📜
๒. ปริกฺขารวินิจฺฉยกถา
๖. เอวํ ทิวาเสยฺยวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ ปริกฺขารวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘ปริกฺขาโรติ สมณปริกฺขาโร’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ทิวาเสยฺยวินิจฺฉยกถาย อาทิมฺหิ วุตฺตํ ‘‘ตตฺถา’’ติ ปทํ อาเนตฺวา ตตฺถ เตสุ มาติกาปเทสุ สมภินิวิฏฺสฺส ‘‘ปริกฺขาโร’’ติ ปทสฺส ‘‘สมณปริกฺขาโร’’ติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพติ โยชนา, เอส นโย อิโต ปเรปิ. สมณปริกฺขาโร วุตฺโต, น คิหิปริกฺขาโรติ อธิปฺปาโย. ปริสมนฺตโต กริยเตติ ปริกฺขาโร, ฉตฺตาทิโก. ตตฺราติ สมณปริกฺขาเร. กปฺปตีติ กปฺปิโย, น กปฺปิโย อกปฺปิโย, กปฺปิโย จ อกปฺปิโย จ กปฺปิยากปฺปิโย, สมาหารทฺวนฺเทปิ ปุลฺลิงฺคมิจฺฉนฺติ ปณฺฑิตา. กปฺปิยากปฺปิโย ¶ จ โส ปริกฺขาโร เจติ ตถา, ตสฺส วินิจฺฉโย กปฺปิยากปฺปิยปริกฺขารวินิจฺฉโย.
เกจิ ตาลปณฺณจฺฉตฺตนฺติ อิทํ อุปลกฺขณมตฺตํ. สพฺพมฺปิ หิ ฉตฺตํ ตถากริยมานํ น วฏฺฏติ. เตเนวาห วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๘๕) ‘‘สพฺพปริกฺขาเรสุ วณฺณมฏฺวิการํ กโรนฺตสฺส ทุกฺกฏนฺติ ทีเปนฺเตน น วฏฺฏตีติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติ. น วณฺณมฏฺตฺถายาติ อิมินา ถิรกรณตฺถํ เอกวณฺณสุตฺเตน วินนฺธิยมานํ ยทิ วณฺณมฏฺํ โหติ, ตตฺถ น โทโสติ ทสฺเสติ. อารคฺเคนาติ นิขาทนมุเขน. ยทิ น วฏฺฏติ, ตาทิสํ ฉตฺตทณฺฑํ ลภิตฺวา กึ กาตพฺพนฺติ อาห ‘‘ฆฏกํ วา’’ติอาทิ. สุตฺตเกน วา ทณฺโฑ เวเตพฺโพติ ยถา เลขา น ปฺายติ, ตถา เวเตพฺโพ. ทณฺฑพุนฺเทติ ทณฺฑมูเล, ฉตฺตทณฺฑสฺส เหฏฺิมโกฏิยนฺติ อตฺโถ. ฉตฺตมณฺฑลิกนฺติ ฉตฺตสฺส อนฺโต ขุทฺทกมณฺฑลํ, ฉตฺตปฺชเร มณฺฑลากาเรน พทฺธทณฺฑวลยํ ¶ วา. อุกฺกิริตฺวาติ นินฺนํ, อุนฺนตํ วา กตฺวา อุฏฺาเปตฺวา. สา วฏฺฏตีติ สา เลขา รชฺชุเกหิ พนฺธนฺตุ วา มา วา, พนฺธิตุํ ยุตฺตฏฺานตฺตา วฏฺฏติ. เตน วุตฺตํ อาจริยพุทฺธทตฺตมหาเถเรน –
‘‘ฉตฺตํ ปณฺณมยํ กิฺจิ, พหิ อนฺโต จ สพฺพโส;
ปฺจวณฺเณน สุตฺเตน, สิพฺพิตุํ น จ วฏฺฏติ.
‘‘ฉินฺทิตุํ อฑฺฒจนฺทํ วา, ปณฺเณ มกรทนฺตกํ;
ฆฏกํ วาฬรูปํ วา, เลขา ทณฺเฑ น วฏฺฏติ.
‘‘สิพฺพิตุํ เอกวณฺเณน, ฉตฺตํ สุตฺเตน วฏฺฏติ;
ถิรตฺถํ ปฺจวณฺเณน, ปฺชรํ วา วินนฺธิตุํ.
‘‘ฆฏกํ วาฬรูปํ วา, เลขา วา ปน เกวลา;
ฉินฺทิตฺวา วาปิ ฆํสิตฺวา, ธาเรตุํ ปน วฏฺฏติ.
‘‘อหิจฺฉตฺตกสณฺานํ ¶ , ทณฺฑพุนฺทมฺหิ วฏฺฏติ;
อุกฺกิริตฺวา กตา เลขา, พนฺธนตฺถาย วฏฺฏตี’’ติ.
ตสฺส วณฺณนายมฺปิ ฉตฺตํ ปณฺณมยํ กิฺจีติ ตาลปณฺณาทิปณฺณจฺฉทนํ ยํ กิฺจิ ฉตฺตํ. พหีติ อุปริ. อนฺโตติ เหฏฺา. สิพฺพิตุนฺติ รูปํ ทสฺเสตฺวา สูจิกมฺมํ กาตุํ. ปณฺเณติ ฉทนปณฺเณ. อฑฺฒจนฺทนฺติ อฑฺฒจนฺทาการํ. มกรทนฺตกนฺติ มกรทนฺตาการํ, ยํ ‘‘คิริกูฏ’’นฺติ วุจฺจติ. ฉินฺทิตุํ น วฏฺฏตีติ สมฺพนฺโธ. มุขวฏฺฏิยา นาเมตฺวา พทฺธปณฺณโกฏิยา วา มตฺถกมณฺฑลโกฏิยา วา คิริกูฏาทึ กโรนฺติ, อิมินา ตํ ปฏิกฺขิตฺตํ. ทณฺเฑติ ฉตฺตทณฺเฑ. ฆฏกนฺติ ฆฏากาโร. วาฬรูปํ วาติ พฺยคฺฆาทิวาฬานํ รูปกํ วา. เลขาติ อุกฺกิริตฺวา วา ฉินฺทิตฺวา วา จิตฺตกมฺมวเสน วา กตราชิ. ปฺจวณฺณานํ สุตฺตานํ อนฺตเร นีลาทิเอกวณฺเณน สุตฺเตน ถิรตฺถํ ฉตฺตํ อนฺโต จ พหิ จ สิพฺพิตุํ วา ฉตฺตทณฺฑคฺคาหกสลากปฺชรํ ถิรตฺถํ วินนฺธิตุํ วา วฏฺฏตีติ โยชนา. ปฺจวณฺณานํ เอกวณฺเณน ถิรตฺถนฺติ อิมินา อเนกวณฺเณหิ สุตฺเตหิ ¶ วณฺณมฏฺตฺถาย สิพฺพิตฺุจ วินนฺธิตฺุจ น วฏฺฏตีติ ทีเปติ. โปตฺถเกสุ ปน ‘‘ปฺจวณฺเณนา’’ติ ปาโ ทิสฺสติ, ตสฺส เอกวณฺเณน ปฺจวณฺเณน วา สุตฺเตน ถิรตฺถํ สิพฺพิตุํ วินนฺธิตุํ วา วฏฺฏตีติ โยชนา กาตพฺพา โหติ.
เอตฺถ จ เหฏฺา วุตฺเตน ‘‘ปฺจวณฺเณน สุตฺเตน สิพฺพิตุํ น จ วฏฺฏตี’’ติ ปาเน จ ‘‘เกจิ ตาลปณฺณจฺฉตฺตํ อนฺโต วา พหิ วา ปฺจวณฺเณน สุตฺเตน สิพฺเพตฺวา วณฺณมฏฺํ กโรนฺติ, ตํ น วฏฺฏติ, เอกวณฺเณ ปน นีเลน วา ปีตเกน วา เยน เกนจิ สุตฺเตน อนฺโต วา พหิ วา สิพฺพิตุํ, ฉตฺตทณฺฑคฺคาหกํ สลากปฺชรํ วา วินนฺธิตุํ วฏฺฏติ, ตฺจ โข ถิรกรณตฺถํ, น วณฺณมฏฺตฺถายา’’ติ อฏฺกถาปาเน จ วิรุชฺฌติ, ตสฺมา โส น คเหตพฺโพ.
เลขา ¶ วา ปน เกวลาติ ยถาวุตฺตปฺปการา สกลา เลขา วา. ฉินฺทิตฺวาติ อุกฺกิริตฺวา กตํ ฉินฺทิตฺวา. ฆํสิตฺวาติ จิตฺตกมฺมาทิวเสน กตํ ฆํสิตฺวา. ทณฺฑพุนฺทมฺหีติ ฉตฺตทณฺฑสฺส ปฺชเร คาหณตฺถาย ผาลิตพุนฺทมฺหิ, มูเลติ อตฺโถ. อยเมตฺถ นิสฺสนฺเทเห วุตฺตนโย. ขุทฺทสิกฺขาคณฺิปเท ปน ‘‘ฉตฺตปิณฺฑิยา มูเล’’ติ วุตฺตํ. อหิจฺฉตฺตกสณฺานนฺติ ผุลฺลอหิจฺฉตฺตกาการํ. รชฺชุเกหิ คาหาเปตฺวา ทณฺเฑ พนฺธนฺติ, ตสฺมึ พนฺธนฏฺาเน วลยมิว อุกฺกิริตฺวาติ วลยํ วิย อุปฏฺาเปตฺวา. พนฺธนตฺถายาติ วาเตน ยถา น จลติ, เอวํ รชฺชูหิ ทณฺเฑ ปฺชรสฺส พนฺธนตฺถาย. อุกฺกิริตฺวา กตา เลขา วฏฺฏตีติ โยชนา. ยถา วาตปฺปหาเรน อจลนตฺถํ ฉตฺตมณฺฑลิกํ รชฺชุเกหิ คาหาเปตฺวา ทณฺเฑ พนฺธนฺติ, ตสฺมึ พนฺธนฏฺาเน วลยมิว อุกฺกิริตฺวา เลขํ เปนฺติ, สา วฏฺฏตีติ. สเจปิ น พนฺธติ, พนฺธนารหฏฺานตฺตา วลยํ อุกฺกิริตฺวา วฏฺฏตีติ คณฺิปเท วตฺตนฺตีติ อาคตํ, ตสฺมา ปกฺขรเณสุ อาคตนเยเนว ฉตฺเต ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ.
๗. จีวเร ปน นานาสุตฺตเกหีติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๘๕; วิ. วิ. ฏี. ๑.๘๕) นานาวณฺเณหิ สุตฺเตหิ. อิทฺจ ตถา กโรนฺตานํ วเสน วุตฺตํ, เอกวณฺณสุตฺตเกนปิ น วฏฺฏติเยว. ‘‘ปกติสูจิกมฺมเมว วฏฺฏตี’’ติ หิ วุตฺตํ. ปฏฺฏมุเขติ ทฺวินฺนํ ปฏฺฏานํ สงฺฆฏิตฏฺานํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. ปริยนฺเตติ จีวรปริยนฺเต. อนุวาตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. เวณีติ วรกสีสากาเรน สิพฺพนํ. สงฺขลิกนฺติ ทฺวิคุณสงฺขลิกากาเรน สิพฺพนํ, พิฬาลสงฺขลิกากาเรน สิพฺพนํ วา. เวณึ วา สงฺขลิกํ วา กโรนฺตีติ กรณกิริยาย สมฺพนฺโธ. อคฺฆิยํ นาม เจติยสณฺานํ ¶ , ยํ ‘‘อคฺฆิยตฺถมฺโภ’’ติ วทนฺติ. คยา นาม มูเล ตนุกํ อคฺเค มหนฺตํ กตฺวา คทากาเรน สิพฺพนํ. มุคฺคโร นาม มูเล จ อคฺเค จ เอกสทิสํ กตฺวา มุคฺครากาเรน สิพฺพนํ. กกฺกฏกฺขีนิ อุกฺกิรนฺตีติ ¶ คณฺิกปฏฺฏปาสกปฏฺฏานํ อนฺเต ปาฬิพทฺธํ กตฺวา กกฺกฏกานํ อกฺขิสณฺานํ ปฏฺเปนฺติ, กโรนฺตีติ อตฺโถ. ‘‘โกณสุตฺตปิฬกาติ คณฺิกปาสกปฏฺฏานํ โกเณหิ นีหฏสุตฺตานํ โกฏิโย’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. กถํ ปน ตา ปิฬกา ทุวิฺเยฺยรูปา กาตพฺพาติ? โกเณหิ นีหฏสุตฺตานํ อนฺเตสุ เอกวารํ คณฺิกกรเณน วา ปุน นิวตฺเตตฺวา สิพฺพเนน วา ทุวิฺเยฺยสภาวํ กตฺวา สุตฺตโกฏิโย รสฺสํ กตฺวา ฉินฺทิตพฺพา. ธมฺมสิริตฺเถเรน ปน ‘‘โกณสุตฺตา จ ปิฬกา, ทุวิฺเยฺยาว กปฺปเร’’ติ วุตฺตํ, ตถา อาจริยพุทฺธทตฺตตฺเถเรนปิ ‘‘สุตฺตา จ ปิฬกา ตตฺถ, ทุวิฺเยฺยาว ทีปิตา’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา เตสํ มเตน โกณสุตฺตา จ ปิฬกา จ โกณสุตฺตปิฬกาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
วิมติวิโนทนิยมฺปิ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๘๕) โกณสุตฺตปิฬกาติ คณฺิกปาสกปฏฺฏานํ โกเณหิ พหิ นิคฺคตสุตฺตานํ ปิฬกากาเรน ปิตโกฏิโยติ เกจิ วทนฺติ, เต ปิฬเก ฉินฺทิตฺวา ทุวิฺเยฺยา กาตพฺพาติ เตสํ อธิปฺปาโย. เกจิ ปน ‘‘โกณสุตฺตา จ ปิฬกา จาติ ทฺเวเยวา’’ติ วทนฺติ, เตสํ มเตน คณฺิกปาสกปฏฺฏานํ โกณโต โกณํ นีหฏสุตฺตา โกณสุตฺตา นาม. สมนฺตโต ปน ปริยนฺเตน คตา จตุรสฺสสุตฺตา ปิฬกา นาม. ตํ ทุวิธมฺปิ เกจิ จีวรโต วิสุํ ปฺานตฺถาย วิการยุตฺตํ กโรนฺติ, ตํ นิเสธาย ‘‘ทุวิฺเยฺยรูปา วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ, น ปน สพฺพถา อจกฺขุโคจรภาเวน สิพฺพนตฺถาย ตถาสิพฺพนสฺส อสกฺกุเณยฺยตฺตา, ยถา ปกติจีวรโต วิกาโร น ปฺายติ, เอวํ สิพฺพิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. รชนกมฺมโต ปุพฺเพ ปฺายมาโนปิ วิเสโส จีวเร รตฺเต เอกวณฺณโต น ปฺายตีติ อาห ‘‘จีวเร รตฺเต’’ติ.
๘. มณินาติ ¶ นีลมณิอาทิปาสาเณน, อํสพทฺธกกายพนฺธนาทิกํ อจีวรตฺตา สงฺขาทีหิ ฆํสิตุํ วฏฺฏตีติ วทนฺติ. กณฺณสุตฺตกนฺติ จีวรสฺส ทีฆโต ติริยฺจ สิพฺพิตานํ จตูสุ กณฺเณสุ โกเณสุ จ นิกฺขนฺตานํ สุตฺตสีสานเมตํ นามํ, ตํ ฉินฺทิตฺวาว ปารุปิตพฺพํ. เตนาห ‘‘รชิตกาเล ฉินฺทิตพฺพ’’นฺติ. ภควตา อนฺุาตํ เอกํ กณฺณสุตฺตมฺปิ อตฺถิ, ตํ ปน นาเมน สทิสมฺปิ อิโต อฺเมวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ลคฺคนตฺถายาติ จีวรรชฺชุยํ ¶ จีวรพนฺธนตฺถาย. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๘๕) เอตฺตกเมว วุตฺตํ.
สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๘๕) ปน ‘‘ปาสกํ กตฺวา พนฺธิตพฺพนฺติ รชนกาเล พนฺธิตพฺพํ, เสสกาเล โมเจตฺวา เปตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. วินยสงฺคหปฺปกรณสฺส โปราณฏีกายมฺปิ อิทเมว คเหตฺวา วุตฺตํ, ตํ ปน จีวรกฺขนฺธเก (มหาว. ๓๔๔) ‘‘มชฺเฌน ลคฺเคนฺติ, อุภโต คลติ, ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, กณฺเณ พนฺธิตุนฺติ. กณฺโณ ชีรติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, กณฺณสุตฺตก’’นฺติ เอวํ อนฺุาตจีวรรชฺชุยํ รชิตฺวา ปสาริตจีวรสฺส โอลมฺพกสุตฺตํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
คณฺิเกติ จีวรปารุปนกาเล ปาสเก ลคฺคาปนตฺถํ กเต ทนฺตาทิมเย คณฺิเก. ปิฬกาติ พินฺทุํ พินฺทุํ กตฺวา อุฏฺาเปตพฺพปิฬกา. วุตฺตฺเหตํ วินยวินิจฺฉยปฺปกรเณ –
‘‘นานาวณฺเณหิ สุตฺเตหิ, มณฺฑนตฺถาย จีวรํ;
สมํ สตปทาทีนํ, สิพฺพิตุํ น จ วฏฺฏติ.
‘‘ปตฺตสฺส ปริยนฺเต วา, ตถา ปตฺตมุเขปิ จ;
เวณึ สงฺขลิกํ วาปิ, กโรโต โหติ ทุกฺกฏํ.
‘‘ปฏฺฏมฺปิ ¶ คณฺิปาสานํ, อฏฺโกณาทิกํ วิธึ;
ตตฺถคฺฆิยคทารูปํ, มุคฺคราทึ กโรนฺติ จ.
‘‘ตตฺถ กกฺกฏกกฺขีนิ, อุฏฺาเปนฺติ น วฏฺฏติ;
สุตฺตา จ ปิฬกา ตตฺถ, ทุวิฺเยฺยาว ทีปิตา.
‘‘จตุโกณาว วฏฺฏนฺติ, คณฺิปาสกปฏฺฏกา;
กณฺณโกเณสุ สุตฺตานิ, รตฺเต ฉินฺเทยฺย จีวเร.
‘‘สูจิกมฺมวิการํ ¶ วา, อฺํ วา ปน กิฺจิปิ;
จีวเร ภิกฺขุนา กาตุํ, การาเปตุํ น วฏฺฏติ.
‘‘โย จ ปกฺขิปติ ภิกฺขุ จีวรํ,
กฺชิปิฏฺขลิอลฺลิกาทิสุ;
วณฺณมฏฺมภิปตฺถยํ ปรํ;
ตสฺส นตฺถิ ปน มุตฺติ ทุกฺกฏา.
‘‘สูจิหตฺถมลาทีนํ, กรเณ จีวรสฺส จ;
ตถา กิลิฏฺกาเล จ, โธวนตฺถํ ตุ วฏฺฏติ.
‘‘รชเน ปน คนฺธํ วา, เตลํ วา ลาขเมว วา;
กิฺจิ ปกฺขิปิตุํ ตตฺถ, ภิกฺขุโน น จ วฏฺฏติ.
‘‘สงฺเขน มณินา วาปิ, อฺเนปิ จ เกนจิ;
จีวรํ น จ ฆฏฺเฏยฺย, ฆํสิตพฺพํ น โทณิยา.
‘‘จีวรํ โทณิยํ กตฺวา, นาติฆฏฺเฏยฺย มุฏฺินา;
รตฺตํ ปหริตุํ กิฺจิ, หตฺเถเหว จ วฏฺฏติ.
‘‘คณฺิเก ปน เลขา วา, ปิฬกา วา น วฏฺฏติ;
กปฺปพินฺทุวิกาโร วา, ปาฬิกณฺณิกเภทโต’’ติ.
วินยสารตฺถสนฺทีปนิยมฺปิ สมํ สตปทาทีนนฺติ สตปทาทีหิ สทิสํ. ตุลฺยตฺเถ กรณวจนปฺปสงฺเค สามิวจนํ. ปฏฺฏสฺส ปริยนฺเต วาติ อนุวาตสฺส อุภยปริยนฺเต วา. ปฏฺฏมุเขปิ วาติ ทฺวินฺนํ อายามวิตฺถารปฏฺฏานํ สงฺฆฏิตฏฺาเน, กณฺเณปิ วา เอกสฺเสว วา ปฏฺฏสฺส อูนปูรณตฺถํ ฆฏิตฏฺาเนปิ วา ¶ . เวณีติ กุทฺรูสสีสากาเรน สิพฺพนํ. เกจิ ‘‘วรกสีสากาเรนา’’ติ ¶ วทนฺติ. สงฺขลิกนฺติ พิฬาลทามสทิสสิพฺพนํ. เกจิ ‘‘สตปทิสทิส’’นฺติ วทนฺติ.
ปฏฺฏมฺปีติ ปตฺตมฺปิ. อฏฺโกณาทิโก วิธิ ปกาโร เอตสฺสาติ อฏฺโกณาทิกวิธิ, ตํ. อฏฺโกณาทิกนฺติ วา คาถาพนฺธวเสน นิคฺคหิตาคโม. ‘‘อฏฺโกณาทิกํ วิธิ’’นฺติ เอตํ ‘‘ปฏฺฏ’’นฺติ เอตสฺส สมานาธิกรณวิเสสนํ, กิริยาวิเสสนํ วา. ‘‘กโรนฺตี’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. อถ วา ปฏฺฏนฺติ เอตฺถ ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนํ, ปฏฺเฏติ อตฺโถ. อิมสฺมึ ปกฺเข อฏฺโกณาทิกนฺติ อุปโยควจนํ. วิธินฺติ เอตสฺส วิเสสนํ. อิธ วกฺขมานจตุโกณสณฺานโต อฺํ อฏฺโกณาทิกํ นาม. ตตฺถาติ ตสฺมึ ปฏฺฏทฺวเย. อคฺฆิยคทารูปนฺติ อคฺฆิยสณฺานฺเจว คทาสณฺานฺจ สิพฺพนํ. มุคฺครนฺติ ลคุฬสณฺานสิพฺพนํ. อาทิ-สทฺเทน เจติยาทิสณฺานานํ คหณํ.
ตตฺถาติ ปฏฺฏทฺวเย ตสฺมึ าเน. กกฺกฏกกฺขีนีติ กุฬีรกจฺฉิสทิสานิ สิพฺพนวิการานิ. อุฏฺาเปนฺตีติ กโรนฺติ. ตตฺถาติ ตสฺมึ คณฺิกปาสกปฏฺฏเก. สุตฺตาติ โกณโต โกณํ สิพฺพิตสุตฺตา เจว จตุรสฺเส สิพฺพิตสุตฺตา จ. ปิฬกาติ เตสเมว สุตฺตานํ นิวตฺเตตฺวา สิพฺพิตโกฏิโย จ. ทุวิฺเยฺยาวาติ รชนกาเล ทุวิฺเยฺยรูปา อโนฬาริกา ทีปิตา วฏฺฏนฺตีติ. ยถาห ‘‘โกณสุตฺตปิฬกา จ จีวเร รตฺเต ทุวิฺเยฺยรูปา วฏฺฏนฺตี’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๘๕).
คณฺิกปฏฺฏิกา ปาสปฏฺฏิกาติ โยชนา. กณฺณโกเณสุ สุตฺตานีติ จีวรกณฺเณ สุตฺตา เจว ปาสกปฏฺฏานํ โกเณสุ สุตฺตานิ จ อจฺฉินฺทติ. เอตฺถ จ จีวเร อายามโต วิตฺถารโต จ สิพฺพิตฺวา อนุวาตโต พหิ นิกฺขมิตสุตฺตํ จีวรํ รชิตฺวา สุกฺขาปนกาเล รชฺชุยา วา จีวรวํเส วา ¶ พนฺธิตฺวา โอลมฺพิตุํ อนุวาเต พนฺธสุตฺตานิ จ กณฺณสุตฺตานิ นาม. ยถาห ‘‘จีวรสฺส กณฺณสุตฺตกํ น จ วฏฺฏติ, รชิตกาเล ฉินฺทิตพฺพํ, ยํ ปน ‘อนุชานามิ ภิกฺขเว กณฺณสุตฺตก’นฺติ เอวํ อนฺุาตํ, ตํ อนุวาเต ปาสกํ กตฺวา พนฺธิตพฺพํ รชนกาเล ลคฺคนตฺถายา’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๘๕).
สูจิกมฺมวิการํ วาติ จีวรมณฺฑนตฺถาย นานาสุตฺตเกหิ สตปทิสทิสํ สิพฺพนฺตา อาคนฺตุกปฏฺฏํ ¶ เปนฺติ, เอวรูปํ สูจิกมฺมวิการํ วา. อฺํ วา ปน กิฺจิปีติ อฺมฺปิ ยํ กิฺจิ มาลากมฺมมิคปกฺขิปทาทิกํ สิพฺพนวิการํ. กาตุนฺติ สยํ กาตุํ. การาเปตุนฺติ อฺเน วา การาเปตุํ.
โย ภิกฺขุ ปรํ อุตฺตมํ วณฺณมฏฺมภิปตฺถยนฺโต กฺชิกปิฏฺขลิอลฺลิกาทีสุ จีวรํ ปกฺขิปติ, ตสฺส ปน ภิกฺขุโน ทุกฺกฏา โมกฺโข น วิชฺชตีติ โยชนา. กฺชิกนฺติ วายนตนฺตมกฺขนํ กฺชิกสทิสา สุลากฺชิกํ. ปิฏฺนฺติ ตณฺฑุลปิฏฺํ. ตณฺฑุลปิฏฺเหิ ปกฺกา ขลิ. อลฺลิกาติ นิยฺยาโส. อาทิ-สทฺเทน ลาขาทีนํ คหณํ. จีวรสฺส กรเณ กรณกาเล สมุฏฺิตานํ สูจิหตฺถมลาทีนํ กิลิฏฺกาเล โธวนตฺถฺจ กฺชิกปิฏฺขลิอลฺลิกาทีสุ ปกฺขิปติ, วฏฺฏตีติ โยชนา.
ตตฺถาติ เยน กสาเวน จีวรํ รชติ, ตสฺมึ รชเน จีวรสฺส สุคนฺธภาวตฺถาย คนฺธํ วา อุชฺชลภาวตฺถาย เตลํ วา วณฺณตฺถาย ลาขํ วา. กิฺจีติ เอวรูปํ ยํ กิฺจิ. มณินาติ ปาสาเณน. อฺเนปิ จ เกนจีติ เยน อุชฺชลํ โหติ, เอวรูเปน มุคฺคราทินา อฺเนปิ เกนจิ วตฺถุนา. โทณิยาติ รชนมฺพเณ น ฆํสิตพฺพํ หตฺเถน คาหาเปตฺวา น คเหตพฺพํ. รตฺตํ จีวรํ หตฺเถหิ กิฺจิ โถกํ ปหริตุํ วฏฺฏตีติ ¶ โยชนา. ยตฺถ ปกฺกรชนํ ปกฺขิปนฺติ, สา รชนโทณี. ตตฺถ อํสพทฺธกกายพนฺธนาทึ ฆฏฺเฏตุํ วฏฺฏตีติ คณฺิปเท วุตฺตํ.
คณฺิเกติ เวฬุทนฺตวิสาณาทิมยคณฺิเก. เลขา วาติ วฏฺฏาทิเภทา เลขา วา. ปิฬกาติ สาสปพีชสทิสา ขุทฺทกพุพฺพุฬา. ปาฬิกณฺณิกเภทโตติ มณิกาวฬิรูปปุปฺผกณฺณิกรูปเภทโต. ‘‘กปฺปพินฺทุวิกาโร วา น วฏฺฏตีติ โยชนา’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา ตเถว จีวเร ปฏิปชฺชิตพฺพํ.
๙. ปตฺเต วา ถาลเก วาติอาทีสุ ถาลเกติ ตมฺพาทิมเย ปุคฺคลิเก ติวิเธปิ กปฺปิยถาลเก. น วฏฺฏตีติ มณิวณฺณกรณปโยโค น วฏฺฏติ, เตลวณฺณปโยโค ปน วฏฺฏติ. เตลวณฺโณติ สมณสารุปฺปวณฺณํ สนฺธาย วุตฺตํ, มณิวณฺณํ ปน ปตฺตํ อฺเน กตํ ลภิตฺวา ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏตีติ วทนฺติ. ปตฺตมณฺฑเลติ ติปุสีสาทิมเย ปตฺตฏฺปนกมณฺฑเล. ‘‘น ภิกฺขเว วิจิตฺรานิ ปตฺตมณฺฑลานิ ธาเรตพฺพานิ รูปกากิณฺณานิ ภิตฺติกมฺมกตานี’’ติ (จูฬว. ๒๕๓) วุตฺตตฺตา ¶ ‘‘ภิตฺติกมฺมํ น วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, มกรทนฺตกํ ฉินฺทิตุ’’นฺติ (จูฬว. ๒๕๓) วุตฺตตฺตา ‘‘มกรทนฺตกํ ปน วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. เตนาหุ โปราณา –
‘‘ถาลกสฺส จ ปตฺตสฺส, พหิ อนฺโตปิ วา ปน;
อารคฺเคน กตา เลขา, น จ วฏฺฏติ กาจิปิ.
‘‘อาโรเปตฺวา ภมํ ปตฺตํ, มชฺชิตฺวา เจ ปจนฺติ จ;
‘มณิวณฺณํ กริสฺสาม’, อิติ กาตุํ น วฏฺฏติ.
‘‘ปตฺตมณฺฑลเก กิฺจิ;
ภิตฺติกมฺมํ น วฏฺฏติ;
น โทโส โกจิ ตตฺถสฺส;
กาตุํ มกรทนฺตก’’นฺติ.
วินยสารตฺถสนฺทีปนิยมฺปิ ¶ อารคฺเคนาติ อารกณฺฏกคฺเคน, สูจิมุเขน วา. กาจิปิ เลขาติ วฏฺฏกโคมุตฺตาทิสณฺานา ยา กาจิปิ ราชิ. ภมํ อาโรเปตฺวาติ ภเม อลฺลียาเปตฺวา. ปตฺตมณฺฑลเกติ ปตฺเต ฉวิรกฺขณตฺถาย ติปุสีสาทีหิ กเต ปตฺตสฺส เหฏฺา อาธาราทีนํ อุปริ กาตพฺเพ ปตฺตมณฺฑลเก. ภิตฺติกมฺมนฺติ นานาการรูปกกมฺมวิจิตฺตํ. ยถาห ‘‘น, ภิกฺขเว, วิจิตฺรานิ ปตฺตมณฺฑลานิ ธาเรตพฺพานิ รูปกากิณฺณานิ ภิตฺติกมฺมกตานี’’ติ. ตตฺถาติ ตสฺมึ ปตฺตมณฺฑเล. อสฺสาติ ภิกฺขุสฺส. มกรทนฺตกนฺติ คิริกูฏนฺติ วุตฺตํ, ตสฺมา เอวํ ปตฺตถาลกาทีสุ ปฏิปชฺชิตพฺพํ.
ธมกรณ…เป… เลขา น วฏฺฏตีติ อารคฺเคน ทินฺนเลขา น วฏฺฏติ, ชาติหิงฺคุลิกาทิวณฺเณหิ กตเลขา ปน วฏฺฏติ. ฉตฺตมุขวฏฺฏิยนฺติ ธมกรณสฺส หตฺเถน คหณตฺถํ กตสฺส ฉตฺตาการสฺส มุขวฏฺฏิยํ. ‘‘ปริสฺสาวนพนฺธฏฺาเน’’ติ เกจิ. วินยวินิจฺฉเยปิ –
‘‘น ¶ ธมฺมกรณจฺฉตฺเต, เลขา กาจิปิ วฏฺฏติ;
กุจฺฉิยํ วา เปตฺวา ตํ, เลขํ ตุ มุขวฏฺฏิย’’นฺติ. –
วุตฺตํ. ตฏฺฏีกายํ ปน ‘‘มุขวฏฺฏิยา ยา เลขา ปริสฺสาวนพนฺธนตฺถาย อนฺุาตา, ตํ เลขํ เปตฺวา ธมกรณจฺฉตฺเต วา กุจฺฉิยํ วา กาจิ เลขา น วฏฺฏตีติ โยชนา’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว ธมกรเณ ปฏิปชฺชิตพฺพํ.
๑๐. กายพนฺธเน ปน กกฺกฏกฺขีนีติ กกฺกฏกสฺส อกฺขิสทิสานิ. มกรมุขนฺติ มกรมุขสณฺานํ. เทฑฺฑุภสีสนฺติ อุทกสปฺปสีสสทิสสณฺานานิ. อจฺฉีนีติ กฺุชรจฺฉิสณฺานานิ. เอกเมว วฏฺฏตีติ เอตฺถ เอกรชฺชุกํ ทฺวิคุณติคุณํ กตฺวา พนฺธิตุํ น วฏฺฏติ, เอกเมว ปน สตวารมฺปิ สรีรํ ปริกฺขิปิตฺวา พนฺธิตุํ วฏฺฏติ. ‘‘พหุรชฺชุเก เอกโต กตฺวา เอเกน ¶ นิรนฺตรํ เวเตฺวา กตํ พหุรชฺชุกนฺติ น วตฺตพฺพํ, ตํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตตฺตา ตํ มุรชสงฺขํ น คจฺฉตีติ เวทิตพฺพํ. มุรชฺหิ นานาวณฺเณหิ สุตฺเตหิ มุรชวฏฺฏิสณฺานํ เวเตฺวา กโรนฺติ. อิทํ ปน มุรชํ มทฺทวีณสงฺขาตํ ปามงฺคสณฺานฺจ ทสาสุ วฏฺฏติ ‘‘กายพนฺธนสฺส ทสา ชีรนฺติ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, มุรชํ มทฺทวีณ’’นฺติ (จูฬว. ๒๗๘) วุตฺตตฺตา.
วิเธติ ทสาปริโยสาเน ถิรภาวาย ทนฺตวิสาณสุตฺตาทีหิ กเต วิเธ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๘๕) ปน ‘‘กายพนฺธนสฺส ปาสนฺเต ทสามูเล ตสฺส ถิรภาวตฺถํ กตฺตพฺเพ ทนฺตวิสาณาทิมเย วิเธ’’ติ วุตฺตํ. อฏฺมงฺคลานิ นาม สงฺโข, จกฺกํ, ปุณฺณกุมฺโภ, คยา, สิรีวจฺโฉ, องฺกุโส, ธชํ, โสวตฺถิกนฺติ. มจฺฉยุคฬฉตฺตนนฺทิยาวฏฺฏาทิวเสนปิ วทนฺติ. ปริจฺเฉทเลขามตฺตนฺติ ทนฺตาทีหิ กตสฺส วิธสฺส อุโภสุ โกฏีสุ กาตพฺพปริจฺเฉทราชิมตฺตํ. วินยวินิจฺฉยปฺปกรเณปิ –
‘‘สุตฺตํ วา ทิคุณํ กตฺวา, โกฏฺเฏนฺติ จ ตหึ ตหึ;
กายพนฺธนโสภตฺถํ, ตํ น วฏฺฏติ ภิกฺขุโน.
‘‘ทสามุเข ทฬฺหตฺถาย, ทฺวีสุ อนฺเตสุ วฏฺฏติ;
มาลากมฺมลตากมฺม-จิตฺติกมฺปิ น วฏฺฏติ.
‘‘อกฺขีนิ ¶ ตตฺถ ทสฺเสตฺวา;
โกฏฺฏิเต ปน กา กถา.
กกฺกฏกฺขีนิ วา ตตฺถ;
อุฏฺาเปตุํ น วฏฺฏติ.
‘‘ฆฏํ เทฑฺฑุภสีสํ วา, มกรสฺส มุขมฺปิ วา;
วิการรูปํ ยํ กิฺจิ, น วฏฺฏติ ทสามุเข.
‘‘อุชุกํ ¶ มจฺฉกณฺฏํ วา, มฏฺํ วา ปน ปฏฺฏิกํ;
ขชฺชูริปตฺตกาการํ, กตฺวา วฏฺฏติ โกฏฺฏิตํ.
‘‘ปฏฺฏิกา สูกรนฺตนฺติ, ทุวิธํ กายพนฺธนํ;
รชฺชุกา ทุสฺสปฏฺฏาทิ, สพฺพํ ตสฺสานุโลมิกํ.
‘‘มุรชํ มทฺทวีณฺจ, เทฑฺฑุภฺจ กลาพุกํ;
รชฺชุโย จ น วฏฺฏนฺติ, ปุริมา ทฺเวทสา สิยุํ.
‘‘ทสา ปามงฺคสณฺานา, นิทฺทิฏฺา กายพนฺธเน;
เอกา ทฺวิติจตสฺโส วา, วฏฺฏนฺติ น ตโต ปรํ.
‘‘เอกรชฺชุมยํ วุตฺตํ, มุนินา กายพนฺธนํ;
ตฺจ ปามงฺคสณฺานํ, เอกมฺปิ จ น วฏฺฏติ.
‘‘รชฺชุเก เอกโต กตฺวา, พหู เอกาย รชฺชุยา;
นิรนฺตรฺหิ เวเตฺวา, กตํ วฏฺฏติ พนฺธิตุํ.
‘‘ทนฺตกฏฺวิสาณฏฺิ-โลหเวฬุนฬพฺภวา;
ชตุสงฺขมยา สุตฺต-ผลชา วิธกา มตา.
‘‘กายพนฺธนวิเธปิ ¶ , วิกาโร น จ วฏฺฏติ;
ตตฺถ ตตฺถ ปริจฺเฉท-เลขามตฺตํ ตุ วฏฺฏตี’’ติ. –
วุตฺตํ.
วินยสารตฺถสนฺทีปนิยมฺปิ ตหึ ตหินฺติ ปฏฺฏิกาย ตตฺถ ตตฺถ. ตนฺติ ตถาโกฏฺฏิตทิคุณสุตฺตกายพนฺธนํ. อนฺเตสุ ทฬฺหตฺถาย ทสามุเข ทิคุณํ กตฺวา โกฏฺเฏนฺติ, วฏฺฏตีติ โยชนา. จิตฺตกมฺปีติ มาลากมฺมลตากมฺมจิตฺตยุตฺตมฺปิ กายพนฺธนํ. อกฺขีนีติ กฺุชรกฺขีนิ. ตตฺถาติ กายพนฺธเน น วฏฺฏตีติ กา กถา. อุฏฺาเปตุนฺติ อุกฺกิริตุํ.
ฆฏนฺติ ฆฏสณฺานํ. เทฑฺฑุภสีสํ วาติ อุทกสปฺปสีสํ มุขสณฺานํ วา. ยํ กิฺจิ วิการรูปํ ทสามุเข น วฏฺฏตีติ โยชนา. เอตฺถ จ อุภยปสฺเสสุ มจฺฉกณฺฏกยุตฺตํ มจฺฉสฺส ปิฏฺิกณฺฏกํ วิย ยสฺสา ปฏฺฏิกาย วายนํ โหติ, อิทํ กายพนฺธนํ ¶ มจฺฉกณฺฏกํ นาม. ยสฺส ขชฺชูริปตฺตสณฺานมิว วายนํ โหติ, ตํ ขชฺชูริปตฺตกาการํ นาม.
ปกติวิการา ปฏฺฏิกา สูกรนฺตํ นาม กฺุจิกาโกสสณฺานํ. ตสฺส ทุวิธสฺส กายพนฺธนสฺส. ตตฺถ รชฺชุกา สูกรนฺตานุโลมิกา, ทุสฺสปฏฺฏํ ปฏฺฏิกานุโลมิกํ. อาทิ-สทฺเทน มุทฺทิกกายพนฺธนํ คหิตํ, ตฺจ สูกรนฺตานุโลมิกํ. ยถาห ‘‘เอกรชฺชุกํ ปน มุทฺทิกกายพนฺธนฺจ สูกรนฺตํ อนุโลเมตี’’ติ (จูฬว. อฏฺ. ๒๗๘). ตตฺถ รชฺชุกา นาม เอกาวฏฺฏา, พหุรชฺชุกสฺส อกปฺปิยภาวํ วกฺขติ. มุทฺทิกกายพนฺธนํ นาม จตุรสฺสํ อกตฺวา สชฺชิตนฺติ คณฺิปเท วุตฺตํ.
มุรชํ นาม มุรชวฏฺฏิสณฺานํ เวเตฺวา กตํ. เวเตฺวาติ นานาสุตฺเตหิ เวเตฺวา. สิกฺขาภาชนวินิจฺฉเย ปน ‘‘พหุกา รชฺชุโย เอกโต กตฺวา เอกาย รชฺชุยา เวิต’’นฺติ วุตฺตํ. มทฺทวีณํ นาม ปามงฺคสณฺานํ. เทฑฺฑุภกํ นาม อุทกสปฺปสทิสํ. กลาพุกํ นาม พหุรชฺชุกํ. รชฺชุโยติ อุภยโกฏิยํ เอกโต อพนฺธา พหุรชฺชุโย, ตถาพนฺธา กลาพุกํ นาม โหติ. น วฏฺฏนฺตีติ มุรชาทีนิ อิมานิ สพฺพานิ กายพนฺธนานิ น วฏฺฏนฺติ. ปุริมา ทฺเวติ มุรชํ ¶ มทฺทวีณนามฺจาติ ทฺเว. ‘‘ทสาสุ สิยุ’’นฺติ วตฺตพฺเพ คาถาพนฺธวเสน วณฺณโลเปน ‘‘ทสา สิยุ’’นฺติ วุตฺตํ. ยถาห ‘‘มุรชํ มทฺทวีณนฺติ อิทํ ทสาสุเยว อนฺุาต’’นฺติ.
ปามงฺคสณฺานาติ ปามงฺคทามํ วิย จตุรสฺสสณฺานา. เอกรชฺชุมยนฺติ นานาวฏฺเฏ เอกโต วฏฺเฏตฺวา กตํ รชฺชุมยํ กายพนฺธนํ วตฺตุํ วฏฺฏตีติ ‘‘รชฺชุกา ทุสฺสปฏฺฏาที’’ติ เอตฺถ เอกวฏฺฏรชฺชุกา คหิตา. อิธ ปน นานาวฏฺเฏ เอกโต วฏฺเฏตฺวา กตา เอกาว รชฺชุ คหิตา. ตฺจาติ ตํ วา นยมฺปิ เอกรชฺชุกกายพนฺธนํ ปามงฺคสณฺาเนน คนฺถิตํ. เอกมฺปิ จ น วฏฺฏตีติ เกวลมฺปิ น วฏฺฏติ.
พหู ¶ รชฺชุเก เอกโต กตฺวาติ โยชนา. วฏฺฏติ พนฺธิตุนฺติ มุรชํ กลาพุกฺจ น โหติ, รชฺชุกกายพนฺธนเมว โหตีติ อธิปฺปาโย. อยํ ปน วินิจฺฉโย ‘‘พหุรชฺชุเก เอกโต กตฺวา เอเกน นิรนฺตรํ เวเตฺวา กตํ พหุรชฺชุกนฺติ น วตฺตพฺพํ, ตํ วฏฺฏตี’’ติ อฏฺกถาคโต อิธ วุตฺโต. สิกฺขาภาชนวินิจฺฉเย ‘‘พหุรชฺชุโย เอกโต กตฺวา เอกาย เวิตํ มุรชํ นามา’’ติ ยํ วุตฺตํ, ตํ อิมินา วิรุชฺฌนโต น คเหตพฺพํ.
ทนฺต-สทฺเทน หตฺถิทนฺตา วุตฺตา. ชตูติ ลาขา. สงฺขมยนฺติ สงฺขนาภิมยํ. วิธกา มตาติ เอตฺถ เวธิกาติปิ ปาโ, วิธปริยาโย. กายพนฺธนวิเธติ กายพนฺธนสฺส ทสาย ถิรภาวตฺถํ กฏฺทนฺตาทีหิ กเต วิเธ. วิกาโร อฏฺมงฺคลาทิโก. ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมึ ตสฺมึ าเน. ตุ-สทฺเทน ฆฏากาโรปิ วฏฺฏตีติ ทีเปตีติ อตฺโถ ปกาสิโต, ตสฺมา เตน นเยน กายพนฺธนวิจาโร กาตพฺโพติ.
๑๑. อฺชนิยํ ‘‘อุชุกเมวา’’ติ วุตฺตตฺตา จตุรสฺสาทิสณฺานาปิ วงฺกคติกา น วฏฺฏติ. สิปาฏิกายาติ วาสิอาทิภณฺฑปกฺขิปเน. วินยวินิจฺฉยปฺปกรเณ ปน –
‘‘มาลากมฺมลตากมฺม-นานารูปวิจิตฺติตา;
น จ วฏฺฏติ ภิกฺขูนํ, อฺชนี ชนรฺชนี.
‘‘ตาทิสํ ¶ ปน ฆํสิตฺวา, เวเตฺวา สุตฺตเกน วา;
วฬฺชนฺตสฺส ภิกฺขุสฺส, น โทโส โกจิ วิชฺชติ.
‘‘วฏฺฏา วา จตุรสฺสา วา, อฏฺํสา วาปิ อฺชนี;
วฏฺฏเตวาติ นิทฺทิฏฺา, วณฺณมฏฺา น วฏฺฏติ.
‘‘ตถาฺชนิสลากาปิ, อฺชนิถวิกาย จ;
นานาวณฺเณหิ สุตฺเตหิ, จิตฺตกมฺมํ น วฏฺฏติ.
‘‘เอกวณฺเณน ¶ สุตฺเตน, สิปาฏึ เยน เกนจิ;
ยํ กิฺจิ ปน สิพฺเพตฺวา, วฬฺชนฺตสฺส วฏฺฏตี’’ติ. –
อาคตํ.
ตฏฺฏีกายมฺปิ มาลา…เป… จิตฺติตาติ มาลากมฺมลตากมฺเมหิ จ มิคปกฺขิรูปาทินานารูเปหิ จ วิจิตฺติตา. ชนรฺชนีติ พาลชนปโลภินี. อฏฺํสา วาปีติ เอตฺถ อปิ-สทฺเทน โสฬสํสาทีนํ คหณํ. วณฺณมฏฺาติ มาลากมฺมาทิวณฺณมฏฺา. อฺชนีสลากาปิ ตถา วณฺณมฏฺา น วฏฺฏตีติ โยชนา. อฺชนีถวิกาย จ นานาวณฺเณหิ สุตฺเตหิ จิตฺตกมฺมํ น วฏฺฏตีติ ปาโ ยุชฺชติ, ‘‘ถวิกาปิ วา’’ติ ปาโ ทิสฺสติ, โส น คเหตพฺโพ. ‘‘ปีตาทินา เยน เกนจิ เอกวณฺเณน สุตฺเตน ปิโลติกาทิมยํ กิฺจิปิ สิปาฏิกํ สิพฺเพตฺวา วฬฺชนฺตสฺส วฏฺฏตีติ โยชนา’’ติ อาคตํ.
๑๒. อารกณฺฏกาทีสุ อารกณฺฏเกติ โปตฺถกาทิอภิสงฺขรณตฺถํ กเต ทีฆมุขสตฺถเก. ภมการานํ ทารุอาทิลิขนสตฺถกนฺติ เกจิ. วฏฺฏมณิกนฺติ วฏฺฏํ กตฺวา อุฏฺาเปตพฺพพุพฺพุฬกํ. อฺนฺติ อิมินา ปิฬกาทึ สงฺคณฺหาติ. ปิปฺผลิเกติ ยํ กิฺจิ เฉทนเก ขุทฺทกสตฺเถ. มณิกนฺติ เอกวฏฺฏมณิ. ปิฬกนฺติ สาสปมตฺติกามุตฺตราชิสทิสา พหุวฏฺฏเลขา. อิมสฺมึ อธิกาเร อวุตฺตตฺตา เลขนิยํ ยํ กิฺจิ วณฺณมฏฺํ วฏฺฏตีติ วทนฺติ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ ปน ‘‘กฺุจิกาย เสนาสนปริกฺขารตฺตา สุวณฺณรูปิยมยาปิ วฏฺฏตีติ ฉายา ทิสฺสติ. ‘กฺุจิกาย ¶ วณฺณมฏฺกมฺมํ น วฏฺฏตี’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๘๕) วจนโต อฺเ กปฺปิยโลหาทิมยาว กฺุจิกา กปฺปนฺติ ปริหรณียปริกฺขารตฺตา’’ติ วุตฺตํ. อารกณฺฏโก โปตฺถกาทิกรณสตฺถกชาติ, อามณฺฑสารโก อามลกผลมโยติ วทนฺติ.
วลิตกนฺติ ¶ นขจฺเฉทนกาเล ทฬฺหคฺคหณตฺถํ วลิยุตฺตเมว กโรนฺติ. ตสฺมา ตํ วฏฺฏตีติ อิมินา อฺมฺปิ วิการํ ทฬฺหีกมฺมาทิอตฺถาย กโรนฺติ, น วณฺณมฏฺตฺถาย, ตํ วฏฺฏตีติ ทีปิตํ, เตน จ กตฺตรทณฺฑโกฏิยํ อฺมฺํ สงฺฆฏฺฏเนน สทฺทนิจฺฉรณตฺถาย กตวลยาทิกํ อวุตฺตมฺปิ ยโต อุปปนฺนํ โหติ. เอตฺถ จ ทฬฺหีกมฺมาทีติ อาทิ-สทฺเทน ปริสฺสยวิโนทนาทึ สงฺคณฺหาติ, เตน กตฺตรยฏฺิโกฏิยํ กตวลยานํ อฺมฺสงฺฆฏฺฏเนน สทฺทนิจฺฉรณํ ทีฆชาติกาทิปริสฺสยวิโนทนตฺถํ โหติ, ตสฺมา วฏฺฏตีติ ทีเปติ. เตนาห อาจริยวโร –
‘‘มณิกํ ปิฬกํ วาปิ, ปิปฺผเล อารกณฺฏเก;
เปตุํ ปน ยํ กิฺจิ, น จ วฏฺฏติ ภิกฺขุโน.
‘‘ทณฺฑเกปิ ปริจฺเฉท-เลขามตฺตํ ตุ วฏฺฏติ;
วลิตฺวา จ นขจฺเฉทํ, กโรนฺตีติ หิ วฏฺฏตี’’ติ.
ตสฺส วณฺณนายมฺปิ มณิกนฺติ ถูลพุพฺพุฬํ. ปีฬกนฺติ สุขุมพุพฺพุฬํ. ปิปฺผเลติ วตฺถจฺเฉทนสตฺเถ. อารกณฺฏเกติ ปตฺตธารวลยานํ วิชฺฌนกณฺฏเก. เปตุนฺติ อุฏฺาเปตุํ. ยํ กิฺจีติ เสสวณฺณมฏฺมฺปิ จ. ทณฺฑเกติ ปิปฺผลิทณฺฑเก. ยถาห ‘‘ปิปฺผลิเกปิ มณิกํ วา ปิฬกํ วา ยํ กิฺจิ เปตุํ น วฏฺฏติ, ทณฺฑเก ปน ปริจฺเฉทเลขา วฏฺฏตี’’ติ. ปริจฺเฉทเลขามตฺตนฺติ อาณิพนฺธนฏฺานํ ปตฺวา ปริจฺฉินฺทนตฺถํ เอกาว เลขา วฏฺฏตีติ. วลิตฺวาติ อุภยโกฏิมุขํ กตฺวา มชฺเฌ วลิโย คาเหตฺวา นขจฺเฉทํ ยสฺมา กโรนฺติ, ตสฺมา วฏฺฏตีติ โยชนาติ อาคตา.
อุตฺตรารณิยํ มณฺฑลนฺติ อุตฺตรารณิยา ปเวสนตฺถํ อาวาฏมณฺฑลํ โหติ. ทนฺตกฏฺจฺเฉทนวาสิยํ อุชุกเมว พนฺธิตุนฺติ สมฺพนฺโธ. เอตฺถ จ อุชุกเมวาติ อิมินา วงฺกํ กตฺวา พนฺธิตุํ น ¶ วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ, เตเนว อฺชนิยมฺปิ ตถา ทสฺสิตํ. อุโภสุ ปสฺเสสุ เอกปสฺเส ¶ วาติ วจนเสโส, วาสิทณฺฑสฺส อุโภสุ ปสฺเสสุ ทณฺฑโกฏีนํ อจลนตฺถํ พนฺธิตุนฺติ อตฺโถ. กปฺปิยโลเหน จตุรสฺสํ วา อฏฺํสํ วา กาตุํ วฏฺฏตีติ โยชนา.
๑๓. อามณฺฑสารเกติ อามลกผลานิ ปิสิตฺวา เตน กกฺเกน กตเตลภาชเน. ตตฺถ กิร ปกฺขิตฺตํ เตลํ สีตํ โหติ. ตถา หิ วุตฺตํ อาจริเยน –
‘‘อุตฺตรารณิยํ วาปิ, ธนุเก เปลฺลทณฺฑเก;
มาลากมฺมาทิ ยํ กิฺจิ, วณฺณมฏฺํ น วฏฺฏติ.
‘‘สณฺฑาเส ทนฺตกฏฺานํ, ตถา เฉทนวาสิยา;
ทฺวีสุ ปสฺเสสุ โลเหน, พนฺธิตุํ ปน วฏฺฏติ.
‘‘ตถา กตฺตรทณฺเฑปิ, จิตฺตกมฺมํ น วฏฺฏติ;
วฏฺฏเลขาว วฏฺฏนฺติ, เอกา วา ทฺเวปิ เหฏฺโต.
‘‘วิสาเณ นาฬิยํ วาปิ, ตเถวามณฺฑสารเก;
เตลภาชนเก สพฺพํ, วณฺณมฏฺํ ตุ วฏฺฏตี’’ติ.
ฏีกายมฺปิ อรณิสหิเต ภนฺตกิจฺจกโร ทณฺโฑ อุตฺตรารณี นาม. วาปีติ ปิ-สทฺเทน อธรารณึ สงฺคณฺหาติ. อุทุกฺขลทณฺฑสฺเสตํ อธิวจนํ. อฺฉนกยนฺตธนุ ธนุกํ นาม. มุสลมตฺถกปีฬนทณฺฑโก เปลฺลทณฺฑโก นาม. สณฺฑาเสติ อคฺคิสณฺฑาเส. ทนฺตกฏฺานํ เฉทนวาสิยา ตถา ยํ กิฺจิ วณฺณมฏฺํ น วฏฺฏตีติ สมฺพนฺโธ. ทฺวีสุ ปสฺเสสูติ วาสิยา อุโภสุ ปสฺเสสุ. โลเหนาติ กปฺปิยโลเหน. พนฺธิตุํ วฏฺฏตีติ อุชุกเมว วา จตุรสฺสํ วา อฏฺํสํ วา พนฺธิตุํ วฏฺฏติ. สณฺฑาเสติ อคฺคิสณฺฑาเสติ นิสฺสนฺเทเห วุตฺตํ. อฏฺกถายํ ปเนตฺถ สูจิสณฺฑาโส ทสฺสิโต ¶ . เหฏฺาติ เหฏฺา อโยปฏฺฏวลเย. ‘‘อุปริ อหิจฺฉตฺตกมกุฬมตฺต’’นฺติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ. วิสาเณติ เตลาสิฺจนกควยมหึสาทิสิงฺเค. นาฬิยํ วาปีติ เวฬุนาฬิกาทินาฬิยํ. อปิ-สทฺเทน อลาพุํ สงฺคณฺหาติ. อามณฺฑสารเกติ อามลกจุณฺณมยเตลฆเฏ ¶ . เตลภาชนเกติ วุตฺตปฺปกาเรเยว เตลภาชเน. สพฺพํ วณฺณมฏฺํ วฏฺฏตีติ ปุมิตฺถิรูปรหิตํ มาลากมฺมาทิ สพฺพํ วณฺณมฏฺํ วฏฺฏตีติ อาคตํ.
ภูมตฺถรเณติ กฏสาราทิมเย ปริกมฺมกตาย ภูมิยา อตฺถริตพฺพอตฺถรเณ. ปานียฆเฏติ อิมินา สพฺพภาชเน สงฺคณฺหาติ. สพฺพํ…เป… วฏฺฏตีติ ยถาวุตฺเตสุ มฺจาทีสุ อิตฺถิปุริสรูปมฺปิ วฏฺฏติ. เตลภาชเนสุเยว อิตฺถิปุริสรูปานํ ปฏิกฺขิปิตตฺตา เตลภาชเนน สห อคเณตฺวา วิสุํ มฺจาทีนํ คหิตตฺตา จาติ วทนฺติ. กิฺจาปิ วทนฺติ, เอเตสํ ปน มฺจาทีนํ หตฺเถน อามสิตพฺพภณฺฑตฺตา อิตฺถิรูปเมตฺถ น วฏฺฏตีติ คเหตพฺพํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๘๕) ปน ‘‘ตาลวณฺฏพีชนิอาทีสุ วณฺณมฏฺกมฺมํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. กิฺจาปิ ตานิ กฺุจิกา วิย ปริหรณียานิ, อถ โข อุจฺจาวจานิ น ธาเรตพฺพานีติ ปฏิกฺเขปาภาวโต วุตฺตํ. เกวลฺหิ ตานิ ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว วิธูปนฺจ ตาลวณฺฏฺจา’’ติอาทินา วุตฺตานิ. คณฺิปเท ปน ‘‘เตลภาชเนสุ วณฺณมฏฺกมฺมํ วฏฺฏติ, เสนาสนปริกฺขารตฺตา วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. อาจริยพุทฺธทตฺตตฺเถเรนปิ วุตฺตเมว –
‘‘ปานียสฺส อุฬุงฺเกปิ, โทณิยํ รชนสฺสปิ;
ฆเฏ ผลกปีเปิ, วลยาธารกาทิเก.
‘‘ตถา ปตฺตปิธาเน จ, ตาลวณฺเฏ จ พีชเน;
ปาทปฺุฉนิยํ วาปิ, สมฺมฺุชนิยเมว จ.
‘‘มฺเจ ¶ ภูมตฺถเร ปีเ, ภิสิพิมฺโพหเนสุ จ;
มาลากมฺมาทิกํ จิตฺตํ, สพฺพเมว จ วฏฺฏตี’’ติ.
๑๔. เอวํ สมณปริกฺขาเรสุ กปฺปิยากปฺปิยํ กเถตฺวา อิทานิ เสนาสเน กเถตุํ ‘‘เสนาสเน ปนา’’ตฺยาทิมาห. เอตฺถ ปน-สทฺโท วิเสสโชตโก. เตน สพฺพรตนมยมฺปิ วณฺณมฏฺกมฺมํ วฏฺฏติ, กิมงฺคํ ปน อฺวณฺณมฏฺกมฺมนฺติ อตฺถํ โชเตติ. ยทิ เอวํ กิสฺมิฺจิ ปฏิเสเธตพฺเพ สนฺเตปิ ตถา วตฺตพฺพํ สิยาติ อาห ‘‘เสนาสเน กิฺจิ ปฏิเสเธตพฺพํ นตฺถี’’ติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ อาจริยพุทฺธทตฺตตฺเถเรน –
‘‘นานามณิมยตฺถมฺภ-กวาฏทฺวารภิตฺติกํ ¶ ;
เสนาสนมนฺุาตํ, กา กถา วณฺณมฏฺเก.
‘‘โสวณฺณิยํ ทฺวารกวาฏพทฺธํ;
สุวณฺณนานามณิภิตฺติภูมึ;
น กิฺจิ เอกมฺปิ นิเสธนียํ;
เสนาสนํ วฏฺฏติ สพฺพเมวา’’ติ.
สมนฺตปาสาทิกายมฺปิ ปมสงฺฆาทิเสสวณฺณนายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๒๘๑) ‘‘เสนาสนปริโภโค ปน สพฺพกปฺปิโย, ตสฺมา ชาตรูปรชตมยา สพฺเพปิ เสนาสนปริกฺขารา อามาสา. ภิกฺขูนํ ธมฺมวินยวณฺณนฏฺาเน รตนมณฺฑเป กโรนฺติ ผลิกตฺถมฺเภ รตนทามปฏิมณฺฑิเต. ตตฺถ สพฺพุปกรณานิ ภิกฺขูนํ ปฏิชคฺคิตุํ วฏฺฏนฺตี’’ติ อาคตํ. ตสฺสา วณฺณนายํ ปน วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๒๘๑) ‘‘สพฺพกปฺปิโยติ ยถาวุตฺตสุวณฺณาทิมยานํ เสนาสนปริกฺขารานํ อามสนโคปนาทิวเสน ปริโภโค สพฺพถา กปฺปิโยติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘ตสฺมา’ติอาทิ. ‘ภิกฺขูนํ ธมฺมวินยวณฺณนฏฺาเน’ติ วุตฺตตฺตา สงฺฆิกเมว ¶ สุวณฺณมยํ เสนาสนํ เสนาสนปริกฺขารา จ วฏฺฏนฺติ, น ปุคฺคลิกานีติ เวทิตพฺพ’’นฺติ วณฺณิตํ.
เสนาสนกฺขนฺธกวณฺณนายมฺปิ สมนฺตปาสาทิกายํ (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๐) ‘สพฺพํ ปาสาทปริโภคนฺติ สุวณฺณรชตาทิวิจิตฺรานิ กวาฏานิ มฺจปีานิ ตาลวณฺฏานิ สุวณฺณรชตมยปานียฆฏปานียสราวานิ ยํ กิฺจิ จิตฺตกมฺมกตํ, สพฺพํ วฏฺฏติ. ปาสาทสฺส ทาสิทาสํ เขตฺตํ วตฺถุํ โคมหึสํ เทมาติ วทนฺติ, ปาเฏกฺกํ คหณกิจฺจํ นตฺถิ, ปาสาเท ปฏิคฺคหิเต ปฏิคฺคหิตเมว โหติ. โคนกาทีนิ สงฺฆิกวิหาเร วา ปุคฺคลิกวิหาเร วา มฺจปีเสุ อตฺถริตฺวา ปริภฺุชิตุํ น วฏฺฏนฺติ, ธมฺมาสเน ปน คิหิวิกตนีหาเรน ลพฺภนฺติ, ตตฺราปิ นิปชฺชิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ อาคตํ. ตสฺสา วณฺณนายํ ปน วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๓๒๐) ‘‘สุวณฺณรชตาทิวิจิตฺรานีติ สงฺฆิกเสนาสนํ สนฺธาย วุตฺตํ, ปุคฺคลิกํ ปน สุวณฺณาทิวิจิตฺรํ ภิกฺขุสฺส สมฺปฏิจฺฉิตุเมว น วฏฺฏติ ‘น ตฺเววาหํ ภิกฺขเว เกนจิ ปริยาเยน ชาตรูปรชตํ สาทิตพฺพ’นฺติ (มหาว. ๒๙๙) วุตฺตตฺตา, เตเนเวตฺถ อฏฺกถายํ ¶ ‘สงฺฆิกวิหาเร วา ปุคฺคลิกวิหาเร วา’ติ น วุตฺตํ, โคนกาทิอกปฺปิยภณฺฑวิสเยว เอวํ วุตฺตํ, เอกภิกฺขุสฺสปิ เตสํ คหเณ โทสาภาวา’’ติ วณฺณิตํ.
ตสฺมึเยว ขนฺธเก อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๑) ‘‘สเจปิ ราชราชมหามตฺตาทโย เอกปฺปหาเรเนว มฺจสตํ วา มฺจสหสฺสํ วา เทนฺติ, สพฺเพ กปฺปิยมฺจา สมฺปฏิจฺฉิตพฺพา, สมฺปฏิจฺฉิตฺวา วุฑฺฒปฏิปาฏิยา สงฺฆิกปริโภเคน ปริภฺุชถาติ ทาตพฺพา, ปุคฺคลิกวเสน น ทาตพฺพา’’ติ อาคตํ. ตสฺสา วณฺณนายํเยว วิมติวิโนทนิยํ ‘‘กปฺปิยมฺจา สมฺปฏิจฺฉิตพฺพาติ อิมินา สุวณฺณาทิวิจิตฺตํ อกปฺปิยมฺจํ ‘สงฺฆสฺสา’ติ วุตฺเตปิ สมฺปฏิจฺฉิตุํ น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ, ‘วิหารสฺส เทมา’ติ วุตฺเต สงฺฆสฺเสว ¶ วฏฺฏติ, น ปุคฺคลสฺส เขตฺตาทิ วิยาติ ทฏฺพฺพ’’นฺติ วณฺณิตํ, ตสฺมา ภควโต อาณํ สมฺปฏิจฺฉนฺเตหิ ลชฺชิเปสลพหุสฺสุตสิกฺขากามภูเตหิ ภิกฺขูหิ สุฏฺุ มนสิกาตพฺพมิทํ านํ.
นนุ จ เสนาสเน วิรุทฺธเสนาสนํ นาม ปฏิเสเธตพฺพํ อตฺถิ, อถ กสฺมา ‘‘เสนาสเน กิฺจิ ปฏิเสเธตพฺพํ นตฺถี’’ติ วุตฺตนฺติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘อฺตฺร วิรุทฺธเสนาสนา’’ติ. ตสฺสตฺโถ – วิรุทฺธเสนาสนา วิรุทฺธเสนาสนํ อฺตฺร เปตฺวา อฺํ วณฺณมฏฺกมฺมาทิกมฺมํ สนฺธาย เสนาสเน กิฺจิ ปฏิเสเธตพฺพํ นตฺถีติ วุตฺตํ, น ตทภาโวติ. ยทิ เอวํ ตํ วิรุทฺธเสนาสนํ อาจริเยน วตฺตพฺพํ, กตมํ วิรุทฺธเสนาสนํ นามาติ ปุจฺฉายมาห ‘‘วิรุทฺธ…เป… วุจฺจตี’’ติ. ตตฺถ อฺเสนฺติ สีมสฺสามิกานํ. ราชวลฺลเภหีติ ลชฺชิเปสลานํ อุโปสถาทิอนฺตรายกรา อลชฺชิโน ภินฺนลทฺธิกา จ ภิกฺขู อธิปฺเปตา เตหิ สห อุโปสถาทิกรณาโยคโต. เตน จ ‘‘สีมายา’’ติ วุตฺตํ. เตสํ ลชฺชิปริสาติ เตสํ สีมสฺสามิกานํ อนุพลํ ทาตุํ สมตฺถา ลชฺชิปริสา. ภิกฺขูหิ กตนฺติ ยํ อลชฺชีนํ เสนาสนเภทนาทิกํ ลชฺชิภิกฺขูหิ กตํ, ตํ สพฺพํ สุกตเมว อลชฺชินิคฺคหตฺถาย ปวตฺเตตพฺพโต.
เอตฺถ จ สิยา – ‘‘อฺเสํ สีมายา’’ติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ, สีมา นาม พหุวิธา, กตรสีมํ สนฺธายาติ? พทฺธสีมํ สนฺธายาติ ทฏฺพฺพํ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘มา อมฺหากํ อุโปสถปวารณานํ อนฺตรายมกตฺถา’’ติ อฏฺกถายเมว วุตฺตตฺตา, สารตฺถทีปนิยมฺปิ (สารตฺถ.ฏี. ๒.๘๕) ‘‘อุโปสถปวารณานํ อนฺตรายกรา อลชฺชิโน ราชกุลูปกา วุจฺจนฺตี’’ติ ¶ วุตฺตตฺตา, อุโปสถาทิวินยกมฺมเขตฺตภูตาย เอว สีมาย อิธ อธิปฺเปตตฺตา ¶ . ยทิ เอวํ คามสีมสตฺตพฺภนฺตรสีมอุทกุกฺเขปสีมาโยปิ ตํเขตฺตภูตา เอว, ตสฺมา ตาปิ สนฺธายาติ วตฺตพฺพนฺติ? น วตฺตพฺพํ ตาสํ อพทฺธสีมตฺตา, น เต ตาสํ สามิกา, พทฺธสีมาเยว ภิกฺขูนํ กิริยาย สิทฺธตฺตา ตาสํเยว เต สามิกา. เตน วุตฺตํ ‘‘ยํ ปน สีมสฺสามิเกหิ ภิกฺขูหี’’ติ. ยํ ปน วทนฺติ ‘‘อุปจารสีมาปิ ตํเขตฺตภูตา’’ติ, ตํ น คเหตพฺพํ, ตสฺสา ตทกฺเขตฺตภาวํ อุปริ สีมาวินิจฺฉยกถาทีสุ (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๑๕๖ อาทโย) กถยิสฺสาม. อปิจ คามสีมาย อฺเสํ เสนาสนกรณสฺส ปฏิเสธิตุมยุตฺตตฺตา สตฺตพฺภนฺตรอุทกุกฺเขปสีมานฺจ สพฺพทา อติฏฺนโต พทฺธสีมาเยว อธิปฺเปตาติ วิฺายตีติ.
ฉินฺทาเปยฺย วา ภินฺทาเปยฺย วา, อนุปวชฺโชติ อิทํ สพฺพมตฺติกามยกุฏี วิย สพฺพถา อนุปโยคารหํ สนฺธาย วุตฺตํ. ยํ ปน ปฺจวณฺณสุตฺเตหิ วินทฺธฉตฺตาทิกํ, ตตฺถ อกปฺปิยภาโคว ฉินฺทิตพฺโพ, น ตทวเสโส, ตสฺส กปฺปิยตฺตาติ ฉินฺทนฺโต อุปวชฺโชว โหติ. เตเนว วุตฺตํ ‘‘ฆฏกมฺปิ วาฬรูปมฺปิ ฉินฺทิตฺวา ธาเรตพฺพ’’นฺติอาทิ.
อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร
ปริกฺขารวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม
ทุติโย ปริจฺเฉโท.