📜
๒๔. สีมาวินิจฺฉยกถา
๑๕๖. เอวํ ¶ นิสฺสยวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ สีมาวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘สีมาติ เอตฺถ’’ตฺยาทิมาห. ตตฺถ สีมาติ สินียเต สมคฺเคน สงฺเฆน กมฺมวาจาย พนฺธียเตติ สีมา. สิ พนฺธเนติ ธาตุ, ม-ปจฺจโย, กิยาทิคโณยํ. วิภาควนฺตานํ สภาววิภาวนํ วิภาเคน วินา น โหตีติ อาห ‘‘สีมา นาเมสา…เป… โหตี’’ติ. ตตฺถ พทฺธสีมํ ตาว ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ เอกาทส’’ตฺยาทิมาห.
วีสติวคฺคกรณียปรมตฺตา สงฺฆกมฺมสฺส เหฏฺิมนฺตโต ยตฺถ กมฺมารเหน สทฺธึ เอกวีสติ ภิกฺขู นิสีทิตุํ สกฺโกนฺติ, ตตฺตเก ปเทเส สีมํ พนฺธิตุํ วฏฺฏติ, น ตโต โอรนฺติ อาห ‘‘อติขุทฺทกา นาม ยตฺถ เอกวีสติ ภิกฺขู นิสีทิตุํ น สกฺโกนฺตี’’ติ. ปุรตฺถิมาย ทิสายาติ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํ, ตสฺสํ ปน ทิสายํ นิมิตฺเต อสติ ยตฺถ อตฺถิ, ตโต ปฏฺาย ปมํ ‘‘ปุรตฺถิมาย อนุทิสาย, ทกฺขิณาย ทิสายา’’ติอาทินา สมนฺตา วิชฺชมานฏฺาเนสุ นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา ปุน ‘‘ปุรตฺถิมาย อนุทิสายา’’ติ ปมกิตฺติตํ ปฏิกิตฺเตตุํ วฏฺฏติ ตีหิ นิมิตฺเตหิ สิงฺฆาฏกสณฺานายปิ สีมาย สมฺมนฺนิตพฺพโต. ติกฺขตฺตุํ สีมมณฺฑลํ สมฺพนฺธนฺเตนาติ วินยธเรน สยํ เอกสฺมึเยว าเน ตฺวา เกวลํ นิมิตฺตกิตฺตนวจเนเนว สีมมณฺฑลํ สมนฺตา นิมิตฺเตน นิมิตฺตํ พนฺธนฺเตนาติ อตฺโถ. ตํตํนิมิตฺตฏฺานํ อคนฺตฺวาปิ หิ กิตฺเตตุํ วฏฺฏติ. ติโยชนปรมายปิ สีมาย สมนฺตโต ติกฺขตฺตุํ อนุปริคมนสฺส เอกทิวเสน ทุกฺกรตฺตา ¶ วินยธเรน สยํ อทิฏฺมฺปิ ปุพฺเพ ภิกฺขูหิ ยถาววตฺถิตํ นิมิตฺตํ ‘‘ปาสาโณ ภนฺเต’’ติอาทินา เกนจิ วุตฺตานุสาเรน สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘เอโส ปาสาโณ นิมิตฺต’’นฺติอาทินา กิตฺเตตุมฺปิ วฏฺฏติ เอว.
สํสฏฺวิฏปาติ ¶ อิมินา อฺมฺสฺส อาสนฺนตํ ทีเปติ. พทฺธา โหตีติ ปจฺฉิมทิสาภาเค สีมํ สนฺธาย วุตฺตํ. เอกรตนมตฺตา สุวิฺเยฺยตรา โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ปจฺฉิมโกฏิยา หตฺถมตฺตา สีมนฺตริกา เปตพฺพา’’ติ. เอกงฺคุลิมตฺตาปิ สีมนฺตริกา วฏฺฏติเยว. ตตฺตเกนปิ หิ สีมา อสมฺภินฺนาว โหติ. ทฺวินฺนํ สีมานํ นิมิตฺตํ โหตีติ นิมิตฺตสฺส สีมโต พาหิรตฺตา สีมสมฺเภโท น โหตีติ วุตฺตํ. สีมสงฺกรํ กโรตีติ วฑฺฒิตฺวา สีมปฺปเทสํ ปวิฏฺเ ทฺวินฺนํ สีมานํ คตฏฺานสฺส ทุวิฺเยฺยตฺตา วุตฺตํ, น, ปน ตตฺถ กมฺมํ กาตุํ น วฏฺฏตีติ ทสฺสนตฺถํ. น หิ สีมา ตตฺตเกน อสีมา โหติ, ทฺเว ปน สีมา ปจฺฉา วฑฺฒิตรุกฺเขน อชฺโฌตฺถฏตฺตา เอกาพทฺธา โหนฺติ, ตสฺมา เอกตฺถ ตฺวา กมฺมํ กโรนฺเตหิ อิตรํ โสเธตฺวา กาตพฺพํ. ตสฺสา ปเทสนฺติ ยตฺถ ตฺวา ภิกฺขูหิ กมฺมํ กาตุํ สกฺกา โหติ, ตาทิสํ ปเทสํ, ยตฺถ ปน ิเตหิ กมฺมํ กาตุํ น สกฺกา โหติ, ตาทิสํ ปเทสํ อนฺโตกริตฺวา พนฺธนฺตา สีมาย สีมํ สํภินฺทนฺติ นาม. น กมฺมวาจํ วคฺคํ กโรนฺตีติ กมฺมวาจํ น ภินฺทนฺติ, กมฺมํ น โกเปนฺตีติ อธิปฺปาโย.
๑๕๘. สุทฺธปํสุปพฺพโตติ น เกนจิ กโต สยํชาโตว วุตฺโต. ตถา เสสาปิ. อิตโรปีติ สุทฺธปํสุปพฺพตาทิโก ปพฺพโตปิ. หตฺถิปฺปมาโณติ เอตฺถ ภูมิโต อุคฺคตปเทเสน หตฺถิปฺปมาณํ คเหตพฺพํ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๓๘) ปน วชิรพุทฺธิฏีกายฺจ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๑๓๘) ‘‘หตฺถิปฺปมาโณ นาม ปพฺพโต เหฏฺิมโกฏิยา อฑฺฒฏฺมรตนุพฺเพโธ’’ติ วุตฺตํ. จตูหิ วา ตีหิ วาติ สีมภูมิยํ จตูสุ, ตีสุ วา ทิสาสุ ิเตหิ, เอกิสฺสา เอว ปน ทิสาย ิเตหิ ตโต พหูหิปิ สมฺมนฺนิตุํ น วฏฺฏติ, ทฺวีหิ ปน ทฺวีสุ ทิสาสุ ิเตหิปิ น วฏฺฏติ. ตสฺมาติ ยสฺมา ¶ เอเกน น วฏฺฏติ, ตสฺมา. ตํ พหิทฺธา กตฺวาติ กิตฺติตนิมิตฺตสฺส อสีมตฺตา อนฺโตสีมาย กรณํ อยุตฺตนฺติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘สเจ’’ติอาทิ.
ทฺวตฺตึสปลคุฬปิณฺฑปฺปมาณตา สณฺานโต คเหตพฺพา, น ตุลคณนาวเสน, ภารโต ปลปริมาณฺจ ¶ มคธตุลาย คเหตพฺพํ, สา จ โลกิยตุลาย ทฺวิคุณาติ วทนฺติ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๓๘) ปน ‘‘ทฺวตฺตึสปลคุฬปิณฺฑปฺปมาณตา ตุลตาย คเหตพฺพา, น ตุลคณนายา’’ติ วุตฺตํ. อติมหนฺโตปีติ ภูมิโต หตฺถิปฺปมาณํ อนุคนฺตฺวา เหฏฺาภูมิยํ โอติณฺณฆนโต อเนกโยชนปฺปมาโณปิ. สเจ หิ ตโต หตฺถิปฺปมาณํ กูฏํ อุคฺคจฺฉติ, ปพฺพตสงฺขเมว คจฺฉติ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๑๓๘) – สเจ เอกาพทฺโธ โหติ, น กาตพฺโพติ เอตฺถ จตูสุ ทิสาสุ จตุนฺนํ ปพฺพตกูฏานํ เหฏฺา ปิฏฺิปาสาณสทิเส ปาสาเณ ิตตฺตา เอกาพทฺธภาเว สติปิ ปถวิโต อุทฺธํ เตสํ สมฺพนฺเธ อสติ เหฏฺา ปถวีคตสมฺพนฺธมตฺเต อพฺโพหาริกํ กตฺวา กิตฺเตตุํ วฏฺฏติ. เตเนว ‘‘ปิฏฺิปาสาโณ อติมหนฺโตปิ ปาสาณสงฺขฺยเมว คจฺฉตี’’ติ วุตฺตํ. ปถวิโต เหฏฺา ตสฺส มหนฺตภาเว คยฺหมาเน ปพฺพตเมว โหตีติ อนุคณฺิปเท วุตฺตํ. จินิตฺวา กตปํสุปฺุเช ติณคุมฺพรุกฺขา เจ ชายนฺติ, ปพฺพโต โหตีติ ธมฺมสิริตฺเถโร, เนวาติ อุปติสฺสตฺเถโรติ วุตฺตํ. ปาสาโณติ สุธามยปาสาโณปิ วฏฺฏตีติ วทนฺติ, วีมํสิตพฺพํ อิฏฺกาย ปฏิกฺขิตฺตตฺตา. โสปีติ ขาณุโก วิย อุฏฺิตปาสาโณปิ. จตุปฺจรุกฺขนิมิตฺตมตฺตมฺปีติ เอกจฺเจสุ นิมิตฺตสทฺโท นตฺถีติ วุตฺตํ.
อนฺโตสารานนฺติ ตสฺมึ ขเณ ตรุณตาย สาเร อวิชฺชมาเนปิ ปริณาเมน ภวิสฺสมานสาเรปิ สนฺธาย วุตฺตํ ¶ . ตาทิสานฺหิ สูจิทณฺฑกปฺปมาณปริณาหานํ จตุปฺจมตฺตานมฺปิ วนํ วฏฺฏติ. อนฺโตสารมิสฺสกานนฺติ อนฺโตสาเรหิ รุกฺเขหิ สมฺมิสฺสานํ. เอเตน ตจสารรุกฺขมิสฺสกานมฺปิ วนํ วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. จตุปฺจรุกฺขมตฺตมฺปีติ สารรุกฺเข สนฺธาย วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๑๓๘) ปน ‘‘เอตฺถ ตโย เจ สารรุกฺขา โหนฺติ, ทฺเว อสารา, สารรุกฺขานํ พหุตฺตํ อิจฺฉิตพฺพํ. สุสานมฺปิ อิธ วนเมวาติ สงฺขฺยํ คจฺฉติ สยํชาตตฺตาติ วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘จตูสุ ทฺเว อนฺโตสารา เจ, วฏฺฏติ, อนฺโตสารา อธิกา, สมา วา, วฏฺฏติ, ตสฺมา พหูสุปิ ทฺเว เจ อนฺโตสารา อตฺถิ, วฏฺฏตี’ติ วทนฺตี’’ติ วุตฺตํ. วนมชฺเฌ วิหารํ กโรนฺตีติ รุกฺขฆฏาย อนฺตเร รุกฺเข อจฺฉินฺทิตฺวา วติอาทีหิ วิหารปริจฺเฉทํ กตฺวาว อนฺโตรุกฺขนฺตเรสุ เอว ปริเวณปณฺณสาลาทีนํ กรณวเสน ยถา อนฺโตวิหารมฺปิ วนเมว โหติ, เอวํ วิหารํ กโรนฺตีติ อตฺโถ. ยทิ หิ สพฺพํ รุกฺขํ ฉินฺทิตฺวา วิหารํ กเรยฺยุํ, วิหารสฺส อวนตฺตา ตํ ปริกฺขิปิตฺวา ิตวนํ เอกตฺถ กิตฺเตตพฺพํ สิยา, อิธ ปน อนฺโตปิ วนตฺตา ‘‘วนํ น กิตฺเตตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. สเจ หิ ตํ กิตฺเตนฺติ, ‘‘นิมิตฺตสฺส อุปริ วิหาโร โหตี’’ติอาทินา อนนฺตเร วุตฺตโทโส อาปชฺชติ ¶ . เอกเทสนฺติ วเนกเทสํ, รุกฺขวิรหิตฏฺาเน กตวิหารสฺส เอกปสฺเส ิตวนสฺส เอกเทสนฺติ อตฺโถ.
สูจิทณฺฑกปฺปมาโณติ วํสทณฺฑปฺปมาโณ. ‘‘เลขนิทณฺฑปฺปมาโณ’’ติ เกจิ. มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. ทุพฺพลสิกฺขาปทวณฺณนา) ปน อเวภงฺคิยวินิจฺฉเย ‘‘โย โกจิ อฏฺงฺคุลสูจิทณฺฑมตฺโตปิ เวฬุ…เป… ครุภณฺฑ’’นฺติ วุตฺตตฺตา ตนุตโร เวฬุทณฺโฑติ จ สูจิทณฺโฑติ จ คเหตพฺพํ. วํสนฬกสราวาทีสูติ เวฬุปพฺเพ วา นฬปพฺเพ วา กปลฺลกาทิมตฺติกภาชเนสุ วาติ อตฺโถ. ตงฺขณมฺปีติ ¶ ตรุณโปตเก อมิลายิตฺวา วิรุหนชาติเก สนฺธาย วุตฺตํ. เย ปน ปริณตา สมูลํ อุทฺธริตฺวา โรปิตาปิ ฉินฺนสาขา วิย มิลายิตฺวา จิเรน นวมูลงฺกุรุปฺปตฺติยา ชีวนฺติ, มิยนฺติเยว วา, ตาทิเส กิตฺเตตุํ น วฏฺฏติ. เอตนฺติ นวมูลสาขานิคฺคมนํ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๓๘) ปน ‘‘สูจิทณฺฑกปฺปมาโณติ สีหฬทีเป เลขนิทณฺฑปฺปมาโณติ วทนฺติ, โส จ กนิฏฺงฺคุลิปริมาโณติ ทฏฺพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ.
มชฺเฌติ สีมาย มหาทิสานํ อนฺโต. โกณนฺติ สีมาย จตูสุ โกเณสุ ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ มคฺคานํ สมฺพนฺธฏฺานํ. ปรภาเค กิตฺเตตุํ วฏฺฏตีติ เตสํ จตุนฺนํ โกณานํ พหิ นิกฺขมิตฺวา ิเตสุ อฏฺสุ มคฺเคสุ เอกิสฺสา ทิสาย เอกํ, อฺิสฺสา ทิสาย จาปรนฺติ เอวํ จตฺตาโรปิ มคฺคา จตูสุ ทิสาสุ กิตฺเตตุํ วฏฺฏตีติ อธิปฺปาโย. เอวํ ปน กิตฺติตมตฺเตน กถํ เอกาพทฺธตา วิคจฺฉตีติ วิฺายติ. ปรโต คตฏฺาเนปิ เอเต เอว เต จตฺตาโร มคฺคา. ‘‘จตฺตาโร มคฺคา จตูสุ ทิสาสุ คจฺฉนฺตี’’ติ หิ วุตฺตํ, ตสฺมา เอตฺถ การณํ วิจินิตพฺพนฺติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๓๘) วุตฺตํ. วิจินนฺโต ปน เอวํ การณํ ปฺายติ – ปุพฺพวากฺเยปิ ‘‘วิหารํ ปริกฺขิปิตฺวา จตฺตาโร มคฺคา’’ติ, ปรวากฺเยปิ ‘‘วิหารมชฺเฌน นิพฺพิชฺฌิตฺวา คตมคฺโคปี’’ติ วิหารเมว สนฺธาย วุตฺโต, ตสฺมา อิธาปิ ‘‘โกณํ นิพฺพิชฺฌิตฺวา คตํ ปนา’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘) อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา เอเต มคฺคา วิหารสฺส โกณเมว นิพฺพิชฺฌึสุ, น อฺมฺํ มิสฺสึสุ, ตสฺมา เอกาพทฺธภาวาภาวา จตุนฺนํ มคฺคานํ จตูสุ าเนสุ กิตฺเตตุํ วฏฺฏตีติ. สารตฺถทีปนิยํ ปน ‘‘ปรภาเค กิตฺเตตุํ วฏฺฏตีติ พหิ นิกฺขมิตฺวา ิเตสุ อฏฺสุ มคฺเคสุ เอกิสฺสา ทิสาย เอกํ, อปราย เอกนฺติ เอวํ จตูสุ าเนสุ กิตฺเตตุํ วฏฺฏตี’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๑๓๘) ปน ‘‘ปรภาเคติ ¶ ¶ เอตฺถ เอเตหิ พทฺธฏฺานโต คตตฺตา วฏฺฏติ, ตถา ทีฆมคฺเคปิ คหิตฏฺานโต คตฏฺานสฺส อฺตฺตาติ วทนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ตมฺปิ เอกาพทฺธนิมิตฺตตฺตา วิจาเรตพฺพํ.
อุตฺตรนฺติยา ภิกฺขุนิยาติ อิทฺจ ปาฬิยํ ภิกฺขุนีนํ นทีปารคมเน นทีลกฺขณสฺส อาคตตฺตา วุตฺตํ, ภิกฺขูนํ อนฺตรวาสกเตมนมตฺตมฺปิ วฏฺฏติเยว. สารตฺถทีปนิยมฺปิ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๓๘) ‘‘ภิกฺขุนิยา เอว คหณฺเจตฺถ ภิกฺขุนีวิภงฺเค ภิกฺขุนีวเสน นทีลกฺขณสฺส ปาฬิยํ อาคตตฺตา เตเนว นเยน ทสฺสนตฺถํ กตํ. สีมํ พนฺธนฺตานํ นิมิตฺตํ โหตีติ อยํ วุตฺตลกฺขณา นที สมุทฺทํ วา ปวิสตุ ตฬากํ วา, ปภวโต ปฏฺาย นิมิตฺตํ โหตี’’ติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๑๓๘) ปน ‘‘อนฺตรวาสโก เตมิยตีติ วุตฺตตฺตา ตตฺตกปฺปมาณอุทเกเยว กาตุํ วฏฺฏตีติ เกจิ. ‘เตมิยตี’ติ อิมินา เหฏฺิมโกฏิยา นทีลกฺขณํ วุตฺตํ, เอวรูปาย นทิยา ยสฺมึ าเน จตฺตาโร มาเส อปฺปํ วา พหุํ วา อุทกํ อชฺโฌตฺถริตฺวา ปวตฺตติ, ตสฺมึ าเน อปฺโปทเกปิ ตฺวา กาตุํ วฏฺฏตีติ เอเก’’ติ วุตฺตํ.
นทีจตุกฺเกปิ เอเสว นโยติ อิมินา เอกตฺถ กิตฺเตตฺวา อฺตฺถ ปรโต คตฏฺาเนปิ กิตฺเตตุํ น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. เตเนว จ ‘‘อสมฺมิสฺสา นทิโย ปน จตสฺโสปิ กิตฺเตตุํ วฏฺฏตี’’ติ อสมฺมิสฺสคฺคหณํ กตํ. อชฺโฌตฺถริตฺวา อาวรณํ ปวตฺตติเยวาติ อาวรณํ อชฺโฌตฺถริตฺวา สนฺทติเยว. อปวตฺตมานาติ อสนฺทมานุทกา. อาวรณฺหิ ปตฺวา นทิยา ยตฺตเก ปเทเส อุทกํ อสนฺทมานํ สนฺติฏฺติ, ตตฺถ นทีนิมิตฺตํ กาตุํ น วฏฺฏติ, อุปริ สนฺทมานฏฺาเนเยว วฏฺฏติ. อสนฺทมานฏฺาเน ปน อุทกนิมิตฺตํ กาตุํ วฏฺฏติ. ิตเมว หิ อุทกํ อุทกนิมิตฺเต วฏฺฏติ, น สนฺทมานํ. เตเนวาห ‘‘ปวตฺตนฏฺาเน นทีนิมิตฺตํ, อปวตฺตนฏฺาเน อุทกนิมิตฺตํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘ปวตฺตนฏฺาเน ¶ นทีนิมิตฺตนฺติ วุตฺตตฺตา เสตุโต ปรโต ตตฺตกํ อุทกํ ยทิ ปวตฺตติ, นที เอวาติ วทนฺติ. ชาตสฺสราทีสุ ิโตทกํ ชาตสฺสราทิปเทเสน อนฺตริกมฺปิ นิมิตฺตํ กาตุํ วฏฺฏติ นทีปารสีมาย นิมิตฺตํ วิย. สเจ โส ปเทโส กาลนฺตเรน คามเขตฺตภาวํ ปาปุณาติ, ตตฺถ อฺํ สีมํ สมฺมนฺนิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๑๓๘) วุตฺตํ. มูเลติ อาทิกาเล. นทึ ภินฺทิตฺวาติ ยถา อุทกํ อนิจฺฉนฺเตหิ กสฺสเกหิ มโหเฆ นิวฏฺเฏตุํ น สกฺกา, เอวํ กูลํ ภินฺทิตฺวา. นทึ ภินฺทิตฺวาติ วา มาติกามุขทฺวาเรน นทีกูลํ ภินฺทิตฺวา.
อุกฺเขปิมนฺติ ¶ ทีฆรชฺชุนา กูเฏหิ อุสฺสิฺจนียํ. อุกฺเขปิมนฺติ วา กูปโต วิย อุกฺขิปิตฺวา คเหตพฺพํ. อุกฺเขปิมนฺติ วา อุทฺธริตฺวา คเหตพฺพกํ.
อสมฺมิสฺเสหีติ สพฺพทิสาสุ ิตปพฺพเตหิ เอว วา ปาสาณาทีสุ อฺตเรหิ วา นิมิตฺตนฺตราพฺยวหิเตหิ. สมฺมิสฺเสหีติ เอกตฺถ ปพฺพโต, อฺตฺถ ปาสาโณติ เอวํ ิเตหิ อฏฺหิ. นิมิตฺตานํ สเตนาปีติ อิมินา เอกิสฺสาเยว ทิสาย พหูนิปิ นิมิตฺตานิ ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย กึ นิมิตฺตํ, ปพฺพโต, ภนฺเต. ปุน ปุรตฺถิมาย ทิสาย กึ นิมิตฺตํ, ปาสาโณ, ภนฺเต’’ติอาทินา (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘) กิตฺเตตุํ วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. สิงฺฆาฏกสณฺานาติ ติโกณา. สิงฺฆาฏกสณฺานาติ วา ติโกณรจฺฉาสณฺานา. จตุรสฺสาติ สมจตุรสฺสา. มุทิงฺคสณฺานา ปน อายตจตุรสฺสา, เอกโกฏิยํ สงฺโกจิตา, ตทฺาย วิตฺถิณฺณา วา โหติ. มุทิงฺคสณฺานาติ วา มุทิงฺคเภรี วิย มชฺเฌ วิตฺถตา อุโภสุ โกฏีสุ สงฺโกจิตา โหติ.
๑๕๙. เอวํ พทฺธสีมาย นิมิตฺตสมฺปตฺติยุตฺตตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปริสสมฺปตฺติยุตฺตตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปริสสมฺปตฺติยุตฺตา นามา’’ติอาทิมาห ¶ . ตตฺถ สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทนาติ สพฺพเหฏฺิเมน คณนปริจฺเฉเทน, อปฺปตโร เจ คโณ โหตีติ อธิปฺปาโย. อิมสฺส ปน สีมาสมฺมุติกมฺมสฺส จตุวคฺคกรณียตฺตา ‘‘จตูหิ ภิกฺขูหี’’ติ วุตฺตํ. สนฺนิปติตาติ สมคฺคา หุตฺวา อฺมฺสฺส หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา สนฺนิปติตา. อิมินา ‘‘จตุวคฺคกรณีเย กมฺเม จตฺตาโร ภิกฺขู ปกตตฺตา กมฺมปฺปตฺตา, เต อาคตา โหนฺตี’’ติ วุตฺตํ ปมสมฺปตฺติลกฺขณํ ทสฺเสติ. ยาวติกา ตสฺมึ คามกฺเขตฺเตติ ยสฺมึ ปเทเส สีมํ พนฺธิตุกามา, ตสฺมึ เอกสฺส คามโภชกสฺส อายุปฺปตฺติฏฺานภูเต คามกฺเขตฺเต ิตา ภิกฺขูติ สมฺพนฺโธ. พทฺธสีมํ วา นทีสมุทฺทชาตสฺสเร วา อโนกฺกมิตฺวาติ เอเตน เอตา พทฺธสีมาทโย คามสีมโต สีมนฺตรภูตา, น ตาสุ ิตา คามสีมาย กมฺมํ กโรนฺตานํ วคฺคํ กโรนฺติ, ตสฺมา น เตสํ ฉนฺโท อาหริตพฺโพติ ทสฺเสติ. เต สพฺเพ หตฺถปาเส วา กตฺวาติ วคฺคกมฺมปริหรณตฺถํ สนฺนิปติตุํ สมตฺเถ เต คามกฺเขตฺตฏฺเ สพฺเพ ภิกฺขู สงฺฆสฺส หตฺถปาเส กตฺวาติ อตฺโถ. ฉนฺทํ วา อาหริตฺวาติ สนฺนิปติตุํ อสมตฺถานํ ฉนฺทํ อาหริตฺวา. ตสฺมึ คามกฺเขตฺเต ยทิปิ สหสฺสภิกฺขู โหนฺติ, เตสุ จตฺตาโรเยว กมฺมปฺปตฺตา, อวเสสา ฉนฺทารหา, ตสฺมา อนาคตานํ ฉนฺโท อาหริตพฺโพติ อตฺโถ, อิมินา ‘‘ฉนฺทารหานํ ฉนฺโท ¶ อาหโฏ โหตี’’ติ วุตฺตํ ทุติยสมฺปตฺติลกฺขณมาห. ‘‘สมฺมุขีภูตา น ปฏิกฺโกสนฺตี’’ติ วุตฺตํ ตติยสมฺปตฺติลกฺขณํ ปน อิเมสํ สามตฺถิเยน วุตฺตํ โหติ.
๑๖๐. เอวํ พทฺธสีมาย ปริสสมฺปตฺติยุตฺตตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ กมฺมวาจาสมฺปตฺติยุตฺตตํ ทสฺเสตุํ ‘‘กมฺมวาจาสมฺปตฺติยุตฺตา นามา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘สุณาตุ เม’’ติอาทีนํ อตฺโถ เหฏฺา อุปสมฺปทกมฺมวาจาวณฺณนายํ วุตฺโตว ¶ . เอวํ วุตฺตายาติ เอวํ อิมินา อนุกฺกเมน อุโปสถกฺขนฺธเก (มหาว. ๑๓๘-๑๓๙) ภควตา วุตฺตาย. ปริสุทฺธายาติ ตฺติโทสอนอุสฺสาวนโทเสหิ ปริสมนฺตโต สุทฺธาย. ตฺติทุติยกมฺมวาจายาติ เอกาย ตฺติยา เอกาย อนุสฺสาวนาย กริยมานตฺตา ตฺติ เอว ทุติยา อิมิสฺสา กมฺมวาจายาติ ตฺติทุติยกมฺมวาจา, ตาย. นิมิตฺตานํ อนฺโต สีมา โหติ, นิมิตฺตานิ สีมโต พหิ โหนฺติ นิมิตฺตานิ พหิ กตฺวา เหฏฺา ปถวีสนฺธารอุทกํ ปริยนฺตํ กตฺวา สีมาย คตตฺตา.
๑๖๑. เอวํ สมานสํวาสกสีมาสมฺมุติยา กมฺมวาจาสมฺปตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อธิฏฺิตเตจีวริกานํ ภิกฺขูนํ จีวเร สุขปริโภคตฺถํ ภควตา ปฺตฺตํ อวิปฺปวาสสีมาสมฺมุติกมฺมวาจาสมฺปตฺตึ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวํ พทฺธาย จ’’ตฺยาทิมาห. ตตฺถ ติจีวเรน อวิปฺปวาสํ สมฺมนฺเนยฺยาติ ยถา อธิฏฺิตเตจีวริโก ภิกฺขุ อนฺโตสีมายํ ติจีวเรน วิปฺปวสนฺโตปิ อวิปฺปวาโสเยว โหติ, ทุติยกถินสิกฺขาปเทน (ปารา. ๔๗๑ อาทโย) อาปตฺติ น โหติ, เอวํ ตํ สมานสํวาสกสีมํ ติจีวเรน อวิปฺปวาสํ สมฺมนฺเนยฺยาติ อตฺโถ. เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจาติ ยทิ ติสฺสา สมานสํวาสกสีมาย อนฺโต คาโม อตฺถิ, ตํ คามฺจ คามูปจารฺจ เปตฺวา ตโต วินิมุตฺตํ ตํ สมานสํวาสกสีมํ ติจีวเรน อวิปฺปวาสํ สมฺมนฺเนยฺยาติ อตฺโถ.
สีมสงฺขฺยํเยว คจฺฉตีติ อวิปฺปวาสสีมสงฺขฺยํเยว คจฺฉติ. เอกมฺปิ กุลํ ปวิฏฺํ วาติ อภินวกตเคเหสุ สพฺพปมํ เอกมฺปิ กุลํ ปวิฏฺํ อตฺถิ. อคตํ วาติ โปราณกคาเม อฺเสุ กุเลสุ เคหานิ ฉฑฺเฑตฺวา คเตสุปิ เอกมฺปิ กุลํ อคตํ อตฺถีติ อตฺโถ.
๑๖๒. เอวํ ¶ สงฺเขเปน สีมาสมฺมุตึ ทสฺเสตฺวา ปุน วิตฺถาเรน ทสฺเสนฺโต ‘‘อยเมตฺถ สงฺเขโป, อยํ ปน วิตฺถาโร’’ติอาทิมาห. สีมาย อุปจารํ เปตฺวาติ อายตึ พนฺธิตพฺพาย สีมาย ¶ เนสํ วิหารานํ ปริจฺเฉทโต พหิ สีมนฺตริกปฺปโหนกํ อุปจารํ เปตฺวา. พทฺธา สีมาเยสุ วิหาเรสุ, เต พทฺธสีมา. ปาฏิเยกฺกนฺติ ปจฺเจกํ. พทฺธสีมาสทิสานีติ ยถา พทฺธสีมาสุ ิตา อฺมฺํ ฉนฺทาทึ อนเปกฺขิตฺวา ปจฺเจกํ กมฺมํ กาตุํ ลภนฺติ, เอวํ คามสีมาสุ ิตาปีติ ทสฺเสติ. อนฺโตนิมิตฺตคเตหิ ปนาติ เอกสฺส คามสฺส อุปฑฺฒํ อนฺโตกตฺตุกามตาย สติ สพฺเพสํ อาคมเน ปโยชนํ นตฺถีติ กตฺวา วุตฺตํ. อาคนฺตพฺพนฺติ จ สามีจิวเสน วุตฺตํ, นายํ นิยโม ‘‘อาคนฺตพฺพเมวา’’ติ. เตเนวาห ‘‘อาคมนมฺปิ อนาคมนมฺปิ วฏฺฏตี’’ติ. อพทฺธาย หิ สีมาย นานาคามกฺเขตฺตานํ นานาสีมสภาวตฺตา เตสํ อนาคมเนปิ วคฺคกมฺมํ น โหติ, ตสฺมา อนาคมนมฺปิ วฏฺฏติ. พทฺธาย ปน สีมาย เอกสีมภาวโต ปุน อฺสฺมึ กมฺเม กริยมาเน อนฺโตสีมคเตหิ อาคนฺตพฺพเมวาติ อาห ‘‘อวิปฺปวาสสีมา…เป… อาคนฺตพฺพ’’นฺติ. นิมิตฺตกิตฺตนกาเล อโสธิตายปิ สีมาย เนวตฺถิ โทโส นิมิตฺตกิตฺตนสฺส อปโลกนาทีสุ อฺตราภาวโต.
เภริสฺํ วาติ สมฺมนฺนนปริโยสานํ กโรมาติ วตฺวาติ ลิขิตํ. เตน ตาทิเส กาเล ตํ กปฺปตีติ สิทฺธํ โหติ. เภริสฺํ วา สงฺขสฺํ วาติ ปน เตสํ สทฺทํ สุตฺวา อิทานิ สงฺโฆ สีมํ พนฺธตีติ ตฺวา อาคนฺตุกภิกฺขูนํ ตํ คามกฺเขตฺตํ อปฺปเวสนตฺถํ, อารามิกาทีนฺจ เตสํ นิวารณตฺถํ กมฺมวาจารทฺธกาเลเยว สฺา กรียติ, เอวํ สติ ตํ กรณํ สปฺปโยชนํ โหติ. เตเนว ‘‘เภริสงฺขสทฺทํ กตฺวา’’ติ อวตฺวา ‘‘เภริสงฺขสฺํ กตฺวา’’ติ สฺาคฺคหณํ กตํ. ‘‘สฺํ กตฺวา’’ติ จ ปุพฺพกาลกิริยํ ¶ วตฺวา ‘‘กมฺมวาจาย สีมา พนฺธิตพฺพา’’ติ อปรกาลกิริยํ วทติ, ปริโยสานกาเล ปน สพฺพตูริยาตาลิกสงฺฆุฏฺํ กตฺวา เทวมนุสฺสานํ อนุโมทนํ กาเรตพฺพํ โหตีติ เวทิตพฺพํ.
๑๖๓. ภณฺฑุกมฺมาปุจฺฉนํ สนฺธาย ปพฺพชฺชาคฺคหณํ. สุขกรณตฺถนฺติ สพฺเพสํ สนฺนิปาตนปริสฺสมํ ปหาย อปฺปตเรหิ สุขกรณตฺถํ. เอกวีสติ ภิกฺขู คณฺหาตีติ วีสติวคฺคกรณียปรมตฺตา สงฺฆกมฺมสฺส กมฺมารเหน สทฺธึ เอกวีสติ ภิกฺขู คณฺหาติ. อิทฺจ นิสินฺนานํ วเสน วุตฺตํ. เหฏฺิมนฺตโต หิ ยตฺถ เอกวีสติ ภิกฺขู นิสีทิตุํ สกฺโกนฺติ, ตตฺตเก ปเทเส สีมํ พนฺธิตุํ วฏฺฏติ. อิทฺจ กมฺมารเหน สห อพฺภานการกานมฺปิ ปโหนกตฺถํ วุตฺตํ. นิมิตฺตุปคา ปาสาณา เปตพฺพาติ อิทํ ยถารุจิตฏฺาเน รุกฺขนิมิตฺตาทีนํ ทุลฺลภตาย วฑฺฒิตฺวา อุภินฺนํ พทฺธสีมานํ สงฺกรกรณโต จ ปาสาณนิมิตฺตสฺส จ ตทภาวโต ยตฺถ ¶ กตฺถจิ อาเนตฺวา เปตุํ สุกรตาย จ วุตฺตํ. ตถา สีมนฺตริกปาสาณา เปตพฺพาติ เอตฺถาปิ. จตุรงฺคุลปฺปมาณาปีติ ยถา ขณฺฑสีมปริจฺเฉทโต พหิ นิมิตฺตปาสาณํ จตุรงฺคุลมตฺตํ านํ สมนฺตา นิคจฺฉติ, อวเสสํ านํ อนฺโตขณฺฑสีมายํ โหติเยว, เอวํ เตสุ ปิเตสุ จตุรงฺคุลมตฺตา สีมนฺตริกา โหตีติ ทฏฺพฺพํ.
สีมนฺตริกปาสาณาติ สีมนฺตริกาย ปิตนิมิตฺตปาสาณา. เต ปน กิตฺเตนฺเตน ทกฺขิณโต อนุปริยายนฺเตเนว กิตฺเตตพฺพา. กถํ? ขณฺฑสีมโต หิ ปจฺฉิมาย ทิสาย ปุรตฺถิมาภิมุเขน ตฺวา ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย กึ นิมิตฺต’’นฺติ ตตฺถ สพฺพานิ นิมิตฺตานิ อนุกฺกเมน กิตฺเตตฺวา, ตถา อุตฺตราย ทิสาย ทกฺขิณาภิมุเขน ตฺวา ‘‘ทกฺขิณาย ทิสาย กึ นิมิตฺต’’นฺติ อนุกฺกเมน กิตฺเตตฺวา, ตถา ปุรตฺถิมาย ทิสาย ปจฺฉิมาภิมุเขน ตฺวา ‘‘ปจฺฉิมาย ทิสาย ¶ กึ นิมิตฺต’’นฺติ อนุกฺกเมน กิตฺเตตฺวา, ตถา ทกฺขิณาย ทิสาย อุตฺตราภิมุเขน ตฺวา ‘‘อุตฺตราย ทิสาย กึ นิมิตฺต’’นฺติ ตตฺถ สพฺพานิ นิมิตฺตานิ อนุกฺกเมน กิตฺเตตฺวา ปุน ปจฺฉิมาย ทิสาย ปุรตฺถิมาภิมุเขน ตฺวา ปุริมกิตฺติตํ วุตฺตนเยน ปุน กิตฺเตตพฺพํ. เอวํ พหูนมฺปิ ขณฺฑสีมานํ สีมนฺตริกปาสาณา ปจฺเจกํ กิตฺเตตพฺพา. ตโตติ ปจฺฉา. อวเสสนิมิตฺตานีติ มหาสีมาย พาหิรนฺตเรสุ อวเสสนิมิตฺตานิ. น สกฺขิสฺสนฺตีติ อวิปฺปวาสสีมาย พทฺธภาวํ อสลฺลกฺเขตฺวา ‘‘สมานสํวาสกสีมเมว สมูหนิสฺสามา’’ติ วายมนฺตา น สกฺขิสฺสนฺติ. พทฺธาย หิ อวิปฺปวาสสีมาย ตํ สมูหนิตฺวา ‘‘สมานสํวาสกสีมํ สมูหนิสฺสามา’’ติ กตายปิ กมฺมวาจาย อสมูหตาว โหติ สีมา. ปมฺหิ อวิปฺปวาสํ สมูหนิตฺวา ปจฺฉา สีมา สมูหนิตพฺพา. ขณฺฑสีมโต ปฏฺาย พนฺธนํ อาจิณฺณํ, อาจิณฺณกรเณเนว จ สมฺโมโห น โหตีติ อาห ‘‘ขณฺฑสีมโตว ปฏฺาย พนฺธิตพฺพา’’ติ. อุภินฺนมฺปิ น โกเปนฺตีติ อุภินฺนมฺปิ กมฺมํ น โกเปนฺติ. เอวํ พทฺธาสุ ปน…เป… สีมนฺตริกา หิ คามกฺเขตฺตํ ภชตีติ น อาวาสวเสน สามคฺคิปริจฺเฉโท, กินฺตุ สีมาวเสเนวาติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ.
กุฏิเคเหติ ภูมิยํ กตติณกุฏิยํ. อุทุกฺขลนฺติ อุทุกฺขลาวาฏสทิสขุทฺทกาวาฏํ. นิมิตฺตํ น กาตพฺพนฺติ ราชิ วา อุทุกฺขลํ วา นิมิตฺตํ น กาตพฺพํ. อิทฺจ ยถาวุตฺเตสุ อฏฺสุ นิมิตฺเตสุ อนาคตตฺเตน น วฏฺฏตีติ สิทฺธมฺปิ ‘‘อวินสฺสกสฺาณมิท’’นฺติ สฺาย โกจิ โมเหน นิมิตฺตํ กเรยฺยาติ ทูรโต วิปตฺติปริหารตฺถํ วุตฺตํ. นิมิตฺตุปคปาสาเณ เปตฺวาติ สฺจาริมนิมิตฺตสฺส ¶ กมฺปนตาย วุตฺตํ. เอวํ อุปริ ‘‘ภิตฺตึ อกิตฺเตตฺวา’’ติอาทีสุปิ สิทฺธเมวตฺถํ ปุนปฺปุนํ กถเน การณํ เวทิตพฺพํ. สีมาวิปตฺติ หิ อุปสมฺปทาทิสพฺพกมฺมวิปตฺติมูลนฺติ ¶ ตสฺส ทฺวารํ สพฺพถาปิ ปิทหนวเสน วตฺตพฺพํ. สพฺพํ วตฺวาว อิธ อาจริยา วินิจฺฉยํ กเถสุนฺติ ทฏฺพฺพํ.
ภิตฺตินฺติ อิฏฺกทารุมตฺติกามยํ. สิลามยาย ปน ภิตฺติยา นิมิตฺตุปคํ เอกํ ปาสาณํ ตํตํทิสาย กิตฺเตตุํ วฏฺฏติ. อเนกสิลาหิ จินิตํ สกลํ ภิตฺตึ กิตฺเตตุํ น วฏฺฏติ ‘‘เอโส ปาสาโณ นิมิตฺต’’นฺติ เอกวจเนน วตฺตพฺพโต. อนฺโตกุฏฺฏเมวาติ เอตฺถ อนฺโตกุฏฺเฏปิ นิมิตฺตานํ ิโตกาสโต อนฺโต เอว สีมาติ คเหตพฺพํ. ปมุเข นิมิตฺตปาสาเณ เปตฺวาติ คพฺภาภิมุเขปิ พหิปมุเข คพฺภวิตฺถารปฺปมาเณ าเน ปาสาเณ เปตฺวา สมฺมนฺนิตพฺพา. เอวฺหิ คพฺภปมุขานํ อนฺตเร ิตกุฏฺฏมฺปิ อุปาทาย อนฺโต จ พหิ จ จตุรสฺสสณฺานาว สีมา โหติ. พหีติ สกลสฺส กุฏิเลณสฺส สมนฺตโต พหิ.
อนฺโต จ พหิ จ สีมา โหตีติ มชฺเฌ ิตภิตฺติยา สห จตุรสฺสสีมา โหติ. อุปริปาสาเทเยว โหตี’’ติ อิมินา คพฺภสฺส จ ปมุขสฺส จ อนฺตรา ิตภิตฺติยา เอกตฺตา ตตฺถ จ เอกวีสติยา ภิกฺขูนํ โอกาสาภาเวน เหฏฺา น โอตรติ, อุปริภิตฺติ ปน สีมฏฺาว โหตีติ ทสฺเสติ. เหฏฺา น โอตรตีติ ภิตฺติโต โอรํ นิมิตฺตานิ เปตฺวา กิตฺติตตฺตา เหฏฺา อากาสปฺปเทสํ น โอตรติ, อุปริ กเต ปาสาเทติ อตฺโถ. เหฏฺิมตเล กุฏฺโฏติ เหฏฺิมตเล จตูสุ ทิสาสุ ิตกุฏฺโฏ. สเจ หิ ทฺวีสุ, ตีสุ เอว วา ทิสาสุ กุฏฺโฏ ติฏฺเยฺย, เหฏฺา น โอตรติ. เหฏฺาปิ โอตรตีติ สเจ เหฏฺา อนฺโตภิตฺติยํ เอกวีสติยา ภิกฺขูนํ โอกาโส โหติ, โอตรติ. โอตรมานา จ น อุปริสีมปฺปมาเณน โอตรติ, สมนฺตา ภิตฺติปฺปมาเณน โอตรติ. จตุนฺนํ ปน ภิตฺตีนํ พาหิรนฺตปริจฺเฉเทน เหฏฺาภูมิภาเค อุทกปริยนฺตํ ¶ กตฺวา โอตรติ, น ปน ภิตฺตีนํ พหิ เกสคฺคมตฺตมฺปิ านํ. ปาสาทภิตฺติโตติ อุปริมตเล ภิตฺติโต. โอตรณาโนตรณํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ สเจ เหฏฺา เอกวีสติยา ภิกฺขูนํ โอกาโส โหติ, โอตรติ, โน เจ, น โอตรตีติ อธิปฺปาโยติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๓๘) วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๓๘) ปน ‘‘อุปริสีมปฺปมาณสฺส อนฺโตคธานํ เหฏฺิมตเล จตูสุ ทิสาสุ กุฏฺฏานํ ตุลารุกฺเขหิ เอกสมฺพนฺธตํ, ตทนฺโต ปจฺฉิมสีมปฺปมาณตาทิฺจ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ ¶ . กิฺจาเปตฺถ นิยฺยูหกาทโย นิมิตฺตานํ ิโตกาสตาย พชฺฌมานกฺขเณ สีมา น โหนฺติ, พทฺธาย ปน สีมาย สีมฏฺาว โหนฺตีติ ทฏฺพฺพา.
ปริยนฺตถมฺภานนฺติ นิมิตฺตคตปาสาณตฺถมฺเภ สนฺธาย วุตฺตํ. อุปริมตเลน สมฺพทฺโธ โหตีติ อิทํ กุฏฺฏานํ อนฺตรา สีมฏฺานํ ถมฺภานํ อภาวโต วุตฺตํ. ยทิ หิ ภเวยฺยุํ, กุฏฺเฏ อุปริมตเลน อสมฺพนฺเธปิ สีมฏฺถมฺภานํ อุปริ ิโต ปาสาโท สีมฏฺโว โหติ. สเจ ปน พหูนํ ถมฺภปนฺตีนํ อุปริ กตปาสาทสฺส เหฏฺาปถวิยํ สพฺพพาหิราย ถมฺภปนฺติยา อนฺโต นิมิตฺตปาสาเณ เปตฺวา สีมา พทฺธา โหติ, เอตฺถ กถนฺติ? เอตฺถาปิ ‘‘ยํ ตาว สีมฏฺถมฺเภเหว ธาริยมานานํ ตุลานํ อุปริมตลํ, สพฺพํ ตํ สีมฏฺเมว, เอตฺถ วิวาโท นตฺถิ, ยํ ปน สีมฏฺถมฺภปนฺติยา, อสีมฏฺาย พาหิรถมฺภปนฺติยา จ สมธุรํ ธารยมานานํ ตุลานํ อุปริมตลํ, ตตฺถ อุปฑฺฒํ สีมา’’ติ เกจิ วทนฺติ. ‘‘สกลมฺปิ คามสีมา’’ติ อปเร. ‘‘พทฺธสีมา เอวา’’ติ อฺเ. ตสฺมา กมฺมํ กโรนฺเตหิ ครูหิ นิราสงฺกฏฺาเน ตฺวา สพฺพํ ตํ อาสงฺกฏฺานํ โสเธตฺวาว กมฺมํ กาตพฺพํ, สนฺนิฏฺานการณํ วา คเวสิตฺวา ตทนุคุณํ กาตพฺพํ.
ตาลมูลกปพฺพเตติ ¶ ตาลกฺขนฺธมูลสทิเส เหฏฺา ถูโล หุตฺวา กเมน กิโส หุตฺวา อุคฺคโต หินฺตาลมูลสทิโส นาม โหติ. วิตานสณฺาโนติ อหิจฺฉตฺตกสณฺาโน. ปณวสณฺาโนติ มชฺเฌ ตนุโก, เหฏฺา จ อุปริ จ วิตฺถิณฺโณ. เหฏฺา วา มชฺเฌ วาติ มุทิงฺคสณฺานสฺส เหฏฺา, ปณวสณฺานสฺส มชฺเฌ. สปฺปผณสทิโส ปพฺพโตติ สปฺปผโณ วิย ขุชฺโช, มูลฏฺานโต อฺตฺถ อวนตสีโส. อากาสปพฺภารนฺติ ภิตฺติยา อปริกฺขิตฺตปพฺภารํ. สีมปฺปมาโณติ อนฺโต อากาเสน สทฺธึ ปจฺฉิมสีมปฺปมาโณ. โส จ ปาสาโณ สีมฏฺโติ อิมินา อีทิเสหิ สุสิรปาสาณเลณกุฏฺฏาทีหิ ปริจฺฉินฺเน ภูมิภาเค เอว สีมา ปติฏฺาติ, น อปริจฺฉินฺเน. เต ปน สีมฏฺตฺตา สีมา โหนฺติ, น สรูเปน สีมฏฺมฺจาทิ วิยาติ ทสฺเสติ. สเจ ปน โส สุสิรปาสาโณ ภูมึ อนาหจฺจ อากาสคโต โอลมฺพติ, สีมา น โอตรติ. สุสิรปาสาโณ ปน สยํ สีมาปฏิพทฺธตฺตา สีมา โหติ, กถํ ปน ปจฺฉิมปฺปมาณรหิเตหิ เอเตหิ สุสิรปาสาณาทีหิ สีมา น โอตรตีติ อิทํ สทฺธาตพฺพนฺติ? อฏฺกถาปมาณโต.
อปิเจตฺถ สุสิรปาสาณภิตฺติอนุสาเรน มูสิกาทีนํ วิย สีมาย เหฏฺิมตเล โอตรณกิจฺจํ นตฺถิ, เหฏฺา ปน ปจฺฉิมสีมปฺปมาเณ อากาเส ทฺวงฺคุลมตฺตพหเลหิ ปาสาณภิตฺติอาทีหิปิ ¶ อุปริมตลํ อาหจฺจ ิเตหิ สพฺพโส, เยภุยฺเยน วา ปริจฺฉินฺเน สติ อุปริ พชฺฌมานา สีมา เตหิ ปาสาณาทีหิ อนฺตริตาย ตปฺปริจฺฉินฺนาย เหฏฺาภูมิยาปิ อุปริมตเลน สทฺธึ เอกกฺขเณ ปติฏฺาติ, นทีปารสีมา วิย นทีอนฺตริเตสุ อุโภสุ ตีเรสุ เลณาทีสุ อปนีเตสุปิ เหฏฺา โอติณฺณสีมา ยาว สาสนนฺตรธานา น ¶ วิคจฺฉติ, ปมํ ปน อุปริ สีมาย พทฺธาย ปจฺฉา เลณาทิกเตสุปิ เหฏฺาภูมิยํ สีมา โอตรติ เอว, เกจิ ตํ น อิจฺฉนฺติ, เอวํ อุภยตฺถ ปติฏฺิตา จ สา สีมา เอกาว โหติ โคตฺตาทิชาติ วิย พฺยตฺติเภเทสูติ คเหตพฺพํ. สพฺพา เอว หิ พทฺธสีมา อพทฺธสีมา จ อตฺตโน อตฺตโน ปกตินิสฺสยเก คามารฺาทิเก เขตฺเต ยถาปริจฺเฉทํ สพฺพตฺถ สากลฺเยน เอกสฺมึ ขเณ พฺยาปินี ปรมตฺถโต อวิชฺชมานมฺปิ เต เต นิสฺสยภูเต ปรมตฺถธมฺเม, ตํ ตํ กิริยาวิเสสมฺปิ วา อุปาทาย โลกิเยหิ สาสนิเกหิ จ ยถารหํ เอกตฺเตน ปฺตฺตตฺตา สนิสฺสเยกรูปา เอว. ตถา หิ เอโก คาโม อรฺํ นที ชาตสฺสโร สมุทฺโทติ เอวํ โลเก, ‘‘สมฺมตา สา สีมา สงฺเฆน, อคามเก เจ, ภิกฺขเว, อรฺเ สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตรา, อยํ ตตฺถ สมานสํวาสา เอกูโปสถา’’ติอาทินา สาสเน จ เอกโวหาโร ทิสฺสติ, น ปรมตฺถโต. เอกสฺส อเนกธมฺเมสุ พฺยาปนมตฺถิ กสิเณกเทสาทิวิกปฺปาสมานตาย เอกตฺตหานิโตติ อยํ โน มติ.
อสฺส เหฏฺาติ สปฺปผณปพฺพตสฺส เหฏฺา อากาสปพฺภาเร. เลณสฺสาติ เลณํ เจ กตํ, ตสฺส เลณสฺสาติ อตฺโถ. ตเมว ปุน เลณํ ปฺจหิ ปกาเรหิ วิกปฺเปตฺวา โอตรณาโนตรณวินิจฺฉยํ ทสฺเสตุํ อาห ‘‘สเจ ปน เหฏฺา’’ติอาทิ. ตตฺถ ‘‘เหฏฺา’’ติ อิมสฺส ‘‘เลณํ โหตี’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. เหฏฺา เลณฺจ เอกสฺมึ ปเทเสติ อาห ‘‘อนฺโต’’ติ, ปพฺพตสฺส อนฺโต, ปพฺพตมูเลติ อตฺโถ. ตเมว อนฺโตสทฺทํ สีมาปริจฺเฉเทน วิเสเสตุํ ‘‘อุปริมสฺส สีมาปริจฺเฉทสฺส ปารโต’’ติ วุตฺตํ. ปพฺพตปาทํ ปน อเปกฺขิตฺวา ‘‘โอรโต’’ติ วตฺตพฺเพปิ สีมานิสฺสยํ ปพฺพตคฺคํ สนฺธาย ‘‘ปารโต’’ติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เตเนว ‘‘พหิ เลณ’’นฺติ เอตฺถ พหิสทฺทํ วิเสเสนฺโต ‘‘อุปริมสฺส ¶ สีมาปริจฺเฉทสฺส โอรโต’’ติ อาห. พหิสีมา น โอตรตีติ เอตฺถ พหีติ ปพฺพตปาเท เลณํ สนฺธาย วุตฺตํ. เลณสฺส จ พหิภูเต อุปริสีมาปริจฺเฉทสฺส เหฏฺาภาเค สีมา น โอตรตีติ อตฺโถ. อนฺโต สีมาติ เลณสฺส จ ปพฺพตปาทสฺส จ อนฺโต อตฺตโน โอตรณารหฏฺาเน น โอตรตีติ อตฺโถ. ‘‘พหิ สีมา น โอตรติ, อนฺโต สีมา น โอตรตี’’ติ เจตฺถ อตฺตโน โอตรณารหฏฺาเน เลณาภาเวน สีมาย สพฺพถา ¶ อโนตรณเมว ทสฺสิตนฺติ คเหตพฺพํ. ตตฺถ หิ อโนตรนฺตี อุปริ เอว โหตีติ อยํ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๓๘) อาคโต วินิจฺฉโย.
สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๓๘) ปน ‘‘อนฺโตเลณํ โหตีติ ปพฺพตสฺส อนฺโตเลณํ โหตี’’ติ เอตฺตกเมว อาคโต. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๑๓๘) น ‘‘อนฺโตเลณนฺติ ปพฺพตสฺส อนฺโตเลณํ. ทฺวารํ ปน สนฺธาย ‘ปารโต โอรโต’ติ วุตฺตํ, สพฺพถาปิ สีมโต พหิเลเณน โอตรตีติ อธิปฺปาโย’’ติ อาคโต. อยํ ปน อนฺโตเลณพหิเลณวินิจฺฉโย คมฺภีโร ทุทฺทโส ทุรนุโพโธติ อาจริยา วทนฺติ, ตถาปิ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๓๘) อาคตํ นยํ นิสฺสาย สุฏฺุ วินิจฺฉิตพฺโพ วิฺูหีติ. พหิ ปติตํ อสีมาติอาทินา อุปริปาสาทาทีสุ อถิรนิสฺสเยสุ ิตา สีมาปิ เตสํ วินาเสน วินสฺสตีติ ทสฺสิตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
โปกฺขรณึ ขณนฺติ, สีมาเยวาติ เอตฺถ สเจ เหฏฺา อุมงฺคนที สีมปฺปมาณโต อนูนา ปมเมว ปวตฺตา โหติ, สีมา จ ปจฺฉา พทฺธา นทิโต อุปริ เอว โหติ, นทึ อาหจฺจ โปกฺขรณิยา จ ขตาย สีมา วินสฺสตีติ ทฏฺพฺพํ. เหฏฺาปถวีตเลติ อนนฺตรา ภูมิวิวเร.
สีมมาฬเกติ ¶ ขณฺฑสีมงฺคเณ. วฏรุกฺโขติ อิทํ ปาโรโหปตฺถมฺเภน อติทูรมฺปิ คนฺตุํ สมตฺถสาขาสมงฺคิตาย วุตฺตํ. สพฺพรุกฺขลตาทีนมฺปิ สมฺพนฺโธ น วฏฺฏติ เอว. เตเนว นาวารชฺชุเสตุสมฺพนฺโธปิ ปฏิกฺขิตฺโต. ตโตติ ตโต สาขโต. มหาสีมาย ปถวีตลนฺติ เอตฺถ อาสนฺนตรมฺปิ คามสีมํ อคฺคเหตฺวา พทฺธสีมาย เอว คหิตตฺตา คามสีมพทฺธสีมานํ อฺมฺํ รุกฺขาทิสมฺพนฺเธปิ สมฺเภทโทโส นตฺถิ อฺมฺํ นิสฺสยนิสฺสิตภาเวน ปวตฺติโตติ คเหตพฺพํ. ยทิ หิ ตาสมฺปิ สมฺพนฺธโทโส ภเวยฺย, กถํ คามสีมาย พทฺธสีมา สมฺมนฺนิตพฺพา ภเวยฺย? ยสฺสา หิ สีมาย ยาย สีมาย สทฺธึ สมฺพนฺเธ โทโส ภเวยฺย, สา ตตฺถ พนฺธิตุเมว น วฏฺฏติ พทฺธสีมอุทกุกฺเขปสีมาสุ พทฺธสีมา วิย, อตฺตโน อนิสฺสยภูตคามสีมาทีสุ อุทกุกฺเขปสีมา วิย จ, เตเนว ‘‘สเจ ปน รุกฺขสฺส สาขา วาตโต นิกฺขนฺตปาโรโห วา พหินทีตีเร วิหารสีมาย วา คามสีมาย วา ปติฏฺิโต’’ติอาทินา อุทกุกฺเขปสีมาย อตฺตโน อนิสฺสยภูตคามสีมาทีหิ เอว สมฺพนฺธโทโส ทสฺสิโต, น นทีสีมาย ¶ , เอวมิธาปีติ ทฏฺพฺพํ. อยฺจตฺโถ อุปริ ปากโฏ ภวิสฺสติ. อาหจฺจาติ ผุสิตฺวา.
มหาสีมํ วา โสเธตฺวาติ มหาสีมคตานํ สพฺเพสํ ภิกฺขูนํ หตฺถปาสานยนฉนฺทาหรณาทิวเสน สกลํ มหาสีมํ โสเธตฺวา. เอเตน สพฺพวิปตฺติโย โมเจตฺวา ปุพฺเพ สุฏฺุ พทฺธานมฺปิ ทฺวินฺนํ พทฺธสีมานํ ปจฺฉา รุกฺขาทิสมฺพนฺเธน อุปฺปชฺชนโต อีทิโส ปาฬิมุตฺตโก สมฺพนฺธโทโส อตฺถีติ ทสฺเสติ, โส จ ‘‘น, ภิกฺขเว, สีมาย สีมา สมฺภินฺทิตพฺพา’’ติอาทินา พทฺธสีมานํ อฺมฺํ สมฺเภทชฺโฌตฺถรณํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว สีมํ สมฺมนฺนนฺเตน สีมนฺตริกํ เปตฺวา สีมํ สมฺมนฺนิตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๔๘) อุภินฺนํ พทฺธสีมานํ อนฺตรา สีมนฺตริกํ เปตฺวา พนฺธิตุํ ¶ อนุชานเนน สมฺเภทชฺโฌตฺถรเณ วิย ตาสํ อฺมฺํ ผุสิตฺวา ติฏฺนวเสน พนฺธนมฺปิ น วฏฺฏตีติ สิทฺธตฺตา พทฺธานมฺปิ ตาสํ ปจฺฉา อฺมฺํ เอกรุกฺขาทีหิ ผุสิตฺวา านมฺปิ น วฏฺฏตีติ ภควโต อธิปฺปายฺูหิ สงฺคีติการเกหิ นิทฺธาริโต พนฺธนกาเล ปฏิกฺขิตฺตสฺส สมฺพนฺธโทสสฺส อนุโลเมน อกปฺปิยานุโลมตฺตา. อยํ ปน สมฺพนฺธโทโส ปุพฺเพ สุฏฺุ พทฺธานํ ปจฺฉา สฺชาตตฺตา พชฺฌมานกฺขเณ วิย อสีมตฺตํ กาตุํ น สกฺโกติ, ตสฺมา รุกฺขาทิสมฺพนฺเธ อปนีตมตฺเต ตา สีมา ปากติกา โหนฺติ. ยถา จายํ ปจฺฉา น วฏฺฏติ, เอวํ พชฺฌมานกฺขเณปิ ตาสํ รุกฺขาทิสมฺพนฺเธ สติ ตา พนฺธิตุํ น วฏฺฏตีติ ทฏฺพฺพํ.
เกจิ ปน มหาสีมํ วา โสเธตฺวาติ เอตฺถ ‘‘มหาสีมคตา ภิกฺขู ยถา ตํ สาขํ วา ปาโรหํ วา กายกายปฏิพทฺเธหิ น ผุสนฺติ, เอวํ โสธนเมว อิธาธิปฺเปตํ, น สกลสีมาโสธน’’นฺติ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ อฏฺกถาย วิรุชฺฌนโต. ตถา หิ ‘‘มหาสีมาย ปถวีตลํ วา ตตฺถชาตกรุกฺขาทีนิ วา อาหจฺจ ติฏฺตี’’ติ เอวํ สาขาปาโรหานํ มหาสีมํ ผุสิตฺวา านเมว สมฺพนฺธโทเส การณตฺเตน วุตฺตํ, น ปน ตตฺถ ิตภิกฺขูหิ สาขาทีนํ ผุสนํ. ยทิ หิ ภิกฺขูนํ สาขาทึ ผุสิตฺวา านเมว การณํ สิยา, ‘‘ตสฺส สาขํ วา ตโต นิคฺคตปาโรหํ วา มหาสีมาย ปวิฏฺํ ตตฺรฏฺโ โกจิ ภิกฺขุ ผุสิตฺวา ติฏฺตี’’ติ ภิกฺขุผุสนเมว วตฺตพฺพํ สิยา. ยฺหิ ตตฺถ มหาสีมาโสธเน การณํ, ตเทว ตสฺมึ วากฺเย ปธานโต ทสฺเสตพฺพํ. น หิ อาหจฺจฏฺิตเมว สาขาทึ ผุสิตฺวา ิโต ภิกฺขุ โสเธตพฺโพ อากาสฏฺสาขาทึ ผุสิตฺวา ิตภิกฺขุสฺสปิ โสเธตพฺพโต, กึ นิรตฺถเกน อาหจฺจฏฺานวจเนน, อากาสฏฺสาขาสุ ¶ จ ภิกฺขุผุสนเมว การณตฺเตน วุตฺตํ ¶ , โสธนฺจ ตสฺเสว ภิกฺขุสฺส หตฺถปาสานยนาทิวเสน โสธนํ วุตฺตํ. อิธ ปน ‘‘มหาสีมํ โสเธตฺวา’’ติ สกลสีมาสาธารณวจเนน โสธนํ วุตฺตํ, อปิ จ สาขาทึ ผุสิตฺวา ิตภิกฺขุมตฺตโสธเน อภิมเต ‘‘มหาสีมาย ปถวีตล’’นฺติ วิเสสสีโมปาทานํ นิรตฺถกํ สิยา ยตฺถ กตฺถจิ อนฺตมโส อากาเสปิ ตฺวา สาขาทึ ผุสิตฺวา ิตสฺส โสเธตพฺพโต.
ฉินฺทิตฺวา พหิฏฺกา กาตพฺพาติ ตตฺถ ปติฏฺิตภาววิโยชนวจนโต จ วิสภาคสีมานํ ผุสเนเนว สกลสีมาโสธนเหตุโก อฏฺกถาสิทฺโธยํ เอโก สมฺพนฺธโทโส อตฺเถวาติ คเหตพฺโพ. เตเนว อุทกุกฺเขปสีมากถายมฺปิ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๗) ‘‘วิหารสีมาย วา คามสีมาย วา ปติฏฺิโต’’ติ จ ‘‘นทีตีเร ปน ขาณุกํ โกฏฺเฏตฺวา ตตฺถ พทฺธนาวาย วา น วฏฺฏตี’’ติ จ ‘‘สเจ ปน เสตุ วา เสตุปาทา วา พหิตีเร ปติฏฺิตา, กมฺมํ กาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ จ เอวํ วิสภาคาสุ คามสีมาสุ สาขาทีนํ ผุสนเมว สงฺกรโทสการณตฺเตน วุตฺตํ, น ภิกฺขุผุสนํ. ตถา หิ ‘‘อนฺโตนทิยํ ชาตรุกฺเข พนฺธิตฺวา กมฺมํ กาตพฺพ’’นฺติ นทิยํ นาวาพนฺธนํ อนฺุาตํ อุทกุกฺเขปนิสฺสยตฺเตน นทีสีมาย สภาคตฺตา. ยทิ หิ ภิกฺขูนํ ผุสนเมว ปฏิจฺจ สพฺพตฺถ สมฺพนฺธโทโส วุตฺโต สิยา, นทิยมฺปิ พนฺธนํ ปฏิกฺขิปิตพฺพํ ภเวยฺย. ตตฺถาปิ หิ ภิกฺขุผุสนํ กมฺมโกปการณํ โหติ, ตสฺมา สภาคสีมาสุ ปวิสิตฺวา ภูมิอาทึ ผุสิตฺวา, อผุสิตฺวา วา สาขาทิมฺหิ ิเต ตํ สาขาทึ ผุสนฺโตว ภิกฺขุ โสเธตพฺโพ. วิสภาคสีมาสุ ปน สาขาทิมฺหิ ผุสิตฺวา ิเต ตํ สาขาทึ อผุสนฺตาปิ สพฺเพ ภิกฺขู โสเธตพฺพา, อผุสิตฺวา ิเต ปน ตํ สาขาทึ ผุสนฺตาว ภิกฺขู โสเธตพฺพาติ นิฏฺเมตฺถ คนฺตพฺพํ.
ยํ ¶ ปเนตฺถ เกจิ ‘‘พทฺธสีมานํ ทฺวินฺนํ อฺมฺํ วิย พทฺธสีมคามสีมานมฺปิ ตทฺาสมฺปิ สพฺพาสํ สมานสํวาสกสีมานํ อฺมฺํ รุกฺขาทิสมฺพนฺเธ สติ ตทุภยมฺปิ เอกสีมํ วิย โสเธตฺวา เอกตฺเถว กมฺมํ กาตพฺพํ, อฺถา กตํ กมฺมํ วิปชฺชติ, นตฺเถตฺถ สภาควิสภาคเภโท’’ติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ สภาคสีมานํ อฺมฺํ สมฺพนฺธโทสาภาวสฺส วิสภาคสีมานเมว ตพฺภาวสฺส สุตฺตสุตฺตานุโลมาทิวินยนเยหิ สิทฺธตฺตา. ตถา หิ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สีมํ สมฺมนฺนิตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๓๘) คามสีมายเมว พทฺธสีมํ สมฺมนฺนิตุํ อนฺุาตตฺตา ตาสํ นิสฺสยนิสฺสิตภาเวน สภาคตา, สมฺเภทชฺโฌตฺถรณโทสาภาโว จ สุตฺตโตว ¶ สิทฺโธ. พนฺธนกาเล ปน อนฺุาตสฺส สมฺพนฺธสฺส อนุโลมโต ปจฺฉา สฺชาตรุกฺขาทิสมฺพนฺโธปิ ตาสํ วฏฺฏติ เอว. ‘‘ยํ, ภิกฺขเว…เป… กปฺปิยํ อนุโลเมติ, อกปฺปิยํ ปฏิพาหติ, ตํ โว กปฺปตี’’ติ (มหาว. ๓๐๕) วุตฺตตฺตา เอวํ ตาว คามพทฺธสีมานํ อฺมฺํ สภาคตา, สมฺเภทาทิโทสาภาโว จ สุตฺตสุตฺตานุโลมโต สิทฺโธ, อิมินา เอว นเยน อรฺสีมสตฺตพฺภนฺตรสีมานํ นทีอาทิสีมอุทกุกฺเขปสีมานฺจ สุตฺตสุตฺตานุโลมโต อฺมฺํ สภาคตา, สมฺเภทาทิโทสาภาโว จ สิทฺโธติ เวทิตพฺโพ.
พทฺธสีมาย ปน อฺาย พทฺธสีมาย นทีอาทิสีมาสุ จ พนฺธิตุํ ปฏิกฺเขปสิทฺธิโต เจว อุทกุกฺเขปสตฺตพฺภนฺตรสีมานํ นทีอาทีสุ เอว กาตุํ นิยมนสุตฺตสามตฺถิเยน พทฺธสีมคามสีมาสุ กรณปฏิกฺเขปสิทฺโธ จ ตาสํ อฺมฺสภาคตา อุปฺปตฺติกฺขเณ ปจฺฉา จ รุกฺขาทีหิ สมฺเภทาทิโทสสมฺภโว จ วุตฺตนเยน สุตฺตสุตฺตานุโลมโตว สิชฺฌนฺติ. เตเนว อฏฺกถายํ วิสภาคสีมานเมว วฏรุกฺขาทิวจเนหิ ¶ สมฺพนฺธโทสํ ทสฺเสตฺวา สภาคานํ พทฺธสีมคามสีมาทีนํ สมฺพนฺธโทโส น ทสฺสิโต. น เกวลฺจ น ทสฺสิโต, อถ โข ตาสํ สภาคสีมานํ รุกฺขาทิสมฺพนฺเธปิ โทสาภาโวปิ ปาฬิอฏฺกถาสุ าปิโต เอว. ตถา หิ ปาฬิยํ (มหาว. ๑๓๘) ‘‘ปพฺพตนิมิตฺตํ ปาสาณนิมิตฺตํ วนนิมิตฺตํ รุกฺขนิมิตฺต’’นฺติอาทินา วฑฺฒนกนิมิตฺตานิ อนฺุาตานิ, เตน เนสํ รุกฺขาทินิมิตฺตานํ วฑฺฒเน พทฺธสีมคามสีมานํ สงฺกรโทสาภาโว าปิโตว โหติ, ทฺวินฺนํ ปน พทฺธสีมานํ อีทิโส สมฺพนฺโธ น วฏฺฏติ. วุตฺตฺหิ ‘‘เอกรุกฺโขปิ ทฺวินฺนํ สีมานํ นิมิตฺตํ โหติ, โส ปน วฑฺฒนฺโต สีมสงฺกรํ กโรติ, ตสฺมา น กาตพฺโพ’’ติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติโยชนปรมํ สีมํ พนฺธิตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๔๐) วจนโตปิ จายํ าปิโต. ติโยชนปรมาย หิ สีมาย สมนฺตา ปริยนฺเตสุ รุกฺขลตาคุมฺพาทีหิ พทฺธคามสีมานํ นิยเมน อฺมฺํ สมฺพนฺธสฺส สมฺภวโต ‘‘อีทิสํ สมฺพนฺธํ วินาเสตฺวาว สีมา สมฺมนฺนิตพฺพา’’ติ อฏฺกถายมฺปิ น วุตฺตํ.
ยทิ เจตฺถ รุกฺขาทิสมฺพนฺเธน กมฺมวิปตฺติ ภเวยฺย, อวสฺสเมว วตฺตพฺพํ สิยา. วิปตฺติปริหารตฺถฺหิ อาจริยา นิราสงฺกฏฺาเนสุปิ ‘‘ภิตฺตึ อกิตฺเตตฺวา’’ติอาทินา สิทฺธเมวตฺถํ ปุนปฺปุนํ อโวจุํ, อิธ ปน ‘‘วนมชฺเฌ วิหารํ กโรนฺติ, วนํ น กิตฺเตตพฺพ’’นฺติอาทินา รุกฺขลตาทีหิ นิรนฺตเร วนมชฺเฌปิ สีมาพนฺธนมโวจุํ. ตถา ถมฺภานํ อุปริ กตปาสาทาทีสุ เหฏฺา ถมฺภาทีหิ เอกาพทฺเธสุ อุปริมตลาทีสุ สีมาพนฺธนํ พหุธา วุตฺตํ, ตสฺมา พทฺธสีมคามสีมานํ ¶ รุกฺขาทิสมฺพนฺโธ เตหิ มุขโตว วิหิโต, อปิจ คามสีมานมฺปิ ปาเฏกฺกํ พทฺธสีมาสทิสตาย เอกาย คามสีมาย กมฺมํ กโรนฺเตหิ ทพฺพติณมตฺเตนปิ สมฺพนฺธา คามนฺตรปรมฺปรา อรฺนทีสมุทฺทา จ โสเธตพฺพาติ สกลํ ทีปํ ¶ โสเธตฺวาว กาตพฺพํ สิยา. เอวํ ปน อโสเธตฺวา ปมมหาสงฺคีติกาลโต ปภุติ กตานํ อุปสมฺปทาทิกมฺมานํ สีมาสมฺมุตีนฺจ วิปชฺชนโต สพฺเพสมฺปิ ภิกฺขูนํ อนุปสมฺปนฺนสงฺกาปสงฺโค จ ทุนฺนิวาโร โหติ, น เจตํ ยุตฺตํ, ตสฺมา วุตฺตนเยน วิสภาคสีมานเมว รุกฺขาทิสมฺพนฺธโทโส, น พทฺธสีมคามสีมาทีนํ สภาคสีมานนฺติ คเหตพฺพํ.
มหาสีมาโสธนสฺส ทุกฺกรตาย ขณฺฑสีมายเมว เยภุยฺเยน สงฺฆกมฺมกรณนฺติ อาห ‘‘สีมมาฬเก’’ติอาทิ. มหาสงฺฆสนฺนิปาเตสุ ปน ขณฺฑสีมาย อปฺปโหนกตาย มหาสีมาย กมฺเม กริยมาเนปิ อยํ นโย คเหตพฺโพว. อุกฺขิปาเปตฺวาติ อิมินา กายปฏิพทฺเธน สีมํ ผุสนฺโตปิ สีมฏฺโว โหตีติ ทสฺเสติ. ปุริมนเยปีติ ขณฺฑสีมโต มหาสีมํ ปวิฏฺสาขานเยปิ. สีมฏฺรุกฺขสาขาย นิสินฺโน สีมฏฺโว โหตีติ อาห ‘หตฺถปาสเมว อาเนตพฺโพ’’ติ. เอตฺถ จ ‘‘รุกฺขสาขาทีหิ อฺมฺสมฺพนฺธาสุ เอตาสุ ขณฺฑสีมาย ตโย ภิกฺขู, มหาสีมาย ทฺเวติ เอวํ ทฺวีสุ สีมาสุ สีมนฺตริกํ อผุสิตฺวา, หตฺถปาสฺจ อวิชหิตฺวา ิเตหิ ปฺจหิ ภิกฺขูหิ อุปสมฺปทาทิ กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ เกจิ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ ‘‘นานาสีมายํ ิตจตุตฺโถ กมฺมํ กเรยฺย, อกมฺมํ น จ กรณีย’’นฺติอาทิวจนโต (มหาว. ๓๘๙). เตเนเวตฺถาปิ มหาสีมํ โสเธตฺวา มาฬกสีมายเมว กมฺมกรณํ วิหิตํ. อฺถา ภินฺนสีมฏฺตาย ตตฺรฏฺสฺส คณปูรกตฺตาภาวา กมฺมโกโปว โหตีติ.
ยทิ เอวํ กถํ ฉนฺทปาริสุทฺธิอาหรณวเสน มหาสีมาโสธนนฺติ? ตมฺปิ วินยฺู น อิจฺฉนฺติ, หตฺถปาสานยนพหิสีมกรณวเสน ปเนตฺถ โสธนํ อิจฺฉนฺติ, ทินฺนสฺสปิ ฉนฺทสฺส ¶ อนาคมเนน มหาสีมฏฺโ กมฺมํ โกเปตีติ. ยทิ จสฺส ฉนฺทาทิ นาคจฺฉติ, กถํ โส กมฺมํ โกเปสฺสตีติ? ทฺวินฺนํ วิสภาคสีมานํ สมฺพนฺธโทสโต, โส จ สมฺพนฺธโทโส อฏฺกถาวจนปฺปมาณโต. น หิ วินเย สพฺพตฺถ ยุตฺติ สกฺกา าตุํ พุทฺธโคจรตฺตาติ เวทิตพฺพํ. เกจิ ปน ‘‘สเจ ทฺเวปิ สีมาโย ปูเรตฺวา นิรนฺตรํ ิเตสุ ภิกฺขูสุ กมฺมํ กโรนฺเตสุ เอกาย เอว สีมาย คโณ จ อุปสมฺปทาเปกฺโข จ อนุสฺสาวโก จ เอกโต ติฏฺติ ¶ , กมฺมํ สุกตเมว โหติ. สเจ ปน กมฺมารโห วา อนุสฺสาวโก วา สีมนฺตรฏฺโ โหติ, กมฺมํ วิปชฺชตี’’ติ วทนฺติ, ตฺจ พทฺธสีมคามสีมาทิสภาคสีมาสุ เอว ยุชฺชติ. ยาสุ อฺมฺํ รุกฺขาทิสมฺพนฺเธสุปิ โทโส นตฺถิ, ยาสุ ปน อตฺถิ, น ตาสุ, วิสภาคสีมาสุ รุกฺขาทิสมฺพนฺเธ สติ เอกตฺถ ิโต อิตรฏฺานํ กมฺมํ โกเปติ เอว อฏฺกถาย สามฺโต โสธนสฺส วุตฺตตฺตาติ อมฺหากํ ขนฺติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ.
สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๓๘) ‘‘อุกฺขิปาเปตฺวา กาตุํ น วฏฺฏตีติ ขณฺฑสีมาย อนฺโต ิตตฺตา รุกฺขสฺส ตตฺถ ิโต หตฺถปาสเมว อาเนตพฺโพติ อุกฺขิปาเปตฺวา กาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๑๓๘) ปน ‘‘อุกฺขิปาเปตฺวา กาตุํ น วฏฺฏติ, กสฺมา? อนฺโต ิตตฺตา. รุกฺขสฺส หิ เหฏฺา ปถวีคตํ มูลํ ขณฺฑสีมาเยว โหติ. อพฺโพหาริกํ วาติ อปเร. ‘มชฺเฌ ปน ฉินฺเน มหาสีมาย ิตํ มูลํ มหาสีมเมว ภชติ, ขณฺฑสีมาย ิตํ ขณฺฑสีมเมว ภชติ ตทายตฺตปถวีอาทีหิ อนุคฺคหิตตฺตา’ติ จ วุตฺตํ. ‘สีมาย ปจฺฉา อุฏฺิตรุกฺเข นิสีทิตฺวา กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ ปจฺฉา สีมายํ กตเคเห วิยา’ติ วตฺวา ‘พนฺธนกาเล ิเต รุกฺเข นิสีทิตฺวา กาตุํ น วฏฺฏติ อุปริสีมาย อคมนโต’ติ การณํ วทนฺติ. เอวํ สติ พนฺธนกาเล ¶ ปุน อาโรหณํ นาม นตฺถิ, พนฺธิตกาเล เอว อาโรหตีติ อาปชฺชติ ปจฺฉา อุฏฺิตรุกฺโข ปน ตปฺปฏิพทฺธตฺตา สีมาสงฺขเมว คโต. เอวํ ปุพฺเพ อุฏฺิตรุกฺโขปีติ คเหตพฺพํ. ‘‘ยํ กิฺจี’’ติ วจนโต ติณาทิปิ สงฺคหิตํ, มหาเถราปิ ติณํ โสเธตฺวาว กโรนฺตี’’ติ วุตฺตํ.
น โอตรตีติ ปณวสณฺานปพฺพตาทีสุ เหฏฺา ปมาณรหิตํ านํ น โอตรติ. กิฺจาปิ ปเนตฺถ พชฺฌมานกฺขเณ อุทฺธมฺปิ ปมาณรหิตปพฺพตาทิ นาโรหติ, ตถาปิ ตํ ปจฺฉา สีมฏฺตาย สีมา โหติ. เหฏฺา ปณวสณฺานาทิ ปน อุปริ พทฺธายปิ สีมาย สีมสงฺขํ น คจฺฉติ, ตสฺเสว วเสน ‘‘น โอตรตี’’ติ วุตฺตํ, อิตรถา โอโรหณาโรหณานํ สาธารณวเสน ‘‘น โอตรตี’’ติอาทินา วตฺตพฺพโต. ชาตํ ยํ กิฺจีติ นิฏฺิตสีมาย อุปริ ชาตํ วิชฺชมานํ ปุพฺเพ ิตํ ปจฺฉา สฺชาตํ ปวิฏฺฺจ ยํ กิฺจิ สวิฺาณกาวิฺาณกํ สพฺพมฺปีติ อตฺโถ. อนฺโตสีมาย หิ หตฺถิกฺขนฺธาทิสวิฺาณเกสุ นิสินฺโนปิ ภิกฺขุ สีมฏฺโว โหติ. พทฺธาย สีมายาติ อิทฺจ ปกรณวเสน อุปลกฺขณโต วุตฺตํ. อพทฺธสีมาสุปิ ¶ สพฺพาสุ ิตํ ตํ สีมาสงฺขเมว คจฺฉติ. เอกสมฺพนฺเธน คตนฺติ รุกฺขลตาทิตตฺรชาตเมวสนฺธาย วุตฺตํ. ตาทิสฺหิ ‘‘อิโต คต’’นฺติ วตฺตพฺพตํ อรหติ.
ยํ ปน ‘‘อิโต คต’’นฺติ วา ‘‘ตโต อาคต’’นฺติ วา วตฺตุํ อสกฺกุเณยฺยํ อุโภสุ พทฺธสีมคามสีมาสุ อุทกุกฺเขปนทีอาทีสุ จ ติริยํ ปติตรชฺชุทณฺฑาทิ, ตตฺถ กึ กาตพฺพนฺติ? เอตฺถ ปน ‘‘พทฺธสีมาย ปติฏฺิตภาโค พทฺธสีมา, คามสีมาย ปติฏฺิตภาโค คามสีมา ตทุภยสีมฏฺปพฺพตาทิ วิย, พทฺธสีมโต อุฏฺิตวฏรุกฺขสฺส ปาโรเห, คามสีมาย คามสีมโต อุฏฺิตวฏรุกฺขสฺส ปาโรเห จ พทฺธสีมาย ¶ ปติฏฺิเตปิ เอเสว นโย. มูเล ปติฏฺิตกาลโต ปฏฺาย หิ ‘อิโต คตํ, ตโต อาคต’นฺติ วตฺตุํ อสกฺกุเณยฺยโต โส ภาโค ยถาปวิฏฺสีมฏฺสงฺขเมว คจฺฉติ. เตสํ รุกฺขปาโรหานํ อนฺตรา ปน อากาสฏฺสาขา ภูมิยํ สีมาปริจฺเฉทปฺปมาเณน ตทุภยสีมา โหตี’’ติ เกจิ วทนฺติ. ยสฺมา ปนสฺสา สาขาย ปาโรโห ปวิฏฺสีมาย ปถวิยํ มูเลหิ ปติฏฺหิตฺวาปิ ยาว สาขํ วินา าตุํ น สกฺโกติ, ตาว มูลสีมฏฺตํ น วิชหติ. ยทา ปน สณฺาตุํ สกฺโกติ, ตทาปิ ปาโรหมตฺตเมว ปวิฏฺสีมตํ สมุเปติ, ตสฺมา สพฺโพปิ อากาสฏฺสาขาภาโค ปุริมสีมฏฺตํ น วิชหติ ตโต อาคตภาคสฺส อวิชหิตตฺตาติ อมฺหากํ ขนฺติ. อุทกุกฺเขปนทีอาทีสุปิ เอเสว นโย. ตตฺถ จ วิสภาคสีมาย เอว ปวิฏฺเ สกลสีมาโสธนํ, สภาคาย ปวิฏฺเ ผุสิตฺวา ิตมตฺตภิกฺขุโสธนฺจ สพฺพํ ปุพฺเพ วุตฺตนยเมว.
๑๖๔. เอตฺถ จ นทีปารสีมากถาย ปารยตีติ อชฺโฌตฺถรติ. นทิยา อุโภสุ ตีเรสุ ปติฏฺหมานา สีมา นทีอชฺโฌตฺถรา นาม โหตีติ อาห ‘‘นทึ อชฺโฌตฺถรมาน’’นฺติ. อนฺโตนทิยฺหิ สีมา น โอตรติ. นทีลกฺขเณ ปน อสติ โอตรติ. สา จ ตทา นทีปารสีมา น โหตีติ อาห ‘‘นทิยา ลกฺขณํ นทีนิมิตฺเต วุตฺตนยเมวา’’ติ. อสฺสาติ ภเวยฺย. อวสฺสํ ลพฺภเนยฺยา ปน ธุวนาวาว โหตีติ สมฺพนฺโธ. น นาวายาติ อิมินา นาวํ วินาปิ สีมา พทฺธา สุพทฺธา เอว โหติ, อาปตฺติปริหารตฺถา นาวาติ ทสฺเสติ.
รุกฺขสงฺฆาฏมโยติ อเนกรุกฺเข เอกโต ฆเฏตฺวา กตเสตุ. รุกฺขํ ฉินฺทิตฺวา กโตติ ปาเสโส. ‘‘สพฺพนิมิตฺตานํ อนฺโต ิตภิกฺขู หตฺถปาเส กตฺวาติ อิทํ อุภินฺนํ ตีรานํ เอกคามเขตฺตภาวํ ¶ สนฺธาย วุตฺตํ. ปพฺพตสณฺานาติ ¶ เอกโต อุคฺคตทีปสิขรตฺตา สมนฺตปาสาทิกายํ วุตฺตํ.
๑๖๕. สีมาสมูหนกถายํ โสติ ภิกฺขุนิสงฺโฆ. ทฺเวปีติ ทฺเว สมานสํวาสอวิปฺปวาสสีมาโย. อวิปฺปวาสสีมาติ มหาสีมํ สนฺธาย วทติ. ตตฺเถว เยภุยฺเยน อวิปฺปวาสาติ. อวิปฺปวาสํ อชานนฺตาปีติ อิทํ มหาสีมาย วิชฺชมานาวิชฺชมานตฺตํ, ตสฺสา พาหิรปริจฺเฉทฺจ อชานนฺตานํ วเสน วุตฺตํ. เอวํ อชานนฺเตหิปิ อนฺโตสีมาย ตฺวา กมฺมวาจาย กตาย สา สีมา สมูหตาว โหตีติ อาห ‘‘สมูหนิตฺุเจว พนฺธิตฺุจ สกฺขิสฺสนฺตี’’ติ. นิราสงฺกฏฺาเนติ ขณฺฑสีมารหิตฏฺาเน. อิทฺจ มหาสีมาย วิชฺชมานายปิ กมฺมกรณสุขตฺถํ ขณฺฑสีมา อิจฺฉิตาติ ตํ เจติยงฺคณาทิพหุสนฺนิปาตฏฺาเน น พนฺธตีติ วุตฺตํ. ตตฺถาปิ สา พทฺธา สุพทฺธา เอว มหาสีมา วิย. ปฏิพนฺธิตุํ ปน น สกฺขิสฺสนฺเตวาติ อิทํ ขณฺฑสีมาย อสมูหตตฺตา, ตสฺสา อวิชฺชมานตฺตสฺส อชานนโต จ มหาสีมาพนฺธนํ สนฺธาย วุตฺตํ. ขณฺฑสีมา ปน นิราสงฺกฏฺาเน พนฺธิตุํ สกฺขิสฺสนฺเตว. สีมาสมฺเภทํ กตฺวาติ ขณฺฑสีมาย วิชฺชมานปกฺเข สีมาย สีมํ อชฺโฌตฺถรณสมฺเภทํ กตฺวา อวิชฺชมานปกฺเขปิ สมฺเภทสงฺกาย อนิวตฺตเนน สมฺเภทสงฺกํ กตฺวา. อวิหารํ กเรยฺยุนฺติ สงฺฆกมฺมานารหํ กเรยฺยุํ. ปุพฺเพ หิ เจติยงฺคณาทินิราสงฺกฏฺาเน กมฺมํ กาตุํ สกฺกา, อิทานิ ตมฺปิ วินาสิตนฺติ อธิปฺปาโย. น สมูหนิตพฺพาติ ขณฺฑสีมํ อชานนฺเตหิ น สมูหนิตพฺพา. อุโภปิ น ชานนฺตีติ อุภินฺนํ ปเทสนิยมํ วา ตาสํ ทฺวินฺนมฺปิ วา อฺตราย วา วิชฺชมานตํ วา อวิชฺชมานตํ วา น ชานนฺติ, สพฺพตฺถ สงฺกา เอว โหติ. เนว สมูหนิตุํ, น พนฺธิตุํ สกฺขิสฺสนฺตีติ อิทํ นิราสงฺกฏฺาเน ตฺวา สมูหนิตุํ สกฺโกนฺตาปิ มหาสีมํ ปฏิพนฺธิตุํ น สกฺขิสฺสนฺตีติ อิมมตฺถํ สนฺธาย ¶ วุตฺตํ. น จ สกฺกา…เป… กมฺมวาจา กาตุนฺติ อิทํ สีมาพนฺธนกมฺมวาจํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตสฺมาติ ยสฺมา พนฺธิตุํ น สกฺกา, ตสฺมา น สมูหนิตพฺพาติ อตฺโถ.
เกจิ ปน ‘‘อีทิเสสุปิ วิหาเรสุ ฉปฺจมตฺเต ภิกฺขู คเหตฺวา วิหารโกฏิโต ปฏฺาย วิหารปริกฺเขปสฺส อนฺโต จ พหิ จ สมนฺตา เลฑฺฑุปาเต สพฺพตฺถ มฺจปฺปมาเณ โอกาเส นิรนฺตรํ ตฺวา ปมํ อวิปฺปวาสสีมํ, ตโต สมานสํวาสกสีมฺจ สมูหนนวเสน สีมาย สมุคฺฆาเต กเต ตสฺมึ วิหาเร ขณฺฑสีมาย, มหาสีมาย วา ิตวิชฺชมานตฺเต สติ อวสฺสํ เอกสฺมึ ¶ มฺจฏฺาเน ตาสํ มชฺฌคตา เต ภิกฺขู ตา สมูหเนยฺยุํ, ตโต คามสีมา เอว อวสิสฺเสยฺย. น เหตฺถ สีมาย, ตปฺปริจฺเฉทสฺส วา ชานนํ องฺคํ. สีมาย ปน อนฺโตานํ ‘สมูหนิสฺสามา’ติ กมฺมวาจากรณฺเจตฺถ องฺคํ. อฏฺกถายํ ‘ขณฺฑสีมํ ปน ชานนฺตา อวิปฺปวาสํ อชานนฺตาปิ สมูหนิตฺุเจว พนฺธิตฺุจ สกฺขิสฺสนฺตี’ติ เอวํ มหาสีมาย ปริจฺเฉทสฺส อชานเนปิ สมูหนนสฺส วุตฺตตฺตา คามสีมาย เอว จ อวสิฏฺาย ตตฺถ ยถารุจิ ทุวิธมฺปิ สีมํ พนฺธิตฺุเจว อุปสมฺปทาทิกมฺมํ กาตฺุจ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, ตํ ยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพนฺติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๔๔) อาคโต วินิจฺฉโย. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๔๔) ปน ‘‘อวิปฺปวาสสีมา น สมูหนฺตพฺพาติ มหาสีมํ สนฺธาย วทติ. นิราสงฺกฏฺาเนสุ ตฺวาติ เจติยงฺคณาทีนํ ขณฺฑสีมาย อโนกาสตฺตา วุตฺตํ. ขณฺฑสีมฺหิ พนฺธนฺตา ตาทิสํ านํ ปหาย อฺสฺมึ วิวิตฺเต โอกาเส พนฺธนฺติ. อปฺเปว นาม สมูหนิตุํ สกฺขิสฺสนฺตีติ อวิปฺปวาสสีมํเยว สมูหนิตุํ สกฺขิสฺสนฺติ, น ขณฺฑสีมํ. ปฏิพนฺธิตุํ ปน น สกฺขิสฺสนฺเตวาติ ขณฺฑสีมายํ อฺาตตฺตา น สกฺขิสฺสนฺติ. น สมูหนิตพฺพาติ ขณฺฑสีมํ อชานนฺเตหิ น สมูหนิตพฺพา’’ติ วุตฺตํ.
๑๖๖. เอวํ ¶ พทฺธสีมาวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ อพทฺธสีมาวินิจฺฉยํ ทสฺเสตุํ ‘‘อพทฺธสีมา ปนา’’ติ อาห. สา กติวิธาติ อาห ‘‘คามสีมา สตฺตพฺภนฺตรสีมา อุทกุกฺเขปสีมาติ ติวิธา’’ติ. ปาฬิยํ (มหาว. ๑๔๗) ‘‘อสมฺมตาย, ภิกฺขเว, สีมายา’’ติอาทินา คามสีมา เอว พทฺธสีมาย เขตฺตํ อรฺนทีอาทโย วิย สตฺตพฺภนฺตรอุทกุกฺเขปาทีนํ, สา จ คามสีมา พทฺธสีมาย รหิตฏฺาเน สยเมว สมานสํวาสา โหตีติ ทสฺเสติ. ‘‘ยา ตสฺส คามสฺส คามสีมา’’ติ เอตฺถ คามปริกฺเขปสฺส อนฺโต จ พหิ จ เขตฺตวตฺถุอรฺปพฺพตาทิกํ สพฺพํ คามกฺเขตฺตํ สนฺธาย ‘‘คามสฺสา’’ติ วุตฺตํ, น อนฺตรฆรเมว, ตสฺมา ตสฺส สกลสฺส คามกฺเขตฺตสฺส สมฺพนฺธนียา คามสีมาติ เอวมตฺโถ คเหตพฺโพ. โย หิ โส อนฺตรฆรเขตฺตาทีสุ อเนเกสุ ภูมิภาเคสุ ‘‘คาโม’’ติ เอกตฺเตน โลกชเนหิ ปฺตฺโต คามโวหาโร, โสว อิธ ‘‘คามสีมา’’ติปิ วุจฺจตีติ อธิปฺปาโย. คาโม เอว หิ คามสีมา. อิมินาว นเยน อุปริ อรฺํ นที สมุทฺโท ชาตสฺสโรติ, เอวํ เตสุ เตสุ ภูมิปฺปเทเสสุ เอกตฺเตน โลกชนปฺตฺตานเมว อรฺาทีนํ อรฺสีมาทิภาโว เวทิตพฺโพ, โลเก ปน คามสีมาทิโวหาโร คามาทีนํ มริยาทายเมว วตฺตุํ วฏฺฏติ, น คามกฺเขตฺตาทีสุ ¶ สพฺพตฺถ. สาสเน ปน เต คามาทโย อิตรนิวตฺติอตฺเถน สยเมว อตฺตโน มริยาทาติ กตฺวา คาโม เอว คามสีมา, อรฺเมว อรฺสีมา, สมุทฺโท เอว สมุทฺทสีมาติ สีมาโวหาเรน วุตฺตาติ เวทิตพฺโพ. ปาฬิยํ นิคมสฺส วาติ อิทํ คามสีมปฺปเภทํ อุปลกฺขณวเสน ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘นครมฺปิ คหิตเมวา’’ติ.
พลึ ลภนฺตีติ อิทํ เยภุยฺยวเสน วุตฺตํ. ‘‘อยํ คาโม เอตฺตโก กรีสภาโค’’ติอาทินา ปน ราชปณฺเณสุ อาโรปิเตสุ ¶ ภูมิภาเคสุ ยสฺมึ ยสฺมึ ตฬากมาติกาสุสานปพฺพตาทิเก ปเทเส พลึ น คณฺหนฺติ, โสปิ คามสีมา เอว. ราชาทีหิ ปริจฺฉินฺนภูมิภาโค หิ สพฺโพว เปตฺวา นทีโลณิชาตสฺสเร คามสีมาติ เวทิตพฺพา. เตนาห ‘‘ปริจฺฉินฺทิตฺวา ราชา กสฺสจิ เทตี’’ติ. สเจ ปน ตตฺถ ราชา กฺจิ ปเทสํ คามนฺตเรน โยเชติ, โส ปวิฏฺคามสีมตํ เอว ภชติ. นทีชาตสฺสเร วินาเสตฺวา ตฬากาทิภาวํ วา ปูเรตฺวา เขตฺตาทิภาวํ วา ปาปิเตสุปิ เอเสว นโย.
เย ปน คามา ราชโจราทิภยปีฬิเตหิ มนุสฺเสหิ ฉฑฺฑิตา จิรมฺปิ นิมฺมนุสฺสา ติฏฺนฺติ, สมนฺตา ปน คามา สนฺติ, เตปิ ปาเฏกฺกํ คามสีมาว. เตสุ หิ ราชาโน สมนฺตคามวาสีหิ กสาเปตฺวา วา เยหิ เกหิจิ กสิตฏฺานํ ลิขิตฺวา วา พลึ คณฺหนฺติ, อฺเน วา คาเมน เอกีภาวํ อุปเนนฺติ, เย ปน คามา ราชูหิปิ ปริจฺจตฺตา คามเขตฺตานนฺตริกา มหาอรฺเน เอกีภูตา, เต อคามการฺสีมตํ ปาปุณนฺติ, ปุริมา คามสีมา วินสฺสติ, ราชาโน ปน เอกสฺมึ อรฺาทิปเทเส มหนฺตํ คามํ กตฺวา อเนกสหสฺสานิ กุลานิ วาสาเปตฺวา ตตฺถ วาสีนํ โภคคามาติ สมนฺตา ภูตคาเม ปริจฺฉินฺทิตฺวา เทนฺติ, ปุราณนามํ ปน ปริจฺเฉทฺจ น วินาเสนฺติ, เตปิ ปจฺเจกํ คามสีมา เอว, เอตฺตาวตา ปุริมคามสีมตํ น วิชหนฺติ. สา จ อิตรา จาติอาทิ ‘‘สมานสํวาสา เอกูโปสถา’’ติ ปาฬิปทสฺส (มหาว. ๑๔๓) อธิปฺปายวิวรณํ. ตตฺถ หิ สา จ ราชิจฺฉาวเสน ปริวตฺเตตฺวา สมุปฺปนฺนา อภินวา, อิตรา จ อปริวตฺตา ปกติคามสีมา ยถา พทฺธสีมาย สพฺพํ สงฺฆกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ, เอวเมตาปิ สพฺพกมฺมารหตาสทิเสน พทฺธสีมาสทิสา สมานสํวาสา เอกูโปสถาติ อธิปฺปาโย ¶ . สามฺโต ‘‘พทฺธสีมาสทิสา’’ติ วุตฺเต ติจีวราวิปฺปวาสสีมํ พทฺธสีมํ เอว มฺนฺตีติ ตํสทิสตานิวตฺตนมุเขน ¶ อุปริสตฺตพฺภนฺตรสีมาย ตํสทิสตาปิ อตฺถีติ ทสฺสนนยสฺส อิเธว ปสงฺคํ ทสฺเสตุํ ‘‘เกวล’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.
วิฺฌาฏวิสทิเส อรฺเติ ยตฺถ ‘‘อสุกคามสฺส อิทํ เขตฺต’’นฺติ คามโวหาโร นตฺถิ, ยตฺถ จ เนว กสนฺติ น วปนฺติ, ตาทิเส อรฺเ. มจฺฉพนฺธานํ อคมนปถา นิมฺมนุสฺสาวาสา สมุทฺทนฺตรทีปกาปิ เอตฺเถว สงฺคยฺหนฺติ. ยํ ยฺหิ อคามกฺเขตฺตภูตํ นทีสมุทฺทชาตสฺสรวิรหิตปเทสํ, ตํ สพฺพํ อรฺสีมาติ เวทิตพฺพํ. สา จ สตฺตพฺภนฺตรสีมํ วินา สยเมว สมานสํวาสา พทฺธสีมาสทิสา, นทีอาทิสีมาสุ วิย สพฺพเมตฺถ สงฺฆกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ. นทีสมุทฺทชาตสฺสรานํ ตาว อฏฺกถายํ ‘‘อตฺตโน สภาเวเนว พทฺธสีมาสทิสา’’ติอาทินา วุตฺตตฺตา สีมตา สิทฺธา. อรฺสฺส ปน สีมตา กถนฺติ? สตฺตพฺภนฺตรสีมานุชานนสุตฺตาทิสามตฺถิยโต. ยถา หิ คามสีมาย วคฺคกมฺมปริหารตฺถํ พหู พทฺธสีมาโย อนฺุาตา, ตาสฺจ ทฺวินฺนํ อนฺตรา อฺมฺํ อสมฺเภทตฺถํ สีมนฺตริกา อนฺุาตา, เอวมิธ อรฺเปิ สตฺตพฺภนฺตรสีมา. ตาสฺจ ทฺวินฺนํ อนฺตราปิ สีมนฺตริกาย ปาฬิอฏฺกถาสุ วิธานสามตฺถิยโต อรฺสฺสปิ สภาเวเนว นทีอาทีนํ วิย สีมภาโว ตตฺถ วคฺคกมฺมปริหารตฺถเมว สตฺตพฺภนฺตรสีมาย อนฺุาตตฺตาว สิทฺโธติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ สีมายเมว หิ ิตา สีมฏฺานํ วคฺคกมฺมํ กโรนฺติ, น อสีมายํ อากาเส ิตา วิย อากาสฏฺานํ. เอวเมว หิ สามตฺถิยํ คเหตฺวา ‘‘สพฺพา, ภิกฺขเว, นที อสีมา’’ติอาทินา (มหาว. ๑๔๗) ปฏิกฺขิตฺตพทฺธสีมานมฺปิ นทีสมุทฺทชาตสฺสรานํ อตฺตโน สภาเวเนว สีมภาโว อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๗) วุตฺโตติ คเหตพฺโพ.
อถสฺส ¶ ิโตกาสโตติ ตสฺส ภิกฺขุสฺส ิโตกาสโต. สเจปิ หิ ภิกฺขุสหสฺสํ ติฏฺติ, ตสฺส ิโตกาสสฺส พาหิรนฺตโต ปฏฺาย ภิกฺขูนํ วคฺคกมฺมปริหารตฺถํ สีมาเปกฺขาย อุปฺปนฺนาย ตาย สห สยเมว อุปฺปนฺนา สตฺตพฺภนฺตรสีมา สมานสํวาสกาติ อธิปฺปาโย. ยตฺถ ปน ขุทฺทเก อรฺเ มหนฺเตหิ ภิกฺขูหิ ปริปุณฺณตาย วคฺคกมฺมสงฺกาภาเวน สตฺตพฺภนฺตรสีมาเปกฺขา นตฺถิ, ตตฺถ สตฺตพฺภนฺตรสีมา น อุปฺปชฺชติ. เกวลารฺสีมายเมว, ตตฺถ สงฺเฆน กมฺมํ กาตพฺพํ. นทีอาทีสุปิ เอเสว นโย. วกฺขติ หิ ‘‘สเจ นที นาติทีฆา โหติ, ปภวโต ปฏฺาย ยาว มุขทฺวารา สพฺพตฺถ สงฺโฆ นิสีทติ, อุทกุกฺเขปสีมาย กมฺมํ นตฺถี’’ติอาทิ (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๑๖๗), อิมินา เอว จ วจเนน ¶ วคฺคกมฺมปริหารตฺถํ สีมาเปกฺขาย สติ เอว อุทกุกฺเขปสตฺตพฺภนฺตรสีมา อุปฺปชฺชนฺติ, นาสตีติ ทฏฺพฺพํ.
เกจิ ปน ‘‘สมนฺตา อพฺภนฺตรํ มินิตฺวา ปริจฺเฉทกรเณเนว สีมา สฺชายติ, น สยเมวา’’ติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ. ยทิ หิ อพฺภนฺตรปริจฺเฉทกรณปฺปกาเรน สีมา อุปฺปชฺเชยฺย, อพทฺธสีมาว น สิยา ภิกฺขูนํ กิริยาปการสิทฺธิโต. อปิจ วฑฺฒกิหตฺถานํ ปกติหตฺถานฺจ โลเก อเนกวิธตฺตา, วินเย ‘‘อีทิสํ หตฺถปมาณ’’นฺติ อวุตฺตตฺตา จ ‘‘เยน เกนจิ มินิเต ภควตา อนฺุาเตน นุ โข หตฺเถน มินิตํ, น นุ โข’’ติ สีมาย วิปตฺติสงฺกา ภเวยฺย, มินนฺเตหิ จ อนุมตฺตมฺปิ อูนมธิกมกตฺวา มินิตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย วิปตฺติ เอว สิยา, ปริสวเสน จายํ วฑฺฒมานา เตสํ มินเนน วฑฺฒติ, หายติ วา. สงฺเฆ จ กมฺมํ กตฺวา คเต อยํ ภิกฺขูนํ ปโยเคน สมุปฺปนฺนา สีมา เตสํ ปโยเคน วิคจฺฉติ น วิคจฺฉติ จ, กถํ พทฺธสีมา วิย ยาว สาสนนฺตรธานา น ติฏฺเยฺย, ิติยา จ ปุราณวิหาเรสุ ¶ วิย สกเลปิ วิสุํ อรฺเ กตสีมา สมฺเภทสงฺกา น ภเวยฺย, ตสฺมา สีมาเปกฺขาย เอว สมุปฺปชฺชติ, ตพฺพิคเมน วิคจฺฉตีติ คเหตพฺพํ. ยถา เจตฺถ, เอวํ อุทกุกฺเขปสีมายมฺปิ นทีอาทีสุปิ.
ตตฺถาปิ หิ มชฺฌิมปุริโส น ปฺายติ, ตถา สพฺพถาเมน ขิปนํ, อุภยตฺถปิ จ ยสฺสํ ทิสายํ สตฺตพฺภนฺตรสฺส, อุทกุกฺเขปสฺส วา โอกาโส นปฺปโหติ, ตตฺถ กถํ มินนํ, ขิปนํ วา ภเวยฺย, คามกฺเขตฺตาทีสุ ปวิสนโต อเขตฺเต สีมา ปวิฏฺา กินฺนาม สีมา น วิปชฺเชยฺย. อเปกฺขาย สีมุปฺปตฺติยํ ปน ยโต ปโหติ, ตตฺถ สตฺตพฺภนฺตรอุทกุกฺเขปสีมา สยเมว ปริปุณฺณา ชายนฺติ. ยโต ปน นปฺปโหติ, ตตฺถ อตฺตโน เขตฺตปฺปมาเณเนว ชายนฺติ, น พหิ. ยํ ปเนตฺถ อพฺภนฺตรมินนปฺปมาณสฺส วาลุกาทิขิปนกมฺมสฺส จ ทสฺสนํ, ตํ สยํชาตสีมานํ ิตฏฺานสฺส ปริจฺเฉทนตฺถํ กตํ คามูปจารฆรูปจารชานนตฺถํ เลฑฺฑุสุปฺปาทิขิปนวิธานทสฺสนํ วิย. เตเนว มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. อูนวีสติวสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘สีมํ วา สมฺมนฺนติ, อุทกุกฺเขปํ วา ปริจฺฉินฺทตี’’ติ วุตฺตํ. เอวํ กเตปิ ตสฺส ปริจฺเฉทสฺส ยาถาวโต าตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺเตน ปุถุลโต ตฺวา อนฺโต ติฏฺนฺเตหิ นิราสงฺกฏฺาเน าตพฺพํ, อฺํ พหิ กโรนฺเตหิ อติทูเร นิราสงฺกฏฺาเน เปเสตพฺพํ.
อปเร ¶ ปน ‘‘สีมาเปกฺขาย กิจฺจํ นตฺถิ, มคฺคคมนนหานาทิอตฺเถหิ เอกภิกฺขุสฺมิมฺปิ อรฺเ วา นทีอาทีสุ วา ปวิฏฺเ ตํ ปริกฺขิปิตฺวา สตฺตพฺภนฺตรอุทกุกฺเขปสีมา สยเมว ปภา วิย ปทีปสฺส สมุปฺปชฺชติ. คามกฺเขตฺตาทีสุ ตสฺมึ โอติณฺณมตฺเต วิคจฺฉติ. เตเนเวตฺถ ทฺวินฺนํ สงฺฆานํ วิสุํ กมฺมํ กโรนฺตานํ สีมาทฺวยสฺส อนฺตรา สีมนฺตริกํ อฺํ สตฺตพฺภนฺตรํ อุทกุกฺเขปฺจ เปตุํ อนฺุาตํ. สีมาปริยนฺเต หิ เกนจิ กมฺเมน ¶ เปสิตสฺส ภิกฺขุโน สมนฺตา สฺชาตา สีมา อิตเรสํ สีมาย ผุสิตฺวา สีมาสมฺเภทํ กเรยฺย, โส มา โหตูติ วา, อิตรถา หตฺถจตุรงฺคุลมตฺตายเปตฺถ สีมนฺตริกาย อนุชานิตพฺพโต. อปิจ สีมนฺตริกาย ิตสฺส อุภยตฺถ กมฺมโกปวจนโตปิ เจตํ สิชฺฌติ ตมฺปิ ปริกฺขิปิตฺวา สยเมว สฺชาตาย สีมาย อุภินฺนมฺปิ สีมานํ, เอกาย เอว วา สงฺกรโต. อิตรถา ตสฺส กมฺมโกปวจนํ น ยุชฺเชยฺย. วุตฺตฺหิ มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ‘ปริจฺเฉทพฺภนฺตเร หตฺถปาสํ วิชหิตฺวา ิโตปิ ปริจฺเฉทโต พหิ อฺํ ตตฺตกํเยว ปริจฺเฉทํ อนติกฺกมิตฺวา ิโตปิ กมฺมํ โกเปตี’ติ. กิฺจ อคามการฺเ ิตสฺส กมฺมกรณิจฺฉาวิรหิตสฺสปิ ภิกฺขุโน สตฺตพฺภนฺตรปริจฺฉินฺเน อพฺโภกาเส จีวรวิปฺปวาโส ภควตา อนฺุาโต, โส จ ปริจฺเฉโท สีมา, เอวํ อเปกฺขํ วินา สมุปฺปนฺนา. เตเนเวตฺถ ‘อยํ สีมา จีวรวิปฺปวาสปริหารมฺปิ ลภตี’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๗) วุตฺตํ, ตสฺมา กมฺมกรณิจฺฉํ วินาปิ วุตฺตนเยน สมุปฺปตฺติ คเหตพฺพา’’ติ วทนฺติ. ตํ น ยุตฺตํ ปทีปปภา วิย สพฺพปุคฺคลานมฺปิ ปจฺเจกํ สีมาสมฺภเวน สงฺเฆ, คเณ วา กมฺมํ กโรนฺเต ตตฺถ ิตานํ ภิกฺขูนํ สมนฺตา ปจฺเจกํ สมุปฺปนฺนานํ อเนกสีมานํ อฺมฺํ สงฺกรโทสปฺปสงฺคโต. ปริสวเสน จสฺสา วฑฺฒิ หานิ จ สมฺภวติ, ปจฺฉา อาคตานํ อภินวสีมนฺตรุปฺปตฺติ เอว, คตานํ สมนฺตา ิตสีมาวินาโส จ ภเวยฺย.
ปาฬิยํ (มหาว. ๑๔๗) ปน ‘‘สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตรา, อยํ ตตฺถ สมานสํวาสา’’ติอาทินา เอกา เอว สตฺตพฺภนฺตรา อุทกุกฺเขปา จ อนฺุาตา, น เจสา สีมา สภาเวน, การณสามตฺถิเยน วา ปภา วิย ปทีปสฺส อุปฺปชฺชติ, กินฺตุ ¶ ภควโต อนุชานเนเนว. ภควา จ อิมา อนุชานนฺโต ภิกฺขูนํ วคฺคกมฺมปริหาเรน กมฺมกรณสุขตฺถเมว อนฺุาสีติ กถํ นหานาทิกิจฺเจน ปวิฏฺานมฺปิ สมนฺตา ตาสํ สีมานํ สมุปฺปตฺติ ปโยชนาภาวา, ปโยชเน จ เอกํ เอว ปโยชนนฺติ กถํ ปจฺเจกํ ภิกฺขุคณนาย อเนกสีมาสมุปฺปตฺติ. ‘‘เอกสีมาย หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา ิตา’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) หิ ¶ วุตฺตํ. ยํ ปน ทฺวินฺนํ สีมานํ อนฺตรา ตตฺตกปริจฺเฉเทเนว สีมนฺตริกาปนวจนํ, ตตฺถ ิตานํ กมฺมโกปวจนฺจ, ตมฺปิ อิมาสํ สีมานํ ปริจฺเฉทสฺส ทุพฺโพธตาย สีมาย สมฺเภทสงฺกํ กมฺมโกปสงฺกฺจ ทูรโต ปริหริตุํ วุตฺตํ.
โย จ จีวรวิปฺปวาสตฺถํ ภควตา อพฺโภกาเส ทสฺสิโต สตฺตพฺภนฺตรปริจฺเฉโท, โส สีมา เอว น โหติ, เขตฺตตฬากาทิปริจฺเฉโท วิย อยเมตฺถ เอโก ปริจฺเฉโทว. ตตฺถ จ พหูสุ ภิกฺขูสุ เอกโต ิเตสุ เตสํ วิสุํ วิสุํ อตฺตโน ิตฏฺานโต ปฏฺาย สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตรปริจฺเฉทพฺภนฺตเร เอว จีวรํ เปตพฺพํ, น ปริสปริยนฺตโต. ปริสปริยนฺตโต ปฏฺาย หิ อพฺภนฺตเร คยฺหมาเน สตฺตพฺภนฺตรปริโยสาเน ปิตจีวรํ มชฺเฌ ิตสฺส สตฺตพฺภนฺตรโต พหิ โหตีติ ตํ อรุณุคฺคมเน นิสฺสคฺคิยํ สิยา. สีมา ปน ปริสปริยนฺตโตว คเหตพฺพา. จีวรวิปฺปวาสปริหาโรเปตฺถ อชฺโฌกาสปริจฺเฉทสฺส วิชฺชมานตฺตา วุตฺโต, น ปน ยาว สีมาปริจฺเฉทํ ลพฺภมานตฺตา มหาสีมาย อวิปฺปวาสสีมาโวหาโร วิย. มหาสีมายมฺปิ หิ คามคามูปจาเรสุ จีวรํ นิสฺสคฺคิยํ โหติ, อิธาปิ มชฺเฌ ิตสฺส สีมาปริยนฺเต นิสฺสคฺคิยํ โหติ, ตสฺมา ยถาวุตฺตสีมาเปกฺขาวเสเนว ตาสํ สตฺตพฺภนฺตรอุทกุกฺเขปสีมานํ อุปฺปตฺติ, ตพฺพิคเมน วินาโส จ คเหตพฺโพติ ¶ อมฺหากํ ขนฺติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ. อฺโ วา ปกาโร อิโต ยุตฺตตโร คเวสิตพฺโพ.
อิธ ปน ‘‘อรฺเ สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตรา’’ติ เอวํ ปาฬิยํ (มหาว. ๑๔๗), ‘‘วิฺฌาฏวิสทิเส อรฺเ สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตรา’’ติ อฏฺกถายฺจ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๗) รุกฺขาทินิรนฺตเรปิ อรฺเ สตฺตพฺภนฺตรสีมาย วิหิตตฺตา อตฺตโน นิสฺสยภูตาย อรฺสีมาย สห เอติสฺสา รุกฺขาทิสมฺพนฺเธ โทสาภาโว, ปเคว อคามเก รุกฺเขติ นิสฺสิเตปิ ปเทเส จีวรวิปฺปวาสสฺส รุกฺขปริหารํ วินาว อชฺโฌกาสปริหาโร จ อนุมโตติ สิทฺโธติ เวทิตพฺพํ.
อุปจารตฺถายาติ สีมนฺตริกตฺถาย. สตฺตพฺภนฺตรโต อธิกํ วฏฺฏติ, อูนกํ ปน น วฏฺฏติ เอว สตฺตพฺภนฺตรปริจฺเฉทสฺส ทุพฺพิชานตฺตา. ตสฺมา สงฺฆํ วินา เอเกนปิ ภิกฺขุนา พหิ ติฏฺนฺเตน อฺํ สตฺตพฺภนฺตรํ อติกฺกมิตฺวา ทูเร เอว าตพฺพํ. อิตรถา กมฺมโกปสงฺกรโต. อุทกุกฺเขเปปิ เอเสว นโย. เตเนว วกฺขติ ‘‘อูนกํ ปน น วฏฺฏตี’’ติ (วิ. สงฺค.อฏฺ. ๑๖๗). อิทฺเจตฺถ ¶ สีมนฺตริกาวิธานํ ทฺวินฺนํ พทฺธสีมานํ สีมนฺตริกานุชานนสุตฺตานุโลมโต สิทฺธนฺติ ทฏฺพฺพํ. กิฺจาปิ หิ ภควตา นิทานวเสน เอกคามนิสฺสิตานํ เอกสภาคานฺจ ทฺวินฺนํ พทฺธสีมานเมว อฺมฺํ สมฺเภทอชฺโฌตฺถรณโทสปริหาราย สีมนฺตริกา อนฺุาตา, ตถาปิ ตทนุโลมโต เอกํ อรฺสีมํ นทีอาทิสีมฺจ นิสฺสิตานํ เอกสภาคานํ ทฺวินฺนํ สตฺตพฺภนฺตรสีมานมฺปิ อุทกุกฺเขปสีมานมฺปิ อฺมฺํ สมฺเภทชฺโฌตฺถรณํ, สีมนฺตริกํ วินา อพฺยวธาเนน านฺจ ภควตา อนภิมตเมวาติ ตฺวา อฏฺกถาจริยา อิธาปิ สีมนฺตริกาวิธานมกํสุ. วิสภาคสีมานมฺปิ หิ เอกสีมานิสฺสิตตฺตํ เอกสภาคตฺตฺจาติ ทฺวีหงฺเคหิ สมนฺนาคเม สติ ¶ เอว สีมนฺตริกํ วินา านํ สมฺเภทาย โหติ, นาสตีติ ทฏฺพฺพํ. สีมนฺตริกวิธานสามตฺถิเยเนว เจตาสํ รุกฺขาทิสมฺพนฺโธปิ พทฺธสีมา วิย อฺมฺํ น วฏฺฏตีติ อยมฺปิ นยโต ทสฺสิโตวาติ คเหตพฺพํ.
๑๖๗. สภาเวเนวาติ อิมินา คามสีมา วิย อพทฺธสีมาติ ทสฺเสติ. สพฺพเมตฺถ สงฺฆกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตีติ สมานสํวาสา เอกูโปสถาติ ทสฺเสติ. เยน เกนจีติ อนฺตมโส สูกราทินา สตฺเตน. มโหเฆน ปน อุณฺณตฏฺานโต นินฺนฏฺาเน ปตนฺเตน ขโต ขุทฺทโก วา มหนฺโต วา ลกฺขณยุตฺโต ‘‘ชาตสฺสโร’’ตฺเวว วุจฺจติ. เอตฺถปิ ขุทฺทเก อุทกุกฺเขปกิจฺจํ นตฺถิ. สมุทฺเท ปน สพฺพตฺถ อุทกุกฺเขปสีมายเมว กมฺมํ กาตพฺพํ โสเธตุํ ทุกฺกรตฺตา. ปุน ตตฺถาติ โลกโวหารสิทฺธีสุ เอว ตาสุ นทีอาทีสุ ตีสุ อพทฺธสีมาสุ ปุน วคฺคกมฺมปริหารตฺถํ สาสนโวหารสิทฺธาย อพทฺธสีมาย ปริจฺเฉทํ ทสฺเสนฺโตติ อธิปฺปาโย. ปาฬิยํ (มหาว. ๑๔๗) ‘‘ยํ มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺสา’’ติอาทีสุ อุทกํ อุกฺขิปิตฺวา ขิปียติ เอตฺถาติ อุทกุกฺเขโป, อุทกสฺส ปตโนกาโส, ตสฺมา อุทกุกฺเขปา, อยฺเหตฺถ ปทสมฺพนฺธวเสน อตฺโถ – ปริสปริยนฺตโต ปฏฺาย สมนฺตา ยาว มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส อุทกุกฺเขโป อุทกสฺส ปตนฏฺานํ, ตาว ยํ ตํ ปริจฺฉินฺนฏฺานํ, อยํ ตตฺถ นทีอาทีสุ อปรา สมานสํวาสา อุทกุกฺเขปสีมาติ.
ตสฺส อนฺโตติ ตสฺส อุทกุกฺเขปปริจฺฉินฺนสฺส านสฺส อนฺโต. น เกวลฺจ ตสฺเสว อนฺโต, ตโต พหิปิ, ‘‘เอกสฺส อุทกุกฺเขปสฺส อนฺโต าตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วจนํ อุทกุกฺเขปปริจฺเฉทสฺส ทุพฺพิชานโต กมฺมโกปสงฺกา โหตีติ ¶ . เตเนว มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ‘‘ปริจฺเฉทพฺภนฺตเร หตฺถปาสํ วิชหิตฺวา ิโตปิ ปริจฺเฉทโต พหิ ¶ อฺํ ตตฺตกํเยว ปริจฺเฉทํ อนติกฺกมิตฺวา ิโตปิ กมฺมํ โกเปติ, อิทํ สพฺพอฏฺกถาสุ สนฺนิฏฺาน’’นฺติ วุตฺตํ. ยํ ปเนตฺถ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๔๗) ‘‘ตสฺส อนฺโตหตฺถปาสํ วิชหิตฺวา ิโต กมฺมํ โกเปตีติ อิมินา ปริจฺเฉทโต พหิ ยตฺถ กตฺถจิ ิโต กมฺมํ น โกเปตี’’ติ วตฺวา มาติกาฏฺกถาวจนมฺปิ ปฏิกฺขิปิตฺวา ‘‘เนว ปาฬิยํ น อฏฺกถายํ อุปลพฺภตี’’ติอาทิ พหุ ปปฺจิตํ, ตํ น สุนฺทรํ อิธ อฏฺกถาวจเนน มาติกาฏฺกถาวจนสฺส นยโต สํสนฺทนโต สงฺฆฏนโต. ตถา หิ ทฺวินฺนํ อุทกุกฺเขปปอจฺเฉทานมนฺตรา วิทตฺถิจตุรงฺคุลมตฺตมฺปิ สีมนฺตริกํ อเปตฺวา ‘‘อฺโ อุทกุกฺเขโป สีมนฺตริกาย เปตพฺโพ, ‘‘ตโต อธิกํ วฏฺฏติ เอว, อูนกํ ปน น วฏฺฏตี’’ติ เอวํ อิเธว วุตฺเตน อิมินา อฏฺกถาวจเนน สีมนฺตริโกปจาเร อุทกุกฺเขปโต อูนเก ปิเต สีมาย สีมาสมฺเภทโต กมฺมโกโปปิ วุตฺโต เอว. ยทคฺเคน จ เอวํ วุตฺโต, ตทคฺเคน จ ตตฺถ เอกภิกฺขุโน ปเวเสปิ สติ ตสฺส สีมฏฺภาวโต กมฺมโกโป วุตฺโต เอว โหติ. อฏฺกถายํ ‘‘อูนกํ ปน น วฏฺฏตี’’ติ กถนฺเจตํ อุทกุกฺเขปปริจฺเฉทสฺส ทุพฺพิชานนฺเตนปิ สีมาสมฺเภทสงฺกาปริหารตฺถํ วุตฺตํ. สตฺตพฺภนฺตรสีมานมนฺตรา ตตฺตกปริจฺเฉเทเนว สีมนฺตริกวิธานวจนโตปิ เอตาสํ ทุพฺพิชานปริจฺเฉทตา, ตตฺถ จ ิตานํ กมฺมโกปสงฺกา สิชฺฌติ. กมฺมโกปสงฺกฏฺานมฺปิ อาจริยา ทูรโต ปริหารตฺถํ ‘‘กมฺมโกปฏฺาน’’นฺติ วตฺวาว เปสุนฺติ คเหตพฺพํ.
สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๔๗) ปน – อปริจฺฉินฺนายาติ พทฺธสีมาวเสน อกตปริจฺเฉทาย. เยน เกนจิ ขณิตฺวา อกโตติ อนฺตมโส ¶ ติรจฺฉาเนนปิ ขณิตฺวา อกโต. ตสฺส อนฺโตหตฺถปาสํ วิชหิตฺวา ิโต กมฺมํ โกเปตีติ อิมินา ปริจฺเฉทโต พหิ ยตฺถ กตฺถจิ ิโต กมฺมํ น โกเปตีติ ทีเปติ. ยํ ปน วุตฺตํ มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ‘‘ปริจฺเฉทพฺภนฺตเร หตฺถปาสํ วิชหิตฺวา ิโตปิ ปริจฺเฉทโต พหิ อฺํ ตตฺตกํเยว ปริจฺเฉทํ อนติกฺกมิตฺวา ิโตปิ กมฺมํ โกเปติ, อิทํ สพฺพอฏฺกถาสุ สนฺนิฏฺาน’’นฺติ. ตตฺถ อฺํ ตตฺตกํเยว ปริจฺเฉทํ อนติกฺกมิตฺวา ิโตปิ กมฺมํ โกเปตีติ อิทํ เนว ปาฬิยํ, น อฏฺกถายํ อุปลพฺภติ, ยทิ เจตํ ทฺวินฺนํ สงฺฆานํ วิสุํ อุโปสถาทิกมฺมกรณาธิกาเร วุตฺตตฺตา อุทกุกฺเขปโต พหิ อฺํ อุทกุกฺเขปํ อนติกฺกมิตฺวา อุโปสถาทิกรณตฺถํ ิโต สงฺโฆ สีมาสมฺเภทสมฺภวโต กมฺมํ โกเปตีติ อิมินา อธิปฺปาเยน วุตฺตํ สิยา, เอวมฺปิ ยุชฺเชยฺย. เตเนว มาติกาฏฺกถาย ลีนตฺถปฺปกาสนิยํ (กงฺขา. ฏี. นิทานวณฺณนา) วุตฺตํ ¶ ‘‘อฺํ ตตฺตกํเยว ปริจฺเฉทนฺติ ทุติยํ อุทกุกฺเขปํ อนติกฺกนฺโตปิ โกเปติ. กสฺมา? อตฺตโน อุทกุกฺเขปสีมาย ปเรสํ อุทกุกฺเขปสีมาย อชฺโฌตฺถฏตฺตา สีมาสมฺเภโท โหติ, ตสฺมา โกเปตี’’ติ. ‘‘อิทํ สพฺพอฏฺกถาสุ สนฺนิฏฺาน’’นฺติ จ อิมินาว อธิปฺปาเยน วุตฺตนฺติ คเหตพฺพํ สพฺพาสุปิ อฏฺกถาสุ สีมาสมฺเภทสฺส อนิจฺฉิตตฺตา. เตเนว หิ ‘‘อตฺตโน จ อฺเสฺจ อุทกุกฺเขปปริจฺเฉทสฺส อนฺตรา อฺโ อุทกุกฺเขโป สีมนฺตริกตฺถาย เปตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. อฺเ ปเนตฺถ อฺถาปิ ปปฺเจนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ.
สพฺพตฺถ สงฺโฆ นิสีทตีติ หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา นิสีทติ. อุทกุกฺเขปสีมาย กมฺมํ นตฺถีติ ยสฺมา สพฺโพปิ นทีปเทโส ภิกฺขูหิ อชฺโฌตฺถโฏ, ตสฺมา สมนฺตโต นทิยา ¶ อภาวา อุทกุกฺเขปปฺปโยชนํ นตฺถิ. อุทกุกฺเขปปฺปมาณา สีมนฺตริกา สุวิฺเยฺยตรา โหติ, สีมาสมฺเภทสงฺกา จ น สิยาติ สามีจิทสฺสนตฺถํ ‘‘อฺโ อุทกุกฺเขโป สีมนฺตริกตฺถาย เปตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. ยตฺตเกน ปน สีมาสมฺเภโท น โหติ, ตตฺตกํ เปตุํ วฏฺฏติเยว. เตเนวาหุ โปราณา ‘‘ยตฺตเกน สีมาสมฺเภโท น โหติ, ตตฺตกมฺปิ เปตุํ วฏฺฏตี’’ติ. อูนกํ ปน น วฏฺฏตีติ อิทมฺปิ อุทกุกฺเขปสีมาย ปริสวเสน วฑฺฒนโต สีมาสมฺเภทสงฺกา สิยาติ ตนฺนิวารณตฺถเมว วุตฺตนฺติ วุตฺตํ.
วชิรพุทฺธิฏีกายมฺปิ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๑๔๗) – ยํ มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส สมนฺตา อุทกุกฺเขปาติ ปน เอติสฺสา นทิยา จตุวคฺคาทีนํ สงฺฆานํ วิสุํ จตุวคฺคกรณียาทิกมฺมกรณกาเล สีมาปริจฺเฉททสฺสนตฺถํ วุตฺตํ ติจีวเรน วิปฺปวาสาวิปฺปวาสปริจฺเฉททสฺสนตฺถมฺปิ สตฺตพฺภนฺตรสีมาย ปริจฺเฉททสฺสนํ วิยาติ อาจริยา, ตสฺมา อุทกุกฺเขปปริจฺเฉทาภาเวปิ อนฺโตนทิยํ กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตีติ สิทฺธํ. อยํ ปน วิเสโส – ตตฺถ นาวาคโต เจ, นาวายํ วุตฺตนเยน, สตฺถคโต เจ, สตฺเถ วุตฺตนเยน. โส เจ อติเรกจาตุมาสนิวุตฺโถ เจ, คาเม วุตฺตนเยน ติจีวราวิปฺปวาโส เวทิตพฺโพ. ตตฺถาปิ อยํ วิเสโส – สเจ สตฺโถ อุทกุกฺเขปสฺส อนฺโต โหติ, อุทกุกฺเขปสีมา ปมาณนฺติ เอเก. สตฺโถว ปมาณนฺติ อาจริยา. สเจ ปเนตฺถ พหู ภิกฺขูติอาทิมฺหิ เกจิ อธิฏฺานุโปสถํ, เกจิ คณุโปสถํ, เกจิ สงฺฆุโปสถนฺติ วตฺตุกามตาย ‘‘พหู สงฺฆา’’ติ อวตฺวา ‘‘ภิกฺขู’’ติ วุตฺตํ. อูนกํ ปน น วฏฺฏตีติ เอตฺถ สีมาสมฺเภทสมฺภวโตติ อุปติสฺสตฺเถโร. เปนฺเต หิ อูนกํ น เปตพฺพํ, ‘‘อฏฺเปตุมฺปิ วฏฺฏติ เอวา’’ติ วุตฺตนฺติ วุตฺตํ.
ตนฺติ ¶ ¶ สีมํ. สีฆเมว อติกฺกมตีติ อิมินา ตํ อนติกฺกมิตฺวา อนฺโต เอว ปริวตฺตมานาย กาตุํ วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. เอตทตฺถเมว หิ วาลิกาทีหิ สีมาปริจฺฉินฺทนํ, อิตรถา พหิ ปริวตฺตา นุ โข, โน วาติ กมฺมโกปสงฺกา ภเวยฺยาติ. อฺิสฺสา อนุสฺสาวนาติ เกวลาย นทีสีมาย อนุสฺสาวนา. อนฺโตนทิยํ ชาตรุกฺเข วาติ อุทกุกฺเขปปริจฺเฉทสฺส พหิ ิเต รุกฺเข วา. พหินทีตีรเมว หิ วิสภาคสีมตฺตา อพนฺธิตพฺพฏฺานํ, น อนฺโตนที นิสฺสยตฺเตน สภาคตฺตา. เตเนว ‘‘พหินทีตีเร วิหารสีมาย วา’’ติอาทินา ตีรเมว อพนฺธิตพฺพฏฺานตฺเตน ทสฺสิตํ, น ปน นที. ชาตรุกฺเขปิ ิเตหีติ อิทํ อนฺโตอุทกุกฺเขปฏฺํ สนฺธาย วุตฺตํ. น หิ พหิอุทกุกฺเขเป ภิกฺขูนํ าตุํ วฏฺฏติ.
รุกฺขสฺสาติ ตสฺเสว อนฺโตอุทกุกฺเขปฏฺสฺส รุกฺขสฺส. สีมํ วา โสเธตฺวาติ ยถาวุตฺตํ วิหาเร พทฺธสีมํ คามสีมฺจ ตตฺถ ิตภิกฺขูนํ หตฺถปาสานยนพหิสีมกรณวเสเนว โสเธตฺวา. ยถา จ อุทกุกฺเขปสีมายํ กมฺมํ กโรนฺเตหิ, เอวํ พทฺธสีมายํ วา คามสีมายํ วา กมฺมํ กโรนฺเตหิปิ อุทกุกฺเขปสีมฏฺเ โสเธตฺวาว กาตพฺพํ. เอเตเนว สตฺตพฺภนฺตรอรฺสีมาหิปิ สทฺธึ อุทกุกฺเขปสีมาย, อิมาย จ สทฺธึ ตาสํ รุกฺขาทิสมฺพนฺธโทโสปิ นยโต ทสฺสิโตว โหติ. อิมินาว นเยน สตฺตพฺภนฺตรสีมาย พทฺธสีมคามสีมาหิปิ สทฺธึ, เอตาสฺจ สตฺตพฺภนฺตรสีมาย สทฺธึ สมฺพนฺธโทโส าตพฺโพ. อฏฺกถายํ ปเนตํ สพฺพํ วุตฺตนยโตว สกฺกา วิฺาตุนฺติ อฺมฺาสนฺนานเมเวตฺถ ทสฺสิตํ.
ตตฺริทํ สุตฺตานุโลมโต นยคฺคหณมุขํ – ยถา หิ พทฺธสีมายํ สมฺมตา พทฺธสีมา วิปตฺติสีมา โหตีติ ตาสํ อฺมฺํ รุกฺขาทิสมฺพนฺโธ น วฏฺฏติ, เอวํ นทีอาทีสุ สมฺมตาปิ พทฺธสีมา วิปตฺติสีมาว โหตีติ ตาหิปิ สทฺธึ ตสฺสา รุกฺขาทิสมฺพนฺโธ ¶ น วฏฺฏตีติ สิชฺฌติ. อิมินา นเยน สตฺตพฺภนฺตรสีมาย คามนทีอาทีหิ สทฺธึ, อุทกุกฺเขปสีมาย จ อรฺาทีหิ สทฺธึ รุกฺขาทิสมฺพนฺธสฺสนวฏฺฏนกภาโว าตพฺโพ, เอวเมตา ภควตา อนฺุาตา พทฺธสีมสตฺตพฺภนฺตรอุทกุกฺเขปสีมา อฺมฺฺเจว อตฺตโน นิสฺสยวิรหิตาหิ อิตรีตราสํ นิสฺสยสีมาหิ จ รุกฺขาทิสมฺพนฺเธ สติ สมฺเภทโทสมาปชฺชตีติ สุตฺตานุโลมนโย าตพฺโพว.
อตฺตโน อตฺตโน ปน นิสฺสยภูตคามาทีหิ สทฺธึ พทฺธสีมาทีนํ ติสฺสนฺนํ อุปฺปตฺติกาเล ภควตา ¶ อนฺุาตสฺส สมฺเภทชฺโฌตฺถรณสฺส อนุโลมนโต รุกฺขาทิสมฺพนฺโธปิ อนฺุาโตว โหตีติ ทฏฺพฺพํ. ยทิ เอวํ อุทกุกฺเขปพทฺธสีมาทีนํ อนฺตรา กสฺมา สีมนฺตริกา น วิหิตาติ? นิสฺสยเภทสภาวเภเทหิ สยเมว ภินฺนตฺตา. เอกนิสฺสยเอกสภาวานเมว หิ สีมนฺตริกาย วินาสํ กโรตีติ วุตฺโตวายมตฺโถ. เอเตเนว นทีนิมิตฺตํ กตฺวา พทฺธาย สีมาย สงฺเฆ กมฺมํ กโรนฺเต นทิยมฺปิ ยาว คามกฺเขตฺตํ อาหจฺจ ิตาย อุทกุกฺเขปสีมาย อฺเสํ กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตีติ สิทฺธํ โหติ. ยา ปเนตา โลกโวหารสิทฺธา คามารฺนทีสมุทฺทชาตสฺสรสีมา ปฺจ, ตา อฺมฺํ รุกฺขาทิสมฺพนฺเธปิ สมฺเภทโทสํ นาปชฺชติ ตถา โลกโวหาราภาวโต. น หิ คามาทโย คามนฺตราทีหิ นทีอาทีหิ จ รุกฺขาทิสมฺพนฺธมตฺเตน สมฺภินฺนาติ โลเก โวหรนฺติ. โลกโวหารสิทฺธานฺจ โลกโวหารโตว สมฺเภโท วา อสมฺเภโท วา คเหตพฺโพ, น อฺถา. เตเนว อฏฺกถายํ ตาสํ อฺมฺํ กตฺถจิปิ สมฺเภทนโย น ทสฺสิโต, สาสนโวหารสิทฺโธ เอว ทสฺสิโตติ.
เอตฺถ ปน พทฺธสีมาย ตาว ‘‘เหฏฺา ปถวีสนฺธารกํ อุทกํ ปริยนฺตํ กตฺวา สีมา คตา โหตี’’ติอาทินา อโธภาคปริจฺเฉโท ¶ อฏฺกถายํ สพฺพถา ทสฺสิโต, คามสีมาทีนํ ปน น ทสฺสิโต. กถมยํ ชานิตพฺโพติ? เกจิ ตาเวตฺถ ‘‘คามสีมาทโยปิ พทฺธสีมา วิย ปถวีสนฺธารกํ อุทกํ อาหจฺจ ติฏฺตี’’ติ วทนฺติ.
เกจิ ปน ตํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ‘‘นทีสมุทฺทชาตสฺสรสีมา, ตาว ตนฺนิสฺสิตอุทกุกฺเขปสีมา จ ปถวิยา อุปริตเล เหฏฺา จ อุทเกน อชฺโฌตฺถรณปฺปเทเส เอว ติฏฺนฺติ, น ตโต เหฏฺา อุทกสฺส อชฺโฌตฺถรณาภาวา. สเจ ปน อุทโกฆาทินา โยชนปฺปมาณมฺปิ นินฺนฏฺานํ โหติ, นทีสีมาทโยว โหนฺติ, น ตโต เหฏฺา. ตสฺมา นทีอาทีนํ เหฏฺา พหิตีรมุเขน อุมงฺเคน, อิทฺธิยา วา ปวิฏฺโ ภิกฺขุ นทิยํ ิตานํ กมฺมํ น โกเปติ, โส ปน อาสนฺนคาเม ภิกฺขูนํ กมฺมํ โกเปติ. สเจ ปน โส อุภินฺนํ ตีรคามานํ มชฺเฌ นิสินฺโน โหติ, อุภยคามฏฺานํ กมฺมํ โกเปติ. สเจ ปน ตีรํ คามกฺเขตฺตํ น โหติ, อคามการฺเมว. ตตฺถ ปน ตีรทฺวเยปิ สตฺตพฺภนฺตรสีมํ วินา เกวลาย ขุทฺทการฺสีมายเมว กมฺมํ โกเปติ. สเจ สตฺตพฺภนฺตรสีมาย กโรนฺติ, ตทา ยทิ เตสํ สตฺตพฺภนฺตรสีมาย ปริจฺเฉโท เอตสฺส นิสินฺโนกาสสฺส ปรโต เอกํ สตฺตพฺภนฺตรํ อติกฺกมิตฺวา ิโต น กมฺมโกโป. โน เจ, กมฺมโกโป. คามสีมายํ ปน อนฺโตอุมงฺเค วา พิเล วา ขณิตฺวา ¶ วา ยตฺถ ปวิสิตุํ สกฺกา, ยตฺถ วา สุวณฺณมณิอาทึ ขณิตฺวา คณฺหนฺติ, คเหตุํ สกฺกาติ วา สมฺภาวนา โหติ, ตตฺตกํ เหฏฺาปิ คามสีมา, ตตฺถ อิทฺธิยา อนฺโต นิสินฺโนปิ กมฺมํ โกเปติ. ยตฺถ ปน ปกติมนุสฺสานํ ปเวสสมฺภาวนาปิ นตฺถิ, ตํ สพฺพํ ยาว ปถวีสนฺธารกอุทกา อรฺสีมาว, น คามสีมา. อรฺสีมายมฺปิ เอเสว นโย. ตตฺถปิ หิ ยตฺตเก ปเทเส ปเวสสมฺภาวนา, ตตฺตกเมว อุปริตเล อรฺสีมา ปวตฺตติ. ตโต ปน เหฏฺา น อรฺสีมา ตตฺถ อุปริตเลน ¶ สห เอการฺโวหาราภาวโต. น หิ ตตฺถ ปวิฏฺํ อรฺํ ปวิฏฺโติ โวหรนฺติ, ตสฺมา ตตฺรฏฺโ อุปริ อรฺฏฺานํ กมฺมํ น โกเปติ อุมงฺคนทิยํ ิโต วิย อุปรินทิยํ ิตานํ. เอกสฺมิฺหิ จกฺกวาเฬ คามนทีสมุทฺทชาตสฺสเร มฺุจิตฺวา ตทวเสสํ อมนุสฺสาวาสํ เทวพฺรหฺมโลกํ อุปาทาย สพฺพํ อรฺเมว. ‘คามา วา อรฺา วา’ติ วุตฺตตฺตา หิ นทีสมุทฺทชาตสฺสราทิปิ อรฺเมว. อิธ ปน นทีอาทีนํ วิสุํ สีมาภาเวน คหิตตฺตา ตทวเสสเมว อรฺํ คเหตพฺพํ. ตตฺถ จ ยตฺตเก ปเทเส เอกํ อรฺนฺติ โวหรนฺติ, อยเมกา อรฺสีมา. อินฺทปุรฺหิ สพฺพํ เอการฺสีมา, ตถา อสุรยกฺขปุราทิ. อากาสฏฺเทวพฺรหฺมวิมานานิ ปน สมนฺตา อากาสปริจฺฉินฺนานิ ปจฺเจกํ อรฺสีมา สมุทฺทมชฺเฌ ปพฺพตทีปกา วิย. ตตฺถ สพฺพตฺถ สตฺตพฺภนฺตรสีมายํ, อรฺสีมายเมว วา กมฺมํ กาตพฺพํ, ตสฺมา อิธาปิ อุปริอรฺตเลน สทฺธึ เหฏฺาปถวิยา เอการฺโวหาราภาวา วิสุํ อรฺสีมาติ คเหตพฺพํ. เตเนเวตฺถ คามนทีอาทิสีมากถาย อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘) ‘อิทฺธิมา ภิกฺขุ เหฏฺาปถวิตเล ิโต กมฺมํ โกเปตี’ติ พทฺธสีมายํ ทสฺสิตนโย น ทสฺสิโต’’ติ วทนฺติ.
อิทฺเจตาสํ คามสีมาทีนํ เหฏฺาปมาณทสฺสนํ สุตฺตาทิวิโรธาภาวา ยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ. เอวํ คหเณ จ คามสีมายํ สมฺมตา พทฺธสีมา อุปริคามสีมํ, เหฏฺา อุทกปริยนฺตํ อรฺสีมฺจ อวตฺถรตีติ ตสฺสา อรฺสีมาปิ เขตฺตนฺติ สิชฺฌติ. ภควตา จ ‘‘สพฺพา, ภิกฺขเว, นที อสีมา’’ติอาทินา (มหาว. ๑๔๗) นทีสมุทฺทชาตสฺสรา พทฺธสีมาย อเขตฺตภาเวน วุตฺตา, น ปน อรฺํ, ตสฺมา อรฺมฺปิ พทฺธสีมาย เขตฺตเมวาติ คเหตพฺพํ. ยทิ เอวํ กสฺมา ¶ ตตฺถ สา น พชฺฌตีติ? ปโยชนาภาวา. สีมาเปกฺขานนฺตรเมว หิ สตฺตพฺภนฺตรสีมาย สมฺภวโต, ตสฺสา จ อุปริ สมฺมตาย พทฺธสีมาย สมฺเภทชฺโฌตฺถรณานุโลมโต วิปตฺติสีมา เอว สิยา. คามกฺเขตฺเต ปน ตฺวา อคามการฺเกเทสมฺปิ อนฺโตกริตฺวา สมฺมตา กิฺจาปิ สุสมฺมตา อคามการฺเ ภควตา ¶ วิหิตาย สตฺตพฺภนฺตรสีมายปิ อนิวตฺตนโต, ตตฺถ ปน กมฺมํ กาตุํ ปวิฏฺานมฺปิ ตโต พหิ เกวลารฺเ กโรนฺตานมฺปิ อนฺตรา ตีณิ สตฺตพฺภนฺตรานิ เปตพฺพานิ. อฺถา วิปตฺติ เอว สิยาติ สพฺพถา นิรตฺถกเมว อคามเก อรฺเ พทฺธสีมากรณนฺติ เวทิตพฺพํ.
อนฺโตนทิยํ ปวิฏฺสาขายาติ นทิยา ปถวีตลํ อาหจฺจ ิตาย สาขายปิ, ปเคว อนาหจฺจ ิตาย. ปาโรเหปิ เอเสว นโย. เอเตน สภาคนทีสีมํ ผุสิตฺวา ิเตน วิสภาคสีมาสมฺพนฺธสาขาทินา อุทกุกฺเขปสีมาย สมฺพนฺโธ น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. เอเตเนว มหาสีมํ คามสีมฺจ ผุสิตฺวา ิเตน สาขาทินา มาฬกสีมาย สมฺพนฺโธ น วฏฺฏตีติ าปิโตติ ทฏฺพฺโพ. อนฺโตนทิยํเยวาติ เสตุปาทานํ ตีรฏฺิตตฺตํ นิวตฺเตติ. เตน อุทกุกฺเขปปริจฺเฉทโต พหินทิยํ ปติฏฺิตตฺเตปิ สมฺเภทาภาวํ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘พหิตีเร ปติฏฺิตา’’ติอาทิ. ยทิ หิ อุทกุกฺเขปโต พหิ อนฺโตนทิยมฺปิ ปติฏฺิตตฺเต สมฺเภโท ภเวยฺย, ตมฺปิ ปฏิกฺขิปิตพฺพํ ภเวยฺย กมฺมโกปสฺส สมานตฺตา, น จ ปฏิกฺขิตฺตํ, ตสฺมา สพฺพตฺถ อตฺตโน นิสฺสยสีมาย สมฺเภทโทโส นตฺเถวาติ คเหตพฺพํ.
อาวรเณน วาติ ทารุอาทีนิ ขณิตฺวา อุทกนิวารเณน. โกฏฺฏกพนฺธเนน วาติ มตฺติกาทีหิ ปูเรตฺวา กตเสตุพนฺธเนน วา, อุภเยนาปิ อาวรณเมว ทสฺเสติ. ‘‘นทึ วินาเสตฺวา’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวติ ‘‘เหฏฺา ปาฬิ ¶ พทฺธา’’ติ, เหฏฺา นทึ อาวริตฺวา ปาฬิ พทฺธาติ อตฺโถ. ฉฑฺฑิโตทกนฺติ อติริตฺโตทกํ. นทึ โอตริตฺวา สนฺทนฏฺานโตติ อิมินา ตฬากนทีนํ อนฺตรา ปวตฺตนฏฺาเน น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. อุปฺปติตฺวาติ ตีราทิภินฺทนวเสน วิปุลา หุตฺวา. วิหารสีมนฺติ พทฺธสีมํ.
อคมนปเถติ ตทเหว คนฺตฺวา นิวตฺติตุํ อสกฺกุเณยฺเย. อรฺสีมาสงฺขฺยเมว คจฺฉตีติ โลกโวหารสิทฺธํ อคามการฺสีมํ สนฺธาย วทติ. ตตฺถาติ ปกติยา มจฺฉพนฺธานํ คมนปเถสุ ทีปเกสุ.
ตํ านนฺติ เตสํ อาวาฏาทีนํ กตฏฺานเมว, น อกตนฺติ อตฺโถ. โลณีติ สมุทฺโททกสฺส อุปฺปตฺติเวคนินฺโน มาติกากาเรน ปวตฺตนโก.
สารตฺถทีปนิยํ ¶ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๔๗) ปน – คจฺฉนฺติยา ปน นาวาย กาตุํ น วฏฺฏตีติ เอตฺถ อุทกุกฺเขปมนติกฺกมิตฺวา ปริวตฺตมานาย กาตุํ วฏฺฏตีติ เวทิตพฺพํ. สีมํ วา โสเธตฺวาติ เอตฺถ สีมาโสธนํ นาม คามสีมาทีสุ ิตานํ หตฺถปาสานยนาทิ. ‘‘นทึ วินาเสตฺวา ตฬากํ กโรนฺตี’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวติ ‘‘เหฏฺา ปาฬิ พทฺธา’’ติ, เหฏฺา นทึ อาวริตฺวา ปาฬิ พทฺธาติ อตฺโถ. ฉฑฺฑิโตทกนฺติ ตฬากรกฺขณตฺถํ เอกมนฺเตน ฉฑฺฑิตมุทกํ. เทเว อวสฺสนฺเตติ ทุพฺพุฏฺิกาเล วสฺสาเนปิ เทเว อวสฺสนฺเต. อุปฺปติตฺวาติ อุตฺตริตฺวา. คามนิคมสีมํ โอตฺถริตฺวา ปวตฺตตีติ วุตฺตปฺปกาเร วสฺสกาเล จตฺตาโร มาเส อพฺโพจฺฉินฺนา ปวตฺตติ. วิหารสีมนฺติ พทฺธสีมํ สนฺธาย วทติ.
อคมนปเถติ ยตฺถ ตทเหว คนฺตฺวา ปจฺจาคนฺตุํ น สกฺโกติ, ตาทิเส ปเทเส. อรฺสีมาสงฺขฺยเมว คจฺฉตีติ สตฺตพฺภนฺตรสีมํ สนฺธาย วทติ. เตสนฺติ มจฺฉพนฺธานํ. คมนปริยนฺตสฺส ¶ โอรโตติ คมนปริยนฺตสฺส โอริมภาเค ทีปกํ ปพฺพตฺจ สนฺธาย วุตฺตํ, น สมุทฺทปฺปเทสนฺติ วุตฺตํ.
สมฺภินฺทนฺตีติ ยตฺถ จตูหิ ภิกฺขูหิ นิสีทิตุํ น สกฺกา, ตตฺถ ตโต ปฏฺาย ยาว เกสคฺคมตฺตมฺปิ อตฺตโน สีมาย กโรนฺตา สมฺภินฺทนฺติ, จตุนฺนมฺปิ ภิกฺขูนํ ปโหนกโต ปฏฺาย ยาว สกลมฺปิ อนฺโตกโรนฺตา อชฺโฌตฺถรนฺตีติ เวทิตพฺพํ. สํสฏฺวิฏปาติ อฺมฺํ สิพฺพิตฺวา ิตมหาสาขมูลา, เอเตน อฺมฺสฺส อติอาสนฺนตํ ทีเปติ. สาขาย สาขํ ผุสนฺตาปิ หิ ทูรฏฺาปิ สิยุํ, ตโต เอกํสโต สมฺเภทลกฺขณํ น ทสฺสิตํ สิยาติ ตํ ทสฺเสตุํ วิฏปคฺคหณํ กตํ. เอวฺหิ ภิกฺขูนํ นิสีทิตุํ อปฺปโหนกฏฺานํ อตฺตโน สีมาย อนฺโตสีมฏฺํ กริตฺวา ปุราณวิหารํ กโรนฺตา สีมาย สีมํ สมฺภินฺทนฺติ นาม, น ตโต ปรนฺติ ทสฺสิตเมว โหติ. พทฺธา โหตีติ โปราณกวิหารสีมํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตํ อมฺพนฺติ อปเรน สมเยน ปุราณวิหารปริกฺเขปาทีนํ วินฏฺตฺตา อชานนฺตานํ ตํ ปุราณวิหารสีมาย นิมิตฺตภูตํ อมฺพํ. อตฺตโน สีมาย อนฺโตสีมฏฺํ กริตฺวา ปุราณวิหารสีมฏฺํ ชมฺพุํ กิตฺเตตฺวา อมฺพชมฺพูนํ อนฺตเร ยํ านํ, ตํ อตฺตโน สีมาย ปเวเสตฺวา พทฺธาติ อตฺโถ. เอตฺถ จ ปุราณสีมาย นิมิตฺตภูตสฺส คามฏฺสฺส อมฺพรุกฺขสฺส อนฺโตสีมฏฺาย ชมฺพุยา สห สํสฏฺวิฏปตฺเตปิ สีมาย พนฺธนกาเล วิปตฺติ วา ปจฺฉา คามสีมาย สห สมฺเภโท วา กมฺมวิปตฺติ วา นาโหสีติ มุขโตว วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
ปเทสนฺติ ¶ สงฺฆสฺส นิสีทนปฺปโหนกํ ปเทสํ. สีมนฺตริกํ เปตฺวาติอาทินา สมฺเภทชฺโฌตฺถรณํ กตฺวา พทฺธสีมาปิ อฺมฺํ ผุสาเปตฺวา อพฺยวธาเนน พทฺธสีมาปิ อสีมา เอวาติ ทสฺเสติ, ตสฺมา เอกทฺวงฺคุลมตฺตาปิ สีมนฺตริกา วฏฺฏติ เอว. สา ปน ทุพฺโพธาติ อฏฺกถาสุ จตุรงฺคุลาทิกา วุตฺตาติ ¶ ทฏฺพฺพํ. ทฺวินฺนํ สีมานนฺติ ทฺวินฺนํ พทฺธสีมานํ. นิมิตฺตํ โหตีติ นิมิตฺตสฺส สีมโต พาหิรตฺตา พนฺธนกาเล ตาว สมฺเภทโทโส นตฺถีติ อธิปฺปาโย. น เกวลฺจ นิมิตฺตกโต เอว สงฺกรํ กโรติ, อถ โข สีมนฺตริกาย ิโต อฺโปิ รุกฺโข กโรติ เอว, ตสฺมา อปฺปมตฺติกาย สีมนฺตริกาย วฑฺฒนกรุกฺขาทโย น วฏฺฏนฺติ เอว. เอตฺถ จ อุปริ ทิสฺสมานขนฺธสาขาทิปเวเสสุ เอว สงฺกรโทสสฺส สพฺพตฺถ ทสฺสิตตฺตา อทิสฺสมานานํ มูลานํ ปเวเสปิ ภูมิคติกตฺตา โทโส นตฺถีติ สิชฺฌติ. สเจ ปน มูลานิปิ ทิสฺสมานานิ เนว ปวิสนฺติ, สงฺกโรว, ปพฺพตปาสาณา ปน ทิสฺสมานาปิ ภูมิคติกาเยว. ยทิ ปน พนฺธนกาเล เอว เอโก ถูลรุกฺโข อุภยมฺปิ สีมํ อาหจฺจ ติฏฺติ, ปจฺฉา พทฺธา อสีมา โหตีติ ทฏฺพฺพํ.
สีมสงฺกรนฺติ สีมสมฺเภทํ. ยํ ปเนตฺถ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๔๘) วุตฺตํ ‘‘สีมสงฺกรํ กโรตีติ วฑฺฒิตฺวา สีมปฺปเทสํ ปวิฏฺเ ทฺวินฺนํ สีมานํ คตฏฺานสฺส ทุพฺพิฺเยฺยตฺตา วุตฺต’’นฺติ, ตํ น ยุตฺตํ คามสีมายปิ สห สงฺกรํ กโรตีติ วตฺตพฺพโต. ตตฺถาปิ หิ นิมิตฺเต วฑฺฒิเต คามสีมพทฺธสีมานํ คตฏฺานํ ทุพฺพิฺเยฺยเมว โหติ. ตตฺถ ปน อวตฺวา ทฺวินฺนํ พทฺธสีมานเมว สงฺกรสฺส วุตฺตตฺตา ยถาวุตฺตสมฺพนฺธโทโสว สงฺกรสทฺเทน วุตฺโตติ คเหตพฺพํ. ปาฬิยํ (มหาว. ๑๔๘) ปน นิทานวเสน ‘‘เยสํ, ภิกฺขเว, สีมา ปจฺฉา สมฺมตา, เตสํ ตํ กมฺมํ อธมฺมิก’’นฺติอาทินา ปจฺฉา สมฺมตาย อสีมตฺเต วุตฺเตปิ ทฺวีสุ คามสีมาสุ ตฺวา ทฺวีหิ สงฺเฆหิ สมฺเภทํ วา อชฺโฌตฺถรณํ วา กตฺวา สีมนฺตริกํ อฏฺเปตฺวา วา รุกฺขปาโรหาทิสมฺพนฺธํ อวิโยเชตฺวา วา เอกสฺมึ ขเณ กมฺมวาจานิฏฺาปนวเสน เอกโต สมฺมตานํ ทฺวินฺนมฺปิ สีมานํ อสีมตา ปกาสิตาติ เวทิตพฺพํ.
สารตฺถทีปนิยํ ¶ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๔๘) ‘‘สํสฏฺวิฏปาติ อิมินา อฺมฺสฺส อาสนฺนตํ ทีเปติ. พทฺธา โหตีติ ปจฺฉิมทิสาภาเค สีมํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตสฺสา ปเทสนฺติ ยตฺถ ตฺวา ภิกฺขูหิ กมฺมํ กาตุํ สกฺกา โหติ, ตาทิสํ ปเทสํ. ยตฺถ ปน ิเตหิ กมฺมํ กาตุํ น สกฺกา โหติ, ตาทิสํ ปเทสํ อนฺโต กริตฺวา พนฺธนฺตา สีมาย สีมํ สมฺภินฺทนฺติ ¶ นาม. ทฺวินฺนํ สีมานํ นิมิตฺตํ โหตีติ นิมิตฺตสฺส สีมโต พาหิรตฺตา สีมสมฺเภโท น โหตีติ วุตฺตํ. สีมสงฺกรํ กโรตีติ วฑฺฒิตฺวา สีมปฺปเทสํ ปวิฏฺเ ทฺวินฺนํ สีมานํ คตฏฺานสฺส ทุวิฺเยฺยตฺตา วุตฺตํ, น จ ปน ตตฺถ กมฺมํ กาตุํ น วฏฺฏตีติ ทสฺสนตฺถํ. น หิ สีมา ตตฺตเกน อสีมา โหติ, ทฺเว ปน สีมา ปจฺฉา วฑฺฒิเตน รุกฺเขน อชฺโฌตฺถฏา เอกาพทฺธา โหนฺติ, ตสฺมา เอกตฺถ ตฺวา กมฺมํ กโรนฺเตหิ อิตรํ โสเธตฺวา กาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ.
อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร
สีมาวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม
จตุวีสติโม ปริจฺเฉโท.
สีมาพนฺธนวินิจฺฉยกถา
เอวํ สีมาวินิจฺฉยํ กเถตฺวา ปาฬิยํ สีมกถาย อุโปสถกฺขนฺธกปริยาปนฺนตฺตา อุโปสถกฺขนฺธกานนฺตรฺจ ปวารณกฺขนฺธกสฺส อาคตตฺตา ตทนุกฺกเมน สีมาวินิจฺฉยโต อุโปสถปวารณวินิจฺฉยํ กเถตุมารทฺเธปิ สาสนวุทฺธิกรณตฺถํ อุปสมฺปทาทิวินยกมฺมกรณฏฺานภูตํ สีมํ พนฺธิตุกามานํ ลชฺชิเปสลพหุสฺสุตสิกฺขากามภิกฺขูนํ ปฺาสติวีริยชนนตฺถํ สีมาพนฺธนกถา อมฺเหหิ อารภียเต ¶ . ตตฺถ อปโลกนาทิจตุพฺพิธกมฺมกรณฏฺานภูตา สีมา นาม พทฺธอพทฺธวเสน ทุวิธา โหติ. ตตฺถาปิ พทฺธสีมา ขณฺฑสีมา, สมานสํวาสกสีมา, อวิปฺปวาสสีมาติ ติพฺพิธา โหติ, ตถา อพทฺธสีมาปิ คามสีมา, อุทกุกฺเขปสีมา, สตฺตพฺภนฺตรสีมาติ. วุตฺตฺเหตํ อาจริยพุทฺธทตฺตตฺเถเรน วินยวินิจฺฉเย –
‘‘ขณฺฑสมานสํวาสา-วิปฺปวาสาติ เภทโต;
อิติ พทฺธา ติธา วุตฺตา, อพทฺธาปิ ติธา มตา.
‘‘คามโต อุทกุกฺเขปา, สตฺตพฺภนฺตรโตปิ จ;
ตตฺถ คามปริจฺเฉโท, คามสีมาติ วุจฺจตี’’ติ.
ตตฺถ ¶ พทฺธสีมํ พนฺธิตุกาเมน อติขุทฺทิกา, อติมหตี, ขณฺฑนิมิตฺตา, ฉายานิมิตฺตา, อนิมิตฺตา, พหิสีเม ิตสมฺมตา, นทิยา สมฺมตา, สมุทฺเท สมฺมตา, ชาตสฺสเร สมฺมตา, สีมาย สีมํ สมฺภินฺทนฺเตน สมฺมตา, สีมาย สีมํ อชฺโฌตฺถรนฺเตน สมฺมตาติ วุตฺตา อิมา เอกาทส วิปตฺติสีมาโย อติกฺกมิตฺวา นิมิตฺตสมฺปตฺติ, ปริสสมฺปตฺติ, กมฺมวาจาสมฺปตฺตีติ วุตฺตาย ติวิธสมฺปตฺติยา ยุตฺตํ กตฺวา ปมํ กิตฺติตนิมิตฺเตน สพฺพปจฺฉิมกิตฺติตนิมิตฺตํ สมฺพนฺธํ กตฺวา พนฺธิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถาจริเยน กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ‘‘ตตฺถ เอกาทส วิปตฺติสีมาโย อติกฺกมิตฺวา ติวิธสมฺปตฺติยุตฺตา นิมิตฺเตน นิมิตฺตํ สมฺพนฺธิตฺวา สมฺมตา สีมา พทฺธสีมา นามา’’ติ. เอเตน เอเตสุ เอกาทสสุ วิปตฺตีสุ เอกายปิ ยุตฺตาย, ติวิธสมฺปตฺตีสุ เอกายปิ อยุตฺตาย, นิมิตฺเตน นิมิตฺตํ อสมฺพนฺธํ กตฺวา สมฺมตาย จ สติ สีมา น โหตีติ ทสฺเสติ.
เอวํ สีมํ พนฺธิตุกาเมน ภิกฺขุนา สพฺพลกฺขณปริปูรตฺถํ มหนฺโต อุสฺสาโห กรณีโย โหติ, ตสฺมา สีมาพนฺธนกาเล ¶ ตีสุ สมฺปตฺตีสุ ปริสสมฺปตฺติสิทฺธิยา ปมํ ตาว คามสีมา อุปปริกฺขิตพฺพา. เอตฺถาห ‘‘นนุ พทฺธสีมา วา พนฺธิตพฺพา, อถ กสฺมา คามสีมา อุปปริกฺขิตพฺพา’’ติ? คามสีมายํ ตฺวา พทฺธสีมาย พนฺธิตพฺพโต. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘อสมฺมตาย, ภิกฺขเว, สีมาย อฏฺปิตาย ยํ คามํ วา นิคมํ วา อุปนิสฺสาย วิหรติ, ยา ตสฺส วา คามสฺส คามสีมา, นิคมสฺส วา นิคมสีมา, อยํ ตตฺถ สมานสํวาสา เอกูโปสถา’’ติ (มหาว. ๑๔๗). อิธ ปาฬิยํ สรูเปน อนาคตมฺปิ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๗) ‘‘คามคฺคหเณน เจตฺถ นครมฺปิ คหิตเมว โหตี’’ติ วุตฺตตฺตา นครสีมาปิ คหิตา โหติ, ตสฺมา ยสฺมึ อพทฺธสีมวิหาเร ภิกฺขู ยํ คามํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺติ, ตสฺส คามสฺส ปริจฺเฉโท คามสีมา นาม. ยํ นิคมํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺติ, ตสฺส นิคมสฺส ปริจฺเฉโท นิคมสีมา นาม. ยํ นครํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺติ, ตสฺส นครสฺส ปริจฺเฉโท นครสีมา นาม. ตา สพฺพาปิ คามสีมาติ วุจฺจนฺติ. เตสํ ภิกฺขูนํ สมานสํวาสา เอกูโปสถพทฺธสีมา วิย เอกโต อุโปสถาทิสงฺฆกมฺมกรณารหา โหนฺติ, อีทิเสเยว จ ปเทเส สีมํ พนฺธิตุมรหติ, น อุโปสถาทิสงฺฆกมฺมานรเห ปเทเสติ วุตฺตํ โหติ.
ตตฺถ ‘‘ยตฺตเก ปเทเส ตสฺส ตสฺส คามสฺส คามโภชกา พลึ ลภนฺติ, โส ปเทโส อปฺโป วา โหตุ มหนฺโต วา, คามสีมาตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉตี’’ติ อฏฺกถายํ วจนโต คามาทิโภชกานํ ¶ พลิลภนฏฺานํ คามสีมา โหติ, อิทฺจ เยภุยฺยวเสน วุตฺตํ. พลึ อลภนฺโตปิ ราชปณฺเณ อาโรปิตปเทเส ตสฺส คามสฺส คามสีมาเยว. วุตฺตฺหิ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๔๗) ‘‘พลึ ลภนฺตีติ อิทํ เยภุยฺยวเสน วุตฺตํ. ‘อยํ คาโม เอตฺตโก ¶ กรีสภาโค’ติอาทินา ปน ราชปณฺเณสุ อาโรปิเตสุ ภูมิภาเคสุ ยสฺมึ ยสฺมึ ตฬากมาติกาสุสานปพฺพตาทิเก ปเทเส พลึ น คณฺหนฺติ, โสปิ คามสีมา เอว. ราชาทีหิ ปริจฺฉินฺนภูมิภาโค หิ สพฺโพว เปตฺวา นทีโลณิชาตสฺสเร คามสีมาติ เวทิตพฺโพ’’ติ. อยํ ปกติคามสีมา นาม. ‘‘ยมฺปิ เอกสฺมึเยว คามกฺเขตฺเต เอกํ ปเทสํ, ‘อยํ วิสุํคาโม โหตู’ติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ราชา กสฺสจิ เทติ, โสปิ วิสุํคามสีมา โหติเยวา’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๗) วจนโต ราชา ‘‘ปกติคามกฺเขตฺเตเยว ปกติคามโต วิสุํ ปกติคาเมน อสมฺมิสฺโส คาโม โหตู’’ติ ยํ ปเทสํ เทติ, โส ปเทโส วิสุํคามสีมา นาม. อิติ ปกติคามสีมา จ ราชูนํ อิจฺฉาวเสน ปวตฺตา วิสุํคามสีมา จ พทฺธสีมา วิย สพฺพกมฺมารหา, ตสฺมา อภินวพทฺธสีมํ พนฺธิตุกาเมหิ ปกติคามสีมํ วา วิสุํคามสีมํ วา โสเธตฺวา กตฺตพฺพํ โหติ. ตถา หิ วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘ตสฺมา สา จ อิตรา จ ปกติคามนครนิคมสีมา พทฺธสีมาสทิสาเยว โหนฺตี’’ติ. วิมติวิโนทนิยฺจ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๔๗) ‘‘ตตฺถ หิ สา จ ราชิจฺฉาวเสน ปริวตฺติตฺวา สมุปฺปนฺนา อภินวา จ อิตรา จ อปริวตฺตา ปกติคามสีมา, ยถา พทฺธสีมายํ สพฺพํ สงฺฆกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ, เอวเมตาปิ สพฺพกมฺมารหตาสทิเสน พทฺธสีมาสทิสา, สา สมานสํวาสา เอกูโปสถาติ อธิปฺปาโย’’ติ วุตฺตํ.
เกจิ ปน อาจริยา ‘‘มยํ สีมํ พนฺธิตุกามา, ตสฺมา เอตฺตโก ภูมิปริจฺเฉโท วิสุํ เขตฺตํ โหตู’’ติ ราชานํ อาปุจฺฉิตฺวา เตน โอกาเส กเต ‘‘อิทํ านํ วิสุํคามกฺเขตฺตํ โหตี’’ติ มนสิ กตฺวา ตตฺรฏฺเเยว ภิกฺขู ¶ จ หตฺถปาสานยนาทินา โสเธตฺวา สีมาสมูหนสีมาพนฺธนาทีนิ กโรนฺติ, ตํ กรณํ ‘‘อยํ วิสุํคาโม โหตูติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ราชา กสฺสจิ เทตี’’ติ อฏฺกถาวจเนน, ‘‘สา จ ราชิจฺฉาวเสน ปริวตฺติตฺวา สมุปฺปนฺนา อภินวา จา’’ติ อาคเตน วิมติวิโนทนีฏีกาวจเนน จ สเมนฺตํ วิย น ทิสฺสติ. กถํ? อฏฺกถาวจเน ตาว ‘‘อยํ วิสุํคาโม โหตู’’ติ อิมินา น เกวลํ ปุริมคาโมเยว คาโม โหตุ, อถ โข อิทานิ ปริจฺฉินฺนปเทโสปิ วิสุํเยว คาโม โหตูติ เอกํเยว คามกฺเขตฺตํ ทฺเว ¶ คาเม กโรตีติ ทสฺเสติ. ‘‘ราชา กสฺสจิ เทตี’’ติ อิมินา คามโภชกสฺส ทินฺนภาวํ ปกาเสติ, อิธ ปน เนว ทฺเว คาเม กโรติ, น จ คามโภชกสฺส เทติ, เกวลํ ภิกฺขูนํ อนุมติยา ยาวกาลิกวเสเนว โอกาสํ กโรติ, เอวํ อฏฺกถาวจเนนปิ สเมนฺตํ วิย น ทิสฺสติ. วิมติวิโนทนีฏีกาวจเนนปิ ‘‘ราชิจฺฉาวเสน ปริวตฺติตฺวา’’ติ อิมินา อคามภูตํ เขตฺตํ ราชิจฺฉาวเสน ปริวตฺติตฺวา คาโม โหตีติ ทสฺเสติ. ‘‘อภินวา จา’’ติ อิมินา ปุราณคามสีมา จ อภินวคามสีมา จาติ ปุริมคาเมน อมิสฺสํ วิสุํคามลกฺขณํ ทสฺเสติ. อิธ ปน ราชิจฺฉาวเสน ปริวตฺติตฺวา เขตฺตสฺส วิสุํคามภูตภาโว จ อภินวภาเวน วิสุํคามลกฺขณฺจ น ทิสฺสติ, เอวํ ฏีกาวจเนนปิ สเมนฺตํ วิย น ทิสฺสติ.
วินยวินิจฺฉยฏีกายฺจ ‘‘คามปริจฺเฉโทติ สพฺพทิสาสุ สมฺมา ปริจฺฉินฺทิตฺวา ‘อิมสฺส ปเทสสฺส เอตฺตโก กโร’ติ เอวํ กเรน นิยมิโต คามปฺปเทโส’’ติ เอวํ อายวเสเนว ปริจฺฉินฺทนํ วุตฺตํ, น อนุมติกรณมตฺเตน, ตสฺมา วิสุํคามลกฺขณํ อปฺปตฺตตาย ปกติคาเมน สงฺกโร โหติ, น ตตฺถ อุโปสถาทิสงฺฆกมฺมํ กาตุมรหติ, อุโปสถาทิสงฺฆกมฺมกรณารหปเทเสเยว ¶ สีมาสมูหนนสีมาพนฺธนกมฺมมฺปิ กรณารหํ โหติ ตฺติทุติยกมฺมตฺตา เตสํ กมฺมานํ, ตสฺมา เตสํ อาจริยานํ ตํ กรณํ อฺเ อาจริยา น อิจฺฉนฺติ. อฺเ ปน อาจริยา ‘‘ตํ ปริจฺฉินฺนปฺปเทสํ ‘วิสุํคาโม โหตู’ติ ราชา กสฺสจิ เทติ, คามโภชโก จ ตโต พลึ ปฏิคฺคณฺหาติ, ตทา วิสุํคาโม โหติ, น ตโต ปุพฺเพ’’ติ วทนฺติ. เตสํ ตํ วจนํ ‘‘เอวํ กเรน นิยมิโต ปเทโส’’ติ วินิจฺฉยฏีกาวจนฺจ ‘‘คามาทีนํ กรคฺคาหปริจฺฉินฺโน สมนฺตโต ปเทโส คามสีมา’’ติ สีมาลงฺการคณฺิวจนฺจ สนฺธาย วุตฺตํ สิยา, เตสุ ปน ‘‘อิมสฺส ปเทสสฺส เอตฺตโก กโร’’ติ เอวํ กรปริจฺฉินฺทนํ วุตฺตํ, น คามโภชกสฺส พลิคฺคหณํ. อฏฺกถายฺจ ‘‘ราชา กสฺสจิ เทตี’’ติ ทานเมว วทติ, น ‘‘คามโภชโก จ พลึ คณฺหาตี’’ติ ปฏิคฺคหณํ, ตสฺมา ตมฺปิ วจนํ อฺเ ปณฺฑิตา น สมฺปฏิจฺฉนฺติ, ตสฺมา ปถวิสฺสโร ราชา ‘‘อิมสฺมึ คามกฺเขตฺเต เอตฺตกกรีสมตฺโต ปเทโส ปุริมคามโต วิสุํคาโม โหตู’’ติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา เทติ, เอตฺตาวตา โส ปเทโส พลึ ปฏิคฺคหิโต วา โหตุ อปฺปฏิคฺคหิโต วา, วิสุํคาโม นาม โหตีติ ทฏฺพฺโพ.
เอวํ ปกติคามลกฺขณฺจ วิสุํคามลกฺขณฺจ ตถโต ตฺวา พทฺธสีมํ พนฺธิตุกาโม ยทิ ปกติคามสีมา นาติวิตฺถารา โหติ สุขรกฺขิตา, ตเมว ปกติคามสีมํ สุฏฺุ รกฺขาเปตฺวา ¶ สุฏฺุ โสเธตฺวา สีมาสมูหนนสีมาสมฺมุติกมฺมานิ กาตพฺพานิ. ยทิ ปน ปกติคามสีมา อติวิตฺถารา โหติ, นิคมสีมา, นครสีมา วา โหนฺติ, พหูนํ ภิกฺขูนํ นิสินฺนฏฺานสฺจรณฏฺานตฺตา โสเธตุํ วา รกฺขิตุํ วา น สกฺโกนฺติ, เอวฺจ สติ ปถวิสฺสรราชูหิ ปริจฺฉินฺนาย วิสุํคามสีมาย สุฏฺุ โสเธตฺวา สุรกฺขิตํ กตฺวา สีมาสมูหนนสีมาสมฺมุติกมฺมํ กาตพฺพํ. กถํ ปน สุฏฺุ โสธนฺจ ¶ สุฏฺุ รกฺขณฺจ กาตพฺพํ? สีมํ พนฺธิตุกาเมน หิ สามนฺตวิหาเรสุ ภิกฺขู ตสฺส ตสฺส วิหารสฺส สีมาปริจฺเฉทํ ปุจฺฉิตฺวา พทฺธสีมวิหารานํ สีมาย สีมนฺตริกํ, อพทฺธสีมวิหารานํ สีมาย อุปจารํ เปตฺวา ทิสาจาริกภิกฺขูนํ นิสฺสฺจารสมเย สเจ เอกสฺมึ คามกฺเขตฺเต สีมํ พนฺธิตุกามา, เย ตตฺถ พทฺธสีมวิหารา, เตสุ ภิกฺขูนํ ‘‘มยํ อชฺช สีมํ พนฺธิสฺสาม, ตุมฺเห สกสกสีมาย ปริจฺเฉทโต มา นิกฺขมถา’’ติ เปเสตพฺพํ. เย อพทฺธสีมวิหารา, เตสุ ภิกฺขู เอกชฺฌํ สนฺนิปาเตตพฺพา, ฉนฺทารหานํ ฉนฺโท อาหราเปตพฺโพ. เอวํ สนฺนิปติเตสุ ปน ภิกฺขูสุ ฉนฺทารหานํ ฉนฺเท อาหเฏ เตสุ เตสุ มคฺเคสุ จ นทีติตฺถคามทฺวาราทีสุ จ อาคนฺตุกภิกฺขูนํ สีฆํ สีฆํ หตฺถปาสานยนตฺถฺจ พหิสีมกรณตฺถฺจ อารามิเก เจว สมณุทฺเทเส จ เปตฺวา เภริสฺํ วา สงฺขสฺํ วา กตฺวา สีมา สมูหนิตพฺพาติ.
นนุ จ อิทํ โสธนํ รกฺขณฺจ สีมาสมฺมุติกาเลเยว อฏฺกถายํ วุตฺตํ, อถ กสฺมา อิธ สีมาสมูหนเน วุตฺตนฺติ? อิมสฺสปิ สีมาสมูหนนกมฺมสฺส ตฺติทุติยกมฺมตฺตา ปริสสมฺปตฺติชนนตฺถํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอวํ สนฺเตปิ อิทํ สีมาสมูหนนกมฺมํ นาม ยทิ โปราณา พทฺธสีมา อตฺถิ, ตทฏฺกสงฺเฆ หตฺถปาสคเต อฺเสุ ภิกฺขูสุ คามสีมํ ปวิฏฺเสุปิ กมฺมเภโท นตฺถิ. ยทิ โปราณา พทฺธสีมา นตฺถิ, เอวมฺปิ สติ เกวลํ คามสีมาภูตตฺตา สีมาสมูหนนกมฺเม อสมฺปชฺชนฺเตปิ โทโส นตฺถิ, อถ กสฺมา โสธนา วุตฺตาติ? สจฺจํ, ตถาปิ สมูหนิตพฺพา โปราณสีมาปริจฺเฉทสฺส ทุวิฺเยฺยตฺตา. สเจ หิ มหติยา โปราณพทฺธสีมาย เอกสฺมึ ปเทเส สีมํ สมูหนิสฺสามาติ สงฺเฆ สนฺนิปติเต ตสฺสาเยว สีมาย อฺสฺมึ ปเทเส ภิกฺขุมฺหิ ปวิฏฺเ อชานนฺตสฺสปิ กมฺมํ วิปชฺชติ, ตสฺมา มหุสฺสาเหน โสเธตพฺพาวาติ ¶ ทฏฺพฺพํ. เอวํ คามสีมโสธนํ ‘‘ปริสสมฺปตฺติยา ยุตฺตา นาม สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน จตูหิ ภิกฺขูหิ สนฺนิปติตฺวา ยาวติกา ตสฺมึ คามกฺเขตฺเต พทฺธสีมํ วา นทีสมุทฺทชาตสฺสเร วา อโนกฺกมิตฺวา ิตา ภิกฺขู, เต สพฺเพ หตฺถปาเส วา กตฺวา ฉนฺทํ วา อาหริตฺวา สมฺมตา’’ติ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) อาคตตฺตา ปริสสมฺปตฺติการณํ ¶ โหตีติ วิฺายติ. ตโต ‘‘สีมาย สีมํ สมฺภินฺทนฺเตน สมฺมตา, สีมาย สีมํ อชฺโฌตฺถรนฺเตน สมฺมตา’’ติ วุตฺเตหิ ทฺวีหิ วิปตฺติโทเสหิ มุจฺจนตฺถํ สีมสมูหนนกมฺมํ กาตพฺพํ.
สีมาย อสมูหตาย สติ กถํ วิปตฺติทฺวยํ อาปชฺเชยฺยาติ, ตถา โสธิตายปิ คามสีมาย. ยทิ โปราณพทฺธสีมา วิชฺชมานา ภเวยฺย, ตสฺสา วิชฺชมานภาวํ อชานนฺตา นวํ พทฺธสีมํ พนฺเธยฺยุํ. โปราณสีมาย หิ นิมิตฺตํ อนฺโต กตฺวา ตสฺส สมีเป โปราณสีมาย อนฺโต ิตํ อฺํ นิมิตฺตํ กตฺวา นวํ พทฺธสีมํ พนฺเธยฺยุํ, สีมาย สีมํ สมฺภินฺทนฺเตน สมฺมตา นาม โหติ. เตน วุตฺตํ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ‘‘สีมาย สีมํ สมฺภินฺทนฺเตน สมฺมตา นาม อตฺตโน สีมาย ปเรสํ สีมํ สมฺภินฺทนฺเตน สมฺมตา. สเจ หิ โปราณกสฺส วิหารสฺส ปุรตฺถิมาย ทิสาย อมฺโพ เจว ชมฺพู จาติ ทฺเว รุกฺขา อฺมฺํ สํสฏฺวิฏปา โหนฺติ, เตสุ อมฺพสฺส ปจฺฉิมทิสาภาเค ชมฺพู. วิหารสีมา จ ชมฺพุํ อนฺโต กตฺวา อมฺพํ กิตฺเตตฺวา พทฺธา โหติ, อถ ปจฺฉา ตสฺส วิหารสฺส ปุรตฺถิมทิสายํ วิหาเร กเต สีมํ พนฺธนฺตา ภิกฺขู อมฺพํ อนฺโต กตฺวา ชมฺพุํ กิตฺเตตฺวา พนฺธนฺติ, สีมาย สีมา สมฺภินฺนา นาม โหตี’’ติ. โปราณสีมาย จ เอกเทสํ วา สกลโปราณสีมํ วา อนฺโต กริตฺวา นวํ สีมํ พนฺเธยฺยุํ, สีมาย สีมํ อชฺโฌตฺถรนฺเตน สมฺมตา นาม ¶ . วุตฺตฺเหตํ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ‘‘สีมาย สีมํ อชฺโฌตฺถรนฺเตน สมฺมตา นาม อตฺตโน สีมาย ปเรสํ สีมํ อชฺโฌตฺถรนฺเตน สมฺมตา. สเจ หิ ปเรสํ พทฺธสีมํ สกลํ วา ตสฺสา ปเทสํ วา อนฺโต กตฺวา อตฺตโน สีมํ สมฺมนฺนนฺติ, สีมาย สีมํ อชฺโฌตฺถริตา นาม โหตี’’ติ.
ยสฺมึ ปเทเส จตฺตาโร ภิกฺขู นิสีทิตฺวา กมฺมํ กาตุํ น สกฺโกนฺติ, ตตฺถ ตโต ปฏฺาย ยาว เกสคฺคมตฺตมฺปิ อฺเสํ โปราณพทฺธสีมปฺปเทสํ อตฺตโน สีมาย อนฺโต กโรนฺโต สีมาย สีมํ สมฺภินฺทติ นาม. จตุนฺนํ ภิกฺขูนํ นิสีทิตุํ ปโหนกฏฺานโต ปฏฺาย ยาว สกลมฺปิ อฺเสํ โปราณพทฺธสีมาปเทสํ อตฺตโน สีมาย อนฺโต กโรนฺโต สีมาย สีมํ อชฺโฌตฺถรติ นาม. วุตฺตฺเหตํ กงฺขาวิตรณิยา ลีนตฺถปกาสนิยํ (กงฺขา. อภิ. ฏี. นิทานวณฺณนา) ‘‘ตสฺสา ปเทสนฺติ ตสฺสา เอกเทสํ, ยตฺถ ตฺวา จตูหิ ภิกฺขูหิ กมฺมํ กาตุํ สกฺกา โหติ, ตาทิสํ เอกเทสนฺติ วุตฺตํ โหติ. ยตฺถ ปน ิเตหิ กมฺมํ กาตุํ น สกฺกา, ตาทิสํ ¶ ปเทสํ อนฺโต กริตฺวา สีมาย สีมํ สมฺภินฺทนฺติ นาม, น ตุ อชฺโฌตฺถรนฺติ นามาติ คเหตพฺพ’’นฺติ. วิมติวิโนทนิยมฺปิ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๔๘) ‘‘ยตฺถ จตูหิ ภิกฺขูหิ นิสีทิตุํ น สกฺกา, ตตฺตกโต ปฏฺาย ยาว เกสคฺคมตฺตมฺปิ อตฺตโน สีมาย กโรนฺตา สมฺภินฺทนฺติ, จตุนฺนมฺปิ ภิกฺขูนํ ปโหนกโต ปฏฺาย ยาว สกลมฺปิ อนฺโต กโรนฺตา อชฺโฌตฺถรนฺตีติ เวทิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ.
เอวํ โหตุ, ตสฺมึ คามสีมปริจฺเฉเท โปราณกสีมาย วิชฺชมานาย วิปตฺติทฺวยโมจนตฺถํ สีมาสมูหนนกมฺมํ สาตฺถกํ, อวิชฺชมานาย กถํ สาตฺถกํ ภเวยฺยาติ สงฺกานิวตฺตนตฺถํ ¶ สีมาสมูหนนกมฺมํ อกตฺวา อภินวสีมาย พชฺฌมานาย สงฺกา อุปฺปชฺเชยฺย, ภควโต ธรมานกาลโต ปฏฺาย ยาวชฺชตนา คณนปถํ วีติกฺกนฺตา ภิกฺขู อุปสมฺปทาทิกมฺมกรณตฺถํ ตสฺมึ ตสฺมึ ปเทเส สีมํ พนฺธนฺติ. สา สีมา เอตฺถ อตฺถิ, เอตฺถ นตฺถีติ น สกฺกา ชานิตุํ, ตสฺมา ‘‘อมฺหากํ สีมาพนฺธนฏฺาเน โปราณกสีมา ภเวยฺย นุ โข’’ติ สงฺกา ภเวยฺย, เอวํ สติ สา อภินวสีมา จ อาสงฺกนียา โหตีติ สีมายํ กตํ อุปสมฺปทาทิกมฺมมฺปิ อาสงฺกนียํ โหติ, ตสฺมา สงฺกานิวตฺตนตฺถํ อภินวสีมํ พนฺธิตุกาเมหิ ยติปุงฺคเวหิ อวสฺสํ สีมาสมูหนนกมฺมํ กาตพฺพํ โหติ. สมูหนนฺเตหิ ปน ‘‘สีมํ, ภิกฺขเว, สมูหนนฺเตน ปมํ ติจีวเรน อวิปฺปวาโส สมูหนฺตพฺโพ, ปจฺฉา สีมา สมูหนฺตพฺพา’’ติ (มหาว. ๑๔๔) วจนโต ปมํ อวิปฺปวาสสีมา สมูหนิตพฺพา, ตโต สมานสํวาสกสีมา สมูหนิตพฺพา. ตสฺมึ สมูหนนกาเล จ ‘‘ขณฺฑสีมายํ ตฺวา อวิปฺปวาสสีมา น สมูหนฺตพฺพา, ตถา อวิปฺปวาสสีมาย ตฺวา ขณฺฑสีมาปิ. ขณฺฑสีมาย ปน ิเตน ขณฺฑสีมาว สมูหนิตพฺพา, ตถา อิตราย ิเตน อิตรา’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๔) วจนโต ขณฺฑสีมายํ ตฺวาว ขณฺฑสีมา สมูหนิตพฺพา, มหาสีมายเมว ตฺวา มหาสีมา สมูหนิตพฺพา, อฺิสฺสา สีมาย ตฺวา อฺา สีมา น สมูหนิตพฺพา. อฏฺกถายํ อวิปฺปวาสสีมาติ มหาสีมํ วทติ ตตฺเถว เยภุยฺเยน จีวเรน วิปฺปวสนโต.
‘‘ตตฺถ สเจ ขณฺฑสีมฺจ อวิปฺปวาสสีมฺจ ชานนฺติ, สมูหนิตฺุเจว พนฺธิตฺุจ สกฺขิสฺสนฺติ. ขณฺฑสีมํ ปน ชานนฺตา อวิปฺปวาสํ อชานนฺตาปิ สมูหนิตฺุเจว พนฺธิตฺุจ สกฺขิสฺสนฺติ. ขณฺฑสีมํ ปน อชานนฺตา อวิปฺปวาสํเยว ชานนฺตา เจติยงฺคณโพธิยงฺคณอุโปสถาคาราทีสุ นิราสงฺกฏฺาเนสุ ตฺวา ¶ อปฺเปว นาม สมูหนิตุํ สกฺขิสฺสนฺติ, ปฏิพนฺธิตุํ ปน ¶ น สกฺขิสฺสนฺเตว. สเจ พนฺเธยฺยุํ, สีมาสมฺเภทํ กตฺวา วิหารํ อวิหารํ กเรยฺยุํ, ตสฺมา น สมูหนิตพฺพา. เย ปน อุโภปิ น ชานนฺติ, เตเนว สมูหนิตุํ น พนฺธิตุํ สกฺขิสฺสนฺติ. อยฺหิ สีมา นาม กมฺมวาจาย วา อสีมา โหติ สาสนนฺตรธาเนน วา, น จ สกฺกา สีมํ อชานนฺเตหิ กมฺมวาจา กาตุํ, ตสฺมา น สมูหนิตพฺพา, สาธุกํ ปน ตฺวาเยว สมูหนิตพฺพา จ พนฺธิตพฺพา จา’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๔) วจนโต ‘‘อิทานิ สีมํ สมูหนิสฺสามา’’ติ ปริจฺฉินฺนาย คามสีมาย อนฺโต ขณฺฑสีมมหาสีมานํ อตฺถิภาวํ วา นตฺถิภาวํ วา ตาสํ สีมานํ ปริจฺเฉทฺจ น ชานนฺติ, เอวํ อชานนฺตา ภิกฺขู ตา โปราณสีมาโย สมูหนิตุํ น สกฺกุเณยฺยุํ, โปราณสีมํ สมูหนิตุํ อสกฺโกนฺตา จ กถํ อภินวสีมํ พนฺธิตุํ สกฺกุณิสฺสนฺตีติ ปรมฺปเรหิ อาจริเยหิ สมฺมา วินิจฺฉิตํ อนุโลมนยํ นิสฺสาย มหนฺตํ อุสฺสาหํ กริตฺวา องฺคํ อปริหาเปตฺวา สมฺมา วิหิตนเยน โปราณสีมํ สมูหนิตุํ สกฺขิสฺสนฺติ.
กถํ? ตสฺมึ สีมาสมูหนนกาเล ยทิ ปกติคามสีมายํ อารทฺธํ, ตํ ปกติคามปริจฺเฉทํ, ยทิ วิสุํคามสีมายํ อารทฺธํ, ตํ วิสุํคามปริจฺเฉทํ อฺเสํ ภิกฺขูนํ อปฺปวิสนตฺถาย สมนฺตโต สุสํวิหิตารกฺขํ การาเปตฺวา กมฺมวาจํ สาเวตุํ สมตฺเถน พฺยตฺติพลสมฺปนฺเนน วินยธเรน สห สมานสํวาสเก ลชฺชิเปสเล อิมสฺส กมฺมสฺส จตุวคฺคกรณียตฺตา จตฺตาโร ภิกฺขู กมฺมปฺปตฺเต ภิกฺขูนํ ปกตตฺตภาวสฺส ทุพฺพิฺเยฺยตฺตา วา ตโต อธิกปฺปมาเณ ภิกฺขู คเหตฺวา อิทานิ พนฺธิตพฺพาย สีมาย นิมิตฺตานํ วิหารปริกฺเขปสฺส จ อนฺโต จ สพฺพตฺถ พหิ จ สมนฺตา เลฑฺฑุปาตมตฺเต ปเทเส สพฺพตฺถ มฺจปฺปมาเณ มฺจปฺปมาเณ าเน หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา ¶ ติฏฺนฺตา, นิสีทนฺตา วา หุตฺวา ปมํ อวิปฺปวาสสีมาสมูหนนกมฺมวาจํ, ตโต สมานสํวาสกสีมาสมูหนนกมฺมวาจํ สาเวตฺวา สีมาย สมุคฺฆาเต กเต โปราณสีมาสุ วิชฺชมานาสุปิ ปจฺฉิมนฺเตน เอกวีสติยา ภิกฺขูนํ นิสีทนารหตฺตา สีมาย มฺจปฺปมาเณ มฺจปฺปมาเณ าเน ติฏฺนฺตา ภิกฺขู อวสฺสํ ตาสุ สีมาสุ ติฏฺนฺตา ภเวยฺยุํ, ตสฺมา สีมฏฺา หุตฺวา สีมาสมูหนนกมฺมวาจํ วตฺวา ตา สีมา สมูหเนยฺยุํ. ตโต โปราณพทฺธสีมานํ สมูหตตฺตา คามสีมาเยว อวสิฏฺา ภเวยฺยาติ. วุตฺตฺเหตํ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๔๔) ‘‘เกจิ ปน อีทิเสสุ วิหาเรสุ ฉปฺจมตฺเต ภิกฺขู คเหตฺวา วิหารโกฏิโต ปฏฺาย วิหารปริกฺเขปสฺส อนฺโต จ พหิ จ สมนฺตา เลฑฺฑุปาเต สพฺพตฺถ มฺจปฺปมาเณ มฺจปฺปมาเณ โอกาเส นิรนฺตรํ ตฺวา ปมํ อวิปฺปวาสสีมํ ¶ , ตโต สมานสํวาสกสีมฺจ สมูหนนวเสน สีมาย สมุคฺฆาเต กเต ตสฺมึ วิหาเร ขณฺฑสีมาย มหาสีมาย จ วิชฺชมานตฺเต สติปิ อวสฺสํ เอกสฺมึ มฺจฏฺาเน ตาสํ มชฺฌคตา เต ภิกฺขู ตา สมูหเนยฺยุํ, ตโต คามสีมา เอว อวสิสฺเสยฺยา’’ติ.
‘‘สาธุกํ ปน ตฺวาเยว สมูหนิตพฺพา เจว พนฺธิตพฺพา จา’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๔) วจนโต สีมํ ชานนฺตาเยว สมูหนิตุํ สกฺขิสฺสนฺติ, กถํ อชานนฺตาติ. อิมสฺมึ สีมาสมูหนนาธิกาเร สีมํ วา สีมาปริจฺเฉทํ วา ชานนภาโว องฺคํ น โหติ, อนฺโตสีมายํ ิตภาโว, ‘‘สีมํ สมูหนิสฺสามา’’ติ กมฺมวาจากรณนฺติ อิทเมว ทฺวยํ องฺคํ โหติ, ตสฺมา อิมินา องฺคทฺวเยน สมฺปนฺเน สติ อิมํ อชานนฺตาปิ สมูหนิตุํ สกฺโกนฺตีติ. อิมินา องฺคทฺวเยน สมฺปนฺเน สติ สีมํ อชานนฺตานํ สมูหนิตุํ สมตฺถภาโว กถํ วิฺาตพฺโพติ? อฏฺกถายํ ‘‘ขณฺฑสีมํ ปน ชานนฺตา อวิปฺปวาสํ อชานนฺตาปิ ¶ สมูหนิตฺุเจว พนฺธิตฺุจ สกฺขิสฺสนฺตี’’ติ เอวํ มหาสีมาย ปริจฺเฉทํ อชานนฏฺาเนปิ สมูหนนสฺส วุตฺตตฺตา วิมติวิโนทนิยมฺปิ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๔๔) ‘‘น เหตฺถ สีมาย, ตปฺปริจฺเฉทสฺส วา ชานนํ องฺคํ, สีมาย ปน อนฺโตานํ, ‘สมูหนิสฺสามา’ติ กมฺมวาจากรณฺจ องฺคํ. อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๔) ‘ขณฺฑสีมํ ปน ชานนฺตา อวิปฺปวาสํ อชานนฺตาปิ สมูหนิตฺุเจว พนฺธิตฺุจ สกฺขิสฺสนฺตี’ติ เอวํ มหาสีมาย ปริจฺเฉทสฺส อชานเนปิ สมูหนนสฺส วุตฺตตฺตา’’ติ วุตฺตํ. ตโต โปราณพทฺธสีมานํ สมูหตตฺตา คามสีมาเยว อวสิฏฺา ภเวยฺยาติ ตสฺมึ อวสิฏฺาย ตโต ปรํ กึ กาตพฺพนฺติ. คามสีมาย อวสิฏฺาย สติ ตํ คามสีมํ ปุพฺเพ วุตฺตนเยน โสธนํ รกฺขณฺจ กตฺวา ติสฺสํ คามสีมายํ ขณฺฑสีมํ มหาสีมฺจ ยถารุจิ พนฺธิตุํ ลภติ, สีมํ อพนฺธิตฺวาว เกวลาย คามสีมาย อุปสมฺปทาทิสงฺฆกมฺมฺจ กาตุมฺปิ ลภติ.
วุตฺตฺหิ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๔๔) – ‘‘คามสีมาย เอว จ อวสิฏฺาย ตตฺถ ยถารุจิ ทุวิธมฺปิ สีมํ พนฺธิตฺุเจว อุปสมฺปทาทิกมฺมํ กาตฺุจ วฏฺฏตีติ วทนฺติ, ตํ ยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพ’’นฺติ. ตสฺมา ยทิ สฏฺิหตฺถายามํ จตฺตาลีสหตฺถวิตฺถารํ ขณฺฑสีมเมว กตฺตุกามา โหนฺติ, เอตฺตเก ปเทเส มฺจฏฺานํ คณฺหนฺโต ปมาณยุตฺตโก มฺโจติ สพฺพปจฺฉิมปฺปมาณยุตฺโต มฺโจ. โส หิ ปกติวิทตฺถิยา นววิทตฺถิโก, อฏฺวิทตฺถิโก วา โหติ. ตโต ขุทฺทโก มฺโจ สีสุปธานํ เปตฺวา ปาทํ ปสาเรตฺวา ¶ นิปชฺชิตุํ นปฺปโหตีติ สพฺพปจฺฉิมมฺจสฺส อายามปฺปมาณสฺส สมนฺตปาสาทิกายํ วุตฺตตฺตา ตโต อธิกายาโมปิ โหติเยว. มฺจสฺส วิตฺถาโร ปน อายามสฺส อุปฑฺโฒ โหติ, ตสฺมา มฺจปฺปมาณฏฺานํ อายามโต ปฺจหตฺถํ, วิตฺถารโต ปฺจวิทตฺถิกนฺติ คเหตฺวา เตน ¶ ปมาเณน คณฺหนฺโต สฏฺิหตฺถายามํ สีมฏฺานํ จตุวีสติมฺจกํ โหติ, จตฺตาลีสหตฺถวิตฺถารํ อฏฺมฺจกํ โหติ. เอวํ คณฺหนฺโต ทกฺขิณุตฺตรายาโม มฺโจ โหติ, สฏฺิหตฺถายามํ สีมฏฺานํ ทฺวาทสมฺจกํ โหติ, จตฺตาลีสหตฺถวิตฺถารํ โสฬสมฺจกํ โหติ. เอวํ คณฺหนฺโต ปาจีนปจฺฉิมายาโม มฺโจ โหติ. ทุวิเธปิ อายามํ วิตฺถาเรน คุณิตํ กโรนฺโต สกลํ อนฺโตสีมฏฺานํ ทฺวานหุตฺตรสตมฺจกํ โหติ, พหิสีมฏฺานมฺปิ สมนฺตโต เอกมฺจกํ วา ทฺวิติมฺจกํ วา คเหตพฺพํ. เตน สห คณนํ วฑฺเฒตพฺพํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๔๔) ปน ‘‘สมนฺตา เลฑฺฑุปาโต’’ติ วุตฺตํ, ตํ ปน มหาสีมาพนฺธนกาเล วิหารปริกฺเขปสฺส พหิอุปจารํ สนฺธาย วุตฺตํ สิยา. ขณฺฑสีมายปิ ทูรโต สมูหนเน โทโส นตฺถิ, ทุกฺกรตฺตา ปน การกานํ ปมาณํ ชานิตพฺพํ. กลฺยาณิยํ นาม สีมายํ ปน อายามโต จ วิตฺถารโต จ ปฺจหตฺถปฺปมาณํ านํ เอกโกฏฺาสํ กตฺวา สมูหนติ. ตมฺปิ ปจฺฉิมมฺจปฺปมาณโต อธิกเมวาติ กตฺวา กตํ. อิทานิ อมฺเหติ วุตฺตฏฺานํ ปน ปกรณนเยน สํสนฺทนตฺตา ยุตฺตตรนฺติ ทฏฺพฺพํ.
สมูหนนากาโร ปน เอวํ เวทิตพฺโพ – อิทานิ พนฺธิตพฺพาย สีมาย นิมิตฺตานํ อนฺโต จ พหิ จ ยถาวุตฺตนเยน สมูหนิตพฺพสีมฏฺานํ อาทาสตลํ วิย สมํ สุทฺธํ วิมลํ กตฺวา ยถาวุตฺตมฺจปฺปมาณํ มฺจปฺปมาณํ านํ อฏฺปทกเลขํ วิย รชฺชุนา วา ทณฺเฑน วา เลขํ การาเปตฺวา เลขานุสาเรน ตมฺพมตฺติกจุณฺเณน วา เสตมตฺติกจุณฺเณน วา วณฺณวิเสสํ การาเปตฺวา ปนฺติ ปนฺติ โกฏฺาสํ โกฏฺาสํ การาเปตฺวา ปุพฺเพ วุตฺตนเยน อารกฺขํ โสธนฺจ การาเปตฺวา ‘‘อิทานิ สีมํ สมูหนิสฺสามา’’ติ จตฺตาโร ¶ วา ตทุตฺตริ วา สมานสํวาสกภิกฺขู คเหตฺวา ปมปนฺติยํ ปมโกฏฺาเส มฺจฏฺาเน ตฺวา ปมํ อวิปฺปวาสสีมาสมูหนนกมฺมวาจํ, ตโต สมานสํวาสกสีมาสมูหนนกมฺมวาจํ สาเวตฺวา ตสฺมึ โกฏฺาเสเยว อฺมฺสฺส ิตฏฺานํ ปริวตฺเตตฺวา ปริวตฺเตตฺวา ติกฺขตฺตุํ วา สตฺตกฺขตฺตุํ วา สมูหนิตฺวา ตโต นิกฺขมิตฺวา ปมปนฺติยํเยว ทุติยโกฏฺาเส ตฺวา ตเถว กตฺวา ตโต ปมปนฺติยํเยว อนุโลมนเยน ยาว อนฺติมโกฏฺาสา เอเกกสฺมึ โกฏฺาเส ตเถว กตฺวา ปมปนฺติยา ปริกฺขีณาย ทุติยปนฺติยา อนฺติมโกฏฺาเส ตฺวา ตเถว กตฺวา ตโต ปฏฺาย ทุติยปนฺติยํเยว ปฏิโลมนเยน ยาว อาทิโกฏฺาสา ¶ ตเถว กตฺวา เอวํ ตติยปนฺติอาทีสุปิ เอกทา อนุโลมโต เอกทา ปฏิโลมโต คนฺตฺวา สพฺพาสุ ปนฺตีสุ สพฺพสฺมึ โกฏฺาเส ปริกฺขีเณ อิทํ สีมาสมูหนนกมฺมํ นิฏฺิตํ นาม โหติ. ‘‘จตฺตาโร ตทุตฺตริ วา’’ติ อิทํ ปน อิมสฺส กมฺมสฺส จตุวคฺคกรณียตฺตา วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๔๔) ปน ภิกฺขูนํ ปกตตฺตภาวสฺส ทุวิฺเยฺยตฺตา ลชฺชีเปสลภิกฺขูนฺจ ทุลฺลภตฺตา ‘‘ฉปฺจมตฺเต’’ติ วุตฺตํ.
กลฺยาณีสีมายํ ปน สีหฬทีปโต อภินวสิกฺขํ คเหตฺวา นิวตฺตนฺเตหิ ครหวิวาทมตฺตมฺปิ อลภนฺเตหิ ธมฺมเจติยรฺา วิจินิตฺวา คหิเตหิ จุทฺทสหิ ภิกฺขูหิ กตนฺติ ปาสาณเลขายํ อาคตํ. รตนปูรนคเร ปน สิรีสุธมฺมราชาธิปตินามกสฺส จูฬอคฺคราชิโน กาเล มหาสีหฬปฺปตฺโตติ วิสฺสุโต สิรีสทฺธมฺมกิตฺตินามโก มหาเถรวโร อตฺตโน วสนฏฺานสฺส อวิทูเร ปพฺพตมตฺถเก สีมํ พนฺธนฺโต อตฺตโน นิสฺสิตเก อคฺคเหตฺวา อตฺตนา ¶ อภิรุจิเต ลชฺชิเปสลพหุสฺสุตสิกฺขากามภูเต อฺเ มหาเถเร คเหตฺวา อตฺตจตุตฺโถว หุตฺวา กมฺมํ กโรตีติ วทนฺติ. ตํ อิมสฺส กมฺมสฺส จตุวคฺคกรณียตฺตา เตสฺจ เถรานํ ปกตตฺตภาเว นิราสงฺกตฺตา กตํ ภเวยฺย, เอวํ สนฺเตปิ ภิกฺขูนํ ปกตตฺตภาวสฺส ทุพฺพิฺเยฺยตฺตา จตุวคฺคกรณียกมฺมสฺส อติเรกจตุวคฺเคน กรเณ โทสาภาวโต อติเรกภิกฺขูหิ กตภาโว ปสตฺถตโร โหติ. เตเนว จ การเณน วิมติวิโนทนีนามิกายํ วินยฏีกายํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๔๔) ‘‘ฉปฺจมตฺเต ภิกฺขู คเหตฺวา’’ติ วุตฺตํ, กลฺยาณีสีมายฺจ จุทฺทสหิ ภิกฺขูหิ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอวํ นิฏฺิเตปิ ปน สีมาสมูหนนกมฺเม นานาวาทานํ นานาจริยานํ นานานิกายานํ นานาเทสวาสิกานํ ภิกฺขูนํ จิตฺตาราธนตฺถํ ครหวิวาทโมจนตฺถฺจ ปุนปฺปุนํ เตหิปิ ภิกฺขูหิ ตเถว การาเปตพฺพํ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (ปริ. อฏฺ. ๔๘๒-๔๘๓; วิ. สงฺค. อฏฺ. ๒๕๑) ‘‘ปุนปฺปุนํ ปน กาตพฺพํ. ตฺหิ กุปฺปสฺส กมฺมสฺส กมฺมํ หุตฺวา ติฏฺติ, อกุปฺปสฺส ถิรกมฺมภาวาย โหตี’’ติ. เตเนว จ การเณน หํสาวตีนคเร อเนกปณฺฑรหตฺถิสามิมหาธมฺมราชา สหปฺุกมฺมภูตโต มหาเจติยโต จตูสุ ทิสาสุ สีมาสมูหนนกาเล รามฺเทสวาสีหิ มหาเถเรหิ จ มรมฺมเทสวาสีหิ มหาเถเรหิ จ วิสุํ วิสุํ การาเปสีติ ทฏฺพฺพํ.
ยทิ ปน มหาสีมํ พนฺธิตุกาโม โหติ, ตทา อุสภมตฺตํ วา ทฺวิอุสภมตฺตํ วา ตทุตฺตริ วา ปเทสํ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘เอตฺตเก าเน วิหารํ กริสฺสามา’’ติ ปริกฺเขปํ การาเปตฺวา ตสฺส วิหารปริกฺเขปสฺส ¶ อนฺโต จ สพฺพตฺถ พหิ จ สมนฺตา เลฑฺฑุปาตฏฺาเน มฺจปฺปมาเณ มฺจปฺปมาเณ ¶ โอกาเส เหฏฺา วุตฺตนเยน ปนฺติโกฏฺาเส กตฺวา กมฺมปฺปตฺเตหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ นิรนฺตรํ ตฺวา ปมํ อวิปฺปวาสสีมา ตโต สมานสํวาสกสีมา จ สมูหนิตพฺพา. เอวํ สีมาย สมุคฺฆาเต กเต ตสฺมึ วิหาเร ขณฺฑสีมาย มหาสีมาย จ วิชฺชมานตฺเต สติ อวสฺสํ เอกสฺมึ มฺจฏฺาเน ตาสํ มชฺฌคตา เต ภิกฺขู ตา สมูหเนยฺยุํ, ตโต คามสีมา เอว อวสิสฺเสยฺย, ตสฺสํ คามสีมายํ ขณฺฑสีมามหาสีมาวเสน ทุวิธา สีมา ยถารุจิ พนฺธิตพฺพา. พนฺธนาการํ ปน อุปริ วกฺขาม.
กสฺมา ปน นิมิตฺตานํ พหิปิ สีมาสมูหนนํ กตํ, นนุ นิมิตฺตานํ อนฺโตเยว อภินวสีมา อิจฺฉิตพฺพาติ ตตฺเถว สมฺเภทชฺโฌตฺถรณวิโมจนตฺถํ โปราณกสีมาย สมูหนนํ กาตพฺพนฺติ? สจฺจํ, ทุวิฺเยฺยตฺตา ปน เอวํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ทุวิฺเยฺโย หิ โปราณกสีมาย วิชฺชมานาวิชฺชมานภาโว, ตสฺมา ยทิ นิมิตฺตานํ อนฺโตเยว สีมาสมูหนนํ กเรยฺย, ตโต พหิ โปราณกสีมา ติฏฺเยฺย, ตโต อปฺปมตฺตกํ านํ อนฺโต ปวิเสยฺย, ตํ านํ กมฺมวาจาปาเกน สห สีมาสมูหนนการกสงฺฆสฺส ปติฏฺหนปฺปโหนกํ น ภเวยฺย, เอวํ สนฺเต สา โปราณกสีมา อสมูหตาว ภเวยฺย. ตํ สมูหตสฺาย สีมาสมฺมนฺนนกาเล อนฺโตนิมิตฺตฏฺานํ สมฺมนฺเนยฺยุํ, ตํ อสมูหตโปราณสีมาโกฏิปวิฏฺตฺตา สีมาย สีมํ สมฺเภทโทโส, ยทิ ปน ตํ านํ จตุนฺนํ นิสินฺนปฺปโหนกํ ภเวยฺย, สีมาย สีมํ อชฺโฌตฺถรณโทโส, ยทิปิ อนฺโต น ปวิสติ, นิรนฺตรํ ผุฏฺมตฺตํ โหติ, เอวมฺปิ สีมาสงฺกรโทโสติ อิมสฺมา โทสตฺตยา วิโมจนตฺถํ นิมิตฺตานํ พหิปิ สีมาสมูหนนํ กตํ. เตเนว วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๔๔) ‘‘พหิ จ สมนฺตา เลฑฺฑุปาเต’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
เกจิ ¶ ปน อาจริยา สมนฺตา นิมิตฺตานํ อนฺโต รชฺชุปสารณํ กตฺวา อนฺโต ตฺวา รชฺชุยา เหฏฺา ปาเท ปเวเสตฺวา รชฺชุโต พหิ กิฺจิมตฺตํ านํ อติกฺกมิตฺวา สีมาสมูหนนํ กโรนฺติ, ตเทตํ วิจาเรตพฺพํ. ปาทคฺคฏฺปนมตฺเตน โปราณสีมาสมุคฺฆาโต น โหติ, อถ โข กมฺมวาจาปาเกน สห กมฺมปตฺตสงฺฆสฺส ปติฏฺาเนน กมฺมวาจาย ปาเนน จ สมุคฺฆาโต โหติ. วุตฺตฺหิ วิมติวิโนทนิปฺปกรเณ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๔๔) ‘‘สีมาย ปน อนฺโตานํ, ‘สมูหนิสฺสามา’ติ กมฺมวาจาย กรณฺเจตฺถ องฺค’’นฺติ, ตสฺมา เอกเทเสน อนฺโตปวิฏฺาย ¶ จ เอกสมฺพนฺเธน ิตาย โปราณกพทฺธสีมาย สมุคฺฆาเต อกเต วุตฺตนเยน โทสตฺตยโต น มุจฺเจยฺย, ตสฺมา นิมิตฺตโต พหิปิ ตฺวา สมูหนนกรณภาโวว ปาสํสตโร โหติ. อฺเ ปน อาจริยา กมฺมการกภิกฺขูนํ ปทวลฺชสมฺพนฺธํ กตฺวา สมูหนนฺติ, ตํ ครุกรณวเสน กตนฺติ คยฺหมาเน โทโส นตฺถิ. เอกจฺเจ ปน เถรา ‘‘การกสงฺฆสฺส อกฺกนฺตฏฺาเนเยว สีมา สมูหตา, น อนกฺกนฺตฏฺาเนติ สฺาย ปมตรํ สาลํ กริตฺวา ปจฺฉา สีมาย สมูหตาย ถมฺภฏฺาเน อกฺกมิตุํ น ลภติ, ตสฺมา อสมูหตา สีมา’’ติ วทนฺติ.
ปุพฺเพปิ สิรีเขตฺตนคเร มหาสตฺตธมฺมราชสฺส กาเล เตน รฺา กตสฺส นนฺทนวิหารสฺส ปุรโต ตสฺส รฺโ อคฺคมเหสิยา สีมาย ปติฏฺาปิตาย ปมํ เชตวนสาลํ กตฺวา ปจฺฉา สีมํ สมูหนึสุ, ตทา ตสฺมึ นคเร มหารุกฺขมูลิโก นาม เอโก คณปาโมกฺขตฺเถโร ‘‘สเจ ถมฺภํ วิชฺฌิตฺวา ปาเท เปตุํ สกฺขิสฺสามิ, เอวํ สนฺเต อหํ อาคจฺฉิสฺสามี’’ติ วตฺวา นาคจฺฉติ. สพฺเพ เถรา ‘‘น ถมฺภมตฺเตน โปราณสีมา ติฏฺติ, ถมฺภสฺส สมนฺตโต ตฺวา ¶ กมฺมวาจาย กตาย สีมา สมูหตา โหตี’’ติ วตฺวา ตสฺส วจนํ อคฺคเหตฺวา สมูหนึสุ เจว พนฺธึสุ จ. หํสาวตีนคเร ธมฺมเจติยรฺโ กลฺยาณิยสีมาพนฺธนกาเลปิ ปมํ สาลํ กริตฺวาว ปจฺฉา สมูหนึสุ, น จ ปาฬิอฏฺกถาฏีกาทีสุ ‘‘ปทวลฺชสมฺพนฺธํ กตฺวา สีมา สมูหนิตพฺพา’’ติ ปาโ อตฺถิ, ‘‘มฺจปฺปมาเณ มฺจปฺปมาเณ าเน’’ติ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๔๔) ปน อตฺถิ. โปราณสีมาย อนฺโต ตฺวา เอกสฺมึ าเน สีมาสมูหนนกมฺมวาจาย กตาย สกลาปิ สีมา สมูหตาว โหติ, ตสฺมา ‘‘ปทวลฺชสมฺพนฺธํ กตฺวา สมูหนิตพฺพ’’นฺติ วจนํ ปณฺฑิตา น สมฺปฏิจฺฉนฺติ. อีทิสํ ปน วจนํ ครุกรณวเสน วุตฺตนฺติ คยฺหมาเน กิฺจาปิ โทโส นตฺถิ, ตถาปิ สิสฺสานุสิสฺสานํ ทิฏฺานุคติอาปชฺชนการณํ โหติ. เต หิ ‘‘อมฺหากํ อาจริยา เอวํ กเถนฺติ, เอวํ กโรนฺตี’’ติ ทฬฺหีกมฺมวเสน คเหตฺวา ตถา อกเต สีมา สมูหตา น โหตีติ มฺนฺติ, ตสฺมา ปกรณาคตนยวเสเนว กรณํ วรํ ปสตฺถํ โหตีติ ทฏฺพฺพํ.
อปรมฺปิ อิมสฺมึ สีมาสมูหนนาธิกาเร ธมฺมคารเวหิ วินยธเรหิ จินฺเตตพฺพํ คมฺภีรํ ทุทฺทสํ านํ อตฺถิ, ตํ กตมนฺติ เจ? ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติโยชนปรมํ สีมํ สมฺมนฺนิตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๔๐) วจนโต นานาคามกฺเขตฺตานิ อวตฺถริตฺวา สมฺมตา ติโยชนิกาทิกาโย ¶ มหาสีมาโย ภควตา อนฺุาตา อตฺถิ, อถ เอกํ คามกฺเขตฺตํ โสเธตฺวา อารกฺขํ ทตฺวา สีมาย สมูหตาย ยทิ ตโต อฺเสุ คามกฺเขตฺเตสุ ภิกฺขู สนฺติ, น คามสีมา พทฺธสีมํ ปริจฺฉินฺทิตุํ สกฺโกติ, ตสฺมา เต ภิกฺขู ตสฺมึ กมฺเม วคฺคํ กเรยฺยุํ, เอวํ สติ สีมา สมูหตา น ภเวยฺย, ตาย อสมูหตาย สติ อภินวสีมา สมฺมนฺนิตพฺพา น ภเวยฺย, อิติ อิทํ านํ ทุชฺชานํ ทุทฺทสํ, ตสฺมา ปาสาณจฺฉตฺตํ วิย ภควโต ¶ อาณํ ครุํ กโรนฺเตหิ ลชฺชิเปสลพหุสฺสุตสิกฺขากามภูเตหิ วินยวิทูหิ สุฏฺุ จินฺเตตพฺพนฺติ.
อิมสฺมึ อธิกาเร จินฺเตนฺโต คเวสนฺโต วิจินนฺโต อิทํ การณํ ทิสฺสติ – ติโยชนิกาทิมหาสีมาโย อิทฺธิมนฺตานํ ภิกฺขูนํ ธรมานกาเล สนฺนิปติตุํ วา วิโสเธตุํ วา สกฺกุเณยฺยภาวโต ตมารพฺภ ภควตา อนุชานิตา ภเวยฺยุํ. สพฺพสฺมึ กาเล สพฺพสฺมึ ปเทเส สพฺเพ ภิกฺขู ตาทิสํ มหาสีมํ โสเธตุํ วา สนฺนิปติตุํ วา น สกฺกา, น จ ภควา อสกฺกุเณยฺยํ อลพฺภเนยฺยํ การณํ วเทยฺย. ภควโต ธรมานกาเล ราชคหนคเร อฏฺารส มหาวิหารา เอกสีมาว ธมฺมเสนาปติสาริปุตฺตตฺเถเรน สมฺมตาติ. สีหฬทีเป มหาวิหารสีมา อนุราธปุรํ อนฺโตกตฺวา ปวตฺตา มหามหินฺทตฺเถเรน สมฺมตาติ จ ปกรเณสุ ทิสฺสติ, น ตถา อิมสฺมึ นาม เทเส ทฺวิโยชนิกา วา ติโยชนิกา วา สีมา อสุเกน ภิกฺขุนา สมฺมตาติ ทิสฺสติ. อิมสฺมิฺจ มรมฺมเทเส ตาทิสานํ สีมานํ นตฺถิภาโว อุปปริกฺขิตฺวา ชานิตพฺโพ. ตถา หิ อเนกสตอเนกสหสฺสวสฺสกาลโต อุปฺปนฺนา พทฺธสีมา ปาสาณถมฺภนิมิตฺเตน สห ตสฺมึ ตสฺมึ ปเทเส ทิสฺสนฺติ. อริมทฺทนปุเร จ อนุรุทฺธมหาราเชน สมฺมนฺนาปิตา ทฺวาสฏฺยาธิกสตหตฺถายามา สตฺตจตฺตาลีสาธิกสตหตฺถวิตฺถารา มหาสีมา นิมิตฺเตน สห ทิสฺสติ. รตนปูรนคเร จ นรปติเชยฺยสูรมหาราชกาเล อฏฺสตฺตตาธิกจตุสตกลิยุเค สมฺมนฺนิตา สีมา ปาสาณเลขาย สทฺธึ ทิสฺสติ. ยทิ ติโยชนปรมาทิมหาสีมาโย อตฺถิ, โปราณาจริยา นวํ นวํ พทฺธสีมํ น พนฺเธยฺยุํ, อถ จ ปน พนฺธนฺติ, ตาสุ จ นวสีมาสุ อุปสมฺปทาทิสงฺฆกมฺมํ กโรนฺติ, ตโต เอว จ คณนปถมติกฺกนฺตา ภิกฺขู ปรมฺปรโต วฑฺเฒนฺตา ยาวชฺชตนา ¶ สาสนํ ปติฏฺเปนฺติ. อิมินา จ การเณน อิมสฺมึ ปเทเส ติโยชนา สีมาโย นตฺถีติ วิฺายติ.
อถ วา ‘‘วิหารปริกฺเขปสฺส อนฺโต จ พหิ จ สมนฺตา เลฑฺฑุปาเต’’ติ วิหารปริกฺเขปสฺส อนฺโต จ วิหารูปจารภูเต พหิ เลฑฺฑุปาเต จ าเนเยว สีมาสมูหนนสฺส วิมติวิโนทนิยํ ¶ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๔๔) วุตฺตตฺตาปิ ตาทิสา มหาสีมาโย นตฺถีติ วิฺายติ. ยทิ อตฺถิ, สีมาสมูหนนํ ปกรณาจริยา น กเถยฺยุํ. กเถนฺตาปิ สมนฺตา ติโยชนํ านํ โสเธตฺวา สีมาสมูหนนํ กเรยฺยุํ, ตถา ปน อกเถตฺวา วิหารวิหารูปจาเรสุเยว สีมาสมูหนนสฺส กถิตตฺตา ติโยชนิกาทโย มหาสีมาโย นตฺถีติ วิฺายติ.
อถ วา ‘‘ขณฺฑสีมํ ปน ชานนฺตา อวิปฺปวาสํ อชานนฺตาปิ สมูหนิตฺุเจว พนฺธิตฺุจ สกฺขิสฺสนฺตี’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๔) วจนโตปิ เตสุ เตสุ ชนปเทสุ ติโยชนิกาทิกาโย มหาสีมาโย นตฺถีติ วิฺายติ. กถํ? ยทิ ตาทิสา สีมาโย อตฺถิ, สกลมฺปิ ตํ สีมํ อโสเธตฺวา สีมาสมูหนนํ อฏฺกถาจริยา น กเถยฺยุํ, อถ จ ปน ขณฺฑสีมํ ชานนฺตา อวิปฺปวาสํ อชานนฺตาปิ สีมํ สมูหนิตุํ พนฺธิตฺุจ สมตฺถภาวํ กเถนฺติ, สา กถา ขนฺธสีมาย สีมนฺตริกนฺตริตมตฺตา หุตฺวา ตสฺมึ คามกฺเขตฺเต อวิปฺปวาสสีมา ภเวยฺย, ตสฺมา ตสฺมึ าเน ตฺวา สมูหนิตุํ สมตฺถภาเวน อฏฺกถาจริเยหิ กถียติ, น นานาคามกฺเขตฺตานิ อวตฺถริตฺวา สมฺมตาย ติโยชนิกาทิเภทาย สีมาย อฺเสุ คามกฺเขตฺเตสุ อฺเสุ ภิกฺขูสุ สนฺเตสุปิ สมูหนิตุํ สมตฺถภาเวน, เตน ายติ ‘‘น ¶ สพฺเพสุ าเนสุ ติโยชนิกาทิเภทาโย มหาสีมาโย น สนฺตี’’ติ. อีทิสานิ การณานิ ภควโต อาณํ ครุํ กโรนฺเตหิ วินยตฺถวิทูหิ วินยธเรหิ ปุนปฺปุนํ จินฺเตตพฺพานิ อุปปริกฺขิตพฺพานิ, อิโต อฺานิปิ การณานิ คเวสิตพฺพานีติ.
อิโต ปรมฺปิ ‘‘สเจ อฺานิปิ คามกฺเขตฺตานิ อนฺโตกาตุกามา, เตสุ คาเมสุ เย ภิกฺขู วสนฺติ, เตหิปิ อาคนฺตพฺพ’’นฺติอาทิวจนโต (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘) เอกสฺมึเยว คามกฺเขตฺเต สีมํ น พนฺธนฺติ, อถ โข อฺานิปิ คามกฺเขตฺตานิ อนฺโตกริตฺวาปิ พนฺธนฺติ, ตสฺมา อิทานิ สมฺมนฺนิตพฺพาย สีมาย นิสฺสยภูตํ ปกติคามกฺเขตฺตํ วา วิสุํคามกฺเขตฺตํ วา โสธิตนฺติ มนสิ น กาตพฺพํ. กงฺขจฺเฉทนตฺถํ สีมาสมูหนนกมฺมวาจาภณนสมเย เตน คามกฺเขตฺเตน สมฺพนฺเธสุ อฺเสุ คามกฺเขตฺเตสุ วสนฺเต ภิกฺขูปิ ยาจิตฺวา ตโต คามกฺเขตฺตโต พหิ ทูเร วาสาเปตพฺพา. เอวฺหิ กโรนฺเต อฺานิ คามกฺเขตฺตานิ อนฺโตกริตฺวา โปราณสีมาย วิชฺชมานายปิ เต วคฺคํ กาตุํ น สกฺโกนฺติ. ตโต สีมาสมูหนนกมฺมวาจา สมฺปชฺชติ, ตสฺมา เอวรูโป สุขุโม นิปุโณ อตฺโถ วินยธเรหิ จินฺเตตพฺโพ. เอวํ สีมาสมูหนนวิธาเนน ¶ สีมาย สีมํ สมฺภินฺทนฺเตน สมฺมตา, สีมาย สีมํ อชฺโฌตฺถรนฺเตน สมฺมตาติ วุตฺเตหิ ทฺวีหิ วิปตฺติโทเสหิ มุตฺตา โหติ.
ตโต ‘‘อติขุทฺทิกา อติมหนฺตี’’ติ (ปริ. ๔๘๖) วุตฺเตหิ วิปตฺติโทเสหิ วิมุจฺจนตฺถํ สีมาย ปมาณํ ชานิตพฺพํ. กถํ? สีมา นาม เอกวีสติยา ภิกฺขูนํ นิสีทิตุํ อปฺปโหนฺเต สติ อติขุทฺทิกา นาม โหติ, สมฺมตาปิ สีมา น โหติ. ติโยชนโต ปรํ เกสคฺคมตฺตมฺปิ านํ อนฺโต กโรนฺเต สติ อติมหตี นาม โหติ, สมฺมตาปิ สีมา น โหติ ¶ , ตสฺมา เอกวีสติยา ภิกฺขูนํ นิสีทนปฺปโหนกโต ปฏฺาย ติโยชนํ อนติกฺกมิตฺวา ยตฺถ ยํ ปมาณํ สงฺโฆ อิจฺฉติ, ตตฺถ ตํ ปมาณํ กตฺวา สีมา สมฺมนฺนิตพฺพา. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘ตตฺถ อติขุทฺทิกา นาม ยตฺถ เอกวีสติ ภิกฺขู นิสีทิตุํ น สกฺโกนฺติ. อติมหนฺตี นาม อนฺตมโส เกสคฺคมตฺเตนปิ ติโยชนํ อติกฺกมิตฺวา สมฺมตา’’ติ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) วจนโต วิฺายติ. เอวํ สีมาย ปมาณคฺคหเณน ‘‘อติขุทฺทิกา อติมหนฺตี’’ติ วุตฺเตหิ ทฺวีหิ โทเสหิ มุตฺตา โหติ.
ตโต ‘‘ขณฺฑนิมิตฺตา ฉายานิมิตฺตา อนิมิตฺตา’’ติ (ปริ. ๔๘๖) วุตฺเตหิ ตีหิ วิปตฺติโทเสหิ วิมุจฺจนตฺถํ นิมิตฺตกิตฺตนํ กาตพฺพํ, ตตฺถ อสมฺพนฺธกิตฺตเนน นิมิตฺตา สีมา ขณฺฑนิมิตฺตา นาม. กถํ? สีมาย จตูสุ ทิสาสุ ปิตนิมิตฺเตสุ ปุรตฺถิมทิสาย นิมิตฺตํ กิตฺเตตฺวา อนุกฺกเมน ทกฺขิณปจฺฉิมอุตฺตรทิสาสุ นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา ปุน ปุรตฺถิมทิสาย นิมิตฺตํ กิตฺเตตพฺพํ, เอวํ กเต อขณฺฑนิมิตฺตา นาม โหติ. ยทิ ปน ปุรตฺถิมทิสาย นิมิตฺตํ กิตฺเตตฺวา อนุกฺกเมน ทกฺขิณปจฺฉิมอุตฺตรทิสาสุ นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา เปติ, ปุน ปุรตฺถิมทิสาย นิมิตฺตํ น กิตฺเตติ, เอวํ ขณฺฑนิมิตฺตา นาม โหติ. อปราปิ ขณฺฑนิมิตฺตา นาม ยา อนิมิตฺตุปคปาสาณํ วา พหิสารรุกฺขํ วา ขาณุกํ วา ปํสุปฺุชํ วา อนฺตรา เอกํ นิมิตฺตํ กตฺวา สมฺมตา. ปพฺพตจฺฉายาทีสุ ยํ กิฺจิ ฉายํ นิมิตฺตํ กตฺวา สมฺมตา ฉายานิมิตฺตา นาม. สพฺพโส นิมิตฺตํ อกิตฺเตตฺวา สมฺมตา อนิมิตฺตา นาม. อิเมหิ ตีหิ โทเสหิ วิมุจฺจนตฺถาย นิมิตฺตกิตฺตนํ กาตพฺพํ.
กถํ? กมฺมวาจาย โปราณสีมาสมูหนนํ กตฺวา ปริสุทฺธาย เกวลาย คามสีมาย สงฺเฆน ¶ ยถาชฺฌาสยํ คหิตปฺปมาณสฺส ¶ สีมมณฺฑลสฺส จตูสุ วา ทิสาสุ อฏฺสุ วา ทิสาสุ นิมิตฺตุปเค เหฏฺิมปริจฺเฉเทน ทฺวตฺตึสปลคุฬปิณฺฑปฺปมาเณ, อุกฺกฏฺปริจฺเฉเทน หตฺถิปฺปมาณโต อูนปฺปมาเณ ปาสาเณ เปตฺวา นิมิตฺตานํ อนฺโต ิเตน กมฺมวาจาปาเกน วินยธเรน ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย กึ นิมิตฺต’’นฺติ ปุจฺฉิตพฺพํ. อฺเน ‘‘ปาสาโณ, ภนฺเต’’ติ วตฺตพฺพํ. ปุน วินยธเรน ‘‘เอโส ปาสาโณ นิมิตฺต’’นฺติ วตฺวา กิตฺเตตพฺพํ. อิมินา นเยน สีมมณฺฑลํ ปทกฺขิณํ กโรนฺเตน ‘‘ปุรตฺถิมาย อนุทิสาย, ทกฺขิณาย ทิสาย, ทกฺขิณาย อนุทิสาย, ปจฺฉิมาย ทิสาย, ปจฺฉิมาย อนุทิสาย, อุตฺตราย ทิสาย, อุตฺตราย อนุทิสาย กึ นิมิตฺตํ? ปาสาโณ, ภนฺเต. เอโส ปาสาโณ นิมิตฺต’’นฺติ กิตฺเตตฺวา ปุน ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย กึ นิมิตฺตํ? ปาสาโณ, ภนฺเต. เอโส ปาสาโณ นิมิตฺต’’นฺติ กิตฺเตตฺวา นิฏฺเปตพฺพํ. วุตฺตฺหิ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ‘‘ขณฺฑนิมิตฺตา นาม อฆฏิตนิมิตฺตา วุจฺจตี’’ติอาทิ. เอวํ นิมิตฺตกิตฺตเนน ‘‘ขณฺฑนิมิตฺตา ฉายานิมิตฺตา อนิมิตฺตา’’ติ วุตฺเตหิ ตีหิ วิปตฺติโทเสหิ วิมุตฺตา โหติ.
ตโต ปรํ ‘‘พหิสีเม ิตสมฺมตา’’ติ (ปริ. ๔๘๖) วุตฺตวิปตฺติโทสโต วิมุจฺจนตฺถํ สีมาสมฺมุติกมฺมวาจาปากาเล สงฺฆสฺส ิตฏฺานํ ชานิตพฺพํ. กถํ? ยทิ นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา สงฺโฆ นิมิตฺตานํ พหิ ตฺวา กมฺมวาจาย สีมํ สมฺมนฺนติ, พหิสีเม ิตสมฺมตา นาม โหติ, สีมา น โหติ, ตสฺมา นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา สงฺเฆน นิมิตฺตานํ อนฺโต ตฺวา กมฺมวาจาย สีมา สมฺมนฺนิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ กงฺขาวิตรณิยํ ‘‘พหิสีเม ิตสมฺมตา นาม นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา นิมิตฺตานํ พหิ ิเตน สมฺมตา’’ติ. เอวํ สีมาสมฺมนฺนนฏฺานนิยเมน ‘‘พหิสีเม ิตสมฺมตา’’ติ (ปริ. ๔๘๖) วุตฺตวิปตฺติโทสโต มุตฺตา โหติ.
ตโต ¶ ปรํ ‘‘นทิยํ สมฺมตา, สมุทฺเท สมฺมตา, ชาตสฺสเร สมฺมตา’’ติ (ปริ. ๔๘๖) วุตฺเตหิ ตีหิ วิปตฺติโทเสหิ จ วิมุจฺจนตฺถํ เอวํ มนสิ กาตพฺพํ – ‘‘สพฺพา, ภิกฺขเว, นที อสีมา, สพฺโพ สมุทฺโท อสีโม, สพฺโพ ชาตสฺสโร อสีโม’’ติ (มหาว. ๑๔๗) ภควตา วจนโต นทีสมุทฺทชาตสฺสเรสุ สมฺมตา สีมา น โหติ, โปราณสีมวิคตาย สุทฺธาย คามสีมาย สมฺมตา เอว สีมา โหติ, ตสฺมา คามสีมายเมว พทฺธสีมา สมฺมนฺนิตพฺพา, น นทีอาทีสูติ. วุตฺตฺหิ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ‘‘นทิยา สมุทฺเท ชาตสฺสเร สมฺมตา นาม เอเตสุ นทีอาทีสุ สมฺมตา’’ติอาทิ. เอตฺตาวตา ‘‘อยํ สีมา อติขุทฺทิกา ¶ , อติมหนฺตี, ขณฺฑนิมิตฺตา, ฉายานิมิตฺตา, อนิมิตฺตา, พหิสีเม ิตสมฺมตา, นทิยํ สมฺมตา, สมุทฺเท สมฺมตา, ชาตสฺสเร สมฺมตา, สีมาย สีมํ สมฺภินฺทนฺเตน สมฺมตา, สีมาย สีมํ อชฺโฌตฺถรนฺเตน สมฺมตา’’ติ (ปริ. ๔๘๖) วุตฺเตหิ เอกาทสหิ โทเสหิ วิมุตฺตา หุตฺวา ‘‘อพฺภา มหิกา ธูโม รโช ราหู’’ติ วุตฺเตหิ ปฺจหิ อุปกฺกิเลเสหิ มุตฺตํ จนฺทมณฺฑลํ วิย, สูริยมณฺฑลํ วิย จ สุปริสุทฺธา โหติ.
ติวิธสมฺปตฺติ นาม นิมิตฺตสมฺปตฺติปริสสมฺปตฺติกมฺมวาจาสมฺปตฺติโย. ตาสุ ‘‘ปพฺพตนิมิตฺตํ ปาสาณนิมิตฺตํ วนนิมิตฺตํ รุกฺขนิมิตฺตํ มคฺคนิมิตฺตํ วมฺมิกนิมิตฺตํ นทีนิมิตฺตํ อุทกนิมิตฺต’’นฺติ (มหาว. ๑๓๘) วุตฺเตสุ อฏฺสุ นิมิตฺเตสุ ตสฺสํ ตสฺสํ ทิสายํ ยถาลทฺธานิ นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา สมฺมนฺนิตพฺพา. วุตฺตฺหิ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย กึนิมิตฺตํ? ปาสาโณ, ภนฺเต. เอโส ปาสาโณ นิมิตฺตนฺติอาทินา นเยน กิตฺเตตฺวา สมฺมตา’’ติ. เตสุ จ อฏฺสุ นิมิตฺเตสุ รุกฺขนิมิตฺตาทีนํ ยถาชฺฌาสยฏฺาเนสุ ทุลฺลภภาวโต วฑฺฒิตฺวา ทฺวินฺนํ พทฺธสีมานํ สงฺกรกรณโต จ ปาสาณนิมิตฺตสฺส ปน ตถา ¶ สงฺกรกรณาภาวโต ยถิจฺฉิตฏฺานํ อาหริตฺวา เปตุํ สุกรภาวโต จ สีมํ พนฺธนฺเตหิ ภิกฺขูหิ สีมมณฺฑลสฺส สมนฺตา นิมิตฺตูปคา ปาสาณา เปตพฺพา. เตน วุตฺตํ มหาวคฺคฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘) ‘‘ตํ พนฺธนฺเตหิ สมนฺตา นิมิตฺตูปคา ปาสาณา เปตพฺพา’’ติ. วิมติวิโนทนิยฺจ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๓๘) ‘‘นิมิตฺตูปคา ปาสาณา เปตพฺพาติ อิทํ ยถารุจิตฏฺาเน รุกฺขนิมิตฺตาทีนํ ทุลฺลภตายา’’ติอาทิ. เอตฺตาวตา นิมิตฺตสมฺปตฺติสงฺขาตํ ปมงฺคํ สูปปนฺนํ โหติ.
ตโต สีมาสมฺมุติกรณตฺถํ สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน จตฺตาโร ภิกฺขู สนฺนิปติตฺวา ยาวตา ตสฺมึ คาเม พทฺธสีมํ วา นทีสมุทฺทชาตสฺสเร วา อโนกฺกมิตฺวา ิตา ภิกฺขู สนฺติ, สพฺเพ เต หตฺถปาเส วา กตฺวา ฉนฺทํ วา อาหริตฺวา ยา สีมา สมฺมตา, สา ปริสสมฺปตฺติยุตฺตา นาม โหติ. เตน วุตฺตํ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ‘‘ปริสสมฺปตฺติยุตฺตา นาม สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน จตูหิ ภิกฺขูหิ สนฺนิปติตฺวา’’ติอาทิ. อถ ตํ สีมํ พนฺธนฺตา ภิกฺขู สามนฺตวิหาเรสุ วสนฺเต ภิกฺขู ตสฺส ตสฺส วิหารสฺส สีมาปริจฺเฉทํ ปุจฺฉิตฺวา เย พทฺธสีมวิหารา, เตสํ สีมาย สีมนฺตริกํ เปตฺวา, เย อพทฺธสีมวิหารา, เตสํ สีมาย อุปจารํ เปตฺวา ทิสาจาริกภิกฺขูนํ นิสฺสฺจารสมเย ยทิ เอกสฺมึเยว คามกฺเขตฺเต สีมํ พนฺธิตุกามา ¶ , ตสฺมึ เย ภิกฺขู พทฺธสีมวิหารา, เตสํ เปเสตพฺพํ ‘‘อชฺช มยํ สีมํ พนฺธิสฺสาม, ตุมฺเห สกสกสีมาปริจฺเฉทโต มา นิกฺขมถา’’ติ. เย อพทฺธสีมวิหารา, เต สพฺเพ เอกชฺฌํ สนฺนิปาตาเปตพฺพา, ฉนฺทารหานํ ฉนฺโท อาหริตพฺโพ.
ยทิ อฺํ คามกฺเขตฺตมฺปิ อนฺโตกตฺตุกามา, ตตฺถ นิวาสิโน ภิกฺขู สมานสํวาสกสีมาสมฺมนฺนนกาเล อาคนฺตุมฺปิ ¶ อนาคนฺตุมฺปิ วฏฺฏนฺติ. อวิปฺปวาสสีมาสมฺมนฺนนกาเล ปน อนฺโตนิมิตฺตคเตหิ ภิกฺขูหิ อาคนฺตพฺพํ, อนาคจฺฉนฺตานํ ฉนฺโท อาหริตพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ สมนฺตปาสาทิกายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘) ‘‘ตํ พนฺธิตุกาเมหิ สามนฺตวิหาเรสุ ภิกฺขู’’ติอาทิ. เอวํ ภิกฺขูสุ สนฺนิปติเตสุ ฉนฺทารหานํ ฉนฺเท อาหเฏ เตสุ เตสุ มคฺเคสุ นทีติตฺถคามทฺวาราทีสุ จ อาคนฺตุกภิกฺขูนํ สีฆํ สีฆํ หตฺถปาสานยนตฺถฺจ พหิสีมกรณตฺถฺจ อารามิกสามเณเร เปตฺวา เภริสฺํ วา สงฺขสฺํ วา การาเปตฺวา นิมิตฺตกิตฺตนานนฺตรํ วุตฺตาย ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต สงฺโฆ’’ติอาทิกาย (มหาว. ๑๓๙) กมฺมวาจาย สีมา พนฺธิตพฺพา. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘) ‘‘เอวํ สนฺนิปติเตสุ ปน ภิกฺขูสู’’ติอาทิ. เอตฺตาวตา ปริสสมฺปตฺติสงฺขาตํ ทุติยงฺคํ สูปปนฺนํ โหติ.
ตโต ปรํ กมฺมวาจาปาสมเย ‘‘สีมํ, ภิกฺขเว, สมฺมนฺนนฺเตน ปมํ สมานสํวาสกสีมา สมฺมนฺนิตพฺพา, ปจฺฉา ติจีวเรน อวิปฺปวาโส สมฺมนฺนิตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๑๔๔) วจนโต ปมํ สมานสํวาสกสีมา สมฺมนฺนิตพฺพา, ปจฺฉา อวิปฺปวาสสีมา สมฺมนฺนิตพฺพา, สมานสํวาสกกมฺมวาจาปริโยสาเนเยว นิมิตฺตานิ พหิ กตฺวา นิมิตฺตานํ อนฺโตปมาเณเนว สมานสํวาสกสีมา จตุนหุตาธิกทฺวิลกฺขโยชนปุถุลํ มหาปถวึ วินิวิชฺฌิตฺวา ปถวีสนฺธารกอุทกํ ปริยนฺตํ กตฺวา คตา. เตน วุตฺตํ สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘กมฺมวาจาปริโยสาเนเยว…เป… คตา โหตี’’ติ. อวิปฺปวาสกมฺมวาจาปริโยสาเน อวิปฺปวาสสีมา ยทิ อนฺโตสีมาย คาโม อตฺถิ, คามฺจ คามูปจารฺจ มฺุจิตฺวา สมานสํวาสกสีมาย คตปริจฺเฉเทเนว คตา. อิติ ติจีวเรน อวิปฺปวาสสีมา คามฺจ คามูปจารฺจ น อวตฺถรติ, สมานสํวาสกสีมาว อวตฺถรติ, สมานสํวาสกสีมา อตฺตโน ธมฺมตาย ¶ คจฺฉติ. อวิปฺปวาสสีมา ปน ยตฺถ สมานสํวาสกสีมา, ตตฺเถว คจฺฉติ. เตน วุตฺตํ สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘อิติ ภิกฺขูนํ อวิปฺปวาสสีมา…เป… คจฺฉตี’’ติ. ตสฺมา –
‘‘สุณาตุ ¶ เม, ภนฺเต สงฺโฆ, ยาวตา สมนฺตา นิมิตฺตา กิตฺติตา. ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ เอเตหิ นิมิตฺเตหิ สีมํ สมฺมนฺเนยฺย สมานสํวาสํ เอกูโปสถํ, เอสา ตฺติ.
‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต สงฺโฆ, ยาวตา สมนฺตา นิมิตฺตา กิตฺติตา, สงฺโฆ เอเตหิ นิมิตฺเตหิ สีมํ สมฺมนฺนติ สมานสํวาสํ เอกูโปสถํ. ยสฺสายสฺมโต ขมติ เอเตหิ นิมิตฺเตหิ สีมาย สมฺมุติ สมานสํวาสาย เอกูโปสถาย, โส ตุณฺหสฺส. ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺย. สมฺมตา สา สีมา สงฺเฆน เอเตหิ นิมิตฺเตหิ สมานสํวาสา เอกูโปสถา, ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี. เอวเมตํ ธารยามี’’ติ (มหาว. ๑๓๙).
เอสา สมานสํวาสกกมฺมวาจา,
‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต สงฺโฆ, ยา สา สงฺเฆน สีมา สมฺมตา สมานสํวาสา เอกูโปสถา. ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ ตํ สีมํ ติจีวเรน อวิปฺปวาสํ สมฺมนฺเนยฺย เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจ, เอสา ตฺติ.
‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต สงฺโฆ, ยา สา สงฺเฆน สีมา สมฺมตา สมานสํวาสา เอกูโปสถา. สงฺโฆ ตํ สีมํ ติจีวเรน อวิปฺปวาสํ สมฺมนฺนติ เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจ. ยสฺสายสฺมโต ขมติ เอติสฺสา สีมาย ติจีวเรน อวิปฺปวาสสมฺมุติ เปตฺวา ¶ คามฺจ คามูปจารฺจ, โส ตุณฺหสฺส. ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺย. สมฺมตา สา สีมา สงฺเฆน ติจีวเรน อวิปฺปวาสา เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจ, ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี. เอวเมตํ ธารยามี’’ติ (มหาว. ๑๔๔).
เอสา อวิปฺปวาสกมฺมวาจา ตฺติโทสอนุสฺสาวนาโทเส อนุฏฺเปตฺวา สุฏฺุ ภณิตพฺพา. เอตฺตาวตา กมฺมวาจาสมฺปตฺติสงฺขาตํ ตติยงฺคํ สูปปนฺนํ โหติ.
เอวมยํ สีมา อนฺโต มณิวิมานํ พหิ รชตปริกฺขิตฺตํ วิมานสามิกเทวปุตฺโตติ อิเมหิ ตีหิ องฺเคหิ สมฺปนฺนํ จนฺทมณฺฑลํ วิย, อนฺโต กนกวิมานํ พหิ ผลิกปริกฺขิตฺตํ วิมานสามิกเทวปุตฺโตติ ¶ อิเมหิ ตีหิ องฺเคหิ สมฺปนฺนํ สูริยมณฺฑลํ วิย จ นิมิตฺตสมฺปตฺติปริสสมฺปตฺติกมฺมวาจาสมฺปตฺติสงฺขาเตหิ ตีหิ องฺเคหิ สมฺปนฺนา หุตฺวา อติวิย โสภติ วิโรจติ, ชินสาสนสฺส จิรฏฺิติการณภูตา หุตฺวา ติฏฺตีติ ทฏฺพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ อุโปสถกฺขนฺธกปาฬิยํ ‘‘สีมํ, ภิกฺขเว, สมฺมนฺนนฺเตน ปมํ สมานสํวาสกสีมา สมฺมนฺนิตพฺพา’’ติอาทิ.
‘‘นิมิตฺเตน นิมิตฺตํ สมฺพนฺธิตฺวา’’ติ เอตฺถ ปน ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว ปุรตฺถิมทิสโต ปฏฺาย ปทกฺขิณํ กตฺวา สพฺพนิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา อุตฺตรานุทิสํ ปตฺวา ตตฺเถว อฏฺเปตฺวา ปุพฺเพ กิตฺติตํ ปุรตฺถิมทิสาย นิมิตฺตํ ปุน กิตฺเตตฺวา สมฺมตาติ อตฺโถ. เอวํ สมฺมตา อยํ สีมา เอกาทสหิ วิปตฺตีหิ มุตฺตา, ตีหิ สมฺปตฺตีหิ สมนฺนาคตา หุตฺวา สพฺพาการสมฺปนฺนา ปฺจวสฺสสหสฺสปริมาณกาลํ อปริมาณํ ภิกฺขูนํ อปโลกนาทิจตุพฺพิธกมฺมกรณฏฺานภูตา พทฺธสีมา โหตีติ ทฏฺพฺพา.
ยทิ ¶ ปน สขณฺฑสีมํ มหาสีมํ พนฺธิตุกามา, ปุพฺเพ วุตฺตนเยน สุฏฺุ โสเธตฺวา สมูหนิตโปราณสีมาย เกวลาย ปกติคามสีมาย วา วิสุํคามสีมาย วา พนฺธิตพฺพา, ตาสุ จ ทฺวีสุ สีมาสุปพฺพชฺชุปสมฺปทาทีนํ สงฺฆกมฺมานํ สุขกรณตฺถํ สีมา ปมํ พนฺธิตพฺพา, ตํ ปน พนฺธนฺเตหิ วตฺตํ ชานิตพฺพํ. สเจ หิ โพธิเจติยภตฺตสาลาทีนิ สพฺพวตฺถูนิ ปติฏฺาเปตฺวา กตวิหาเร พนฺธนฺติ, วิหารมชฺเฌ พหูนํ สโมสรณฏฺาเน อพนฺธิตฺวา วิหารปจฺจนฺเต วิวิตฺโตกาเส พนฺธิตพฺพา. อกตวิหาเร พนฺธนฺเตหิ โพธิเจติยาทีนํ สพฺพวตฺถูนํ ปติฏฺานํ สลฺลกฺเขตฺวา ยถา ปติฏฺิเตสุ วตฺถูสุ วิหารปจฺจนฺเต วิวิตฺโตกาเส โหติ, เอวํ พนฺธิตพฺพา. ตถา หิ วุตฺตํ สมนฺตปาสาทิกายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘) ‘‘อิมํ ปน สมานสํวาสกสีมํ สมฺมนฺนนฺเตหี’’ติอาทิ.
กิตฺตกปฺปมาณา ปน ขณฺฑสีมา พนฺธิตพฺพาติ? เหฏฺิมปริจฺเฉเทน สเจ เอกวีสติ ภิกฺขู คณฺหาติ, วฏฺฏติ, ตโต โอรํ น วฏฺฏติ. ปรํ ภิกฺขุสหสฺสํ คณฺหนฺตีปิ วฏฺฏติ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (มหาว. ๑๓๘) ‘‘สา เหฏฺิมปริจฺเฉเทนา’’ติอาทิ. เอกวีสติ ภิกฺขูติ จ นิสินฺเน สนฺธาย วุตฺตํ, อิทฺจ อพฺภานกรณกาเล กมฺมารหภิกฺขุนา สทฺธึ วีสติคณสฺส สงฺฆสฺส นิสีทนปฺปโหนกตฺถํ วุตฺตํ. วุตฺตฺหิ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๓๘) ‘‘เอกวีสติ ¶ ภิกฺขู’’ติอาทิ. ตํ ขณฺฑสีมํ พนฺธนฺเตหิ ภิกฺขูหิ สีมมาฬกสฺส สมนฺตา นิมิตฺตูปคา ปาสาณา เปตพฺพา. อนฺโตขณฺฑสีมายเมว ตฺวา ขณฺฑสีมา พนฺธิตพฺพา. ‘‘เอโส ปาสาโณ นิมิตฺต’’นฺติ เอวํ นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา กมฺมวาจาย สีมา พนฺธิตพฺพา, ตสฺสาเยว สีมาย ทฬฺหีกมฺมตฺถํ อวิปฺปวาสกมฺมวาจา กาตพฺพา. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘) ‘‘ตํ พนฺธนฺเตหี’’ติอาทิ. เอวํ ขณฺฑสีมํ สมฺมนฺนิตฺวา พหิ สีมนฺตริกปาสาณา เปตพฺพา. สีมนฺตริกา ปจฺฉิมโกฏิยา เอกรตนปฺปมาณา ¶ วฏฺฏติ, วิทตฺถิปฺปมาณาปิ จตุรงฺคุลปฺปมาณาปิ วฏฺฏติ. สเจ ปน วิหาโร มหา โหติ, ทฺเวปิ ติสฺโสปิ ตตุตฺตริปิ ขณฺฑสีมาโย พนฺธิตพฺพา. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ ‘‘สีมํ สมฺมนฺนิตฺวา’’ติอาทิ.
เอวํ ขณฺฑสีมํ สมฺมนฺนิตฺวา มหาสีมาสมฺมุติกาเล ขณฺฑสีมโต นิกฺขมิตฺวา มหาสีมาย ตฺวา สมนฺตา อนุปริยายนฺเตหิ สีมนฺตริกปาสาณา กิตฺเตตพฺพา, ตโต อวเสสนิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา หตฺถปาสํ อวิชหนฺเตหิ กมฺมวาจาย สมานสํวาสกสีมํ สมฺมนฺนิตฺวา ตสฺส ทฬฺหีกมฺมตฺถํ อวิปฺปวาสกมฺมวาจาปิ กาตพฺพา. ตถา หิ วุตฺตํ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘) ‘‘เอวํ ขณฺฑสีมํ สมฺมนฺนิตฺวา’’ติอาทิ.
‘‘สมนฺตา อนุปริยายนฺเตหิ สีมนฺตริกปาสาณา กิตฺเตตพฺพา’’ติ วุตฺตํ. กถํ กิตฺเตตพฺพาติ? ทกฺขิณโต อนุปริยายนฺเตเนว กิตฺเตตพฺพา. ตถา หิ ขณฺฑสีมโต ปจฺฉิมาย ทิสาย ปุรตฺถาภิมุเขน ตฺวา ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย กึ นิมิตฺต’’นฺติ ตตฺถ สพฺพานิ นิมิตฺตานิ อนุกฺกเมน กิตฺเตตฺวา ตถา อุตฺตราย ทิสาย ทกฺขิณาภิมุเขน ตฺวา ‘‘ทกฺขิณาย ทิสาย กึ นิมิตฺต’’นฺติ อนุกฺกเมน กิตฺเตตฺวา ตถา ปุรตฺถิมาย ทิสาย ปจฺฉิมาภิมุเขน ตฺวา ‘‘ปจฺฉิมาย ทิสาย กึ นิมิตฺต’’นฺติ อนุกฺกเมน กิตฺเตตฺวา ตถา ทกฺขิณาย ทิสาย อุตฺตราภิมุเขน ตฺวา ‘‘อุตฺตราย ทิสาย กึ นิมิตฺต’’นฺติ ตตฺถ สพฺพานิ นิมิตฺตานิ อนุกฺกเมน กิตฺเตตฺวา ปุน ปจฺฉิมาย ทิสาย ปุรตฺถาภิมุเขน ตฺวา ปุริมํ กิตฺติตํ วุตฺตนเยเนว ปุน กิตฺเตตพฺพํ. เอวํ พหูนมฺปิ ขณฺฑสีมานํ สีมนฺตริกปาสาณา ปจฺเจกํ กิตฺเตตพฺพา, ตโต ปจฺฉา อวเสสนิมิตฺตานีติ มหาสีมาย พาหิรพนฺธเนสุ นิมิตฺตานิ. เอวํ สีมนฺตริกปาสาณา มหาสีมาย อนฺโต นิมิตฺตานิ โหนฺติ ทฺวินฺนํ สีมานํ ¶ สงฺกรโทสาปคมนตฺถํ สีมนฺตริกปาสาณานํ เปตพฺพตฺตา. เอวํ สมนฺตา อนุปริยายนฺเตน สีมนฺตริกปาสาณา กิตฺเตตพฺพา. ตถาหิ วุตฺตํ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๓๘) ‘‘สีมนฺตริกปาสาณาติ ¶ สีมนฺตริกาย ปิตนิมิตฺตปาสาณา, เต ปน กิตฺเตนฺเตน ปทกฺขิณโต อนุปริยายนฺเตเนว กิตฺเตตพฺพา’’ติอาทิ.
กึ อิมินา อนุกฺกเมเนว สีมา สมฺมนฺนิตพฺพา, อุทาหุ อฺเนปิ อนุกฺกเมน สมฺมนฺนิตพฺพาติ? สเจ ปน ขณฺฑสีมาย นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา ตโต สีมนฺตริกาย นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา มหาสีมาย นิมิตฺตานิ กิตฺเตนฺติ, เอวํ ตีสุ าเนสุ นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา ยํ สีมํ อิจฺฉนฺติ, ตํ ปมํ พนฺธิตุํ วฏฺฏติ. เอวํ สนฺเตปิ ยถาวุตฺตนเยน ขณฺฑสีมโตว ปฏฺาย พนฺธิตพฺพา. ตถา หิ วุตฺตํ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘) ‘‘สเจ ปน ขณฺฑสีมาย นิมิตฺตานี’’ติอาทิ. เอวํ ขณฺฑสีมมหาสีมพนฺธเนน ภิกฺขูนํ โก คุโณติ เจ? เอวํ พทฺธาสุ ปน สีมาสุ ขณฺฑสีมาย ิตา ภิกฺขู มหาสีมายํ กมฺมํ กโรนฺตานํ ภิกฺขูนํ กมฺมํ น โกเปนฺติ, มหาสีมาย วา ิตา ขณฺฑสีมาย กมฺมํ กโรนฺตานํ, สีมนฺตริกาย ปน ิตา อุภินฺนมฺปิ น โกเปนฺติ. คามกฺเขตฺเต ตฺวา กมฺมํ กโรนฺตานํ ปน สีมนฺตริกาย ิตา โกเปนฺติ. สีมนฺตริกา หิ คามกฺเขตฺตํ ภชติ. ตถา หิ วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘เอวํ พทฺธาสุ ปน สีมาสู’’ติอาทิ, เอวํ พทฺธสีมวิหาเรสุ วสนฺตา ภิกฺขู ติจีวราธิฏฺาเนน อธิฏฺิเตหิ ติจีวเรหิ วินา ยถารุจิ วสิตุํ ลภนฺติ. สเจ ปน คาโม อตฺถิ, คามคามูปจาเรสุ น ลภตีติ ทฏฺพฺพํ.
อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร
สีมาพนฺธนวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร.