📜

๑๘. กาลิกวินิจฺฉยกถา

๘๙. เอวํ สงฺฆิกเสนาสเนสุ กตฺตพฺพวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ จตุกาลิกวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘กาลิกานิปิ จตฺตารี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ กรณํ กาโร, กิริยา. กาโร เอว กาโล ร-การสฺส ล-กาโร ยถา ‘‘มหาสาโล’’ติ. กาโลติ เจตฺถ ปจฺจุปฺปนฺนาทิกิริยา. วุตฺตฺหิ –

‘‘อารทฺธานิฏฺิโต ภาโว, ปจฺจุปฺปนฺโน สุนิฏฺิโต;

อตีตานาคตุปฺปาท-มปฺปตฺตาภิมุขา กิริยา’’ติ.

เอตฺถ ปน ตสฺส ตสฺส กิริยาสงฺขาตสฺส กาลสฺส ปเภทภูโต ปุเรภตฺตเอกอโหรตฺตสตฺตาหชีวิกปริยนฺตสงฺขาโต กาลวิเสโส อธิปฺเปโต. กาเล ตสฺมึ ตสฺมึ กาลวิเสเส ปริภุฺชิตพฺพานีติ กาลิกานิ. ปิ-สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ, เตน กปฺปิยา จตุภูมิโยติ สมุจฺเจติ. จตฺตารีติ สงฺขฺยานิทฺเทโส, เตน กาลิกานิ นาม จตฺตาริ เอว โหนฺติ, น ตีณิ น ปฺจาติ ทสฺเสติ, อิทํ มาติกาปทสฺส อตฺถวิวรณํ. ตตฺถ อุทฺเทเส ยํ มาติกายํ (วิ. สงฺค. อฏฺ. คนฺถารมฺภกถา) ‘‘กาลิกานิปิ จตฺตารี’’ติ เอวํ วุตฺตํ, เอตฺถ เอตสฺมึ มาติกาปเท จตฺตาริ กาลิกานิ เวทิตพฺพานีติ โยชนา. กตมานิ ตานีติ อาห ‘‘ยาวกาลิก’’นฺติอาทิ . ยาวกาลิกํ…เป… ยาวชีวิกํ อิติ อิมานิ วตฺถูนิ จตฺตาริ กาลิกานิ นามาติ อตฺโถ.

อิทานิ เตสํ วตฺถุฺจ วิเสสนฺจ นามลาภเหตุฺจ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถ ปุเรภตฺต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ เตสุ จตูสุ กาลิเกสุ ยํ กิฺจิ ขาทนียํ โภชนียํ ยาวกาลิกํ, อฏฺวิธปานํ ยามกาลิกํ, สปฺปิอาทิปฺจวิธเภสชฺชํ สตฺตาหกาลิกํ, สพฺพมฺปิ ปฏิคฺคหิตํ ยาวชีวิกํ อิติ วุจฺจตีติ สมฺพนฺโธ. ยํ กิฺจิ ขาทนียโภชนียนฺติ เอตฺถ อติพฺยาปิตํ ปริหริตุํ วิเสสนมาห ‘‘ปุเรภตฺต’’นฺตฺยาทิ. ปุเรภตฺตํ ปฏิคฺคเหตฺวา ปริภุฺชิตพฺพเมว ยาวกาลิกํ, น อฺํ ขาทนียํ โภชนียนฺตฺยตฺโถ. ยาว…เป… ปริภุฺชิตพฺพโตติ นามลาภเหตุํ, เอเตน ยาว กาโล อสฺสาติ ยาวกาลิกนฺติ วจนตฺถํ ทสฺเสติ. อฏฺวิธํ ปานนฺติ เอตฺถ อพฺยาปิตํ ปริหริตุมาห ‘‘สทฺธึ อนุโลมปาเนหี’’ติ. ยาว…เป… ตพฺพโตติ นามลาภเหตุํ, เอเตน ยาโม กาโล อสฺสาติ ยามกาลิกนฺติ วจนตฺถํ ทสฺเสติ. สตฺตาหํ นิเธตพฺพโตติ นามลาภเหตุํ, เอเตน สตฺตาโห กาโล อสฺสาติ สตฺตาหกาลิกนฺติ วจนตฺถํ ทสฺเสติ. สพฺพมฺปิ ปฏิคฺคหิตนฺติ เอตฺถ อติพฺยาปิตํ ปริหริตุํ ‘‘เปตฺวา อุทก’’นฺตฺยาห. ยาว…เป… ปริภุฺชิตพฺพโตติ นามลาภเหตุํ, เตน ยาวชีวํ กาโล อสฺสาติ ยาวชีวิกนฺติ วจนตฺถํ ทสฺเสติ.

เอตฺถาห – ‘‘โย ปน ภิกฺขุ อทินฺนํ มุขทฺวารํ อาหารํ อาหเรยฺย อฺตฺร อุทกทนฺตโปนา, ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๒๖๕) วจนโต นนุ อุทกํ อปฺปฏิคฺคหิตพฺพํ, อถ กสฺมา ‘‘เปตฺวา อุทกํ อวเสสํ สพฺพมฺปิ ปฏิคฺคหิต’’นฺติ วุตฺตนฺติ? สจฺจํ, ปริสุทฺธอุทกํ อปฺปฏิคฺคหิตพฺพํ, กทฺทมาทิสหิตํ ปน ปฏิคฺคเหตพฺพํ โหติ, ตสฺมา ปฏิคฺคหิเตสุ อนฺโตคธภาวโต ‘‘เปตฺวา อุทก’’นฺติ วุตฺตนฺติ. เอวมปิ ‘‘สพฺพมฺปิ ปฏิคฺคหิต’’นฺติ อิมินาว สิทฺธํ ปฏิคฺคเหตพฺพสฺส อุทกสฺสปิ คหณโตติ? สจฺจํ, ตถาปิ อุทกภาเวน สามฺโต ‘‘สพฺพมฺปิ ปฏิคฺคหิต’’นฺติ เอตฺตเก วุตฺเต เอกจฺจสฺส อุทกสฺส ปฏิคฺคเหตพฺพภาวโต อุทกมฺปิ ยาวชีวิกํ นามาติ าเยยฺย, น ปน อุทกํ ยาวชีวิกํ สุทฺธสฺส ปฏิคฺคเหตพฺพาภาวโต, ตสฺมา อิทํ วุตฺตํ โหติ – เอกจฺจสฺส อุทกสฺส ปฏิคฺคเหตพฺพภาเว สติปิ สุทฺธสฺส อปฺปฏิคฺคหิตพฺพตฺตา ตํ อุทกํ เปตฺวา สพฺพมฺปิ ปฏิคฺคหิตํ ยาวชีวิกนฺติ วุจฺจตีติ.

๙๐. มูลกมูลาทีนิ อุปเทสโตเยว เวทิตพฺพานิ, ตานิ ปริยายโต วุจฺจมานานิปิ น สกฺกา วิฺาตุํ. ปริยายนฺตเรน หิ วุจฺจมาเน ตํ ตํ นามํ อชานนฺตานํ สมฺโมโหเยว สิยา, ตสฺมา ตตฺถ น กิฺจิ วกฺขาม. ขาทนีเย ขาทนียตฺถนฺติ ปูวาทิขาทนีเย วิชฺชมานํ ขาทนียกิจฺจํ ขาทนีเยหิ กาตพฺพํ ชิฆจฺฉาหรณสงฺขาตํ อตฺถํ ปโยชนํ เนว ผรนฺติ น นิปฺผาเทนฺติ. เอกสฺมึ เทเส อาหารกิจฺจํ สาเธนฺตํ วา อสาเธนฺตํ วา อปรสฺมึ เทเส อุฏฺิตภูมิรสาทิเภเทน อาหารชิฆจฺฉาหรณกิจฺจํ อสาเธนฺตมฺปิ วา สมฺภเวยฺยาติ อาห ‘‘เตสุ เตสุ ชนปเทสู’’ติอาทิ. เกจิ ปน ‘‘เอกสฺมึ ชนปเท อาหารกิจฺจํ สาเธนฺตํ เสสชนปเทสุปิ วิกาเล น กปฺปติ เอวาติ ทสฺสนตฺถํ อิทํ วุตฺต’’นฺติปิ วทนฺติ. ปกติอาหารวเสนาติ อฺเหิ ยาวกาลิเกหิ อโยชิตํ อตฺตโน ปกติยาว อาหารกิจฺจกรณวเสน. สมฺโมโหเยว โหตีติ อเนกตฺถานํ นามานํ อปฺปสิทฺธานฺจ สมฺภวโต สมฺโมโห เอว สิยา. เตเนเวตฺถ มยมฺปิ มูลกมูลาทีนํ ปริยายนฺตรทสฺสเน อาทรํ น กริมฺห อุปเทสโตว คเหตพฺพโต.

นฺติ วฏฺฏกนฺทํ.

มุฬาลนฺติ ถูลตรุณมูลเมว.

รุกฺขวลฺลิอาทีนนฺติ เหฏฺา วุตฺตเมว สมฺปิณฺเฑตฺวา วุตฺตํ.

อนฺโตปถวีคโตติ สาลกลฺยาณิกฺขนฺธํ สนฺธาย วุตฺตํ.

สพฺพกปฺปิยานีติ มูลตจปตฺตาทีนํ วเสน สพฺพโส กปฺปิยานิ, เตสมฺปิ นามวเสน น สกฺกา ปริยนฺตํ ทสฺเสตุนฺติ สมฺพนฺโธ.

อจฺฉิวาทีนํ อปริปกฺกาเนว ผลานิ ยาวชีวิกานีติ ทสฺเสตุํ ‘‘อปริปกฺกานี’’ติ วุตฺตํ.

หรีตกาทีนํ อฏฺีนีติ เอตฺถ มิฺชํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ิตานิ กปาลานิ ยาวชีวิกานีติ อาจริยา. มิฺชมฺปิ ยาวชีวิกนฺติ เอเก. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๒๔๘-๒๔๙) ปน ‘‘หรีตกาทีนํ อฏฺีนีติ เอตฺถ ‘มิฺชํ ยาวกาลิก’นฺติ เกจิ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ อฏฺกถายํ อวุตฺตตฺตา’’ติ วุตฺตํ.

หิงฺคูติ หิงฺคุรุกฺขโต ปคฺฆริตนิยฺยาโส. หิงฺคุชตุอาทโยปิ หิงฺคุวิกติโย เอว. ตตฺถ หิงฺคุชตุ นาม หิงฺคุรุกฺขสฺส ทณฺฑปตฺตานิ ปจิตฺวา กตนิยฺยาโส. หิงฺคุสิปาฏิกํ นาม หิงฺคุปตฺตานิ ปจิตฺวา กตนิยฺยาโส. ‘‘อฺเน มิสฺเสตฺวา กโต’’ติปิ วทนฺติ. ตกนฺติ อคฺคโกฏิยา นิกฺขนฺตสิเลโส. ตกปตฺตีติ ปตฺตโต นิกฺขนฺตสิเลโส. ตกปณฺณีติ ปลาเส ภชฺชิตฺวา กตสิเลโส. ‘‘ทณฺฑโต นิกฺขนฺตสิเลโส’’ติปิ วทนฺติ.

๙๑. ยามกาลิเกสุ ปนาติ เอตฺถ กิฺจาปิ ปาฬิยํ ขาทนียโภชนียปเทหิ ยาวกาลิกเมว สงฺคหิตํ, น ยามกาลิกํ, ตถาปิ ‘‘อนาปตฺติ ยามกาลิกํ ยาเม นิทหิตฺวา ภุฺชตี’’ติ อิธ เจว ‘‘ยามกาลิเกน ภิกฺขเว สตฺตาหกาลิกํ…เป… ยาวชีวิกํ ตทหุปฏิคฺคหิตํ ยาเม กปฺปติ, ยามาติกฺกนฺเต น กปฺปตี’’ติ อฺตฺถ (มหาว. ๓๐๕) จ วุตฺตตฺตา ‘‘ยามกาลิก’’นฺติวจนสามตฺถิยโต จ ภควโต อธิปฺปายฺูหิ อฏฺกถาจริเยหิ ยามกาลิกํ สนฺนิธิการกํ ปาจิตฺติยวตฺถุเมว วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

เปตฺวา ธฺผลรสนฺติ เอตฺถ ‘‘ตณฺฑุลโธวโนทกมฺปิ ธฺผลรโสเยวา’’ติ วทนฺติ.

๙๒. สตฺตาหกาลิเก ปฺจ เภสชฺชานีติ เภสชฺชกิจฺจํ กโรนฺตุ วา มา วา, เอวํลทฺธโวหารานิ ปฺจ. ‘‘โคสปฺปี’’ติอาทินา โลเก ปากฏํ ทสฺเสตฺวา ‘‘เยสํ มํสํ กปฺปตี’’ติ อิมินา อฺเสมฺปิ โรหิตมิคาทีนํ สปฺปึ คเหตฺวา ทสฺเสติ. เยสฺหิ ขีรํ อตฺถิ, สปฺปิมฺปิ เตสํ อตฺถิเยว, ตํ ปน สุลภํ วา ทุลฺลภํ วา อสมฺโมหตฺถํ วุตฺตํ . เอวํ นวนีตมฺปิ. ‘‘เยสํ มํสํ กปฺปตี’’ติ จ อิทํ นิสฺสคฺคิยวตฺถุทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, น ปน เยสํ มํสํ น กปฺปติ, เตสํ สปฺปิอาทิ น กปฺปตีติ ทสฺสนตฺถํ. มนุสฺสขีราทีนิปิ หิ โน น กปฺปนฺติ.

๙๓. ยาว กาโล นาติกฺกมติ, ตาว ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏตีติ เอตฺถ กาโลติ ภิกฺขูนํ โภชนกาโล อธิปฺเปโต, โส จ สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน ิตมชฺฌนฺหิโก. ิตมชฺฌนฺหิโกปิ หิ กาลสงฺคหํ คจฺฉติ, ตโต ปฏฺาย ปน ขาทิตุํ วา ภุฺชิตุํ วา น สกฺกา, สหสา ปิวิตุํ สกฺกา ภเวยฺย, กุกฺกุจฺจเกน ปน น กตฺตพฺพํ. กาลปริจฺเฉทชานนตฺถฺจ กาลตฺถมฺโภ โยเชตพฺโพ. กาลนฺตเร วา ภตฺตกิจฺจํ กาตพฺพํ. ปฏิคฺคหเณติ คหณเมว สนฺธาย วุตฺตํ. ปฏิคฺคหิตเมว หิ ตํ, สนฺนิหิตํ น กปฺปตีติ ปุน ปฏิคฺคหณกิจฺจํ นตฺถิ, เตเนว ‘‘อชฺโฌหริตุกามตาย คณฺหนฺตสฺส ปฏิคฺคหเณ’’ติ วุตฺตํ. มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. สนฺนิธิการกสิกฺขาปทวณฺณนา) ปน ‘‘อชฺโฌหริสฺสามีติ คณฺหนฺตสฺส คหเณ’’อิจฺเจว วุตฺตํ.

นฺติ ยํ ปตฺตํ. สนฺทิสฺสตีติ ยาคุยา อุปริ สนฺทิสฺสติ. เตลวณฺเณ ปตฺเต สติปิ นิสฺเนหภาเว องฺคุลิยา ฆํสนฺตสฺส วณฺณวเสเนว เลขา ปฺายติ, ตสฺมา ตตฺถ อนาปตฺตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘สา อพฺโพหาริกา’’ติ วุตฺตํ. สยํ ปฏิคฺคเหตฺวา อปริจฺจตฺตเมว หิ ทุติยทิวเส น วฏฺฏตีติ เอตฺถ ปฏิคฺคหเณ อนเปกฺขวิสฺสชฺชเนน, อนุปสมฺปนฺนสฺส นิรเปกฺขทาเนน วา วิชหิตปฏิคฺคหณํ ปริจฺจตฺตเมว โหตีติ ‘‘อปริจฺจตฺต’’นฺติ อิมินา อุภยถาปิ อวิชหิตปฏิคฺคหณเมว วุตฺตํ, ตสฺมา ยํ ปรสฺส ปริจฺจชิตฺวา อทินฺนมฺปิ สเจ ปฏิคฺคหเณ นิรเปกฺขวิสฺสชฺชเนน วิชหิตปฏิคฺคหณํ โหติ, ตมฺปิ ทุติยทิวเส วฏฺฏตีติ เวทิตพฺพํ. ยทิ เอวํ ‘‘ปตฺโต ทุทฺโธโต โหตี’’ติอาทีสุ กสฺมา อาปตฺติ วุตฺตาติ? ‘‘ปฏิคฺคหณํ อวิสฺสชฺเชตฺวาว สยํ วา อฺเน วา ตุจฺฉํ กตฺวา น สมฺมา โธวิตฺวา นิฏฺาปิเต ปตฺเต ลคฺคมฺปิ อวิชหิตปฏิคฺคหณเมว โหตีติ ตตฺถ อาปตฺตี’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘สามเณรานํ ปริจฺจชนฺตีติ อิมสฺมึ อธิกาเร ตฺวา ‘อปริจฺจตฺตเมวา’ติ วุตฺตตฺตา อนุปสมฺปนฺนสฺส ปริจฺจตฺตเมว วฏฺฏติ, อปริจฺจตฺตํ น วฏฺฏตีติ อาปนฺนํ, ตสฺมา นิราลยภาเวน ปฏิคฺคหเณ วิชหิเตปิ อนุปสมฺปนฺนสฺส อปริจฺจตฺตํ น วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. ตํ ยุตฺตํ วิย น ทิสฺสติ. ยทคฺเคน หิ ปฏิคฺคหณํ วิชหติ, ตทคฺเคน สนฺนิธิมฺปิ น กโรติ วิชหิตปฏิคฺคหณสฺส อปฺปฏิคฺคหิตสทิสตฺตา. ปฏิคฺคเหตฺวา นิทหิเตเยว จ สนฺนิธิปจฺจยา อาปตฺติ วุตฺตา.

วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๒๕๒-๒๕๓) ปน ‘‘อปริจฺจตฺตเมวาติ นิรเปกฺขตาย อนุปสมฺปนฺนสฺส อทินฺนํ อปริจฺจตฺตฺจ ยาวกาลิกาทิวตฺถุเมว สนฺธาย วทติ, น ปน ตคฺคตปฏิคฺคหณํ. น หิ วตฺถุํ อปริจฺจชิตฺวา ตตฺถคตปฏิคฺคหณํ ปริจฺจชิตุํ สกฺกา, น จ ตาทิสํ วจนํ อตฺถิ, ยทิ ภเวยฺย , ‘สเจ ปตฺโต ทุทฺโธโต โหติ…เป… ภุฺชนฺตสฺส ปาจิตฺติย’นฺติ วจนํ วิรุชฺเฌยฺย. น หิ โธวเนน อามิสํ อปเนตุํ วายมนฺตสฺส ปฏิคฺคหเณ อเปกฺขา วตฺตติ. เยน ปุนทิวเส ภุฺชโต ปาจิตฺติยํ ชเนยฺย, ปตฺเต ปน วตฺตมานา อเปกฺขา ตคฺคติเก อามิเสปิ วตฺตติ เอว นามาติ อามิเส อนเปกฺขตา เอตฺถ น ลพฺภติ, ตโต อามิเส อวิชหิตปฏิคฺคหณํ ปุนทิวเส ปาจิตฺติยํ ชเนตีติ อิทํ วุตฺตํ. อถ มตํ ‘ยทคฺเคเนตฺถ อามิสานเปกฺขตา น ลพฺภติ, ตทคฺเคน ปฏิคฺคหณานเปกฺขตาปิ น ลพฺภตี’ติ. ตถา สติ ยตฺถ อามิสาเปกฺขา อตฺถิ, ตตฺถ ปฏิคฺคหณาเปกฺขาปิ น วิคจฺฉตีติ อาปนฺนํ, เอวฺจ ปฏิคฺคหเณ อนเปกฺขวิสฺสชฺชนํ วิสุํ น วตฺตพฺพํ สิยา, อฏฺกถายฺเจตมฺปิ ปฏิคฺคหณวิชหนํ การณตฺเตน อภิมตํ สิยา. อิทํ สุฏฺุตรํ กตฺวา วิสุํ วตฺตพฺพํ จีวราเปกฺขาย วตฺตมานายปิ ปจฺจุทฺธาเรน อธิฏฺานวิชหนํ วิย. เอตสฺมิฺจ อุปาเย สติ คณฺิกาหตปตฺเตสุ อวฏฺฏนตา นาม น สิยาติ วุตฺโตวายมตฺโถ, ตสฺมา ยํ วุตฺตํ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๒๕๒-๒๕๓) ‘ยํ ปรสฺส ปริจฺจชิตฺวา อทินฺนมฺปิ สเจ ปฏิคฺคหเณ นิรเปกฺขวิสฺสชฺชเนน วิชหิตปฏิคฺคหณํ โหติ, ตมฺปิ ทุติยทิวเส วฏฺฏตี’ติอาทิ, ตํ น สารโต ปจฺเจตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ.

ปาฬิยํ (ปาจิ. ๒๕๕) ‘‘สตฺตาหกาลิกํ ยาวชีวิกํ อาหารตฺถาย ปฏิคฺคณฺหาติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติอาทินา สนฺนิหิเตสุ สตฺตาหกาลิกยาวชีวิเกสุ ปุเรภตฺตมฺปิ อาหารตฺถาย อชฺโฌหรเณปิ ทุกฺกฏสฺส วุตฺตตฺตา ยามกาลิเกปิ อชฺโฌหาเร วิสุํ ทุกฺกเฏน ภวิตพฺพนฺติ อาห ‘‘อาหารตฺถาย อชฺโฌหรโต ทุกฺกเฏน สทฺธึ ปาจิตฺติย’’นฺติ. ปกติอามิเสติ โอทนาทิกปฺปิยามิเส. ทฺเวติ ปุเรภตฺตํ ปฏิคฺคหิตํ ยามกาลิกํ ปุเรภตฺตํ สามิเสน มุเขน ภุฺชโต สนฺนิธิปจฺจยา เอกํ, ยาวกาลิกสํสฏฺตาย ยาวกาลิกตฺตภชเนน อนติริตฺตปจฺจยา เอกนฺติ ทฺเว ปาจิตฺติยานิ. วิกปฺปทฺวเยติ สามิสนิรามิสปกฺขทฺวเย. ถุลฺลจฺจยํ ทุกฺกฏฺจ วฑฺฒตีติ มนุสฺสมํเส ถุลฺลจฺจยํ, เสสอกปฺปิยมํเส ทุกฺกฏํ วฑฺฒติ.

ปฏิคฺคหณปจฺจยา ตาว ทุกฺกฏนฺติ เอตฺถ สนฺนิหิตตฺตา ปุเรภตฺตมฺปิ ทุกฺกฏเมว. สติ ปจฺจเย ปน สนฺนิหิตมฺปิ สตฺตาหกาลิกํ ยาวชีวิกฺจ เภสชฺชตฺถาย คณฺหนฺตสฺส ปริภุฺชนฺตสฺส จ อนาปตฺติเยว.

๙๔. อุคฺคหิตกํกตฺวา นิกฺขิตฺตนฺติ อปฏิคฺคหิตํ สยเมว คเหตฺวา นิกฺขิตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๖๒๒) ‘‘อุคฺคหิตกนฺติ ปริโภคตฺถาย สยํ คหิต’’นฺติ วุตฺตํ. สยํ กโรตีติ ปจิตฺวา กโรติ. ปุเรภตฺตนฺติ ตทหุปุเรภตฺตเมว วฏฺฏติ สวตฺถุกปฏิคฺคหิตตฺตา. สยํกตนฺติ นวนีตํ ปจิตฺวา กตํ. นิรามิสเมวาติ ตทหุปุเรภตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ.

๙๕. อชฺช สยํกตํ นิรามิสเมว ภุฺชนฺตสฺส กสฺมา สามํปาโก น โหตีติ อาห ‘‘นวนีตํ ตาเปนฺตสฺสา’’ติอาทิ. ปจฺฉาภตฺตํ ปฏิคฺคหิตเกหีติ ขีรทธีนิ สนฺธาย วุตฺตํ. อุคฺคหิตเกหิ กตํ อพฺภฺชนาทีสุ อุปเนตพฺพนฺติ โยชนา. อุภเยสมฺปีติ ปจฺฉาภตฺตํ ปฏิคฺคหิตขีรทธีหิ จ ปุเรภตฺตํ อุคฺคหิตเกหิ จ กตานํ. เอส นโยติ นิสฺสคฺคิยํ น โหตีติ อตฺโถ. อกปฺปิยมํสสปฺปิมฺหีติ หตฺถิอาทีนํ สปฺปิมฺหิ. การณปติรูปกํ วตฺวาติ ‘‘สชาติกานํ สปฺปิภาวโต’’ติ การณปติรูปกํ วตฺวา. สปฺปินเยน เวทิตพฺพนฺติ นิรามิสเมว สตฺตาหํ วฏฺฏตีติ อตฺโถ. เอตฺถาติ นวนีเต. โธตํ วฏฺฏตีติ อโธตฺเจ, สวตฺถุกปฏิคฺคหิตํ โหติ, ตสฺมา โธตํ ปฏิคฺคเหตฺวา สตฺตาหํ นิกฺขิปิตุํ วฏฺฏตีติ เถรานํ อธิปฺปาโย.

มหาสีวตฺเถรสฺส ปน วตฺถุโน วิโยชิตตฺตา ทธิคุฬิกาทีหิ ยุตฺตตามตฺเตน สวตฺถุกปฏิคฺคหิตํ นาม น โหติ, ตสฺมา ตกฺกโต อุทฺธฏมตฺตเมว ปฏิคฺคเหตฺวา โธวิตฺวา, ปจิตฺวา วา นิรามิสเมว กตฺวา ภุฺชึสูติ อธิปฺปาโย, น ปน ทธิคุฬิกาทีหิ สห วิกาเล ภุฺชึสูติ. เตนาห ‘‘ตสฺมา นวนีตํ ปริภุฺชนฺเตน…เป… สวตฺถุกปฏิคฺคหํ นาม น โหตี’’ติ. ตตฺถ อโธตํ ปฏิคฺคเหตฺวาปิ ตํ นวนีตํ ปริภุฺชนฺเตน ทธิอาทีนิ อปเนตฺวา ปริภุฺชิตพฺพนฺติ อตฺโถ. เกจิ ปน ‘‘ตกฺกโต อุทฺธฏมตฺตเมว ขาทึสู’’ติ วจนสฺส อธิปฺปายํ อชานนฺตา ‘‘ตกฺกโต อุทฺธฏมตฺตํ อโธตมฺปิ ทธิคุฬิกาทิสหิตํ วิกาเล ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ. น หิ ทธิคุฬิกาทิอามิเสน สํสฏฺรสํ นวนีตํ ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏตีติ สกฺกา วตฺตุํ. นวนีตํ ปริภุฺชนฺเตนาติ อโธวิตฺวา ปฏิคฺคหิตนวนีตํ ปริภุฺชนฺเตน. ทธิ เอว ทธิคตํ ยถา ‘‘คูถคตํ มุตฺตคต’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๑๑๙; อ. นิ. ๙.๑๑). ‘‘ขยํ คมิสฺสตี’’ติ วจนโต ขีรํ ปกฺขิปิตฺวา ปกฺกสปฺปิอาทิปิ วิกาเล กปฺปตีติ เวทิตพฺพํ. ขยํ คมิสฺสตีติ นิรามิสํ โหติ, ตสฺมา วิกาเลปิ วฏฺฏตีติ อตฺโถ. เอตฺตาวตาติ นวนีเต ลคฺคมตฺเตน วิสุํ ทธิอาทิโวหารํ อลทฺเธน อปฺปมตฺเตน ทธิอาทินาติ อตฺโถ, เอเตน วิสุํ ปฏิคฺคหิตทธิอาทีหิ สห ปกฺกํ สวตฺถุกปฏิคฺคหิตสงฺขเมว คจฺฉตีติ ทสฺเสติ. ตสฺมิมฺปีติ นิรามิสภูเตปิ. กุกฺกุจฺจกานํ ปน อยํ อธิปฺปาโย – ปฏิคฺคหเณ ตาว ทธิอาทีหิ อสมฺภินฺนรสตฺตา ภตฺเตน สหิตคุฬปิณฺฑาทิ วิย สวตฺถุกปฏิคฺคหิตํ นาม โหติ. ตํ ปน ปจนฺเตน โธวิตฺวาว ปจิตพฺพํ. อิตรถา ปจนกฺขเณ ปจฺจมานทธิคุฬิกาทีหิ สมฺภินฺนรสตาย สามํปกฺกํ ชาตํ, เตสุ ขีเณสุปิ สามํปกฺกเมว โหติ, ตสฺมา นิรามิสเมว ปจิตพฺพนฺติ. เตเนว ‘‘อามิเสน สทฺธึ ปกฺกตฺตา’’ติ การณํ วุตฺตํ.

เอตฺถ จายํ วิจารณา – สวตฺถุกปฏิคฺคหิตตฺตาภาเว อามิเสน สห ภิกฺขุนา ปกฺกสฺส สยํปากโทโส วา ปริสงฺกียติ, ยาวกาลิกตา วา. ตตฺถ น ตาว สยํปากโทโส เอตฺถ สมฺภวติ สตฺตาหกาลิกตฺตา. ยฺหิ ตตฺถ ทธิอาทิ อามิสคตํ, ตํ ปริกฺขีณนฺติ. อถ ปฏิคฺคหิตทธิคุฬิกาทินา สห อตฺตนา ปกฺกตฺตา สวตฺถุกปกฺกํ วิย ภเวยฺยาติ ปริสงฺกียติ, ตทา ‘‘อามิเสน สห ปฏิคฺคหิตตฺตา’’ติ การณํ วตฺตพฺพํ, น ปน ‘‘ปกฺกตฺตา’’ติ, ตถา จ อุปฑฺฒตฺเถรานํ มตเมว องฺคีกตํ สิยา. ตตฺถ จ สามเณราทีหิ ปกฺกมฺปิ ยาวกาลิกเมว สิยา ปฏิคฺคหิตขีราทึ ปจิตฺวา อนุปสมฺปนฺเนหิ กตสปฺปิอาทิ วิย, น จ ตํ ยุตฺตํ ภิกฺขาจาเรน ลทฺธนวนีตาทีนํ ตกฺกาทิอามิสสํสฏฺสมฺภเวน อปริภุฺชิตพฺพตฺตาปฺปสงฺคโต. น หิ คหฏฺา โธวิตฺวา, โสเธตฺวา วา ปตฺเต อากิรนฺตีติ นิยโม อตฺถิ.

อฏฺกถายฺจ ‘‘ยถา ตตฺถ ปติตตณฺฑุลกณาทโย น ปจฺจนฺติ, เอวํ…เป… ปุน ปจิตฺวา เทติ, ปุริมนเยเนว สตฺตาหํ วฏฺฏตี’’ติ อิมินา วจเนนเปตํ วิรุชฺฌติ, ตสฺมา อิธ กุกฺกุจฺจกานํ กุกฺกุจฺจุปฺปตฺติยา นิมิตฺตเมว น ทิสฺสติ. ยถา เจตฺถ, เอวํ ‘‘ลชฺชี สามเณโร ยถา ตตฺถ ตณฺฑุลกณาทโย น ปจฺจนฺติ, เอวํ อคฺคิมฺหิ วิลียาเปตฺวา…เป… เทตี’’ติ วจนสฺสาปิ นิมิตฺตํ น ทิสฺสติ. ยทิ หิ เอตํ ยาวกาลิกสํสคฺคปริหาราย วุตฺตํ สิยา. อตฺตนาปิ ตถา กาตพฺพํ ภเวยฺย. คหฏฺเหิ ทินฺนสปฺปิอาทีสุ จ อามิสสํสคฺคสงฺกา น วิคจฺเฉยฺย. น หิ คหฏฺา เอวํ วิลียาเปตฺวา ปริสฺสาเวตฺวา กณตณฺฑุลาทึ อปเนตฺวา ปุน ปจนฺติ. อปิจ เภสชฺเชหิ สทฺธึ ขีราทึ ปกฺขิปิตฺวา ยถา ขีราทิ ขยํ คจฺฉติ, เอวํ ปเรหิ ปกฺกเภสชฺชเตลาทิปิ ยาวกาลิกเมว สิยา, น จ ตมฺปิ ยุตฺตํ ทธิอาทิขยกรณตฺถํ ‘‘ปุน ปจิตฺวา เทตี’’ติ วุตฺตตฺตา, ตสฺมา มหาสีวตฺเถรวาเท กุกฺกุจฺจํ อกตฺวา อโธตมฺปิ นวนีตํ ตทหุปิ ปุนทิวสาทีสุปิ ปจิตุํ, ตณฺฑุลาทิมิสฺสํ สปฺปิอาทึ อตฺตนาปิ อคฺคิมฺหิ วิลียาเปตฺวา ปุน ตกฺกาทิขยตฺถํ ปจิตุฺจ วฏฺฏติ.

ตตฺถ วิชฺชมานสฺสาปิ ปจฺจมานกฺขเณ สมฺภินฺนรสสฺส ยาวกาลิกสฺส อพฺโพหาริกตฺเตน สวตฺถุกปฏิคฺคหิตปุเรปฏิคฺคหิตกานมฺปิ อพฺโพหาริกโตติ นิฏฺเมตฺถ คนฺตพฺพนฺติ. เตเนว ‘‘เอตฺตาวตา หิ สวตฺถุกปฏิคฺคหิตํ นามน โหตี’’ติ วุตฺตํ. วิสุํ ปฏิคฺคหิเตน ปน ขีราทินา อามิเสน นวนีตาทึ มิสฺเสตฺวา ภิกฺขุนา วา อฺเหิ วา ปกฺกเตลาทิเภสชฺชํ สวตฺถุกปฏิคฺคหิตสงฺขเมว คจฺฉติ ตตฺถ ปวิฏฺยาวกาลิกสฺส อพฺโพหาริกตฺตาภาวา. ยํ ปน ปุเรปฏิคฺคหิตเภสชฺเชหิ สทฺธึ อปฺปฏิคฺคหิตํ ขีราทึ ปกฺขิปิตฺวา ปกฺกเตลาทิกํ อนุปสมฺปนฺเนเหว ปกฺกมฺปิ สวตฺถุกปฏิคฺคหิตมฺปิ สนฺนิธิปิ น โหติ ตตฺถ ปกฺขิตฺตขีราทิมิสฺสาปิ ตสฺมึ ขเณ สมฺภินฺนรสตาย ปุเรปฏิคฺคหิตตฺตาปตฺติโต, สเจ ปน อปฺปฏิคฺคหิเตเหว, อฺเหิ วา ปกฺกเตลาทีสุปิ อามิสรโส ปฺายติ, ตํ ยาวกาลิกํว โหตีติ เวทิตพฺพํ. อยํ กถามคฺโค วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๖๒๒) อาคโต. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๖๒๒) ปน ‘‘กุกฺกุจฺจายนฺติ กุกฺกุจฺจกาติ อิมินา อตฺตโนปิ ตตฺถ กุกฺกุจฺจสพฺภาวมฺปิ ทีเปติ. เตเนว มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. เภสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘นิพฺพฏฺฏิตสปฺปิ วา นวนีตํ วา ปจิตุํ วฏฺฏตี’ติ วุตฺต’’นฺติ เอตฺตกเมว อาคโต.

อุคฺคเหตฺวาติ สยเมว คเหตฺวา. ตานิ ปฏิคฺคเหตฺวาติ ตานิ ขีรทธีนิ ปฏิคฺคเหตฺวา. คหิตนฺติ ตณฺฑุลาทิวิคมตฺถํ ปุน ปจิตฺวา คหิตนฺติ อตฺโถ. ปฏิคฺคเหตฺวา จ ปิตเภสชฺเชหีติ อติเรกสตฺตาหปฏิคฺคหิเตหิ ยาวชีวิกเภสชฺเชหิ, เอเตน เตหิ ยุตฺตมฺปิ สปฺปิอาทิ อติเรกสตฺตาหปฏิคฺคหิตํ น โหตีติ ทสฺเสติ. วทฺทลิสมเยติ วสฺสกาลสมเย, อนาตปกาเลติ อตฺโถ. วุตฺตนเยน ยถา ตณฺฑุลาทีนิ น ปจฺจนฺติ, ตถา ลชฺชีเยว สมฺปาเทตฺวา เทตีติ ลชฺชิสามเณรคฺคหณํ. อปิจ อลชฺชินา อชฺโฌหริตพฺพํ ยํ กิฺจิ อภิสงฺขราเปตุํ น วฏฺฏติ, ตสฺมาปิ เอวมาห.

๙๖. ติเลปฏิคฺคเหตฺวา กตเตลนฺติ อตฺตนา ภชฺชาทีนิ อกตฺวา กตเตลํ. เตเนว ‘‘สามิสมฺปิวฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. นิพฺพฏฺฏีตตฺตาติ ยาวกาลิกโต วิเวจิตตฺตา, เอเตน เอลาอภาวโต ยาวกาลิกตฺตาภาวํ, ภิกฺขุโน สวตฺถุกปฏิคฺคหเณน ยาวกาลิกตฺตุปคมนฺจ ทสฺเสติ. อุภยมฺปีติ อตฺตนา อฺเหิ จ กตํ.

ยาว อรุณุคฺคมนา ติฏฺติ, นิสฺสคฺคิยนฺติ สตฺตเม ทิวเส กตเตลํ สเจ ยาว อรุณุคฺคมนา ติฏฺติ, นิสฺสคฺคิยํ.

อจฺฉวสนฺติ ทุกฺกฏวตฺถุโน วสาย อนุฺาตตฺตา ตํสทิสานํ ทุกฺกฏวตฺถูนํเยว อกปฺปิยมํสสตฺตานํ วสา อนุฺาตา, น ถุลฺลจฺจยวตฺถุ มนุสฺสานํ วสาติ อาห ‘‘เปตฺวา มนุสฺสวส’’นฺติ. สํสฏฺนฺติ ปริสฺสาวิตํ. ติณฺณํ ทุกฺกฏานนฺติ อชฺโฌหาเร อชฺโฌหาเร ตีณิ ทุกฺกฏานิ สนฺธาย วุตฺตํ. กิฺจาปิ ปริโภคตฺถาย วิกาเล ปฏิคฺคหณปจนปริสฺสาวนาทีสุ ปุพฺพปโยเคสุ ปาฬิยํ, อฏฺกถายฺจ อาปตฺติ น วุตฺตา, ตถาปิ เอตฺถ อาปตฺติยา เอว ภวิตพฺพํ ปฏิกฺขิตฺตสฺส กรณโต อาหารตฺถาย วิกาเล ยามกาลิกาทีนํ ปฏิคฺคหเณ วิย. ‘‘กาเล ปฏิคฺคหิตํ วิกาเล อนุปสมฺปนฺเนนาปิ นิปกฺกํ สํสฏฺฺจ ปริภุฺชนฺตสฺส ทฺเวปิ ทุกฺกฏานิ โหนฺติเยวา’’ติ วทนฺติ.

ยสฺมา ขีราทีนิ ปกฺขิปิตฺวา ปกฺกเภสชฺชเตเล กสฏํ อามิสคติกํ, เตน สห เตลํ ปฏิคฺคเหตุํ, ปจิตุํ วา ภิกฺขุโน น วฏฺฏติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ปกฺกเตลกสเฏ วิย กุกฺกุจฺจายตี’’ติ. ‘‘สเจ วสาย สห ปกฺกตฺตา น วฏฺฏติ, อิทํ กสฺมา วฏฺฏตี’’ติ ปุจฺฉนฺตา ‘‘ภนฺเต…เป… วฏฺฏตี’’ติ อาหํสุ, เถโร อติกุกฺกุจฺจกตาย ‘‘เอตมฺปิ อาวุโส น วฏฺฏตี’’ติ อาห, โรคนิคฺคหตฺถาย เอว วสาย อนุฺาตตฺตํ สลฺลกฺเขตฺวา ปจฺฉา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ.

๙๗. ‘‘มธุกรีหิ มธุมกฺขิกาหีติ อิทํ ขุทฺทกภมรานํ ทฺวินฺนํ เอว วิเสสน’’นฺติ เกจิ วทนฺติ. อฺเ ปน ‘‘ทณฺฑเกสุ มธุการิกา มธุกริมกฺขิกา นาม, ตาหิ สห ติสฺโส มธุมกฺขิกชาติโย’’ติ วทนฺติ. ภมรมกฺขิกาติ มหาปฏลการิกา. สิเลสสทิสนฺติ สุกฺขตาย วา ปกฺกตาย วา ฆนีภูตํ. อิตรนฺติ ตนุกมธุ. มธุปฏลนฺติ มธุรหิตํ เกวลํ มธุปฏลํ. ‘‘สเจ มธุสหิตํ ปฏลํ ปฏิคฺคเหตฺวา นิกฺขิปนฺติ. ปฏลสฺส ภาชนฏฺานิยตฺตา มธุโน วเสน สตฺตาหาติกฺกเม นิสฺสคฺคิยํ โหตี’’ติ วทนฺติ, ‘‘มธุมกฺขิตํ ปน มธุคติกเมวา’’ติ อิมินา ตํ สเมติ.

๙๘. ‘‘ผาณิตํ นาม อุจฺฉุมฺหา นิพฺพตฺต’’นฺติ ปาฬิยํ (ปาจิ. ๒๖๐) อวิเสเสน วุตฺตตฺตา, อฏฺกถายฺจ ‘‘อุจฺฉุรสํ อุปาทาย…เป… อวตฺถุกา อุจฺฉุวิกติ ‘ผาณิต’นฺติ เวทิตพฺพา’’ติ วจนโต อุจฺฉุรโสปิ นิกฺกสโฏ สตฺตาหกาลิโกติ เวทิตพฺพํ. เกนจิ ปน ‘‘มธุมฺหิ จตฺตาโร กาลิกา ยถาสมฺภวํ โยเชตพฺพา, อุจฺฉุมฺหิ จา’’ติ วตฺวา ‘‘สมกฺขิกณฺฑํ เสลกํ มธุ ยาวกาลิกํ, อเนลกํ อุทกสมฺภินฺนํ ยามกาลิกํ, อสมฺภินฺนํ สตฺตาหกาลิกํ, มธุสิตฺถํ ปริสุทฺธํ ยาวชีวิกํ, ตถา อุจฺฉุรโส สกสโฏ ยาวกาลิโก, นิกฺกสโฏ อุทกสมฺภินฺโน ยามกาลิโก, อสมฺภินฺโน สตฺตาหกาลิโก, สุทฺธกสฏํ ยาวชีวิก’’นฺติ จ วตฺวา อุตฺตริปิ พหุธา ปปฺจิตํ. ตตฺถ ‘‘อุทกสมฺภินฺนํ มธุ วา อุจฺฉุรโส วา สกสโฏ ยาวกาลิโก, นิกฺกสโฏ อุทกสมฺภินฺโน ยามกาลิโก’’ติ อิทํ เนว ปาฬิยํ, น อฏฺกถายํ ทิสฺสติ, ‘‘ยาวกาลิกํ สมานํ ครุตรมฺปิ มุทฺทิกาชาติรสํ อตฺตนา สํสฏฺํ ลหุกํ ยามกาลิกภาวํ อุปเนนฺตํ อุทกํ ลหุตรํ สตฺตาหกาลิกํ อตฺตนา สํสฏฺํ ครุตรํ ยามกาลิกภาวํ อุปเนตี’’ติ เอตฺถ การณํ โสเยว ปุจฺฉิตพฺโพ. สพฺพตฺถ ปาฬิยํ อฏฺกถายฺจ อุทกสมฺภินฺเนน ครุตรสฺสาปิ ลหุภาโวปคมนํเยว ทสฺสิตํ. ปาฬิยมฺปิ (มหาว. ๒๘๔) หิ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, คิลานสฺส คุฬํ, อคิลานสฺส คุโฬทก’’นฺติ วทนฺเตน อคิลาเนน ปริภุฺชิตุํ อยุตฺโตปิ คุโฬ อุทกสมฺภินฺโน อคิลานสฺสปิ วฏฺฏตีติ อนุฺาโต.

ยมฺปิ จ ‘‘อุจฺฉุ เจ, ยาวกาลิโก, อุจฺฉุรโส เจ, ยามกาลิโก, ผาณิตํ เจ, สตฺตาหกาลิกํ, ตโจ เจ, ยาวชีวิโก’’ติ อฏฺกถาวจนํ ทสฺเสตฺวา ‘‘อุจฺฉุรโส อุทกสมฺภินฺโน ยามกาลิโก’’ติ อฺเน เกนจิ วุตฺตํ, ตมฺปิ ตถาวิธสฺส อฏฺกถาวจนสฺส สมนฺตปาสาทิกาย วินยฏฺกถาย อภาวโต น สารโต ปจฺเจตพฺพํ, ตโตเยว จ ‘‘อุจฺฉุรโส อุทกสมฺภินฺโนปิ อสมฺภินฺโนปิ สตฺตาหกาลิโกเยวา’’ติ เกจิ อาจริยา วทนฺติ. เภสชฺชกฺขนฺธเก จ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อุจฺฉุรส’’นฺติ เอตฺถ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ อวิเสเสน วุตฺตํ ‘‘อุจฺฉุรโส สตฺตาหกาลิโก’’ติ. สยํกตํ นิรามิสเมว วฏฺฏตีติ เอตฺถ อปริสฺสาวิตํ ปฏิคฺคหิตมฺปิ กรณสมเย ปริสฺสาเวตฺวา, กสฏํ อปเนตฺวา จ อตฺตนา กตนฺติ เวทิตพฺพํ, อยํ สารตฺถทีปนีปาโ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๖๒๓).

วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๖๒๓) ปน อุจฺฉุรสํ อุปาทายาติ นิกฺกสฏรสสฺสาปิ สตฺตาหกาลิกตฺตํ ทสฺเสติ ‘‘อุจฺฉุมฺหา นิพฺพตฺต’’นฺติ ปาฬิยํ สามฺโต วุตฺตตฺตา. ยํ ปน สุตฺตนฺตฏฺกถายํ ‘‘อุจฺฉุ เจ, ยาวกาลิโก, อุจฺฉุรโส เจ, ยามกาลิโก, ผาณิตํ เจ, สตฺตาหกาลิกํ, ตโจ เจ, ยาวชีวิโก’’ติ วุตฺตํ, ตํ อมฺพผลรสาทิมิสฺสตาย ยามกาลิกตฺตํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ คเหตพฺพํ, อวินยวจนตฺตา ตํ อปฺปมาณนฺติ. เตเนว ‘‘ปุเรภตฺตํ ปฏิคฺคหิเตน อปริสฺสาวิตอุจฺฉุรเสนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. นิรามิสเมว วฏฺฏติ ตตฺถ ปวิฏฺยาวกาลิกสฺส อพฺโพหาริกตฺตาติ อิทํ คุเฬ กเต ตตฺถ วิชฺชมานมฺปิ กสฏํ ปาเกน สุกฺขตาย ยาวชีวิกตฺตํ ภชตีติ วุตฺตํ. ตสฺส ยาวกาลิกตฺเต หิ สามํปาเกน ปุเรภตฺเตปิ อนชฺโฌหรณียํ สิยาติ. ‘‘สวตฺถุกปฏิคฺคหิตตฺตา’’ติ อิทํ อุจฺฉุรเส จุณฺณวิจุณฺณํ หุตฺวา ิตกสฏํ สนฺธาย วุตฺตํ, เตน จ ‘‘อปริสฺสาวิเตน อปฺปฏิคฺคหิเตน อนุปสมฺปนฺเนหิ กตํ สตฺตาหํ วฏฺฏตีติ ทสฺเสตี’’ติ วุตฺตํ.

ฌามอุจฺฉุผาณิตนฺติ อคฺคิมฺหิ อุจฺฉุํ ตาเปตฺวา กตํ. โกฏฺฏิตอุจฺฉุผาณิตนฺติ ขุทฺทานุขุทฺทกํ ฉินฺทิตฺวา โกฏฺเฏตฺวา นิปฺปีเฬตฺวา ปกฺกํ. ตํ ตตฺถ วิชฺชมานมฺปิ กสฏํ ปกฺกกาเล ยาวกาลิกตฺตํ วิชหตีติ อาห ‘‘ตํ ยุตฺต’’นฺติ. สีโตทเกน กตนฺติ มธุกปุปฺผานิ สีโตทเกน มทฺทิตฺวา ปริสฺสาเวตฺวา ปจิตฺวา กตํ. ‘‘อปริสฺสาเวตฺวา กต’’นฺติ เกจิ, ตตฺถ การณํ น ทิสฺสติ. ขีรํ ปกฺขิปิตฺวา กตํ มธุกผาณิตํ ยาวกาลิกนฺติ เอตฺถ ขีรํ ปกฺขิปิตฺวา ปกฺกเตลํ กสฺมา วิกาเล วฏฺฏตีติ เจ? เตเล ปกฺขิตฺตํ ขีรํ เตลเมว โหติ, อฺํ ปน ขีรํ ปกฺขิปิตฺวา กตํ ขีรภาวํ คณฺหาตีติ อิทเมตฺถ การณํ. ยทิ เอวํ ขณฺฑสกฺขรมฺปิ ขีรํ ปกฺขิปิตฺวา กโรนฺติ, ตํ กสฺมา วฏฺฏตีติ อาห ‘‘ขณฺฑสกฺขรํ ปนา’’ติอาทิ. ตตฺถ ขีรชลฺลิกนฺติ ขีรเผณํ.

๙๙. ‘‘มธุกปุปฺผํ ปนา’’ติอาทิ ยาวกาลิกรูเปน ิตสฺสาปิ อวฏฺฏนกํ เมรยพีชวตฺถุํ ทสฺเสตุํ อารทฺธํ. อาหารกิจฺจํ กโรนฺตานิ เอตานิ กสฺมา เอวํ ปริภุฺชิตพฺพานีติ โจทนาปริหาราย เภสชฺโชทิสฺสํ ทสฺเสนฺเตน ตปฺปสงฺเคน สพฺพานิปิ โอทิสฺสกานิ เอกโต ทสฺเสตุํ ‘‘สตฺตวิธฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ สมนฺตปาสาทิกายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๖๒๓). วินยสงฺคหปฺปกรเณ ปน ตํ น วุตฺตํ, ‘‘ปจฺฉาภตฺตโต ปฏฺาย สติ ปจฺจเยติ วุตฺตตฺตา ปฏิคฺคหิตเภสชฺชานิ ทุติยทิวสโต ปฏฺาย ปุเรภตฺตมฺปิ สติ ปจฺจเยว ปริภุฺชิตพฺพานิ, น อาหารตฺถาย เภสชฺชตฺถาย ปฏิคฺคหิตตฺตา’’ติ วทนฺติ. ทฺวารวาตปานกวาเฏสูติ มหาทฺวารสฺส วาตปานานฺจ กวาฏผลเกสุ. กสาเว ปกฺขิตฺตานิ ตานิ อตฺตโน สภาวํ ปริจฺจชนฺตีติ ‘‘กสาเว…เป… มกฺเขตพฺพานี’’ติ วุตฺตํ, ฆุณปาณกาทิปริหารตฺถํ มกฺเขตพฺพานีติ อตฺโถ. อธิฏฺเตีติ ‘‘อิทานิ มยฺหํ อชฺโฌหรณียํ น ภวิสฺสติ, พาหิรปริโภคตฺถาย ภวิสฺสตี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตีติ อตฺโถ. เตเนวาห ‘‘สปฺปิฺจ เตลฺจ วสฺจ มุทฺธนิ เตลํ วา อพฺภฺชนํ วา’’ติอาทิ, เอวํ ปริโภเค อนเปกฺขตาย ปฏิคฺคหณํ วิชหตีติ อธิปฺปาโย. เอวํ อฺเสุปิ กาลิเกสุ อนชฺโฌหริตุกามตาย สุทฺธจิตฺเตน พาหิรปริโภคตฺถาย นิยเมปิ ปฏิคฺคหณํ วิชหตีติ อิทมฺปิ วิสุํ เอกํ ปฏิคฺคหณวิชหนนฺติ ทฏฺพฺพํ.

อฺเน ภิกฺขุนา วตฺตพฺโพติ เอตฺถ สุทฺธจิตฺเตน ทินฺนตฺตา สยมฺปิ อาหราเปตฺวา ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏติเยว. ทฺวินฺนมฺปิ อนาปตฺตีติ ยถา อฺสฺส สนฺตกํ เอเกน ปฏิคฺคหิตํ สตฺตาหาติกฺกเมปิ นิสฺสคฺคิยํ น โหติ ปรสนฺตกภาวโต, เอวมิทมฺปิ อวิภตฺตตฺตา อุภยสาธารณมฺปิ วินิพฺโภคาภาวโต นิสฺสคฺคิยํ น โหตีติ อธิปฺปาโย. ปริภุฺชิตุํ ปน น วฏฺฏตีติ ภิกฺขุนา ปฏิคฺคหิตตฺตา สตฺตาหาติกฺกเม ยสฺส กสฺสจิ ภิกฺขุโน ปริภุฺชิตุํ น วฏฺฏติ ปฏิคฺคหิตสปฺปิอาทีนํ ปริโภคสฺส สตฺตาเหเนว ปริจฺฉินฺนตฺตา. ‘‘ตานิ ปฏิคฺคเหตฺวา สตฺตาหปรมํ สนฺนิธิการกํ ปริภุฺชิตพฺพานี’’ติ (ปารา. ๖๒๓) หิ วุตฺตํ.

‘‘อาวุโสอิมํ เตลํ สตฺตาหมตฺตํ ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อิมินา เยน ปฏิคฺคหิตํ, เตน อนฺโตสตฺตาเหเยว ปรสฺส วิสฺสชฺชิตภาวํ ทสฺเสติ. กสฺส อาปตฺตีติ ‘‘ปมํ ตาว อุภินฺนํ สาธารณตฺตา อนาปตฺติ วุตฺตา, อิทานิ ปน เอเกน อิตรสฺส วิสฺสฏฺภาวโต อุภยสาธารณตา นตฺถีติ วิภตฺตสทิสํ หุตฺวา ิตํ, ตสฺมา เอตฺถ ปฏิคฺคหิตสฺส สตฺตาหาติกฺกเม เอกสฺส อาปตฺติยา ภวิตพฺพ’’นฺติ มฺมาโน ‘‘กึ ปฏิคฺคหณปจฺจยา ปฏิคฺคาหกสฺส อาปตฺติ, อุทาหุ ยสฺส สนฺตกํ ชาตํ, ตสฺสา’’ติ ปุจฺฉติ. นิสฺสฏฺภาวโตเยว จ อิธ ‘‘อวิภตฺตภาวโต’’ติ การณํ อวตฺวา ‘‘เยน ปริคฺคหิตํ, เตน วิสฺสชฺชิตตฺตา’’ติ วุตฺตํ, อิทฺจ วิสฺสฏฺาภาวโต อุภยสาธารณตํ ปหาย เอกสฺส สนฺตกํ โหนฺตมฺปิ เยน ปฏิคฺคหิตํ, ตโต อฺสฺส สนฺตกํ ชาตํ, ตสฺมา ปรสนฺตกปฏิคฺคหเณ วิย ปฏิคฺคาหกสฺส ปฏิคฺคหณปจฺจยา นตฺถิ อาปตฺตีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, น ปน ‘‘เยน ปฏิคฺคหิตํ, เตน วิสฺสชฺชิตตฺตา’’ติ วจนโต อวิสฺสชฺชิเต สติ อวิภตฺเตปิ สตฺตาหาติกฺกเม อาปตฺตีติ ทสฺสนตฺถํ อวิสฺสชฺชิเต อวิภตฺตภาวโตเยว อนาปตฺติยา สิทฺธตฺตา. สเจ ปน อิตโร เยน ปฏิคฺคหิตํ, ตสฺเสว อนฺโตสตฺตาเห อตฺตโน ภาคมฺปิ วิสฺสชฺเชติ, สตฺตาหาติกฺกเม สิยา อาปตฺติ เยน ปฏิคฺคหิตํ, ตสฺเสว สนฺตกภาวมาปนฺนตฺตา. ‘‘อิตรสฺส อปฺปฏิคฺคหิตตฺตา’’ติ อิมินา ตสฺส สนฺตกภาเวปิ อฺเหิ ปฏิคฺคหิตสกสนฺตเก วิย เตน อปฺปฏิคฺคหิตภาวโต อนาปตฺตีติ ทีเปติ, อิมํ ปน อธิปฺปายํ อชานิตฺวา อิโต อฺถา คณฺิปทการาทีหิ ปปฺจิตํ, น ตํ สารโต ปจฺเจตพฺพํ, อิทํ สารตฺถทีปนีวจนํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๖๒๕).

วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๖๒๕) ปน – สเจ ทฺวินฺนํ…เป… น วฏฺฏตีติ เอตฺถ ปาโ คฬิโต, เอวํ ปเนตฺถ ปาโ เวทิตพฺโพ – สเจ ทฺวินฺนํ สนฺตกํ เอเกน ปฏิคฺคหิตํ อวิภตฺตํ โหติ, สตฺตาหาติกฺกเม ทฺวินฺนมฺปิ อนาปตฺติ, ปริภุฺชิตุํ ปน น วฏฺฏตีติ. อฺถา ปน สทฺทปฺปโยโคปิ น สงฺคหํ คจฺฉติ, ‘‘คณฺิปเทปิ จ อยเมว ปาโ ทสฺสิโต’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๖๒๕) วุตฺตํ. ‘‘ทฺวินฺนมฺปิ อนาปตฺตี’’ติ อวิภตฺตตฺตา วุตฺตํ. ‘‘ปริภุฺชิตุํ ปน น วฏฺฏตี’’ติ อิทํ ‘‘สตฺตาหปรมํ สนฺนิธิการกํ ปริภุฺชิตพฺพ’’นฺติ (ปารา. ๖๒๓) วจนโต วุตฺตํ. ‘‘เยน ปฏิคฺคหิตํ, เตน วิสฺสชฺชิตตฺตา’’ติ อิมินา อุปสมฺปนฺนสฺส ทานมฺปิ สนฺธาย ‘‘วิสฺสชฺเชตี’’ติ อิทํ วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ. อุปสมฺปนฺนสฺส นิรเปกฺขทินฺนวตฺถุมฺหิ ปฏิคฺคหณสฺส อวิคตตฺเตปิ สกสนฺตกตา วิคตาว โหติ, เตน นิสฺสคฺคิยํ น โหติ. ‘‘อตฺตนาว ปฏิคฺคหิตตฺตํ สกสนฺตกตฺตฺจา’’ติ อิเมหิ ทฺวีหิ การเณเหว นิสฺสคฺคิยํ โหติ, น เอเกน. อนุปสมฺปนฺนสฺส นิรเปกฺขทาเน ปน ตทุภยมฺปิ วิชหติ, ปริโภโคเปตฺถ วฏฺฏติ, น สาเปกฺขทาเน ทานลกฺขณาภาวโต. ‘‘วิสฺสชฺชตี’’ติ เอตสฺมิฺจ ปาฬิปเท กสฺสจิ อทตฺวา อนเปกฺขตาย ฉฑฺฑนมฺปิ สงฺคหิตนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘อนเปกฺขา ทตฺวา’’ติ อิทฺจ ปฏิคฺคหณวิชหนวิธิทสฺสนตฺถเมว วุตฺตํ. ปฏิคฺคหเณ หิ วิชหิเต ปุน ปฏิคฺคเหตฺวา ปริโภโค สยเมว วฏฺฏิสฺสติ, ตพฺพิชหนฺจ วตฺถุโน สกสนฺตกตาปริจฺจาเคน โหตีติ. เอเตน จ วตฺถุมฺหิ อชฺโฌหรณาเปกฺขาย สติ ปฏิคฺคหณวิสฺสชฺชนํ นาม วิสุํ น ลพฺภตีติ สิชฺฌติ. อิตรถา หิ ‘‘ปฏิคฺคหเณ อนเปกฺโขว ปฏิคฺคหณํ วิสฺสชฺเชตฺวา ปุน ปฏิคฺคเหตฺวา ภุฺชตี’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา, ‘‘อปฺปฏิคฺคหิตตฺตา’’ติ อิมินา เอกสฺส สนฺตกํ อฺเน ปฏิคฺคหิตมฺปิ นิสฺสคฺคิยํ โหตีติ ทสฺเสติ. เอวนฺติ ‘‘ปุน คเหสฺสามี’’ติ อเปกฺขํ อกตฺวา สุทฺธจิตฺเตน ปริจตฺตตํ ปรามสติ. ปริภุฺชนฺตสฺส อนาปตฺติทสฺสนตฺถนฺติ นิสฺสคฺคิยมูลิกาหิ ปาจิตฺติยาทิอาปตฺตีหิ อนาปตฺติทสฺสนตฺถนฺติ อธิปฺปาโย. ปริโภเค อนาปตฺติทสฺสนตฺถนฺติ เอตฺถ ปน นิสฺสฏฺปฏิลาภสฺส กายิกปริโภคาทีสุ ยา ทุกฺกฏาปตฺติ วุตฺตา, ตาย อนาปตฺติทสฺสนตฺถนฺติ อธิปฺปาโย.

๑๐๐. เอวํ จตุกาลิกปจฺจยํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เตสุ วิเสสลกฺขณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิเมสุ ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อกปฺปิยภูมิยํ สหเสยฺยาปโหนเก เคเห วุตฺตํ สงฺฆิกํ วา ปุคฺคลิกํ วา ภิกฺขุสฺส, ภิกฺขุนิยา วา สนฺตกํ ยาวกาลิกํ ยามกาลิกฺจ เอกรตฺตมฺปิ ปิตํ อนฺโตวุตฺถํ นาม โหติ, ตตฺถ ปกฺกฺจ อนฺโตปกฺกํ นาม โหติ. สตฺตาหกาลิกํ ปน ยาวชีวิกฺจ วฏฺฏติ. ปฏิคฺคเหตฺวา เอกรตฺตํ วีตินามิตํ ปน ยํ กิฺจิ ยาวกาลิกํ วา ยามกาลิกํ วา อชฺโฌหริตุกามตาย คณฺหนฺตสฺส ปริคฺคหเณ ตาว ทุกฺกฏํ, อชฺโฌหรโต ปน เอกเมกสฺมึ อชฺโฌหาเร สนฺนิธิปจฺจยา ปาจิตฺติยํ โหตีติ อตฺโถ. อิทานิ อฺมฺปิ วิเสสลกฺขณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยาวกาลิกํ ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สมฺภินฺนรสานีติ สํสฏฺรสานิ. ทีฆกาลานิ วตฺถูนิ รสฺสกาเลน สํสฏฺานิ รสฺสกาลเมว อนุวตฺตนฺตีติ อาห ‘‘ยาวกาลิกํ ปน…เป… ตีณิปิ ยามกาลิกาทีนี’’ติ. อิตเรสุปิ เอเสว นโย. ตสฺมาติอาทีสุ ตทหุปุเรภตฺตเมว วฏฺฏติ, น ตทหุปจฺฉาภตฺตํ, น รตฺติยํ, น ทุติยทิวสาทีสูติ อตฺโถ.

กสฺมาติ เจ? ตทหุปฏิคฺคหิเตน ยาวกาลิเกน สํสฏฺตฺตาติ. เอตฺถ จ ‘‘ยาวกาลิเกน สํสฏฺตฺตา’’ติ เอตฺตกเมว อวตฺวา ‘‘ตทหุปฏิคฺคหิเตนา’’ติ วิเสสนสฺส วุตฺตตฺตา ปุเรปฏิคฺคหิตยาวกาลิเกน สํสฏฺเ สติ ตทหุปุเรภตฺตมฺปิ น วฏฺฏติ, อนชฺโฌหรณียํ โหตีติ วิฺายติ. ‘‘สมฺภินฺนรส’’นฺติ อิมินา สเจปิ สํสฏฺํ, อสมฺภินฺนรสํ เสสกาลิกตฺตยํ อตฺตโน อตฺตโน กาเล วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ . ยามกาลิเกนาติ เอตฺถ ‘‘ตทหุปฏิคฺคหิเตนา’’ติ ตติยนฺตวิเสสนปทํ อชฺฌาหริตพฺพํ, ปุพฺพวากฺยโต วา อนุวตฺเตตพฺพํ. ตสฺส ผลํ วุตฺตนยเมว.

โปตฺถเกสุ ปน ‘‘ยามกาลิเกน สํสฏฺํ ปน อิตรทฺวยํ ตทหุปฏิคฺคหิต’’นฺติ ทิสฺสติ, ตํ น สุนฺทรํ. ยตฺถ นตฺถิ, ตเมว สุนฺทรํ, กสฺมา? ทุติยนฺตฺหิ วิเสสนปทํ อิตรทฺวยํ วิเสเสติ. ตโต ตทหุปฏิคฺคหิตเมว สตฺตาหกาลิกํ ยาวชีวิกฺจ ยามกาลิเกน สํสฏฺเ สติ ยาว อรุณุคฺคมนา วฏฺฏติ, น ปุเรปฏิคฺคหิตานีติ อตฺโถ ภเวยฺย, โส น ยุตฺโต. กสฺมา? สตฺตาหกาลิกยาวชีวิกานํ อสนฺนิธิชนกตฺตา, ‘‘ทีฆกาลิกานิ รสฺสกาลิกํ อนุวตฺตนฺตี’’ติ อิมินา ลกฺขเณน วิรุทฺธตฺตา จ, ตสฺมา ตทหุปฏิคฺคหิตํ วา โหตุ ปุเรปฏิคฺคหิตํ วา, สตฺตาหกาลิกํ ยาวชีวิกฺจ ตทหุปฏิคฺคหิเตน ยามกาลิเกน สํสฏฺตฺตา ยาว อรุณุคฺคมนา วฏฺฏตีติ อตฺโถ ยุตฺโต, เอวฺจ อุปริ วกฺขมาเนน ‘‘สตฺตาหกาลิเกน ปน ตทหุปฏิคฺคหิเตน สทฺธึ สํสฏฺํ ตทหุปฏิคฺคหิตํ วา ปุเรปฏิคฺคหิตํ วา ยาวชีวิกํ สตฺตาหํ กปฺปตี’’ติ วจเนน สมํ ภเวยฺย.

อปิจ ‘‘ยามกาลิเกน สํสฏฺํ ปน อิตรทฺวยํ ตทหุ ยาว อรุณุคฺคมนา วฏฺฏตี’’ติ ปุพฺพปาเน ภวิตพฺพํ, ตํ เลขเกหิ อฺเสุ ปาเสุ ‘‘ตทหุปฏิคฺคหิต’’นฺติ วิชฺชมานํ ทิสฺวา, อิธ ตทหุปทโต ปฏิคฺคหิตปทํ คฬิตนฺติ มฺมาเนหิ ปกฺขิปิตฺวา ลิขิตํ ภเวยฺย, ‘‘ตทหู’’ติ อิทํ ปน ‘‘ยาว อรุณุคฺคมนา’’ติ ปทํ วิเสเสติ, เตน ยาว ตทหุอรุณุคฺคมนา วฏฺฏติ, น ทุติยาหาทิอรุณุคฺคมนาติ อตฺถํ ทสฺเสติ. เตเนว อุปริปาเปิ ‘‘สตฺตาหกาลิเกน ปน ตทหุปฏิคฺคหิเตนา’’ติ รสฺสกาลิกตฺถปเทน ตุลฺยาธิกรณํ วิเสสนปทํ ตเมว วิเสเสติ, น ทีฆกาลิกตฺถํ ยาวชีวิกปทํ , ตสฺมา ‘‘ตทหุปฏิคฺคหิเตน สตฺตาหกาลิเกน สํสฏฺํ ตทหุปฏิคฺคหิตํ วา ปุเรปฏิคฺคหิตํ วา ยาวชีวิกํ สตฺตาหํ กปฺปตี’’ติ วุตฺตํ.

ทฺวีหปฏิคฺคหิเตนาติอาทีสุปิ ‘‘ทฺวีหปฏิคฺคหิเตน สตฺตาหกาลิเกน สํสฏฺํ ตทหุปฏิคฺคหิตํ วา ปุเรปฏิคฺคหิตํ วา ยาวชีวิกํ ฉาหํ วฏฺฏติ, ตีหปฏิคฺคหิเตน สตฺตาหกาลิเกน สํสฏฺํ ตทหุปฏิคฺคหิตํ วา ปุเรปฏิคฺคหิตํ วา ยาวชีวิกํ ปฺจาหํ วฏฺฏติ, จตูหปฏิคฺคหิเตน สตฺตาหกาลิเกน สํสฏฺํ ตทหุปฏิคฺคหิตํ วา ปุเรปฏิคฺคหิตํ วา ยาวชีวิกํ จตุราหํ วฏฺฏติ, ปฺจาหปฏิคฺคหิเตน สตฺตาหกาลิเกน สํสฏฺํ ตทหุปฏิคฺคหิตํ วา ปุเรปฏิคฺคหิตํ วา ยาวชีวิกํ ตีหํ วฏฺฏติ, ฉาหปฏิคฺคหิเตน สตฺตาหกาลิเกน สํสฏฺํ ตทหุปฏิคฺคหิตํ วา ปุเรปฏิคฺคหิตํ วา ยาวชีวิกํ ทฺวีหํ วฏฺฏติ, สตฺตาหปฏิคฺคหิเตน สตฺตาหกาลิเกน สํสฏฺํ ตทหุปฏิคฺคหิตํ วา ปุเรปฏิคฺคหิตํ วา ยาวชีวิกํ ตทเหว วฏฺฏตี’’ติ เอวํ สตฺตาหกาลิกสฺเสว อตีตทิวสํ ปริหาเปตฺวา เสสทิวสวเสน โยเชตพฺพํ, น ยาวชีวิกสฺส. น หิ ยาวชีวิกสฺส หาเปตพฺโพ อตีตทิวโส นาม อตฺถิ สติ ปจฺจเย ยาวชีวํ ปริภุฺชิตพฺพโต. เตนาห ‘‘สตฺตาหกาลิกมฺปิ อตฺตนา สทฺธึ สํสฏฺํ ยาวชีวิกํ อตฺตโน สภาวฺเว อุปเนตี’’ติ. เกสุจิ โปตฺถเกสุ ‘‘ยามกาลิเกน สํสฏฺํ ปน อิตรทฺวยํ ตทหุปฏิคฺคหิต’’นฺติ ลิขิตํ ปาํ นิสฺสาย อิมสฺมิมฺปิ ปาเ ‘‘ตทหุปฏิคฺคหิตนฺติ อิทเมว อิจฺฉิตพฺพ’นฺติ มฺมานา ‘‘ปุเรปฏิคฺคหิต’’นฺติ ปาํ ปฏิกฺขิปนฺติ. เกสุจิ ‘‘ปุเรภตฺตํ ปฏิคฺคหิตํ วา’’ติ ลิขนฺติ, ตํ สพฺพํ ยถาวุตฺตนยํ อมนสิกโรนฺตา วิพฺภนฺตจิตฺตา เอวํ กโรนฺตีติ ทฏฺพฺพํ.

อิเมสุ จตูสุ กาลิเกสุ ยาวกาลิกํ มชฺฌนฺหิกกาลาติกฺกเม, ยามกาลิกํ ปจฺฉิมยามาติกฺกเม, สตฺตาหกาลิกํ สตฺตาหาติกฺกเม ปริภุฺชนฺตสฺส อาปตฺตีติ วุตฺตํ. กตรสิกฺขาปเทน อาปตฺติ โหตีติ ปุจฺฉายมาห ‘‘กาลยาม’’อิจฺจาทิ. ตสฺสตฺโถ – ยาวกาลิกํ กาลาติกฺกเม ปริภุฺชนฺตสฺส ‘‘โย ปน ภิกฺขุ วิกาเล ขาทนียํ วา โภชนียํ วา ขาเทยฺย วา ภุฺเชยฺย วา, ปาจิตฺติย’’นฺติ อิมินา วิกาเลโภชนสิกฺขาปเทน (ปาจิ. ๒๔๘) อาปตฺติ โหติ. ยามกาลิกํ ยามาติกฺกเม ปริภุฺชนฺตสฺส ‘‘โย ปน ภิกฺขุ สนฺนิธิการกํ ขาทนียํ วา โภชนียํ วา ขาเทยฺย วา ภุฺเชยฺย วา, ปาจิตฺติย’’นฺติ อิมินา สนฺนิธิสิกฺขาปเทน (ปาจิ. ๒๕๓) อาปตฺติ โหติ. สตฺตาหกาลิกํ สตฺตาหาติกฺกเม ปริภุฺชนฺตสฺส ‘‘ยานิ โข ปน ตานิ คิลานานํ ภิกฺขูนํ ปฏิสายนียานิ เภสชฺชานิ, เสยฺยถิทํ, สปฺปิ นวนีตํ เตลํ มธุ ผาณิตํ, ตานิ ปฏิคฺคเหตฺวา สตฺตาหปรมํ สนฺนิธิการกํ ปริภุฺชิตพฺพานิ, ตํ อติกฺกามยโต นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติย’’นฺติ อิมินา เภสชฺชสิกฺขาปเทน (ปารา. ๖๒๒) อาปตฺติ โหตีติ.

อิมานิ จตฺตาริ กาลิกานิ เอกโต สํสฏฺานิ สมฺภินฺนรสานิ ปุริมปุริมกาลิกสฺส กาลวเสน ปริภุฺชิตพฺพานีติ วุตฺตํ. อสมฺภินฺนรสานิ เจ โหนฺติ, กถํ ปริภุฺชิตพฺพานีติ อาห ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิ. ตสฺสตฺโถ สุวิฺเยฺโยว.

อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร

จตุกาลิกวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม

อฏฺารสโม ปริจฺเฉโท.