📜

๓. เภสชฺชาทิกรณวินิจฺฉยกถา

๑๕. เอวํ ปริกฺขารวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ เภสชฺชกรณปริตฺตปฏิสนฺถารานํ วินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘เภสชฺชา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ภิสกฺกสฺส อิทํ กมฺมํ เภสชฺชํ. กึ ตํ? ติกิจฺฉนํ . กริยเต กรณํ, เภสชฺชสฺส กรณํ เภสชฺชกรณํ, เวชฺชกมฺมกรณนฺติ วุตฺตํ โหติ. ปริสมนฺตโต ตายติ รกฺขตีติ ปริตฺตํ, อารกฺขาติ อตฺโถ. ปฏิสนฺถรณํ ปฏิสนฺถาโร, อตฺตนา สทฺธึ อฺเสํ สมฺพนฺธกรณนฺติ อตฺโถ. ตตฺถ โย วินิจฺฉโย มาติกายํ ‘‘เภสชฺชกรณมฺปิ จ ปริตฺตํ, ปฏิสนฺถาโร’’ติ (วิ. สงฺค. อฏฺ. คนฺถารมฺภกถา) มยา วุตฺโต , ตสฺมึ สมภินิวิฏฺเ เภสชฺชกรณวินิจฺฉเย. สหธมฺโม เอเตสนฺติ สหธมฺมิกา, เตสํ, เอกสฺส สตฺถุโน สาสเน สหสิกฺขมานธมฺมานนฺติ อตฺโถ. อถ วา สหธมฺเม นิยุตฺตา สหธมฺมิกา, เตสํ, สหธมฺมสงฺขาเต สิกฺขาปเท สิกฺขมานภาเวน นิยุตฺตานนฺติ อตฺโถ. วิวฏฺฏนิสฺสิตสีลาทิยุตฺตภาเวน สมตฺตา สมสีลสทฺธาปฺานํ. เอเตน ทุสฺสีลานํ ภินฺนลทฺธิกานฺจ อกาตุมฺปิ ลพฺภตีติ ทสฺเสติ.

าตกปวาริตฏฺานโต วาติ อตฺตโน วา เตสํ วา าตกปวาริตฏฺานโต. น กริยิตฺถาติ อกตา, อยุตฺตวเสน อกตปุพฺพา วิฺตฺติ อกตวิฺตฺติ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๑๘๖) ปน ‘‘อกตวิฺตฺติยาติ น วิฺตฺติยา. สา หิ อนนุฺาตตฺตา กตาปิ อกตา วิยาติ อกตวิฺตฺติ, ‘วเทยฺยาถ ภนฺเต เยนตฺโถ’ติ เอวํ อกตฏฺาเน วิฺตฺติ อกตวิฺตฺตีติ ลิขิต’’นฺติ วุตฺตํ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๑๘๕) ‘‘คิลานสฺส อตฺถาย อปฺปวาริตฏฺานโต วิฺตฺติยา อนุฺาตตฺตา กตาปิ อกตา วิยาติ อกตวิฺตฺติ, ‘วท ภนฺเต ปจฺจเยนา’ติ เอวํ อกตปวารณฏฺาเน จ วิฺตฺติ อกตวิฺตฺตี’’ติ.

๑๖. ปฏิยาทิยตีติ สมฺปาเทติ. อกาตุํ น วฏฺฏตีติ เอตฺถ ทุกฺกฏนฺติ วทนฺติ, อยุตฺตตาวเสน ปเนตฺถ อกรณปฺปฏิกฺเขโป วุตฺโต, น อาปตฺติวเสนาติ คเหตพฺพํ. สพฺพํปริกมฺมํ อนามสนฺเตนาติ มาตุคามสรีราทีนํ อนามาสตฺตา วุตฺตํ. ยาว าตกา น ปสฺสนฺตีติ ยาว ตสฺส าตกา น ปสฺสนฺติ. ‘‘ติตฺถิยภูตานํ มาตาปิตูนํ สหตฺถา ทาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๑๘๖) วุตฺตํ.

๑๗. ปิตุ ภคินี ปิตุจฺฉา. มาตุ ภาตา มาตุโล. นปฺปโหนฺตีติ กาตุํ น สกฺโกนฺตีติ ฏีกาสุ วุตฺตํ. ‘‘เตสํเยว สนฺตกํ เภสชฺชํ คเหตฺวา เกวลํ โยเชตฺวา ทาตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ‘‘สเจ ปน นปฺปโหนฺติ ยาจนฺติ จ, เทถ โน ภนฺเต, ตุมฺหากํ ปฏิทสฺสามา’’ติ วุตฺตตฺตา ปน เตสํ เภสชฺชสฺส อปฺปโหนกตฺตา เภสชฺชเมว ยาจนฺตีติ อฏฺกถาธิปฺปาโย ทิสฺสติ, วีมํสิตพฺโพ. น ยาจนฺตีติ ลชฺชาย น ยาจนฺติ, คารเวน วา. ‘‘อาโภคํ กตฺวา’’ติ วุตฺตตฺตา อฺถา เทนฺตสฺส อาปตฺติเยว. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๑๘) ปน ‘‘อาโภคํ กตฺวาติ อิทํ กตฺตพฺพกรณทสฺสนวเสน วุตฺตํ, อาโภคํ ปน อกตฺวาปิ ทาตุํ วฏฺฏตีติ ตีสุ คณฺิปเทสุ ลิขิต’’นฺติ วุตฺตํ. โปราณฏีกายมฺปิ ตเทว คเหตฺวา ลิขิตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๑๘๕) ปน ตํ วจนํ ปฏิกฺขิตฺตํ. วุตฺตฺหิ ตตฺถ เกจิ ปน ‘‘อาโภคํ อกตฺวาปิ ทาตุํ วฏฺฏตีติ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ เภสชฺชกรณสฺส, ปาฬิยํ ‘อนาปตฺติ ภิกฺขุ ปาราชิกสฺส, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’ติ เอวํ อนฺตราปตฺติทสฺสนวเสน สามฺโต ปฏิกฺขิตฺตตฺตา, อฏฺกถายํ อวุตฺตปฺปกาเรน กโรนฺตสฺส สุตฺเตเนว อาปตฺติสิทฺธาติ ทฏฺพฺพา. เตเนว อฏฺกถายมฺปิ ‘เตสฺเว สนฺตก’นฺติอาทิ วุตฺต’’นฺติ.

เอเต ทส าตเก เปตฺวาติ เตสํ ปุตฺตนตฺตาทโยปิ ตปฺปฏิพทฺธตฺตา าตกา เอวาติ เตปิ เอตฺเถว สงฺคหิตา. เตน อฺเสนฺติ อิมินา อฺาตกานํ คหณํ เวทิตพฺพํ . เตเนวาห ‘‘เอเตสํ ปุตฺตปรมฺปรายา’’ติอาทิ. กุลปริวฏฺฏาติ กุลานํ ปฏิปาฏิ, กุลปรมฺปราติ วุตฺตํ โหติ. เภสชฺชํ กโรนฺตสฺสาติ ยถาวุตฺตวิธินา กโรนฺตสฺส, ‘‘ตาวกาลิกํ ทสฺสามี’’ติ อาโภคํ อกตฺวา เทนฺตสฺสปิ ปน อนฺตราปตฺติทุกฺกฏํ วินา มิจฺฉาชีวนํ วา กุลทูสนํ วา น โหติเยว. เตนาห ‘‘เวชฺชกมฺมํ วา กุลทูสกาปตฺติ วา น โหตี’’ติ. าตกานฺหิ สนฺตกํ ยาจิตฺวาปิ คเหตุํ วฏฺฏติ, ตสฺมา ตตฺถ กุลทูสนาทิ น สิยา. สารตฺถทีปนิยมฺปิ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๑๘๕) ‘‘มยฺหํ ทสฺสนฺติ กริสฺสนฺตีติ ปจฺจาสาย กโรนฺตสฺสปิ ยาจิตฺวา คเหตพฺพฏฺานตาย าตเกสุ เวชฺชกมฺมํ วา กุลทูสกาปตฺติ วา น โหตีติ วทนฺตี’’ติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๑๘๖) ปน ‘‘เวชฺชกมฺมํ วา กุลทูสกาปตฺติ วา น โหตีติ วจนโต ยาว สตฺตโม กุลปริวฏฺโฏ, ตาว เภสชฺชํ กาตุํ วฏฺฏตีติ วทนฺตี’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ. สพฺพปเทสุ วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพติ ‘‘จูฬมาตุยา’’ติอาทีสุ สพฺพปเทสุ จูฬมาตุยา สามิโกติอาทินา โยเชตฺวา เหฏฺา วุตฺตนเยเนว วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ.

อุปชฺฌายสฺส อาหรามาติ อิทํ อุปชฺฌาเยน มม าตกานํ เภสชฺชํ อาหรถาติ อาณตฺเตหิ กตฺตพฺพวิธิทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. อิมินา จ สามเณราทีนํ อปจฺจาสายปิ ปรชนสฺส เภสชฺชกรณํ น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. วุตฺตนเยเนว ปริเยสิตฺวาติ อิมินา ‘‘ภิกฺขาจารวตฺเตน วา’’ติอาทินา, ‘‘าติสามเณเรหิ วา’’ติอาทินา จ วุตฺตมตฺถํ อติทิสติ. อปจฺจาสีสนฺเตนาติ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๑๘๕) อาคนฺตุกโจราทีนํ กโรนฺเตนปิ มนุสฺสา นาม อุปการกา โหนฺตีติ อตฺตโน เตหิ ลาภํ อปตฺถยนฺเตน, ปจฺจาสาย กโรนฺตสฺส ปน เวชฺชกมฺมกุลทูสนาทินา โทโส โหตีติ อธิปฺปาโย. เอวฺหิ อุปกาเร กเต สาสนสฺส คุณํ ตฺวา ปสีทนฺติ, สงฺฆสฺส วา อุปการกา โหนฺตีติ กรเณ ปน โทโส นตฺถิ. เกจิ ปน ‘‘อปจฺจาสีสนฺเตน อาคนฺตุกาทีนํ ปฏิกฺขิตฺตปุคฺคลานมฺปิ ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ กตฺตพฺพากตฺตพฺพฏฺานวิภาคสฺส นิรตฺถกตฺตปฺปสงฺคโต อปจฺจาสีสนฺเตน ‘‘สพฺเพสมฺปิ ทาตุํ กาตุฺจ วฏฺฏตี’’ติ เอตฺตกมตฺตสฺเสว วตฺตพฺพโต. อปจฺจาสีสนฺจ มิจฺฉาชีวกุลทูสนาทิโทสนิเสธนตฺถเมว วุตฺตํ น เภสชฺชกรณสงฺขาตาย อิมิสฺสา อนฺตราปตฺติยา มุจฺจนตฺถํ อาคนฺตุกโจราทีนํ อนุฺาตานํ ทาเนเนว ตาย อาปตฺติยา มุจฺจนโตติ คเหตพฺพํ.

๑๘. เตเนว อปจฺจาสีสนฺเตนปิ อกาตพฺพฏฺานํ ทสฺเสตุํ ‘‘สทฺธํ กุล’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘เภสชฺชํ อาจิกฺขถา’’ติ วุตฺเตปิ ‘‘อฺมฺํ ปน กถา กาตพฺพา’’ติ อิทํ ปริยายตฺตา วฏฺฏติ. เอวํ เหฏฺา วุตฺตนเยน อิทฺจิทฺจ คเหตฺวา กโรนฺตีติ อิมินา ปริยาเยน กเถนฺตสฺสปิ เนวตฺถิ โทโสติ อาจริยา. ปุจฺฉนฺตีติ อิมินา ทิฏฺทิฏฺโรคีนํ ปริยาเยนปิ วตฺวา วิจรณํ อยุตฺตนฺติ ทสฺเสติ. ปุจฺฉิตสฺสปิ ปน ปจฺจาสีสนฺตสฺส ปริยายกถาปิ น วฏฺฏตีติ วทนฺติ. สมุลฺลเปสีติ อปจฺจาสีสนฺโต เอว อฺมฺํ กถํ สมุฏฺาเปสิ. อาจริยภาโคติ วินยาจารํ อโกเปตฺวา เภสชฺชาจิกฺขเณน เวชฺชาจริยภาโค อยนฺติ อตฺโถติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๑๘๕) วุตฺตํ.

สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๑๘๕) ปน ‘‘วินยลกฺขณํ อชานนฺตสฺส อนาจริยสฺส ตทนุรูปโวหาราสมฺภวโต อีทิสสฺส ลาภสฺส อุปฺปตฺติ นาม นตฺถีติ ‘อาจริยภาโค นาม อย’นฺติ วุตฺตํ. วินเย ปกตฺุนา อาจริเยน ลภิตพฺพภาโค อยนฺติ วุตฺตํ โหตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ปุปฺผปูชนตฺถาย ทินฺเนปิ อกปฺปิยโวหาเรน วิธานสฺส อยุตฺตตฺตา ‘กปฺปิยวเสนา’ติ วุตฺตํ, ‘ปุปฺผํ อาหรถา’ติอาทินา กปฺปิยโวหารวเสนาติ อตฺโถ’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๑๘๕) วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๑๘๕) ปน ‘‘ปุปฺผปูชนตฺถายปิ สมฺปฏิจฺฉิยมานํ รูปิยํ อตฺตโน สนฺตกตฺตภชเนน นิสฺสคฺคิยเมวาติ อาห ‘กปฺปิยวเสน คาหาเปตฺวา’ติ. ‘อมฺหากํ รูปิยํ น วฏฺฏติ, ปุปฺผปูชนตฺถํ ปุปฺผํ วฏฺฏตี’ติอาทินา ปฏิกฺขิปิตฺวา กปฺปิเยน กมฺเมน คาหาเปตฺวาติ อตฺโถ’’ติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๑๘๖) ปน ‘‘กปฺปิยวเสนาติ อมฺหากํ ปุปฺผํ อาเนถาติอาทินา. ‘ปูชํ อกาสี’ติ วุตฺตตฺตา สยํ คเหตุํ น วฏฺฏตีติ วทนฺตี’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ. อยเมตฺถ เภสชฺชกรณวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร.

๑๙. เอวํ เภสชฺชกรณวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ ปริตฺตกรณวินิจฺฉยํ กเถตุมาห ‘‘ปริตฺเต ปนา’’ติอาทิ. ตตฺถ ยทิ ‘‘ปริตฺตํ กโรถา’’ติ วุตฺเต กโรนฺติ, เภสชฺชกรณํ วิย คิหิกมฺมํ วิย จ โหตีติ ‘‘น กาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘ปริตฺตํ ภณถา’’ติ วุตฺเต ปน ธมฺมชฺเฌสนตฺตา อนชฺฌิฏฺเนปิ ภณิตพฺโพ ธมฺโม, ปเคว อชฺฌิฏฺเนาติ ‘‘กาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, จาเลตฺวา สุตฺตํ ปริมชฺชิตฺวาติ ปริตฺตํ กโรนฺเตน กาตพฺพวิธึ ทสฺเสติ. จาเลตฺวา สุตฺตํ ปริมชฺชิตฺวาติ อิทํ วา ‘‘ปริตฺตาณํ เอตฺถ ปเวเสมี’’ติ จิตฺเตน เอวํ กเต ปริตฺตาณา เอตฺถ ปเวสิตา นาม โหตีติ วุตฺตํ. วิหารโต…เป… ทุกฺกฏนฺติ อิทํ อฺาตเก คหฏฺเ สนฺธาย วุตฺตนฺติ วทนฺติ. ปาเทสุ อุทกํ อากิริตฺวาติ อิทํ ตสฺมึ เทเส จาริตฺตวเสน วุตฺตํ. ตตฺถ หิ ปาฬิยา นิสินฺนานํ ภิกฺขูนํ ปาเทสุ โรควูปสมนาทิอตฺถาย อุทกํ สิฺจิตฺวา ปริตฺตํ กาตุํ สุตฺตฺจ เปตฺวา ‘‘ปริตฺตํ ภณถา’’ติ วตฺวา คจฺฉนฺติ. เอวฺหิ กริยมาเน ยทิ ปาเท อปเนนฺติ, มนุสฺสา ตํ ‘‘อวมงฺคล’’นฺติ มฺนฺติ ‘‘โรโค น วูปสเมสฺสตี’’ติ. เตนาห ‘‘น ปาทา อปเนตพฺพา’’ติ.

มตสรีรทสฺสเน วิย เกวเล สุสานทสฺสเนปิ อิทํ ชาตานํ สตฺตานํ วยคมนฏฺานนฺติ มรณสฺา อุปฺปชฺชตีติ อาห ‘‘สีวถิกทสฺสเน…เป… มรณสฺสตึ ปฏิลภิสฺสามาติ คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ. เลสกปฺปํ อกตฺวา สมุปฺปนฺนสุทฺธจิตฺเตน ‘‘ปริวารตฺถาย อาคจฺฉนฺตู’’ติ วุตฺเตปิ คนฺตุํ วฏฺฏตีติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๑๘๕) วุตฺตํ. เอเตน อสุภทสฺสนนฺติ วจนมตฺเตน เลสกปฺปํ กตฺวา เอวํ คเต มตสฺส าตกา ปสีทิสฺสนฺติ, ทานํ ทสฺสนฺติ, มยํ ลาภํ ลภิสฺสาม, อุปฏฺากํ ลภิสฺสามาติ อสุทฺธจิตฺเตน คนฺตุํ น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. กมฺมฏฺานสีเสน ปน ‘‘มรณสฺสตึ ลภิสฺสามา’’ติอาทินา สุทฺธจิตฺเตน ปกฺโกสิเตปิ อปกฺโกสิเตปิ คนฺตุํ วฏฺฏตีติ ทีเปติ. ตาลปณฺณสฺส ปริตฺตเลขนฏฺานตฺตา ปริตฺตสุตฺตสฺส ปริตฺตกรณสฺาณตฺตา ตานิ ทิสฺวา อมนุสฺสา ปริตฺตสฺาย อปกฺกมนฺตีติ อาห ‘‘ตาลปณฺณํ ปน ปริตฺตสุตฺตํ วา หตฺเถ วา ปาเท วา พนฺธิตพฺพ’’นฺติ.

เอตฺถ จ อาทิโต ปฏฺาย ยาว ‘‘อาฏานาฏิยปริตฺตํ (ที. นิ. ๓.๒๗๕ อาทโย) วา ภณิตพฺพ’’นฺติ เอตฺตโกเยว วินยฏฺกถาภโต ปาฬิมุตฺตปริตฺตกรณวินิจฺฉโย, น ปน ตโต ปรํ วุตฺโต, ตสฺมา ‘‘อิธ ปนา’’ติอาทิโก กถามคฺโค สมนฺตปาสาทิกายํ นตฺถิ, ตีสุ ฏีกาสุปิ ตํสํวณฺณนานโย นตฺถิ, ตถาปิ โส สุตฺตฏฺกถายํ อาคโตวาติ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิธ ปน อาฏานาฏิยสุตฺตสฺส ปริกมฺมํ เวทิตพฺพ’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อิธาติ ‘‘อาฏานาฏิยปริตฺตํ วา ภณิตพฺพ’’นฺติ วจเน. ปนาติ วิเสสตฺเถ นิปาโต. ทีฆนิกาเย ปาถิกวคฺเค อาคตสฺส อาฏานาฏิยปริตฺตสฺส ปริกมฺมํ เอวํ เวทิตพฺพนฺติ โยชนา. ยทิ ปมเมว น วตฺตพฺพํ, อถ กึ กาตพฺพนฺติ อาห ‘‘เมตฺตสุตฺต’’นฺติอาทิ. เอวฺหิ ลทฺธาเสวนํ หุตฺวา อติโอชวนฺตํ โหติ.

ปิฏฺํ วา มํสํ วาติ วา-สทฺโท อนิยมตฺโถ, เตน มจฺฉขณฺฑปูวขชฺชกาทโย สงฺคณฺหาติ. โอตารํ ลภนฺตีติ อตฺตนา ปิยายิตขาทนียนิพทฺธวสนฏฺานลาภตาย อวตารณํ ลภนฺติ. หริตูปลิตฺตนฺติ อลฺลโคมยลิตฺตํ. อิทฺหิ โปราณกจาริตฺตํ ภูมิวิสุทฺธกรณํ. ปริสุทฺธํ…เป… นิสีทิตพฺพนฺติ อิมินา ปริตฺตการกสฺส ภิกฺขุโน เมตฺตากรุณาวเสน จิตฺตวิสุทฺธิปิ อิจฺฉิตพฺพาติ ทสฺเสติ. เอวฺหิ สติ อุปริ วกฺขมานอุภยโต รกฺขาสํวิธาเนน สเมติ. ฏีกายํ (ที. นิ. ฏี. ๓.๒๘๒) ปน ‘‘สรีรสุทฺธิปิ อิจฺฉิตพฺพาติ ทสฺเสตี’’ติ วุตฺตํ. ตเทตํ วิจาเรตพฺพํ. น หิ ‘‘กายสุทฺธิมตฺเตน อมนุสฺสานํ ปิโย โหตี’’ติ วุตฺตํ, เมตฺตาวเสเนว ปน วุตฺตํ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘เมตฺตาย, ภิกฺขเว, เจโตวิมุตฺติยา…เป… เอกาทสานิสํสา ปาฏิกงฺขา. กตเม เอกาทส? สุขํ สุปติ, สุขํ ปฏิพุชฺฌติ, น ปาปกํ สุปินํ ปสฺสติ, มนุสฺสานํ ปิโย โหติ, อมนุสฺสานํ ปิโย โหตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๑๑.๑๕; ปริ. ๓๓๑; มิ. ป. ๔.๔.๖).

ปริตฺตการโก…เป… สมฺปริวาริเตนาติ อิทํ ปริตฺตกรโณ พาหิรโต อารกฺขาสํวิธานํ, ‘‘เมตฺต…เป… วตฺตพฺพ’’นฺติ อพฺภนฺตรโต อารกฺขาสํวิธานํ, เอวํ อุภยโต รกฺขาสํวิธานํ โหติ. เอวฺหิ อมนุสฺสา ปริตฺตการกสฺส อนฺตรายํ กาตุํ น วิสหนฺติ. มงฺคลกถา วตฺตพฺพาติ อมนุสฺสานํ โตสนตฺถาย ปณฺณาการํ กตฺวา มหามงฺคลกถา กเถตพฺพา. เอวํ อุปริ วกฺขมาเนน ‘‘ตุยฺหํ ปณฺณาการตฺถาย มหามงฺคลกถา วุตฺตา’’ติ วจเนน สเมติ. ฏีกายํ ปน ‘‘ปุพฺพุปจารวเสน วตฺตพฺพา’’ติ วุตฺตํ. สพฺพสนฺนิปาโตติ ตสฺมึ วิหาเร ตสฺมึ คามกฺเขตฺเต สพฺเพสํ ภิกฺขูนํ สนฺนิปาโต โฆเสตพฺโพ ‘‘เจติยงฺคเณ สพฺเพหิ สนฺนิปติตพฺพ’’นฺติ. อนาคนฺตุํนามน ลภตีติ อมนุสฺโส พุทฺธาณาภเยน ราชาณาภเยน อนาคนฺตุํ น ลภติ จตุนฺนํ มหาราชูนํ อาณาฏฺานิยตฺตา. คหิตกาปเทเสน อมนุสฺโสว ปุจฺฉิโต โหตีติ ‘‘อมนุสฺสคหิตโก ‘ตฺวํ โก นาโม’ติ ปุจฺฉิตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. มาลาคนฺธาทีสูติ มาลาคนฺธาทิปูชาสุ. อาสนปูชายาติ เจติเย พุทฺธาสนปูชาย. ปิณฺฑปาเตติ ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปิณฺฑปาตทาเน. เอวํ วตฺถุปฺปเทเสน เจตนา วุตฺตา, ตสฺมา ปตฺติทานํ สมฺภวติ.

เทวตานนฺติ ยกฺขเสนาปตีนํ. วุตฺตฺหิ อาฏานาฏิยสุตฺเต (ที. นิ. ๓.๒๘๓, ๒๙๓) ‘‘อิเมสํ ยกฺขานํ มหายกฺขานํ เสนาปตีนํ มหาเสนาปตีนํ อุชฺฌาเปตพฺพ’’นฺติอาทิ. อาฏาติ ทพฺพิมุขสกุณา. เต อาฏา นทนฺติ เอตฺถาติ อาฏานาทํ, เทวนครํ, อาฏานาเท กตํ อาฏานาทิยํ, สุตฺตํ. ฏีกายํ (ที. นิ. ฏี. ๓.๒๘๒) ‘‘ปริตฺตํ ภณิตพฺพนฺติ เอตฺถาปิ ‘เมตฺตจิตฺตํ ปุเรจาริกํ กตฺวา’ติ จ ‘มงฺคลกถา วตฺตพฺพา’ติ จ ‘วิหารสฺส อุปวเน’ติ จ เอวมาทิ สพฺพํ คิหีนํ ปริตฺตกรเณ วุตฺตํ ปริกมฺมํ กาตพฺพเมวา’’ติ วุตฺตํ, เอวํ สติ อฏฺกถายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๒๘๒) ‘‘เอตํ ตาว คิหีนํ ปริกมฺม’’นฺติ วตฺวา ‘‘สเจ ปน ภิกฺขู’’ติอาทินา วิเสสตฺถโชตเกน ปน-สทฺเทน สห วุจฺจมานํ ‘‘อิทํ ภิกฺขูนํ ปริกมฺม’’นฺติ วจนํ นิรตฺถกํ วิย โหติ. อวิเสเส หิ สติ เภโท กาตพฺโพ น สิยา. ภิกฺขูนฺจ ยถาวุตฺตาว พาหิรารกฺขา ทุกฺกรา โหติ, ตสฺมา คิหีนํ ปริตฺตกรเณ วุตฺตปริกมฺเม อสมฺปชฺชมาเนปิ อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว กาตุํ วฏฺฏตีติ โน มติ.

อิทํ ปน อิธ อาคตํ อาฏานาฏิยสุตฺตปริกมฺมํ สุตฺวา ‘‘อิทํ สุตฺตํ อมนุสฺสานํ อมนาปํ, สชฺฌายนฺตสฺส ปริตฺตํ กโรนฺตสฺส อมนุสฺสา อนฺตรายํ กเรยฺยุ’’นฺติ มฺมานา โปราณา จตูหิ มหาราเชหิ อาโรจิตํ สพฺพฺุพุทฺเธน เทสิตํ มูลภูตํ ทีฆนิกาเย อาคตํ อาฏานาฏิยสุตฺตํ (ที. นิ. ๓.๒๗๕ อาทโย) ปหาย มูลสุตฺตโต คาถาฉกฺกเมว คเหตฺวา อวเสสํ สพฺพํ สุตฺตํ เปตฺวา อฺคาถาโย ปกฺขิปิตฺวา ‘‘อาฏานาฏิยปริตฺต’’นฺติ เปสุํ, ตมฺปิ ปริตฺตํ อมูลภูตตฺตา เอเกนากาเรน ธาเรตุํ อสกฺโกนฺตา เกจิ สํขิตฺเตน ธาเรนฺติ, เกจิ วิตฺถาเรน, เกจิ เอกจฺจา คาถาโย ปกฺขิปนฺติ, เกจิ นิกฺขิปนฺติ, เกจิ ภิกฺขู ตํมิสฺสกปริตฺตมฺปิ มงฺคลกรณกาลาทีสุ วตฺตุมวิสหนฺตา ตํ เปตฺวา อฺสุตฺตานิเยว ภณนฺติ, สพฺพเมตํ อยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ. กสฺมา? จตฺตาโรปิ มหาราชาโน อิมํ อาฏานาฏิยํ รกฺขํ สํวิทหมานา พุทฺธสาสเน อมนุสฺสานํ ปสาทาย, จตสฺสนฺนํ ปริสานํ อวิเหนาย เอว สํวิทหึสุ , น อฺเน การเณน. วุตฺตฺหิ ตตฺถ ‘‘ตตฺถ สนฺติ อุฬารา ยกฺขานิวาสิโน, เย อิมสฺมึ ภควโต ปาวจเน อปฺปสนฺนา, เตสํ ปสาทาย อุคฺคณฺหาตุ ภนฺเต ภควา อาฏานาฏิยํ รกฺขํ ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนํ อุปาสกานํ อุปาสิกานํ คุตฺติยา รกฺขาย อวิหึสาย ผาสุวิหารายา’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๗๖).

สมฺมาสมฺพุทฺเธนปิ อิมสฺส สุตฺตสฺส นิคมเน ‘‘อุคฺคณฺหาถ ภิกฺขเว อาฏานาฏิยํ รกฺขํ, ปริยาปุณาถ ภิกฺขเว อาฏานาฏิยํ รกฺขํ, ธาเรถ ภิกฺขเว อาฏานาฏิยํ รกฺขํ, อตฺถสํหิตา ภิกฺขเว อาฏานาฏิยา รกฺขา ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนํ อุปาสกานํ อุปาสิกานํ คุตฺติยา รกฺขาย อวิหึสาย ผาสุวิหารายา’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๙๕) ภิกฺขูนํ ธารณํ อุยฺโยชิตํ อานิสํสฺจ ปกาสิตํ. อฏฺกถาจริเยหิ จ ‘‘พุทฺธภาสิเต เอกกฺขรมฺปิ เอกปทมฺปิ อปเนตพฺพํ นาม นตฺถี’’ติ วุตฺตํ , ตสฺมา จตูหิ มหาราเชหิ สํวิทหิตํ สมฺมาสมฺพุทฺเธน อาหจฺจภาสิตํ ติสฺโส สงฺคีติโย อารุฬฺหํ ปกติอาฏานาฏิยสุตฺตเมว ธาเรตุํ สชฺฌายิตุฺจ ยุตฺตํ, น ภควตา อภาสิตํ ติสฺโส สงฺคีติโย อนารุฬฺหํ มิสฺสกสุตฺตนฺติ. ทีฆนิกายฏฺกถายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๒๘๒) อาคตํ อิทํ อาฏานาฏิยปริตฺตปริกมฺมํ ปน ปกติสชฺฌายนวาจนาทึ สนฺธาย อฏฺกถาจริเยหิ น วุตฺตํ, อถ โข คหฏฺํ วา ปพฺพชิตํ วา อมนุสฺเสหิ คหิตกาเล โมจาปนตฺถาย โลกิเยหิ มนฺตํ วิย ภณนํ สนฺธาย วุตฺตํ. วุตฺตฺหิ ตตฺถ ‘‘อมนุสฺสคหิตโก ตฺวํ โก นาโมสีติ ปุจฺฉิตพฺโพ’’ติอาทิ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๒๘๒).

อาฏานาฏิยา รกฺขา จ นาม น สกลสุตฺตํ, อถ โข ‘‘วิปสฺสิสฺส จ นมตฺถู’’ติ ปทํ อาทึ กตฺวา จตุนฺนํ มหาราชูนํ วเสน จตุกฺขตฺตุํ อาคตํ ‘‘ชินํ วนฺทาม โคตม’’นฺติ ปทํ ปริโยสานํ กตฺวา วุตฺตสุตฺเตกเทโสเยว. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘อถ โข เวสฺสวโณ มหาราชา ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวา อิมํ อาฏานาฏิยํ รกฺขํ อภาสี’’ติ อารภิตฺวา ยถาวุตฺตสุตฺเตกเทสสฺส อวสาเน ‘‘อยํ โข มาริสา อาฏานาฏิยา รกฺขา’’ติ นิยฺยาติตตฺตา. ตสฺมา ยถา นาม พฺยคฺฆาทโย อตฺตโน ภกฺขํ วิลุมฺปนฺตานํ พลวทุฏฺจิตฺตา ภวนฺติ, เอวํ อตฺตนา คหิตมนุสฺสํ โมจาเปนฺตานํ อมนุสฺสา ปทุฏฺจิตฺตา โหนฺติ. อิติ ตถา โมจาเปตุํ อารทฺธกาเล ภิกฺขูนํ ปริสฺสยวิโนทนตฺถํ อิมํ อาฏานาฏิยปริตฺตปริกมฺมํ อฏฺกถาจริเยหิ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อยํ ปริตฺตกรณวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร.

๒๐. อนามฏฺปิณฺฑปาโตติ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๑๘๕) เอตฺถ อมสิยิตฺถาติ อามฏฺโ, น อามฏฺโ อนามฏฺโ. ปิณฺฑํ ปิณฺฑํ หุตฺวา ปตตีติ ปิณฺฑปาโต. อนามฏฺโ จ โส ปิณฺฑปาโต จาติ ตถา, อคฺคหิตอคฺโค, อปริภุตฺโต ปิณฺฑปาโตติ อตฺโถ. สเจปิ กหาปณคฺฆนโก โหตีติ อิมินา ทายเกหิ พหุพฺยฺชเนน สมฺปาเทตฺวา สกฺกจฺจํ ทินฺนภาวํ ทีเปติ. เตน วุตฺตํ ‘‘สทฺธาเทยฺยวินิปาตนํ นตฺถี’’ติ, เอวํ สกฺกจฺจํ สทฺธาย ทินฺนํ มหคฺฆโภชนมฺปิ มาตาปิตูนํ ทตฺวา สทฺธาเทยฺยวินิปาตนํ นาม น โหติ, ปเคว อปฺปคฺฆโภชเนติ อธิปฺปาโย. มาตาทิปฺจกํเยว วตฺวา เภสชฺชกรเณ วิย อปเรสมฺปิ ทสนฺนํ ทาตุํ วฏฺฏตีติ อวุตฺตตฺตา อฺเสํ าตกานมฺปิ เปเสตฺวา ทาตุํ น วฏฺฏตีติ สิทฺธํ, ‘‘วิหารํ สมฺปตฺตสฺส ปน ยสฺส กสฺสจิ อาคนฺตุกสฺส วา’’อิจฺจาทิวกฺขมานตฺตา วิหารํ สมฺปตฺตานํ าตกานมฺปิ อาคนฺตุกสามฺเน ทาตุํ วฏฺฏตีติ จ. ถาลเกติ สงฺฆิเก กํสาทิมเย ถาลเก. ปตฺโตปิ เอตฺถ สงฺคยฺหติ. น วฏฺฏตีติ อิมินา ทุกฺกฏนฺติ ทสฺเสติ. ทามริกโจรสฺสาติ รชฺชํ ปตฺเถนฺตสฺส ปากฏโจรสฺส. อทียมาเนปิ ‘‘น เทนฺตี’’ติ กุชฺฌนฺตีติ สมฺพนฺโธ.

อามิสสฺส ธมฺมสฺส จ อลาเภน อตฺตโน ปรสฺส จ อนฺตเร สมฺภวนฺตสฺส ฉิทฺทสฺส วิวรสฺส ปฏิสนฺถรณํ ปิทหนํ ปฏิสนฺถาโร. โส ปน ธมฺมามิสวเสน ทุวิโธ. ตตฺถ อามิสปฏิสนฺถารํ สนฺธาย ‘‘กสฺส กาตพฺโพ, กสฺส น กาตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. อาคนฺตุกสฺส วา…เป… กาตพฺโพเยวาติ วุตฺตมตฺถํ ปากฏํ กาตุํ ‘‘อาคนฺตุกํ ตาวา’’ติอาทิมาห. ขีณปริพฺพยนฺติ อิมินา อคติภาวํ กรุณาฏฺานตฺจ ทสฺเสติ. เตน จ ตพฺพิธุรานํ สมิทฺธานํ อาคนฺตุกตฺเตปิ ทาตุํ น วฏฺฏตีติ สิทฺธํ โหติ. ‘‘อปจฺจาสีสนฺเตนา’’ติ วตฺวา ปจฺจาสีสนปฺปการํ ทสฺเสตุํ ‘‘มนุสฺสา นามา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อนนุฺาตานํ ปน อปจฺจาสีสนฺเตนปิ ทาตุํ น วฏฺฏติ สทฺธาเทยฺยวินิปาตตฺตา, ปจฺจาสาย ปน สติ กุลทูสนมฺปิ โหติ. อุพฺพาเสตฺวาติ สมนฺตโต ติโยชนํ วิลุมฺปนฺเต มนุสฺเส ปลาเปตฺวา. วรโปตฺถกจิตฺตตฺถรณนฺติ อเนกปฺปการํ อิตฺถิปุริสาทิอุตฺตมรูปวิจิตฺตํ อตฺถรณํ. อยํ ปฏิสนฺถารวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร.

อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร

เภสชฺชาทิวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม

ตติโย ปริจฺเฉโท.