📜
๓๒. ครุกาปตฺติวุฏฺานวินิจฺฉยกถา
ปฏิจฺฉนฺนปริวาสกถา
๒๓๖. เอวํ ¶ โจทนาทิวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ ครุกาปตฺติวุฏฺานวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘ครุกาปตฺติวุฏฺาน’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ครุ อลหุกํ ปฏิกรณํ เอติสฺสา อาปตฺติยาติ ครุกา, อาปชฺชิตพฺพาติ อาปตฺติ, ครุกา จ สา อาปตฺติ ¶ จาติ ครุกาปตฺติ, วุฏฺหเต วุฏฺานํ, ครุกาปตฺติยา วุฏฺานํ ครุกาปตฺติ วุฏฺานํ. กึ ตํ? สงฺฆาทิเสสาปตฺติโต ปริสุทฺธภาโว. เตนาห ‘‘ปริวาสมานตฺตาทีหิ วินยกมฺเมหิ ครุกาปตฺติโต วุฏฺาน’’นฺติ. กิฺจาปิ จตุพฺพิโธ ปริวาโส, อปฺปฏิจฺฉนฺนปริวาโส ปน อิธ นาธิปฺเปโตติ อาห ‘‘ติวิโธ ปริวาโส’’ติ. ตถา หิ วุตฺตํ สมนฺตปาสาทิกายํ (จูฬว. อฏฺ. ๗๕) ‘‘ตตฺถ จตุพฺพิโธ ปริวาโส – อปฺปฏิจฺฉนฺนปริวาโส ปฏิจฺฉนฺนปริวาโส สุทฺธนฺตปริวาโส สโมธานปริวาโสติ. เตสุ ‘โย โส, ภิกฺขเว, อฺโปิ อฺติตฺถิยปุพฺโพ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย อากงฺขติ ปพฺพชฺชํ, อากงฺขติ อุปสมฺปทํ, ตสฺส จตฺตาโร มาเส ปริวาโส ทาตพฺโพ’ติ เอวํ มหาขนฺธเก (มหาว. ๘๖) วุตฺโต ติตฺถิยปริวาโส อปฺปฏิจฺฉนฺนปริวาโส นาม. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ วุตฺตเมว. อยํ ปน อิธ อนธิปฺเปโต’’ติ. อิโต ปรํ อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว สุวิฺเยฺโยติ ตสฺมา ทุพฺพิฺเยฺยฏฺาเนเยว วณฺณยิสฺสาม.
๒๓๗. เอวํ โย โย อาปนฺโน โหติ, ตสฺส ตสฺส นามํ คเหตฺวา กมฺมวาจา กาตพฺพาติ เอเตน ปาฬิยํ สพฺพสาธารณวเสน ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อยํ อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขู’’ติ จ ‘‘ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน’’ติ จ อาคเตปิ กมฺมวาจาภณนกาเล ตถา อภณิตฺวา ‘‘อยํ พุทฺธรกฺขิโต ภิกฺขู’’ติ จ ‘‘อิมสฺส พุทฺธรกฺขิตสฺส ภิกฺขุโน’’ติ จ เอวํ สกสกนามํ อุทฺธริตฺวาว กมฺมวาจา กาตพฺพาติ ทสฺเสติ.
มาฬกสีมายเมว วตฺตํ สมาทาตพฺพํ, น ตโต พหิ. กสฺมา? ‘‘อฺตฺถ กมฺมวาจา อฺตฺถ สมาทาน’’นฺติ วตฺตพฺพโทสปฺปสงฺคโต. อสมาทินฺนวตฺตสฺส อาโรจนาสมฺภวโต, มาฬกสีมาย ¶ สนฺนิปติตานํ ภิกฺขูนํ เอกสฺสปิ อนาโรจเน สติ รตฺติจฺเฉทสมฺภวโต จ. ปริวาสํ สมาทิยามิ, วตฺตํ สมาทิยามีติ อิเมสุ ทฺวีสุ ปเทสุ เอเกเกน วา อุโภหิ ปเทหิ วา ¶ สมาทาตพฺพํ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘เอกปเทนปิ เจตฺถ นิกฺขิตฺโต โหติ ปริวาโส, ทฺวีหิ ปน สุนิกฺขิตฺโตเยว, สมาทาเนปิ เอเสว นโย’’ติ วกฺขมานตฺตา. สมาทิยิตฺวา ตตฺเถว สงฺฆสฺส อาโรเจตพฺพํ, น ตตฺถ อนาโรเจตฺวา อฺตฺถ คนฺตพฺพํ. กสฺมา? วุฏฺิตาย ปริสาย ปุน สนฺนิปาเตตุํ ทุกฺกรตฺตา, เอกสฺสปิ ภิกฺขุโน อนาโรเจตฺวา อรุณุฏฺาปเน สติ รตฺติจฺเฉทกรตฺตา.
อาโรเจนฺเตน เอวํ อาโรเจตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ. ‘‘อหํ ภนฺเต…เป… สงฺโฆ ธาเรตู’’ติ เอตฺตกเมว วตฺวา ยาจเน วิย ‘‘ทุติยมฺปิ ตติยมฺปี’’ติ อวุตฺตตฺตา อจฺจายิกกรเณ สติ เอกวารํ อาโรจิเตปิ อุปปนฺนเมวาติ ทฏฺพฺพํ. เวทิยามหํ ภนฺเต, เวทิยตีติ มํ สงฺโฆ ธาเรตูติ เอตฺถ ‘‘เวทิยามีติ จิตฺเตน สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สุขํ อนุภวามิ, น ตปฺปจฺจยา อหํ ทุกฺขิโตติ อธิปฺปาโย’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๙๗) วุตฺตํ. เอตฺถ จ ‘‘สุขํ เวเทมิ เวทน’’นฺติอาทีสุ วิย ปิ-สทฺโท อนุภวนตฺโถ โหติ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๙๗) ปน ‘‘เวทิยามีติ ชาเนมิ, จิตฺเตน สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สุขํ อนุภวามิ, น ตปฺปจฺจยา อหํ ทุกฺขิโตติ อธิปฺปาโยติ ลิขิต’’นฺติ วุตฺตํ. เอตฺถ ปน ‘‘ทีปงฺกโร โลกวิทู’’ติอาทีสุ วิย าณตฺโถ อนุภวนตฺโถ จ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๙๗) ปน ‘‘เวทิยามหนฺติ ชานาเปมหํ, อาโรเจมีติ อตฺโถ, อนุภวามีติปิสฺส อตฺถํ วทนฺติ. ปุริมํ ปน ปสํสนฺติ อาโรจนวจนตฺตา’’ติ. เอตฺถ ตุ –
‘‘สมฺปนฺนํ ¶ สาลิเกทารํ, สุวา ขาทนฺติ พฺราหฺมณ;
ปฏิเวเทมิ เต พฺรหฺเม, น นํ วาเรตุมุสฺสเห’’ติ. –
อาทีสุ วิย อาโรจนตฺโถติ ทฏฺพฺโพ.
อาโรเจตฺวา…เป… นิกฺขิปิตพฺพนฺติ ทุกฺกฏปริโมจนตฺถํ วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘ตทเหว ปุน วตฺตํ สมาทิยิตฺวา อรุณํ อุฏฺาเปตุกามสฺส รตฺติจฺเฉทปริหารตฺถมฺปี’’ติ วทนฺติ. ยสฺส มาฬเก นาโรจิตํ, ตสฺส อาโรเจตฺวา นิกฺขิปิตพฺพํ. ยสฺส อาโรจิตํ, ตสฺส ปุน อาโรจนกิจฺจํ นตฺถิ, เกวลํ นิกฺขิปิตพฺพเมว. ‘‘สภาคา ภิกฺขู วสนฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา วิสภาคานํ วสนฏฺาเน วตฺตํ อสมาทิยิตฺวา พหิ เอว กาตุมฺปิ วฏฺฏตีติ ทฏฺพฺพํ. ทฺเว เลฑฺฑุปาเต ¶ อติกฺกมิตฺวาติ อิทํ วิหาเร ภิกฺขูนํ สชฺฌายาทิสทฺทสวนูปจารวิชหนตฺถํ วุตฺตํ, มหามคฺคโต โอกฺกมฺมาติ อิทํ มคฺคปฏิปนฺนานํ ภิกฺขูนํ สวนูปจาราติกฺกมนตฺถํ, คุมฺเพน วาติอาทิ ทสฺสนูปจารวิชหนตฺถํ. โสปิ เกนจิ กมฺเมน ปุเรอรุเณ เอว คจฺฉตีติ อิมินา อาโรจนาย กตาย สพฺเพสุ ภิกฺขูสุ พหิวิหารํ คเตสุปิ อูเนคเณจรณโทโส วา วิปฺปวาสโทโส วา น โหติ อาโรจนตฺถตฺตา สหวาสสฺสาติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘อยฺจา’’ติอาทิ. อนิกฺขิตฺตวตฺเตน อนฺโตอุปจารคตานํ สพฺเพสมฺปิ อาโรเจตพฺพา. ‘‘อยํ นิกฺขิตฺตวตฺตสฺส ปริหาโร’’ติ วุตฺตํ, ตตฺถ นิกฺขิตฺตวตฺตสฺสาติ วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา ปริวสนฺตสฺสาติ อตฺโถ. อยํ ปเนตฺถ เถรสฺส อธิปฺปาโย – วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา ปริวสนฺตสฺส อุปจารคตานํ สพฺเพสํ อาโรจนกิจฺจํ นตฺถิ, ทิฏฺรูปานํ สุตสทฺทานํ อาโรเจตพฺพํ, อทิฏฺอสุตานมฺปิ อนฺโตทฺวาทสหตฺถคตานํ อาโรเจตพฺพํ. อิทํ วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา ปริวสนฺตสฺส ลกฺขณนฺติ. เถรสฺสาติ มหาปทุมตฺเถรสฺส.
๒๓๘. กุกฺกุจฺจวิโนทนตฺถายาติ อิเมสุ ปฏิจฺฉนฺนทิวสปฺปมาเณน ปริวสิตทิวเสสุ ‘‘สิยุํ นุ โข ติวิธรตฺติจฺเฉทการณยุตฺตานิ ¶ กานิจิ ทิวสานิ, เอวํ สติ อปริปุณฺณปริวาสทิวสตฺตา น มานตฺตารโห ภเวยฺย, อสติ จ มานตฺตารหภาเว มานตฺตํ ทินฺนมฺปิ อทินฺนํเยว ภเวยฺย, เอวฺจ สติ อาปนฺนาปตฺติโต วุฏฺานํ น ภเวยฺยา’’ติ อิมสฺส วินยกุกฺกุจฺจสฺส วิโนทนตฺถาย. เอเกน วา ทฺวีหิ วา ตีหิ วา ทิวเสหิ อธิกตรานิ ทิวสานิ ปริวสิตฺวา นนุ จายํ ปริวุตฺถปริวาโส, ตสฺมาเนน มานตฺตเมว ยาจิตพฺพํ, อถ กสฺมา วตฺตํ สมาทิยิตฺวา มานตฺตํ ยาจิตพฺพนฺติ อาหาติ โจทนํ มนสิ กโรนฺเตน วุตฺตํ ‘‘อยฺหิ วตฺเต สมาทินฺเน’’ติอาทิ. หิ ยสฺมา อยํ ภิกฺขุ วตฺเต สมาทินฺเน เอว มานตฺตารโห โหติ, น อสมาทินฺเน, อิติ ตสฺมา วตฺตํ สมาทิยิตฺวา มานตฺตํ ยาจิตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ. นนุ จ กมฺมวาจายํ ‘‘โส ปริวุตฺถปริวาโส สงฺฆํ มานตฺตํ ยาจติ’’อิจฺเจว วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘สมาทินฺนวตฺโต’’ติ, อถ กสฺมา ‘‘วตฺเต สมาทินฺเน เอว มานตฺตารโห โหตี’’ติ วุตฺตนฺติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘นิกฺขิตฺตวตฺเตน ปริวุตฺถตฺตา’’ติ. ยสฺมา อยํ ภิกฺขุ นิกฺขิตฺตวตฺเตน หุตฺวา ปริวุตฺโถ โหติ, โน อนิกฺขิตฺตวตฺเตน, ตสฺมา นิกฺขิตฺตวตฺเตน หุตฺวา ปริวุตฺถตฺตา อยํ ภิกฺขุ วตฺเต สมาทินฺเน เอว มานตฺตารโห โหติ, โน อสมาทินฺเนติ โยชนา. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘อนิกฺขิตฺตวตฺตสฺส ปน ปุน สมาทานกิจฺจํ นตฺถิ. โส หิ ปฏิจฺฉนฺนทิวสาติกฺกเมเนว มานตฺตารโห โหติ, ตสฺมา ตสฺส มานตฺตํ ทาตพฺพเมวา’’ติ.
จตูหิ ¶ ปฺจหิ วา ภิกฺขูหิ สทฺธินฺติ อูเนคเณจรณโทสา วิมุจฺจนตฺถํ. ปริกฺขิตฺตสฺส วิหารสฺส ปริกฺเขปโตติอาทิ กิฺจาปิ ปาฬิยํ นตฺถิ, อถ โข อฏฺกถาจริยานํ วจเนน ตถา เอว ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ จ วุตฺตํ. ‘‘อตฺถิภาวํ สลฺลกฺเขตฺวาติ ทฺวาทสหตฺเถ อุปจาเร สลฺลกฺเขตฺวา, อนิกฺขิตฺตวตฺตานํ อุปจารสีมาย อาคตภาวํ สลฺลกฺเขตฺวา ¶ สหวาสาทิกํ เวทิตพฺพนฺติ จ วุตฺตํ. ‘นิกฺขิปนฺเตน อาโรเจตฺวา นิกฺขิปิตพฺพํ ปโยชนํ อตฺถี’ติ จ วุตฺตํ, น ปน ตํ ปโยชนํ ทสฺสิต’’นฺติ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๙๗) วุตฺตํ, วตฺตเภททุกฺกฏา มุจฺจนปโยชนํ โหตีติ เวทิตพฺพํ.
๒๓๙. อพฺภานํ กาตุํ น วฏฺฏตีติ กตมฺปิ อกตเมว โหตีติ อตฺโถ. ‘‘เตนาปิ วตฺตํ สมาทิยิตฺวา อาโรเจตฺวา อพฺภานํ ยาจิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตตฺตา อพฺภานยาจนตฺถํ มานตฺตสฺส สมาทิยนกาเลปิ อาโรเจตพฺพเมว. ปุพฺเพ มานตฺตจาริตกาเล อาโรจิตเมวาติ อนาโรเจตฺวา อพฺภานํ น ยาจิตพฺพนฺติ วิฺายติ. เอวํ มานตฺตยาจนกาเลปิ ปริวาสํ สมาทิยิตฺวา อาโรเจตพฺพเมวาติ ทฏฺพฺพํ.
๒๔๐. จิณฺณมานตฺโต ภิกฺขุ อพฺเภตพฺโพติ จิณฺณมานตฺตสฺส จ อพฺภานารหสฺส จ นินฺนานากรณตฺตา วุตฺตํ. อฺถา ‘‘อพฺภานารโห อพฺเภตพฺโพ’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา. อุกฺเขปนียกมฺมกโตปิ อตฺตโน ลทฺธิคฺคหณวเสน สภาคภิกฺขุมฺหิ สติ ตสฺส อนาโรจาเปตุํ น ลภติ.
‘‘อนนฺตรายิกสฺส ปน อนฺตรายิกสฺาย ฉาทยโต อจฺฉนฺนาวา’’ติ ปาโ. อเวริภาเวน สภาโค อเวริสภาโค. ‘‘สภาคสงฺฆาทิเสสํ อาปนฺนสฺส ปน สนฺติเก อาวิ กาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ ปสงฺคโต อิเธว ปกาสิตํ. ลหุเกสุ ปฏิกฺเขโป นตฺถิ. ตตฺถ ตฺติยา อาวิ กตฺวา อุโปสถํ กาตุํ อนฺุาตตฺตา ลหุกสภาคํ อาวิ กาตุํ วฏฺฏตีติ. สภาคสงฺฆาทิเสสํ ปน ตฺติยา อาโรจนํ น วฏฺฏตีติ กิร. ‘‘ตสฺส สนฺติเก ตํ อาปตฺตึ ปฏิกริสฺสตีติ (มหาว. ๑๗๑) วุตฺตตฺตา ลหุกสฺเสวายํ สมนฺุาตา. น หิ สกฺกา สุทฺธสฺส เอกสฺส สนฺติเก สงฺฆาทิเสสสฺส ¶ ปฏิกรณํ กาตุ’’นฺติ ลิขิตํ. ลหุเกสุปิ สภาคํ อาวิ กาตุํ น วฏฺฏตีติ. ตสฺมา เอว หิ ตฺติยา อาวิกรณํ อนฺุาตํ, อิตรถา ตํ นิรตฺถกํ สิยา. อฺมฺาโรจนสฺส วฏฺฏติ, ตโต น วฏฺฏตีติ ทีปนตฺถเมว ตฺติยา อาวิกรณมนฺุาตํ ¶ , เตเนว อิธ ‘‘สภาคสงฺฆาทิเสสํ อาปนฺนสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ, อยมตฺโถ ‘‘เอตฺตาวตา เต ทฺเว นิราปตฺติกา โหนฺติ, เตสํ สนฺติเก เสเสหิ สภาคาปตฺติโย เทเสตพฺพา’’ติ วจเนน กงฺขาวิตรณิยมฺปิ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ปกาสิโตว. สงฺฆาทิเสสํ ปน ตฺติยา อาโรเจตฺวา อุโปสถํ กาตุํ วฏฺฏติ. ตสฺสา ตฺติยา อยมตฺโถ – ยทา สุทฺธํ ภิกฺขุํ ปสฺสิสฺสติ, ตสฺส สนฺติเก อฺมฺาโรจนวเสน ปฏิกริสฺสติ, เอวํ ปฏิกเต ‘‘น จ, ภิกฺขเว, สาปตฺติเกน ปาติโมกฺขํ โสตพฺพํ, โย สุเณยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๓๘๖) วุตฺตาปตฺติโต โมกฺโข โหติ, ตสฺมา ‘‘ครุกํ วา โหตุ ลหุกํ วา, ตฺติยา อาวิ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. อุโภสุ นเยสุ ยุตฺตตรํ คเหตพฺพํ. ‘‘นามฺเจว อาปตฺติ จาติ เตน เตน วีติกฺกเมนาปนฺนาปตฺติ อาปตฺติ. นามนฺติ ตสฺสา อาปตฺติยา นาม’’นฺติ ลิขิตํ. อาโรเจตฺวา นิกฺขิปิตพฺพนฺติ เอตฺถ อาโรจนํ วตฺตเภททุกฺกฏปริหรณปฺปโยชนนฺติ เวทิตพฺพํ.
‘‘สติเยว อนฺตราเย อนฺตรายิกสฺี ฉาเทติ, อจฺฉนฺนา โหติ. อนฺตรายิกสฺส ปน อนฺตรายิกสฺาย วา อนนฺตรายิกสฺาย วา ฉาทยโต อจฺฉนฺนาวา’’ติปิ ปาโ. อเวรีติ หิตกาโม. อุทฺธสฺเต อรุเณติ อุฏฺิเต อรุเณ. สุทฺธสฺส สนฺติเกติ สภาคสงฺฆาทิเสสํ อนาปนฺนสฺส สนฺติเก. วตฺถุนฺติ อสุจิโมจนาทิวีติกฺกมํ. สุกฺกวิสฺสฏฺีติ วตฺถุ เจว โคตฺตฺจาติ ‘‘สุกฺกวิสฺสฏฺี’’ติ อิทํ อสุจิโมจนลกฺขณสฺส วีติกฺกมสฺส ปกาสนโต ¶ วตฺถุ เจว โหติ, สชาติยสาธารณวิชาติยวินิวตฺตสภาวาย สุกฺกวิสฺสฏฺิยา เอว ปกาสนโต โคตฺตฺจ โหตีติ อตฺโถ. คํ ตายตีติ หิ โคตฺตํ. สงฺฆาทิเสโสติ นามฺเจว อาปตฺติ จาติ สงฺฆาทิเสโสติ เตน เตน วีติกฺกเมน อาปนฺนสฺส อาปตฺตินิกายสฺส นามปกาสนโต นามฺเจว โหติ, อาปตฺติสภาวโต อาปตฺติ จ.
สุทฺธสฺสาติ สภาคสงฺฆาทิเสสํ อนาปนฺนสฺส, ตโต วุฏฺิตสฺส วา. อฺสฺมินฺติ สุทฺธนฺตปริวาสวเสน อาปตฺติวุฏฺานโต อฺสฺมึ อาปตฺติวุฏฺาเน. ปฏิจฺฉาทิยิตฺถาติ ปฏิจฺฉนฺนา. กา สา? อาปตฺติ. ทิวสาทีหิ ปริจฺฉินฺทิตฺวา วสนํ ปริวาโส. โก โส? วินยกมฺมกรณํ. ปฏิจฺฉนฺนาย อาปตฺติยา ปริวาโส ปฏิจฺฉนฺนปริวาโส.
ปฏิจฺฉนฺนปริวาสกถา นิฏฺิตา.
สุทฺธนฺตปริวาสกถา
๒๔๒. สุชฺฌนํ ¶ สุทฺโธ, โก โส? อาปตฺติวิคโม. อมติ โอสานภาวํ คจฺฉตีติ อนฺโต, สุทฺโธ อนฺโต ยสฺส ปริวาสสฺสาติ สุทฺธนฺโต, สุทฺธนฺโต จ โส ปริวาโส จาติ สุทฺธนฺตปริวาโส, สุทฺธกาลํ ปริยนฺตํ กตฺวา อสุทฺธกาลปฺปมาเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา กตปริวาโส.
สุทฺธนฺตปริวาสกถา นิฏฺิตา.
โอธานสโมธานปริวาสกถา
๒๔๓. สโมธียเต สโมธานํ, นานากาลิกา นานาวตฺถุกา อาปตฺติโย อคฺฆาทิวเสน สโมธานํ เอกีกรณํ ¶ , สโมธาเนตฺวา กโต ปริวาโส สโมธานปริวาโสติ วิคฺคโห. กมฺมวาจายํ ‘‘ปฏิกสฺสิโต สงฺเฆน อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ อนฺตรา สมฺพหุลานํ อาปตฺตีนํ อปฺปฏิจฺฉนฺนานํ มูลายปฏิกสฺสนา, ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติ เอตฺถ คตฺยตฺถธาตุยา กมฺมนิ จ นยนตฺถธาตุยา กมฺมนิ จ ตทตฺถสมฺปทาเน จ วิภตฺติปริณาเม จาติ อิเมสุ จตูสุ าเนสุ อายาเทสสฺส วุตฺตตฺตา, ปฏิปุพฺพกสธาตุยา จ นยนตฺถตฺตา ‘‘มูลายา’’ติ อิทํ ‘‘ปฏิกสฺสิโต’’ติ เอตฺถ กมฺมํ, ตสฺมา ‘‘ปฏิกสฺสิโต…เป… มูลาย’’ อิติ เอตฺตกเมว ภวิตพฺพํ, น ‘‘มูลายปฏิกสฺสนา’’ติ เอวํ มฺมานา สทฺทวิทุโน ‘‘ปฏิกสฺสนา’’ติ อิทํ อธิกนฺติ วา วเทยฺยุํ มกฺเขยฺยุํ วา, น ปเนตํ วตฺตพฺพํ. นวปาเสุเยว อยํ ปาโ สทฺทลกฺขณยุตฺโต วา อยุตฺโต วาติ จินฺเตตพฺโพ, น ปน ปาฬิยฏฺกถาทิโต อาคเตสุ โปราณปาเสุ. เตสุ ปน กถํ โยชิยมาโน อยํ ปาโ สทฺทยุตฺติยา จ อตฺถยุตฺติยา จ สมนฺนาคโต ภเวยฺยาติ โยชนากาโรเยว จินฺเตตพฺโพ. อยฺจ ปาโ โปราณปาฬิปาโว, ตสฺมา ‘‘มูลายปฏิกสฺสนา’’ติ อิทํ กรณวเสน วิปริณาเมตฺวา ‘‘มูลายปฏิกสฺสนาย ปฏิกสฺสิโต’’ติ โยเชตพฺพํ.
กถํ ปเนตสฺส โปราณปาภาโว ชานิตพฺโพติ? ปกรเณ อาคตตฺตา. วุตฺตฺหิ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๑๐๒) ‘‘ปาฬิยํ ปฏิกสฺสิโต สงฺเฆน อุทายิ ภิกฺขุ อนฺตรา เอกิสฺสา อาปตฺติยา…เป… มูลายปฏิกสฺสนาติ อิทํ กรณวเสน วิปริณาเมตฺวา ¶ มูลายปฏิกสฺสนาย ปฏิกสฺสิโตติ โยเชตพฺพ’’นฺติ. อถ วา ‘‘มูลาย ปฏิกสฺสนา มูลายปฏิกสฺสนา’’ติ อลุตฺตสมาสวเสน อุตฺตรปเทน สมาสํ กตฺวา สงฺเฆน อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ อนฺตรา สมฺพหุลานํ อาปตฺตีนํ ¶ อปฺปฏิจฺฉนฺนานํ เหตุ ปฏิกสฺสิโต. สา มูลายปฏิกสฺสนา ขมติ สงฺฆสฺสาติ โยเชตพฺพํ. ตถา หิ วุตฺตํ ตตฺเถว (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๑๐๒) ‘‘อถ วา มูลายปฏิกสฺสนา ขมติ สงฺฆสฺสาติ อุตฺตรปเทน สห ปจฺจตฺตวเสเนว โยเชตุมฺปิ วฏฺฏตี’’ติ.
ตํ เทนฺเตน ปมํ มูลาย ปฏิกสฺสิตฺวา ปจฺฉาปริวาโส ทาตพฺโพติ เอตฺถ ตํ โอธานสโมธานปริวาสํ เทนฺเตน ปมํ ตํ ภิกฺขุํ มูลาย ปฏิกสฺสิตฺวา มูลทิวเส อากฑฺฒิตฺวา ตสฺส อนฺตราปตฺติยา สโมธานปริวาโส ทาตพฺโพติ อตฺโถ. ยถา กึ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๑๐๒) ‘‘อุทายึ ภิกฺขุํ อนฺตรา เอกิสฺสา อาปตฺติยา…เป… มูลาย ปฏิกสฺสิตฺวาติ เอตฺถ อนฺตรา เอกิสฺสา อาปตฺติยา เหตุภูตาย อุทายึ ภิกฺขุํ มูลาย ปฏิกสฺสิตฺวา มูลทิวเส อากฑฺฒิตฺวา ตสฺสา อนฺตราปตฺติยา สโมธานปริวาสํ เทตูติ โยชนา’’ติ วุตฺตํ. มหาสุมตฺเถรวาเท อาวิการาเปตฺวา วิสฺสชฺเชตพฺโพติ ตสฺส อเตกิจฺฉภาวํ เตเนว สงฺฆสฺส ปากฏํ กาเรตฺวา ลชฺชีคณโต วิโยชนวเสน วิสฺสชฺเชตพฺโพติ อตฺโถ.
โอธานสโมธานปริวาสกถา นิฏฺิตา.
อคฺฆสโมธานปริวาสกถา
๒๔๔. อคฺเฆน อคฺฆวเสน อรหวเสน สโมธานํ อคฺฆสโมธานํ, อาปนฺนาสุ สมฺพหุลาสุ อาปตฺตีสุ ยา อาปตฺติโย จิรตรปฺปฏิจฺฉนฺนาโย, ตาสํ อคฺเฆน สโมธาย ตาสํ รตฺติปริจฺเฉทวเสน อวเสสานํ อูนตรปฺปฏิจฺฉนฺนานํ อาปตฺตีนํ ปริวาโส ทียติ, อยํ วุจฺจติ อคฺฆสโมธาโน ¶ . สตํ อาปตฺติโยติ กายสํสคฺคาทิวเสน เอกทิวเส อาปนฺนา สตํ อาปตฺติโย. ทสสตนฺติ สหสฺสอาปตฺติโย. รตฺติสตํ ฉาทยิตฺวานาติ โยเชตพฺพํ. ‘‘อคฺฆสโมธาโน นาม สภาควตฺถุกาโย สมฺพหุลา อาปตฺติโย อาปนฺนสฺส พหุรตฺตึ ปฏิจฺฉาทิตาปตฺติยํ นิกฺขิปิตฺวา ทาตพฺโพ, อิตโร นานาวตฺถุกานํ วเสนาติ อยเมเตสํ วิเสโส’’ติ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๑๐๒) วุตฺตํ.
อคฺฆสโมธานปริวาสกถา นิฏฺิตา.
๒๔๖. ลิงฺคปริวตฺตนกกถายํ ¶ ยทิ กสฺสจิ ภิกฺขุโน อิตฺถิลิงฺคํ ปาตุ ภเวยฺย, กึ เตน ปุน อุปชฺฌา คเหตพฺพา, ปุน อุปสมฺปทา กาตพฺพา, กึ ภิกฺขูปสมฺปทาโต ปฏฺาย วสฺสคณนา กาตพฺพา, อุทาหุ อิโต ปฏฺายาติ ปุจฺฉาย สติ ตํ ปริหริตุมาห ‘‘สเจ’’ติอาทิ. เอวํ สนฺเต สา ภิกฺขุนี ภิกฺขูนํ มชฺเฌเยว วสิตพฺพํ ภเวยฺยาติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘อปฺปติรูป’’นฺติอาทิ. เอวํ สนฺเต ภิกฺขุภูตกาเล อาปชฺชิตาปตฺติโย กถํ กาตพฺพาติ โจทนํ มนสิ กตฺวา อาห ‘‘ยา เทสนาคามินิโย วา’’ติอาทิ. ตตฺถ ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีหิ สาธารณาติ สฺจริตฺตาทโย. อสาธารณาติ สุกฺกวิสฺสฏฺิอาทโย. โหตุ ภควโต อนฺุาตวเสน ลิงฺเค ปริวตฺเต อสาธารณาปตฺตีหิ วุฏฺิตภาโว, ปุน ปกติลิงฺเค อุปฺปนฺเน ปุน อาปตฺติ สิยาติ อาสงฺกํ ปริหริตุํ ‘‘ปุน ปกติลิงฺเค’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิทานิ ตมตฺถํ ปาฬิยา สาเธตุํ ‘‘วุตฺตฺเจต’’นฺติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ ปมปาราชิกวณฺณนาย ฏีกาสุ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๖๙; วชิร. ฏี. ปาราชิก ๖๙) วุตฺตนเยเนว ทฏฺพฺโพ, อิธ ปน ครุกาปตฺติวุฏฺานกถาภูตตฺตา สาเยว กถา วุจฺจเต.
๒๔๗. ตตฺถ ¶ ภิกฺขุนีหิ สาธารณาย ปฏิจฺฉนฺนาย อาปตฺติยาติ สฺจริตฺตาทิอาปตฺติยา, เหตฺวตฺเถ เจตํ กรณวจนํ. ปริวสนฺตสฺสาติ อนาทเร สามิวจนํ. ปกฺขมานตฺตเมว ทาตพฺพํ, น ปุน ปริวาโส ทาตพฺโพ ภิกฺขุนิภาเว อปริวาสารหตฺตาติ อธิปฺปาโย. มานตฺตํ จรนฺตสฺสาติ อนาทเรเยว สามิวจนํ, ฉารตฺตมานตฺเต อาจิณฺเณเยว ปริวตฺตติ, ปุน ปกฺขมานตฺตเมว ทาตพฺพนฺติ. เตน วกฺขติ ‘‘สเจ จิณฺณมานตฺตสฺสา’’ติอาทิ. อกุสลวิปาเก ปริกฺขีเณติ ปุริสินฺทฺริยสฺส อนฺตรธานํ สนฺธาย วุตฺตํ. อิตฺถินฺทฺริยปติฏฺานํ ปน กุสลวิปากเมว. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ ‘‘อุภยมฺปิ อกุสเลน อนฺตรธายติ, กุสเลน ปฏิลพฺภตี’’ติ. ฉารตฺตํ มานตฺตเมว ทาตพฺพํ, น ปริวาโส ทาตพฺโพ, น วา ปกฺขมานตฺตํ ทาตพฺพํ.
‘‘อยํ ปน วิเสโส’’ติ วตฺวา ตํ วิเสสํ ทสฺเสตุมาห ‘‘สเจ’’ติอาทิ. ปริวาสทานํ นตฺถิ, ฉารตฺตํ มานตฺตเมว ทาตพฺพํ. กสฺมา? ภิกฺขุนิกาเล ปฏิจฺฉนฺนตฺตา. ภิกฺขุกาเล ฉนฺนาเยว หิ อาปตฺติ ปริวาสารหา โหติ, โน ภิกฺขุนิกาเลติ อยเมตาสํ วิเสโส. ปกฺขมานตฺตํ จรนฺติยาติ อนาทเร สามิวจนํ, ปกฺขมานตฺเต อาจิณฺเณเยวาติ อตฺโถ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘จิณฺณมานตฺตายา’’ติอาทิ. ฉารตฺตํ มานตฺตํ จรนฺตสฺสาติอาทิ วุตฺตนยเมว.
ปริวาสวินิจฺฉยกถา
อิทานิ ¶ สงฺฆาทิเสสาปตฺติ ยสฺมา สาวเสสครุกาปตฺติ โหติ สเตกิจฺฉา, ตสฺมา ยถา นาม โรคาตุโร ปุคฺคโล กิฺจิ อตฺตโน หิตสุขการณํ กาตุํ น สกฺโกติ, ตเมนํ การุณิโก ติกิจฺฉโก กรุณาสฺโจทิโต ติกิจฺฉํ กตฺวา เคลฺโต วุฏฺาเปตฺวา ¶ หิตสุขํ ชเนติ, เอวํ สงฺฆาทิเสสาปตฺติสมงฺคี ปุคฺคโล อาณาวีติกฺกมนฺตรายิกภาวโต สคฺคโมกฺขมคฺคํ โสเธตุํ น สกฺโกติ, ตเมนํ มหาการุณิโก ภควา มหากรุณาย สฺโจทิตมานโส อเนเกหิ นเยหิ อาปตฺติโต วุฏฺานํ กตฺวา สคฺคโมกฺขสุเข ปติฏฺเปติ, ภควโต อธิปฺปายฺุโน อฏฺกถาจริยาปิ อเนเกหิ การเณหิ ภควโต วจนสฺส อตฺถํ ปกาเสตฺวา วิสุทฺธกามานํ นยํ เทนฺติ, ตถา ฏีกาจริยาทโยปิ. เอวํ ทินฺเน ปน นเย โยนิโส มนสิ กาตุํ สกฺโกนฺตา ปณฺฑิตา ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชนฺติ, อสกฺโกนฺตา อฺถา อตฺถํ คเหตฺวา น ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชนฺติ, เตสํ ทิฏฺานุคตึ อนุคจฺฉนฺตา สิสฺสาทโยปิ ตเถว กโรนฺติ, ตสฺมา ภควโต วจนฺจ ปุพฺเพนาปรํ สํสนฺทิตฺวา อฏฺกถาฏีกาทิวจนฺจ สมฺมา ตุลยิตฺวา ตถโต ภควโต อธิปฺปายํ ตฺวา ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชนฺเตหิ ครุกาปตฺติโต วุฏฺหนตฺถํ โยโค กรณีโย.
ตสฺมา ยทา ภิกฺขู อาคจฺฉนฺติ วินยธรสฺส สนฺติกํ ‘‘ครุกาปตฺติวุฏฺานํ กริสฺสามา’’ติ, ตทา วินยธเรน ‘‘ตฺวํ กตราปตฺตึ อาปนฺโน’’ติ ปุจฺฉิตพฺโพ. ‘‘สงฺฆาทิเสสํ อาปนฺโน’’ติ วุตฺเต ‘‘กตรสงฺฆาทิเสส’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมํ นามา’’ติ วุตฺเต สุกฺกวิสฺสฏฺิยํ โมเจตุกามเจตนา, อุปกฺกโม, มุจฺจนนฺติ ตีณิ องฺคานิ. กายสํสคฺเค มนุสฺสิตฺถี, อิตฺถิสฺิตา, กายสํสคฺคราโค, เตน ราเคน วายาโม, หตฺถคฺคาหาทิสมาปชฺชนนฺติ ปฺจ องฺคานิ. ทุฏฺุลฺลวาจายํ มนุสฺสิตฺถี, อิตฺถิสฺิตา, ทุฏฺุลฺลวาจสฺสาทราโค, เตน ราเคน โอภาสนํ, ตงฺขณวิชานนนฺติ ปฺจ องฺคานิ. อตฺตกาเม มนุสฺสิตฺถี, อิตฺถิสฺิตา, อตฺตกามปาริจริยาย ราโค, เตน ราเคน วณฺณภณนํ, ตงฺขณวิชานนนฺติ ปฺจ องฺคานิ. สฺจริตฺเต เยสุ สฺจริตฺตํ สมาปชฺชติ, เตสํ มนุสฺสชาติกตา ¶ , นาลํวจนียตา, ปฏิคฺคณฺหนวีมํสนปจฺจาหรณานีติ ปฺจ องฺคานิ. กุฏิกาเร อุลฺลิตฺตาทีนํ อฺตรตา, เหฏฺิมปมาณสมฺภโว, อเทสิตวตฺถุกตา, ปมาณาติกฺกนฺตตา, อตฺตุทฺเทสิกตา, วาสาคารตา, เลปฆฏนาติ สตฺต ปมาณยุตฺตาทีสุ ฉธา องฺคานิ. วิหารกาเร ตานิเยว ฉ องฺคานิ. ทุฏฺโทเส ยํ โจเทติ, ตสฺส อุปสมฺปนฺโนติ สงฺขฺยุปคมนํ, ตสฺมึ สุทฺธสฺิตา, เยน ปาราชิเกน โจเทติ ¶ , ตสฺส ทิฏฺาทิวเสน อมูลกตา, จาวนาธิปฺปาเยน สมฺมุขาโจทนา, ตสฺส ตงฺขณวิชานนนฺติ ปฺจ องฺคานิ. อฺภาคิเย อฺภาคิยสฺส อธิกรณสฺส กฺจิเทสํ เลสมตฺตํ อุปาทิยนตา, ปุริมานิ ปฺจาติ ฉ องฺคานิ. สงฺฆเภเท เภทาย ปรกฺกมนํ, ธมฺมกมฺเมน สมนุภาสนํ, กมฺมวาจาปริโยสานํ, อปฺปฏินิสฺสชฺชนนฺติ จตฺตาริ องฺคานิ. เภทานุวตฺตเก องฺเคสุ ยถา ตตฺถ ปรกฺกมนํ, เอวํ อิธ อนุวตฺตนนฺติ จตฺตาริ องฺคานิ. ทุพฺพเจ องฺเคสุ ยถา ตตฺถ ปรกฺกมนํ, เอวํ อิธ อวจนียกรณตาติ จตฺตาริ องฺคานิ. กุลทูสเก องฺเคสุ ยถา ตตฺถ ปรกฺกมนํ, เอวํ อิธ ฉนฺทาทีหิ ปาปนนฺติ จตฺตาริ องฺคานิ. อิติ อิมานิ องฺคานิ โสเธตฺวา สเจ องฺคปาริปูรี โหติ, ‘‘สงฺฆาทิเสโส’’ติ วตฺตพฺโพ. โน เจ, ‘‘นายํ สงฺฆาทิเสโส, ถุลฺลจฺจยาทีสุ อฺตราปตฺตี’’ติ วตฺวา ‘‘นายํ วุฏฺานคามินี, เทสนาคามินี อยํ อาปตฺติ, ตสฺมา ปติรูปสฺส ภิกฺขุสฺส สนฺติเก เทเสหี’’ติ วตฺวา เทสาเปตพฺโพ.
อถ ปน อนาปตฺติจฺฉายา ปฺายติ, ‘‘อนาปตฺตี’’ติ วตฺวา อุยฺโยเชตพฺพา. สเจ ปน สงฺฆาทิเสสจฺฉายา ปฺายติ, ‘‘ตฺวํ อิมํ อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ฉาเทสิ, น ฉาเทสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘น ฉาเทมี’’ติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ ตฺวํ น ปริวาสารโห, มานตฺตารโหว โหตี’’ติ วตฺตพฺโพ. ‘‘ฉาเทมี’’ติ ปน วุตฺเต ‘‘ทสสุ อากาเรสุ อฺตรการเณน ¶ ฉาเทสิ, อุทาหุ อฺการเณนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ทสสุ อฺตรการเณนา’’ติ วุตฺเต ‘‘เอวมฺปิ มานตฺตารโห โหติ, น ปริวาสารโห’’ติ วตฺตพฺโพ. อถ ‘‘อฺการเณนา’’ติ วทติ, เอวํ สนฺเตปิ ‘‘ตฺวํ อาปตฺติอาปนฺนภาวํ ชานนฺโต ปฏิจฺฉาเทสิ, อุทาหุ อชานนฺโต’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อชานนฺโต ปฏิจฺฉาเทมี’’ติ วุตฺเต จ ‘‘อาปตฺติอาปนฺนภาวํ สรนฺโต ปฏิจฺฉาเทสิ, อุทาหุ วิสริตฺวา ปฏิจฺฉาเทสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘วิสริตฺวา ปฏิจฺฉาเทมี’’ติ วุตฺเต จ ‘‘อาปตฺติอาปนฺนภาเว เวมติโก หุตฺวา ปฏิจฺฉาเทสิ, อุทาหุ นิพฺเพมติโก หุตฺวา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เวมติโก หุตฺวา’’ติ วุตฺเต จ ‘‘น ตฺวํ ปริวาสารโห, มานตฺตารโหว โหตี’’ติ วตฺตพฺโพ.
อถ ‘‘ชานนฺโต ปฏิจฺฉาเทมี’’ติ วุตฺเต จ ‘‘สรนฺโต ปฏิจฺฉาเทมี’’ติ วุตฺเต จ ‘‘นิพฺเพมติโก หุตฺวา ปฏิจฺฉาเทมี’’ติ วุตฺเต จ ‘‘ตฺวํ ปริวาสารโห’’ติ วตฺตพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ สมุจฺจยกฺขนฺธเก (จูฬว. ๑๔๔) ‘‘โส เอวํ วทติ ‘ยายํ, อาวุโส, อาปตฺติ ชานปฏิจฺฉนฺนา, ธมฺมิกํ ตสฺสา อาปตฺติยา ปริวาสทานํ, ธมฺมตฺตา รุหติ. ยา จ ขฺวายํ, อาวุโส, อาปตฺติ อชานปฺปฏิจฺฉนฺนา, อธมฺมิกํ ตสฺสา อาปตฺติยา ปริวาสทานํ, อธมฺมตฺตา น ¶ รุหติ. เอกิสฺสา, อาวุโส, อาปตฺติยา ภิกฺขุ มานตฺตารโห’’’ติ จ, ‘‘โส เอวํ วทติ ‘ยายํ อาปตฺติ สรมานปฏิจฺฉนฺนา, ธมฺมิกํ ตสฺสา อาปตฺติยา ปริวาสทานํ, ธมฺมตฺตา รุหติ. ยา จ ขฺวายํ อาปตฺติ อสรมานปฏิจฺฉนฺนา, อธมฺมิกํ ตสฺสา อาปตฺติยา ปริวาสทานํ, อธมฺมตฺตา น รุหติ. เอกิสฺสา, อาวุโส, อาปตฺติยา ภิกฺขุ มานตฺตารโห’’’ติ จ, ‘‘โส เอวํ วทติ ‘ยายํ, อาวุโส, อาปตฺติ นิพฺเพมติกปฏิจฺฉนฺนา, ธมฺมิกํ ตสฺสา อาปตฺติยา ปริวาสทานํ, ธมฺมตฺตา รุหติ. ยา จ ขฺวายํ, อาวุโส, อาปตฺติ ¶ เวมติกปฏิจฺฉนฺนา, อธมฺมิกํ ตสฺสา อาปตฺติยา ปริวาสทานํ, อธมฺมตฺตา น รุหติ. เอกิสฺสา, อาวุโส, อาปตฺติยา ภิกฺขุมานตฺตารโห’’’ติ จ.
เอวํ ปริวาสารหภาวํ ปกาเสตฺวา ‘‘อยํ ภิกฺขุ ปริวาสารโห, ตีสุ ปริวาเสสุ กตรปริวาสารโห’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘ภิกฺขุ ตฺวํ กติ อาปตฺติโย ฉาเทสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอกํ อาปตฺติ’’นฺติ วา ‘‘ทฺเว ตีณิ ตตุตฺตริ วา อาปตฺติโย ฉาเทมี’’ติ วา วุตฺเต ‘‘กตีหํ ตฺวํ อาปตฺตึ ปฏิจฺฉาเทสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอกาหเมวาหํ ปฏิจฺฉาเทมี’’ติ วา ‘‘ทฺวีหํ ตีหํ ตตุตฺตริ วา ปฏิจฺฉาเทมี’’ติ วา วุตฺเต ‘‘ยาวตีหํ ปฏิจฺฉาเทสิ, ตาวตีหํ ตฺวํ ปฏิวสิสฺสสี’’ติ วตฺตพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘ยาวตีหํ ชานํ ปฏิจฺฉาเทติ, ตาวตีหํ เตน ภิกฺขุนา อกามา ปริวตฺถพฺพ’’นฺติ. ตโต ‘‘อยํ ภิกฺขุ อาปตฺติปริยนฺตํ ชานาติ, ตสฺมา ปฏิจฺฉนฺนปริวาสารโห’’ติ (ปารา. ๔๔๒) ตฺวา ตทนุรูปา กมฺมวาจา กาตพฺพา.
เอตฺถ จ อาปตฺติปริยนฺตปุจฺฉนํ กมฺมวาจากรณตฺถเมว โหติ, รตฺติปริยนฺตปุจฺฉนํ ปน ตทตฺถฺเจว สุทฺธนฺตปริวาสสฺส อนนุรูปภาวทสฺสนตฺถฺจ โหติ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (จุฬว. อฏฺ. ๑๐๒) ‘‘โส ทุวิโธ จูฬสุทฺธนฺโต มหาสุทฺธนฺโตติ, ทุวิโธปิ เจส รตฺติปริจฺเฉทํ สกลํ วา เอกจฺจํ วา อชานนฺตสฺส จ อสรนฺตสฺส จ ตตฺถ เวมติกสฺส จ ทาตพฺโพ. อาปตฺติปริยนฺตํ ปน ‘อหํ เอตฺตกา อาปตฺติโย อาปนฺโน’ติ ชานาตุ วา, มา วา, อการณเมต’’นฺติ. ตโต ตสฺส ภิกฺขุโน นิสีทนฏฺานํ ชานิตพฺพํ. ทุวิธฺหิ นิสีทนฏฺานํ อนิกฺขิตฺตวตฺเตน นิสีทิตพฺพฏฺานํ, นิกฺขิตฺตวตฺเตน นิสีทิตพฺพฏฺานนฺติ.
ตตฺถ ¶ อปฺปภิกฺขุเก วิหาเร สภาคภิกฺขูนํ วสนฏฺาเน อุปจารสีมาปริจฺฉินฺโน อนฺโตวิหาโร อนิกฺขิตฺตวตฺเตน นิสีทิตพฺพฏฺานํ โหติ. อุปจารสีมํ อติกฺกมฺม มหามคฺคโต โอกฺกมฺม ¶ คุมฺพวติปฏิจฺฉนฺนฏฺานํ นิกฺขิตฺตวตฺเตน นิสีทิตพฺพฏฺานํ โหติ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒) ‘‘สเจ อปฺปภิกฺขุโก วิหาโร โหติ, สภาคา ภิกฺขู วสนฺติ, วตฺตํ อนิกฺขิปิตฺวา วิหาเรเยว รตฺติปริคฺคโห กาตพฺโพ. อถ น สกฺกา โสเธตุํ, วุตฺตนเยเนว วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา ปจฺจูสสมเย เอเกน ภิกฺขุนา สทฺธึ มานตฺตวณฺณนายํ วุตฺตนเยเนว อุปจารสีมํ อติกฺกมิตฺวา มหามคฺคา โอกฺกมฺม ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน นิสีทิตฺวา อนฺโตอรุเณเยว วุตฺตนเยเนว วตฺตํ สมาทิยิตฺวา ตสฺส ภิกฺขุโน ปริวาโส อาโรเจตพฺโพ’’ติ. ‘‘มานตฺตวณฺณนายํ วุตฺตนเยเนวา’’ติ จ ‘‘สเจ อปฺปภิกฺขุโก วิหาโร โหติ, สภาคา ภิกฺขู วสนฺติ, วตฺตํ อนิกฺขิปิตฺวา อนฺโตวิหาเรเยว รตฺติโย คเณตพฺพา. อถ น สกฺกา โสเธตุํ, วุตฺตนเยเนว วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา ปจฺจูสสมเย จตูหิ ปฺจหิ วา ภิกฺขูหิ สทฺธึ ปริกฺขิตฺตสฺส วิหารสฺส ปริกฺเขปโต, อปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขปารหฏฺานโต ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวา มหามคฺคโต โอกฺกมฺม คุมฺเพน วา วติยา วา ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน นิสีทิตพฺพ’’นฺติ (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๒๓๘) อิทํ วจนํ สนฺธาย วุตฺตํ.
ตตฺถ อปฺปภิกฺขุโก วิหาโร โหตีติ อิทํ พหุภิกฺขุเก วิหาเร อฺเ ภิกฺขู คจฺฉนฺติ, อฺเ ภิกฺขู อาคจฺฉนฺติ, ตสฺมา รตฺติจฺเฉทวตฺตเภทการณานิ โสเธตุํ ทุกฺกรตฺตา วุตฺตํ. วกฺขติ หิ ‘‘อถ น สกฺกา โสเธตุ’’นฺติ. สภาคา ภิกฺขู วสนฺตีติ อิทํ วิสภาคานํ เวรีภิกฺขูนํ สนฺติเก วตฺตํ อาโรเจนฺโต ปกาเสตุกาโม โหติ ¶ , ตสฺมา วุตฺตํ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒; วิ. สงฺค. อฏฺ. ๒๓๖) ‘‘ตสฺมา อเวริสภาคสฺส สนฺติเก อาโรเจตพฺพา. โย ปน วิสภาโค โหติ สุตฺวา ปกาเสตุกาโม, เอวรูปสฺส อุปชฺฌายสฺสปิ สนฺติเก นาโรเจตพฺพา’’ติ, ตสฺมา วิสภาคานํ วสนฏฺาเน วตฺตํ อสมาทิยิตฺวา พหิเยว กาตุมฺปิ วฏฺฏตีติ ทฏฺพฺพํ. วิหาเรเยวาติ อนฺโตอุปจารสีมายเมว. วกฺขติ หิ ‘‘อถ น สกฺกา…เป… อุปจารสีมํ อติกฺกมิตฺวา’’ติ. รตฺติปริคฺคโห กาตพฺโพติ รตฺติคณนา กาตพฺพา. วุตฺตฺหิ มานตฺตวณฺณนายํ ‘‘รตฺติโย คเณตพฺพา’’ติ. อถ น สกฺกา โสเธตุนฺติ พหุภิกฺขุกตฺตา วา วิหารสฺส วิสภาคานํ วสนฏฺานตฺตา วา รตฺติจฺเฉทวตฺตาเภทการณานิปิ โสเธตุํ น สกฺกา. วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวาติ ปริวาสวตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา. ปจฺจูสสมเยติ ปจฺฉิมยามกาเล อรุโณทยโต ปุเรตรเมว. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘อนฺโตอรุเณเยว วุตฺตนเยน วตฺตํ สมาทิยิตฺวา ตสฺส ภิกฺขุโน ปริวาโส อาโรเจตพฺโพ’’ติ. เอเกน ภิกฺขุนา สทฺธินฺติ วิปฺปวาสรตฺติจฺเฉทวิมุจฺจนตฺถํ วินา ปกตตฺเตน สภิกฺขุกอาวาสอภิกฺขุกอนาวาสคมนสงฺขาตวตฺตเภทวิมุจฺจนตฺถฺจ ¶ วุตฺตํ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘น, ภิกฺขเว, ปาริวาสิเกน ภิกฺขุนา สภิกฺขุกา อาวาสา อภิกฺขุโก อนาวาโส คนฺตพฺโพ อฺตฺร ปกตตฺเตน อฺตฺร อนฺตรายา’’ติ (จูฬว. ๗๖).
มานตฺตวณฺณนายํ วุตฺตนเยนาติ ‘‘ปริกฺขิตฺตสฺส วิหารสฺส ปริกฺเขปโต, อปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขปารหฏฺานโต ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวา’’ติ วุตฺตนเยน. ยทิ เอวํ วิสมมิทํ นยทสฺสนํ, ปริกฺเขปปริกฺเขปารหฏฺาเน เอว หิ อุปจารสีมา โหติ, กสฺมา ตตฺถ อุปจารสีมโต ทฺเวเลฑฺฑุปาตาติกฺกโม วุตฺโต, อิธ ปน อุปจารสีมาติกฺกโม เอวาติ ¶ ? สจฺจํ, ตถาปิ วิหาเร ภิกฺขูนํ สชฺฌายาทิสทฺทสวนสพฺภาวโต สุวิทูราติกฺกโม วุตฺโต, อิธ ปน อุปจารสีมโต อติกฺกมมตฺโตปิ อติกฺกโมเยวาติ กตฺวา วุตฺโต. พุทฺธมตฺุโน หิ อฏฺกถาจริยา. ตถา หิ วุตฺตํ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๙๗) ‘‘ปริกฺขิตฺตสฺส วิหารสฺส ปริกฺเขปโตติอาทิ กิฺจาปิ ปาฬิยํ นตฺถิ, อถ โข อฏฺกถาจริยานํ วจเนน ตถา เอว ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ จ วุตฺต’’นฺติ.
มานตฺตวณฺณนายํ จตูหิ ปฺจหิ วา ภิกฺขูหิ สทฺธินฺติ อิทํ ปน อูเนคเณจรณรตฺติจฺเฉทวิมุจฺจนตฺถํ วุตฺตํ. ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวาติอาทิ อฺเสํ ภิกฺขูนํ สวนูปจารทสฺสนูปจารวิชหนตฺถํ วุตฺตํ. เตเนวาห ฏีกาจริโย ‘‘ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวาติ อิทํ วิหาเร ภิกฺขูนํ สชฺฌายาทิสทฺทสวนูปจารวิชหนตฺถํ วุตฺตํ, ‘มหามคฺคโต โอกฺกมฺมาติ อิทํ มคฺคปฏิปนฺนานํ ภิกฺขูนํ สวนูปจารวิชหนตฺถํ, คุมฺเพน วาติอาทิ ทสฺสนูปจารวิชหนตฺถ’’นฺติ. ตสฺมา ยถาวุตฺตํ ทุวิธํ านํ ปริวสนฺตมานตฺตจาริกภิกฺขูหิ นิสีทิตพฺพฏฺานํ โหติ. เตสุ จ ยทิ อนฺโตวิหาเรเยว นิสีทิตฺวา ปริวสติ, อุปจารสีมคตานํ สพฺเพสํ ภิกฺขูนํ อาโรเจตพฺพํ โหติ. อถ พหิอุปจารสีมายํ, ทิฏฺรูปานํ สุตสทฺทานํ อาโรเจตพฺพํ. อทิฏฺอสุตานมฺปิ อนฺโตทฺวาทสหตฺถคตานํ อาโรเจตพฺพเมว. วุตฺตฺหิ วชิรพุทฺธิฏีกายํ ‘‘วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา วสนฺตสฺส อุปจารสีมคตานํ สพฺเพสํ อาโรจนกิจฺจํ นตฺถิ, ทิฏฺรูปานํ สุตสทฺทานํ อาโรเจตพฺพํ. อทิฏฺอสฺสุตานมฺปิ อนฺโตทฺวาทสหตฺถคตานํ อาโรเจตพฺพํ. อิทํ วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา วสนฺตสฺส ลกฺขณนฺติ วุตฺต’’นฺติ. อิทฺจ วตฺตํ อนิกฺขิปิตฺวา วสนฺตสฺส อนฺโตวิหาเรเยว รตฺติปริคฺคหสฺส จ นิกฺขิปิตฺวา วสนฺตสฺส อุปจารสีมํ อติกฺกมิตฺวา วตฺตสมาทานสฺส จ อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา วุตฺตํ. อุปจาโร ปน ¶ อนฺโตสีมาย ¶ ิตานํ สกลอุปจารสีมา โหติ, พหิอุปจารสีมาย ิตานํ ทฺวาทสหตฺถมตฺตํ. เตเนว หิ อุทฺเทสภตฺตาทิสงฺฆลาโภ ยทิ อนฺโตสีมาย อุปฺปชฺชติ, สีมฏฺกสงฺฆสฺส โหติ. ยทิ พหิสีมายํ, ทฺวาทสหตฺถพฺภนฺตเร ปตฺตภิกฺขูนํ, ตสฺมา อุปจารวเสนปิ เอส อตฺโถ วิฺายติ. ตถา หิ วุตฺตํ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๙๗) ‘‘อตฺถิภาวํ สลฺลกฺเขตฺวาติ ทฺวาทสหตฺเถ อุปจาเร สลฺลกฺเขตฺวา อนิกฺขิตฺตวตฺตานํ อุปจารสีมาย อาคตภาวํ สลฺลกฺเขตฺวา สหวาสาทิกํ เวทิตพฺพนฺติ จ วุตฺต’’นฺติ.
เอวํ อนิกฺขิตฺตวตฺตานํ หุตฺวา ปริวสนฺตานํ อนฺโตวิหาเรเยว วสนสฺส, นิกฺขิตฺตวตฺตานํ หุตฺวา ปริวสนฺตานํ วิหารโต พหิ ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวา วสนสฺส จ อฏฺกถาทีสุ ปกรเณสุ อาคตตฺตา ตถาคตนโย ปกรณาคตนโย โหติ. อิทานิ ปน อาจริยา อนิกฺขิตฺตวตฺตสฺส จ รตฺติจฺเฉทวตฺตเภทโทเส ปริหริตุํ อติทุกฺกรตฺตา, นิกฺขิตฺตวตฺตสฺส จ เทวสิกํ ปจฺจูสสมเย พหิสีมคมนสฺส ทุกฺขตฺตา, วาฬสรีสปาทิปริสยสฺส จ อาสงฺกิตพฺพภาวโต รตฺติจฺเฉทวตฺตเภทปริหรณวเสน ลกฺขณปาริปูริเมว มนสิ กโรนฺตา นิกฺขิตฺตวตฺตาปิ สมานา อนฺโตวิหาเรเยว ปริวาสวสนฺจ มานตฺตจรณฺจ กโรนฺติ.
เอกจฺเจ อาจริยา พหิอุปจารสีมายํ ปติรูปฏฺาเน ปกตตฺตานํ ภิกฺขูนํ วสนสาลํ การาเปตฺวา ปาริวาสิกภิกฺขูนํ นิปชฺชนมฺจํ สพฺพโต ฉนฺนปริจฺฉินฺนํ สทฺวารพนฺธนํ สุคุตฺตํ การาเปตฺวา ตํ ปเทสํ วติยา ปริกฺขิปาเปตฺวา สายนฺหสมเย ตตฺถ คนฺตฺวา อุปฏฺากสามเณราทโย นิวตฺตาเปตฺวา ปุริมยาเม วา มชฺฌิมยาเม วา สมนฺตโต สทฺทฉิชฺชนกาเล ปกตตฺตภิกฺขู สาลายํ นิปชฺชาเปตฺวา ปาริวาสิกภิกฺขู ¶ วตฺตํ สมาทาเปตฺวา อาโรจาเปตฺวา อตฺตโน อตฺตโน มฺจเกสุ นิปชฺชาเปตฺวา ปจฺฉิมยามกาเล อุฏฺาเปตฺวา อรุเณ อุฏฺิเต อาโรจาเปตฺวา วตฺตํ นิกฺขิปาเปนฺติ. เอส นโย ปกรเณสุ อนาคตตฺตา อาจริยานํ มเตน กตตฺตา อาจริยนโย นาม. เอส นโยปิ ยถารุตโต ปกรเณสุ อนาคโตปิ ปกรณานุโลมวเสน รตฺติจฺเฉทวตฺตเภทโทเส ปริหริตฺวา ลชฺชิเปสเลหิ พหุสฺสุเตหิ สิกฺขากาเมหิ วินเย ปกตฺูหิ วิจาริโต สมาโน สุนฺทโร ปสตฺโถว โหติ, ตสฺมา ‘‘อนุโลมนโย’’ติปิ วตฺตุํ วฏฺฏติ.
นนุ จ อนิกฺขิตฺตวตฺตานํเยว อนฺโตวิหาเร วสนํ อฏฺกถายํ วุตฺตํ, อถ กสฺมา นิกฺขิตฺตวตฺตาปิ สมานา วสนฺตีติ? สจฺจํ, ตตฺถ ปน อปฺปภิกฺขุกตฺตา สภาคภิกฺขูนํ วสนฏฺานตฺตา ¶ จ รตฺติจฺเฉทวตฺตเภทโทเส จ ปริหริตุํ สกฺกุเณยฺยภาวโต สกลรตฺตินฺทิวมฺปิ วตฺตํ อนิกฺขิปิตฺวา วสนํ วุตฺตํ, อิธ ปน ตถา อสกฺกุเณยฺยภาวโต ทิวา วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา รตฺติยํ สมาทิยนฺโต อาคนฺตุกานํ อนาคมนกาลภาวโต, สทฺทฉิชฺชนกาลภาวโต จ รตฺติจฺเฉทาทิโทเส ปริหริตุํ สกฺกุเณยฺยตฺตา ตทนุโลโมเยว โหตีติ มนฺตฺวา อาจริยา เอวํ กโรนฺตีติ ทฏฺพฺพํ.
เอวํ โหตุ, พหิอุปจารสีมาย วสนฺตานํ ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน นิสีทนเมว อฏฺกถายํ วุตฺตํ, น ปกตตฺตสาลากรณมฺจกรณาทีนิ, อถ กสฺมา เอตานิ กโรนฺตีติ? สจฺจํ, ตถาปิ ปกตตฺตสาลากรณํ ปาริวาสิกานํ ภิกฺขูนํ ปกตตฺเตหิ ภิกฺขูหิ วิปฺปวาสรตฺติจฺเฉทวตฺตเภทโทสปริหรณตฺถํ, ตํ ‘‘ตโย โข, อุปาลิ, ปาริวาสิกสฺส ภิกฺขุโน รตฺติจฺเฉทา สหวาโส, วิปฺปวาโส, อนาโรจนา’’ติ วุตฺตปาํ ¶ (จูฬว. ๘๓) อนุโลเมติ. มฺจกรณํ สหวาสรตฺติจฺเฉทวตฺตเภทโทสปริหรณตฺถํ, ตํ ‘‘น, ภิกฺขเว, ปาริวาสิเกน ภิกฺขุนา ปกตตฺเตน ภิกฺขุนา สทฺธึ เอกจฺฉนฺเน อาวาเส วตฺถพฺพํ, น เอกจฺฉนฺเน อนาวาเส วตฺถพฺพํ, น เอกจฺฉนฺเน อาวาเส วา อนาวาเส วา วตฺถพฺพ’’นฺติ วุตฺตปาฺจ (จูฬว. ๘๑) ยถาวุตฺตปาฺจ อนุโลเมติ. อาทิ-สทฺเทน สายนฺหสมเย คมนาทีนิ สงฺคณฺหาติ. เตสุ อฏฺกถายํ ปจฺจูสสมเย คมเน เอว วุตฺเตปิ สายนฺหสมเย คมนํ รตฺติคมนสฺส พหุปริสฺสยตฺตา ปริสฺสยวิโนทนตฺถํ, ตํ ‘‘อนฺตรายโต ปริมุจฺจนตฺถาย คนฺตพฺพเมวา’’ติ วุตฺตํ อฏฺกถาปาํ (จูฬว. อฏฺ. ๗๖) อนุโลเมติ. อุปฏฺากสามเณราทีนํ นิวตฺตาปนํ อนุปสมฺปนฺเนน สหเสยฺยสงฺกานิวตฺตนตฺถํ, ตํ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ อนุปสมฺปนฺเนน สหเสยฺยํ กปฺเปยฺย, ปาจิตฺติย’’นฺติ วุตฺตํ มาติกาปาํ (ปาจิ. ๔๙) อนุโลเมติ. ปุริมยาเม วา มชฺฌิมยาเม วา สมนฺตโต สทฺทฉิชฺชนกาเล ปกตตฺตภิกฺขู สาลายํ นิปชฺชาเปตฺวา ปาริวาสิกภิกฺขูนํ วตฺตสมาทาปนํ อฺภิกฺขูนํ สทฺทสวนวิวชฺชนตฺถํ, ตํ อนาโรจนรตฺติจฺเฉทโทสปริหรณตฺถํ, ตํ ยถาวุตฺตรตฺติจฺเฉทปาํ อนุโลเมติ.
นนุ จ อฏฺกถายํ อนฺโตอรุเณเยว วตฺตสมาทาปนํ วุตฺตํ, อถ กสฺมา ‘‘ปุริมยามมชฺฌิมยาเมสู’’ติ วุตฺตนฺติ? นายํ โทโส, หิยฺโยอรุณุคฺคมนโต ปฏฺาย หิ ยาว อชฺชอรุณุคฺคมนา เอโก รตฺตินฺทิโว อชฺชอรุณสฺส อนฺโต นาม, อชฺชอรุณโต ปฏฺาย ปจฺฉากาโล อรุณสฺส พหิ นาม, ตสฺมา ปุริมมชฺฌิมยาเมสุ กตวตฺตสมาทานมฺปิ อรุโณทยโต ¶ ปุเร กตตฺตา อนฺโตอรุเณ กตํเยว โหติ. วตฺตํ อสมาทิยิตฺวา นิปชฺชเน จ สติ นิทฺทาวเสน อรุณุคฺคมนกาลํ อชานิตฺวา วตฺตสมาทานํ อติกฺกนฺตํ ¶ ภเวยฺย, ตสฺมา ปุเรตรเมว สมาทานํ กตฺวา นิปชฺชนํ ายาคตํ โหติ, ‘‘อนฺโตอรุเณเยว วุตฺตนเยเนว วตฺตํ สมาทิยิตฺวา’’ติ วุตฺตอฏฺกถาปาฺจ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒) อนุโลเมติ.
เอวํ โหตุ, เอวํ สนฺเตปิ กสฺมา ‘‘อาโรจาเปตฺวา’’ติ วุตฺตํ, นนุ มาฬกสีมายํ สมาทินฺนกาเลเยว วตฺตมาโรจิตนฺติ? สจฺจํ อาโรจิตํ, อยํ ปน ภิกฺขุ ทิวา วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา นิสินฺโน, อิทานิ สมาทินฺโน, ตสฺมา มาฬกสีมาย อาโรจิตมฺปิ ปุน อาโรเจตพฺพํ โหติ. อิทมฺปิ ‘‘อนฺโตอรุเณเยว วุตฺตนเยเนว วตฺตํ สมาทิยิตฺวา ตสฺส ภิกฺขุโน ปริวาโส อาโรเจตพฺโพ’’ติ ปาํ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒) อนุโลเมติ. อถ ‘‘อตฺตโน อตฺตโน มฺจเกสุ นิปชฺชาเปตฺวา’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ อฺมฺสฺส มฺเจสุ นิปชฺชมานาปิ ปกตตฺตสาลโต นิพฺโพทกปตนฏฺานโต พหิ นิปชฺชมานา สหวาสรตฺติจฺเฉทโทสโต มุตฺตาเยวาติ? น ปเนวํ ทฏฺพฺพํ. น หิ ปาริวาสิโก ปกตตฺตภิกฺขูเหว เอกจฺฉนฺเน นิปนฺโน สหวาสรตฺติจฺเฉทปฺปตฺโต โหติ, อถ โข อฺมฺมฺปิ โหติเยว. วุตฺตฺเจตํ สมนฺตปาสาทิกายํ (จูฬว. อฏฺ. ๘๑) ‘‘สเจ หิ ทฺเว ปาริวาสิกา เอกโต วเสยฺยุํ, เต อฺมฺสฺส อชฺฌาจารํ ตฺวา อคารวา วา วิปฺปฏิสาริโน วา หุตฺวา ปาปิฏฺตรํ วา อาปตฺตึ อาปชฺเชยฺยุํ วิพฺภเมยฺยุํ วา, ตสฺมา เนสํ สหเสยฺยา สพฺพปฺปกาเรน ปฏิกฺขิตฺตา’’ติ. ‘‘ปจฺฉิมยามกาเล อุฏฺาเปตฺวา อรุเณ อุฏฺิเต อาโรจาเปตฺวา วตฺตํ นิกฺขิปาเปนฺตี’’ติ เอตฺถ อรุเณ อนุฏฺิเตเยว วตฺตนิกฺขิปเน กริยมาเน รตฺติจฺเฉโท โหติ, สา รตฺติ คณนูปคา น โหติ, ตสฺมา ปมปริจฺเฉเท วุตฺตํ อรุณกถาวินิจฺฉยํ โอโลเกตฺวา อรุณุคฺคมนภาโว สุฏฺุ ชานิตพฺโพ.
‘‘อาโรจาเปตฺวา ¶ วตฺตํ นิกฺขิปาเปตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. กสฺมา อาโรจาเปติ, นนุ สมาทินฺนกาเลเยว อาโรจิตนฺติ? สจฺจํ, ตถาปิ ปาริวาสิกวตฺตสมาทานกาเล อาโรจิเตสุ ภิกฺขูสุ เอกจฺเจ นิกฺขิปนกาเล คจฺฉนฺติ, อฺเ อาคจฺฉนฺติ, เอวํ ปริสสงฺกมนมฺปิ สิยา, ตถา จ สติ อภินวาคตานํ สพฺภาวา อาโรเจตพฺพํ โหติ, อสติ ปน อภินวาคตภิกฺขุมฺหิ อาโรจนกิจฺจํ นตฺถิ. เอวํ สนฺเตปิ อาโรจเน โทสาภาวโต ปุน อาโรจนํ ายาคตํ โหติ, มานตฺตจรณกาเล ปน สมาทาเน อาโรจิเตปิ นิกฺขิปเน อวสฺสํ อาโรเจตพฺพเมว ¶ . กสฺมา? ทิวสนฺตรภาวโต. ‘‘เทวสิกํ อาโรเจตพฺพ’’นฺติ (จูฬว. อฏฺ. ๙๐) หิ วุตฺตํ. เอวํ สนฺเตปิ สายํ สมาทานกาเล อาโรเจสฺสติ, ตสฺมา นิกฺขิปเน อาโรจนกิจฺจํ นตฺถีติ เจ? น, สายํ สมาทานกาเล เอเต ภิกฺขู อาคจฺฉิสฺสนฺติปิ, น อาคจฺฉิสฺสนฺติปิ, อนาคตานํ กถํ อาโรเจตุํ ลภิสฺสติ, อนาโรจเน จ สติ รตฺติจฺเฉโท สิยา, ตสฺมา ตสฺมึ ทิวเส อรุเณ อุฏฺิเต วตฺตนิกฺขิปนโต ปุเรเยว อาโรเจตพฺพนฺติ โน มติ, สุฏฺุตรํ อุปธาเรตฺวา คเหตพฺพํ. เอวํ ปกรณาคตนเยน วา ปกรณานุโลมอาจริยนเยน วา สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อาณํ ปติฏฺาเปนฺเตน วินยโกวิเทน พหุสฺสุเตน ลชฺชีเปสลภูเตน วินยธเรน วิสุทฺธิกามานํ เปสลานํ ภิกฺขูนํ สีลวิสุทฺธตฺถาย สุฏฺุ วิจาเรตฺวา ปริวาสวตฺตามานตฺตจรณวตฺตานิ อาจิกฺขิตพฺพานีติ.
อิมสฺมึ าเน ลชฺชีภิกฺขูนํ ปริวาสาทิกถาย กุสลตฺถํ นานาวาทนโย วุจฺจเต – เกจิ ภิกฺขู ‘‘ปกตตฺตสาลํ กุรุมาเนน ตสฺสา สาลาย มชฺเฌ ถมฺภํ นิมิตฺตํ กตฺวา ตโต ทฺวาทสหตฺถมตฺตํ ปเทสํ สลฺลกฺเขตฺวา ยถา ปฺตฺเต ¶ ปาริวาสิกานํ มฺเจ นิปนฺนสฺส ภิกฺขุสฺส คีวา ตสฺส ปเทสสฺส อุปริ โหติ, ตถา ปฺาเปตพฺโพ. เอวํ กเต สุกตํ โหตี’’ติ วทนฺติ กโรนฺติ จ. เอกจฺเจ ‘‘มฺเจ นิปนฺนสฺส ภิกฺขุสฺส กฏิ ตสฺส ปเทสสฺส อุปริ โหติ, ยถา ปฺาเปตพฺโพ, เอวํ กเต สุกตํ โหตี’’ติ วทนฺติ กโรนฺติ จ, ตํ วจนํ เนว ปาฬิยํ, น อฏฺกถาฏีกาทีสุ วิชฺชติ, เกวลํ เตสํ ปริกปฺปเมว. อยํ ปน เนสํ อธิปฺปาโย สิยา – ‘‘ทฺวาทสหตฺถํ ปน อุปจารํ มฺุจิตฺวา นิสีทิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อฏฺกถายํ วุตฺตวจนฺจ ‘‘อถ ทฺวาทสหตฺถํ อุปจารํ โอกฺกมิตฺวา อชานนฺตสฺเสว คจฺฉติ, รตฺติจฺเฉโท โหติ เอว, วตฺตเภโท ปน นตฺถี’’ติ อฏฺกถาวจนฺจ (จูฬว. อฏฺ. ๙๗) ‘‘อทิฏฺอสฺสุตานมฺปิ อนฺโตทฺวาทสหตฺถคตานํ อาโรเจตพฺพ’’นฺติ วุตฺตฏีกาวจนฺจ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๙๗) ‘‘อทิฏฺอสฺสุตานมฺปิ อนฺโตทฺวาทสหตฺถคตานํ อาโรเจตพฺพํ, ‘อิทํ วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา วสนฺตสฺส ลกฺขณ’นฺติ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตวชิรพุทฺธิฏีกาวจนฺจ (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๙๗) ‘‘อตฺถิภาวํ สลฺลกฺเขตฺวาติ ทฺวาทสหตฺเถ อุปจาเร สลฺลกฺเขตฺวา, อนิกฺขิตฺตวตฺตานํ อุปจารสีมาย อาคตภาวํ สลฺลกฺเขตฺวา สหวาสาทิกํ เวทิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ วชิรพุทฺธิฏีกาวจนฺจ ปสฺสิตฺวา อโยนิโส อตฺถํ คเหตฺวา สพฺพตฺถ ทฺวาทสหตฺถเมว ปมาณํ, ตโต อูนมฺปิ อธิกมฺปิ น วฏฺฏติ, ตสฺมา ยถาวุตฺตนเยน มชฺเฌ ถมฺภโต ทฺวาทสหตฺถมตฺเต ปเทเส นิปนฺนสฺส ภิกฺขุสฺส ¶ คีวา วา กฏิ วา โหตุ, เอวํ สนฺเต ทฺวาทสหตฺถปฺปเทเส ปาริวาสิกภิกฺขุ โหติ, ตโต สหวาสโต วา วิปฺปวาสโต วา รตฺติจฺเฉทวตฺตเภทโทสา น โหนฺตีติ.
ตตฺเรวํ ยุตฺตายุตฺตวิจารณา กาตพฺพา. ยถาวุตฺตปาเสุ ปมปาสฺส อยมธิปฺปาโย – ปกตตฺตภิกฺขุมฺหิ ฉมาย ¶ นิสินฺเน ยทิ ปาริวาสิกภิกฺขุ อาสเน นิสีทิตุกาโม, ปกตตฺตสฺส ภิกฺขุโน นิสินฺนฏฺานโต ทฺวาทสหตฺถํ อุปจารํ มฺุจิตฺวาว นิสีทิตุํ วฏฺฏติ, น ทฺวาทสหตฺถพฺภนฺตเรติ. เอเตน ทฺวีสุปิ ฉมาย นิสินฺเนสุ ทฺวาทสหตฺถพฺภนฺตเรปิ วฏฺฏติ, ทฺวาทสหตฺถปฺปเทสโต พหิ นิสีทนฺโต อาสเนปิ นิสีทิตุํ วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘น ฉมาย นิสินฺเนติ ปกตตฺเต ภูมิยํ นิสินฺเน อิตเรน อนฺตมโส ติณสนฺถเรปิ อุจฺจตเร วาลิกตเลปิ วา น นิสีทิตพฺพํ, ทฺวาทสหตฺถํ ปน อุปจารํ มฺุจิตฺวา นิสีทิตุํ วฏฺฏตี’’ติ (จูฬว. อฏฺ. ๘๑). อิติ ปกตตฺเต ฉมาย นิสินฺเน ปาริวาสิเกน นิสีทิตพฺพฏฺานทีปโก อยํ ปาโ, น มฺจปฺาปนฏฺานสยนฏฺานทีปโก, ตํ ปุพฺพาปรปริปุณฺณํ สกลํ ปาํ อโนโลเกตฺวา เอกเทสมตฺตเมว ปสฺสิตฺวา ปริกปฺปวเสน อโยนิโส อธิปฺปายํ คณฺหนฺติ.
ทุติยปาสฺส ปน อยมธิปฺปาโย – พหิ อุปจารสีมาย ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน วตฺตํ สมาทิยิตฺวา นิสินฺเน ภิกฺขุสฺมึ ตสฺส นิสินฺนฏฺานโต ทฺวาทสหตฺถํ อุปจารํ โอกฺกมิตฺวา ตสฺส อชานนฺตสฺเสว อฺโ ภิกฺขุ คจฺฉติ, ตสฺส ปาริวาสิกสฺส ภิกฺขุโน รตฺติจฺเฉโท โหติ, วตฺตเภโท ปน นตฺถิ. กสฺมา รตฺติจฺเฉโท โหติ? อุปจารํ โอกฺกมิตตฺตา. กสฺมา น วตฺตเภโท? อชานนฺตตฺตาติ. เอเตน พหิอุปจารสีมาย อุปจาโร ทฺวาทสหตฺถปฺปมาโณ โหติ อาโรจนกฺเขตฺตภูโตติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘คุมฺเพน วา วติยา วา ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน นิสีทิตพฺพํ, อนฺโตอรุเณเยว วุตฺตนเยน วตฺตํ สมาทิยิตฺวา อาโรเจตพฺพํ. สเจ อฺโ โกจิ ภิกฺขุ เกนจิเทว กรณีเยน ตํ านํ อาคจฺฉติ, สเจ เอส ตํ ปสฺสติ, สทฺทํ วาสฺส สุณาติ, อาโรเจตพฺพํ. อนาโรเจนฺตสฺส รตฺติจฺเฉโท เจว วตฺตเภโท จ. อถ ทฺวาทสหตฺถํ ¶ อุปจารํ โอกฺกมิตฺวา อชานนฺตสฺเสว คจฺฉติ, รตฺติจฺเฉโท โหติ เอว, วตฺตเภโท ปน นตฺถี’’ติ (จูฬว. อฏฺ. ๙๗). อิติ อยมฺปิ ปาโ อาโรจนกฺเขตฺตทีปโก โหติ, น มฺจปฺาปนาทิทีปโกติ ทฏฺพฺพํ.
ตติยปาสฺส ปน อยมธิปฺปาโย – กึ พหิอุปจารสีมาย วตฺตสมาทานฏฺานํ อาคตภิกฺขูนํ ¶ ทิฏฺรูปานํ สุตสทฺทานํเยว อาโรเจตพฺพนฺติ ปุจฺฉาย สติ อทิฏฺอสฺสุตานมฺปิ อนฺโตทฺวาทสหตฺถคตานํ อาโรเจตพฺพนฺติ วิสฺสชฺเชตพฺพนฺติ. เอเตน อทิฏฺอสฺสุตานํ ปน อนฺโตทฺวาทสหตฺถคตานํเยว อาโรเจตพฺพํ, น พหิทฺวาทสหตฺถคตานํ, ทิฏฺสุตานํ ปน อนฺโตทฺวาทสหตฺถคตานมฺปิ พหิทฺวาทสหตฺถคตานมฺปิ อากาสาทิคตานมฺปิ อาโรเจตพฺพเมวาติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘อยํ ปเนตฺถ เถรสฺส อธิปฺปาโย – วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา ปริวสนฺตสฺส อุปจารคตานํ สพฺเพสํ อาโรจนกิจฺจํ นตฺถิ, ทิฏฺรูปานํ สุตสทฺทานํ อาโรเจตพฺพํ, อทิฏฺอสฺสุตานมฺปิ อนฺโตทฺวาทสหตฺถคตานํ อาโรเจตพฺพํ. อิทํ วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา ปริวสนฺตสฺส ลกฺขณ’’นฺติ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๙๗). อิติ อยมฺปิ ปาโ อาโรเจตพฺพลกฺขณทีปโก โหติ, น มฺจปฺาปนาทิทีปโกติ. จตุตฺถปาสฺส อธิปฺปาโยปิ ตติยปาสฺส อธิปฺปายสทิโสว.
ปฺจมปาสฺส ปน อยมธิปฺปาโย – อตฺถิภาวํ สลฺลกฺเขตฺวาติ เอตฺถ เอตสฺมึ อฏฺกถาวจเน นิกฺขิตฺตวตฺตานํ ภิกฺขูนํ อตฺตโน นิสินฺนฏฺานโต ทฺวาทสหตฺเถ อุปจาเร อฺเสํ ภิกฺขูนํ อตฺถิภาวํ สลฺลกฺเขตฺวา อนิกฺขิตฺตวตฺตานํ อุปจารสีมาย อฺเสํ ภิกฺขูนํ อาคตภาวํ สลฺลกฺเขตฺวา สหวาสาทิกํ เวทิตพฺพํ. อาทิ-สทฺเทน วิปฺปวาสอนาโรจนอูเนคเณจรณานิ สงฺคณฺหาติ. อยฺจ ยสฺมา คณสฺส อาโรเจตฺวา ภิกฺขูนฺจ อตฺถิภาวํ สลฺลกฺเขตฺวา วสิ ¶ , ตสฺมา นิกฺขิตฺตวตฺตานํ พหิอุปจารสีมาย สมาทินฺนตฺตา อตฺตโน นิสินฺนฏฺานโต ทฺวาทสหตฺเถ อุปจาเร อฺเสํ ภิกฺขูนํ อตฺถิภาวํ สลฺลกฺเขตฺวา อนิกฺขิตฺตวตฺตานํ อนฺโตวิหาเร สมาทินฺนตฺตา อุปจารสีมาย อฺเสํ ภิกฺขูนํ อาคตภาวํ สลฺลกฺเขตฺวา สหวาสวิปฺปวาสอนาโรจนอูเนคเณจรณสงฺขาตานิ วตฺตจฺเฉทการณานิ เวทิตพฺพานีติ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๙๗) ‘‘อยฺจ ยสฺมา คณสฺส อาโรเจตฺวา ภิกฺขูนฺจ อตฺถิภาวํ สลฺลกฺเขตฺวาว วสิ, เตนสฺส อูเนคเณจรณโทโส วา วิปฺปวาโส วา น โหตี’’ติ. อิติ อยฺจ ปาโ ปกตตฺตภิกฺขูสุ คเตสุปิ วตฺตํ อาโรเจตฺวา ภิกฺขูนํ อตฺถิภาวํ สลฺลกฺเขตฺวา วสิตตฺตา โทสาภาวเมว ทีเปติ, น มฺจปฺาปนาทีนิ. อิติ อิเมสํ ปาานํ อโยนิโส อธิปฺปายํ คเหตฺวา ‘‘สพฺพตฺถ ทฺวาทสหตฺถเมว ปมาณ’’นฺติ มฺมานา วิจารึสุ, เตสํ ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชมานา สิสฺสานุสิสฺสาทโยปิ ตเถว กโรนฺติ, ตเทตํ อปฺปมาณํ.
กถํ? ยํ ตตฺถ ปกตตฺตสาลาย มชฺเฌ ถมฺภํ นิมิตฺตํ กตฺวา ทฺวาทสหตฺถํ มินึสุ, ตทปฺปมาณํ ¶ . น หิ ถมฺเภน วา สาลาย วา สหวาโส วา วิปฺปวาโส วา วุตฺโต, อถ โข ปกตตฺตภิกฺขุนาว. วุตฺตฺหิ สมนฺตปาสาทิกายํ (จูฬว. อฏฺ. ๘๓) ‘‘ตตฺถ สหวาโสติ ยฺวายํ ปกตตฺเตน ภิกฺขุนา สทฺธึ เอกจฺฉนฺเนติอาทินา นเยน วุตฺโต เอกโต วาโส. วิปฺปวาโสติ เอกกสฺเสว วาโส’’ติ. ยฺหิ ตโต ทฺวาทสหตฺถมตฺตฏฺาเน ภิกฺขุสฺส คีวาฏฺปนํ วา กฏิฏฺปนํ วา วทนฺติ, ตทปิ อปฺปมาณํ. พหิอุปจารสีมาย หิ ปริวสนฺตสฺส ภิกฺขุสฺส สกลสรีรํ ปกตตฺตภิกฺขูนํ อนฺโตทฺวาทสหตฺเถ อุปจาเร เปตพฺพํ โหติ, น เอกเทสมตฺตํ.
เตสํ ¶ ปน อยมธิปฺปาโย สิยา – ทฺวาทสหตฺถปฺปเทสโต สกลสรีรสฺส อนฺโตกรเณ สติ สหวาโส ภเวยฺย, พหิกรเณ สติ วิปฺปวาโส, เตน อุปฑฺฒํ อนฺโต อุปฑฺฒํ พหิ โหตูติ, ตํ มิจฺฉาาณวเสน โหติ. น หิ สหวาสโทโส ทฺวาทสหตฺเถน กถิโต, อถ โข เอกจฺฉนฺเน สยเนน. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ปาริวาสิกกฺขนฺธเก (จูฬว. ๘๑) ‘‘น, ภิกฺขเว, ปาริวาสิเกน ภิกฺขุนา ปกตตฺเตน ภิกฺขุนา สทฺธึ เอกจฺฉนฺเน อาวาเส วตฺถพฺพํ, น เอกจฺฉนฺเน อนาวาเส วตฺถพฺพํ, น เอกจฺฉนฺเน อาวาเส วา อนาวาเส วา วตฺถพฺพ’’นฺติ. อฏฺกถายมฺปิ (จูฬว. อฏฺ. ๘๑) วุตฺตํ ‘‘เอกจฺฉนฺเน อาวาเส’’ติอาทีสุ อาวาโส นาม วสนตฺถาย กตเสนาสนํ. อนาวาโส นาม เจติยฆรํ โพธิฆรํ สมฺมฺุชนิอฏฺฏโก ทารุอฏฺฏโก ปานียมาโฬ วจฺจกุฏิ ทฺวารโกฏฺโกติ เอวมาทิ. ตติยปเทน ตทุภยมฺปิ คหิตํ, ‘เอเตสุ ยตฺถ กตฺถจิ เอกจฺฉนฺเน ฉทนโต อุทกปตนฏฺานปริจฺฉินฺเน โอกาเส อุกฺขิตฺตโก วสิตุํ น ลภติ, ปาริวาสิโก ปน อนฺโตอาวาเสเยว น ลภตี’ติ มหาปจฺจริยํ วุตฺตํ. มหาอฏฺกถายํ ปน ‘อวิเสเสน อุทกปาเตน วาริต’นฺติ วุตฺตํ. กุรุนฺทิยํ ‘เอเตสุ เอตฺตเกสุ ปฺจวณฺณฉทนพทฺธฏฺาเนสุ ปาริวาสิกสฺส จ อุกฺขิตฺตกสฺส จ ปกตตฺเตน สทฺธึ อุทกปาเตน วาริต’นฺติ วุตฺตํ, ตสฺมา นานูปจาเรปิ เอกจฺฉนฺเน น วฏฺฏติ. สเจ ปเนตฺถ ตทหุปสมฺปนฺเนปิ ปกตตฺเต ปมํ ปวิสิตฺวา นิปนฺเน สฏฺิวสฺโสปิ ปาริวาสิโก ปจฺฉา ปวิสิตฺวา ชานนฺโต นิปชฺชติ, รตฺติจฺเฉโท เจว วตฺตเภททุกฺกฏฺจ, อชานนฺตสฺส รตฺติจฺเฉโทว, น วตฺตเภททุกฺกฏํ. สเจ ปน ตสฺมึ ปมํ นิปนฺเน ปจฺฉา ปกตตฺโต ปวิสิตฺวา นิปชฺชติ, ปาริวาสิโก จ ชานาติ, รตฺติจฺเฉโท เจว วตฺตเภททุกฺกฏฺจ. โน เจ ชานาติ ¶ , รตฺติจฺเฉโทว, น วตฺตเภททุกฺกฏนฺติ, ตสฺมา สาลายปิ วิหาเรปิ ฉทนโต อุทกปตนฏฺานโต มุตฺตมตฺเตเยว สหวาสโทโส น วิชฺชตีติ ทฏฺพฺพํ.
เอกจฺเจ ¶ ปน มชฺฌิมตฺถมฺภโต ทฺวาทสหตฺถายาเมน ทณฺฑเกน จกฺกํ ภมิตฺวา สมนฺตโต พาหิเร เลขํ กโรนฺติ, เอวํ กเต สา พาหิรเลขา อาวฏฺฏโต ทฺวาสตฺตติหตฺถมตฺตา โหติ, ตโต ตํ ปเทสํ ทฺวาทสหตฺเถน ทณฺฑเกน มินิตฺวา ภาชิยมานํ ฉภาคเมว โหติ, ตโต เตสํ ฉภาคานํ สีมาย เอเกกสฺมึ มฺเจ ปฺปิยมาเน ฉเฬว มฺจฏฺานานิ โหนฺติ, ตสฺมา เอกสฺมึ วฏฺฏมณฺฑเล ฉ ภิกฺขูเยว อปุพฺพํ อจริมํ วสิตุํ ลภนฺติ, น ตโต อุทฺธนฺติ วทนฺติ. กสฺมา ปน เอวํ กโรนฺตีติ? ปุพฺเพ วุตฺตนเยน ‘‘สพฺพตฺถ ทฺวาทสหตฺถมตฺตเมว ปมาณ’’นฺติ คหิตตฺตา. เอวํ กิร เนสมธิปฺปาโย – ปาริวาสิโก ปกตตฺตสฺส ภิกฺขุโน ทฺวาทสหตฺถพฺภนฺตเร สยมาโน สหวาโส สิยา, พาหิเร สยมาโน วิปฺปวาโส, ตถา อฺมฺสฺสปีติ. เอวํ กโรนฺตานํ ปน เนสํ สกอธิปฺปาโยปิ น สิชฺฌติ, กุโต ภควโต อธิปฺปาโย.
กถํ? ปาริวาสิโก ภิกฺขุ ปกตตฺตภิกฺขูนฺจ อฺมฺสฺส จ ทฺวาทสหตฺถมตฺเต ปเทเส โหตูติ เนสมธิปฺปาโย. อถ ปน มชฺฌิมตฺถมฺภํ นิมิตฺตํ กตฺวา มินิยมานา สมนฺตโต พาหิรเลขา ถมฺภโตเยว ทฺวาทสหตฺถมตฺตา โหติ, น ปกตตฺตภิกฺขูหิ. เต หิ ถมฺภโต พหิ เอกรตนทฺวิติรตนาทิฏฺาเน ิตา, พาหิรโตปิ เลขาเยว ถมฺภโต ทฺวาทสหตฺถมตฺตา โหติ, น ตสฺสูปริ นิปนฺนภิกฺขุ. โส หิ ทฺวิรตนมตฺเตนปิ ติรตนมตฺเตนปิ เลขาย อนฺโตปิ โหติ พหิปิ. อฺมฺสฺสปิ ฉภาคสีมาเยว อฺมฺสฺส ทฺวาทสหตฺถมตฺตา โหติ ¶ , น ตสฺสูปริ ปฺตฺตมฺโจ วา ตตฺถ นิปนฺนภิกฺขุ วา. มฺโจ หิ เอกรตนมตฺเตน วา ทฺวิรตนมตฺเตน วา สีมํ อติกฺกมิตฺวา ิโต, ภิกฺขูปิ สยมานา น สีมาย อุปริเยว สยนฺติ, วิทตฺถิมตฺเตน วา รตนมตฺเตน วา สีมํ อติกฺกมิตฺวา วา อปฺปตฺวา วา สยนฺติ, ตสฺมา เต ปาริวาสิกา ภิกฺขู ปกตตฺตภิกฺขูนมฺปิ อฺมฺสฺสปิ ทฺวาทสหตฺถมตฺตฏฺายิโน น โหนฺติ, ตโต อูนาว โหนฺติ, ตสฺมา สกอธิปฺปาโยปิ น สิชฺฌติ.
ภควโต ปน อธิปฺปาโย – ยทิ อปฺปภิกฺขุกาทิองฺคสมฺปนฺนตฺตา วิหารสฺส วตฺตํ อนิกฺขิปิตฺวา อนฺโตวิหาเรเยว ปริวสติ, เอวํ สติ ปกตตฺเตน ภิกฺขุนา น เอกจฺฉนฺเน อาวาเส วสิตพฺพํ. ยทิ ตาทิสอาวาเส วา อนาวาเส วา ฉทนโต อุทกปตนฏฺานสฺส อนฺโต สเยยฺย, สหวาโส นาม, รตฺติจฺเฉโท โหตีติ อยมตฺโถ ยถาวุตฺต-ปาฬิยา จ อฏฺกถาย จ ปกาเสตพฺโพ. น เอกจฺฉนฺเน อาวาเส ทฺวีหิ วตฺถพฺพํ. ยทิ วเสยฺย, วุฑฺฒสฺส รตฺติจฺเฉโทเยว, นวกสฺส รตฺติจฺเฉโท เจว วตฺตเภททุกฺกฏฺจ โหติ. สมวสฺสา เจ, อชานนฺตสฺส รตฺติจฺเฉโทเยว ¶ , ชานนฺตสฺส อุภยมฺปีติ อยมตฺโถ ‘‘ตโย โข, อุปาลิ, ปาริวาสิกสฺส ภิกฺขุโน รตฺติจฺเฉทา สหวาโส วิปฺปวาโส อนาโรจนา’’ติ จ ‘‘น, ภิกฺขเว, ปาริวาสิเกน ภิกฺขุนา ปาริวาสิเกน วุฑฺฒตเรน สทฺธึ น เอกจฺฉนฺเน อาวาเส วตฺถพฺพ’’นฺติ (จูฬว. ๘๒) จ ‘‘วุฑฺฒตเรนาติ เอตฺถ…เป… สเจ หิ ทฺเว ปาริวาสิกา เอกโต วเสยฺยุํ, เต อฺมฺสฺส อชฺฌาจารํ ตฺวา อคารวา วา วิปฺปฏิสาริโน วา หุตฺวา ปาปิฏฺตรํ วา อาปตฺตึ อาปชฺเชยฺยุํ วิพฺภเมยฺยุํ วา, ตสฺมา เนสํ สหเสยฺยา สพฺพปฺปกาเรน ปฏิกฺขิตฺตา’’ติ (จูฬว. อฏฺ. ๘๑) จ อิเมหิ ปาฬิอฏฺกถาปาเหิ ปกาเสตพฺโพ. วิปฺปวาเสปิ ปาริวาสิเกน อภิกฺขุเก ¶ อาวาเส น วตฺถพฺพํ, ปกตตฺเตน วินา อภิกฺขุโก อาวาโส น คนฺตพฺโพ, พหิสีมายํ ภิกฺขูนํ วสนฏฺานโต ทฺวาทสหตฺถปฺปมาณสฺส อุปจารสฺส อนฺโต นิสีทิตพฺพนฺติ ภควโต อธิปฺปาโย.
อยมตฺโถ ‘‘น, ภิกฺขเว, ปาริวาสิเกน ภิกฺขุนา สภิกฺขุกา อาวาสา อภิกฺขุโก อาวาโส คนฺตพฺโพ อฺตฺร ปกตตฺเตน อฺตฺร อนฺตรายา’’ติอาทิ (จูฬว. ๗๖) จ ‘‘ตโย โข, อุปาลิ…เป… อนาโรจนา’’ติ จ ‘‘จตฺตาโร โข, อุปาลิ, มานตฺตจาริกสฺส ภิกฺขุโน รตฺติจฺเฉทา สหวาโส, วิปฺปวาโส, อนาโรจนา, อูเนคเณจรณ’’นฺติ (จูฬว. ๙๒) จ ‘‘วิปฺปวาโสติ เอกกสฺเสว วาโส’’ติ จ ‘‘อยฺจ ยสฺมา คณสฺส อาโรเจตฺวา ภิกฺขูนฺจ อตฺถิภาวํ สลฺลกฺเขตฺวาว วสิ, เตนสฺส อูเนคเณจรณโทโส วา วิปฺปวาโส วา น โหตี’’ติ จ ‘‘อตฺถิภาวํ สลฺลกฺเขตฺวาติ ทฺวาทสหตฺเถ อุปจาเร สลฺลกฺเขตฺวา, อนิกฺขิตฺตวตฺตานํ อุปจารสีมาย อาคตภาวํ สลฺลกฺเขตฺวา สหวาสาทิกํ เวทิตพฺพ’’นฺติ จ อาคเตหิ ปาฬิยฏฺกถา-วชิรพุทฺธิฏีกาปาเหิ ปกาเสตพฺโพ, ตสฺมา วิหาเร ปริวสนฺตสฺส อุปจารสีมาย อพฺภนฺตเร ยตฺถ กตฺถจิ วสนฺตสฺส นตฺถิ วิปฺปวาโส, พหิอุปจารสีมายํ ปริวสนฺตสฺส ภิกฺขูนํ นิสินฺนปริยนฺตโต ทฺวาทสหตฺถพฺภนฺตเร วสนฺตสฺส จ นตฺถิ วิปฺปวาโสติ, ตฺจ ปริวาสกาเล ‘‘เอเกน ภิกฺขุนา สทฺธิ’’นฺติ วจนโต เอกสฺสปิ ภิกฺขุโน, มานตฺตจรณกาเล ‘‘จตูหิ ปฺจหิ วา ภิกฺขูหิ สทฺธิ’’นฺติ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒) วจนโต จ จตุนฺนํ ปฺจนฺนมฺปิ ภิกฺขูนํ หตฺถปาสภูเต ทฺวาทสหตฺถพฺภนฺตเรปิ วสิตุํ ลภติ, นตฺถิ วิปฺปวาโสติ ทฏฺพฺพํ.
วตฺตํ สมาทิยิตฺวา เตสํ ภิกฺขูนํ อาโรจิตกาลโต ปน ปฏฺาย เกนจิ กรณีเยน เตสุ ¶ ภิกฺขูสุ คเตสุปิ ¶ ยถาวุตฺตอฏฺกถาปานเยน วิปฺปวาโส น โหติ. ตถา หิ วุตฺตํ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๙๗) ‘‘โสปิ เกนจิ กมฺเมน ปุเรอรุเณ เอว คจฺฉตีติ อิมินา อาโรจนาย กตาย สพฺเพสุปิ ภิกฺขูสุ พหิวิหารํ คเตสุ อูเนคเณจรณโทโส วา วิปฺปวาสโทโส วา น โหติ อาโรจิตตฺตา สหวาสสฺสาติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘อยฺจา’ติอาที’’ติ. อปเร ปน อาจริยา ‘‘พหิสีมาย วตฺตสมาทานฏฺาเน วติปริกฺเขโปปิ ปกตตฺตภิกฺขูเหว กาตพฺโพ, น กมฺมารหภิกฺขูหิ. ยถา โลเก พนฺธนาคาราทิ ทณฺฑการเกหิ เอว กตฺตพฺพํ, น ทณฺฑารเหหิ, เอวมิธาปี’’ติ วทนฺติ, ตมฺปิ อฏฺกถาทีสุ น ทิสฺสติ. น หิ วติปริกฺเขโป ทณฺฑกมฺมตฺถาย การิโต, อถ โข ทสฺสนูปจารวิชหนตฺถเมว. ตถา หิ วุตฺตํ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๙๗) ‘‘คุมฺเพน วา วติยา วา ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเนติ ทสฺสนูปจารวิชหนตฺถ’’นฺติ. ตถา วิมติวิโนทนิยมฺปิ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๙๗) ‘‘คุมฺเพน วาติอาทิ ทสฺสนูปจารวิชหนตฺถ’’นฺติ. อิโต ปรํ อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว ปริวาสทานฺจ มานตฺตทานฺจ เวทิตพฺพํ. ยตฺถ ปน สํสยิตพฺพํ อตฺถิ, ตตฺถ สํสยวิโนทนตฺถาย กเถตพฺพํ กถยาม.
เอกจฺเจ ภิกฺขู เอวํ วทนฺติ – ปาริวาสิโก ภิกฺขุ วุฑฺฒตโรปิ สมาโน วตฺเต สมาทินฺเน นวกฏฺาเน ิโต. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ยตฺถ ปน นิสีทาเปตฺวา ปริวิสนฺติ, ตตฺถ สามเณรานํ เชฏฺเกน, ภิกฺขูนํ สงฺฆนวเกน หุตฺวา นิสีทิตพฺพ’’นฺติ (จูฬว. อฏฺ. ๗๕) ตสฺมา อาโรจิตกาลาทีสุ ‘‘อหํ ภนฺเต’’อิจฺเจว วตฺตพฺพํ, น ‘‘อหํ อาวุโส’’ติ. ตตฺเรวํ วิจารณา กาตพฺพา – ปาริวาสิกาทโย ภิกฺขู เสยฺยาปริยนฺตอาสนปริยนฺตภาคิตาย นวกฏฺาเน ิตา, น เอกนฺเตน ¶ นวกภูตตฺตา. ตถา หิ วุตฺตํ ภควตา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปาริวาสิกานํ ภิกฺขูนํ ปฺจ ยถาวุฑฺฒํ อุโปสถํ ปวารณํ วสฺสิกสาฏิกํ โอโณชนํ ภตฺต’’นฺติ (จูฬว. ๗๕). อฏฺกถายฺจ (จูฬว. อฏฺ. ๘๑) ‘‘ปกตตฺตํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา อาสนา วุฏฺาตพฺพํ, ปกตตฺโต ภิกฺขุ อาสเนน นิมนฺเตตพฺโพ’’ติ เอติสฺสา ปาฬิยา สํวณฺณนาย ‘‘วุฏฺาตพฺพํ, นิมนฺเตตพฺโพติ ตทหุปสมฺปนฺนมฺปิ ทิสฺวา วุฏฺาตพฺพเมว, วุฏฺาย จ ‘อหํ อิมินา สุขนิสินฺโน วุฏฺาปิโต’ติ ปรมฺมุเขน น คนฺตพฺพํ, ‘อิทํ อาจริย อาสนํ, เอตฺถ นิสีทถา’ติ เอวํ นิมนฺเตตพฺโพเยวา’’ติ เอตฺเถว ‘‘อาจริยา’’ติ อาลปนวิเสโส วุตฺโต, น อฺตฺถ. ยทิ วุฑฺฒตเรนปิ ‘‘ภนฺเต’’อิจฺเจว วตฺตพฺโพ สิยา, อิธาปิ ‘‘อิทํ, ภนฺเต, อาสน’’นฺติ วตฺตพฺพํ ภเวยฺย, น ปน วุตฺตํ, ตสฺมา น เตสํ ตํ วจนํ สารโต ปจฺเจตพฺพํ. อิมสฺมึ ¶ ปน วินยสงฺคหปฺปกรเณ (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๒๓๗) ‘‘อาโรเจนฺเตน สเจ นวกตโร โหติ, ‘อาวุโส’ติ วตฺตพฺพํ. สเจ วุฑฺฒตโร, ‘ภนฺเต’ติ วตฺตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, อิทฺจ ‘‘เอเกน ภิกฺขุนา สทฺธิ’’นฺติ เหฏฺา วุตฺตตฺตา ตํ ปฏิคฺคาหกภูตํ ปกตตฺตํ ภิกฺขุํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
พหโว ปน ภิกฺขู ปาริวาสิกํ ภิกฺขุํ สงฺฆมชฺเฌ นิสีทาเปตฺวา วตฺตํ ยาจาเปตฺวา กมฺมวาจาปริโยสาเน สมาทาเปตฺวา อาโรจนมกาเรตฺวา สงฺฆมชฺฌโต นิกฺขมาเปตฺวา ปริสปริยนฺเต นิสีทาเปตฺวา ตตฺถ นิสินฺเนน อาโรจาเปตฺวา วตฺตํ นิกฺขิปาเปนฺติ, เอวํ กโรนฺตานฺจ เนสํ อยมธิปฺปาโย – อยํ ภิกฺขุ วตฺเต อสมาทินฺเน วุฑฺฒฏฺานิโยปิ โหติ, ตสฺมา ยาจนกาเล จ กมฺมวาจาสวนกาเล จ วตฺตสมาทานกาเล จ สงฺฆมชฺเฌ นิสีทนารโห โหติ, วตฺเต ปน สมาทินฺเน นวกฏฺานิโย, ตสฺมา น สงฺฆมชฺเฌ นิสีทนารโห, อาสนปริยนฺตภาคิตาย ¶ ปริสปริยนฺเตเยว นิสีทนารโหติ, ตเทตํ เอวํ วิจาเรตพฺพํ – อยํ ภิกฺขุ สงฺฆมชฺเฌ นิสีทมาโน อาสนํ คเหตฺวา ยถาวุฑฺฒํ นิสินฺโน น โหติ, อถ โข กมฺมารหภาเวน อาสนํ อคฺคเหตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา อุกฺกุฏิกเมว นิสินฺโน โหติ, กมฺมารโห จ นาม สงฺฆมชฺเฌเยว เปตพฺโพ โหติ, โน พหิ, ตสฺมา ‘‘สงฺฆมชฺเฌ นิสีทนารโห น โหตี’’ติ น สกฺกา วตฺตุํ ตสฺมึ กาเล, นิกฺขมาปิเต จ วตฺตาโรจนวตฺตนิกฺขิปนานํ อนิฏฺิตตฺตา อฺมฺํ อาหจฺจ สุฏฺุ นิสินฺนํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริตุมสกฺกุเณยฺยตฺตา, จีวรกณฺณปาทปิฏฺิอาทีหิ พาธิตตฺตา อคารวกิริยา วิย ทิสฺสติ, อาโรจนกิริยฺจ วตฺตนิกฺขิปนฺจ สงฺฆมชฺเฌเยว กตฺตพฺพํ ปริยนฺเต นิสีทิตฺวา กโรนฺโต อฏฺกถาวิโรโธ โหติ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๙๗) ‘‘วตฺตํ สมาทิยิตฺวา ตตฺเถว สงฺฆสฺส อาโรเจตพฺพํ…เป… อาโรเจตฺวา สเจ นิกฺขิปิตุกาโม, วุตฺตนเยเนว สงฺฆมชฺเฌ นิกฺขิปิตพฺพ’’นฺติ. กสฺมา? สมาทานฏฺาเนเยว อาโรจาเปตฺวา ตตฺเถว นิกฺขิปาเปตฺวา นิฏฺิตสพฺพกิจฺจเมว นิกฺขมาเปตฺวา อตฺตโน อาสเน นิสีทาเปนฺโต ายาคโตติ อมฺหากํ ขนฺติ.
ตถา สายํ วตฺตาโรจนกาเล พหูสุ ปาริวาสิเกสุ วุฑฺฒตรํ ปมํ สมาทาเปตฺวา อาโรจาเปตฺวา อนุกฺกเมน สพฺพปจฺฉา นวกตรํ สมาทาเปนฺติ อาโรจาเปนฺติ, ปาโต นิกฺขิปนกาเล ปน นวกตรํ ปมํ อาโรจาเปตฺวา นิกฺขิปาเปนฺติ, ตโต อนุกฺกเมน วุฑฺฒตรํ สพฺพปจฺฉา อาโรจาเปตฺวา นิกฺขิปาเปนฺติ. เตสํ อยมธิปฺปาโย สิยา – ยทา ทส ภิกฺขู ปกตตฺตา ¶ ทส ภิกฺขู ปาริวาสิกา โหนฺติ, ตทา วุฑฺฒตเรน ปมํ สมาทิยิตฺวา อาโรจิเต ตสฺส อาโรจนํ อวเสสา เอกูนวีสติ ภิกฺขู ¶ สุณนฺติ, ทุติยสฺส อฏฺารส, ตติยสฺส สตฺตรสาติ อนุกฺกเมน หายิตฺวา สพฺพนวกสฺส อาโรจนํ ทส ปกตตฺตา สุณนฺติ เสสานํ อปกตตฺตภาวโต. ตโต นิกฺขิปนกาเล สพฺพนวโก ปุพฺเพ อตฺตนา อาโรจิตานํ ทสนฺนํ ภิกฺขูนํ อาโรเจตฺวา นิกฺขิปติ, ตโต ปฏิโลเมน ทุติโย เอกาทสนฺนํ, ตติโย ทฺวาทสนฺนนฺติ อนุกฺกเมน วฑฺฒิตฺวา สพฺพเชฏฺโก อตฺตนา ปุพฺเพ อาโรจิตานํ เอกูนวีสติภิกฺขูนํ อาโรเจตฺวา นิกฺขิปติ, เอวํ ยถานุกฺกเมน นิกฺขิปนํ โหติ. สพฺพเชฏฺเก ปน ปมํ นิกฺขิตฺเต สติ ปุพฺเพ อตฺตนา อาโรจิตานํ นวนฺนํ ภิกฺขูนํ ตทา อปกตตฺตภาวโต อาโรจิตานํ สนฺติเก นิกฺขิปนํ น โหติ, ตถา เสสานํ. เตสํ ปน เอกจฺจานํ อูนํ โหติ, เอกจฺจานํ อธิกํ, ตสฺมา ยถาวุตฺตนเยน สพฺพนวกโต ปฏฺาย อนุกฺกเมน นิกฺขิปิตพฺพนฺติ.
เอวํวาทีนํ ปน เตสมายสฺมนฺตานํ วาเท ปกตตฺตาเยว ภิกฺขู อาโรเจตพฺพา โหนฺติ, โน อปกตตฺตา. ปุพฺเพ อาโรจิตานํเยว สนฺติเก วตฺตํ นิกฺขิปิตพฺพํ โหติ, โน อนาโรจิตานํ. เอวํ ปน ปกตตฺตาเยว ภิกฺขู อาโรเจตพฺพา น โหนฺติ, อถ โข อปกตตฺตาปิ ‘‘สเจ ทฺเว ปาริวาสิกา คตฏฺาเน อฺมฺํ ปสฺสนฺติ, อุโภหิ อฺมฺสฺส อาโรเจตพฺพ’’นฺติ อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา. ปุพฺเพ อาโรจิตานมฺปิ อนาโรจิตานมฺปิ สนฺติเก อาโรเจตฺวา นิกฺขิปิตพฺพเมว ‘‘สเจ โส ภิกฺขุ เกนจิเทว กรณีเยน ปกฺกนฺโต โหติ, ยํ อฺํ สพฺพปมํ ปสฺสติ, ตสฺส อาโรเจตฺวา นิกฺขิปิตพฺพ’’นฺติ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒) วุตฺตตฺตา, ตสฺมา ตถา อกโรนฺเตปิ สพฺเพสํ อาโรจิตตฺตา นตฺถิ โทโส. อปฺเปกจฺเจ ภิกฺขู ‘‘ปกตตฺตสฺเสวายํ อาโรจนา’’ติ มฺมานา สายํ วุฑฺฒปฏิปาฏิยา วตฺตํ สมาทิยิตฺวา อาโรเจตฺวา ¶ อตฺตโน สยนํ ปวิสิตฺวา ทฺวารชคฺคนสยนโสธนาทีนิ กโรนฺตา อฺเสํ อาโรจิตํ น สุณนฺติ. อปฺเปกจฺเจ ปาโต สยํ อาโรเจตฺวา นิกฺขิปิตฺวา อฺเสํ อาโรจนํ วา นิกฺขิปนํ วา อนาคเมตฺวา ภิกฺขาจาราทีนํ อตฺถาย คจฺฉนฺติ, เอวํ กโรนฺตานํ เตสํ อาโรจนํ เอกจฺจานํ อสุตภาวสมฺภวโต สาสงฺโก โหติ ปาริวาสิกานํ อฺมฺาโรจนสฺส ปกรเณสุ อาคตตฺตา. น เกวลํ สารตฺถทีปนิยํเยว, อถ โข วชิรพุทฺธิฏีกายมฺปิ (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๗๖) ‘‘สเจ ทฺเว ปาริวาสิกา คตฏฺาเน อฺมฺํ ปสฺสนฺติ, อุโภหิปิ อฺมฺสฺส อาโรเจตพฺพํ อวิเสเสน ‘อาคนฺตุเกน อาโรเจตพฺพํ, อาคนฺตุกสฺส อาโรเจตพฺพ’นฺติ วุตฺตตฺตา’’ติ วุตฺตํ.
ตถา ¶ อปฺเปกจฺเจ ปกตตฺตา ภิกฺขู ปาริวาสิเกสุ ภิกฺขูสุ สายํ วตฺตสมาทานตฺถํ ปกตตฺตสาลโต นิกฺขมิตฺวา อตฺตโน อตฺตโน สยนสมีปํ คเตสุ อตฺตโน สยนปฺาปนปอกฺขารปนอฺมฺอาลาปสลฺลาปกรณาทิวเสน อาโฬเลนฺตา ปาริวาสิกานํ วตฺตาโรจนํ น สุณนฺติ, น มนสิ กโรนฺติ. อปฺเปกจฺเจ ปาโต วตฺตนิกฺขิปนกาเล ปาริวาสิกภิกฺขูสุ วตฺตาโรจนวตฺตนิกฺขิปนานิ กโรนฺเตสุปิ นิทฺทาปสุตา หุตฺวา น สุณนฺติ. เอวํ กโรนฺตานมฺปิ เตสํ เอกจฺจานํ อสฺสุตสมฺภวโต วตฺตาโรจนํ สาสงฺกํ โหตีติ. โหตุ สาสงฺกํ, สุณนฺตานํ อสฺสุตสมฺภเวปิ อาโรจกานํ สมฺมาอาโรจเนน วตฺตสฺส ปริปุณฺณตฺตา โก โทโสติ เจ? อาโรจกานํ สมฺมา อาโรจิตตฺตา วตฺเต ปริปุณฺเณปิ วตฺตเภททุกฺกฏโตว วิมุตฺโต สิยา, น รตฺติจฺเฉทโต. วุตฺตฺหิ สมนฺตปาสาทิกายํ (จูฬว. อฏฺ. ๗๖) ‘‘สเจ วายมนฺโตปิ สมฺปาปุณิตุํ วา สาเวตุํ ¶ วา น สกฺโกติ, รตฺติจฺเฉโทว โหติ, น วตฺตเภททุกฺกฏ’’นฺติ.
อถฺเ ภิกฺขู วตฺตํ สมาทิยิตฺวา รตฺตึ นิปนฺนา นิทฺทาภาเวน มนุสฺสสทฺทมฺปิ สุณนฺติ, เภริอาทิสทฺทมฺปิ สุณนฺติ, สกฏนาวาทิยานสทฺทมฺปิ สุณนฺติ, เต เตน สทฺเทน อาสงฺกนฺติ ‘‘ภิกฺขูนํ นุ โข อย’’นฺติ, เต เตน การเณน รตฺติจฺเฉทํ มฺนฺติ. กสฺมา? ‘‘อยฺจ เนสํ ฉตฺตสทฺทํ วา อุกฺกาสิตสทฺทํ วา ขิปิตสทฺทํ วา สุตฺวา อาคนฺตุกภาวํ ชานาติ, คนฺตฺวา อาโรเจตพฺพํ. คตกาเล ชานนฺเตนปิ อนุพนฺธิตฺวา อาโรเจตพฺพเมว. สมฺปาปุณิตุํ อสกฺโกนฺตสฺส รตฺติจฺเฉโทว โหติ, น วตฺตเภททุกฺกฏ’’นฺติ (จูฬว. อฏฺ. ๗๖) วุตฺตตฺตาติ. เต เอวํ สฺาเปตพฺพา – มายสฺมนฺโต เอวํ มฺิตฺถ, นายํ ปาโ พหิสีมฏฺวเสน วุตฺโต, อถ โข อุปจารสีมฏฺวเสน วุตฺโต. วุตฺตฺหิ ตตฺเถว ‘‘เยปิ อนฺโตวิหารํ อปฺปวิสิตฺวา อุปจารสีมํ โอกฺกมิตฺวา คจฺฉนฺตี’’ติ. ตตฺถปิ อาคนฺตุกภาวสฺส ชานิตตฺตา รตฺติจฺเฉโท โหติ, ตสฺมา ทูเรสทฺทสวนมตฺเตน รตฺติจฺเฉโท นตฺถิ, ‘‘อยํ ภิกฺขูนํ สทฺโท, อยํ ภิกฺขูหิ วาทิตเภริฆณฺฏาทิสทฺโท, อยํ ภิกฺขูหิ ปาชิตสกฏนาวาทิสทฺโท’’ติ นิสินฺนฏฺานโต ชานนฺโตเยว รตฺติจฺเฉทกโร โหติ. เตนาห ‘‘อายสฺมา กรวีกติสฺสตฺเถโร ‘สมโณ อย’นฺติ ววตฺถานเมว ปมาณ’’นฺติ.
ทิวา ทูเร คจฺฉนฺตํ ชนกายํ ทิสฺวาปิ ‘‘อิเม ภิกฺขู นุ โข’’ติ ปริกปฺเปนฺตา รตฺติจฺเฉทํ มฺนฺติ, ตมฺปิ อการณํ. กสฺมา? ‘‘ภิกฺขู’’ติ ววตฺถานสฺส อภาวา. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ ‘‘นทีอาทีสุ นาวาย คจฺฉนฺตมฺปิ ปรตีเร ิตมฺปิ อากาเส คจฺฉนฺตมฺปิ ปพฺพตถลอรฺาทีสุ ¶ ทูเร ิตมฺปิ ภิกฺขุํ ทิสฺวา สเจ ‘ภิกฺขู’ติ ววตฺถานํ อตฺถิ, นาวาทีหิ วา คนฺตฺวา มหาสทฺทํ กตฺวา ¶ วา เวเคน อนุพนฺธิตฺวา วา อาโรเจตพฺพ’’นฺติ. อิติ ภิกฺขุํ ทิสฺวาปิ ‘‘ภิกฺขู’’ติ ววตฺถานเมว ปมาณํ. อภิกฺขุํ ปน ‘‘ภิกฺขู’’ติ ววตฺถาเน สนฺเตปิ วา อสนฺเตปิ วา กึ วตฺตพฺพํ อตฺถิ, พหโว ปน ภิกฺขู อิทํ รูปทสฺสนํ สทฺทสวนฺจ อาสงฺกนฺตา ‘‘ปภาเต สติ ตํ ทฺวยํ ภเวยฺย, ตสฺมา มนุสฺสานํ คมนกาลสทฺทกรณกาลโต ปุพฺเพเยว วตฺตํ นิกฺขิปิตพฺพ’’นฺติ มฺมานา อนุคฺคเตเยว อรุเณ วตฺตํ นิกฺขิปนฺติ, ตทยุตฺตํ รตฺติจฺเฉทตฺตาติ.
อถ ปน วินยธเรน ‘‘กิตฺตกา เต อาปตฺติโย, ฉาเทสิ, กีวตีหํ ปฏิจฺฉาเทสี’’ติ ปุฏฺโ สมาโน ‘‘อหํ, ภนฺเต, อาปตฺติปริยนฺตํ น ชานามิ, รตฺติปริยนฺตํ น ชานามิ, อาปตฺติปริยนฺตํ นสฺสรามิ, รตฺติปริยนฺตํ นสฺสรามิ, อาปตฺติปริยนฺเต เวมติโก, รตฺติปริยนฺเต เวมติโก’’ติ วุตฺเต ‘‘อยํ ภิกฺขุ สุทฺธนฺตปริวาสารโห’’ติ ตฺวา ตสฺสปิ ทุวิธตฺตา จูฬสุทฺธนฺตมหาสุทฺธนฺตวเสน ‘‘เตสุ อยํ ภิกฺขุ อิมสฺส อรโห’’ติ าปนตฺถํ อุปสมฺปทโต ปฏฺาย อนุโลมกฺกเมน วา อาโรจิตทิวสโต ปฏฺาย ปฏิโลมกฺกเมน วา ‘‘กิตฺตกํ กาลํ ตฺวํ อาโรจนอาวิกรณาทิวเสน สุทฺโธ’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม ภนฺเต, เอตฺตกํ กาลํ อหํ สุทฺโธมฺหี’’ติ วุตฺเต ‘‘อยํ ภิกฺขุ เอกจฺจํ รตฺติปริยนฺตํ ชานาติ, ตสฺมา จูฬสุทฺธนฺตารโห’’ติ ตฺวา ตสฺส สุทฺธกาลํ อปเนตฺวา อสุทฺธกาลวเสน ปริยนฺตํ กตฺวา จูฬสุทฺธนฺตปริวาโส ทาตพฺโพ. อยํ อุทฺธมฺปิ อาโรหติ, อโธปิ โอโรหติ. โย ปน อนุโลมวเสน วา ปฏิโลมวเสน วา ปุจฺฉิยมาโน ‘‘สกลมฺปิ รตฺติปริยนฺตํ อหํ น ชานามิ นสฺสรามิ, เวมติโก โหมี’’ติ วุตฺเต ‘‘อยํ ภิกฺขุ สกลมฺปิ รตฺติปริยนฺตํ น ชานาติ, ตสฺมา มหาสุทฺธนฺตารโห’’ติ ตฺวา ตสฺส อุปสมฺปทโต ปฏฺาย ยาว วตฺตสมาทานา เอตฺตกํ กาลํ ปริยนฺตํ กตฺวา มหาสุทฺธนฺตปริวาโส ¶ ทาตพฺโพ. อุทฺธํอาโรหนอโธโอโรหนภาโว ปเนสํ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒) วุตฺโตเยว. อิโต ปรมฺปิ วิธานํ อฏฺกถายํ อาคตนเยเนว ทฏฺพฺพํ.
อิทานิ ปน พหโว ภิกฺขู ‘‘อยํ จูฬสุทฺธนฺตารโห, อยํ มหาสุทฺธนฺตารโห’’ติ อวิจินนฺตา อนฺโตกมฺมวาจายํ ‘‘อาปตฺติปริยนฺตํ น ชานาติ, รตฺติปริยนฺตํ น ชานาติ, อาปตฺติปริยนฺตํ นสฺสรติ, รตฺติปริยนฺตํ นสฺสรติ, อาปตฺติปริยนฺเต เวมติโก, รตฺติปริยนฺเต เวมติโก’’ติ ¶ อวิเสสวจนเมว มนสิ กโรนฺตา ‘‘อิมาย กมฺมวาจาย ทินฺนํ สุทฺธนฺตปริวาสํ คเหตฺวา ปฺจาหมตฺตํ วา ทสาหมตฺตํ วา ปริวสิตฺวา อปริยนฺตรตฺติปฏิจฺฉาทิตาหิ อปริยนฺตาหิ อาปตฺตีหิ โมกฺโข โหตี’’ติ มฺนฺตา ปฺจาหมตฺตํ วา ทสาหมตฺตํ วา ปริวสิตฺวา มานตฺตํ ยาจนฺติ, เอวํ กโรนฺตา เต ภิกฺขู สหสฺสกฺขตฺตุํ ปริวสนฺตาปิ อาปตฺติโต น มุจฺเจยฺยุํ. กสฺมาติ เจ? ปาฬิยา จ อฏฺกถาย จ วิรุชฺฌนโต. วุตฺตฺหิ ปาฬิยํ (ปารา. ๔๔๒) ‘‘ยาวตีหํ ชานํ ปฏิจฺฉาเทติ, ตาวตีหํ เตน ภิกฺขุนา อกามา ปริวตฺถพฺพํ. ปริวุตฺถปริวาเสน ภิกฺขุนา อุตฺตริ ฉารตฺตํ ภิกฺขุมานตฺตาย ปฏิปชฺชิตพฺพํ. จิณฺณมานตฺโต ภิกฺขุ ยตฺถ สิยา วีสติคโณ ภิกฺขุสงฺโฆ, ตตฺถ โส ภิกฺขุ อพฺเภตพฺโพ’’ติ, ตสฺมา ปฏิจฺฉนฺนทิวสมตฺตํ อปริวสิตฺวา มานตฺตารโห นาม น โหติ, อมานตฺตารหสฺส มานตฺตทานํ น รุหติ, อจิณฺณมานตฺโต อพฺภานารโห น โหติ, อนพฺภานารหสฺส อพฺภานํ น รุหติ, อนพฺภิโต ภิกฺขุ อาปตฺติมุตฺโต ปกตตฺโต น โหตีติ อยเมตฺถ ภควโต อธิปฺปาโย.
อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒) ปน จูฬสุทฺธนฺเต ‘‘ตํ คเหตฺวา ปริวสนฺเตน ยตฺตกํ กาลํ อตฺตโน สุทฺธึ ชานาติ, ตตฺตกํ อปเนตฺวา ¶ อวเสสํ มาสํ วา ทฺวิมาสํ วา ปริวสิตพฺพ’’นฺติ, มหาสุทฺธนฺเต ‘‘ตํ คเหตฺวา คหิตทิวสโต ยาว อุปสมฺปททิวโส, ตาว รตฺติโย คเณตฺวา ปริวสิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, ตสฺมา ปฏิจฺฉนฺนรตฺติปฺปมาณํ ปริวสนฺโตเยว มานตฺตารโห โหติ, น ปฺจาหทสาหรตฺติปฺปมาณมตฺตํ ปริวสนฺโตติ อยํ อฏฺกถาจริยานํ อธิปฺปาโย. เตเนว จ การเณน เทสนาอาโรจนาทีหิ สพฺพกาลํ อาปตฺตึ โสเธตฺวา วสนฺตานํ ลชฺชีเปสลานํ สิกฺขากามานํ ภิกฺขูนํ สุทฺธนฺตปริวาสํ ทาตุํ อยุตฺตรูโป, เทสนาอาโรจนาทีหิ อาปตฺตึ อโสเธตฺวา ปมาทวเสน จิรกาลํ วสนฺตานํ ชนปทวาสิกาทีนํ ทาตุํ ยุตฺตรูโปติ เวทิตพฺพํ. เอตฺถาปิ อวเสสวินิจฺฉโย อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
อถ ปน วินยธเรน ‘‘ตฺวํ, อาวุโส, กตรอาปตฺตึ อาปนฺโน, กติ รตฺติโย เต ฉาทิตา’’ติ ปุฏฺโ ‘‘อหํ, ภนฺเต, สงฺฆาทิเสสํ อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ปกฺขมตฺตํ ปฏิจฺฉาทิตา, เตนาหํ สงฺฆํ ปกฺขปริวาสํ ยาจิตฺวา สงฺเฆน ทินฺเน ปกฺขปริวาเส ปริวสิตฺวา อนิกฺขิตฺตวตฺโตว หุตฺวา อนฺตรา สงฺฆาทิเสสาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ปฺจาหมตฺตํ ฉาทิตา’’ติ วุตฺเต ‘‘อยํ ภิกฺขุ สโมธานปริวาสารโห, ตีสุ จ สโมธานปริวาเสสุ โอธานสโมธานารโห’’ติ ตฺวา ¶ ‘‘เตน หิ ภิกฺขุ ตฺวํ มูลายปฏิกสฺสนารโห’’ติ วตฺวา ตํ มูลาย ปฏิกสฺสิตฺวา ปริวุตฺถทิวเส อทิวเส กตฺวา อนฺตรา ปฏิจฺฉนฺเน ปฺจ ทิวเส มูลาปตฺติยา ปฏิจฺฉนฺเนสุ ทิวเสสุ สโมธาเนตฺวา โอธานสโมธาโน ทาตพฺโพ. อิโต ปรานิ โอธานสโมธาเน วตฺตพฺพวจนานิ ปาฬิยํ อฏฺกถายฺจ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานิ.
อถ ปน วินยธเรน ปุฏฺโ ‘‘อหํ, ภนฺเต, สมฺพหุลา สงฺฆาทิเสสา อาปตฺติโย อาปชฺชึ, สมฺพหุลา อาปตฺติโย ¶ เอกาหปฺปฏิจฺฉนฺนาโย…เป… สมฺพหุลา อาปตฺติโย ทสาหปฺปฏิจฺฉนฺนาโย’’ติ วุตฺเต ‘‘อยํ ภิกฺขุ อคฺฆสโมธานารโห’’ติ ตฺวา ตาสํ อาปตฺตีนํ ยา อาปตฺติโย จิรตรปฺปฏิจฺฉนฺนาโย, ตาสํ อคฺเฆน สโมธานปริวาโส ทาตพฺโพ. ตตฺเรวํ วทนฺติ – ‘‘ยา อาปตฺติโย จิรตรปฺปฏิจฺฉนฺนาโย, ตาสํ อคฺเฆน สโมธานปริวาโส ทาตพฺโพ’’ติ วุตฺโต, เอวํ สนฺเต ปกฺขปฺปฏิจฺฉนฺนมาสปฺปฏิจฺฉนฺนาทีสุ กถนฺติ? เตสุปิ ‘‘ยา อาปตฺติโย ปกฺขปฺปฏิจฺฉนฺนาโย, ยา อาปตฺติโย มาสปฺปฏิจฺฉนฺนาโย’’ติ วตฺตพฺโพติ. ยทิ เอวํ ปาฬิวิโรโธ อาปชฺชติ. ปาฬิยฺหิ ทสาหปฺปฏิจฺฉนฺนปริโยสานา เอว อาปตฺติ ทสฺสิตา, น ปกฺขปฺปฏิจฺฉนฺนมาสปฺปฏิจฺฉนฺนาทโยติ? สจฺจํ, ปาฬิยํ ตถาทสฺสนํ ปน นยทสฺสนมตฺตํ. ตถา หิ วุตฺตํ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒) ‘‘ปฺจทส ทิวสานิ ปฏิจฺฉนฺนาย ‘ปกฺขปฺปฏิจฺฉนฺน’นฺติ วตฺวา โยชนา กาตพฺพา…เป… เอวํ ยาว สฏฺิสํวจฺฉรํ, อติเรกสฏฺิสํวจฺฉรปฺปฏิจฺฉนฺนนฺติ วา ตโต วา ภิยฺโยปิ วตฺวา โยชนา กาตพฺพา’’ติ. มหาปทุมตฺเถเรนปิ วุตฺตํ ‘‘อยํ สมุจฺจยกฺขนฺธโก นาม พุทฺธานํ ิตกาลสทิโส, อาปตฺติ นาม ปฏิจฺฉนฺนา วา โหตุ อปฺปฏิจฺฉนฺนา วา สมกอูนตรอติเรกปฺปฏิจฺฉนฺนา วา, วินยธรสฺส กมฺมวาจํ โยเชตุํ สมตฺถภาโวเยเวตฺถ ปมาณ’’นฺติ, ตสฺมา ปกฺขปฺปฏิจฺฉนฺนาทีนํ กมฺมวาจากรเณ กุกฺกุจฺจํ น กาตพฺพนฺติ.
โหตุ, เอวมฺปิ ปกฺขปฺปฏิจฺฉนฺนํ ปริยนฺตํ กตฺวา กตาย กมฺมวาจาย ตโต อุทฺธํ อาปตฺติ นตฺถีติ กถํ ชาเนยฺยาติ? อิทานิ สิกฺขากามา ภิกฺขู เทวสิกมฺปิ เทสนาโรจนาวิกรณานิ กโรนฺติ เอกาหิกทฺวีหิกาทิวเสนปิ, กิจฺจปสุตา หุตฺวา ตถา อสกฺโกนฺตาปิ อุโปสถทิวสํ นาติกฺกมนฺติ, คิลานาทิวเสน ตทติกฺกนฺตาปิ อติกฺกนฺตภาวํ ¶ ชานนฺติ, ตสฺมา ตทติกฺกนฺตภาเว สติ อติเรกปกฺขปฺปฏิจฺฉนฺนมาสปฺปฏิจฺฉนฺนาทิวเสน วฑฺเฒตฺวา กมฺมวาจํ กเรยฺย, ตทติกฺกนฺตภาเว ปน อสติ ปกฺขปฺปฏิจฺฉนฺนปริยนฺตา ¶ โหติ, ตสฺมา ปกฺขปริยนฺตกมฺมวาจากรณํ ายาคตํ โหตีติ ทฏฺพฺพํ.
เอวํ โหตุ, ตถาปิ ยเทตํ ‘‘สมฺพหุลา อาปตฺติโย เอกาหปฺปฏิจฺฉนฺนาโย…เป… สมฺพหุลา อาปตฺติโย ปกฺขปฺปฏิจฺฉนฺนาโย’’ติ วุตฺตํ, ตตฺถ อิมินาเยว อนุกฺกเมน มยา ปฏิจฺฉาทิตา อาปตฺติโย โหนฺตีติ กถํ ชาเนยฺย, อชานเน จ สติ ‘‘ยา จ ขฺวายํ, อาวุโส, อาปตฺติ อชานปฺปฏิจฺฉนฺนา, อธมฺมิกํ ตสฺสา อาปตฺติยา ปริวาสทานํ, อธมฺมตฺตา น รุหตี’’ติ อิทํ อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ. ตตฺถ หิ อาปตฺติยา อาปนฺนภาวํ อชานนฺโต หุตฺวา ปฏิจฺฉาเทติ, ตสฺมา ‘‘อาปตฺติ จ โหติ อาปตฺติสฺี จา’’ติ วุตฺตอาปตฺติสฺิตาภาวา อปฺปฏิจฺฉนฺนเมว โหติ, ตสฺมา อปฺปฏิจฺฉนฺนาย อาปตฺติยา ปริวาสทานํ อธมฺมิกํ โหติ. อิธ ปน ‘‘เอตฺตกา รตฺติโย มยา ฉาทิตา’’ติ ฉนฺนกาลเมว น ชานาติ, ตทชานภาเว สติปิ ปริวาสทานํ รุหติ. เตเนว จ การเณน สุทฺธนฺตปริวาเส (จูฬว. ๑๕๖-๑๕๗) ‘‘อาปตฺติปริยนฺตํ น ชานาติ, รตฺติปริยนฺตํ น ชานาติ, อาปตฺติปริยนฺตํ นสฺสรติ, รตฺติปริยนฺตํ นสฺสรติ, อาปตฺติปริยนฺเต เวมติโก, รตฺติปริยนฺเต เวมติโก’’ติ รตฺติปริยนฺตสฺส อชานนอสรณเวมติกภาเว สติปิ ปริวาสทานํ วุตฺตํ, ตสฺมา ฉาทิตกาลํ ตถโต อชานนฺโตปิ ‘‘สมฺพหุลา อาปตฺติโย เอกาหปฺปฏิจฺฉนฺนาโย…เป… สมฺพหุลา อาปตฺติโย ปกฺขปฺปฏิจฺฉนฺนาโย’’ติ เอตฺถ อปฺปวิฏฺสฺส อภาวา สมฺปชฺชติเยวาติ ทฏฺพฺพํ.
อถาปิ ¶ เอวํ วเทยฺยุํ – ‘‘สมฺพหุลา อาปตฺติโย เอกาหปฺปฏิจฺฉนฺนาโย…เป… สมฺพหุลา อาปตฺติโย ปกฺขปฺปฏิจฺฉนฺนาโย’’ติ วุตฺเต เตสุ ทิวเสสุ อาปตฺติโย อตฺถิ ปฏิจฺฉนฺนาโยปิ, อตฺถิ อปฺปฏิจฺฉนฺนาโยปิ, อตฺถิ จิรปฺปฏิจฺฉนฺนาโยปิ, อตฺถิ อจิรปฺปฏิจฺฉนฺนาโยปิ, อตฺถิ เอกาปิ, อตฺถิ สมฺพหุลาปิ, สพฺพา ตา อาปตฺติโย เอเตเนว ปเทน สงฺคหิตา สิยุนฺติ? สงฺคหิตา เอว. น เหตฺถ สํสโย กาตพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒) ‘‘อฺสฺมึ ปน อาปตฺติวุฏฺาเน อิทํ ลกฺขณํ – โย อปฺปฏิจฺฉนฺนํ อาปตฺตึ ‘ปฏิจฺฉนฺนา’ติ วินยกมฺมํ กโรติ, ตสฺส อาปตฺติ วุฏฺาติ. โย ปฏิจฺฉนฺนํ ‘อปฺปฏิจฺฉนฺนา’ติ วินยกมฺมํ กโรติ, ตสฺส น วุฏฺาติ. อจิรปฺปฏิจฺฉนฺนํ ‘จิรปฺปฏิจฺฉนฺนา’ติ กโรนฺตสฺสปิ วุฏฺาติ, จิรปฺปฏิจฺฉนฺนํ ‘อจิรปฺปฏิจฺฉนฺนา’ติ กโรนฺตสฺส น วุฏฺาติ. เอกํ อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ‘สมฺพหุลา’ติ กโรนฺตสฺสปิ วุฏฺาติ เอกํ วินา สมฺพหุลานํ อภาวโต. สมฺพหุลา ปน อาปชฺชิตฺวา ¶ ‘เอกํ อาปชฺชิ’นฺติ กโรนฺตสฺส น วุฏฺาตี’’ติ, ตสฺมา เอเตหิ ปเทหิ สพฺพาสํ ปฏิจฺฉนฺนาปตฺตีนํ สงฺคหิตตฺตา ตาหิ อาปตฺตีหิ วุฏฺานํ สมฺภวตีติ ทฏฺพฺพํ.
อถ ปน วินยธเรน ปุฏฺโ ‘‘อหํ, ภนฺเต, สมฺพหุลา สงฺฆาทิเสสา อาปตฺติโย อาปชฺชึ เอกํ สุกฺกวิสฺสฏฺึ, เอกํ กายสํสคฺคํ, เอกํ ทุฏฺุลฺลวาจํ, เอกํ อตฺตกามํ, เอกํ สฺจริตฺตํ, เอกํ กุฏิการํ, เอกํ วิหารการํ, เอกํ ทุฏฺโทสํ, เอกํ อฺภาคิยํ, เอกํ สงฺฆเภทํ, เอกํ เภทานุวตฺตกํ, เอกํ ทุพฺพจํ, เอกํ กุลทูสก’’นฺติ วุตฺเต ‘‘อยํ ภิกฺขุ มิสฺสกสโมธานปริวาสารโห’’ติ ตฺวา อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒) อาคตนเยน ปริวาโส ทาตพฺโพ. เอตฺถาห – อคฺฆสโมธานมิสฺสกสโมธานานํ โก วิเสโส, กึ นานากรณนฺติ? วุจฺจเต – อคฺฆสโมธานปริวาโส อจิรปฺปฏิจฺฉนฺนา ¶ อาปตฺติโย จิรปฺปฏิจฺฉนฺนายํ อาปตฺติยํ สโมธาเนตฺวา ตสฺสา จิรปฺปฏิจฺฉนฺนาย อาปตฺติยา อคฺฆวเสน ทียติ, มิสฺสกสโมธานปริวาโส นานาวตฺถุกา อาปตฺติโย สโมธาเนตฺวา ตาสํ มิสฺสกวเสน ทียติ, อยเมเตสํ วิเสโส. อถ วา อคฺฆสโมธาโน สภาควตฺถูนํ อาปตฺตีนํ สโมธานวเสน โหติ, อิตโร วิสภาควตฺถูนนฺติ อาจริยา. เตเนวาห อาจริยวชิรพุทฺธิตฺเถโร (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๑๐๒) ‘‘อคฺฆสโมธาโน นาม สภาควตฺถุกาโย สมฺพหุลา อาปตฺติโย อาปนฺนสฺส พหุรตฺตึ ปฏิจฺฉาทิตาปตฺติยํ นิกฺขิปิตฺวา ทาตพฺโพ, อิตโร นานาวตฺถุกานํ วเสนาติ อยเมเตสํ วิเสโส’’ติ.
อถ สิยา ‘‘เอวํ จิรปฺปฏิจฺฉนฺนาโย จ อจิรปฺปฏิจฺฉนฺนาโย จ นานาวตฺถุกาโย อาปตฺติโย อาปชฺชนฺตสฺส โก ปริวาโส ทาตพฺโพ อคฺฆสโมธาโน วา มิสฺสกสโมธาโน วา, อถ ตทุภยา วา’’ติ. กิฺเจตฺถ – ยทิ อคฺฆสโมธานํ ทเทยฺย, จิรปฺปฏิจฺฉนฺนาหิ จ อจิรปฺปฏิจฺฉนฺนาหิ จ สภาควตฺถุกาหิ อาปตฺตีหิ วุฏฺิโต ภเวยฺย, จิรปฺปฏิจฺฉนฺนาหิ จ อจิรปฺปฏิจฺฉนฺนาหิ จ โน วิสภาควตฺถุกาหิ. ยทิ จ มิสฺสกสโมธานํ ทเทยฺย, สมานกาลปฺปฏิจฺฉนฺนาหิ วิสภาควตฺถูหิ อาปตฺตีหิ วุฏฺิโต ภเวยฺย, โน อสมานกอาลปฺปฏิจฺฉนฺนาหิ สภาควตฺถุกาหิ จ, อถ ตทุภยมฺปิ ทเทยฺย, ‘‘เอกสฺมึ กมฺเม ทฺเว ปริวาสา ทาตพฺพา’’ติ เนว ปาฬิยํ, น อฏฺกถายํ วุตฺตนฺติ? วุจฺจเต – อิทฺหิ สพฺพมฺปิ ปริวาสาทิกํ วินยกมฺมํ วตฺถุวเสน วา โคตฺตวเสน วา นามวเสน วา อาปตฺติวเสน วา กาตุํ วฏฺฏติเยว.
ตตฺถ ¶ ¶ สุกฺกวิสฺสฏฺีติ วตฺถุ เจว โคตฺตฺจ. สงฺฆาทิเสโสติ นามฺเจว อาปตฺติ จ. ตตฺถ ‘‘สุกฺกวิสฺสฏฺึ กายสํสคฺค’’นฺติอาทิวจเนนาปิ ‘‘นานาวตฺถุกาโย’’ติ วจเนนปิ วตฺถุ เจว โคตฺตฺจ คหิตํ โหติ, ‘‘สงฺฆาทิเสโส’’ติ วจเนนปิ ‘‘อาปตฺติโย’’ติ วจเนนปิ นามฺเจว อาปตฺติ จ คหิตา โหติ, ตสฺมา อคฺฆสโมธานวเสน ปริวาเส ทินฺเน ‘‘อหํ, ภนฺเต, สมฺพหุลา สงฺฆาทิเสสา อาปตฺติโย อาปชฺชิ’’นฺติอาทิวจเนเนว วตฺถุสฺส จ โคตฺตสฺส จ นามสฺส จ อาปตฺติยา จ คหิตตฺตา จิรปฺปฏิจฺฉนฺนาหิ อจิรปฺปฏิจฺฉนฺนาหิ จ สภาควตฺถุกาหิ จ วิสภาควตฺถุกาหิ จ สพฺพาหิ อาปตฺตีหิ วุฏฺาตีติ ทฏฺพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘เอตฺถ จ ‘สงฺฆาทิเสสา อาปตฺติโย อาปชฺชึ นานาวตฺถุกาโย’ติปิ ‘สงฺฆาทิเสสา อาปตฺติโย อาปชฺชิ’นฺติปิ เอวํ ปุพฺเพ วุตฺตนเยน วตฺถุวเสนปิ โคตฺตวเสนปิ นามวเสนปิ อาปตฺติวเสนปิ โยเชตฺวา กมฺมวาจํ กาตุํ วฏฺฏติเยวาติ อยํ มิสฺสกสโมธาโน’’ติ, อิมสฺมิฺจ วินยสงฺคหปฺปกรเณ (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๒๔๕) ตเถว วตฺวา ‘‘ตสฺมา น อิธ วิสุํ กมฺมวาจํ โยเชตฺวา ทสฺสยิสฺสาม, ปุพฺเพ สพฺพาปตฺติสาธารณํ กตฺวา โยเชตฺวา ทสฺสิตาย เอว กมฺมวาจาย นานาวตฺถุกาหิปิ อาปตฺตีหิ วุฏฺานสมฺภวโต สาเยเวตฺถ กมฺมวาจา อล’’นฺติ.
ยทิ เอวํ อาจริยวชิรพุทฺธิตฺเถเรน ทฺวินฺนํ วิเสโส น วตฺตพฺโพ, อถ กสฺมา วุตฺโตติ? ตีสุ สโมธานปริวาเสสุ โอธานสโมธาโน มูลายปฏิกสฺสนาย โอธูนิตกาเลเยว ทาตพฺโพ, อคฺฆสโมธานมิสฺสกสโมธานปริวาสา ปน วิสุํเยว ทาตพฺพา. ‘‘เอวํ ทินฺเน เอเตสํ ¶ โก วิเสโส’’ติ จินฺตายํ วิเสสสมฺภวมตฺตทสฺสนตฺถํ วุตฺโต. อฏฺกถายํ ปน ปริวาสาทิกมฺมสฺส ลกฺขณํ ทสฺเสตุํ ‘‘วตฺถุวเสน วา’’ติอาทิมาห, ตสฺมา ลกฺขณวเสเนว สภาควตฺถุกาหิปิ อาปตฺตีหิ วุฏฺานํ สมฺภวติ. เตเนว จ การเณน สารตฺถทีปนินามิกายํ วินยฏีกายฺจ วิมติวิโนทนินามิกายํ วินยฏีกายฺจ น โกจิ วิเสโส วุตฺโตติ ทฏฺพฺโพ.
ยทิ เอวํ มิสฺสกสโมธานกมฺมวาจายปิ จิรปฺปฏิจฺฉนฺนาหิ อจิรปฺปฏิจฺฉนฺนาหิปิ อาปตฺตีหิ วุฏฺานํ สมฺภเวยฺย. ตตฺถปิ หิ ‘‘อหํ, ภนฺเต, สมฺพหุลา สงฺฆาทิเสสา อาปตฺติโย อาปชฺชึ นานาวตฺถุกาโย’’ติปิ ‘‘เอกา สุกฺกวิสฺสฏฺิ…เป… เอกา กุลทูสกา’’ติปิ วตฺตพฺพํ. เอวํ สติ ‘‘สมฺพหุลา’’ติปิ ‘‘สงฺฆาทิเสสา อาปตฺติโย’’ติปิ วตฺถุโคตฺตนามาปตฺตีหิ กิตฺตนสมฺภวโต จิรปฺปฏิจฺฉนฺนาหิปิ อจิรปฺปฏิจฺฉนฺนาหิปิ อาปตฺตีหิ วุฏฺานํ สมฺภเวยฺยาติ? น ปเนวํ ทฏฺพฺพํ. วตฺถาทิกิตฺตนฺหิ สพฺพาปตฺตีนํ คณฺหนตฺถํ โหติ. เอวํ คณฺหนฺเตปิ ปฏิจฺฉนฺนกาลสฺส ¶ อกถิตตฺตา ‘‘เอตฺตกํ นาม กาลํ ปริวสิตพฺพ’’นฺติ น ปฺายติ, ตสฺมึ อปฺายมาเน เตน ปมาเณน ปริวาโส น โหติ, ตสฺมึ อสติ อาปตฺติโต วุฏฺานํ น สมฺภวติ, ตสฺมา มิสฺสกสโมธานกมฺมวาจาย จิรปฺปฏิจฺฉนฺนาหิปิ อจิรปฺปฏิจฺฉนฺนาหิปิ อาปตฺตีหิ วุฏฺานํ น สมฺภวตีติ ทฏฺพฺพํ.
ปริวาสวินิจฺฉยกถา นิฏฺิตา.
มานตฺตวินิจฺฉยกถา
มานตฺตกถายมฺปิ มานตฺตํ นาม อปฺปฏิจฺฉนฺนมานตฺตํ ปฏิจฺฉนฺนมานตฺตํ ปกฺขมานตฺตํ สโมธานมานตฺตนฺติ จตุพฺพิธํ โหติ. ตตฺถ ¶ โย ภิกฺขุ สงฺฆาทิเสสํ อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ตํ ทิวสเมว อาโรเจติ, เอกรตฺติมตฺตมฺปิ น ปฏิจฺฉาเทติ, ตสฺส ปริวาสํ อทตฺวาว ทินฺนํ มานตฺตํ อปฺปฏิจฺฉนฺนมานตฺตํ นาม. โย อาปชฺชิตฺวา ทสหิ อากาเรหิ วินา ตํ ทิวสํ นาโรเจติ, เอกรตฺตาทิวเสน ปฏิจฺฉาเทติ, ตตฺถ ยถาปฏิจฺฉนฺนทิวสํ ปริวาสํ ทตฺวา ปริวุตฺถปริวาสสฺส ทินฺนํ มานตฺตํ ปฏิจฺฉนฺนมานตฺตํ นาม. อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ปฏิจฺฉนฺนาย วา อปฺปฏิจฺฉนฺนาย วา ภิกฺขุนิยา ปกฺขมตฺตเมว ทินฺนํ มานตฺตํ ปกฺขมานตฺตํ นาม. ภิกฺขุ ปน ปฏิจฺฉนฺนาย อาปตฺติยา ปริวสิตฺวา อนิกฺขิตฺตวตฺตกาเลเยว ปุน อาปชฺชิตฺวา น ปฏิจฺฉาเทติ, ตสฺส มูลาย ปฏิกสฺสิตฺวา ปริวุตฺถทิวเส อทิวเส กตฺวา อปฺปฏิจฺฉาทิตตฺตา สโมธานปริวาสํ อทตฺวา ทินฺนํ มานตฺตํ สโมธานมานตฺตํ นาม. มานตฺตารหกาเลปิ มานตฺตจรณกาเลปิ อพฺภานารหกาเลปิ เอเสว นโย. เตสุ ตีณิ มานตฺตานิ อฏฺกถายํ วุตฺตนเยน สุวิฺเยฺยตฺตา น วุตฺตานิ. ปกฺขมานตฺตํ ปจฺฉา อาคมิสฺสติ.
ยานิ ปน ปริวาสมานตฺตานิ อนวฏฺิตตฺตา ปุถุชฺชนสฺส คิหิอาทิวเสน ปริวตฺตเน สติ ปุน ทาตพฺพาทาตพฺพภาเว สงฺกิตพฺพานิ, ตานิ ทสฺเสตุํ ปาฬิยํ อเนเกหิ ปกาเรหิ วิตฺถารโต วุตฺตานิ. เตสุ ภิกฺขูนํ สํสยวิโนทนตฺถาย เอกเทสํ ทสฺเสตุํ ‘‘สเจ โกจี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ วิพฺภมตีติ วิรูโป หุตฺวา ภมติ, หีนายาวตฺตติ คิหี โหตีติ อตฺโถ. สามเณโร โหตีติ อุปสมฺปนฺนภาวํ ชหิตฺวา สามเณรภาวํ อุปคจฺฉติ. ตตฺถ ปาราชิกปฺปตฺตภาเวน วา ‘‘คิหีติ มํ ธาเรถา’’ติอาทินา สิกฺขาปจฺจกฺขาเนน วา คิหี โหติ ¶ . เตสุ ปเมน ปุน อุปสมฺปทาย อภพฺพตฺตา ปุน ปริวาโส น รุหติเยว, ทุติเยน ปน ปุน อุปสมฺปทาย ภพฺพตฺตา ‘‘โส เจ ปุน อุปสมฺปชฺชตี’’ติ ¶ วุตฺตํ. อิตโร ปน ปาราชิกปฺปตฺตภาเวน สามเณโร น โหติ. กสฺมา? สรณคมนาทีนํ วินสฺสนโต. วุตฺตฺหิ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๐๘) ‘‘อุปสมฺปนฺนานมฺปิ ปาราชิกสมอาปตฺติยา สรณคมนาทิสามเณรภาวสฺสปิ วินสฺสนโต เสนาสนคฺคาโห จ ปฏิปฺปสฺสมฺภติ, สงฺฆลาภมฺปิ เตน ลภนฺตีติ เวทิตพฺพ’’นฺติ, คิหี ปน หุตฺวา ปุน สามเณรภาวมตฺตํ ลทฺธพฺพํ โหติ. ‘‘สามเณโรติ มํ ธาเรถา’’ติอาทินา ปน สิกฺขาปจฺจกฺขาเน กเต สิยา สามเณรภาโว, ตโตปิ ปุน อุปสมฺปชฺชิตุกามตาย สติ สิยา อุปสมฺปนฺนภาโว. ‘‘คิหีติ มํ ธาเรถา’’ติอาทินา สิกฺขาปจฺจกฺขานํ กตฺวา คิหิภาวํ อุปคเตปิ ปุน สามเณรปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา สามเณโร โหติ. ตโต ปุน อุปสมฺปชฺชิตุํ ลทฺธพฺพตฺตา ‘‘ปุน อุปสมฺปชฺชตี’’ติ วุตฺโต. เตสํ ภิกฺขุภาเว ปริวาเส อนิฏฺิเตปิ คิหิสามเณรภาวํ ปตฺตตฺตา ปริวาโส น รุหติ อุปสมฺปนฺนานเมว ปริวาสสฺส ภควตา ปฺตฺตตฺตาติ อตฺโถ.
เอวํ สนฺเต ปุน อุปสมฺปชฺชนฺตสฺส กึ ปริวาโส ปุน ทาตพฺโพติ อาห ‘‘โส เจ ปุน อุปสมฺปชฺชตี’’ติอาทิ. ตสฺสตฺโถ – โส วิพฺภนฺตโก โส วา สามเณโร ปุน อุปสมฺปนฺนภาวํ อุปคจฺฉติ, ปุริมํ ปุพฺเพ ภิกฺขุภูตกาเล ทินฺนํ ปริวาสทานํ เอว อิทานิ ปริวาสทานํ โหติ. โย ปริวาโส ปุพฺเพ ภิกฺขุภูตกาเล ทินฺโน, โส ปริวาโส สุทินฺโน, ทุทินฺโน น โหติ. โย ยตฺตโก กาโล ปริวุตฺโถ, โส ตตฺตโก กาโล สุปริวุตฺโถเยว โหติ, น ทุปริวุตฺโถ, ตสฺมา อวเสโส กาโล ปริวสิตพฺโพติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ปุพฺเพ ภิกฺขุกาเล ปกฺขปฺปฏิจฺฉนฺนาย อาปตฺติยา ปริวาสํ คเหตฺวา ทสทิวสมตฺตํ ปริวสิตฺวา อนิฏฺิเตเยว ปริวาเส วิพฺภมิตฺวา สามเณโร ¶ วา หุตฺวา ปุน อุปสมฺปนฺเนน อวเสสปฺจทิวเส ปริวสิตฺวา ปริวาโส นิฏฺาเปตพฺโพติ. มานตฺตารหาทีสุปิ เอเสว นโย. อุมฺมตฺตกาทีสุปิ ตสฺมึ กาเล อชานนฺตตฺตา ‘‘ปริวาโส น รุหตี’’ติ วุตฺตํ. ติณฺณมฺปิ อุกฺขิตฺตกานํ กมฺมนานาสํวาสกตฺตา เตหิ สหสํวาโสเยว นตฺถีติ อุกฺขิตฺตกานํ ปริวาโส น รุหตีติ วุตฺตํ.
สเจ ปุน โอสารียตีติ อุกฺเขปนียกมฺมํ ปฏิปฺปสฺสมฺภนวเสน สมานสํวาสกภาวํ ปเวสียติ. ‘‘สเจ กสฺสจิ ภิกฺขุโน อิตฺถิลิงฺคํ ปาตุภวตี’’ติอาทีสุ อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว อตฺโถ สุวิฺเยฺโย โหติ. ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘ปกฺขมานตฺตํ ปจฺฉา อาคมิสฺสตี’’ติ, ตตฺเรวํ ¶ ชานิตพฺพํ – ปกฺขมานตฺตนฺติ ภิกฺขุนิยา ทาตพฺพมานตฺตํ. ตํ ปน ปฏิจฺฉนฺนายปิ อปฺปฏิจฺฉนฺนายปิ อาปตฺติยา อฑฺฒมาสมตฺตเมว ทาตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ครุธมฺมํ อชฺฌาปนฺนาย ภิกฺขุนิยา อุภโตสงฺเฆ ปกฺขมานตฺตํ จริตพฺพ’’นฺติ (ปาจิ. ๑๔๙; จูฬว. ๔๐๓; อ. นิ. ๘.๕๑). ตํ ปน ภิกฺขุนีหิ อตฺตโน สีมํ โสเธตฺวา วิหารสีมาย วา วิหารสีมํ โสเธตุํ อสกฺโกนฺตีหิ ขณฺฑสีมาย วา สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน จตุวคฺคคณํ สนฺนิปาตาเปตฺวา ทาตพฺพํ. สเจ เอกา อาปตฺติ โหติ, เอกิสฺสา วเสน, สเจ ทฺเว วา ติสฺโส วา สมฺพหุลา วา เอกวตฺถุกา วา นานาวตฺถุกา วา, ตาสํ ตาสํ วเสน วตฺถุโคตฺตนามอาปตฺตีสุ ยํ ยํ อิจฺฉติ, ตํ ตํ อาทาย โยชนา กาตพฺพา.
ตตฺริทํ เอกาปตฺติวเสน มุขมตฺตนิทสฺสนํ – ตาย อาปนฺนาย ภิกฺขุนิยา ภิกฺขุนิสงฺฆํ อุปสงฺกมิตฺวา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา วุฑฺฒานํ ภิกฺขุนีนํ ปาเท วนฺทิตฺวา อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา เอวมสฺส วจนีโย ‘‘อหํ ¶ , อยฺเย, เอกํ อาปตฺตึ อาปชฺชึ คามนฺตรํ, สาหํ, อยฺย,เอ เอกิสฺสา อาปตฺติยา คามนฺตราย ปกฺขมานตฺตํ ยาจามี’’ติ. เอวํ ติกฺขตฺตุํ ยาจาเปตฺวา พฺยตฺตาย ภิกฺขุนิยา ปฏิพลาย สงฺโฆ าเปตพฺโพ ‘‘สุณาตุ เม, อยฺเย, สงฺโฆ, อยํ อิตฺถนฺนามา ภิกฺขุนี เอกํ อาปตฺตึ อาปชฺชิ คามนฺตรํ, สา สงฺฆํ เอกิสฺสา อาปตฺติยา คามนฺตราย ปกฺขมานตฺตํ ยาจติ. ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อิตฺถนฺนามาย ภิกฺขุนิยา เอกิสฺสา อาปตฺติยา คามนฺตราย ปกฺขมานตฺตํ ทเทยฺย, เอสา ตฺติ. สุณาตุ เม, อยฺเย, สงฺโฆ…เป… ทุติยมฺปิ. ตติยมฺปิ เอตมตฺถํ วทามิ. สุณาตุ เม, อยฺเย, สงฺโฆ…เป… ภาเสยฺย. ทินฺนํ สงฺเฆน อิตฺถนฺนามาย ภิกฺขุนิยา เอกิสฺสา อาปตฺติยา คามนฺตราย ปกฺขมานตฺตํ, ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติ.
กมฺมวาจาปริโยสาเน วตฺตํ สมาทิยิตฺวา ภิกฺขุมานตฺตกถายํ วุตฺตนเยเนว สงฺฆสฺส อาโรเจตฺวา นิกฺขิตฺตวตฺตํ วสิตุกามาย ตเถว สงฺฆสฺส มชฺเฌ วา ปกฺกนฺตาสุ ภิกฺขุนีสุ เอกภิกฺขุนิยา วา ทุติยิกาย วา สนฺติเก วุตฺตนเยเนว นิกฺขิปิตพฺพํ. อฺิสฺสา ปน อาคนฺตุกาย สนฺติเก อาโรเจตฺวา นิกฺขิปิตพฺพํ, นิกฺขิตฺตกาลโต ปฏฺาย ปกตตฺตฏฺาเน ติฏฺติ.
ปุน สมาทิยิตฺวา อรุณํ อุฏฺเปนฺติยา ปน ภิกฺขุนีนํเยว สนฺติเก วสิตุํ น ลพฺภติ ¶ . ‘‘อุภโตสงฺเฆ ปกฺขมานตฺตํ จริตพฺพ’’นฺติ หิ วุตฺตํ, ตสฺมา อสฺสา อาจริยุปชฺฌายาหิ วิหารํ คนฺตฺวา สงฺคาหกปกฺเข ิโต เอโก มหาเถโร วา ธมฺมกถิโก วา ภิกฺขุ วตฺตพฺโพ ‘‘เอกิสฺสา ภิกฺขุนิยา วินยกมฺมํ กตฺตพฺพมตฺถิ, ตตฺร โน อยฺยา จตฺตาโร ภิกฺขู เปเสถา’’ติ. สงฺคหํ อกาตุํ น ลพฺภติ, ‘‘เปเสสฺสามา’’ติ วตฺตพฺพํ. จตูหิ ปกตตฺตภิกฺขุนีหิ มานตฺตจารินึ ภิกฺขุนึ ¶ คเหตฺวา อนฺโตอรุเณเยว นิกฺขิปิตฺวา คามูปจารโต ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวา มคฺคา โอกฺกมฺม คุมฺพวติอาทีหิ ปฏิจฺฉนฺเน าเน นิสีทิตพฺพํ, วิหารูปจารโตปิ ทฺเว เลฑฺฑุปาตา อติกฺกมิตพฺพา. จตูหิ ปกตตฺตภิกฺขูหิปิ ตตฺถ คนฺตพฺพํ, คนฺตฺวา ปน ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ น เอกฏฺาเน นิสีทิตพฺพํ, ปฏิกฺกมิตฺวา อวิทูเร าเน นิสีทิตพฺพํ. กุรุนฺทิมหาปจฺจรีสุ ปน ‘‘ภิกฺขุนีหิ พฺยตฺตํ เอกํ วา ทฺเว วา อุปาสิกาโย ภิกฺขูหิปิ เอกํ วา ทฺเว วา อุปาสเก อตฺตรกฺขณตฺถาย คเหตฺวา คนฺตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. กุรุนฺทิยํเยว จ ‘‘ภิกฺขุนุปสฺสยสฺส จ วิหารสฺส จ อุปจารํ มฺุจิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ, ‘‘คามสฺสา’’ติ น วุตฺตํ.
เอวํ นิสินฺเนสุ ปน ภิกฺขุนีสุ จ ภิกฺขูสุ จ ตาย ภิกฺขุนิยา ‘‘มานตฺตํ สมาทิยามิ, วตฺตํ สมาทิยามี’’ติ วตฺตํ สมาทิยิตฺวา ภิกฺขุนิสงฺฆสฺส ตาว เอวํ อาโรเจตพฺพํ ‘‘อหํ, อยฺเย, เอกํ อาปตฺตึ อาปชฺชึ คามนฺตรํ, สาหํ สงฺฆํ เอกิสฺสา อาปตฺติยา คามนฺตราย ปกฺขมานตฺตํ ยาจึ, ตสฺสา เม สงฺโฆ เอกิสฺสา อาปตฺติยา คามนฺตราย ปกฺขมานตฺตํ อทาสิ, สาหํ มานตฺตํ จรามิ, เวทิยามหํ อยฺเย, เวทิยตีติ มํ สงฺโฆ ธาเรตู’’ติ.
ตโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา เอวํ อาโรเจตพฺพํ ‘‘อหํ, อยฺยา, เอกํ อาปตฺตึ อาปชฺชึ…เป… เวทิยามหํ อยฺยา, เวทิยตีติ มํ สงฺโฆ ธาเรตู’’ติ. อิธาปิ ยาย กายจิ ภาสาย อาโรเจตุํ วฏฺฏติ. อาโรเจตฺวา จ ภิกฺขุนิสงฺฆสฺเสว สนฺติเก นิสีทิตพฺพํ, อาโรจิตกาลโต ปฏฺาย ภิกฺขูนํ คนฺตุํ วฏฺฏติ. สเจ สาสงฺกา โหติ, ภิกฺขุนิโย ตตฺเถว านํ ปจฺจาสีสนฺติ, าตพฺพํ. สเจ อฺโ ภิกฺขุ วา ภิกฺขุนี วา ตํ านํ เอติ, ปสฺสนฺติยา อาโรเจตพฺพํ. โน เจ อาโรเจติ, รตฺติจฺเฉโท เจว วตฺตเภททุกฺกฏฺจ ¶ . สเจ อชานนฺติยา เอว อุปจารํ โอกฺกมิตฺวา คจฺฉติ, รตฺติจฺเฉโทว โหติ, น วตฺตเภททุกฺกฏํ. สเจ ภิกฺขุนิโย อุปชฺฌายาทีนํ วตฺตกรณตฺถํ ปเคว คนฺตุกามา โหนฺติ, รตฺติวิปฺปวาสคณโอหียนคามนฺตราปตฺติรกฺขณตฺถํ ¶ เอกํ ภิกฺขุนึ เปตฺวา คนฺตพฺพํ, ตาย อรุเณ อุฏฺิเต ตสฺสา สนฺติเก วตฺตํ นิกฺขิปิตพฺพํ. เอเตนุปาเยน อขณฺฑา ปฺจทส รตฺติโย มานตฺตํ จริตพฺพํ.
อนิกฺขิตฺตวตฺตาย ปน ปาริวาสิกกฺขนฺธเก วุตฺตนเยเนว สมฺมา วตฺติตพฺพํ. อยํ ปน วิเสโส – ‘‘อาคนฺตุกสฺส อาโรเจตพฺพ’’นฺติ เอตฺถ ยตฺตกา ปุเรภตฺตํ วา ปจฺฉาภตฺตํ วา ตํ คามํ ภิกฺขู วา ภิกฺขุนิโย วา อาคจฺฉนฺติ, สพฺเพสํ อาโรเจตพฺพํ. อนาโรเจนฺติยา รตฺติจฺเฉโท เจว วตฺตเภททุกฺกฏฺจ. สเจปิ รตฺตึ โกจิ ภิกฺขุ ตํ คามูปจารํ โอกฺกมิตฺวา คจฺฉติ, รตฺติจฺเฉโท โหติเยว, อชานนปจฺจยา ปน วตฺตเภทโต มุจฺจติ. กุรุนฺทีอาทีสุ ปน ‘‘อนิกฺขิตฺตวตฺตภิกฺขูนํ วุตฺตนเยเนว กเถตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ ปาริวาสิกวตฺตาทีนํ อุปจารสีมาย ปริจฺฉินฺนตฺตา ยุตฺตตรํ ทิสฺสติ. อุโปสเถ อาโรเจตพฺพํ, ปวารณาย อาโรเจตพฺพํ, จตุนฺนํ ภิกฺขูนฺจ ภิกฺขุนีนฺจ เทวสิกํ อาโรเจตพฺพํ. สเจ ภิกฺขูนํ ตสฺมึ คาเม ภิกฺขาจาโร สมฺปชฺชติ, ตตฺเถว คนฺตพฺพํ. โน เจ สมฺปชฺชติ, อฺตฺร จริตฺวาปิ ตตฺร อาคนฺตฺวา อตฺตานํ ทสฺเสตฺวา คนฺตพฺพํ, พหิคาเม วา สงฺเกตฏฺานํ กาตพฺพํ ‘‘อสุกสฺมึ นาม าเน อมฺเห ปสฺสิสฺสตี’’ติ. ตาย สงฺเกตฏฺานํ คนฺตฺวา อาโรเจตพฺพํ, สงฺเกตฏฺาเน อทิสฺวา วิหารํ คนฺตฺวา อาโรเจตพฺพํ. วิหาเร สพฺพภิกฺขูนํ อาโรเจตพฺพํ. สเจ สพฺเพสํ สกฺกา น โหติ อาโรเจตุํ, พหิ อุปจารสีมาย ตฺวา ภิกฺขุนิโย เปเสตพฺพา, ตาหิ อานีตานํ จตุนฺนํ ภิกฺขูนํ อาโรเจตพฺพํ. สเจ วิหาโร ทูโร โหติ สาสงฺโก, อุปาสเก จ อุปาสิกาโย ¶ จ คเหตฺวา คนฺตพฺพํ. สเจ ปน อยํ เอกา วสติ, รตฺติวิปฺปวาสํ อาปชฺชติ, ตสฺมาสฺสา เอกา ปกตตฺตา ภิกฺขุนี สมฺมนฺนิตฺวา ทาตพฺพา เอกจฺฉนฺเน วสนตฺถาย.
เอวํ อขณฺฑํ มานตฺตํ จริตฺวา วีสติคเณ ภิกฺขุนิสงฺเฆ วุตฺตนเยเนว อพฺภานํ กาตพฺพํ. ‘‘สเจ มานตฺตํ จรมานา อนฺตราปตฺตึ อาปชฺชติ, มูลาย ปฏิกสฺสิตฺวา ตสฺสา อาปตฺติยา มานตฺตํ ทาตพฺพ’’นฺติ กุรุนฺทิยํ วุตฺตํ, อิทํ ปกฺขมานตฺตํ นาม. อิทํ ปน ปกฺขมานตฺตํ สมนฺตปาสาทิกายํ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒) ปาฬิมุตฺตวินยวินิจฺฉยภาเวน อาคตมฺปิ อิมสฺมึ วินยสงฺคหปฺปกรเณ อาจริเยน อนุทฺธฏํ. อยํ ปนาจริยสฺส อธิปฺปาโย สิยา – อิทํ ปกฺขมานตฺตํ ภิกฺขุนิโยเยว สนฺธาย ภควตา วิสุํ ปฺตฺตํ, ภิกฺขูหิ อสาธารณํ, อิมสฺมิฺจ กาเล ภิกฺขุนิสงฺโฆ นตฺถิ, ตสฺมา คนฺถสฺส ลหุภาวตฺถํ อิทมฺปิ อฺมฺปิ อีทิสํ อชฺฌุเปกฺขิตพฺพนฺติ. อมฺเหหิ ปน ภิกฺขุนิสงฺเฆ อวิชฺชมาเนปิ ‘‘ภิกฺขุสงฺโฆ ¶ ภิกฺขุนีหิ สมาทาตพฺพวตฺตํ ชานิสฺสติ. ‘ทุพฺพลชาติกา หิ ภีรุกชาติกา ภิกฺขุนิโย ภควโต อาณํ ปติฏฺาเปนฺติโย เอวรูปํ ทุกฺกรํ ทุรภิสมฺภวํ วตฺตํ สมาทยึสุ, กิมงฺคํ ปน มย’นฺติ มนสิ กโรนฺตา ภควโต อาณํ ปติฏฺาเปนฺตา ปริวาสาทิวตฺตํ สมาทิยิสฺสนฺตี’’ติ มนฺตฺวา อาจริเยน อนุทฺธฏมฺปิ อิมสฺมึ วินยาลงฺการปฺปกรเณ อุทฺธฏํ, ตสฺมา สมฺมาสมฺพุทฺเธ สฺชาตสทฺธาเปมคารวาทิยุตฺเตหิ สตฺถุสาสนกเรหิ ภิกฺขูหิ สมฺมา สิกฺขิตพฺพํ. อิโต ปรานิ อฏฺกถายํ อาคตนเยเนว เวทิตพฺพานิ.
มานตฺตวินิจฺฉยกถา นิฏฺิตา.
๒๔๘. ปาริวาสิกวตฺตกถายํ นวกตรํ ปาริวาสิกนฺติ อตฺตนา นวกตรํ ปาริวาสิกํ. ปาริวาสิกสฺส หิ ¶ อตฺตนา นวกตรํ ปาริวาสิกํ เปตฺวา อฺเ มูลายปฏิกสฺสนารห มานตฺตารห มานตฺตจาริก อพฺภานารหาปิ ปกตตฺตฏฺาเนเยว ติฏฺนฺติ. เตนาห ‘‘อนฺตมโส มูลายปฏิกสฺสนารหาทีนมฺปี’’ติ. อนฺตมโส มูลายปฏิกสฺสนารหาทีนมฺปีติ อาทิ-สทฺเทน มานตฺตารหมานตฺตจาริกอพฺภานารเห สงฺคณฺหาติ. เต หิ ปาริวาสิกานํ, ปาริวาสิกา จ เตสํ ปกตตฺตฏฺาเน เอว ติฏฺนฺติ. อโธตปาทฏฺปนกนฺติ ยตฺถ ตฺวา ปาเท โธวนฺติ, ตาทิสํ ทารุผลกขณฺฑาทึ. ปาทฆํสนนฺติ สกฺขรกถลาทึ. ปาเท ฆํสนฺติ เอเตนาติ ปาทฆํสนํ, สกฺขรกถลาทิ. วุตฺตฺหิ ภควตา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติสฺโส ปาทฆํสนิโย สกฺขรํ กถลํ สมุทฺทเผณ’’นฺติ (จูฬว. ๒๖๙). สทฺธิวิหาริกานมฺปิ สาทิยนฺตสฺสาติ สทฺธิวิหาริกานมฺปิ อภิวาทนาทึ สาทิยนฺตสฺส. วตฺตํ กโรนฺตีติ เอตฺตกมตฺตสฺเสว วุตฺตตฺตา สทฺธิวิหาริกาทีหิปิ อภิวาทนาทึ กาตุํ น วฏฺฏติ. ‘‘มา มํ คามปฺปเวสนํ อาปุจฺฉถา’’ติ วุตฺเต อนาปุจฺฉาปิ คามํ ปวิสิตุํ วฏฺฏติ.
โย โย วุฑฺโฒติ ปาริวาสิเกสุ ภิกฺขูสุ โย โย วุฑฺโฒ. นวกตรสฺส สาทิตุนฺติ ปาริวาสิกนวกตรสฺส อภิวาทนาทึ สาทิตุํ. ‘‘ปาริสุทฺธิอุโปสเถ กริยมาเน’’ติ อิทํ ปวารณทิวเสสุ สงฺเฆ ปวาเรนฺเต อนุปคตฉินฺนวสฺสาทีหิ กริยมานํ ปาริสุทฺธิอุโปสถมฺปิ สนฺธาย วุตฺตํ. ตตฺเถวาติ สงฺฆนวกฏฺาเนเยว. อตฺตโน ปาฬิยา ปวาเรตพฺพนฺติ อตฺตโน วสฺสคฺเคน ปตฺตปาฬิยา ปวาเรตพฺพํ, น ปน สพฺเพสุ ปวาริเตสูติ อตฺโถ.
โอโณชนํ ¶ นาม วิสฺสชฺชนํ, ตํ ปน ปาริวาสิเกน ปาปิตสฺส อตฺตนา สมฺปฏิจฺฉิตสฺเสว ปุนทิวสาทิอตฺถาย วิสฺสชฺชนํ กาตพฺพํ. อสมฺปฏิจฺฉิตฺวา เจ วิสฺสชฺเชติ, น ลภตีติ ¶ วุตฺตํ. ยทิ ปน น คณฺหาติ น วิสฺสชฺเชตีติ ยทิ ปุริมทิวเส อตฺตโน น คณฺหาติ, คเหตฺวา จ น วิสฺสชฺเชติ.
จตุสฺสาลภตฺตนฺติ โภชนสาลาย ปฏิปาฏิยา ทียมานํ ภตฺตํ. หตฺถปาเส ิเตนาติ ทายกสฺส หตฺถปาเส ิเตน, ปฏิคฺคหณรุหนฏฺาเนติ อธิปฺปาโย. มหาเปฬภตฺเตปีติ มหนฺเตสุ ภตฺตปจฺฉิอาทิภาชเนสุ เปตฺวา ทียมานภตฺเตสุปิ. อิโต ปรมฺปิ ปาริวาสิกวตฺตํ ปาฬิยํ (จูฬว. ๗๕) อาคตนเยเนว เวทิตพฺพํ. ตตฺถ ปน อฏฺกถายํ อาคตนเยเนว อตฺโถ สุวิฺเยฺโย โหติ, ตสฺมา ทุพฺพิฺเยฺยฏฺาเนเยว กถยิสฺสาม.
‘‘น สามเณโร อุปฏฺาเปตพฺโพ’’ติ เอตฺถ ทุพฺพิธํ สามเณรํ ทสฺเสตุํ ‘‘อฺโ’’ติอาทิมาห. ‘‘น ภิกฺขุนิโย โอวทิตพฺพา’’ติ เอตฺถ ลทฺธสมฺมุติเกน อาณตฺโตปิ ครุธมฺเมหิ อฺเหิ วา โอวทิตุํ น ลภตีติ อาห ‘‘ปฏิพลสฺส วา ภิกฺขุสฺส ภาโร กาตพฺโพ’’ติ. อาคตา ภิกฺขุนิโย วตฺตพฺพาติ สมฺพนฺโธ. สวจนียนฺติ สโทสํ. เชฏฺกฏฺานํ น กาตพฺพนฺติ ปธานฏฺานํ น กาตพฺพํ. กึ ตนฺติ อาห ‘‘ปาติโมกฺขุทฺเทสเกนา’’ติอาทิ.
รเชหิ หตา อุปหตา ภูมิ เอติสฺสาติ รโชหตภูมิ, รโชกิณฺณภูมีติ อตฺโถ. ปจฺจยนฺติ วสฺสาวาสิกลาภํ สนฺธาย วุตฺตํ. เอกปสฺเส ตฺวาติ ปาฬึ วิหาย ภิกฺขูนํ ปจฺฉโต ตฺวา. เสนาสนํ น ลภตีติ เสยฺยปริยนฺตภาคิตาย วสฺสคฺเคน คณฺหิตุํ น ลภติ. อสฺสาติ ภเวยฺย. ‘‘อาคนฺตุเกน อาโรเจตพฺพํ, อาคนฺตุกสฺส อาโรเจตพฺพ’’นฺติ อวิเสเสน วุตฺตตฺตา สเจ ทฺเว ปาริวาสิกา คตฏฺาเน อฺมฺํ ปสฺสนฺติ, อุโภหิปิ อฺมฺสฺส อาโรเจตพฺพํ. ยถา พหิ ทิสฺวา อาโรจิตสฺส ภิกฺขุโน ¶ วิหารํ อาคเตน ปุน อาโรจนกิจฺจํ นตฺถิ, เอวํ อฺวิหารํ คเตนปิ ตตฺถ ปุพฺเพ อาโรจิตสฺส ปุน อาโรจนกิจฺจํ นตฺถีติ วทนฺติ. อวิเสเสนาติ ปาริวาสิกสฺส จ อุกฺขิตฺตกสฺส จ อวิเสเสน.
โอพทฺธนฺติ ปลิพุทฺธํ. สหวาโสติ วุตฺตปฺปกาเร ฉนฺเน ภิกฺขุนา สทฺธึ สยนเมว อธิปฺเปตํ, น เสสอิริยาปถกปฺปนํ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.
ปาปิฏฺตราติ ¶ ปาราชิกาปตฺตีติ อุกฺกํสวเสน วุตฺตํ. สฺจริตฺตาทิปณฺณตฺติวชฺชโต ปน สุกฺกวิสฺสฏฺาทิกา โลกวชฺชาว. ตตฺถปิ สงฺฆเภทาทิกา ปาปิฏฺตรา เอว. กมฺมนฺติ ปาริวาสิกกมฺมวาจาติ เอเตน ‘‘กมฺมภูตา วาจา กมฺมวาจา’’ติ กมฺมวาจาสทฺทสฺส อตฺโถปิ สิทฺโธติ เวทิตพฺโพ. สวจนียนฺติ เอตฺถ ส-สทฺโท ‘‘สนฺติ’’อตฺถํ วทติ, อตฺตโน วจเนน อตฺตโน ปวตฺตนกมฺมนฺติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ, ‘‘มา ปกฺกมาหี’’ติ วา ‘‘เอหิ วินยธรานํ สมฺมุขีภาว’’นฺติ วา เอวํ อตฺตโน อาณาย ปวตฺตนกกมฺมํ น กาตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. เอวฺหิ เกนจิ สวจนีเย กเต อนาทเรน อติกฺกมิตุํ น วฏฺฏติ, พุทฺธสฺส สงฺฆสฺส อาณา อติกฺกนฺตา นาม โหติ. รโชหตภูมีติ ปณฺณสาลาวิเสสนํ. ปจฺจยนฺติ วสฺสาวาสิกจีวรํ. เสนาสนํ น ลภตีติ วสฺสคฺเคน น ลภติ. อปณฺณกปฏิปทาติ อวิรทฺธปฏิปทา. สเจ วายมนฺโตปีติ เอตฺถ อวิสยภาวํ ตฺวา อวายมนฺโตปิ สงฺคยฺหติ. อวิเสเสนาติ ปาริวาสิกุกฺขิตฺตกานํ สามฺเน. ปฺจวณฺณฉทนพนฺธนฏฺาเนสูติ ปฺจปฺปการฉทเนหิ ฉนฺนฏฺาเนสุ. โอพทฺธนฺติ อุฏฺานาทิพฺยาปารปฏิพทฺธํ, ปีฬิตนฺติ อตฺโถ. มฺเจ วา ปีเ วาติ เอตฺถ วาสทฺโท สมุจฺจยตฺโถ. เตน ตฏฺฏิกาจมฺมขณฺฑาทีสุ ทีฆาสเนสุปิ นิสีทิตุํ น วฏฺฏตีติ ทีปิตํ โหติ. น วตฺตเภททุกฺกฏนฺติ วุฑฺฒตรสฺส ¶ ชานนฺตสฺสปิ วตฺตเภเท ทุกฺกฏํ นตฺถีติ ทสฺเสติ. วตฺตํ นิกฺขิปาเปตฺวาติ อิทมฺปิ ปริวาสาทิเมว สนฺธาย วุตฺตํ, น เสสกมฺมานิ.
‘‘เสนาสนํ น ลภติ เสยฺยปริยนฺตภาคิตาย. อุทฺเทสาทีนิ ทาตุมฺปิ น ลภตีติ วทนฺติ. ‘ตทหุปสมฺปนฺเนปิ ปกตตฺเต’ติ วจนโต อนุปสมฺปนฺเนหิ วสิตุํ วฏฺฏติ. สมวสฺสาติ เอเตน อปจฺฉา อปุริมํ นิปชฺชเน ทฺวินฺนมฺปิ วตฺตเภทาปตฺติภาวํ ทีเปติ. อตฺตโน อตฺตโน นวกตรนฺติ ปาริวาสิกาทินวกตรํ. ปมํ สงฺฆมชฺเฌ ปริวาสํ คเหตฺวา นิกฺขิตฺตวตฺเตน ปุน เอกสฺสปิ สนฺติเก สมาทิยิตุํ นิกฺขิปิตฺุจ วฏฺฏติ, มานตฺเต ปน นิกฺขิปิตุํ วฏฺฏติ. อูเนคเณจรณโทสตฺตา น คเหตุนฺติ เอเก. ปมํ อาทินฺนวตฺตํ เอกสฺส สนฺติเก ยถา นิกฺขิปิตุํ วฏฺฏติ, ตถา สมาทิยิตุมฺปิ วฏฺฏตีติ โปราณคณฺิปเท’’ติ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๗๖) วุตฺตนฺติ.
อิทํ เอตฺถ ยํ วตฺตํ ‘‘จตุนวุติปาริวาสิกวตฺต’’นฺติ ปาริวาสิกกฺขนฺธกปาฬิยํ (จูฬว. ๗๕) อาคตํ, สมนฺตปาสาทิกายมฺปิ เอตฺตกาย ปาฬิยา (จูฬว. อฏฺ. ๗๕-๘๔) วณฺณนํ วตฺวา ‘‘ปาริวาสิกวตฺตกถา นิฏฺิตา’’ติ อาห. อิมสฺมึ วินยสงฺคหปกรเณ ¶ (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๒๔๘) ปน ‘‘น ฉมายํ จงฺกมนฺเต จงฺกเม จงฺกมิตพฺพ’’นฺติ อิมสฺสานนฺตรํ ‘‘ปาริวาสิกจตุตฺโถ เจ, ภิกฺขเว’’ติอาทีนิ อคฺคเหตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, ปาริวาสิเกน ภิกฺขุนา สาทิตพฺพ’’นฺติอาทีนิ ปมํ ปฺตฺตปทานิ คเหตฺวา เตสํ ปทานํ สํวณฺณนํ กตฺวา ‘‘อิทํ ปาริวาสิกวตฺต’’นฺติ อฺถา อนุกฺกโม วุตฺโต, โส ปาฬิยา จ อฏฺกถาย จ น สเมติ. อาจริยสฺส ปน อยมธิปฺปาโย สิยา – ‘‘ปาริวาสิกจตุตฺโถ เจ, ภิกฺขเว’’ติอาทีนิ ปาริวาสิกภิกฺขูนํ สมาทิยิตพฺพานิ น โหนฺติ ¶ , อถ โข กมฺมการกานํ ภิกฺขูนํ กตฺตพฺพากตฺตพฺพกมฺมทสฺสนเมตํ, ตสฺมา ปาริวาสิกวตฺเต น ปเวเสตพฺพํ. ‘‘น, ภิกฺขเว, ปาริวาสิเกน ภิกฺขุนา สาทิตพฺพ’’นฺติอาทีนิ ปน ปาริวาสิกภิกฺขูนํ สมฺมาวตฺติตพฺพวตฺตานิเยว โหนฺติ, ตสฺมา อิมานิเยว ปาริวาสิกวตฺเต ปเวเสตพฺพานีติ. อมฺเหหิ ปน ปาฬิอฏฺกถาฏีกาสุ อาคตานุกฺกเมน ปมํ ปฺตฺตวตฺตานํ อตฺถํ ปมํ ทสฺเสตฺวา ปจฺฉา ปฺตฺตปทานํ อตฺโถ ปจฺฉา วุตฺโตติ ทฏฺพฺโพ.
อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร
ครุกาปตฺติวุฏฺานวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม
ทฺวตฺตึสติโม ปริจฺเฉโท.