📜
๑. ทิวาเสยฺยวินิจฺฉยกถา
๑. เอวํ ¶ ปาฬิมุตฺตวินิจฺฉยกถานํ มาติกํ เปตฺวา อิทานิ ยถาปิตมาติกานุกฺกเมน นิทฺทิสนฺโต ‘‘ตตฺถ ทิวาเสยฺยาติ ทิวานิปชฺชน’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ตตฺถาติ เตสุ มาติกาปเทสุ สมภินิวิฏฺสฺส ‘‘ทิวาเสยฺยา’’ติ ปทสฺส ‘‘ทิวานิปชฺชน’’นฺติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพติ โยชนา. ตตฺถ ทิวา-สทฺโท อหวาจโก อาการนฺโต นิปาโต. วุตฺตฺหิ อภิธานปฺปทีปิกายํ ‘‘อานุกูลฺเยตุ สทฺธฺจ, นตฺตํ โทโส ทิวา ตฺวเห’’ติ. สยนํ เสยฺยา, กรชกายคตรูปานํ อุทฺธํ อนุคฺคนฺตฺวา ทีฆวเสน วิตฺถารโต ปวตฺตนสงฺขาโต อิริยาปถวิเสโส. ทิวากาลสฺมึ เสยฺยา ทิวาเสยฺยา. อรุณุคฺคมนโต ปฏฺาย ยาว สูริยตฺถงฺคมนา, เอตสฺมึ กาเล สยนอิริยาปถกรณนฺติ. เตนาห ‘‘ทิวานิปชฺชนนฺติ อตฺโถ’’ติ.
ตตฺราติ ตสฺมึ ทิวาสยเน อยํ วกฺขมาโน วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพติ โยชนา. ‘‘อนุชานามิ…เป… วจนโต’’ติ (ปารา. ๗๗) อยํ ปมปาราชิกสิกฺขาปทสฺส วินีตวตฺถูสุ อาคโต ภควตา ¶ อาหจฺจภาสิโต าปกปาโ. ตตฺถ ทิวา ปฏิสลฺลียนฺเตนาติ ทิวา นิปชฺชนฺเตน. ทฺวารํ สํวริตฺวา ปฏิสลฺลียิตุนฺติ ทฺวารํ ปิทหิตฺวา นิปชฺชิตุํ. ‘‘ทิวา…เป… นิปชฺชิตพฺพนฺติ าปฺยํ. นนุ ปาฬิยํ ‘‘อยํ นาม อาปตฺตี’’ติ น วุตฺตา, อถ กถเมตฺถ อาปตฺติ วิฺายตีติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘เอตฺถ จ กิฺจาปี’’ติอาทิ. ตตฺถ เอตฺถาติ เอตสฺมึ ทิวานิปชฺชเน. จ-สทฺโท วากฺยารมฺภโชตโก, กิฺจาปิ-สทฺโท นิปาตสมุทาโย, ยทิปีตฺยตฺโถ. ปาฬิยํ อยํ นาม อาปตฺตีติ กิฺจาปิ น วุตฺตา, ปน ตถาปิ อสํวริตฺวา นิปชฺชนฺตสฺส อฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๑.๗๗) ทุกฺกฏํ ยสฺมา วุตฺตํ, ตสฺมา เอตฺถ อาปตฺติ วิฺายตีติ โยชนา. เอวํ สนฺเตปิ อสติ ภควโต วจเน กถํ อฏฺกถายํ วุตฺตํ สิยาติ อาห ‘‘วิวริตฺวา…เป… อนฺุาตตฺตา’’ติ. เอเตน ภควโต อนุชานนมฺปิ ตํ อกโรนฺตสฺส อาปตฺติการณํ โหตีติ ทสฺเสติ.
ตตฺถ ‘‘อุปฺปนฺเน วตฺถุมฺหีติ อิตฺถิยา กตอชฺฌาจารวตฺถุสฺมิ’’นฺติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๗๗) วุตฺตํ, สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๗๗) ปน ‘‘เมถุนวตฺถุสฺมึ อุปฺปนฺเน’’ติ วุตฺตํ, โปราณฏีกายมฺปิ ตเมว คเหตฺวา ‘‘อุปฺปนฺเน เมถุนวตฺถุสฺมิ’’นฺติ วุตฺตํ, ตเทตํ วิจาเรตพฺพํ เมถุนลกฺขณสฺส อภาวา. นนุ สิกฺขาปทปฺาปนํ นาม พุทฺธวิสโย, อถ กสฺมา ¶ อฏฺกถายํ ทุกฺกฏํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ภควโต’’ติอาทิ. น เกวลํ อุปาลิตฺเถราทีหิ เอว อฏฺกถา ปิตา, อถ โข ปาฬิโต จ อตฺถโต จ พุทฺเธน ภควตา วุตฺโต. น หิ ภควตา อพฺยากตํ ตนฺติปทํ นาม อตฺถิ, สพฺเพสํเยว อตฺโถ กถิโต, ตสฺมา สมฺพุทฺเธเนว ติณฺณํ ปิฏกานํ อตฺถวณฺณนกฺกโมปิ ภาสิโตติ ทฏฺพฺพํ. ตตฺถ ตตฺถ หิ ภควตา ปวตฺติตา ปกิณฺณกเทสนาเยว อฏฺกถาติ.
กึ ¶ ปเนตฺถ เอตํ ทิวา ทฺวารํ อสํวริตฺวา นิปชฺชนฺตสฺส ทุกฺกฏาปตฺติอาปชฺชนํ อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา เอว สิทฺธํ, อุทาหุ อฺเนปีติ อาห ‘‘อตฺถาปตฺตี’’ติอาทิ. เอตํ ทุกฺกฏาปตฺติอาปชฺชนํ น เกวลํ อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา เอว สิทฺธํ, อถ โข ‘‘อตฺถาปตฺติ ทิวา อาปชฺชติ, โน รตฺติ’’นฺติ (ปริ. ๓๒๓) อิมินา ปริวารปาเนปิ สิทฺธํ โหตีติ โยชนา. กตรสฺมึ ปน วตฺถุสฺมึ อิทํ สิกฺขาปทํ วุตฺตนฺติ? ‘‘เตน โข ปน สมเยน อฺตโร ภิกฺขุ เวสาลิยํ มหาวเน กูฏาคารสาลายํ ทิวา วิหารคโต ทฺวารํ วิวริตฺวา นิปนฺโน อโหสิ. ตสฺส องฺคมงฺคานิ วาตุปตฺถทฺธานิ อเหสุํ. เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา อิตฺถิโย คนฺธฺจ มาลฺจ อาทาย วิหารํ อาคมึสุ วิหารเปกฺขิกาโย. อถ โข ตา อิตฺถิโย ตํ ภิกฺขุํ ปสฺสิตฺวา องฺคชาเต อภินิสีทิตฺวา ยาวทตฺถํ กตฺวา ‘ปุริสุสโภ วตาย’นฺติ วตฺวา คนฺธฺจ มาลฺจ อาโรเปตฺวา ปกฺกมึสุ. ภิกฺขู กิลินฺนํ ปสฺสิตฺวา ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. ปฺจหิ, ภิกฺขเว, อากาเรหิ องฺคชาตํ กมฺมนิยํ โหติ ราเคน, วจฺเจน, ปสฺสาเวน, วาเตน, อุจฺจาลิงฺคปาณกทฏฺเน. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหากาเรหิ องฺคชาตํ กมฺมนิยํ โหติ. อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ ตสฺส ภิกฺขุโน ราเคน องฺคชาตํ กมฺมนิยํ อสฺส, อรหํ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ, อนาปตฺติ ภิกฺขเว ตสฺส ภิกฺขุโน. อนุชานามิ ภิกฺขเว ทิวา ปฏิสลฺลียนฺเตน ทฺวารํ สํวริตฺวา ปฏิสลฺลียิตุ’’นฺติ (ปารา. ๗๗) เอตสฺมึ วตฺถุสฺมึ อิทํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
๒. อิทานิ ทฺวารวิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘กีทิส’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ปริวตฺตกทฺวารเมวาติ สํวรณวิวรณวเสน อิโต จิโต จ ปริวตฺตนโยคฺคทฺวารเมว. รุกฺขสูจิกณฺฏกทฺวารนฺติ รุกฺขสูจิทฺวารํ กณฺฏกทฺวารฺจ. ‘‘รุกฺขสูจิทฺวารกณฺฏกทฺวาร’’มิจฺเจว วา ¶ ปาโ. ยํ อุโภสุ ปสฺเสสุ รุกฺขตฺถมฺเภ นิขนิตฺวา ตตฺถ วิชฺฌิตฺวา มชฺเฌ ทฺเว ติสฺโส รุกฺขสูจิโย ปเวเสตฺวา กโรนฺติ, ตํ รุกฺขสูจิทฺวารํ นาม. ปเวสนนิกฺขมนกาเล อปเนตฺวา ถกนโยคฺคํ เอกาย, พหูหิ ¶ วา กณฺฏกสาขาหิ กตํ กณฺฏกทฺวารํ นาม. คามทฺวารสฺส ปิธานตฺถํ ปทเรน วา กณฺฏกสาขาทีหิ วา กตสฺส กวาฏสฺส อุทุกฺขลปาสกรหิตตาย เอเกน สํวริตุํ วิวริตฺุจ อสกฺกุเณยฺยสฺส เหฏฺา เอกํ จกฺกํ โยเชนฺติ, เยน ปริวตฺตมานกกวาฏํ สุขถกนกํ โหติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘จกฺกลกยุตฺตทฺวาร’’นฺติ. จกฺกเมว หิ ลาตพฺพตฺเถน สํวรณวิวรณตฺถาย คเหตพฺพตฺเถน จกฺกลกํ, เตน ยุตฺตกวาฏมฺปิ จกฺกลกํ นาม, เตน ยุตฺตทฺวารํ จกฺกลกยุตฺตทฺวารํ.
มหาทฺวาเรสุ ปน ทฺเว ตีณิ จกฺกลกานิ โยเชตีติ อาห ‘‘ผลเกสู’’ติอาทิ. กิฏิกาสูติ เวฬุเปสิกาทีหิ กณฺฏกสาขาทีหิ จ กตถกนเกสุ. สํสรณกิฏิกทฺวารนฺติ จกฺกลกยนฺเตน สํสรณกิฏิกายุตฺตมหาทฺวารํ. โคปฺเผตฺวาติ อาวุณิตฺวา, รชฺชูหิ คนฺเถตฺวา วา. เอกํ ทุสฺสสาณิทฺวารเมวาติ เอตฺถ กิลฺชสาณิทฺวารมฺปิ สงฺคหํ คจฺฉติ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๗๖-๗๗) ปน ‘‘ทุสฺสทฺวารํ สาณิทฺวารฺจ ทุสฺสสาณิทฺวารํ. ทุสฺสสาณิ กิลฺชสาณีติอาทินา วุตฺตํ สพฺพมฺปิ ทุสฺสสาณิยเมว สงฺคเหตฺวา วุตฺตํ, เอกสทิสตฺตา เอกนฺติ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ.
๓. เอวํ ทฺวารวิเสสํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยตฺตเกน ทฺวารํ สํวุตํ โหติ, ตํ ปมาณํ ทสฺเสตุํ ‘‘กิตฺตเกน’’ตฺยาทิมาห. ตตฺถ สูจีติ มชฺเฌ ฉิทฺทํ กตฺวา ปเวสิตา. ฆฏิกาติ อุปริ โยชิตา. อิทานิ ยตฺถ ทฺวารํ สํวริตฺวา นิปชฺชิตุํ ¶ น สกฺกา โหติ, ตตฺถ กาตพฺพวิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘สเจ พหูนํ วฬฺชนฏฺานํ โหตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. พหูนํ อวฬฺชนฏฺาเนปิ เอกํ อาปุจฺฉิตฺวา นิปชฺชิตุํ วฏฺฏติเยว. อถ ภิกฺขู…เป… นิสินฺนา โหนฺตีติ อิทํ ตตฺถ ภิกฺขูนํ สนฺนิหิตภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, น เสสอิริยาปถสมงฺคิตานิวตฺตนตฺถํ, ตสฺมา นิปนฺเนปิ อาโภคํ กาตุํ วฏฺฏติ. นิปชฺชิตฺวา นิทฺทายนฺเต ปน อาโภคํ กาตุํ น วฏฺฏติ. อสนฺตปกฺเข ิตตฺตา รโห นิสชฺชาย วิย ทฺวารสํวรณํ นาม มาตุคามานํ ปเวสนิวารณตฺถํ อนฺุาตนฺติ อาห ‘‘เกวลํ ภิกฺขุนึ วา’’ติอาทิ.
เอตฺถ จ ตํ ยุตฺตํ, เอวํ สพฺพตฺถปิ โย โย เถรวาโท วา อฏฺกถาวาโท วา ปจฺฉา วุจฺจติ, โส โสว ปมาณนฺติ คเหตพฺพนฺติ อิทํ อฏฺกถาวจนโต อติเรกํ อาจริยสฺส วจนํ. อิโต ปุพฺพาปรวจนํ อฏฺกถาวจนเมว. ตตฺถ ตํ ยุตฺตนฺติ ‘‘กุรุนฺทฏฺกถายํ ปน…เป… น วตฺตตี’’ติ ¶ ยํ วจนํ อฏฺกถาจริเยหิ วุตฺตํ, ตํ วจนํ ยุตฺตนฺติ อตฺโถ. เอวํ…เป… คเหตพฺพนฺติ ยถา เจตฺถ กุรุนฺทิยํ วุตฺตวจนํ ยุตฺตํ, เอวํ สพฺพตฺถปิ วินิจฺฉเย โย โย เถรวาโท วา อฏฺกถาวาโท วา ปจฺฉา วุจฺจติ, โส โสว ปมาณนฺติ คเหตพฺพํ, ปุเร วุตฺโต เถรวาโท วา อฏฺกถาวาโท วา ปมาณนฺติ น คเหตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. อิทํ วจนํ อฏฺาเน วุตฺตํ วิย ทิสฺสติ. กถํ? ยํ ตาว วุตฺตํ, ตํ ยุตฺตนฺติ. ตํ อิมสฺมึ อาปุจฺฉนอาโภคกรณวินิจฺฉเย อฺสฺส อยุตฺตสฺส อฏฺกถาวาทสฺส วา เถรวาทสฺส วา อภาวา วตฺตุํ น สกฺกา. น หิ ปุพฺพวากฺเย ‘‘ภิกฺขู เอวา’’ติ อวธารณํ กตํ, อถ โข อาสนฺนวเสน วา ปฏฺานวเสน วา ‘‘ภิกฺขู จีวรกมฺมํ’’อิจฺจาทิกํเยว วุตฺตํ. ยมฺปิ วุตฺตํ ‘‘เอวํ สพฺพตฺถปี’’ตฺยาทิ, ตมฺปิ อโนกาสํ. อิมสฺมึ วินิจฺฉเย ¶ อฺสฺส อฏฺกถาวาทสฺส วา อาจริยวาทสฺส วา อวจนโต ปุเร ปจฺฉาภาโว จ น ทิสฺสติ, อยํ ‘‘ปมาณ’’นฺติ คเหตพฺโพ, อยํ ‘‘น คเหตพฺโพ’’ติ วตฺตพฺพภาโว จ.
อุปริ ปน ‘‘โก มุจฺจติ, โก น มุจฺจตี’’ติ อิมสฺส ปฺหสฺส วิสฺสชฺชเน มหาปจฺจริวาโท จ กุรุนฺทิวาโท จ มหาอฏฺกถาวาโท จาติ ตโย อฏฺกถาวาทา อาคตา, เอโก มหาปทุมตฺเถรวาโท, ตสฺมา ตตฺเถว ยุตฺตายุตฺตภาโว จ ปมาณาปมาณภาโว จ คเหตพฺพาคเหตพฺพภาโว จ ทิสฺสติ, ตสฺมา ตสฺมึเยว าเน วตฺตพฺพํ สิยา, สุวิมลวิปุลปฺาเวยฺยตฺติยสมนฺนาคเตน ปน อาจริยาสเภน อวตฺตพฺพฏฺาเน วุตฺตํ น สิยา, ตสฺมา อุปริ อฏฺกถาวาทสํสนฺทนาวสาเน มหาปทุมตฺเถเรน วุตฺตนฺติ อิมสฺส วจนสฺส ปจฺฉโต วุตฺตํ สิยา, ตํ ปจฺฉา เลขเกหิ ปริวตฺเตตฺวา ลิขิตํ ภเวยฺย, ปาราชิกกณฺฑฏฺกถายฺจ อิทํ วจนํ วุตฺตํ. ฏีกายฺจ อิมสฺมึ าเน น วุตฺตํ, อุปริเยว วุตฺตํ, ‘‘โย จ ยกฺขคหิตโก, โย จ พนฺธิตฺวา นิปชฺชาปิโต’’ติ อิมสฺส อฏฺกถาวาทสฺส ปจฺฉิมตฺตา โสเยว ปมาณโต คเหตพฺโพ. ตถา จ วกฺขติ ‘‘สพฺพตฺถ โย โย อฏฺกถาวาโท วา เถรวาโท วา ปจฺฉา วุจฺจติ, โส โสเยว ปมาณโต ทฏฺพฺโพ’’ติ, ตสฺมา อิทเมตฺถ วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ.
๔. อิทานิ ทฺวารํ สํวรณสฺส อนฺตราเย สติ อสํวริตฺวาปิ นิปชฺชิตุํ วฏฺฏตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘อถ ทฺวารสฺส’’ตฺยาทิมาห. นิสฺเสณึ อาโรเปตฺวาติ อุปริมตลํ อาโรเปตฺวา วิสงฺขริตฺวา ภูมิยํ ปาเตตฺวา, ฉฑฺเฑตฺวา วา นิปชฺชิตุํ วฏฺฏติ. อิทํ เอกาพทฺธตาย วุตฺตํ. ทฺเวปิ ทฺวารานิ ชคฺคิตพฺพานีติ เอตฺถ สเจ เอกสฺมึ ทฺวาเร กวาฏํ วา นตฺถิ, เหฏฺา วุตฺตนเยน สํวริตุํ วา น สกฺกา ¶ , อิตรํ ทฺวารํ อสํวริตฺวา ¶ นิปชฺชิตุํ วฏฺฏติ. ทฺวารปาลสฺสาติ ทฺวารโกฏฺเก มหาทฺวาเร, นิสฺเสณิมูเล วา ตฺวา ทฺวารชคฺคนกสฺส. ปจฺฉิมานํ ภาโรติ เอกาพทฺธวเสน อาคจฺฉนฺเต สนฺธาย วุตฺตํ. อสํวุตทฺวาเร อนฺโตคพฺเภ วาติ โยเชตพฺพํ. พหิ วาติ คพฺภโต พหิ. นิปชฺชนกาเลปิ…เป… วฏฺฏติเยวาติ เอตฺถ ทฺวารชคฺคนกสฺส ตทธีนตฺตา ตทา ตสฺส ตตฺถ สนฺนิหิตาสนฺนิหิตภาวํ อนุปธาเรตฺวาปิ อาโภคํ กาตุํ วฏฺฏติเยวาติ วทนฺติ.
เยน เกนจิ ปริกฺขิตฺเตติ เอตฺถ ปริกฺเขปสฺส อุพฺเพธโต ปมาณํ สหเสยฺยปฺปโหนเก วุตฺตสทิสเมว. วุตฺตฺหิ สมนฺตปาสาทิกายํ (ปาจิ. อฏฺ. ๕๑) ‘‘ยฺหิ เสนาสนํ อุปริ ปฺจหิ ฉทเนหิ อฺเน วา เกนจิ สพฺพเมว ปฏิจฺฉนฺนํ, อยํ สพฺพจฺฉนฺนา นาม เสยฺยา…เป… ยํ ปน เสนาสนํ ภูมิโต ปฏฺาย ยาว ฉทนํ อาหจฺจ ปากาเรน วา อฺเน วา เกนจิ อนฺตมโส วตฺเถนปิ ปริกฺขิตฺตํ, อยํ สพฺพปริจฺฉนฺนา นาม เสยฺยา. ฉทนํ อนาหจฺจ สพฺพนฺติเมน ปริยาเยน ทิยฑฺฒหตฺถุพฺเพเธน ปาการาทินา ปริกฺขิตฺตาปิ สพฺพปริจฺฉนฺนาเยวาติ กุรุนฺทฏฺกถายํ วุตฺต’’นฺติ. ‘‘ทิยฑฺฒหตฺถุพฺเพโธ วฑฺฒกิหตฺเถน คเหตพฺโพ’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๕๑) วิมติวิโนทนิยฺจ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๕๐-๕๑) วุตฺตํ. มหาปริเวณนฺติ มหนฺตํ องฺคณํ. เตน พหุชนสฺจรณฏฺานํ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘มหาโพธี’’ติอาทิ.
อรุเณ อุคฺคเต วุฏฺาติ, อนาปตฺติ อนาปตฺติเขตฺตภูตาย รตฺติยา สุทฺธจิตฺเตน นิปนฺนตฺตา. ปพุชฺฌิตฺวา ปุน สุปติ, อาปตฺตีติ อรุเณ อุคฺคเต ปพุชฺฌิตฺวา อรุณุคฺคมนํ ตฺวา วา อตฺวา วา อนุฏฺหิตฺวา สยิตสนฺตาเนน สุปติ, อุฏฺหิตฺวา ¶ กตฺตพฺพสฺส ทฺวารสํวรณาทิโน อกตตฺตา อกิริยสมุฏฺานา อาปตฺติ โหติ อนาปตฺติเขตฺเต กตนิปชฺชนกิริยาย อนงฺคตฺตา. อยฺหิ อาปตฺติ อีทิเส าเน อกิริยา, ทิวา ทฺวารํ อสํวริตฺวา นิปชฺชนกฺขเณ กิริยากิริยา จ อจิตฺตกา จาติ เวทิตพฺพา. ปุรารุณา ปพุชฺฌิตฺวาปิ ยาว อรุณุคฺคมนา สยนฺตสฺสปิ ปุริมนเยน อาปตฺติเยว.
อรุเณ อุคฺคเต วุฏฺหิสฺสามีติ…เป… อาปตฺติเยวาติ เอตฺถ กทา อสฺส อาปตฺตีติ? วุจฺจเต – น ตาว รตฺติยํ, ‘‘ทิวา อาปชฺชติ, โน รตฺติ’’นฺติ (ปริ. ๓๒๓) วุตฺตตฺตา อนาทริยทุกฺกฏา น มุจฺจตีติ วุตฺตทุกฺกฏํ ปน ทิวาสยนทุกฺกฏเมว น โหติ อนาทริยทุกฺกฏตฺตา ¶ เอว. ‘‘อรุณุคฺคมเน ปน อจิตฺตกํ อกิริยสมุฏฺานํ อาปตฺตึ อาปชฺชตีติ เวทิตพฺพ’’นฺติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๗๗) วุตฺตํ, สารตฺถทีปนิยมฺปิ (สารตฺถ. ฏี. ปาราชิก ๒.๗๗) ‘‘ยถาปริจฺเฉทเมว วุฏฺาตีติ อรุเณ อุคฺคเตเยว อุฏฺหติ. ตสฺส อาปตฺตีติ อสุทฺธจิตฺเตเนว นิปนฺนตฺตา นิทฺทายนฺตสฺสปิ อรุเณ อุคฺคเต ทิวาปฏิสลฺลานมูลิกา อาปตฺติ. ‘เอวํ นิปชฺชนฺโต อนาทริยทุกฺกฏาปิ น มุจฺจตี’ติ วุตฺตตฺตา อสุทฺธจิตฺเตน นิปชฺชนฺโต อรุณุคฺคมนโต ปุเรตรํ อุฏฺหนฺโตปิ อนุฏฺหนฺโตปิ นิปชฺชนกาเลเยว อนาทริยทุกฺกฏํ อาปชฺชติ, ทิวาปฏิสลฺลานมูลิกํ ปน ทุกฺกฏํ อรุเณเยว อาปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา เอวํ นิปชฺชนฺตสฺส ทฺเว ทุกฺกฏานิ อาปชฺชนฺตีติ เวทิตพฺพํ.
สเจ ทฺวารํ สํวริตฺวา อรุเณ อุคฺคเต อุฏฺหิสฺสามีติ นิปชฺชติ, ทฺวาเร จ อฺเหิ อรุณุคฺคมนกาเล วิวเฏปิ ตสฺส อนาปตฺติเยว ทฺวารปิทหนสฺส รตฺติทิวาภาเคสุ วิเสสาภาวา. อาปตฺติอาปชฺชนสฺเสว กาลวิเสโส อิจฺฉิตพฺโพ, น ตปฺปริหารสฺสาติ คเหตพฺพํ. ‘‘ทฺวารํ สํวริตฺวา รตฺตึ ¶ นิปชฺชตี’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๗๗) หิ วุตฺตํ. ทิวา สํวริตฺวา นิปนฺนสฺส เกนจิ วิวเฏปิ ทฺวาเร อนาปตฺติเยว, อตฺตนาปิ อนุฏฺหิตฺวาว สติ ปจฺจเย วิวเฏปิ อนาปตฺตีติ วทนฺติ, อิทมฺปิ วิมติวิโนทนิยเมว (วิ. วิ. ฏี. ๑.๗๗) วุตฺตํ.
ยถาปริจฺเฉทเมว วุฏฺาตีติ อรุเณ อุคฺคเตเยว วุฏฺาติ, อาปตฺติเยวาติ มูลาปตฺตึ สนฺธาย วุตฺตํ. อนาทริยอาปตฺติ ปน ปุรารุณา อุฏฺิตสฺสปิ ตสฺส โหเตว ‘‘ทุกฺกฏา น มุจฺจตี’’ติ วุตฺตตฺตา. ทุกฺกฏา น มุจฺจตีติ จ ปุรารุณา อุฏฺหิตฺวา มูลาปตฺติยา มุตฺโตปิ อนาทริยทุกฺกฏา น มุจฺจตีติ อธิปฺปาโย.
๕. นิทฺทาวเสน นิปชฺชตีติ นิทฺทาภิภูตตาย เอกปสฺเสน นิปชฺชติ. ‘‘นิทฺทาวเสน นิปชฺชตี’’ติ โวหารวเสน วุตฺตํ, ปาทานํ ปน ภูมิโต อโมจิตตฺตา อยํ นิปนฺโน นาม โหตีติ เตเนว อนาปตฺติ วุตฺตา. อปสฺสาย สุปนฺตสฺสาติ กฏิฏฺิโต อุทฺธํ ปิฏฺิกณฺฏเก อปฺปมตฺตกํ ปเทสํ ภูมึ อผุสาเปตฺวา สุปนฺตสฺส. กฏิฏฺึ ปน ภูมึ ผุสาเปนฺตสฺส สยนํ นาม น โหติ. ปิฏฺิปสารณลกฺขณา หิ เสยฺยา ทีฆา, วนฺทนาทีสุปิ ติริยํ ปิฏฺิกณฺฏกานํ ¶ ปสาริตตฺตา นิปชฺชนเมวาติ อาปตฺติ ปริหริตพฺพาว. วนฺทนาปิ หิ ปาทมูเล นิปชฺชตีติอาทีสุ นิปชฺชนเมว วุตฺตา. สหสา วุฏฺาตีติ ปกฺขลิตา ปติโต วิย สหสา วุฏฺาติ, ตสฺสปิ อนาปตฺติ ปตนกฺขเณ อวิสยตฺตา, วิสเย ชาเต สหสา วุฏฺิตตฺตา จ. ยสฺส ปน วิสฺิตาย ปจฺฉาปิ อวิสโย เอว, ตสฺส อนาปตฺติเยว ปตนกฺขเณ วิย. ตตฺเถว สยติ, น วุฏฺาตีติ อิมินา วิสเยปิ อกรณํ ทสฺเสติ, เตเนว ตสฺส อาปตฺตีติ วุตฺตํ.
อิทานิ ¶ อฏฺกถาวาทสํสนฺทนํ กาตุํ ‘‘โก มุจฺจติ, โก น มุจฺจตี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ มหาปจฺจริยนฺติอาทีสุ ปจฺจรีติ อุฬุมฺปํ วุจฺจติ, ตสฺมึ นิสีทิตฺวา กตตฺตา ตเมว นามํ ชาตํ. กุรุนฺทิวลฺลิวิหาโร นาม อตฺถิ, ตตฺถ กตตฺตา กุรุนฺทีติ นามํ ชาตํ. มหาอฏฺกถา นาม สงฺคีติตฺตยมารุฬฺหา เตปิฏกสฺส พุทฺธวจนสฺส อฏฺกถา. ยา มหามหินฺทตฺเถเรน ตมฺพปณฺณิทีปํ อาภตา, ตมฺพปณฺณิเยหิ เถเรหิ ปจฺฉา สีหฬภาสาย อภิสงฺขตา จ โหติ. เอกภงฺเคนาติ เอกปสฺสภฺชเนน ปาเท ภูมิโต อโมเจตฺวา เอกปสฺเสน สรีรํ ภฺชิตฺวา นิปนฺโนติ วุตฺตํ โหติ. มหาอฏฺกถายํ ปน มหาปทุมตฺเถเรน วุตฺตนฺติ สมฺพนฺโธ. เตน มหาอฏฺกถาย ลิขิตมหาปทุมตฺเถรวาเท ‘‘อย’’นฺติ ทสฺเสติ. ‘‘มุจฺฉิตฺวา ปติตตฺตา อวิสยตฺตา อาปตฺติ น ทิสฺสตี’’ติ เถเรน วุตฺตํ. อาจริยา ปน ยถา ยกฺขคหิตโก พนฺธิตฺวา นิปชฺชาปิโต จ ปรวโส โหติ, เอวํ อปรวสตฺตา มุจฺฉิตฺวา ปติโต กฺจิกาลํ ชานิตฺวา นิปชฺชตีติ อนาปตฺตึ น วทนฺติ, วิสฺิเต ปน สติ อนาปตฺติเยว.
ทฺเว ชนาติอาทิ มหาอฏฺกถายเมว วจนํ, ตเทว ปจฺฉา วุตฺตตฺตา ปมาณํ. ยกฺขคหิตคฺคหเณเนว เจตฺถ วิสฺิภูโตปิ สงฺคหิโต, เอกภงฺเคน นิปนฺโน ปน อนิปนฺนตฺตา อาปตฺติโต มุจฺจติเยวาติ คเหตพฺพํ. สารตฺถทีปนิยฺจ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๗๗) ‘‘โย จ ยกฺขคหิตโก, โย จ พนฺธิตฺวา นิปชฺชาปิโต’’ติ อิมสฺส อฏฺกถาวาทสฺส ปจฺฉิมตฺตา โสเยว ปมาณโต คเหตพฺโพ, ตถา จ วกฺขติ ‘‘สพฺพตฺถ โย โย อฏฺกถาวาโท วา ปจฺฉา วุจฺจติ, โส โสเยว ปมาณโต คเหตพฺโพ’’ติ. อิมสฺมึ าเน อิมสฺส อฏฺกถาปาสฺส อานีตตฺตา อิมสฺมึ วินยสงฺคหปฺปกรเณปิ ¶ อิมสฺมึเยว าเน โส ปาโ วตฺตพฺโพติ โน ขนฺติ. เอตฺถ จ ‘‘รตฺตึ ทฺวารํ วิวริตฺวา นิปนฺโน อรุเณ อุคฺคเต อุฏฺาติ, อนาปตฺตี’’ติอาทิวจนโต อรุณุคฺคมเน สํสยวิโนทนตฺถํ อรุณกถา วตฺตพฺพา. ตตฺริทํ วุจฺจติ –
‘‘โก ¶ เอส อรุโณ นาม;
เกน โส อรุโณ ภเว;
กีทิโส ตสฺส วณฺณา ตุ;
สณฺานํ กีทิสํ ภเว.
‘‘กิสฺมึ กาเล จ เทเส จ, อรุโณ สมุคจฺฉติ;
กึ ปจฺจกฺขสิทฺโธ เอโส, อุทาหุ อนุมานโต’’ติ.
ตตฺถ โก เอส อรุโณ นามาติ เอตฺถ เอส อรุโณ นาม สูริยสฺส ปภาวิเสโส. วุตฺตฺเหตํ อภิธานปฺปทีปิกายํ –
‘‘สูรสฺโสทยโต ปุพฺพุฏฺิตรํสิ สิยารุโณ’’ติ;
ตฏฺฏีกายฺจ ‘‘สูรสฺส อุทยโต ปุพฺเพ อุฏฺิตรํสิ อรุโณ นาม สิยา’’ติ. วิมติวิโนทนีนามิกายํ วินยฏีกายฺจ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๔๖๓) ‘‘อรุโณติ เจตฺถ สูริยุคฺคมนสฺส ปุเรจโร วฑฺฒนฆนรตฺโต ปภาวิเสโสติ ทฏฺพฺโพ’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา สูริยปฺปภาเยว อรุโณ นาม, น อฺโติ ทฏฺพฺพํ. เกน โส อรุโณ ภเวติ เอตฺถ อรุโณ วณฺโณ อสฺสาติ อรุโณ, กิฺจิรตฺตวณฺณสมนฺนาคโตติ อตฺโถ. อถ วา อรติ คจฺฉติ รตฺตวณฺณภาเวน ปวตฺตตีติ อรุโณ. วุตฺตฺเหตํ อภิธานปฺปทีปิกาฏีกายํ ‘‘อรุณวณฺณตาย อรติ คจฺฉตีติ อรุโณ’’ติ. กีทิโส ตสฺส วณฺโณติ เอตฺถ อพฺยตฺตรตฺตวณฺโณ ตสฺส วณฺโณ ภเว. วุตฺตฺหิ อภิธานปฺปทีปิกายํ ‘‘อรุโณ กิฺจิรตฺโตถา’’ติ. ตฏฺฏีกายฺจ ¶ ‘‘กิฺจิรตฺโต อพฺยตฺตรตฺตวณฺโณ อรุโณ นาม ยถา มจฺฉสฺส อกฺขี’’ติ. วิมติวิโนทนิยฺจ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๔๖๓) ‘‘วฑฺฒนฆนรตฺโต ปภาวิเสโส’’ติ, ตสฺมา สูริยสฺส รตฺตปฺปภาเยว อรุโณ นาม, น เสตปฺปภาทโยติ ทฏฺพฺพํ. ยทิ เอวํ ปาติโมกฺขฏฺปนกฺขนฺธกวณฺณนาย วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๓๘๓) ‘‘ปาฬิยํ ปน นนฺทิมุขิยาติ โอทาตทิสามุขตาย ตุฏฺมุขิยา’’ติ วุตฺตํ, ตํ กถํ ยุชฺเชยฺยาติ, โน น ยุชฺเชยฺย. ตตฺถ หิ อรุณุคฺคตกาเล อรุโณภาเสน โอทาตทิสามุขภาโว วุตฺโต, น อรุโณภาสสฺส โอทาตภาโว. วุตฺตฺเหตํ อุทานฏฺกถายํ (อุทา. อฏฺ. ๒๓) ‘‘นนฺทิมุขิยาติ อรุณสฺส อุคฺคตตฺตา ¶ เอว อรุโณภาย สูริยาโลกูปชีวิโน สตฺเต นนฺทาปนมุขิยา รตฺติยา ชาตาย วิภายมานายาติ อตฺโถ’’ติ.
ชาตกฏฺกถายฺจ –
‘‘ชิฆฺรตฺตึ อรุณสฺมิมุหเต;
ยา ทิสฺสติ อุตฺตมรูปวณฺณินี;
ตถูปมา มํ ปฏิภาสิ เทวเต;
อาจิกฺข เม ตํ กตมาสิ อจฺฉรา’’ติ. (ชา. อฏฺ. ๕.๒๑.๒๕๔);
อิมสฺส คาถาย อตฺถวณฺณนายํ ‘‘ตตฺถ ชิฆฺรตฺตินฺติ ปจฺฉิมรตฺตึ, รตฺติปริโยสาเนติ อตฺโถ. อุหเตติ อรุเณ อุคฺคเต. ยาติ ยา ปุรตฺถิมา ทิสา รตฺตวณฺณตาย อุตฺตมรูปธรา หุตฺวา ทิสฺสตี’’ติ. เอวํ อรุณุคฺคตสมเย ปุรตฺถิมทิสาย รตฺตวณฺณตา วุตฺตา, ตสฺมา ตสฺมึ สมเย อรุณสฺส อุฏฺิตตฺตา ปุรตฺถิมาย ทิสาย รตฺตภาโค สูริยาโลกสฺส ปตฺถฏตฺตา เสสทิสานํ โอทาตภาโว วิฺายติ.
สณฺานํ ¶ กีทิสํ ภเวติ เอตฺถ อรุณสฺส ปาเฏกฺกํ สณฺานํ นาม นตฺถิ รสฺมิมตฺตตฺตา. ยตฺตกํ ปเทสํ ผรติ, ตตฺตกํ ตสฺส สณฺานนฺติ ทฏฺพฺพํ. อถ วา ปุรตฺถิมทิสาสณฺานํ. วุตฺตฺหิ ชาตกฏฺกถายํ (ชา. อฏฺ. ๕.๒๑.๒๕๕) ‘‘ปุรตฺถิมทิสา รตฺตวณฺณตาย อุตฺตมรูปธรา หุตฺวา ทิสฺสตี’’ติ.
กิสฺมึ กาเล จ เทเส จ, อรุโณ สมุคจฺฉตีติ เอตฺถ เอส อรุโณ สูริยุคฺคมนสฺส ปุเร กาเล ปุรตฺถิมทิสายํ อุคฺคจฺฉติ. วุตฺตฺเหตํ อุทานฏฺกถายํ (อุทา. อฏฺ. ๒๓) ‘‘อุทฺธสฺเต อรุเณติ อุคฺคเต อรุเณ, อรุโณ นาม ปุรตฺถิมทิสายํ สูริโยทยโต ปุเรตรเมว อุฏฺิโตภาโส’’ติ. อภิธานปฺปทีปิกายฺจ ‘‘สูรสฺโสทยโต ปุพฺพุฏฺิตรํสี’’ติ.
กึ ปจฺจกฺขสิทฺโธ เอโส, อุทาหุ อนุมานโตติ เอตฺถ อยํ อรุโณ นาม ปจฺจกฺขสิทฺโธ เอว ¶ , น อนุมานสิทฺโธ. กสฺมา วิฺายตีติ เจ? จกฺขุวิฺาณโคจรวณฺณายตนภาวโต. อกฺขสฺส ปตีติ ปจฺจกฺขํ, จกฺขุรูปานํ อภิมุขภาเวน อาปาถคตตฺตา จกฺขุวิฺาณํ โหติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘จกฺขฺุจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณ’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๐๔, ๔๐๐; ๓.๔๒๑, ๔๒๕, ๔๒๖; สํ. นิ. ๒.๔๓, ๔๔, ๔๕, สํ. นิ. ๔.๖๐; กถา. ๔๖๕, ๔๖๗), ตสฺมา อยํ อรุณวณฺโณ จกฺขุนา ทิสฺวา ชานิตพฺพโต ปจฺจกฺขสิทฺโธเยว โหติ, น เอวํ สติ เอวํ ภเวยฺยาติ อนุมาเนน ปุนปฺปุนํ จินฺตเนน สิทฺโธติ. อิมํ ปฺหวิสฺสชฺชนํ สาธุกํ มนสิ กริตฺวา ปณฺฑิเตหิ รตฺโตภาโสเยว อรุโณติ ปจฺเจตพฺโพ สลฺลกฺเขตพฺโพติ.
กสฺมา ปน อิมสฺมึ าเน อรุณกถา วุตฺตาติ? อิมิสฺสา อรุณกถาย มหาวิสยภาวโต. กถํ? อุโปสถิกา อุปาสกา จ อุปาสิกาโย จ อรุณุคฺคมนํ ตถโต ¶ อชานนฺตา อนุคฺคเตเยว อรุเณ อุคฺคตสฺาย ขาทนียํ วา ขาทนฺติ, โภชนียํ วา ภฺุชนฺติ, มาลาคนฺธาทีนิ วา ธาเรนฺติ, ตโต เตสํ สีลํ ภิชฺชติ. สามเณรา ตเถว วิกาลโภชนํ ภฺุชิตฺวา สีลวินาสํ ปาปุณนฺติ. นิสฺสยปฏิปนฺนกา ภิกฺขู อาจริยุปชฺฌาเยหิ วินา พหิสีเม จรนฺตา นิสฺสยปฺปสฺสมฺภนํ ปาปุณนฺติ, อนฺโตวสฺเส ภิกฺขู อุปจารสีมโต พหิคจฺฉนฺตา วสฺสจฺเฉทํ, เตจีวริกา ภิกฺขู อพทฺธสีมายํ จีวเรน วิปฺปวสนฺตา นิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยํ, ตถา สตฺตพฺภนฺตรสีมายํ, สหเสยฺยปฺปโหนกฏฺาเน อนุปสมฺปนฺนมาตุคาเมหิ สห สยนฺตา ปาจิตฺติยํ, ตถา ยาวกาลิกํ ภฺุชนฺตา ภิกฺขู, ปาริวาสิกาทโย วตฺตํ นิกฺขิปนฺตา รตฺติจฺเฉทํ. เอวมาทิอเนกาทีนวสมฺภวโต ลชฺชิเปสลานํ ภิกฺขูนํ ตถโต อรุณุคฺคมนสฺส ชานนตฺถํ วุตฺตาติ ทฏฺพฺพา.
เกจิ ปน ภิกฺขู อฑฺฒรตฺติสมเย ฆฏิสฺุตฺตา อฑฺฒรตฺติกาลํ อติกฺกมฺม อฺทิวโส โหติ, ตสฺมา ตสฺมึ กาเล อรุณํ อุฏฺิตํ นาม โหตีติ มฺมานา อฑฺฒรตฺตึ อติกฺกมฺม ขาทนียโภชนียาทีนิ ภฺุชนฺติ, เต ปน พุทฺธสมยํ อชานนฺตา เวทสมยเมว มนสิ กโรนฺตา เอวํ กโรนฺติ, ตสฺมา เตสํ ตํกรณํ ปมาณํ น โหติ. พหโว ปน ภิกฺขู อรุณสฺส ปจฺจกฺขภาวํ อชานนฺตา อนุมานวเสน จินฺติตฺุจ อสกฺโกนฺตา อนุสฺสววเสเนว ปรวจนํ สทฺทหนฺตา อมฺหากํ อาจริยา อรุณุคฺคมนเวลายํ อุฏฺาย คจฺฉนฺตา สูริยุคฺคมนเวลายํ ทฺวิสหสฺสทณฺฑปฺปมาณํ านํ ปาปุณนฺติ, ติสหสฺสทณฺฑปฺปมาณํ านํ ปาปุณนฺตีติ ¶ จ วทนฺติ. อิมมฺหา วิหารา อสุกํ นาม วิหารํ อสุกํ นาม เจติยํ อสุกํ นาม คามํ ปาปุณนฺตีติอาทีนิ จ วทนฺตีติ เอวํ อนุสฺสววจนํ วทนฺติ, ตมฺปิ อปฺปมาณํ. กสฺมา? อทฺธานํ นาม พลวนฺตสฺส ชวสมฺปนฺนสฺส จ รสฺสํ โหติ, ทุพฺพลสฺส สนฺตสฺส จ ทีฆํ โหติ. วุตฺตฺหิ ภควตา –
‘‘ทีฆา ¶ ชาครโต รตฺติ, ทีฆํ สนฺตสฺส โยชนํ;
ทีโฆ พาลาน สํสาโร, สทฺธมฺมํ อวิชานต’’นฺติ. (ธ. ป. ๖๐);
ตสฺมา อทฺธานํ นาม สพฺเพสํ เอกสทิสํ น โหตีติ อรุณุคฺคมนสฺส ลกฺขณํ ภวิตุํ น สกฺกา, น จ เต อายสฺมนฺโต ปิฏกตฺตยโต กิฺจิ สาธกภูตํ วจนํ อาหรนฺติ, อสกฺขิกํ อฑฺฑํ กโรนฺติ วิย ยถาชฺฌาสยเมว วทนฺตีติ ปมาณํ น โหติ.
อฺเ ปน –
‘‘อตีตรตฺติยา ยาโม;
ปจฺฉิโมฑฺฒมมุสฺส วา;
ภาวินิยาทิปฺปหาโร;
ตทฑฺฒํ วาชฺชเตหฺย โหติ –
กจฺจายนสารปฺปกรณาคตํ คาถํ วตฺวา อตีตรตฺติยา ปจฺฉิโม ยาโม อชฺช ปริยาปนฺโน, ตสฺมา ปจฺฉิมยามสฺส อาทิโต ปฏฺาย อรุณํ อุคฺคจฺฉตี’’ติ วทนฺติ. อยํ วาโท สการณสฺาปกตฺตา ปุริเมหิ พลวา โหติ, เอวํ สนฺเตปิ อยุตฺโตเยว. กสฺมา? อยฺหิ คาถา พาหิรสทฺทสตฺเถ ชงฺคทาสปฺปกรเณ วุตฺตนเยน อชฺช ภวา อชฺชตนีติ วุตฺตอชฺชโวหารสฺส ปวตฺตนกาลํ ทสฺเสตุํ วุตฺตา, น ปิฏกตฺตเย วุตฺตสฺส อรุณุคฺคมนสฺส กาลํ ทสฺเสตุํ, ตสฺมา อฺสาธฺยสฺส อฺสาธเกน สาธิตตฺตา อยุตฺโตเยว.
อปเร ปน ‘‘ปหาโร ยามสฺิโต’’ติ อภิธานปฺปทีปิกายํ วุตฺตตฺตา ปหารยามสทฺทานํ เอกตฺถตฺตา ตตฺเถว ‘‘ติยามา สํวรี ภเว’’ติ วุตฺตตฺตา รตฺติยา จ ติยามภาวโต ปาฬิยฺจ (อุทา. ๔๕; จูฬว. ๓๘๓) ‘‘อภิกฺกนฺตา ¶ , ภนฺเต, รตฺติ, นิกฺขนฺโต ปจฺฉิโม ยาโม, อุทฺธสฺโต อรุโณ’’ติ อาคตตฺตา อิทานิ ¶ รตฺติยา จตูสุ ปหาเรสุ ตติยปฺปหารสฺส อวสาเน อรุโณ อุคฺคโต, ตสฺมา อวเสสเอกปฺปหารมตฺโต กาโล ทิวสภาคํ ภชตีติ วเทยฺยุํ, อยํ วาโท ตติยวาทโตปิ พลวตโร. กสฺมา? าปกาปฺยานํ อนุรูปภาวโต. ตถา หิ ‘‘ปหาโร ยามสฺิโต’’ติ อยํ าปโก ปหารยามานํ เอกตฺถภาวสฺส อนุรูโป, ‘‘ติยามา สํวรีภเว’’ติ อยํ รตฺติยา ติยามภาวสฺส, ‘‘ปาฬิยฺจา’’ติอาทิ ตติยปฺปหารสฺส อวสาเน อรุณุคฺคมนสฺส, ตถาปิ อยุตฺโตเยว โหติ. กสฺมา? ‘‘อวเสสเอกปฺปหารมตฺโต กาโล ทิวสภาคํ ภชตี’’ติ วจนสฺส วิรุทฺธตฺตา. มชฺฌิมเทเส หิ ทสฆฏิกาปมาณสฺส กาลสฺส เอกปฺปหารตฺตา สพฺพา รตฺติ ติยามาว โหติ, น จตุยามา, อิทานิ ปน ปจฺจนฺตวิสเยสุ สตฺตฏฺฆฏิกามตฺตสฺส กาลสฺส เอกปฺปหารกตตฺตา จตุปฺปหารา ภวติ, ตสฺมา มชฺฌิมเทสโวหารํ คเหตฺวา อภิธานปฺปทีปิกายฺจ ‘‘ติยามา สํวรี ภเว’’ติ วุตฺตํ, ปาฬิยฺจ (อุทา. ๔๕; จูฬว. ๓๘๓) ‘‘นิกฺขนฺโต ปจฺฉิโม ยาโม, อุทฺธสฺโต อรุโณ’’ติ, ตสฺมา รตฺติปริโยสาเนเยว อรุโณ อุคฺคโตติ ทฏฺพฺโพ. ตถา หิ วุตฺตํ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๐๑) ‘‘ตถา ปาริวาสิกาทีนมฺปิ อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา วตฺตํ นิกฺขิปนฺตานํ รตฺติจฺเฉโท วุตฺโต, อุคฺคเต อรุเณ นิกฺขิปิตพฺพนฺติ หิ วุตฺต’’นฺติ.
สหเสยฺยสิกฺขาปเทปิ (ปาจิ. ๕๒-๕๔) ‘‘อนุปสมฺปนฺเนหิ สห นิวุตฺถภาวปริโมจนตฺถํ ปุรารุณา นิกฺขมิตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอวํ จีวรวิปฺปวาสาทีสุ จ สพฺพตฺถ รตฺติปริโยสาเน อาคมนวเสน อรุณุคฺคมนํ ทสฺสิตํ, น อตีตารุณวเสนาติ. ชาตกฏฺกถายมฺปิ (ชา. อฏฺ. ๕.๒๑.๒๕๕) ‘‘รตฺติปริโยสาเนติ อตฺโถ’’ติ. น เกวลํ มชฺฌิมเทเสสุ รตฺติยาเยว ติปฺปหารภาโว โหติ ¶ , อถ โข ทิวสสฺสปิ. ตถา หิ วุตฺตํ อฏฺสาลินิยํ (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา) ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อภิธมฺมเทสนาปริโยสานฺจ เตสํ ภิกฺขูนํ สตฺตปฺปกรณอุคฺคหณฺจ เอกปฺปหาเรเนว โหตี’’ติ, มูลฏีกายฺจ (ธ. ส. มูลฏี. นิทานกถาวณฺณนา) ‘‘เอกปฺปหาเรนาติ เอตฺถ ปหาโรติ ทิวสสฺส ตติยภาโค วุจฺจตี’’ติ, ตสฺมา เอโก รตฺติทิโว ฉปฺปหาโร โหตีติ วิฺายติ. เอวํ มชฺฌิมเทสโวหาเรน ติยามสงฺขาตสฺส ติปฺปหารสฺส อวสาเน สพฺพรตฺติปริโยสาเน อุฏฺิตํ อรุณํ ปจฺจนฺตเทสโวหาเรน ติปฺปหารสฺส อวสาเนติ คเหตฺวา เอกปฺปหาราวเสสกาเล อรุโณ อุคฺคโตติ วุตฺตตฺตา อยมฺปิ วาโท อยุตฺโตเยว โหตีติ ทฏฺพฺโพ.
พหโว ¶ ปน ปณฺฑิตา ‘‘ขุทฺทสิกฺขานิสฺสเย วุตฺตํ –
‘เสตรุณฺจ ปมํ, ทุติยํ นนฺทิยาวฏฺฏํ;
ตติยํ ตมฺพวณฺณฺจ, จตุตฺถํ คทฺรภํ มุข’นฺติ. –
อิมํ คาถํ นิสฺสาย เอกรตฺติยํ อรุโณ จตุกฺขตฺตุํ อุฏฺหติ, ตตฺถ ปมํ เสตวณฺณํ โหติ, ทุติยํ นนฺทิยาวฏฺฏปุปฺผวณฺณํ โหติ, ตติยํ ตมฺพวณฺณํ โหติ, จตุตฺถํ คทฺรภมุขวณฺณํ โหตี’’ติ วตฺวา รตฺโตภาสโต ปุเรตรํ อตีตรตฺติกาเลเยว วตฺตนิกฺขิปนาทิกมฺมํ กโรนฺติ. เตสํ ตํ กรณํ อนิสมฺมการิตํ อาปชฺชติ. อยฺหิ คาถา เนว ปาฬิยํ ทิสฺสติ, น อฏฺกถายํ, น ฏีกาสุ, เกวลํ นิสฺสเย เอว, นิสฺสเยสุ จ เอกสฺมึเยว ขุทฺทสิกฺขานิสฺสเย ทิสฺสติ, น อฺนิสฺสเยสุ, ตตฺถาปิ เนว ปุพฺพาปรสมฺพนฺโธ ทิสฺสติ, น เหตุผลาทิภาโว, น จ ลิงฺคนิยโมติ น นิสฺสยการาจริเยน ปิตา ภเวยฺย, อถ โข ปจฺฉา อฺเหิ เลขเกหิ วา อตฺตโน อิจฺฉานุรูปํ ลิขิตา ภเวยฺย, ตสฺมา อยํ คาถา กุโต อาภตา ปาฬิโต วา อฏฺกถาโต ¶ วา ฏีกาโต วา วินยโต วา สุตฺตนฺตโต วา อภิธมฺมโต วาติ ปภวํ อปริเยสิตฺวา นิสฺสเย ทิฏฺมตฺตเมว สารโต คเหตฺวา ปาฬิยฏฺกถาฏีกาสุ วุตฺตวจนํ อนิสาเมตฺวา กตตฺตา อนิสมฺมการิตํ อาปชฺชติ.
ตตฺรายํ ปาฬิ ‘‘เตน โข ปน สมเยน พุทฺโธ ภควา สีตาสุ เหมนฺติกาสุ รตฺตีสุ อนฺตรฏฺกาสุ หิมปาตสมเย รตฺตึ อชฺโฌกาเส เอกจีวโร นิสีทิ, น ภควนฺตํ สีตํ อโหสิ. นิกฺขนฺเต ปเม ยาเม สีตํ ภควนฺตํ อโหสิ, ทุติยํ ภควา จีวรํ ปารุปิ, น ภควนฺตํ สีตํ อโหสิ. นิกฺขนฺเต มชฺฌิเม ยาเม สีตํ ภควนฺตํ อโหสิ, ตติยํ ภควา จีวรํ ปารุปิ, น ภควนฺตํ สีตํ อโหสิ. นิกฺขนฺเต ปจฺฉิเม ยาเม อุทฺธสฺเต อรุเณ นนฺทิมุขิยา รตฺติยา สีตํ ภควนฺตํ อโหสิ, จตุตฺถํ ภควา จีวรํ ปารุปิ, น ภควนฺตํ สีตํ อโหสี’’ติ. อยํ มหาวคฺเค (มหาว. ๓๔๖) จีวรกฺขนฺธกาคตา วินยปาฬิ. ปาฬิยํ นนฺทิมุขิยาติ ตุฏฺิมุขิยา, ปสนฺนทิสามุขายาติ อตฺโถ. อยํ ตํสํวณฺณนาย วิมติวิโนทนีปาโ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๓๔๖).
‘‘เตน โข ปน สมเยน พุทฺโธ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ ปุพฺพาราเม มิคารมาตุปาสาเท ¶ . เตน โข ปน สมเยน ภควา ตทหุโปสเถ ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต นิสินฺโน โหติ. อถ โข อายสฺมา อานนฺโท อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา นิกฺขนฺเต ปเม ยาเม อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – อภิกฺกนฺตา, ภนฺเต รตฺติ, นิกฺขนฺโต ปโม ยาโม, จิรนิสินฺโน ภิกฺขุสงฺโฆ, อุทฺทิสตุ, ภนฺเต, ภควา ภิกฺขูนํ ปาติโมกฺขนฺติ. เอวํ วุตฺเต ภควา ตุณฺหี อโหสิ. ทุติยมฺปิ โข อายสฺมา ¶ อานนฺโท อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา นิกฺขนฺเต มชฺฌิเม ยาเม อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – อภิกฺกนฺตา, ภนฺเต, รตฺติ, นิกฺขนฺโต มชฺฌิโม ยาโม, จิรนิสินฺโน ภิกฺขุสงฺโฆ, อุทฺทิสตุ, ภนฺเต, ภควา ภิกฺขูนํ ปาติโมกฺขนฺติ. ทุติยมฺปิ ภควา ตุณฺหี อโหสิ. ตติยมฺปิ โข อายสฺมา อานนฺโท อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา นิกฺขนฺเต ปจฺฉิเม ยาเม อุทฺธสฺเต อรุเณ นนฺทิมุขิยา รตฺติยา อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – อภิกฺกนฺตา, ภนฺเต, รตฺติ, นิกฺขนฺโต ปจฺฉิโม ยาโม, อุทฺธสฺตํ อรุณํ, นนฺทิมุขี รตฺติ, จิรนิสินฺโน ภิกฺขุสงฺโฆ, อุทฺทิสตุ ภนฺเต ภควา ภิกฺขูนํ ปาติโมกฺขนฺติ. อปริสุทฺธา, อานนฺท, ปริสา’’ติ (จูฬว. ๓๘๓). อยํ จูฬวคฺเค ปาติโมกฺขฏฺปนกฺขนฺธกาคตา อปราปิ วินยปาฬิ.
นนฺทิมุขิยา รตฺติยาติ อรุณุฏฺิตกาเล ปีติมุขา วิย รตฺติ ขายติ. เตนาห ‘‘นนฺทิมุขิยา’’ติ (จูฬว. อฏฺ. ๓๘๓) อยํ ตํสํวณฺณนาภูตสมนฺตปาสาทิกฏฺกถาปาโ. อภิกฺกนฺตาติ ปริกฺขีณา. อุทฺธสฺเต อรุเณติ อุคฺคเต อรุณสีเส. นนฺทิมุขิยาติ ตุฏฺิมุขิยา. อยํ ตํสํวณฺณนาภูตสารตฺถทีปนีปาโ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๓๘๓). ปาฬิยํ นนฺทิมุขิยาติ โอทาตทิสามุขิตาย ตุฏฺมุขิยา. อยํ ตํสํวณฺณนาย (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๒๘๓) วิมติวิโนทนีปาโ.
‘‘ตติยมฺปิ โข อายสฺมา อานนฺโท อภิกฺกนฺตายรตฺติยา นิกฺขนฺเต ปจฺฉิเม ยาเม อุทฺธสฺเต อรุเณ นนฺทิมุขิยา รตฺติยา อุฏฺายาสนา เอกํสํ จีวรํ กตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – อภิกฺกนฺตา, ภนฺเต, รตฺติ, นิกฺขนฺโต ปจฺฉิโม ยาโม, อุทฺธสฺโต อรุโณ, นนฺทิมุขี รตฺติ, จิรนิสินฺนา อาคนฺตุกา ภิกฺขู, ปฏิสมฺโมทตุ, ภนฺเต, ภควา ¶ อาคนฺตุเก ภิกฺขู’’ติ. อยํ อุทานาคตา สุตฺตนฺตปาฬิ (อุทา. ๔๕). อุทฺธสฺเต ¶ อรุเณติ อุคฺคเต อรุเณ. อรุโณ นาม ปุรตฺถิมทิสายํ สูริโยทยโต ปุเรตรเมว อุฏฺิโตภาโส. นนฺทิมุขิยา รตฺติยาติ อรุณสฺส อุคฺคตตฺตา เอว อรุโณภาย สูริยาโลกูปชีวิโน สตฺเต นนฺทาปนมุขิยา รตฺติยา ชาตาย, วิภายมานายาติ อตฺโถ. อยํ ตํสํวณฺณนาภูตา อุทานฏฺกถา (อุทา. อฏฺ. ๒๓).
อิติ เอตฺตกาสุ วินยสุตฺตนฺตาคตาสุ ปาฬิยฏฺกถาฏีกาสุ เอกสฺมิมฺปิาเน อรุโณ จตุกฺขตฺตุํ อุคฺคโตติ นตฺถิ, เอกวารเมว วุตฺโต. จตุพฺพิธวณฺณสมนฺนาคโตติปิ นตฺถิ, เอกวณฺโณ เอว วุตฺโต. ชาตกฏฺกถายมฺปิ (ชา. อฏฺ. ๕.๒๑.๒๕๕) รตฺตวณฺโณ เอว วุตฺโต, น เสตวณฺณาทิโก. นนฺทิมุขีติ จ สตฺเต นนฺทาปนทิสามุขี รตฺติ เอว วุตฺตา, น อรุณสฺส นนฺทิยาวฏฺฏปุปฺผสทิสวณฺณตา. เตนาห ‘‘สตฺเต นนฺทาปนมุขิยา รตฺติยา’’ติ. เอวํ อภิธานปฺปทีปิกาปกรณวจเนน วิรุทฺธตฺตา ปาฬิยฏฺกถาทีหิ อสํสนฺทนโต ทุพฺพลสาธกตฺตา จ อยมฺปิ วาโท อยุตฺโตเยวาติ ทฏฺพฺโพ, ตสฺมา สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อาณํ อนติกฺกนฺเตน ลชฺชิภิกฺขุนา ยทิ เกนจิ อปฺปฏิจฺฉนฺเน วิวโฏกาเส โหติ, มจฺฉกฺขิสมานอพฺยตฺตรตฺโตภาสสฺส ปฺายมานกาลโต ปฏฺาย วตฺตนิกฺขิปนาทิกมฺมํ กาตพฺพํ.
ยทิ ปน ปพฺพตาทินา ปฏิจฺฉนฺนฏฺานํ โหติ, ยตฺตเกน กาเลน วิวฏฏฺาเน รตฺโตภาโส ปฺายติ, สูริยมณฺฑลสฺส ทิสฺสนกาลโต เอกฆฏิกามตฺเตน วา ทฺวิฆฏิกามตฺเตน วา ตตฺตกํ กาลํ สลฺลกฺเขตฺวา อิมสฺมึ กาเล อรุโณ อุคฺคโต ภเวยฺยาติ ตกฺเกตฺวา กาตพฺพํ, สํสยํ อนิจฺฉนฺเตน ตโตปิ กฺจิกาลํ อธิวาเสตฺวา นิสฺสํสยกาเล กตฺตพฺพํ, อยํ ตตฺถ ¶ สามีจิ. อยํ ปน วาโท ยถาวุตฺตปฺปกรณวจเนหิ สุฏฺุ สํสนฺทติ ยถา คงฺโคทเกน ยมุโนทกํ, ตสฺมา ปณฺฑิเตหิ ปุนปฺปุนํ ปุพฺพาปรํ อาโลเฬนฺเตน มนสิ กาตพฺโพ. เอวํ มนสิ กริตฺวา อรุณปฏิสํยุตฺเตสุ าเนสุ สํสโย ฉินฺทิตพฺโพ, สํสยํ ฉินฺทิตฺวา วิสารเทน หุตฺวา ตํ ตํ กมฺมํ กาตพฺพนฺติ.
วิสุทฺธตฺถาย สีลสฺส, ภิกฺขูนํ ปิยสีลินํ;
กตารุณกถา เอสา, น สารมฺภาทิการณา.
ตสฺมา ¶ สุฏฺูปธาเรตฺวา, ยุตฺตํ คณฺหนฺตุ สาธโว;
อยุตฺตฺเจ ฉฑฺฑยนฺตุ, มา โหนฺตุ ทุมฺมนาทโยติ.
อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร
ทิวาเสยฺยวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม
ปโม ปริจฺเฉโท.