📜
๒๖. วสฺสูปนายิกวินิจฺฉยกถา
๑๗๙. เอวํ ¶ อุโปสถปวารณาวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ วสฺสูปนายิกวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘วสฺสูปนายิกาติ เอตฺถ’’ตฺยาทิมาห. ตตฺถ วสนํ วสฺสํ. กึ ตํ? วสนกิริยา ภาวตฺเถ ณฺย-ปจฺจยวเสน. อุปนยนํ อุปนโย. โก โส? อุปคมนกิริยา, วสฺสสฺส อุปนโย วสฺสูปนโย, โส เอติสฺสา ปฺตฺติยา อตฺถิ, ตสฺมึ วา วิชฺชตีติ วสฺสูปนายิกา. กา สา? วสฺสูปนายิกปฺตฺติ. อถ วา อุปนยติ เอตายาติ อุปนายิกา มชฺเฌ ทีฆวเสน. วสฺสสฺส อุปนายิกา วสฺสูปนายิกา, สา เอว ปุเร ภวา ปุริมา ภวตฺเถ อิม-ปจฺจยวเสน, สา เอว ปุริมิกา สกตฺเถ ก-ปจฺจยวเสน, ตสฺมึ ปเร อิตฺถิลิงฺเค อ-การสฺส อิ-การาเทโส. ปจฺฉา ภวา ปจฺฉิมา, สาว ปจฺฉิมิกา.
อสฺสติยา ปน วสฺสํ น อุเปตีติ ‘‘อิมสฺมึ วิหาเร อิมํ เตมาสํ วสฺสํ อุเปมี’’ติ วจีเภทํ กตฺวา น อุเปติ. ‘‘น, ภิกฺขเว, อเสนาสนิเกน วสฺสํ อุปคนฺตพฺพํ, โย อุปคจฺเฉยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๒๐๔) วจีเภทํ กตฺวา วสฺสูปคมนํ สนฺธาย ปฏิกฺเขโป, น อาลยกรณวเสน อุปคมนํ ¶ สนฺธายาติ วทนฺติ. ปาฬิยํ ปน อวิเสเสน วุตฺตตฺตา อฏฺกถายฺจ ทุติยปาราชิกสํวณฺณนายํ (ปารา. อฏฺ. ๑.๘๔) ‘‘วสฺสํ อุปคจฺฉนฺเตน หิ นาลกปฏิปทํ ปฏิปนฺเนนปิ ปฺจนฺนํ ฉทนานํ อฺตเรน ฉนฺเนเยว สทฺวารพนฺเธ เสนาสเน อุปคนฺตพฺพํ, ตสฺมา วสฺสกาเล สเจ เสนาสนํ ลภติ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ ลภติ, หตฺถกมฺมํ ปริเยสิตฺวาปิ กาตพฺพํ. หตฺถกมฺมํ อลภนฺเตน สามมฺปิ กาตพฺพํ, น ตฺเวว อเสนาสนิเกน วสฺสํ อุปคนฺตพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๒๐๔) ทฬฺหํ กตฺวา วุตฺตตฺตา อเสนาสนิกสฺส นาวาทึ วินา อฺตฺถ อาลยมตฺเตน อุปคนฺตุํ น วฏฺฏตีติ อมฺหากํ ขนฺติ. นาวาสตฺถวเชสุเยว หิ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, นาวาย วสฺสํ อุปคนฺตุ’’นฺติอาทินา (มหาว. ๒๐๓) สติ, อสติ วา เสนาสเน วสฺสูปคมนสฺส วิสุํ อนฺุาตตฺตา ‘‘น, ภิกฺขเว, อเสนาสนิเกน วสฺสํ อุปคนฺตพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๒๐๔) อยํ ปฏิกฺเขโป. ตตฺถ น ลภตีติ อสติ เสนาสเน อาลยวเสนปิ นาวาทีสุ อุปคมนํ วุตฺตํ. จตูสุ หิ เสนาสเนสุ วิหารเสนาสนํ อิธาธิปฺเปตํ, น อิตรตฺตยํ.
ฏงฺกิตมฺจาทิเภทา กุฏีติ เอตฺถ ฏงฺกิตมฺโจ นาม ทีเฆ มฺจปาเท มชฺเฌ วิชฺฌิตฺวา อฏนิโย ¶ ปเวเสตฺวา กโต มฺโจ, ตสฺส อิทํ อุปริ, อิทํ เหฏฺาติ นตฺถิ. ปริวตฺเตตฺวา อตฺถโตปิ ตาทิโสว โหติ, ตํ สุสาเน เทวฏฺาเน จ เปนฺติ, จตุนฺนํ ปาสาณานํ อุปริ ปาสาณํ อตฺถริตฺวา กตํ เคหมฺปิ ‘‘ฏงฺกิตมฺโจ’’ติ วุจฺจติ.
‘‘อิธ วสฺสํ อุเปมี’’ติ ติกฺขตฺตุํ วตฺตพฺพนฺติ สตฺถสฺส อวิหารตฺตา ‘‘อิมสฺมึ วิหาเร’’ติ อวตฺวา ‘‘อิธ วสฺสํ อุเปมี’’ติ เอตฺตกเมว วตฺตพฺพํ. สตฺเถ ปน วสฺสํ อุปคนฺตุํ น วฏฺฏตีติ กุฏิกาทีนํ อภาเวน ‘‘อิธ วสฺสํ อุเปมี’’ติ วจีเภทํ กตฺวา อุปคนฺตุํ น วฏฺฏติ, อาลยกรณมตฺเตเนว วฏฺฏตีติ อธิปฺปาโย. วิปฺปกิรตีติ วิสุํ วิสุํ คจฺฉติ. ตีสุ ¶ าเนสุ นตฺถิ วสฺสจฺเฉเท อาปตฺตีติ เตหิ สทฺธึ คจฺฉนฺตสฺเสว นตฺถิ อาปตฺติ, เตหิ วิยุชฺชิตฺวา คมเน ปน อาปตฺติเยว, ปวาเรตฺุจ น ลภติ.
ปวิสนทฺวารํ โยเชตฺวาติ สกวาฏพทฺธเมว โยเชตฺวา. ปุริมิกาย…เป… น ปกฺกมิตพฺพาติ อิมินา อาสาฬฺหีปุณฺณมาย อนนฺตเร ปาฏิปททิวเส ปุริมวสฺสํ อุปคนฺตฺวา วสฺสานอุตุโน จตูสุ มาเสสุ สพฺพปจฺฉิมมาสํ เปตฺวา ปุริมํ เตมาสํ วสิตพฺพํ. สาวณปุณฺณมิยา อนนฺตเร ปาฏิปททิวเส ปจฺฉิมวสฺสํ อุปคนฺตฺวา สพฺพปมมาสํ เปตฺวา ปจฺฉิมํ เตมาสํ วสิตพฺพํ. เอวํ อวสิตฺวา ปุริมิกาย วสฺสํ อุปคเตน ภิกฺขุนา มหาปวารณาย อนฺโต อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา ปจฺฉิมิกาย อุปคเตน จาตุมาสินิปวารณาย อนฺโต อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา อนฺตรา จาริกํ ปกฺกเมยฺย, อุปจารสีมาติกฺกเมเยว ตสฺส ภิกฺขุโน ทุกฺกฏาปตฺติ โหตีติ ทสฺเสติ. อิมมตฺถํ ปาฬิยา สมตฺเถตุํ ‘‘น ภิกฺขเว…เป… วจนโต’’ติ วุตฺตํ. ยทิ เอวํ วสฺสํ อุปคนฺตฺวา สติ กรณีเย ปกฺกมนฺตสฺส สพฺพถาปิ อาปตฺติเยว สิยาติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘วสฺสํ อุปคนฺตฺวา ปนา’’ติอาทิ. เอวํ สนฺเต ตทเหว สตฺตาหกรณีเยน ปกฺกมนฺตสฺเสว อนาปตฺติ สิยา, น ทฺวีหตีหํ วสิตฺวา ปกฺกมนฺตสฺสาติ อาห ‘‘โก ปน วาโท’’ติอาทิ.
๑๘๐. อิทานิ สตฺตาหกรณียลกฺขณํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สตฺตนฺนํ สตฺตาหกรณีเยน ปหิเต คนฺตุํ, น ตฺเวว อปฺปหิเต, ภิกฺขุสฺส ภิกฺขุนิยา สิกฺขมานาย สามเณรสฺส สามเณริยา อุปาสกสฺส อุปาสิกายา’’ติ (มหาว. ๑๘๗) เอกํ, ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สตฺตนฺนํ สตฺตาหกรณีเยน ¶ อปฺปหิเตปิ คนฺตุํ, ปเคว ปหิเต, ภิกฺขุสฺส ภิกฺขุนิยา ¶ สิกฺขมานาย สามเณรสฺส สามเณริยา มาตุยา จ ปิตุสฺส จา’’ติ (มหาว. ๑๙๘) เอกํ, ‘‘สเจ ปน ภิกฺขุโน ภาตา วา อฺโ วา าตโก คิลาโน โหตี’’ติ เอกํ, ‘‘เอกสฺมึ วิหาเร ภิกฺขูหิ สทฺธึ วสนฺโต ภิกฺขุภตฺติโก’’ติ เอกํ, ‘‘สเจ ภิกฺขุสฺส…เป… อนภิรติ วา กุกฺกุจฺจํ วา ทิฏฺิคตํ วา อุปฺปนฺนํ โหตี’’ติ เอกํ, ‘‘โกจิ ภิกฺขุ ครุธมฺมํ อชฺฌาปนฺโน โหติ ปริวาสารโห’’ติ เอกํ, ‘‘ภิกฺขุนิยาปิ มานตฺตารหายา’’ติ เอกํ, ‘‘สามเณโร อุปสมฺปชฺชิตุกาโม…เป… สิกฺขมานา วา…เป… สามเณรี วา’’ติ เอกํ, ‘‘ภิกฺขุสฺส ภิกฺขุนิยา วา สงฺโฆ กมฺมํ กตฺตุกาโม ตชฺชนียํ วา’’ติ เอกํ, ‘‘สเจปิ กตํเยว โหติ กมฺม’’นฺติ เอกํ, ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สงฺฆกรณีเยน คนฺตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๙๙) เอกนฺติ เอกาทส านานิ โหนฺติ. ตตฺถ ปมตติยจตุตฺถวเสน ตีสุ าเนสุ ปหิเต เอว คนฺตพฺพํ, โน อปฺปหิเต. เสเสสุ อฏฺสุ อปฺปหิเตปิ คนฺตพฺพํ, ปเคว ปหิเต. วุตฺตฺหิ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๙๙) ‘‘คนฺตพฺพนฺติ สงฺฆกรณีเยน อปฺปหิเตปิ คนฺตพฺพ’’นฺติ. เอตฺถ จ อนุปาสเกหิปิ สาสนภาวํ าตุกาเมหิ ปหิเต เตสํ ปสาทวฑฺฒิสมฺปตฺเตหิปิ สตฺตาหกรณีเยน คนฺตุํ วฏฺฏตีติ คเหตพฺพํ. ภิกฺขุภตฺติโกติ ภิกฺขุนิสฺสิตโก. โส ปน ยสฺมา ภิกฺขูหิ สทฺธึ วสติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ภิกฺขูหิ สทฺธึ วสนฺโต’’ติ.
๑๘๑. อปิเจตฺถาติ อปิจ เอตฺถาติ เฉโท, เอตฺถ เอตสฺมึ สตฺตาหกรณียวินิจฺฉเย อปิจ อปโร อยํ อีทิโส ปาฬิมุตฺตกนโย วสฺสูปนายิกกฺขนฺธกปาฬิโต มุตฺโต นโย เวทิตพฺโพติ โยชนา. สมนฺตปาสาทิกายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๙๙) ปน ‘‘ปาฬิมุตฺตกรตฺติจฺเฉทวินิจฺฉโย’’ติ ทิสฺสติ. ตถา ¶ หิ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๙๙) ‘‘รตฺติจฺเฉทวินิจฺฉโยติ สตฺตาหกรณีเยน คนฺตฺวา พหิทฺธา อรุณุฏฺาปนสงฺขาตสฺส รตฺติจฺเฉทสฺส วินิจฺฉโย’’ติ. สารตฺถทีปนิยมฺปิ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๙๙) ‘‘สตฺตาหกรณีเยน คนฺตฺวา พหิทฺธา อรุณุฏฺาปนํ รตฺติจฺเฉโท’’ติ. อนิมนฺติเตน คนฺตุํ น วฏฺฏตีติ เอตฺถ อนิมนฺติตตฺตา สตฺตาหกิจฺจํ อธิฏฺหิตฺวา คจฺฉนฺตสฺสปิ วสฺสจฺเฉโท เจว ทุกฺกฏฺจ โหตีติ เวทิตพฺพํ. ยถาวุตฺตฺหิ รตฺติจฺเฉทการณํ วินา ติโรวิหาเร วสิตฺวา อาคมิสฺสามีติ คจฺฉโต วสฺสจฺเฉทํ วทนฺติ. คนฺตุํ วฏฺฏตีติ อนฺโตอุปจารสีมายํ ิเตเนว สตฺตาหกรณียนิมิตฺตํ สลฺลกฺเขตฺวา อิมินา นิมิตฺเตน คนฺตฺวา ‘‘สตฺตาหพฺภนฺตเร ¶ อาคจฺฉิสฺสามี’’ติ อาโภคํ กตฺวา คนฺตุํ วฏฺฏติ. ปุริมกฺขเณ อาโภคํ กตฺวา คมนกฺขเณ วิสริตฺวา คเตปิ โทโส นตฺถิ, ‘‘สกรณีโย ปกฺกมตี’’ติ (มหาว. ๒๐๗) วุตฺตตฺตา สพฺพถา อาโภคํ อกตฺวา คตสฺส วสฺสจฺเฉโทติ วทนฺติ. โย ปน สตฺตาหกรณียนิมิตฺตาภาเวปิ ‘‘สตฺตาหพฺภนฺตเร อาคมิสฺสามี’’ติ อาโภคํ กตฺวา คนฺตฺวา สตฺตาหพฺภนฺตเร อาคจฺฉติ, ตสฺส อาปตฺติเยว, วสฺสจฺเฉโท นตฺถิ สตฺตาหสฺส สนฺนิวตฺตตฺตาติ วทนฺติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ.
ภณฺฑกนฺติ จีวรภณฺฑํ. ปหิณนฺตีติ จีวรโธวนาทิกมฺเมน ปหิณนฺติ. สมฺปาปุณิตุํ น สกฺโกติ, วฏฺฏตีติ เอตฺถ ‘‘อชฺเชว อาคมิสฺสามี’’ติ สามนฺตวิหารํ คนฺตฺวา ปุน อาคจฺฉนฺตสฺส อนฺตรามคฺเค สเจ อรุณุคฺคมนํ โหติ, วสฺสจฺเฉโทปิ น โหติ, รตฺติจฺเฉททุกฺกฏฺจ นตฺถีติ วทนฺติ, ตทเหว อาคมเน สอุสฺสาหตฺตา วสฺสจฺเฉโท วา อาปตฺติ วา น โหตีติ อธิปฺปาโย. อาจริยํ ปสฺสิสฺสามีติ ปน คนฺตุํ ลภตีติ ‘‘อคิลานมฺปิ อาจริยํ, อุปชฺฌายํ วา ปสฺสิสฺสามี’’ติ สตฺตาหกรณีเยน คนฺตุํ ลภติ, นิสฺสยาจริยํ ธมฺมาจริยฺจ, ปเคว ¶ อุปสมฺปทาจริยอุปชฺฌาเย. สเจ นํ อาจริโย ‘‘อชฺช มา คจฺฉา’’ติ วทติ, วฏฺฏตีติ เอวํ สตฺตาหกรณีเยน อาคตานํ อนฺโตสตฺตาเหเยว ปุน อาคจฺฉนฺตํ สเจ อาจริโย, อุปชฺฌาโย วา ‘‘อชฺช มา คจฺฉา’’ติ วทติ, วฏฺฏติ, สตฺตาหาติกฺกเมปิ อนาปตฺตีติ อธิปฺปาโย. วสฺสจฺเฉโท ปน โหติเยวาติ ทฏฺพฺพํ สตฺตาหสฺส พหิทฺธา วีตินามิตตฺตา.
สเจ ทูรํ คโต สตฺตาหวาเรน อรุโณ อุฏฺาเปตพฺโพติ อิมินา วสฺสจฺเฉทการเณ สติ สตฺตาหกรณีเยน คนฺตุมฺปิ วฏฺฏตีติ ทีเปติ. เอตฺถ ฉ ทิวสานิ พหิทฺธา วีตินาเมตฺวา สตฺตเม ทิวเส ปุรารุณา เอว อนฺโตอุปจารสีมายํ ปวิสิตฺวา อรุณํ อุฏฺาเปตฺวา ปุนทิวเส สตฺตาหํ อธิฏฺาย คนฺตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. เกจิ ปน ‘‘สตฺตเม ทิวเส อาคนฺตฺวา อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา ตทเหว ทิวสภาเคปิ คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ ‘‘อรุโณ อุฏฺาเปตพฺโพ’’ติ วุตฺตตฺตา. สตฺตเม ทิวเส ตตฺถ อรุณุฏฺาปนเมว หิ สนฺธาย ปาฬิยํ (มหาว. ๑๙๙) ‘‘สตฺตาหํ สนฺนิวตฺโต กาตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา คจฺฉนฺโต จ อนฺโต อปฺปวิสิตฺวา พหิทฺธาว สตฺตาหํ วีตินาเมนฺโต จ สมุจฺฉินฺนวสฺโส เอว ภวิสฺสติ อรุณสฺส พหิ เอว อุฏฺาปิตตฺตา. อิตรถา ‘‘อรุโณ อุฏฺาเปตพฺโพ’’ติ วจนํ นิรตฺถกํ สิยา. ‘‘สตฺตาหวาเรน อนฺโตวิหาเร ¶ ปวิสิตฺวา อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา คนฺตพฺพ’’นฺติ วตฺตพฺพโต อฺเสุ จ าเนสุ อรุณุฏฺาปนเมว วุจฺจติ. วกฺขติ หิ จีวรกฺขนฺธเก (มหาว. อฏฺ. ๓๖๔) ‘‘เอกสฺมึ วิหาเร วสนฺโต อิตรสฺมึ สตฺตาหวาเรน อรุณเมว อุฏฺาเปตี’’ติ.
อถาปิ ¶ ยํ เต วเทยฺยุํ ‘‘สตฺตเม ทิวเส ยทา กทาจิ ปวิฏฺเน ตํทิวสนิสฺสิโต อตีตารุโณ อุฏฺาปิโต นาม โหตีติ อิมมตฺถํ สนฺธาย อฏฺกถายํ วุตฺต’’นฺติ, ตํ สทฺทคติยาปิ น สเมติ. น หิ อุฏฺิเต อรุเณ ปจฺฉา ปวิฏฺโ ตสฺส ปโยชโก อุฏฺาปโก ภวิตุมรหติ. ยทิ ภเวยฺย, ‘‘วสฺสํ อุปคนฺตฺวา ปน อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา ตทเหว สตฺตาหกรณีเยน ปกฺกมนฺตสฺสา’’ปีติ (มหาว. อฏฺ. ๒๐๗) เอตฺถ ‘‘อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา’’ติ วจนํ วิรุชฺเฌยฺย. เตนปิ ตํทิวสนิสฺสิตสฺส อรุณสฺส อุฏฺาปิตตฺตา อารฺกสฺสปิ ภิกฺขุโน สายนฺหสมเย องฺคยุตฺตํ อรฺํ คนฺตฺวา ตทา เอว นิวตฺตนฺตสฺส อรุโณ อุฏฺาปิโต ธุตงฺคฺจ วิโสธิตํ สิยา, น เจตํ ยุตฺตํ อรุณุคฺคมนกาเล เอว อรุณุฏฺาปนสฺส วุตฺตตฺตา. วุตฺตฺหิ ‘‘กาลสฺเสว ปน นิกฺขมิตฺวา องฺคยุตฺเต าเน อรุณํ อุฏฺาเปตพฺพํ. สเจ อรุณุฏฺานเวลายํ เตสํ อาพาโธ วฑฺฒติ, เตสํ เอว กิจฺจํ กาตพฺพํ, น ธุตงฺควิสุทฺธิเกน ภวิตพฺพ’’นฺติ (วิสุทฺธิ. ๑.๓๑). ตถา ปาริวาสิกาทีนมฺปิ อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา วตฺตํ นิกฺขิปนฺตานํ รตฺติจฺเฉโท วุตฺโต. ‘‘อุคฺคเต อรุเณ นิกฺขิปิตพฺพ’’นฺติ (จูฬว. อฏฺ. ๙๗) หิ วุตฺตํ. สหเสยฺยสิกฺขาปเทปิ อนุปสมฺปนฺเนหิ สห นิวุตฺถภาวปริโมจนตฺถํ ‘‘ปุรารุณา นิกฺขมิตฺวา’’ติอาทิ (ปาจิ. ๕๔) วุตฺตํ. เอวํ จีวรวิปฺปวาสาทีสุ จ สพฺพตฺถ รตฺติปริโยสาเน อาคามิอรุณวเสเนว อรุณุฏฺานํ ทสฺสิตํ, น อตีตารุณวเสน, ตสฺมา วุตฺตนเยเนเวตฺถ อรุณุฏฺาปนํ เวทิตพฺพํ อฺถา วสฺสจฺเฉทตฺตา.
ยํ ปน วสฺสํ อุปคตสฺส ตทเหว อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา สกรณียสฺส ปกฺกมนวจนํ, ตํ วสฺสํ อุปคตกาลโต ปฏฺาย ยทา กทาจิ นิมิตฺเต สติ คมนสฺส อนฺุาตตฺตา ยุตฺตํ, น ปน สตฺตาหวาเรน คตสฺส อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา ตทเหวคมนํ ¶ ‘‘อรุโณ อุฏฺาเปตพฺโพ’’ติ วุตฺตตฺตา. ยถา วา ‘‘สตฺตาหานาคตาย ปวารณาย สกรณีโย ปกฺกมติ, อาคจฺเฉยฺย วา โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ตํ อาวาสํ น วา อาคจฺเฉยฺยา’’ติอาทินา (มหาว. ๒๐๗) ปจฺฉิมสตฺตาเห อนาคมเน อนฺุาเตปิ อฺสตฺตาเหสุ ตํ น วฏฺฏติ. เอวํ ปมสตฺตาเห อรุณํ ¶ อนุฏฺาเปตฺวา คมเน อนฺุาเตปิ ตโต ปเรสุ สตฺตาเหสุ อาคตสฺส อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา คมนํ น วฏฺฏติ เอวาติ นิฏฺเมตฺถ คนฺตพฺพํ.
สเจ ปวาริตกาเล วสฺสาวาสิกํ เทนฺตีติอาทินา วสฺสาวาสิกจีวรมฺปิ กถินจีวรํ วิย วสฺสํวุตฺถวิหารปฏิพทฺธนฺติ วิฺายติ. ‘‘ยทิ สตฺตาหวาเรน อรุณํ อุฏฺาปยึสุ, คเหตพฺพ’’นฺติ ปน วุตฺตตฺตา สตฺตาหกรณีเยน คนฺตฺวา สตฺตาหพฺภนฺตเร อาคตา ลภนฺติ. กถินานิสํสจีวรํ ปน สงฺฆํ อนาปุจฺฉา เต น ลภนฺติ. วกฺขติ หิ ‘‘สตฺตาหกรณีเยน คตาปิ ภาชนียภณฺฑํ ลภนฺตูติ วา เอวรูปํ อธมฺมิกวตฺตํ น กาตพฺพ’’นฺติ (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๑๘๒). อิธ อาหฏนฺติ วิหารโต พหิ อาคตฏฺาเน อานีตํ.
วาเฬหิ อุพฺพาฬฺหา โหนฺติ, คณฺหนฺติปิ ปริปาเตนฺติปีติ เอตฺถ คณฺหนฺตีติ คเหตฺวา ขาทนฺติ. ปริปาเตนฺตีติ ปลาเปนฺติ, อนุพนฺธนฺตีติ อตฺโถ. อิเมสุ ‘‘คาเฬหิ อุพฺพาฬฺหา โหนฺตี’’ติอาทีสุ สงฺฆเภทปริยนฺเตสุ วตฺถูสุ เกวลํ อนาปตฺติ โหติ, ปวาเรตุํ ปน น ลภตีติ ทฏฺพฺพํ. สเจ ปนาติอาทีสุ ยสฺมา นานาสีมายํ ทฺวีสุ อาวาเสสุ วสฺสํ อุปคจฺฉนฺตสฺส ‘‘ทุติเย วสิสฺสามี’’ติ อุปจารโต นิกฺขนฺตมตฺเต ปโม เสนาสนคฺคาโห ปฏิปฺปสฺสมฺภติ, ตสฺมา ปาฬิยํ (มหาว. ๒๐๗) ‘‘ตสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ปุริมิกา จ น ปฺายตี’’ติ ปมํ เสนาสนคฺคาหํ สนฺธาย วุตฺตํ. ทุติยเสนาสนคฺคาเห ปน ปุริมิกา ปฺายเตว, ตตฺเถว เตมาสํ วสนฺโต ¶ ปุริมวสฺสํวุตฺโถ เอว โหติ. ตโต วา ปน ทุติยทิวสาทีสุ ‘‘ปมเสนาสเน วสิสฺสามี’’ติ อุปจาราติกฺกเม ปุริมิกาปิ น ปฺายตีติ ทฏฺพฺพํ.
ปฏิสฺสวสฺส วิสํวาทนปจฺจยา โหนฺตมฺปิ ทุกฺกฏํ สติเยว ปฏิสฺสเว โหตีติ อาห ‘‘ตสฺส ตสฺส ปฏิสฺสวสฺส วิสํวาเท ทุกฺกฏ’’นฺติ. เตเนวาห ‘‘ตฺจ โข…เป… วิสํวาทนปจฺจยา’’ติ. ปาฬิยํ (มหาว. ๒๐๗) ‘‘โส สตฺตาหานาคตาย ปวารณาย สกรณีโย ปกฺกมตี’’ติ วุตฺตตฺตา ปวารณาทิวเสปิ สตฺตาหกรณียํ วินา คนฺตุํ น วฏฺฏตีติ ทฏฺพฺพํ. อิมสฺมึ าเน ‘‘นวมิโต ปฏฺาย คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ อฏฺกถาวจนํ กจฺจิ อุโปสถทิวสโต อุปนิธาย นวมี อิจฺฉิตพฺพา, อุทาหุ โลกิยติถิวเสนาติ อาสงฺกนฺติ. ตตฺเรวํ วินิจฺฉิตพฺพํ – ปุริมภทฺทปทมาสกาฬปกฺขอุโปสถทิวสํ อุปนิธาย อิจฺฉิตพฺพา, น โลกิยติถิวเสน. ภทฺทปทมาสสฺส หิ กาฬปกฺขอุโปสถทิวสํ มริยาทํ กตฺวา ตทนนฺตรปาฏิปททิวสโต ¶ ปฏฺาย คณิยมาเน สติ โย ทิวโส นวโม โหติ, ตโต ปฏฺายาติ วุตฺตํ โหติ. ติถิเปกฺขาย ปน อิตฺถิลิงฺคโวหาโร, ตโต นวมิโต ปฏฺาย อนาคตสตฺตาเห ปวารณา โหติ.
สตฺตาหํ อนาคตาย อสฺสาติ สตฺตาหานาคตา. กา สา? ปวารณา. อสฺสยุชมาสสฺส สุกฺกปกฺขนวมิยํ สตฺตาหกรณียํ อธิฏฺาย คจฺฉนฺโต ภิกฺขุ อนฺโตวสฺสสฺส สตฺตาหมตฺตาวสิฏฺตฺตา สตฺตมอรุเณ อุคฺคตมตฺเต วุตฺถวสฺโส โหติ, ทสมิยํ ฉาหมตฺตํ, เอกาทสมิยํ ปฺจาหมตฺตํ, ทฺวาทสิยํ จตุราหมตฺตํ, เตรสิยํ ตีหมตฺตํ, จุทฺทสิยํ ทฺวีหมตฺตํ, ปนฺนรสิยํ เอกาหมตฺตํ อวสิฏฺํ โหติ, ตสฺมา ปวารณาทิวสสฺส ปริโยสานภูตอรุณสฺมึ อุคฺคเต วุตฺถวสฺโส โหติ, ตสฺมา เตสํ ภิกฺขูนํ กุกฺกุจฺจวิโนทนตฺถํ ¶ ภควา ธมฺมสฺสามี ‘‘โส สตฺตาหานาคตาย ปวารณาย สกรณีโย ปกฺกมติ, อาคจฺเฉยฺย วา โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ตํ อาวาสํ น วา อาคจฺเฉยฺย, ตสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ปุริมิกา จ ปฺายติ, ปฏิสฺสเว จ อนาปตฺตี’’ติ (มหาว. ๒๐๗) อาห. สตฺตาหานาคตาย โกมุทิยา จาตุมาสินิยาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ตตฺถ โกมุทิยา จาตุมาสินิยาติ ปจฺฉิมกตฺติกปุณฺณมายํ. สา หิ กุมุทานํ อตฺถิตาย โกมุที, จตุนฺนํ วสฺสิกมาสานํ ปริโยสานตฺตา จาตุมาสินีติ วุจฺจติ. ตทา หิ กุมุทานิ สุปุปฺผิตานิ โหนฺติ, ตสฺมา กุมุทา เอตฺถ ปุปฺผนฺตีติ โกมุทีติ วุจฺจติ, กุมุทวตีติ วุตฺตํ โหติ.
๑๘๒. อนฺโตวสฺสวตฺตกถายํ นิพทฺธวตฺตํ เปตฺวาติ สชฺฌายมนสิการาทีสุ นิรนฺตรกรณีเยสุ กตฺตพฺพํ กติกวตฺตํ กตฺวา. กสาวปริภณฺฑนฺติ กสาเวหิ ภูมิปริกมฺมํ. วตฺตนฺติ กติกวตฺตํ.
เอวรูปํ อธมฺมิกวตฺตํ น กาตพฺพนฺติ นานาเวรชฺชกา หิ ภิกฺขู สนฺนิปตนฺติ, ตตฺถ เกจิ ทุพฺพลา อปฺปถามา เอวรูปํ วตฺตํ อนุปาเลตุํ น สกฺโกนฺติ, ตสฺมา อิธ อาคตฺจ จตุตฺถปาราชิกวณฺณนายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๒๒๗) อาคตํ อาวาสํ วา มณฺฑปํ วา สีมํ วา ยํ กิฺจิ านํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ‘‘โย อิมมฺหา อาวาสา ปมํ ปกฺกมิสฺสติ, ตํ ‘อรหา’ติ ชานิสฺสามา’’ติ กตาย กติกาย โย ‘‘มํ ‘อรหา’ติ ชานนฺตู’’ติ ตมฺหา านา ปมํ ปกฺกมติ, ปาราชิโก โหติ. โย ปน อาจริยุปชฺฌายานํ วา กิจฺเจน มาตาปิตูนํ วา ¶ เกนจิเทว กรณีเยน ภิกฺขาจารวตฺตํ วา อุทฺเทสปริปุจฺฉาทีนํ อตฺถาย อฺเน วา ตาทิเสน กรณีเยน ตํ านํ อติกฺกมิตฺวา คจฺฉติ, อนาปตฺติ. สเจปิสฺส เอวํ คตสฺส ปจฺฉา อิจฺฉาจาโร อุปฺปชฺชติ ¶ ‘‘น ทานาหํ ตตฺถ คมิสฺสามิ, เอวํ มํ อรหาติ สมฺภาเวสฺสนฺตี’’ติ, อนาปตฺติเยว.
โยปิ เกนจิเทว กรณีเยน ตํ านํ ปตฺวา สชฺฌายมนสิการาทิวเสน อฺวิหิโต วา หุตฺวา โจราทีหิ วา อนุพทฺโธ เมฆํ วา อุฏฺิตํ ทิสฺวา อโนวสฺสกํ ปวิสิตุกาโม ตํ านํ อติกฺกมติ, อนาปตฺติ, ยาเนน วา อิทฺธิยา วา คจฺฉนฺโตปิ ปาราชิกํ นาปชฺชติ, ปทคมเนเนว อาปชฺชติ. ตมฺปิ เยหิ สห กติกา กตา, เตหิ สทฺธึ อปุพฺพํ อจริมํ คจฺฉนฺโต นาปชฺชติ. เอวํ คจฺฉนฺตา หิ สพฺเพปิ อฺมฺํ รกฺขนฺติ. สเจปิ มณฺฑปรุกฺขมูลาทีสุ กิฺจิ านํ ปริจฺฉินฺทนฺติ ‘‘โย เอตฺถ นิสีทติ วา จงฺกมติ วา, ตํ ‘อรหา’ติ ชานิสฺสาม’’, ปุปฺผานิ วา เปตฺวา, ‘‘โย อิมานิ คเหตฺวา ปูชํ กริสฺสติ, ตํ ‘อรหา’ติ ชานิสฺสามา’’ติอาทินา นเยน กติกา กตา โหติ, ตตฺราปิ อิจฺฉาจารวเสน ตถา กโรนฺตสฺส ปาราชิกเมว. สเจปิ อุปาสเกน อนฺตรามคฺเค วิหาโร วา กโต โหติ, จีวราทีนิ วา ปิตานิ โหนฺติ ‘‘เย อรหนฺโต, เต อิมสฺมึ วิหาเร วสนฺตุ, จีวราทีนิ วา คณฺหนฺตู’’ติ, ตตฺราปิ อิจฺฉาจารวเสน วสนฺตสฺส วา ตานิ วา คณฺหนฺตสฺส ปาราชิกเมว, เอตํ ปน อธมฺมิกกติกวตฺตํ, ตสฺมา น กาตพฺพํ, อฺํ วา เอวรูปํ ‘‘อิมสฺมึ เตมาสพฺภนฺตเร สพฺเพว อารฺกา โหนฺตุ ปิณฺฑปาติกธุตงฺคาทิอวเสสธุตงฺคธรา วา, อถ วา สพฺเพว ขีณาสวา โหนฺตู’’ติ เอวมาทิ. นานาเวรชฺชกา หิ ภิกฺขู สนฺนิปตนฺติ. ตตฺถ เกจิ ทุพฺพลา อปฺปถามา เอวรูปํ วตฺตํ อนุปาเลตุํ น สกฺโกนฺติ, ตสฺมา เอวรูปมฺปิ วตฺตํ น กาตพฺพํ. ‘‘อิมํ เตมาสํ สพฺเพเหว น อุทฺทิสิตพฺพํ, น ปริปุจฺฉิตพฺพํ, น ปพฺพาเชตพฺพํ, มูคพฺพตํ คณฺหิตพฺพํ, พหิสีมฏฺสฺสปิ สงฺฆลาโภ ทาตพฺโพ’’ติ เอวมาทิกมฺปิ น กตฺตพฺพเมว.
ติวิธมฺปีติ ¶ ปริยตฺติปฏิปตฺติปฏิเวธวเสน ติวิธมฺปิ. โสเธตฺวา ปพฺพาเชถาติ ภพฺเพ อาจารกุลปุตฺเต อุปปริกฺขิตฺวา ปพฺพาเชถ. ภสฺเส มตฺตํ ชานิตฺวาติ วจเน ปมาณํ ตฺวา. ทสกถาวตฺถุ นาม อปฺปิจฺฉากถา สนฺตุฏฺิกถา ปวิเวกกถา อสํสคฺคกถา วีริยารมฺภกถา สีลกถา สมาธิกถา ปฺากถา วิมุตฺติกถา วิมุตฺติาณทสฺสนกถาติ.
วิคฺคหสํวตฺตนิกํ ¶ วจนํ วิคฺคาหิกํ. จตุรารกฺขํ อหาเปนฺตาติ พุทฺธานุสฺสติ เมตฺตา อสุภํ มรณานุสฺสตีติ อิมํ จตุรารกฺขํ อหาเปนฺตา. ทนฺตกฏฺขาทนวตฺตํ อาจิกฺขิตพฺพนฺติ เอตฺถ อิทํ ทนฺตกฏฺขาทนวตฺตํ – โย เทวสิกํ สงฺฆมชฺเฌ โอสรติ, เตน สามเณราทีหิ อาหริตฺวา ภิกฺขูนํ ยถาสุขํ ภฺุชนตฺถาย ทนฺตกฏฺมาฬเก นิกฺขิตฺเตสุ ทนฺตกฏฺเสุ ทิวเส ทิวเส เอกเมว ทนฺตกฏฺํ คเหตพฺพํ. โย ปน เทวสิกํ น โอสรติ, ปธานฆเร วสิตฺวา ธมฺมสฺสวเน วา อุโปสถคฺเค วา ทิสฺสติ, เตน ปมาณํ สลฺลกฺเขตฺวา จตฺตาริ ปฺจ ทนฺตกฏฺานิ อตฺตโน วสนฏฺาเน เปตฺวา ขาทิตพฺพานิ. เตสุ ขีเณสุ สเจ ปุนปิ ทนฺตกฏฺมาฬเก พหูนิ โหนฺติเยว, ปุนปิ อาหริตฺวา ขาทิตพฺพานิ. ยทิ ปน ปมาณํ อสลฺลกฺเขตฺวา อาหรติ, เตสุ อขีเณสุเยว มาฬเก ขียติ, ตโต เกจิ เถรา ‘‘เยหิ คหิตานิ, เต ปฏิหรนฺตู’’ติ วเทยฺยุํ, เกจิ ‘‘ขาทนฺตุ, ปุน สามเณรา อาหริสฺสนฺตี’’ติ, ตสฺมา วิวาทปริหารตฺถํ ปมาณํ สลฺลกฺเขตพฺพํ, คหเณ ปน โทโส นตฺถิ. มคฺคํ คจฺฉนฺเตนปิ เอกํ วา ทฺเว วา ถวิกาย ปกฺขิปิตฺวา คนฺตพฺพนฺติ. ภิกฺขาจารวตฺตํ ปิณฺฑปาติกวตฺเต อาวิภวิสฺสติ.
อนฺโตคาเม…เป… น กเถตพฺพาติ เอตฺถ จตูสุ ปจฺจเยสุ จีวเร จ ปิณฺฑปาเต จ วิฺตฺติปิ น วฏฺฏติ นิมิตฺโตภาสปริกถาปิ. เสนาสเน วิฺตฺติเมว น วฏฺฏติ, เสสานิ ตีณิ ¶ วฏฺฏนฺติ. คิลานปจฺจเย สพฺพมฺปิ วฏฺฏติ. เอวํ สนฺเตปิ อาชีวํ โสเธนฺเตหิ ภิกฺขูหิ สุฏฺุ รกฺขิตพฺพาติ. อิมินา อาชีวปาริสุทฺธิสีลํ ทสฺสิตํ. รกฺขิตินฺทฺริเยหิ ภวิตพฺพนฺติ อินฺทฺริยสํวรสีลํ. ขนฺธกวตฺตฺจ เสขิยวตฺตฺจ ปูเรตพฺพนฺติ ปาติโมกฺขสํวรสีลํ. ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลํ ปน ตีหิปิ สามตฺถิยโต ทสฺสิตํ. อิติ จตุปาริสุทฺธิสีลปฏิสํยุตฺตา เอวรูปา นิยฺยานิกกถา พหุกาปิ วตฺตพฺพาติ อธิปฺปาโย.
อิมสฺมึ วสฺสูปนายิกวิสเย เตสุ เตสุ นคเรสุ ตสฺมึ ตสฺมึ ราชกาเล อปริยนฺตา วิวาทกถา โหติ. กถํ? วสฺสูปนายิกกฺขนฺธเก (มหาว. ๑๘๖) ‘‘เตน โข ปน สมเยน ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร วสฺสํ อุกฺกฑฺฒิตุกาโม ภิกฺขูนํ สนฺติเก ทูตํ ปาเหสิ ‘ยทิ ปนายฺยา อาคเม ชุณฺเห วสฺสํ อุปคจฺเฉยฺยุ’นฺติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ, ‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ราชูนํ อนุวตฺติตุ’’’นฺติ วจนํ นิสฺสาย ภควตา อธิมาสํ ปฺตฺตนฺติ มฺมานา เวทสมเยน สํสนฺทิตฺวา คยฺหมานา อเนกวิหิตํ วิวาทํ กโรนฺติ. เวทสมเย กิร ทฺเว อธิมาสานิ ยาจาธิมาสฺจ ปตฺตาธิมาสฺจ. ตตฺถ กลิยุคคณเน เอกูนวีสติคณเนน ¶ ภาชิเต ทฺเวปฺจฏฺทสเตรสโสฬสฏฺารสวเสน สตฺตธา เสโส โหติ, เตสํ วเสน จมฺมาธิมาส ปฺจาธิมาส ปสฺวาธิมาส ทสาธิมาส เตรสาธิมาส โสฬสาธิมาส อฏฺารสาธิมาสาติ โวหรนฺติ. อฏฺารสาธิมาสํ ปน อวสานาธิมาสนฺติปิ โวหรนฺติ. เตสุ ปสุโสฬสานิ อปตฺเตเยว อธิมาสปตนกลิยุเค สํวจฺฉรมาสาทิวิสมภเยน ยาจิตฺวา มาสสฺส อากฑฺฒิตพฺพโต ยาจาธิมาสนฺติ โวหรนฺติ, เสสานิ ปน ปฺจมตฺเตเยว อธิมาสปตนกลิยุเค มาสสฺส อากฑฺฒิตพฺพโต ปตฺตาธิมาสนฺติ. ตตฺเรตํ ยาจาธิมาสลกฺขณํ – ตถโต ¶ อชานนฺตา ปาฬิยา สํสนฺทิตฺวา พิมฺพิสารรฺา ภควโต ยาจิตาธิมาสตฺตา ยาจาธิมาสํ นาม ภวติ, ตสฺมา ทฺวีสุ เอว ยาจาธิมาเสสุ ทิวเสน สห มาโส อากฑฺฒิตพฺโพ, น อิตเรสูติ วทนฺติ, อฺเ ปน ปฺจสุ ปตฺตาธิมาเสสุ เอว สห ทิวเสน มาโส อากฑฺฒิตพฺโพ, น ยาจาธิมาเสสูติ.
อปเร ปน – ‘‘ทฺเวมา, ภิกฺขเว, วสฺสูปนายิกา ปุริมิกา ปจฺฉิมิกาติ, อปรชฺชุคตาย อาสาฬฺหิยา ปุริมิกา อุปคนฺตพฺพา, มาสคตาย อาสาฬฺหิยา ปจฺฉิมิกา อุปคนฺตพฺพา’’ติ ตสฺมึเยว วสฺสูปนายิกกฺขนฺธเก (มหาว. ๑๘๔) อาคตาย ปาฬิยา อตฺถํ อโยนิโส คเหตฺวา ติถินกฺขตฺตโยเค เอว วสฺสูปคมนํ ภควตา อนฺุาตํ, ตสฺมา อาสาฬฺหิปุณฺณมาย อนนฺตรภูโต ปาฏิปททิวโส ปุณฺณาติถิยา จ ยุตฺโต โหตุ, ปุพฺพาสาฬฺหอุตฺตราสาฬฺหสงฺขาเตสุ ทฺวีสุ นกฺขตฺเตสุ เอเกเกน ยุตฺโต จ, เอวํภูโต กาโล ยทิ วินา ทิวเสน มาสกฑฺฒเน สมฺปชฺชติ, ตถา จ สติ มาสมตฺตากฑฺฒนเมว กาตพฺพํ, ยทิ น สมฺปชฺชติ, สห ทิวเสน มาสากฑฺฒนํ, อยํ ปิฏเกน จ เวเทน จ อนุโลโม วินิจฺฉโยติ วทนฺติ.
ตตฺราปฺเยเก วทนฺติ – ‘‘มา อิติ จนฺโท วุจฺจติ ตสฺส คติยา ทิวสสฺส มินิตพฺพโต, โส เอตฺถ สพฺพกลาปาริปูริยา ปุณฺโณติ ปุณฺณมา’’ติอาทินา วินยตฺถมฺชูสาทีสุ (กงฺขา. อภิ. ฏี. นิทานวณฺณนา) อาคมนโต ปุณฺณาติถิโยโคปิ ปุณฺณมิยา เอว อิจฺฉิตพฺโพ, น ปาฏิปเท, ตถา นกฺขตฺตโยโคปิ อาสาฬฺหิสุกฺกปกฺขสฺส ปนฺนรเส อุโปสเถ ‘‘อุตฺตราสาฬฺหนกฺขตฺเต, เอวํ ธาตุ ปติฏฺิตา’’ติ มหาวํเส วจนโตติ. ตตฺถ ปุริมา วทนฺติ – เอวํ สนฺเต อุโปสถทิวเสเยว จนฺทคฺคาโห จ สูริยคฺคาโห ¶ จ ภเวยฺย, อิทานิ ปน กาฬปกฺขปาฏิปทาทีสุเยว จนฺทคฺคาโห, สุกฺกปกฺขปาฏิปทาทีสุเยว สูริยคฺคาโห ปฺายติ, ตสฺมา ¶ ปาฏิปเทเยว ติถินกฺขตฺตโยโค อิจฺฉิตพฺโพติ. ปจฺฉิมาปิ วทนฺติ – ตุมฺหาทิสานํ วาทีนํ วจเนน ปุพฺเพ อากฑฺฒิตพฺพทิวสานํ อนากฑฺฒิตตฺตา ทิวสปฺุชภาเวน เอวํ โหติ, สจฺจโต ปน อุโปสถทิวเสเยว จนฺทคฺคาโห สูริยคฺคาโห จ อิจฺฉิตพฺโพติ. โหตุ, ยถา อิจฺฉถ, ตถา วทถ, เอวํ ภูตปุพฺโพ สาฏฺกเถ เตปิฏเก พุทฺธวจเน อตฺถีติ? อตฺถิ. คนฺธารชาตเก (ชา. อฏฺ. ๓.๗.๗๕ คนฺธารชาตกวณฺณนา) หิ อุโปสถทิวเส จนฺทคฺคาโห ทฺวิกฺขตฺตุํ อาคโต. ตฺหิ ชาตกํ ตีสุ ปิฏเกสุ สุตฺตปริยาปนฺนํ, ปฺจสุ นิกาเยสุ ขุทฺทกนิกายปริยาปนฺนํ, นวสุ สาสนงฺเคสุ ชาตกปริยาปนฺนนฺติ. เอวํ วุตฺเต ปุริมกา ปฏิวจนํ ทาตุํ น สกฺกุเณยฺยุนฺติ.
อเถกจฺเจ ‘‘ปิฏกตฺตเย อธิกมาสาเยว สนฺติ, น อธิกทิวสา สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๔๐๔) ‘ยํ ปน วุตฺตํ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ อฏฺารสนฺนํเยว วสฺสานํ อธิกมาเส คเหตฺวา คณิตตฺตา เสสวสฺสทฺวยสฺสปิ อธิกานิ ทิวสานิ โหนฺเตว, ตานิ อธิกทิวสานิ สนฺธาย นิกฺกงฺขา หุตฺวาติ วุตฺตนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ. น หิ ทฺวีสุ วสฺเสสุ อธิกทิวสา นาม วิสุํ อุปลพฺภนฺติ ตติเย วสฺเส วสฺสุกฺกฑฺฒนวเสน อธิกมาเส ปริจฺจตฺเตเยว อธิกมาสสมฺภวโต, ตสฺมา ทฺวีสุ วสฺเสสุ อติเรกทิวสา นาม วิสุํ น สมฺภวนฺตี’ติ วจนโต’’ติ วทนฺติ. อถฺเ วทนฺติ – ปิฏกตฺตเย อธิกทิวสาติ อาคตา อตฺถิ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาจิตฺติย ๔๐๔) ‘‘อวเสสานํ ทฺวินฺนํ วสฺสานํ อธิกทิวสานิ โหนฺเตว, ตสฺมา นิกฺกงฺขา หุตฺวา อุปสมฺปาเทนฺตี’’ติ วจนโตติ. อิโต ปรมฺปิ วิวิเธน อากาเรน กเถนฺติ. สุทฺธเวทิกาปิ ¶ เอวํ วทนฺติ, วินยธรา ภิกฺขู วินยสมยวเสน วทนฺติ. อมฺหากํ ปน เวทสมเย หตฺถคตคณนวเสเนว ชานิตพฺพนฺติ อลมติปปฺเจน. อตฺถิเกหิ ติวสฺสาธิกสหสฺสกลิยุเค ธมฺมราเชน ปุจฺฉิตตฺตา กตํ อธิมาสปกรณํ โอโลเกตฺวา ชานิตพฺพํ.
อิธ ปน อธิปฺเปตวินิจฺฉยเมว กถยาม. ปมทุติยวาเทสุ น พิมฺพิสารราชา ภควนฺตํ อธิมาสปฺาปนํ ยาจติ, น จ ภควา ปฺเปติ, น ‘‘ตสฺมึ วสฺเส อิทํ นาม อธิมาสํ โหตี’’ติ วา ‘‘มาสมตฺตํ วา สหทิวสํ วา อากฑฺฒิตพฺพ’’นฺติ วา ปาฬิยํ อฏฺกถาฏีกาสุ จ อตฺถิ, ราชา ปน อุปกฏฺาย วสฺสูปนายิกาย เวทสมเย วสฺสุกฺกฑฺฒนสมฺภวโต ภิกฺขูนํ ปมอาสาฬฺหมาเส วสฺสํ อนุปคนฺตฺวา ทุติยอาสาฬฺหมาเส อุปคมนตฺถํ ¶ ‘‘ยทิ ปนายฺยา อาคเม ชุณฺเห วสฺสํ อุปคจฺเฉยฺยุ’’นฺติ ทูตํ ปาเหสิ. ยทิ ปน อุปคจฺเฉยฺยุํ, สาธุ วตาติ สมฺพนฺธิตพฺพํ. ภิกฺขู ปน รฺโ ปหิตสาสนํ ภควโต อาโรเจสุํ. ภควา ปน วสฺสุกฺกฑฺฒเน ภิกฺขูนํ คุณปริหานิยา อภาวโต ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ราชูนํ อนุวตฺติตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๘๖) อโวจ. เตน วุตฺตํ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๘๕) ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว ราชูนํ อนุวตฺติตุนฺติ เอตฺถ วสฺสุกฺกฑฺฒนภิกฺขูนํ กาจิ ปริหานิ นาม นตฺถีติอนุวตฺติตุํ อนฺุาต’’นฺติ. วิมติวิโนทนิยฺจ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๘๕) วุตฺตํ ‘‘ปริหานีติ คุณปริหานี’’ติ, ตสฺมา ยาจาธิมาโส วา โหตุ ปตฺตาธิมาโส วา, ยสฺมึ ยสฺมึ กาเล อนุวตฺตเนน ภิกฺขูนํ สีลาทิคุณมฺปิ ปริหานิ นตฺถิ, ตสฺมึ ตสฺมึ กาเล อนุวตฺติตพฺพํ.
กถํ ปน อนุวตฺติตพฺพํ, กถํ น อนุวตฺติตพฺพํ? ยทิ อนุวตฺตนฺเต ปุพฺเพ อุปวุตฺถทิวสโต อิทานิ อุปวสิตพฺพอุโปสถทิวโส จาตุทฺทโส วา ปนฺนรโส วา โหติ, ตถา ¶ สติ อนุวตฺติตพฺพํ. ยทิ ปน เตรสโม วา โสฬสโม วา โหติ, น อนุวตฺติตพฺพํ. อนุวตฺตนฺโต หิ อนุโปสเถ อุโปสถกโต โหติ, ตโต ‘‘น, ภิกฺขเว, อนุโปสเถ อุโปสโถ กาตพฺโพ, โย กเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๑๘๓) วุตฺตทุกฺกฏํ อาปชฺชติ, ตสฺมา สีลคุณปริหานิสมฺภวโต น อนุวตฺติตพฺพํ. วุตฺตฺหิ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๔๐) ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ราชูนํ อนุวตฺติตุนฺติ วจนโต ปเนตฺถ โลกิยานํ ติถึ อนุวตฺตนฺเตหิปิ อตฺตโน อุโปสถกฺกเมน จาตุทฺทสึ ปนฺนรสึ วา, ปนฺนรสึ จาตุทฺทสึ วา กโรนฺเตเหว อนุวตฺติตพฺพํ, น ปน โสฬสมทิวสํ วา เตรสมทิวสํ วา อุโปสถทิวสํ กโรนฺเตหี’’ติ.
ตติยจตุตฺถวาเทปิ ‘‘กติ วสฺสูปนายิกา’’ติ สํสยนฺตานํ สํสยวิโนทนตฺถํ ‘‘ทฺเวมา, ภิกฺขเว, วสฺสูปนายิกา ปุริมิกา ปจฺฉิมิกา’’ติ (มหาว. ๑๘๔) ภควา อโวจ. ตโต ตาสํ ทฺวินฺนํ วสฺสูปนายิกานํ อุปคมนกาลํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปรชฺชุคตาย อาสาฬฺหิยา ปุริมิกา อุปคนฺตพฺพา, มาสคตาย อาสาฬฺหิยา ปจฺฉิมิกา อุปคนฺตพฺพา’’ติ วุตฺตํ. ตตฺรายํ ปิณฺฑตฺโถ – อาสาฬฺหิปุณฺณมิยา อนนฺตเร ปาฏิปททิวเส ปุริมิกา อุปคนฺตพฺพา, สาวณปุณฺณมิยา อนนฺตเร ปาฏิปททิวเส ปจฺฉิมิกา อุปคนฺตพฺพาติ. เตน วุตฺตํ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๘๔) ‘‘ตสฺมา อาสาฬฺหิปุณฺณมาย อนนฺตเร ปาฏิปททิวเส, อาสาฬฺหิปุณฺณมิโต ¶ วา อปราย ปุณฺณมาย อนนฺตเร ปาฏิปททิวเสเยว วิหารํ ปฏิชคฺคิตฺวา ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฏฺาเปตฺวา สพฺพํ เจติยวนฺทนาทิสามีจิกมฺมํ นิฏฺาเปตฺวา ‘อิมสฺมึ วิหาเร อิมํ เตมาสํ วสฺสํ อุเปมี’ติ สกึ วา ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ วา วาจํ นิจฺฉาเรตฺวา วสฺสํ อุปคนฺตพฺพ’’นฺติ ¶ , สารตฺถทีปนิยมฺปิ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๘๔) ‘‘อปรชฺชูติ อาสาฬฺหิโต อปรํ ทินํ, ปาฏิปทนฺติ อตฺโถ’’ติ, วิมติวิโนทนิยมฺปิ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๘๔) ‘‘อปรสฺมึ ทิวเสติ ทุติเย ปาฏิปททิวเส’’ติ เอวํ ปาฬิอฏฺกถาฏีกาสุ ปาฏิปททิวเสเยว วสฺสูปคมนํ วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘อมุกติถิโยเค’’ติ วา ‘‘อมุกนกฺขตฺตโยเค’’ติ วา, ตสฺมา ปาฏิปททิวเส ปาโต อรุณุคฺคมนโต ปฏฺาย สกลทิวสํ สกลรตฺติ ยาว ทุติยอรุณุคฺคมนา ยถารุจิเต กาเล วสฺสํ อุปคนฺตพฺพนฺติ ทฏฺพฺพํ. ตโต เอว วสฺสูปนายิกกาเล ปุณฺณาติถิยา โยโค, อุตฺตราสาฬฺหนกฺขตฺเตน โยโค โหตูติ วทนฺตานํ วจนํ วินยวิรุทฺธํ โหติ, ตํ วจนํ คเหตฺวา ปุณฺณาติถิโยคํ อุตฺตราสาฬฺหนกฺขตฺตโยคฺจ อาคเมตฺวา วสฺสํ อุปคนฺตฺวาปิ ตถาคเตน อปฺตฺตํ ปฺเปติ นามาติ ทฏฺพฺพํ.
เอวํ ปาฬิอฏฺกถาฏีกาสุ จ ปุณฺณาติถิโยเค เอว วสฺสํ อุปคนฺตพฺพํ, น เอกาย ติถิยา ยุตฺเตติ วา อุตฺตราสาฬฺหนกฺขตฺตโยเคเยว, น สาวณนกฺขตฺตโยเคติ วา อนาคตเมว ฉายํ คเหตฺวา ตถาคเตน ปฺตฺตํ วิย โปตฺถเกสุ ลิขิตฺวา เกหิจิ ปิตตฺตา สกลํ วินยปิฏกํ อปสฺสนฺตา เวทสามยิกา ตํ วจนํ สทฺทหิตฺวา วสฺสูปคมนกาเล ปุณฺณาติถิอุตฺตราสาฬฺหโยคเมว คเวสนฺตา มาสทิวเสน สห อากฑฺฒิตพฺพกาเลปิ มาสมตฺตเมว อากฑฺฒนฺติ, มาสมตฺตเมว อากฑฺฒิตพฺพกาเลปิ สห ทิวเสน อากฑฺฒนฺติ, ตสฺมา เอวํวาทิโน ภิกฺขู ‘‘อปฺตฺตํ ตถาคเตน ปฺตฺตํ ตถาคเตนาติ ทีเปตี’’ติ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชนฺติ, ตสฺมา ภควติ คารวสหิตา ลชฺชิโน ปณฺฑิตา เอวํ น คณฺหนฺตีติ. ติถินกฺขตฺตโยโค ปน อุโปสถทิวเสเยว พหุธา ปิฏกตฺตเย อาคโต, โปราณเวทคนฺเถสุ ¶ จ ปสํสิโต, กทาจิ ปน โวหารกาโล ติถิยา นกฺขตฺเตน จ วิสโม โหติ, ตสฺมา ตํ สเมตุํ อธิมาสปตนกาเล มาสมฺปิ ทิวสมฺปิ อากฑฺฒนฺติ, ตสฺมา อฺสฺมึ กาเล วิสเมปิ อากฑฺฒนกาเล สมาเปตพฺพํ. เอวํ สติ มาสอุตุสํวจฺฉรานํ สมภาโว โหตีติ ทฏฺพฺพํ.
ปฺจมฉฏฺวาเทสุ อธิมาโสติ อฏฺารสวสฺสโต อธิกมาสํ คเหตฺวา วุตฺโต, ตสฺมา ‘‘อธิโก ¶ มาโส อธิมาโส’’ติ กมฺมธารยสมาสตฺตา ปุลฺลิงฺคํ กตฺวา วุตฺโต. ปุพฺเพ ปน มาสปฺุชโต อธิกฆฏิโย คเหตฺวา วุตฺโต, ตสฺมา ‘‘มาสโต อธิกํ อธิมาส’’นฺติ อพฺยยีภาวสมาสตฺตา นปุํสกลิงฺคํ กตฺวา วุตฺตํ. อิธ ปน ‘‘โปราณกตฺเถรา เอกูนวีสติวสฺสํ สามเณรํ นิกฺขมนียปุณฺณมาสึ อติกฺกมฺม ปาฏิปททิวเส อุปสมฺปาเทนฺติ, ตํ กสฺมาติ? วุจฺจเต – เอกสฺมึ วสฺเส ฉ จาตุทฺทสิกอุโปสถทิวสา โหนฺติ, อิติ วีสติยา วสฺเสสุ จตฺตาโร มาสา ปริหายนฺติ, ราชาโน ตติเย ตติเย วสฺเส วสฺสํ อุปกฑฺฒนฺติ, อิติ อฏฺารสสุ วสฺเสสุ ฉ มาสา วฑฺฒนฺติ, ตโต อุโปสถวเสน ปริหีเน จตฺตาโร มาเส อปเนตฺวา ทฺเว มาสา อวเสสา โหนฺติ, เต ทฺเว มาเส คเหตฺวา วีสติ วสฺสานิ ปริปุณฺณานิ โหนฺตีติ นิกฺกงฺขา หุตฺวา นิกฺขมนียปุณฺณมาสึ อติกฺกมฺม ปาฏิปเท อุปสมฺปาเทนฺตี’’ติ อฏฺกถาวจเน (ปาจิ. อฏฺ. ๔๐๔) ‘‘นิกฺกงฺขา หุตฺวาติ อธิกมาเสหิ สทฺธึ ปริปุณฺณวีสติวสฺสตฺตา นิพฺเพมติกา หุตฺวา’’ติ อตฺโถ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๔๐๔) วุตฺโต.
ตตฺร นนุ จ ‘‘ตีสุปิ คณฺิปเทสุ อฏฺารสนฺนํ…เป… วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ กถนฺติ โจทนํ สนฺธาย ‘‘ยํ ปน วุตฺตํ…เป… ตํ น คเหตพฺพ’’นฺติ กิฺจาปิ วุตฺตํ, ตถาปิ ตํ คณฺิปเทสุ วุตฺตวจนํ น ¶ คเหตพฺพนฺติ อตฺโถ, กสฺมา น คเหตพฺพนฺติ อาห ‘‘น หี’’ติอาทิ. หิ ยสฺมา น อุปลพฺภนฺติ, ตสฺมา น คเหตพฺพนฺติ โยชนา. กถํ วิฺายตีติ อาห ‘‘ตติเย’’ติอาทิ. ปริจฺจตฺเตเยว สมฺภวโต, อปริจฺจตฺเต อสมฺภวโต น อุปลพฺภนฺตีติ พฺยติเรกวเสน เหตุผลโยชนา. ตสฺมาติอาทิ ลทฺธคุณํ.
วชิรพุทฺธิฏีกายํ ปน คณฺิปเทสุ วุตฺตเมว คเหตฺวา วทติ. เอตานิ วจนานิ สามเณรานํ วีสติวสฺสปริปุณฺณภาวสาธกานิเยว โหนฺติ, น อธิมาสปตนวาเรสุ สทิวสมาสากฑฺฒนภาวสาธกานิ, ตสฺมา อิมานิ อาหริตฺวา ตํ อธิกรณํ วินิจฺฉิตุํ น สกฺโกนฺติ. ภิกฺขู ปน พหูนํ สนฺนิปาเต กิฺจิ ปาํ อาหริตฺวา กเถตุํ สมตฺโถ โสภตีติ กตฺวา อีทิสํ ปาํ อาหรนฺติ. สุตสนฺนิจยปณฺฑิตา ปน อิจฺฉิตตฺถสฺส อสาธกตฺตา เอวรูปํ น อาหรนฺติ. สุทฺธเวทิกานมฺปิ วจเน วินยธรา วินยเมว ชานนฺติ, น พาหิรสมยํ. อยํ ปน กถา พาหิรสมเย ปวตฺตา, ตสฺมา วินยธรานํ อวิสโยติ มฺนฺตา วทนฺติ.
วินยธรา ปน เอกจฺเจ วินยเมว ชานนฺติ, เอกจฺเจ สกลํ ปิฏกตฺตยํ ชานนฺติ, เอกจฺเจ ¶ สพาหิรสมยํ ปิฏกตฺตยํ ชานนฺติ, ตสฺมา กเถตุํ สมตฺถภาโวเยว ปมาณํ. เวทิกานมฺปิ วจนํ เวทปฺปกรณาคตเมว ปมาณํ. น ยํ กิฺจิ หตฺถคตคณนมตฺตํ, ตสฺมา ยทา ปถวิสฺสโร ราชา สทิวสํ มาสํ อากฑฺฒิตุกาโม ‘‘เชฏฺมาสกาฬปกฺขอุโปสถํ ปนฺนรสิยํ กโรนฺตู’’ติ ยาจิสฺสติ, ตทา ‘‘สกึ ปกฺขสฺส จาตุทฺทเส วา ปนฺนรเส วา’’ติ วจนโต ปนฺนรสิยํ อุโปสถกรเณ โทโส นตฺถิ, ยทา สุทฺธมาสเมว อากฑฺฒิตุกาโม ‘‘จาตุทฺทสิยํ กโรนฺตู’’ติ ยาจิสฺสติ, เอวํ สติ ปกติยาปิ เชฏฺมาสกาฬปกฺขุโปสโถ จาตุทฺทโสเยวาติ กตฺวา โทโส นตฺถิ, อุภยถาปิ อุโปสโถ ¶ สุกโตเยว โหติ, ตสฺมา อนุวตฺติตพฺโพ. ตโต ปรํ ปมาสาฬฺหมาสสฺส ชุณฺหปกฺเขปิ กาฬปกฺเขปิ ทุติยาสาฬฺหมาสสฺส ชุณฺหปกฺเขปิ ปนฺนรสีอุโปสถํ กตฺวา ปาฏิปททิวเส ติถิโยคํ วา นกฺขตฺตโยคํ วา อโนโลเกตฺวา ปาโต อรุณุคฺคมนานนฺตรโต ปฏฺาย ยาว ปุน อรุณุคฺคมนา สกลทิวสรตฺติยํ ยถาชฺฌาสยํ วสฺสํ อุปคจฺฉนฺโต สูปคโตว โหติ, นตฺถิ โกจิ โทโสติ ทฏฺพฺโพ. ภวตฺเววํ, ปาโตว วสฺสํ อุปคจฺฉนฺโต อตฺถีติ? อตฺถิ. วุตฺตฺเหตํ เสนาสนกฺขนฺธกวณฺณนายํ (จูฬว. อฏฺ. ๓๑๘) ‘‘สเจ ปาโตว คาหิเต เสนาสเน อฺโ วิตกฺกจาริโก ภิกฺขุ อาคนฺตฺวา เสนาสนํ ยาจติ, ‘คหิตํ, ภนฺเต, เสนาสนํ, วสฺสูปคโต สงฺโฆ, รมณีโย วิหาโร, รุกฺขมูลาทีสุ ยตฺถ อิจฺฉถ, ตตฺถ วสถา’ติ วตฺตพฺโพ’’ติ.
อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร
วสฺสูปนายิกวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม
ฉพฺพีสติโม ปริจฺเฉโท.
ปโม ภาโค นิฏฺิโต.
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
วินยาลงฺการ-ฏีกา (ทุติโย ภาโค)