📜
๒. อุโปสถกฺขนฺธโก
สนฺนิปาตานุชานนาทิกถาวณฺณนา
๑๓๒. อุโปสถกฺขนฺธเก ¶ ¶ ตรนฺติ โอตรนฺติ เอตฺถาติ ติตฺถํ, ลทฺธิ. อิโตติ สาสนลทฺธิโต.
๑๓๕. อาปชฺชิตฺวา วา วุฏฺิโตติ เอตฺถ เทสนาโรจนานมฺปิ สงฺคโห. เตเนว มาติกาฏฺกถายํ ‘‘วุฏฺิตา วา เทสิตา วา อาโรจิตา วา อาปตฺติ…เป… อสนฺตี นาม โหตี’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) วุตฺตํ.
มนุเชนาติ อาสนฺเนน สห. ปเรติ ทูรฏฺเปิ ปรปุคฺคเล สนฺธาย คิรํ โน จ ภเณยฺยาติ โยชนา.
‘‘อาวิกตา หิสฺส ผาสุ โหตี’’ติ (มหาว. ๑๓๔) วุตฺตตฺตา ครุกาปตฺติปิ อาวิกรณมตฺเตน วุฏฺาตีติ เกจิ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ ปริวาสาทิวิธานสุตฺเตหิ วิรุชฺฌนโต. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย – ยถาภูตฺหิ อตฺตานมาวิกโรนฺตํ เปสลา ภิกฺขู ‘‘อกามา ปริวตฺถพฺพ’’นฺติอาทิวจนํ นิสฺสาย อนิจฺฉมานมฺปิ นํ อุปาเยน ปริวาสาทีนิ ทตฺวา อวสฺสํ สุทฺธนฺเต ปติฏฺาเปสฺสนฺติ, ตโต ตสฺส อวิปฺปฏิสาราทีนํ วเสน ผาสุ โหติ. ปมํ ปาติโมกฺขุทฺเทสนฺติ นิทานุทฺเทสํ ทสฺเสติ. ปุพฺเพ อวิชฺชมานํ ปฺาเปสีติ. น เกวลฺจ เอตํ, ปุพฺเพ ปฺตฺตมฺปิ ปน ปาราชิกาทิสิกฺขาปทํ สพฺพํ ภควา ‘‘ตตฺริเม จตฺตาโร ปาราชิกา ธมฺมา อุทฺเทสํ อาคจฺฉนฺตี’’ติอาทินา ปาราชิกุทฺเทสาทิวเสน วินยมาติกํ กตฺวา นิทานุทฺเทเสน สห สยเมว สงฺคเหตฺวา ‘‘ปาติโมกฺข’’นฺติ ปฺาเปสีติ ทฏฺพฺพํ. ตเทตํ สพฺพมฺปิ สนฺธาย ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๓๓) วุตฺตํ.
๑๓๖. เอตํ ๓๔ เวทิตพฺพนฺติ ยสฺมึ ตสฺมึ จาตุทฺทเส วา ปนฺนรเส วาติ เอวํ อตฺถชาตํ.
สนฺนิปาตานุชานนาทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
สีมานุชานนกถาวณฺณนา
๑๓๘. ‘‘ปุรตฺถิมาย ¶ ทิสายา’’ติ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํ. ตสฺสํ ปน ทิสายํ นิมิตฺเต อสติ ยตฺถ อตฺถิ, ตโต ปฏฺาย ปมํ ‘‘ปุรตฺถิมาย อนุทิสาย, ทกฺขิณาย ทิสายา’’ติอาทินา สมนฺตา วิชฺชมานฏฺาเนสุ นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา ปุน ‘‘ปุรตฺถิมาย อนุทิสายา’’ติ ปมกิตฺติตํ กิตฺเตตุํ วฏฺฏติ, ตีหิ นิมิตฺเตหิ สิงฺฆาฏกสณฺานายปิ สีมาย สมฺมนฺนิตพฺพโต. ติกฺขตฺตุํ สีมามณฺฑลํ สมฺพนฺธนฺเตนาติ วินยธเรน สยํ เอกสฺมึเยว าเน ตฺวา เกวลํ นิมิตฺตกิตฺตนวจเนเนว สีมามณฺฑลํ สมนฺตา นิมิตฺเตน นิมิตฺตํ พนฺธนฺเตนาติ อตฺโถ. ตํ ตํ นิมิตฺตฏฺานํ อคนฺตฺวาปิ หิ กิตฺเตตุํ วฏฺฏติ. ติโยชนปรมาย สีมาย สมนฺตโต ติกฺขตฺตุํ อนุปริคมนสฺส เอกทิวเสน ทุกฺกรตฺตา วินยธเรน สยํ อทิฏฺมฺปิ ปุพฺเพ ภิกฺขูหิ ยถาววตฺถิตํ นิมิตฺตํ ‘‘ปาสาโณ ภนฺเต’’ติอาทินา เกนจิ วุตฺตานุสาเรน สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘เอโส ปาสาโณ นิมิตฺต’’นฺติอาทินา กิตฺเตตุมฺปิ วฏฺฏติ เอว.
สุทฺธปํสุปพฺพโตติ น เกนจิ กโต สยํชาโตว วุตฺโต. ตถา เสสาปิ. อิตโรปีติ สุทฺธปํสุปพฺพตาทิโกปิ ปพฺพโต. หตฺถิปฺปมาณโตติ เอตฺถ ภูมิโต อุคฺคตปฺปเทเสน หตฺถิปฺปมาณํ คเหตพฺพํ. จตูหิ วา ตีหิ วาติ สีมาภูมิยํ จตูสุ, ตีสุ วา ทิสาสุ ิเตหิ. เอกิสฺสา เอว ปน ทิสาย ิเตหิ ตโต พหูหิปิ สมฺมนฺนิตุํ น วฏฺฏติ. ทฺวีหิ ปน ทฺวีสุ ทิสาสุ ิเตหิปิ น วฏฺฏติ. ตสฺมาติ ยสฺมา เอเกน น วฏฺฏติ, ตสฺมา. ตํ พหิทฺธา กตฺวาติ กิตฺติตนิมิตฺตสฺส อสีมตฺตา อนฺโตสีมาย กรณํ อยุตฺตนฺติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘สเจ’’ติอาทิ.
ทฺวตฺตึสปลคุฬปิณฺฑปฺปมาณตา สณฺานโต คเหตพฺพา, น ตุลคณนาวเสน, ภารโต ปลปริมาณฺจ มคธตุลาย คเหตพฺพํ. สา จ โลกิยตุลาย ทฺวิคุณาติ วทนฺติ. อติมหนฺโตปีติ ภูมิโต หตฺถิปฺปมาณํ อนุคฺคนฺตฺวา เหฏฺาภูมิยํ โอติณฺณฆนโต อเนกโยชนปฺปมาโณปิ. สเจ หิ ตโต หตฺถิปฺปมาณํ กูฏํ อุคฺคจฺฉติ, ปพฺพตสงฺขฺยเมว คจฺฉติ.
อนฺโตสารานนฺติ ¶ ตสฺมึ ขเณ ตรุณตาย สาเร อวิชฺชมาเนปิ ปริณาเมน ภวิสฺสมานสาเรปิ สนฺธาย วุตฺตํ. ตาทิสานฺหิ สูจิทณฺฑกปฺปมาณปริณาหานํ จตุปฺจมตฺตมฺปิ วนํ วฏฺฏติ. อนฺโตสารมิสฺสกานนฺติ อนฺโตสาเรหิ ¶ รุกฺเขหิ สมฺมิสฺสานํ. เอเตน จ สารรุกฺขมิสฺสมฺปิ วนํ วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. จตุปฺจรุกฺขมตฺตมฺปีติ สารรุกฺเข สนฺธาย วุตฺตํ. วนมชฺเฌ วิหารํ กโรนฺตีติ รุกฺขฆฏาย อนฺตเร รุกฺเข อจฺฉินฺทิตฺวา วติอาทีหิ วิหารปริจฺเฉทํ กตฺวาว อนฺโตรุกฺขนฺตเรสุ เอว ปริเวณปณฺณสาลาทีนํ กรณวเสน ยถา อนฺโตวิหารมฺปิ วนเมว โหติ, เอวํ วิหารํ กโรนฺตีติ อตฺโถ. ยทิ หิ สพฺพํ รุกฺขํ ฉินฺทิตฺวา วิหารํ กเรยฺยุํ, วิหารสฺส อวนตฺตา ตํ ปริกฺขิปิตฺวา ิตํ วนํ เอกตฺถ กิตฺเตตพฺพํ สิยา. อิธ ปน อนฺโตปิ วนตฺตา ‘‘วนํ น กิตฺเตตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. สเจ หิ ตํ กิตฺเตนฺติ, ‘‘นิมิตฺตสฺส อุปริ วิหาโร โหตี’’ติอาทินา อนนฺตเร วุตฺตโทสํ อาปชฺชติ. เอกเทสนฺติ วเนกเทสํ, รุกฺขวิรหิตฏฺาเน กตวิหารสฺส เอกปสฺเส ิตวนสฺส เอกเทสนฺติ อตฺโถ.
สูจิทณฺฑกปฺปมาโณติ วํสทณฺฑปฺปมาโณ. เลขนิทณฺฑปฺปมาโณติ เกจิ. มาติกาฏฺกถายํ ปน อเวภงฺคิยวินิจฺฉเย ‘‘โย โกจิ อฏฺงฺคุลสูจิทณฺฑกมตฺโตปิ เวฬุ…เป… ครุภณฺฑ’’นฺติ (กงฺขา. อฏฺ. ทุพฺพตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา) วุตฺตตฺตา ตนุตโร เวฬุทณฺโฑติ จ สูจิทณฺโฑติ จ คเหตพฺพํ. วํสนฬกสราวาทีสูติ เวฬุปพฺเพ วา นฬปพฺเพ วา กปลฺลกาทิมตฺติกภาชเนสุ วาติ อตฺโถ. ตงฺขณมฺปีติ ตรุณโปตเก อมิลายิตฺวา วิรุหนชาติเก สนฺธาย วุตฺตํ. เย ปน ปริณตา สมูลํ อุทฺธริตฺวา โรปิตาปิ ฉินฺนสาขา วิย มิลายิตฺวา จิเรน นวมูลงฺกุรุปฺปตฺติยา ชีวนฺติ, มียนฺติเยว วา, ตาทิเส กิตฺเตตุํ น วฏฺฏติ. เอตนฺติ นวมูลสาขานิคฺคมนํ.
มชฺเฌติ สีมาย มหาทิสานํ อนฺโต. โกณนฺติ สีมาย จตูสุ โกเณสุ ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ มคฺคานํ สมฺพนฺธฏฺานํ. ปรภาเค กิตฺเตตุํ วฏฺฏตีติ เตสํ จตุนฺนํ โกณานํ พหิ นิกฺขมิตฺวา ิเตสุ มคฺเคสุ เอกิสฺสา ทิสาย เอกํ, อฺิสฺสา ทิสาย จาปรนฺติ เอวํ จตฺตาโรปิ มคฺคา จตูสุ ทิสาสุ กิตฺเตตุํ วฏฺฏตีติ อธิปฺปาโย. เอวํ ปน กิตฺติตมตฺเตน กถํ เอกาพทฺธตา วิคจฺฉตีติ วิฺายตีติ. ปรโต คตฏฺาเนปิ เอเต เอว เต จตฺตาโร มคฺคา. ‘‘จตูสุ ทิสาสุ คจฺฉนฺตี’’ติ หิ วุตฺตํ. ตสฺมา เอตฺถ การณํ วิจินิตพฺพํ.
‘‘อุตฺตรนฺติยา ภิกฺขุนิยา’’ติ อิทฺจ ปาฬิยํ (ปาจิ. ๖๙๒) ภิกฺขุนีนํ นทีปารคมเน นทิลกฺขณสฺส อาคตตฺตา วุตฺตํ. ภิกฺขูนํ อนฺตรวาสกเตมนมตฺตมฺปิ วฏฺฏติ เอว ¶ . ‘‘นทิจตุกฺเกปิ เอเสว นโย’’ติ อิมินา เอกตฺถ กิตฺเตตฺวา อฺตฺถ ปรโต คตฏฺาเนปิ กิตฺเตตุํ ¶ น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. เตเนว จ ‘‘อสฺสมฺมิสฺสนทิโย จตสฺโสปิ กิตฺเตตุํ วฏฺฏตี’’ติ อสมฺมิสฺส-คฺคหณํ กตํ. มูเลติ อาทิกาเล. นทึ ภินฺทิตฺวาติ ยถา อุทกํ อนิจฺฉนฺเตหิ กสฺสเกหิ มโหเฆ นิวตฺเตตุํ น สกฺกา, เอวํ นทิกูลํ ภินฺทิตฺวา.
อุกฺเขปิมนฺติ ทีฆรชฺชุนา กุเฏน อุสฺสิฺจนียํ.
อสมฺมิสฺเสหีติ สพฺพทิสาสุ ิตปพฺพเตหิ เอว, ปาสาณาทีสุ อฺตเรหิ วา นิมิตฺตนฺตราพฺยวหิเตหิ. สมฺมิสฺเสหีติ เอกตฺถ ปพฺพโต, อฺตฺถ ปาสาโณติ เอวํ ิเตหิ อฏฺหิปิ. ‘‘นิมิตฺตานํ สเตนาปี’’ติ อิมินา เอกิสฺสาย เอว ทิสาย พหุนิมิตฺตานิ ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย กึ นิมิตฺตํ? ปพฺพโต ภนฺเต. ปุน ปุรตฺถิมาย ทิสาย กึ นิมิตฺตํ? ปาสาโณ ภนฺเต’’ติอาทินา กิตฺเตตุํ วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. สิงฺฆาฏกสณฺานาติ ติโกณา. จตุรสฺสาติ สมจตุรสฺสา, มุทิงฺคสณฺานา ปน อายตจตุรสฺสา. เอกโกฏิยํ สงฺโกจิตา, ตทฺาย วิตฺถิณฺณา วา โหตีติ. สีมาย อุปจารํ เปตฺวาติ อายตึ พนฺธิตพฺพาย สีมาย เนสํ วิหารานํ ปริจฺเฉทโต พหิ สีมนฺตริกปฺปโหนกํ อุปจารํ เปตฺวา. พทฺธา สีมา เยสุ วิหาเรสุ, เต พทฺธสีมา. ปาเฏกฺกนฺติ ปจฺเจกํ. พทฺธสีมาสทิสานีติ ยถา พทฺธสีมาสุ ิตา อฺมฺํ ฉนฺทาทึ อนเปกฺขิตฺวา ปจฺเจกํ กมฺมํ กาตุํ ลภนฺติ, เอวํ คามสีมาสุ ิตาปีติ ทสฺเสติ. อาคนฺตพฺพนฺติ สามีจิมตฺตวเสน วุตฺตํ. เตนาห ‘‘อาคมนมฺปี’’ติอาทิ.
ปพฺพชฺชูปสมฺปทาทีนนฺติ เอตฺถ ภณฺฑุกมฺมาปุจฺฉนํ สนฺธาย ปพฺพชฺชาคหณํ. เอกวีสติ ภิกฺขูติ นิสินฺเน สนฺธาย วุตฺตํ. อิทฺจ กมฺมารเหน สห อพฺภานการกานมฺปิ ปโหนกตฺถํ วุตฺตํ. ‘‘นิมิตฺตุปคา ปาสาณา เปตพฺพา’’ติ อิทํ ยถารุจิตฏฺาเน รุกฺขนิมิตฺตาทีนํ ทุลฺลภตาย วฑฺฒิตฺวา อุภินฺนํ พทฺธสีมานํ สงฺกรกรณโต จ ปาสาณนิมิตฺตสฺส จ ตทภาวโต ยตฺถ กตฺถจิ อาเนตฺวา เปตุํ สุกรตาย จ วุตฺตํ. ตถา สีมนฺตริกปาสาณา เปตพฺพาติ เอตฺถาปิ. จตุรงฺคุลปฺปมาณาปีติ ยถา ขนฺธสีมาปริจฺเฉทโต พหิ นิมิตฺตปาสาณานํ จตุรงฺคุลมตฺตฏฺานํ สมนฺตา นิคจฺฉติ, อวเสสํ านํ อนฺโตขนฺธสีมาย โหติเยว, เอวํ เตสุปิ ปิเตสุ จตุรงฺคุลมตฺตา สีมนฺตริกา โหตีติ ทฏฺพฺพํ.
สีมนฺตริกปาสาณาติ ¶ สีมนฺตริกาย ปิตนิมิตฺตปาสาณา. เต ปน กิตฺเตนฺเตน ปทกฺขิณโต อนุปริยายนฺเตเนว กิตฺเตตพฺพา. กถํ? ขณฺฑสีมโต หิ ปจฺฉิมาย ทิสาย ปุรตฺถาภิมุเขน ตฺวา ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย กึ นิมิตฺต’’นฺติ ตตฺถ สพฺพานิ นิมิตฺตานิ อนุกฺกเมน ¶ กิตฺเตตฺวา ตถา อุตฺตราย ทิสาย ทกฺขิณาภิมุเขน ตฺวา ‘‘ทกฺขิณาย ทิสาย กึ นิมิตฺต’’นฺติ อนุกฺกเมน กิตฺเตตฺวา ตถา ปุรตฺถิมาย ทิสาย ปจฺฉิมาภิมุเขน ตฺวา ‘‘ปจฺฉิมาย ทิสาย กึ นิมิตฺต’’นฺติ อนุกฺกเมน กิตฺเตตฺวา ตถา ทกฺขิณาย ทิสาย อุตฺตราภิมุเขน ตฺวา ‘‘อุตฺตราย ทิสาย กึ นิมิตฺต’’นฺติ ตตฺถ สพฺพานิ นิมิตฺตานิ อนุกฺกเมน กิตฺเตตฺวา ปุน ปจฺฉิมาย ทิสาย ปุรตฺถาภิมุเขน ตฺวา ปุริมกิตฺติตํ วุตฺตนเยน ปุน กิตฺเตตพฺพํ. เอวํ พหูนมฺปิ ขณฺฑสีมานํ สีมนฺตริกปาสาณา ปจฺเจกํ กิตฺเตตพฺพา. ตโตติ ปจฺฉา. อวเสสนิมิตฺตานีติ มหาสีมาย พาหิรนฺตเรสุ อวเสสนิมิตฺตานิ. อุภินฺนมฺปิ น โกเปนฺตีติ อุภินฺนมฺปิ กมฺมํ น โกเปนฺติ.
กุฏิเคเหติ ภูมิยํ กตติณกุฏิยํ. อุทุกฺขลนฺติ อุทุกฺขลาวาฏสทิสขุทฺทกาวาฏํ. นิมิตฺตํ น กาตพฺพนฺติ ตํ ราชึ วา อุทุกฺขลํ วา นิมิตฺตํ น กาตพฺพํ. อิทฺจ ยถาวุตฺเตสุ นิมิตฺเตสุ อนาคตตฺเตน น วฏฺฏตีติ สิทฺธมฺปิ อวินสฺสกสฺาย โกจิ โมเหน นิมิตฺตํ กเรยฺยาติ ทูรโตปิ วิปตฺติปริหารตฺถํ วุตฺตํ. เอวํ อุปริ ‘‘ภิตฺตึ อกิตฺเตตฺวา’’ติอาทีสุปิ สิทฺธเมวตฺถํ ปุนปฺปุนํ กถเน การณํ เวทิตพฺพํ. สีมาวิปตฺติ หิ อุปสมฺปทาทิสพฺพกมฺมวิปตฺติมูลนฺติ ตสฺสา สพฺพํ ทฺวารํ สพฺพถา ปิทหนวเสน วตฺตพฺพํ. สพฺพํ วตฺวาว อิธ อาจริยา วินิจฺฉยํ เปสุนฺติ ทฏฺพฺพํ.
ภิตฺตินฺติ อิฏฺกทารุมตฺติกามยํ. สิลามยาย ปน ภิตฺติยา นิมิตฺตุปคํ เอกํ ปาสาณํ ตํตํทิสาย กิตฺเตตุํ วฏฺฏติ. อเนกสิลาหิ จินิตํ สกลภิตฺตึ กิตฺเตตุํ น วฏฺฏติ ‘‘เอโส ปาสาโณ นิมิตฺต’’นฺติ เอกวจเนน วตฺตพฺพโต. อนฺโตกุฏฺฏเมวาติ เอตฺถ อนฺโตกุฏฺเฏปิ นิมิตฺตานํ ิโตกาสโต อนฺโต เอว สีมาติ คเหตพฺพํ. ปมุเข นิมิตฺตปาสาเณ เปตฺวาติ คพฺภาภิมุเขปิ พหิปมุเข คพฺภวิตฺถารปฺปมาเณ าเน ปาสาเณ เปตฺวา สมฺมนฺนิตพฺพา. เอวฺหิ คพฺภปมุขานํ อนฺตเร ิตกุฏฺฏมฺปิ อุปาทาย อนฺโต จ พหิ จ จตุรสฺสสณฺานาว สีมา โหติ. พหีติ สกลสฺส กุฏิเคหสฺส สมนฺตโต พหิ.
อนฺโต ¶ จ พหิ จ สีมา โหตีติ มชฺเฌ ิตภิตฺติยา สห จตุรสฺสสีมา โหติ.
‘‘อุปริปาสาเทเยว โหตี’’ติ อิมินา คพฺภสฺส จ ปมุขสฺส จ อนฺตรา ิตภิตฺติยา เอกตฺตา ตตฺถ จ เอกวีสติยา ภิกฺขูนํ โอกาสาภาเวน เหฏฺา น โอตรติ, อุปริภิตฺติ ปน สีมฏฺาว โหตีติ ทสฺเสติ. เหฏฺิมตเล กุฏฺโฏติ เหฏฺิมตเล จตูสุ ทิสาสุ ิตกุฏฺโฏ. สเจ หิ ¶ ทฺวีสุ, ตีสุ วา ทิสาสุ เอว กุฏฺโฏ ติฏฺเยฺย, เหฏฺา น โอตรติ. เหฏฺาปิ โอตรตีติ จตุนฺนมฺปิ ภิตฺตีนํ อนฺโต ภิตฺตีหิ สห เอกวีสติยา ภิกฺขูนํ ปโหนกตฺตา วุตฺตํ. โอตรมานา จ อุปริสีมปฺปมาเณน โอตรติ, จตุนฺนํ ปน ภิตฺตีนํ พาหิรนฺตรปริจฺเฉเท เหฏฺาภูมิภาเค อุทกปริยนฺตํ กตฺวา โอตรติ. น ปน ภิตฺตีนํ พหิ เกสคฺคมตฺตมฺปิ านํ. ปาสาทภิตฺติโตติ อุปริตเล ภิตฺติโต. โอตรณาโนตรณํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ อุปริสีมปฺปมาณสฺส อนฺโตคธานํ เหฏฺิมตเล จตูสุ ทิสาสุ กุฏฺฏานํ ตุลารุกฺเขหิ เอกสมฺพนฺธตํ ตทนฺโต ปจฺฉิมสีมปฺปมาณตาทิฺจ สนฺธาย วุตฺตํ. กิฺจาเปตฺถ นิยฺยูหกาทโย นิมิตฺตานํ ิโตกาสตาย พชฺฌมานกฺขเณ สีมา น โหนฺติ, พทฺธาย ปน สีมาย สีมฏฺาว โหนฺตีติ ทฏฺพฺพา. ปริยนฺตถมฺภานนฺติ นิมิตฺตคตปาสาณตฺถมฺเภ สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘อุปริมตเลน สมฺพทฺโธ โหตี’’ติ อิทํ กุฏฺฏานํ อนฺตรา สีมฏฺานํ ถมฺภานํ อภาวโต วุตฺตํ. ยทิ หิ ภเวยฺยุํ, กุฏฺเฏ อุปริมตเลน อสมฺพนฺเธปิ สีมฏฺตฺถมฺภานํ อุปริ ิโต ปาสาโท สีมฏฺโว โหติ.
สเจ ปน พหูนํ ถมฺภปนฺตีนํ อุปริ กตปาสาทสฺส เหฏฺา ปถวิยํ สพฺพพาหิราย ถมฺภปนฺติยา อนฺโต นิมิตฺตปาสาเณ เปตฺวา สีมา พทฺธา โหติ, เอตฺถ กถนฺติ? เอตฺถาปิ ยํ ตาว สีมฏฺตฺถมฺเภเหว ธาริยมานานํ ตุลานํ อุปริมตลํ, สพฺพํ ตํ สีมฏฺเมว, เอตฺถ วิวาโท นตฺถิ. ยํ ปน สีมฏฺตฺถมฺภปนฺติยา, อสีมฏฺาย พาหิรตฺถมฺภปนฺติยา จ สมธุรํ ธาริยมานานํ ตุลานํ อุปริมตลํ, ตตฺถ อุปฑฺฒํ สีมาติ เกจิ วทนฺติ. สกลมฺปิ คามสีมาติ อปเร. พทฺธสีมา เอวาติ อฺเ. ตสฺมา กมฺมํ กโรนฺเตหิ ครุเก นิราสงฺกฏฺาเน ตฺวา สพฺพํ ตํ อาสงฺกฏฺานํ โสเธตฺวาว กมฺมํ กาตพฺพํ, สนฺนิฏฺานการณํ วา คเวสิตฺวา ตทนุคุณํ กาตพฺพํ.
ตาลมูลกปพฺพเตติ ¶ ตาลกฺขนฺธมูลสทิเส เหฏฺา ถูโล หุตฺวา กเมน กิโส หุตฺวา อุคฺคโต หิ ตาลสทิโส นาม โหติ. วิตานสณฺาโนติ อหิจฺฉตฺตกสณฺาโน. ปณวสณฺาโนติ มชฺเฌ ตนุโก เหฏฺา จ อุปริ จ วิตฺถิณฺโณ. เหฏฺา วา มชฺเฌ วาติ มุทิงฺคสณฺานสฺส เหฏฺา, ปณวสณฺานสฺส มชฺเฌ.
สปฺปผณสทิโส ปพฺพโตติ สปฺปผโณ วิย ขุชฺโช, มูลฏฺานโต อฺตฺถ อวนตสีโสติ อตฺโถ. อากาสปพฺภารนฺติ ภิตฺติยา อปริกฺขิตฺตปพฺภารํ. สีมปฺปมาโณติ อนฺโตอากาเสน สทฺธึ ปจฺฉิมสีมปฺปมาโณ. ‘‘โส จ ปาสาโณ สีมฏฺโ’’ติ อิมินา อีทิเสหิ สุสิรปาสาณเลณกุฏฺฏาทีหิ ปริจฺฉินฺเน ภูมิภาเค เอว สีมา ปติฏฺาติ, น อปริจฺฉินฺเน. เต ปน สีมฏฺตฺตา สีมา โหนฺติ, น สรูเปน สีมฏฺมฺจาทิ วิยาติ ทสฺเสติ. สเจ ปน โส สุสิรปาสาโณ ¶ ภูมึ อนาหจฺจ อากาสคโตว โอลมฺพติ, สีมา น โอตรติ. สุสิรปาสาณา ปน สยํ สีมาปฏิพทฺธตฺตา สีมา โหนฺติ. กถํ ปน ปจฺฉิมปฺปมาณรหิเตหิ เอเตหิ สุสิรปาสาณาทีหิ สีมา น โอตรตีติ อิทํ สทฺธาตพฺพนฺติ? อฏฺกถาปมาณโต.
อปิเจตฺถ สุสิรปาสาณภิตฺติอนุสาเรน มูสิกาทีนํ วิย สีมาย เหฏฺิมตเล โอตรณกิจฺจํ นตฺถิ. เหฏฺา ปน ปจฺฉิมสีมปฺปมาเณ อากาเส ทฺวงฺคุลมตฺตพหเลหิ ปาสาณภิตฺติอาทีหิปิ อุปริมตลํ อาหจฺจ ิเตหิ สพฺพโส, เยภุยฺเยน วา ปริจฺฉินฺเน สติ อุปริ พชฺฌมานา สีมา เตหิ ปาสาณาทีหิ อนฺตริตาย ตปฺปริจฺฉินฺนาย เหฏฺาภูมิยาปิ อุปริมตเลน สทฺธึ เอกกฺขเณ ปติฏฺาติ นทิปารสีมา วิย นทิอนฺตริเตสุ อุโภสุ ตีเรสุ, เลณาทีสุ อปนีเตสุปิ เหฏฺา โอติณฺณา สีมา ยาว สาสนนฺตรธานา น วิคจฺฉติ. ปมํ ปน อุปริ สีมาย พทฺธาย ปจฺฉา เลณาทีสุ กเตสุปิ เหฏฺาภูมิยํ สีมา โอตรติ เอว. เกจิ ตํ น อิจฺฉนฺติ. เอวํ อุภยตฺถ ปติฏฺิตา จ สา สีมา เอกาว โหติ โคตฺตาทิชาติ วิย พฺยตฺติเภเทสูติ คเหตพฺพํ. สพฺพา เอว หิ พทฺธสีมา, อพทฺธสีมา จ อตฺตโน อตฺตโน ปกตินิสฺสยภูเต คามารฺนทิอาทิเก เขตฺเต ยถาปริจฺเฉทํ สพฺพตฺถ สากลฺเยน เอกสฺมึ ขเณ พฺยาปินี ปรมตฺถโต อวิชฺชมานาปิ เต เต นิสฺสยภูเต ปรมตฺถธมฺเม, ตํ ตํ กิริยาวิเสสมฺปิ วา อุปาทาย โลกิเยหิ, สาสนิเกหิ ¶ จ ยถารหํ เอกตฺเตน ปฺตฺตตาย นิสฺสเยกรูปา เอว. ตถา หิ เอโก คาโม อรฺํ นที ชาตสฺสโร สมุทฺโทติ เอวํ โลเก,
‘‘สมฺมตา สา สีมา สงฺเฆน (มหาว. ๑๔๓). อคามเก เจ, ภิกฺขเว, อรฺเ สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตรา, อยํ ตตฺถ สมานสํวาสา เอกูโปสถา. สมนฺตา อุทกุกฺเขปา, อยํ ตตฺถ สมานสํวาสา เอกูโปสถา’’ติ (มหาว. ๑๔๗) –
อาทินา สาสเน จ เอกโวหาโร ทิสฺสติ. น หิ ปรมตฺถโต เอกสฺส อเนกธมฺเมสุ พฺยาปนมตฺถิ. กสิเณกเทสาทิวิกปฺปาสมานตาย เอกตฺตหานิโตติ อยํ โน มติ.
อสฺส เหฏฺาติ สปฺปผณปพฺพตสฺส เหฏฺา อากาสปพฺภาเร. เลณสฺสาติ เลณฺเจ กตํ, ตสฺส เลณสฺสาติ อตฺโถ. ตเมว ปุน เลณํ ปฺจหิ ปกาเรหิ วิกปฺเปตฺวา โอตรณาโนตรณวินิจฺฉยํ ทสฺเสตุํ อาห ‘‘สเจ ปน เหฏฺา’’ติอาทิ. ตตฺถ ‘‘เหฏฺา’’ติ อิมสฺส ‘‘เลณํ โหตี’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. เหฏฺา เลณฺจ เอกสฺมึ ปเทเสติ อาห ‘‘อนฺโต’’ติ, ปพฺพตสฺส อนฺโต, ปพฺพตมูเลติ อตฺโถ. ตเมว อนฺโต-สทฺทํ สีมาปริจฺเฉเทน วิเสเสตุํ ‘‘อุปริมสฺส สีมาปริจฺเฉทสฺส ปารโต’’ติ วุตฺตํ ¶ . ปพฺพตปาทํ ปน อเปกฺขิตฺวา ‘‘โอรโต’’ติ วตฺตพฺเพปิ สีมานิสฺสยํ ปพฺพตคฺคํ สนฺธาย ‘‘ปารโต’’ติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เตเนว ‘‘พหิเลณ’’นฺติ เอตฺถ พหิ-สทฺทํ วิเสเสนฺโต ‘‘อุปริมสฺส สีมาปริจฺเฉทสฺส โอรโต’’ติ อาห. พหิ สีมา น โอตรตีติ เอตฺถ พหีติ ปพฺพตปาเท เลณํ สนฺธาย วุตฺตํ, เลณสฺส พหิภูเต อุปริสีมาปริจฺเฉทสฺส เหฏฺาภาเค สีมา น โอตรตีติ อตฺโถ. อนฺโต สีมาติ เลณสฺส จ ปพฺพตปาทสฺส จ อนฺโต อตฺตโน โอตรณารหฏฺาเน น โอตรตีติ อตฺโถ. ‘‘พหิ สีมา น โอตรติ, อนฺโต สีมา น โอตรตี’’ติ เจตฺถ อตฺตโน โอตรณารหฏฺาเน เลณาภาเวน สีมาย สพฺพถา อโนตรณเมว ทสฺสิตนฺติ คเหตพฺพํ. ตตฺถาปิ อโนตรนฺตี อุปริ เอว โหตีติ. ‘‘พหิ ปติตํ อสีมา’’ติอาทินา อุปริปาสาทาทีสุ อถิรนิสฺสเยสุ ิตา สีมาปิ เตสํ วินาเสน วินสฺสตีติ ทสฺสิตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
โปกฺขรณึ ¶ ขณนฺติ, สีมาเยวาติ เอตฺถ สเจ เหฏฺา อุมงฺคนทิสีมปฺปมาณโต อนูนา ปมเมว จ ปวตฺตา โหติ. สีมา จ ปจฺฉา พทฺธา นทิโต อุปริ เอว โหติ, นทึ อาหจฺจ โปกฺขรณิยา จ ขตาย สีมา วินสฺสตีติ ทฏฺพฺพํ. เหฏฺาปถวิตเลติ อนฺตรา ภูมิวิวเร.
สีมามาฬเกติ ขณฺฑสีมงฺคเณ. ‘‘วฏรุกฺโข’’ติ อิทํ ปาโรโหปตฺถมฺเภน อติทูรมฺปิ คนฺตุํ สมตฺถสาขาสมงฺคิตาย วุตฺตํ. สพฺพรุกฺขลตาทีนมฺปิ สมฺพนฺโธ น วฏฺฏติ เอว. เตเนว นาวารชฺชุเสตุสมฺพนฺโธปิ ปฏิกฺขิตฺโต. ตโตติ สาขโต. มหาสีมาย ปถวิตลนฺติ เอตฺถ อาสนฺนตรมฺปิ คามสีมํ อคฺคเหตฺวา พทฺธสีมาย เอว คหิตตฺตา คามสีมาพทฺธสีมานํ อฺมฺํ รุกฺขาทิสมฺพนฺเธปิ สมฺเภทโทโส นตฺถิ, อฺมฺํ นิสฺสยนิสฺสิตภาเวน ปวตฺติโตติ คเหตพฺพํ. ยทิ หิ ตาสมฺปิ สมฺพนฺธโทโส ภเวยฺย, กถํ คามสีมาย พทฺธสีมา สมฺมนฺนิตพฺพา สิยา? ยสฺสา หิ สีมาย สทฺธึ สมฺพนฺเธ โทโส ภเวยฺย, สา ตตฺถ พนฺธิตุเมว น วฏฺฏติ, พทฺธสีมาอุทกุกฺเขปสีมาสุ พทฺธสีมา วิย, อตฺตโน นิสฺสยภูตคามสีมาทีสุ อุทกุกฺเขปสีมา วิย จ. เตเนว ‘‘สเจ ปน รุกฺขสฺส สาขา วา ตโต นิกฺขนฺตปาโรโห วา พหินทิตีเร วิหารสีมาย วา คามสีมาย วา ปติฏฺิโต’’ติอาทินา (มหาว. อฏฺ. ๑๔๗) อุทกุกฺเขปสีมาย อตฺตโน อนิสฺสยภูตคามสีมาทีหิ เอว สมฺพนฺธโทโส ทสฺสิโต, น นทิสีมายํ. เอวมิธาปีติ ทฏฺพฺพํ. อยฺจตฺโถ อุปริ ปากโฏ ภวิสฺสติ. อาหจฺจาติ ผุสิตฺวา.
มหาสีมํ วา โสเธตฺวาติ มหาสีมาคตานํ สพฺเพสํ ภิกฺขูนํ หตฺถปาสานยนพหิกรณาทิวเสน ¶ สกลํ มหาสีมํ โสเธตฺวา. เอเตน สพฺพวิปตฺติโย โมเจตฺวา ปุพฺเพ สุฏฺุ พทฺธานมฺปิ ทฺวินฺนํ พทฺธสีมานํ ปจฺฉา รุกฺขาทิสมฺพนฺเธน อุปฺปชฺชนโก อีทิโส ปาฬิมุตฺตโก สมฺเภทโทโส อตฺถีติ ทสฺเสติ. โส จ ‘‘น, ภิกฺขเว, สีมาย สีมา สมฺภินฺทิตพฺพา’’ติอาทินา พทฺธสีมานํ อฺมฺํ สมฺเภทชฺโฌตฺถรณํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สีมํ สมฺมนฺนนฺเตน สีมนฺตริกํ เปตฺวา สีมํ สมฺมนฺนิตุ’’นฺติ อุภินฺนํ (มหาว. ๑๔๘) พทฺธสีมานมนฺตรา สีมนฺตริกํ เปตฺวาว พนฺธิตุํ อนุชานนฺเตน สมฺเภทชฺโฌตฺถรณํ วิย ตาสํ อฺมฺํ ผุสิตฺวา ติฏฺนวเสน พนฺธนมฺปิ น วฏฺฏตีติ สิทฺธตฺตา พทฺธานมฺปิ ตาสํ ปจฺฉา อฺมฺํ เอกรุกฺขาทีหิ ¶ ผุสิตฺวา านมฺปิ น วฏฺฏตีติ ภควโต อธิปฺปายฺูหิ สงฺคีติการเกหิ นิทฺธาริโต. พนฺธนกาเล ปฏิกฺขิตฺตสฺส สมฺพนฺธโทสสฺส อนุโลเมน อกปฺปิยานุโลมตฺตา.
อยํ ปน สมฺพนฺธโทโส – ปุพฺเพ สุฏฺุ พทฺธานํ ปจฺฉา สฺชาตตฺตา พชฺฌมานกฺขเณ วิย อสีมตฺตํ กาตุํ น สกฺโกติ. ตสฺมา รุกฺขาทิสมฺพนฺเธ อปนีตมตฺเต ตา สีมา ปากติกา โหนฺติ. ยถา จายํ ปจฺฉา น วฏฺฏติ, เอวํ พชฺฌมานกฺขเณปิ ตาสํ รุกฺขาทิสมฺพนฺเธ สติ ตา พนฺธิตุํ น วฏฺฏตีติ ทฏฺพฺพํ.
เกจิ ปน ‘‘มหาสีมํ วา โสเธตฺวาติ เอตฺถ มหาสีมาคตา ภิกฺขู ยถา ตํ สาขํ วา ปาโรหํ วา กายปฏิพทฺเธหิ น ผุสนฺติ, เอวํ โสธนเมว อิธาธิปฺเปตํ, น สกลสีมาโสธน’’นฺติ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ อฏฺกถาย วิรุชฺฌนโต. ตถา หิ ‘‘มหาสีมาย ปถวิตลํ วา ตตฺถชาตรุกฺขาทีนิ วา อาหจฺจ ติฏฺตี’’ติ เอวํ สาขาปาโรหานํ มหาสีมํ ผุสิตฺวา านเมว สมฺพนฺธโทเส การณตฺเตน วุตฺตํ, น ปน ตตฺถ ิตภิกฺขูหิ สาขาทีนํ ผุสนํ. ยทิ หิ ภิกฺขูนํ สาขาทิ ผุสิตฺวา านเมว การณํ สิยา, ตสฺส สาขํ วา ตโต นิคฺคตปาโรหํ วา มหาสีมาย ปวิฏฺํ ตตฺรฏฺโ โกจิ ภิกฺขุ ผุสิตฺวา ติฏฺตีติ ภิกฺขุผุสนเมว วตฺตพฺพํ สิยา. ยฺหิ ตตฺถ มหาสีมาโสธเน การณํ, ตเทว ตสฺมึ วากฺเย ปธานโต ทสฺเสตพฺพํ. น หิ อาหจฺจ ิตเมว สาขาทึ ผุสิตฺวา ิโต ภิกฺขุ โสเธตพฺโพ อากาสฏฺสาขาทึ ผุสิตฺวา ิตสฺสาปิ โสเธตพฺพโต, กึ นิรตฺถเกน อาหจฺจฏฺานวจเนน. อากาสฏฺสาขาสุ จ ภิกฺขุโน ผุสนเมว การณตฺเตน วุตฺตํ, โสธนฺจ ตสฺเสว ภิกฺขุสฺส หตฺถปาสานยนาทิวเสน โสธนํ วุตฺตํ. อิธ ปน ‘‘มหาสีมํ โสเธตฺวา’’ติ สกลสีมาสาธารณวจเนน โสธนํ วุตฺตํ.
อปิจ สาขาทึ ผุสิตฺวา ิตภิกฺขุมตฺตโสธเน อภิมเต ‘‘มหาสีมาย ปถวิตล’’นฺติ วิเสสสีโมปาทานํ ¶ นิรตฺถกํ สิยา ยตฺถ กตฺถจิ อนฺตมโส อากาเสปิ ตฺวา สาขาทึ ผุสิตฺวา ิตสฺส วิโสเธตพฺพโต. ฉินฺทิตฺวา ¶ พหิฏฺกา กาตพฺพาติ ตตฺถ ปติฏฺิตภาววิโยชนวจนโต จ วิสภาคสีมานํ ผุสเนเนว สกลสีมาโสธนเหตุโก อฏฺกถาสิทฺโธยํ เอโก สมฺพนฺธโทโส อตฺเถวาติ คเหตพฺโพ. เตเนว อุทกุกฺเขปสีมากถายมฺปิ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๗) ‘‘วิหารสีมาย วา คามสีมาย วา ปติฏฺิโต’’ติ จ ‘‘นทิตีเร ปน ขาณุกํ โกฏฺเฏตฺวา ตตฺถ พทฺธนาวาย น วฏฺฏตี’’ติ จ ‘‘สเจ ปน เสตุ วา เสตุปาทา วา พหิตีเร ปติฏฺิตา, กมฺมํ กาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ จ เอวํ วิสภาคาสุ คามสีมาสุ สาขาทีนํ ผุสนเมว สงฺกรโทสการณตฺเตน วุตฺตํ, น ภิกฺขุผุสนํ. ตถา หิ ‘‘อนฺโตนทิยํ ชาตรุกฺเข พนฺธิตฺวา กมฺมํ กาตพฺพ’’นฺติ นทิยํ นาวาพนฺธนํ อนฺุาตํ อุทกุกฺเขปนิสฺสยตฺเตน นทิสีมาย สภาคตฺตา. ยทิ หิ ภิกฺขูนํ ผุสนเมว ปฏิจฺจ สพฺพตฺถ สมฺพนฺธโทโส วุตฺโต สิยา, นทิยมฺปิ พนฺธนํ ปฏิกฺขิปิตพฺพํ ภเวยฺย. ตตฺถาปิ หิ ภิกฺขุผุสนํ กมฺมโกปการณํ โหติ, ตสฺมา สภาคสีมาสุ ปวิสิตฺวา ภูมิอาทึ ผุสิตฺวา วา อผุสิตฺวา วา สาขาทิมฺหิ ิเต ตํ สาขาทึ ผุสนฺโตว ภิกฺขุ โสเธตพฺโพ. วิสภาคสีมาสุ ปน สาขาทิมฺหิ ผุสิตฺวา ิเต ตํ สาขาทึ อผุสนฺตาปิ สพฺเพ ภิกฺขู โสเธตพฺพา. อผุสิตฺวา ิเต ปน ตํ สาขาทึ ผุสนฺโตว ภิกฺขุ โสเธตพฺโพติ นิฏฺเมตฺถ คนฺตพฺพํ.
ยํ ปเนตฺถ เกจิ ‘‘พทฺธสีมานํ ทฺวินฺนํ อฺมฺํ วิย พทฺธสีมาคามสีมานมฺปิ ตทฺาสมฺปิ สพฺพาสํ สมานสํวาสกสีมานํ อฺมฺํ รุกฺขาทิสมฺพนฺเธ สติ ตทุภยมฺปิ เอกสีมํ วิย โสเธตฺวา เอกตฺเถว กมฺมํ กาตพฺพํ, อฺตฺถ กตํ กมฺมํ วิปชฺชติ, นตฺเถตฺถ สภาควิสภาคเภโท’’ติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ, สภาคสีมานํ อฺมฺํ สมฺเภทโทสาภาวสฺส วิสภาคสีมานเมว ตพฺภาวสฺส สุตฺตสุตฺตานุโลมาทิวินยนเยหิ สิทฺธตฺตา. ตถา หิ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สีมํ สมฺมนฺนิตุ’’นฺติ คามสีมายเมว พทฺธสีมํ สมฺมนฺนิตุํ อนฺุาตํ. ตาสํ นิสฺสยนิสฺสิตภาเวน สภาคตา, สมฺเภทชฺโฌตฺถรณาทิโทสาภาโว จ สุตฺตโตว สิทฺโธ. พนฺธนกาเล ปน อนฺุาตสฺส สมฺพนฺธสฺส อนุโลมโต ปจฺฉา สฺชาตรุกฺขาทิสมฺพนฺโธปิ ตาสํ วฏฺฏติ เอว. ‘‘ยํ, ภิกฺขเว…เป… กปฺปิยํ อนุโลเมติ อกปฺปิยํ ปฏิพาหติ. ตํ โว กปฺปตี’’ติ (มหาว. ๓๐๕) วุตฺตตฺตา. เอวํ ตาว พทฺธสีมาคามสีมานํ อฺมฺํ สภาคตา, สมฺเภทาทิโทสาภาโว จ ¶ สุตฺตสุตฺตานุโลมโต สิทฺโธ. อิมินา เอว นเยน อรฺสีมาสตฺตพฺภนฺตรสีมานํ, นทิอาทิอุทกุกฺเขปสีมานฺจ สุตฺตสุตฺตานุโลมโต อฺมฺํ สภาคตา, สมฺเภทาทิโทสาภาโว จ สิทฺโธติ เวทิตพฺโพ.
พทฺธสีมาย ¶ ปน อฺาย พทฺธสีมาย, นทิอาทิสีมาสุ จ พนฺธิตุํ ปฏิกฺเขปสิทฺธิโต เจว อุทกุกฺเขปสตฺตพฺภนฺตรสีมานํ นทิอาทีสุ เอว กาตุํ นิยมนสุตฺตสามตฺถิเยน พทฺธสีมาคามสีมาทีสุ กรณปฏิกฺเขปสิทฺธิโต จ ตาสํ อฺมฺํ วิสภาคตา, อุปฺปตฺติกฺขเณ, ปจฺฉา จ รุกฺขาทีหิ สมฺเภทาทิโทสสมฺภโว จ วุตฺตนเยน สุตฺตสุตฺตานุโลมโต จ สิชฺฌนฺติ. เตเนว อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๘) วิสภาคสีมานเมว วฏรุกฺขาทิวจเนหิ สมฺพนฺธโทสํ ทสฺเสตฺวา สภาคานํ พทฺธสีมาคามสีมาทีนํ สมฺพนฺธโทโส น ทสฺสิโต, น เกวลฺจ น ทสฺสิโต, อถ โข ตาสํ สภาคสีมานํ รุกฺขาทิสมฺพนฺเธปิ โทสาภาโว ปาฬิอฏฺกถาสุ าปิโต เอว. ตถา หิ ปาฬิยํ ‘‘ปพฺพตนิมิตฺตํ ปาสาณนิมิตฺตํ วนนิมิตฺตํ รุกฺขนิมิตฺต’’นฺติอาทินา วฑฺฒนกนิมิตฺตานิ อนฺุาตานิ. เตน เนสํ รุกฺขาทีนํ นิมิตฺตานํ วฑฺฒเนปิ พทฺธสีมาคามสีมานํ สงฺกรโทสาภาโว าปิโตว โหติ. ทฺวินฺนํ ปน พทฺธสีมานํ อีทิโส สมฺพนฺโธ น วฏฺฏติ. วุตฺตฺหิ ‘‘เอกรุกฺโขปิ จ ทฺวินฺนํ สีมานํ นิมิตฺตํ โหติ, โส ปน วฑฺฒนฺโต สีมาสงฺกรํ กโรติ, ตสฺมา น กาตพฺโพ’’ติ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติโยชนปรมํ สีมํ สมฺมนฺนิตุ’’นฺติ วจนโตปิ จายํ าปิโต. ติโยชนปรมาย หิ สีมาย สมนฺตา ปริยนฺเตสุ รุกฺขลตาคุมฺพาทีหิ พทฺธสีมาคามสีมานํ นิยเมน อฺมฺํ สมฺพนฺธสฺส สมฺภวโต ‘‘อีทิสํ สมฺพนฺธนํ วินาเสตฺวาว สีมา สมฺมนฺนิตพฺพา’’ติ อฏฺกถายมฺปิ น วุตฺตํ.
ยทิ เจตฺถ รุกฺขาทิสมฺพนฺเธน กมฺมวิปตฺติ ภเวยฺย, อวสฺสเมว วตฺตพฺพํ สิยา. วิปตฺติปริหารตฺถฺหิ อาจริยา นิราสงฺกฏฺาเนสุปิ ‘‘ภิตฺตึ อกิตฺเตตฺวา’’ติอาทินา สิทฺธเมวตฺถํ ปุนปฺปุนํ อโวจุํ. อิธ ปน ‘‘วนมชฺเฌ วิหารํ กโรนฺติ, วนํ น กิตฺเตตพฺพ’’นฺติอาทิรุกฺขลตาทีหิ นิรนฺตเร วนมชฺเฌปิ สีมาพนฺธนเมว อโวจุํ. ตถา ถมฺภานํ อุปริ กตปาสาทาทีสุ เหฏฺา ถมฺภาทีหิ เอกาพทฺเธสุ อุปริมตลาทีสุ สีมาพนฺธนํ พหุธา วุตฺตํ. ตสฺมา พทฺธสีมาคามสีมานํ รุกฺขาทิสมฺพนฺโธ เตหิ มุขโตว วิหิโต. อปิจ คามสีมานมฺปิ ปาเฏกฺกํ พทฺธสีมาสทิสตาย เอกิสฺสา คามสีมาย กมฺมํ ¶ กโรนฺเตหิ ทพฺพติณมตฺเตนาปิ สมฺพนฺธา คามนฺตรปรมฺปรา อรฺนทิสมุทฺทา จ โสเธตพฺพาติ สกลทีปํ โสเธตฺวาว กาตพฺพํ สิยา. เอวํ ปน อโสเธตฺวา ปมมหาสงฺคีติกาลโต ปภุติ กตานํ อุปสมฺปทาทิกมฺมานํ, สีมาสมฺมุตีนฺจ วิปชฺชนโต สพฺเพสมฺปิ ภิกฺขูนํ อนุปสมฺปนฺนสงฺกาปสงฺโค จ ทุนฺนิวาโร โหติ. น เจตํ ยุตฺตํ. ตสฺมา วุตฺตนเยเนว วิสภาคสีมานเมว รุกฺขาทีหิ สมฺพนฺธโทโส, น พทฺธสีมาคามสีมาทีนํ สภาคสีมานนฺติ คเหตพฺพํ.
มหาสีมาโสธนสฺส ทุกฺกรตาย ขณฺฑสีมายเมว เยภุยฺเยน สงฺฆกมฺมกรณนฺติ อาห ‘‘สีมามาฬเก’’ติอาทิ ¶ . มหาสงฺฆสนฺนิปาเต ปน ขณฺฑสีมาย อปฺปโหนกตาย มหาสีมาย กมฺเม กริยมาเนปิ อยํ นโย คเหตพฺโพว.
‘‘อุกฺขิปาเปตฺวา’’ติ อิมินา กายปฏิพทฺเธนปิ สีมํ ผุสนฺโต สีมฏฺโว โหตีติ ทสฺเสติ. ปุริมนเยปีติ ขณฺฑสีมโต มหาสีมํ ปวิฏฺสาขานเยปิ. สีมฏฺรุกฺขสาขาย นิสินฺโน สีมฏฺโว โหตีติ อาห ‘‘หตฺถปาสเมว อาเนตพฺโพ’’ติ. เอตฺถ จ รุกฺขสาขาทีหิ อฺมฺํ สมฺพนฺธาสุ เอตาสุ ขนฺธสีมายํ ตโย ภิกฺขู, มหาสีมายํ ทฺเวติ เอวํ ทฺวีสุ สีมาสุ สีมนฺตริกํ อผุสิตฺวา, หตฺถปาสฺจ อวิชหิตฺวา ิเตหิ ปฺจหิ ภิกฺขูหิ อุปสมฺปทาทิกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตีติ เกจิ วทนฺติ. ตํ น ยุตฺตํ ‘‘นานาสีมาย ิตจตุตฺโถ กมฺมํ กเรยฺย, อกมฺมํ, น จ กรณีย’’นฺติอาทิ (มหาว. ๓๘๙) วจนโต. เตเนเวตฺถาปิ มหาสีมํ โสเธตฺวา มาฬกสีมายเมว กมฺมกรณํ วิหิตํ. อฺถา ภินฺนสีมฏฺตาย ตตฺรฏฺสฺส คณปูรกตฺตาภาวา กมฺมโกโปว โหตีติ.
ยทิ เอวํ กถํ ฉนฺทปาริสุทฺธิอาหรณวเสน มหาสีมาโสธนนฺติ? ตมฺปิ วินยฺู น อิจฺฉนฺติ, หตฺถปาสานยนพหิสีมากรณวเสเนว ปเนตฺถ โสธนํ อิจฺฉนฺติ, ทินฺนสฺสาปิ ฉนฺทสฺส อนาคมเนน มหาสีมฏฺโ กมฺมํ โกเปตีติ. ยทิ จสฺส ฉนฺทาทิ นาคจฺฉติ, กถํ โส กมฺมํ โกเปสฺสตีติ? ทฺวินฺนํ วิสภาคสีมานํ สมฺพนฺธโทสโต. โส จ สมฺพนฺธโทโส อฏฺกถาวจนปฺปมาณโต. น หิ วินเย สพฺพตฺถ ยุตฺติ สกฺกา าตุํ พุทฺธโคจรตฺตาติ เวทิตพฺพํ. เกจิ ปน ‘‘สเจ ทฺเวปิ สีมาโย ปูเรตฺวา นิรนฺตรํ ¶ ิเตสุ ภิกฺขูสุ กมฺมํ กโรนฺเตสุ เอกิสฺสา เอว สีมาย คโณ จ อุปสมฺปทาเปกฺโข จ อนุสฺสาวโก จ เอกโต ติฏฺติ, กมฺมํ สุกตเมว โหติ. สเจ ปน กมฺมารโห วา อนุสฺสาวโก วา สีมนฺตรฏฺโ โหติ, กมฺมํ วิปชฺชตี’’ติ วทนฺติ, ตฺจ พทฺธสีมาคามสีมาทิสภาคสีมาสุ เอว ยุชฺชติ, ยาสุ อฺมฺํ รุกฺขาทิสมฺพนฺเธสุปิ โทโส นตฺถิ. ยาสุ ปน อตฺถิ, น ตาสุ วิสภาคสีมาสุ รุกฺขาทิสมฺพนฺเธ สติ เอกตฺถ ิโต อิตรฏฺานํ กมฺมํ โกเปติ เอว อฏฺกถายํ สามฺโต โสธนสฺส วุตฺตตฺตาติ อมฺหากํ ขนฺติ. วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ.
น โอตรตีติ ปณวสณฺานปพฺพตาทีสุ เหฏฺา ปมาณรหิตฏฺานํ น โอตรติ. กิฺจาปิ ปเนตฺถ พชฺฌมานกฺขเณ อุทฺธมฺปิ ปมาณรหิตํ ปพฺพตาทีนิ นาโรหติ, ตถาปิ ตํ ปจฺฉา สีมฏฺตาย สีมา โหติ. เหฏฺา ปณวสณฺานาทิ ปน อุปริ พทฺธายปิ สีมาย สีมาสงฺขฺยํ น คจฺฉติ, ตสฺส วเสน น โอตรตีติ วุตฺตํ, อิตรถา โอโรหณาโรหณานํ สาธารณวเสน ‘‘น โอตรตี’’ติอาทินา ¶ วตฺตพฺพโต. ยํ กิฺจีติ นิฏฺิตสีมาย อุปริ ชาตํ วิชฺชมานํ ปุพฺเพ ิตํ, ปจฺฉา สฺชาตํ, ปวิฏฺฺจ ยํกิฺจิ สวิฺาณกาวิฺาณกํ สพฺพมฺปีติ อตฺโถ. อนฺโตสีมาย หิ หตฺถิกฺขนฺธาทิสวิฺาณเกสุ นิสินฺโนปิ ภิกฺขุ สีมฏฺโว โหติ. ‘‘พทฺธสีมายา’’ติ อิทฺจ ปกรณวเสน อุปลกฺขณโต วุตฺตํ. อพทฺธสีมาสุปิ สพฺพาสุ ิตํ ตํ สีมาสงฺขฺยเมว คจฺฉติ.
เอกสมฺพทฺเธน คตนฺติ รุกฺขลตาทิตตฺรชาตเมว สนฺธาย วุตฺตํ. ตาทิสมฺปิ ‘‘อิโต คต’’นฺติ วตฺตพฺพตํ อรหติ. ยํ ปน ‘‘อิโต คต’’นฺติ วา ‘‘ตโต อาคต’’นฺติ วา วตฺตุํ อสกฺกุเณยฺยํ อุโภสุ พทฺธสีมาคามสีมาสุ, อุทกุกฺเขปนทิอาทีสุ จ ติริยํ ปติตรชฺชุทณฺฑาทิ, ตตฺถ กึ กาตพฺพนฺติ? เอตฺถ ปน พทฺธสีมาย ปติฏฺิตภาโค พทฺธสีมา, อพทฺธคามสีมาย ปติฏฺิตภาโค คามสีมา ตทุภยสีมฏฺปพฺพตาทิ วิย. พทฺธสีมโต อุฏฺิตวฏรุกฺขสฺส ปาโรเห, คามสีมาย คามสีมโต อุฏฺิตวฏรุกฺขสฺส ปาโรเห จ พทฺธสีมาย ปติฏฺิเตปิ เอเสว นโย. มูลปติฏฺิตกาลโต หิ ปฏฺาย ‘‘อิโต คตํ, ตโต อาคต’’นฺติ วตฺตุํ อสกฺกุเณยฺยโต โส ภาโค ยถาปวิฏฺสีมาสงฺขฺยเมว คจฺฉติ, เตสํ รุกฺขปาโรหานํ อนฺตรา ปน อากาสฏฺสาขา ภูมิยํ สีมาปริจฺเฉทปฺปมาเณน ¶ ตทุภยสีมา โหตีติ เกจิ วทนฺติ. ยสฺมา ปนสฺส สาขาย ปาโรโห ปวิฏฺสีมาย ปถวิยํ มูเลหิ ปติฏฺหิตฺวาปิ ยาว สาขํ วินา าตุํ น สกฺโกติ, ตาว มูลสีมฏฺตํ น วิชหติ. ยทา ปน วินา าตุํ สกฺโกติ, ตทาปิ ปาโรหมตฺตเมว ปวิฏฺสีมฏฺตํ สมุเปติ. ตสฺมา สพฺโพปิ อากาสฏฺสาขาภาโค ปุริมสีมฏฺตํ น วิชหติ, ตโต อาคตภาคสฺส อวิชหิตตฺตาติ อมฺหากํ ขนฺติ. อุทกุกฺเขปนทิอาทีสุปิ เอเสว นโย. ตตฺถ จ วิสภาคสีมาย เอวํ ปวิฏฺเ สกลสีมาโสธนํ, สภาคาย ปวิฏฺเ ผุสิตฺวา ิตมตฺตภิกฺขุโสธนฺจ สพฺพํ ปุพฺเพ วุตฺตนยเมว.
๑๔๐. ปารยตีติ อชฺโฌตฺถรติ, นทิยา อุโภสุ ตีเรสุ ปติฏฺมานา สีมา นทิอชฺโฌตฺถรา นาม โหตีติ อาห ‘‘นทึอชฺโฌตฺถรมาน’’นฺติ. อนฺโตนทิยฺหิ สีมา น โอตรติ. นทิลกฺขเณ ปน อสติ โอตรติ, สา จ ตทา นทิปารสีมา น โหตีติ อาห ‘‘นทิยา ลกฺขณํ นทินิมิตฺเต วุตฺตนยเมวา’’ติ. อสฺสาติ ภเวยฺย. อวสฺสํ ลพฺภเนยฺยา ปน ธุวนาวาว โหตีติ สมฺพนฺโธ. ‘‘น นาวายา’’ติ อิมินา นาวํ วินาปิ สีมา พทฺธา สุพทฺธา เอว โหติ, อาปตฺติปริหารตฺถา นาวาติ ทสฺเสติ.
รุกฺขสงฺฆาฏมโยติ ¶ อเนกรุกฺเข เอกโต ฆเฏตฺวา กตเสตุ. รุกฺขํ ฉินฺทิตฺวา กโตติ ปาเสโส. ‘‘สพฺพนิมิตฺตานํ อนฺโต ิเต ภิกฺขู หตฺถปาสคเต กตฺวา’’ติ อิทํ อุภินฺนํ ตีรานํ เอกคามเขตฺตภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ. ปพฺพตสณฺานาติ เอกโต อุคฺคตทีปสิขรตฺตา วุตฺตํ.
สีมานุชานนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อุโปสถาคาราทิกถาวณฺณนา
๑๔๑. สมูหนิตฺวาติ วินาเสตฺวา, อุทฺธริตฺวาติ อตฺโถ. อิทฺจ อาปตฺติปริหารตฺถํ วุตฺตํ.
๑๔๒. ยานิ กานิจีติ อิธ นิมิตฺตานํ สีมาย ปาฬิยํ สรูปโต อวุตฺตตฺตา วุตฺตํ.
อุโปสถาคาราทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อวิปฺปวาสสีมานุชานนกถาวณฺณนา
๑๔๓. อฏฺารสาติ ¶ อนฺธกวินฺทวิหารมฺปิ อุปาทาย วุจฺจติ. เนสํ สีมาติ เตสุ มหาวิหาเรสุ. ‘‘มน’’นฺติ อิมสฺส วิวรณํ อีสกนฺติ, อีสกํ วุฬฺโหติ อตฺโถ. อิมเมวตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปฺปตฺตวุฬฺหภาโว อโหสี’’ติ วุตฺตํ. อมนสิกโรนฺโตติ อิทฺธิยา อนติกฺกมสฺส การณํ วุตฺตํ.
๑๔๔. โสติ ภิกฺขุนิสงฺโฆ. ทฺเวปีติ ทฺเว สมานสํวาสอวิปฺปวาสาโย. อวิปฺปวาสสีมาติ มหาสีมํ สนฺธาย วทติ. ตตฺเถว เยภุยฺเยน อวิปฺปวาสาติ.
‘‘อวิปฺปวาสํ อชานนฺตาปี’’ติ อิทํ มหาสีมาย วิชฺชมานาวิชฺชมานตฺตํ, ตสฺสา พาหิรปริจฺเฉทฺจ อชานนฺตานํ วเสน วุตฺตํ. เอวํ อชานนฺเตหิปิ อนฺโตสีมาย ตฺวา กมฺมวาจาย กตาย สา สีมา สมูหตาว โหตีติ อาห ‘‘สมูหนิตฺุเจว พนฺธิตฺุจ สกฺขิสฺสนฺตี’’ติ. นิราสงฺกฏฺาเนติ ขณฺฑสีมารหิตฏฺาเน. อิทฺจ มหาสีมาย วิชฺชมานายปิ กมฺมกรณสุขตฺถํ ขณฺฑสีมา อิจฺฉิตาติ ตํ เจติยงฺคณาทิพหุสนฺนิปาตฏฺาเน น พนฺธตีติ วุตฺตํ. ตตฺถาปิ ¶ สา พทฺธา สุพทฺธา เอว มหาสีมา วิย. ‘‘ปฏิพนฺธิตุํ ปน น สกฺขิสฺสนฺเตวา’’ติ อิทํ ขณฺฑสีมาย อสมูหตตฺตา, ตสฺสา อวิชฺชมานตฺตสฺส อชานนโต จ มหาสีมาพนฺธนํ สนฺธาย วุตฺตํ. ขณฺฑสีมํ ปน นิราสงฺกฏฺาเน พนฺธิตุํ สกฺขิสฺสนฺเตว. สีมาสมฺเภทํ กตฺวาติ ขณฺฑสีมาย วิชฺชมานปกฺเข สีมาย สีมํ อชฺโฌตฺถรณสมฺเภทํ กตฺวา อวิชฺชมานปกฺเขปิ สมฺเภทสงฺกาย อนิวตฺตเนน สมฺเภทสงฺกํ กตฺวา. อวิหารํ กเรยฺยุนฺติ สงฺฆกมฺมานารหํ กเรยฺยุํ. ปุพฺเพ หิ เจติยงฺคณาทินิราสงฺกฏฺาเน กมฺมํ กาตุํ สกฺกา, อิทานิ ตมฺปิ วินาสิตนฺติ อธิปฺปาโย. น สมูหนิตพฺพาติ ขณฺฑสีมํ อชานนฺเตหิ น สมูหนิตพฺพา. อุโภปิ น ชานนฺตีติ อุภินฺนํ ปเทสนิยมํ วา ตาสํ ทฺวินฺนมฺปิ วา อฺตราย วา วิชฺชมานตํ วา อวิชฺชมานตํ วา น ชานนฺติ, สพฺพตฺถ สงฺกา เอว โหติ. ‘‘เนว สมูหนิตุํ, น พนฺธิตุํ สกฺขิสฺสนฺตี’’ติ อิทํ นิราสงฺกฏฺาเน ตฺวา สมูหนิตุํ สกฺโกนฺโตปิ มหาสีมํ ปฏิพนฺธิตุํ น สกฺโกนฺตีติ อิมมตฺถํ สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘น จ สกฺกา…เป… กมฺมวาจํ กาตุ’’นฺติ อิทํ สีมาพนฺธนกมฺมวาจํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตสฺมาติ ยสฺมา พนฺธิตุํ น สกฺกา, ตสฺมา น สมูหนิตพฺพาติ อตฺโถ.
เกจิ ¶ ปน ‘‘อีทิเสสุ วิหาเรสุ ฉปฺจมตฺเต ภิกฺขู คเหตฺวา วิหารโกฏิโต ปฏฺาย วิหารปริกฺเขปสฺส อนฺโต จ พหิ จ สมนฺตา เลฑฺฑุปาเต สพฺพตฺถ มฺจปฺปมาเณ โอกาเส นิรนฺตรํ ตฺวา ปมํ อวิปฺปวาสสีมํ, ตโต สมานสํวาสกสีมฺจ สมูหนนวเสน สีมาย สมุคฺฆาเต กเต ตสฺมึ วิหาเร ขณฺฑสีมาย, มหาสีมายปิ วา วิชฺชมานตฺเต สติ อวสฺสํ เอกสฺมึ มฺจฏฺาเน ตาสํ มชฺฌคตา เต ภิกฺขู ตา สมูหเนยฺยุํ, ตโต คามสีมา เอว อวสิสฺเสยฺย. น เหตฺถ สีมาย, ตปฺปริจฺเฉทสฺส วา ชานนํ องฺคํ. สีมาย ปน อนฺโตานํ, ‘‘สมูหนิสฺสามา’’ติ กมฺมวาจาย กรณฺเจตฺถ องฺคํ. อฏฺกถายํ ‘ขณฺฑสีมํ ปน ชานนฺตา อวิปฺปวาสํ อชานนฺตาปิ สมูหนิตฺุเจว พนฺธิตฺุจ สกฺขิสฺสนฺตี’ติ เอวํ มหาสีมาย ปริจฺเฉทสฺส อชานเนปิ สมูหนสฺส วุตฺตตฺตา. คามสีมาย เอว จ อวสิฏฺาย ตตฺถ ยถารุจิ ทุวิธมฺปิ สีมํ พนฺธิตฺุเจว อุปสมฺปทาทิกมฺมํ กาตฺุจ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, ตํ ยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ. วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ.
อวิปฺปวาสสีมานุชานนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
คามสีมาทิกถาวณฺณนา
๑๔๗. ปาฬิยํ ¶ ‘‘อสมฺมตาย, ภิกฺขเว, สีมายา’’ติอาทินา คามสีมา เอว พทฺธสีมาย เขตฺตํ, อรฺนทิอาทโย วิย สตฺตพฺภนฺตรอุทกุกฺเขปาทีนํ. สา จ คามสีมา พทฺธสีมาวิรหิตฏฺาเน สยเมว สมานสํวาสา โหตีติ ทสฺเสติ. ยา ตสฺส วา คามสฺส คามสีมาติ เอตฺถ คามสีมาปริจฺเฉทสฺส อนฺโต จ พหิ จ เขตฺตวตฺถุอรฺปพฺพตาทิกํ สพฺพํ คามเขตฺตํ สนฺธาย ‘‘คามสฺสา’’ติ วุตฺตํ, น อนฺตรฆรเมว. ตสฺมา ตสฺส สกลสฺส คามเขตฺตสฺส สมฺพนฺธนียา คามสีมาติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ. โย หิ โส อนฺตรฆรเขตฺตาทีสุ อเนเกสุ ภูมิภาเคสุ ‘‘คาโม’’ติ เอกตฺเตน โลกชเนหิ ปฺตฺโต คามโวหาโร, โสว อิธ ‘‘คามสีมา’’ติปิ วุจฺจตีติ อธิปฺปาโย, คาโม เอว หิ คามสีมา. อิมินาว นเยน อุปริ อรฺํ นที สมุทฺโท ชาตสฺสโรติ เอวํ เตสุ ภูมิปฺปเทเสสุ เอกตฺเตน โลกชนปฺตฺตานเมว อรฺาทีนํ อรฺสีมาทิภาโว เวทิตพฺโพ. โลเก ปน คามสีมาทิโวหาโร คามาทีนํ ¶ มริยาทายเมว วตฺตุํ วฏฺฏติ, น คามเขตฺตาทีสุ สพฺพตฺถ. สาสเน ปน เต คามาทโย อิตรนิวตฺติอตฺเถน สยเมว อตฺตโน มริยาทาติ กตฺวา คาโม เอว คามสีมา, อรฺเมว อรฺสีมา…เป… สมุทฺโท เอว สมุทฺทสีมาติ สีมาโวหาเรน วุตฺตาติ เวทิตพฺพา.
‘‘นิคมสฺส วา’’ติ อิทํ คามสีมปฺปเภทํ สพฺพํ อุปลกฺขณวเสน ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘นครมฺปิ คหิตเมวา’’ติ. ‘‘พลึ ลภนฺตี’’ติ อิทํ เยภุยฺยวเสน วุตฺตํ, ‘‘อยํ คาโม เอตฺตโก กรีสภาโค’’ติอาทินา ปน ราชปณฺเณสุ อาโรปิเตสุ ภูมิภาเคสุ ยสฺมึ ยสฺมึ ตฬากมาติกาสุสานปพฺพตาทิเก ปเทเส พลึ น คณฺหนฺติ, โสปิ คามสีมา เอว. ราชาทีหิ ปริจฺฉินฺนภูมิภาโค หิ สพฺโพว เปตฺวา นทิโลณิชาตสฺสเร คามสีมาติ เวทิตพฺโพ. เตนาห ‘‘ปริจฺฉินฺทิตฺวา ราชา กสฺสจิ เทตี’’ติ. สเจ ปน ตตฺถ ราชา กฺจิ ปเทสํ คามนฺตเรน โยเชติ, โส ปวิฏฺคามสีมตํ เอว ภชติ, นทิชาตสฺสเรสุ วินาเสตฺวา ตฬากาทิภาวํ วา ปูเรตฺวา เขตฺตาทิภาวํ วา ปาปิเตสุปิ เอเสว นโย.
เย ปน คามา ราชโจราทิภยปีฬิเตหิ มนุสฺเสหิ ฉฑฺฑิตา จิรมฺปิ นิมฺมนุสฺสา ติฏฺนฺติ, สมนฺตา ปน คามา สนฺติ, เตปิ ปาเฏกฺกํ คามสีมาว. เตสุ หิ ราชาโน สมนฺตคามวาสีหิ กสาเปตฺวา วา เยหิ เกหิจิ กสิตฏฺานํ ลิขิตฺวา วา พลึ คณฺหนฺติ, อฺเน วา คาเมน เอกีภาวํ วา อุปเนนฺติ. เย ปน คามา ราชูหิปิ ปริจฺจตฺตา คามเขตฺตานนฺตริกา มหารฺเน เอกีภูตา, เต อคามการฺสีมตํ ปาปุณนฺติ, ปุริมา คามสีมา ¶ วินสฺสติ. ราชาโน ปน เอกสฺมึ อรฺาทิปฺปเทเส มหนฺตํ คามํ กตฺวา อเนกสหสฺสานิ กุลานิ วาสาเปตฺวา ตตฺถ วาสีนํ โภคคามาติ สมนฺตา ภูตคาเม ปริจฺฉินฺทิตฺวา เทนฺติ. ปุราณนามํ, ปน ปริจฺเฉทฺจ น วินาเสนฺติ, เตปิ ปจฺเจกํ คามสีมา เอว. เอตฺตาวตา ปุริมคามสีมตฺตํ น วิชหนฺติ. สา จ อิตรา จาติอาทิ ‘‘สมานสํวาสา เอกูโปสถา’’ติ ปาฬิปทสฺส อธิปฺปายวิวรณํ. ตตฺถ หิ สา จ ราชิจฺฉาวเสน ปริวตฺติตฺวา สมุปฺปนฺนา อภินวา, อิตรา จ อปริวตฺตา ปกติคามสีมา, ยถา พทฺธสีมาย สพฺพํ สงฺฆกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ, เอวเมตาปิ สพฺพกมฺมารหตาสทิเสน พทฺธสีมาสทิสา, สา สมานสํวาสา เอกูโปสถาติ ¶ อธิปฺปาโย. สามฺโต ‘‘พทฺธสีมาสทิสา’’ติ วุตฺเต ติจีวราวิปฺปวาสสีมํ พทฺธสีมํ เอว มฺนฺตีติ ตํสทิสตานิวตฺตนมุเขน อุปริ สตฺตพฺภนฺตรสีมาย ตํสทิสตาปิ อตฺถีติ ทสฺสนนยสฺส อิเธว ปสงฺคํ ทสฺเสตุํ ‘‘เกวล’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.
วิฺฌาฏวิสทิเส อรฺเติ ยตฺถ ‘‘อสุกคามสฺส อิทํ เขตฺต’’นฺติ คามโวหาโร นตฺถิ, ยตฺถ จ น กสนฺติ น วปนฺติ, ตาทิเส อรฺเ. มจฺฉพนฺธานํ อคมนปถา นิมฺมนุสฺสาวาสา สมุทฺทนฺตรทีปกาปิ เอตฺเถว สงฺคยฺหนฺติ. ยํ ยฺหิ อคามเขตฺตภูตํ นทิสมุทฺทชาตสฺสรวิรหิตํ ปเทสํ, ตํ สพฺพํ อรฺสีมาติ เวทิตพฺพํ. สา จ สตฺตพฺภนฺตรสีมํ วินาว สยเมว สมานสํวาสา พทฺธสีมาสทิสา. นทิอาทิสีมาสุ วิย สพฺพเมตฺถ สงฺฆกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ. นทิสมุทฺทชาตสฺสรานํ ตาว อฏฺกถายํ ‘‘อตฺตโน สภาเวเนว พทฺธสีมาสทิสา’’ติอาทินา วุตฺตตฺตา สีมตา สิทฺธา. อรฺสฺส ปน สีมตา กถนฺติ? สตฺตพฺภนฺตรสีมานุชานนสุตฺตาทิสามตฺถิยโต. ยถา หิ คามสีมาย วคฺคกมฺมปริหารตฺถํ พหู พทฺธสีมาโย อนฺุาตา, ตาสฺจ ทฺวินฺนมนฺตรา อฺมฺํ อสมฺเภทตฺถํ สีมนฺตริกา อนฺุาตา, เอวมิธารฺเปิ สตฺตพฺภนฺตรสีมา. ตาสฺจ ทฺวินฺนํ อนฺตรา สีมนฺตริกาย ปาฬิอฏฺกถาสุปิ วิธานสามตฺถิยโต อรฺสฺสปิ สภาเวเนว นทิอาทีนํ วิย สีมาภาโว ตตฺถ วคฺคกมฺมปริหารตฺถเมว สตฺตพฺภนฺตรสีมาย อนฺุาตตฺตาว สิทฺโธติ เวทิตพฺโพ. ตตฺถ สีมายเมว หิ ิตา สีมฏฺานํ วคฺคกมฺมํ กโรนฺติ, น อสีมายํ อากาเส ิตา วิย อากาสฏฺานํ. เอวเมว หิ สามตฺถิยํ คเหตฺวา ‘‘สพฺพา, ภิกฺขเว, นที อสีมา’’ติอาทินา ปฏิกฺขิตฺตพทฺธสีมานมฺปิ นทิสมุทฺทชาตสฺสรานํ อตฺตโน สภาเวเนว สีมาภาโว อฏฺกถายํ วุตฺโตติ คเหตพฺโพ.
อถสฺส ิโตกาสโตติ อสฺส ภิกฺขุสฺส ิโตกาสโต. สเจปิ หิ ภิกฺขุสหสฺสํ ติฏฺติ, ตสฺส ิโตกาสสฺส พาหิรนฺตโต ปฏฺาย ภิกฺขูนํ วคฺคกมฺมปริหารตฺถํ สีมาเปกฺขาย อุปฺปนฺนาย ¶ ตาย สห สยเมว สฺชาตา สตฺตพฺภนฺตรสีมา สมานสํวาสาติ อธิปฺปาโย. ยตฺถ ปน ขุทฺทเก อรฺเ มหนฺเตหิ ภิกฺขูหิ ปริปุณฺณตาย วคฺคกมฺมสงฺกาภาเวน สตฺตพฺภนฺตรสีมาเปกฺขา นตฺถิ, ตตฺถ สตฺตพฺภนฺตรสีมา น อุปฺปชฺชติ, เกวลารฺสีมายเมว, ตตฺถ สงฺเฆน กมฺมํ กาตพฺพํ. นทิอาทีสุปิ เอเสว นโย. วกฺขติ หิ ‘‘สเจ นที นาติทีฆา โหติ, ปภวโต ¶ ปฏฺาย ยาว มุขทฺวารา สพฺพตฺถ สงฺโฆ นิสีทติ, อุทกุกฺเขปสีมากมฺมํ นตฺถี’’ติอาทิ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๗). อิมินา เอว จ วจเนน วคฺคกมฺมปริหารตฺถํ สีมาเปกฺขาย สติ เอว อุทกุกฺเขปสตฺตพฺภนฺตรสีมา อุปฺปชฺชนฺติ, นาสตีติ ทฏฺพฺพํ.
เกจิ ปน ‘‘สมนฺตา อพฺภนฺตรํ มินิตฺวา ปริจฺเฉทกรเณเนว สีมา สฺชายติ, น สยเมวา’’ติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ. ยทิ หิ อพฺภนฺตรปริจฺเฉทกรณปฺปกาเรน สีมา อุปฺปชฺเชยฺย, อพทฺธสีมา จ น สิยา ภิกฺขูนํ กิริยาปการสิทฺธิโต. อปิจ วฑฺฒกีหตฺถานํ, ปกติหตฺถานฺจ โลเก อเนกวิธตฺตา, วินเย อีทิสํ หตฺถปฺปมาณนฺติ อวุตฺตตฺตา จ เยน เกนจิ มินิเต จ ภควตา อนฺุาเตน นุ โข หตฺเถน มินิตํ, น นุ โขติ สีมาย วิปตฺติสงฺกา ภเวยฺย. มินนฺเตหิ จ อณุมตฺตมฺปิ อูนมธิกํ อกตฺวา มินิตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย วิปตฺติ เอว สิยา. ปริสวเสน จายํ วฑฺฒมานา เตสํ มินเนน วฑฺฒติ วา หายติ วา. สงฺเฆ จ กมฺมํ กตฺวา คเต อยํ ภิกฺขูนํ ปโยเคน สมุปฺปนฺนสีมา เตสํ ปโยเคน วิคจฺฉติ น วิคจฺฉติ จ. กถํ พทฺธสีมา วิย ยาว สาสนนฺตรธานา น ติฏฺเยฺย, ิติยา จ ปุราณวิหาเรสุ วิย สกเลปิ อรฺเ กถํ สีมาสมฺเภทสงฺกา น ภเวยฺย. ตสฺมา สีมาเปกฺขาย เอว สมุปฺปชฺชติ, ตพฺพิคเมน วิคจฺฉตีติ คเหตพฺพํ. ยถา เจตฺถ, เอวํ อุทกุกฺเขปสีมายมฺปิ นทิอาทีสุปิ.
ตตฺถาปิ หิ มชฺฌิมปุริโส น ายติ. ตถา สพฺพถาเมน ขิปนํ อุภยตฺถาปิ จ ยสฺสํ ทิสายํ สตฺตพฺภนฺตรสฺส, อุทกุกฺเขปสฺส วา โอกาโส น ปโหติ, ตตฺถ กถํ มินนํ, ขิปนํ วา ภเวยฺย? คามเขตฺตาทีสุ ปวิสนโต อเขตฺเต สีมา ปวิฏฺา นามาติ สีมา วิปชฺเชยฺย. อเปกฺขาย สีมุปฺปตฺติยํ ปน ยโต ปโหติ, ตตฺถ สตฺตพฺภนฺตรอุทกุกฺเขปสีมา สยเมว ปริปุณฺณา ชายนฺติ. ยโต ปน น ปโหติ, ตตฺถ อตฺตโน เขตฺตปฺปมาเณเนว ชายนฺติ, น พหิ. ยํ ปเนตฺถ อพฺภนฺตรมินนปมาณสฺส, วาลุกาทิขิปนกมฺมสฺส จ ทสฺสนํ, ตํ สฺชาตสีมานํ ิตฏฺานสฺส ปริจฺเฉทนตฺถํ กตํ คามูปจารฆรูปจารชานนตฺถํ เลฑฺฑุสุปฺปาทิขิปนวิธานทสฺสนํ วิย. เตเนว มาติกาฏฺกถายํ ‘‘สีมํ วา สมฺมนฺนติ อุทกุกฺเขปํ วา ปริจฺฉินฺทตี’’ติ วุตฺตํ (กงฺขา. อฏฺ. อูนวีสติวสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา). เอวํ กเตปิ ตสฺส ¶ ปริจฺเฉทสฺส ยาถาวโต าตุํ ¶ อสกฺกุเณยฺยตฺเตน ปุถุลโต ตฺวา อนฺโต ติฏฺนฺเตหิ นิราสงฺกฏฺาเน าตพฺพํ, อฺํ พหิ กโรนฺเตหิ อติทูเร นิราสงฺกฏฺาเน เปเสตพฺพํ.
อปเร ปน ‘‘สีมาเปกฺขาย กิจฺจํ นตฺถิ, มคฺคคมนนหานาทิอตฺเถหิ เอกภิกฺขุสฺมิมฺปิ อรฺเ วา นทิอาทีสุ วา ปวิฏฺเ ตํ ปริกฺขิปิตฺวา สตฺตพฺภนฺตรอุทกุกฺเขปสีมา สยเมว ปภา วิย ปทีปสฺส สมุปฺปชฺชติ, คามเขตฺตาทีสุ ตสฺมึ โอติณฺณมตฺเต วิคจฺฉติ. เตเนว เจตฺถ ทฺวินฺนํ สงฺฆานํ วิสุํ กมฺมํ กโรนฺตานํ สีมาทฺวยสฺส อนฺตรา สีมนฺตริกา อฺํ สตฺตพฺภนฺตรํ, อุทกุกฺเขปฺจ เปตุํ อนฺุาตํ, สีมาปริยนฺเต หิ เกนจิ กมฺเมน เปสิตสฺส ภิกฺขุโน สมนฺตา สฺชาตสีมา อิตเรสํ สีมาย ผุสิตฺวา สีมาสมฺเภทํ กเรยฺย, โส มา โหตูติ, อิตรถา หตฺถจตุรงฺคุลมตฺตายเปตฺถ สีมนฺตริกาย อนุชานิตพฺพโต. อปิจ สีมนฺตริกาย ิตสฺสาปิ อุภยตฺถ กมฺมโกปวจนโตปิ เจตํ สิชฺฌติ. ตมฺปิ ปริกฺขิปิตฺวา สยเมว สฺชาตาย สีมาย อุภินฺนมฺปิ สีมานํ, เอกาย เอว วา สงฺกรโต. อิตรถา ตสฺส กมฺมโกปวจนํ น ยุชฺเชยฺย. วุตฺตฺหิ มาติกาฏฺกถายํ ‘ปริจฺเฉทพฺภนฺตเร หตฺถปาสํ วิชหิตฺวา ิโตปิ ปริจฺเฉทโต พหิ อฺํ ตตฺตกํเยว ปริจฺเฉทํ อนติกฺกมิตฺวา ิโตปิ กมฺมํ โกเปตี’ติ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา). กิฺจ อคามการฺเ ิตสฺส กมฺมกรณิจฺฉาวิรหิตสฺสาปิ ภิกฺขุโน สตฺตพฺภนฺตรปริจฺฉินฺเน อชฺโฌกาเส จีวรวิปฺปวาโส ภควตา อนฺุาโต, โส จ ปริจฺเฉโท สีมา. เอวํ อเปกฺขํ วินา สมุปฺปนฺนา. เตเนเวตฺถ ‘อยํ สีมา ติจีวรวิปฺปวาสปริหารมฺปิ ลภตี’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๗) วุตฺตํ. ตสฺมา กมฺมกรณิจฺฉํ วินาปิ วุตฺตนเยน สมุปฺปตฺติ คเหตพฺพา’’ติ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ ปทีปสฺส ปภา วิย สพฺพปุคฺคลานมฺปิ ปจฺเจกํ สีมาสมฺภเวน สงฺเฆ, คเณ วา กมฺมํ กโรนฺเต ตตฺรฏฺานํ ภิกฺขูนํ สมนฺตา ปจฺเจกํ สมุปฺปนฺนานํ อเนกสีมานํ อฺมฺํ สงฺกรโทสปฺปสงฺคโต. ปริสวเสน จสฺสา วฑฺฒิ, หานิ จ สมฺภวติ. ปจฺฉา อาคตานํ อภินวสีมนฺตรุปฺปตฺติ เอว, คตานํ สมนฺตา ิตสีมาปิ วินาโส จ ภเวยฺย.
ปาฬิยํ ปน ‘‘สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตรา, อยํ ตตฺถ สมานสํวาสา’’ติอาทินา (มหาว. ๑๔๗) เอกา เอว สตฺตพฺภนฺตรา, อุทกุกฺเขปา จ อนฺุาตา, น เจสา สีมา สภาเวน, การณสามตฺถิเยน วา ปภา วิย ปทีปสฺส อุปฺปชฺชติ. กินฺตุ ¶ ภควโต อนุชานเนเนว, ภควา จ อิมาโย อนุชานนฺโต ภิกฺขูนํ วคฺคกมฺมปริหาเรน กมฺมกรณสุขตฺถเมว อนฺุาสีติ กถํ นหานาทิกิจฺเจน ปวิฏฺานมฺปิ สมนฺตา ตาสํ สีมานํ สมุปฺปตฺติ ปโยชนาภาวา? ปโยชเน จ เอกํ เอว ปโยชนนฺติ กถํ ปจฺเจกํ ภิกฺขุคณนาย อเนกสีมาสมุปฺปตฺติ ¶ ? ‘‘เอกสีมายํ หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา ิตา’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) วุตฺตํ. ยํ ปน ทฺวินฺนํ สีมานํ อนฺตรา ตตฺตกปริจฺเฉเทเนว สีมนฺตริกฏฺปนวจนํ, ตตฺถ ิตานํ กมฺมโกปวจนฺจ, ตมฺปิ อิมาสํ สีมานํ ปริจฺเฉทสฺส ทุพฺโพธตาย สีมาย สมฺเภทสงฺกํ, กมฺมโกปสงฺกฺจ ทูรโต ปริหริตุํ วุตฺตํ.
โย จ จีวราวิปฺปวาสตฺถํ ภควตา อพฺโภกาเส ทสฺสิโต สตฺตพฺภนฺตรปริจฺเฉโท, โส สีมา เอว น โหติ, เขตฺตตฬากาทิปริจฺเฉโท วิย อยเมตฺถ เอโก ปริจฺเฉโทว. ตตฺถ จ พหูสุ ภิกฺขูสุ เอกโต ิเตสุ เตสํ วิสุํ วิสุํ อตฺตโน ิตฏฺานโต ปฏฺาย สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตรปริจฺเฉทพฺภนฺตเร เอว จีวรํ เปตพฺพํ. น ปริสปริยนฺตโต ปฏฺาย. ปริสปริยนฺตโต ปฏฺาย หิ อพฺภนฺตเร คยฺหมาเน อพฺภนฺตรปริโยสาเน ปิตจีวรํ มชฺเฌ ิตสฺส อพฺภนฺตรโต พหิ โหตีติ ตํ อรุณุคฺคมเน นิสฺสคฺคิยํ สิยา. สีมา ปน ปริสปริยนฺตโตว คเหตพฺพา. จีวรวิปฺปวาสปริหาโรเปตฺถ อพฺโภกาสปริจฺเฉทสฺส วิชฺชมานตฺตา วุตฺโต, น ปน ยาว สีมาปริจฺเฉทํ ลพฺภมานตฺตา มหาสีมาย อวิปฺปวาสสีมาโวหาโร วิย. มหาสีมายมฺปิ หิ คามคามูปจาเรสุ จีวรํ นิสฺสคฺคิยํ โหติ. อิธาปิ มชฺเฌ ิตสฺส สีมาปริยนฺเต นิสฺสคฺคิยํ โหติ. ตสฺมา ยถาวุตฺตสีมาเปกฺขวเสเนเวตาสํ สตฺตพฺภนฺตรอุทกุกฺเขปสีมานํ อุปฺปตฺติ, ตพฺพิคเมน วินาโส จ คเหตพฺพาติ อมฺหากํ ขนฺติ. วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ. อฺโ วา ปกาโร อิโต ยุตฺตตโร คเวสิตพฺโพ.
อิธ ปน ‘‘อรฺเ สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตรา’’ติ เอวํ ปาฬิยํ วิฺฌาฏวิสทิเส อรฺเ สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตราติ อฏฺกถายฺจ รุกฺขาทินิรนฺตเรปิ อรฺเ สตฺตพฺภนฺตรสีมาย วิหิตตฺตา อตฺตโน นิสฺสยภูตาย อรฺสีมาย สห เอตสฺสา รุกฺขาทิสมฺพนฺเธ โทสาภาโว ปเคว อคามเก รุกฺเขติ นิสฺสิเตปิ ปเทเส จีวรวิปฺปวาสสฺส รุกฺขปริหารํ วินาว อพฺโภกาสปริหาโรว อนุมโตติ สิทฺโธติ เวทิตพฺโพ.
อุปจารตฺถายาติ ¶ สีมนฺตริกตฺถาย สตฺตพฺภนฺตรโต อธิกํ วฏฺฏติ. อูนกํ ปน น วฏฺฏติ เอว สตฺตพฺภนฺตรปริจฺเฉทสฺส ทุพฺพิชานตฺตา. ตสฺมา สงฺฆํ วินา เอเกนาปิ ภิกฺขุนา พหิ ติฏฺนฺเตน อฺํ สตฺตพฺภนฺตรํ อติกฺกมิตฺวา อติทูเร เอว าตพฺพํ, อิตรถา กมฺมโกปสงฺกโต. อุทกุกฺเขเปปิ เอเสว นโย. เตเนว วกฺขติ ‘‘อูนกํ ปน น วฏฺฏตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๗). อิทฺเจตฺถ สีมนฺตริกวิธานํ ทฺวินฺนํ พทฺธสีมานํ สีมนฺตริกานุชานนสุตฺตานุโลมโต สิทฺธนฺติ ทฏฺพฺพํ. กิฺจาปิ หิ ภควตา นิทานวเสน เอกคามสีมานิสฺสิตานํ ¶ , เอกสภาคานฺจ ทฺวินฺนํ พทฺธสีมานเมว อฺมฺํ สมฺเภทชฺโฌตฺถรณโทสปริหาราย สีมนฺตริกา อนฺุาตา, ตถาปิ ตทนุโลมโต เอกอรฺสีมานทิอาทิสีมฺจ นิสฺสิตานํ เอกสภาคานํ ทฺวินฺนํ สตฺตพฺภนฺตรสีมานมฺปิ อุทกุกฺเขปสีมานมฺปิ อฺมฺํ สมฺเภทชฺโฌตฺถรณํ, สีมนฺตริกํ วินา อพฺยวธาเนน านฺจ ภควตา อนภิมตเมวาติ ตฺวา อฏฺกถาจริยา อิธาปิ สีมนฺตริกวิธานมกํสุ. วิสภาคสีมานมฺปิ หิ เอกสีมานิสฺสิตตฺตํ, เอกสภาคตฺตฺจาติ ทฺวีหงฺเคหิ สมนฺนาคเต สติ เอกํ สีมนฺตริกํ วินา านํ สมฺเภทาย โหติ, นาสตีติ ทฏฺพฺพํ. สีมนฺตริกวิธานสามตฺถิเยเนว เจตาสํ รุกฺขาทิสมฺพนฺโธปิ พทฺธสีมานํ วิย อฺมฺํ น วฏฺฏตีติ อยมฺปิ นยโต ทสฺสิโต เอวาติ คเหตพฺพํ.
‘‘สภาเวเนวา’’ติ อิมินา คามสีมา วิย อพทฺธสีมาติ ทสฺเสติ. สพฺพเมตฺถ สงฺฆกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตีติ สมานสํวาสา เอกูโปสถาติ ทสฺเสติ. เยน เกนจีติ อนฺตมโส สูกราทินา สตฺเตน. มโหเฆน ปน อุนฺนตฏฺานโต นินฺนฏฺาเน ปตนฺเตน ขโต ขุทฺทโก วา มหนฺโต วา ลกฺขณยุตฺโต ชาตสฺสโรว. เอตฺถาปิ ขุทฺทเก อุทกุกฺเขปกิจฺจํ นตฺถิ, สมุทฺเท ปน สพฺพถา อุทกุกฺเขปสีมายเมว กมฺมํ กาตพฺพํ โสเธตุํ ทุกฺกรตฺตา.
ปุน ตตฺถาติ โลกโวหารสิทฺธาสุ เอตาสุ นทิอาทีสุ ตีสุ อพทฺธสีมาสุ ปุน วคฺคกมฺมปริหารตฺถํ สาสนโวหารสิทฺธาย อพทฺธสีมาย ปริจฺเฉทํ ทสฺเสนฺโตติ อธิปฺปาโย. ปาฬิยํ ยํ มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺสาติอาทีสุ อุทกํ อุกฺขิปิตฺวา ขิปียติ เอตฺถาติ อุทกุกฺเขโป, อุทกสฺส ปตโนกาโส, ตสฺมา อุทกุกฺเขปา. อยฺเหตฺถ ปทสมฺพนฺธวเสน อตฺโถ – ปริสปริยนฺตโต ปฏฺาย สมนฺตา ยาว มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส ¶ อุทกุกฺเขโป อุทกปตนฏฺานํ, ตาว ยํ ตํ ปริจฺฉินฺนฏฺานํ, อยํ ตตฺถ นทิอาทีสุ อปรา สมานสํวาสา อุทกุกฺเขปสีมาติ.
ตสฺส อนฺโตติ ตสฺส อุทกุกฺเขปปริจฺฉินฺนสฺส านสฺส อนฺโต. น เกวลฺจ ตสฺเสว อนฺโต, ตโต พหิปิ, เอกสฺส อุทกุกฺเขปสฺส อนฺโต าตุํ น วฏฺฏตีติ วจนํ อุทกุกฺเขปปริจฺเฉทสฺส ทุพฺพิชานโต กมฺมโกปสงฺกา โหตีติ. เตเนว มาติกาฏฺกถายํ ‘‘ปริจฺเฉทพฺภนฺตเร หตฺถปาสํ วิชหิตฺวา ิโตปิ ปริจฺเฉทโต พหิ อฺํ ตตฺตกํเยว ปริจฺเฉทํ อนติกฺกมิตฺวา ิโตปิ กมฺมํ โกเปติ อิทํ สพฺพอฏฺกถาสุ สนฺนิฏฺาน’’นฺติ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) วุตฺตํ. ยํ ปเนตฺถ สารตฺถทีปนิยํ ‘‘ตสฺส อนฺโต หตฺถปาสํ วิชหิตฺวา ิโต กมฺมํ ¶ โกเปตีติ อิมินา พหิปริจฺเฉทโต ยตฺถ กตฺถจิ ิโต กมฺมํ น โกเปตี’’ติ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๔๗) วตฺวา มาติกาฏฺกถาวจนมฺปิ ปฏิกฺขิปิตฺวา ‘‘เนว ปาฬิยํ น อฏฺกถายํ อุปลพฺภตี’’ติอาทิ พหุ ปปฺจิตํ, ตํ น สุนฺทรํ อิธ อฏฺกถาวจเนน มาติกาฏฺกถาวจนสฺส นยโต สํสนฺทนโต สงฺฆฏนโต. ตถา หิ ทฺวินฺนํ อุทกุกฺเขปปริจฺเฉทานมนฺตรา วิทตฺถิจตุรงฺคุลมตฺตมฺปิ สีมนฺตริกํ อฏฺเปตฺวา ‘‘อฺโ อุทกุกฺเขโป สีมนฺตริกาย เปตพฺโพ, ตโต อธิกํ วฏฺฏติ เอว, อูนกํ ปน น วฏฺฏตี’’ติ เอวํ อิเธว วุตฺเตน อิมินา อฏฺกถาวจเนน สีมนฺตริโกปจาเรน อุทกุกฺเขปโต อูนเก ปิเต สีมาย สีมาสมฺเภทโต กมฺมโกโปปิ วุตฺโต เอว. ยทคฺเคน จ เอวํ วุตฺโต, ตทคฺเคน ตตฺถ เอกภิกฺขุโน ปเวเสปิ สติ ตสฺส สีมฏฺภาวโต กมฺมโกโป วุตฺโต เอว โหติ. อฏฺกถายํ ‘‘อูนกํ ปน น วฏฺฏตี’’ติ กถนฺเจตํ อุทกุกฺเขปปริจฺเฉทสฺส ทุพฺพิชานนฺเตนปิ สีมาสมฺเภทสงฺกอาปริหารตฺถํ วุตฺตํ. สตฺตพฺภนฺตรสีมานมนฺตรา ตตฺตกปริจฺเฉเทเนว สีมนฺตริกวิธานวจนโตปิ เอตาสํ ทุพฺพิชานปริจฺเฉทตา, ตตฺถ จ ิตานํ กมฺมโกปสงฺกา สิชฺฌติ. กมฺมโกปสงฺกฏฺานมฺปิ อาจริยา ทูรโต ปริหารตฺถํ กมฺมโกปฏฺานนฺติ วตฺวาว เปสุนฺติ คเหตพฺพํ.
ตนฺติ สีมํ. ‘‘สีฆเมว อติกฺกาเมตี’’ติ อิมินา ตํ อนติกฺกมิตฺวา อนฺโต เอว ปริวตฺตมานาย กาตุํ วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. เอตทตฺถเมว หิ วาลุกาทีหิ สีมาปริจฺฉินฺทนํ, อิตรถา พหิ ปริวตฺตา นุ โข, โน วาติ กมฺมโกปสงฺกา ภเวยฺยาติ. อฺิสฺสา อนุสฺสาวนาติ เกวลาย นทิสีมาย อนุสฺสาวนา ¶ . อนฺโตนทิยํ ชาตรุกฺเข วาติ อุทกุกฺเขปปริจฺเฉทสฺส พหิ ิเต รุกฺเขปิ วา. พหินทิตีรเมว หิ วิสภาคสีมตฺตา อพนฺธิตพฺพฏฺานํ, น อนฺโตนที นิสฺสยตฺเตน สภาคตฺตา. เตเนว ‘‘พหินทิตีเร วิหารสีมาย วา’’ติอาทินา ตีรเมว อพนฺธิตพฺพฏฺานตฺเตน ทสฺสิตํ, น ปน นที. ‘‘รุกฺเขปิ ิเตหี’’ติ อิทํ อนฺโตอุทกุกฺเขปฏฺํ สนฺธาย วุตฺตํ. น หิ พหิอุทกุกฺเขเป ภิกฺขูนํ าตุํ วฏฺฏติ.
รุกฺขสฺสาติ ตสฺเสว อนฺโตอุทกุกฺเขปฏฺสฺส รุกฺขสฺส. สีมํ วา โสเธตฺวาติ ยถาวุตฺตํ วิหาเร พทฺธสีมํ, คามสีมฺจ ตตฺถ ิตภิกฺขูนํ หตฺถปาสานยนพหิสีมากรณวเสเนว โสเธตฺวา. ยถา จ อุทกุกฺเขปสีมายํ กมฺมํ กโรนฺเตหิ, เอวํ พทฺธสีมายํ, คามสีมายํ วา กมฺมํ กโรนฺเตหิปิ อุทกุกฺเขปสีมฏฺเ โสเธตฺวาว กาตพฺพํ. เอเตเนว สตฺตพฺภนฺตรอรฺสีมาหิปิ อุทกุกฺเขปสีมาย, อิมาย จ สทฺธึ ตาสํ รุกฺขาทิสมฺพนฺธโทโสปิ นยโต ทสฺสิโตว โหติ. อิมินาว นเยน สตฺตพฺภนฺตรสีมาย พทฺธสีมาคามสีมาหิปิ สทฺธึ, เอตาสฺจ สตฺตพฺภนฺตรสีมาย ¶ สทฺธึ สมฺพนฺธโทโส าตพฺโพ. อฏฺกถายํ ปเนตํ สพฺพํ วุตฺตนยโต สกฺกา าตุนฺติ อฺมฺสมาสนฺนานเมเวตฺถ ทสฺสิตํ.
ตตฺริทํ สุตฺตานุโลมโต นยคฺคหณมุขํ – ยถา หิ พทฺธสีมายํ สมฺมตา วิปตฺติสีมา โหตีติ ตาสํ อฺมฺํ รุกฺขาทิสมฺพนฺโธ น วฏฺฏติ, เอวํ นทิอาทีสุ สมฺมตาปิ พทฺธสีมา วิปตฺติสีมาว โหตีติ ตาหิปิ สทฺธึ ตสฺสา รุกฺขาทิสมฺพนฺโธ น วฏฺฏตีติ สิชฺฌติ. อิมินา นเยน สตฺตพฺภนฺตรสีมาย คามนทิอาทีหิ สทฺธึ, อุทกุกฺเขปสีมาย จ อรฺาทีหิ สทฺธึ รุกฺขาทิสมฺพนฺธสฺส น วฏฺฏนกภาโว าตพฺโพ, เอวเมตา ภควตา อนฺุาตา พทฺธสีมา สตฺตพฺภนฺตรอุทกุกฺเขปสีมา อฺมฺฺเจว อตฺตโน นิสฺสยวิรหิตาหิ อิตรีตราสํ นิสฺสยสีมาหิ จ รุกฺขาทิสมฺพนฺเธ สติ สมฺเภทโทสมาปชฺชตีติ สุตฺตานุโลมนโย าตพฺโพว.
อตฺตโน อตฺตโน ปน นิสฺสยภูตคามาทีหิ สทฺธึ พทฺธสีมาทีนํ ติสฺสนฺนํ อุปฺปตฺติกาเล ภควตา อนฺุาตสฺส สมฺเภทชฺโฌตฺถรณสฺส อนุโลมโต รุกฺขาทิสมฺพนฺโธปิ อนฺุาโตว โหตีติ ทฏฺพฺพํ. ยทิ เอวํ อุทกุกฺเขปพทฺธสีมาทีนํ อนฺตรา กสฺมา สีมนฺตริกา น วิหิตาติ? นิสฺสยเภทสภาวเภเทหิ ¶ สยเมว ภินฺนตฺตา. เอกนิสฺสยเอกสภาวานเมว หิ สีมนฺตริกาย วินาสํ กโรตีติ วุตฺโตวายมตฺโถ. เอเตเนว นทินิมิตฺตํ กตฺวา พทฺธาย สีมาย สงฺเฆ กมฺมํ กโรนฺเต นทิยมฺปิ ยาว คามเขตฺตํ อาหจฺจ ิตาย อุทกุกฺเขปสีมาย อฺเสํ กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตีติ สิทฺธํ โหติ. ยา ปเนตา โลกโวหารสิทฺธา คามารฺนทิสมุทฺทชาตสฺสรสีมา ปฺจ, ตา อฺมฺรุกฺขาทิสมฺพนฺเธปิ สมฺเภทโทสํ นาปชฺชติ, ตถา โลกโวหาราภาวโต. น หิ คามาทโย คามนฺตราทีหิ, นทิอาทีหิ จ รุกฺขาทิสมฺพนฺธมตฺเตน สมฺภินฺนาติ โลเก โวหรนฺติ. โลกโวหารสิทฺธานฺจ โลกโวหารโตว สมฺเภโท วา อสมฺเภโท วา คเหตพฺโพ, นาฺโต. เตเนว อฏฺกถายํ ตาสํ อฺมฺํ กตฺถจิปิ สมฺเภทนโย น ทสฺสิโต, สาสนโวหารสิทฺโธเยว ทสฺสิโตติ.
เอตฺถ ปน พทฺธสีมาย ตาว ‘‘เหฏฺา ปถวีสนฺธารกํ อุทกปริยนฺตํ กตฺวา สีมาคตา โหตี’’ติอาทินา (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘) อโธภาคปริจฺเฉโท อฏฺกถายํ สพฺพถา ทสฺสิโต. คามสีมาทีนํ ปน น ทสฺสิโต. กถมยํ ชานิตพฺโพติ? เกจิ ตาเวตฺถ ‘‘คามสีมาทโยปิ พทฺธสีมา วิย ปถวีสนฺธารกํ อุทกํ อาหจฺจ ติฏฺตี’’ติ วทนฺติ.
เกจิ ¶ ปน ตํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ‘‘นทิสมุทฺทชาตสฺสรสีมา, ตาว ตนฺนิสฺสิตอุทกุกฺเขปสีมา จ ปถวิยา อุปริตเล, เหฏฺา จ อุทกชฺโฌตฺถรณปฺปเทเส เอว ติฏฺนฺติ, น ตโต เหฏฺา อุทกสฺส อชฺโฌตฺถรณาภาวา. สเจ ปน อุทโกฆาทินา โยชนปฺปมาณมฺปิ นินฺนฏฺานํ โหติ, นทิสีมาทโยว โหนฺติ, น ตโต เหฏฺา. ตสฺมา นทิอาทีนํ เหฏฺา พหิตีรมุเขน อุมงฺเคน, อิทฺธิยา วา ปวิฏฺโ ภิกฺขุ นทิยํ ิตานํ กมฺมํ น โกเปติ. โส ปน อาสนฺนคาเม ภิกฺขูนํ กมฺมํ โกเปติ. สเจ ปน โส อุภินฺนํ ตีรคามานํ มชฺเฌ นิสินฺโน โหติ, อุภยคามฏฺานํ กมฺมํ โกเปติ. สเจ ปน ตีรํ คามเขตฺตํ น โหติ, อคามการฺเมว. ตตฺถ ปน ตีรทฺวเยปิ สตฺตพฺภนฺตรสีมํ วินา เกวลาย ขุทฺทการฺสีมาย กมฺมํ กโรนฺตานํ กมฺมํ โกเปติ. สเจ สตฺตพฺภนฺตรสีมายํ กโรนฺติ, ตทา ยทิ เตสํ สตฺตพฺภนฺตรสีมาย ปริจฺเฉโท เอตสฺส นิสินฺโนกาสสฺส ปรโต เอกํ สตฺตพฺภนฺตรํ อติกฺกมิตฺวา ิโต น กมฺมโกโป ¶ . โน เจ, กมฺมโกโป. คามสีมายํ ปน อนฺโตอุมงฺเค วา พิเล วา ยตฺถ ปวิสิตุํ สกฺกา, ยตฺถ วา สุวณฺณมณิอาทึ ขณิตฺวา คณฺหนฺติ, คเหตุํ สกฺกาติ วา สมฺภาวนา โหติ, ตตฺตกํ เหฏฺาปิ คามสีมา, ตตฺถ อิทฺธิยา อนฺโต นิสินฺโนปิ กมฺมํ โกเปติ. ยตฺถ ปน ปกติมนุสฺสานํ ปเวสสมฺภาวนาปิ นตฺถิ, ตํ สพฺพํ ยาว ปถวิสนฺธารกอุทกา อรฺสีมาว, น คามสีมา. อรฺสีมายมฺปิ เอเสว นโย. ตตฺถปิ หิ ยตฺตเก ปเทเส ปเวสสมฺภาวนา, ตตฺตกเมว อุปริตเล อรฺสีมา ปวตฺตติ. ตโต ปน เหฏฺา น อรฺสีมา, ตตฺถ อุปริตเลน สห เอการฺโวหาราภาวโต. น หิ ตตฺถ ปวิฏฺํ อรฺํ ปวิฏฺโ ติ โวหรนฺติ. ตสฺมา ตตฺรฏฺโ อุปริ อรฺฏฺานํ กมฺมํ น โกเปติ อุมงฺคนทิยํ ิโต วิย อุปรินทิยํ ิตานํ. เอกสฺมิฺหิ จกฺกวาเฬ คามนทิสมุทฺทชาตสฺสเร มฺุจิตฺวา ตทวเสสํ อมนุสฺสาวาสํ เทวพฺรหฺมโลกํ อุปาทาย สพฺพํ อรฺเมว. ‘คามา วา อรฺา วา’ติ วุตฺตตฺตา หิ นทิสมุทฺทชาตสฺสราทิปิ อรฺเมว. อิธ ปน นทิอาทีนํ วิสุํ สีมาภาเวน คหิตตฺตา ตทวเสสเมว อรฺํ คเหตพฺพํ. ตตฺถ จ ยตฺตเก ปเทเส เอกํ ‘อรฺ’นฺติ โวหรนฺติ, อยเมการฺสีมา. อินฺทปุรฺหิ สพฺพํ เอการฺสีมา. ตถา อสุรยกฺขปุราทิ. อากาสฏฺเทวพฺรหฺมวิมานานิ ปน สมนฺตา อากาสปริจฺฉินฺนานิ ปจฺเจกํ อรฺสีมา สมุทฺทมชฺเฌ ปพฺพตทีปกา วิย. ตตฺถ สพฺพตฺถ สตฺตพฺภนฺตรสีมายํ, อรฺสีมายเมว วาติ กมฺมํ กาตพฺพํ. ตสฺมา อิธาปิ อุปริอรฺตเลน สทฺธึ เหฏฺาปถวิยา อรฺโวหาราภาวา วิสุํ อรฺสีมาติ คเหตพฺพํ. เตเนเวตฺถ คามนทิอาทิสีมากถาย อฏฺกถายํ ‘อิทฺธิมา ภิกฺขุ เหฏฺาปถวิตเล ิโต กมฺมํ โกเปตี’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘) พทฺธสีมายํ ทสฺสิตนโย น ทสฺสิโต’’ติ วทนฺติ.
อิทฺเจตาสํ ¶ คามสีมาทีนํ เหฏฺาปมาณทสฺสนํ สุตฺตาทิวิโรธาภาวา ยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ. วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ. เอวํ คหเณ จ คามสีมายํ สมฺมตา พทฺธสีมา อุปริ คามสีมํ, เหฏฺา อุทกปริยนฺตํ อรฺสีมฺจ อวตฺถรตีติ ตสฺสา อรฺสีมาปิ เขตฺตนฺติ สิชฺฌติ. ภควตา จ ‘‘สพฺพา, ภิกฺขเว, นที อสีมา’’ติอาทินา (มหาว. อฏฺ. ๑๔๗) นทิสมุทฺทชาตสฺสรา พทฺธสีมาย อเขตฺตภาเวน วุตฺตา, น ปน อรฺํ. ตสฺมา อรฺมฺปิ ¶ พทฺธสีมาย เขตฺตเมวาติ คเหตพฺพํ. ยทิ เอวํ กสฺมา ตตฺถ สา น พชฺฌตีติ? ปโยชนาภาวา. สีมาเปกฺขานนฺตรเมว สตฺตพฺภนฺตรสีมาย สมฺภวโต. ตสฺสา จ อุปริ สมฺมตาย พทฺธสีมาย สมฺเภทชฺโฌตฺถรณานุโลมโต วิปตฺติสีมา เอว สิยา. คามเขตฺเต ปน ตฺวา อคามการฺเกเทสมฺปิ อนฺโตกริตฺวา สมฺมตา กิฺจาปิ สุสมฺมตา, อคามการฺเ ภควตา วิหิตาย สตฺตพฺภนฺตรสีมายปิ อนิวตฺติโต. ตตฺถ ปน กมฺมํ กาตุํ ปวิฏฺานมฺปิ ตโต พหิ เกวลารฺเ กโรนฺตานมฺปิ อนฺตรา ตีณิ สตฺตพฺภนฺตรานิ เปตพฺพานิ, อฺถา วิปตฺติ เอว สิยาติ สพฺพถา นิรตฺถกเมว อคามการฺเ พทฺธสีมากรณนฺติ เวทิตพฺพํ.
อนฺโตนทิยํ ปวิฏฺสาขายาติ นทิยา ปถวิตลํ อาหจฺจ ิตาย สาขายปิ, ปเคว อนาหจฺจ ิตาย. ปาโรเหปิ เอเสว นโย. เอเตน สภาคํ นทิสีมํ ผุสิตฺวา ิเตนปิ วิสภาคสีมาสมฺพนฺธสาขาทินา อุทกุกฺเขปสีมาย สมฺพนฺโธ น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. เอเตเนว มหาสีมํ, คามสีมฺจ ผุสิตฺวา ิเตน สาขาทินา มาฬกสีมาย สมฺพนฺโธ น วฏฺฏตีติ าปิโตติ ทฏฺพฺโพ.
อนฺโตนทิยํเยวาติ เสตุปาทานํ ตีรฏฺตํ นิวตฺเตติ. เตน อุทกุกฺเขปปริจฺเฉทโต พหิ นทิยํ ปติฏฺิตตฺเตปิ สมฺเภทาภาวํ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘พหิตีเร ปติฏฺิตา’’ติอาทิ. ยทิ หิ อุทกุกฺเขปโต พหิ อนฺโตนทิยมฺปิ ปติฏฺิตตฺเต สมฺเภโท ภเวยฺย, ตมฺปิ ปฏิกฺขิปิตพฺพํ ภเวยฺย กมฺมโกปสฺส สมานตฺตา, น จ ปฏิกฺขิตฺตํ. ตสฺมา สพฺพตฺถ อตฺตโน นิสฺสยสีมาย สมฺเภทโทโส นตฺเถวาติ คเหตพฺพํ.
อาวรเณน วาติ ทารุอาทึ นิขณิตฺวา อุทกนิวารเณน. โกฏฺฏกพนฺธเนน วาติ มตฺติกาทีหิ ปูเรตฺวา กตเสตุพนฺเธน. อุภเยนาปิ อาวรณเมว ทสฺเสติ. ‘‘นทึ วินาเสตฺวา’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวติ ‘‘เหฏฺา ปาฬิ พทฺธา’’ติ, เหฏฺา นทึ อาวริตฺวา ปาฬิ พทฺธาติ อตฺโถ. ฉฑฺฑิตโมทกนฺติ อติริตฺโตทกํ. ‘‘นทึ โอตฺถริตฺวา สนฺทนฏฺานโต’’ติ อิมินา ตฬากนทีนํ อนฺตรา ¶ ปวตฺตนฏฺาเน น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. อุปฺปติตฺวาติ ตีราทิภินฺทนวเสน วิปุลา หุตฺวา. วิหารสีมนฺติ พทฺธสีมํ.
อคมนปเถติ ¶ ตทเหว คนฺตฺวา นิวตฺติตุํ อสกฺกุเณยฺเย. อรฺสีมาสงฺขฺยเมว คจฺฉตีติ โลกโวหารสิทฺธํ อคามการฺสีมํ สนฺธาย วทติ. ตตฺถาติ ปกติยา มจฺฉพนฺธานํ คมนปเถสุ ทีปเกสุ.
ตํ านนฺติ อาวาฏาทีนํ กตฏฺานเมว, น อกตนฺติ อตฺโถ. โลณีติ สมุทฺโททกสฺส อุปฺปตฺติเวคนินฺโน มาติกากาเรน ปวตฺตนโก.
๑๔๘. สมฺภินฺทนฺตีติ ยตฺถ จตูหิ ภิกฺขูหิ นิสีทิตุํ น สกฺกา, ตตฺตกโต ปฏฺาย ยาว เกสคฺคมตฺตมฺปิ อนฺโตสีมาย กโรนฺโต สมฺภินฺทติ. จตุนฺนํ ภิกฺขูนํ ปโหนกโต ปฏฺาย ยาว สกลมฺปิ อนฺโต กโรนฺโต อชฺโฌตฺถรนฺตีติ เวทิตพฺพํ. สํสฏฺวิฏปาติ อฺมฺํ สิพฺพิตฺวา ิตมหาสาขมูลา, เอเตน อฺมฺสฺส อจฺจาสนฺนตํ ทีเปติ. สาขาย สาขํ ผุสนฺตา หิ ทูรฏฺาปิ สิยฺยุํ, ตโต เอกํสโต สมฺเภทลกฺขณํ ทสฺสิตํ น สิยาติ ตํ ทสฺเสตุํ วิฏปคฺคหณํ กตํ. เอวฺหิ ภิกฺขูนํ นิสีทิตุํ อปฺปโหนกฏฺานํ อตฺตโน สีมาย อนฺโตสีมฏฺํ กริตฺวา ปุราณวิหารํ กโรนฺโต สีมาย สีมํ สมฺภินฺทติ นาม, น ตโต ปรนฺติ ทสฺสิตเมว โหติ. พทฺธา โหตีติ โปราณกวิหารสีมํ สนฺธาย วุตฺตํ. อมฺพนฺติ อปเรน สมเยน ปุราณวิหารปริกฺเขปาทีนํ วินฏฺตฺตา อชานนฺตานํ ตํ ปุราณสีมาย นิมิตฺตภูตํ อมฺพํ. อตฺตโน สีมาย อนฺโตสีมฏฺํ กริตฺวา ปุราณวิหารสีมฏฺํ ชมฺพุํ กิตฺเตตฺวา อมฺพชมฺพูนํ อนฺตเร ยํ านํ, ตํ อตฺตโน สีมาย ปเวเสตฺวา พนฺธนฺตีติ อตฺโถ. เอตฺถ จ ปุราณสีมาย นิมิตฺตภูตสฺส คามฏฺสฺส อมฺพรุกฺขสฺส อนฺโตสีมฏฺาย ชมฺพุยา สห สํสฏฺวิฏปตฺเตปิ สีมาย พนฺธนกาเล วิปตฺติ วา ปจฺฉา คามสีมาย สห สมฺเภโท วา กมฺมวิปตฺติ วา น โหตีติ มุขโตว วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
ปเทสนฺติ สงฺฆสฺส นิสีทนปฺปโหนกปฺปเทสํ. ‘‘สีมนฺตริกํ เปตฺวา’’ติอาทินา สมฺเภทชฺโฌตฺถรณํ อกตฺวา พทฺธสีมาหิ อฺมฺํ ผุสาเปตฺวา อพฺยวธาเนน พทฺธาปิ สีมา อสีมา เอวาติ ทสฺเสติ. ตสฺมา เอกทฺวงฺคุลมตฺตาปิ สีมนฺตริกา วฏฺฏติ เอว. สา ปน ทุพฺโพธาติ อฏฺกถาสุ จตุรงฺคุลาทิกา วุตฺตาติ ทฏฺพฺพํ. ทฺวินฺนํ สีมานนฺติ ทฺวินฺนํ พทฺธสีมานํ. นิมิตฺตํ โหตีติ นิมิตฺตสฺส สีมโต พาหิรตฺตา พนฺธนกาเล ตาว สมฺเภทโทโส นตฺถีติ อธิปฺปาโย ¶ . น เกวลฺจ นิมิตฺตกตฺตา เอว สงฺกรํ กโรติ ¶ , อถ โข สีมนฺตริกาย ิโต อฺโปิ รุกฺโข กโรติ เอว. ตสฺมา อปฺปมตฺติกาย สีมนฺตริกาย วฑฺฒนกา รุกฺขาทโย น วฏฺฏนฺติ เอว. เอตฺถ จ อุปริ ทิสฺสมานขนฺธสาขาทิปเวเส เอว สงฺกรโทสสฺส สพฺพตฺถ ทสฺสิตตฺตา อทิสฺสมานานํ มูลานํ ปเวเสปิ ภูมิคติกตฺตา โทโส นตฺถีติ สิชฺฌติ. สเจ ปน มูลานิปิ ทิสฺสมานาเนว ปวิสนฺติ, สงฺกโรว. ปพฺพตปาสาณา ปน ทิสฺสมานาปิ ภูมิคติกา เอว. ยทิ ปน พนฺธนกาเล เอว เอโก ถูลรุกฺโข อุภยมฺปิ สีมํ อาหจฺจ ติฏฺติ, ปจฺฉา พทฺธา อสีมา โหตีติ ทฏฺพฺพํ.
สีมาสงฺกรนฺติ สีมาสมฺเภทํ. ยํ ปน สารตฺถทีปนิยํ วุตฺตํ ‘‘สีมาสงฺกรํ กโรตีติ วฑฺฒิตฺวา สีมปฺปเทสํ ปวิฏฺเ ทฺวินฺนํ สีมานํ คตฏฺานสฺส ทุวิฺเยฺยตฺตา วุตฺต’’นฺติ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๔๘), ตํ น ยุตฺตํ คามสีมายปิ สห สงฺกรํ กโรตีติ วตฺตพฺพโต. ตตฺถาปิ หิ นิมิตฺเต วฑฺฒิเต คามสีมาพทฺธสีมานํ คตฏฺานํ ทุพฺพิฺเยฺยเมว โหติ, ตตฺถ ปน อวตฺวา ทฺวินฺนํ พทฺธสีมานเมว สงฺกรสฺส วุตฺตตฺตา ยถาวุตฺตสมฺพทฺธโทโสว สงฺกร-สทฺเทน วุตฺโตติ คเหตพฺพํ. ปาฬิยํ ปน นิทานวเสน ‘‘เยสํ, ภิกฺขเว, สีมา ปจฺฉา สมฺมตา, เตสํ ตํ กมฺมํ อธมฺมิก’’นฺติอาทินา (มหาว. ๑๔๘) ปจฺฉา สมฺมตาย อสีมตฺเต วุตฺเตปิ ทฺวีสุ คามสีมาสุ ตฺวา ทฺวีหิ สงฺเฆหิ สมฺเภทํ วา อชฺโฌตฺถรณํ วา กตฺวา สีมนฺตริกํ อฏฺเปตฺวา วา รุกฺขปาโรหาทิสมฺพนฺธํ อวิโยเชตฺวา วา เอกสฺมึ ขเณ กมฺมวาจานิฏฺาปนวเสน เอกโต สมฺมตานํ ทฺวินฺนํ สีมานมฺปิ อสีมตา ปกาสิตาติ เวทิตพฺพํ.
คามสีมาทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อุโปสถเภทาทิกถาวณฺณนา
๑๔๙. อธมฺเมน วคฺคนฺติ เอตฺถ เอกสีมาย จตูสุ ภิกฺขูสุ วิชฺชมาเนสุ ปาติโมกฺขุทฺเทโสว อนฺุาโต, ตีสุ, ทฺวีสุ จ ปาริสุทฺธิอุโปสโถว. อิธ ปน ตถา อกตตฺตา ‘‘อธมฺเมนา’’ติ วุตฺตํ. ยสฺมา ปน ฉนฺทปาริสุทฺธิ สงฺเฆ เอว อาคจฺฉติ, น คเณ, น ปุคฺคเล, ตสฺมา ‘‘วคฺค’’นฺติ วุตฺตนฺติ.
สเจ ¶ ปน ทฺเว สงฺฆา เอกสีมาย อฺมฺํ ฉนฺทํ อาหริตฺวา เอกสฺมึ ขเณ วิสุํ สงฺฆกมฺมํ กโรนฺติ, เอตฺถ กถนฺติ? เกจิ ปเนตํ วฏฺฏตีติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ วคฺคกมฺมตฺตา ¶ . กมฺมํ กโรนฺตานฺหิ ฉนฺทปาริสุทฺธิ อฺตฺถ น คจฺฉติ ตถา วจนาภาวา, วิสุํ วิสุํ กมฺมกรณตฺถเมว สีมาย อนฺุาตตฺตา จาติ คเหตพฺพํ. วิหารสีมายํ ปน สงฺเฆ วิชฺชมาเนปิ เกนจิ ปจฺจเยน ขนฺธสีมายํ ตีสุ, ทฺวีสุ วา ปาริสุทฺธิอุโปสถํ กโรนฺเตสุ กมฺมํ ธมฺเมน สมคฺคเมว ภินฺนสีมฏฺตฺตาติ ทฏฺพฺพํ.
อุโปสถเภทาทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปาติโมกฺขุทฺเทสกถาวณฺณนา
๑๕๐. เอวเมตํ ธารยามีติ. สุตา โข ปนายสฺมนฺเตหีติ เอตฺถ ‘‘เอวเมตํ ธารยามี’’ติ วตฺวา ‘‘อุทฺทิฏฺํ โข อายสฺมนฺโต นิทานํ, สุตา โข ปนายสฺมนฺเตหิ จตฺตาโร ปาราชิกา ธมฺมา’’ติอาทินา วตฺตพฺพํ. มาติกาฏฺกถายมฺปิ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) เอวเมว วุตฺตํ. สุเตนาติ สุตปเทน.
สวรภยนฺติ วนจรกภยํ. เตนาห ‘‘อฏวิมนุสฺสภย’’นฺติ. นิทานุทฺเทเส อนิฏฺิเต ปาติโมกฺขํ นิทฺทิฏฺํ นาม น โหตีติ อาห ‘‘ทุติยาทีสุ อุทฺเทเสสู’’ติอาทิ. ตีหิปิ วิธีหีติ โอสารณกถนสรภฺเหิ. เอตฺถ จ อตฺถํ ภณิตุกามตาย วา ภณาเปตุกามตาย วา สุตฺตสฺส โอสารณํ โอสารณํ นาม. ตสฺเสว อตฺถปฺปกาสนา กถนํ นาม. เกวลํ ปาสฺเสว สเรน ภณนํ สรภฺํ นาม. สชฺฌายํ อธิฏฺหิตฺวาติ ‘‘สชฺฌายํ กโรมี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา. โอสาเรตฺวา ปน กเถนฺเตนาติ สยเมว ปาํ วตฺวา ปจฺฉา อตฺถํ กเถนฺเตน.
ปาติโมกฺขุทฺเทสกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อธมฺมกมฺมปฏิกฺโกสนาทิกถาวณฺณนา
๑๕๕. นววิธนฺติ สงฺฆคณปุคฺคเลสุ ตโย, สุตฺตุทฺเทสปาริสุทฺธิอธิฏฺานวเสน ตโย, จาตุทฺทสีปนฺนรสีสามคฺคีวเสน ตโยติ นววิธํ. จตุพฺพิธนฺติ ¶ อธมฺเมนวคฺคาทิ จตุพฺพิธํ. ทุวิธนฺติ ภิกฺขุภิกฺขุนิปาติโมกฺขวเสน ทุวิธํ ปาติโมกฺขํ. นววิธนฺติ ภิกฺขูนํ ปฺจ, ภิกฺขุนีนํ จตฺตาโรติ นววิธํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ.
อธมฺมกมฺมปฏิกฺโกสนาทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปกฺขคณนาทิอุคฺคหณานุชานนกถาทิวณฺณนา
๑๕๖. กติมีติ ¶ ติถิ-สทฺทาเปกฺขํ อิตฺถิลิงฺคํ ทฏฺพฺพํ.
๑๖๓. อุตุวสฺเสเยวาติ เหมนฺตคิมฺเหสุเยว.
๑๖๔. วิฺาเปตีติ เอตฺถ มนสา จินฺเตตฺวา กายวิการกรณเมว วิฺาปนนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปาฬิยํ อฺสฺส ทาตพฺพา ปาริสุทฺธีติ ปาริสุทฺธิทายเกน ปุน อฺสฺส ภิกฺขุโน สนฺติเก ทาตพฺพา. ‘‘ภูตํเยว วา สามเณรภาวํ อาโรเจตี’’ติ วุตฺตตฺตา อูนวีสติวสฺสกาเล อุปสมฺปนฺนสฺส, อนฺติมวตฺถุอชฺฌาปนฺนสิกฺขาปจฺจกฺขาตาทีนํ วา ยาว ภิกฺขุปฏิฺา วตฺตติ, ตาว เตหิ อาหฏาปิ ฉนฺทปาริสุทฺธิ อาคจฺฉติ. ยทา ปน เต อตฺตโน สามเณราทิภาวํ ปฏิชานนฺติ, ตโต ปฏฺาเยว นาคจฺฉตีติ ทสฺสิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปาฬิยมฺปิ หิ ‘‘ทินฺนาย ปาริสุทฺธิยา สงฺฆปฺปตฺโต วิพฺภมติ…เป… ปณฺฑโก ปฏิชานาติ. ติรจฺฉานคโต ปฏิชานาติ. อุภโตพฺยฺชนโก ปฏิชานาติ, อาหฏา โหติ ปาริสุทฺธี’’ติ วุตฺตตฺตา ปณฺฑกาทีนมฺปิ ภิกฺขุปฏิฺาย วตฺตมานกาเลสุ ฉนฺทปาริสุทฺธิยา อาคมนํ สิทฺธเมว. เตนาห ‘‘เอส นโย สพฺพตฺถา’’ติ. อุมฺมตฺตกขิตฺตจิตฺตเวทนาฏฺฏานํ ปน ปกตตฺตา อนฺตรามคฺเค อุมฺมตฺตกาทิภาเว ปฏิฺาเตปิ เตสํ สงฺฆปฺปตฺตมตฺเตเนว ฉนฺทาทิ อาคจฺฉตีติ ทฏฺพฺพํ.
‘‘ภิกฺขูนํ หตฺถปาส’’นฺติ อิมินา คณปุคฺคเลสุ ฉนฺทปาริสุทฺธิยา อนาคมนํ ทสฺเสติ. ‘‘สงฺฆปฺปตฺโต’’ติ หิ ปาฬิยํ วุตฺตํ. พิฬาลสงฺขลิกปาริสุทฺธีติ พิฬาลคีวาย พนฺธนสงฺขลิกสทิสา ปาริสุทฺธิ นาม, ยถา สงฺขลิกา พิฬาเล อาคจฺฉนฺเต เอว อาคจฺฉติ, น อนาคจฺฉนฺเต ตปฺปฏิพทฺธตฺตา, เอวมยํ ปาริสุทฺธิปีติ อตฺโถ. อถ วา ยถา สงฺขลิกาย ปมวลยํ ทุติยวลยํ ¶ ปาปุณาติ, น ตติยวลยํ, เอวมยมฺปีติ อธิปฺปาโย. อุปลกฺขณมตฺตฺเจตฺถ พิฬาล-คฺคหณํ ทฏฺพฺพํ.
ปกฺขคณนาทิอุคฺคหณานุชานนกถาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
ฉนฺททานกถาทิวณฺณนา
๑๖๕. ปาฬิยํ ¶ ‘‘สนฺติ สงฺฆสฺส กรณียานี’’ติ วตฺตพฺเพ วจนวิปลฺลาเสน ‘‘กรณีย’’นฺติ วุตฺตํ.
๑๖๗. ‘‘ตสฺส สมฺมุติทานกิจฺจํ นตฺถี’’ติ อิทํ ปาฬิยํ เอกทา สรนฺตสฺเสว สมฺมุติทานสฺส วุตฺตตฺตา เอกทา อสรนฺตสฺส สมฺมุติอภาเวปิ ตสฺส อนาคมนํ วคฺคกมฺมาย น โหตีติ วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘โสปิ หตฺถปาเสว อาเนตพฺโพ’’ติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ.
๑๖๘. สงฺฆสนฺนิปาตโต ปมํ กาตพฺพํ ปุพฺพกรณํ. สงฺฆสนฺนิปาเต กาตพฺพํ ปุพฺพกิจฺจนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปาฬิยํ โน เจ อธิฏฺเหยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ เอตฺถ อสฺจิจฺจ อสติยา อนาปตฺติ. ยถา เจตฺถ, เอวํ อุปริปิ. ยตฺถ ปน อจิตฺตกาปตฺติ อตฺถิ, ตตฺถ วกฺขาม.
๑๖๙. ‘‘ปฺตฺตํ โหตี’’ติ อิมินา ‘‘น สาปตฺติเกน อุโปสโถ กาตพฺโพ’’ติ วิสุํ ปฏิกฺเขปาภาเวปิ ยถาวุตฺตสุตฺตสามตฺถิยโต ปฺตฺตเมวาติ ทสฺเสติ. อิมินา เอว นเยน –
‘‘อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส ยํ ตถาคโต อปริสุทฺธาย ปริสาย อุโปสถํ กเรยฺย, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยา’’ติ (จูฬว. ๓๘๖; อ. นิ. ๘.๒๐; อุทา. ๔๕) –
อาทิสุตฺตนยโต จ อลชฺชีหิปิ สทฺธึ อุโปสถกรณมฺปิ ปฏิกฺขิตฺตเมว อลชฺชินิคฺคหตฺถตฺตา สพฺพสิกฺขาปทานนฺติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘ปาริสุทฺธิทานปฺาปเนนา’’ติ อิมินา สาปตฺติเกน ปาริสุทฺธิปิ น ทาตพฺพาติ ทีปิตํ โหติ. อุโภปิ ทุกฺกฏนฺติ เอตฺถ สภาคาปตฺติภาวํ อชานิตฺวา เกวลํ อาปตฺตินาเมเนว เทเสนฺตสฺส ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺส อจิตฺตกเมว ทุกฺกฏํ โหตีติ วทนฺติ ¶ . ยถา สงฺโฆ สภาคาปตฺตึ อาปนฺโน ตฺตึ เปตฺวา อุโปสถํ กาตุํ ลภติ, เอวํ ตโยปิ ‘‘สุณนฺตุ เม, อายสฺมนฺตา, อิเม ภิกฺขู สภาคํ อาปตฺตึ อาปนฺนา’’ติอาทินา วุตฺตนยานุสาเรเนว คณตฺตึ เปตฺวา ทฺวีหิ อฺมฺํ อาโรเจตฺวา อุโปสถํ กาตุํ วฏฺฏติ. เอเกน ปน สาปตฺติเกน ทูรํ คนฺตฺวาปิ ปฏิกาตุเมว วฏฺฏติ, อสมฺปาปุณนฺเตน ‘‘ภิกฺขุํ ลภิตฺวา ปฏิกริสฺสามี’’ติ อุโปสโถ กาตพฺโพ, ปฏิกริตฺวา จ ปุน อุโปสโถ กตฺตพฺโพ.
ฉนฺททานกถาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
อนาปตฺติปนฺนรสกาทิกถาวณฺณนา
๑๗๒. เกนจิ ๖๓ กรณีเยน คนฺตฺวาติ สีมาปริจฺเฉทโต พหิภูตํ คามํ วา อรฺํ วา คนฺตฺวาติ อตฺโถ. เอเตเนว อุโปสถตฺติยา ปนกาเล สมคฺคา เอว เต ตฺตึ เปสุนฺติ สิทฺธํ. เตเนว ปาฬิยํ ‘‘อุทฺทิฏฺํ สุอุทฺทิฏฺ’’นฺติ สพฺพปนฺนรสเกสุปิ วุตฺตํ. วคฺคา สมคฺคสฺิโนติอาทิ ปน ตฺติยา นิฏฺิตาย ‘‘กึ สงฺฆสฺส ปุพฺพกิจฺจ’’นฺติอาทีนํ (มหาว. ๑๓๔) วจนกฺขเณ พหิคตานํ ภิกฺขูนํ สีมาย ปวิฏฺตฺตา ภิกฺขู ตสฺมึ ขเณ วคฺคา โหนฺตีติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘เตสํ สีมํ โอกฺกนฺตตฺตา วคฺคา’’ติอาทิ, เอเตน ปาราชิกุทฺเทสาทิกฺขเณปิ วคฺคสฺีนํ อุทฺทิสนฺตานํ อาปตฺติ เอว, ตฺติยา ปน ปุพฺเพ นิฏฺิตตฺตา กมฺมโกโป นตฺถีติ ทสฺสิตเมว โหติ. เอวํ อุปริปิ สพฺพวาเรสุ อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ.
เอตฺถ จ ปาฬิยํ ‘‘สพฺพาย วุฏฺิตาย…เป… เตสํ สนฺติเก ปาริสุทฺธิ อาโรเจตพฺพา’’ติ (มหาว. ๑๗๔) วุตฺตตฺตา พหิสีมาคตาย ปริสาย เตสุ ยสฺส กสฺสจิ สนฺติเก อนธิฏฺิเตหิ ปาริสุทฺธึ อาโรเจตุํ วฏฺฏตีติ วทนฺติ.
อนาปตฺติปนฺนรสกาทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ลิงฺคาทิทสฺสนกถาทิวณฺณนา
๑๗๙. อฺาตกํ ¶ นาม อทิฏฺปุพฺพนฺติ อาห ‘‘อฺเสํ สนฺตก’’นฺติ. อฺเสนฺติ อตฺตนา อทิฏฺปุพฺพานํ. นานาสํวาสกภาวนฺติ ลทฺธินานาสํวาสกภาวํ.
๑๘๐. ปาฬิยํ อภิวิตรนฺติ สมานสํวาสกาภาวํ นิจฺฉินนฺติ.
๑๘๑. อุโปสถการกาติ สงฺฆุโปสถการกา. เตเนว ‘‘อฺตฺร สงฺเฆนา’’ติ วุตฺตํ. สงฺฆุโปสถฏฺานโต หิ คจฺฉนฺเตน อตฺตจตุตฺเถเนว คนฺตพฺพํ, ติณฺณํ ภิกฺขูนํ นิสินฺนฏฺานโต ปน คจฺฉนฺเตน เอเกน ภิกฺขุนาปิ สห คนฺตุมฺปิ วฏฺฏติ. ปาฬิยํ ‘‘อภิกฺขุโก อาวาโส’’ติ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํ, สงฺฆุโปสถฏฺานโต คณปุคฺคเลหิ สภิกฺขุโกปิ อาวาโส น คนฺตพฺโพ ‘‘อฺตฺร สงฺเฆนา’’ติ วุตฺตตฺตาติ วทนฺติ. อุโปสถํ กโรนฺตีติ สงฺฆุโปสถํ วา คณุโปสถํ วา. ‘‘ตสฺส สนฺติก’’นฺติ อิทํ คณุโปสถฏฺานโต คจฺฉนฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ, อฺถา ‘‘สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน อตฺตจตุตฺเถน ¶ วา’’ติ วจเนน วิรุชฺฌนโต. อารฺเกนาติ เอกจารินา. อุโปสถนฺตราโยติ อตฺตโน อุโปสถนฺตราโย.
๑๘๓. ปาฬิยํ ภิกฺขุนิยา นิสินฺนปริสายาติอาทีสุ ภิกฺขุนิยาติอาทิ กรณตฺเถ สามิวจนํ.
ลิงฺคาทิทสฺสนกถาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
อุโปสถกฺขนฺธกวณฺณนานโย นิฏฺิโต.