📜

๒๙. กถินตฺถารวินิจฺฉยกถา

๒๒๖. เอวํ จตุปจฺจยภาชนวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ กถินวินิจฺฉยํ กเถตุมาห ‘‘กถินนฺติ เอตฺถ ปนา’’ติอาทิ. ตตฺถ กถินนฺติ กตมํ กถินํ? สมูหปฺตฺติ. น หิ ปรมตฺถโต กถินํ นาม เอโก ธมฺโม อตฺถิ, ปุริมวสฺสํวุตฺถา ภิกฺขู, อนูนปฺจวคฺคสงฺโฆ, จีวรมาโส, ธมฺเมน สเมน อุปฺปนฺนจีวรนฺติอาทีสุ เยสุ นามรูเปสุ สมุปฺปชฺชมาเนสุ เตสํ นามรูปธมฺมานํ สมูหสมวายสงฺขาตํ สมูหปฺตฺติมตฺตเมว กถินํ. อยมตฺโถ กถํ ชานิตพฺโพติ? ‘‘เตสฺเว ธมฺมานํ สงฺคโห สมวาโย นามํ นามกมฺมํ นามเธยฺยํ นิรุตฺติ พฺยฺชนํ อภิลาโป, ยทิทํ กถิน’’นฺติ ปริวารปาฬิยํ (ปริ. ๔๑๒) อาคตตฺตา จ, ‘‘เตสฺเว ธมฺมานนฺติ เยสุ รูปาทิธมฺเมสุ สติ กถินํ นาม โหติ, เตสํ สโมธานํ มิสฺสีภาโว. นามํ นามกมฺมนฺติอาทินา ปน ‘กถิน’นฺติ อิทํ พหูสุ ธมฺเมสุ นามมตฺตํ, น ปรมตฺถโต เอโก ธมฺโม อตฺถีติ ทสฺเสตี’’ติ อฏฺกถายํ (ปริ. อฏฺ. ๔๑๒) อาคตตฺตา จ, ‘‘เยสุ รูปาทิธมฺเมสูติ ปุริมวสฺสํวุตฺถา ภิกฺขู, ปฺจหิ อนูโน สงฺโฆ, จีวรมาโส, ธมฺเมน สเมน สมุปฺปนฺนํ จีวรนฺติ เอวมาทีสุ เยสุ รูปารูปธมฺเมสุ. สตีติ สนฺเตสุ. มิสฺสีภาโวติ สํสคฺคตา สมูหปฺตฺติมตฺตํ. เตนาห น ปรมตฺถโต เอโก ธมฺโม อตฺถีติ ทสฺเสตี’’ติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปริวาร ๒.๔๑๒) อาคตตฺตา จ ชานิตพฺโพติ.

เกนฏฺเน กถินนฺติ? ถิรฏฺเน. กสฺมา ถิรนฺติ? อนามนฺตจารอสมาทานจารคณโภชนยาวทตฺถจีวรโยจตตฺถจีวรุปฺปาทสงฺขาเต ปฺจานิสํเส อนฺโตกรณสมตฺถตาย. วุตฺตฺหิ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๐๖) ‘‘ปฺจานิสํเส อนฺโตกรณสมตฺถตาย ถิรนฺติ อตฺโถ’’ติ, ตถา วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๓๐๖) วชิรพุทฺธิฏีกายฺจ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๖). อถ วา เกนฏฺเน กถินนฺติ? สงฺคณฺหนฏฺเน. กถํ สงฺคณฺหาตีติ? ปฺจานิสํเส อฺตฺถ คนฺตุํ อทตฺวา สงฺคณฺหาติ สงฺขิปิตฺวา คณฺหาติ. วุตฺตฺหิ วินยตฺถมฺชูสายํ (กงฺขา. อภิ. ฏี. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘ปฺจานิสํเส อฺตฺถ คนฺตุํ อทตฺวา สงฺคณฺหนฏฺเน กถิน’’นฺติ.

กถิน-สทฺโท กาย ธาตุยา เกน ปจฺจเยน สิชฺฌตีติ? ฏีกาจริยา ธาตุปจฺจเย อจินฺเตตฺวา อนิปฺผนฺนปาฏิปทิกวเสเนว วณฺเณนฺติ, ตสฺมา อยํ สทฺโท รุฬฺหีสุทฺธนามภูโต อนิปฺผนฺนปาฏิปทิกสทฺโทติ วุจฺจติ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ตีสุปิ วินยฏีกาสุ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๐๖; วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๓๐๖; วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๖; กงฺขา. อภิ. ฏี. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘ถิรนฺติ อตฺโถ’’ อิจฺเจว วณฺณิตตฺตา. ปฺจานิสํเส อนฺโตกรณสมตฺถตายาติ ปน ถิรตา จสฺส เหตุปทเมว. อถ วา กถิน-สทฺโท กถธาตุยา อินปจฺจเยน สิชฺฌติ. กถํ? กถ สงฺคหเณติมสฺส ลทฺธธาตุสฺาทิสฺส ปฺจานิสํเส อฺตฺถ คนฺตุํ อทตฺวา สงฺคณฺหาตีติ อตฺเถ ‘‘อิน สพฺพตฺถา’’ติ โยควิภาเคน วา ‘‘สุปโต จา’’ติ เอตฺถ จ-สทฺเทน วา อินปจฺจยํ กตฺวา ปรกฺขรํ เนตฺวา กถินสทฺทโต สฺยุปฺปตฺตาทิมฺหิ กเต รูปํ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘สงฺคณฺหนฏฺเนา’’ติ วุตฺตํ กงฺขาวิตรณีฏีกาปาํ นิสฺสาย วิฺายติ. อถ วา ก กิจฺฉชีวเนติ ธาตุโต อินปจฺจยํ กตฺวา สิชฺฌติ. อยมตฺโถ ‘‘ก กิจฺฉชีวเน, มุทฺธชทุติยนฺโต ธาตุ, อิโน’’ติ อภิธานปฺปทีปิกาฏีกายํ วุตฺตตฺตา วิฺายติ.

พหู ปน ปณฺฑิตา อิมํ ปาํเยว คเหตฺวา ‘‘กถิน-สทฺโท มุทฺธชทุติยนฺโตเยว โหติ, น ทนฺตโช’’ติ วทนฺติ เจว ลิขนฺติ จ, น ปเนวํ เอกนฺตโต วตฺตพฺพํ. กสฺมา? อภิธานปฺปทีปิกาฏีกายํ กกฺขฬปริยายํ คุณสทฺทภูตํ กินสทฺทํ สนฺธาย วุตฺตํ, น สาสนโวหารโต นามสทฺทภูตํ. เตเนวาห ‘‘ปฺจกํ กกฺขเฬ’’ติ. อเนเกสุ ปน ปาฬิอฏฺกถาทิโปตฺถเกสุ ชินสาสนโวหารโต นามสทฺทภูโต กถิน-สทฺโท ทนฺตโชเยว เยภุยฺเยน ปฺายติ , เตเนว จ การเณน อภิธานปฺปทีปิกาฏีกายมฺปิ วณฺณวิปริยาเย กถินนฺติปิ วุตฺตํ. อถ วา กตฺถ สิลาฆายนฺติ ธาตุโต อินปจฺจยํ กตฺวา สสํโยคตฺถการํ นิสํโยคํ กตฺวา สิชฺฌติ. อยมตฺโถ สิลาฆาทิสุตฺตสฺส วุตฺติยํ ‘‘สิลาฆ กตฺถเน’’ติ วจนโต, สทฺทนีติยฺจ ‘‘กตฺถนํ ปสํสน’’นฺติ วณฺณิตตฺตา จ วิฺายติ. อิทฺจ วจนํ ‘‘อิทฺหิ กถินวตฺตํ นาม พุทฺธปฺปสตฺถ’’นฺติ อฏฺกถาวจเนน (มหาว. อฏฺ. ๓๐๖) สเมติ. อาจริยา ปน ‘‘กธาตุ อินปจฺจโย’’ติ วิกปฺเปตฺวา ‘‘ก สมตฺถเน’’ติ อตฺถํ วทนฺติ, ตํ ฏีกาสุ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๐๖; วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๓๐๖; วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๖; กงฺขา. อภิ. ฏี. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘ถิรนฺติ อตฺโถ’’ติ วจนํ อนเปกฺขิตฺวา ‘‘ปฺจานิสํเส อนฺโตกรณสมตฺถตายา’’ติ เหตุเมว อตฺถภาเวน คเหตฺวา วุตฺตํ สิยา, ตํ ปน ถิรภาวสฺส เหตุเยว.

กถํ วิคฺคโห กาตพฺโพติ? อยํ กถิน-สทฺโท จตูสุ ปเทสุ นามปทํ, ปฺจสุ นาเมสุ สุทฺธนามํ, จตูสุ สุทฺธนาเมสุ รุฬฺหีสุทฺธนามํ, ทฺวีสุ ปาฏิปทิกสทฺเทสุ อนิปฺผนฺนปาฏิปทิกสทฺโท, ตสฺมา วิคฺคโห น กาตพฺโพ. วุตฺตฺหิ –

‘‘รุฬฺหีขฺยาตํ นิปาตฺจุ-ปสคฺคาลปนํ ตถา;

สพฺพนามิกเมเตสุ, น กโต วิคฺคโห ฉสู’’ติ.

อยมตฺโถ ‘‘กถินนฺติ…เป… ถิรนฺติ อตฺโถ’’ติ ฏีกาสุ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๐๖; วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๓๐๖; วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๖; กงฺขา. อภิ. ฏี. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) วจนโต วิฺายติ. อถ วา ปฺจานิสํเส อฺตฺถ คนฺตุํ อทตฺวา กถติ สงฺคณฺหาตีติ กถินํ, อยํ วจนตฺโถ ยถาวุตฺตวินยตฺถมฺชูสาปาวเสน (กงฺขา. อภิ. ฏี. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) วิฺายติ. อถ วา กติ กิจฺเฉน ชีวตีติ กถิโน, รุกฺโข, ตสฺส เอโสติ กถิโน, ถิรภาโว, โส เอตสฺส อตฺถีติ กถินํ, ปฺตฺติชาตํ -การสฺส ถ-การํ กตฺวา กถินนฺติ วุตฺตํ. อยํ นโย ‘‘ก กิจฺฉชีวเน’’ติ ธาตฺวตฺถสํวณฺณนาย จ ‘‘ปฺจานิสํเส อนฺโตกรณสมตฺถตาย ถิรนฺติ อตฺโถ’’ติ ฏีกาวจเนน (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๐๖; วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๓๐๖; วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๖; กงฺขา. อภิ. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) จ สเมตีติ ทฏฺพฺโพ. อถ วา กถียเต สิลาฆเต ปสํสียเต พุทฺธาทีหีติ กถินํ, อยํ นโย ‘‘กตฺถ สิลาฆาย’’นฺติ ธาตฺวตฺถสํวณฺณนาย จ ‘‘อิทฺหิ กถินวตฺตํ นาม พุทฺธปฺปสตฺถ’’นฺติ (มหาว. อฏฺ. ๓๐๖) อฏฺกถาวจเนน จ สเมตีติ ทฏฺพฺโพ.

เอตฺถ ปน สงฺเขปรุจิตฺตา อาจริยสฺส สทฺทลกฺขณํ อวิจาเรตฺวา อตฺถเมว ปุจฺฉํ กตฺวา วิสฺสชฺเชตุํ ‘‘กถินํ อตฺถริตุํ เก ลภนฺติ, เก น ลภนฺตี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เก ลภนฺตีติ เก สาเธนฺตีติ อตฺโถ. ปฺจ ชนา ลภนฺตีติ ปฺจ ชนา สาเธนฺติ. กถินทุสฺสสฺส หิ ทายกา ปจฺฉิมโกฏิยา จตฺตาโร โหนฺติ, เอโก ปฏิคฺคาหโกติ. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ยฺวายํ จตุวคฺโค ภิกฺขุสงฺโฆ เปตฺวา ตีณิ กมฺมานิ อุปสมฺปทํ ปวารณํ อพฺภาน’’นฺติ จมฺเปยฺยกฺขนฺธเก (มหาว. ๓๘๘) วุตฺตตฺตา น ปฺจวคฺคกรณียนฺติ คเหตพฺพํ. ปมปฺปวารณาย ปวาริตาติ อิทํ วสฺสจฺเฉทํ อกตฺวา วสฺสํวุตฺถภาวสนฺทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ อนฺตราเยน อปวาริตานมฺปิ วุตฺถวสฺสานํ กถินตฺถารสมฺภวโต. เตเนว ‘‘อปฺปวาริตา วา’’ติ อวตฺวา ‘‘ฉินฺนวสฺสา วา ปจฺฉิมิกาย อุปคตา วา น ลภนฺตี’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ. อฺสฺมึ วิหาเร วุตฺถวสฺสาปิลภนฺตีติ นานาสีมาย อฺสฺมึ วิหาเร วุตฺถวสฺสา อิมสฺมึ วิหาเร กถินตฺถารํ น ลภนฺตีติ อตฺโถ. สพฺเพติ ฉินฺนวสฺสาทโย, อนุปคตาปิ ตตฺเถว สงฺคหิตา. อานิสํสนฺติ กถินานิสํสจีวรํ. เอกํ อตฺถตจีวรํเยว หิ กถินจีวรํ นาม โหติ, อวเสสานิ จีวรานิ วา สาฏกา วา กถินานิสํสาเยว นาม. วกฺขติ หิ ‘‘อวเสสกถินานิสํเส พลววตฺถานิ วสฺสาวาสิกิติกาย ทาตพฺพานี’’ติ. (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๒๒๖) อิตเรสนฺติ ปุริมิกาย อุปคตานํ.

โส เจ ปจฺฉิมิกาย อุปสมฺปชฺชติ, คณปูรโก เจว โหติ, อานิสํสฺจ ลภตีติ อิมินา สามเณรานํ วสฺสูปคมนํ อนุฺาตํ โหติ. โส หิ ปุริมิกาย วสฺสูปคตตฺตา อานิสํสํ ลภติ, ปจฺฉิมิกาย ปน อุปสมฺปชฺชิตตฺตา คณปูรโก โหตีติ. สเจ ปุริมิกาย อุปคตา กถินตฺถารกุสลา น โหนฺตีติอาทินา ‘‘อฏฺธมฺมโกวิโท ภิกฺขุ, กถินตฺถารมรหตี’’ติ วินยวินิจฺฉเย (วิ. วิ. ๒๗๐๔) อาคตตฺตา สยํ เจ อฏฺธมฺมกุสโล, สยเมว อตฺถริตพฺพํ. โน เจ, อฺเ อฏฺธมฺมกุสเล ปริเยสิตฺวา เนตพฺพา, เอวํ อกตฺวา กถินํ อตฺถริตุํ น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. กถินํ อตฺถราเปตฺวาติ สการิตวจเนน เตหิ พาหิรโต อาคตตฺเถเรหิ สยํ กถินํ น อตฺถริตพฺพํ, สพฺพปุพฺพกิจฺจาทิกํ สํวิทหิตฺวา เต ปุริมิกาย วสฺสูปคตา อนฺโตสีมฏฺภิกฺขูเยว อตฺถราเปตพฺพาติ ทสฺเสติ, อฺถา อฺโ กถินํ อตฺถรติ, อฺโ อานิสํสํ ลภตีติ อาปชฺชติ, น ปเนวํ ยุชฺชติ. วกฺขติ หิ ‘‘อานิสํโส ปน อิตเรสํเยว โหตี’’ติ. ทานฺจ ภุฺชิตฺวาติ ขาทนียโภชนียภูตํ อนฺนปานาทิทานํ ภุฺชิตฺวา. น หิ เต วตฺถุทานํ ลภนฺติ.

กถินจีวรํเทมาติ ทาตุํ วฏฺฏตีติ เอตฺถ ‘‘สงฺฆสฺส กถินจีวรํ เทมา’’ติ วตฺตพฺพํ. เอวฺหิ สติ ‘‘อิทํ สงฺฆสฺส กถินทุสฺสํ อุปฺปนฺน’’นฺติ (มหาว. ๓๐๗) กมฺมวาจาย สเมติ. อถ จ ปน ปุพฺเพ กตปริจยตฺตา ‘‘สงฺฆสฺสา’’ติ อวุตฺเตปิ สมฺปทานํ ปากฏนฺติ กตฺวา อวุตฺตํ สิยาติ. เอตฺเถเก อาจริยา วทนฺติ ‘‘สงฺฆสฺสาติ อวุตฺเตปิ กาเล ทินฺนํ สงฺฆิกํ โหตี’’ติ, ตตฺเรวํ วตฺตพฺพํ ‘‘น กาเล ทินฺนํ สพฺพํ สงฺฆิกํ โหตี’’ติ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘ยฺจ กาเลปิ สงฺฆสฺส วา อิทํ อกาลจีวรนฺติ, ปุคฺคลสฺส วา อิทํ ตุยฺหํ ทมฺมีติอาทินา นเยน ทินฺนํ, เอตํ อกาลจีวรํ นามา’’ติ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. อกาลจิวรสิกฺขาปทวณฺณนา) อาคตตฺตา ปุคฺคลิกมฺปิ โหตีติ วิฺายติ, ตสฺมา ปรมฺมุขาปิ นามํ วตฺวา สมฺมุขาปิ ปาทมูเล เปตฺวา ทินฺนํ ปุคฺคลิกเมว โหติ, น สงฺฆิกํ. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) ‘‘ปุคฺคลสฺส เทตีติ ‘อิมํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส ทมฺมี’ติ เอวํ ปรมฺมุขา วา, ปาทมูเล เปตฺวา ‘อิมํ, ภนฺเต, ตุมฺหากํ ทมฺมี’ติ เอวํ สมฺมุขา วา เทตี’’ติ. เอวํ ปุคฺคลิเก สติ ตํ จีวรํ สงฺฆสฺส ภาเชตพฺพํ โหติ วา น โหติ วาติ? โส ปุคฺคโล อตฺตโน สทฺธิวิหาริกอนฺเตวาสิกภูตสฺส สงฺฆสฺส วา อฺสฺส สหธมฺมิกสงฺฆสฺส วา ภาเชตุกาโม ภาเชยฺย, อภาเชตุกาโม ‘‘ภาเชตู’’ติ น เกนจิ วจนีโย. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘น หิ ปุคฺคลสฺส อาทิสฺส ทินฺนํ เกนจิ ภาชนียํ โหตี’’ติ ฏีกาสุ อาคมนโต วิฺายติ. อเถเก อาจริยา เอวํ วทนฺติ ‘‘กถินสฺส เอกํ มูลํ สงฺโฆติ (ปริ. ๔๐๘) วุตฺตตฺตา ปุคฺคลํ อุทฺทิสฺส ทินฺเนปิ สงฺฆายตฺตํ สงฺฆิกํ โหติ. ยถา กึ ‘สีมาย ทมฺมิ, เสนาสนสฺส ทมฺมี’ติ วุตฺเตปิ ตํ ทานํ สงฺฆิกํ โหติ, ยถา จ ‘กถินจีวรํ ทมฺมี’ติ วุตฺเต สงฺฆิกํ โหตี’’ติ.

ตตฺเรวํ วิจาเรตพฺพํ – ‘‘กถินสฺส เอกํ มูลํ สงฺโฆ’’ติ วจนํ (ปริ. ๔๐๘) กถินสฺส มูลํ กถินสฺส การณํ ทสฺเสติ. ยถา หิ มูเล วิชฺชมาเน รุกฺโข ติฏฺติ, อวิชฺชมาเน น ติฏฺติ, ตสฺมา มูลํ รุกฺขสฺส การณํ โหติ, ปติฏฺํ โหติ, เอวํ สงฺเฆ วิชฺชมาเน กถินํ โหติ, โน อวิชฺชมาเน, ตสฺมา สงฺโฆ กถินสฺส มูลํ กถินสฺส การณํ นาม โหติ. กถํ สงฺเฆ วิชฺชมาเน กถินํ โหติ? สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน จตุวคฺคภูเตน สงฺเฆน อตฺถารารหสฺส ภิกฺขุโน ตฺติทุติยกมฺมวาจาย กถินจีวเร ทินฺเนเยว เตน จีวเรน อตฺถตํ กถินํ นาม โหติ, โน อทินฺเน, ตสฺมา จตุวคฺคสงฺเฆ อลพฺภมาเน สหสฺสกฺขตฺตุํ ‘‘กถินํ ทมฺมี’’ติ วุตฺเตปิ กถินํ นาม น โหติ, ตสฺมา อุปจารสีมาย ปริจฺฉินฺเน วิหาเร เอโก วา ทฺเว วา ตโย วา จตฺตาโร วา ภิกฺขู วิหรนฺติ, ตตฺถ กถินจีวเร อุปฺปนฺเน อฺโต ปริเยสิตฺวา จตุวคฺคสงฺโฆ เอโก ปฏิคฺคาหโกติ ปฺจนฺนํ ภิกฺขูนํ ปูรเณ สติ กถินํ อตฺถริตุํ ลภติ, นาสติ, เอวํ สงฺเฆ วิชฺชมาเนเยว กถินํ นาม โหติ, โน อวิชฺชมาเน, ตสฺมา สงฺฆสฺส กถินสฺส มูลภูตตํ การณภูตตํ สนฺธาย ‘‘กถินสฺส เอกํ มูลํ สงฺโฆ’’ติ วุตฺตํ. ‘‘กถิน’’นฺติ วุตฺเต สงฺฆิกํเยว โหติ, โน ปุคฺคลิกนฺติ อธิปฺปาโย เอตสฺมึ ปาเ น ลพฺภติ. ยถา กึ ‘‘กิจฺจาธิกรณสฺส เอกํ มูลํ สงฺโฆ’’ติ (จูฬว. ๒๑๙) เอตฺถ อปโลกนกมฺมตฺติกมฺมตฺติทุติยกมฺมตฺติจตุตฺถกมฺมสงฺขาตํ กิจฺจาธิกรณํ จตุวคฺคาทิเก สงฺเฆ วิชฺชมาเนเยว โหติ, โน อวิชฺชมาเน, ตสฺมา สงฺฆสฺส กิจฺจาธิกรณสฺส มูลภูตตํ การณภูตตํ สนฺธาย ‘‘กิจฺจาธิกรณสฺส เอกํ มูลํ สงฺโฆ’’ติ วุจฺจติ, เอวํสมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ.

ยทิปิ วุตฺตํ ‘‘ยถา ‘สีมาย ทมฺมิ, เสนาสนสฺส ทมฺมี’ติอาทีสุ ตํ ทานํ สงฺฆายตฺตเมว โหติ, ตถา ‘กถิน ทมฺมี’ติ วุตฺเต ปุคฺคลํ อุทฺทิสฺส ทินฺเนปิ สงฺฆายตฺตเมว สงฺฆิกเมว โหตี’’ติ, ตถาปิ เอวํ วิจารณา กาตพฺพา – ‘‘สีมาย ทมฺมิ, เสนาสนสฺส ทมฺมี’’ติอาทีสุ สีมา จ เสนาสนฺจ ทานปฏิคฺคาหกา น โหนฺติ, ตสฺมา สีมฏฺสฺส จ เสนาสนฏฺสฺส จ สงฺฆสฺส อายตฺตํ โหติ, ปุคฺคโล ปน ทานปฏิคฺคาหโกว, ตสฺมา ‘‘อิมํ กถินจีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน ทมฺมี’’ติ ปรมฺมุขา วา ตสฺส ภิกฺขุโน ปาทมูเล เปตฺวา สมฺมุขา วา ทินฺนํ กถํ สงฺฆายตฺตํ สงฺฆสนฺตกํ ภเวยฺย, เอวํ สงฺฆสฺส อปริณตํ ปุคฺคลิกจีวรํ สงฺฆสฺส ปริณาเมยฺย, นวสุ อธมฺมิกทาเนสุ เอกํ ภเวยฺย, ตสฺส จีวรสฺส ปฏิคฺคโหปิ นวสุ อธมฺมิกปฏิคฺคเหสุ เอโก ภเวยฺย, ตสฺส จีวรสฺส ปริโภโคปิ นวสุ อธมฺมิกปริโภเคสุ เอโก ภเวยฺย. กถํ วิฺายตีติ เจ? นว อธมฺมิกานิ ทานานีติ สงฺฆสฺส ปริณตํ อฺสงฺฆสฺส วา เจติยสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา ปริณาเมติ, เจติยสฺส ปริณตํ อฺเจติยสฺส วา สงฺฆสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา ปริณาเมติ, ปุคฺคลสฺส ปริณตํ อฺปุคฺคลสฺส วา สงฺฆสฺส วา เจติยสฺส วา ปริณาเมติ, ‘‘นว อธมฺมิกา ปริโภคา’’ติ อาคตํ ปริวารปาฬิฺจ (ปริ. ๓๒๙) ‘‘นว ปฏิคฺคหปริโภคาติ เอเตสํเยว ทานานํ ปฏิคฺคหา จ ปริโภคา จา’’ติ อาคตํ อฏฺกถฺจ (ปริ. อฏฺ. ๓๒๙) โอโลเกตฺวา วิฺายตีติ.

อถาปิ เอวํ วทนฺติ – ทายโก สงฺฆตฺเถรสฺส วา คนฺถธุตงฺควเสน อภิฺาตสฺส วา ภตฺตุทฺเทสกสฺส วา ปหิณติ ‘‘อมฺหากํ ภตฺตคฺคหณตฺถาย อฏฺ ภิกฺขู คเหตฺวา อาคจฺฉถา’’ติ, สเจปิ าติอุปฏฺาเกหิ เปสิตํ โหติ, อิเม ตโย ชนา ปุจฺฉิตุํ น ลภนฺติ. อารุฬฺหาเยว มาติกํ, สงฺฆโต อฏฺ ภิกฺขู อุทฺทิสาเปตฺวา อตฺตนวเมหิ คนฺตพฺพํ. กสฺมา? ภิกฺขุสงฺฆสฺส หิ เอเต ภิกฺขู นิสฺสาย ลาโภ อุปฺปชฺชตีติ. คนฺถธุตงฺคาทีหิ ปน อนภิฺาโต อาวาสิกภิกฺขุ ปุจฺฉิตุํ ลภติ, ตสฺมา เตน ‘‘กึ สงฺฆโต คณฺหามิ, อุทาหุ เย ชานามิ, เตหิ สทฺธึ อาคจฺฉามี’’ติ มาติกํ อาโรเปตฺวา ยถา ทายกา วทนฺติ, ตถา ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๕), อีทิเสสุ าเนสุ ‘‘สงฺฆสฺส ลาโภ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย อุปฺปชฺชตี’’ติ วจนํ อุปนิธาย ‘‘สงฺฆสฺส ลาโภ ปุคฺคลํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชติ, ปุคฺคลสฺส ปตฺตลาโภ สงฺฆํ อามสิตฺวา เทนฺโต สงฺฆายตฺโต โหตี’’ติ วิฺายตีติ.

อิมสฺมิมฺปิ วจเน เอวํ วิจารณา กาตพฺพา – ตสฺมึ ตุ นิมนฺตเน น ปุคฺคลํเยว นิมนฺเตติ, อถ โข สสงฺฆํ ปุคฺคลํ นิมนฺเตติ. ตตฺถ ตุ ‘‘สงฺฆ’’นฺติ อวตฺวา ‘‘อฏฺ ภิกฺขู’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘กึ สงฺฆโต คณฺหามิ, อุทาหุ เย ชานามิ, เตหิ สทฺธึ อาคจฺฉามี’’ติ อนภิฺาโต ปุคฺคโล ปุจฺฉิตุํ ลภติ. สงฺฆตฺเถรสฺส ปน สงฺฆํ ปริหริตฺวา วสิตตฺตา ‘‘อฏฺ ภิกฺขู’’ติ วุตฺเต สงฺฆํ เปตฺวา อฺเสํ คหณการณํ นตฺถิ, คนฺถธุตงฺควเสน อภิฺาตปุคฺคโลปิ สงฺฆสฺส ปุฺนิสฺสิตตฺตา ‘‘อฏฺ ภิกฺขู’’ติ วุตฺเต สงฺฆโตเยว คณฺหาติ, ภตฺตุทฺเทสกสฺสปิ เทวสิกํ สงฺฆสฺเสว ภตฺตวิจารณตฺตา ‘‘อฏฺ ภิกฺขู’’ติ วุตฺเต สงฺฆํ เปตฺวา อฺเสํ คหณการณํ นตฺถิ. เอวํ ‘‘อฏฺ ภิกฺขู คเหตฺวา อาคจฺฉถา’’ติ สห สงฺเฆน นิมนฺติตตฺตา ‘‘อิเม ตโย ชนา ปุจฺฉิตุํ น ลภนฺตี’’ติ วุตฺตํ, น ‘‘ตฺวํ อาคจฺฉาหี’’ติ ปุคฺคลสฺเสว นิมนฺตเน สติปิ สงฺฆํ คเหตฺวา อาคนฺตพฺพโตติ. เอวํ ‘‘อฏฺ ภิกฺขู คเหตฺวา อาคจฺฉถา’’ติ สสงฺฆสฺเสว ปุคฺคลสฺส นิมนฺติตตฺตา สงฺโฆ คเหตพฺโพ โหติ, น ‘‘ตุมฺเห อาคจฺฉถา’’ติ ปุคฺคลสฺเสว นิมนฺติตตฺตา, ตสฺมา ‘‘ปุคฺคลสฺส ลาโภ สงฺฆายตฺโต’’ติ น สกฺกา วตฺตุํ , อฏฺกถาทีสุ ปกรเณสุปิ ‘‘ปุคฺคลํ นิสฺสาย สงฺฆสฺส ลาโภ อุปฺปชฺชติ’’ อิจฺเจว วุตฺโต, น ‘‘ปุคฺคลสฺส ลาโภ สงฺฆายตฺโต’’ติ. จีวรลาภเขตฺตภูตาสุ อฏฺสุ มาติกาสุ จ ‘‘สงฺฆสฺส เทตี’’ติ จ วิสุํ, ‘‘ปุคฺคลสฺส เทตี’’ติ จ วิสุํ อาคตํ. ปุคฺคลสฺส เทตีติ ‘‘อิมํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส ทมฺมี’’ติ เอวํ ปรมฺมุขา วา, ปาทมูเล เปตฺวา ‘‘อิมํ ภนฺเต ตุมฺหากํ ทมฺมี’’ติ เอวํ สมฺมุขา วา เทตีติ.

อิทานิ ปน จีวรํ ทาตุกามา อุปาสกา วา อุปาสิกาโย วา สยํ อนาคนฺตฺวา ปุตฺตทาสาทโย อาณาเปนฺตาปิ ‘‘อิมํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส เถรสฺส เทถา’’ติ วตฺวา ปุคฺคลสฺเสว ทาเปนฺติ, สามํ คนฺตฺวา ททนฺตาปิ ปาทมูเล เปตฺวา วา หตฺเถ เปตฺวา วา หตฺเถน ผุสาเปตฺวา วา ททนฺติ ‘‘อิมํ, ภนฺเต, จีวรํ ตุมฺเห อุทฺทิสฺส เอตฺตกํ ธนํ ปริจฺจชิตฺวา กตํ, เอวฺจ เอวฺจ หตฺถกมฺมํ กตฺวา สมฺปาทิตํ, ตสฺมา ตุมฺเห นิวาสถ ปารุปถ ปริภุฺชถา’’ติอาทีนิ วทนฺติ, ตสฺส ปุคฺคลสฺส ปริโภคกรณเมว อิจฺฉนฺติ, น สงฺฆสฺส ทานํ. เกจิ อตุฏฺกถมฺปิ กเถนฺติ. เอวํ ปุคฺคลเมว อุทฺทิสฺส ทินฺนจีวรสฺส สงฺเฆน อายตฺตการณํ นตฺถิ. ‘‘สเจ ปน ‘อิทํ ตุมฺหากฺจ ตุมฺหากํ อนฺเตวาสิกานฺจ ทมฺมี’ติ เอวํ วทติ, เถรสฺส จ อนฺเตวาสิกานฺจ ปาปุณาตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) อาคมนโต เอวํ วตฺวา เทนฺเต ปน อาจริยนฺเตวาสิกานํ ปาปุณาติ, อนนฺเตวาสิกสฺส ปน น ปาปุณาติ. ‘‘อุทฺเทสํ คเหตุํ อาคโต คเหตฺวา คจฺฉนฺโต จ อตฺถิ, ตสฺสปิ ปาปุณาตี’’ติ อาคมนโต พหิสีมฏฺสฺส ธมฺมนฺเตวาสิกสฺสปิ ปาปุณาติ. ‘‘ตุมฺเหหิ สทฺธึ นิพทฺธจาริกภิกฺขูนํ ทมฺมีติ วุตฺเต อุทฺเทสนฺเตวาสิกานํ วตฺตํ กตฺวา อุทฺเทสปริปุจฺฉาทีนิ คเหตฺวา วิจรนฺตานํ สพฺเพสํ ปาปุณาตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) อาคมนโต เอวํ วตฺวา เทนฺเต ธมฺมนฺเตวาสิกานํ วตฺตปฏิปตฺติการกานฺจ อนฺเตวาสิกานํ ปาปุณาติ. เอวํ ทายกานํ วจนานุรูปเมว ทานสฺส ปวตฺตนโต ‘‘ยถา ทายกา วทนฺติ, ตถา ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๕) อฏฺกถาจริยา วทนฺติ.

เอวํ อิทานิ ทายกา เยภุยฺเยน ปุคฺคลสฺเสว เทนฺติ, สเตสุ สหสฺเสสุ เอโกเยว ปณฺฑิโต พหุสฺสุโต ทายโก สงฺฆสฺส ทเทยฺย, ปุคฺคลิกจีวรฺจ สงฺฆิกภวนตฺถาย อกริยมานํ น ตฺติยา กมฺมวาจาย จ อรหํ โหติ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ตฺติกมฺมวาจาวิโรธโต. กถํ วิโรโธติ เจ? ตฺติยา กมฺมวาจาย จ ‘‘อิทํ สงฺฆสฺส กถินทุสฺสํ อุปฺปนฺน’’นฺติ กถินจีวรสฺส สงฺฆิกภาโว วุตฺโต, อิทานิ ปน ตํ จีวรํ ‘‘ปุคฺคลสฺส ทินฺนํ ปุคฺคลิก’’นฺติ วจนตฺถานุรูปโต ปุคฺคลิกํ โหติ, เอวมฺปิ วิโรโธ. ‘‘สงฺโฆ อิมํ กถินทุสฺสํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน ทเทยฺย กถินํ อตฺถริตุ’’นฺติ เอตฺถ จ สงฺโฆติ ธาตุยา กตฺตา โหติ, ภิกฺขุโนติ สมฺปทานํ, อิธ ปน สงฺฆสฺส ตสฺมึ กถินจีวเร อนิสฺสรภาวโต สงฺโฆ กตฺตา น โหติ, ภิกฺขุ ปฏิคฺคาหลกฺขณาภาวโต สมฺปทานํ น โหติ, เอวมฺปิ วิโรโธ. ทายเกน ปน สงฺฆสฺส ปริจฺจตฺตตฺตา สงฺฆิกภูตํ กถินจีวรํ ยสฺมึ กาเล สงฺโฆ กถินํ อตฺถริตุํ อฏฺงฺคสมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน เทติ, ตสฺมึ กาเล ตฺติทุติยกมฺมวาจํ อิทานิ มนุสฺสา ‘‘ตฺตี’’ติ โวหรนฺติ, ตฺจ จีวรํ ‘‘ตฺติลทฺธจีวร’’นฺติ, ตํ จีวรทายกฺจ ‘‘ตฺติลทฺธทายโก’’ติ , ตสฺมา สงฺฆิกจีวรเมว ตฺติลทฺธํ โหติ, โน ปุคฺคลิกจีวรํ. ตฺติลทฺธกาลโต ปน ปฏฺาย ตํ จีวรํ ปุคฺคลิกํ โหติ. กสฺมา? อตฺถารกปุคฺคลสฺส จีวรภาวโตติ.

อถาปิ วทนฺติ ‘‘ทินฺนนฺติ ปาฺจ ‘สาเธนฺตี’ติ ปาฺจ ‘อานิสํสํ ลภนฺตี’ติ ปาฺจ อุปนิธาย อยมตฺโถ วิฺายตี’’ติ, ตตฺถายมาจริยานมธิปฺปาโย – ‘‘ทินฺนํ อิทํ สงฺเฆนา’’ติ เอตฺถ ทา-ธาตุยา สงฺเฆนาติ กตฺตา, อิทนฺติ กมฺมํ, อิมสฺส กถินจีวรสฺส สงฺฆิกตฺตา สงฺเฆน ทินฺนํ โหติ, เตน วิฺายติ ‘‘กถิน’’นฺติ วุตฺเต สงฺฆิกํ โหตีติ. ‘‘กถินตฺถารํ เก ลภนฺตีติ เอตฺถ เก ลภนฺตีติ เก สาเธนฺตีติ อตฺโถ. ปฺจ ชนา สาเธนฺตี’’ติ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๖) วุตฺตํ. ตตฺถ ปฺจ ชนาติ สงฺโฆ วุตฺโต, อิมินาปิ วิฺายติ ‘‘กถินนฺติ วุตฺเต สงฺฆิกํ โหตี’’ติ. อานิสํสํ ลภนฺตีติ เอตฺถ จ สงฺฆิกตฺตา สพฺเพ สีมฏฺกภิกฺขู อานิสํสํ ลภนฺติ, อิมินาปิ วิฺายติ ‘‘กถินนฺติ วุตฺเต สงฺฆิกํ โหตี’’ติ.

ตตฺราปฺเยวํ วิจารณา กาตพฺพา – ปุพฺเพทายกา จตฺตาโรปิ ปจฺจเย เยภุยฺเยน สงฺฆสฺเสว เทนฺติ, ตสฺมา สงฺฆสฺส จตุปจฺจยภาชนกถา อติวิตฺถารา โหติ. อปฺปกโต ปน ปุคฺคลสฺส เทนฺติ, ตสฺมา สงฺฆสฺส ทินฺนํ กถินจีวรํ สงฺเฆน อตฺถารกสฺส ปุคฺคลสฺส ทินฺนํ สนฺธาย วุตฺตํ. สาเธนฺตีติ จ กถินทุสฺสสฺส ทายกา จตฺตาโร, ปฏิคฺคาหโก เอโกติ ปฺจ ชนา กถินทานกมฺมํ สาเธนฺตีติ วุตฺตํ. อานิสํสํ ลภนฺตีติ อิทฺจ อตฺถารกสฺส จ อนุโมทนานฺจ ภิกฺขูนํ อานิสํสลาภเมว วุตฺตํ, น เอเตหิ ปาเหิ ‘‘กถิน’’นฺติ วุตฺเต สงฺฆิกํ โหตีติ อตฺโถ วิฺาตพฺโพ โหตีติ ทฏฺพฺโพ. สงฺฆสฺส อุปฺปนฺนจีวรํ สงฺเฆน อตฺถารกสฺส ทินฺนภาโว กถํ วิฺายตีติ? ‘‘อิทํ สงฺฆสฺส กถินทุสฺสํ อุปฺปนฺนํ, สงฺโฆ อิมํ กถินทุสฺสํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน เทติ กถินํ อตฺถริตุ’’นฺติ วุตฺตํ ปาฬิปาฺจ (มหาว. ๓๐๗) ‘‘สงฺโฆ อชฺช กถินทุสฺสํ ลภิตฺวา ปุนทิวเส เทติ, อยํ นิจยสนฺนิธี’’ติ วุตฺตํ อฏฺกถาปาฺจ ทิสฺวา วิฺายตีติ. สงฺฆสนฺตกภูตํ จีวรเมว ทานกิริยาย กมฺมํ, สงฺโฆ กตฺตา, ปุคฺคโล สมฺปทานํ ภวิตุํ อรหภาโว จ ยถาวุตฺตปาฬิปาเมว อุปนิธาย วิฺายตีติ.

เอวํ สนฺเต ปุคฺคลสฺส ทินฺนํ ปุคฺคลิกจีวรํ สงฺฆิกํ กาตุํ กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ? สเจ โส ปฏิคฺคาหกปุคฺคโล ทายกานํ เอวํ วทติ ‘‘อุปาสก ทานํ นาม ปุคฺคลสฺส ทินฺนโต สงฺฆสฺส ทินฺนํ มหปฺผลตรํ โหติ, ตสฺมา สงฺฆสฺส เทหิ, สงฺฆสฺส ทตฺวา ปุน สงฺเฆน อตฺถารารหสฺส ภิกฺขุโน กมฺมวาจาย ทตฺวา เตน ปุคฺคเลน ยถาวินยํ อตฺถเตเยว กถินํ นาม โหติ, น ปุคฺคลสฺส ทตฺวา ปุคฺคเลน สามํเยว อตฺถเต, ตสฺมา สงฺฆสฺส เทหี’’ติ อุยฺโยเชตฺวา สงฺฆสฺส ทาปิเตปิ ตํ จีวรํ สงฺฆิกํ โหติ กถินตฺถารารหํ. ยทิ ปน ทายโก อปฺปสฺสุตตาย ‘‘นาหํ, ภนฺเต, กิฺจิ ชานามิ, อิมํ จีวรํ ตุมฺหากเมว ทมฺมี’’ติ วกฺขติ, เอวํ สติ ปุคฺคลิกวเสเนว สมฺปฏิจฺฉิตฺวา เตน ปุคฺคเลน ตํ จีวรํ สงฺฆสฺส ทินฺนมฺปิ สงฺฆิกํ โหติ.

ยทิ เอวํ สมเณเนว สมณสฺส ทินฺนํ จีวรํ กถํ กถินตฺถารารหํ ภเวยฺยาติ? โน น ภเวยฺย. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๐๖) ‘‘กถินํ เกน ทินฺนํ วฏฺฏติ? เยน เกนจิ เทเวน วา มนุสฺเสน วา ปฺจนฺนํ วา สหธมฺมิกานํ อฺตเรน ทินฺนํ วฏฺฏตี’’ติ. อถ กสฺมา ปรมฺปรภูเตหิ อาจริเยหิ ตฺติลทฺธจีวรโต อวเสสานิ จีวรานิ สงฺฆสฺส ภาเชตฺวา เอว ปริภุฺชิตานีติ? วุจฺจเต – เอกจฺเจ ภิกฺขู อาจริยปรมฺปราคตอนอุสาเรเนว ปฏิปชฺชนฺติ, เกจิ พหูนํ กิริยํ ทิสฺวา ทิฏฺานุคติวเสน ปฏิปชฺชนฺติ, พหุสฺสุตาปิ เกจิ เถรา อรุจฺจนฺตาปิ ปเวณิเภทภเยน ปฏิปชฺชนฺติ, อปเร รุจิวเสน อตฺถฺจ อธิปฺปายฺจ ปริณาเมตฺวา คณฺหนฺติ, ปกรณเมวานุคตภิกฺขู ปน ยถาปกรณาคตเมว อตฺถํ คเหตฺวา สงฺฆิกฺจ ปุคฺคลิกฺจ อมิสฺสํ กตฺวา, กาลจีวรฺจ อกาลจีวรฺจ อมิสฺสํ กตฺวา คณฺหนฺติ. ภิกฺขุนิวิภงฺเค (ปาจิ. ๗๓๘) ‘‘ถูลนนฺทา ภิกฺขุนี อกาลจีวรํ ‘กาลจีวร’นฺติ อธิฏฺหิตฺวา ภาชาเปสฺสติ, อถ ภควา นิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยาปตฺตึ ปฺเปสี’’ติ อาคตํ, ตสฺมา ลชฺชีเปสลพหุสฺสุตสิกฺขากามภูเตน ภิกฺขุนา อเนก-ปาฬิอฏฺกถาทโย ปกรเณ โอโลเกตฺวา สํสนฺทิตฺวา ปกรณเมวานุคนฺตพฺพํ, น อฺเสํ กิริยํ สทฺทหิตพฺพํ, น จ อนุคนฺตพฺพํ. ภควโต หิ ธรมานกาเล วา ตโต ปจฺฉา วา ปุพฺเพ ทายกา เยภุยฺเยน จตฺตาโร ปจฺจเย สงฺฆสฺเสว เทนฺติ, ตสฺมา สงฺฆิกเสนาสนสฺส สงฺฆิกจีวรสฺส จ พาหุลฺลโต ปุพฺพาจริยา สงฺฆสฺส ภาเชตฺวา เอว ปริภุฺชึสุ.

อิทานิ ปน ทายกา เยภุยฺเยน จตฺตาโร ปจฺจเย ปุคฺคลสฺเสว เทนฺติ, ตสฺมา เสนาสนมฺปิ อภินวภูตํ ปุคฺคลิกเมว พหุลํ โหติ, จีวรมฺปิ ปุคฺคลิกเมว พหุลํ. ทลิทฺทาปิ สุตฺตกนฺตนกาลโต ปฏฺาย ‘‘อิมํ จีวรํ กถินกาเล อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน ทสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา จ ตเถว วตฺวา จ สพฺพกิจฺจานิ กโรนฺติ, มหทฺธนา จ สาฏกสฺส กีณิตกาลโต ปฏฺาย ตเถว จินฺเตตฺวา กเถตฺวา กโรนฺติ, ทานกาเล จ ‘‘อิมํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส เทหี’’ติ ปุตฺตทาสาทโย วา เปเสนฺติ, สามํ วา คนฺตฺวา จีวรํ ตสฺส ภิกฺขุสฺส ปาทมูเล วา หตฺเถ วา เปตฺวา ‘‘อิมํ จีวรํ ตุยฺหํ ทมฺมี’’ติ วตฺวา วา จินฺเตตฺวา วา เทนฺติ, สเตสุ วา สหสฺเสสุ วา เอโก ปณฺฑิตปุริโส ‘‘ปุคฺคลสฺส ทินฺนทานโต สงฺฆสฺส ทินฺนํ มหปฺผล’’นฺติ ตฺวา ‘‘อิมํ กถินจีวรํ สงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ วตฺวา วา จินฺเตตฺวา วา เทติ, ตสฺส สา ทกฺขิณา สงฺฆคตา โหติ. สเจ ปน ทายโก ปุคฺคลสฺส ทาตุกาโม โหติ, ปุคฺคโล ปน ตสฺส มหปฺผลภาวมิจฺฉนฺโต ทกฺขิณา-วิภงฺคสุตฺตาทิธมฺมเทสนาย (ม. นิ. ๓.๓๗๖ อาทโย) ปุคฺคลิกทานโต สงฺฆิกทานสฺส มหปฺผลภาวํ ชานาเปตฺวา ‘‘อิมํ ตว จีวรํ สงฺฆสฺส เทหี’’ติ อุยฺโยเชติ, ทายโกปิ ตสฺส วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ‘‘อิมํ กถินจีวรํ สงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ วตฺวา วา จินฺเตตฺวา วา เทติ, เอวมฺปิ สา ทกฺขิณา สงฺฆคตา โหติ.

ยทิ ปน ภิกฺขุนา อุยฺโยชิโตปิ ทุปฺปฺโ ทายโก ตสฺส วจนํ อนาทิยิตฺวา ปุคฺคลสฺเสว เทติ, ตสฺส สา ทกฺขิณา ปุคฺคลคตา โหติ. อถ ปน โส ปุคฺคโล สยํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ปุน สงฺฆสฺส ปริจฺจชติ, เอวมฺปิ ตํ จีวรํ สงฺฆิกํ โหติ, ตํ สงฺฆิกวเสน ภาเชตพฺพํ. ยทิ ปน ทายโกปิ ปุคฺคลสฺเสว เทติ, ปุคฺคโลปิ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา น ปริจฺจชติ, เอวํ สนฺเต ตํ จีวรํ ปุคฺคลิกํ โหติ, น กถินกาลมตฺเตน วา กถินวจนมตฺเตน วา สงฺฆิกํ โหติ. อิทานิ ปน อิมินา นเยน ปุคฺคลิกจีวรํเยว พหุลํ โหติ. เอวํ สนฺเตปิ อาจริยปรมฺปรา ปเวณึ อภินฺทิตุกามา สงฺฆิกํ วิย กตฺวา ภาเชตฺวา ปริภุฺชึสุ . ยทิ มุขฺยโต สงฺฆิกํ สิยา, สงฺเฆน ทินฺนโต ปรํ เอกสูจิมตฺตมฺปิ ปุคฺคโล อธิกํ คณฺหิตุํ น ลเภยฺย.

เอกจฺเจ เถรา สงฺฆิกนฺติ ปน วทนฺติ, ภาชนกาเล ปน อิสฺสรวตาย ยถารุจิ วิจาเรนฺติ, เอกจฺเจ ภิกฺขู มุขฺยสงฺฆิกนฺติ มฺมานา อภาเชตุกามมฺปิ ปุคฺคลํ อภิภวิตฺวา ภาชาเปนฺติ, ตสฺส ปุคฺคลสฺส มาตา ปิตา าตกา อุปาสกาทโย ‘‘อมฺหากํ ปุตฺตสฺส เทม, อมฺหากํ าตกภิกฺขุสฺส เทม, อมฺหากํ กุลูปกสฺส เทมา’’ติ, อฺเปิ สทฺธา ปสนฺนา ทายกา ‘‘อิตฺถนฺนามสฺส ปุคฺคลสฺส เทมา’’ติ วิจาเรตฺวา ปรมฺมุขาปิ ‘‘อิมํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส ทมฺมี’’ติ วตฺวา สมฺมุขาปิ ปาทมูเล วา หตฺเถ วา เปตฺวา เทนฺติ, เอวรูปํ จีวรํ ปุคฺคลิกํ โหติ, สงฺฆํ อามสิตฺวา อวุตฺตตฺตา สงฺฆายตฺตํ น โหติ, ‘‘กถินํ ทสฺสามี’’ติ วา ‘‘กถินํ ทาตุํ คโต’’ติ วา ‘‘กถินจีวร’’นฺติ วา ปุพฺพาปรกาเลสุ วจนํ ปน มุขฺยกถินภูตสฺส สงฺฆิกจีวรสฺส กาเล ทินฺนตฺตา ตทุปจารโต โวหารมตฺตํ โหติ. ยถา กึ? ‘‘อุโปสถิก’’นฺติ วุตฺตํ ภตฺตํ จุทฺทสสุ สงฺฆิกภตฺเตสุ อนฺโตคธํ มุขฺยสงฺฆิกํ โหติ, สมาทินฺนอุโปสถา ทายกา สายํ ภุฺชิตพฺพภตฺตภาคํ สงฺฆสฺส เทนฺติ, ตํ สงฺโฆ สลากภตฺตํ วิย ิติกํ กตฺวา ภุฺชติ, อิติ สงฺฆสฺส ทินฺนตฺตา สงฺฆิกํ โหติ. อิทานิ ปน ทายกา อตฺตโน อตฺตโน กุลูปกสฺส วา าติภิกฺขุสฺส วา อุโปสถทิวเสสุ ภตฺตํ เทนฺติ, ตํ สงฺฆสฺส อทินฺนตฺตา สงฺฆิกํ น โหติ. เอวํ สนฺเตปิ อุโปสถทิวเส ทินฺนตฺตา มุขฺยวเสน ปวตฺตอุโปสถภตฺตํ วิย ตทุปจาเรน ‘‘อุโปสถภตฺต’’นฺติ โวหรียติ, เอวํสมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ.

เอวํ อิมสฺมึ กาเล เยภุยฺเยน ปุคฺคลสฺเสว ทินฺนตฺตา ปุคฺคลิกภูตํ จีวรํ ตฺติกมฺมวาจารหํ น โหติ, สงฺฆิกเมว ตฺติกมฺมวาจารหํ โหติ, ตเทว จ ปฺจานิสํสการณํ โหติ, ตสฺมา ปณฺฑิเตน ปุคฺคเลน ‘‘อุปาสกา สงฺเฆ เทถ, สงฺเฆ ทินฺนํ มหปฺผลํ โหตี’’ติอาทินา นิโยเชตฺวา ทาเปตพฺพํ, สยํ วา สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สงฺฆสฺส ปริจฺจชิตพฺพํ. เอวํ ปริจฺจชิตตฺตา สงฺฆิกภูตํ จีวรํ ตฺติกมฺมวาจารหฺจ โหติ ปฺจานิสํสนิปฺผาทกฺจ. เอวํ นิโยชนฺจ ‘‘สงฺเฆ โคตมิ เทหิ, สงฺเฆ เต ทินฺเน อหฺเจว ปูชิโต ภวิสฺสามิ สงฺโฆ จา’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๗๖) ภควตา วุตฺตวจนํ อนุคตํ โหตีติ ทฏฺพฺพํ.

ปริกมฺมํกโรนฺตานํ ภิกฺขูนํ ยาคุภตฺตฺจ ทาตุํ วฏฺฏตีติ อิทํ ปุจฺฉิตตฺตา โทโส นตฺถีติ กตฺวา วุตฺตํ, อปุจฺฉิเต ปน เอวํ กเถตุํ น วฏฺฏติ. ขลิมกฺขิตสาฏโกติ อหตวตฺถํ สนฺธาย วุตฺตํ. สุฏฺุ โธวิตฺวาติอาทินา สปุพฺพกรณํ อตฺถารํ ทสฺเสติ. โธวนสิพฺพนรชนกปฺปกรเณน หิ วิจารณเฉทนพนฺธนานิปิ ทสฺสิตานิเยว โหนฺติ, อตฺถารทสฺสเนน ปจฺจุทฺธารอธิฏฺานานิปิ ทสฺเสติ. สูจิอาทีนิ จีวรกมฺมุปกรณานิ สชฺเชตฺวา พหูหิ ภิกฺขูหิ สทฺธินฺติ อิทํ ปน สิพฺพนสฺส อุปกรณนิทสฺสนํ. ตทเหวาติ อิทํ ปน กรณสนฺนิธิโมจนตฺถํ วุตฺตํ. ทายกสฺส หตฺถโต สาฏกํ ลทฺธทิวเสเยว สงฺเฆน อตฺถารกสฺส ภิกฺขุโน ทาตพฺพํ, เอวํ อเทนฺเต นิจยสนฺนิธิ โหติ. อตฺถารเกนปิ สงฺฆโต ลทฺธทิวเสเยว กถินํ อตฺถริตพฺพํ, เอวํ อกโรนฺเต กรณสนฺนิธิ โหติ.

อฺานิ จ พหูนิ อานิสํสวตฺถานิ เทตีติ อิมินา อตฺถริตพฺพสาฏโกเยว กถินสาฏโก นาม, ตโต อฺเ สาฏกา พหโวปิ กถินานิสํสาเยว นามาติ ทสฺเสติ. เอเตน จ ‘‘กถินานิสํโส’’ติ วตฺถานิเยว วุตฺตานิ น อคฺโฆติ ทีเปติ. ยทิ อคฺโฆ วุตฺโต สิยา, เอวํ สติ ‘‘พหฺวานิสํสานิ กถินวตฺถานิ เทตี’’ติ วตฺตพฺพํ, เอวํ ปน อวตฺวา ‘‘พหูนิ กถินานิสํสวตฺถานิ เทตี’’ติ วุตฺตํ, เตน ายติ ‘‘น อคฺโฆ วุตฺโต’’ติ, ตสฺมา พหฺวานิสํสภาโว อคฺฆวเสน น คเหตพฺโพ, อถ โข วตฺถวเสเนว คเหตพฺโพติ. อิตโรติ อฺโ ทายโก. ตถาตถา โอวทิตฺวา สฺาเปตพฺโพติ ‘‘อุปาสก ทานํ นาม สงฺฆสฺส ทินฺนกาลโต ปฏฺาย มหปฺผลํ โหติ มหานิสํสํ, อตฺถาโร ปน ภิกฺขูนํ อุปการตฺถาย ภควตา อนุฺาโต, ตสฺมา ตฺติลทฺธมฺปิ อลทฺธมฺปิ มหปฺผลเมวา’’ติ วา ‘‘อุปาสก อยมฺปิ ทายโก สงฺฆสฺเสว เทติ, ตฺวมฺปิ สงฺฆสฺเสว เทสิ, ภควตา จ –

‘โย สีลวา สีลวนฺเตสุ ททาติ ทานํ;

ธมฺเมน ลทฺธํ สุปสนฺนจิตฺโต;

อภิสทฺทหํ กมฺมผลํ อุฬารํ;

ตํ เว ทานํ วิปุลผลนฺติ พฺรูมี’ติ. (ม. นิ. ๓.๓๘๒) –

วุตฺตํ, ตสฺมา สงฺฆสฺส ทินฺนกาลโต ปฏฺาย มหปฺผลเมวา’’ติ วา อิติอาทีนิ วตฺวา สฺาเปตพฺโพ.

ยสฺส สงฺโฆ กถินจีวรํ เทติ, เตน ภิกฺขุนา กถินํ อตฺถริตพฺพนฺติ โยชนา. โย ชิณฺณจีวโร โหติ ภิกฺขุ, ตสฺส ทาตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ. อิมสฺมึ าเน อิทานิ ภิกฺขู –

‘‘ปฏิคฺคหณฺจ สปฺปายํ, ตฺติ จ อนุสาวนํ;

กปฺปพินฺทุ ปจฺจุทฺธาโร, อธิฏฺานตฺถรานิ จ;

นิโยชนานุโมทา จ, อิจฺจยํ กถิเน วิธี’’ติ. –

อิมํ คาถํ อาหริตฺวา กถินทานกมฺมวาจาย ปมํ กถินจีวรสฺส ปฏิคฺคหณฺจ สปฺปายปุจฺฉนฺจ กโรนฺติ, ตทยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ. กสฺมาติ เจ? ‘‘อฏฺหงฺเคหิ สมนฺนาคโต ปุคฺคโล ภพฺโพ กถินํ อตฺถริตุํ…เป… ปุพฺพกรณํ ชานาติ, ปจฺจุทฺธารํ ชานาติ, อธิฏฺานํ ชานาติ, อตฺถารํ ชานาติ, มาติกํ ชานาติ, ปลิโพธํ ชานาติ, อุทฺธารํ ชานาติ, อานิสํสํ ชานาตี’’ติ ปริวารปาฬิยฺจ (ปริ. ๔๐๙),

‘‘อฏฺธมฺมวิโท ภิกฺขุ, กถินตฺถารมรหติ;

ปุพฺพปจฺจุทฺธาราธิฏฺา-นตฺถาโร มาติกาติ จ;

ปลิโพโธ จ อุทฺธาโร, อานิสํสา ปนฏฺิเม’’ติ. (วิ. วิ. ๒๗๐๔, ๒๗๐๖) –

วินยวินิจฺฉยปฺปกรเณ จ อาคเตสุ อฏฺสุ องฺเคสุ อนาคตตฺตา จ ‘‘ปุพฺพกรณํ สตฺตหิ ธมฺเมหิ สงฺคหิตํ โธวเนน วิจารเณน เฉทเนน พนฺธเนน สิพฺพเนน รชเนน กปฺปกรเณนา’’ติ ปริวารปาฬิยฺจ (ปริ. ๔๐๘),

‘‘โธวนฺจ วิจาโร จ, เฉทนํ พนฺธนมฺปิ จ;

สิพฺพนํ รชนํ กปฺปํ, ปุพฺพกิจฺจนฺติ วุจฺจตี’’ติ. (วิ. วิ. ๒๗๐๗) –

วินยวินิจฺฉยปฺปกรเณ จ วุตฺเตสุ สตฺตสุ ปุพฺพกรเณสุ อนาคตตฺตา จ.

เกวลฺจ ปกรเณสุ อนาคตเมว, อถ โข ยุตฺติปิ น ทิสฺสติ. กถํ? ปฏิคฺคหณํ นาม ‘‘โย ปน ภิกฺขุ อทินฺนํ มุขทฺวารํ อาหารํ อาหาเรยฺย อฺตฺร อุทกทนฺตโปนา, ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๒๖๕) ยาวกาลิกาทีสุ อชฺโฌหริตพฺเพสุ จตูสุ กาลิกวตฺถูสุ ภควตา วุตฺตํ, น จีวเร, ตํ ปน ปาทมูเล เปตฺวา ทินฺนมฺปิ ปรมฺมุขา ทินฺนมฺปิ ลพฺภเตว. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) ‘‘อิมํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส ทมฺมีติ เอวํ ปรมฺมุขา วา ปาทมูเล เปตฺวา ‘อิมํ ตุมฺหาก’นฺติ เอวํ สมฺมุขา วา เทตี’’ติ, ตสฺมา ปฏิคฺคหณกิจฺจํ นตฺถิ, ทายเกน จีวเร ทินฺเน สงฺฆสฺส จิตฺเตน สมฺปฏิจฺฉนมตฺตเมว ปมาณํ โหติ.

สปฺปายปุจฺฉนฺจ เอวํ กโรนฺติ – เอเกน ภิกฺขุนา ‘‘โภนฺโต สงฺฆา สงฺฆสฺส กถิเน สมฺปตฺเต กสฺส ปุคฺคลสฺส สปฺปายารหํ โหตี’’ติ ปุจฺฉิเต เอโก ภิกฺขุ นามํ วตฺวา ‘‘อิตฺถนฺนามสฺส เถรสฺส สปฺปายารหํ โหตี’’ติ วทติ, สปฺปายอิติ จ นิวาสนปารุปนตฺถํ คเหตฺวา วทนฺติ. เอตสฺมึ วจเน สทฺทโต จ อตฺถโต จ อธิปฺปายโต จ ยุตฺติ คเวสิตพฺพา โหติ. กถํ? สทฺทโต วคฺคเภเท สติเยว พหุวจนํ กตฺตพฺพํ, น อเภเท, เอวํ สทฺทโต. สปฺปายอิติวจนฺจ อนุรูปตฺเถเยว วตฺตพฺพํ, น นิวาสนปารุปนตฺเถ, เอวํ อตฺถโต. อิทฺจ จีวรํ สงฺโฆ กถินํ อตฺถริตุํ ปุคฺคลสฺส เทติ, น นิวาสนปารุปนตฺถํ. วุตฺตฺหิ ปาฬิยํ (มหาว. ๓๐๗) ‘‘สงฺโฆ อิมํ กถินทุสฺสํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน เทติ กถินํ อตฺถริตุ’’นฺติ, ตสฺมา ยุตฺติ คเวสิตพฺพา โหติ. ‘‘ปฏิคฺคหณฺจ สปฺปาย’’นฺติอาทิคาถาปิ กตฺถจิ ปาฬิยํ อฏฺกถาฏีกาทีสุ จ น ทิสฺสติ, ตสฺมา อิธ วุตฺตนเยเนว ปฏิปชฺชิตพฺพํ.

สเจ พหู ชิณฺณจีวรา, วุฑฺฒสฺส ทาตพฺพนฺติ อิทํ กถินจีวรสฺส สงฺฆิกตฺตา ‘‘น จ, ภิกฺขเว, สงฺฆิกํ ยถาวุฑฺฒํ ปฏิพาหิตพฺพํ, โย ปฏิพาเหยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ อิมินา ปาฬินเยน (จูฬว. ๓๑๑) วุตฺตํ. เอเตเนว นเยน สพฺเพสุ พลวจีวเรสุ สนฺเตสุปิ วุฑฺฒสฺเสว ทาตพฺพนฺติ สิทฺธํ. วุฑฺเฒสุ…เป… ทาตพฺพนฺติ กรณสนฺนิธิโมจนตฺถํ วุตฺตํ. เตเนวาห ‘‘สเจ วุฑฺโฒ’’ตฺยาทิ. นวกตเรนปิ หิ กรณสนฺนิธึ โมเจตฺวา กถิเน อตฺถเต อนุโมทนํ กโรนฺตสฺส สงฺฆสฺส ปฺจานิสํสลาโภ โหตีติ. อปิจาติอาทินา สงฺเฆน กตฺตพฺพวตฺตํ ทสฺเสติ. วจนกฺกโม ปน เอวํ กาตพฺโพ – กถินทุสฺสํ ลภิตฺวา สงฺเฆ สีมาย สนฺนิปติเต เอเกน ภิกฺขุนา ‘‘ภนฺเต, สงฺฆสฺส อิทํ กถินทุสฺสํ อุปฺปนฺนํ, สงฺโฆ อิมํ กถินทุสฺสํ กถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน ทเทยฺย กถินํ อตฺถริตุ’’นฺติ วุตฺเต อฺเน ‘‘โย ชิณฺณจีวโร, ตสฺสา’’ติ วตฺตพฺพํ, ตโต ปุริเมน ‘‘พหู ชิณฺณจีวรา’’ติ วา ‘‘นตฺถิ อิธ ชิณฺณจีวรา’’ติ วา วุตฺเต อปเรน ‘‘เตน หิ วุฑฺฒสฺสา’’ติ วตฺตพฺพํ, ปุน ปุริเมน ‘‘โก เอตฺถ วุฑฺโฒ’’ติ วุตฺเต อิตเรน ‘‘อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขู’’ติ วตฺตพฺพํ, ปุน ปุริเมน ‘‘โส ภิกฺขุ ตทเหว จีวรํ กตฺวา อตฺถริตุํ สกฺโกตี’’ติ วุตฺเต อิตเรน ‘‘โส สกฺโกตี’’ติ วา ‘‘สงฺโฆ มหาเถรสฺส สงฺคหํ กริสฺสตี’’ติ วา วตฺตพฺพํ, ปุน ปุริเมน ‘‘โส มหาเถโร อฏฺหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต’’ติ วุตฺเต อิตเรน ‘‘อาม สมนฺนาคโต’’ติ วตฺตพฺพํ, ตโต ‘‘สาธุ สุฏฺุ ตสฺส ทาตพฺพ’’นฺติ วุตฺเต พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สงฺโฆ าตพฺโพ.

เอตฺถ จ ‘‘ภนฺเต, สงฺฆสฺสา’’ติอาทิวจนํ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อิทํ สงฺฆสฺส กถินทุสฺสํ อุปฺปนฺนํ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อิมํ กถินทุสฺสํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน ทเทยฺย กถินํ อตฺถริตุ’’นฺติ อิมาย ตฺติปาฬิยา สเมติ. ‘‘โย ชิณฺณจีวโร, ตสฺสา’’ติอาทิ ‘‘สงฺเฆน กสฺสา’’ติอาทิ ‘‘สงฺเฆน กสฺส ทาตพฺพํ, โย ชิณฺณจีวโร โหตี’’ติอาทินา อฏฺกถาวจเนน (มหาว. อฏฺ. ๓๐๖) สเมติ. ‘‘โส มหาเถโร อฏฺหงฺเคหิ สมนฺนาคโต’’ติอาทิ ‘‘อฏฺหงฺเคหิ สมนฺนาคโต ปุคฺคโล ภพฺโพ กถินํ อตฺถริตุ’’นฺติอาทิกาย ปริวารปาฬิยา (ปริ. ๔๐๙) สเมตีติ ทฏฺพฺพํ. ยสฺส ปน ทียติ, ตสฺส ตฺติทุติยกมฺมวาจาย ทาตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ. อิมินา อิมสฺส กถินทานกมฺมสฺส ครุกตฺตา น อปโลกนมตฺเตน ทาตพฺพนฺติ อิมมตฺถํ ปกาเสติ. ครุกลหุกานํ เภโท กมฺมากมฺมวินิจฺฉยกถายํ อาวิ ภวิสฺสติ.

เอวํ ทินฺเน ปน กถิเน ปจฺจุทฺธริตพฺพา อธิฏฺาตพฺพา วาจา ภินฺทิตพฺพาติ สมฺพนฺโธ. สเจ ตํ กถินทุสฺสํ นิฏฺิตปริกมฺมเมว โหตีติ อิมินา กถินทุสฺสํ นาม น เกวลํ ปกติสาฏกเมว โหติ, อถ โข ปรินิฏฺิตสตฺตวิธปุพฺพกิจฺจจีวรมฺปิ โหตีติ ทสฺเสติ, ตสฺมา นิฏฺิตจีวรสฺมึ ทินฺเน สตฺตวิธปุพฺพกิจฺจกรเณน อตฺโถ นตฺถิ, เกวลํ ปจฺจุทฺธรณาทีนิเยว กาตพฺพานิ. สเจ ปน กิฺจิ อปรินิฏฺิตํ โหติ, อนฺตมโส กปฺปพินฺทุมตฺตมฺปิ, ตํ นิฏฺาเปตฺวาเยว ปจฺจุทฺธรณาทีนิ กาตพฺพานิ. คณฺิกปฏฺฏปาสกปฏฺฏานิ ปน สิพฺพนนฺโตคธานิ, ตานิปิ นิฏฺาเปตฺวาเยว กาตพฺพานิ. อนิฏฺาเปนฺโต อนิฏฺิตสิพฺพนกิจฺจเมว โหติ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๖๒-๔๖๓) ‘‘ตตฺถ กตนฺติ สูจิกมฺมปริโยสาเนน กตํ, สูจิกมฺมปริโยสานํ นาม ยํ กิฺจิ สูจิยา กตฺตพฺพํ. ปาสกปฏฺฏคณฺิกปฏฺฏปริโยสานํ กตฺวา สูจิยา ปฏิสามน’’นฺติ. อิทฺหิ กถินวตฺตํ นาม พุทฺธปฺปสตฺถนฺติ ‘‘อตฺถตกถินานํ โว ภิกฺขเว ปฺจ กปฺปิสฺสนฺตี’’ติอาทินา ปสตฺถํ.

กตปริโยสิตํ ปน กถินํ คเหตฺวาติ –

‘‘โธวนฺจ วิจาโร จ, เฉทนํ พนฺธนมฺปิ จ;

สิพฺพนํ รชนํ กปฺปํ, ปุพฺพกิจฺจนฺติ วุจฺจตี’’ติ. (วิ. วิ. ๒๗๐๗) –

วุตฺตานิ สตฺตวิธปุพฺพกรณานิ กตฺวา ปริโยสาปิตํ กถินจีวรํ คเหตฺวา. อตฺถารเกน ภิกฺขุนา ปจฺจุทฺธริตพฺพา อธิฏฺาตพฺพา วาจา ภินฺทิตพฺพาติ สมฺพนฺโธ. สงฺฆาฏิยา กถินํ อตฺถริตุกาโม ภิกฺขุ ปุพฺเพ ติจีวราธิฏฺาเนน อธิฏฺิตํ โปราณิกํ สงฺฆาฏึ ‘‘อิมํ สงฺฆาฏึ ปจฺจุทฺธรามี’’ติ วตฺวา ปจฺจุทฺธริตพฺพา, ตโต อนธิฏฺิตํ นวํ สงฺฆาฏึ ‘‘อิมํ สงฺฆาฏึ อธิฏฺามี’’ติ วตฺวา อธิฏฺาตพฺพา, ตโต อตฺถรณกาเล ตเมว อธิฏฺิตสงฺฆาฏึ ‘‘อิมาย สงฺฆาฏิยา กถินํ อตฺถรามี’’ติ วาจา ภินฺทิตพฺพาติ อตฺโถ. เอส นโย อิตเรสุ. เอเตน กถินตฺถารณํ นาม วจีเภทกรณเมว โหติ, น กิฺจิ กายวิการกรณนฺติ อิมมตฺถํ ทีเปติ . ตถา หิ วุตฺตํ วินยตฺถมฺชูสายํ (กงฺขา. อภิ. ฏี. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘อตฺถริตพฺพนฺติ อตฺถรณํ กาตพฺพํ, ตฺจ โข ตถาวจีเภทกรณเมวาติ ทฏฺพฺพ’’นฺติ.

ตตฺถ ปจฺจุทฺธาโร ติวิโธ ‘‘อิมํ สงฺฆาฏึ ปจฺจุทฺธรามี’’ติ สงฺฆาฏิยา ปจฺจุทฺธาโร, ‘‘อิมํ อุตฺตราสงฺคํ ปจฺจุทฺธรามี’’ติ อุตฺตราสงฺคสฺส ปจฺจุทฺธาโร, ‘‘อิมํ อนฺตรวาสกํ ปจฺจุทฺธรามี’’ติ อนฺตรวาสกสฺส ปจฺจุทฺธาโรติ. วุตฺตฺเหตํ ปริวาเร (ปริ. ๔๐๘) ‘‘ปจฺจุทฺธาโร ตีหิ ธมฺเมหิ สงฺคหิโต สงฺฆาฏิยา อุตฺตราสงฺเคน อนฺตรวาสเกนา’’ติ. อธิฏฺานํ ติวิธํ ‘‘อิมํ สงฺฆาฏึ อธิฏฺามี’’ติ สงฺฆาฏิยา อธิฏฺานํ, ‘‘อิมํ อุตฺตราสงฺคํ อธิฏฺามี’’ติ อุตฺตราสงฺคสฺส อธิฏฺานํ, ‘‘อิมํ อนฺตรวาสกํ อธิฏฺามี’’ติ อนฺตรวาสกสฺส อธิฏฺานนฺติ. วุตฺตฺเหตํ ปริวาเร (ปริ. ๔๐๘) ‘‘อธิฏฺานํ ตีหิ ธมฺเมหิ สงฺคหิตํ สงฺฆาฏิยา อุตฺตราสงฺเคน อนฺตรวาสเกนา’’ติ.

อถ วา อธิฏฺานํ ทุวิธํ กาเยน อธิฏฺานํ, วาจาย อธิฏฺานนฺติ. ตตฺถ โปราณิกํ สงฺฆาฏึ ‘‘อิมํ สงฺฆาฏึ ปจฺจุทฺธรามี’’ติ ปจฺจุทฺธริตฺวา นวํ สงฺฆาฏึ หตฺเถน คเหตฺวา ‘‘อิมํ สงฺฆาฏึ อธิฏฺามี’’ติ จิตฺเตน อาโภคํ กตฺวา กายวิการกรเณน กาเยน วา อธิฏฺาตพฺพํ, วจีเภทํ กตฺวา วาจาย วา อธิฏฺาตพฺพํ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๖๙; กงฺขา. อฏฺ. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘ตตฺถ ยสฺมา ทฺเว จีวรสฺส อธิฏฺานานิ กาเยน วา อธิฏฺเติ, วาจาย วา อธิฏฺเตีติ วุตฺตํ, ตสฺมา…เป… อธิฏฺาตพฺพา’’ติ. อถ วา อธิฏฺานํ ทุวิธํ สมฺมุขาธิฏฺานปรมฺมุขาธิฏฺานวเสน. ตตฺถ ยทิ จีวรํ หตฺถปาเส ิตํ โหติ, ‘‘อิมํ สงฺฆาฏึ อธิฏฺามี’’ติ วจีเภทํ กตฺวา อธิฏฺาตพฺพํ, อถ อนฺโตคพฺเภ วา สามนฺตวิหาเร วา โหติ, ปิตฏฺานํ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘เอตํ สงฺฆาฏึ อธิฏฺามี’’ติ วจีเภทํ กตฺวา อธิฏฺาตพฺพํ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๖๙; กงฺขา. อฏฺ. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘ตตฺร ทุวิธํ อธิฏฺานํ สเจ หตฺถปาเส โหตี’’ติอาทิ, วินยตฺถมฺชูสายฺจ (กงฺขา. อภิ. ฏี. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘ทุวิธนฺติ สมฺมุขาปรมฺมุขาเภเทน ทุวิธ’’นฺติ.

อตฺถาโร กติวิโธ? อตฺถาโร เอกวิโธ. วจีเภทกรเณเนว หิ อตฺถาโร สมฺปชฺชติ, น กายวิการกรเณน. อยมตฺโถ ยถาวุตฺต-ปริวารปาฬิยา จ ‘‘อตฺถริตพฺพนฺติ อตฺถรณํ กาตพฺพํ, ตฺจ โข ตถาวจีเภทกรณเมวาติ ทฏฺพฺพ’’นฺติ วินยตฺถมฺชูสาวจเนน จ วิฺายติ. อถ วา อตฺถาโร ติวิโธ วตฺถุปฺปเภเทน. ตตฺถ ยทิ สงฺฆาฏิยา กถินํ อตฺถริตุกาโม โหติ, โปราณิกา สงฺฆาฏิ ปจฺจุทฺธริตพฺพา, นวา สงฺฆาฏิ อธิฏฺาตพฺพา, ‘‘อิมาย สงฺฆาฏิยา กถินํ อตฺถรามี’’ติ วาจา ภินฺทิตพฺพา. อถ อุตฺตราสงฺเคน กถินํ อตฺถริตุกาโม โหติ, โปราณโก อุตฺตราสงฺโค ปจฺจุทฺธริตพฺโพ, นโว อุตฺตราสงฺโค อธิฏฺาตพฺโพ, ‘‘อิมินา อุตฺตราสงฺเคน กถินํ อตฺถรามี’’ติ วาจา ภินฺทิตพฺพา. อถ อนฺตรวาสเกน กถินํ อตฺถริตุกาโม โหติ, โปราณโก อนฺตรวาสโก ปจฺจุทฺธริตพฺโพ, นโว อนฺตรวาสโก อธิฏฺาตพฺโพ, ‘‘อิมินา อนฺตรวาสเกน กถินํ อตฺถรามี’’ติ วาจา ภินฺทิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ ปริวาเร (ปริ. ๔๑๓) ‘‘สเจ สงฺฆาฏิยา’’ติอาทิ.

เอตฺถ สิยา – กึ ปน ‘‘อิมํ สงฺฆาฏึ ปจฺจุทฺธรามี’’ติ วิเสสํ กตฺวาว ปจฺจุทฺธริตพฺพา, อุทาหุ ‘‘อิมํ ปจฺจุทฺธรามี’’ติ สามฺโตปิ ปจฺจุทฺธริตพฺพาติ? ปริกฺขารโจฬาธิฏฺาเนน อธิฏฺิตํ จีวรํ ‘‘อิมํ ปจฺจุทฺธรามี’’ติ สามฺโต ปจฺจุทฺธริตพฺพํ, น ‘‘อิมํ สงฺฆาฏึ ปจฺจุทฺธรามี’’ติ วิเสสโต ปจฺจุทฺธริตพฺพํ. กสฺมา? ปุพฺเพ อลทฺธนามตฺตา. ติจีวราธิฏฺาเนน อธิฏฺิตํ ปน จีวรํ วิเสสโตเยว ปจฺจุทฺธริตพฺพํ, น สามฺโต. กสฺมา? ปฏิลทฺธวิเสสนามตฺตา . อิธ ปน กถินาธิกาเร ปุพฺเพว ติจีวราธิฏฺาเนน อธิฏฺิตตฺตา วิเสสโตเยว ปจฺจุทฺธริตพฺพนฺติ ทฏฺพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ ปริวาเร (ปริ. ๔๐๘) กถินาธิกาเร ‘‘ปจฺจุทฺธาโร ตีหิ ธมฺเมหิ สงฺคหิโต สงฺฆาฏิยา อุตฺตราสงฺเคน อนฺตรวาสเกนา’’ติ. กึ ปน นิจฺจเตจีวริโกเยว กถินํ อตฺถริตุํ ลภติ, อุทาหุ อวตฺถาเตจีวริโกปีติ? เตจีวริโก ทุวิโธ ธุตงฺคเตจีวริกวินยเตจีวริกวเสน. ตตฺถ ธุตงฺคเตจีวริโก ‘‘อติเรกจีวรํ ปฏิกฺขิปามิ, เตจีวริกงฺคํ สมาทิยามี’’ติ อธิฏฺหิตฺวา ธารณโต สพฺพกาลเมว ธาเรติ. วินยเตจีวริโก ปน ยทา ติจีวราธิฏฺาเนน อธิฏฺหิตฺวา ธาเรตุกาโม โหติ, ตทา ตถา อธิฏฺหิตฺวา ธาเรติ. ยทา ปน ปริกฺขารโจฬาธิฏฺาเนน อธิฏฺหิตฺวา ธาเรตุกาโม โหติ, ตทา ตถา อธิฏฺหิตฺวา ธาเรติ, ตสฺมา ติจีวราธิฏฺานสฺส ทุปฺปริหารตฺตา สพฺพทา ธาเรตุํ อสกฺโกนฺโต หุตฺวา ปริกฺขารโจฬวเสน ธาเรนฺโตปิ ตํ ปจฺจุทฺธริตฺวา อาสนฺเน กาเล ติจีวราธิฏฺาเนน อธิฏฺหนฺโตปิ กถินํ อตฺถริตุํ ลภติเยวาติ ทฏฺพฺพํ.

กจฺจิ นุ โภ กถินทานกมฺมวาจาภณนสีมายเมว กถินํ อตฺถริตพฺพํ, อุทาหุ อฺสีมายาติ? ยทิ กถินทานกมฺมวาจาภณนพทฺธสีมา วสฺสูปนายิกเขตฺตภูตอุปจารสีมาย อนฺโต ิตา, เอวํ สติ ตสฺมึเยว สีมมณฺฑเล อตฺถรณํ กาตพฺพํ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘ปรินิฏฺิตปุพฺพกรณเมว เจ ทายโก สงฺฆสฺส เทติ, สมฺปฏิจฺฉิตฺวา กมฺมวาจาย ทาตพฺพํ. เตน จ ตสฺมึเยว สีมมณฺฑเล อธิฏฺหิตฺวา อตฺถริตฺวา สงฺโฆ อนุโมทาเปตพฺโพ’’ติ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๘) อาคตตฺตา วิฺายตีติ. ยทิ เอวํ ‘‘ตสฺมึเยว สีมมณฺฑเล’’อิจฺเจว ฏีกายํ วุตฺตตฺตา ‘‘ยสฺมึ กิสฺมิฺจิ สีมมณฺฑเล กมฺมวาจํ ภณิตฺวา ตสฺมึเยว สีมมณฺฑเล อตฺถริตพฺพ’’นฺติ วตฺตพฺพํ, น ‘‘กถินทานกมฺมวาจาภณนพทฺธสีมา วสฺสูปนายิกเขตฺตภูตอุปจารสีมาย อนฺโต ิตา’’ติ วิเสสํ กตฺวา วตฺตพฺพนฺติ? น น วตฺตพฺพํ. กมฺมวาจาภณนสีมา หิ พทฺธสีมาภูตา, กถินตฺถารสีมา ปน อุปจารสีมาภูตา, อุปจารสีมา จ นาม พทฺธสีมํ อวตฺถริตฺวาปิ คจฺฉติ, ตสฺมา สา สีมา พทฺธสีมา จ โหติ อุปจารสีมา จาติ ตสฺมึเยว สีมมณฺฑเล กถินทานกมฺมวาจํ ภณิตฺวา ตตฺเถว อตฺถรณํ กาตพฺพํ, น ยสฺมึ กิสฺมิฺจิ สีมมณฺฑเล กมฺมวาจํ ภณิตฺวา ตตฺเถว อตฺถรณํ กตฺตพฺพนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอวมฺปิ ‘‘อุปจารสีมาย’’อิจฺเจว วตฺตพฺพํ, น ‘‘วสฺสูปนายิกเขตฺตภูตอุปจารสีมายา’’ติ, ตมฺปิ วตฺตพฺพเมว. เตสํ ภิกฺขูนํ วสฺสูปนายิกเขตฺตภูตาย เอว อุปจารสีมาย กถินตฺถารํ กาตุํ ลภติ, น อฺอุปจารสีมาย. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๐๖) ‘‘อฺสฺมึ วิหาเร วุตฺถวสฺสาปิ น ลภนฺตีติ มหาปจฺจริยํ วุตฺต’’นฺติ.

ยถิจฺฉสิ, ตถา ภวตุ, อปิ ตุ ขลุ ‘‘กมฺมวาจาภณนสีมา พทฺธสีมาภูตา, กถินตฺถารสีมา อุปจารสีมาภูตา’’ติ ตุมฺเหหิ วุตฺตํ, ตถาภูตภาโว กถํ ชานิตพฺโพติ? วุจฺจเต – กถินตฺถารสีมายํ ตาว อุปจารสีมาภูตภาโว ‘‘สเจ ปน เอกสีมาย พหู วิหารา โหนฺติ, สพฺเพ ภิกฺขู สนฺนิปาเตตฺวา เอกตฺถ กถินํ อตฺถริตพฺพ’’นฺติ อิมิสฺสา อฏฺกถาย (มหาว. อฏฺ. ๓๐๖) อตฺถํ สํวณฺเณตุํ ‘‘เอกสีมายาติ เอกอุปจารสีมายาติ อตฺโถ ยุชฺชตี’’ติ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๖) อาคตตฺตา วิฺายติ. กมฺมวาจาภณนสีมาย พทฺธสีมาภูตภาโว ปน ‘‘เต จ โข หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา เอกสีมายํ ิตา. สีมา จ นาเมสา พทฺธสีมา อพทฺธสีมาติ ทุวิธา โหตี’’ติ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) อาคตตฺตา จ ‘‘สีมา จ นาเมสา กตมา, ยตฺถ หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา ิตา กมฺมปฺปตฺตา นาม โหนฺตีติ อนุโยคํ สนฺธาย สีมํ ทสฺเสนฺโต วิภาควนฺตานํ สภาววิภาวนํ วิภาคทสฺสนมุเขเนว โหตีติ ‘สีมา จ นาเมสา’ติอาทิมาหา’’ติ วินยตฺถมฺชูสายํ (กงฺขา. อภิ. ฏี. นิทานวณฺณนา) อาคตตฺตา จ วิฺายติ.

ตตฺถ กติวิธา พทฺธสีมา, กติวิธา อพทฺธสีมาติ? ติวิธา พทฺธสีมา ขณฺฑสีมาสมานสํวาสสีมาอวิปฺปวาสสีมาวเสน. ติวิธา อพทฺธสีมา คามสีมาอุทกุกฺเขปสีมาสตฺตพฺภนฺตรสีมาวเสนาติ ทฏฺพฺพา. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘เอวํ เอกาทส วิปตฺติสีมาโย อติกฺกมิตฺวา ติวิธสมฺปตฺติยุตฺตา นิมิตฺเตน นิมิตฺตํ สมฺพนฺธิตฺวา สมฺมตา สีมา พทฺธสีมาติ เวทิตพฺพา. ขณฺฑสีมา สมานสํวาสสีมา อวิปฺปวาสสีมาติ ตสฺสาเยว เภโท. อพทฺธสีมา ปน คามสีมา สตฺตพฺภนฺตรสีมา อุทกุกฺเขปสีมาติ ติวิธา’’ติ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) อาคตตฺตา วิฺายติ. เอวํ ตีสุ พทฺธสีมาสุ , ตีสุ อพทฺธสีมาสูติ ฉสุเยว สีมาสุ กมฺมปฺปตฺตสงฺฆสฺส จตุวคฺคกรณียาทิกมฺมสฺส กตฺตพฺพภาววจนโต สุทฺธาย อุปจารสีมาย กมฺมวาจาย อภณิตพฺพภาโว วิฺายติ. อนฺโตอุปจารสีมาย พทฺธสีมาย สติ ตํ พทฺธสีมํ อวตฺถริตฺวาปิ อุปจารสีมาย คมนโต สา พทฺธสีมา กมฺมวาจาภณนารหา จ โหติ กถินตฺถารารหา จาติ เวทิตพฺพํ.

นนุ จ ปนฺนรสวิธา สีมา อฏฺกถาสุ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙; กงฺขา. อฏฺ. อกาลจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา) อาคตา, อถ กสฺมา ฉเฬว วุตฺตาติ? สจฺจํ, ตาสุ ปน ปนฺนรสสุ สีมาสุ อุปจารสีมา สงฺฆลาภวิภชนาทิฏฺานเมว โหติ, ลาภสีมา ตตฺรุปฺปาทคหณฏฺานเมว โหตีติ อิมา ทฺเว สีมาโย สงฺฆกมฺมกรณฏฺานํ น โหนฺติ, นิคมสีมา นครสีมา ชนปทสีมา รฏฺสีมา รชฺชสีมา ทีปสีมา จกฺกวาฬสีมาติ อิมา ปน สีมาโย คามสีมาย สมานคติกา คามสีมายเมว อนฺโตคธาติ น วิสุํ วุตฺตาติ ทฏฺพฺพํ. เอตฺถ จ อุปจารสีมาย พทฺธสีมํ อวตฺถริตฺวา คตภาโว กถํ ชานิตพฺโพติ? ‘‘อุปจารสีมา ปริกฺขิตฺตสฺส วิหารสฺส ปริกฺเขเปน, อปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขปารหฏฺาเนน ปริจฺฉินฺนา’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) วุตฺตตฺตา ปริกฺเขปปริกฺเขปารหฏฺานานํ อนฺโต พทฺธสีมาย วิชฺชมานาย ตํ อวตฺถริตฺวา อุปจารสีมา คตา. ตถา หิ ‘‘อิมิสฺสา อุปจารสีมาย ‘สงฺฆสฺส ทมฺมี’ติ ทินฺนํ ปน ขณฺฑสีมสีมนฺตริกาสุ ิตานมฺปิ ปาปุณาตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) วุตฺตํ. เตน ายติ ‘‘อุปจารสีมาย อนฺโต ิตา พทฺธสีมา อุปจารสีมาปิ นาม โหตี’’ติ. โหตุ, เอวํ สติ อนฺโตอุปจารสีมายํ พทฺธสีมาย สติ ตตฺเถว กถินทานกมฺมวาจํ วาจาเปตฺวา ตตฺเถว กถินํ อตฺถริตพฺพํ ภเวยฺย, อนฺโตอุปจารสีมายํ พทฺธสีมาย อวิชฺชมานาย กถํ กริสฺสนฺตีติ? อนฺโตอุปจารสีมายํ พทฺธสีมาย อวิชฺชมานาย พหิอุปจารสีมายํ วิชฺชมานพทฺธสีมํ วา อุทกุกฺเขปลภนฏฺานํ วา คนฺตฺวา กมฺมวาจํ วาจาเปตฺวา ปุน วิหารํ อาคนฺตฺวา วสฺสูปนายิกเขตฺตภูตาย อุปจารสีมายํ ตฺวา กถินํ อตฺถริตพฺพนฺติ ทฏฺพฺพํ.

นนุ จ โภ เอวํ สนฺเต อฺิสฺสา สีมาย ตฺติ, อฺิสฺสา อตฺถาโร โหติ, เอวํ สนฺเต ‘‘ปรินิฏฺิตปุพฺพกรณเมว เจ ทายโก สงฺฆสฺส เทติ, สมฺปฏิจฺฉิตฺวา กมฺมวาจาย ทาตพฺพํ. เตน จ ตสฺมึเยว สีมมณฺฑเล อธิฏฺหิตฺวา อตฺถริตฺวา สงฺโฆ อนุโมทาเปตพฺโพ’’ติ วุตฺเตน วชิรพุทฺธิฏีกาวจเนน (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๘) วิรุชฺฌตีติ? นนุ อโวจุมฺห ‘‘กมฺมวาจาภณนสีมา พทฺธสีมาภูตา, กถินตฺถารสีมา อุปจารสีมาภูตา’’ติ. ตสฺมา วชิรพุทฺธิฏีกาวจเนน น วิรุชฺฌติ. ตตฺถ ปุพฺเพ เยภุยฺเยน พทฺธสีมวิหารตฺตา สมคฺคํ สงฺฆํ สนฺนิปาเตตฺวา กมฺมวาจํ วาจาเปตฺวา อุปจารสีมพทฺธสีมภูเต ตสฺมึเยว วิหาเร อตฺถรณํ สนฺธาย วุตฺตํ. พทฺธสีมวิหาเร อโหนฺเตปิ อนฺโตอุปจารสีมายํ พทฺธสีมาย วิชฺชมานาย ตตฺเถว สีมมณฺฑเล กมฺมวาจํ วาจาเปตฺวา ตตฺเถว อตฺถริตพฺพภาโว อมฺเหหิปิ วุตฺโตเยว. ยทิ ปน น เจว พทฺธสีมวิหาโร โหติ, น จ อนฺโตอุปจารสีมายํ พทฺธสีมา อตฺถิ, เอวรูเป วิหาเร กมฺมวาจํ วาจาเปตุํ น ลภติ, อฺํ พทฺธสีมํ วา อุทกุกฺเขปํ วา คนฺตฺวา กมฺมวาจํ วาจาเปตฺวา อตฺตโน วิหารํ อาคนฺตฺวา วสฺสูปนายิกเขตฺตภูตาย อุปจารสีมาย ตฺวา กถินํ อตฺถริตพฺพํ. เอวเมว ปรมฺปรภูตา พหโว อาจริยวรา กโรนฺตีติ ทฏฺพฺพํ.

อปเร ปน อาจริยา ‘‘พทฺธสีมวิรหาย สุทฺธอุปจารสีมาย สติ ตสฺสํเยว อุปจารสีมายํ ตฺติกมฺมวาจาปิ วาเจตพฺพา, กถินํ อตฺถริตพฺพํ, น อฺิสฺสา สีมาย ตฺติ, อฺิสฺสา อตฺถรณํ กาตพฺพ’’นฺติ วทนฺติ. อยํ ปน เนสมธิปฺปาโย – ‘‘กถินตฺถตสีมายนฺติ อุปจารสีมํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๖) กถินตฺถารฏฺานภูตาย สีมาย อุปจารสีมาภาโว วุตฺโต, ตสฺสํเยว ฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๘) ปุพฺเพ นิทฺทิฏฺปาเ ‘‘ตสฺมึเยว สีมมณฺฑเล อธิฏฺหิตฺวา อตฺถริตฺวา สงฺโฆ อนุโมทาเปตพฺโพ’’ติ กมฺมวาจาภณนสีมายเมว อตฺถริตพฺพภาโว จ วุตฺโต, ตสฺมา อฺิสฺสา สีมาย ตฺติ, อฺิสฺสา อตฺถรณํ น กาตพฺพํ, ตสฺสํเยว อุปจารสีมายํ กมฺมวาจํ สาเวตฺวา ตสฺมึเยว อตฺถาโร กาตพฺโพ, อุปจารสีมโต พหิ ิตํ พทฺธสีมํ คนฺตฺวา อตฺถรณกิจฺจํ นตฺถีติ.

ตตฺเรวํ วิจารณา กาตพฺพา – อิทํ ภาสนฺตเรสุ ‘‘ตฺตี’’ติ กถิตํ กถินทานกมฺมํ จตูสุ สงฺฆกมฺเมสุ ตฺติทุติยกมฺมํ โหติ, ตฺติทุติยกมฺมสฺส นวสุ าเนสุ กถินทานํ, ครุกลหุเกสุ ครุกํ, ยทิ ‘‘อุปจารสีมายํ จตฺตาริ สงฺฆกมฺมานิ กาตพฺพานี’’ติ ปกรเณสุ อาคตํ อภวิสฺสา, เอวํ สนฺเต เตสํ อาจริยานํ วจนานุรูปโต อุปจารสีมายํ กถินทานตฺติกมฺมวาจํ วาเจตพฺพํ อภวิสฺสา, น ปน ปกรเณสุ ‘‘อุปจารสีมายํ จตฺตาริ สงฺฆกมฺมานิ กาตพฺพานี’’ติ อาคตํ, อถ โข ‘‘สงฺฆลาภวิภชนํ, อาคนฺตุกวตฺตํ กตฺวา อารามปฺปวิสนํ , คมิกสฺส ภิกฺขุโน เสนาสนอาปุจฺฉนํ, นิสฺสยปอปฺปสฺสมฺภนํ, ปาริวาสิกมานตฺตจาริกภิกฺขูนํ อรุณุฏฺาปนํ, ภิกฺขุนีนํ อารามปฺปวิสนอาปุจฺฉนํ อิจฺเจวมาทีนิ เอว อุปจารสีมาย กตฺตพฺพานี’’ติ อาคตํ, ตสฺมา กถินทานตฺติทุติยกมฺมวาจา เกวลายํ อุปจารสีมายํ น วาเจตพฺพาติ สิทฺธา. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘อวิปฺปวาสสีมา นาม ติโยชนาปิ โหติ, เอวํ สนฺเต ติโยชเน ิตา ลาภํ คณฺหิสฺสนฺติ, ติโยชเน ตฺวา อาคนฺตุกวตฺตํ ปูเรตฺวา อารามํ ปวิสิตพฺพํ ภวิสฺสติ, คมิโก ติโยชนํ คนฺตฺวา เสนาสนํ อาปุจฺฉิสฺสติ, นิสฺสยปฏิปนฺนสฺส ภิกฺขุโน ติโยชนาติกฺกเม นิสฺสโย ปฏิปฺปสฺสมฺภิสฺสติ, ปาริวาสิเกน ติโยชนํ อติกฺกมิตฺวา อรุณํ อุฏฺเปตพฺพํ ภวิสฺสติ, ภิกฺขุนิยา ติโยชเน ตฺวา อารามปฺปวิสนํ อาปุจฺฉิตพฺพํ ภวิสฺสติ, สพฺพมฺเปตํ อุปจารสีมาย ปริจฺเฉทวเสเนว กาตุํ วฏฺฏติ, ตสฺมา อุปจารสีมายเมว ภาเชตพฺพ’’นฺติ เอวมาทิอฏฺกถาปาโต (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) วิฺายตีติ.

อเถวํ วเทยฺยุํ – ‘‘อุปจารสีมา ตฺติทุติยกมฺมวาจาย านํ น โหตี’’ติ ตุมฺเหหิ วุตฺตํ, อถ จ ปน กตปุพฺพํ อตฺถิ. ตถา หิ จีวรปฏิคฺคาหกสมฺมุติจีวรนิทหกสมฺมุติจีวรภาชกสมฺมุตีนํ ‘‘สุณาตุ เม…เป… ธารยามีติ อิมาย กมฺมวาจาย วา อปโลกเนน วา อนฺโตวิหาเร สพฺพสงฺฆมชฺเฌปิ ขณฺฑสีมายปิ สมฺมนฺนิตุํ วฏฺฏติเยวา’’ติ อุปจารสีมายํ ตฺติทุติยกมฺมวาจาย นิปฺผาเทตพฺพภาโว อฏฺกถายํ (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๑๙๔) อาคโต. ภณฺฑาคารสฺส ปน ‘‘อิมํ ปน ภณฺฑาคารํ ขณฺฑสีมํ คนฺตฺวา ขณฺฑสีมาย นิสินฺเนหิ สมฺมนฺนิตุํ น วฏฺฏติ, วิหารมชฺเฌเยว ‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อิตฺถนฺนามํ วิหารํ ภณฺฑาคารํ สมฺมนฺเนยฺยา’ติอาทินา นเยน กมฺมวาจาย วา อปโลกเนน วา สมฺมนฺนิตพฺพ’’นฺติ อฏฺกถายํ (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๑๙๗) อุปจารสีมายเมว ตฺติทุติยกมฺมวาจาย สมฺมนฺนิตพฺพภาโว อาคโตติ.

เต เอวํ วตฺตพฺพา – สเจปิ อฏฺกถายํ อาคตํ ‘‘อนฺโตวิหาเร’’ติ ปาโ ‘‘วิหารมชฺเฌ’’ติ ปาโ จ อุปจารสีมํ สนฺธาย วุตฺโตติ มฺมานา ตุมฺเห อายสฺมนฺโต เอวํ อวจุตฺถ, เต ปน ปาา อุปจารสีมํ สนฺธาย อฏฺกถาจริเยหิ น วุตฺตา, อถ โข อวิปฺปวาสสีมาสงฺขาตํ มหาสีมํ สนฺธาย วุตฺตา. กถํ วิฺายตีติ เจ? ขณฺฑสีมาย วกฺขมานตฺตา. ขณฺฑสีมาย หิ มหาสีมา เอว ปฏิโยคี โหติ. อุปจารสีมาติ อยมตฺโถ กถํ ชานิตพฺโพติ เจ? ‘‘อิมํ ปน สมานสํวาสกสีมํ สมฺมนฺนนฺเตหิ ปพฺพชฺชูปสมฺปทาทีนํ สงฺฆกมฺมานํ สุขกรณตฺถํ ปมํ ขณฺฑสีมา สมฺมนฺนิตพฺพา…เป… เอวํ พทฺธาสุ ปน สีมาสุ ขณฺฑสีมาย ิตา ภิกฺขู มหาสีมาย กมฺมํ กโรนฺตานํ น โกเปนฺติ , มหาสีมาย วา ิตา ขณฺฑสีมาย กมฺมํ กโรนฺตานํ. สีมนฺตริกาย ปน ิตา อุภินฺนมฺปิ น โกเปนฺตี’’ติ วุตฺตอฏฺกถาปาวเสน (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘) ชานิตพฺโพติ. อถ วา เตหิ อายสฺมนฺเตหิ อาภตภณฺฑาคารสมฺมุติปาวเสนปิ อยมตฺโถ วิฺายติ. กถํ? จีวรปฏิคฺคาหกาทิปุคฺคลสมฺมุติโย ปน อนฺโตวิหาเร สพฺพสงฺฆมชฺเฌปิ ขณฺฑสีมายมฺปิ สมฺมนฺนิตุํ วฏฺฏติ, ภณฺฑาคารสงฺขาตวิหารสมฺมุติ ปน วิหารมชฺเฌเยวาติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ, ตตฺถ วิเสสการณํ ปริเยสิตพฺพํ.

ตตฺเรวํ วิเสสการณํ ปฺายติ – ‘‘อฺิสฺสา สีมาย วตฺถุ อฺิสฺสา กมฺมวาจา’’ติ วตฺตพฺพโทสปริหารตฺถํ วุตฺตํ. ปุคฺคลสมฺมุติโย หิ ปุคฺคลสฺส วตฺถุตฺตา ยทิ มหาสีมภูเต อนฺโตวิหาเร กตฺตุกามา โหนฺติ, สพฺพสงฺฆมชฺเฌ ตํ วตฺถุภูตํ ปุคฺคลํ หตฺถปาเส กตฺวา กเรยฺยุํ. ยทิ ขณฺฑสีมาย กตฺตุกามา, ตํ วตฺถุภูตํ ปุคฺคลํ ขณฺฑสีมํ อาเนตฺวา ตตฺถ สนฺนิปติตกมฺมปฺปตฺตสงฺฆสฺส หตฺถปาเส กตฺวา กเรยฺยุํ. อุภยถาปิ ยถาวุตฺตโทโส นตฺถิ, ภณฺฑาคารสมฺมุติ ปน ภณฺฑาคารสฺส วิหารตฺตา ขณฺฑสีมํ อาเนตุํ น สกฺกา, ตสฺมา ยทิ ตํ สมฺมุตึ ขณฺฑสีมายํ ตฺวา กเรยฺยุํ, วตฺถุ มหาสีมายํ โหติ, กมฺมวาจา ขณฺฑสีมายนฺติ ยถาวุตฺตโทโส โหติ, ตสฺมิฺจ โทเส สติ วตฺถุวิปนฺนตฺตา กมฺมํ วิปชฺชติ, ตสฺมา มหาสีมภูตวิหารมชฺเฌเยว สา สมฺมุติ กาตพฺพาติ อฏฺกถาจริยานํ มติ, น อุปจารสีมาย ตฺติทุติยกมฺมํ กาตพฺพนฺติ.

อถาปิ เอวํ วเทยฺยุํ ‘‘วิหารสทฺเทน อวิปฺปวาสสีมภูตา มหาสีมาว วุตฺตา, น อุปจารสีมา’’ติ อิทํ วจนํ กถํ ปจฺเจตพฺพนฺติ? อิมินาเยว อฏฺกถาวจเนน. ยทิ หิ อุปจารสีมา วุตฺตา ภเวยฺย, อุปจารสีมา นาม พทฺธสีมํ อวตฺถริตฺวาปิ ปวตฺตา อาวาเสสุ วา ภิกฺขูสุ วา วฑฺฒนฺเตสุ อนิยมวเสน วฑฺฒติ, ตสฺมา ขณฺฑสีมํ อวตฺถริตฺวา ปวตฺตนโต วิหาเรน สห ขณฺฑสีมา เอกสีมาเยว โหติ, เอวํ สติ วิหาเร ิตํ ภณฺฑาคารํ ขณฺฑสีมาย ตฺวา สมฺมนฺนิตุํ สกฺกา ภเวยฺย, น ปน สกฺกา ‘‘ขณฺฑสีมาย นิสินฺเนหิ สมฺมนฺนิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๔๓) ปฏิสิทฺธตฺตา. เตน ายติ ‘‘อิมสฺมึ าเน วิหารสทฺเทน อวิปฺปวาสสีมภูตา มหาสีมา วุตฺตา, น อุปจารสีมา’’ติ. อุปจารสีมาย อนิยมวเสน วฑฺฒนภาโว กถํ ชานิตพฺโพติ? ‘‘อุปจารสีมา ปริกฺขิตฺตสฺส วิหารสฺส ปริกฺเขเปน, อปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขปารหฏฺาเนน ปริจฺฉินฺนา โหติ. อปิจ ภิกฺขูนํ ธุวสนฺนิปาตฏฺานโต วา ปริยนฺเต ิตโภชนสาลโต วา นิพทฺธวสนกอาวาสโต วา ถามมชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส ทฺวินฺนํ เลฑฺฑุปาตานํ อนฺโต อุปจารสีมา เวทิตพฺพา, สา ปน อาวาเสสุ วฑฺฒนฺเตสุ วฑฺฒติ, ปริหายนฺเตสุ ปริหายติ. มหาปจฺจริยํ ปน ‘ภิกฺขูสุปิ วฑฺฒนฺเตสุ วฑฺฒตี’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา สเจ วิหาเร สนฺนิปติตภิกฺขูหิ สทฺธึ เอกาพทฺธา หุตฺวา โยชนสตมฺปิ ปูเรตฺวา นิสีทนฺติ, โยชนสตมฺปิ อุปจารสีมาว โหติ, สพฺเพสํ ลาโภ ปาปุณาตี’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) วจนโตติ.

ยทิ เอวํ อุปจารสีมาย กถินตฺถตภาโว กสฺมา วุตฺโตติ? กถินตฺถรณํ นาม น สงฺฆกมฺมํ, ปุคฺคลกมฺมเมว โหติ, ตสฺมา วสฺสูปนายิกเขตฺตภูตาย อุปจารสีมาย กาตพฺพา โหติ. ตฺติกมฺมวาจา ปน สงฺฆกมฺมภูตา, ตสฺมา อุปจารสีมาย กาตุํ น วฏฺฏติ, สุวิโสธิตปริสาย พทฺธาพทฺธสีมายเมว วฏฺฏตีติ ทฏฺพฺพํ. นนุ จ โภ ‘‘กถินํ อตฺถริตุํ เก ลภนฺติ, เก น ลภนฺติ? คณนวเสน ตาว ปจฺฉิมโกฏิยา ปฺจ ชนา ลภนฺติ, อุทฺธํ สตสหสฺสมฺปิ, ปฺจนฺนํ เหฏฺา น ลภนฺตี’’ติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ, อถ กสฺมา ‘‘กถินตฺถรณํ นาม น สงฺฆกมฺมํ, ปุคฺคลกมฺมเมว โหตี’’ติ วุตฺตนฺติ? ‘‘น สงฺโฆ กถินํ อตฺถรติ, น คโณ กถินํ อตฺถรติ, ปุคฺคโล กถินํ อตฺถรตี’’ติ ปริวาเร (ปริ. ๔๑๔) วุตฺตตฺตา จ อปโลกนกมฺมาทีนํ จตุนฺนํ สงฺฆกมฺมานํ าเนสุ อปวิฏฺตฺตา จ. อฏฺกถายํ ปน กถินตฺถารสฺส อุปจารภูตํ กถินทานกมฺมวาจาภณนกาลํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตสฺมิฺหิ กาเล กถินทายกา จตฺตาโร, ปฏิคฺคาหโก เอโกติ ปจฺฉิมโกฏิยา ปฺจ โหนฺติ, ตโต เหฏฺา น ลภตีติ. ตฺติกมฺมวาจาย สงฺฆกมฺมภาโว กถํ ชานิตพฺโพติ? ‘‘จตุนฺนํ สงฺฆกมฺมานํ ตฺติทุติยกมฺมสฺส นวสุ าเนสุ กถินทาน’’นฺติ อาคตตฺตา, ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อิทํ สงฺฆสฺส กถินทุสฺสํ อุปฺปนฺน’’นฺติอาทินา วุตฺตตฺตา จาติ.

อปเร ปน อาจริยา ‘‘ภาสนฺตเรสุ ตฺตีติ วุตฺตา กถินทานกมฺมวาจา อตฺถารกิริยาย ปวิสติ, อตฺถารกิริยา จ อุปจารสีมายํ กาตพฺพา, ตสฺมา กถินทานกมฺมวาจาปิ อุปจารสีมายํ กาตพฺพาเยวา’’ติ วทนฺติ, เตสํ อยมธิปฺปาโย – มหาวคฺคปาฬิยํ (มหาว. ๓๐๖) ‘‘เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, กถินํ อตฺถริตพฺพ’’นฺติ อารภิตฺวา ‘‘พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สงฺโฆ าเปตพฺโพ…เป… เอวํ โข, ภิกฺขเว, อตฺถตํ โหติ กถิน’’นฺติ กถินทานตฺติกมฺมวาจาโต ปฏฺาย ยาว อนุโมทนา ปาโ อาคโต, ปริวารปาฬิยฺจ (ปริ. ๔๑๒) ‘‘กถินตฺถาโร ชานิตพฺโพ’’ติ อุทฺเทสสฺส นิทฺเทเส ‘‘สเจ สงฺฆสฺส กถินทุสฺสํ อุปฺปนฺนํ โหติ, สงฺเฆน กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพํ, อตฺถารเกน กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพํ, อนุโมทเกน กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ ปุจฺฉํ นีหริตฺวา ‘‘สงฺเฆน ตฺติทุติเยน กมฺเมน กถินตฺถารกสฺส ภิกฺขุโน ทาตพฺพํ…เป… อนุโมทามา’’ติ ตฺติโต ปฏฺาย ยาว อนุโมทนา ปาโ อาคโต, ตสฺมา ตฺติโต ปฏฺาย ยาว อนุโมทนา สพฺโพ วิธิ กถินตฺถารกิริยายํ ปวิสติ, ตโต กถินตฺถารกิริยาย อุปจารสีมายํ กตฺตพฺพาย สติ ตฺติสงฺขาตกถินทานกมฺมวาจาปิ อุปจารสีมายํ กตฺตพฺพาเยวาติ.

ตตฺเรวํ วิจารณา กาตพฺพา – อตฺถารกิริยาย วิสุํ อนาคตาย สติ ‘‘สพฺโพ วิธิ อตฺถารกิริยายํ ปวิสตี’’ติ วตฺตพฺพํ ภเวยฺย, อถ จ ปน มหาวคฺคปาฬิยฺจ ปริวารปาฬิยฺจ อตฺถารกิริยา วิสุํ อาคตาเยว, ตสฺมา ตฺติสงฺขาตา กถินทานกมฺมวาจา อตฺถารกิริยายํ น ปวิสติ, เกวลํ อตฺถารกิริยาย อุปจารภูตตฺตา ปน ตโต ปฏฺาย อนุกฺกเมน วุตฺตํ. ยถา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สีมํ สมฺมนฺนิตุ’’นฺติ สีมาสมฺมุตึ อนุชานิตฺวา ‘‘เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, สมฺมนฺนิตพฺพา’’ติ สีมาสมฺมุติวิธึ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปมํ นิมิตฺตา กิตฺเตตพฺพา…เป… เอวเมตํ ธารยามี’’ติ นิมิตฺตกิตฺตเนน สห สีมาสมฺมุติกมฺมวาจา เทสิตา, ตตฺถ นิมิตฺตกิตฺตนํ สีมาสมฺมุติกมฺมํ น โหติ, กมฺมวาจาเยว สีมาสมฺมุติกมฺมํ โหติ, ตถาปิ สีมาสมฺมุติกมฺมวาจาย อุปจารภาวโต สห นิมิตฺตกิตฺตเนน สีมาสมฺมุติกมฺมวาจา เทสิตา. ยถา จ อุปสมฺปทากมฺมวิธึ เทเสนฺโต ‘‘ปมํ อุปชฺฌํ คาหาเปตพฺโพ…เป… เอวเมตํ ธารยามี’’ติ อุปชฺฌายคาหาปนาทินา สห อุปสมฺปทากมฺมํ เทสิตํ, ตตฺถ อุปชฺฌายคาหาปนาทิ อุปสมฺปทากมฺมํ น โหติ, ตฺติจตุตฺถกมฺมวาจาเยว อุปสมฺปทากมฺมํ โหติ, ตถาปิ อุปสมฺปทากมฺมสฺส สมีเป ภูตตฺตา อุปชฺฌายคาหาปนาทินา สห ตฺติจตุตฺถกมฺมวาจา เทสิตา, เอวเมตฺถ กถินทานกมฺมวาจา อตฺถารกิริยา น โหติ, ตถาปิ อตฺถารกิริยาย อุปจารภูตตฺตา กถินทานตฺติทุติยกมฺมวาจาย สห กถินตฺถารกิริยา เทสิตา, ตสฺมา กถินทานกมฺมวาจา อตฺถารกิริยายํ น ปวิสตีติ ทฏฺพฺพํ.

อถ วา ตฺติทุติยกมฺมวาจา จ อตฺถาโร จาติ อิเม ทฺเว ธมฺมา อตุลฺยกิริยา อตุลฺยกตฺตาโร อตุลฺยกมฺมา อตุลฺยกาลา จ โหนฺติ, เตน วิฺายติ ‘‘ภาสนฺตเรสุ ตฺตีติ วุตฺตา ตฺติทุติยกมฺมวาจา อตฺถารกิริยายํ น ปวิสตี’’ติ. ตตฺถ กถํ อตุลฺยกิริยา โหนฺติ? กมฺมวาจา ทานกิริยา โหติ, อตฺถาโร ปนฺนรสธมฺมานํ การณภูตา อตฺถารกิริยา, เอวํ อตุลฺยกิริยา. กถํ อตุลฺยกตฺตาโรติ? กมฺมวาจาย กตฺตา สงฺโฆ โหติ, อตฺถารสฺส กตฺตา ปุคฺคโล, เอวํ อตุลฺยกตฺตาโร โหนฺติ. กถํ อตุลฺยกมฺมา โหนฺติ? กมฺมวาจาย กมฺมํ กถินทุสฺสํ โหติ, อตฺถารสฺส กมฺมํ กถินสงฺขาตา สมูหปฺตฺติ, เอวํ อตุลฺยกมฺมา โหนฺติ. กถํ อตุลฺยกาลา โหนฺติ? กถินทานกมฺมวาจา ปุพฺพกรณปจฺจุทฺธารอธิฏฺานานํ ปุพฺเพ โหติ, อตฺถาโร เตสํ ปจฺฉา, เอวํ อตุลฺยกาลา โหนฺตีติ. อถ วา อตฺถาโร ‘‘อิมาย สงฺฆาฏิยา กถินํ อตฺถรามี’’ติอาทินา วจีเภทสงฺขาเตน เอเกน ธมฺเมน สงฺคหิโต, น ตฺติอนุสฺสาวนาทินา อเนเกหิ ธมฺเมหิ สงฺคหิโต. วุตฺตฺเหตํ ปริวาเร (ปริ. ๔๐๘) ‘‘อตฺถาโร เอเกน ธมฺเมน สงฺคหิโต วจีเภเทนา’’ติ. อิมินาปิ การเณน ชานิตพฺพํ ‘‘น ตฺติ อตฺถาเร ปวิฏฺา’’ติ.

อฺเ ปน อาจริยา เอวํ วทนฺติ – ‘‘กถินตฺถารํ เก ลภนฺติ, เก น ลภนฺตีติ? คณนวเสน ตาว ปจฺฉิมโกฏิยา ปฺจ ชนา ลภนฺติ, อุทฺธํ สตสหสฺสมฺปิ, ปฺจนฺนํ เหฏฺา น ลภนฺตี’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๐๖) อาคตตฺตา ‘‘เหฏฺิมนฺตโต ปฺจ ภิกฺขู กถินตฺถารํ ลภนฺติ, ตโต อปฺปกตรา น ลภนฺตี’’ติ วิฺายติ. ‘‘ปฺจนฺนํ ชนานํ วฏฺฏตีติ ปจฺฉิมโกฏิยา จตฺตาโร กถินทุสฺสสฺส ทายกา, เอโก ปฏิคฺคาหโกติ ปฺจนฺนํ ชนานํ วฏฺฏตี’’ติ กงฺขาวิตรณีฏีกายํ (กงฺขา. อภิ. ฏี. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) อาคตตฺตา ตสฺมึ วากฺเย ‘‘วฏฺฏตี’’ติ กิริยาย กตฺตา ‘‘โส กถินตฺถาโร’’ติ วุจฺจติ, ตสฺมา อตฺถาโรติ อิมินา ‘‘อิมาย สงฺฆาฏิยา กถินํ อตฺถรามี’’ติ วุตฺตอตฺถรณกิริยา น อธิปฺเปตา, จตูหิ ภิกฺขูหิ อตฺถารกสฺส ภิกฺขุโน ตฺติยา ทานํ อธิปฺเปตนฺติ วิฺายติ. ‘‘กถินตฺถารํ เก ลภนฺติ…เป… อุทฺธํ สตสหสฺสนฺติ อิทํ อตฺถารกสฺส ภิกฺขุโน สงฺฆสฺส กถินทุสฺสทานกมฺมํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ วินยวินิจฺฉยฏีกายํ วุตฺตํ. ตสฺมิมฺปิ ปาเ ตฺติยา ทินฺนํเยว สนฺธาย ‘‘ปฺจ ชนา อตฺถารํ ลภนฺตี’’ติ อิทํ วจนํ อฏฺกถาจริเยหิ วุตฺตํ, ‘‘อิมาย สงฺฆาฏิยา กถินํ อตฺถรามี’’ติอาทิ ปุคฺคลสฺส อตฺถรณํ สนฺธาย น วุตฺตนฺติ ฏีกาจริยสฺส อธิปฺปาโย. เอวํ กงฺขาวิตรณีฏีกา-วินยวินิจฺฉยฏีกาการเกหิ อาจริเยหิ ‘‘ตฺติทุติยกมฺมํ อตฺถาโร นามา’’ติ วินิจฺฉิตตฺตา อุปจารสีมายํ กถินทานตฺติกมฺมวาจากรณํ ยุตฺตนฺติ วิฺายตีติ วทนฺติ.

ตตฺเรวํ วิจารณา กาตพฺพา – ‘‘ตฺติทุติยกมฺมํเยว อตฺถาโร นามา’’ติ ฏีกาจริยา น วเทยฺยุํ. วเทยฺยุํ เจ, อฏฺกถาย วิรุทฺโธ สิยา. กถํ วิรุทฺโธติ เจ? ‘‘ฉินฺนวสฺสา วา ปจฺฉิมิกาย อุปคตา วา น ลภนฺติ, อฺสฺมึ วิหาเร วุตฺถวสฺสาปิ น ลภนฺตีติ มหาปจฺจริยํ วุตฺต’’นฺติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๐๖) อาคตตฺตา ‘‘เต ฉินฺนวสฺสาทโย กถินตฺถารํ น ลภนฺตี’’ติ วิฺายติ. ยทิ ตฺติทุติยกมฺมํ อตฺถาโร นาม สิยา, เอวํ สติ เต ภิกฺขู ตฺติทุติยกมฺเมปิ คณปูรกภาเวน อปฺปวิฏฺา สิยุํ. อถ จ ปน ‘‘ปุริมิกาย อุปคตานํ ปน สพฺเพ คณปูรกา โหนฺตี’’ติ อฏฺกถาย (มหาว. อฏฺ. ๓๐๖) วุตฺตตฺตา เต ตฺติทุติยกมฺเม ปวิฏฺาว โหนฺติ, ตสฺมา อฏฺกถาจริโย ปฺจานิสํสเหตุภูตํ ‘‘อิมาย สงฺฆาฏิยา กถินํ อตฺถรามี’’ติอาทิกํ วจีเภทํเยว ‘‘อตฺถาโร’’ติ วทติ, น ตฺติทุติยกมฺมํ, ตสฺมา เต ฉินฺนวสฺสาทโย ปฺจานิสํสเหตุภูตํ กถินตฺถารํ น ลภนฺติ, ตฺติทุติยกมฺเม ปน จตุวคฺคสงฺฆปูรกภาวํ ลภนฺตีติ วิฺายติ. ปุนปิ วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘สเจ ปุริมิกาย อุปคตา จตฺตาโร วา โหนฺติ ตโย วา ทฺเว วา เอโก วา, อิตเร คณปูรเก กตฺวา กถินํ อตฺถริตพฺพ’’นฺติ. เอวํ อลพฺภมานกถินตฺถาเรเยว ฉินฺนวสฺสาทโย คณปูรเก กตฺวา ตฺติทุติยกมฺมวาจาย กถินทุสฺสํ ทาเปตฺวา ปุริมิกาย อุปคเตหิ กถินสฺส อตฺถริตพฺพภาวโต ‘‘ตฺติทุติยกมฺมํเยว อตฺถาโร นามาติ ฏีกาจริยา น วเทยฺยุ’’นฺติ อวจิมฺหาติ.

นนุ จ โภ อิมสฺมิมฺปิ อฏฺกถาวจเน ‘‘อิตเร คณปูรเก กตฺวา กถินํ อตฺถริตพฺพ’’นฺติ วจเนน จตุวคฺคสงฺเฆน กตฺตพฺพํ ตฺติทุติยกมฺมํเยว ‘‘อตฺถาโร’’ติ วุตฺตนฺติ? น, ปุพฺพาปรวิโรธโต. ปุพฺเพ หิ ฉินฺนวสฺสาทีนํ กถินํ อตฺถริตุํ อลพฺภมานภาโว วุตฺโต, อิธ ‘‘ตฺติทุติยกมฺมํ อตฺถาโร’’ติ วุตฺเต เตสมฺปิ ลพฺภมานภาโว วุตฺโต ภเวยฺย, น อฏฺกถาจริยา ปุพฺพาปรวิรุทฺธํ กเถยฺยุํ, ตสฺมา ‘‘กตฺวา’’ติ ปทํ ‘‘อตฺถริตพฺพ’’นฺติ ปเทน สมฺพชฺฌนฺเตน สมานกาลวิเสสนํ อกตฺวา ปุพฺพกาลวิเสสนเมว กตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ, เอวํ สติ ปุพฺพวจเนนาปรวจนํ คงฺโคทเกน ยมุโนทกํ วิย สํสนฺทติ, ปจฺฉาปิ จ ‘‘กมฺมวาจํ สาเวตฺวา กถินํ อตฺถราเปตฺวา ทานฺจ ภุฺชิตฺวา คมิสฺสนฺตี’’ติ วิสุํ กมฺมวาจาสาวนํ วิสุํ กถินตฺถรณํ ปุพฺพาปรานุกฺกมโต วุตฺตํ , ตสฺมา ตฺติทุติยกมฺมํ อตฺถาโร นาม น โหติ, เกวลํ อตฺถารสฺส การณเมว อุปจารเมว โหตีติ ทฏฺพฺพํ. กิฺจ ภิยฺโย – ‘‘น สงฺโฆ กถินํ อตฺถรติ, น คโณ กถินํ อตฺถรติ, ปุคฺคโล กถินํ อตฺถรตี’’ติ ปริวารวจเนน (ปริ. ๔๑๔) อยมตฺโถ ชานิตพฺโพติ.

ยทิ เอวํ กงฺขาวิตรณีฏีกา-วินยวินิจฺฉยฏีกาสุ อาคตปาานํ อธิปฺปาโย กถํ ภาสิตพฺโพ ภเวยฺย. นนุ กงฺขาวิตรณีฏีกายํ ‘‘วฏฺฏตี’’ติ อิมิสฺสา กิริยาย กตฺตา ‘‘โส กถินตฺถาโร’’ติ วุตฺโต, วินยวินิจฺฉยฏีกายฺจ ‘‘กถินทุสฺสทานกมฺม’’นฺติ ปทํ ‘‘สนฺธายา’’ติ กิริยาย กมฺมํ, กถินตฺถาโร…เป… อิทํ ‘‘วุตฺต’’นฺติ กิริยาย กมฺมํ โหติ. เอวํ ฏีกาสุ นีตตฺถโต อาคตปาเสุ สนฺเตสุ ‘‘ตฺติทุติยกมฺมํเยว อตฺถาโร นามาติ ฏีกาจริยา น วเทยฺยุ’’นฺติ น วตฺตพฺพนฺติ? เยนากาเรน อฏฺกถาวจเนน ฏีกาวจนฺจ ปุพฺพาปรอฏฺกถาวจนฺจ อวิรุทฺธํ ภเวยฺย, เตนากาเรน ฏีกาปาานํ อธิปฺปาโย คเหตพฺโพ. กถํ? กงฺขาวิตรณีอฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘โส สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน ปฺจนฺนํ ชนานํ วฏฺฏตี’’ติ อาคโต, ตสฺมึ อฏฺกถาวจเน โจทเกน โจเทตพฺพสฺส อตฺถิตาย ตํ ปริหริตุํ ‘‘ปฺจนฺนํ ชนานํ วฏฺฏตีติ ปจฺฉิมโกฏิยา จตฺตาโร กถินทุสฺสสฺส ทายกา, เอโก ปฏิคฺคาหโกติ ปฺจนฺนํ ชนานํ วฏฺฏตี’’ติ ปาโ ฏีกาจริเยน วุตฺโต, กถํ โจเทตพฺพํ อตฺถีติ? โภ อฏฺกถาจริย ‘‘โส สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน ปฺจนฺนํ ชนานํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺโต, เอวํ สติ ปฺจนฺนํ กถินตฺถารกานํ เอว โส กถินตฺถาโร วฏฺฏติ, น เอกทฺวิติจตุปุคฺคลานนฺติ อตฺโถ อาปชฺชติ, เอวํ สติ ‘‘น สงฺโฆ กถินํ อตฺถรติ, น คโณ กถินํ อตฺถรติ, ปุคฺคโล กถินํ อตฺถรตี’’ติ อาคตปาฬิยา วิรุชฺฌนโต อาคมวิโรโธ อาปชฺชติ, ตํ โจทนํ ปริหรนฺโต ‘‘ปฺจนฺนํ ชนานํ วฏฺฏตีติ ปจฺฉิมโกฏิยา จตฺตาโร กถินทุสฺสสฺส ทายกา, เอโก ปฏิคฺคาหโกติ ปฺจนฺนํ ชนานํ วฏฺฏตี’’ติ ปาโ ฏีกาจริเยน วุตฺโต. ตตฺถายมธิปฺปาโย – โภ โจทกาจริย อฏฺกถาจริเยน กถินตฺถารกาเล ปฺจนฺนํ อตฺถารกานํ ภิกฺขูนํ วเสน ‘‘โส สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน ปฺจนฺนํ ชนานํ วฏฺฏตี’’ติ ปาโ น วุตฺโต, อถ โข สงฺเฆน อตฺถารกสฺส กถินทุสฺสทานกาเล ปจฺฉิมโกฏิยา จตฺตาโร กถินทุสฺสสฺส ทายกา, เอโก ปฏิคฺคาหโกติ ปฺจนฺนํ ทายกปฏิคฺคาหกปุคฺคลานํ อตฺถิตาย โส ปจฺฉา กตฺตพฺโพ อตฺถาโร วฏฺฏติ, การณสมฺปตฺติยา ผลสมฺปตฺติ โหติ, ตสฺมา ตสฺมึ อฏฺกถาวจเน อาคมวิโรโธ นาปชฺชตีติ.

วินยวินิจฺฉยฏีกายมฺปิ ‘‘กถินตฺถารํ เก ลภนฺติ, เก น ลภนฺตีติ? คณนวเสน ตาว ปจฺฉิมโกฏิยา ปฺจ ชนา ลภนฺติ, อุทฺธํ สตสหสฺสมฺปิ, ปฺจนฺนํ เหฏฺา น ลภนฺตี’’ติ อฏฺกถาวจเน ปเรหิ ปุจฺฉิตพฺพสฺส อตฺถิตาย ตํ ปุจฺฉํ วิสฺสชฺเชตุํ ‘‘อิทํ อตฺถารกสฺส ภิกฺขุโน สงฺฆสฺส กถินทุสฺสทานกมฺมํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ ปาโ ฏีกาจริเยน วุตฺโต. กถํ ปุจฺฉิตพฺพนฺติ เจ? โภ อฏฺกถาจริย ‘‘เหฏฺิมโกฏิยา ปฺจนฺนํ ชนานํ วฏฺฏตี’’ติ อิทํ วจนํ กึ ปฺจานิสํสสฺส การณภูตํ ‘‘อิมาย สงฺฆาฏิยา กถินํ อตฺถรามี’’ติอาทิอตฺถารกิริยํ สนฺธาย วุตฺตํ, อุทาหุ อตฺถารสฺส การณภูตํ กถินทุสฺสทานกมฺมนฺติ. กถํ วิสฺสชฺชนาติ? โภ ภทฺรมุข ‘‘เหฏฺิมโกฏิยา ปฺจนฺนํ ชนานํ วฏฺฏตี’’ติ อิทํ ปฺจานิสํสสฺส การณภูตํ ‘‘อิมาย สงฺฆาฏิยา กถินํ อตฺถรามี’’ติอาทิกํ อตฺถารกิริยํ สนฺธาย อฏฺกถาจริเยน น วุตฺตํ, อถ โข อตฺถารสฺส การณภูตํ กถินทานกมฺมํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ . ตตฺรายมธิปฺปาโย – สงฺเฆน อตฺถารกสฺส ทินฺนทุสฺเสน เอว กถินตฺถาโร สมฺภวติ, น ิติกาย ลทฺธจีวเรน วา ปุคฺคลิกจีวเรน วา สมฺภวติ, ตฺจ กถินทุสฺสทานกมฺมํ จตฺตาโร กถินทุสฺสทายกา, เอโก ปฏิคฺคาหโกติ ปฺจสุ ภิกฺขูสุ วิชฺชมาเนสุเยว สมฺปชฺชติ, น ตโต อูเนสูติ ปจฺฉิมโกฏิยา ปฺจนฺนํ วฏฺฏติ, การณสิทฺธิยา ผลสิทฺธิ โหติ, เตเนว จ การเณน ‘‘กถินทุสฺสทานกมฺมํ วุตฺต’’นฺติ มุขฺยวเสน อวตฺวา ‘‘สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ อุปจารวเสนาห. เอวํ วุตฺเตเยว อฏฺกถาวจนสฺส ปุพฺพาปรวิโรโธ นตฺถิ, อฏฺกถาวจเนน จ ฏีกาวจนํ วิรุทฺธํ น โหตีติ ทฏฺพฺพํ, ‘‘อปโลกนาทิสงฺฆกมฺมกรณตฺถํ พทฺธสีมา ภควตา อนุฺาตา’’ติ อิมินา วินยลกฺขเณน จ สเมติ.

‘‘อิมาย สงฺฆาฏิยา กถินํ อตฺถรามี’’ติอาทิกา ปน อตฺถารกิริยา อปโลกนาทีสุ จตูสุ สงฺฆกมฺเมสุ อปฺปวิฏฺา, อธิฏฺานาทโย วิย ปฺจานิสํสลาภการณภูตา ปุคฺคลกิริยาว โหตีติ วสฺสูปนายิกเขตฺตภูตาย อนฺโตอุปจารสีมาย กาตพฺพา, ตสฺมา อนฺโตอุปจารสีมายํ พทฺธสีมาย อวิชฺชมานาย พหิอุปจารสีมายํ พทฺธสีมํ วา อุทกุกฺเขปสตฺตพฺภนฺตรลภมานฏฺานํ วา คนฺตฺวา ตฺติทุติยกมฺเมน กถินทุสฺสํ ทาเปตฺวา ปุน วิหารํ อาคนฺตฺวา อนฺโตอุปจารสีมายเมว กถินตฺถรณํ ปุพฺพาจริเยหิ กตํ, ตํ สุกตเมว โหตีติ ทฏฺพฺพํ. เอวํ อคฺคเหตฺวา สุทฺธอุปจารสีมายเมว ตฺติทุติยกมฺมํ กาตพฺพนฺติ คยฺหมาเน สติ เตสํ อายสฺมนฺตานํ ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชมานา สิสฺสานุสิสฺสา ธุววาสตฺถาย วิหารทานาทิอปโลกนกมฺมํ วา อุโปสถปวารณาทิตฺติกมฺมํ วา สีมาสมฺมนฺนนาทิตฺติทุติยกมฺมํ วา อุปสมฺปทาทิตฺติจตุตฺถกมฺมํ วา อุปจารสีมายเมว กเรยฺยุํ, เอวํ กโรนฺตา ภควโต สาสเน มหนฺตํ ชฏํ มหนฺตํ คุมฺพํ มหนฺตํ วิสมํ กเรยฺยุํ, ตสฺมา ตมกรณตฺถํ ยุตฺติโต จ อาคมโต จ อเนกานิ การณานิ อาหริตฺวา กถยิมฺหาติ.

สาสเน คารวํ กตฺวา, สทฺธมฺมสฺสานุโลมโต;

มยา กตํ วินิจฺฉยํ, สมฺมา จินฺเตนฺตุ สาธโว.

ปุนปฺปุนํ วิจินฺเตตฺวา, ยุตฺตํ เจ โหติ คณฺหนฺตุ;

โน เจ ยุตฺตํ มา คณฺหนฺตุ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาวกาติ.

อิโต ปรานิปิ การณสาธกานิ อาหรนฺติ อาจริยา, เตสํ ปฏิวจเนน อติวิตฺถาโร ภวิสฺสติ, อุปจารสีมาย จตุนฺนํ สงฺฆกมฺมานํ กตฏฺานภาโว ปุพฺเพ วุตฺโตว, ตสฺมา ตํ วจนํ มนสิ กตฺวา สํสยํ อกตฺวา ธาเรตพฺโพติ.

‘‘อิมาย สงฺฆาฏิยา กถินํ อตฺถรามี’’ติ วาจา ภินฺทิตพฺพาติ กึ เอตฺตเกน วจีเภเทน กถินํ อตฺถตํ โหติ, อุทาหุ อฺโ โกจิ กายวิกาโร กาตพฺโพ? น กาตพฺโพ. เอตฺตเกเนว หิ วจีเภเทน อตฺถตํ โหติ, กถินํ. วุตฺตฺเหตํ ปริวาเร (ปริ. ๔๐๘) ‘‘อตฺถาโร เอเกน ธมฺเมน สงฺคหิโต วจีเภเทนา’’ติ.

เอวํ กถินตฺถารํ ทสฺเสตฺวา อนุโมทาปนอนุโมทเน ทสฺเสนฺโต ‘‘เตน กถินตฺถารเกนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เยน ภิกฺขุนา ‘‘อิมาย สงฺฆาฏิยา กถินํ อตฺถรามี’’ติอาทินา วจีเภเทน กถินํ อตฺถตํ, เตน ‘‘กถินสฺส อตฺถารา ปนฺนรส ธมฺมา ชายนฺตี’’ติ ปริวาเร (ปริ. ๔๐๓) อาคตตฺตา กถินตฺถาเรน สเหว ปฺจ อานิสํสา อาคตา, อถ กสฺมา สงฺฆํ อนุโมทาเปตีติ? กิฺจาปิ อตฺถารกสฺส ภิกฺขุโน ปฺจ อานิสํสา อาคตา, สงฺฆสฺส ปน อนาคตา, ตสฺมา สงฺฆสฺส จ อาคมนตฺถํ สงฺฆํ อนุโมทาเปติ, สงฺโฆ จ อนุโมทนํ กโรติ, เอวํ กเต อุภินฺนมฺปิ อานิสํสา อาคตา โหนฺติ. วุตฺตฺเหตํ ปริวาเร (ปริ. ๔๐๓) ‘‘ทฺวินฺนํ ปุคฺคลานํ อตฺถตํ โหติ กถินํ อตฺถารกสฺส จ อนุโมทกสฺส จา’’ติ. เอตฺถ จ กถินตฺถารกภิกฺขุโต วุฑฺฒตโร ภิกฺขุ ตสฺมึ สงฺเฆ อตฺถิ, อิธ วุตฺตนเยน อตฺถารเกน ‘‘ภนฺเต’’ติ วตฺตพฺพํ, อนุโมทเกน ‘‘อาวุโส’’ติ. ยทิ ปน กถินตฺถารโก ภิกฺขุ สพฺเพสํ วุฑฺฒตโร โหติ, เตน ‘‘อาวุโส’’ติ วตฺตพฺพํ, อิตเรหิ ‘‘ภนฺเต’’ติ, เอวํ เสสนยทฺวเยปิ. เอวํ สพฺเพสํ อตฺถตํ โหติ กถินนฺติ. อิเมสุ ปน สงฺฆปุคฺคเลสุ เย ตสฺมึ วิหาเร ปุริมิกาย วสฺสํ อุปคนฺตฺวา ปมปวารณาย ปวาริตา, เตเยว อนุโมทิตุํ ลภนฺติ, ฉินฺนวสฺสา วา ปจฺฉิมิกาย อุปคตา วา อฺสฺมึ วิหาเร วุตฺถวสฺสา วา น ลภนฺติ, อนนุโมทนฺตาปิ อานิสํสํ น ลภนฺติ.

เอวํ กถินตฺถารํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ จีวรวิภาคํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอวํ อตฺถเต ปน กถิเน’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สเจ กถินจีวเรน สทฺธึ อาภตํ อานิสํสนฺติ อิมินา เอกํ อตฺถตจีวรเมว กถินจีวรํ นาม, ตโต อฺํ เตน สทฺธึ อาภตํ สพฺพํ จีวรํ กถินานิสํสจีวรํ นามาติ ทสฺเสติ. วกฺขติ หิ ‘‘อวเสสกถินานิสํเส พลววตฺถานี’’ติอาทิ. เตน ายติ ‘‘วตฺถเมว อิธ อานิสํโส นาม, น อคฺโฆ, กถินสาฏเกน สทฺธึ อาภตานํ อฺสาฏกานํ พหุลวเสน อตฺถริตพฺพํ, น กถินสาฏกสฺส มหคฺฆวเสนา’’ติ. ภิกฺขุสงฺโฆ อนิสฺสโร, อตฺถตกถิโน ภิกฺขุเยว อิสฺสโร. กสฺมา? ทายเกหิ วิจาริตตฺตา. ภิกฺขุสงฺโฆ อิสฺสโร, กสฺมา? ทายเกหิ อวิจาริตตฺตา, มูลกถินสฺส จ สงฺเฆ ทินฺนตฺตา. อวเสสกถินานิสํเสติ ตสฺส ทินฺนวตฺเถหิ อวเสสกถินานิสํสวตฺเถ. พลววตฺถานีติ อตฺถริตพฺพกถินสาฏกํเยว อหตํ วา อหตกปฺปํ วา ทาตุํ วฏฺฏติ, อานิสํสจีวรํ ปน ยถาสตฺติ ยถาพลํ ปุราณํ วา อภินวํ วา ทุพฺพลํ วา พลวํ วา ทาตุํ วฏฺฏติ, ตสฺมา เตสุ ทุพฺพลวตฺเถ ิติกาย ทินฺเน ลทฺธภิกฺขุสฺส อุปการกํ น โหติ, ตสฺมา อุปการณโยคฺคานิ พลววตฺถานิ ทาตพฺพานีติ อธิปฺปาโย. วสฺสาวาสิกิติกาย ทาตพฺพานีติ ยตฺตกา ภิกฺขู วสฺสาวาสิกจีวรํ ลภึสุ, เต เปตฺวา เตสํ เหฏฺโต ปฏฺาย ยถากฺกมํ ทาตพฺพานิ. เถราสนโต ปฏฺายาติ ยตฺตกา ภิกฺขู ติสฺสํ กถินตฺถตสีมายํ สนฺติ, เตสุ เชฏฺกภิกฺขุโต ปฏฺาย ทาตพฺพานิ. อาสนคฺคหณํ ปน ยถาวุฑฺฒํ นิสินฺเน สนฺธาย กตํ. เอเตน วสฺสาวาสิกกถินานิสํสานํ สมานคติกตํ ทีเปติ. ครุภณฺฑํ น ภาเชตพฺพนฺติ กถินสาฏเกน สทฺธึ อาภเตสุ มฺจปีาทิกํ ครุภณฺฑํ น ภาเชตพฺพํ, สงฺฆิกวเสเนว ปริภุฺชิตพฺพนฺติ อตฺโถ. ตตฺถ ครุภณฺฑวินิจฺฉโย อนนฺตรกถายํ อาวิ ภวิสฺสติ.

อิมสฺมึ ปน าเน วตฺตพฺพํ อตฺถิ. กถํ? อิทานิ ภิกฺขู กถินานิสํสจีวรํ กุสปาตํ กตฺวา วิภชนฺติ, ตํ ยุตฺตํ วิย น ทิสฺสตีติ. กสฺมาติ เจ? ‘‘อวเสสกถินานิสํเส พลววตฺถานิ วสฺสาวาสิกิติกาย ทาตพฺพานิ, ิติกาย อภาเว เถราสนโต ปฏฺาย ทาตพฺพานี’’ติ วจนโตติ. เอวํ สนฺเต กตฺถ กุสปาโต กาตพฺโพติ? ภณฺฑาคาเร ปิตจีวเรติ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘อุสฺสนฺนํ โหตีติ พหุ ราสิกตํ โหติ, ภณฺฑาคารํ น คณฺหาติ. สมฺมุขีภูเตนาติ อนฺโตอุปจารสีมายํ ิเตน. ภาเชตุนฺติ กาลํ โฆสาเปตฺวา ปฏิปาฏิยา ภาเชตุํ…เป… เอวํ ปิเตสุ จีวรปฏิวีเสสุ กุโส ปาเตตพฺโพ’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๔๓) วุตฺตตฺตา, ตสฺมา อิมิสฺสํ อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว ภาเชตพฺพนฺติ อมฺหากํ ขนฺติ.

เอกจฺเจ ปน ภิกฺขู เอเกกสฺส เอเกกสฺมึ จีวเร อปฺปโหนฺเต จีวรํ ปริวตฺเตตฺวา อกปฺปิยวตฺถุํ คเหตฺวา ภาเชนฺติ, ตํ อติโอฬาริกเมว. อฺเปิ เอกจฺจานํ จีวรานํ มหคฺฆตาย เอกจฺจานํ อปฺปคฺฆตาย สมคฺฆํ กาตุํ น สกฺกาติ ตเถว กโรนฺติ, ตมฺปิ โอฬาริกเมว. ตตฺถ หิ อกปฺปิยวตฺถุนา ปริวตฺตเนปิ ตสฺส วิจารเณปิ ภาคคฺคหเณปิ อาปตฺติเยว โหติ. เอเก ‘‘กถินํ นาม ทุพฺพิจารณีย’’นฺติ วตฺวา อตฺถรณํ น กโรนฺติ, ปุคฺคลิกวเสเนว ยถาชฺฌาสยํ วิจาเรนฺติ, ตํ ปน ยทิ ทายเกหิ ปุคฺคลสฺเสว ทินฺนํ, ปุคฺคเลน จ สงฺฆสฺส อปริจฺจชิตํ, เอวํ สติ อตฺตโน สนฺตกตฺตา ยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ. ยทิ ปน สงฺฆสฺส วา คณสฺส วา ทินฺนํ, ปุคฺคลสฺส ทินฺเนปิ สงฺฆสฺส วา คณสฺส วา ปริจฺจชิตํ, เอวํ สนฺเต สงฺฆคณานํ สนฺตกตฺตา อยุตฺตํ ภเวยฺย. อปเร ปน กถินวเสน ปฏิคฺคหิเต วิจาเรตุํ ทุกฺกรนฺติ มฺมานา ‘‘น มยํ กถินวเสน ปฏิคฺคณฺหาม, วสฺสาวาสิกภาเวเนว ปฏิคฺคณฺหามา’’ติ วตฺวา ยถารุจิ วิจาเรนฺติ, ตมฺปิ อยุตฺตํ. วสฺสาวาสิกมฺปิ หิ สงฺฆสฺส ทินฺนํ สงฺฆิกํ โหติเยว, ปุคฺคลสฺส ทินฺนํ ปุคฺคลิกํ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘สเจ ปน เตสํ เสนาสเน ปํสุกูลิโก วสติ, อาคตฺจ ตํ ทิสฺวา ‘ตุมฺหากํ วสฺสาวาสิกํ เทมา’ติ วทนฺติ, เตน สงฺฆสฺส อาจิกฺขิตพฺพํ. สเจ ตานิ กุลานิ สงฺฆสฺส ทาตุํ น อิจฺฉนฺติ, ‘ตุมฺหากํเยว เทมา’ติ วทนฺติ, สภาโค ภิกฺขุ ‘วตฺตํ กตฺวา คณฺหาหี’ติ วตฺตพฺโพ, ปํสุกูลิกสฺส ปเนตํ น วฏฺฏตี’’ติ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๓๑๘; วิ. สงฺค. อฏฺ. ๒๑๙) วุตฺตตฺตา.

วสฺสาวาสิกํ ทุวิธํ สทฺธาเทยฺยตตฺรุปฺปาทวเสน. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๓๑๘) ‘‘อิติ สทฺธาเทยฺเย ทายกมนุสฺสา ปุจฺฉิตพฺพา, ตตฺรุปฺปาเท ปน กปฺปิยการกา ปุจฺฉิตพฺพา’’ติ. สทฺธาเทยฺยวสฺสาวาสิกมฺปิ สวิหาราวิหารวเสน ทุวิธํ. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๓๑๘) ‘‘มหาปทุมตฺเถโร ปนาห น เอวํ กาตพฺพํ. มนุสฺสา หิ อตฺตโน อาวาสปฏิชคฺคนตฺถาย ปจฺจยํ เทนฺติ, ตสฺมา อฺเหิ ภิกฺขูหิ ตตฺถ ปวิสิตพฺพ’’นฺติ, ‘‘เยสํ ปน เสนาสนํ นตฺถิ, เกวลํ ปจฺจยเมว เทนฺติ, เตสํ ปจฺจยํ อวสฺสาวาสิเก เสนาสเน คาเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ จ. ตตฺรุปฺปาทวสฺสาวาสิกํ นาม กปฺปิยการกานํ หตฺเถ กปฺปิยวตฺถุปอภุฺชนตฺถาย ทินฺนวตฺถุโต นิพฺพตฺตํ. วุตฺตมฺปิ เจตํ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๓๑๘) ‘‘กปฺปิยการกานฺหิ หตฺเถ ‘กปฺปิยภณฺฑํ ปริภุฺชถา’ติ ทินฺนวตฺถุโต ยํ ยํ กปฺปิยํ, ตํ สพฺพํ ปริภุฺชิตุํ อนุฺาต’’นฺติ. เอวํ วสฺสาวาสิกจีวรมฺปิ ปุพฺเพ เยภุยฺเยน สงฺฆสฺเสว เทนฺติ, ตสฺมา ‘‘กถินจีวรํ เทมา’’ติ วุตฺเต กถินจีวรภาเวน ปฏิคฺคเหตพฺพํ, ‘‘วสฺสาวาสิกํ เทมา’’ติ วุตฺเต วสฺสาวาสิกจีวรภาเวเนว ปฏิคฺคเหตพฺพํ. กสฺมา? ‘‘ยถา ทายกา วทนฺติ, ตถา ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๕) วจนโต.

กิฺจิ อวตฺวา หตฺเถ วา ปาทมูเล วา เปตฺวา คเต กึ กาตพฺพนฺติ? ตตฺถ สเจ ‘‘อิทํ วตฺถุ เจติยสฺส วา สงฺฆสฺส วา ปรปุคฺคลสฺส วา อตฺถาย ปริณต’’นฺติ ชาเนยฺย, เตสํ อตฺถาย ปฏิคฺคเหตพฺพํ. อถ ‘‘มมตฺถาย ปริณต’’นฺติ ชาเนยฺย, อตฺตโน อตฺถาย ปฏิคฺคเหตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ ปริวาเร (ปริ. ๓๒๙) ‘‘นว อธมฺมิกทานานี’’ติอาทิ. อถ น กิฺจิ ชาเนยฺย, อตฺตโน หตฺเถ วา ปาทมูเล วา กิฺจิ อวตฺวา ปิตํ ตสฺเสว ปุคฺคลิกํ โหติ. น หิ เจติยาทีนํ อตฺถาย ปริณตํ กิฺจิ อวตฺวา ภิกฺขุสฺส หตฺเถ วา ปาทมูเล วา เปตีติ. วุตฺตฺเหตํ สมนฺตปาสาทิกายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) ‘‘ปุคฺคลสฺส เทตีติ ‘อิมํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส ทมฺมี’ติ เอวํ ปรมฺมุขา วา ปาทมูเล เปตฺวา ‘อิมํ, ภนฺเต, ตุมฺหากํ ทมฺมี’ติ เอวํ สมฺมุขา วา เทตี’’ติอาทิ.

‘‘อิมิสฺสํ อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว ภาเชตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, กถํ ภาเชตพฺพนฺติ? ‘‘อวเสสกถินานิสํเส พลววตฺถานิ วสฺสาวาสิกิติกาย ทาตพฺพานี’’ติ วุตฺตตฺตา เย ภิกฺขู อิมสฺมึ วสฺเส วสฺสาวาสิกํ น ลภึสุ, เตสํ เหฏฺโต ปฏฺาย เอเกกํ จีวรํ วา สาฏกํ วา ทาตพฺพํ. อถ จีวรานํ วา สาฏกานํ วา อวสิฏฺเสุ สนฺเตสุ ปุน เถราสนโต ปฏฺาย ทุติยภาโค ทาตพฺโพ. ตโต จีวเรสุ วา สาฏเกสุ วา ขีเณสุ เย ลภนฺติ, เตสุ ปจฺฉิมสฺส วสฺสาทีนิ สลฺลกฺเขตพฺพานิ. น เกวลํ ตสฺมึ กถินตฺถตทิวเส ทินฺนทุสฺสานิ เอว กถินานิสํสานิ นาม โหนฺติ, อถ โข ยาว กถินสฺส อุพฺภารา สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ทินฺนจีวรานิปิ สงฺฆิเกน ตตฺรุปฺปาเทน อารามิเกหิ อาภตจีวรานิปิ กถินานิสํสานิเยว โหนฺติ. ตสฺมา ตาทิเสสุ จีวเรสุ อุปฺปชฺชมาเนสุ ยถาวุตฺตสลฺลกฺขิตวสฺสสฺส ภิกฺขุโน เหฏฺโต ปฏฺาย ปุนปฺปุนํ คาเหตพฺพํ. ‘‘ิติกาย อภาเว เถราสนโต ปฏฺาย ทาตพฺพานี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๐๖) วจนโต ตสฺมึ วสฺเส วสฺสาวาสิกจีวรานํ อนุปฺปชฺชนโต วา อุปฺปชฺชมาเนสุปิ ิติกาย อคาหาปนโต วา วสฺสาวาสิกิติกาย อภาเว สติ ลทฺธพฺพกถินานิสํเส ตสฺสํ อุปจารสีมายํ สพฺเพ ภิกฺขู ปฏิปาฏิยา นิสีทาเปตฺวา เถราสนโต ปฏฺาย ิติกํ กตฺวา เอเกกสฺส ภิกฺขุโน เอเกกํ จีวรํ วา สาฏกํ วา ทาตพฺพํ. สงฺฆนวกสฺส ทานกาเลปิ มหาเถรา อาคจฺฉนฺติ, ‘‘ภนฺเต, วีสติวสฺสานํ ทียติ, ตุมฺหากํ ิติกา อติกฺกนฺตา’’ติ น วตฺตพฺพา, ิติกํ เปตฺวา เตสํ ทตฺวา ปจฺฉา ิติกาย ทาตพฺพํ. ทุติยภาเค ปน เถราสนํ อารุฬฺเห ปจฺฉา อาคตานํ ปมภาโค น ปาปุณาติ, ทุติยภาคโต วสฺสคฺเคน ทาตพฺโพ. อยํ ิติกาวิจาโร จตุปจฺจยภาชนกถาโต (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๒๐๒) คเหตพฺโพติ.

นนุ จ โภ เอกจฺจานิ กถินานิสํสจีวรานิ มหคฺฆานิ, เอกจฺจานิ อปฺปคฺฆานิ โหนฺติ, กถํ เอเกกสฺส เอเกกสฺมึ ทินฺเน อคฺฆสมตฺตํ ภเวยฺยาติ? วุจฺจเต – ภณฺฑาคารจีวรภาชเน อคฺฆสมตฺตํ อิจฺฉิตพฺพํ. ตถา หิ วุตฺตํ จีวรกฺขนฺธเก (มหาว. ๓๔๓) ‘‘เตน โข ปน สมเยน สงฺฆสฺส ภณฺฑาคาเร จีวรํ อุสฺสนฺนํ โหติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สมฺมุขีภูเตน สงฺเฆน ภาเชตุํ…เป… อถ โข จีวรภาชกานํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ ‘กถํ นุ โข จีวรํ ภาเชตพฺพ’นฺติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปมํ อุจฺจินิตฺวา ตุลยิตฺวา วณฺณาวณฺณํ กตฺวา ภิกฺขู คเณตฺวา วคฺคํ พนฺธิตฺวา จีวรปฏิวีสํ เปตุ’’นฺติ. อฏฺกถายฺจ (มหาว. อฏฺ. ๓๔๓) ‘‘อุจฺจินิตฺวาติ ‘อิทํ ถูลํ, อิทํ สณฺหํ, อิทํ ฆนํ, อิทํ ตนุกํ, อิทํ ปริภุตฺตํ, อิทํ อปริภุตฺตํ, อิทํ ทีฆโต เอตฺตกํ, ปุถุลโต เอตฺตก’นฺติ เอวํ วตฺถานิ วิจินิตฺวา. ตุลยิตฺวาติ ‘อิทํ เอตฺตกํ อคฺฆติ, อิทํ เอตฺตก’นฺติ เอวํ อคฺฆปริจฺเฉทํ กตฺวา. วณฺณาวณฺณํ กตฺวาติ สเจ สพฺเพสํ เอเกกเมว ทสทสอคฺฆนกํ ปาปุณาติ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ ปาปุณาติ, ยํ นว วา อฏฺ วา อคฺฆติ, ตํ อฺเน เอกอคฺฆนเกน จ ทฺวิอคฺฆนเกน จ สทฺธึ พนฺธิตฺวา เอเตน อุปาเยน สเม ปฏิวีเส เปตฺวาติ อตฺโถ . ภิกฺขู คเณตฺวา วคฺคํ พนฺธิตฺวาติ สเจ เอเกกสฺส ทียมาเน ทิวโส น ปโหติ, ทส ทส ภิกฺขู คเณตฺวา ทส ทส จีวรปฏิวีเส เอกวคฺคํ พนฺธิตฺวา เอกํ ภณฺฑิกํ กตฺวา เอวํ จีวรปฏิวีสํ เปตุํ อนุชานามีติ อตฺโถ. เอวํ ปิเตสุ จีวรปฏิวีเสสุ กุโส ปาเตตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. เตน ายติ ‘‘ภณฺฑาคารจีวรภาชเน อคฺฆสมตฺตํ อิจฺฉิตพฺพํ, กุสปาโต จ กาตพฺโพ’’ติ.

อิมสฺมึ ปน กถินานิสํสจีวรภาชเน อคฺฆสมตฺตํ น อิจฺฉิตพฺพํ, กุสปาโต จ น กาตพฺโพ. ตถา หิ วุตฺตํ กถินกฺขนฺธกฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๐๖) ‘‘เอวํ อตฺถเต ปน กถิเน สเจ กถินจีวเรน สทฺธึ อาภตํ อานิสํสํ ทายกา ‘เยน อมฺหากํ กถินํ คหิตํ, ตสฺเสว เทมา’ติ เทนฺติ, ภิกฺขุสงฺโฆ อนิสฺสโร. อถ อวิจาเรตฺวาว ทตฺวา คจฺฉนฺติ, ภิกฺขุสงฺโฆ อิสฺสโร, ตสฺมา สเจ กถินตฺถารกสฺส เสสจีวรานิปิ ทุพฺพลานิ โหนฺติ, สงฺเฆน อปโลเกตฺวา เตสมฺปิ อตฺถาย วตฺถานิ ทาตพฺพานิ, กมฺมวาจา ปน เอกาเยว วฏฺฏติ. อวเสสกถินานิสํเส พลววตฺถานิ วสฺสาวาสิกิติกาย ทาตพฺพานิ. ิติกาย อภาเว เถราสนโต ปฏฺาย ทาตพฺพานิ’’อิจฺเจว วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘อคฺฆปริจฺเฉทํ กตฺวา’’ติ วา ‘‘กุสปาโต กาตพฺโพ’’ติ วา. เตน ายติ ‘‘กถินานิสํสจีวรานิ วสฺสาวาสิกิติกาย วา วุฑฺฒตรโต วา ปฏฺาเยว ทาตพฺพานิ, เนว อคฺฆสมตฺตํ กาตพฺพํ, น กุโส ปาเตตพฺโพ’’ติ.

อิทานิ ปน วสฺสาวาสิกภาเวน อทินฺนตฺตา วสฺสาวาสิกิติกาย อกตตฺตา จ กถินตฺถตจีวรโต จ กถินตฺถารกสฺส อวเสสจีวรตฺถาย ทินฺนวตฺถโต จ อวเสสกถินานิสํเส พลววตฺถานิ วุฑฺฒตรโต ปฏฺาย เอกสฺส ภิกฺขุสฺส เอกํ วตฺถํ ทาตพฺพํ, เตสุ ปน วรํ วรํ วุฑฺฒสฺส ทาตพฺพํ . กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘ปจฺฉิมวสฺสูปนายิกทิวเส ปน สเจ กาลํ โฆเสตฺวา สนฺนิปติเต สงฺเฆ โกจิ ทสหตฺถํ วตฺถํ อาหริตฺวา วสฺสาวาสิกํ เทติ, อาคนฺตุโก สเจ ภิกฺขุสงฺฆตฺเถโร โหติ, ตสฺส ทาตพฺพํ. นวโก เจ โหติ, สมฺมเตน ภิกฺขุนา สงฺฆตฺเถโร วตฺตพฺโพ ‘สเจ, ภนฺเต, อิจฺฉถ, ปมภาคํ มุฺจิตฺวา อิทํ วตฺถํ คณฺหถา’ติ. อมุฺจนฺตสฺส น ทาตพฺพํ. สเจ ปน ปุพฺเพ คาหิตํ มุฺจิตฺวา คณฺหาติ, ทาตพฺพํ. เอเตเนว อุปาเยน ทุติยตฺเถรโต ปฏฺาย ปริวตฺเตตฺวา ปตฺตฏฺาเน อาคนฺตุกสฺส ทาตพฺพํ. สเจ ปมวสฺสูปคตา ทฺเว ตีณิ จตฺตาริ ปฺจ วา วตฺถานิ อลตฺถุํ, ลทฺธํ ลทฺธํ เอเตเนว อุปาเยน วิสฺสชฺชาเปตฺวา ยาว อาคนฺตุกสฺส สมกํ โหติ, ตาว ทาตพฺพํ. เตน ปน สมเก ลทฺเธ อวสิฏฺโ อนุภาโค เถราสเน ทาตพฺโพ’’ติ เสนาสนกฺขนฺธกฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๓๑๘) วจนโต ตํสํวณฺณนาภูตายํ วิมติวิโนทนิยฺจ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๓๑๘) ‘‘อาคนฺตุโก สเจ ภิกฺขูติ จีวเร คาหิเต ปจฺฉา อาคโต อาคนฺตุโก ภิกฺขุ. ปตฺตฏฺาเนติ วสฺสคฺเคน ปตฺตฏฺาเน. ปมวสฺสูปคตาติ อาคนฺตุกสฺส อาคมนโต ปุเรตรเมว ปจฺฉิมิกาย วสฺสูปนายิกาย วสฺสูปคตา. ลทฺธํ ลทฺธนฺติ ทายกานํ สนฺติกา อาคตาคตสาฏก’’นฺติ วจนโต, วชิรพุทฺธิฏีกายฺจ (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๓๑๘) ‘‘ปมภาคํ มุฺจิตฺวาติ อิทํ เจ ปมคาหิตวตฺถุโต มหคฺฆํ โหตีติ ลิขิต’’นฺติ วจนโต จ วิฺายติ. เอวํ อฏฺกถายํ ฏีกาสุ จ วสฺสาวาสิกทาเน ปจฺฉา อาภตํ มหคฺฆวตฺถํ มหาเถรโต ปฏฺาย ปริวตฺเตตฺวา เตหิ อนิจฺฉิตํเยว วสฺสคฺเคน ปตฺตสฺส ปจฺฉา อาคตสฺส ภิกฺขุโน ทาตพฺพภาวสฺส วุตฺตตฺตา วรํ วรํ วุฑฺฒสฺส ทาตพฺพนฺติ วิฺายติ.

‘‘สเจ ปมวสฺสูปคตา ทฺเว ตีณิ จตฺตาริ ปฺจ วา วตฺถานิ อลตฺถุ’’นฺติ วตฺถคณนาย เอว วุตฺตตฺตา, อคฺฆคณนาย อวุตฺตตฺตา จ กถินานิสํสวตฺถสฺส จ วสฺสาวาสิกคติกภาวสฺส วจนโต กถินานิสํสวตฺถานิ วตฺถคณนาวเสเนว ภาเชตพฺพานิ, น อคฺฆสมภาเวนาติ จ ทฏฺพฺพานิ, เตเนว จ การเณน ‘‘โย พหูนิ กถินานิสํสวตฺถานิ เทติ, ตสฺส สนฺตเกเนว อตฺถริตพฺพ’’นฺติ (มหาว. อฏฺ. ๓๐๖) วุตฺตํ. พหูนิ หิ กถินานิสํสวตฺถานิ วิภชนกาเล สงฺฆสฺส อุปการกานิ โหนฺตีติ.

ปาฬิอฏฺกถาทีหิ, เนตฺวา วุตฺตํ วินิจฺฉยํ;

กถิเน จีวเร มยฺหํ, จินฺตยนฺตุ วิจกฺขณา.

จินฺตยิตฺวา ปุนปฺปุนํ, ยุตฺตํ เจ ธารยนฺตุ ตํ;

อยุตฺตฺเจ อิโต อฺํ, ปริเยสนฺตุ การณนฺติ.

‘‘โย จ ตตฺถ จีวรุปฺปาโท, โส เนสํ ภวิสฺสตี’’ติ จีวรสฺเสว อตฺถตกถินานํ ภิกฺขูนํ สนฺตกภาวสฺส ภควตา วุตฺตตฺตา จีวรโต อฺานิ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ทินฺนานิ ปิณฺฑปาตาทีนิ วตฺถูนิ อุปจารสีมํ ปวิฏฺสฺส อาคตาคตสฺส สงฺฆสฺส สนฺตกํ โหนฺติ. ตถา หิ วุตฺตํ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๐๖) ‘‘กถินํ อตฺถราเปตฺวา ทานฺจ ภุฺชิตฺวา คมิสฺสนฺติ , อานิสํโส ปน อิตเรสํเยว โหตี’’ติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สามเณรานํ อุปฑฺฒปฏิวีสํ ทาตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๓) ปาํ อุปนิสฺสาย กถินานิสํสจีวรมฺปิ สามเณรานํ อุปฑฺฒปฏิวีสํเยว เทนฺติ, น ปเนวํ กาตพฺพํ. ภณฺฑาคาเร ปิตฺหิ อกาลจีวรเมว สามเณรานํ อุปฑฺฒปฏิวีสํ กตฺวา ทาตพฺพํ. วสฺสาวาสิกกถินานิสํสาทิกาลจีวรํ ปน สมกเมว ทาตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ จีวรกฺขนฺธกฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๔๓) ‘‘สามเณรานํ อุปฑฺฒปฏิวีสนฺติ เอตฺถ เย สามเณรา อตฺติสฺสรา ภิกฺขุสงฺฆสฺส กตฺตพฺพกมฺมํ น กโรนฺติ, อุทฺเทสปริปุจฺฉาสุ ยุตฺตา อาจริยุปชฺฌายานํเยว วตฺตปฏิปตฺตึ กโรนฺติ, อฺเสํ น กโรนฺติ, เอเตสํเยว อุปฑฺฒภาโค ทาตพฺโพ. เย ปน ปุเรภตฺตฺจ ปจฺฉาภตฺตฺจ ภิกฺขุสงฺฆสฺเสว กตฺตพฺพกิจฺจํ กโรนฺติ, เตสํ สมโก ทาตพฺโพ. อิทฺจ ปิฏฺิสมเย อุปฺปนฺเนน ภณฺฑาคาเร ปิเตน อกาลจีวเรเนว กถิตํ, กาลจีวรํ ปน สมกเมว ทาตพฺพ’’นฺติ.

กจฺจิ นุ โข สามเณรา วสฺสํ อุปคตา, เยน อานิสํสํ ลเภยฺยุนฺติ? อาม อุปคตาติ. กถํ วิฺายตีติ? ‘‘อถ จตฺตาโร ภิกฺขู อุปคตา, เอโก ปริปุณฺณวสฺโส สามเณโร, โส เจ ปจฺฉิมิกาย อุปสมฺปชฺชติ, คณปูรโก เจว โหติ, อานิสํสฺจ ลภตี’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๐๖) วจนโต วชิรพุทฺธิฏีกายฺจ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๖) ‘‘ปจฺฉิมิกาย อุปสมฺปนฺโน ปมปวารณาย ปวาเรตุมฺปิ ลภติ, วสฺสิโก จ โหติ, อานิสํสฺจ ลภตีติ สามเณรานํ วสฺสูปคมนํ อนุฺาตํ โหติ. สามเณรา กถินานิสํสํ ลภนฺตีติ วทนฺตี’’ติ วจนโตติ.

ตตฺรุปฺปาเทสุ กถินานิสํเสสุ ยทิ อารามิกา ตณฺฑุลาทีหิ วตฺถานิ เจตาเปนฺติ, วตฺเถหิปิ ตณฺฑุลาทีนิ เจตาเปนฺติ, ตตฺถ กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ? วิภชนกาเล วิชฺชมานวตฺถุวเสน กาตพฺพํ. ตถา หิ วุตฺตํ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๖) ‘‘ตตฺรุปฺปาเทน ตณฺฑุลาทินา วตฺถูสุ เจตาปิเตสุ อตฺถตกถินานเมว ตานิ วตฺถานิ ปาปุณนฺติ. วตฺเถหิ ปน ตณฺฑุลาทีสุ เจตาปิเตสุ สพฺเพสํ ตานิ ปาปุณนฺตีติ วุตฺต’’นฺติ. ‘‘สเจ ปน เอกสีมายํ พหู วิหารา โหนฺตี’’ติ เอตฺถ กตรสีมา อธิปฺเปตาติ? อุปจารสีมา. อุปจารสีมายํเยว หิ สงฺฆลาภวิภชนาทิกํ สิชฺฌติ. วุตฺตฺเหตํ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๖) ‘‘กถินตฺถตสีมายนฺติ อุปจารสีมํ สนฺธาย วุตฺตํ, อุปจารสีมฏฺสฺส มตกจีวราทิภาคิยตาย พทฺธสีมาย ตตฺรุปฺปาทาภาวโต วิฺเยฺยเมตํ ‘อุปจารสีมาว อธิปฺเปตา’ติ’’.

เอวํ กถินตฺถารํ ทสฺเสตฺวา สงฺเฆ รุจิตาย มาติกาปลิโพธอุพฺภาเร อทสฺเสตฺวาว อนฺเต อานิสํสํ ทสฺเสตุํ ‘‘อตฺถตกถินานํ โว ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อฏฺวิธา มาติกา ปกฺกมนนฺติกา, นิฏฺานนฺติกา, สนฺนิฏฺานนฺติกา, นาสนนฺติกา, สวนนฺติกา, อาสาวจฺเฉทิกา, สีมาติกฺกนฺติกา, สหุพฺภาราติ. ตตฺถ อตฺถตกถิโน ภิกฺขุ กตปริโยสิตํ จีวรํ อาทาย ‘‘อิมํ วิหารํ น ปจฺเจสฺสามี’’ติ ปกฺกมติ, ตสฺส ภิกฺขุโน อุปจารสีมาติกฺกเมเนว กถินุพฺภาโร ภวติ, ปฺจานิสํสานิ อลภเนยฺโย โหติ. อยํ กถินุพฺภาโร ปกฺกมนเมวสฺส อนฺตภูตตฺตา ปกฺกมนนฺติโก นาม โหติ.

อตฺถตกถิโน ภิกฺขุ อนิฏฺิตเมว อตฺตโน ภาคภูตํ จีวรํ อาทาย อฺํ วิหารํ คโต, ตสฺส พหิอุปจารสีมคตสฺส เอวํ โหติ ‘‘อิมสฺมึเยว วิหาเร อิมํ จีวรํ กาเรสฺสามิ, น ปุราณวิหารํ ปจฺเจสฺสามี’’ติ, โส พหิสีมายเมว ตํ จีวรํ กาเรติ, ตสฺส ภิกฺขุโน ตสฺมึ จีวเร นิฏฺิเต กถินุพฺภาโร โหติ. อยํ กถินุพฺภาโร จีวรนิฏฺานเมวสฺส อนฺโตติ นิฏฺานนฺติโก นาม.

ภิกฺขุ อตฺถตกถิโน อกตจีวรมาทาย ปกฺกมติ, ตสฺส พหิอุปจารสีมคตสฺส เอวํ โหติ ‘‘อิมํ จีวรํ เนว กาเรสฺสามิ, โปราณวิหารฺจ น ปจฺเจสฺสามี’’ติ, ตสฺส ภิกฺขุโน เตน สนฺนิฏฺาเนน กถินุพฺภาโร โหติ. อยํ กถินุพฺภาโร สนฺนิฏฺานเมวสฺส อนฺโตติ สนฺนิฏฺานนฺติโก นาม.

อตฺถตกถิโน ภิกฺขุ อกตเมว จีวรํ อาทาย ปกฺกมติ, พหิสีมคตสฺส ตสฺส เอวํ โหติ ‘‘อิเธวิมํ จีวรํ กาเรสฺสามิ, น จ โปราณวิหารํ ปจฺเจสฺสามี’’ติ, ตสฺส จีวรํ กุรุมานํ โจราทีหิ นสฺสติ, อคฺยาทีหิ วินสฺสติ, กถินุพฺภาโร โหติ. อยํ กถินุพฺภาโร นาสนเมวสฺส อนฺโตติ นาสนนฺติโก นาม.

อตฺถตกถิโน ภิกฺขุ อกตจีวรมาทาย ‘‘อิมํ วิหารํ ปจฺเจสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ปกฺกมติ , ตสฺส พหิสีมคตสฺส เอวํ โหติ ‘‘อิเธวิมํ จีวรํ กาเรสฺสามี’’ติ, โส กตจีวโร สุณาติ ‘‘วิหาเร กิร สงฺเฆน กถินํ อุพฺภต’’นฺติ, เตน สวนมตฺเตนสฺส กถินํ อุพฺภตํ โหติ. อยํ กถินพฺภาโร สวนเมวสฺส อนฺโตติ สวนนฺติโก นาม.

อตฺถตกถิโน ภิกฺขุ อฺตฺถ ปจฺจาสาจีวรการณา ปกฺกมติ, ตสฺส พหิสีมคตสฺส เอวํ โหติ ‘‘อิธ พหิสีมายเมว จีวรปจฺจาสํ ปยิรุปาสามิ, น วิหารํ ปจฺเจสฺสามี’’ติ, โส ตตฺเถว ตํ จีวรปจฺจาสํ ปยิรุปาสติ, โส ตํ จีวรปจฺจาสํ อลภมาโน จีวราสา ปจฺฉิชฺชติ, เตเนว ตสฺส ภิกฺขุโน กถินุพฺภาโร ภวติ. อยํ กถินุพฺภาโร อาสาวจฺเฉทสหิตตฺตา อาสาวจฺเฉทิโก นาม.

อตฺถตกถิโน ภิกฺขุ อกตจีวรํ อาทาย ‘‘อิมํ วิหารํ ปจฺเจสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ปกฺกมติ, โส พหิสีมคโต ตํ จีวรํ กาเรติ, โส กตจีวโร ‘‘วิหารํ ปจฺเจสฺสามี’’ติ จินฺเตนฺโต พหิอุปจารสีมายเมว กถินุพฺภารกาลํ วีตินาเมติ, ตสฺส กถินุพฺภาโร ภวติ. อยํ กถินุพฺภาโร จีวรกาลสฺส อนฺติมทิวสสงฺขาตาย สีมาย อติกฺกนฺตตฺตา สีมาติกฺกนฺติโก นาม.

อตฺถตกถิโน ภิกฺขุ จีวรํ อาทาย ‘‘อิมํ วิหารํ ปจฺเจสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ปกฺกมติ, โส กตจีวโร ‘‘วิหารํ ปจฺเจสฺสามี’’ติ จินฺเตนฺโต ปจฺจาคนฺตฺวา วิหาเร กถินุพฺภารํ ปปฺโปติ, ตสฺส ภิกฺขุโน วิหาเร ภิกฺขูหิ สห กถินุพฺภาโร ภวติ. อยํ กถินุพฺภาโร วิหาเร ภิกฺขูหิ สห กตตฺตา สหุพฺภาโร นาม. อยํ อฏฺวิโธ กถินุพฺภาโร อฏฺ มาติกา นาม. วุตฺตฺเหตํ กถินกฺขนฺธกปาฬิยํ (มหาว. ๓๑๐) ‘‘อฏฺิมา, ภิกฺขเว, มาติกา กถินสฺส อุพฺภาราย ปกฺกมนนฺติกา นิฏฺานนฺติกา สนฺนิฏฺานนฺติกา นาสนนฺติกา สวนนฺติกา อาสาวจฺเฉทิกา สีมาติกฺกนฺติกา สหุพฺภาราติ. ภิกฺขุ อตฺถตกถิโน กตจีวรมาทาย ปกฺกมติ ‘น ปจฺเจสฺส’นฺติ, ตสฺส ภิกฺขุโน ปกฺกมนนฺติโก กถินุพฺภาโร’’ติอาทิ, วินยวินิจฺฉยปฺปกรเณ จ –

‘‘ปกฺกมนฺจ นิฏฺานํ, สนฺนิฏฺานฺจ นาสนํ;

สวนมาสา จ สีมา จ, สหุพฺภาโรติ อฏฺิมา’’ติ. (วิ. วิ. ๒๗๐๙);

ปลิโพโธ ทุวิโธ อาวาสปลิโพโธ, จีวรปลิโพโธติ. ตตฺถ ‘‘ยสฺมึ วิหาเร กถินํ อตฺถตํ โหติ, ตสฺมึ วสิสฺสามี’’ติ อฺตฺถ คจฺฉนฺโตปิ ‘‘ปุน ตํ วิหารํ อาคจฺฉิสฺสามี’’ติ สาเปกฺโข โหติ. อยํ อาวาสปลิโพโธ นาม. ตสฺส ภิกฺขุโน จีวรํ อกตํ วา โหติ อปริโยสิตํ วา, ‘‘อฺโต จีวรํ ลจฺฉามี’’ติ อาสา วา อนุปจฺฉินฺนา โหติ. อยํ จีวรปลิโพโธ นาม. วุตฺตฺเหตํ กถินกฺขนฺธเก (มหาว. ๓๒๕) ‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, ทฺเว กถินสฺส ปลิโพธา? อาวาสปลิโพโธ จ จีวรปลิโพโธ จ. กถฺจ, ภิกฺขเว, อาวาสปลิโพโธ โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วสติ วา ตสฺมึ อาวาเส, สาเปกฺโข วา ปกฺกมติ ‘ปจฺเจสฺส’นฺติ, เอวํ โข, ภิกฺขเว, อาวาสปลิโพโธ โหติ. กถฺจ, ภิกฺขเว, จีวรปลิโพโธ โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน จีวรํ อกตํ วา โหติ วิปฺปกตํ วา, จีวราสา วา อนุปจฺฉินฺนา, เอวํ โข, ภิกฺขเว, จีวรปลิโพโธ โหตี’’ติ.

อุพฺภาโร ทุวิโธ อฏฺมาติกาอุพฺภารอนฺตรุพฺภารวเสน. ตตฺถ พหิอุปจารสีมคตานํ ภิกฺขูนํ วเสน วุตฺตา สตฺต กถินุพฺภารา จ พหิอุปจารสีมํ คนฺตฺวา นิวตฺเตตฺวา กถินตฺถตวิหาเร อนฺตรุพฺภารํ ปตฺวา ภิกฺขูหิ สห อนฺตรุพฺภารสฺส กตตฺตา สหุพฺภารสงฺขาโต เอโก กถินุพฺภาโร จาติ อิเม อฏฺ กถินุพฺภารา อฏฺมาติกาย ปวิฏฺตฺตา อฏฺมาติกาอุพฺภาโร นาม. พหิสีมํ อคนฺตฺวา ตสฺมึเยว วิหาเร นิสีทิตฺวา กถินุพฺภารํ ตฺติทุติยกมฺมวาจาย กถินุพฺภาโร อฏฺมาติกาย อปฺปวิฏฺโ หุตฺวา กาลปริจฺเฉทํ อปฺปตฺวา อนฺตราเยว กตตฺตา อนฺตรุพฺภาโร นาม.

อนฺตรุพฺภารสหุพฺภารา ตฺติทุติยกมฺมวาจาเยว กตา, เอวํ สนฺเต โก เตสํ วิเสโสติ? อนฺตรุพฺภาโร พหิสีมํ อคนฺตฺวา อนฺโตสีมายเมว ิเตหิ ภิกฺขูหิ กโต. สหุพฺภาโร พหิสีมํ คเตน ภิกฺขุนา ปจฺจาคนฺตฺวา ตํ อนฺตรุพฺภารํ ปตฺวา เตหิ อนฺโตสีมฏฺเหิ ภิกฺขูหิ สห กโตติ อยเมเตสํ วิเสโส. ปกฺกมนนฺติกาทโย สตฺต กถินุพฺภารา น กมฺมวาจาย กตา, เกวลํ ทฺวินฺนํ ปลิโพธานํ อุปจฺเฉเทน ปฺจหิ อานิสํเสหิ วิคตตฺตา กถินุพฺภารา นาม โหนฺติ. วุตฺตฺเหตํ อาจริยพุทฺธทตฺตตฺเถเรน วินยวินิจฺฉเย –

‘‘อฏฺนฺนํ มาติกานํ วา, อนฺตรุพฺภารโตปิ วา;

อุพฺภาราปิ ทุเว วุตฺตา, กถินสฺส มเหสินา’’ติ.

ตฏฺฏีกายมฺปิ ‘‘อฏฺนฺนํ มาติกานนฺติ พหิสีมคตานํ วเสน วุตฺตา. ปกฺกมนนฺติกาทโย สตฺต มาติกา พหิสีมํ คนฺตฺวา อนฺตรุพฺภารํ สมฺปตฺตสฺส วเสน วุตฺตา, สหุพฺภาโร อิมาสํ อฏฺนฺนํ มาติกานํ วเสน จ. อนฺตรุพฺภารโตปิ วาติ พหิสีมํ อคนฺตฺวา ตตฺเถว วสิตฺวา กถินุพฺภารกมฺเมน อุพฺภตกถินานํ วเสน ลพฺภนโต อนฺตรุพฺภาโรติ มเหสินา กถินสฺส อุพฺภารา ทุเว วุตฺตาติ โยชนา. พหิสีมํ คนฺตฺวา อาคตสฺส วเสน สอุพฺภาโร, พหิสีมํ อคตานํ วเสน อนฺตรุพฺภาโรติ เอโกเยว อุพฺภาโร ทฺวิธา วุตฺโต’’ติ วุตฺตํ.

กสฺมา ปน อนฺตรุพฺภารวเสน กมฺมวาจาย กถินํ อุพฺภตนฺติ? มหาทานํ ทาตุกาเมหิ อุปาสเกหิ อาคตสฺส สงฺฆสฺส อกาลจีวรํ ทาตุกาเมหิ ยาจิตตฺตา. วุตฺตฺหิ ภิกฺขุนีวิภงฺคปาฬิยํ (ปาจิ. ๙๒๕) ‘‘เตน โข ปน สมเยน อฺตเรน อุปาสเกน สงฺฆํ อุทฺทิสฺส วิหาโร การาปิโต โหติ, โส ตสฺส วิหารสฺส มเห อุภโตสงฺฆสฺส อกาลจีวรํ ทาตุกาโม โหติ. เตน โข ปน สมเยน อุภโตสงฺฆสฺส กถินํ อตฺถตํ โหติ. อถ โข โส อุปาสโก สงฺฆํ อุปสงฺกมิตฺวา กถินุทฺธารํ ยาจี’’ติอาทิ. กถํ ปน กมฺมวาจา กาตพฺพาติ? ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ กถินํ อุทฺธเรยฺย, เอสา ตฺติ. สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, สงฺโฆ กถินํ อุทฺธรติ. ยสฺสายสฺมโต ขมติ กถินสฺส อุทฺธาโร, โส ตุณฺหสฺส. ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺย. อุพฺภตํ สงฺเฆน กถินํ, ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติ เอวํ กาตพฺพาติ. วุตฺตฺหิ ภิกฺขุนีวิภงฺเค ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, กถินํ อุทฺธริตุํ, เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, กถินํ อุทฺธริตพฺพํ. พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สงฺโฆ าเปตพฺโพ – สุณาตุ เม…เป… ธารยามี’’ติ.

เอเตน จ กถินุพฺภาเรน ปุพฺเพ กตํ กถินทุสฺสทานตฺติทุติยกมฺมวาจํ อุพฺภตนฺติ วทนฺติ, น ปน กถินทุสฺสทานตฺติทุติยกมฺมํ อุพฺภตํ, อถ โข อตฺถารกมฺมเมวาติ ทฏฺพฺพํ. ยทิ หิ กถินทุสฺสทานตฺติทุติยกมฺมํ อุพฺภตํ ภเวยฺย, ตาย กมฺมวาจาย กถินทุสฺสทานสฺส สิชฺฌนโต อิมาย กถินุพฺภารกมฺมวาจาย ตํ ปุพฺเพ ทินฺนทุสฺสํ ปุน อาหราเปตพฺพํ สิยา, น ปฺจานิสํสวิคมนํ. ยสฺมา ปน อิมาย กถินุพฺภารกมฺมวาจาย ปฺจานิสํสวิคมนเมว โหติ, น ปุพฺเพ ทินฺนกถินทุสฺสสฺส ปุน อาหราปนํ. เตน วิฺายติ ‘‘ปฺจานิสํสลาภการณํ อตฺถรณกมฺมเมว อิมาย กถินพฺภารกมฺมวาจาย อุทฺธรียติ, น กถินทุสฺสทานตฺติทุติยกมฺมวาจาติ, ตสฺมา กถินุพฺภารกมฺมวาจากรณโต ปจฺฉา สงฺฆสฺส อุปฺปนฺนํ จีวรํ อกาลจีวรํ โหติ, สงฺโฆ ปฺจานิสํเส น ลภติ, จีวรํ สพฺพสงฺฆิกํ หุตฺวา อาคตาคตสฺส สงฺฆสฺส ภาชนียํ โหตีติ ทฏฺพฺพํ. อยมตฺโถ กถินทุสฺสทานตฺติทุติยกมฺมวาจาย จ กถินุพฺภารกมฺมวาจาย จ อตฺถฺจ อธิปฺปายฺจ สุฏฺุ วินิจฺฉินิตฺวา ปุพฺพาปรํ สํสนฺทิตฺวา ปจฺเจตพฺโพติ.

เอตฺถ สิยา – กถินุพฺภารํ ยาจนฺตานํ สพฺเพสํ กถินุพฺภาโร ทาตพฺโพ, อุทาหุ เอกจฺจานนฺติ, กิฺเจตฺถ – ยทิ ตาว สพฺเพสํ ทาตพฺโพ, กถินุพฺภารกมฺเมน ปฺจานิสํสวิคมนโต สงฺฆสฺส ลาภนฺตราโย ภเวยฺย, อถ เอกจฺจานํ มุโขโลกนํ วิย สิยาติ? ยทิ กถินตฺถารมูลกลาภโต กถินุพฺภารมูลกลาโภ มหนฺโต ภเวยฺย, เตสํ ยาจนฺตานํ กถินุพฺภาโร ทาตพฺโพ. ยทิ อปฺปโก, น ทาตพฺโพ. ยทิ สโม, กุลปฺปสาทตฺถาย ทาตพฺโพติ. ตถา หิ วุตฺตํ อฏฺกถายํ (ปาจิ. อฏฺ. ๙๒๗) ‘‘กีทิโส กถินุทฺธาโร ทาตพฺโพ, กีทิโส น ทาตพฺโพติ? ยสฺส อตฺถารมูลโก อานิสํโส มหา, อุพฺภารมูลโก อปฺโป, เอวรูโป น ทาตพฺโพ. ยสฺส ปน อตฺถารมูลโก อานิสํโส อปฺโป, อุพฺภารมูลโก มหา, เอวรูโป ทาตพฺโพ. สมานิสํโสปิ สทฺธาปริปาลนตฺถํ ทาตพฺโพวา’’ติ. อิมินาปิ วิฺายติ ‘‘ปฺจานิสํสานํ การณภูตํ อตฺถารกมฺมเมว อุทฺธรียติ, น กถินทุสฺสทานภูตํ ตฺติทุติยกมฺม’’นฺติ.

อานิสํสกถายํ ปฺจาติ อิทานิ วุจฺจมานา อนามนฺตจาราทโย ปฺจ กิริยา. กปฺปิสฺสนฺตีติ กปฺปา ภวิสฺสนฺติ, อนาปตฺติการณา ภวิสฺสนฺตีติ อตฺโถ. อนามนฺตจาโรติ อนามนฺเตตฺวา จรณํ. โย หิ ทายเกหิ ภตฺเตน นิมนฺติโต หุตฺวา สภตฺโต สมาโน วิหาเร สนฺตํ ภิกฺขุํ อนามนฺเตตฺวา กุเลสุ จาริตฺตํ อาปชฺชติ, ตสฺส ภิกฺขุโน จาริตฺตสิกฺขาปเทน ปาจิตฺติยาปตฺติ โหติ, สา อาปตฺติ อตฺถตกถินสฺส น โหตีติ อตฺโถ. ตตฺถ จาริตฺตสิกฺขาปทํ นาม ‘‘โย ปน ภิกฺขุ นิมนฺติโต สภตฺโต สมาโน สนฺตํ ภิกฺขุํ อนาปุจฺฉา ปุเรภตฺตํ วา ปจฺฉาภตฺตํ วา กุเลสุ จาริตฺตํ อาปชฺเชยฺย อฺตฺร สมยา, ปาจิตฺติยํ. ตตฺถายํ สมโย จีวรทานสมโย จีวรการสมโย, อยํ ตตฺถ สมโย’’ติ อเจลกวคฺเค ปฺจมสิกฺขาปทํ (ปาจิ. ๒๙๙-๓๐๐). จีวรวิปฺปวาโสติ ติณฺณํ จีวรานํ อฺตเรน วา สพฺเพน วา วินา หตฺถปาเส อกตฺวา อรุณุฏฺาปนํ, เอวํ กโรโตปิ ทุติยกถินสิกฺขาปเทน อาปตฺติ น โหตีติ อธิปฺปาโย. ตตฺถ จ ทุติยกถินสิกฺขาปทํ นาม ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ ปน ภิกฺขุนา อุพฺภตสฺมึ กถิเน เอกรตฺตมฺปิ เจ ภิกฺขุ ติจีวเรน วิปฺปวเสยฺย อฺตฺร ภิกฺขุสมฺมุติยา, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติย’’นฺติ อาคตํ นิสฺสคฺคิเยสุ ทุติยสิกฺขาปทํ (ปารา. ๔๗๒).

คณโภชนนฺติ เอเตน คณโภชนสิกฺขาปเทน อนาปตฺติ วุตฺตาติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ คณโภชนํ นาม ‘‘อมฺหากํ ภตฺตํ เทถา’’ติ ภิกฺขูนํ วิฺตฺติยา วา ‘‘อมฺหากํ ภตฺตํ คณฺหถา’’ติ ทายกานํ นิมนฺตเนน วา อกปฺปิยโวหาเรน จตฺตาโร วา อติเรกา วา ภิกฺขู เอกโต ปฏิคฺคณฺหิตฺวา เอกโต ภุฺชนํ. คณโภชนสิกฺขาปทํ นาม ‘‘คณโภชเน อฺตฺร สมยา ปาจิตฺติยํ. ตตฺถายํ สมโย คิลานสมโย จีวรทานสมโย จีวรการสมโย อทฺธานคมนสมโย นาวาภิรุหนสมโย มหาสมโย สมณภตฺตสมโย, อยํ ตตฺถ สมโย’’ติ อาคตํ โภชนวคฺเค ทุติยสิกฺขาปทํ (ปาจิ. ๒๑๕). อนธิฏฺิตํ อวิกปฺปิตํ วฏฺฏตีติ ปมกถินสิกฺขาปเทน อาปตฺติ น โหตีติ อธิปฺปาโย. ตตฺถ ปมกถินสิกฺขาปทํ นาม ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ ปน ภิกฺขุนา อุพฺภตสฺมึ กถิเน ทสาหปรมํ อติเรกจีวรํ ธาเรตพฺพํ, ตํ อติกฺกามยโต นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติย’’นฺติ อาคตํ นิสฺสคฺคิเยสุ ปมสิกฺขาปทํ (ปารา. ๔๗๒). กถินตฺถตสีมายาติ อุปจารสีมํ สนฺธาย วุตฺตํ. มตกจีวรนฺติ มตสฺส จีวรํ. ตตฺรุปฺปาเทนาติ สงฺฆสนฺตเกน อารามุยฺยานเขตฺตวตฺถุอาทินา. ยํ สงฺฆิกํ จีวรํ อุปฺปชฺชติ, ตํ เตสํ ภวิสฺสตีติ อิมินา จีวรเมว กถินตฺถารกานํ ภิกฺขูนํ สนฺตกํ โหติ, ตโต อฺํ ปิณฺฑปาตเภสชฺชาทิกํ อาคตาคตสฺส สงฺฆสฺส สนฺตกํ โหตีติ ทสฺเสติ.

เอวํ อฏฺงฺคสมฺปนฺโน, ลชฺชี ภิกฺขุ สุเปสโล;

กเรยฺย กถินตฺถารํ, อุพฺภารฺจาปิ สาธุกนฺติ.

อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร

กถินตฺถารวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม

เอกูนตึสติโม ปริจฺเฉโท.