📜
๑๐. โกสมฺพกกฺขนฺธโก
โกสมฺพกวิวาทกถาวณฺณนา
๔๕๑. โกสมฺพกกฺขนฺธเก ¶ ¶ สเจ โหติ, เทเสสฺสามีติ วินยธรสฺส วจเนน อาปตฺติทิฏฺึ ปฏิลภิตฺวา เอวมาห. เตเนว ปาฬิยํ ‘‘โส ตสฺสา อาปตฺติยา อนาปตฺติทิฏฺิ โหตี’’ติ วุตฺตํ. นตฺถิ อาปตฺตีติ อุทกสฺส ปนภาวํ อชานิตฺวา วา ปิตํ ฉฑฺเฑตฺวา วิสฺสริตฺวา วา คมเน อสฺจิจฺจ อสติยา อนาปตฺติปกฺโขปิ สมฺภวตีติ วินยธโร ตตฺถ อนาปตฺติทิฏฺึ ปฏิลภิตฺวา เอวมาห. เตเนว ปาฬิยํ ‘‘อฺเ ภิกฺขู ตสฺส อาปตฺติยา อนาปตฺติทิฏฺิโน โหนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ปริสายปิสฺส อนาปตฺติทิฏฺิยา อุปฺปนฺนตฺตา ‘‘อฺเ’’ติ พหุวจนํ กตํ. อนาปตฺติทิฏฺิ อโหสีติ สุตฺตนฺติกตฺเถรสฺส วินเย อปกตฺุตาย วินยธรสฺส วจนมตฺเตน โส เอวมโหสิ, สา ปนสฺส อาปตฺติ เอว อุทกาวเสสสฺส ปนภาวํ ตฺวา ปิตตฺตา. วตฺถุมตฺตชานเน เอว หิ เสขิยา สจิตฺตกา, น ปณฺณตฺติวิชานเน. เตเนว ปาฬิยํ ‘‘ตสฺสา อาปตฺติยา อนาปตฺติทิฏฺิ โหตี’’ติ สพฺพตฺถ อาปตฺติ อิจฺเจว วุตฺตํ. ‘‘อาปตฺตึ อาปชฺชมาโน’’ติ อิทํ วินยธรตฺเถโร ‘‘ตยา อิทํ อุทกํ ปิต’’นฺติ อตฺตนา ปุฏฺเน สุตฺตนฺติกตฺเถเรน ‘‘อามาวุโส’’ติ วุตฺตวจนํ สริตฺวา ปณฺณตฺติอโกวิทตาย สฺจิจฺเจว อกาสีติ อาปตฺติทิฏฺิ หุตฺวาว อโวจ. เตเนว ปาฬิยํ ‘‘อฺเ ภิกฺขู ตสฺสา อาปตฺติยา อาปตฺติทิฏฺิโน โหนฺตี’’ติ วุตฺตํ.
๔๕๓. ‘‘น ตาว ภินฺโน’’ติ อิทํ อุกฺขิปนตทนุวตฺตนมตฺเตน สงฺโฆ ภินฺโน นาม น โหติ, ตํ นิสฺสาย ปน อุภยปกฺขิกานํ ปกฺขํ ปริเยสิตฺวา อฺมฺํ โกธวเสน กายวจีกลหวฑฺฒเนเนว โหตีติ อิมมตฺถํ สนฺธาย วุตฺตํ. เตนาห ‘‘โส จ โข กลหวเสนา’’ติ. สมฺภมอตฺถวเสนาติ ตุริตตฺถวเสน.
๔๕๔. อการเณติอาทิ ¶ อนุกฺขิปิตฺวาว อุปาเยน สฺาเปตฺวา หิเตสิตาย อาปตฺติโต โมเจตุํ ยุตฺตฏฺาเน โกธจิตฺตวเสน วิเหนตฺถาย กตภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ปน กมฺมงฺคสฺส อภาวํ สนฺธาย. เตเนว ¶ ปาฬิยํ ‘‘อาปตฺติ เอสา, ภิกฺขเว, เนสา อนาปตฺติ…เป… อุกฺขิตฺโต เอโส ภิกฺขู’’ติอาทิ วุตฺตํ.
๔๕๕. ‘‘อธมฺมวาทีนํ ปกฺเข นิสินฺโน’’ติ อิทํ อุปลกฺขณมตฺตํ, ธมฺมวาทีนํ ปกฺเข นิสีทิตฺวา อธมฺมวาทีนํ ลทฺธึ คณฺหนฺโตปิ ธมฺมวาทีนํ นานาสํวาสโก โหติ เอว. กมฺมํ โกเปตีติ ตํ วินา คณสฺส อปูรณปกฺขํ สนฺธาย วุตฺตํ. ยตฺถ วา ตตฺถ วาติ ธมฺมวาทีนํ ปกฺเข วา อธมฺมวาทีนํ ปกฺเข วาติ อตฺโถ. อิเม ธมฺมวาทิโนติ คณฺหาตีติ ตํตํปกฺขคเต ภิกฺขู ยาถาวโต วา อยาถาวโต วา ‘‘อิเม ธมฺมวาทิโน’’ติ คณฺหาติ, อยํ ตํตํปกฺขคตานํ อตฺตานํ สมานสํวาสกํ กโรติ.
๔๕๖. อุปทํเสนฺตีติ ปวตฺเตนฺติ. ปาฬิยํ เอตฺตาวตาติ ‘‘เอตฺตกปเทสํ มฺุจิตฺวา นิสินฺนา มยํ โกธจิตฺเต อุปฺปนฺเนปิ อฺมฺํ อนนุโลมิกํ กายกมฺมาทึ ปวตฺเตตุํ น สกฺขิสฺสามา’’ติ สลฺเลกฺเขตฺวา ทูเร นิสีทิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘อุปจารํ มฺุจิตฺวา’’ติ.
๔๕๗. ปาฬิยํ ภณฺฑนชาตาติอาทีสุ กลหสฺส ปุพฺพภาโค ภณฺฑนํ นาม. หตฺถปรามาสาทิ กลโห นาม. วิรุทฺธวาโท วิวาโท นาม.
๔๕๘. ปริปุณฺณโกสโกฏฺาคาโรติ เอตฺถ โกโส นาม สุวณฺณมณิอาทิภณฺฑาคารสารคพฺโภ. โกฏฺํ วุจฺจติ ธฺสฺส อาวสนฏฺานํ, โกฏฺภูตํ อคารํ โกฏฺาคารํ, ธฺสงฺคหฏฺานํ. อพฺภุยฺยาสีติ ยุทฺธาย อภิมุโข นิกฺขมีติ อตฺโถ. เอกสงฺฆาตมฺปีติ เอกยุทฺธมฺปิ. โธวนนฺติ โธวนุทกํ.
๔๖๓. ปริยาทินฺนรูปาติ โกธจิตฺเตน ปริคฺคหิตสภาวา.
๔๖๔. ตํ น ชานนฺตีติ ตํ กลหํ น ชานนฺติ. เย อุปนยฺหนฺตีติ ยถาวุตฺตํ โกธาการํ จิตฺเต พนฺธนฺติ. ปากฏปริสฺสเยติ สีหาทิเก. ปฏิจฺฉนฺนปริสฺสเยติ ราคาทิเก. ปาฬิยํ นตฺถิ พาเล ๙๗ สหายตาติ พาลํ นิสฺสาย สีลาทิคุณสงฺขาตา สหายตา นตฺถิ, น สกฺกา ลทฺธุนฺติ อตฺโถ.
๔๖๖. อตฺตกามรูปาติ ¶ อตฺตโน หิตกามยมานสภาวา. อนุรุทฺธาติ เอกเสสนเยน ติณฺณมฺปิ กุลปุตฺตานํ อาลปนํ, เตเนว พหุวจนนิทฺเทโส กโต. ขมนียํ สรีรํ ยาปนียํ ชีวิตํ ‘‘กจฺจิ โว สรีรฺจ ธาเรตุํ, ชีวิตฺจ ยาเปตุํ สกฺกา’’ติ ปุจฺฉติ. ตคฺฆาติ เอกํสตฺเถ นิปาโต, เอกํเสน มยํ ภนฺเตติ อตฺโถ. ยถา กถนฺติ เอตฺถ ยถาติ นิปาตมตฺตํ, ยถากถนฺติ วา เอโก นิปาโต การณปุจฺฉนตฺโถ, เกน ปกาเรนาติ อตฺโถ. เอกฺจ ปน มฺเ จิตฺตนฺติ เอกสฺส จิตฺตวเสน อิตเรสมฺปิ ปวตฺตนโต สพฺเพสํ โน เอกํ วิย จิตฺตนฺติ อตฺโถ. กจฺจิ ปน โว อนุรุทฺธาติ เอตฺถ โวติ นิปาตมตฺตํ, ปจฺจตฺตวจนํ วา, กจฺจิ ตุมฺเหติ อตฺโถ. อมฺหากนฺติ นิทฺธารเณ สามิวจนํ, อมฺเหสุ ตีสุ โย ปมํ ปฏิกฺกมตีติ อตฺโถ.
โกสมฺพกวิวาทกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปาลิเลยฺยกคมนกถาวณฺณนา
๔๖๗. เยน ปาลิเลยฺยกนฺติ ปจฺจตฺเต อุปโยควจนํ, ยตฺถ ปาลิเลยฺยโก คาโม, ตตฺถ อวสรีติ อตฺโถ. ทหรโปตเกหีติ ภิงฺกจฺฉาเปหิ. ‘‘โอคาหิ’’นฺติปิ ปาโ, นหานโปกฺขรณินฺติ อตฺโถ.
อุทานคาถายํ ปน – รถอีสสทิสทนฺตสฺส นาคสฺส หตฺถิโน เอตํ วิเวกนินฺนํ จิตฺตํ นาเคน พุทฺธนาคสฺส วิเวกนินฺนจิตฺเตน สเมติ. กสฺมา? ยํ ยสฺมา เอโกว รมติ วเน, ตสฺมา เอวํ โยชนา ทฏฺพฺพา.
ปาลิเลยฺยกคมนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อฏฺารสวตฺถุกถาวณฺณนา
๔๖๘. ยถา ธมฺโม ตถา ติฏฺาหีติ ยถา ธมฺโม จ วินโย จ ิโต, ตถา ติฏฺ, ธมฺมวาทีปกฺเข ติฏฺาติ อตฺโถ.
๔๗๓. ‘‘โย ¶ ปฏิพาเหยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ อิทํ สามคฺคีเภทสฺส อการเก สนฺธาย วุตฺตํ. เย ปน เภทการกา วิรุทฺธา อลชฺชิโน ¶ , เตสํ ปฏิพาหิตุํ วฏฺฏติ เตสํ สนฺตกสฺสปิ เสนาสนสฺส วินาสนวจนโต. ‘‘วิวิตฺตํ กตฺวาปิ ทาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตตฺตา ปน ยถาวุฑฺฒํ วรเสนาสนํ อทตฺวา วุฑฺฒานมฺปิ อสฺตานํ สฺเตหิ วิวิตฺตํ กตฺวา ทาตพฺพนฺติ ทฏฺพฺพํ.
๔๗๕. กมฺมวาจาย โอสาเรตฺวาติ เอตฺถ อุกฺขิตฺตสฺส ภิกฺขุโน อาปตฺติยาปนฺนภาวํ ปฏิชานิตฺวา สมฺมาวตฺตเนน อุกฺเขปกานํ สมุปฺปนฺนโอสารณจฺฉนฺทสฺส ปเคว าตตฺตา ปฏิปฺปสฺสมฺภนกมฺมวาจาย อุกฺขิตฺตานุวตฺตกา สยเมว นํ โอสาเรสุนฺติ ทฏฺพฺพํ.
๔๗๖. อตฺถโต อปคตาติ สามคฺคีอตฺถวิรหิตา, ตุจฺฉพฺยฺชนาติ อตฺโถ.
๔๗๗. อปฺปฏิจฺฉนฺนาจาโรติ อปฺปฏิจฺฉาเทตพฺพสุนฺทราจาโร. อนปคตนฺติ การณโต อนเปตํ. อาทาตพฺพโต คเหตพฺพโต อาทายนฺติ อาจริยวาโท วุตฺโตติ อาห ‘‘อาทายํ อตฺตโน อาจริยวาท’’นฺติ.
อฏฺหิ ทูตงฺเคหีติ ‘‘โสตา จ โหติ สาเวตา จ อุคฺคเหตา จ ธาเรตา จ วิฺาตา จ วิฺาเปตา จ กุสโล จ สหิตาสหิตสฺส โน จ กลหการโก’’ติ (อ. นิ. ๘.๑๖) เอวํ วุตฺเตหิ อฏฺหิ ทูตงฺเคหิ. เสสเมตฺถ, เหฏฺา จ สพฺพตฺถ สุวิฺเยฺยเมวาติ.
อฏฺารสวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
โกสมฺพกกฺขนฺธกวณฺณนานโย นิฏฺิโต.
อิติ สมนฺตปาสาทิกาย วินยฏฺกถาย วิมติวิโนทนิยํ
มหาวคฺควณฺณนานโย นิฏฺิโต.
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส