📜
๒๘. จตุปจฺจยภาชนียวินิจฺฉยกถา
จีวรภาชนกถาวณฺณนา
๑๙๔. เอวํ ¶ อุปชฺฌายาทิวตฺตสงฺขาตานิ จุทฺทส ขนฺธกวตฺตานิ กเถตฺวา อิทานิ จตุนฺนํ ปจฺจยานํ ภาชนํ กเถนฺโต ‘‘จตุปจฺจยภาชน’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ จตูติ สงฺขฺยาสพฺพนามปทํ. ปฏิจฺจ เอติ สีตปฏิฆาตาทิกํ ผลํ เอตสฺมาติ ปจฺจโย, จีวราทิ, ปจฺจโย จ ปจฺจโย จ ปจฺจยา, จตฺตาโร ปจฺจยา จตุปจฺจยํ, ภาชียเต วิภาชียเต ภาชนํ. จตุปจฺจยสฺส ภาชนํ จตุปจฺจยภาชนํ. เตนาห ‘‘จีวราทีนํ จตุนฺนํ ปจฺจยานํ ภาชน’’นฺติ. ตตฺถ ตสฺมึ จตุปจฺจยภาชเน สมภินิวิฏฺเ จีวรภาชเน ตาว ปมํ จีวรปฏิคฺคาหโก…เป… เวทิตพฺโพ. กสฺมา? สงฺฆิกจีวรสฺส ทุกฺกรภาชนตฺตาติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ อาคตาคตํ จีวรํ ปฏิคฺคณฺหาติ, ปฏิคฺคหณมตฺตเมวสฺส ภาโรติ จีวรปฏิคฺคาหโก. จีวรปฏิคฺคาหเกน ปฏิคฺคหิตํ จีวรํ นิทหติ, นิทหนมตฺตเมวสฺส ภาโรติ จีวรนิทหโก. ภณฺฑาคาเร นิยุตฺโต ภณฺฑาคาริโก. จีวราทิกสฺส ภณฺฑสฺส ปนฏฺานภูตํ อคารํ ภณฺฑาคารํ. จีวรํ ภาเชติ ภาคํ กโรตีติ ¶ จีวรภาชโก. จีวรสฺส ภาชนํ วิภาคกรณํ จีวรภาชนํ, วิภชนกิริยา.
ตตฺถ ‘‘จีวรปฏิคฺคาหโก เวทิตพฺโพ’’ติ วุตฺโต, โส กุโต ลพฺภเตติ อาห ‘‘ปฺจหงฺเคหิ…เป… สมฺมนฺนิตพฺโพ’’ติ. กถํ วิฺายตีติ อาห ‘‘อนุชานามิ…เป… วจนโต’’ติ. ฉนฺทนํ ฉนฺโท, อิจฺฉนํ ปิหนนฺติ อตฺโถ. คมนํ กรณํ คติ, กิริยา. คาเรยฺหา คติ อคติ, ฉนฺเทน อคติ ฉนฺทาคติ. เสเสสุปิ เอเสว นโย. กถํ ฉนฺทาคตึ คจฺฉตีติ อาห ‘‘ตตฺถ ปจฺฉา อาคตานมฺปี’’ติอาทิ. เอวมิตเรสุปิ. ปฺจมงฺคํ ปน สติสมฺปชฺยุตฺตาภาวํ ทสฺเสติ. สุกฺกปกฺเขปิ อิโต ปฏิปกฺขวเสน เวทิตพฺโพ. เตนาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ.
อิมาย กมฺมวาจาย วา อปโลกเนน วาติ อิทํ อิมสฺส สมฺมุติกมฺมสฺส ลหุกกมฺมตฺตา วุตฺตํ. ตถา หิ วุตฺตํ ปริวารฏฺกถายํ (ปริ. อฏฺ. ๔๘๒) ‘‘อวเสสา เตรส สมฺมุติโย เสนาสนคฺคาหมตกจีวรทานาทิสมฺมุติโย จาติ เอตานิ ลหุกกมฺมานิ อปโลเกตฺวาปิ กาตุํ วฏฺฏนฺตี’’ติ. อนฺโตวิหาเร สพฺพสงฺฆมชฺเฌปิ ขณฺฑสีมายมฺปิ สมฺมนฺนิตุํ วฏฺฏตีติ เอตฺถ อนฺโตวิหาเรติ ¶ พทฺธสีมวิหารํ สนฺธาย วุตฺตํ. น หิ อพทฺธสีมวิหาเร อปโลกนาทิจตุพฺพิธกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ ทุพฺพิโสธนตฺตา. ธุรวิหารฏฺาเนติ วิหารทฺวารสฺส สมฺมุขฏฺาเน.
๑๙๗. ภณฺฑาคารสมฺมุติยํ วิหารมชฺเฌเยวาติ อวิปฺปวาสสีมาสงฺขาตมหาสีมา วิหารสฺส มชฺเฌเยว สมฺมนฺนิตพฺพา. อิมสฺมึ ปน าเน อิมํ ปน ภณฺฑาคารํ ขณฺฑสีมํ คนฺตฺวา ขณฺฑสีมายํ นิสินฺเนหิ สมฺมนฺนิตุํ น วฏฺฏติ, วิหารมชฺเฌเยว ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ ¶ อิตฺถนฺนามํ วิหารํ ภณฺฑาคารํ สมฺมนฺเนยฺยา’’ติอาทินา นเยน ‘‘กมฺมวาจาย วา อปโลกเนน วา สมฺมนฺนิตพฺพ’’นฺติ วจนํ นิสฺสาย ตฺติทุติยกมฺมํ อุปจารสีมายํ กาตุํ วฏฺฏตีติ คเหตฺวา กถินทานกมฺมมฺปิ อพทฺธสีมาภูเต วิหาเร อุปจารสีมายํ กโรนฺติ, เอกจฺเจ ตฺติกมฺมมฺปิ ตเถว คเหตฺวา อพทฺธสีมวิหาเร อุปจารสีมามตฺเตเยว อุโปสถปวารณํ กโรนฺติ, ตทยุตฺตํ, การณํ ปเนตฺถ กถินวินิจฺฉยกถายํ (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๒๒๖) อาวิ ภวิสฺสติ.
๑๙๘. ตุลาภูโตติ ตุลาสทิโส. อิทนฺติ สามเณรานํ อุปฑฺฒปฏิวีสทานํ. อิมํ กิร ปาํ อมนสิกโรนฺตา อิทานิ กาลจีวรมฺปิ สามเณรานํ อุปฑฺฒปฏิวีสํ เทนฺติ. ผาติกมฺมนฺติ ปโหนกกมฺมํ, ยตฺตเกน วินยาคเตน สมฺมฺุชนีพนฺธนาทิหตฺถกมฺเมน วิหารสฺส อูนตา น โหติ, ตตฺตกํ กตฺวาติ อตฺโถ. สพฺเพสนฺติ ตตฺรุปฺปาทวสฺสาวาสิกํ คณฺหนฺตานํ สพฺเพสํ ภิกฺขูนํ สามเณรานฺจ. ภณฺฑาคารจีวเรปีติ อกาลจีวรํ สนฺธาย วุตฺตํ. อุกฺกุฏฺึ กโรนฺตีติ มหาสทฺทํ กโรนฺติ. เอตนฺติ อุกฺกุฏฺิยา กตาย สมภาคทานํ. วิรชฺฌิตฺวา กโรนฺตีติ กตฺตพฺพกาเลสุ อกตฺวา ยถารุจิตกฺขเณ กโรนฺติ. สมปฏิวีโส ทาตพฺโพติ กริสฺสามาติ ยาจนฺตานํ ปฏิฺามตฺเตนปิ สมโก โกฏฺาโส ทาตพฺโพ.
อติเรกภาเคนาติ ทส ภิกฺขู โหนฺติ, สาฏกาปิ ทเสว, เตสุ เอโก ทฺวาทส อคฺฆติ, เสสา ทสคฺฆนกา. สพฺเพสุ ทสคฺฆนกวเสน กุเส ปาติเต ยสฺส ภิกฺขุโน ทฺวาทสคฺฆนโก กุโส ปาติโต, โส ‘‘เอตฺตเกน มม จีวรํ ปโหตี’’ติ เตน อติเรกภาเคน คนฺตุกาโม โหติ. เอตฺถ จ เอตฺตเกน มม จีวรํ ปโหตีติ ทฺวาทสคฺฆนเกน มม จีวรํ ปริปุณฺณํ โหติ, น ตโต อูเนนาติ สพฺพํ คเหตุกาโมติ ¶ อตฺโถ. ภิกฺขู ‘‘อติเรกํ อาวุโส สงฺฆสฺส สนฺตก’’นฺติ วทนฺติ, ตํ สุตฺวา ภควา ‘‘สงฺฆิเก จ คณสนฺตเก จ อปฺปกํ นาม นตฺถิ, สพฺพตฺถ ¶ สํยโม กาตพฺโพ, คณฺหนฺเตนปิ กุกฺกุจฺจายิตพฺพ’’นฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อนุกฺเขเป ทินฺเน’’ติ อาห. ตตฺถ อนุกฺเขโป นาม ยํ กิฺจิ อนุกฺขิปิตพฺพํ อนุปฺปทาตพฺพํ กปฺปิยภณฺฑํ, ยตฺตกํ ตสฺส ปฏิวีเส อธิกํ, ตตฺตเก อคฺฆนเก ยสฺมึ กิสฺมิฺจิ กปฺปิยภณฺเฑ ทินฺเนติ อตฺโถติ อิมมตฺถํ สงฺเขเปน ทสฺเสตุํ ‘‘สเจ ทส ภิกฺขู โหนฺติ’’ตฺยาทิ วุตฺตํ.
วิกลเก โตเสตฺวาติ เอตฺถ จีวรวิกลกํ ปุคฺคลวิกลกนฺติ ทฺเว วิกลกา. ตตฺถ จีวรวิกลกํ นาม สพฺเพสํ ปฺจ ปฺจ วตฺถานิ ปตฺตานิ, เสสานิปิ อตฺถิ, เอเกกํ ปน น ปาปุณาติ, ฉินฺทิตฺวา ทาตพฺพานิ. ฉินฺทนฺเตหิ จ อฑฺฒมณฺฑลาทีนํ วา อุปาหนถวิกาทีนํ วา ปโหนกานิ ขณฺฑานิ กตฺวา ทาตพฺพานิ, เหฏฺิมปริจฺเฉเทน จตุรงฺคุลวิตฺถารมฺปิ อนุวาตปฺปโหนกายามํ ขณฺฑํ กตฺวา ทาตุํ วฏฺฏติ. อปริโภคํ ปน น กาตพฺพนฺติ เอวเมตฺถ จีวรสฺส อปฺปโหนกภาโว จีวรวิกลกํ. ฉินฺทิตฺวา ทินฺเน ปเนตํ โตสิตํ โหติ. อถ กุสปาโต กาตพฺโพ, สเจปิ เอกสฺส ภิกฺขุโน โกฏฺาเส เอกํ วา ทฺเว วา วตฺถานิ นปฺปโหนฺติ, ตตฺถ อฺํ สามณกํ ปริกฺขารํ เปตฺวา โย เตน ตุสฺสติ, ตสฺส ตํ ภาคํ ทตฺวา ปจฺฉา กุสปาโต กาตพฺโพ. อิทมฺปิ จีวรวิกลกนฺติ อนฺธฏฺกถายํ วุตฺตํ.
ปุคฺคลวิกลกํ นาม ทส ทส ภิกฺขู คเณตฺวา วคฺคํ กโรนฺตานํ เอโก วคฺโค น ปูรติ, อฏฺ วา นว วา โหนฺติ, เตสํ อฏฺ วา นว วา โกฏฺาสา ‘‘ตุมฺเห อิเม คเหตฺวา วิสุํ ภาเชถา’’ติ ทาตพฺพา. เอวมยํ ปุคฺคลานํ อปฺปโหนกภาโว ปุคฺคลวิกลกํ นาม. วิสุํ ทินฺเน ปน ตํ โตสิตํ ¶ โหติ, เอวํ โตเสตฺวา กุสปาโต กาตพฺโพติ. อถ วา วิกลเก โตเสตฺวาติ โย จีวรวิภาโค อูนโก, ตํ อฺเน ปริกฺขาเรน สมํ กตฺวา กุสปาโต กาตพฺโพติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘สเจ สพฺเพสํ ปฺจ ปฺจ วตฺถานี’’ติอาทินา.
๑๙๙. อิโต ปรํ เตสุ เตสุ วตฺถูสุ อาคตวเสน อฏฺกถายํ วุตฺเตสุ วินิจฺฉเยสุ สนฺเตสุปิ เตสํ วินิจฺฉยานํ อฏฺมาติกาวินิจฺฉยโต อวิมุตฺตตฺตา อฏฺมาติกาวินิจฺฉเยสฺเวว ปกฺขิปิตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘อิทานิ อฏฺิมา, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห. ยา ตา อฏฺ มาติกา ภควตา วุตฺตา, ตาสํ อฏฺนฺนํ มาติกานํ วเสน วินิจฺฉโย อิทานิ เวทิตพฺโพติ โยชนา. ปริกฺเขปารหฏฺาเนน ปริจฺฉินฺนาติ อิมินา อปริกฺขิตฺตสฺส วิหารสฺส ธุวสนฺนิปาตฏฺานาทิโต ปมเลฑฺฑุปาตสฺส ¶ อนฺโต อุปจารสีมาติ ทสฺเสติ. อิทานิ ทุติยเลฑฺฑุปาตสฺส อนฺโตปิ อุปจารสีมาเยวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ธุวสนฺนิปาตฏฺานมฺปิ ปริยนฺตคตเมว คเหตพฺพํ. ‘‘เอวํ สนฺเต ติโยชเน ิตา ลาภํ คณฺหิสฺสนฺตี’’ติอาทินา อิเม ลาภคฺคหณาทโย อุปจารสีมาวเสเนว โหติ, น อวิปฺปวาสสีมาวเสนาติ ทสฺเสติ, เตน จ อิมานิ ลาภคฺคหณาทีนิเยว อุปจารสีมายํ กตฺตพฺพานิ, น อปโลกนกมฺมาทีนิ จตฺตาริ กมฺมานิ, ตานิ ปน อวิปฺปวาสสีมาทีสุเยว กตฺตพฺพานีติ ปกาเสติ. ตถา หิ วุตฺตํ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๗๙) ‘‘ภิกฺขุนีนํ อารามปฺปเวสนเสนาสนปุจฺฉนาทิ ปริวาสมานตฺตาโรจนวสฺสจฺเฉทนิสฺสยเสนาสนคฺคาหาทิ วิธานนฺติ อิทํ สพฺพํ อิมิสฺสาเยว อุปจารสีมาย วเสน เวทิตพฺพ’’นฺติ.
ลาภตฺถาย ¶ ปิตา สีมา ลาภสีมา. โลเก คามสีมาทโย วิย ลาภสีมา นาม วิสุํ ปสิทฺธา นตฺถิ, เกนายํ อนฺุาตาติ อาห ‘‘เนว สมฺมาสมฺพุทฺเธนา’’ติอาทิ. เอเตน นายํ สาสนโวหารสิทฺธา, โลกโวหารสิทฺธา เอวาติ ทสฺเสติ. ชนปทปริจฺเฉโทติ อิทํ โลกปสิทฺธสีมาสทฺทตฺถวเสน วุตฺตํ, ปริจฺเฉทพฺภนฺตรมฺปิ สพฺพํ ชนปทสีมาติ คเหตพฺพํ. ชนปโท เอว ชนปทสีมา, เอวํ รฏฺสีมาทีสุปิ. เตนาห ‘‘อาณาปวตฺติฏฺาน’’นฺติอาทิ. ปถวีเวมชฺฌคตสฺสาติ ยาว อุทกปริยนฺตา ขณฺฑสีมตฺตา วุตฺตํ. อุปจารสีมาทีสุ ปน อพทฺธสีมาสุ เหฏฺาปถวิยํ สพฺพตฺถ ิตานํ น ปาปุณาติ, กูปาทิปเวสารหฏฺาเน ิตานฺเว ปาปุณาตีติ เหฏฺา สีมกถายํ วุตฺตนเยเนว ตํตํสีมฏฺภาโว เวทิตพฺโพ. จกฺกวาฬสีมาย ทินฺนํ ปถวีสนฺธารกอุทกฏฺาเนปิ ิตานํ ปาปุณาติ สพฺพตฺถ จกฺกวาฬโวหารตฺตาติ. สมานสํวาสอวิปฺปวาสสีมาสุ ทินฺนสฺส อิทํ นานตฺตํ – ‘‘อวิปฺปวาสสีมาย ทมฺมี’’ติ ทินฺนํ คามฏฺานํ น ปาปุณาติ. กสฺมา? ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจา’’ติ (มหาว. ๑๔๔) วุตฺตตฺตา. ‘‘สมานสํวาสกสีมายทมฺมี’’ติ ทินฺนํ ปน คาเม ิตานมฺปิ ปาปุณาตีติ.
๒๐๐-๑. พุทฺธาธิวุตฺโถติ พุทฺเธน ภควตา อธิวุตฺโถ. เอกสฺมินฺติ เอกสฺมึ วิหาเร. ปากวตฺตนฺติ นิพทฺธทานํ. วตฺตตีติ ปวตฺตติ. เตหิ วตฺตพฺพนฺติ เยสํ สมฺมุเข เอส เทติ, เตหิ ภิกฺขูหิ วตฺตพฺพํ.
๒๐๒. ทุติยภาเค ปน เถราสนํ อารุฬฺเหติ ยาว สงฺฆนวกํ เอกวารํ สพฺเพสํ ภาคํ ทตฺวา ¶ จีวเร อปริกฺขีเณ ปุน สพฺเพสํ ทาตุํ ทุติยภาเค เถรสฺส ทินฺเนติ อตฺโถ. ปุพฺเพ วุตฺตนเยนาติ ‘‘ตุยฺเหว ภิกฺขุ ตานิ จีวรานี’’ติ (มหาว. ๓๖๓) ภควตา ¶ วุตฺตนเยน. ปํสุกูลิกานมฺปิ วฏฺฏตีติ ‘‘ตุยฺหํ เทมา’’ติ อวตฺวา, ‘ภิกฺขูนํ เทม, เถรานํ เทมา’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘ปํสุกูลิกานมฺปิ วฏฺฏตี’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๗๙) วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๓๗๙) ปน ปํสุกูลิกานมฺปิ วฏฺฏตีติ เอตฺถ ‘‘ตุยฺหํ เทมา’’ติ อวุตฺตตฺตาติ การณํ วทนฺติ. ยทิ เอวํ ‘‘สงฺฆสฺส เทมา’’ติ วุตฺเตปิ วฏฺเฏยฺย, ‘‘ภิกฺขูนํ เทม, เถรานํ เทม, สงฺฆสฺส เทมา’’ติ วจนโต เภโท น ทิสฺสติ, วีมํสิตพฺพเมตฺถ การณนฺติ. ปารุปิตุํ วฏฺฏตีติ ปํสุกูลิกานํ วฏฺฏติ. สามิเกหิ วิจาริตเมวาติ อุปาหนตฺถวิกาทีนมตฺถาย วิจาริตเมว.
๒๐๓. อุปฑฺฒํ ทาตพฺพนฺติ ยํ อุภโตสงฺฆสฺส ทินฺนํ, ตโต อุปฑฺฒํ ภิกฺขูนํ อุปฑฺฒํ ภิกฺขุนีนํ ทาตพฺพํ. สเจปิ เอโก ภิกฺขุ โหติ, เอกา วา ภิกฺขุนี, อนฺตมโส อนุปสมฺปนฺนสฺสปิ อุปฑฺฒเมว ทาตพฺพํ. ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ภิกฺขุนีนฺจ ทมฺมี’’ติ วุตฺเต ปน น มชฺเฌ ภินฺทิตฺวา ทาตพฺพนฺติ เอตฺถ ยสฺมา ภิกฺขุนิปกฺเข สงฺฆสฺส ปจฺเจกํ อปรามฏฺตฺตา ภิกฺขุนีนํ คณนาย ภาโค ทาตพฺโพติ ทายกสฺส อธิปฺปาโยติ สิชฺฌติ, ตถา ทานฺจ ภิกฺขูปิ คเณตฺวา ทินฺเน เอว ยุชฺชติ. อิตรถา หิ ‘‘กิตฺตกํ ภิกฺขูนํ ทาตพฺพํ, กิตฺตกํ ภิกฺขุนีน’’นฺติ น วิฺายติ, ตสฺมา ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺสา’’ติ วุตฺตวจนมฺปิ ‘‘ภิกฺขูน’’นฺติ วุตฺตวจนสทิสเมวาติ อาห ‘‘ภิกฺขู จ ภิกฺขุนิโย จ คเณตฺวา ทาตพฺพ’’นฺติ. เตนาห ‘‘ปุคฺคโล…เป… ภิกฺขุสงฺฆคฺคหเณน คหิตตฺตา’’ติ. ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ภิกฺขุนีนฺจ ตุยฺหฺจา’’ติ วุตฺเต ปน ปุคฺคโล วิสุํ น ลภตีติ อิทํ อฏฺกถาปมาเณเนว คเหตพฺพํ, น เหตฺถ วิเสสการณํ อุปลพฺภติ. ตถา หิ ‘‘อุภโตสงฺฆสฺส จ ตุยฺหฺจ ทมฺมี’’ติ วุตฺเต สามฺวิเสสวจเนหิ สงฺคหิตตฺตา ยถา ปุคฺคโล วิสุํ ลภติ, เอวมิธาปิ ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ตุยฺหฺจา’’ติ ¶ สามฺวิเสสวจนสพฺภาวโต ภวิตพฺพเมว วิสุํ ปุคฺคลปฏิวีเสนาติ วิฺายติ, ตสฺมา อฏฺกถาวจนเมเวตฺถ ปมาณํ. ปาปุณนฏฺานโต เอกเมว ลภตีติ อตฺตโน วสฺสคฺเคน ปตฺตฏฺานโต เอกเมว โกฏฺาสํ ลภติ. ตตฺถ การณมาห ‘‘กสฺมา? ภิกฺขุสงฺฆคฺคหเณน คหิตตฺตา’’ติ, ภิกฺขุสงฺฆคฺคหเณเนว ปุคฺคลสฺสปิ คหิตตฺตาติ อธิปฺปาโยติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๗๙) วุตฺตํ.
วิมติวิโนทนิยํ ¶ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๓๗๙) ปน ภิกฺขุสงฺฆสทฺเทน ภิกฺขูนฺเว คหิตตฺตา, ปุคฺคลสฺส ปน ‘‘ตุยฺหฺจา’’ติ วิสุํ คหิตตฺตา จ ตตฺถสฺส อคฺคหิตตฺตา ทฏฺพฺพา, ‘‘ภิกฺขูนฺจ ภิกฺขุนีนฺจ ตุยฺหฺจา’’ติ วุตฺตฏฺานสทิสตฺตาติ อธิปฺปาโย. ปุคฺคลปฺปธาโน เหตฺถ สงฺฆ-สทฺโท ทฏฺพฺโพ. เกจิ ปน ‘‘ภิกฺขุสงฺฆคฺคหเณน คหิตตฺตา’’ติ ปาํ ลิขนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ ตสฺส วิสุํ ลาภคฺคหเณ การณวจนตฺตา. ตถา หิ ‘‘วิสุํ สงฺฆคฺคหเณน คหิตตฺตา’’ติ วิสุํ ปุคฺคลสฺสปิ ภาคคฺคหเณ การณํ วุตฺตํ. ยถา เจตฺถ ปุคฺคลสฺส อคฺคหณํ, เอวํ อุปริ ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ตุยฺหฺจา’’ติอาทีสุปิ วิสุํ สงฺฆาทิสทฺเทหิ ปุคฺคลสฺส อคฺคหณํ ทฏฺพฺพํ. ยทิ หิ คหณํ สิยา, สงฺฆโตปิ วิสุมฺปีติ ภาคทฺวยํ ลเภยฺย อุภยตฺถ คหิตตฺตาติ วุตฺตํ. ปูเชตพฺพนฺติอาทิ คิหิกมฺมํ น โหตีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ภิกฺขุสงฺฆสฺส หราติ อิทํ ปิณฺฑปาตหรณํ สนฺธาย วุตฺตํ. เตนาห ‘‘ภฺุชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส หรา’’ติ วุตฺเตปิ หริตพฺพนฺติ อีทิสํ คิหิเวยฺยาวจฺจํ น โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ.
๒๐๔. อนฺโตเหมนฺเตติ อิมินา อนตฺถเต กถิเน วสฺสานํ ปจฺฉิเม มาเส ทินฺนํ ปุริมวสฺสํวุตฺถานฺเว ปาปุณาติ, ตโต ปรํ เหมนฺเต ทินฺนํ ปจฺฉิมวสฺสํวุตฺถานมฺปิ วุตฺถวสฺสตฺตา ¶ ปาปุณาติ, เหมนฺตโต ปน ปรํ ปิฏฺิสมเย ‘‘วสฺสํวุตฺถสงฺฆสฺสา’’ติ เอวํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ทินฺนํ อนนฺตเร วสฺเส วา ตโต ปเรสุ วา ยตฺถ กตฺถจิ ตสฺมึ ภิกฺขุภาเว วุตฺถวสฺสานํ สพฺเพสํ ปาปุณาติ. เย ปน สพฺพถา อวุตฺถวสฺสา, เตสํ น ปาปุณาตีติ ทสฺเสติ. ลกฺขณฺู วทนฺตีติ วินยลกฺขณฺุโน อาจริยา วทนฺติ. ลกฺขณฺู วทนฺตีติ อิทํ สนฺนิฏฺานวจนํ, อฏฺกถาสุ อนาคตตฺตา ปน เอวํ วุตฺตํ. พหิอุปจารสีมายํ…เป… สพฺเพสํ ปาปุณาตีติ ยตฺถ กตฺถจิ วุตฺถวสฺสานํ สพฺเพสํ ปาปุณาตีติ อธิปฺปาโย. เตเนว มาติกาฏฺกถายมฺปิ (กงฺข. อฏฺ. อกาลจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘สเจ ปน พหิอุปจารสีมายํ ิโต ‘วสฺสํวุตฺถสงฺฆสฺส ทมฺมี’ติ วทติ, ยตฺถ กตฺถจิ วุตฺถวสฺสานํ สพฺเพสํ สมฺปตฺตานํ ปาปุณาตี’’ติ วุตฺตํ. คณฺิปเทสุ ปน ‘‘วสฺสาวาสสฺส อนนุรูเป ปเทเส ตฺวา วุตฺตตฺตา วสฺสํวุตฺถานฺจ อวุตฺถานฺจ สพฺเพสํ ปาปุณาตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ น คเหตพฺพํ. น หิ ‘‘วสฺสํวุตฺถสงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ วุตฺเต อวุตฺถวสฺสานํ ปาปุณาติ. สพฺเพสมฺปีติ ตสฺมึ ภิกฺขุภาเว วุตฺถวสฺสานํ สพฺเพสมฺปีติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ ‘‘วสฺสํวุตฺถสงฺฆสฺสา’’ติ วุตฺตตฺตา. สมฺมุขีภูตานํ สพฺเพสมฺปีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. เอวํ วทตีติ วสฺสํวุตฺถสงฺฆสฺส ทมฺมีติ วทติ. อตีตวสฺสนฺติ อนนฺตราตีตวสฺสํ.
๒๐๕. อิทานิ ¶ ‘‘อาทิสฺส เทตี’’ติ ปทํ วิภชนฺโต ‘‘อาทิสฺส เทตีติ เอตฺถา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ยาคุยา วา…เป… เภสชฺเช วา อาทิสิตฺวา ปริจฺฉินฺทิตฺวา เทนฺโต ทายโก อาทิสฺส เทติ นามาติ โยชนา. เสสํ ปากฏเมว.
๒๐๖. อิทานิ ‘‘ปุคฺคลสฺส เทตี’’ติ ปทํ วิภชนฺโต อาห ‘‘ปุคฺคลสฺส เทติ เอตฺถา’’ติอาทิ. สงฺฆโต จ คณโต จ วินิมุตฺตสฺส ¶ อตฺตโน กุลูปกาทิปุคฺคลสฺส เทนฺโต ทายโก ปุคฺคลสฺส เทติ นาม. ตํ ปน ปุคฺคลิกทานํ ปรมฺมุขา วา โหติ สมฺมุขา วา. ตตฺถ ปรมฺมุขา เทนฺโต ‘‘อิทํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส ทมฺมี’’ติ นามํ อุทฺธริตฺวา เทติ, สมฺมุขา เทนฺโต จ ภิกฺขุโน ปาทมูเล จีวรํ เปตฺวา ‘‘อิทํ, ภนฺเต, ตุมฺหากํ ทมฺมี’’ติ วตฺวา เทติ, ตทุภยถาปิ เทนฺโต ปุคฺคลสฺส เทติ นามาติ อตฺโถ. น เกวลํ เอกสฺเสว เทนฺโต ปุคฺคลสฺส เทติ นาม, อถ โข อนฺเตวาสิกาทีหิ สทฺธึ เทนฺโตปิ ปุคฺคลสฺส เทติ นามาติ ทสฺเสตุํ ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อุทฺเทสํ คเหตุํ อาคโตติ ตสฺส สนฺติเก อุทฺเทสํ อคฺคหิตปุพฺพสฺสปิ อุทฺเทสํ คณฺหิสฺสามีติ อาคตกาลโต ปฏฺาย อนฺเตวาสิกภาวูปคมนโต วุตฺตํ. คเหตฺวา คจฺฉนฺโตติ ปรินิฏฺิตอุทฺเทโส หุตฺวา คจฺฉนฺโต. วตฺตํ กตฺวา อุทฺเทสปริปุจฺฉาทีนิ คเหตฺวา วิจรนฺตานนฺติ อิทํ ‘‘อุทฺเทสนฺเตวาสิกาน’’นฺติ อิมสฺเสว วิเสสนํ. เตน อุทฺเทสกาเล อาคนฺตฺวา อุทฺเทสํ คเหตฺวา คนฺตฺวา อฺตฺถ นิวสนฺเต อนิพทฺธจาริเก นิวตฺเตติ.
เอวํ จีวรกฺขนฺธเก (มหาว. ๓๗๙) อาคตอฏฺมาติกาวเสน จีวรวิภชนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตสฺมึเยว จีวรกฺขนฺธเก มชฺเฌ อาคเตสุ วตฺถูสุ อาคตนยํ นิวตฺเตตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘สเจ โกจิ ภิกฺขู’’ติอาทิมาห. ตตฺถ กึ กาตพฺพนฺติ ปุจฺฉาย ตสฺเสว ตานิ จีวรานีติ วิสฺสชฺชนา, เสสานิ าปกาทิวเสน วุตฺตานิ. ปฺจ มาเสติ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํ. วฑฺฒึ ปโยเชตฺวา ปิตอุปนิกฺเขปโตติ วสฺสาวาสิกตฺถาย เวยฺยาวจฺจกเรหิ วฑฺฒึ ปโยเชตฺวา ปิตอุปนิกฺเขปโต. ตตฺรุปฺปาทโตติ นาฬิเกรารามาทิตตฺรุปฺปาทโต. อฏฺกถายํ ปน ‘‘อิทํ อิธ วสฺสํวุตฺถสงฺฆสฺส เทมาติ วา วสฺสาวาสิกํ เทมาติ วา วตฺวา ¶ ทินฺนํ ตํ อนตฺถตกถินสฺสปิ ปฺจ มาเส ปาปุณาตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ วสฺสาวาสิกลาภวเสน อุปฺปนฺเน ลพฺภมานวิเสสํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. ตตฺถ อิธาติ อภิลาปมตฺตเมเวตํ, อิธ-สทฺทํ วินา ‘‘วสฺสํวุตฺถสงฺฆสฺส เทมา’’ติ วุตฺเตปิ โส เอว นโย. อนตฺถตกถินสฺสปิ ปฺจ มาเส ปาปุณาตีติ วสฺสาวาสิกลาภวเสน อุปฺปนฺนตฺตา อนตฺถตกถินสฺสปิ วุตฺถวสฺสสฺส ปฺจ มาเส ปาปุณาติ, ตโต ปรํ ปน อุปฺปนฺนวสฺสาวาสิกํ ปุจฺฉิตพฺพํ ¶ ‘‘กึ อตีตวสฺเส อิทํ วสฺสาวาสิกํ, อุทาหุ อนาคตวสฺเส’’ติ. ตตฺถ ตโต ปรนฺติ ปฺจมาสโต ปรํ, คิมฺหานสฺส ปมทิวสโต ปฏฺายาติ อตฺโถ.
ิติกา ปน น ติฏฺตีติ เอตฺถ อฏฺิตาย ิติกาย ปุน อฺสฺมึ จีวเร อุปฺปนฺเน สเจ เอโก ภิกฺขุ อาคจฺฉติ, มชฺเฌ ฉินฺทิตฺวา ทฺวีหิปิ คเหตพฺพํ. ิตาย ปน ิติกาย ปุน อฺสฺมึ จีวเร อุปฺปนฺเน สเจ นวกตโร อาคจฺฉติ, ิติกา เหฏฺา คจฺฉติ. สเจ วุฑฺฒตโร อาคจฺฉติ, ิติกา อุทฺธํ อาโรหติ. อถ อฺโ นตฺถิ, ปุน อตฺตโน ปาเปตฺวา คเหตพฺพํ. ทุคฺคหิตานีติ อคฺคหิตานิ, สงฺฆิกาเนว โหนฺตีติ อตฺโถ. ‘‘ปาติเต กุเส’’ติ เอกโกฏฺาเส กุสทณฺฑเก ปาติตมตฺเต สเจปิ ภิกฺขุสหสฺสํ โหติ, คหิตเมว นาม จีวรํ. ‘‘นากามา ภาโค ทาตพฺโพ’’ติ อฏฺกถาวจนํ (มหาว. อฏฺ. ๓๖๓), ตตฺถ คหิตเมว นามาติ ‘‘อิมสฺส อิทํ ปตฺต’’นฺติ กิฺจาปิ น วิทิตํ, เต ปน ภาคา อตฺถโต เตสํ ปตฺตาเยวาติ อธิปฺปาโย.
สตฺตาหวาเรน อรุณเมว อุฏฺาเปตีติ อิทํ นานาสีมวิหาเรสุ กตฺตพฺพนเยน เอกสฺมิมฺปิ วิหาเร ทฺวีสุ เสนาสเนสุ นิวุตฺถภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, อรุณุฏฺาปเนเนว ตตฺถ วุตฺโถ โหติ, น ปน วสฺสจฺเฉทปริหาราย. อนฺโตอุปจารสีมาย ¶ หิ ยตฺถ กตฺถจิ อรุณํ อุฏฺาเปนฺโต อตฺตนา คหิตเสนาสนํ อปฺปวิฏฺโปิ วุตฺถวสฺโส เอว โหติ. คหิตเสนาสเน ปน นิวุตฺโถ นาม น โหติ, ตตฺถ อรุณุฏฺาปเน สติ โหติ. เตนาห ‘‘ปุริมสฺมึ พหุตรํ นิวสติ นามา’’ติ. เอเตน จ อิตรสฺมึ สตฺตาหวาเรนปิ อรุณุฏฺาปเน สติ เอว อปฺปตรํ นิวสติ นาม โหติ, นาสตีติ ทีปิตํ โหติ. อิทนฺติ เอกาธิปฺปายทานํ. นานาลาเภหีติอาทีสุ นานา วิสุํ วิสุํ ลาโภ เอเตสูติ นานาลาภา, ทฺเว วิหารา, เตหิ นานาลาเภหิ. นานา วิสุํ วิสุํ ปาการาทีหิ ปริจฺฉินฺโน อุปจาโร เอเตสนฺติ นานูปจารา, เตหิ นานูปจาเรหิ. เอกสีมวิหาเรหีติ เอกสีมายํ ทฺวีหิ วิหาเรหีติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๖๔) วุตฺตํ. นานาลาเภหีติ วิสุํ วิสุํ นิพทฺธวสฺสาวาสิกลาเภหิ. นานูปจาเรหีติ นานาปริกฺเขปนานาทฺวาเรหิ. เอกสีมวิหาเรหีติ ทฺวินฺนํ วิหารานํ เอเกน ปากาเรน ปริกฺขิตฺตตฺตา เอกาย อุปจารสีมาย อนฺโตคเตหิ ทฺวีหิ วิหาเรหีติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๓๖๔). เสนาสนคฺคาโห ปฏิปฺปสฺสมฺภตีติ ปมํ คหิโต ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. ตตฺถาติ ยตฺถ เสนาสนคฺคาโห ปฏิปฺปสฺสมฺภติ, ตตฺถ.
๒๐๗. ภิกฺขุสฺส ¶ กาลกเตติ เอตฺถ กาลกต-สทฺโท ภาวสาธโนติ อาห ‘‘กาลกิริยายา’’ติ. ปาฬิยํ คิลานุปฏฺากานํ จีวรทาเน สามเณรานํ ติจีวราธิฏฺานาภาวา ‘‘จีวรฺจ ปตฺตฺจา’’ติอาทิ สพฺพตฺถ วุตฺตํ.
๒๐๘. สเจปิ สหสฺสํ อคฺฆติ, คิลานุปฏฺากานฺเว ทาตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ. อฺนฺติ ติจีวรปตฺตโต อฺํ. อปฺปคฺฆนฺติ อติชิณฺณาทิภาเวน นิหีนํ. ตโตติ อวเสสปริกฺขารโต. สพฺพนฺติ ปตฺตํ จีวรฺจ. ตตฺถ ตตฺถ สงฺฆสฺเสวาติ ตสฺมึ ตสฺมึ ¶ วิหาเร สงฺฆสฺเสว. ภิกฺขุโน กาลกตฏฺานํ สนฺธาย ‘‘อิธา’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘ตตฺถา’’ติ วุตฺตตฺตา วิจฺฉาวจนตฺตา จ ปริกฺขารสฺส ปิตฏฺานํ วุตฺตนฺติ วิฺายติ. ปาฬิยํ อวิสฺสชฺชิกํ อเวภงฺคิกนฺติ อาคตานาคตสฺส จาตุทฺทิสสฺส สงฺฆสฺเสว สนฺตกํ หุตฺวา กสฺสจิ อวิสฺสชฺชิกํ อเวภงฺคิกฺจ ภวิตุํ อนุชานามีติ อตฺโถ. ‘‘สนฺเต ปติรูเป คาหเก’’ติ วุตฺตตฺตา คาหเก อสติ อทตฺวา ภาชิเตปิ สุภาชิตเมวาติ ทฏฺพฺพํ. ทกฺขิโณทกํ ปมาณนฺติ เอตฺถ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๗๖) ตาว ‘‘ยตฺถ ปน ทกฺขิโณทกํ ปมาณนฺติ ภิกฺขู ยสฺมึ รฏฺเ ทกฺขิโณทกปฏิคฺคหณมตฺเตนปิ เทยฺยธมฺมสฺส สามิโน โหนฺตีติ อธิปฺปาโย’’ติ วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๓๗๖) ปน ‘‘ทกฺขิโณทกํ ปมาณนฺติ เอตฺตกานิ จีวรานิ ทสฺสามีติ ปมํ อุทกํ ปาเตตฺวา ปจฺฉา เทนฺติ, ตํ เยหิ คหิตํ, เต ภาคิโนว โหนฺตีติ อธิปฺปาโย’’ติ วุตฺตํ. ปรสมุทฺเทติ ชมฺพุทีเป. ตมฺพปณฺณิทีปฺหิ อุปาทาเยส เอวํ วุตฺโต.
‘‘มตกจีวรํ อธิฏฺาตี’’ติ เอตฺถ มคฺคํ คจฺฉนฺโต ตสฺส กาลกิริยํ สุตฺวา อวิหารฏฺาเน เจ ทฺวาทสหตฺถพฺภนฺตเร อฺเสํ ภิกฺขูนํ อภาวํ ตฺวา ‘‘อิทํ จีวรํ มยฺหํ ปาปุณาตี’’ติ อธิฏฺาติ, สฺวาธิฏฺิตํ. เตน โข ปน สมเยน อฺตโร ภิกฺขุ พหุภณฺโฑ พหุปริกฺขาโร กาลกโต โหติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ, ‘‘ภิกฺขุสฺส, ภิกฺขเว, กาลกเต สงฺโฆ สามี ปตฺตจีวเร. อปิจ คิลานุปฏฺากา พหุปการา, อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติจีวรฺจ ปตฺตฺจ คิลานุปฏฺากานํ ทาตุํ. ยํ ตตฺถ ลหุภณฺฑํ ลหุปริกฺขารํ, ตํ สมฺมุขีภูเตน สงฺเฆน ภาเชตุํ. ยํ ตตฺถ ครุภณฺฑํ ครุปริกฺขารํ, ตํ อาคตานาคตสฺส จาตุทฺทิสสฺส ¶ สงฺฆสฺส อวิสฺสชฺชิกํ อเวภงฺคิก’’นฺติ (มหาว. ๓๖๙) อิมินา ปาเน ภควา สพฺพฺู ภิกฺขูนํ อามิสทายชฺชํ วิจาเรสิ.
ตตฺถ ¶ ติจีวรปตฺตอวเสสลหุภณฺฑครุภณฺฑวเสน อามิสทายชฺชํ ติวิธํ โหติ. เตสุ ติจีวรปตฺตํ คิลานุปฏฺากสฺส ภาโค โหติ, อวเสสลหุภณฺฑํ สมฺมุขีภูตสงฺฆสฺส, ปฺจวีสติวิธ ครุภณฺฑํ จาตุทฺทิสสงฺฆสฺส. อิมินา อิโต ติวิธภณฺฑโต อฺํ ภิกฺขุภณฺฑํ นาม นตฺถิ, อิเมหิ ติวิเธหิ ปุคฺคเลหิ อฺโ ทายาโท นาม นตฺถีติ ทสฺเสติ. อิทานิ ปน วินยธรา ‘‘ภิกฺขูนํ อกปฺปิยภณฺฑํ คิหิภูตา าตกา ลภนฺตี’’ติ วทนฺติ, ตํ กสฺมาติ เจ? ‘‘เย ตสฺส ธเน อิสฺสรา คหฏฺา วา ปพฺพชิตา วา, เตสํ ทาตพฺพ’’นฺติ อฏฺกถายํ อาคตตฺตาติ. สจฺจํ อาคโต, โส ปน ปาโ วิสฺสาสคฺคาหวิสเย อาคโต, น ทายชฺชคหณฏฺาเน. ‘‘คหฏฺา วา ปพฺพชิตา วา’’อิจฺเจว อาคโต, น ‘‘าตกา อฺาตกา วา’’ติ, ตสฺมา าตกา วา โหนฺตุ อฺาตกา วา, เย ตํ คิลานํ อุปฏฺหนฺติ, เต คิลานุปฏฺากภาคภูตสฺส ธนสฺส อิสฺสรา คหฏฺปพฺพชิตา, อนฺตมโส มาตุคามาปิ. เต สนฺธาย ‘‘เตสํ ทาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, น ปน เย คิลานํ นุปฏฺหนฺติ, เต สนฺธาย. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๖๙) ‘‘คิลานุปฏฺาโก นาม คิหี วา โหตุ ปพฺพชิโต วา, อนฺตมโส มาตุคาโมปิ, สพฺเพ ภาคํ ลภนฺตี’’ติ.
อถ วา โย ภิกฺขุ อตฺตโน ชีวมานกาเลเยว สพฺพํ อตฺตโน ปริกฺขารํ นิสฺสชฺชิตฺวา กสฺสจิ าตกสฺส วา อฺาตกสฺส วา คหฏฺสฺส วา ปพฺพชิตสฺส วา อทาสิ, โกจิ จ าตโก วา อฺาตโก วา คหฏฺโ วา ปพฺพชิโต วา วิสฺสาสํ อคฺคเหสิ, ตาทิเส สนฺธาย ‘‘เย ตสฺส ธนสฺส อิสฺสรา คหฏฺา วา ปพฺพชิตา วา, เตสํ ทาตพฺพ’’นฺติ ¶ วุตฺตํ, น ปน อตาทิเส าตเก. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๖๙) ‘‘สเจ ปน โส ชีวมาโนเยว สพฺพํ อตฺตโน ปริกฺขารํ นิสฺสชฺชิตฺวา กสฺสจิ อทาสิ, โกจิ วา วิสฺสาสํ อคฺคเหสิ, ยสฺส ทินฺนํ, เยน จ คหิตํ, ตสฺเสว โหติ, ตสฺส รุจิยา เอว คิลานุปฏฺากา ลภนฺตี’’ติ. เอวํ โหตุ, กปฺปิยภณฺเฑ ปน กถนฺติ? ตมฺปิ ‘‘คิหิาตกานํ ทาตพฺพ’’นฺติ ปาฬิยํ วา อฏฺกถายํ วา ฏีกาสุ วา นตฺถิ, ตสฺมา วิจาเรตพฺพเมตํ.
จีวรภาชนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปิณฺฑปาตภาชนกถาวณฺณนา
๒๐๙. อิทานิ ¶ ปิณฺฑปาตภาชนวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘ปิณฺฑปาตภาชเน ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เสนาสนกฺขนฺธเก เสนาสนภาชเนเยว ปมํ อาคเตปิ จตุปจฺจยภาชนวินิจฺฉยตฺตา ปจฺจยานุกฺกเมน ปิณฺฑปาตภาชนํ ปมํ ทสฺเสติ. ปิณฺฑปาตภาชเน ปน สงฺฆภตฺตาทีสุ อยํ วินิจฺฉโยติ สมฺพนฺโธ. กถํ เอตานิ สงฺฆภตฺตาทีนิ ภควตา อนฺุาตานีติ อาห ‘‘อนุชานามิ…เป… อนฺุาเตสู’’ติ. สงฺฆสฺส อตฺถาย อาภตํ ภตฺตํ สงฺฆภตฺตํ ยถา ‘‘อาคนฺตุกสฺส อาภตํ ภตฺตํ อาคนฺตุกภตฺต’’นฺติ. สงฺฆโต อุทฺทิสฺส อุทฺทิสิตฺวา ทาตพฺพํ ภตฺตํ อุทฺเทสภตฺตํ. นิมนฺเตตฺวา ทาตพฺพํ ภตฺตํ นิมนฺตนภตฺตํ. สลากํ ปาเตตฺวา คาเหตพฺพํ ภตฺตํ สลากภตฺตํ. ปกฺเข ปกฺขทิวเส ทาตพฺพํ ภตฺตํ ปกฺขภตฺตํ. อุโปสเถ อุโปสถทิวเส ทาตพฺพํ ภตฺตํ อุโปสถภตฺตํ. ปาฏิปเท อุโปสถทิวสโต ทุติยทิวเส ทาตพฺพํ ภตฺตํ ปาฏิปทภตฺตนฺติ วิคฺคโห. ิติกา นาม นตฺถีติ สงฺฆตฺเถรโต ปฏฺาย วสฺสคฺเคน คาหณํ ิติกา นาม.
อตฺตโน ¶ วิหารทฺวาเรติ วิหารสฺส ทฺวารโกฏฺกสมีปํ สนฺธาย วุตฺตํ. โภชนสาลายาติ ภตฺตุทฺเทสฏฺานภูตาย โภชนสาลายํ. วสฺสคฺเคนาติ วสฺสโกฏฺาเสน. ทินฺนํ ปนาติ วตฺวา ยถา โส ทายโก วทติ, ตํ วิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘สงฺฆโต ภนฺเต’’ติอาทิมาห. อนฺตรฆเรติ อนฺโตเคเห. อนฺโตอุปจารคตานนฺติ เอตฺถ คามทฺวารวีถิจตุกฺเกสุ ทฺวาทสหตฺถพฺภนฺตรํ อุปจาโร นาม.
อนฺตรฆรสฺส อุปจาเร ปน ลพฺภมานวิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘ฆรูปจาโร เจตฺถา’’ติอาทิมาห. เอกวฬฺชนฺติ เอเกน ทฺวาเรน วฬฺชิตพฺพํ. นานานิเวสเนสูติ นานากุลสฺส นานูปจาเรสุ นิเวสเนสุ. ลชฺชี เปสโล อคติคมนํ วชฺเชตฺวา เมธาวี จ อุปปริกฺขิตฺวา อุทฺทิสตีติ อาห ‘‘เปสโล ลชฺชี เมธาวี อิจฺฉิตพฺโพ’’ติ. นิสินฺนสฺสปิ นิทฺทายนฺตสฺสปีติ อนาทเร สามิวจนํ, วุฑฺฒตเร นิทฺทายนฺเต นวกสฺส คาหิตํ สุคฺคาหิตนฺติ อตฺโถ. ติจีวรปริวารํ วาติ เอตฺถ ‘‘อุทกมตฺตลาภี วิย อฺโปิ อุทฺเทสภตฺตํ อลภิตฺวา วตฺถาทิอเนกปฺปการกํ ลภติ เจ, ตสฺเสว ต’’นฺติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. อตฺตโน รุจิวเสน ยํ กิฺจิ วตฺวา อาหริตุํ วิสฺสชฺชิตตฺตา วิสฺสฏฺทูโต นาม. ยํ อิจฺฉตีติ ‘‘อุทฺเทสภตฺตํ เทถา’’ติอาทีนิ วทนฺโต ยํ อิจฺฉติ. ปุจฺฉาสภาเคนาติ ปุจฺฉาสทิเสน.
‘‘เอกา ¶ กูฏฏฺิติกา นาม โหตี’’ติ วตฺวา ตเมว ิติกํ วิภาเวนฺโต ‘‘รฺโ วา หี’’ติอาทิมาห. อฺเหิ อุทฺเทสภตฺตาทีหิ อมิสฺเสตฺวา วิสุํเยว ิติกาย คเหตพฺพตฺตา ‘‘เอกจาริกภตฺตานี’’ติ วุตฺตํ. เถยฺยาย หรนฺตีติ ปตฺตหารกา หรนฺติ. คีวา โหตีติ อาณาปกสฺส คีวา โหติ. สพฺพํ ปตฺตสฺสามิกสฺส โหตีติ จีวราทิกมฺปิ สพฺพํ ปตฺตสฺสามิกสฺเสว โหติ, ‘‘มยา ¶ ภตฺตเมว สนฺธาย วุตฺตํ, น จีวราทิ’’นฺติ วตฺวา คเหตุํ วฏฺฏตีติ อตฺโถ. มนุสฺสานํ วจนํ กาตุํ วฏฺฏตีติ วุตฺตา คจฺฉนฺตีติ มนุสฺสานํ วจนํ กาตุํ วฏฺฏตีติ เตน ภิกฺขุนา วุตฺตา คจฺฉนฺติ. อกตภาโค นามาติ อาคนฺตุกภาโค นาม, อทินฺนปุพฺพภาโคติ อตฺโถ. สพฺโพ สงฺโฆ ปริภฺูชตูติ วุตฺเตติ เอตฺถ ‘‘ปมเมว ‘สพฺพสงฺฆิกภตฺตํ เทถา’ติ วตฺวา ปจฺฉา ‘สพฺโพ สงฺโฆ ปริภฺุชตู’ติ อวุตฺเตปิ ภาเชตฺวา ปริภฺุชิตพฺพ’’นฺติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. กึ อาหรียตีติ อวตฺวาติ ‘‘กตรภตฺตํ ตยา อาหรียตี’’ติ ทายกํ อปุจฺฉิตฺวา. ปกติิติกายาติ อุทฺเทสภตฺติติกาย.
ปิณฺฑปาตภาชนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิมนฺตนภตฺตกถาวณฺณนา
๒๑๐. ‘‘เอตฺตเก ภิกฺขู สงฺฆโต อุทฺทิสิตฺวา เทถา’’ติอาทีนิ อวตฺวา ‘‘เอตฺตกานํ ภิกฺขูนํ ภตฺตํ เทถา’’ติ วตฺวา ทินฺนํ สงฺฆิกํ นิมนฺตนํ นาม. ปิณฺฑปาติกานมฺปิ วฏฺฏตีติ ภิกฺขาปริยาเยน วุตฺตตฺตา วฏฺฏติ. ปฏิปาฏิยาติ ลทฺธปฏิปาฏิยา. วิจฺฉินฺทิตฺวาติ ‘‘ภตฺตํ คณฺหถา’’ติ ปทํ อวตฺวา. เตเนวาห ‘‘ภตฺตนฺติ อวทนฺเตนา’’ติ. อาโลปสงฺเขเปนาติ เอเกกปิณฺฑวเสน. อยฺจ นโย นิมนฺตเนเยว, น อุทฺเทสภตฺเต. ตสฺส หิ เอกสฺส ปโหนกปฺปมาณํเยว ภาเชตพฺพํ, ตสฺมา อุทฺเทสภตฺเต อาโลปฏฺิติกา นาม นตฺถิ.
อารุฬฺหาเยว มาติกํ. สงฺฆโต อฏฺ ภิกฺขูติ เอตฺถ เย มาติกํ อารุฬฺหา, เต อฏฺ ภิกฺขูติ โยเชตพฺพํ. อุทฺเทสภตฺตนิมนฺตนภตฺตาทิสงฺฆิกภตฺตมาติกาสุ นิมนฺตนภตฺตมาติกาย ิติกาวเสน อารุฬฺเห ภตฺตุทฺเทสเกน วา สยํ วา สงฺฆโต อุทฺทิสาเปตฺวา คเหตฺวา คนฺตพฺพํ, น อตฺตนา ¶ รุจิเต คเหตฺวาติ อธิปฺปาโย. มาติกํ อาโรเปตฺวาติ ‘‘สงฺฆโต คณฺหามี’’ติอาทินา วุตฺตมาติกาเภทํ ทายกสฺส วิฺาเปตฺวาติ อตฺโถ. ‘‘เอกวารนฺติ ยาว ตสฺมึ อาวาเส วสนฺติ ภิกฺขู ¶ , สพฺเพ ลภนฺตี’’ติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย – เอกวารนฺติ น เอกทิวสํ สนฺธาย วุตฺตํ, ยตฺตกา ปน ภิกฺขู ตสฺมึ อาวาเส วสนฺติ, เต สพฺเพ. เอกสฺมึ ทิวเส คหิตภิกฺขู อฺทา อคฺคเหตฺวา ยาว เอกวารํ สพฺเพ ภิกฺขู โภชิตา โหนฺตีติ ชานาติ เจ, เย ชานนฺติ, เต คเหตฺวา คนฺตพฺพนฺติ. ปฏิพทฺธกาลโต ปฏฺายาติ ตตฺเถว วาสสฺส นิพทฺธกาลโต ปฏฺาย.
นิมนฺตนภตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
สลากภตฺตกถาวณฺณนา
๒๑๑. อุปนิพนฺธิตฺวาติ ลิขิตฺวา. คามวเสนปีติ เยภุยฺเยน สมลาภคามวเสนปิ. พหูนิ สลากภตฺตานีติ ตึสํ วา จตฺตารีสํ วา ภตฺตานิ. สเจ โหนฺตีติ อชฺฌาหริตฺวา โยเชตพฺพํ. สลฺลกฺเขตฺวาติ ตานิ ภตฺตานิ ปมาณวเสน สลฺลกฺเขตฺวา. นิคฺคเหน ทตฺวาติ ทูรํ คนฺตุํ อนิจฺฉนฺตสฺส นิคฺคเหน สมฺปฏิจฺฉาเปตฺวา. ปุน วิหารํ อาคนฺตฺวาติ เอตฺถ วิหารํ อนาคนฺตฺวา ภตฺตํ คเหตฺวา ปจฺฉา วิหาเร อตฺตโน ปาเปตฺวา ภฺุชิตุมฺปิ วฏฺฏติ. เอกเคหวเสนาติ วีถิยมฺปิ เอกปสฺเส ฆรปาฬิยา วเสน. อุทฺทิสิตฺวาปีติ ‘‘อสุกกุเล สลากภตฺตานิ ตุยฺหํ ปาปุณนฺตี’’ติ วตฺวา.
๒๑๒. วารคาเมติ อติทูรตฺตา วาเรน คนฺตพฺพคาเม. สฏฺิโต วา ปณฺณาสโต วาติ ทณฺฑกมฺมตฺถาย อุทกฆฏํ สนฺธาย วุตฺตํ. วิหารวาโรติ สพฺพภิกฺขูสุ ภิกฺขาย ¶ คเตสุ วิหารรกฺขณวาโร. เนสนฺติ วิหารวาริกานํ. ผาติกมฺมเมวาติ วิหารรกฺขณกิจฺจสฺส ปโหนกปฏิปาทนเมว. ทูรตฺตา นิคฺคเหตฺวาปิ วาเรน คเหตพฺโพ คาโม วารคาโม. วิหารวาเร นิยุตฺตา วิหารวาริกา, วาเรน วิหารรกฺขณกา. อฺถตฺตนฺติ ปสาทฺถตฺตํ. ผาติกมฺมเมว ภวนฺตีติ วิหารรกฺขณตฺถาย สงฺเฆน ทาตพฺพา อติเรกลาภา โหนฺติ. เอกสฺเสว ปาปุณนฺตีติ ทิวเส ทิวเส เอเกกสฺเสว ปาปิตานีติ อตฺโถ. สงฺฆนวเกน ลทฺธกาเลติ ทิวเส ทิวเส เอเกกสฺส ปาปิตานิ ทฺเว ตีณิ เอกจาริกภตฺตานิ เตเนว นิยาเมน อตฺตโน ปาปุณนฏฺาเน สงฺฆนวเกน ลทฺธกาเล.
ยสฺส ¶ กสฺสจิ สมฺมุขีภูตสฺส ปาเปตฺวาติ เอตฺถ ‘‘เยภุยฺเยน เจ ภิกฺขู พหิสีมคตา โหนฺติ, สมฺมุขีภูตสฺส ยสฺส กสฺสจิ ปาเปตพฺพํ สภาคตฺตา เอเกน ลทฺธํ สพฺเพสํ โหติ, ตสฺมิมฺปิ อสติ อตฺตโน ปาเปตฺวา ทาตพฺพ’’นฺติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. รสสลากนฺติ อุจฺฉุรสสลากํ. สลากวเสน ปน คาหิตตฺตา น สาทิตพฺพาติ อิทํ อสารุปฺปวเสน วุตฺตํ, น ธุตงฺคเภทวเสน. ‘‘สงฺฆโต นิรามิสสลากา…เป… วฏฺฏติเยวา’’ติ หิ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๒๖) วุตฺตํ. สารตฺถทีปนิยมฺปิ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๓๒๕) – สงฺฆโต นิรามิสสลากาปิ วิหาเร ปกฺกภตฺตมฺปิ วฏฺฏติเยวาติ สาธารณํ กตฺวา วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๒๖) วุตฺตตฺตา, ‘‘เอวํ คาหิเต สาทิตพฺพํ, เอวํ น สาทิตพฺพ’’นฺติ วิเสเสตฺวา อวุตฺตตฺตา จ ‘‘เภสชฺชาทิสลากาโย เจตฺถ กิฺจาปิ ปิณฺฑปาติกานมฺปิ วฏฺฏนฺติ, สลากวเสน ปน คาหิตตฺตา น สาทิตพฺพา’’ติ เอตฺถ อธิปฺปาโย วีมํสิตพฺโพ. ยทิ หิ เภสชฺชาทิสลากา สลากวเสน คาหิตา น สาทิตพฺพา สิยา, ‘‘สงฺฆโต นิรามิสสลากา วฏฺฏติเยวา’’ติ ¶ น วเทยฺย, ‘‘อติเรกลาโภ สงฺฆภตฺตํ อุทฺเทสภตฺต’’นฺติอาทิวจนโต (มหาว. ๑๒๘) จ ‘‘อติเรกลาภํ ปฏิกฺขิปามี’’ติ สลากวเสน คาเหตพฺพํ ภตฺตเมว ปฏิกฺขิตฺตํ, น เภสชฺชํ. สงฺฆภตฺตาทีนิ หิ จุทฺทส ภตฺตานิเยว เตน น สาทิตพฺพานีติ วุตฺตานิ. ขนฺธกภาณกานํ วา มเตน อิธ เอวํ วุตฺตนฺติ คเหตพฺพนฺติ วุตฺตํ. อคฺคโต ทาตพฺพา ภิกฺขา อคฺคภิกฺขา. อคฺคภิกฺขามตฺตนฺติ เอกกฏจฺฉุภิกฺขามตฺตํ. ลทฺธา วา อลทฺธา วา สฺเวปิ คณฺเหยฺยาสีติ ลทฺเธปิ อปฺปมตฺตตาย วุตฺตํ. เตนาห ‘‘ยาวทตฺถํ ลภติ…เป… อลภิตฺวา สฺเว คณฺเหยฺยาสีติ วตฺตพฺโพ’’ติ. อคฺคภิกฺขมตฺตนฺติ หิ เอตฺถ มตฺต-สทฺโท พหุภาวํ นิวตฺเตติ.
สลากภตฺตํ นาม วิหาเรเยว อุทฺทิสียติ วิหารเมว สนฺธาย ทียมานตฺตาติ อาห ‘‘วิหาเร อปาปิตํ ปนา’’ติอาทิ. ตตฺร อาสนสาลายาติ ตสฺมึ คาเม อาสนสาลาย. วิหารํ อาเนตฺวา คาเหตพฺพนฺติ ตถา วตฺวา ตสฺมึ ทิวเส ทินฺนภตฺตํ วิหารเมว อาเนตฺวา ิติกาย คาเหตพฺพํ. ตตฺถาติ ตสฺมึ ทิสาภาเค. ตํ คเหตฺวาติ ตํ วารคามสลากํ อตฺตนา คเหตฺวา. เตนาติ โย อตฺตโน ปตฺตวารคาเม สลากํ ทิสาคมิกสฺส อทาสิ, เตน. อนติกฺกมนฺเตเยว ตสฺมึ ตสฺส สลากา คาเหตพฺพาติ ยสฺมา อุปจารสีมฏฺสฺเสว สลากา ปาปุณาติ, ตสฺมา ตสฺมึ ทิสํคมิเก อุปจารสีมํ อนติกฺกนฺเตเยว ตสฺส ทิสํคมิกสฺส ปตฺตสลากา อตฺตโน ปาเปตฺวา คาเหตพฺพา.
เทวสิกํ ¶ ปาเปตพฺพาติ อุปจารสีมายํ ิตสฺส ยสฺส กสฺสจิ วสฺสคฺเคน ปาเปตพฺพา. เอวํ เอเตสุ อนาคเตสุ อาสนฺนวิหาเร ภิกฺขูนํ ภฺุชิตุํ วฏฺฏติ, อิตรถา สงฺฆิกํ โหติ. อนาคตทิวเสติ เอตฺถ กถํ เตสํ ภิกฺขูนํ อาคตานาคตภาโว ¶ วิฺายตีติ เจ? ยสฺมา ตโต ตโต อาคตา ภิกฺขู ตสฺมึ คาเม อาสนสาลาย สนฺนิปตนฺติ, ตสฺมา เตสํ อาคตานาคตภาโว สกฺกา วิฺาตุํ. อมฺหากํ โคจรคาเมติ สลากภตฺตทายกานํ คาเม. ภฺุชิตุํ อาคจฺฉนฺตีติ ‘‘มหาเถโร เอกโกว วิหาเร โอหีโน อวสฺสํ สพฺพสลากา อตฺตโน ปาเปตฺวา ิโต’’ติ มฺมานา อาคจฺฉนฺติ.
สลากภตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปกฺขิกภตฺตาทิกถาวณฺณนา
๒๑๓. อภิลกฺขิเตสุ จตูสุ ปกฺขทิวเสสุ ทาตพฺพํ ภตฺตํ ปกฺขิกํ. อภิลกฺขิเตสูติ เอตฺถ อภีติ อุปสารมตฺตํ, ลกฺขณิเยสุอิจฺเจวตฺโถ, อุโปสถสมาทานธมฺมสฺสวนปูชาสกฺการาทิกรณตฺถํ ลกฺขิตพฺเพสุ สลฺลกฺเขตพฺเพสุ อุปลกฺเขตพฺเพสูติ วุตฺตํ โหติ. สฺเว ปกฺโขติ อชฺชปกฺขิกํ น คาเหตพฺพนฺติ อฏฺมิยา ภฺุชิตพฺพํ, สตฺตมิยา ภฺุชนตฺถาย น คาเหตพฺพํ, ทายเกหิ นิยมิตทิวเสเนว คาเหตพฺพนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิ. สฺเว ลูขนฺติ อชฺช อาวาหมงฺคลาทิกรณโต อติปณีตํ โภชนํ กรียติ, สฺเว ตถา น ภวิสฺสติ, อชฺเชว ภิกฺขู โภเชสฺสามาติ อธิปฺปาโย. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๓๒๕) ปน อฺถา วุตฺตํ. ปกฺขิกภตฺตโต อุโปสถิกภตฺตสฺส เภทํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อุโปสถงฺคานิ สมาทิยิตฺวา’’ติอาทิ. อุโปสเถ ทาตพฺพํ ภตฺตํ อุโปสถิกํ.
ปกฺขิกภตฺตาทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อาคนฺตุกภตฺตาทิกถาวณฺณนา
๒๑๔. นิพนฺธาปิตนฺติ ¶ ‘‘อสุกวิหาเร อาคนฺตุกา ภฺุชนฺตู’’ติ นิยมิตํ. คมิโก อาคนฺตุกภตฺตมฺปีติ คามนฺตรโต อาคนฺตฺวา อวูปสนฺเตน คมิกจิตฺเตน วสิตฺวา ปุน อฺตฺถ คจฺฉนฺตํ ¶ สนฺธาย วุตฺตํ, อาวาสิกสฺส ปน คนฺตุกามสฺส คมิกภตฺตเมว ลพฺภติ. ‘‘เลสํ โอฑฺเฑตฺวา’’ติ วุตฺตตฺตา เลสาภาเวน ยาว คมนปริพนฺโธ วิคจฺฉติ, ตาว ภฺุชิตุํ วฏฺฏตีติ าปิตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
ธุรภตฺตาทิกถาวณฺณนา
๒๑๕. ตณฺฑุลาทีนิ เปเสนฺติ…เป… วฏฺฏตีติ อภิหฏภิกฺขตฺตา วฏฺฏติ.
๒๑๖. ตถา ปฏิคฺคหิตตฺตาติ ภิกฺขานาเมน ปฏิคฺคหิตตฺตา. ปตฺตํ ปูเรตฺวา ถเกตฺวา ทินฺนนฺติ ‘‘คุฬกภตฺตํ เทมา’’ติ ทินฺนํ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
ปิณฺฑปาตภาชนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
คิลานปจฺจยภาชนกถาวณฺณนา
๒๑๗. อิโต ปรํ ปจฺจยานุกฺกเมน เสนาสนภาชนกถาย วตฺตพฺพายปิ ตสฺสา มหาวิสยตฺตา, คิลานปจฺจยภาชนียกถาย ปน อปฺปวิสยตฺตา, ปิณฺฑปาตภาชนียกถาย อนุโลมตฺตา จ ตทนนฺตรํ ตํ ทสฺเสตุมาห ‘‘คิลานปจฺจยภาชนียํ ปนา’’ติอาทิ. ตตฺถ ราชราชมหามตฺตาติ อุปลกฺขณมตฺตเมเวตํ. พฺราหฺมณมหาสาลคหปติมหาสาลาทโยปิ เอวํ กโรนฺติเยว. ฆณฺฏึ ปหริตฺวาติอาทิ เหฏฺา วุตฺตนยตฺตา จ ปากฏตฺตา ¶ จ สุวิฺเยฺยเมว. อุปจารสีมํ…เป… ภาเชตพฺพนฺติ อิทํ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ทินฺนตฺตา วุตฺตํ. กุมฺภํ ปน อาวชฺเชตฺวาติ กุมฺภํ ทิสามุขํ กตฺวา. สเจ ถินํ สปฺปิ โหตีติ กกฺขฬํ สปฺปิ โหติ. โถกํ โถกมฺปิ ปาเปตุํ วฏฺฏตีติ เอวํ กเต ิติกาปิ ติฏฺติ. สิงฺคิเวรมริจาทิเภสชฺชมฺปิ อวเสสปตฺตถาลกาทิสมณปริกฺขาโรปีติ อิมินา น เกวลํ เภสชฺชเมว คิลานปจฺจโย โหติ, อถ โข อวเสสปริกฺขาโรปิ คิลานปจฺจเย อนฺโตคโธเยวาติ ทสฺเสติ.
คิลานปจฺจยภาชนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
เสนาสนคฺคาหกถาวณฺณนา
๒๑๘. เสนาสนภาชนกถายํ ¶ เสนาสนคฺคาเห วินิจฺฉโยติ เสนาสนภาชนเมวาห. ตตฺถ อุตุกาเล เสนาสนคฺคาโห จ วสฺสาวาเส เสนาสนคฺคาโห จาติ กาลวเสน เสนาสนคฺคาโห นาม ทุวิโธ โหตีติ โยชนา. ตตฺถ อุตุกาเลติ เหมนฺตคิมฺหานอุตุกาเล. วสฺสาวาเสติ วสฺสานกาเล. ภิกฺขุํ อุฏฺาเปตฺวา เสนาสนํ ทาตพฺพํ, อกาโล นาม นตฺถิ ทายเกหิ ‘‘อาคตานาคตสฺส จาตุทฺทิสสฺส สงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ ทินฺนสงฺฆิกเสนาสนตฺตา. เอเกกํ ปริเวณนฺติ เอเกกสฺส ภิกฺขุสฺส เอเกกํ ปริเวณํ. ตตฺถาติ ตสฺมึ ลทฺธปริเวเณ. ทีฆสาลาติ จงฺกมนสาลา. มณฺฑลมาโฬติ อุปฏฺานสาลา. อนุทหตีติ ปีเฬติ. อทาตุํ น ลภตีติ อิมินา สฺจิจฺจ อเทนฺตสฺส ปฏิพาหเน ปวิสนโต ทุกฺกฏนฺติ ทีเปติ. ชมฺพุทีเป ปนาติ อริยเทเส ภิกฺขู สนฺธาย วุตฺตํ. เต กิร ตถา ปฺาเปนฺติ.
๒๑๙. น ¶ โคจรคาโม ฆฏฺเฏตพฺโพติ วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวติ ‘‘น ตตฺถ มนุสฺสา วตฺตพฺพา’’ติอาทินา. วิตกฺกํ ฉินฺทิตฺวาติ ‘‘อิมินา นีหาเรน คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา นิวาเรตฺวา ปจฺจเย ทสฺสนฺตี’’ติ เอวรูปํ วิตกฺกํ อนุปฺปาเทตฺวา. เตสุ เจ เอโกติ เตสุ มนุสฺเสสุ เอโก ปณฺฑิตปุริโส. ภณฺฑปฏิจฺฉาทนนฺติ ปฏิจฺฉาทนภณฺฑํ, สรีรปฏิจฺฉาทนํ จีวรนฺติ อตฺโถ. สุทฺธจิตฺตตฺตาว อนวชฺชนฺติ อิทํ ปุจฺฉิตกฺขเณ การณาจิกฺขณํ สนฺธาย วุตฺตํ น โหติ อสุทฺธจิตฺตสฺสปิ ปุจฺฉิตปฺหวิสฺสชฺชเน โทสาภาวา. เอวํ ปน คเต มํ ปุจฺฉิสฺสนฺตีติ สฺาย อคมนํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
ปฏิชคฺคิตพฺพานีติ ขณฺฑผุลฺลาภิสงฺขรณสมฺมชฺชนาทีหิ ปฏิชคฺคิตพฺพานิ. มุณฺฑเวทิกายาติ เจติยสฺส หมฺมิยเวทิกาย ฆฏาการสฺส อุปริ จตุรสฺสเวทิกาย. กตฺถ ปุจฺฉิตพฺพนฺติ ปุจฺฉาย ยโต ปกติยา ลพฺภติ, ตตฺถ ปุจฺฉิตพฺพนฺติ วิสฺสชฺชนา. กสฺมา ปุจฺฉิตพฺพนฺติอาทิ ยโต ปกติยา ลพฺภติ, ตตฺถาปิ ปุจฺฉนสฺส การณสนฺทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ปฏิกฺกมฺมาติ วิหารโต อปสกฺกิตฺวา. ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โยชนทฺวิโยชนนฺตเร โหตี’’ติ อาห. อุปนิกฺเขปนฺติ เขตฺตํ วา นาฬิเกราทิอารามํ วา กหาปณาทีนิ วา อารามิกานํ นิยฺยาเตตฺวา ‘‘อิโต อุปฺปนฺนา วฑฺฒิ วสฺสาวาสิกตฺถาย โหตู’’ติ ทินฺนํ. วตฺตํ กตฺวาติ ตสฺมึ เสนาสเน ¶ กตฺตพฺพวตฺตํ กตฺวา. อิติ สทฺธาเทยฺเยติ เอวํ เหฏฺา วุตฺตนเยน สทฺธาย ทาตพฺเพ วสฺสาวาสิกลาภวิสเยติ อตฺโถ.
วตฺถุ ปนาติ ตตฺรุปฺปาเท อุปฺปนฺนรูปิยํ, ตฺจ ‘‘ตโต จตุปจฺจยํ ปริภฺุชถา’’ติ ทินฺนเขตฺตาทิโต อุปฺปนฺนตฺตา กปฺปิยการกานํ หตฺเถ ‘‘กปฺปิยภณฺฑํ ปริภฺุชถา’’ติ ทายเกหิ ทินฺนวตฺถุสทิสํ โหตีติ อาห ‘‘กปฺปิยการกานฺหี’’ติอาทิ. สงฺฆสุฏฺุตายาติ สงฺฆสฺส หิตาย ¶ . ปุคฺคลวเสเนว กาตพฺพนฺติ ปรโต วกฺขมานนเยน ภิกฺขู จีวเรน กิลมนฺติ, เอตฺตกํ นาม ตณฺฑุลภาคํ ภิกฺขูนํ จีวรํ กาตุํ รุจฺจตีติอาทินา ปุคฺคลปรามาสวเสเนว กาตพฺพํ, ‘‘สงฺโฆ จีวเรน กิลมตี’’ติอาทินา ปน สงฺฆปรามาสวเสน น กาตพฺพํ. กปฺปิยภณฺฑวเสนาติ สามฺโต วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวตุํ ‘‘จีวรตณฺฑุลาทิวเสเนว จา’’ติ วุตฺตํ. จ-กาโร เจตฺถ ปนสทฺทตฺเถ วตฺตติ, น สมุจฺจยตฺเถติ ทฏฺพฺพํ. ปุคฺคลวเสเนว กปฺปิยภณฺฑวเสน จ อปโลกนปฺปการํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตํ ปน เอวํ กตฺตพฺพ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.
จีวรปจฺจยํ สลฺลกฺเขตฺวาติ สทฺธาเทยฺยตตฺรุปฺปาทวเสน ตสฺมึ วสฺสาวาเส ลพฺภมานจีวรสงฺขาตํ ปจฺจยํ ‘‘เอตฺตก’’นฺติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา. เสนาสนสฺสาติ เสนาสนคฺคาหาปณสฺส. วุตฺตนฺติ มหาอฏฺกถายํ วุตฺตํ. กสฺมา เอวํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘เอวฺหี’’ติอาทิ, เสนาสนคฺคาหาปกสฺส อตฺตนาว อตฺตโน คหณํ อสารุปฺปํ, ตสฺมา อุโภ อฺมฺํ คาเหสฺสนฺตีติ อธิปฺปาโย. สมฺมตเสนาสนคฺคาหาปกสฺส อาณตฺติยา อฺเน คหิโตปิ คาโห รุหติเยวาติ เวทิตพฺพํ. อฏฺปิ โสฬสปิ ชเน สมฺมนฺนิตุํ วฏฺฏตีติ วิสุํ วิสุํ สมฺมนฺนิตุํ วฏฺฏติ, อุทาหุ เอกโตติ? เอกโตปิ วฏฺฏติ. เอกกมฺมวาจาย สพฺเพปิ เอกโต สมฺมนฺนิตุํ วฏฺฏติ. นิคฺคหกมฺมเมว หิ สงฺโฆ สงฺฆสฺส น กโรติ. สมฺมุติทานํ ปน พหูนมฺปิ เอกโต กาตุํ วฏฺฏติ. เตเนว สตฺตสติกกฺขนฺธเก อุพฺพาหิกสมฺมุติยํ อฏฺปิ ชนา เอกโต สมฺมตาติ. อาสนฆรนฺติ ปฏิมาฆรํ. มคฺโคติ อุปจารสีมพฺภนฺตรคเต คามาภิมุขมคฺเค กตสาลา วุจฺจติ, เอวํ โปกฺขรณิรุกฺขมูลาทีสุปิ. รุกฺขมูลาทโย ¶ ฉนฺนา กวาฏพทฺธาว เสนาสนํ. อิโต ปรานิ สุวิฺเยฺยานิ.
๒๒๐. มหาลาภปริเวณกถายํ ลภนฺตีติ ตตฺร วาสิโน ภิกฺขู ลภนฺติ. วิชเฏตฺวาติ เอเกกสฺส ปโหนกปฺปมาเณน วิโยเชตฺวา. อาวาเสสูติ เสนาสเนสุ. ปกฺขิปิตฺวาติ เอตฺถ ปกฺขิปนํ ¶ นาม เตสุ วสนฺตานํ อิโต อุปฺปนฺนวสฺสาวาสิกทานํ. ปวิสิตพฺพนฺติ อฺเหิ ภิกฺขูหิ ตสฺมึ มหาลาเภ ปริเวเณ วสิตฺวา เจติเย วตฺตํ กตฺวาว ลาโภ คเหตพฺโพติ อธิปฺปาโย.
๒๒๑. ปจฺจยํ วิสฺสชฺเชตีติ จีวรปจฺจยํ นาธิวาเสติ. อยมฺปีติ เตน วิสฺสชฺชิตปจฺจโยปิ. ปาทมูเล เปตฺวา สาฏกํ เทนฺตีติ ปจฺจยทายกา เทนฺติ. เอเตน คหฏฺเหิ ปาทมูเล เปตฺวา ทินฺนมฺปิ ปํสุกูลิกานมฺปิ วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. อถ วสฺสาวาสิกํ เทมาติ วทนฺตีติ เอตฺถ ‘‘ปํสุกูลิกานํ น วฏฺฏตี’’ติ อชฺฌาหริตฺวา โยเชตพฺพํ. วสฺสํ วุตฺถภิกฺขูนนฺติ ปํสุกูลิกโต อฺเสํ ภิกฺขูนํ. อุปนิพนฺธิตฺวา คาเหตพฺพนฺติ ‘‘อิมสฺมึ รุกฺเข วา มณฺฑเป วา วสิตฺวา เจติเย วตฺตํ กตฺวา คณฺหถา’’ติ เอวํ อุปนิพนฺธิตฺวา คาเหตพฺพํ.
ปาฏิปทอรุณโตติอาทิ วสฺสูปนายิกทิวสํ สนฺธาย วุตฺตํ. อนฺตรามุตฺตกํ ปน ปาฏิปทํ อติกฺกมิตฺวาปิ คาเหตุํ วฏฺฏติ. ‘‘กตฺถ นุ โข วสิสฺสามิ, กตฺถ วสนฺตสฺส ผาสุ ภวิสฺสติ, กตฺถ วา ปจฺจเย ลภิสฺสามี’’ติ เอวํ อุปฺปนฺเนน วิตกฺเกน จรตีติ วิตกฺกจาริโก. อิทานิ ยํ ทายกา ปจฺฉิมวสฺสํวุตฺถานํ วสฺสาวาสิกํ เทติ, ตตฺถ ปฏิปชฺชนวิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘ปจฺฉิมวสฺสูปนายิกทิวเส ปนา’’ติอาทิ อารทฺธํ. อาคนฺตุโก เจ ภิกฺขูติ จีวเร คาหิเต ปจฺฉา อาคโต อาคนฺตุโก ภิกฺขุ. ปตฺตฏฺาเนติ วสฺสคฺเคน อาคนฺตุกภิกฺขุโน ¶ ปตฺตฏฺาเน. ปมวสฺสูปคตาติ อาคนฺตุกสฺส อาคมนโต ปุเรตรเมว ปจฺฉิมิกาย วสฺสูปนายิกาย วสฺสูปคตา. ลทฺธํ ลทฺธนฺติ ปุนปฺปุนํ ทายกานํ สนฺติกา อาคตาคตสาฏกํ.
สาทิยนฺตาปิ หิ เตเนว วสฺสาวาสิกสฺส สามิโนติ ฉินฺนวสฺสตฺตา วุตฺตํ. ปมเมว กติกาย กตตฺตา ‘‘เนว อทาตุํ ลภนฺตี’’ติ วุตฺตํ, ทาตพฺพํ วาเรนฺตานํ คีวา โหตีติ อธิปฺปาโย. เตสเมว ทาตพฺพนฺติ วสฺสูปคเตสุ อลทฺธวสฺสาวาสิกานํ เอกจฺจานเมว ทาตพฺพํ. ภตินิวิฏฺนฺติ ภตึ กตฺวา วิย นิวิฏฺํ ปริยิฏฺํ. ภตินิวิฏฺนฺติ วา ปานียุปฏฺานาทิภตึ กตฺวา ลทฺธํ. สงฺฆิกํ ปนาติอาทิ เกสฺจิ วาททสฺสนํ. ตตฺถ สงฺฆิกํ ปน อปโลกนกมฺมํ กตฺวา คาหิตนฺติ ตตฺรุปฺปาทํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตตฺถ อปโลกนกมฺมํ กตฺวา คาหิตนฺติ ‘‘ฉินฺนวสฺสาวาสิกฺจ อิทานิ อุปฺปชฺชนกวสฺสาวาสิกฺจ อิเมสํ ทาตุํ รุจฺจตี’’ติ อนนฺตเร วุตฺตนเยน ¶ อปโลกนํ กตฺวา คาหิตํ สงฺเฆน ทินฺนตฺตา วิพฺภนฺโตปิ ลภเตว, ปเคว ฉินฺนวสฺโส. ปจฺจยวเสน คาหิตํ ปน เตมาสํ วสิตฺวา คเหตุํ อตฺตนา ทายเกหิ จ อนุมตตฺตา ภตินิวิฏฺมฺปิ ฉินฺนวสฺโสปิ วิพฺภนฺโตปิ น ลภตีติ เกจิ อาจริยา วทนฺติ. อิทฺจ ปจฺฉา วุตฺตตฺตา ปมาณํ, เตเนว วสฺสูปนายิกทิวเส เอวํ ทายเกหิ ทินฺนํ วสฺสาวาสิกํ คหิตภิกฺขุโน วสฺสจฺเฉทํ อกตฺวา วาโสว เหฏฺา วิหิโต, น ปานียุปฏฺานาทิภติกรณมตฺตํ. ยทิ หิ ตํ ภตินิวิฏฺเมว สิยา, ภติกรณเมว วิธาตพฺพํ, ตสฺมา วสฺสคฺเคน คาหิตํ ฉินฺนวสฺสาทโย น ลภนฺตีติ เวทิตพฺพํ.
‘‘อิธ, ภิกฺขเว, วสฺสํวุตฺโถ ภิกฺขุ วิพฺภมติ, สงฺฆสฺเสว ต’’นฺติ (มหาว. ๓๗๔-๓๗๕) วจนโต ‘‘วตฏฺาเน…เป… สงฺฆิกํ โหตี’’ติ วุตฺตํ ¶ . สงฺฆิกํ โหตีติ เอเตน วุตฺถวสฺสานมฺปิ วสฺสาวาสิกภาโค สงฺฆิกโต อโมจิโต เตสํ วิพฺภเมน สงฺฆิโก โหตีติ ทสฺเสติ. มนุสฺเสติ ทายกมนุสฺเส. ลภตีติ ‘‘มม ปตฺตภาวํ เอตสฺส เทถา’’ติ ทายเก สมฺปฏิจฺฉาเปนฺเตเนว สงฺฆิกโต วิโยชิตํ โหตีติ วุตฺตํ. วรภาคํ สามเณรสฺสาติ ตสฺส ปมคาหตฺตา, เถเรน ปุพฺเพ ปมภาคสฺส คหิตตฺตา, อิทานิ คยฺหมานสฺส ทุติยภาคตฺตา จ วุตฺตํ.
๒๒๒. อิทานิ อนฺตรามุตฺตเสนาสนคฺคาหํ ทสฺเสตุํ ‘‘อยมปโรปี’’ตฺยาทิมาห. ตตฺถ อปโรปีติ ปุพฺเพ วุตฺตเสนาสนคฺคาหทฺวยโต อฺโปีติ อตฺโถ. นนุ จ ‘‘อยํ เสนาสนคฺคาโห นาม ทุวิโธ โหติ อุตุกาเล จ วสฺสาวาเส จา’’ติ วุตฺโต, อถ กสฺมา ‘‘อยมปโรปี’’ตฺยาทิ วุตฺโตติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ทิวสวเสน หี’’ติอาทิ. อปรชฺชุคตาย อาสาฬฺหิยาติ ปมวสฺสูปนายิกทิวสภูตํ อาสาฬฺหิปุณฺณมิยา ปาฏิปทํ สนฺธาย วุตฺตํ, มาสคตาย อาสาฬฺหิยาติ ทุติยวสฺสูปนายิกทิวสภูตสาวณปุณฺณมิยา ปาฏิปทํ. อปรชฺชุคตาย ปวารณาติ อสฺสยุชปุณฺณมิยา ปาฏิปทํ.
๒๒๓. อุตุกาเล ปฏิพาหิตุํ น ลภตีติ เหมนฺตคิมฺเหสุ อฺเ สมฺปตฺตภิกฺขู ปฏิพาหิตุํ น ลภติ. นวกมฺมนฺติ นวกมฺมสมฺมุติ. อกตนฺติ อปริสงฺขตํ. วิปฺปกตนฺติ อนิฏฺิตํ. เอกํ มฺจฏฺานํ ทตฺวาติ เอกํ มฺจฏฺานํ ปุคฺคลิกํ ทตฺวา. ติภาคนฺติ ตติยภาคํ. เอวํ วิสฺสชฺชนมฺปิ ถาวเรน ถาวรํ ปริวตฺตนฏฺาเนเยว ปวิสติ, น อิตรถา สพฺพเสนาสนวิสฺสชฺชนโต ¶ . สเจ สทฺธิวิหาริกาทีนํ ทาตุกาโม โหตีติ สเจ โส สงฺฆสฺส ภณฺฑปนฏฺานํ วา อฺเสํ ภิกฺขูนํ วสนฏฺานํ วา ทาตุํ น อิจฺฉติ, อตฺตโน สทฺธิวิหาริกาทีนฺเว ทาตุกาโม โหติ, ตาทิสสฺส ¶ ‘‘ตุยฺหํ ปุคฺคลิกเมว กตฺวา ชคฺคาหี’’ติ น สพฺพํ ทาตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. ตตฺถสฺส กตฺตพฺพวิธึ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘กมฺม’’นฺติอาทิ. เอวฺหีติอาทิมฺหิ จยานุรูปํ ตติยภาเค วา อุปฑฺฒภาเค วา คหิเต ตํ ภาคํ ทาตุํ ลภตีติ อตฺโถ. เยนาติ เตสุ ทฺวีสุ ตีสุ ภิกฺขูสุ เยน. โส สามีติ ตสฺสา ภูมิยา วิหารกรเณ โสว สามี, ตํ ปฏิพาหิตฺวา อิตเรน น กาตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย.
๒๒๔. อกตฏฺาเนติ เสนาสนโต พหิ จยาทีนํ อกตฏฺาเน. จยํ วา ปมุขํ วาติ สงฺฆิกเสนาสนํ นิสฺสาย ตโต พหิ พนฺธิตฺวา เอกํ เสนาสนํ วา. พหิกุฏฺเฏติ กุฏฺฏโต พหิ, อตฺตโน กตฏฺาเนติ อตฺโถ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
เสนาสนคฺคาหกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
จตุปจฺจยสาธารณกถาวณฺณนา
๒๒๕. จตุปจฺจยสาธารณกถายํ สมฺมเตน อปฺปมตฺตกวิสฺสชฺชเกนาติ ตฺติทุติยกมฺมวาจาย วา อปโลกนกมฺเมน วา สมฺมเตน อปฺปมตฺตกวิสฺสชฺชกสมฺมุติลทฺเธน. อวิภตฺตํ สงฺฆิกภณฺฑนฺติ ปุจฺฉิตพฺพกิจฺจํ นตฺถีติ เอตฺถ อวิภตฺตํ สงฺฆิกภณฺฑนฺติ กุกฺกุจฺจุปฺปตฺติอาการทสฺสนํ, เอวํ กุกฺกุจฺจํ กตฺวา ปุจฺฉิตพฺพกิจฺจํ นตฺถิ, อปุจฺฉิตฺวาว ทาตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. กสฺมาติ เจ? เอตฺตกสฺส สงฺฆิกภณฺฑสฺส วิสฺสชฺชนตฺถาเยว สมคฺคสฺส สงฺฆสฺส อนุมติยา กตสมฺมุติกมฺมตฺตา. คุฬปิณฺเฑ…เป… ทาตพฺโพติ เอตฺถ คุฬปิณฺฑํ ตาลปกฺกปฺปมาณนฺติ เวทิตพฺพํ. ปิณฺฑาย ปวิฏฺสฺสปีติ อิทํ อุปลกฺขณมตฺตํ. อฺเน การเณน พหิสีมคตสฺสปิ เอเสว ¶ นโย. โอทนปฏิวีโสติ สงฺฆภตฺตาทิสงฺฆิกโอทนปฏิวีโส. อนฺโตอุปจารสีมายํ ิตสฺสาติ อนาทเร สามิวจนํ, อนฺโตอุปจารสีมายํ ิตสฺเสว คาเหตุํ วฏฺฏติ, น พหิอุปจารสีมํ ปตฺตสฺสาติ อตฺโถ. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๕) ‘‘พหิอุปจารสีมาย ิตานํ คาเหถาติ วทนฺติ, น คาเหตพฺพ’’นฺติ. อนฺโตคามฏฺานมฺปีติ เอตฺถ ปิ-สทฺโท อวุตฺตสมฺปิณฺฑนตฺโถ, อนฺโตคามฏฺานมฺปิ พหิคามฏฺานมฺปิ ¶ คาเหตุํ วฏฺฏตีติ อตฺโถ. สมฺภาวนตฺโถ วา, เตน อนฺโตคามฏฺานมฺปิ คาเหตุํ วฏฺฏติ, ปเคว พหิคามฏฺานนฺติ.
จตุปจฺจยสาธารณกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร
จตุปจฺจยภาชนียวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม
อฏฺวีสติโม ปริจฺเฉโท.
วิหารวินิจฺฉยกถาวณฺณนา
อิทานิ จตุปจฺจยนฺโตคธตฺตา วิหารสฺส จตุปจฺจยภาชนกถานนฺตรํ วิหารวินิจฺฉยกถา อารภียเต. ตตฺริทํ วุจฺจติ –
‘‘โก วิหาโร เกนฏฺเน;
วิหาโร โส กติวิโธ;
เกน โส กสฺส ทาตพฺโพ;
กถํ โก ตสฺส อิสฺสโร.
‘‘เกน โส คาหิโต กสฺส;
อนุฏฺาปนิยา กติ;
กติหงฺเคหิ ยุตฺตสฺส;
ธุววาสาย ทียเต’’ติ.
ตตฺถ ¶ โก วิหาโรติ จตูสุ ปจฺจเยสุ เสนาสนสงฺขาโต จตูสุ เสนาสเนสุ วิหารเสนาสนสงฺขาโต ภิกฺขูนํ นิวาสภูโต ปติสฺสยวิเสโส. เกนฏฺเน วิหาโรติ วิหรนฺติ เอตฺถาติ วิหาโร, อิริยาปถทิพฺพพฺรหฺมอริยสงฺขาเตหิ จตูหิ วิหาเรหิ อริยา เอตฺถ วิหรนฺตีตฺยตฺโถ. ¶ โส กติวิโธติ สงฺฆิกวิหารคณสนฺตกวิหารปุคฺคลิกวิหารวเสน ติพฺพิโธ. วุตฺตฺเหตํ สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘จาตุทฺทิสํ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ภิกฺขูนํ ทินฺนํ วิหารํ วา ปริเวณํ วา อาวาสํ วา มหนฺตมฺปิ ขุทฺทกมฺปิ อภิยฺุชโต อภิโยโค น รุหติ, อจฺฉินฺทิตฺวา คณฺหิตุมฺปิ น สกฺโกติ. กสฺมา? สพฺเพสํ ธุรนิกฺเขปาภาวโต. น เหตฺถ สพฺเพ จาตุทฺทิสา ภิกฺขู ธุรนิกฺเขปํ กโรนฺตีติ. ทีฆภาณกาทิเภทสฺส ปน คณสฺส, เอกปุคฺคลสฺส วา สนฺตกํ อภิยฺุชิตฺวา คณฺหนฺโต สกฺโกติ เต ธุรํ นิกฺขิปาเปตุํ, ตสฺมา ตตฺถ อาราเม วุตฺตนเยเนว วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ’’ติ. อิมินา ทายกสนฺตโก วิหาโร นาม นตฺถีติ ทีเปติ.
เกน โส ทาตพฺโพติ ขตฺติเยน วา พฺราหฺมเณน วา เยน เกนจิ โส วิหาโร ทาตพฺโพ. กสฺส ทาตพฺโพติ สงฺฆสฺส วา คณสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา ทาตพฺโพ. กถํ ทาตพฺโพติ ยทิ สงฺฆสฺส เทติ, ‘‘อิมํ วิหารํ อาคตานาคตสฺส จาตุทฺทิสสฺส สงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ, ยทิ คณสฺส, ‘‘อิมํ วิหารํ อายสฺมนฺตานํ ทมฺมี’’ติ, ยทิ ปุคฺคลสฺส, ‘‘อิมํ วิหารํ อายสฺมโต ทมฺมี’’ติ ทาตพฺโพ. โก ตสฺส อิสฺสโรติ ยทิ สงฺฆสฺส เทติ, สงฺโฆ ตสฺส วิหารสฺส อิสฺสโร. ยทิ คณสฺส เทติ, คโณ ตสฺส อิสฺสโร. ยทิ ปุคฺคลสฺส เทติ, ปุคฺคโล ตสฺส อิสฺสโรติ. ตถา ¶ หิ วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘ทีฆภาณกาทิกสฺส ปน คณสฺส เอกปุคฺคลสฺส วา สนฺตก’’นฺติ.
เกน โส คาหิโตติ เสนาสนคฺคาหาปเกน โส วิหาโร คาหิโต. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคตํ เสนาสนคฺคาหาปกํ สมฺมนฺนิตุํ, โย น ฉนฺทาคตึ คจฺเฉยฺย, น โทสาคตึ คจฺเฉยฺย, น โมหาคตึ คจฺเฉยฺย, เอวฺจ, ภิกฺขเว, สมฺมนฺนิตพฺโพ, ปมํ ภิกฺขุ ยาจิตพฺโพ, ยาจิตฺวา พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สงฺโฆ าเปตพฺโพ –
‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อิตฺถนฺนามํ ภิกฺขุํ เสนาสนคฺคาหาปกํ สมฺมนฺเนยฺย, เอสา ตฺติ.
‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, สงฺโฆ อิตฺถนฺนามํ ภิกฺขุํ เสนาสนคฺคาหาปกํ สมฺมนฺนติ. ยสฺสายสฺมโต ขมติ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน เสนาสนคฺคาหาปกสฺส สมฺมุติ, โส ตุณฺหสฺส. ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺย.
‘‘สมฺมโต ¶ สงฺเฆน อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ เสนาสนคฺคาหาปโก, ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติ (จูฬว. ๓๑๗).
กสฺส โส คาหิโตติ ภิกฺขูนํ โส วิหาโร คาหิโต. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปมํ ภิกฺขู คเณตุํ, ภิกฺขู คเณตฺวา เสยฺยา คเณตุํ, เสยฺยา คเณตฺวา เสยฺยคฺเคน คาเหตุ’’นฺติ (จูฬว. ๓๑๘). อนุฏฺาปนิยา กตีติ จตฺตาโร อนุฏฺาปนียา วุฑฺฒตโร คิลาโน ภณฺฑาคาริโก สงฺฆโต ลทฺธเสนาสโนติ. วุตฺตฺเหตํ กงฺขาวิตรณิยํ (กงขา. อฏฺ. อนุปขชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘วุฑฺโฒ หิ อตฺตโน วุฑฺฒตาย อนุฏฺาปนีโย ¶ , คิลาโน คิลานตาย, สงฺโฆ ปน ภณฺฑาคาริกสฺส วา ธมฺมกถิกวินยธรคณวาจกาจริยานํ วา พหูปการตํ คุณวิสิฏฺตฺจ สลฺลกฺเขตฺวา ธุววาสตฺถาย วิหารํ สลฺลกฺเขตฺวา สมฺมนฺนิตฺวา เทติ, ตสฺมา ยสฺส สงฺเฆน ทินฺโน, โสปิ อนุฏฺาปนีโย’’ติ.
กติหงฺเคหิ ยุตฺตสฺส ธุววาสาย ทียเตติ อุกฺกฏฺปริจฺเฉเทน ทฺวีหิ องฺเคหิ ยุตฺตสฺส ธุววาสตฺถาย วิหาโร ทียเต. กตเมหิ ทฺวีหิ? พหูปการตาย คุณวิสิฏฺตาย เจติ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘พหูปการตนฺติ ภณฺฑาคาริกตาทิพหุอุปการภาวํ, น เกวลํ อิทเมวาติ อาห ‘คุณวิสิฏฺตฺจา’ติ. เตน พหูปการตฺเตปิ คุณวิสิฏฺตฺตาภาเว คุณวิสิฏฺตฺเตปิ พหูปการตฺตาภาเว ทาตุํ วฏฺฏตีติ ทสฺเสตี’’ติ วินยตฺถมฺชูสายํ (กงขา. อภิ. ฏี. อนุปขชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา) วจนโต. โอมกปริจฺเฉเทน เอเกน องฺเคน ยุตฺตสฺสปิ. กตเมน เอเกน องฺเคน? พหูปการตาย วา คุณวิสิฏฺตาย วา. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘พหูปการตํ คุณวิสิฏฺตฺจ สลฺลกฺเขนฺโตติ ภณฺฑาคาริกสฺส พหูปการตํ, ธมฺมกถิกาทีนํ คุณวิสิฏฺตฺจ สลฺลกฺเขนฺโต’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๑๑๙-๑๒๑) วจนโต.
เสนาสนคฺคาโห ปน ทุวิโธ อุตุกาเล จ วสฺสาวาเส จาติ กาลวเสน. อถ วา ตโย เสนาสนคฺคาหา ปุริมโก ปจฺฉิมโก อนฺตรามุตฺตโกติ. เตสํ วิเสโส เหฏฺา วุตฺโตว. ‘‘อุตุกาเล เสนาสนคฺคาโห อนฺตรามุตฺตโก จ ตงฺขณปฏิสลฺลาโน จาติ ทุพฺพิโธ. วสฺสาวาเส เสนาสนคฺคาโห ปุริมโก จ ปจฺฉิมโก จาติ ทุพฺพิโธติ จตฺตาโร เสนาสนคฺคาหา’’ติ อาจริยา ¶ วทนฺติ, ตํ วจนํ ปาฬิยมฺปิ อฏฺกถายมฺปิ น อาคตํ ¶ . ปาฬิยํ (จูฬว. ๓๑๘) ปน ‘‘ตโยเม, ภิกฺขเว, เสนาสนคฺคาหา ปุริมโก ปจฺฉิมโก อนฺตรามุตฺตโก’’อิจฺเจว อาคโต, อฏฺกถายมฺปิ (จูฬว. อฏฺ. ๓๑๘) ‘‘ตีสุ เสนาสนคฺคาเหสุ ปุริมโก จ ปจฺฉิมโก จาติ อิเม ทฺเว คาหา ถาวรา, อนฺตรามุตฺตเก อยํ วินิจฺฉโย’’ติ อาคโต.
อิทานิ ปน เอกจฺเจ อาจริยา ‘‘อิมสฺมึ กาเล สพฺเพ วิหารา สงฺฆิกาว, ปุคฺคลิกวิหาโร นาม นตฺถิ. กสฺมา? วิหารทายกานํ วิหารทานกาเล กุลูปกา ‘อิมํ วิหารํ อาคตานาคตสฺส จาตุทฺทิสสฺส สงฺฆสฺส เทมา’ติ วจีเภทํ การาเปนฺติ, ตสฺมา นววิหาราปิ สงฺฆิกา เอว. เอกจฺเจสุ วิหาเรสุ เอวํ อวตฺวา เทนฺเตสุปิ ‘ตสฺมึ ชีวนฺเต ปุคฺคลิโก โหติ, มเต สงฺฆิโกเยวา’ติ วุตฺตตฺตา โปราณกวิหาราปิ สงฺฆิกาว โหนฺตี’’ติ วทนฺติ. ตตฺเรวํ วิจาเรตพฺโพ – วจีเภทํ การาเปตฺวา ทินฺนวิหาเรสุปิ ทายกา สงฺฆํ อุทฺทิสฺส กโรนฺตา นาม อปฺปกา, ‘‘อิมํ นาม ภิกฺขุํ อิมํ นาม เถรํ วสาเปสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ปุตฺตทารมิตฺตามจฺจาทีหิ สมฺมนฺเตตฺวา ปติฏฺาเปนฺติ, ปติฏฺานกาเล อวทนฺตาปิ ทานกาเล เยภุยฺเยน วทนฺติ. อถ ปน กุลูปกา ทานกาเล สิกฺขาเปตฺวา วทาเปนฺติ, เอวํ วทนฺตาปิ ทายกา อปฺปกา สงฺฆํ อุทฺทิสฺส เทนฺติ, พหุตรา อตฺตโน กุลูปกเมว อุทฺทิสฺส เทนฺติ. เอวํ สนฺเต กุลูปกานํ วจนํ นวสุ อธมฺมิกทาเนสุ ‘‘ปุคฺคลสฺส ปริณตํ สงฺฆสฺส ปริณาเมตี’’ติ (ปารา. ๖๖๐; ปาจิ. ๔๙๒) วุตฺตํ เอกํ อธมฺมิกทานํ อาปชฺชติ. ‘‘ตสฺมึ ชีวนฺเต ปุคฺคลิโก, มเต สงฺฆิโก’’ติ อยํ ปาโ มูลปุคฺคลิกวิสเย น อาคโต, มูลสงฺฆิกวิหารํ ชคฺคาเปตุํ ปุคฺคลิกการาปนฏฺาเน อาคโต, ตสฺมา นววิหาราปิ ปุคฺคลํ อุทฺทิสฺส ทินฺนา สนฺติเยว. โปราณกวิหาราปิ มูเล ปุคฺคลิกวเสน ¶ ทินฺนา สทฺธิวิหาริกาทีนํ ปุคฺคลิกวเสเนว ทียมานาปิ ตสฺมึ ชีวนฺเตเยว วิสฺสาสวเสน คยฺหมานาปิ ปุคฺคลิกา โหนฺติเยว, ตสฺมา สพฺพโส ปุคฺคลิกวิหารสฺส อภาววาโท วิจาเรตพฺโพว.
อฺเ ปน อาจริยา ‘‘อิมสฺมึ กาเล สงฺฆิกวิหารา นาม น สนฺติ, สพฺเพ ปุคฺคลิกาว. กสฺมา? นววิหาราปิ ปติฏฺาปนกาเล ทานกาเล จ กุลูปกภิกฺขุํเยว อุทฺทิสฺส กตตฺตา ปุคฺคลิกาว, โปราณกวิหาราปิ สิสฺสานุสิสฺเสหิ วา อฺเหิ วา ปุคฺคเลหิ เอว ปริคฺคหิตตฺตา, น กทาจิ สงฺเฆน ปริคฺคหิตตฺตา ปุคฺคลิกาว โหนฺติ, น สงฺฆิกา’’ติ วทนฺติ. ตตฺราปฺเยวํ วิจาเรตพฺพํ – นววิหาเรปิ ปติฏฺานกาเลปิ ทานกาเลปิ เอกจฺเจ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ¶ กโรนฺติ, เอกจฺเจ ปุคฺคลํ. ปุพฺเพว ปุคฺคลํ อุทฺทิสฺส กเตปิ อตฺถกามานํ ปณฺฑิตานํ วจนํ สุตฺวา ปุคฺคลิกทานโต สงฺฆิกทานเมว มหปฺผลตรนฺติ สทฺทหิตฺวา สงฺฆิเก กโรนฺตาปิ ทายกา สนฺติ, ปุคฺคลิกวเสน ปฏิคฺคหิเต โปราณกวิหาเรปิ เกจิ ภิกฺขู มรณกาเล สงฺฆสฺส นิยฺยาเตนฺติ. เกจิ กสฺสจิ อทตฺวา มรนฺติ, ตทา โส วิหาโร สงฺฆิโก โหติ. สวตฺถุกมหาวิหาเร ปน กโรนฺตา ราชราชมหามตฺตาทโย ‘‘ปฺจวสฺสสหสฺสปริมาณํ สาสนํ ยาว ติฏฺติ, ตาว มม วิหาเร วสิตฺวา สงฺโฆ จตฺตาโร ปจฺจเย ปริภฺุชตู’’ติ ปณิธาย จิรกาลํ สงฺฆสฺส ปจฺจยุปฺปาทกรํ คามเขตฺตาทิกํ ‘‘อมฺหากํ วิหารสฺส เทมา’’ติ เทนฺติ, วิหารสฺสาติ จ วิหาเร วสนกสงฺฆสฺส อุทฺทิสฺส เทนฺติ, น กุลูปกภูตสฺส เอกปุคฺคลสฺส เอว, ตสฺมา เยภุยฺเยน สงฺฆิกา ทิสฺสนฺติ, ปาสาเณสุ อกฺขรํ ลิขิตฺวาปิ เปนฺติ, ตสฺมา สพฺพโส สงฺฆิกวิหาราภาววาโทปิ วิจาเรตพฺโพว.
อปเร ¶ ปน อาจริยา ‘‘อิมสฺมึ กาเล วิหารทายกสนฺตกาว, ตสฺมา ทายกาเยว วิจาเรตุํ อิสฺสรา, น สงฺโฆ, น ปุคฺคโล. วิหารทายเก อสนฺเตปิ ตสฺส ปุตฺตธีตุนตฺตปนตฺตาทโย ยาว กุลปรมฺปรา ตสฺส วิหารสฺส อิสฺสราว โหนฺติ. กสฺมาติ เจ? ‘เยน วิหาโร การิโต, โส วิหารสามิโก’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๑๖) อาคตตฺตา จ ‘ตสฺส วา กุเล โย โกจิ อาปุจฺฉิตพฺโพ’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๑๖) จ วจนโต วิหารสฺสามิภูโต ทายโก วา ตสฺส วํเส อุปฺปนฺโน วา วิจาเรตุํ อิสฺสโร. ‘ปจฺฉินฺเน กุลวํเส โย ตสฺส ชนปทสฺส สามิโก, โส อจฺฉินฺทิตฺวา ปุน เทติ จิตฺตลปพฺพเต ภิกฺขุนา นีหฏํ อุทกวาหกํ อฬนาคราชมเหสี วิย, เอวมฺปิ วฏฺฏตี’ติ อฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๓๘-๕๓๙) วจนโต วิหารทายกสฺส กุลวํเส ปจฺฉินฺเนปิ ตสฺส ชนปทสฺส อิสฺสโร ราชา วา ราชมหามตฺโต วา โย โกจิ อิสฺสโร วา วิหารํ วิจาเรตุํ ยถาชฺฌาสยํ ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, ตมฺปิ อฺเ ปณฺฑิตา นานุชานนฺติ.
กถํ? ‘‘เยน วิหาโร การิโต, โส วิหารสามิโก’’ติ วจนํ ปุพฺพโวหารวเสน วุตฺตํ, น อิทานิ อิสฺสรวเสน ยถา เชตวนํ, ปตฺตสฺสามิโกตฺยาทิ. ยถา หิ เชตสฺส ราชกุมารสฺส วนํ อุยฺยานํ เชตวนนฺติ วิคฺคเห กเต ยทิปิ อนาถปิณฺฑิเกน กิณิตฺวา วิหารปติฏฺาปนกาลโต ปฏฺาย ราชกุมาโร ตสฺส อุยฺยานสฺส อิสฺสโร น โหติ, ตถาปิ อนาถปิณฺฑิเกน กิณิตกาลโต ปุพฺเพ อิสฺสรภูตปุพฺพตฺตา ปุพฺพโวหารวเสน สพฺพทาปิ เชตวนนฺตฺเวว ¶ โวหรียติ. ยถา จ ปตฺตสฺส สามิโก ปตฺตสฺสามิโกติ วิคฺคเห กเต ยทิปิ ทายเกหิ กิณิตฺวา ภิกฺขุสฺส ทินฺนกาลโต ปฏฺาย กมฺมาโร ปตฺตสฺส อิสฺสโร น โหติ, ตถาปิ ทายเกน กิณิตกาลโต ¶ ปุพฺเพ อิสฺสรภูตปุพฺพตฺตา ปุพฺพโวหารวเสน ปตฺตสฺสามิโกตฺเวว โวหรียติ, เอวํ ยทิปิ ภิกฺขุสฺส ทินฺนกาลโต ปฏฺาย ทายโก วิหารสฺส อิสฺสโร น โหติ วตฺถุปริจฺจาคลกฺขณตฺตา ทานสฺส, ตถาปิ ทานกาลโต ปุพฺเพ อิสฺสรภูตปุพฺพตฺตา ปุพฺพโวหารวเสน วิหารสฺสามิโกตฺเวว โวหรียติ, น มุขฺยโต อิสฺสรภาวโตติ วิฺายติ, ตสฺมา สงฺฆสฺส วา คณสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา ทินฺนกาลโต ปฏฺาย สงฺฆาทโย ปฏิคฺคาหกา เอว วิจาเรตุํ อิสฺสรา, น ทายโก.
กถํ วิฺายตีติ เจ? สนฺเตสุปิ อนาถปิณฺฑิกาทีสุ วิหารทายเกสุ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคตํ ภิกฺขุํ เสนาสนคฺคาหาปกํ สมฺมนฺนิตุ’’นฺติอาทินา (จูฬว. ๓๑๗) สงฺเฆน สมฺมตํ เสนาสนคฺคาหาปกํ อนุชานิตฺวา, ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว…เป… เสยฺยคฺเคน คาเหตุ’’นฺติอาทินา (จูฬว. ๓๑๘) เสนาสนคฺคาหาปกสฺเสว วิจาเรตุํ อิสฺสรภาวสฺส วจนโต จ ‘‘ทฺเว ภิกฺขู สงฺฆิกํ ภูมึ คเหตฺวา โสเธตฺวา สงฺฆิกํ เสนาสนํ กโรนฺติ, เยน สา ภูมิ ปมํ คหิตา, โส สามี’’ติ จ ‘‘อุโภปิ ปุคฺคลิกํ กโรนฺติ, โสเยว สามี’’ติ จ ‘‘โย ปน สงฺฆิกํ วลฺลิมตฺตมฺปิ อคฺคเหตฺวา อาหริเมน อุปกรเณน สงฺฆิกาย ภูมิยา ปุคฺคลิกวิหารํ กาเรติ, อุปฑฺฒํ สงฺฆิกํ อุปฑฺฒํ ปุคฺคลิก’’นฺติ จ สงฺฆปุคฺคลานํเยว สามิภาวสฺส อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา จ วิฺายติ.
‘‘ตสฺส วา กุเล โย โกจิ อาปุจฺฉิตพฺโพ’’ติ อฏฺกถาวจนมฺปิ เตสํ วิหารสฺส อิสฺสรภาวทีปกํ น โหติ, อถ โข คมิโก ภิกฺขุ ทิสํ คนฺตุกาโม วิหาเร อาปุจฺฉิตพฺพภิกฺขุสามเณรอารามิเกสุ ¶ อสนฺเตสุ เต อาปุจฺฉิตฺวา คนฺตพฺพภาวเมว ทีเปติ. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถายํ ‘‘อิมํ ปน ทสวิธมฺปิ เสยฺยํ สงฺฆิเก วิหาเร สนฺถริตฺวา วา สนฺถราเปตฺวา วา ปกฺกมนฺเตน อาปุจฺฉิตฺวา ปกฺกมิตพฺพํ, อาปุจฺฉนฺเตน จ ภิกฺขุมฺหิ สติ ภิกฺขุ อาปุจฺฉิตพฺโพ…เป… ตสฺมึ อสติ อารามิโก, ตสฺมิมฺปิ อสติ เยน วิหาโร การิโต, โส วิหารสฺสามิโก, ตสฺส วา กุเล โย โกจิ อาปุจฺฉิตพฺโพ’’ติ. เอวํ อารามิกสฺสปิ อาปุจฺฉิตพฺพโต โอโลกนตฺถาย วตฺตสีเสเนว อาปุจฺฉิตพฺโพ, น เตสํ สงฺฆิกเสนาสนสฺส อิสฺสรภาวโตติ ทฏฺพฺพํ.
‘‘ปจฺฉินฺเน ¶ กุลวํเส’’ตฺยาทิวจนฺจ อกปฺปิยวเสน กตานํ อกปฺปิยโวหาเรน ปฏิคฺคหิตานํ เขตฺตวตฺถุตฬากาทีนํ อกปฺปิยตฺตา ภิกฺขูหิ ปริจฺจตฺตานํ กปฺปิยกรณตฺถาย ราชาทีหิ คเหตฺวา ปุน เตสํเยว ภิกฺขูนํ ทานเมว ทีเปติ, น เตสํ ราชาทีนํ เตหิ ภิกฺขูหิ อฺเสํ สงฺฆคณปุคฺคลเจติยานํ ทานํ. ยทิ ทเทยฺยุํ, อธมฺมิกทานอธมฺมิกปอคฺคหอธมฺมิกปริโภคา สิยุํ. วุตฺตฺเหตํ ปริวาเร (ปริ. อฏฺ. ๓๒๙) ‘‘นว อธมฺมิกานิ ทานานิ สงฺฆสฺส ปริณตํ อฺสงฺฆสฺส วา เจติยสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา ปริณาเมติ, เจติยสฺส ปริณตํ อฺเจติยสฺส วา สงฺฆสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา ปริณาเมติ, ปุคฺคลสฺส ปริณตํ อฺปุคฺคลสฺส วา สงฺฆสฺส วา เจติยสฺส วา ปริณาเมตี’’ติ. อฏฺกถายฺจ (ปริ. อฏฺ. ๓๒๙) ‘‘นว อธมฺมิกานิ ทานานีติ…เป… เอวํ วุตฺตานิ. นว ปฏิคฺคหปริโภคาติ เอเตสํเยว ทานานํ ปฏิคฺคหา จ ปริโภคา จา’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมา ยทิ ราชาทโย อิสฺสราติ คเหตฺวา อฺสฺส เทยฺยุํ, ตมฺปิ ทานํ อธมฺมิกทานํ โหติ, ตํ ทานํ ปฏิคฺคหา ¶ จ อธมฺมิกปฏิคฺคหา โหนฺติ, ตํ ทานํ ปริภฺุชนฺตา จ อธมฺมิกปริโภคา โหนฺตีติ ทฏฺพฺพํ.
อถาปิ เอวํ วเทยฺยุํ ‘‘วิหารทานํ สงฺฆสฺส, อคฺคํ พุทฺเธน วณฺณิตนฺติอาทีสุ (จูฬว. ๒๙๕, ๓๑๕) ‘สงฺฆสฺสา’ติ อยํ สทฺโท ‘ทาน’นฺติ เอตฺถ สามิสมฺพนฺโธ น โหติ, อถ โข สมฺปทานเมว, ‘ทายกสฺสา’ติ ปน สามิสมฺพนฺโธ อชฺฌาหริตพฺโพ, ตสฺมา สามิภูโต ทายโกว อิสฺสโร, น สมฺปทานภูโต สงฺโฆ’’ติ. เต เอวํ วตฺตพฺพา – ‘‘วิหารทานํ สงฺฆสฺสา’’ติ อิทํ ทานสมเย ปวตฺตวเสน วุตฺตํ, น ทินฺนสมเย ปวตฺตวเสน. ทานกาเล หิ ทายโก อตฺตโน วตฺถุภูตํ วิหารํ สงฺฆสฺส ปริจฺจชิตฺวา เทติ, ตสฺมา ตสฺมึ สมเย ทายโก สามี โหติ, สงฺโฆ สมฺปทานํ, ทินฺนกาเล ปน สงฺโฆว สามี โหติ วิหารสฺส ปฏิคฺคหิตตฺตา, น ทายโก ปริจฺจตฺตตฺตา, ตสฺมา สงฺโฆ วิจาเรตุํ อิสฺสโร. เตนาห ภควา ‘‘ปริจฺจตฺตํ ตํ, ภิกฺขเว, ทายเกหี’’ติ (จูฬว. ๒๗๓). อิทํ ปน สทฺทลกฺขณครุกา สทฺทหิสฺสนฺตีติ วุตฺตํ, อตฺถโต ปน จีวราทีนํ จตุนฺนํ ปจฺจยานํ ทานกาเลเยว ทายกสนฺตกภาโว ทินฺนกาลโต ปฏฺาย ปฏิคฺคาหกสนฺตกภาโว สพฺเพสํ ปากโฏ, ตสฺมา อิทมฺปิ วจนํ ทายกสนฺตกภาวสาธกํ น โหตีติ ทฏฺพฺพํ.
เอวํ โหตุ, ตถาปิ ‘‘สเจ ภิกฺขูหิ ปริจฺจตฺตภาวํ ตฺวา สามิโก วา ตสฺส ปุตฺตธีตโร ¶ วา อฺโ วา โกจิ วํเส อุปฺปนฺโน ปุน กปฺปิยโวหาเรน เทติ, วฏฺฏตี’’ติ อฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๓๘-๕๓๙) วุตฺตตฺตา วิหารสฺสามิกภูตทายกสฺส วา ตสฺส ปุตฺตธีตาทีนํ วํเส อุปฺปนฺนานํ วา ทาตุํ อิสฺสรภาโว สิทฺโธเยวาติ. น สิทฺโธ. กสฺมาติ เจ? นนุ วุตฺตํ ‘‘ภิกฺขูหิ ปริจฺจตฺตภาวํ ตฺวา’’ติ, ตสฺมา อกปฺปิยตฺตา ภิกฺขูหิ ปริจฺจตฺตเมว กปฺปิยกรณตฺถาย ทายกาทีหิ ปุน ¶ กปฺปิยโวหาเรน เทติ, วฏฺฏติ. ยถา อปฺปฏิคฺคหิตตฺตา ภิกฺขูหิ อปริภุตฺตเมว ขาทนียโภชนียํ ภิกฺขุสนฺตกํเยว อาปตฺติโมจนตฺถํ ทายกาทโย ปฏิคฺคหาเปติ, น ปริภุตฺตํ, ยถา จ พีชคามปริยาปนฺนํเยว ภิกฺขุสนฺตกํ พีชคามภูตคามภาวโต ปริโมจนตฺถํ กปฺปิยการกาทโย กปฺปิยํ กโรนฺติ, น อปริยาปนฺนํ, เอวํ อกปฺปิยํ ภิกฺขูหิ ปริจฺจตฺตํเยว ตฬากาทิกํ กปฺปิยกรณตฺถํ ทายกาทโย ปุน เทนฺติ, น อปริจฺจตฺตํ, ตสฺมา อิทมฺปิ วจนํ กปฺปิยกรณตฺตํเยว สาเธติ, น อิสฺสรตฺตนฺติ วิฺายติ.
ตถาปิ เอวํ วเทยฺยุํ ‘‘ชาติภูมิยํ ชาติภูมิกา อุปาสกา อายสฺมนฺตํ ธมฺมิกตฺเถรํ สตฺตหิ ชาติภูมิกวิหาเรหิ ปพฺพาชยึสูติ วจนโต ทายโก วิหารสฺส อิสฺสโรติ วิฺายติ. อิสฺสรตฺตาเยว หิ เต เถรํ ปพฺพาเชตุํ สกฺกา, โน อนิสฺสรา’’ติ, น โข ปเนวํ ทฏฺพฺพํ. กสฺมา? ‘‘ชาติภูมิกา อุปาสกา’’อิจฺเจว หิ วุตฺตํ, น ‘‘วิหารทายกา’’ติ, ตสฺมา ตสฺมึ เทเส วสนฺตา พหโว อุปาสกา อายสฺมนฺตํ ธมฺมิกตฺเถรํ อยุตฺตจาริตฺตา สกลสตฺตวิหารโต ปพฺพาชยึสุ, น อตฺตโน วิหารทายกภาเวน อิสฺสรตฺตา, ตสฺมา อิทมฺปิ อุทาหรณํ น อิสฺสรภาวทีปกํ, อถ โข อปราธานุรูปกรณภาวทีปกนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอวํ ยทา ทายโก วิหารํ ปติฏฺาเปตฺวา เทติ, ตสฺส มฺุจเจตนํ ปตฺวา ทินฺนกาลโต ปฏฺาย โส วา ตสฺส วํเส อุปฺปนฺโน วา ชนปทสฺสามิกราชาทโย วา อิสฺสรา ภวิตุํ วา วิจาเรตุํ วา น ลภนฺติ, ปฏิคฺคาหกภูโต สงฺโฆ วา คโณ วา ปุคฺคโล วา โสเยว อิสฺสโร ภวิตุํ วา วิจาเรตุํ วา ลภตีติ ทฏฺพฺพํ.
ตตฺถ ทายกาทีนํ อิสฺสโร ภวิตุํ อลภนภาโว กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘วตฺถุปริจฺจาคลกฺขณตฺตา ทานสฺส, ปถวาทิวตฺถุปริจฺจาเคน ¶ จ ปุน คหณสฺส อยุตฺตตฺตา’’ติ วิมติวิโนทนิยํ วจนโต ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ยํ ทียมานํ ปตติ, ตํ สามํ คเหตฺวา ปริภฺุชิตุํ, ปริจฺจตฺตํ ตํ, ภิกฺขเว, ทายเกหี’’ติ (จูฬว. ๒๗๓) ภควตา วุตฺตตฺตา จ ‘‘ปริจฺจตฺตํ ตํ, ภิกฺขเว, ทายเกหีติ วจเนน ปเนตฺถ ปรสนฺตกาภาโว ทีปิโต’’ติ อฏฺกถายํ ¶ วุตฺตตฺตา จ วิฺายติ. สงฺฆาทีนํ อิสฺสโร ภวิตุํ ลภนภาโว กถํ าตพฺโพติ เจ? สงฺฆิโก นาม วิหาโร สงฺฆสฺส ทินฺโน โหติ ปริจฺจตฺโต, ‘‘ปุคฺคลิเก ปุคฺคลิกสฺี อฺสฺส ปุคฺคลิเก อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส, อตฺตโน ปุคฺคลิเก อนาปตฺตี’’ติ ปาจิตฺติยปาฬิยํ (ปาจิ. ๑๑๗, ๑๒๗) อาคมนโต จ ‘‘อนฺตมโส จตุรงฺคุลปาทกํ คามทารเกหิ ปํสฺวาคารเกสุ กีฬนฺเตหิ กตมฺปิ สงฺฆสฺส ทินฺนโต ปฏฺาย ครุภณฺฑํ โหตี’’ติ (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๑) สมนฺตปาสาทิกายํ วจนโต จ ‘‘อภิโยเคปิ เจตฺถ จาตุทฺทิสํ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ภิกฺขูนํ ทินฺนํ วิหารํ วา ปริเวณํ วา อาวาสํ วา มหนฺตมฺปิ ขุทฺทกมฺปิ อภิยฺุชโต อภิโยโค น รุหติ, อจฺฉินฺทิตฺวา คณฺหิตุมฺปิ น สกฺโกติ. กสฺมา? สพฺเพสํ ธุรนิกฺเขปาภาวโต. น เหตฺถ สพฺเพ จาตุทฺทิสา ภิกฺขู ธุรนิกฺเขปํ กโรนฺตีติ. ทีฆภาณกาทิเภทสฺส ปน คณสฺส เอกปุคฺคลสฺส วา สนฺตกํ อภิยฺุชิตฺวา คณฺหนฺโต สกฺโกติ เต ธุรํ นิกฺขิปาเปตุ’’นฺติ ทุติยปาราชิกวณฺณนายํ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๐๒) วจนโต จ วิฺายติ.
กถํ ทายกาทีนํ วิจาเรตุํ อลภนภาโว วิฺายตีติ เจ? สนฺเตสุปิ เวฬุวนวิหาราทิทายเกสุ เตสํ วิจารณํ อนนุชานิตฺวา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคตํ ภิกฺขุํ เสนาสนคฺคาหาปกํ สมฺมนฺนิตุ’’นฺติ ภิกฺขุสฺเสว เสนาสนคฺคาหาปกสมฺมุติอนุชานโต จ ภณฺฑนการเกสุ ¶ โกสมฺพกภิกฺขูสุ สาวตฺถึ อาคเตสุ อนาถปิณฺฑิเกน จ วิสาขาย มหาอุปาสิกาย จ ‘‘กถาหํ, ภนฺเต, เตสุ ภิกฺขูสุ ปฏิปชฺชามี’’ติ (มหาว. ๔๖๘) เอวํ เชตวนวิหารทายกปุพฺพารามวิหารทายกภูเตสุ อาโรจิเตสุปิ เตสํ เสนาสนวิจารณํ อวตฺวา อายสฺมตา สาริปุตฺตตฺเถเรน ‘‘กถํ นุ โข, ภนฺเต, เตสุ ภิกฺขูสุ เสนาสเน ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ อาโรจิเต ‘‘เตน หิ, สาริปุตฺต, วิวิตฺตํ เสนาสนํ ทาตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ‘‘สเจ ปน, ภนฺเต, วิวิตฺตํ น โหติ, กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ วิวิตฺตํ กตฺวาปิ ทาตพฺพํ, น ตฺเววาหํ, สาริปุตฺต, เกนจิ ปริยาเยน วุฑฺฒตรสฺส ภิกฺขุโน เสนาสนํ ปฏิพาหิตพฺพนฺติ วทามิ, โย ปฏิพาเหยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๔๗๓) เถรสฺเสว เสนาสนสฺส วิจารณสฺส อนฺุาตตฺตา จ วิฺายติ.
กถํ ปน สงฺฆาทีนํ เสนาสนํ วิจาเรตุํ ลภนภาโว วิฺายตีติ? ‘‘เอวฺจ, ภิกฺขเว, ¶ สมฺมนฺนิตพฺโพ – ปมํ ภิกฺขุ ยาจิตพฺโพ, ยาจิตฺวา พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สงฺโฆ าเปตพฺโพ –
สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ…เป… สมฺมโต สงฺเฆน อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ เสนาสนคฺคาหาปโก, ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามีติ (จูฬว. ๓๑๗).
เอวํ สงฺเฆน เสนาสนคฺคาหาปกํ สมฺมนฺนาเปตฺวา ปุน เตน สงฺฆสมฺมเตน เสนาสนคฺคาหาปเกน เสนาสนคฺคาหกวิธานํ อนุชานิตุํ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปมํ ภิกฺขู คเณตุํ, ภิกฺขู คเณตฺวา เสยฺยา คเณตุํ, เสยฺยา คเณตฺวา เสยฺยคฺเคน คาเหตุ’’นฺติ วจนโต สงฺฆิกเสนาสนสฺส ¶ สงฺเฆน วิจาเรตุํ ลภนภาโว วิฺายติ.
‘‘ทีฆภาณกาทิเภทสฺส ปน คณสฺส เอกปุคฺคลสฺส วา ทินฺนวิหาราทึ อจฺฉินฺทิตฺวา คณฺหนฺเต ธุรนิกฺเขปสมฺภวา ปาราชิก’’นฺติ อฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๐๒) อาคมนโต จ ‘‘อตฺตโน ปุคฺคลิเก อนาปตฺตี’’ติ ปาฬิยํ (ปาจิ. ๑๑๗) อาคมนโต จ ‘‘ยสฺมึ ปน วิสฺสาโส รุหติ, ตสฺส สนฺตกํ อตฺตโน ปุคฺคลิกมิว โหตีติ มหาปจฺจริอาทีสุ วุตฺต’’นฺติ อฏฺกถายํ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๑๒) วจนโต จ คณสฺส ทินฺโน คณสนฺตกวิหาโร คเณเนว วิจารียเต, โน ทายกาทีหิ. ปุคฺคลสฺส ทินฺโน ปุคฺคลิกวิหาโรปิ ปฏิคฺคาหกปุคฺคเลเนว วิจารียเต, โน ทายกาทีหีติ วิฺายติ. เอวํ วินยปาฬิยํ อฏฺกถาฏีกาสุ จ วิหารสฺส สงฺฆิกคณสนฺตกปุคฺคลิกวเสน ติวิธสฺเสว วจนโต จ เตสํเยว สงฺฆคณปุคฺคลานํ วิหารวิจารณสฺส อนฺุาตตฺตา จ ทายกสนฺตกสฺส วิหารสฺส วิสุํ อวุตฺตตฺตา จ ทายกานํ วิหารวิจารณสฺส อนนฺุาตตฺตา จ สงฺฆาทโย เอว วิหารสฺส อิสฺสรา โหนฺติ, เตเยว จ วิจาเรตุํ ลภนฺตีติ ทฏฺพฺพํ.
เอวํ โหตุ, เตสุ ปฏิคฺคาหกภูเตสุ สงฺฆคณปุคฺคเลสุ โส วิหาโร กสฺส สนฺตโก โหติ, เกน จ วิจาเรตพฺโพติ? วุจฺจเต – สงฺฆิกวิหาเร ตาว ‘‘อาคตานาคตสฺส จาตุทฺทิสสฺส สงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ ทินฺนตฺตา ปฏิคฺคาหเกสุ กาลกเตสุปิ ตทฺโ จาตุทฺทิสสงฺโฆ จ อนาคตสงฺโฆ จ อิสฺสโร, ตสฺส สนฺตโก, เตน วิจาเรตพฺโพ. คณสนฺตเก ปน ตสฺมึ คเณ ยาว เอโกปิ อตฺถิ, ตาว คณสนฺตโกว, เตน อวสิฏฺเน ภิกฺขุนา วิจาเรตพฺโพ. สพฺเพสุ กาลกเตสุ ¶ ยทิ สกลคโณ วา ตํคณปริยาปนฺนอวสิฏฺปุคฺคโล ¶ วา ชีวมานกาเลเยว ยสฺส กสฺสจิ ทินฺโน, เยน จ วิสฺสาสคฺคาหวเสน คหิโต, โส อิสฺสโร. สเจปิ สกลคโณ ชีวมานกาเลเยว อฺคณสฺส วา สงฺฆสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา เทติ, เต อฺคณสงฺฆปุคฺคลา อิสฺสรา โหนฺติ. ปุคฺคลิกวิหาเร ปน โส วิหารสฺสามิโก อตฺตโน ชีวมานกาเลเยว สงฺฆสฺส วา คณสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา เทติ, เต อิสฺสรา โหนฺติ. โย วา ปน ตสฺส ชีวมานสฺเสว วิสฺสาสคฺคาหวเสน คณฺหาติ, โสว อิสฺสโร โหตีติ ทฏฺพฺโพ.
กถํ วิฺายตีติ เจ? สงฺฆิเก วิหารสฺส ครุภณฺฑตฺตา อวิสฺสชฺชิยํ อเวภงฺคิกํ โหติ, น กสฺสจิ ทาตพฺพํ. คณสนฺตกปุคฺคลิเกสุ ปน เตสํ สามิกตฺตา ทานวิสฺสาสคฺคาหา รุหนฺติ, ‘‘ตสฺมา โส ชีวมาโนเยว สพฺพํ อตฺตโน ปริกฺขารํ นิสฺสชฺชิตฺวา กสฺสจิ อทาสิ, โกจิ วา วิสฺสาสํ อคฺคเหสิ. ยสฺส ทินฺนํ, เยน จ คหิตํ, ตสฺเสว โหตี’’ติ จ ‘‘ทฺวินฺนํ สนฺตกํ โหติ อวิภตฺตํ, เอกสฺมึ กาลกเต อิตโร สามี, พหูนมฺปิ สนฺตเก เอเสว นโย’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๖๙) จ อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา วิฺายติ.
เอวํ ปน วิสฺสชฺเชตฺวา อทินฺนํ ‘‘มมจฺจเยน อสุกสฺส โหตู’’ติ ทานํ อจฺจยทานตฺตา น รุหติ. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๔๑๙) ‘‘สเจ หิ ปฺจสุ สหธมฺมิเกสุ โย โกจิ กาลํ กโรนฺโต ‘มมจฺจเยน มยฺหํ ปริกฺขาโร อุปชฺฌายสฺส โหตุ, อาจริยสฺส โหตุ, สทฺธิวิหาริกสฺส โหตุ, อนฺเตวาสิกสฺส โหตุ, มาตุ โหตุ, ปิตุ โหตุ, อฺสฺส วา กสฺสจิ โหตู’ติ วทติ, เตสํ น โหติ, สงฺฆสฺเสว โหติ. น หิ ปฺจนฺนํ สหธมฺมิกานํ อจฺจยทานํ รุหติ, คิหีนํ ปน รุหตี’’ติ. เอตฺถ จ เอกจฺเจ ปน วินยธรา ‘‘คิหีนนฺติ ¶ ปทํ สมฺปทานนฺติ คเหตฺวา ภิกฺขูนํ สนฺตกํ อจฺจยทานวเสน คิหีนํ ททนฺเต รุหติ, ปฺจนฺนํ ปน สหธมฺมิกานํ เทนฺโต น รุหตี’’ติ วทนฺติ. เอวํ สนฺเต มาตาปิตูนํ ททนฺโตปิ รุเหยฺย เตสํ คิหิภูตตฺตา. ‘‘อถ จ ปน ‘มาตุ โหตุ, ปิตุ โหตุ, อฺสฺส วา กสฺสจิ โหตู’ติ วทติ, เตสํ น โหตี’’ติ วจนโต น รุหตีติ วิฺายติ, ตสฺมา ‘‘คิหีนํ ปนา’’ติ อิทํ น สมฺปทานวจนํ, อถ โข สามิวจนเมวาติ ทฏฺพฺพํ. เตน คิหีนํ ปน สนฺตกํ อจฺจยทานํ รุหตีติ สมฺพนฺโธ กาตพฺโพ.
กิฺจ ภิยฺโย – ‘‘สเจ หิ ปฺจสุ สหธมฺมิเกสุ โย โกจิ กาลํ กโรนฺโต มมจฺจเยน ¶ มยฺหํ ปริกฺขาโร’’ติ อารภิตฺวา ‘‘น หิ ปฺจนฺนํ สหธมฺมิกานํ อจฺจยทานํ รุหติ, คิหีนํ ปน รุหตี’’ติ วุตฺตตฺตา สามฺยตฺเถ ฉฏฺีพหุวจนํ สมตฺถิตํ ภวติ. ยทิ เอวํ ‘‘คิหีน’’นฺติ ปทสฺส อสมฺปทานตฺเต สติ กตมํ สมฺปทานํ โหตีติ? ‘‘ยสฺส กสฺสจี’’ติ ปทํ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๔๑๙) ‘‘มาตุ โหตุ, ปิตุ โหตุ, อฺสฺส วา กสฺสจิ โหตู’’ติ. อยมตฺโถ อชฺชุกวตฺถุนา (ปารา. ๑๕๘) ทีเปตพฺโพ. เอวํ ชีวมานกาเลเยว ทตฺวา มเตสุ วินิจฺฉโย อมฺเหหิ าโต, กสฺสจิ อทตฺวา มเตสุ วินิจฺฉโย กถํ าตพฺโพติ? ตตฺถาปิ สงฺฆิเก ตาว เหฏฺา วุตฺตนเยน สงฺโฆว อิสฺสโร, คณสนฺตเก ปน เอกจฺเจสุ อวเสสา อิสฺสรา, สพฺเพสุ มเตสุ สงฺโฆว อิสฺสโร. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๖๙) ‘‘สพฺเพสุ มเตสุ สงฺฆิกํ โหตี’’ติ. ปุคฺคลิเก ปน วิหารสฺส ครุภณฺฑตฺตา อวิสฺสชฺชิยํ อเวภงฺคิกํ สงฺฆิกเมว โหติ.
กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘ภิกฺขุสฺส, ภิกฺขเว, กาลกเต สงฺโฆ สามี ปตฺตจีวเร, อปิจ คิลานุปฏฺากา พหูปการา, อนุชานามิ ¶ , ภิกฺขเว, สงฺเฆน ติจีวรฺจ ปตฺตฺจ คิลานุปฏฺากานํ ทาตุํ. ยํ ตตฺถ ลหุภณฺฑํ ลหุปริกฺขารํ, ตํ สมฺมุขีภูเตน สงฺเฆน ภาเชตุํ. ยํ ตตฺถ ครุภณฺฑํ ครุปริกฺขารํ, ตํ อาคตานาคตสฺส จาตุทฺทิสสฺส สงฺฆสฺส อวิสฺสชฺชิยํ อเวภงฺคิก’’นฺติ (มหาว. ๓๖๙) เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน วุตฺตตฺตา วิฺายติ. เอวมฺปิ ‘‘ครุภณฺฑํ ครุปริกฺขารํ’’อิจฺเจว ภควตา วุตฺตํ, น ‘‘วิหาร’’นฺติ, ตสฺมา กถํ วิหารสฺส ครุภณฺฑภาโวติ วิฺายตีติ? ‘‘วิหาโร วิหารวตฺถุ, อิทํ ทุติยํ อเวภงฺคิก’’นฺติ ปาฬิยํ,
‘‘ทฺวิสงฺคหานิ ทฺเว โหนฺติ, ตติยํ จตุสงฺคหํ;
จตุตฺถํ นวโกฏฺาสํ, ปฺจมํ อฏฺเภทนํ.
‘‘อิติ ปฺจหิ ราสีหิ, ปฺจนิมฺมลโลจโน;
ปฺจวีสวิธํ นาโถ, ครุภณฺฑํ ปกาสยี’’ติ. (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๑) –
อฏฺกถายฺจ วุตฺตตฺตา วิฺายติ.
อิติ ¶ ทายโก วิหารํ กตฺวา กุลูปกภิกฺขุสฺส เทติ, ตสฺส มฺุจเจตนุปฺปตฺติโต ปุพฺพกาเล ทายโก วิหารสฺสามิโก โหติ, ทาตุํ วา วิจาเรตุํ วา อิสฺสโร, มฺุจเจตนุปฺปตฺติโต ปฏฺาย ปฏิคฺคาหกภิกฺขุ สามิโก โหติ, ปริภฺุชิตุํ วา อฺเสํ ทาตุํ วา อิสฺสโร. โส ปุคฺคโล อตฺตโน ชีวมานกฺขเณเยว สทฺธิวิหาริกาทีนํ นิสฺสชฺชิตฺวา เทติ, ตทา เต สทฺธิวิหาริกาทโย สามิกา โหนฺติ, ปริภฺุชิตุํ วา อฺสฺส วา ทาตุํ อิสฺสรา. ยทิ ปน กสฺสจิ อทตฺวาว กาลํ กโรติ, ตทา สงฺโฆว ตสฺส วิหารสฺส สามิโก โหติ, น ทายโก วา ปุคฺคโล วา, สงฺฆานุมติยา เอว ปุคฺคโล ปริภฺุชิตุํ ลภติ, น อตฺตโน อิสฺสรวตายาติ ทฏฺพฺโพ.
เอวํ ¶ มูลโตเยว สงฺฆสฺส ทินฺนตฺตา สงฺฆิกภูตวิหาโร วา มูเล คณปุคฺคลานํ ทินฺนตฺตา คณสนฺตกปุคฺคลิกภูโตปิ เตสํ คณปุคฺคลานํ อฺสฺส นิสฺสชฺชนวเสน อทตฺวา กาลกตตฺตา ปจฺฉา สงฺฆิกภาวํ ปตฺตวิหาโร วา สงฺเฆน วิจาเรตพฺโพ โหติ. สงฺเฆนปิ ภควโต อนุมติยา เสนาสนคฺคาหาปกํ สมฺมนฺนิตฺวา คาหาเปตพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ เสนาสนกฺขนฺธเก (จูฬว. ๓๑๗) ‘‘อถ โข ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ ‘เกน นุ โข เสนาสนํ คาเหตพฺพ’นฺติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – ‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคตํ ภิกฺขุํ เสนาสนคฺคาหาปกํ สมฺมนฺนิตุ’นฺติ’’อาทิ.
อิมสฺมึ าเน ‘‘เสนาสนคฺคาโห นาม วสฺสกาลวเสน เสนาสนคฺคาโห, อุตุกาลวเสน เสนาสนคฺคาโห, ธุววาสวเสน เสนาสนคฺคาโหติ ติวิโธ โหติ. เตสุ วสฺสกาลวเสน เสนาสนคฺคาโห ปุริมวสฺสวเสน เสนาสนคฺคาโห, ปจฺฉิมวสฺสวเสน เสนาสนคฺคาโหติ ทุวิโธ. อุตุกาลวเสน เสนาสนคฺคาโหปิ อนฺตรามุตฺตกวเสน เสนาสนคฺคาโห, ตงฺขณปฏิสลฺลานวเสน เสนาสนคฺคาโหติ ทุวิโธ’’ติ อาจริยา วทนฺติ, เอตํ ปาฬิยา จ อฏฺกถาย จ อสเมนฺตํ วิย ทิสฺสติ. ปาฬิยฺหิ (จูฬว. ๓๑๘) ‘‘อถ โข ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ ‘กติ นุ โข เสนาสนคฺคาโห’ติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – ตโยเม, ภิกฺขเว, เสนาสนคฺคาหา ปุริมโก ปจฺฉิมโก อนฺตรามุตฺตโก. อปรชฺชุคตาย อาสาฬฺหิยา ปุริมโก คาเหตพฺโพ, มาสคตาย อาสาฬฺหิยา ปจฺฉิมโก คาเหตพฺโพ, อปรชฺชุคตาย ปวารณาย อายตึ วสฺสาวาสตฺถาย อนฺตรามุตฺตโก คาเหตพฺโพ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ตโย เสนาสนคฺคาหา’’ติ เอวํ อาคโต, อฏฺกถายมฺปิ ¶ (จูฬว. อฏฺ. ๓๑๘) ‘‘ตีสุ เสนาสนคฺคาเหสุ ปุริมโก จ ปจฺฉิมโก ¶ จาติ อิเม ทฺเว คาหา ถาวรา. อนฺตรามุตฺตเก อยํ วินิจฺฉโย…เป… อยํ ตาว อนฺโตวสฺเส วสฺสูปนายิกาทิวเสน ปาฬิยํ อาคตเสนาสนคฺคาหกถา, อยํ ปน เสนาสนคฺคาโห นาม ทุวิโธ โหติ อุตุกาเล จ วสฺสาวาเส จา’’ติ เอวํ อาคโต, ตสฺมา สงฺเฆน สมฺมตเสนาสนคฺคาหาปเกน วิจาเรตพฺพา.
เสนาสนคฺคาโห นาม อุตุกาเล เสนาสนคฺคาโห, วสฺสาวาเส เสนาสนคฺคาโหติ ทุวิโธ. ตตฺถ อุตุกาโล นาม เหมนฺตอุตุคิมฺหอุตุวเสน อฏฺ มาสา, ตสฺมึ กาเล ภิกฺขู อนิยตาวาสา โหนฺติ, ตสฺมา เย ยทา อาคจฺฉนฺติ, เตสํ ตทา ภิกฺขู อุฏฺาเปตฺวา เสนาสนํ ทาตพฺพํ, อกาโล นาม นตฺถิ. อยํ อุตุกาเล เสนาสนคฺคาโห นาม. วสฺสาวาเส เสนาสนคฺคาโห ปน ‘‘ปุริมโก ปจฺฉิมโก อนฺตรามุตฺตโก’’ติ ปาฬิยํ อาคตนเยน ติวิโธ โหติ. อนฺตรามุตฺตโกปิ หิ อายตึ วสฺสาวาสตฺถาย คาหิตตฺตา วสฺสาวาเส เสนาสนคฺคาหเมว ปวิสติ, น อุตุกาเล เสนาสนคฺคาโห. วุตฺตฺหิ ภควตา ‘‘อปรชฺชุคตาย ปวารณาย อายตึ วสฺสาวาสตฺถาย อนฺตรามุตฺตโก คาเหตพฺโพ’’ติ. ตงฺขณปฏิสลฺลานวเสน เสนาสนคฺคาโหติ จ เนว ปาฬิยํ น อฏฺกถายํ วิสุํ อาคโต, อุตุกาเล เสนาสนคฺคาโหเยว ตทงฺคเสนาสนคฺคาโหติปิ ตงฺขณปฏิสลฺลานวเสน เสนาสนคฺคาโหติปิ วทนฺติ, ตสฺมา อุตุกาลวเสน เสนาสนคฺคาโหปิ ‘‘อนฺตรามุตฺตกวเสน เสนาสนคฺคาโห ตงฺขณปฏิสลฺลานวเสน เสนาสนคฺคาโหติ ทุพฺพิโธ’’ติ น วตฺตพฺโพ.
อถาปิ ¶ วทนฺติ ‘‘ยถาวุตฺเตสุ ปฺจสุ เสนาสนคฺคาเหสุ จตฺตาโร เสนาสนคฺคาหา ปฺจงฺคสมนฺนาคเตน เสนาสนคฺคาหาปกสมฺมุติลทฺเธน ภิกฺขุนา อนฺโตอุปจารสีมฏฺเน หุตฺวา อนฺโตสีมฏฺานํ ภิกฺขูนํ ยถาวินยํ วิจาเรตพฺพา โหนฺติ, เต ปน วิจารณา ยาวชฺชกาลา ถาวรา หุตฺวา น ติฏฺนฺติ, ธุววาสวเสน วิจารณเมว ยาวชฺชกาลา ถาวรํ หุตฺวา ติฏฺตี’’ติ, ตมฺปิ ตถา น สกฺกา วตฺตุํ. กสฺมา? เสนาสนคฺคาหาปกเภเท ‘‘ธุววาสวเสน เสนาสนคฺคาโห’’ติ ปาฬิยํ อฏฺกถายฺจ นตฺถิ. ธุววาสวเสน วิจารณฺจ สมฺมุติลทฺเธน เสนาสนคฺคาหาปเกน วิจาเรตพฺพํ น โหติ, อถ โข สมคฺเคน สงฺเฆน อปโลกนกมฺมวเสน ทุวงฺคสมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุสฺส อนุฏฺาปนียํ กตฺวา ทานเมว, ตสฺมา สมคฺโค สงฺโฆ พหูปการตาคุณวิสิฏฺตาสงฺขาเตหิ ทฺวีหิ องฺเคหิ สมนฺนาคตํ ภิกฺขุํ อปโลกนกมฺมวเสน สมฺมนฺนิตฺวา ¶ ตสฺส ผาสุกํ อาวาสํ ธุววาสวเสน อนุฏฺาปนียํ กตฺวา เทติ, ตํ ยาวชฺชกาลา ถาวรํ หุตฺวา ติฏฺตีติ วตฺตพฺพํ.
สมคฺโค สงฺโฆว ธุววาสวเสน เทติ, น เสนาสนคฺคาหาปโกติ อยมตฺโถ กถํ าตพฺโพติ เจ? ‘‘สงฺโฆ ปน ภณฺฑาคาริกสฺส วา ธมฺมกถิกวินยธราทีนํ วา คณวาจกอาจริยสฺส วา พหูปการตํ คุณวิสิฏฺตฺจ สลฺลกฺเขนฺโต ธุววาสตฺถาย วิหารํ สมฺมนฺนิตฺวา เทตี’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๒๐; กงฺขา. อฏฺ. อนุปขชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘สงฺโฆ ปน พหุสฺสุตสฺส อุทฺเทสปริปุจฺฉาทีหิ พหูปการสฺส ภารนิตฺถารกสฺส ผาสุกํ อาวาสํ อนุฏฺาปนียํ กตฺวา เทตี’’ติ จ ‘‘สงฺโฆ ปน ภณฺฑาคาริกสฺส วา ธมฺมกถิกวินยธรคณวาจกาจริยานํ วา พหูปการตํ คุณวิสิฏฺตฺจ สลฺลกฺเขตฺวา ธุววาสตฺถาย วิหารํ สลฺลกฺเขตฺวา สมฺมนฺนิตฺวา เทตี’’ติ จ ‘‘พหุสฺสุตสฺส สงฺฆภารนิตฺถารกสฺส ¶ ภิกฺขุโน อนุฏฺาปนียเสนาสนมฺปี’’ติ (ปริ. อฏฺ. ๔๙๕-๔๙๖) จ ‘‘อปโลกนกมฺมํ นาม สีมฏฺกํ สงฺฆํ โสเธตฺวา ฉนฺทารหานํ ฉนฺทํ อาหริตฺวา สมคฺคสฺส สงฺฆสฺส อนุมติยา ติกฺขตฺตุํ สาเวตฺวา กตฺตพฺพํ กมฺม’’นฺติ จ อฏฺกถาสุ (ปริ. อฏฺ. ๔๘๒) วจนโต สาธุกํ นิสฺสํสเยน าตพฺโพติ.
กถํ ปน อปโลกนกมฺเมน ทาตพฺพภาโว วิฺายตีติ? ‘‘พหุสฺสุตสฺส สงฺฆภารนิตฺถารกสฺส ภิกฺขุโน อนุฏฺาปนียเสนาสนมฺปิ สงฺฆกิจฺจํ กโรนฺตานํ กปฺปิยการกาทีนํ ภตฺตเวตนมฺปิ อปโลกนกมฺเมน ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ ปริวารฏฺกถายํ (ปริ. อฏฺ. ๔๙๕-๔๙๖) กมฺมวคฺเค อาคตตฺตา วิฺายติ. กถํ ปน ทุวงฺคสมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโนเยว ทาตพฺพภาโว วิฺายตีติ? ‘‘พหูปการตนฺติ ภณฺฑาคาริกตาทิพหุอุปการภาวํ. น เกวลํ อิทเมวาติ อาห ‘คุณวิสิฏฺตฺจา’ติอาทิ. เตน พหูปการตฺเตปิ คุณวิสิฏฺตฺตาภาเว, คุณวิสิฏฺตฺเตปิ พหูปการตฺตาภาเว ทาตุํ น วฏฺฏตีติ ทสฺเสตี’’ติ วินยตฺถมฺชูสายํ (กงฺขา. อฏฺ. ฏี. อนุปขชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา) วุตฺตตฺตา วิฺายติ.
กสฺมา ปน เสนาสนคฺคาหาปเกน วิจาเรตพฺโพ เสนาสนคฺคาโห ยาวชฺชกาลา น ติฏฺตีติ? ปฺจงฺคสมนฺนาคตสฺส เสนาสนคฺคาหาปกสฺส ภิกฺขุโน ทุลฺลภตฺตา, นานาเทสวาสีนํ นานาจริยกุลสมฺภวานํ ภิกฺขูนํ เอกสมฺโภคปริโภคสฺส ทุกฺกรตฺตา จ อิเมหิ ทฺวีหิ การเณหิ ¶ น ติฏฺติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคตํ ภิกฺขุํ เสนาสนคฺคาหาปกํ สมฺมนฺนิตุํ, โย น ฉนฺทาคตึ คจฺเฉยฺย, น โทสาคตึ คจฺเฉยฺย, น โมหาคตึ คจฺเฉยฺย, น ภยาคตึ คจฺเฉยฺย ¶ , คหิตาคหิตฺจ ชาเนยฺยา’’ติ (จูฬว. ๓๑๗). อฏฺกถายมฺปิ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๒๒) ‘‘เอวรูเปน หิ สภาคปุคฺคเลน เอกวิหาเร วา เอกปริเวเณ วา วสนฺเตน อตฺโถ นตฺถี’’ติ วุตฺตํ. กสฺมา ปน ธุววาสตฺถาย ทานวิจาโร ยาวชฺชกาลา ติฏฺตีติ? ปฺจงฺคสมนฺนาคตาภาเวปิ สีมฏฺกสฺส สมคฺคสฺส สงฺฆสฺส อนุมติยา กตฺตพฺพตฺตา. วุตฺตฺหิ ‘‘อปโลกนกมฺมํ นาม สีมฏฺกํ สงฺฆํ โสเธตฺวา ฉนฺทารหานํ ฉนฺทํ อาหริตฺวา สมคฺคสฺส สงฺฆสฺส อนุมติยา ติกฺขตฺตุํ สาเวตฺวา กตฺตพฺพํ กมฺม’’นฺติ (ปริ. อฏฺ. ๔๘๒).
อุตุกาเล สงฺฆิกเสนาสเน วสนฺเตน อาคโต ภิกฺขุ น ปฏิพาเหตพฺโพ อฺตฺร อนุฏฺาปนียา. วุตฺตฺหิ ภควตา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วสฺสานํ เตมาสํ ปฏิพาหิตุํ, อุตุกาลํ ปน น ปฏิพาหิตุ’’นฺติ (จูฬว. ๓๑๘). ‘‘อฺตฺร อนุฏฺาปนียา’’ติ วุตฺตํ, กตเม อนุฏฺาปนียาติ? จตฺตาโร อนุฏฺาปนียา วุฑฺฒตโร, ภณฺฑาคาริโก, คิลาโน, สงฺฆโต ลทฺธเสนาสโน จ. ตตฺถ วุฑฺฒตโร ภิกฺขุ ตสฺมึ วิหาเร อนฺโตสีมฏฺกภิกฺขูสุ อตฺตนา วุฑฺฒตรสฺส อฺสฺส อภาวา ยถาวุฑฺฒํ เกนจิ อนุฏฺาปนีโย. ภณฺฑาคาริโก สงฺเฆน สมฺมนฺนิตฺวา ภณฺฑาคารสฺส ทินฺนตาย สงฺฆสฺส ภณฺฑํ รกฺขนฺโต โคเปนฺโต วสติ, ตสฺมา โส ภณฺฑาคาริโก เกนจิ อนุฏฺาปนีโย. คิลาโน เคลฺาภิภูโต อตฺตโน ลทฺธเสนาสเน วสนฺโต เกนจิ อนุฏฺาปนีโย. สงฺฆโต ลทฺธเสนาสโน สมคฺเคน สงฺเฆน ทินฺนเสนาสนตฺตา เกนจิ อนุฏฺาปนีโย. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๔๓) ‘‘จตฺตาโร หิ น วุฏฺาเปตพฺพา วุฑฺฒตโร, ภณฺฑาคาริโก, คิลาโน, สงฺฆโต ลทฺธเสนาสโนติ. ตตฺถ วุฑฺฒตโร อตฺตโน วุฑฺฒตาย นวกตเรน น ¶ วุฏฺาเปตพฺโพ, ภณฺฑาคาริโก สงฺเฆน สมฺมนฺนิตฺวา ภณฺฑาคารสฺส ทินฺนตาย, คิลาโน อตฺตโน คิลานตาย, สงฺโฆ ปน พหุสฺสุตสฺส อุทฺเทสปริปุจฺฉาทีหิ พหูปการสฺส ภารนิตฺถารกสฺส ผาสุกํ อาวาสํ อนุฏฺาปนียํ กตฺวา เทติ, ตสฺมา โส อุปการกตาย จ สงฺฆโต ลทฺธตาย จ น วุฏฺาเปตพฺโพ’’ติ. เปตฺวา อิเม จตฺตาโร อวเสสา วุฏฺาปนียาว โหนฺติ.
อปรสฺมึ ภิกฺขุมฺหิ อาคเต วุฏฺาเปตฺวา เสนาสนํ ทาเปตพฺพํ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๓๑๘) ‘‘อุตุกาเล ตาว เกจิ อาคนฺตุกา ภิกฺขู ปุเรภตฺตํ อาคจฺฉนฺติ, เกจิ ¶ ปจฺฉาภตฺตํ ปมยามํ วา มชฺฌิมยามํ วา ปจฺฉิมยามํ วา, เย ยทา อาคจฺฉนฺติ, เตสํ ตทาว ภิกฺขู อุฏฺาเปตฺวา เสนาสนํ ทาตพฺพํ, อกาโล นาม นตฺถี’’ติ. เอตรหิ ปน สทฺธา ปสนฺนา มนุสฺสา วิหารํ กตฺวา อปฺเปกจฺเจ ปณฺฑิตานํ วจนํ สุตฺวา ‘‘สงฺเฆ ทินฺนํ มหปฺผล’’นฺติ ตฺวา จาตุทฺทิสํ สงฺฆํ อารพฺภ ‘‘อิมํ วิหารํ อาคตานาคตสฺส จาตุทฺทิสสฺส สงฺฆสฺส เทมา’’ติ วตฺวา เทนฺติ, อปฺเปกจฺเจ อตฺตนา ปสนฺนํ ภิกฺขุํ อารพฺภ วิหารํ กตฺวาปิ ทานกาเล เตน อุยฺโยชิตา หุตฺวา จาตุทฺทิสํ สงฺฆํ อารพฺภ วุตฺตนเยน เทนฺติ, อปฺเปกจฺเจ กรณกาเลปิ ทานกาเลปิ อตฺตโน กุลูปกภิกฺขุเมว อารพฺภ ปริจฺจชนฺติ, ตถาปิ ทกฺขิโณทกปาตนกาเล เตน สิกฺขาปิตา ยถาวุตฺตปาํ วจีเภทํ กโรนฺติ, จิตฺเตน ปน กุลูปกสฺเสว เทนฺติ, น สพฺพสงฺฆสาธารณตฺถํ อิจฺฉนฺติ.
อิเมสุ ตีสุ ทาเนสุ ปมํ ปุพฺพกาเลปิ ทานกาเลปิ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ปวตฺตตฺตา สพฺพสงฺฆิกํ โหติ. ทุติยํ ปุพฺพกาเล ปุคฺคลํ อุทฺทิสฺส ปวตฺตมานมฺปิ ทานกาเล สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ปวตฺตตฺตา สงฺฆิกเมว. ตติยํ ปน ปุพฺพกาเลปิ ทานกาเลปิ ¶ กุลูปกปุคฺคลเมว อุทฺทิสฺส ปวตฺตติ, น สงฺฆํ, เกวลํ ภิกฺขุนา วุตฺตานุสาเรเนว วจีเภทํ กโรนฺติ. เอวํ สนฺเต ‘‘กึ อยํ วิหาโร จิตฺตวเสน ปุคฺคลิโก โหติ, วจีเภทวเสน สงฺฆิโก’’ติ จินฺตายํ เอกจฺเจ เอวํ วเทยฺยุํ –
‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา, มโนเสฏฺา มโนมยา;
มนสา เจ ปสนฺเนน, ภาสติ วา กโรติ วา;
ตโต นํ สุขมนฺเวติ, ฉายาว อนปายินีติ. (ธ. ป. ๒) –
วจนโต จิตฺตวเสน ปุคฺคลิโก โหตี’’ติ. อฺเ ‘‘ยถา ทายกา วทนฺติ, ตถา ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๕) วจนโต วจีเภทวเสน สงฺฆิโก โหตี’’ติ.
ตตฺรายํ วิจารณา – อิทํ ทานํ ปุพฺเพ ปุคฺคลสฺส ปริณตํ ปจฺฉา สงฺฆสฺส ปริณามิตํ, ตสฺมา ‘‘สงฺฆิโก’’ติ วุตฺเต นวสุ อธมฺมิกทาเนสุ ‘‘ปุคฺคลสฺส ปริณตํ สงฺฆสฺส ปริณาเมตี’’ติ (ปารา. ๖๖๐) วุตฺตํ อฏฺมํ อธมฺมิกทานํ โหติ, ตสฺส ทานสฺส ปฏิคฺคหาปิ ปริโภคาปิ อธมฺมิกปฏิคฺคหา อธมฺมิกปริโภคา โหนฺติ. ‘‘ปุคฺคลิโก’’ติ วุตฺเต ตีสุ ธมฺมิกทาเนสุ ‘‘ปุคฺคลสฺส ทินฺนํ ปุคฺคลสฺเสว เทตี’’ติ วุตฺตํ ตติยธมฺมิกทานํ โหติ, ตสฺส ¶ ปฏิคฺคหาปิ ปริโภคาปิ ธมฺมิกปฏิคฺคหา ธมฺมิกปริโภคา โหนฺติ, ตสฺมา ปุคฺคลิกปกฺขํ ภชติ. อปฺเปกจฺเจ สุตฺตนฺติกาทิคเณ ปสีทิตฺวา วิหารํ กาเรตฺวา คณสฺส เทนฺติ ‘‘อิมํ วิหารํ อายสฺมนฺตานํ ทมฺมี’’ติ. อปฺเปกจฺเจ ปุคฺคเล ปสีทิตฺวา วิหารํ กตฺวา ปุคฺคลสฺส เทนฺติ ‘‘อิมํ วิหารํ อายสฺมโต ทมฺมี’’ติ. เอเต ปน คณสนฺตกปุคฺคลิกา วิหารา ทานกาลโต ปฏฺาย ปฏิคฺคาหกสนฺตกาว โหนฺติ, น ทายกสนฺตกา. เตสุ คณสนฺตโก ตาว เอกจฺเจสุ มเตสุ อวเสสานํ สนฺตโก, เตสุ ธรมาเนสุเยว ¶ กสฺสจิ เทนฺติ, ตสฺส สนฺตโก. กสฺสจิ อทตฺวา สพฺเพสุ มเตสุ สงฺฆิโก โหติ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๖๙) ‘‘ทฺวินฺนํ สนฺตกํ โหติ อวิภตฺตํ, เอกสฺมึ กาลกเต อิตโร สามี, พหูนํ สนฺตเกปิ เอเสว นโย. สพฺเพสุ มเตสุ สงฺฆิกํว โหตี’’ติ.
ปุคฺคลิกวิหาโรปิ ยทิ โส ปฏิคฺคาหกปุคฺคโล อตฺตโน ชีวมานกาเลเยว สทฺธิวิหาริกาทีนํ เทติ, โกจิ วา ตสฺส วิสฺสาเสน ตํ วิหารํ อคฺคเหสิ, ตสฺส สนฺตโก โหติ. กสฺสจิ อทตฺวา กาลกเต สงฺฆิโก โหติ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ ‘‘โส ชีวมาโนเยว สพฺพํ อตฺตโน ปริกฺขารํ นิสฺสชฺชิตฺวา กสฺสจิ อทาสิ, โกจิ วา วิสฺสาสํ อคฺคเหสิ. ยสฺส ทินฺโน, เยน จ คหิโต, ตสฺเสว โหตี’’ติ. ปาฬิยฺจ (มหาว. ๓๖๙) ‘‘ภิกฺขุสฺส, ภิกฺขเว, กาลกเต สงฺโฆ สามี ปตฺตจีวเร, อปิจ คิลานุปฏฺากา พหูปการา. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สงฺเฆน ติจีวรฺจ ปตฺตฺจ คิลานุปฏฺากานํ ทาตุํ, ยํ ตตฺถ ลหุภณฺฑํ ลหุปริกฺขารํ, ตํ สมฺมุขีภูเตน สงฺเฆน ภาเชตุํ, ยํ ตตฺถ ครุภณฺฑํ ครุปริกฺขารํ, ตํ อาคตานาคตสฺส จาตุทฺทิสสฺส สงฺฆสฺส อวิสฺสชฺชิยํ อเวภงฺคิก’’นฺติ (มหาว. ๓๖๙) วุตฺตํ, ตสฺมา อิมินา นเยน วินิจฺฉโย กาตพฺโพ.
สงฺฆิเก ปน ปาฬิยํ อาคตานํ ‘‘ปุริมโก ปจฺฉิมโก อนฺตรามุตฺตโก จา’’ติ (จูฬว. ๓๑๘) วุตฺตานํ ติณฺณํ เสนาสนคฺคาหานฺจ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๓๑๘) อาคตานํ ‘‘อุตุกาเล จ วสฺสาวาเส จา’’ติ วุตฺตานํ ทฺวินฺนํ เสนาสนคฺคาหานฺจ เอตรหิ อสมฺปชฺชนโต อนุฏฺาปนียปาฬิยํ อาคตสฺส อตฺตโน สภาเวน อนุฏฺาปนียสฺส ธุววาสตฺถาย สงฺเฆน ทินฺนตาย อนุฏฺาปนียสฺส วเสเนว วินิจฺฉโย โหติ. วุฑฺฒตรคิลานา หิ ¶ อตฺตโน สภาเวน อนุฏฺาปนียา โหนฺติ. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๔๓) ‘‘วุฑฺฒตโร อตฺตโน วุฑฺฒตาย นวกตเรน น วุฏฺาเปตพฺโพ, คิลาโน อตฺตโน คิลานตายา’’ติ. ภณฺฑาคาริกธมฺมกถิกาทโย ¶ ธุววาสตฺถาย สงฺเฆน ทินฺนตาย อนุฏฺาปนียา โหนฺติ. วุตฺตฺหิ ‘‘สงฺโฆ ปน ภณฺฑาคาริกสฺส วา ธมฺมกถิกวินยธราทีนํ วา…เป… ธุววาสตฺถาย วิหารํ สมฺมนฺนิตฺวา เทติ, ตสฺมา ยสฺส สงฺเฆน ทินฺโน, โสปิ อนุฏฺาปนีโย’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๒๐; กงฺขา. อฏฺ. อนุปขชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา). โส เอวํ เวทิตพฺโพ – เอตรหิ สงฺฆิกวิหาเรสุ สงฺฆตฺเถเรสุ ยถากมฺมงฺคเตสุ ตสฺมึ วิหาเร โย ภิกฺขุ วุฑฺฒตโร, โสปิ ‘‘อยํ วิหาโร มยา วสิตพฺโพ’’ติ วทติ. โย ตตฺถ พฺยตฺโต ปฏิพโล, โสปิ ตเถว วทติ. เยน โส วิหาโร การิโต, โสปิ ‘‘มยา ปสีทิตปุคฺคโล อาโรเปตพฺโพ’’ติ วทติ. สงฺโฆปิ ‘‘มยเมว อิสฺสรา, ตสฺมา อมฺเหหิ อิจฺฉิตปุคฺคโล อาโรเปตพฺโพ’’ติ วทติ. เอวํทฺวิธา วา ติธา วา จตุธา วา ภินฺเนสุ มหนฺตํ อธิกรณํ โหติ.
เตสุ วุฑฺฒตโร ‘‘น ตฺเววาหํ, ภิกฺขเว, เกนจิ ปริยาเยน วุฑฺฒตรสฺส อาสนํ ปฏิพาหิตพฺพนฺติ วทามิ, โย ปฏิพาเหยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ ปาฬิปาฺจ (มหาว. ๔๗๓; จูฬว. ๓๑๖), ‘‘วุฑฺฒตโร อตฺตโน วุฑฺฒตาย นวกตเรน น วุฏฺาเปตพฺโพ’’ติ อฏฺกถาวจนฺจ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๑๙ อาทโย; กงฺขา. อฏฺ. อนุปขชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา) คเหตฺวา ‘‘อหเมว เอตฺถ วุฑฺฒตโร, มยา วุฑฺฒตโร อฺโ นตฺถิ, ตสฺมา อหเมว อิมสฺมึ วิหาเร วสิตุมนุจฺฉวิโก’’ติ สฺี โหติ. พฺยตฺโตปิ ‘‘พหุสฺสุตสฺส สงฺฆภารนิตฺถารกสฺส ภิกฺขุโน อนุฏฺาปนียเสนาสนมฺปี’’ติ ปริวารฏฺกถาวจนฺจ (ปริ. อฏฺ. ๔๙๕-๔๙๖), ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, พฺยตฺเตน ¶ ภิกฺขุนา ปฏิพเลน ทสวสฺเสน วา อติเรกทสวสฺเสน วา อุปสมฺปาเทตุํ, นิสฺสยํ ทาตุ’’นฺติอาทิปาฬิวจนฺจ (มหาว. ๗๖, ๘๒) คเหตฺวา ‘‘อหเมว เอตฺถ พฺยตฺโต ปฏิพโล, น มยา อฺโ พฺยตฺตตโร อตฺถิ, ตสฺมา อหเมว อิมสฺส วิหารสฺส อนุจฺฉวิโก’’ติ สฺี. วิหารการโกปิ ‘‘เยน วิหาโร การิโต, โส วิหารสามิโกติ วินยปาโ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๑๖) อตฺถิ, มยา จ พหุํ ธนํ จชิตฺวา อยํ วิหาโร การิโต, ตสฺมา มยา ปสนฺนปุคฺคโล อาโรเปตพฺโพ, น อฺโ’’ติ สฺี. สงฺโฆปิ ‘‘สงฺฆิโก นาม วิหาโร สงฺฆสฺส ทินฺโน โหติ ปริจฺจตฺโต’’ติอาทิปาฬิวจนฺจ (ปาจิ. ๑๑๖, ๑๒๑, ๑๒๖, ๑๓๑), อนฺตมโส จตุรงฺคุลปาทกํ คามทารเกหิ ปํสฺวาคารเกสุ กีฬนฺเตหิ กตมฺปิ สงฺฆสฺส ทินฺนกาลโต ปฏฺาย ครุภณฺฑํ โหตี’’ติอาทิอฏฺกถาวจนฺจ (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๑) คเหตฺวา ‘‘อยํ วิหาโร สงฺฆิโก ¶ สงฺฆสนฺตโก, ตสฺมา อมฺเหหิ อภิรุจิตปุคฺคโลว อาโรเปตพฺโพ, น อฺโ’’ติ สฺี.
ตตฺถ วุฑฺฒตรสฺส วจเนปิ ‘‘น ตฺเววาหํ, ภิกฺขเว’’ตฺยาทิวจนํ (จูฬว. ๓๑๖) เตสุ เตสุ อาสนสาลาทีสุ อคฺคาสนสฺส วุฑฺฒตรารหตฺตา ภตฺตํ ภฺุชิตฺวา นิสินฺโนปิ ภิกฺขุ วุฑฺฒตเร อาคเต วุฏฺาย อาสนํ ทาตพฺพํ สนฺธาย ภควตา วุตฺตํ, น ธุววาสํ สนฺธาย. ‘‘วุฑฺฒตโร อตฺตโน วุฑฺฒตาย’’ตฺยาทิวจนฺจ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๒๐; กงฺขา. อฏฺ. อนุปขชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา) ยถาวุฑฺฒํ เสนาสเน ทียมาเน วุฑฺฒตเร อาคเต นวกตโร วุฏฺาเปตพฺโพ, วุฏฺาเปตฺวา วุฑฺฒตรสฺส เสนาสนํ ทาตพฺพํ, วุฑฺฒตโร ปน นวกตเรน น วุฏฺาเปตพฺโพ. กสฺมา? ‘‘อตฺตโน วุฑฺฒตรตายา’’ติ อุตุกาเล ยถาวุฑฺฒํ เสนาสนทานํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ธุววาสตฺถาย ทานํ สนฺธาย ¶ , ตสฺมา อิทมฺปิ วจนํ อุปปริกฺขิตพฺพํ, น สีฆํ อนุชานิตพฺพํ.
พฺยตฺตวจเนปิ ‘‘พหุสฺสุตสฺส สงฺฆภารนิตฺถารกสฺส’’ตฺยาทิวจนฺจ (ปริ. อฏฺ. ๔๔๕-๔๙๖) น พหุสฺสุตมตฺเตน สงฺฆิกวิหารสฺส อิสฺสรภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ, อถ โข ตสฺส ภิกฺขุสฺส พหูปการตํ คุณวิสิฏฺตฺจ สลฺลกฺเขตฺวา สงฺเฆน ผาสุกํ อาวาสํ อนุฏฺาปนียํ กตฺวา ทินฺเน โส ภิกฺขุ เกนจิ ตมฺหา วิหารา อนุฏฺาปนีโย โหติ, อิมมตฺถํ สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว’’ตฺยาทิวจนฺจ (มหาว. ๘๒) นิสฺสยาจริยานํ ลกฺขณํ ปกาเสตุํ ภควตา วุตฺตํ, น สงฺฆิกวิหารสฺส อิสฺสรตฺตํ, ตสฺมา อิทมฺปิ วจนํ อุปปริกฺขิตพฺพํ, น สีฆํ อนุชานิตพฺพํ.
ทายกวจนํ ปน นานุชานิตพฺพํ ปฏิพาหิตพฺพํ. กสฺมา? ‘‘เยน วิหาโร การิโต’’ตฺยาทิปาสฺส อมุขฺยโวหารตฺตา. ยถา หิ ปุถุชฺชนกาเล รูปาทีสุ สฺชนสฺส ภูตปุพฺพตฺตา ภูตปุพฺพคติยา อรหาปิ ‘‘สตฺโต’’ติ, เอวํ ทานกาลโต ปุพฺเพ ตสฺส วิหารสฺส สามิภูตปุพฺพตฺตา ทายโก ‘‘วิหารสามิโก’’ติ วุจฺจติ, น อิสฺสรตฺตา. น หิ สกเล วินยปิฏเก อฏฺกถาฏีกาสุ จ ‘‘วิสฺสชฺเชตฺวา ทินฺนสฺส วิหารสฺส ทายโก อิสฺสโร’’ติ วา ‘‘ทายเกน วิจาเรตพฺโพ’’ติ วา ‘‘ทายกสนฺตกวิหาโร’’ติ วา ปาโ อตฺถิ, ‘‘สงฺฆิโก, คณสนฺตโก, ปุคฺคลิโก’’อิจฺเจว อตฺถิ, ตสฺมา ตสฺส วจนํ นานุชานิตพฺพํ.
สงฺฆสฺส ¶ วจเนปิ ‘‘สงฺฆิโก นาม วิหาโร’’ตฺยาทิวจนํ (ปาจิ. ๑๑๖, ๑๒๑, ๑๒๖, ๑๓๑) สงฺฆสนฺตกภาวํ สงฺเฆน วิจาเรตพฺพภาวํ ทีเปติ, สงฺโฆ ปน วิจาเรนฺโต ปฺจงฺคสมนฺนาคตํ ภิกฺขุํ เสนาสนคฺคาหาปกํ สมฺมนฺนิตฺวา เตน ยถาวุฑฺฒํ วิจาเรตพฺโพ วา โหติ, สมคฺเคน สงฺเฆน ทุวงฺคสมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน อปโลกนกมฺเมน ¶ ธุววาสตฺถาย ทาตพฺโพ วา. เตสุ ปฺจงฺคสมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน ทุลฺลภตฺตา เสนาสนคฺคาหาปกสมฺมุติยา อภาเว สติ ทุวงฺคสมนฺนาคโต ภิกฺขุ ปริเยสิตพฺโพ. เอวํ ปน อปริเยสิตฺวา ภณฺฑาคาริกตาทิพหอูปการตายุตฺตสฺส พหุสฺสุตตาทิคุณวิสิฏฺตาวิรหสฺส ภิกฺขุโน อามิสครุกตาทิวเสน สงฺเฆน วิหาโร ทาตพฺโพ น โหติ, ตสฺมา สงฺฆวจนมฺปิ อุปปริกฺขิตพฺพํ, น ตาว อนุชานิตพฺพํ.
อถ ตีณิปิ วจนานิ สํสนฺเทตพฺพานิ. ตตฺถ สงฺฆสฺส อิสฺสรตฺตา สงฺโฆ ปุจฺฉิตพฺโพ ‘‘โก ปุคฺคโล ตุมฺเหหิ อภิรุจิโต’’ติ, ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอโส’’ติ วุตฺเต ‘‘กสฺมา อภิรุจิโต’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอโส ปุคฺคโล อมฺเห จีวราทิปจฺจเยหิ อนุคฺคเหตา, อมฺหากํ าติสาโลหิโต, อุปชฺฌาโย, อาจริโย, สทฺธิวิหาริโก, อนฺเตวาสิโก, สมานุปชฺฌายโก, สมานาจริยโก, ปิยสหาโย, ลาภี, ยสสฺสี, ตสฺมา อมฺเหหิ อภิรุจิโต’’ติ วุตฺเต ‘‘น เอตฺตาวตา ธุววาสตฺถาย วิหาโร ทาตพฺโพ’’ติ ปฏิกฺขิปิตพฺโพ. อถ ‘‘เอโส ปุคฺคโล สพฺเพหิ อมฺเหหิ วุฑฺฒตโร อคฺคาสนํ อคฺโคทกํ อคฺคปิณฺฑํ อรหติ, ธุววาสตฺถาย วิหาโร ปน ตสฺส ทาตพฺโพติ อฏฺกถาจริเยหิ น วุตฺโต’’ติ วตฺวา ปฏิกฺขิปิตพฺโพ. อถ ‘‘ธมฺมกถิโก, วินยธโร, คณวาจกอาจริโย’’ติ วุตฺเต ‘‘เอโส ธุววาสตฺถาย ทินฺนวิหารสฺส อนุจฺฉวิโก, เอตสฺส ทาตพฺโพ’’ติ อนุโมทิตพฺโพ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘สงฺโฆ ปน ภณฺฑาคาริกสฺส วา ธมฺมกถิกวินยธราทีนํ วา คณวาจกอาจริยสฺส วา พหูปการตํ คุณวิสิฏฺตฺจ สลฺลกฺเขนฺโต ธุววาสตฺถาย วิหารํ สมฺมนฺนิตฺวา เทตี’’ติ วจนโต วิฺายติ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๒๙; กงฺขา. อฏฺ. อนุปขชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา).
อิธ ¶ ปน สาธกปาเ ‘‘ภณฺฑาคาริกสฺส วา’’ติ วิชฺชมาเน กสฺมา สาธฺยวจเน ภณฺฑาคาริโก น วุตฺโตติ? เอตรหิ ภณฺฑาคารสฺส อภาวา. ยทิ เกสุจิ วิหาเรสุ ภณฺฑาคารํ สมฺมนฺเนยฺย, โส ภณฺฑาคารวิหาเร นิสินฺโน สงฺฆสฺส ปตฺตจีวรรกฺขณาทิกํ อุปการํ กเรยฺย, ตสฺส พหูปการตํ สลฺลกฺเขนฺโต สงฺโฆ ภณฺฑาคาริกสฺส ผาสุกํ อาวาสํ เอตรหิปิ ธุววาสตฺถาย ¶ ทเทยฺย, โส ตสฺส วิสุํ ธุววาสวิหาโรติ. เอตฺถ สาธกปาเ ‘‘ธมฺมกถิกวินยธราทีนํ วา’’ติอาทิสทฺเทน พหุสฺสุโต อาคตาคโม ธมฺมธโร วินยธโร มาติกาธโร ปณฺฑิโต พฺยตฺโต เมธาวี ลชฺชี กุกฺกุจฺจโก สิกฺขากาโมติ วุตฺตคุณวนฺเต สงฺคณฺหาติ. อถาปิ ‘‘เอโส ปุคฺคโล พหุสฺสุโต อุทฺเทสปริปุจฺฉาทีหิ ภิกฺขูนํ พหูปกาโร สงฺฆภารนิตฺถารโก’’ติ วทติ, ‘‘สาธุ เอโสปิ ผาสุกาวาสสฺส อรโห, อนุฏฺาปนียํ กตฺวา ธุววาสตฺถาย วิหาโร เอตสฺสปิ ทาตพฺโพ’’ติ วตฺวา อนุโมทิตพฺโพ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘สงฺโฆ ปน พหุสฺสุตสฺส อุทฺเทสปริปุจฺฉาทีหิ พหูปการสฺส ภารนิตฺถารกสฺส ผาสุกํ อาวาสํ อนุฏฺาปนียํ กตฺวา เทตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๔๓) วจนโต วิฺายติ.
อถาปิ ‘‘อยํ ปุคฺคโล ธมฺมกถิโก วินยธโร คณวาจกาจริโย สงฺฆสฺส พหูปกาโร วิสิฏฺคุณยุตฺโต’’ติ วทติ, ‘‘สาธุ เอตสฺสปิ ปุคฺคลสฺส ธุววาสตฺถาย วิหารํ สลฺลกฺเขตฺวา สมฺมนฺนิตฺวาว ทาตพฺโพ’’ติ วตฺวา อนุโมทิตพฺโพ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘สงฺโฆ ปน ภณฺฑาคาริกสฺส วา ธมฺมกถิกวินยธราทีนํ วา คณวาจกาจริยสฺส วา พหูปการตํ คุณวิสิฏฺตฺจ สลฺลกฺเขตฺวา ธุววาสตฺถาย ¶ วิหารํ สมฺมนฺนิตฺวา เทตี’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๒๐; กงฺขา. อฏฺ. อนุปขชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา) วจนโต วิฺายติ.
อถาปิ ‘‘เอโส ปุคฺคโล พหุสฺสุโต สงฺฆภารนิตฺถารโก’’ติ วทติ, ‘‘สาธุ เอตสฺสปิ อนุฏฺาปนียํ กตฺวา ทาตพฺโพ’’ติ วตฺวา อนุโมทิตพฺโพ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘พหุสฺสุตสฺส สงฺฆภารนิตฺถารกสฺส ภิกฺขุโน อนุฏฺาปนียเสนาสนมฺปี’’ติ ปริวารฏฺกถายํ (ปริ. อฏฺ. ๔๙๕-๔๙๖) วุตฺตตฺตา วิฺายติ. ตโต ‘‘เอวํ ทุวงฺคสมฺปนฺโน ปุคฺคโล อนฺโตสีมฏฺโ วา พหิสีมฏฺโ วา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อนฺโตสีมฏฺโ’’ติ วุตฺเต ‘‘สาธุ สุฏฺุ ตสฺส ทาตพฺโพ’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพํ. ‘‘พหิสีมฏฺโ’’ติ วุตฺเต ‘‘น ทาตพฺโพ’’ติ ปฏิกฺขิปิตพฺพํ. กสฺมาติ เจ? ‘‘น, ภิกฺขเว, นิสฺสีเม ิตสฺส เสนาสนํ คาเหตพฺพํ, โย คาเหยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๓๑๘) วจนโตติ.
อถ ‘‘ทุวงฺคสมนฺนาคเต อนฺโตสีมฏฺเ อสติ เอกงฺคสมนฺนาคโต อนฺโตสีมฏฺโ อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อตฺถี’’ติ วุตฺเต ‘‘สาธุ สุฏฺุ เอตสฺส ทาตพฺโพ’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพํ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘พหูปการตํ คุณวิสิฏฺตฺจ สลฺลกฺเขนฺโตติ ภณฺฑาคาริกสฺส พหูปการตํ ธมฺมกถิกาทีนํ ¶ คุณวิสิฏฺตฺจ สลฺลกฺเขนฺโต’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๑๑๙-๑๒๑) เอเกกงฺควเสน อาคตตฺตา วิฺายติ. ‘‘อนฺโตสีมฏฺโ เอกงฺคสมนฺนาคโตปิ นตฺถิ, พหิสีมฏฺโว อตฺถี’’ติ วุตฺเต ‘‘อาคนฺตฺวา อนฺโตสีเม ิตสฺส ทาตพฺโพ’’ติ วตฺตพฺโพ. กสฺมาติ เจ? ‘‘อสมฺปตฺตานมฺปิ อุปจารสีมํ ปวิฏฺานํ อนฺเตวาสิกาทีสุ คณฺหนฺเตสุ ทาตพฺพเมวา’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) วจนโต วิฺายติ.
สเจ ¶ ปน เอกงฺคยุตฺตภาเวน วา ทุวงฺคยุตฺตภาเวน วา สมานา ทฺเว ตโย ภิกฺขู อนฺโตสีมายํ วิชฺชมานา ภเวยฺยุํ, กสฺส ทาตพฺโพติ? วฑฺฒตรสฺสาติ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘น จ, ภิกฺขเว, สงฺฆิกํ ยถาวุฑฺฒํ ปฏิพาหิตพฺพํ, โย ปฏิพาเหยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๓๑๑) วจนโตติ. สเจ ปน อนฺโตสีมายํ เอกงฺคยุตฺโต วา ทุวงฺคยุตฺโต วา ภิกฺขุ นตฺถิ, สพฺเพว อาวาสิกา พาลา อพฺยตฺตา, เอวํ สติ กสฺส ทาตพฺโพติ? โย ตํ วิหารํ อาคจฺฉติ อาคนฺตุโก ภิกฺขุ, โส เจ ลชฺชี โหติ เปสโล พหุสฺสุโต สิกฺขากาโม, โส เตหิ อาวาสิเกหิ ภิกฺขูหิ อฺตฺถ อคมนตฺถํ สงฺคหํ กตฺวา โส อาวาโส ทาตพฺโพ.
อยมตฺโถ กถํ ชานิตพฺโพติ เจ? ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, อฺตรสฺมึ อาวาเส สมฺพหุลา ภิกฺขู วิหรนฺติ พาลา อพฺยตฺตา, เต น ชานนฺติ อุโปสถํ วา อุโปสถกมฺมํ วา ปาติโมกฺขํ วา ปาติโมกฺขุทฺเทสํ วา. ตตฺถ อฺโ ภิกฺขุ อาคจฺฉติ พหุสฺสุโต อาคตาคโม ธมฺมธโร วินยธโร มาติกาธโร ปณฺฑิโต พฺยตฺโต เมธาวี ลชฺชี กุกฺกุจฺจโก สิกฺขากาโม, เตหิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูหิ โส ภิกฺขุ สงฺคเหตพฺโพ อนุคฺคเหตพฺโพ อุปลาเปตพฺโพ อุปฏฺาเปตพฺโพ จุณฺเณน มตฺติกาย ทนฺตกฏฺเน มุโขทเกน. โน เจ สงฺคณฺเหยฺยุํ อนุคฺคณฺเหยฺยุํ อุปลาเปยฺยุํ อุปฏฺาเปยฺยุํ จุณฺเณน มตฺติกาย ทนฺตกฏฺเน มุโขทเกน, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๑๖๓) สมฺมาสมฺพุทฺเธน ปฺตฺตตฺตา, อฏฺกถายฺจ (มหาว. อฏฺ. ๑๖๓) ‘‘สงฺคเหตพฺโพติ ‘สาธุ, ภนฺเต, อาคตตฺถ, อิธ ภิกฺขา สุลภา สูปพฺยฺชนํ อตฺถิ, วสถ อนุกฺกณฺมานา’ติ เอวํ ปิยวจเนน สงฺคเหตพฺโพ, ปุนปฺปุนํ ตถากรณวเสน อนุคฺคเหตพฺโพ, ‘อาม วสิสฺสามี’ติ ปฏิวจนทาปเนน ¶ อุปลาเปตพฺโพ. อถ วา จตูหิ ปจฺจเยหิ สงฺคเหตพฺโพ เจว อนุคฺคเหตพฺโพ จ, ปิยวจเนน อุปลาเปตพฺโพ, กณฺณสุขํ อาลปิตพฺโพติ อตฺโถ, จุณฺณาทีหิ อุปฏฺาเปตพฺโพ. อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ สเจ สกโลปิ สงฺโฆ น กโรติ, สพฺเพสํ ทุกฺกฏํ. อิธ เนว เถรา, น ทหรา ¶ มุจฺจนฺติ, สพฺเพหิ วาเรน อุปฏฺาตพฺโพ, อตฺตโน วาเร อนุปฏฺหนฺตสฺส อาปตฺติ. เตน ปน มหาเถรานํ ปริเวณสมฺมชฺชนทนฺตกฏฺทานาทีนิ น สาทิตพฺพานิ. เอวมฺปิ สติ มหาเถเรหิ สายํปาตํ อุปฏฺานํ อาคนฺตพฺพํ. เตน ปน เตสํ อาคมนํ ตฺวา ปมตรํ มหาเถรานํ อุปฏฺานํ คนฺตพฺพํ. สจสฺส สทฺธึจรา ภิกฺขู อุปฏฺากา อตฺถิ, ‘มยฺหํ อุปฏฺากา อตฺถิ, ตุมฺเห อปฺโปสฺสุกฺกา วิหรถา’ติ วตฺตพฺพํ. อถาปิสฺส สทฺธึ จรา นตฺถิ, ตสฺมึเยว ปน วิหาเร เอโก วา ทฺเว วา วตฺตสมฺปนฺนา วทนฺติ ‘มยฺหํ เถรสฺส กตฺตพฺพํ กริสฺสาม, อวเสสา ผาสุ วิหรนฺตู’ติ, สพฺเพสํ อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา. เอวํ ตาทิสํ พหิสีมโต อนฺโตสีมมาคตํ ลชฺชีเปสลพหุสฺสุตสิกฺขากามภูตํ ภิกฺขุํ อนฺโตสีมาย ธุวนิวาสตฺถาย ผาสุกํ อาวาสํ อนุฏฺาปนียํ กตฺวา ทาตพฺโพติ วิฺายติ.
นนุ จ ‘‘น, ภิกฺขเว, นิสฺสีเม ิตสฺส เสนาสนํ คาเหตพฺพํ, โย คาเหยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๓๑๘) ภควตา วุตฺตํ, อถ กสฺมา นิสฺสีมโต อาคตสฺส ธุววาสตฺถาย วิหาโร ทาตพฺโพติ? วุจฺจเต – ‘‘นิสฺสีเม ิตสฺสา’’ติ อิทํ อนาทเร สามิวจนํ, ตสฺมา นิสฺสีเม ิตํเยว เสนาสนํ น คาเหตพฺพนฺติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ, น นิสฺสีเม ิตสฺส ตสฺส ภิกฺขุสฺส อนฺโตสีมํ ปวิฏฺสฺสปิ เสนาสนํ น คาเหตพฺพนฺติ อตฺโถ, ตสฺมา ปุพฺเพ พหิสีมายํ ิเตปิ อิทานิ อนฺโตสีมํ ปวิฏฺกาลโต ปฏฺาย จตุปจฺจยภาโค ลพฺภติ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ ¶ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) ‘‘อสุกวิหาเร กิร พหุํ จีวรํ อุปฺปนฺนนฺติ สุตฺวา โยชนนฺตริกวิหารโตปิ ภิกฺขู อาคจฺฉนฺติ, สมฺปตฺตสมฺปตฺตานํ ิตฏฺานโต ปฏฺาย ทาตพฺพ’’นฺติ. อนฺโตสีมฏฺเสุ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุํ อสกฺโกนฺเตสุ ยตฺถ ปาติโมกฺขุทฺเทสโก อตฺถิ, โส อาวาโส คนฺตพฺโพ โหติ. อนฺโตวสฺเสปิ ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน วินา วสฺสํ วสิตุํ น ลภติ. ยตฺถ ปาติโมกฺขุทฺเทสโก อตฺถิ, ตตฺถ คนฺตฺวา วสฺสํ วสิตพฺพํ, ตสฺมา พหิสีมโต อาคโตปิ ลชฺชีเปสลพหุสฺสุตสิกฺขากามภิกฺขุ สงฺคเหตพฺโพ โหติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, อฺตรสฺมึ อาวาเส ตทหุโปสเถ สมฺพหุลา ภิกฺขู วิหรนฺติ พาลา อพฺยตฺตา, เต น ชานนฺติ อุโปสถํ วา อุโปสถกมฺมํ วา ปาติโมกฺขํ วา ปาติโมกฺขุทฺเทสํ วา. เตหิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูหิ เอโก ภิกฺขุ สามนฺตา อาวาสา สชฺชุกํ ปาเหตพฺโพ ‘คจฺฉาวุโส สํขิตฺเตน วา วิตฺถาเรน วา ปาติโมกฺขํ ปริยาปุณิตฺวา อาคจฺฉา’ติ. เอวฺเจตํ ลเภถ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ ลเภถ, เตหิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูหิ สพฺเพเหว ยตฺถ ชานนฺติ ¶ อุโปสถํ วา อุโปสถกมฺมํ วา ปาติโมกฺขํ วา ปาติโมกฺขุทฺเทสํ วา, โส อาวาโส คนฺตพฺโพ. โน เจ คจฺเฉยฺยุํ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. อิธ ปน, ภิกฺขเว, อฺตรสฺมึ อาวาเส สมฺพหุลา ภิกฺขู วสฺสํ วสนฺติ พาลา อพฺยตฺตา, เต น ชานนฺติ อุโปสถํ วา อุโปสถกมฺมํ วา ปาติโมกฺขํ วา ปาติโมกฺขุทฺเทสํ วา. เตหิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูหิ เอโก ภิกฺขุ สามนฺตา อาวาสา สชฺชุกํ ปาเหตพฺโพ ‘คจฺฉาวุโส สํขิตฺเตน วา วิตฺถาเรน วา ปาติโมกฺขํ ปริยาปุณิตฺวา อาคจฺฉา’ติ. เอวฺเจตํ ลเภถ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ ลเภถ, เอโก ภิกฺขุ สตฺตาหกาลิกํ ¶ ปาเหตพฺโพ ‘คจฺฉาวุโส สํขิตฺเตน วา วิตฺถาเรน วา ปาติโมกฺขํ ปริยาปุณิตฺวา อาคจฺฉา’ติ. เอวฺเจตํ ลเภถ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ ลเภถ, น, ภิกฺขเว, เตหิ ภิกฺขูหิ ตสฺมึ อาวาเส วสฺสํ วสิตพฺพํ, วเสยฺยุํ เจ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ’’ (มหาว. ๑๖๓).
เอวํ พหิสีมโต อาคตสฺสปิ สงฺฆสฺส อุปการํ กาตุํ สกฺโกนฺตสฺส วิสิฏฺคุณยุตฺตสฺส ทาตพฺพภาโว วิฺายติ, ตสฺมา ‘‘อมฺหากํ คโณ น โหติ, อมฺหากํ วํโส ปเวณี น โหติ, อมฺหากํ สนฺทิฏฺสมฺภตฺโต น โหตี’’ติอาทีนิ วตฺวา น ปฏิกฺขิปิตพฺโพ. คณาทิภาโว หิ อปฺปมาณํ, ยถาวุตฺตพหูปการตาทิภาโวเยว ปมาณํ. สามคฺคิกรณโต ปฏฺาย หิ สมานคโณ โหติ. ตถา หิ อุกฺขิตฺตานุวตฺตกานํ ลทฺธินานาสํวาสกานมฺปิ ลทฺธิวิสฺสชฺชเนน ติวิธอุกฺเขปนียกมฺมกตานํ กมฺมนานาสํวาสกานมฺปิ โอสารณํ กตฺวา สามคฺคิกรเณน สํวาโส ภควตา อนฺุาโต. อลชฺชึ ปน พหุสฺสุตมฺปิ สงฺคหํ กาตุํ น วฏฺฏติ. โส หิ อลชฺชีปริสํ วฑฺฒาเปติ, ลชฺชีปริสํ หาเปติ. ภณฺฑนการกํ ปน วิหารโตปิ นิกฺกฑฺฒิตพฺพํ. ตถา หิ ‘‘ภณฺฑนการกกลหการกเมว สกลสงฺฆารามโต นิกฺกฑฺฒิตุํ ลภติ. โส หิ ปกฺขํ ลภิตฺวา สงฺฆมฺปิ ภินฺเทยฺย. อลชฺชีอาทโย ปน อตฺตโน วสนฏฺานโตเยว นิกฺกฑฺฒิตพฺพา, สกลสงฺฆารามโต นิกฺกฑฺฒิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ อฏฺกถายํ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๒๘) วุตฺตํ.
วุฑฺฒาปจายนาทิสามคฺคิรสรหิตํ วิสภาคปุคฺคลมฺปิ สงฺคหํ กาตุํ น ลภติ. วุตฺตฺหิ ‘‘เอวรูเปน หิ วิสภาคปุคฺคเลน เอกวิหาเร วา เอกปริเวเณ วา วสนฺเตน อตฺโถ นตฺถิ, ตสฺมา สพฺพตฺเถวสฺส นิวาโส วาริโต’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๒๒), ตสฺมา อาวาสิโก วา โหตุ ¶ อาคนฺตุโก วา, สคโณ วา โหตุ อฺคโณ ¶ วา, พหุสฺสุตสีลวนฺตภูโต ภิกฺขุ สงฺคเหตพฺโพ. วุตฺตฺหิ ภควตา –
‘‘พหุสฺสุตํ ธมฺมธรํ, สปฺปฺํ พุทฺธสาวกํ;
เนกฺขํ ชมฺโพนทสฺเสว, โก ตํ นนฺทิตุมรหติ;
เทวาปิ นํ ปสํสนฺติ, พฺรหฺมุนาปิ ปสํสิโต’’ติ. (อ. นิ. ๔.๖) –
อยํ อนฺโตสีมฏฺเน สงฺเฆน พหูปการตาคุณวิสิฏฺตาสงฺขาเตหิ คุเณหิ ยุตฺตสฺส สงฺฆภารนิตฺถารกสฺส ภิกฺขุโน ผาสุกํ อาวาสํ อนุฏฺาปนียํ กตฺวา ทาเน วินิจฺฉโย.
ยทา ปน สงฺฆตฺเถโร ชราทุพฺพลตาย วา โรคปีฬิตตาย วา วิเวกชฺฌาสยตาย วา คณํ อปริหริตุกาโม อฺสฺส ทาตุกาโม, อตฺตโน อจฺจเยน วา กลหวิวาทาภาวมิจฺฉนฺโต สทฺธิวิหาริกาทีนํ นิยฺยาเตตุกาโม โหติ, ตทา น อตฺตโน อิสฺสรวตาย ทาตพฺพํ, อยํ วิหาโร สงฺฆิโก, ตสฺมา สงฺฆํ สนฺนิปาตาเปตฺวา ตํ การณํ อาจิกฺขิตฺวา พหูปการตาคุณวิสิฏฺตายุตฺตปุคฺคโล วิจินาเปตพฺโพ. ตโต สงฺโฆ จตฺตาริ อคติคมนานิ อนุปคนฺตฺวา ภควโต อชฺฌาสยานุรูปํ ลชฺชีเปสลพหุสฺสุตสิกฺขากามภูตํ ปุคฺคลํ วิจินิตฺวา ‘‘อยํ ภิกฺขุ อิมสฺส วิหารสฺส อนุจฺฉวิโก’’ติ อาโรเจติ. มหาเถรสฺสปิ ตเมว รุจฺจติ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ รุจฺจติ, อตฺตโน ภารภูตํ วุตฺตปฺปการองฺควิยุตฺตํ ปุคฺคลํ ทาตุกาโม โหติ. เอวํ สนฺเต สงฺโฆ ฉนฺทาทิอคตึ น คจฺฉติ, ปุคฺคโลว คจฺฉติ, ตสฺมา สงฺฆสฺเสว อนุมติยา วิหาโร ทาตพฺโพ.
สเจ ปน สงฺโฆ ยํ กฺจิ อามิสํ ลภิตฺวา ยถาวุตฺตคุณวิยุตฺตสฺส ภิกฺขุโน ทาตุกาโม โหติ, ปุคฺคโล ¶ ปน ภควโต อชฺฌาสยานุรูปํ วุตฺตปฺปการองฺคยุตฺตภูตสฺเสว ภิกฺขุสฺส ทาตุกาโม, ตทา ปุคฺคโลปิ สงฺฆปริยาปนฺโนเยวาติ กตฺวา ธมฺมกมฺมการกสฺส ปุคฺคลสฺเสว อนุมติยา วิหาโร ทาตพฺโพ, น สงฺฆานุมติยา. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๓๘-๕๓๙) ‘‘สเจ สงฺโฆ กิฺจิ ลภิตฺวา อามิสครุกตาย น นิวาเรติ, เอโก ภิกฺขุ นิวาเรติ, โสว ภิกฺขุ อิสฺสโร. สงฺฆิเกสุ หิ กมฺเมสุ โย ธมฺมกมฺมํ กโรติ, โสว อิสฺสโร’’ติ. วุตฺตฺหิ –
‘‘ฉนฺทา ¶ โทสา ภยา โมหา;
โย ธมฺมํ อติวตฺตติ;
นิหียติ ตสฺส ยโส;
กาฬปกฺเขว จนฺทิมา.
‘‘ฉนฺทา โทสา ภยา โมหา;
โย ธมฺมํ นาติวตฺตติ;
อาปูรติ ตสฺส ยโส;
สุกฺกปกฺเขว จนฺทิมา’’ติ. (ที. นิ. ๓.๒๔๖; อ. นิ. ๔.๑๗-๑๘; ปาริ. ๓๘๒, ๓๘๖);
ยทา ปน เถโรปิ กิฺจิ อวตฺวา ยถากมฺมงฺคโต, สงฺโฆปิ น กสฺสจิ วิจาเรติ, เอวํ สงฺฆิกวิหาเร อภิกฺขุเก สฺุเ วตฺตมาเน ตสฺมึ เทเส เยน เกนจิ สาสนสฺส วุทฺธิมิจฺฉนฺเตน อาจริเยน อนฺโตสีมฏฺกา ภิกฺขู เอวํ สมุสฺสาเหตพฺพา ‘‘มา ตุมฺเห อายสฺมนฺโต เอวํ อกตฺถ, อนฺโตสีมฏฺเกสุ ภิกฺขูสุ พหูปการตาทิยุตฺตํ ปุคฺคลํ วิจินถ, วิจินิตฺวา ลภนฺตา ตสฺส ปุคฺคลสฺส สมคฺเคน สงฺเฆน ธุววาสตฺถาย วิหารํ อนุฏฺาปนียํ กตฺวา เทถ, โน เจ อนฺโตสีมฏฺเกสุ ภิกฺขูสุ อลตฺถ, อถ พหิสีมฏฺเกสุ ภิกฺขูสุ วิจินถ. พหิสีมฏฺเกสุ ภิกฺขูสุ วิจินิตฺวา ยถาวุตฺตองฺคยุตฺตปุคฺคเล ลพฺภมาเน ตํ ปุคฺคลํ อนฺโตสีมํ ปเวเสตฺวา ¶ อนฺโตสีมฏฺกสฺส สงฺฆสฺส อนุมติยา ธุววาสตฺถาย วิหารํ สมฺมนฺนิตฺวา อนุฏฺาปนียํ กตฺวา เทถ. เอวํ กโรนฺตา หิ ตุมฺเห อายสฺมนฺโต อปฺปิจฺฉกถา-สนฺโตสกถา-สลฺเลขกถา-ปวิวิตฺตกถาวีริยารมฺภกถา-สีลกถา-สมาธิกถา-ปฺากถา-วิมุตฺติกถา-วิมุตฺติาณทสฺสนกถาสงฺขาตทสกถาวตฺถุสมฺปนฺนํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย อสฺสุตปุพฺพํ ธมฺมํ สุณิสฺสถ, สุตปุพฺพํ ธมฺมํ ปริโยทาปิสฺสถ, กงฺขํ วิโนทิสฺสถ, ทิฏฺึ อุชุํ กริสฺสถ, จิตฺตํ ปสาเทสฺสถ. ยสฺส ลชฺชิโน เปสลสฺส พหุสฺสุตสฺส สิกฺขากามสฺส ภิกฺขุโน ภิกฺขํ อนุสิกฺขมานา สทฺธาย วฑฺฒิสฺสนฺติ, สีเลน วฑฺฒิสฺสนฺติ, สุเตน วฑฺฒิสฺสนฺติ, จาเคน วฑฺฒิสฺสนฺติ, ปฺาย วฑฺฒิสฺสนฺตี’’ติ. วุตฺตฺเหตํ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๔) ‘‘กตโม อุปนิสฺสยโคจโร ทสกถาวตฺถุคุณสมนฺนาคโต กลฺยาณมิตฺโต, ยํ นิสฺสาย อสฺสุตํ สุณาติ, สุตํ ปริโยทเปติ, กงฺขํ วิตรติ, ทิฏฺึ อุชุํ กโรติ, จิตฺตํ ปสาเทติ. ยสฺส วา อนุสิกฺขมาโน สทฺธาย วฑฺฒติ, สีเลน วฑฺฒติ, สุเตน วฑฺฒติ ¶ , จาเคน วฑฺฒติ, ปฺาย วฑฺฒติ, อยํ วุจฺจติ อุปนิสฺสยโคจโร’’ติ. เอวํ สมุสฺสาเหตฺวา ธมฺมกถํ กตฺวา อนฺโตสีมฏฺกสงฺเฆเนว ธุววาสวิหาโร ทาเปตพฺโพติ.
เอวํ ชินสาสนสฺส, วฑฺฒิกาโม สุเปสโล;
อกาสิ ปฺวา ภิกฺขุ, สุฏฺุ อาวาสนิจฺฉยนฺติ.
อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร
วิหารวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร.