📜
๒๕. อุโปสถปวารณาวินิจฺฉยกถา
๑๖๘. เอวํ ¶ สีมาวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ อุโปสถปวารณาวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘อุโปสถปวารณาติ เอตฺถ’’ตฺยาทิมาห. ตตฺถ อุโปสถสทฺโท ตาว –
‘‘อุทฺเทเส ¶ ปาติโมกฺขสฺส, ปณฺณตฺติยมุโปสโถ;
อุปวาเส จ อฏฺงฺเค, อุโปสถทิเน สิยา’’ติ. –
วจนโต ปาติโมกฺขุทฺเทเส ปณฺณตฺติยํ อุปวาเส อฏฺงฺคสีเล อุโปสถทิเน จ วตฺตติ. ตถา เหส ‘‘อายามาวุโส กปฺปิน อุโปสถํ คมิสฺสามา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๕๐; ม. นิ. อฏฺ. ๓.๘๕) ปาติโมกฺขุทฺเทเส อาคโต, ‘‘อุโปสโถ นาม นาคราชา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๔๖) ปณฺณตฺติยํ, ‘‘สุทฺธสฺส เว สทา เผคฺคุ, สุทฺธสฺส อุโปสโถ สทา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๗๙) อุปวาเส, ‘‘เอวํ อฏฺงฺคสมนฺนาคโต โข, วิสาเข, อุโปสโถ อุปวุตฺโถ’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๘.๔๓) อฏฺงฺคสีเล. ‘‘น, ภิกฺขเว, อุโปสเถ สภิกฺขุกาอาวาสา อภิกฺขุโก อาวาโส’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๑๐๔๘) อุโปสถทิเน วตฺตติ. ‘‘ปาริสุทฺธิอุโปสโถ อธิฏฺานุโปสโถ’’ติอาทีสุ ปาริสุทฺธิอธิฏฺาเนสุปิ วตฺตติ. เต ปน ปาติโมกฺขุทฺเทเส อนฺโตคธาติ กตฺวา วิสุํ น วุตฺตา. อิธ ปน ปาติโมกฺขุทฺเทเส อุโปสถทิเน จ วตฺตติ. ตตฺถ ปาติโมกฺขุทฺเทเส อุปวสนํ อุโปสโถ, สีเลน อุเปตา หุตฺวา วสนนฺตฺยตฺโถ. อุโปสถทิเน อุปวสนฺติ เอตฺถาติ อุโปสโถ, เอตสฺมึ ทิวเส สีเลน อุเปตา หุตฺวา วสนฺตีตฺยตฺโถ.
ปวารณา-สทฺโท ปน ‘‘ปวารณา ปฏิกฺเขเป, กถิตาชฺเฌสนาย จา’’ติ อภิธานปฺปทีปิกายํ วจนโต ปฏิกฺเขเป อชฺเฌสเน จ วตฺตติ. ตตฺถ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ภุตฺตาวี ปวาริโต อนติริตฺตํ ขาทนียํ วา โภชนียํ วา ¶ ขาเทยฺย วา ภฺุเชยฺย วา, ปาจิตฺติย’’นฺติอาทีสุ (ปาจิ. ๒๓๘) ปฏิกฺเขเป, ‘‘สงฺโฆ ปวาเรยฺยา’’ติอาทีสุ (มหาว. ๒๑๐) อชฺเฌสเน, ‘‘อชฺชปวารณา จาตุทฺทสี’’ติอาทีสุ (มหาว. อฏฺ. ๒๑๒) ปวารณาทิวเส. โส ปน อชฺเฌสนทิวโสเยวาติ วิสุํ น วุตฺโต. อิธ ปน อชฺเฌสเน วตฺตติ, ตสฺมา ปวารียเต ปวารณา, ปกาเรน อิจฺฉียเตตฺยตฺโถ. ป-ปุพฺพ วรธาตุ จุราทิคณิกายํ.
เอตฺถ จ กิฺจาปิ ปาฬิยํ อุโปสถกฺขนฺธกานนฺตรํ วสฺสูปนายิกกฺขนฺธโก, ตทนนฺตรํ ปวารณกฺขนฺธโก สงฺคีโต, ตถาปิ อุโปสถปวารณกมฺมานํ เยภุยฺเยน สมานตฺตา ยมกมิว ภูตตฺตา มิสฺเสตฺวา กเถนฺโต สุวิฺเยฺโย โหติ สลฺลหุกคนฺโถ จาติ มนฺตฺวา ขนฺธกทฺวยสงฺคหิตํ อตฺถํ ¶ เอเกเนว ปริจฺเฉเทน ทสฺเสติ อาจริโย. ตตฺถ จาตุทฺทสิโก ปนฺนรสิโก สามคฺคีอุโปสโถติ ทิวสวเสน ตโย อุโปสถา โหนฺตีติ สมฺพนฺโธ. จตุทฺทสิยํ นิยุตฺโต จาตุทฺทสิโก, เอวํ ปนฺนรสิโก. สามคฺคีอุโปสโถ นาม สงฺฆสามคฺคิกทิวเส กาตพฺพอุโปสโถ. เหมนฺตคิมฺหวสฺสานํ ติณฺณํ อุตูนนฺติ เอตฺถ เหมนฺตอุตุ นาม อปรกตฺติกกาฬปกฺขสฺส ปาฏิปทโต ปฏฺาย ผคฺคุนปุณฺณมปริโยสานา จตฺตาโร มาสา. คิมฺหอุตุ นาม ผคฺคุนสฺส กาฬปกฺขปาฏิปทโต ปฏฺาย อาสาฬฺหิปุณฺณมปริโยสานา จตฺตาโร มาสา. วสฺสานอุตุ นาม อาสาฬฺหสฺส กาฬปกฺขปาฏิปทโต ปฏฺาย อปรกตฺติกปุณฺณมปริโยสานา จตฺตาโร มาสา. ตติยสตฺตมปกฺเขสุ ทฺเว ทฺเว กตฺวา ฉ จาตุทฺทสิกาติ เหมนฺตสฺส อุตุโน ตติเย จ สตฺตเม จ ปกฺเข ทฺเว จาตุทฺทสิกา, มิคสิรมาสสฺส กาฬปกฺเข, มาฆมาสสฺส กาฬปกฺเข จาติ อตฺโถ. เอวํ คิมฺหสฺส อุตุโน ตติเย จิตฺตมาสสฺส กาฬปกฺเข สตฺตเม เชฏฺมาสสฺส ¶ กาฬปกฺเข จ, วสฺสานสฺส อุตุโน ตติเย สาวณสฺส กาฬปกฺเข จ สตฺตเม อสฺสยุชมาสสฺส กาฬปกฺเข จาติ อตฺโถ. เสสา ปนฺนรสิกาติ เสสา อฏฺารส ปนฺนรสิกา.
โหติ เจตฺถ –
‘‘กตฺติกสฺส จ กาฬมฺหา;
ยาว ผคฺคุนปุณฺณมา;
เหมนฺตกาโลติ วิฺเยฺโย;
อฏฺ โหนฺติ อุโปสถา.
‘‘ผคฺคุนสฺส จ กาฬมฺหา;
ยาว อาสาฬฺหิปุณฺณมา;
คิมฺหกาโลติ วิฺเยฺโย;
อฏฺ โหนฺติ อุโปสถา.
‘‘อาสาฬฺหสฺส จ กาฬมฺหา;
ยาว กตฺติกปุณฺณมา;
วสฺสกาโลติ ¶ วิฺเยฺโย;
อฏฺ โหนฺติ อุโปสถา.
‘‘อุตูนํ ปน ติณฺณนฺนํ, ปกฺเข ตติยสตฺตเม;
จตุทฺทโสติ ปาติโมกฺขํ, อุทฺทิสนฺติ นยฺุโน’’ติ. (กงฺขา. อภิ. ฏี. นิทานวณฺณนา);
เอวํ เอกสํวจฺฉเร จตุวีสติ อุโปสถาติ เอวํ อิมินา วุตฺตนเยน เหมนฺตาทีนํ ติณฺณํ อุตูนํ เอเกกสฺมึ อุตุมฺหิ ปจฺเจกํ อฏฺอฏฺอุโปสถตฺตา อุตุตฺตยสโมธานภูเต เอกสฺมึ สํวจฺฉเร จตุวีสติ อุโปสถา โหนฺตีติ อตฺโถ. อิทํ ตาว ปกติจาริตฺตนฺติ อิทํ เอกสฺมึ สํวจฺฉเร ฉจาตุทฺทสิกอฏฺารสปนฺนรสิกอุโปสถกรณํ ตาว ปมํ ปกติยา สภาเวน จาริตฺตํ กาตพฺพํ กมฺมํ โหติ, น พหุตราวาสิกาทินา การเณน กาตพฺพนฺติ อตฺโถ.
ตถารูปปจฺจเย ¶ สติ อฺสฺมิมฺปิ จาตุทฺทเส อุโปสถํ กาตุํ วฏฺฏตีติ ‘‘สกึ ปกฺขสฺส จาตุทฺทเส วา ปนฺนรเส วา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๓๖) วจนโต ‘‘โย ปน อาคนฺตุเกหิ อาวาสิกานํ อนุวตฺติตพฺพ’’นฺติอาทิวจนโต (มหาว. ๑๗๘) จ ตถารูปปจฺจเย สติ อฺสฺมิมฺปิ จาตุทฺทเส อุโปสถํ กาตุํ วฏฺฏตีติ อตฺโถ. ตตฺถ สกินฺติ เอกวารํ. อาวาสิกานํ อนุวตฺติตพฺพนฺติ อาวาสิเกหิ ‘‘อชฺชุโปสโถ จาตุทฺทโส’’ติ ปุพฺพกิจฺเจ กริยมาเน อนุวตฺติตพฺพํ, น ปฏิกฺโกสิตพฺพํ. อาทิ-สทฺเทน ‘‘อาวาสิเกหิ อาคนฺตุกานํ อนุวตฺติตพฺพ’’นฺติ วจนํ, ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เตหิ ภิกฺขูหิ ทฺเว ตโย อุโปสเถ จาตุทฺทสิเก กาตุํ, กถํ มยํ เตหิ ภิกฺขูหิ ปมตรํ ปวาเรยฺยามา’’ติ (มหาว. ๒๔๐) วจนฺจ สงฺคณฺหาติ. เอตฺถ จ ปมสุตฺตสฺส เอเกกสฺส อุตุโน ตติยสตฺตมปกฺขสฺส จาตุทฺทเส วา อวเสสสฺส ปนฺนรเส วา สกึ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพนฺติ. ปกติจาริตฺตวเสนปิ อตฺถสมฺภวโต ‘‘อาคนฺตุเกหี’’ติอาทีนิ สุตฺตานิ ทสฺสิตานีติ เวทิตพฺพํ. ตถารูปปจฺจเย สตีติ อฺสฺมิมฺปิ จาตุทฺทเส อุโปสถํ กาตุํ อนุรูเป อาวาสิกา พหุตรา โหนฺตีติ เอวมาทิเก ปจฺจเย สติ. อฺสฺมิมฺปิ จาตุทฺทเสติ ติณฺณํ อุตูนํ ตติยสตฺตมปกฺขจาตุทฺทสโต อฺสฺมึ จาตุทฺทเส.
ตตฺรายํ ¶ ปาฬิ (มหาว. ๑๗๘) –
‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, อาวาสิกานํ ภิกฺขูนํ จาตุทฺทโส โหติ, อาคนฺตุกานํ ปนฺนรโส. สเจ อาวาสิกา พหุตรา โหนฺติ, อาคนฺตุเกหิ อาวาสิกานํ อนุวตฺติตพฺพํ. สเจ สมสมา โหนฺติ, อาคนฺตุเกหิ อาวาสิกานํ อนุวตฺติตพฺพํ. สเจ อาคนฺตุกา ¶ พหุตรา โหนฺติ, อาวาสิเกหิ อาคนฺตุกานํ อนุวตฺติตพฺพํ.
‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, อาวาสิกานํ ภิกฺขูนํ ปนฺนรโส โหติ, อาคนฺตุกานํ จาตุทฺทโส. สเจ อาวาสิกา พหุตรา โหนฺติ, อาคนฺตุเกหิ อาวาสิกานํ อนุวตฺติตพฺพํ. สเจ สมสมา โหนฺติ, อาคนฺตุเกหิ อาวาสิกานํ อนุวตฺติตพฺพํ. สเจ อาคนฺตุกา พหุตรา โหนฺติ, อาวาสิเกหิ อาคนฺตุกานํ อนุวตฺติตพฺพํ.
‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, อาวาสิกานํ ภิกฺขูนํ ปาฏิปโท โหติ, อาคนฺตุกานํ ปนฺนรโส. สเจ อาวาสิกา พหุตรา โหนฺติ, อาวาสิเกหิ อาคนฺตุกานํ นากามา ทาตพฺพา สามคฺคี, อาคนฺตุเกหิ นิสฺสีมํ คนฺตฺวา อุโปสโถ กาตพฺโพ. สเจ สมสมา โหนฺติ, อาวาสิเกหิ อาคนฺตุกานํ นากามา ทาตพฺพา สามคฺคี, อาคนฺตุเกหิ นิสฺสีมํ คนฺตฺวา อุโปสโถ กาตพฺโพ. สเจ อาคนฺตุกา พหุตรา โหนฺติ, อาวาสิเกหิ อาคนฺตุกานํ สามคฺคี วา ทาตพฺพา, นิสฺสีมํ วา คนฺตพฺพํ.
‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, อาวาสิกานํ ภิกฺขูนํ ปนฺนรโส โหติ, อาคนฺตุกานํ ปาฏิปโท. สเจ อาวาสิกา พหุตรา โหนฺติ, อาคนฺตุเกหิ อาวาสิกานํ สามคฺคี วา ทาตพฺพา, นิสฺสีมํ วา คนฺตพฺพํ. สเจ สมสมา โหนฺติ, อาคนฺตุเกหิ อาวาสิกานํ สามคฺคี วา ทาตพฺพา, นิสฺสีมํ วา คนฺตพฺพํ. สเจ อาคนฺตุกา พหุตรา โหนฺติ, อาคนฺตุเกหิ อาวาสิกานํ นากามา ทาตพฺพา สามคฺคี, อาวาสิเกหิ นิสฺสีมํ คนฺตฺวา อุโปสโถ กาตพฺโพ’’ติ.
ตตฺรายํ ¶ อฏฺกถา (มหาว. อฏฺ. ๑๗๘) –
อาวาสิกานํ ¶ ภิกฺขูนํ จาตุทฺทโส โหติ, อาคนฺตุกานํ ปนฺนรโสติ เอตฺถ เยสํ ปนฺนรโส, เต ติโรรฏฺโต วา อาคตา, อตีตํ วา อุโปสถํ จาตุทฺทสิกํ อกํสูติ เวทิตพฺพา. อาวาสิกานํ อนุวตฺติตพฺพนฺติ อาวาสิเกหิ ‘‘อชฺชุโปสโถ จาตุทฺทโส’’ติ ปุพฺพกิจฺเจ กริยมาเน อนุวตฺติตพฺพํ, น ปฏิกฺโกสิตพฺพํ. นากามา ทาตพฺพาติ น อนิจฺฉาย ทาตพฺพาติ.
‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว’’ติอาทิมฺหิ อยํ ปวารณกฺขนฺธกาคตา ปาฬิ (มหาว. ๒๔๐) – อิธ ปน, ภิกฺขเว, สมฺพหุลา สนฺทิฏฺา สมฺภตฺตา ภิกฺขู อฺตรสฺมึ อาวาเส วสฺสํ อุปคจฺฉนฺติ, เตสํ สามนฺตา อฺเ ภิกฺขู ภณฺฑนการกา กลหการกา วิวาทการกา ภสฺสการกา สงฺเฆ อธิกรณการกา วสฺสํ อุปคจฺฉนฺติ ‘‘มยํ เตสํ ภิกฺขูนํ วสฺสํวุตฺถานํ ปวารณาย ปวารณํ เปสฺสามา’’ติ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เตหิ ภิกฺขูหิ ทฺเว ตโย อุโปสเถ จาตุทฺทสิเก กาตุํ, กถํ มยํ เตหิ ภิกฺขูหิ ปมตรํ ปวาเรยฺยามาติ.
ตตฺรายํ อฏฺกถา (มหาว. อฏฺ. ๒๔๐) – ทฺเว ตโย อุโปสเถ จาตุทฺทสิเก กาตุนฺติ เอตฺถ จตุตฺถปฺจมา ทฺเว, ตติโย ปน ปกติยาปิ จาตุทฺทสิโกเยวาติ, ตสฺมา ตติยจตุตฺถา วา ตติยจตุตฺถปฺจมา วา ทฺเว ตโย จาตุทฺทสิกา กาตพฺพา. อถ จตุตฺเถ กเต สุณนฺติ, ปฺจโม จาตุทฺทสิโก กาตพฺโพ, เอวมฺปิ ทฺเว จาตุทฺทสิกา โหนฺติ. เอวํ กโรนฺตา ภณฺฑนการกานํ เตรเส วา จาตุทฺทเส วา อิเม ปนฺนรสีปวารณํ ปวาเรสฺสนฺตีติ.
ตตฺถ ¶ อยํ สารตฺถทีปนีปาโ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๒๔๐) – จตุตฺเถ กเต สุณนฺตีติ จตุตฺเถ ปนฺนรสิกุโปสเถ กเต อมฺหากํ ปวารณํ เปสฺสนฺตีติ สุณนฺติ. เอวมฺปิ ทฺเว จาตุทฺทสิกา โหนฺตีติ ตติเยน สทฺธึ ทฺเว จาตุทฺทสิกา โหนฺตีติ.
ตตฺรายํ วิมติวิโนทนีปาโ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๔๐) – ทฺเว จาตุทฺทสิกา โหนฺตีติ ตติยปกฺเข จาตุทฺทสิยา สทฺธึ ทฺเว จาตุทฺทสิกา โหนฺติ. ภณฺฑนการกานํ เตรเส วา จาตุทฺทเส วา อิเม ปนฺนรสีปวารณํ ปวาเรสฺสนฺตีติ อิมินา ยถาสกํ อุโปสถกรณทิวสโต ปฏฺาย ภิกฺขูนํ จาตุทฺทสีปนฺนรสีโวหาโร, น จนฺทคติสิทฺธิยา ติถิยา วเสนาติ ทสฺเสติ. กิฺจาปิ เอวํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ราชูนํ อนุวตฺติตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๘๖) วจนโต ปเนตฺถ โลกิยานํ ติถึ อนุวตฺตนฺเตหิปิ อตฺตโน อุโปสถกฺกเมน จาตุทฺทสึ ปนฺนรสึ วา ปนฺนรสึ จาตุทฺทสึ ¶ วา กโรนฺเตเหว อนุวตฺติตพฺพํ, น ปน โสฬสมทิวสํ วา เตรสมทิวสํ วา อุโปสถทิวสํ กโรนฺเตหิ. เตเนว ปาฬิยมฺปิ (มหาว. ๒๔๐) ‘‘ทฺเว ตโย อุโปสเถ จาตุทฺทสิเก กาตุ’’นฺติ วุตฺตํ. อฺถา ‘‘ทฺวาทสิยํ, เตรสิยํ วา อุโปสโถ กาตพฺโพ’’ติ วตฺตพฺพโต. ‘‘สกึ ปกฺขสฺส จาตุทฺทเส วา ปนฺนรเส วา’’ติอาทิวจนมฺปิ (มหาว. ๑๓๖) อุปวุตฺตกฺกเมเนว วุตฺตํ, น ติถิกฺกเมนาติ คเหตพฺพนฺติ.
น เกวลํ อุโปสถทิวสาเยว ตโย โหนฺติ, อถ โข ปวารณาทิวสาปีติ อาห ‘‘ปุริมวสฺสํวุตฺถานํ ปนา’’ติอาทิ. มาอิติ จนฺโท วุจฺจติ ตสฺส คติยา ทิวสสฺส มินิตพฺพโต, โส เอตฺถ สพฺพกลาปปาริปูริยา ปุณฺโณติ ปุณฺณมา. ปุพฺพกตฺติกาย ปุณฺณมา ปุพฺพกตฺติกปุณฺณมา, อสฺสยุชปุณฺณมา. สา หิ ปจฺฉิมกตฺติกํ นิวตฺเตตุํ เอวํ วุตฺตา. เตสํเยวาติ ¶ ปุริมวสฺสํวุตฺถานํเยว. ภณฺฑนการเกหีติ กลหการเกหิ. ปจฺจุกฺกฑฺฒนฺตีติ อุกฺกฑฺฒนฺติ, ภณฺฑนการเก อนุวาทวเสน อสฺสยุชปุณฺณมาทึ ปริจฺจชนฺตา ปวารณํ กาฬปกฺขํ ชุณฺหปกฺขนฺติ อุทฺธํ กฑฺฒนฺตีติ อตฺโถ, ‘‘สุณนฺตุ เม, อายสฺมนฺโต อาวาสิกา, ยทายสฺมนฺตานํ ปตฺตกลฺลํ, อิทานิ อุโปสถํ กเรยฺยาม, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยาม, อาคเม กาเฬ ปวาเรยฺยามา’’ติ, ‘‘สุณนฺตุ เม, อายสฺมนฺโต อาวาสิกา, ยทายสฺมนฺตานํ ปตฺตกลฺลํ, อิทานิ อุโปสถํ กเรยฺยาม, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยาม, อาคเม ชุณฺเห ปวาเรยฺยามา’’ติ (มหาว. ๒๔๐) จ เอวํ ตฺติยา ปวารณํ อุทฺธํ กฑฺฒนฺตีติ วุตฺตํ โหติ.
อถาติ อนนฺตรตฺเถ นิปาโต. จตุทฺทสนฺนํ ปูรโณ จาตุทฺทโส, ทิวโส. ยํ สนฺธาย ‘‘อาคเม กาเฬ ปวาเรยฺยามา’’ติ ตฺตึ ปยึสุ. ปจฺฉิมกตฺติกปุณฺณมา วาติ โกมุทิจาตุมาสินิปุณฺณมทิวโส วา. ยํ สนฺธาย ‘‘อาคเม ชุณฺเห ปวาเรยฺยามา’’ติ ตฺตึ ปยึสุ. ตสฺมึ ปน อาคเม ชุณฺเห โกมุทิยา จาตุมาสินิยา อวสฺสํ ปวาเรตพฺพํ. น หิ ตํ อติกฺกมิตฺวา ปวาเรตุํ ลพฺภติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘เต เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ภณฺฑนการกา กลหการกา วิวาทการกา ภสฺสการกา สงฺเฆ อธิกรณการกา ตมฺปิ ชุณฺหํ อนุวเสยฺยุํ. เตหิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูหิ สพฺเพเหว อาคเม ชุณฺเห โกมุทิยา จาตุมาสินิยา อกามา ปวาเรตพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๒๔๐). เตเนวาห ‘‘ปจฺฉิมวสฺสํวุตฺถานฺจ ปจฺฉิมกตฺติกปุณฺณมา เอว วา’’ติ. ยทิ หิ ตํ อติกฺกมิตฺวา ปวาเรยฺย, ทุกฺกฏาปตฺตึ อาปชฺเชยฺยุํ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘น จ, ภิกฺขเว, อปวารณาย ปวาเรตพฺพํ อฺตฺร สงฺฆสามคฺคิยา’’ติ (มหาว. ๒๓๓). วิสุทฺธิปวารณาโยคโต ¶ ปวารณาทิวสา. ปิ-สทฺเทน น เกวลํ ปวารณาทิวสาว ¶ , อถ โข ตทฺเ อุโปสถทิวสาปิ โหนฺตีติ ทสฺเสติ. อิทมฺปีติ ปวารณตฺตยมฺปิ. ตถารูปปจฺจเยติ พหุตราวาสิกาทิปจฺจเย. ทฺวินฺนํ กตฺติกปุณฺณมานนฺติ ปุพฺพกตฺติกปจฺฉิมกตฺติกสงฺขาตานํ ทฺวินฺนํ อสฺสยุชโกมุทิปุณฺณมานํ.
อิทานิ โย โส สามคฺคิอุโปสถทิวโส วุตฺโต, ตฺจ ตปฺปสงฺเคน สามคฺคิปวารณาทิวสฺจ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยทา ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ โอสาริเต ตสฺมึ ภิกฺขุสฺมินฺติ อุกฺขิตฺตเก ภิกฺขุสฺมึ โอสาริเต, ตํ คเหตฺวา สีมํ คนฺตฺวา อาปตฺตึ เทสาเปตฺวา กมฺมวาจาย กมฺมปฏิปฺปสฺสทฺธิวเสน ปเวสิเตติ วุตฺตํ โหติ. ตสฺส วตฺถุสฺสาติ ตสฺส อธิกรณสฺส. ตทา เปตฺวา จุทฺทสปนฺนรเส อฺโ โย โกจิ ทิวโส อุโปสถทิวโส นาม โหตีติ สมฺพนฺโธ. กสฺมาติ อาห ‘‘ตาวเทว อุโปสโถ กาตพฺโพ. ‘ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพ’นฺติ วจนโต’’ติ. ตตฺถ ตาวเทวาติ ตํ ทิวสเมว. วจนโตติ โกสมฺพกกฺขนฺธเก (มหาว. ๔๗๕) วุตฺตตฺตา. ยตฺร ปน ปตฺตจีวราทีนํ อตฺถาย อปฺปมตฺตเกน การเณน วิวทนฺตา อุโปสถํ วา ปวารณํ วา เปนฺติ, ตตฺถ ตสฺมึ อธิกรเณ วินิจฺฉิเต ‘‘สมคฺคา ชาตมฺหา’’ติ อนฺตรา สามคฺคิอุโปสถํ กาตุํ น ลภนฺติ, กโรนฺเตหิ อนุโปสเถ อุโปสโถ กโต นาม โหติ.
กตฺติกมาสพฺภนฺตเรติ เอตฺถ กตฺติกมาโส นาม ปุพฺพกตฺติกมาสสฺส กาฬปกฺขปาฏิปทโต ปฏฺาย ยาว อปรกตฺติกปุณฺณมา, ตาว เอกูนตึสรตฺติทิวา, ตสฺส อพฺภนฺตเร. ตโต ปุเร วา ปน ปจฺฉา วา วฏฺฏติ. อยเมวาติ โย โกจิ ทิวโสเยว. อิธาปิ โกสมฺพกกฺขนฺธเก สามคฺคิยา สทิสาว สามคฺคี เวทิตพฺพา. เย ปน กิสฺมิฺจิเทว อปฺปมตฺตเก ¶ ปวารณํ เปตฺวา สมคฺคา โหนฺติ, เตหิ ปวารณายเมว ปวารณา กาตพฺพา, ตาวเทว น กาตพฺพา, กโรนฺเตหิ อปวารณาย ปวารณา กตา นาม โหติ, ‘‘น กาตพฺพาเยวา’’ติ นิยเมน ยทิ กโรติ, ทุกฺกฏนฺติ ทสฺเสติ. ตตฺถ หิ อุโปสถกรเณ ทุกฺกฏํ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘น, ภิกฺขเว, อนุโปสเถ อุโปสโถ กาตพฺโพ อฺตฺร สงฺฆสามคฺคิยา’’ติ (มหาว. ๑๘๓).
๑๖๙. สงฺเฆ อุโปสโถ นาม เอกสีมายํ สนฺนิปติเตน จตุวคฺคาทิสงฺเฆน กตฺตพฺโพ อุโปสโถ, โส จ ปาติโมกฺขุทฺเทโสเยว. คเณ อุโปสโถ นาม เอกสีมายํ สนฺนิปติเตหิ ทฺวีหิ, ตีหิ วา ภิกฺขูหิ กตฺตพฺโพ อุโปสโถ, โส จ ปาริสุทฺธิอุโปสโถเยว. ปุคฺคเล อุโปสโถ นาม เอกสีมายํ ¶ นิสินฺเนน เอเกน ภิกฺขุนา กตฺตพฺโพ อุโปสโถ, โส จ อธิฏฺานุโปสโถเยว. เตนาห ‘‘การกวเสน อปเรปิ ตโย อุโปสถา’’ติ. กตฺตพฺพาการวเสน วุตฺเตสุ ตีสุ อุโปสเถสุ สุตฺตุทฺเทโส นาม ปาติโมกฺขุทฺเทโส. โส ทุวิโธ โอวาทปาติโมกฺขุทฺเทโส จ อาณาปาติโมกฺขุทฺเทโส จ. ตตฺร โอวาโทว ปาติโมกฺขํ, ตสฺส อุทฺเทโส สรูเปน กถนํ โอวาทปาติโมกฺขุทฺเทโส. ‘‘อิมสฺมึ วีติกฺกเม อยํ นาม อาปตฺตี’’ติ เอวํ อาปตฺติวเสน อาณาปนํ ปฺาปนํ อาณา. เสสํ อนนฺตรสทิสเมว.
ตตฺถ โอวาทปาติโมกฺขุทฺเทโส นาม –
‘‘ขนฺติ ปรมํ ตโป ติติกฺขา;
นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา;
น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตี;
น สมโณ โหติ ปรํ วิเหยนฺโต.
‘‘สพฺพปาปสฺส ¶ อกรณํ, กุสลสฺส อุปสมฺปทา;
สจิตฺตปริโยทปนํ, เอตํ พุทฺธาน สาสนํ.
‘‘อนุปวาโท อนุปฆาโต, ปาติโมกฺเข จ สํวโร;
มตฺตฺุตา จ ภตฺตสฺมึ, ปนฺตฺจ สยนาสนํ;
อธิจิตฺเต จ อาโยโค, เอตํ พุทฺธาน สาสน’’นฺติ. (ที. นิ. ๒.๙๐; ธ. ป. ๑๘๓-๑๘๕) –
อิมา ติสฺโส คาถา.
ตตฺถ ขนฺติ ปรมํ ตโปติ อธิวาสนขนฺติ นาม ปรมํ ตโป. ติติกฺขาติ ขนฺติยา เอว เววจนํ, ติติกฺขาสงฺขาตา อธิวาสนขนฺติ อุตฺตมํ ตโปติ อตฺโถ. นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺตีติ สพฺพากาเรน ปน นิพฺพานํ ปรมนฺติ วทนฺติ พุทฺธา. น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตีติ โย อธิวาสนขนฺติวิรหิตตฺตา ปรํ อุปฆาเตติ พาธติ วิหึสติ, โส ปพฺพชิโต นาม น โหติ ¶ . จตุตฺถปาโท ปน ตสฺเสว เววจนํ. ‘‘น หิ ปพฺพชิโต’’ติ เอตสฺส หิ น สมโณ โหตีติ เววจนํ. ‘‘ปรูปฆาตี’’ติ เอตสฺส ปรํ วิเหยนฺโตติ เววจนํ. อถ วา ปรูปฆาตีติ สีลูปฆาตี. สีลฺหิ อุตฺตมฏฺเน ปรนฺติ วุจฺจติ. โย จ สมโณ ปรํ ยํ กฺจิ สตฺตํ วิเหยนฺโต ปรูปฆาตี โหติ อตฺตโน สีลวินาสโก, โส ปพฺพชิโต นาม น โหตีติ อตฺโถ. อถ วา โย อธิวาสนขนฺติยา อภาวา ปรูปฆาตี โหติ, ปรํ อนฺตมโส ฑํสมกสมฺปิ สฺจิจฺจ ชีวิตา โวโรเปติ, โส น หิ ปพฺพชิโต. กึ การณา? มลสฺส อปพฺพชิตตฺตา. ‘‘ปพฺพาชยมตฺตโน มลํ, ตสฺมา ‘ปพฺพชิโต’ติ วุจฺจตี’’ติ (ธ. ป. ๓๘๘) อิทฺหิ ปพฺพชิตลกฺขณํ. โยปิ น เหว โข อุปฆาเตติ น มาเรติ, อปิจ ทณฺฑาทีหิ วิเหเติ, โสปิ ปรํ วิเหยนฺโต น สมโณ โหติ. กึการณา? วิเหสาย อสมิตตฺตา. ‘‘สมิตตฺตา หิ ปาปานํ, สมโณติ ปวุจฺจตี’’ติ (ธ. ป. ๒๖๕) อิทฺหิ สมณลกฺขณํ.
ทุติยคาถาย ¶ สพฺพปาปสฺสาติ สพฺพากุสลสฺส. อกรณนฺติ อนุปฺปาทนํ. กุสลสฺสาติ จตุภูมกกุสลสฺส. อุปสมฺปทาติ อุปสมฺปาทนํ ปฏิลาโภ. สจิตฺตปริโยทปนนฺติ อตฺตโน จิตฺตสฺส โวทาปนํ ปภสฺสรภาวกรณํ สพฺพโส ปริโสธนํ, ตํ ปน อรหตฺเตน โหติ, อิติ สีลสํวเรน สพฺพปาปํ ปหาย โลกิยโลกุตฺตราหิ สมถวิปสฺสนาหิ กุสลํ สมฺปาเทตฺวา อรหตฺตผเลน จิตฺตํ ปริโยทเปตพฺพนฺติ เอตํ พุทฺธาน สาสนํ โอวาโท อนุสิฏฺิ.
ตติยคาถาย อนุปวาโทติ วาจาย กสฺสจิ อนุปวทนํ. อนุปฆาโตติ กาเยน กสฺสจิ อุปฆาตากรณํ. ปาติโมกฺเขติ ยํ ตํ ปาติโมกฺขํ ปอติโมกฺขํ อติปโมกฺขํ อุตฺตมสีลํ. ปาติ วา อคติวิเสเสหิ โมกฺเขติ ทุคฺคติภเยหิ, โย วา นํ ปาติ, ตํ โมกฺเขตีติ ปาติโมกฺขนฺติ วุจฺจติ, ตสฺมึ ปาติโมกฺเข จ. สํวโรติ สตฺตนฺนํ อาปตฺติกฺขนฺธานํ อวีติกฺกมลกฺขโณ สํวโร. มตฺตฺุตาติ ปฏิคฺคหณปริโภควเสน ปมาณฺุตา. ปนฺตฺจ สยนาสนนฺติ ชนสงฺฆฏฺฏนวิรหิตํ นิชฺชนสมฺพาธํ วิวิตฺตํ เสนาสนฺจ. เอตฺถ จ ทฺวีหิเยว ปจฺจเยหิ จตุปจฺจยสนฺโตโส ทีปิโตติ เวทิตพฺโพ ปจฺจยสนฺโตสสามฺเน อิตรทฺวยสฺสปิ ลกฺขณหารนเยน โชติตตฺตา. อธิจิตฺเต จ อาโยโคติ วิปสฺสนาปาทกํ อฏฺสมาปตฺติจิตฺตํ อธิจิตฺตํ, ตโตปิ มคฺคผลจิตฺตเมว อธิจิตฺตํ, ตสฺมึ ยถาวุตฺเต อธิจิตฺเต อาโยโค จ อนุโยโค จาติ อตฺโถ. เอตํ พุทฺธาน สาสนนฺติ เอตํ ปรสฺส อนุปวทนํ, อนุปฆาตนํ ¶ , ปาติโมกฺขสํวโร, ปฏิคฺคหณปริโภเคสุ มตฺตฺุตา ¶ , อฏฺสมาปตฺติวสิภาวาย วิวิตฺตเสนาสนเสวนฺจ พุทฺธานํ สาสนํ โอวาโท อนุสิฏฺีติ. อิมา ปน ติสฺโส คาถาโย สพฺพพุทฺธานํ ปาติโมกฺขุทฺเทสคาถา โหนฺตีติ เวทิตพฺพา, ตํ พุทฺธา เอว อุทฺทิสนฺติ, น สาวกา. ‘‘สุณาตุ เม ภนฺเต สงฺโฆ’’ติอาทินา (มหาว. ๑๓๔) นเยน วุตฺตํ อาณาปาติโมกฺขํ นาม, ตํ สาวกา เอว อุทฺทิสนฺติ, น พุทฺธา. อิทเมว จ อิมสฺมึ อตฺเถ ปาติโมกฺขนฺติ อธิปฺเปตํ.
อนุปคโต นาม ตตฺเถว อุปสมฺปนฺโน, อสติยา ปุริมิกาย อนุปคโต วา. จาตุมาสินิยนฺติ จตุมาสิยํ. สา หิ จตุนฺนํ มาสานํ ปาริปูริภูตาติ จาตุมาสี, สา เอว ‘‘จาตุมาสินี’’ติ วุจฺจติ, ตสฺสํ จาตุมาสินิยํ, ปจฺฉิมกตฺติกปุณฺณมาสิยนฺติ อตฺโถ. กายสามคฺคินฺติ กาเยน สมคฺคภาวํ, หตฺถปาสูปคมนนฺติ วุตฺตํ โหติ.
อยํ ปเนตฺถ วินิจฺฉโย – สเจ ปุริมิกาย ปฺจ ภิกฺขู วสฺสํ อุปคตา ปจฺฉิมิกายปิ ปฺจ, ปุริเมหิ ตฺตึ เปตฺวา ปวาริเต ปจฺฉิเมหิ เตสํ สนฺติเก ปาริสุทฺธิอุโปสโถ กาตพฺโพ, น เอกสฺมึ อุโปสถคฺเค ทฺเว ตฺติโย เปตพฺพา. สเจ ปจฺฉิมิกาย อุปคตา จตฺตาโร ตโย ทฺเว เอโก วา โหติ, เอเสว นโย. อถ ปุริมิกาย จตฺตาโร, ปจฺฉิมิกายปิ จตฺตาโร ตโย ทฺเว เอโก วา, เอเสว นโย. อถ ปุริมิกาย ตโย, ปจฺฉิมิกาย ตโย ทฺเว เอโก วา, เอเสว นโย. อิทฺเหตฺถ ลกฺขณํ – สเจ ปุริมิกาย อุปคเตหิ ปจฺฉิมิกาย อุปคตา โถกตรา เจว โหนฺติ สมสมา จ, สงฺฆปวารณาย จ คณํ ปูเรนฺติ, สงฺฆปวารณาวเสน ตฺติ เปตพฺพา. สเจ ปน ¶ ปจฺฉิมิกาย เอโก โหติ, เตน สทฺธึ เต จตฺตาโร โหนฺติ, จตุนฺนํ สงฺฆตฺตึ เปตฺวา ปวาเรตุํ น วฏฺฏติ. คณตฺติยา ปน โส คณปูรโก โหติ, ตสฺมา คณวเสน ตฺตึ เปตฺวา ปุริเมหิ ปวาเรตพฺพํ. อิตเรน เตสํ สนฺติเก ปาริสุทฺธิอุโปสโถ กาตพฺโพ. สเจ ปุริมิกาย ทฺเว, ปจฺฉิมิกาย ทฺเว วา เอโก วา, เอตฺถาปิ เอเสว นโย. สเจ ปุริมิกายปิ เอโก, ปจฺฉิมิกายปิ เอโก, เอเกน เอกสฺส สนฺติเก ปวาเรตพฺพํ, เอเกน ปาริสุทฺธิอุโปสโถ กาตพฺโพ. สเจ ปุริเมหิ วสฺสูปคเตหิ ปจฺฉา วสฺสูปคตา เอเกนปิ อธิกตรา โหนฺติ, ปมํ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตฺวา ปจฺฉา โถกตเรหิ เตสํ สนฺติเก ปวาเรตพฺพํ. กตฺติกจาตุมาสินิปวารณาย ปน สเจ ปมวสฺสูปคเตหิ มหาปวารณาย ปวาริเตหิ ปจฺฉา อุปคตา อธิกตรา วา สมสมา วา โหนฺติ, ปวารณาตฺตึ เปตฺวา ปวาเรตพฺพํ, เตหิ ปวาริเต ปจฺฉา อิตเรหิ ปาริสุทฺธิอุโปสโถ กาตพฺโพ. อถ มหาปวารณาย ¶ ปวาริตา พหู โหนฺติ, ปจฺฉา วสฺสูปคตา โถกา วา เอโก วา, ปาติโมกฺเข อุทฺทิฏฺเ ปจฺฉา เตสํ สนฺติเก เตน ปวาเรตพฺพนฺติ.
เปตฺวา ปน ปวารณาทิวสํ อฺสฺมึ กาเลติ อฺสฺมึ อุโปสถทิวเส. อุทฺทิฏฺมตฺเต ปาติโมกฺเขติ ‘‘ปริโยสิตมตฺเต อุทฺทิสฺสมาเน’’ติ อปริโยสิเต อาคเต สติ อวเสสสฺส ปาติโมกฺขสฺส โสตพฺพตฺตา ปาริสุทฺธิอุโปสถํ กาตุํ น วฏฺฏติ. อวุฏฺิตายาติอาทีนิปิ ปาติโมกฺขสฺส นิฏฺิตกาลเมว ปริสาย วิเสเสตฺวา วทติ. สมสมา วาติ ปุริเมหิ สมปริมาณา. โถกตรา วาติ ปุริเมหิ โถกตรปริมาณา. เอเตน พหุตเรสุ อาคเตสุ ปุน ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพํ, น ปาริสุทฺธิอุโปสโถ กาตพฺโพติ ทสฺเสติ.
เอกํสํ ¶ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวาติ เอกสฺมึ อํเส สาธุกํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวาติ อตฺโถ. สุตฺตนิปาตฏฺกถายํ (สุ. นิ. อฏฺ. ๒.๓๔๕) ปน ‘‘เอกํสํ จีวรํ กตฺวาติ เอตฺถ ปน ปุน สณฺาปเนน เอวํ วุตฺตํ. เอกํสนฺติ จ วามํสํ ปารุปิตฺวา ิตสฺเสตํ อธิวจนํ. ยโต ยถา วามํสํ ปารุปิตฺวา ิตํ โหติ, ตถา จีวรํ กตฺวาติ เอวมสฺส อตฺโถ เวทิตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. อฺชลึ ปคฺคเหตฺวาติ ทสนขสโมธานสมุชฺชลํ อฺชลึ อุกฺขิปิตฺวา. สเจ ปน ตตฺถ ปาริวาสิโกปิ อตฺถิ, สงฺฆนวกฏฺาเน นิสีทิตฺวา ตตฺเถว นิสินฺเนน อตฺตโน ปาฬิยา ปาริสุทฺธิอุโปสโถ กาตพฺโพ. ปาติโมกฺเข ปน อุทฺทิสิยมาเน ปาฬิยา อนิสีทิตฺวา ปาฬึ วิหาย หตฺถปาสํ อมฺุจนฺเตน นิสีทิตพฺพํ. ปวารณายปิ เอเสว นโย.
สพฺพํ ปุพฺพกรณียนฺติ สมฺมชฺชนาทินววิธํ ปุพฺพกิจฺจํ. อิมินา พหูนํ วสนฏฺาเนเยว อุโปสถทิวเส ปุพฺพกิจฺจํ กาตพฺพํ น โหติ, อถ โข เอกสฺส วสนฏฺาเนปิ กาตพฺพํเยวาติ ทสฺเสติ. ยถา จ สพฺโพ สงฺโฆ สภาคาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต สงฺโฆ…เป… ปฏิกริสฺสตี’’ติ (มหาว. ๑๗๑) ตฺตึ เปตฺวา อุโปสถํ กาตุํ ลภติ, เอวเมตฺถาปิ ตีหิ ‘‘สุณนฺตุ เม, อายสฺมนฺตา, อิเม ภิกฺขู สภาคํ อาปตฺตึ อาปนฺนา, ยทา อฺํ ภิกฺขุํ สุทฺธํ อนาปตฺติกํ ปสฺสิสฺสนฺติ, ตทา ตสฺส สนฺติเก ตํ อาปตฺตึ ปฏิกริสฺสนฺตี’’ติ คณตฺตึ เปตฺวา, ทฺวีหิปิ ‘‘อฺํ สุทฺธํ ปสฺสิตฺวา ปฏิกริสฺสามา’’ติ วตฺวา อุโปสถํ กาตุํ วฏฺฏติ. เอเกนปิ ‘‘ปริสุทฺธํ ลภิตฺวา ปฏิกริสฺสามี’’ติ อาโภคํ กตฺวา กาตุํ วฏฺฏติ.
ตทหูติ ¶ ตสฺมึ อหุ, ตสฺมึ ทิวเสติ อตฺโถ. นานาสํวาสเกหีติ ลทฺธินานาสํวาสเกหิ. อนาวาโส นาม นวกมฺมสาลาทิโก โย โกจิ ปเทโส ¶ . อฺตฺร สงฺเฆนาติ สงฺฆปฺปโหนเกหิ ภิกฺขูหิ วินา. อฺตฺร อนฺตรายาติ ปุพฺเพ วุตฺตํ ทสวิธมนฺตรายํ วินา. สพฺพนฺติเมน ปน ปริจฺเฉเทน อตฺตจตุตฺเถ วา อนฺตราเย วา สติ คนฺตุํ วฏฺฏติ. ยถา จ อาวาสาทโย น คนฺตพฺพา, เอวํ สเจ วิหาเร อุโปสถํ กโรนฺติ, อุโปสถาธิฏฺานตฺถํ สีมาปิ นทีปิ น คนฺตพฺพา. สเจ ปเนตฺถ โกจิ ภิกฺขุ โหติ, ตสฺส สนฺติกํ คนฺตุํ วฏฺฏติ, วิสฺสฏฺอุโปสถาปิ อาวาสา คนฺตุํ วฏฺฏติ. เอวํ คโต อธิฏฺาตุมฺปิ ลภติ. อารฺเกนปิ ภิกฺขุนา อุโปสถทิวเส คาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา อตฺตโน วิหารเมว อาคนฺตพฺพํ. สเจ อฺํ วิหารํ โอกฺกมติ, ตตฺถ อุโปสถํ กตฺวาว อาคนฺตพฺพํ, อกตฺวา อาคนฺตุํ น วฏฺฏติ, ยํ ชฺา ‘‘อชฺเชว ตตฺถ คนฺตุํ สกฺโกมี’’ติ เอวรูโป ปน อาวาโส คนฺตพฺโพ. ตตฺถ ภิกฺขูหิ สทฺธึ อุโปสถํ กโรนฺเตนปิ หิ อิมินา เนว อุโปสถนฺตราโย กโต ภวิสฺสตีติ.
๑๗๐. พหิ อุโปสถํ กตฺวา อาคเตนาติ นทิยา วา สีมาย วา ยตฺถ กตฺถจิ อุโปสถํ กตฺวา อาคเตน ฉนฺโท ทาตพฺโพ, ‘‘กโต มยา อุโปสโถ’’ติ อจฺฉิตุํ น ลภตีติ อธิปฺปาโย. กิจฺจปสุโต วาติ คิลานุปฏฺานาทิกิจฺจปสุโต วา. สงฺโฆ นปฺปโหตีติ ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ อนฺตรา หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา ปฏิปาฏิยา าตุํ นปฺปโหติ.
‘‘อธมฺเมน วคฺค’’นฺติ เอตฺถ เอกสีมาย จตูสุ ภิกฺขูสุ วิชฺชมาเนสุ ปาติโมกฺขุทฺเทโสว อนฺุาโต, ตีสุ ทฺวีสุ จ ปาริสุทฺธิอุโปสโถว, อิธ ปน ตถา อกตตฺตา ‘‘อธมฺเมนา’’ติ วุตฺตํ. ยสฺมา ปน ฉนฺทปาริสุทฺธิ สงฺเฆ เอว อาคจฺฉติ, น คเณ น ปุคฺคเล, ตสฺมา ‘‘วคฺค’’นฺติ วุตฺตํ. สเจ ปน ทฺเว สงฺฆา เอกสีมายํ อฺมฺํ ฉนฺทํ อาหริตฺวา เอกสฺมึ ขเณ วิสุํ สงฺฆกมฺมํ กโรนฺติ, เอตฺถ กถนฺติ? เกจิ ปน ‘‘ตํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ วคฺคกมฺมตฺตา. วคฺคกมฺมํ กโรนฺตานฺหิ ฉนฺทปาริสุทฺธิ ¶ อฺตฺถ น คจฺฉติ ตถา วจนาภาวา, วิสุํ วิสุํ กมฺมกรณตฺถเมว สีมาย อนฺุาตตฺตา จาติ คเหตพฺพํ. วิหารสีมาย ปน สงฺเฆ วิชฺชมาเนปิ เกนจิ ปจฺจเยน ขณฺฑสีมาย ตีสุ, ทฺวีสุ วา ปาริสุทฺธิอุโปสถํ กโรนฺเตสุ กมฺมํ ธมฺเมน สมคฺคเมว ภินฺนสีมฏฺตฺตาติ ทฏฺพฺพํ.
‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตทหุโปสเถ ปาริสุทฺธึ เทนฺเตน ฉนฺทมฺปิ ทาตุํ, สนฺติ สงฺฆสฺส กรณีย’’นฺติ ¶ (มหาว. ๑๖๕) วุตฺตตฺตา ภควโต อาณํ กโรนฺเตน ‘‘ฉนฺทํ ทมฺมี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ฉนฺทหารโก เจ, ภิกฺขเว, ทินฺเน ฉนฺเท ตตฺเถว ปกฺกมติ, อฺสฺส ทาตพฺโพ ฉนฺโท’’ติอาทิวจนโต (มหาว. ๑๖๕) ปุน อตฺตโน ฉนฺททานปริสฺสมวิโนทนตฺถํ ‘‘ฉนฺทํ เม หรา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ฉนฺทหารโก เจ, ภิกฺขเว, ทินฺเน ฉนฺเท สงฺฆปฺปตฺโต สฺจิจฺจ นาโรเจติ, อาหโฏ โหติ ฉนฺโท, ฉนฺทหารกสฺส อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ วุตฺตตฺตา ทุกฺกฏโต ตํ โมเจตุํ ‘‘ฉนฺทํ เม อาโรเจหี’’ติ วุตฺตํ. กาเยน วา วาจาย วา อุภเยน วา วิฺาเปตพฺโพติ มนสาว อจินฺเตตฺวา กายปฺปโยคํ กโรนฺเตน เยน เกนจิ องฺคปจฺจงฺเคน วา, วาจํ ปน นิจฺฉาเรตุํ สกฺโกนฺเตน ตเถว วาจาย วา, อุภยถาปิ สกฺโกนฺเตน กายวาจาหิ วา วิฺาเปตพฺโพ, ชานาเปตพฺโพติ อตฺโถ. ‘‘อยมตฺโถ’’ติวจนโต ปน ยาย กายจิปิ ภาสาย วิฺาเปตุํ วฏฺฏติ.
ปาริสุทฺธิทาเนปิ ฉนฺททาเน วุตฺตสทิโสว วินิจฺฉโย, ตํ ปน เทนฺเตน ปมํ สนฺตี อาปตฺติ เทเสตพฺพา. น หิ สาปตฺติโก สมาโน ‘‘ปาริสุทฺธึ ทมฺมิ, ปาริสุทฺธึ เม หร, ปาริสุทฺธึ เม อาโรเจหี’’ติ วตฺตุมรหติ. ‘‘สนฺติ สงฺฆสฺส กรณียานี’’ติ วตฺตพฺเพ วจนวิปลฺลาเสน ‘‘สนฺติ สงฺฆสฺส กรณีย’’นฺติ วุตฺตํ. เตสฺจ อตฺตโน จ ฉนฺทปาริสุทฺธึ เทตีติ เอตฺถ ฉนฺโท ¶ จ ปาริสุทฺธิ จ ฉนฺทปาริสุทฺธิ จ ฉนฺทปาริสุทฺธิ, ตํ เทตีติ สรูเปกเสเสน อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อิตราติ อฺเสํ ฉนฺทปาริสุทฺธิ. พิฬาลสงฺขลิกา ฉนฺทปาริสุทฺธีติ เอตฺถ พิฬาลสงฺขลิกา นาม พิฬาลพนฺธนํ. ตตฺถ หิ สงฺขลิกาย ปมวลยํ ทุติยวลยํเยว ปาปุณาติ, น ตติยํ, เอวมยมฺปิ ฉนฺทปาริสุทฺธิ ทายเกน ยสฺส ทินฺนา, ตโต อฺตฺถ น คจฺฉติ, ตสฺมา สา พิฬาลสงฺขลิกสทิสตฺตา ‘‘พิฬาลสงฺขลิกา’’ติ วุตฺตา. พิฬาลสงฺขลิกาคฺคหณฺเจตฺถ ยาสํ กาสฺจิ สงฺขลิกานํ อุปลกฺขณมตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
๑๗๓. ปวารณาทาเนปิ เอเสว นโย. อยํ ปน วิเสโส – ตตฺถ ‘‘ฉนฺทํ เม อาโรเจหี’’ติ, อิธ ปน ‘‘มมตฺถาย ปวาเรหี’’ติ. ตตฺถ ฉนฺทหารเก สงฺฆสฺส หตฺถํ อุปคตมตฺเตเยว อาคตา โหติ. อิธ ปน เอวํ ทินฺนาย ปวารณาย ปวารณาหารเกน สงฺฆํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ ปวาเรตพฺพํ ‘‘ติสฺโส, ภนฺเต, ภิกฺขุ…เป… ปฏิกริสฺสามี’’ติ. วิมติวิโนทนิยํ ‘‘เอวเมตํ ธารยามิ, สุตา โข ปนายสฺมนฺเตหีติ เอตฺถ ‘เอวเมตํ ธารยามี’ติ วตฺวา ¶ อุทฺทิฏฺํ โข อายสฺมนฺโต นิทานํ, สุตา โข ปนายสฺมนฺเตหิ จตฺตาโร ปาราชิกา ธมฺมา’’ติอาทินา วตฺตพฺพํ. มาติกาฏฺกถายฺหิ เอวเมว วุตฺตํ. สุเตนาติ สุตปเทน.
๑๗๔. นิทานุทฺเทเส อนิฏฺิเต ปาติโมกฺขํ นิทฺทิฏฺํ นาม น โหตีติ อาห ‘‘ทุติยาทีสุ อุทฺเทเสสู’’ติอาทิ.
๑๗๕. ตีหิปิ วิธีหีติ โอสารณกถนสรภฺเหิ. เอตฺถ จ อตฺถํ ภณิตุกามตาย วา ภณาเปตุกามตาย วา สุตฺตสฺส โอตารณํ โอสารณํ นาม. ตสฺเสว อตฺถปฺปกาสนา กถนํ นาม. เกวลํ ปาสฺเสว สเรน ภณนํ ¶ สรภฺํ นาม. สชฺฌายํ อธิฏฺหิตฺวาติ ‘‘สชฺฌายํ กโรมี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา. โอสาเรตฺวา ปน กเถนฺเตนาติ สยเมว ปาํ วตฺวา ปจฺฉา อตฺถํ กเถนฺเตน. นววิธนฺติ สงฺฆคณปุคฺคเลสุ ตโย, สุตฺตุทฺเทสปาริสุทฺธิอธิฏฺานวเสน ตโย, จาตุทฺทสีปนฺนรสีสามคฺคิวเสน ตโยติ นววิธํ. จตุพฺพิธนฺติ อธมฺเมนวคฺคาทิ จตุพฺพิธํ. ทุวิธนฺติ ภิกฺขุภิกฺขุนีนํ ปาติโมกฺขวเสน ทุวิธํ ปาติโมกฺขํ. นววิธนฺติ ภิกฺขูนํ ปฺจ, ภิกฺขุนีนํ จตฺตาโรติ นววิธํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ. กติมีติ กติสทฺทาเปกฺขํ อิตฺถิลิงฺคํ ทฏฺพฺพํ.
อุตุวสฺเสเยวาติ เหมนฺตคิมฺเหสุเยว. วิฺาเปตีติ เอตฺถ มนสา จินฺเตตฺวา กายวิการกรณเมว วิฺาปนนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปาฬิยํ อฺสฺส ทาตพฺพา ปาริสุทฺธีติ ปาริสุทฺธิทายเกน ปุน อฺสฺส ภิกฺขุโน สนฺติเก ทาตพฺพา. ‘‘ภูตํ เอว สามเณรภาวํ อาโรเจตี’’ติ วุตฺตตฺตา อูนวีสติวสฺสกาเล อุปสมฺปนฺนสฺส, อนฺติมวตฺถุอชฺฌาปนฺนสิกฺขาปจฺจกฺขาตกาทีนํ วา ยาว ภิกฺขุปฏิฺา วฏฺฏติ, ตาว เตหิ อาหฏาปิ ฉนฺทปาริสุทฺธิ อาคจฺฉติ. ยทา ปน เต อตฺตโน สามเณราทิภาวํ ปฏิชานนฺติ, ตโต ปฏฺาย นาคจฺฉตีติ ทสฺสิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปาฬิยมฺปิ (มหาว. ๑๖๔) หิ ‘‘ทินฺนาย ปาริสุทฺธิยา สงฺฆปฺปตฺโต วิพฺภมติ…เป… ปณฺฑโก ปฏิชานาติ, ติรจฺฉานคโต ปฏิชานาติ, อุภโตพฺยฺชนโก ปฏิชานาติ, อาหฏา โหติ ปาริสุทฺธี’’ติ วุตฺตตฺตา ปณฺฑกาทีนํ ภิกฺขุปฏิฺาย วตฺตมานกาเลสุ ปน ฉนฺทปาริสุทฺธิยาว อาคมนํ สิทฺธเมว. เตนาห ‘‘เอส นโย สพฺพตฺถา’’ติ. อุมฺมตฺตกขิตฺตจิตฺตเวทนาฏฺฏานํ ปน ปกตตฺตา อนฺตรามคฺเค อุมฺมตฺตกาทิภาเว ปฏิฺาเตปิ เตสํ สงฺฆปฺปตฺตมตฺเตเนว ฉนฺทาทิ อาคจฺฉตีติ ทสฺเสติ.
ภิกฺขูนํ ¶ ¶ หตฺถปาสนฺติ อิมินา คณปุคฺคเลสุ ฉนฺทปาริสุทฺธิยา อนาคมนํ ทสฺเสติ. ‘‘สงฺฆปฺปตฺโต’’ติ หิ ปาฬิยํ (มหาว. ๑๖๕) วุตฺตํ. สงฺฆสนฺนิปาตโต ปมํ กาตพฺพํ ปุพฺพกรณํ สงฺฆสนฺนิปาเต กาตพฺพํ ปุพฺพกิจฺจนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปาฬิยํ ‘‘โน เจ อธิฏฺเหยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ เอตฺถ อสฺจิจฺจ อสฺสติยา อนาปตฺติ. ยถา เจตฺถ, เอวํ อุปริปิ, ยตฺถ ปน อจิตฺตกาปตฺติ อตฺถิ, ตตฺถ วกฺขาม. ปฺตฺตํ โหตีติ อิมินา น สาปตฺติเกน อุโปสโถ กาตพฺโพติ วิสุํ ปฏิกฺเขปาภาเวปิ ยถาวุตฺตสุตฺตสามตฺถิยโต ปฺตฺตเมวาติ ทสฺเสติ. อิมินา เอว นเยน ‘‘อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ ตถาคโต อปริสุทฺธาย ปริสาย อุโปสถํ กเรยฺย, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยา’’ติอาทิสุตฺตนยโตว (อ. นิ. ๘.๒๐; อุทา. ๔๕; จูฬว. ๓๘๖) อลชฺชีหิ สทฺธึ อุโปสถกรณมฺปิ ปฏิกฺขิตฺตเมว อลชฺชีนิคฺคหตฺถตฺตา สพฺพสิกฺขาปทานนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปาริสุทฺธิทานปฺาปเนนาติ อิมินา สาปตฺติเกน ปาริสุทฺธิปิ น ทาตพฺพาติ ทีปิตํ โหติ.
๑๗๖. อุโภปิ ทุกฺกฏนฺติ เอตฺถ สภาคาปตฺติภาวํ อชานิตฺวา เกวลํ อาปตฺตินาเมเนว เทเสนฺตสฺส ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺส จ อจิตฺตกเมว ทุกฺกฏํ โหตีติ วทนฺติ. ยถา สงฺโฆ สภาคาปตฺตึ อาปนฺโนติ ตฺตึ เปตฺวา อุโปสถํ กาตุํ ลภติ, เอวํ ตโยปิ ‘‘สุณนฺตุ เม, อายสฺมนฺตา, อิเม ภิกฺขู สภาคํ อาปตฺตึ อาปนฺนา’’ติอาทินา วุตฺตนยานุสาเรเนว คณตฺตึ เปตฺวา ทฺวีหิ อฺมฺํ อาโรเจตฺวา อุโปสถํ กาตุํ วฏฺฏติ. เอเกน ปน สาปตฺติเกน ทูรํ คนฺตฺวาปิ ปฏิกาตุเมว วฏฺฏติ, อสมฺปาปุณนฺเตน ‘‘ภิกฺขู ลภิตฺวา ปฏิกริสฺสามี’’ติ อุโปสโถ กาตพฺโพ, ปฏิกริตฺวา จ ปุน อุโปสโถ กาตพฺโพ ¶ . เกนจิ กรณีเยน คนฺตฺวาติ สีมาปริจฺเฉทโต พหิภูตํ คามํ วา อรฺํ วา คนฺตฺวาติ อตฺโถ. เอเตเนว อุโปสถตฺติยา ปนกาเล สมคฺคา เอว เต ตฺตึ เปสุนฺติ สิทฺธํ. เตเนว ปาฬิยํ (มหาว. ๑๗๒) ‘‘อุทฺทิฏฺํ สุอุทฺทิฏฺ’’นฺติ สพฺพปนฺนรสเกสุปิ วุตฺตํ.
สเจ ปน วุฑฺฒตโร โหตีติ ปวารณทายโก ภิกฺขุ วุฑฺฒตโร โหติ. เอวฺหิ เตน ตสฺสตฺถาย ปวาริตํ โหตีติ เอตฺถ เอวํ เตน อปฺปวาริเตปิ ตสฺส สงฺฆปฺปตฺตมตฺเตน สงฺฆสฺส ปวารณากมฺมํ สมคฺคกมฺมเมว โหตีติ ทฏฺพฺพํ. เตน จ ภิกฺขุนาติ ปวารณทายเกน ภิกฺขุนา. พหูปิ สมานวสฺสิกา เอกโต ปวาเรตุํ ลภนฺตีติ เอกสฺมึ สํวจฺฉเร ลทฺธุปสมฺปทตาย สมานุปสมฺปทวสฺสา สพฺเพ เอกโต ปวาเรตุํ ลภนฺตีติ อตฺโถ.
เอตฺถ ¶ ปน ปณฺฑิเตหิ จินฺเตตพฺพํ วิจาเรตพฺพํ การณํ อตฺถิ, กึ ปน ตนฺติ? อิทานิ ปาติโมกฺขุทฺเทสกาเล –
‘‘สมฺมชฺชนี ปทีโป จ, อุทกํ อาสเนน จ;
อุโปสถสฺส เอตานิ, ปุพฺพกรณนฺติ วุจฺจติ.
‘‘ฉนฺทปาริสุทฺธิอุตุกฺขานํ, ภิกฺขุคณนา จ โอวาโท;
อุโปสถสฺส เอตานิ, ปุพฺพกิจฺจนฺติ วุจฺจติ.
‘‘อุโปสโถ ยาวติกา จ ภิกฺขู กมฺมปฺปตฺตา;
สภาคาปตฺติโย จ น วิชฺชนฺติ;
วชฺชนียา จ ปุคฺคลา ตสฺมึ น โหนฺติ;
ปตฺตกลฺลนฺติ วุจฺจตี’’ติ. (มหาว. อฏฺ. ๑๖๘) –
อิมา คาถาโย ธมฺมชฺเฌสเกน ปาํเยว ภณาเปตฺวา ปาติโมกฺขุทฺเทสโก อตฺถํ กเถติ. ตโต ปุพฺพกรณปุพฺพกิจฺจานิ สมฺมา นิฏฺาเปตฺวา ‘‘เทสิตาปตฺติกสฺส สมคฺคสฺส ¶ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อนุมติยา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุํ อาราธนํ กโรมา’’ติ อิมํ วากฺยํ ปาเมว อชฺเฌสเกน ภณาเปตฺวา อตฺถํ อวตฺวาว ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสติ. ปวารณายปิ เอเสว นโย. ‘‘ปวารณาย เอตานี’’ติ จ ‘‘ปวารณํ กาตุ’’นฺติ จ อิมานิ ปทานิเยว วิสิฏฺานิ.
กึ อิมานิ ธมฺมชฺเฌสกสฺส วจนานิ, อุทาหุ ปาติโมกฺขุทฺเทสกสฺสาติ? กิฺเจตฺถ – ยทิ ธมฺมชฺเฌสกสฺส วจนานิ, เอวํ สติ คาถาตฺตยํ วตฺวา ตาสํ อตฺถมฺปิ โส เอว กเถตฺวา เอตานิ ปุพฺพกรณานิ จ เอตานิ ปุพฺพกิจฺจานิ จ สงฺเฆน กตานิ, อิทฺจ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ สมานีตํ, ตสฺมา ‘‘อุทฺทิสตุ, ภนฺเต, ปาติโมกฺข’’นฺติ เตเนว วตฺตพฺพํ สิยา. อถ ปาติโมกฺขุทฺเทสกสฺส วจนานิ, เอวฺจ สติ ‘‘สงฺโฆ, ภนฺเต, เถรํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อชฺเฌสติ, อุทฺทิสตุ, ภนฺเต, เถโร ปาติโมกฺข’’นฺติ ธมฺมชฺเฌสเกน ยาวตติยํ อชฺโฌสาเปตฺวา ‘‘สมฺมชฺชนี…เป… วุจฺจตี’’ติ คาถํ วตฺวา อิติ ‘‘อฏฺกถาจริเยหิ วุตฺตานิ เอตานิ ปุพฺพกรณานิ กตานี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ธมฺมชฺเฌสเกน ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘ฉนฺทปาริสุทฺธิ ¶ …เป… วุจฺจตี’’ติ คาถํ วตฺวา อิติ ‘‘อฏฺกถาจริเยหิ วุตฺตานิ เอตานิ ปุพฺพกิจฺจานิ กตานี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘อุโปสโถ…เป… วุจฺจตี’’ติ คาถํ วตฺวา อิติ ‘‘อฏฺกถาจริเยหิ วุตฺตํ อิทํ ปตฺตกลฺลํ สมานีต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘ปุพฺพกรณปุพฺพกิจฺจานิ สมฺมา นิฏฺาเปตฺวา ปตฺตกลฺเล สมานีเต สมคฺคสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส อนุมติยา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุํ อาราธนํ มยํ กโรมา’’ติ ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน วตฺตพฺพํ สิยา, เอวํ สติ อชฺเฌสกอชฺเฌสิตพฺพานํ วจนํ อสงฺกรโต ชานิตพฺพํ ภเวยฺยาติ.
เอตฺถ ¶ จ คาถาตฺตยสฺส อฏฺกถาจริเยหิ วุตฺตภาโว อฏฺกถายเมว อาคโต. ปจฺฉิมวากฺยํ ปน เนว ปาฬิยํ, น อฏฺกถายํ, น ฏีกาทีสุ ทิสฺสติ. ขุทฺทสิกฺขาปกรเณปิ –
‘‘ปุพฺพกิจฺเจ จ กรเณ;
ปตฺตกลฺเล สมานิเต;
สุตฺตํ อุทฺทิสติ สงฺโฆ;
ปฺจธา โส วิภาวิโต’’ติ จ.
‘‘ปุพฺพกิจฺเจ จ กรเณ;
ปตฺตกลฺเล สมานิเต;
ตฺตึ วตฺวาน สงฺเฆน;
กตฺตพฺเพวํ ปวารณา’’ติ จ. –
วุตฺตํ, น วุตฺตํ ตถา. มูลสิกฺขาปกรเณเยว ตถา วุตฺตํ, ตสฺมา อาจริยานํ อตฺตโนมติ ภเวยฺย.
ตตฺถ ‘‘ปุพฺพกรณปุพฺพกิจฺจานิ สมฺมา นิฏฺาเปตฺวา’’ติ อิมินา ปุริมคาถาทฺวยสฺส อตฺถเมว กเถตฺวา ตติยคาถาย อตฺโถ น กถิโต. ‘‘เทสิตาปตฺติกสฺสา’’ติ อิมินา จ อาปตฺติยา เทสิตภาโวเยว กถิโต, น สพฺพํ ปตฺตกลฺลํ. อาปตฺติยา เทสิตภาเว จ สภาคาปตฺติยา เทสิตภาโวเยว ¶ ปตฺตกลฺลสฺมึ อนฺโตคโธ, น อิตโร. วุตฺตฺหิ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ‘‘เอตาสุ หิ สภาคาปตฺตีสุ อวิชฺชมานาสุ, วิสภาคาปตฺตีสุ วิชฺชมานาสุปิ ปตฺตกลฺลํ โหติเยวา’’ติ. ‘‘ปุพฺพกรณปุพฺพกิจฺจานิ สมฺมา นิฏฺาเปตฺวา เทสิตาปตฺติกสฺส สมคฺคสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส อนุมติยา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุํ อาราธนํ กโรมา’’ติ เอตฺตเกเยว วุตฺเต อวเสสานิ ตีณิ ปตฺตกลฺลงฺคานิ. เสยฺยถิทํ – อุโปสโถ, ยาวติกา จ ภิกฺขู กมฺมปฺปตฺตา, วชฺชนียา จ ปุคฺคลา ตสฺมึ น โหนฺตีติ (มหาว. อฏฺ. ๑๖๘). เตสุ อสนฺเตสุปิ อุโปสโถ ¶ กาตพฺโพติ อาปชฺชติ, น ปน กาตพฺโพ. เตน วุตฺตํ ‘‘น, ภิกฺขเว, อนุโปสเถ อุโปสโถ กาตพฺโพ, โย กเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๑๘๓) จ, ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, จตุนฺนํ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๖๘) จ, ‘‘น, ภิกฺขเว, สคหฏฺาย ปริสาย ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพ’’นฺติอาทิ (มหาว. ๑๕๔) จ, ตสฺมา อุโปสถทิวเสสุ สงฺเฆ สนฺนิปติเต สเจ ปุพฺเพว สมฺมโต ธมฺมชฺเฌสโก อตฺถิ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ, เอกํ พฺยตฺตํ ปฏิพลํ ภิกฺขุํ สงฺเฆน สมฺมนฺนาเปตฺวา เตน ธมฺมชฺเฌสเกน ปาติโมกฺขุทฺเทสกํ อุปสงฺกมิตฺวา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา เอวมสฺส วจนีโย – สงฺโฆ, ภนฺเต, เถรํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อชฺเฌสติ, อุทฺทิสตุ เถโร ปาติโมกฺขํ. ทุติยมฺปิ, ภนฺเต, สงฺโฆ…เป… ตติยมฺปิ, ภนฺเต, สงฺโฆ…เป… อุทฺทิสตุ เถโร ปาติโมกฺขนฺติ ติกฺขตฺตุํ ยาจาเปตฺวา ตโต ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน –
‘‘สมฺมชฺชนี ปทีโป จ, อุทกํ อาสเนน จ;
อุโปสถสฺส เอตานิ, ปุพฺพกรณนฺติ วุจฺจตีติ. (มหาว. อฏฺ. ๑๖๘; กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) –
อฏฺกถาจริเยหิ วุตฺตานิ จตฺตาริ ปุพฺพกรณานิ, กึ ตานิ กตานี’’ติ ปุจฺฉิเต ธมฺมชฺเฌสเกน ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ปุน ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน –
‘‘ฉนฺทปาริสุทฺธิอุตุกฺขานํ, ภิกฺขุคณนา จ โอวาโท;
อุโปสถสฺส เอตานิ, ปุพฺพกิจฺจนฺติ วุจฺจตีติ. (มหาว. อฏฺ. ๑๖๘; กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) –
อฏฺกถาจริเยหิ ¶ วุตฺตานิ ปฺจ ปุพฺพกิจฺจานิ, กึ ตานิ กตานี’’ติ ปุจฺฉิเต ธมฺมชฺเฌสเกน ‘‘อาม ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ปุน ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน –
‘‘อุโปสโถ ¶ ยาวติกา จ ภิกฺขู กมฺมปฺปตฺตา;
สภาคาปตฺติโย จ น วิชฺชนฺติ;
วชฺชนียา จ ปุคฺคลา ตสฺมึ น โหนฺติ;
ปตฺตกลฺลนฺติ วุจฺจตีติ. (มหาว. อฏฺ. ๑๖๘; กงฺขา อฏฺ. นิทานวณฺณนา) –
อฏฺกถาจริเยหิ วุตฺตานิ จตฺตาริ ปตฺตกลฺลงฺคานิ, กึ ตานิ สมานีตานี’’ติ ปุจฺฉิเต ธมฺมชฺเฌสเกน ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ปุน ปาติโมกฺขุทฺเทสโก ‘‘ปุพฺพกรณปุพฺพกิจฺจานิ สมฺมา นิฏฺาเปตฺวา ปตฺตกลฺลงฺเค สมานีเต สงฺฆสฺส อนุมติยา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิสฺสามา’’ติ วตฺวา ‘‘สาธุ สาธู’’ติ ภิกฺขุสงฺเฆน สมฺปฏิจฺฉิเต ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ’’ติอาทินา ปาติโมกฺขุทฺเทสโก ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสตีติ อยมมฺหากํ ขนฺติ.
เอตฺถ จ ‘‘ธมฺมชฺเฌสเกน…เป… เอวมสฺส วจนีโย’’ติ วุตฺตํ, โส ธมฺมชฺเฌสเกน วจนียภาโว กถํ เวทิตพฺโพติ? ‘‘น, ภิกฺขเว, สงฺฆมชฺเฌ อนชฺฌิฏฺเน ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพํ, โย อุทฺทิเสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๑๕๔) วจนโตติ. ‘‘สงฺเฆน สมฺมนฺนาเปตฺวา’’ติ วุตฺตํ, ตํ กถนฺติ? ‘‘อชฺเฌสนา เจตฺถ สงฺเฆน สมฺมตธมฺมชฺเฌสกายตฺตา วา สงฺฆตฺเถรายตฺตา วา’’ติ อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา. ‘‘สงฺโฆ, ภนฺเต, เถรํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อชฺเฌสติ, อุทฺทิสตุ, ภนฺเต, เถโร ปาติโมกฺข’’นฺติ อยํ อชฺเฌสนากาโร กุโต ลพฺภตีติ? ปาฬิโต. ปาฬิยฺหิ (มหาว. ๑๕๕) ‘‘เต เถรํ อชฺเฌสนฺติ, อุทฺทิสตุ, ภนฺเต, เถโร ปาติโมกฺข’’นฺติ อาคโต.
สเจ ปน ธมฺมชฺเฌสโก วุฑฺฒตโร, ปาติโมกฺขุทฺเทสโก นวโก, ‘‘สงฺโฆ, อาวุโส, อายสฺมนฺตํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อชฺเฌสติ, อุทฺทิสตุ อายสฺมา ปาติโมกฺข’’นฺติ วตฺตพฺพํ. ตํ กุโต ลพฺภติ? ปาฬิโตเยว. ปาฬิยฺหิ ¶ (มหาว. ๑๕๕) ‘‘เอเตเนว อุปาเยน ยาว สงฺฆนวกํ อชฺเฌสนฺติ อุทฺทิสตุ อายสฺมา ปาติโมกฺข’’นฺติ อาคโต. ตโต ‘‘ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน ¶ สมฺมชฺชนี…เป… ปุจฺฉิเต ธมฺมชฺเฌสเกน ‘อาม, ภนฺเต’ติ วุตฺเต’’ติ อิทํ กุโต ลพฺภตีติ? ปาฬิโต อฏฺกถาโต จ. นิทานปาฬิยมฺปิ หิ ‘‘กึ สงฺฆสฺส ปุพฺพกิจฺจ’’นฺติ อาคตํ, อฏฺกถายมฺปิ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ‘‘กึ สงฺฆสฺส ปุพฺพกิจฺจนฺติ สงฺโฆ อุโปสถํ กเรยฺยาติ…เป… เอวํ ทฺวีหิ นาเมหิ นววิธํ ปุพฺพกิจฺจํ ทสฺสิตํ, กึ ตํ กตนฺติ ปุจฺฉตี’’ติ อาคตนฺติ.
นนุ เจตํ อนฺโตนิทาเนเยว อาคตํ, อถ กสฺมา ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน ปุพฺพภาเค วตฺตพฺพนฺติ? สจฺจํ, ตถาปิ ตทนุโลมโต ชานิตพฺพโต วตฺตพฺพํ. อฏฺกถายฺหิ อิมา คาถาโย สมฺมชฺชนาทีนํ ปุพฺพกรณาทิภาวาปกภาเวเนว วุตฺตา, น ปาติโมกฺขารมฺภกาเล ภณิตพฺพภาเวน. อถ จ ปน อิทานิ ภณนฺติ, เอวํ สนฺเต กิมตฺถํ ภณนฺตีติ จินฺตายํ อนฺโตนิทาเน ‘‘กึ สงฺฆสฺส ปุพฺพกิจฺจ’’นฺติ วุตฺตปุจฺฉานุโลเมน ปุพฺพกรณาทีนํ นิฏฺภาวปุจฺฉนตฺถํ ภณนฺตีติ ชานิตพฺพํ. วุตฺตฺหิ ‘‘เอวํ วุตฺตํ จตุพฺพิธํ ปุพฺพกรณํ กตฺวาว อุโปสโถ กาตพฺโพ’’ติ (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๑๗๗), ตสฺมา ปาฬิอฏฺกถานุโลมโต อิมินา อนุกฺกเมน กเต สติ ธมฺมชฺเฌสโก ปฺายติ, ตสฺส อชฺเฌสนากาโร ปฺายติ, ปาติโมกฺขุทฺเทสโก ปฺายติ, ตสฺส ปุพฺพกรณาทีนํ นิฏฺภาวปุจฺฉนํ ปฺายติ, ธมฺมชฺเฌสกสฺส วิสฺสชฺชนํ ปฺายติ, ตานิ นิฏฺาเปตฺวา ปาติโมกฺขุทฺเทสกสฺส ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุํ ปฏิฺา ปฺายติ, เอวํ อิเมสํ คาถาวากฺยานํ วจเน ปโยชนํ ปฺายตีติ กตฺวา ปณฺฑิเตหิ วินยฺูหิ จิรปฏิจฺฉนฺโน อยํ กถามคฺโค ปฏิปชฺชิตพฺโพติ. ปวารณายปิ เอเสว นโย.
ปาฬิยฏฺกถาทีนฺหิ ¶ , อนุรูปํ อิมํ นยํ;
ปุนปฺปุนํ จินฺตยนฺตุ, ปณฺฑิตา วินยฺุโน.
ปุนปฺปุนํ จินฺตยิตฺวา, ยุตฺตํ เจ ธารยนฺตุ ตํ;
โน เจ ยุตฺตํ ฉฑฺฑยนฺตุ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาวกาติ.
อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร
อุโปสถปวารณาวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม
ปฺจวีสติโม ปริจฺเฉโท.