺเวปิ ปลิโพธา เอกโต ฉิชฺชนฺตีติ อิธ, ปริวารฏฺกถายฺจ วุตฺตํ อิมิสฺสา ขนฺธกปาฬิยา สเมติ เอกโต อุภินฺนมฺปิ ธุรนิกฺเขปสฺส กตตฺตา. ‘‘อิทํ พหิสีมายเมว วุตฺตํ สนฺนิฏฺานนฺติกํ สนฺธาย วุตฺตํ. ยํ ปน วุตฺตํ ปริวาเร ‘จตฺตาโร กถินุทฺธารา สิยา อนฺโตสีมาย อุทฺธริยฺยนฺติ, สิยา พหิสีมาย อุทฺธริยฺยนฺติ, นิฏฺานนฺติโก สนฺนิฏฺานนฺติโก นาสนนฺติโก อาสาวจฺเฉทิโก’ติ (ปริ. ๔๑๖). ตตฺถ พหิสีมาย สนฺนิฏฺานนฺติโก อุทฺธริยฺยตีติ อิธ ทสฺสิตนโยว. กถํ อนฺโตสีมาย สนฺนิฏฺานนฺติโก? อกตจีวรมาทาย ‘น ปจฺเจสฺส’นฺติ คโต, คตคตฏฺาเน ผาสุวิหารํ อลภนฺโต ตเมว วิหารํ อาคจฺฉติ, ตสฺส จีวรปลิโพโธ ิโต. โส จ ‘เนวิมํ จีวรํ กาเรสฺส’นฺติ จิตฺเต อุปฺปนฺนมตฺเต ฉิชฺชติ, ตสฺมา อนฺโตสีมาย อุทฺธริยฺยติ, ตสฺมา ทุวิโธ สนฺนิฏฺานนฺติโก’’ติ โปราณคณฺิปเท ลิขิตํ, ตํ ยุตฺตํ, อฺถา อนฺโตสีมาย ‘‘เนวิมํ จีวรํ กาเรสฺส’’นฺติ ปวตฺตอุพฺภาโร อิตเรสุ สโมธานํ น คจฺฉตีติ อติริตฺโต สิยา. สีมาติกฺกนฺติโกติ จีวรกาลสีมาติกฺกนฺติโก. สอุพฺภาเร จีวรปลิโพโธ ปมํ ฉิชฺชนฺโต วิย ขายติ, อถ โข สาเปกฺขตาย จีวรกรเณ สอุสฺสาโหว โหตีติ เลสํ สนฺธาย ปริวารวเสน ‘‘ทฺเว ปลิโพธา อปุพฺพํ อจริมํ ฉิชฺชนฺตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๑๑) วุตฺตํ. ‘‘กตจีวโร’’ติ วุตฺตตฺตา อิธ น สมฺภวติ.

๓๑๖. สพฺพํ อตฺตโน ปริกฺขารํ อนวเสเสตฺวา ปกฺกมนฺโต ‘‘สมาทาย ปกฺกมตี’’ติ วุจฺจติ. ‘‘กถินุทฺธาเร วิเสโส นตฺถิ. ปุคฺคลาธิปฺปายวิเสเสน เกวลํ วารทสฺสนตฺถํ สมาทายวารา วุตฺตา’’ติ สพฺเพสุ คณฺิปเทสุ ลิขิตํ. อิธ ปน ปุคฺคลาธิปฺปาเยน ปโยชนํ วีมํสิตพฺพํ. ปกฺกมนนฺติกสฺส อภาวา ‘‘ยถาสมฺภว’’นฺติ วุตฺตํ. วิปฺปกเตปิ ธุรนิกฺเขปวเสน ปกฺกมนนฺติกตา สมฺภวติ, ตสฺมา ปกฺกมนนฺติกวาโรปิ วตฺตพฺโพติ เจ? น, สนฺนิฏฺานนฺติกลกฺขณปฺปสงฺคโต. อกตจีวรสฺส น สวนนฺติกตา จ.

ตตฺรายํ อาทิโต ปฏฺาย วารวิภาวนา – อาทายวารา สตฺต, ตถา สมาทายวาราติ ทฺเว สตฺตกวารา. ตโต ปกฺกมนนฺติกํ วชฺเชตฺวา วิปฺปกตจีวรสฺส อาทายวารา, สมาทายวารา จาติ ทฺเว ฉกฺกวารา. ตโต ปรํ นิฏฺานสนฺนิฏฺานนาสนนฺติกานํ วเสน ตีณิ ติกานิ ทสฺสิตานิ, ตตฺถ ปมตฺติกํ อนฺโตสีมาย ‘‘น ปจฺเจสฺส’’นฺติ อิมํ วิธึ อนามสิตฺวา พหิสีมายํ เอว ‘‘น ปจฺเจสฺส’’นฺติ ปวตฺตํ, ตสฺมา ปกฺกมนนฺติกสีมาติกฺกนฺติกสอุพฺภารา ตตฺถ น ยุชฺชนฺติ. ‘‘อาสาวจฺเฉทิโก สมฺภวนฺโตปิ ยถาวุตฺตการเณน น วุตฺโต. ทุติยตฺติกํ อนฺโตสีมาย ‘น ปจฺเจสฺส’นฺติ ปวตฺตํ, เอตฺถ กิฺจาปิ ปกฺกมนนฺติโก สมฺภวติ, ตถาปิ เยหิ จีวรปลิโพโธ ฉิชฺชติ, เตสํเยวาธิปฺเปตตฺตา น วุตฺโต’’ติ โปราณคณฺิปเท วุตฺตํ. สพฺพสฺมิมฺปิ ปนฺนรสเก วิปฺปกตจีวรสฺเสวาธิปฺเปตตฺตาติ ตกฺโก. อธิฏฺานุปเค จ วิปฺปกเต สติ น นิฏฺานนฺติโก. นิฏฺานาวเสเส สติ น นาสนนฺติโกติ โปราณา. ตติยตฺติกํ อนธิฏฺิต-ปเทน วิเสเสตฺวา ปวตฺตํ, อตฺถโต ปมตฺติเกน สเมติ. ตสฺส อตฺถทสฺสนปโยชนํ กิร ตํ. ยสฺมา อิเม ตโย อตฺถวิกปฺปา อิเมหิ เอว ตีหิ กถินุทฺธาเรหิ สกฺกา ทสฺเสตุํ, ตสฺมา อิเมว โยชิตา เอกสมฺพนฺธวเสน, อฺถา ปมตฺติกํ ฉกฺกํ ภเวยฺย อิมสฺส ปนฺนรสกสฺส อนฺเต ฉกฺกํ วิย. ตติยตฺติกานนฺตรํ จตุตฺถตฺติกํ สมฺภวนฺตํ ‘‘อนฺโตสีมายํ ‘ปจฺเจสฺส’’นฺติ วจนวิเสเสน สมฺภวติ. ตถา จ โยชิยมานํ อิตเรหิ สวนนฺติกาทีหิ อวิรุทฺธกฺกมํ โหติ, ตสฺมา จตุตฺถตฺติกํ อหุตฺวา ฉกฺกํ ชาตนฺติ เวทิตพฺพํ. เอวํ ตีณิ ติกานิ เอกํ ฉกฺกฺจาติ ปมํ ปนฺนรสกํ เวทิตพฺพํ. อิทานิ อิทเมว ปนฺนรสกํ อุปสคฺควิเสเสน ทุติยํ สมาทายปนฺนรสกํ นาม กตํ. ปุน วิปฺปกตจีวรํ อาทายาติ ตติยํ ปนฺนรสกํ, สมาทายาติ จตุตฺถํ ปนฺนรสกํ ทสฺสิตํ. เอวํ จตฺตาริ ปนฺนรสกานิ เวทิตพฺพานิ . ตตฺถ ปมทุติเยสุ ปนฺนรสเกสุ สพฺเพน สพฺพํ อกตจีวรํ อธิปฺเปตํ, อิตเรสุ ทฺวีสุ วิปฺปกตนฺติ โยเชตพฺพํ. ‘‘ปุพฺเพ นิพทฺธฏฺาเน จีวราสาย คเหตพฺพํ, อฺตฺถ น วฏฺฏติ. อุปจฺฉินฺนาย เจ จีวราสาย จีวรํ อุปฺปนฺนํ, น ตํ จีวรปลิโพธํ กโรตี’’ติ โปราณคณฺิปเท วุตฺตํ. นิสฺสคฺคิเยสุ ตติยกถิเน อาคตจีวรปจฺจาสา อิธ จีวราสาติ ตกฺโก. ยตฺถ จีวราสา, ตํ านํ อธิกรณูปจาเรน ‘‘จีวราสา’’ตฺเวว วุจฺจตีติ กตฺวา ‘‘ตํ จีวราสํ ปยิรุปาสตี’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตสฺมา อนาสาย ลภตีติ อนาสายิตฏฺาเน ลภตีติอาทินา อตฺโถ คเหตพฺโพ. เอตฺถ นิฏฺานสนฺนิฏฺานนาสนอาสาวจฺเฉทิกวเสน เอโก วาโรติ อิทเมกํ จตุกฺกํ ชาตํ, ตสฺมา ปุพฺเพ วุตฺตานิ ตีณิ ติกานิ อาสาวจฺเฉทิกาธิกานิ ตีณิ จตุกฺกานีติ เอกํ อนาสายทฺวาทสกนฺติ เวทิตพฺพํ. ตทนนฺตเร อาสายทฺวาทสเก กิฺจาปิ ปมทฺวาทสกฺกโม ลพฺภติ, ตถาปิ ตํ นิพฺพิเสสนฺติ ตเมกํ ทฺวาทสกํ อวุตฺตสิทฺธํ กตฺวา วิเสสโต ทสฺเสตุํ อาทิโต ปฏฺาย ‘‘อนฺโตสีมาย ปจฺเจสฺส’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ ทุติยจตุกฺเก ‘‘โส พหิสีมคโต สุณาตี’’ติอาทิวจนสฺส ตติยจตุกฺเก สวนนฺติกาทีนฺจ โอกาสกรณตฺถนฺติ เวทิตพฺพํ. อิทํ ปน ทฺวาทสกํ อนาสาย วเสน ลพฺภมานมฺปิ อิมินา อวุตฺตสิทฺธํ กตฺวา น ทสฺสิตนฺติ เวทิตพฺพํ. เอวเมตฺถ ทฺเว ทฺวาทสกานิ อุทฺธริตานิ. กรณียทฺวาทสเกปิ ยถาทสฺสิตอนาสายทฺวาทสกํ, อวุตฺตสิทฺธํ อาสายทฺวาทสกฺจาติ ทฺเว ทฺวาทสกานิ อุทฺธริตพฺพานิ. อิทานิ ทิสํคมิกนวกํ โหติ. ตตฺถ ยสฺมา ‘‘ทิสํคมิโก ปกฺกมตี’’ติ วจเนเนว ‘‘น ปจฺเจสฺส’’นฺติ อิทํ อวุตฺตสิทฺธเมว, ตสฺมา ตํ น วุตฺตํ. เอตฺตาวตา อาวาสปลิโพธาภาโว ทสฺสิโต.

๓๒๑. ‘‘จีวรปฏิวีสํ อปวิลายมาโน’’ติ อิมินา จีวรปลิโพธสมงฺคิตมสฺส ทสฺเสติ. ปฏิวีโสติ อตฺตโน ปตฺตพฺโพ จีวรภาโค. อปวิลายมาโนติ อากงฺขมาโน. ตสฺส จีวรลาเภ สติ วสฺสํวุตฺถาวาเส นิฏฺานสนฺนิฏฺานนาสนนฺติกานํ วเสน เอกํ ติกํ, เตสํเยว วเสน อนฺตรามคฺเค เอกํ, คตฏฺาเน เอกนฺติ ติณฺณํ ติกานํ วเสน เอกํ นวกํ เวทิตพฺพํ. ตโต ปรํ นิฏฺานสนฺนิฏฺานนาสนนฺติ กสีมาติกฺกนฺติกสอุพฺภารานํ วเสน ผาสุวิหารปฺจกํ วุตฺตํ. อุภยตฺถ เสสกถินุทฺธาราสมฺภโว ปากโฏว. อยํ ปเนตฺถ ปฺจเก วิเสโส – สมาทายวาโร น สมฺภวติ ‘‘ปจฺเจสฺส’’นฺติ ปจฺจาคมนาธิปฺปายโต.

๓๒๕. ทฺเวเม ภิกฺขเว กถินสฺส ปลิโพธาติ กถินตฺถารสฺส อนุปพนฺธนปจฺจยาติ.

กถินกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. จีวรกฺขนฺธกวณฺณนา

ชีวกวตฺถุกถาวณฺณนา

๓๒๖. ราชคหโกติ ราชคหวาสี.

๓๒๘. อโมหชาติกตฺตา น จิรสฺเสว วิฺุตํ ปาปุณิ. อหํ เต ปิตา, เกนฏฺเน? ยสฺมา ตฺวํ มยา โปสาปิโต.

๓๒๙. ‘‘สกฺเก วิสฺสฏฺมตฺเต’’ติ ปาโ, อฏฺมสิกฺขาปเท วิสฺสฏฺมตฺโตว.

ปชฺโชตราชวตฺถุกถาวณฺณนา

๓๓๔. ภุฺชิตุํ นิสินฺนสฺสาติ เอตฺถ ‘‘ธมฺมปเท ‘พหินคเร ทิสฺวา’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา ทฺวีสุ ทิวเสสุ ทินฺนํ เตน เตสุ เอเกกํ คเหตฺวา ทฺวีสุ อฏฺกถาสุ วุตฺตนฺติ ยุชฺชตี’’ติ วทนฺติ.

สมตฺตึสวิเรจนกถาวณฺณนา

๓๓๖. กพเฬ กพเฬติ เอตฺถ กิฺจาปิ คุฬาทีสุ ปกฺขิตฺตํ, ตํ ปน ภควาว ปริภุฺชิ, ตสฺมา นตฺถิ โทโส.

วรยาจนกถาวณฺณนา

๓๓๗. มหาปิฏฺิยโกชวํ นาม อติเรกจตุรงฺคุลปุปฺผํ กิร.

กมฺพลานุชานนาทิกถาวณฺณนา

๓๔๐. อุปจาเรติ สุสานสฺส อุปจาเร. พหิปิ วฏฺฏตีติ เอเก. กติกกรณํ ทสฺเสตฺวา ‘‘มยฺหํ สนฺตกํ ตว จ มม จ โหตูติ วตฺวา อิตเรน จ ตถาวุตฺเต วฏฺฏตี’’ติ สมานปริกฺขารวิธึ วทนฺติ.

๓๔๒. ‘‘ขณฺฑสีมายปิ สมฺมนฺนิตุํ วฏฺฏตีติ วุตฺตตฺตา เสสกมฺมานิปิ ตตฺถ นิสีทิตฺวา กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘เอวํ สนฺเต โจริกาย กตสทิสํ โหติ , ตสฺมา น วฏฺฏตี’’ติ ทีปวาสิโน วทนฺติ กิร. ‘‘โจริกาย คหิตตฺตา น ปาปุณาตีติ เสนาสนกฺขนฺธเก อาคตสุตฺตฺจ สาธก’’นฺติ วทนฺติ, ตสฺมา เตสํ มเตน อิทํ อาเวณิกลกฺขณนฺติ เวทิตพฺพํ.

ภณฺฑาคารสมฺมุติอาทิกถาวณฺณนา

๓๔๓. ‘‘อิทํ ปน ภณฺฑาคารนฺติ อาเวณิกลกฺขณ’’นฺติ วุตฺตํ.

จีวรรชนกถาวณฺณนา

๓๔๔. โคมเย อาปตฺติ นตฺถิ, วิรูปตฺตาวาริตํ. ‘‘กุงฺกุมปุปฺผํ น วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘อลฺลิกายา’’ติปิ ปาโ อตฺถิ.

นิสีทนาทิอนุชานนกถาวณฺณนา

๓๕๓. อฏฺานเมตนฺติ เอตฺถ รูปกณฺเฑ ‘‘จตุสมุฏฺานิก’’นฺติ วุตฺตตฺตา กมฺมสมุฏฺานํ ราคจิตฺตาภาวา น มุจฺจตีติ วา ราคปจฺจเย สติ กมฺมสมุฏฺานํ โหตีติ วา วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ กถาวตฺถุนา จ.

๓๖๒. อคฺคฬคุตฺติเยว ปมาณนฺติ อิเมหิ จตูหิ นิกฺเขปการเณหิ เปนฺเตน อคฺคฬคุตฺติวิหาเรเยว เปตุํ วฏฺฏตีติ อธิปฺปาโย.

สงฺฆิกจีวรุปฺปาทกถาวณฺณนา

๓๖๓. โน เจ อตฺถตํ โหติ ‘‘เอกํ จีวรมาส’’นฺติ น วตฺตพฺพํ. กสฺมา? ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตสฺเสว ตานิ จีวรานิ ยาว จีวรมาสา’’ติ วจนสฺส อภาวโต, ตสฺมา อนตฺถตกถินสฺส อนนุฺาตนฺติ เจ? น, เหฏฺา อนุฺาตตฺตา, ตโต ลีนตฺถทีปนตฺถมิธ ตถา วุตฺตตฺตา จ. เหฏฺา หิ ‘‘อกาลจีวรํ นาม อนตฺถเต กถิเน เอกาทสมาเส อุปฺปนฺนํ, อตฺถเต กถิเน สตฺตมาเส อุปฺปนฺนํ, กาเลปิ อาทิสฺส ทินฺนํ, เอตํ อกาลจีวรํ นามา’’ติ (ปารา. ๕๐๐) วจนโต อนตฺถตกถินานํ เอกจีวรมาเส อุปฺปนฺนํ, เตสํเยว โหตีติ สิทฺธํ, ตสฺมา อิธ ตํ อวตฺวา เอโกปิ ตโย คณปูรเก ลภิตฺวา กถินํ อตฺถริตุํ ลภตีติ อิมํ ลีนตฺถํ ปกาเสตุํ ‘‘ยาว กถินสฺส อุพฺภารายา’’ติ วุตฺตํ. อิตรถา อยมตฺโถ น ายติ. ‘‘ชานิตพฺโพจ วินยธเรหีติ ตถา วุตฺโตติ อปเร’’ติ วุตฺตํ. อตฺถตํ โหติ, ปฺจ มาเส สพฺพํ ตสฺเสว ภิกฺขุโน โหตีติ สมฺพนฺโธ. อจฺจนฺตสํโยควเสน อุปโยควจนํ. ‘‘อิธ วสฺสํวุตฺถสงฺฆสฺสา’’ติ นิยมิตตฺตา ‘‘วสฺสาวาสิกํ เทมา’’ติ เอตฺถ จ ‘‘อิธา’’ติ อธิการตฺตา ตสฺมึ วุตฺเต ลภติ. ‘‘ปิฏฺิสมเย อุปฺปนฺนตฺตาติ จีวรกาลสฺสาสนฺนตฺตา จ อนตฺถตกถินานมฺปิ วุตฺถวสฺสานฺจ อนุฺาตฏฺานตฺตา เอว วุตฺต’’นฺติ อฺตรสฺมึ คณฺิปเท ลิขิตํ. เกจิ ปน ‘‘ยํ ปน อิทํ ‘อิธ วสฺสํวุตฺถสงฺฆสฺสา’ติอาทึ กตฺวา ยาว ‘อนาคตวสฺเส’ติ ปทํ, ตาว ปุจฺฉิตฺวา ‘กสฺมา? ปิฏฺิสมเย อุปฺปนฺนตฺตา’ติ อิทํ ปรโต ‘ตตฺร สมฺมุขีภูตานํ สพฺเพสํ ปาปุณาตี’ติ อิมสฺส ปริโยสาเน ‘กสฺมา? ปิฏฺิสมเย อุปฺปนฺนตฺตา’ติ ลิขิตพฺพํ. กสฺมาติ เจ? ปรโต ‘จีวรมาสโต ปฏฺาย ยาว เหมนฺตสฺสา’ติ วุตฺเตน นิพฺพิเสสตฺตา, ตสฺมา เอว เอกจฺเจสุ ปณฺฑิตนฺติ วทนฺตี’’ติ วทนฺติ. อิธ ปน อิธ-สทฺเทน วิเสสิตํ, ตตฺถ นตฺถิ, ตสฺมา อฺมฺวิโรโธ นตฺถีติ คเหตพฺพํ. ‘‘มยฺหิมานิ จีวรานิ ปาปุณนฺตี’’ติ วจนเมวาธิฏฺานํ, อิทเมตฺถ อุกฺกฏฺวเสน วุตฺตํ. ‘‘มยฺหิมานิ จีวรานี’ติ วุตฺเตปิ อธิฏฺิตเมว โหตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘มยฺหิมานี’ติ วุตฺเต ตสฺส จีวรานิ นาม นตฺถิ, ตสฺมา ‘จีวรานิ ปาปุณนฺตี’ติ วตฺตพฺพเมวา’’ติ วทนฺติ. ทุคฺคหิตานีติ สงฺฆิกาเนว โหนฺติ. ‘‘คหิตเมว นามา’ติ อิมสฺส อิทํ ปตฺตนฺติ กิฺจาปิ น วิทิตํ, เต ปน ภาคา เตสํ อตฺถโต ปตฺตาเยวาติ อธิปฺปาโย’’ติ ลิขิตํ. ‘‘เอกสฺมึ อปติเต ปุน อาคตา ลภนฺตี’’ติ วุตฺตํ.

อุปนนฺทสกฺยปุตฺตวตฺถุกถาวณฺณนา

๓๖๔. ‘‘น, ภิกฺขเว, อฺตฺร วสฺสํวุตฺเถนา’’ติ จีวรสมยํ อุปาทาย ปฏิกฺเขโป กโต .เอกสฺมึ วิหาเร ‘‘ราชวิหาเร วิย นานาปริเวเณสุ วา อิธ วา วุตฺถา ลภตู’’ติ วตฺวา ทินฺนํ. ‘‘สตฺตาหวาเรน อรุณเมว อุฏฺาเปตีติ เอตํ วจนมตฺตเมว เอกวิหาเร สตฺตาหกิจฺจาภาวา’’ติ จ ลิขิตํ.

มตสนฺตกกถาวณฺณนา

๓๖๙. ภิกฺขุสฺสาติ ภิกฺขุสฺมึ กาลํกเต. ตตฺถ ‘‘ปตฺตจีวเร’’ติ ปธานปริกฺขารทสฺสนมุเขน สพฺพปริกฺขารนิทสฺสนนฺติ เวทิตพฺพํ. อธมฺเมน อุปฺปนฺนฺเจตํ โหติ, สงฺฆสฺส กปฺปิยเมว มตตฺตาติ เอเก. โนติ ตกฺโก ปตฺตจตุกฺเก สพฺพถา อกปฺปิยปตฺตนยวิโรธโต. อธมฺเมน อุปฺปนฺนเสนาสเน จ วสโต อนาปตฺติ. อฺตรสฺมึ อาวาเส ทฺเว ภิกฺขู วสนฺติ, ตตฺถ เจโก กาลํกโต, อิตโร ตสฺส ปริกฺขารํ อปาเปตฺวา ตํ เถยฺยจิตฺเตน คณฺหาติ, สงฺฆสนฺตกํ คหิตํ โหติ, ภณฺฑคฺเฆน กาเรตพฺโพ. อนาวาเส คณฺหาติ, น กาเรตพฺโพ อสฺสามิกสฺส คหิตตฺตา. มรณสมเย วตฺตุํ อสหนฺโต เจ จิตฺเตเนว เทติ, ปุฺํ ปสวติ, สงฺโฆว ตสฺส สามี. ปโร วา อวิสฺสาสิโก สยเมว คณฺหาติ, คหณํ น รุหติ, เถยฺยจิตฺเตน เจ, ภณฺฑคฺเฆน กาเรตพฺโพ. ตสฺส จ อาวาสคตสฺส โก สามี. ‘‘สงฺโฆ สามี’’ติ วจนโต สงฺเฆน พลกฺกาเรน โส วาเรตพฺโพติ เอเก. ชีวมานกาเล คหิตตฺตา น สงฺโฆ สามีติ เอเก. สามิโก เจ สยํ ปสฺสิตฺวา อจฺฉินฺทิตุํ ลภติ, สงฺโฆปิ ลภติ สามิาเน ิตตฺตาติ อิตเร, วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ.

มตกสฺส หิรฺาทิอกปฺปิยภณฺฑํ โหติ. อุคฺคหิตฺเจตํ โหติ, อุคฺคหิเต วุตฺตนเยน ปฏิปชฺชิตพฺพํ. ธมฺเมน อุปฺปนฺนํ เจ, กปฺปิยการโก อาจิกฺขิตพฺโพ. ทาโส เจ คหิโต โหติ, น สงฺโฆ สามี, อารามิโก เจ, สงฺโฆ สามี. คาวีมหึสีอาทโย โหนฺติ, อาวาสคตานํ สงฺโฆ สามี, อนาวาสคตานํ น สงฺโฆ สามี. สงฺโฆ เจ อาวาสํ อาเนตฺวา อตฺตโน สนฺตกํ กตฺวา ปจฺฉา สมีเป พหิสีมาย เปติ, การกสงฺโฆ สามี, ตถา อารามิเก. มตกสฺส ปริกฺขาโร นิกฺเขปวเสน ปิโต โหติ, เอโสว สามี. มหคฺโฆ เจ โหติ, เสสสฺส สงฺโฆ สามี. ‘‘เกนจิ คิลานุปฏฺาเกนา’’ติ วตฺตพฺพกฺกโม เอเตน ทสฺสิโต. ปุน อุปฏฺากานํ พหุภาเว สติ สพฺเพสํ ทาตพฺพกมฺมํ ทสฺเสนฺเตน ภควตา กมฺมวาจายํ ‘‘คิลานุปฏฺากาน’’นฺติ วุตฺตํ. สามเณรวาเร ‘‘จีวร’’นฺติ ปาโ. ‘‘อิมํ ตุยฺหํ เทมิ ททามิ ทชฺชามิ โอโณเชมิ ปริจฺจชามิ วิสฺสชฺชามิ นิสฺสชฺชามี’ติ วา ‘อิตฺถนฺนามสฺส เทมิ…เป… นิสฺสชฺชามี’ติ วา วทติ, ‘สมฺมุขา วา ปรมฺมุขา วา วุตฺเต ทินฺนํเยว โหตี’ติ ทานลกฺขณสฺส จ ‘ตุยฺหํ คณฺหาหี’ติ วุตฺเต ‘มยฺหํ คณฺหามี’ติ วทติ, ‘สุทินฺนํ สุคฺคหิตฺจา’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๖๙) คหณลกฺขณสฺส จ วุตฺตตฺตา ‘มม สนฺตกํ ตว จ มม จ โหตู’ติ เอวมาทิวจเนน สมานปริกฺขารํ กาตุํ วฏฺฏตีติ อาจริยา’’ติ ลิขิตํ.

อนุคณฺิปเท ปน อตีว ปปฺจํ กตฺวา ปุน ‘‘อิทเมตฺถ อาจริยานํ สนฺนิฏฺานํ – สเจสมฺพหุลา, ทฺเว วา สมานปริกฺขารํ กตฺตุกามา โหนฺติ, เต สพฺเพ อตฺตโน สนฺตกํ วตฺตมานํ อุปฺปชฺชนเกน สทฺธึ เปสลสฺส เอกสฺส ปริจฺจชนฺติ, โส ปุน เตสเมว ปริจฺจชติ, เอตฺตาวตา เต สมานปริกฺขาริกา โหนฺตีติ. อิทํ สมานปริกฺขารลกฺขณํ ปาฬิอาทีสุ วุตฺตลกฺขเณเยว ปตนโต อจลปฺปตฺตํ โหติ, ตถาปิ โปราณวิธึ อชฺโฌตฺถริตฺวา วตฺตนโต ปฏิเสเธตพฺโพ, อาจริยานํ มตานุสาเรน กาตพฺพํ กาตุกาเมนาติ อปเร’’ติ วุตฺตํ, ‘‘วสฺสํวุตฺถสามเณโร ปฺจสุ สิกฺขาปเทสุ เอกํ อติกฺกมิตฺวา ปุน คหิโต ลาภํ น ลภติ, อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺโน นาม โหตี’’ติ วทนฺติ.

วสฺสํวุตฺถานํอนุปฺปนฺนจีวรกถาวณฺณนา

๓๗๕. อุปฺปนฺเน จีวเร อภาชิเต ปกฺกมตีติ เอตฺถ ‘‘สงฺเฆน ตตฺรุปฺปาทโต เอเกกสฺส ภิกฺขุโน เอตฺตกํ วสฺสาวาสิกํ ทาตุํ สงฺฆสฺส รุจฺจตี’’ติ สาวิเตปิ วิพฺภมติ, ตโต น ลภติ, ปุน ปพฺพชิตฺวา อุปสมฺปชฺชิตฺวา จีวรภาชนํ สมฺภาเวนฺโตปิ น ลภติเยว ปุพฺพปกติโต ภฏฺตฺตา. อถ ปาปิเต วิพฺภมติ, ลภตี’’ติ จ วุตฺตํ.

สงฺเฆภินฺเนจีวรุปฺปาทกถาวณฺณนา

๓๗๖. ปรสมุทฺเทติ ชมฺพุทีเป.

อฏฺจีวรมาติกากถาวณฺณนา

๓๗๙. ยสฺมา อปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขปารหฏฺานํ ทุพฺพิชานํ, ตสฺมา ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ธุวสนฺนิปาตฏฺานมฺปิ ปริยนฺตคตเมว คเหตพฺพํ. ‘‘มหาปจฺจริยํ ปน ภิกฺขูสุปิ…เป… ปาปุณาตีติ ‘อุปจารสีมาย เทมา’ติ เอวํ ทินฺนเมว สนฺธายา’’ติ ลิขิตํ . ‘‘สมานสํวาสกสีมายา’’ติ วุตฺเต ขณฺฑสีมาทีสุ ิตานํ น ปาปุณาติ ตาสํ วิสุํ สมานสํวาสกสีมตฺตา. สมานสํวาสกอวิปฺปวาสสีมานํ อิทํ นานตฺตํ – ‘‘อวิปฺปวาสสีมาย ทมฺมี’’ติ ทินฺนํ คามฏฺานํ น ปาปุณาติ. กสฺมา? ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจา’’ติ วุตฺตตฺตา. ‘‘สมานสํวาสกสีมายา’’ติ ทินฺนํ ปน ยสฺมึ าเน อวิปฺปวาสสีมา อตฺถิ, ตตฺถ ิตานํ, อิตรตฺร ิตานฺจ ปาปุณาติ. ‘‘ขณฺฑสีมายํ ตฺวา ‘สีมฏฺกสงฺฆสฺส ทมฺมี’ติ วุตฺเต อุปจารสีมาย เอว ปริจฺฉินฺทิตฺวา ทาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘อวิปฺปวาสสีมาย เทมา’’ติ ขณฺฑสีมายํ ตฺวา ทินฺเน ตตฺเถว ปาปุณาตีติ เกจิ. โยชนสตมฺปิ ปูเรตฺวา นิสีทนฺตีติ เอตฺถ วิหารูปจาเร หตฺถปาเสน, พหิคามาทีสุ ทฺวาทสหตฺเถน อุปจาโรติ เอเก. ‘‘อิมสฺมึ วิหาเร สงฺฆสฺสา’’ติ วุตฺเต เอกาพทฺธา หุตฺวาปิ ปริกฺเขปปริกฺเขปารหฏฺานํ อติกฺกมิตฺวา ิตานํ น ปาปุณาตีติ เอเก. ‘‘ภิกฺขุนิวิหารโต พหิ ยตฺถ กตฺถจิ ตฺวา ‘สงฺฆสฺสา’ติ วุตฺเต ภิกฺขุสงฺโฆว สามี’’ติ วทนฺติ. เอโกปิ คนฺตฺวาติ เอตฺถ สพฺเพสํ วา ปาเปตฺวา คนฺตพฺพํ, อาเนตฺวา วา ปาเปตพฺพํ, อิตรถา คตสฺส น ปาปุณาติ. สมานลาภกติกา มูลาวาเส สติ สิยา, มูลาวาสวินาเสน กติกาปิ วินสฺสติ. สมานลาภวจนํ สติ ทฺวีสุ, พหูสุ วา ยุชฺชติ. เตเนว เอกสฺมึ อวสิฏฺเ ยุชฺชตีติ โน มติ.

‘‘ตาวกาลิกกาเลน, มูลจฺเฉทวเสน วา;

อฺเสํ กมฺมํ อฺสฺส, สิยา นาวาสสงฺคโม’’ติ. –

อาจริโย.

สพฺพตฺถ ทินฺนเมวาติ ‘‘สมานภาโคว โหตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘เอกเมกํ อมฺหากํ ปาปุณาตีติ เจ วทติ, วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ วิภาคสฺส กตตฺตา. ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส จีวเร ทินฺเน ปํสุกูลิกานํ น วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘อุภโตสงฺฆสฺสา’’ติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺสา’’ติ อวุตฺตตฺตา ภิกฺขุนิสงฺเฆน มิสฺสิตตฺตา, ตตฺถ อปริยาปนฺนตฺตา จ ปุคฺคโล วิสุํ ลภติ. เอวํ สนฺเต ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ภิกฺขุนิสงฺฆสฺส จ ทมฺมี’’ติ วุตฺเตปิ ‘‘อุภโตสงฺฆสฺส ทินฺนเมว โหตี’’ติ อิมินา วิรุชฺฌตีติ เจ? น วิรุชฺฌติ, ตํ ทฺวินฺนํ สงฺฆานํ ทินฺนภาวเมว ทีเปติ, น อุภโตสงฺฆปฺตฺตึ, ตสฺมา เอว ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ภิกฺขุนิสงฺฆสฺส จ ตุยฺหฺจา’’ติ วาโร น วุตฺโต. อถ วา อฏฺกถาวจนเมว ปมาณํ, น วิจารณาติ เอเก. ยสฺมา เอโก อทฺธานาทิยโก วิย ทุวิโธ น โหติ, ตสฺมา อุภโตสงฺฆคฺคหเณน เอโก ภิกฺขุ น คหิโตติ . ‘‘สพฺพาวาสสฺส จ เจติยสฺส จ ธมฺมสฺส จา’ติ วุตฺเต สพฺพวิหาเรสุ เจติยธมฺมานํ เอเกกสฺส ภิกฺขุโน ภาโค ทาตพฺโพ’’ติ วทนฺติ. ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ เจติยสฺส จา’’ติ วุตฺเต น วิรุชฺฌตีติ เจ? น, ตตฺถ ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺสา’’ติ วุตฺตตฺตา, อิธ วิหาเรน ฆฏิตตฺตา จ ตมฺหิ ตมฺหิ วิหาเร เอกภาคํ ลภิตพฺพเมวาติ ปริหรนฺติ. อตฺตโน ปาเปตฺวาติ วิกาเล อปริโภคตฺตา สกโลปิ วฏฺเฏยฺยาติ เจ? ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส หรา’’ติ วุตฺตตฺตา, เตน ‘‘หรามี’’ติ คหิตตฺตา จ น วฏฺฏติ. ปจฺฉิมวสฺสํวุตฺถานมฺปีติ เอตฺถ อปิ-สทฺโท อวธารณตฺโถ, ปจฺฉิมวสฺสํวุตฺถานเมวาติ อตฺโถ, อิตรถา สมุจฺจยตฺเถ คหิเต ‘‘ลกฺขณฺู วทนฺตี’’ติ วจนํ นิรตฺถกํ สิยา. กสฺมาติ อารภิตฺวา ปปฺจํ กโรนฺติ. กึ เตน, ปรโต ‘‘จีวรมาสโต ปฏฺาย…เป… อตีตวสฺสํวุตฺถานเมว ปาปุณาตี’’ติ อิมินา สิทฺธตฺตา น วิจาริตํ, เตน วุตฺตํ ‘‘ลกฺขณฺู’’ติ อจลวเสน. สเจ ปน พหิอุปจารสีมาย ิโต…เป… สมฺปตฺตานํ สพฺเพสํ ปาปุณาตีติ ยตฺถ กตฺถจิ วุตฺถวสฺสานนฺติ อธิปฺปาโย ‘‘ยตฺถ กตฺถจิ วุตฺถวสฺสานํ สพฺเพสํ สมฺปตฺตานํ ปาปุณาตี’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. อกาลจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา) กงฺขาวิตรณิยํ วุตฺตตฺตา. คิมฺหานํ ปมทิวสโต ปฏฺาย วุตฺเต ปน ยสฺมา อนนฺตราตีตํ เหมนฺตํ เอว วุตฺถา นาม โหนฺติ, น วสฺสํ, ตสฺมา ‘‘มาติกา อาโรเปตพฺพา’’ติ วุตฺตํ. เย วา เถเรหิ เปสิตา, เตสํ ปาปุณาตีติ กิร อตฺโถ.

จีวรกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. จมฺเปยฺยกฺขนฺธกวณฺณนา

ทฺเวนิสฺสารณาทิกถาวณฺณนา

๓๙๕. อปฺปตฺโตนิสฺสารณนฺติ เอตฺถ นิสฺสารณํ นาม กุลทูสกานํเยว อนุฺาตํ, อยํ ปน กุลทูสโก น โหติ, ตสฺมา ‘‘อปฺปตฺโต’’ติ วุตฺโต. ยทิ เอวํ กถํ สุนิสฺสาริโต โหตีติ? จูฬวคฺเค ‘‘อากงฺขมาโน สงฺโฆ ปพฺพาชนียกมฺมํ กเรยฺยา’’ติ (จูฬว. ๒๗) วุตฺตตฺตา. ‘‘ตสฺสปาปิยสิกกมฺมารหสฺส ตสฺสปาปิยสิกกมฺมํ กโรนฺตี’’ติ วจนโต จกฺกํ พนฺธนฺติ าตพฺพํ.

อุปาลิปุจฺฉากถาวณฺณนา

๔๐๐. ‘‘ปรโตติ อุปาลิปุจฺฉโต ปร’’นฺติ ลิขิตํ. โทสาริตปาฬิยํ ‘‘อูนวีสติวสฺโส น อาคโต วิปฺปนฺนวตฺถุกตฺตา’’ติ วุตฺตํ. อิมสฺมึ จมฺเปยฺยกฺขนฺธเก อธมฺมกมฺมานิเยว ทฺวิธา กตฺวา ปฺจาคตานีติ เวทิตพฺพํ. เตเนว ปริวาเร อิมสฺมึ ขนฺธเก ‘‘ปฺจ อธมฺมิกานี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อนฺธมูคพธิโร โสสาริโต’’ติ อิมินา อปพฺพชิตสฺสปิ อุปสมฺปทา รุหตีติ สิทฺธํ.

จมฺเปยฺยกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. โกสมฺพกกฺขนฺธกวณฺณนา

โกสมฺพกวิวาทกถาวณฺณนา

๔๕๑. สุตฺตนฺติโกติ เอตฺถ กิฺจาปิ ‘‘วินยธโร มาติกาธโร’’ติ วุตฺตํ, อุภโตวิภงฺคํ ปน สนฺธาย วุตฺตํ, น ขนฺธกภาณโก โหติ. อาวุโส เอตฺถ อาปตฺตีติ วจนํ อุปาทาย ‘‘โส ตสฺสา อาปตฺติยา อาปตฺติทิฏฺิ โหตี’’ติ วุจฺจติ. ปจฺฉา วินยธโร ‘‘วตฺถุมฺหิ สติ ปมาณํ, น ปฺตฺติย’’นฺติ สตึ ปฏิลภิตฺวา ตสฺสา อาปตฺติยา อาปตฺติทิฏฺิ อโหสิ, เตน วุตฺตํ อนฺเต ‘‘อฺเ ภิกฺขู ตสฺสา อาปตฺติยา อาปตฺติทิฏฺิโน โหนฺตี’’ติ.

๔๕๕. ‘‘ยถา มยา ตฺตี’’ติ ลิขนฺติ ‘‘ปฺตฺตา’’ติ เอกวจนตฺตา.

ทีฆาวุวตฺถุกถาวณฺณนา

๔๕๘. ‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺโต’’ติ ลิขนฺติ. ปุราณโปตฺถเกสุ ‘‘พาราณสิย’’นฺติ นตฺถิ, ‘‘นตฺถิภาโวว สุนฺทโร’’ติ วทนฺติ.

ปาลิเลยฺยกคมนกถาวณฺณนา

๔๖๗. รกฺขิตวนสณฺเฑติ สงฺคีติตฺเถเรหิ สุวิฺเยฺยํ กตฺวา วุตฺตํ. ‘‘ปาลิเลยฺโยติ คาโม, ตสฺส วเสนา’’ติปิ วทนฺติ, ตํ ธมฺมปทฏฺกถาย น วิรุชฺฌติ.

อฏฺารสวตฺถุกถาวณฺณนา

๔๗๓. ตฺเวว…เป… ปฏิพาหิตพฺพนฺติ วทามีติ เอตฺถ เสนาสนารหสฺส โย เสนาสนํ ปฏิพาหติ, ตสฺเสว อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. ‘‘กลหการกาทีนเมตฺถ โอกาโส นตฺถีติอาทิกํ สงฺฆสฺส กติกํ วตฺวา ตํ น ปฺาเปนฺตสฺส วา ‘อหํ พุทฺโธ’ติ ปสยฺห อตฺตนา อตฺตโน ปฺาเปตฺวา คณฺหนฺตํ ‘ยุตฺติยา คณฺหถา’ติ วตฺวา วาเรนฺตสฺส วา โทโส นตฺถิ. อิธ กลหวูปสมนตฺถํ อาคตานํ โกสมฺพิกานมฺปิ ‘ยถาวุฑฺฒ’นฺติ อวตฺวา ‘วิวิตฺเต อสติ วิวิตฺตํ กตฺวาปิ ทาตพฺพ’นฺติ วุตฺตตฺตา วิวิตฺตํ กตฺวา เทนฺตํ ปฏิพาเหนฺตสฺเสว อาปตฺตีติ กิร อยมตฺโถ ปาริวาสิกาทีนํ วิหารปริยนฺตทาปเนน สาธิตพฺโพ’’ติ ลิขิตํ.

สงฺฆสามคฺคีกถาวณฺณนา

๔๗๕. ‘‘อถ โข เต อุกฺขิตฺตานุวตฺตกา ภิกฺขู ตํ อุกฺขิตฺตกํ ภิกฺขุํ โอสาเรตฺวา เยน อุกฺเขปกา ภิกฺขู…เป… ตสฺส วตฺถุสฺส วูปสมาย สงฺฆสามคฺคึ กโรมา’’ติ วจนํ ทุวิฺเยฺยวินิจฺฉยํ วินยลกฺขณกุสลสฺส. วิชฺชมาเน หิ การกสงฺเฆ อิตโร สงฺโฆ โอสาริตุํ น ลภติ. โอสาเรนฺโต เจ, เต ภิกฺขู การกสงฺเฆน สมานลทฺธิกภาวํ ปตฺตตฺตา เตน สมานสํวาสกา โหนฺติ, ตโต อุกฺเขปกานํ ฉนฺทํ อคฺคเหตฺวา โอสาเรนฺตานํ กมฺมํ กุปฺปติ, ตสฺมา ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, ตํ ภิกฺขุํ โอสาเรถา’’ติ (มหาว. ๔๗๔) ภควโต วจเนน อุกฺขิตฺตานุวตฺตกา โอสาเรสุํ, อุทาหุ นิสฺสีมํ คนฺตฺวา, อุทาหุ อิตเรสํ ฉนฺทํ คเหตฺวา โอสาเรสุํ, นนุ เอเตสมฺตเรเนตฺถ ภวิตพฺพํ, น จ ปเนตํ สพฺพคณฺิปเทสุ วิจาริตํ. อยํ ปเนตฺถ ตกฺโก –

‘‘ยสฺมึ วตฺถุสฺมึ สงฺเฆน, กตกมฺมสฺส ภิกฺขุโน;

สติ ตสฺมึ น อฺสฺส, ปฏิปฺปสฺสมฺภนํ ขมํ.

‘‘วิรมนฺเต ตโต โทโส, อปิ สงฺโฆ อการโก;

โอสาเรตุํ อลํ ยสฺมา, การโก อนุโลมิโก’’ติ.

๔๗๗. ‘‘อฏฺ ทูตงฺคานิ นาม โสตา จ โหติ, สาเวตา จ อุคฺคเหตา จ ธาเรตา จ วิฺาตา จ วิฺาเปตา จ กุสโล จ สหิตาสหิตทสฺสโน จ อกลหการโก จาติ เอตานี’’ติ วุตฺตํ.

โกสมฺพกกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.

มหาวคฺคสฺส ลีนตฺถปกาสนา นิฏฺิตา.

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส