📜

๓๓. กมฺมากมฺมวินิจฺฉยกถา

๒๔๙. เอวํ ครุกาปตฺติวุฏฺานวินิจฺฉยกถํ กเถตฺวา อิทานิ กมฺมากมฺมวินิจฺฉยกถํ กเถตุํ ‘‘กมฺมากมฺมนฺติ เอตฺถ ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สมคฺเคน สงฺเฆน กรียเต ตนฺติ กมฺมํ, อปโลกนาทิจตุพฺพิธวินยกมฺมํ. อิตรสฺมิมฺปิ เอเสว นโย. อ-กาโร วุทฺธิอตฺโถ, น วุทฺธิปฺปตฺตํ กมฺมํ อกมฺมํ. กมฺมฺจ อกมฺมฺจ กมฺมากมฺมํ วชฺชาวชฺชํ วิย, ผลาผลํ วิย จ. ตตฺถ จ กมฺมนฺติ อปโลกนกมฺมตฺติกมฺมทฺวยํ. อกมฺมนฺติ ตฺติทุติยกมฺมตฺติจตอุตฺถกมฺมทฺวยํ. อถ วา กมฺมนฺติ จตูสุปิ เอเตสุ ลหุกกมฺมํ. อกมฺมนฺติ ครุกกมฺมํ. กมฺมากมฺมนฺติ เอตฺถ ปน วินิจฺฉโย เอวํ เวทิตพฺโพติ โยชนา. ตตฺถ ปนาติ ปกฺขนฺตรตฺเถ นิปาโต , ครุกาปตฺติวุฏฺานวินิจฺฉยกถาปกฺขโต อฺโ กมฺมากมฺมวินิจฺฉยกถาปกฺโข เวทิตพฺโพติ วา มยา วุจฺจเตติ วา อตฺโถ.

จตฺตาริกมฺมานีติ เอตฺถ จตฺตารีติ ปริจฺเฉทนิทสฺสนํ. เตน วินยกมฺมานิ นาม จตฺตาริ เอว โหนฺติ, น อิโต อูนาธิกานีติ ทสฺเสติ. กมฺมานีติ ปริจฺฉินฺนกมฺมนิทสฺสนํ. อปโลกนกมฺมนฺติอาทีนิ ปริจฺฉินฺนกมฺมานํ อุทฺเทสกถนํ. ตตฺถ อปโลกียเต อายาจียเต อปโลกนํ, อปปุพฺพโลกธาตุ อายาจนตฺเถ, ยุปจฺจโย ภาวตฺถวาจโก. อปโลกนวเสน กตฺตพฺพํ กมฺมํ อปโลกนกมฺมํ, สีมฏฺกสงฺฆํ อปโลเกตฺวา สงฺฆานุมติยา กตฺตพฺพํ กมฺมํ. าปนา ตฺติ, สงฺฆสฺส ชานาปนาติ อตฺโถ. ตฺติยา กตฺตพฺพํ กมฺมํ ตฺติกมฺมํ, อนุสฺสาวนํ อกตฺวา สุทฺธตฺติยาเยว กตฺตพฺพกมฺมํ. ทฺวินฺนํ ปูรณี ทุติยา, ตฺติ ทุติยา เอตสฺส กมฺมสฺสาติ ตฺติทุติยํ, ตฺติทุติยฺจ ตํ กมฺมฺจาติ ตฺติทุติยกมฺมํ, เอกาย ตฺติยา เอกาย อนุสฺสาวนาย กตฺตพฺพกมฺมํ. จตุนฺนํ ปูรณี จตุตฺถี, ตฺติ จตุตฺถี เอตสฺส กมฺมสฺสาติ ตฺติจตุตฺถํ, ตฺติจตุตฺถฺจ ตํ กมฺมฺจาติ ตฺติจตุตฺถกมฺมํ, เอกาย ตฺติยา ตีหิ อนุสฺสาวนาหิ กตฺตพฺพกมฺมํ. เตน วกฺขติ ‘‘อปโลกนกมฺมํ นาม สีมฏฺกสงฺฆํ โสเธตฺวา’’ติอาทิ.

เอวํ จตฺตาริ กมฺมานิ อุทฺทิสิตฺวา ปริวาเร (ปริ. ๔๘๒ อาทโย) กมฺมวคฺเค อาคตนเยเนว เตสํ จตุนฺนํ กมฺมานํ วิปตฺติการณานิ ปุจฺฉิตฺวา วิสฺสชฺเชตุํ ‘‘อิมานิ จตฺตาริ กมฺมานิ กติหากาเรหิ วิปชฺชนฺติ? ปฺจหากาเรหิ วิปชฺชนฺตี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ วตฺถุโตติ วินยกมฺมสฺส การณภูตวตฺถุโต. ตฺติโต อนุสฺสาวนโตติ ทฺเวปิ กมฺมวาจายเมว. สีมโตติ กมฺมกรณฏฺานภูตพทฺธสีมโต. ปริสโตติ กมฺมปฺปตฺตฉนฺทารหภูตการกสงฺฆโต. ตานิเยว หิ ปฺจ สพฺเพสํ วินยกมฺมานํ วิปตฺติการณานิ โหนฺติ.

ตโต ตํ กมฺมวิปตฺติการณภูตํ วตฺถุํ ปาฬินเยน วิตฺถาเรตุํ ‘‘สมฺมุขากรณียํ กมฺมํ อสมฺมุขา กโรติ, วตฺถุวิปนฺนํ อธมฺมกมฺม’’นฺตฺยาทิมาห. ตตฺถ สมฺมุขากรณียํ ปฏิปุจฺฉากรณียํ ปฏิฺายกรณียนฺติ อิเมสํ ติณฺณํ อตถากรเณน, สติวินโย อมูฬฺหวินโย ตสฺสปาปิยสิกา ตชฺชนียกมฺมํ นิยสกมฺมํ ปพฺพาชนียกมฺมํ ปฏิสารณียกมฺมํ อุกฺเขปนียกมฺมํ ปริวาโส มูลายปฏิกสฺสนา มานตฺตํ อพฺภานํ อุปสมฺปทนฺติ อิเมสํ เตรสกมฺมานํ อฺกมฺมารหสฺส อฺกมฺมกรเณน, อุโปสโถ ปวารณาติ อิเมสํ ทฺวินฺนํ อทิวเส กรเณน, ปณฺฑโก เถยฺยสํวาสโก ติตฺถิยปกฺกนฺตโก ติรจฺฉานคโต มาตุฆาตโก ปิตุฆาตโก อรหนฺตฆาตโก โลหิตุปฺปาทโก สงฺฆเภทโก ภิกฺขุนิทูสโก อุภโตพฺยฺชนโก อูนวีสติวสฺโส อนฺติมวตฺถุอชฺฌาปนฺนปุพฺโพติ อิเมสํ เตรสนฺนํ ปุคฺคลานํ อุปสมฺปทากมฺมกรเณน อิติ อิมานิ เอกตึส กมฺมานิ วตฺถุวิปนฺนํ อธมฺมกมฺมํ โหติ. ตฺติโต ปฺจ, อนุสฺสาวนโต ปฺจาติ อิมานิ ทส การณานิ อนฺโตกมฺมวาจายเมว ลภนฺติ, สีมโต เอกาทส การณานิ สีมาสมฺมุติวเสน ลภนฺติ, ปริสโต ทฺวาทส การณานิ จตุวคฺคปฺจวคฺคทสวคฺควีสติวคฺคสงฺขาเตสุ จตูสุ สงฺเฆสุ เอเกกสฺมึ กมฺมปตฺตฉนฺทารหสมฺมุขีภูตสงฺขาตานํ ติณฺณํ ติณฺณํ สงฺฆานํ วเสน ลภนฺตีติ.

เอวํ กมฺมวิปตฺติการณานิ ทสฺเสตฺวา ปุน จตุวคฺคสงฺฆาทีสุ สนฺนิสินฺนานํ ภิกฺขูนํ วิเสสนามํ ทสฺเสตุํ ‘‘จตุวคฺคกรเณ กมฺเม’’ติอาทิมาห. ตํ สุวิฺเยฺยเมว.

๒๕๐. ตโต ปรํ จตุนฺนํ กมฺมานํ านํ สงฺเขปโต ทสฺเสตุํ ‘‘อปโลกนกมฺมํ กติ านานิ คจฺฉตี’’ติอาทิมาห. ตมฺปิ สุวิฺเยฺยเมว.

๒๕๑. ตโต ตานิเยว กมฺมานิ เตสุ าเนสุ ปวตฺตานิ วิตฺถารโต ปกาเสตุกาโม ‘‘อยํ ตาว ปาฬินโย. อยํ ปเนตฺถ อาทิโต ปฏฺาย วินิจฺฉยกถา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตสฺสํ วินิจฺฉยกถายํ จตูสุ กมฺเมสุ กตมํ อปโลกนกมฺมํ นามาติ ปุจฺฉายํ ตํ ทสฺเสตุมาห ‘‘อปโลกนกมฺมํ นามา’’ติอาทิ. ตตฺถ สีมฏฺกสงฺฆํ โสเธตฺวาติ อวิปฺปวาสสงฺขาตมหาสีมฏฺกํ สงฺฆํ โสเธตฺวา. น หิ ขณฺฑสีมาย สนฺนิปติเต สงฺเฆ โสเธตพฺพกิจฺจํ อตฺถิ, อวิปฺปวาสสีมาสงฺขาตาย มหาสีมาย ปน วิตฺถารตฺตา พหูนํ ภิกฺขูนํ วสนฏฺานตฺตา สมคฺคภาวตฺถํ โสเธตพฺพํ โหติ. ฉนฺทารหานํ ฉนฺทํ อาหริตฺวาติ ติสฺสํ สีมายํ จตุวคฺคาทิคณํ ปูเรตฺวา หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา ิเตหิ ภิกฺขูหิ อฺเสํ หตฺถปาสํ อนาคตานํ ปกตตฺตภิกฺขูนํ ฉนฺทํ อาหริตฺวา. วุตฺตฺหิ ‘‘จตุวคฺคกรเณ กมฺเม จตฺตาโร ภิกฺขู ปกตตฺตา กมฺมปฺปตฺตา, อวเสสา ปกตตฺตา ฉนฺทารหา’’ติ (ปริ. ๔๙๗). สมคฺคสฺส สงฺฆสฺส อนุมติยาติ ฉนฺทสฺส อาหริตตฺตา หตฺถปาสํ อาคตาปิ อนาคตาปิ สพฺเพ ภิกฺขู สมคฺคาเยว โหนฺติ, ตสฺมา สมคฺคสฺส สงฺฆสฺส อนุมติยา. ติกฺขตฺตุํ สาเวตฺวาติ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ’’ติอาทินา กมฺมวาจํ อภณิตฺวา ‘‘รุจฺจติ สงฺฆสฺส. ทุติยมฺปิ…เป… ตติยมฺปิ รุจฺจติ สงฺฆสฺสา’’ติ ติกฺขตฺตุํ สาเวตฺวา กตฺตพฺพกมฺมํ อปโลกนกมฺมํ นามาติ โยชนา. วุตฺตนเยเนวาติ อปโลกนกมฺเม วุตฺตนเยเนว. อิมินา ‘‘สีมฏฺกสงฺฆํ โสเธตฺวา, ฉนฺทารหานํ ฉนฺทํ อาหริตฺวา’’ติ อิทํ ทฺวยํ อติทิสติ. อิตเรสุปิ เอเสว นโย.

ตตฺถ เตสุ จตูสุ กมฺเมสุ กึ อฺกมฺมํ อิตรกมฺมวเสน กาตพฺพนฺติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ตตฺร’’อิจฺจาทิ. เอวํ โหตุ, เอวํ สนฺเต อวิเสเสน สพฺพมฺปิ กมฺมํ อฺวเสน กตฺตพฺพนฺติ อาห ‘‘ตฺติทุติยกมฺมํ ปนา’’ติอาทิ. ตตฺถ ปน-สทฺโท วิเสสตฺถโชตโก, ตฺติทุติยกมฺเม ปน วิเสโส อตฺถีติ อตฺโถ. อิโต ปรานิ สุวิฺเยฺยาเนว. ปฏิกฺขิตฺตเมว อฏฺกถายนฺติ อชฺฌาหารสมฺพนฺโธ. ยทิ เอวํ อกฺขรปริหีนาทีสุ สนฺเตสุ กมฺมโกโป สิยาติ โจทนํ มนสิ กตฺวา อาห ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิ. ตตฺถ อกฺขรปริหีนนฺติ ‘‘สุณาตุ เม’’ติอาทีสุ สุ-การ ณา-การ ตุ-การาทีนํ ภสฺสนํ. ปทปริหีนนฺติ สุณาตูติอาทีนํ วิภตฺยนฺตปทานํ ภสฺสนํ. ทุรุตฺตปทํ ปน อุปริ วกฺขติ.

อิทานิ ปุนปฺปุนวจเน ปโยชนํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิทํ อกุปฺปกมฺเม ทฬฺหิกมฺมํ โหติ, กุปฺปกมฺเม กมฺมํ หุตฺวา ติฏฺตี’’ติ อาห. ตตฺถ อิทนฺติ อิทํ ปุนปฺปุนํ วุตฺตกมฺมํ. อกุปฺปกมฺเมติ อกุปฺเป านารเห ปุเรกตกมฺเม. ทฬฺหิกมฺมํ โหตีติ ถิรตรกมฺมํ โหติ เอกาย รชฺชุยา พนฺธิตพฺพภาเร ทุติยตติยาทิรชฺชูหิ พนฺธนํ วิย. กุปฺปกมฺเมติ อกฺขรปริหีนาทิวเสน กุปฺเป อฏฺานารเห ปุเรกตกมฺเม. กมฺมํ หุตฺวา ติฏฺตีติ ปุนปฺปุนํ วุตฺเต สติ เตสํ อกฺขรปริหีนาทีนํ โสธิตตฺตา ปริสุทฺธกมฺมํ หุตฺวา ติฏฺติ. อกุปฺปกมฺเม กุปฺปกมฺเมติ วา ภาเวนภาวลกฺขณตฺเถ ภุมฺมวจนํ. ปุเรตรํ กตกมฺมสฺมึ อกุปฺปกมฺเม สติ ปจฺฉา อิทํ ปุนปฺปุนํ วุตฺตกมฺมํ ทฬฺหิกมฺมํ โหติ, ปุเรกตกมฺมสฺมึ กุปฺปกมฺเม สติ อิทํ ปุนปฺปุนํ วุตฺตกมฺมํ อกุปฺปํ านารหํ ปริสุทฺธกมฺมํ หุตฺวา ติฏฺตีติ. อิมํ ปาํ นิสฺสาย อาจริยวรา เอกปุคฺคลมฺปิ อเนกกฺขตฺตุํ อุปสมฺปทกมฺมํ กโรนฺติ. กสฺมา ปน เต ภิกฺขู ลชฺชีเปสลพหุสฺสุตสิกฺขากามภูตานํ อตฺตโน อาจริยุปชฺฌายานํ สนฺติเก สิกฺขํ คณฺหนฺตีติ? น เต อตฺตโน อาจริยุปชฺฌายานํ สนฺติกา ลทฺธสิกฺขํ ปจฺจกฺขาย อฺํ คณฺหนฺติ, อถ โข ตาย เอว สทฺธึ ทิคุณติคุณํ กโรนฺติ. เอวํ สนฺเตปิ ปุริมสิกฺขาย อสทฺทหนฺตาเยว กเรยฺยุํ, โน สทฺทหนฺตาติ? โน อสทฺทหนฺตา , สทฺทหนฺตาปิ เต ภิกฺขู ปุนปฺปุนกรเณ ยุตฺติโตปิ อาคมโตปิ อาทีนวํ อปสฺสนฺตา อานิสํสเมว ปสฺสนฺตา กโรนฺตีติ.

กถํ ยุตฺติโต อานิสํสํ ปสฺสนฺติ? ยถา หิ โลเก อภิสิตฺตมฺปิ ราชานํ ปุนปฺปุนาภิสิฺจเน อาทีนวํ น ปสฺสนฺติ, อถ โข อภิเสกานุภาเวน ราชิทฺธิปฺปตฺตตาทีหิ การเณหิ อานิสํสเมว ปสฺสนฺติ, ยถา จ สาสเน เจติยํ วา ปฏิมํ วา นิฏฺิตสพฺพกิจฺจํ ‘‘อเนกชาติสํสาร’’นฺติอาทีหิ ภควโต วจเนหิ อภิเสกมงฺคลํ กโรนฺตาปิ ปุนปฺปุนกรเณ อาทีนวํ อปสฺสนฺตา อติเรกตรํ มหิทฺธิกตามหานุภาวตาทิอานิสํสเมว ปสฺสนฺตา ปุนปฺปุนํ กโรนฺติเยว, เอวเมว กตอุปสมฺปทกมฺมํ ภิกฺขุํ ปุนเทว กมฺมวาจาภณเน อาทีนวํ อปสฺสนฺตา ปุพฺเพ กตกมฺมสฺมึ วตฺถุอาทีสุ ปฺจสุ องฺเคสุ เอกสฺมิมฺปิ องฺเค อปริปุณฺเณ สติ กมฺมโกปสมฺภวโต อิทานิ กตกมฺเมน ปริปุณฺณองฺเค สติ กมฺมสมฺปตฺติสมฺภวฺจ ปุพฺเพว กมฺมสมฺปตฺติสมฺภเวปิ ทฬฺหิกมฺมถิรตรสมฺภวฺจ อานิสํสํ ปสฺสนฺตา กโรนฺติ. กถํ อาคมโต อานิสํสํ ปสฺสนฺติ? ยถาวุตฺตปริวารฏฺกถาปาวินยสงฺคหปาเสุ ทุรุตฺตปทสฺส โสธนตฺถํ ปุนปฺปุนํ วตฺตพฺพภาวสฺส อุปลกฺขณนเยน วจนโต. เสสตฺติโทสอนุสฺสาวนโทสานฺจ วตฺถุวิปตฺติสีมวิปตฺติปริสวิปตฺติโทสานฺจ โสธนํ ทสฺสิตํ โหติ. เตเนว จ การเณน อยมฺปิ ปจฺฉิมปาโ อาจริเยน วุตฺโต. ตสฺสตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตว. อิติ ปุพฺเพ กตกมฺมสฺส โกปสมฺภเวปิ อิทานิ กตกมฺเมน สมฺปชฺชนสงฺขาตํ อานิสํสํ อาคมโต ปสฺสนฺตีติ ทฏฺพฺพํ.

เกจิ ปน อาจริยา อิมํ ‘‘ปุนปฺปุนํ วตฺตุํ วฏฺฏตีติ ปาํ ตสฺมึเยว ปมกมฺมกรณกาเล ทุรุตฺตโสธนตฺถํ วตฺตพฺพตํ สนฺธาย วุตฺตํ, น จิรกาเล’’ติ วทนฺติ, ตเทตํ วจนํ เนว อฏฺกถายํ อาคตํ, น ฏีกาทีสุ วินิจฺฉิตํ, เตสํ มติมตฺตเมว, ตสฺมา น คเหตพฺพํ. อปิจ ตสฺมึ ขเณ ปุนปฺปุนํ วจนโตปิ อปรภาเค วจนํ มหปฺผลํ โหติ มหานิสํสํ. ตสฺมิฺหิ กาเล ปุนปฺปุนํ ภณเน ตฺติโทสอนุสฺสาวนโทสานิ ปจฺฉิมภณเน สุฏฺุ ภณนฺโต โสเธตุํ สกฺกุเณยฺย, น วตฺถุวิปตฺติสีมวิปตฺติปริสวิปตฺติโทสานิ. ตสฺมิฺหิ ขเณ ตเมว วตฺถุ, สา เอว สีมา, สา เอว ปริสา, ตสฺมา ตานิ ปุนปฺปุนวจเนน โสเธตุมสกฺกุเณยฺยานิ โหนฺติ. อปรภาเค กโรนฺโต ปน ปุพฺเพ อปริปุณฺณวีสติวสฺสภาเวน วตฺถุวิปตฺติภูเตปิ อิทานิ ปริปุณฺณวีสติวสฺสตฺตา วตฺถุสมฺปตฺติ โหติ, ปุพฺเพ สีมสงฺกราทิภาเวน สีมวิปตฺติสมฺภเวปิ อิทานิ ตทภาวตฺถาย สุฏฺุ โสธิตตฺตา สีมสมฺปตฺติ โหติ, ปุพฺเพ วคฺคกมฺมาทิวเสน ปริสวิปตฺติสมฺภเวปิ อิทานิ ตทภาวตฺถาย สุฏฺุ โสธิตตฺตา ปริสสมฺปตฺติ โหติ, เอวํ ปฺจ วิปตฺติโย โสเธตฺวา ปฺจ สมฺปตฺติโย สมฺปาเทตฺวา กาตุํ สกฺกุเณยฺยโต ปมกาเล ปุนปฺปุนํ ภณนโตปิ อปรภาเค ภณนํ มหปฺผลํ โหติ มหานิสํสนฺติ เวทิตพฺพํ.

ยทิ เอวํ อุปสมฺปทสิกฺขาย ทหโร ภเวยฺยาติ? น ภเวยฺย. กสฺมา? โปราณสิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขิตฺวา ตาย เอว ปติฏฺิตตฺตาติ. เอวํ สนฺเตปิ ปุเรกตกมฺมสฺส สมฺปชฺชนภาเวน ติฏฺนฺเต สติ ตาย ิตตฺตา อทหโร สิยา. ปุริมกมฺมสฺส อสมฺปชฺชนภาเวน อิทานิ กตกมฺเมเยว อุปสมฺปทภาเวน ติฏฺนฺเต สติ กสฺมา ทหโร น ภเวยฺยาติ? เอวํ สนฺเต ทหโร ภเวยฺย. เอวํ ทหโร สมาโน ปุริมสิกฺขาย วสฺสํ คเณตฺวา ยถาวุฑฺฒํ วนฺทนาทีนิ สมฺปฏิจฺฉนฺโต มหาสาวชฺโช ภเวยฺยาติ? เอวํ ปุริมสิกฺขาย อฏฺิตภาวํ ปจฺฉิมสิกฺขาย เอว ลทฺธุปสมฺปทภาวํ ตถโต ชานนฺโต เอวํ กโรนฺโต สาวชฺโช โหติ, เอวํ ปน อชานนฺโต ‘‘ปุริมสิกฺขายเมว ิโต’’ติ มฺิตฺวา เอวํ กโรนฺโต อนวชฺโชติ เวทิตพฺโพ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘อนาปตฺติ อูนวีสติวสฺสํ ปริปุณฺณสฺีติ เอตฺถ กิฺจาปิ อุปสมฺปาเทนฺตสฺส อนาปตฺติ, ปุคฺคโล ปน อนุปสมฺปนฺโนว โหติ. สเจ ปน โส ทสวสฺสจฺจเยน อฺํ อุปสมฺปาเทติ, ตํ เจ มุฺจิตฺวา คโณ ปูรติ, สูปสมฺปนฺโน. โสปิ จ ยาว น ชานาติ, ตาวสฺส เนว สคฺคนฺตราโย, น โมกฺขนฺตราโย. ตฺวา ปน ปุน อุปสมฺปชฺชิตพฺพ’’นฺติ สมนฺตปาสาทิกายํ (ปาจิ. อฏฺ. ๔๐๖) อาคตตฺตา วิฺายติ. เอวํ วตฺถุวิปนฺนตฺตา กมฺมโกปโต อนุปสมฺปนฺนสฺส ปุคฺคลสฺส อุปชฺฌาโย ภวิตุํ ยุตฺตกาเล ปุน อุปสมฺปชฺชเนน อุปสมฺปนฺนภูตภาวสฺส อฏฺกถายํ อาคตตฺตา อิมินา นเยน สีมวิปนฺนปอสวิปนฺนตฺติวิปนฺนอนุสฺสาวนวิปนฺนภูตตฺตา กมฺมโกปโต ปุพฺเพ อนุปสมฺปนฺนภูตํ ปุคฺคลมฺปิ อปรภาเค วุฑฺฒิปฺปตฺติกาเลปิ ปฺจ วิปตฺติโทสานิ โสเธตฺวา ปุน อุปสมฺปทกมฺมวาจากรเณน อุปสมฺปาเทตุํ วฏฺฏติ. โสปิ ปุคฺคโล ปุพฺพกมฺมกาเล อนุปสมฺปนฺโน หุตฺวาปิ อปรกมฺมกาเล อุปสมฺปนฺโน โหตีติ ทฏฺพฺโพ.

เอกจฺเจ ปน ภิกฺขู โปราณสิกฺขํ ปจฺจกฺขาย นวสิกฺขเมว คณฺหึสุ, เต ปน ภิกฺขู นวสิกฺขาวเสน ทหราว ภวนฺติ, เอวํ กรณฺจ อติวิย คุณวิสิฏฺํ อตฺตโน นวกตรํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา ตสฺมึ ปุคฺคเล ปยิรุปาสิตุกาโม ตํ ปุคฺคลํ อตฺตนา วุฑฺฒตรํ กาตุกาโม อตฺตานํ ทหรํ กาตุกาโม หุตฺวา ธมฺมคารเวน กโรนฺโต ยุตฺโต ภเวยฺย. อถ ปน สิกฺขาสมฺปนฺนํ กตฺตุกาโม เอวํ กเรยฺย, สิกฺขา นาม ปฺจงฺคสมนฺนาคเต สติ สมฺปชฺชติ, สีลวิสุทฺธิเยว การณํ โหติ, ตสฺมา ยทิ ปุริมสิกฺขา อฏฺิตา ภเวยฺย, ปจฺจกฺขานกิจฺจํ นตฺถิ, สยเมว ปติตา โหติ. ปุริมสิกฺขาย ิตาย สติ วิพฺภมิตุกาโมเยว ปจฺจกฺขานํ กเรยฺย, น ภิกฺขุภวิตุกาโม, โส ปน จตุปาริสุทฺธิสีลเมว ปริสุทฺธํ กเรยฺย, ตสฺมา โปราณสิกฺขาย ปจฺจกฺขานํ อยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ. ตโต โปราณสิกฺขํ ปจฺจกฺขาย นวสิกฺขาคหณโต ปุนปฺปุนํ กรณํเยว ยุตฺตตรํ ทิสฺสติ. กสฺมา? โปราณสิกฺขํ ปจฺจกฺขาย นวสิกฺขาคหเณ ปุริมกมฺมํ อสมฺปชฺชิตฺวา ปจฺฉิมกมฺมสมฺปชฺชเน สติ กิฺจาปิ ปุริมสิกฺขา นตฺถิ, ยา ปจฺจกฺขาตพฺพา, ตถาปิ นวสิกฺขาย สมฺปชฺชิตตฺตา โทโส นตฺถิ, ทหรภาวํ ปตฺโตปิ ยุตฺตรูโปเยว.

ยทิ ปุริมกมฺมมฺปิ ปจฺฉิมกมฺมมฺปิ สมฺปชฺชติเยว, เอวํ สติ ปุริมสิกฺขาย ปจฺจกฺขานํ นิรตฺถกํ. ปจฺฉิมสิกฺขาย ิโตปิ ทหรภาวํ ปตฺตตฺตา อยุตฺตรูโป. ยทิ ปน ปุริมกมฺมเมว สมฺปชฺชติ, น ปจฺฉิมกมฺมํ, เอวํ สติ ปุพฺเพ ิตโปราณสิกฺขาปิ ปจฺจกฺขาเนน ปติตา. ปจฺฉิมสิกฺขาปิ ปจฺฉิมกมฺมสฺส ปฺจนฺนํ วิปตฺตีนํ อฺตเรน โยคโต น สมฺปชฺชติ, ตสฺมา ปุริมสิกฺขาย จ ปติตตฺตา ปจฺฉิมสิกฺขาย จ อลทฺธตฺตา อุภโต ภฏฺตฺตา อยุตฺโตว โหติ. โปราณสิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขาย นวสิกฺขาคหเณ ปน สติ ปุริมกมฺมํ สมฺปนฺนํ หุตฺวา ปจฺฉิมกมฺมํ อสมฺปนฺนํ โหนฺตมฺปิ ปุริมสิกฺขาย ปติฏฺิโตเยว, ปุริมํ อสมฺปนฺนํ หุตฺวา ปจฺฉิมํ สมฺปนฺนมฺปิ ปจฺฉิมสิกฺขาย ิโต เอว. ปุริมปจฺฉิมกมฺมทฺวยมฺปิ ปฺจหงฺเคหิ สมฺปนฺนมฺปิ ทฬฺหิกมฺมถิรตรภูตาย ปุริมสิกฺขาย ิโตเยว โส ภิกฺขุ โหติ, ตสฺมา ปุริมสิกฺขํ ปจฺจกฺขาย นวสิกฺขาคหณโต ปุริมสิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขาย ปุนปฺปุนํ นวสิกฺขาคหณํ ยุตฺตตรํ โหตีติ ทฏฺพฺพํ.

อิมํ ปน ปุนปฺปุนํ กโรนฺตานํ อาจริยานํ วาทํ อมนสิกโรนฺตา อฺเ อาจริยา อเนกปฺปการํ อนิจฺฉิตกถํ กเถนฺติ. กถํ? เอกจฺเจ เถรา เอวํ วทนฺติ ‘‘กึ อิเม ภิกฺขู เอวํ กโรนฺตา ปาราชิกปฺปตฺตํ ภิกฺขุํ ปุน สิกฺขาย ปติฏฺาเปสฺสามาติ มฺนฺตี’’ติ. เต เถรา ปุนปฺปุนํ กมฺมวาจํ ภณนฺเต ภิกฺขู ทิสฺวา ‘‘อิเม ภิกฺขู อิมินา การเณน เอวํ กโรนฺตี’’ติ จินฺเตตฺวา เอวมาหํสุ. เอกจฺเจ ปน เถรา ‘‘กสฺมา อิเม ภิกฺขู ปุนปฺปุนํ กโรนฺติ, ยถา นาม อสนิ เอกวารเมว ปตนฺตี สตฺเต ชีวิตกฺขยํ ปาเปติ, เอวเมว ภควโต อาณาภูตา กมฺมวาจา เอกวารํ ภณมานา กมฺมํ สิชฺฌาเปติ, น อเนกวาร’’นฺติ, เตปิ ‘‘กมฺมสิชฺฌนตฺถาย ปุนปฺปุนํ ภณนฺตี’’ติ จินฺเตตฺวา เอวมาหํสุ. พหโว ปน ภิกฺขู ปุนปฺปุนํ กโรนฺเต ทิสฺวา เอวํ วทนฺติ ‘‘อิเม ภิกฺขู อาจริยุปชฺฌาเยหิ ทินฺนสิกฺขํ อสทฺทหนฺตา เอวํ กโรนฺติ, อาจริยุปชฺฌายคุณาปราธกา เอเต สมณา’’ติ. เต ‘‘ปุพฺพสิกฺขํ อสทฺทหิตฺวา ปุนปฺปุนํ กโรนฺตี’’ติ มฺนฺตา เอวมาหํสุ.

อปเร ปน เถรา ‘‘ปมํ อุปสมฺปทกมฺมวาจาภณนกาเลเยว ปุนปฺปุนํ วตฺตพฺพํ, น อปรภาเค’’ติ, ตตฺถ การณํ เหฏฺา วุตฺตเมว. อฺเ เอวมาหํสุ ‘‘ตฺติทุติยกมฺมวาจายเมว ปุนปฺปุนํ วตฺตพฺพนฺติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ, น ตฺติจตุตฺถกมฺเม, อถ จ ปนิเม ภิกฺขู ตฺติจตุตฺถกมฺมภูตาย อุปสมฺปทกมฺมวาจาย ปุนปฺปุนํ กโรนฺติ, เอตํ อฏฺกถาย น สเมตี’’ติ, ตํ นีตตฺถเมว คเหตฺวา วทึสุ. เนยฺยตฺถโต ปน อิมินา นเยน จตูสุปิ กมฺเมสุ ปุนปฺปุนํ กาตพฺพนฺติ ทสฺเสติ. กมฺมสงฺกรเมว หิ ตฺติทุติยกมฺเม วิเสสโต วทติ, ปุนปฺปุนํ วตฺตพฺพภาโว ปน สพฺเพสูติ ทฏฺพฺโพ. เตเนว หิ ตฺติจตุตฺถกมฺมวาจาย อุปสมฺปนฺนฏฺาเนเยว ปุพฺเพ อนุปสมฺปนฺนสฺส ปุคฺคลสฺส ปจฺฉา อุปสมฺปชฺชิตพฺพภาโว อฏฺกถายํ วุตฺโตติ.

ปฏิปุจฺฉากรณียาทีสุปีติ เอตฺถ อาทิสทฺเทน ปฏึฺาย กรณียาทโย สงฺคณฺหาติ. ตตฺถ ปฏิปุจฺฉาย กรณียํ อปฺปฏิปุจฺฉา กโรตีติ ปุจฺฉิตฺวา โจเทตฺวา สาเรตฺวา กาตพฺพํ อปุจฺฉิตฺวา อโจเทตฺวา อสาเรตฺวา กโรติ. ปฏิฺาย กรณียํ อปฺปฏิฺาย กโรตีติ ปฏิฺํ อาโรเปตฺวา ยถาทินฺนาย ปฏิฺาย กาตพฺพํ อปฏิฺาย ปฏิฺํ อกโรนฺตสฺส วิลปนฺตสฺส พลกฺกาเรน กโรติ. สติวินยารหสฺสาติ ทพฺพมลฺลปุตฺตตฺเถรสทิสสฺส ขีณาสวสฺส. อมูฬฺหวินยารหสฺสาติ คคฺคภิกฺขุสทิสสฺส อุมฺมตฺตกสฺส. ตสฺสปาปิยสิกกมฺมารหสฺสาติ อุปวาฬภิกฺขุสทิสสฺส อุสฺสนฺนปาปสฺส. ตชฺชนียกมฺมารหสฺสาติ ปณฺฑกโลหิตกภิกฺขุสทิสสฺส ภณฺฑนการกสฺส. นิยสกมฺมารหสฺสาติ เสยฺยสกภิกฺขุสทิสสฺส อภิณฺหาปตฺติกสฺส. ปพฺพาชนียกมฺมารหสฺสาติ อสฺสชิปุนพฺพสุกภิกฺขุสทิสสฺส กุลทูสกสฺส. ปฏิสารณียกมฺมารหสฺสาติ สุธมฺมภิกฺขุสอสสฺส อุปาสเก ชาติอาทีหิ ทูเสนฺตสฺส. อุกฺเขปนียกมฺมารหสฺสาติ ฉนฺนภิกฺขุสทิสสฺส อาปตฺตึ อปสฺสนฺตสฺส อาปตฺตึ อเทเสนฺตสฺส อริฏฺภิกฺขุสทิสสฺส มิจฺฉาทิฏฺึ อวิสฺสชฺเชนฺตสฺส. ปริวาสารหสฺสาติ ปฏิจฺฉนฺนสงฺฆาทิเสสาปตฺติกสฺส. มูลายปฏิกสฺสนารหสฺสาติ อนฺตราปตฺตึ อาปนฺนสฺส. มานตฺตารหนฺติ อปฺปฏิจฺฉนฺนสงฺฆาทิเสสาปตฺติกํ. อพฺภานารหนฺติ จิณฺณมานตฺตํ ภิกฺขุํ. อุปสมฺปาเทตีติ อุปสมฺปทกมฺมํ กโรติ.

อนุโปสเถอุโปสถํ กโรตีติ อนุโปสถทิวเส อุโปสถํ กโรติ. อุโปสถทิวโส นาม เปตฺวา กตฺติกมาสํ อวเสเสสุ เอกาทสสุ มาเสสุ ภินฺนสฺส สงฺฆสฺส สามคฺคิทิวโส จ ยถาวุตฺตา จาตุทฺทสปนฺนรสา จ, เอตํ ติปฺปการมฺปิ อุโปสถทิวสํ เปตฺวา อฺสฺมึ ทิวเส อุโปสถํ กโรนฺโต อนุโปสเถ อุโปสถํ กโรติ นาม. ยตฺร หิ ปตฺตจีวราทิอตฺถาย อปฺปมตฺตเกน การเณน วิวทนฺตา อุโปสถํ วา ปวารณํ วา เปนฺติ, ตตฺถ ตสฺมึ อธิกรเณ วินิจฺฉิเต ‘‘สมคฺคา ชาตมฺหา’’ติ อนฺตรา สามคฺคีอุโปสถํ กาตุํ น ลภนฺติ, กโรนฺเตหิ อนุโปสเถ อุโปสโถ กโต นาม โหติ.

อปฺปวารณาย ปวาเรตีติ อปฺปวารณทิวเส ปวาเรติ. ปวารณทิวโส นาม เอกสฺมึ กตฺติกมาเส ภินฺนสฺส สงฺฆสฺส สามคฺคิทิวโส จ ปจฺจุกฺกฑฺฒิตฺวา ปิตทิวโส จ ทฺเว จ ปุณฺณมาสิโย, เอตํ จตุพฺพิธํ ปวารณทิวสํ เปตฺวา อฺสฺมึ ทิวเส ปวาเรนฺโต อปฺปวารณาย ปวาเรติ นาม. อิธาปิ อปฺปมตฺตกสฺส วิวาทสฺส วูปสเม สามคฺคีปวารณํ กาตุํ น ลภนฺติ. กโรนฺเตหิ อปฺปวารณาย ปวารณา กตา โหตีติ อยํ อฏฺกถาปาโ (ปริ. อฏฺ. ๔๘๓).

‘‘อุมฺมตฺตกสฺส ภิกฺขุโน อุมฺมตฺตกสมฺมุติ อุมฺมตฺตเกน ยาจิตฺวา กเต อสมฺมุขาปิ ทาตุํ วฏฺฏติ, ตตฺถ นิสินฺเนปิ น กุปฺปติ นิยมาภาวโต. อสมฺมุขา กเต ปน โทสาภาวํ ทสฺเสตุํ ‘อสมฺมุขา กตํ สุกตํ โหตี’ติ วุตฺตํ. ทูเตน อุปสมฺปทา ปน สมฺมุขา กาตุํ น สกฺกา กมฺมวาจานานตฺตสมฺภวโต. ปตฺตนิกฺกุชฺชนาทโย หตฺถปาสโต อปนีตมตฺเตปิ กาตุํ วฏฺฏนฺติ. สงฺฆสมฺมุขตาติอาทีสุ ยาวติกา ภิกฺขู กมฺมปฺปตฺตา, เต อาคตา โหนฺติ, ฉนฺทารหานํ ฉนฺโท อาหโต โหติ, สมฺมุขีภูตา น ปฏิกฺโกสนฺติ, อยํ สงฺฆสมฺมุขตา. เยน ธมฺเมน เยน วินเยน เยน สตฺถุสาสเนน สงฺโฆ กมฺมํ กโรติ, อยํ ธมฺมสมฺมุขตา วินยสมฺมุขตา. ตตฺถ ธมฺโมติ ภูตํ วตฺถุ. วินโยติ โจทนา เจว สารณา จ. สตฺถุสาสนํ นาม ตฺติสมฺปทา เจว อนุสฺสาวนสมฺปทา จ. ยสฺส สงฺโฆ กมฺมํ กโรติ, ตสฺส สมฺมุขาภาโว ปุคฺคลสมฺมุขตา. กตฺติกมาสสฺส ปวารณมาสตฺตา ‘เปตฺวา กตฺติกมาส’นฺติ วุตฺตํ. ปจฺจุกฺกฑฺฒิตฺวา ปิตทิวโส จาติ กาฬปกฺเข จาตุทฺทสึ ปนฺนรสึ วา สนฺธาย วุตฺตํ. ทฺเว ปุณฺณมาสิโยติ ปมปจฺฉิมวสฺสูปคตานํ วเสน วุตฺต’’นฺติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปริวาร ๓.๔๘๓) อาคตํ.

‘‘ปิตอุโปสถปวารณานํ กตฺติกมาเส สามคฺคิยา กตาย สามคฺคีปวารณํ มุฺจิตฺวา อุโปสถํ กาตุํ น วฏฺฏตีติ อาห ‘เปตฺวา กตฺติกมาส’นฺติ. สเจ ปน เตสํ นานาสีมาสุ มหาปวารณาย วิสุํ ปวาริตานํ กตฺติกมาสพฺภนฺตเร สามคฺคี โหติ, สามคฺคีอุโปสโถ เอว เตหิ กาตพฺโพ, น ปวารณา เอกสฺมึ วสฺเส กตปวารณานํ ปุน ปวารณาย อวิหิตตฺตา. สามคฺคีทิวโส โหตีติ อนุโปสถทิวเส สามคฺคีกรณํ สนฺธาย วุตฺตํ. สเจ ปน จาตุทฺทสิยํ ปนฺนรสิยํ วา สงฺโฆ สามคฺคึ กโรติ, ตทา สามคฺคีอุโปสถทิวโส น โหติ, จาตุทฺทสีปนฺนรสีอุโปสโถว โหติ. อุปริ ปวารณายปิ เอเสว นโย. ปจฺจุกฺกฑฺฒิตฺวา ปิตทิวโส จาติ ภณฺฑนการเกหิ อุปทฺทุตา วา เกนจิเทว กรณีเยน ปวารณสงฺคหํ วา กตฺวา ปิโต กาฬปกฺขจาตุทฺทสีทิวโส จ. ทฺเว จ ปุณฺณมาสิโยติ ปุพฺพกตฺติกปุณฺณมา ปจฺฉิมกตฺติกปุณฺณมา จาติ ทฺเว ปุณฺณมาสิโย. เอตํจตุพฺพิธนฺติ ปุณฺณมาสิทฺวเยน สทฺธึ สามคฺคีปวารณํ จาตุทฺทสีปวารณฺจ สมฺปิณฺเฑตฺวา, อิทฺจ ปกติจาริตฺตวเสน วุตฺตํ. ตถารูปปจฺจเย ปน สติ อุภินฺนํ ปุณฺณมาสีนํ ปุริมา ทฺเว จาตุทฺทสิโย, กาฬปกฺขจาตุทฺทสิยา อนนฺตรา ปนฺนรสีปีติ อิเมปิ ตโย ทิวสา ปวารณาทิวสา เอวาติ อิมํ สตฺตวิธมฺปิ ปวารณาทิวสํ เปตฺวา อฺสฺมึ ทิวเส ปวาเรตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปริวาร ๒.๔๘๓) อาคตํ.

เอวํ วตฺถุวิปตฺติวินิจฺฉยํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตฺติวิปตฺติวินิจฺฉยํ อนุสฺสาวนวิปตฺติวินิจฺฉยฺจ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตฺติโต วิปตฺติยํ ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปฺจมตฺติวิปตฺติยํ ‘‘ปจฺฉา วา ตฺตึ เปตี’’ติ เอตสฺส สํวณฺณนายํ อนุสฺสาวนกมฺมํ กตฺวาติ ปมํ อนุสฺสาวนํ สาเวตฺวา ‘‘เอสา ตฺตี’’ติ อนุสฺสาวนานนฺตรเมว สกลํ ตฺตึ วตฺวา, ปริโยสาเน ‘‘เอสา ตฺตี’’ติ วตฺวาติ อธิปฺปาโย.

๒๕๒. จตุตฺถอนุสฺสาวนวิปตฺติสํวณฺณนายํ ‘‘ยฺวายนฺติ พฺยฺชนปฺปเภโท อธิปฺเปโต. ทสธา พฺยฺชนพุทฺธิยา ปเภโทติ เอตฺถ ทสธา ทสวิเธน พฺยฺชนานํ ปเภโทติ โยเชตพฺพํ. เกนายํ ปเภโทติ อาห ‘พฺยฺชนพุทฺธิยา’ติ. ยถาธิปฺเปตตฺถพฺยฺชนโต พฺยฺชนสงฺขาตานํ อกฺขรานํ ชนิกา พุทฺธิ พฺยฺชนพุทฺธิ, ตาย พฺยฺชนพุทฺธิยา, อกฺขรสมุฏฺาปกจิตฺตเภเทเนวาติ อตฺโถ. ยํ วา สํโยคปรํ กตฺวา วุจฺจติ, อิทมฺปิ ครุกนฺติ โยชนา’’ติ วิมติวิโนทนิยํ วุตฺตํ.

สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปริวาร ๓.๔๘๕) ปน ‘‘านกรณานิ สิถิลานิ กตฺวา อุจฺจาเรตพฺพมกฺขรํ สิถิลํ, ตานิเยว ธนิตานิ อสิถิลานิ กตฺวา อุจฺจาเรตพฺพมกฺขรํ ธนิตํ. ทฺวิมตฺตกาลํ ทีฆํ, เอกมตฺตกาลํ รสฺสํ. ทสธา พฺยฺชนพุทฺธิยา ปเภโทติ เอวํ สิถิลาทิวเสน พฺยฺชนพุทฺธิยา อกฺขรุปฺปาทกจิตฺตสฺส ทสปฺปกาเรน ปเภโท. สพฺพานิ หิ อกฺขรานิ จิตฺตสมุฏฺานานิ ยถาธิปฺเปตตฺถพฺยฺชนโต พฺยฺชนานิ จ. สํโยโค ปโร เอตสฺมาติ สํโยคปโร. น สํโยคปโร อสํโยคปโร ‘อายสฺมโต พุทฺธรกฺขิตเถรสฺส ยสฺส น ขมตี’ติ เอตฺถ ต-การ น-การสหิตาโร อสํโยคปโร. กรณานีติ กณฺาทีนิ’’ อิติ เอตฺตกํ วุตฺตํ.

ปุน วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปริวาร ๒.๔๘๕) ‘‘ตตฺถ อายสฺมโตติอาทีสุ สรานนฺตริตานิ ส-การ ม-การาทิพฺยฺชนานิ ‘สํโยโค’ติ วุจฺจนฺติ. โย สํโยโค ปโร ยสฺส อ-การาทิโน, โส สํโยคปโร นาม. รสฺสนฺติ อ-การาทิพฺยฺชนรหิตํ ปทํ. อสํโยคปรนฺติ ‘ยสฺส น ขมตี’ติอาทีสุ ส-การ น-การาทิพฺยฺชนสหิตํ ปทํ สนฺธาย วุตฺตํ. ต-การสฺส ถ-การํ อกตฺวา ‘สุณาตุ เม’ติอาทึ อวตฺวา วคฺคนฺตเร สิถิลเมว กตฺวา ‘สุณาฏุ เม’ติอาทึ วทนฺโตปิ ทุรุตฺตํ กโรติเยว เปตฺวา อนุรูปํ อาเทสํ. ยฺหิ ‘สจฺจิกตฺถปรมตฺเถนา’ติ วตฺตพฺเพ ‘สจฺจิกฏฺปรมฏฺเนา’ติ จ ‘อตฺถกถา’ติ จ วตฺตพฺเพ ‘อฏฺกถา’ติ จ ตตฺถ ตตฺถ วุจฺจติ, ตาทิสํ ปาฬิอฏฺกถาทีสุ ทิฏฺปโยคํ ตทนุรูปฺจ วตฺตุํ วฏฺฏติ, ตโต อฺํ น วฏฺฏติ. เตนาห ‘อนุกฺกมาคตํ ปเวณึ อวินาเสนฺเตนา’ติอาทิ. ‘ทีเฆ วตฺตพฺเพ รสฺส’นฺติอาทีสุ ‘ภิกฺขูน’นฺติ วตฺตพฺเพ ‘ภิกฺขุน’นฺติ วา ‘พหูสู’ติ วตฺตพฺเพ ‘พหุสู’ติ วา ‘นกฺขมตี’ติ วตฺตพฺเพ ‘น ขมตี’ติ วา ‘อุปสมฺปทาเปกฺโข’ติ วตฺตพฺเพ ‘อุปสมฺปทาเปโข’ติ วา เอวํ อนุรูปฏฺาเนสุ เอว ทีฆรสฺสาทิรสฺสทีฆาทิวเสน ปริวตฺเตตุํ วฏฺฏติ, น ปน ‘นาโค’ติ วตฺตพฺเพ ‘นโค’ติ วา ‘สงฺโฆ’ติ วตฺตพฺเพ ‘สโฆ’ติ วา ‘ติสฺโส’ติ วตฺตพฺเพ ‘ติโส’ติ วา ‘ยาจตี’ติ วตฺตพฺเพ ‘ยาจนฺตี’ติ วา เอวํ อนนุรูปฏฺาเนสุ วตฺตุํ . สมฺพนฺธํ ปน ววตฺถานฺจ สพฺพถาปิ วฏฺฏตีติ คเหตพฺพ’’นฺติ อาคตํ. เสสานิ อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว สุฏฺุ สลฺลกฺเขตพฺพานิ.

๒๕๓. สีมวิปตฺติวินิจฺฉโย ปน เหฏฺา สีมกถายํ สพฺเพน กถิโต, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว คเหตพฺโพ.

ปริสวิปตฺติกถาย จตุวคฺคกรเณติ จตุวคฺเคน สงฺเฆน กตฺตพฺเพ. อนิสฺสาริตาติ อุโปสถฏฺปนาทินา วา ลทฺธินานาสํวาสกภาเวน วา น พหิกตา. อฏฺกถายฺหิ ‘‘อปกตตฺตสฺสาติ อุกฺขิตฺตกสฺส วา ยสฺส วา อุโปสถปวารณา ปิตา โหนฺตี’’ติ (ปริ. อฏฺ. ๔๒๕) วุตฺตตฺตา ปิตอุโปสถปวารโณ ภิกฺขุ อปกตตฺโต เอวาติ คเหตพฺพํ. ปริสุทฺธสีลาติ ปาราชิกํ อนาปนฺนา อธิปฺเปตา. ปริวาสาทิกมฺเมสุ ปน ครุกฏฺาปิ อปกตตฺตา เอวาติ คเหตพฺพํ. อวเสสา…เป… ฉนฺทารหาว โหนฺตีติ หตฺถปาสํ วิชหิตฺวา ิเต สนฺธาย วุตฺตํ, อวิชหิตฺวา ิตา ปน ฉนฺทารหา น โหนฺติ, เตปิ จตุวคฺคาทิโต อธิกา หตฺถปาสํ วิชหิตฺวาว ฉนฺทารหา โหนฺติ, ตสฺมา สงฺฆโต หตฺถปาสํ วิชหิตฺวา ิเตเนว ฉนฺโท วา ปาริสุทฺธิ วา ทาตพฺพา.

สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปริวาร ๓.๔๘๘) ปน ‘‘อนุกฺขิตฺตา ปาราชิกํ อนาปนฺนา จ ปกตตฺตาติ อาห ‘ปกตตฺตา อนุกฺขิตฺตา’ติอาทิ. ตตฺถ อนิสฺสาริตาติ ปุริมปทสฺเสว เววจนํ. ปริสุทฺธสีลาติ ปาราชิกํ อนาปนฺนา. น เตสํ ฉนฺโท วา ปาริสุทฺธิ วา เอตีติ ตีสุ ทฺวีสุ วา นิสินฺเนสุ เอกสฺส วา ทฺวินฺนํ วา ฉนฺทปาริสุทฺธิ อาหฏาปิ อนาหฏาว โหตีติ อธิปฺปาโย’’ติ อาคโต. เอวํ ปาฬิยฺจ อฏฺกถาย จ จตุนฺนมฺปิ กมฺมานํ สมฺปตฺติ จ วิปตฺติ จ อาคตา, ฏีกาจริเยหิ จ วินิจฺฉิตา, ตสฺมา อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว จตฺตาริ กมฺมานิ กตฺตพฺพานิ, น อวุตฺตนเยน. วุตฺตฺหิ สมนฺตปาสาทิกายํ (ปารา. อฏฺ. ๑. คนฺถารมฺภกถา; ๒.๔๓๑) –

‘‘พุทฺเธน ธมฺโม วินโย จ วุตฺโต;

โย ตสฺส ปุตฺเตหิ ตเถว าโต;

โส เยหิ เตสํ มติมจฺจชนฺตา;

ยสฺมา ปุเร อฏฺกถา อกํสุ.

‘‘ตสฺมา หิ ยํ อฏฺกถาสุ วุตฺตํ;

ตํ วชฺชยิตฺวาน ปมาทเลขํ;

สพฺพมฺปิ สิกฺขาสุ สคารวานํ;

ยสฺมา ปมาณํ อิธ ปณฺฑิตาน’’นฺติ.

อิมสฺมิฺหิ กมฺมวคฺเค อปโลกนาทีนํ จตุนฺนํ กมฺมานํ กรณฏฺานํ เอกาทสวิปตฺติสีมวิมุตฺตํ พทฺธสีมภูตํเยว วุตฺตํ, ‘‘เอกาทสหิ อากาเรหิ สีมโต กมฺมานิ วิปชฺชนฺตี’’ติ (ปริ. ๔๘๖) วจนโต น อพทฺธอุปจารสีมภูตํ. น หิ ตตฺถ เอกาทสวิปตฺติ อตฺถิ. อฏฺกถายมฺปิ (ปริ. อฏฺ. ๔๘๒) ‘‘อปโลกนกมฺมํ นาม สีมฏฺกสงฺฆํ โสเธตฺวา ฉนฺทารหานํ ฉนฺทํ อาหริตฺวา สมคฺคสฺส สงฺฆสฺส อนุมติยา ติกฺขตฺตุํ สาเวตฺวา กตฺตพฺพํ กมฺม’’นฺติ อปโลกนกมฺมสฺสาปิ พทฺธสีมายเมว กตฺตพฺพภาโว วุตฺโต, น อุปจารสีมายํ. น หิ ตตฺถ สีมฏฺกสงฺฆโสธนฺจ ฉนฺทารหานฺจ อตฺถิ, อนฺโตสีมํ ปวิฏฺปวิฏฺานํ สงฺฆลาโภ ทาตพฺโพเยว โหติ, ตสฺมา ‘‘ตฺติกมฺมภูตํ อุโปสถปวารณากมฺมํ อพทฺธสีมวิหาเรปิ กตฺตพฺพ’’นฺติ คณฺหนฺตานํ อาจริยานํ วาโทปิ ‘‘ตฺติทุติยกมฺมภูตํ กถินทานกมฺมํ อุปจารสีมายเมว กตฺตพฺพ’’นฺติ คณฺหนฺตานํ อาจริยานํ วาโทปิ ปาฬิวิโรโธ อฏฺกถาวิโรโธ จ โหตีติ เวทิตพฺโพ. ยเมตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ อุโปสถปวารณกถาวณฺณนายฺจ กถินกถาวณฺณนายฺจ วุตฺตํ, อตฺถิเกหิ ตตฺถ สุฏฺุ โอโลเกตฺวา สํสโย วิโนเทตพฺโพ.

อิทานิ สพฺเพ ภิกฺขู เลขกาเรหิ ปริจยวเสน สพฺพคนฺถานํ อาทิมฺหิ ลิขิตํ มหานมกฺการปาํ สรณคมนสฺส, กมฺมวาจาย จ อารมฺภกาเล มหตา อุสฺสาเหน ภณนฺติ, โส ปน ปาโ เนว สรณคมนปริยาปนฺโน, น กมฺมวาจาปริยาปนฺโน, นาปิ กมฺมวาจาย ปุพฺพกรณปริยาปนฺโน, ตสฺมึ อภณิเตปิ น สรณคมนสฺส วา กมฺมวาจาย วา หานิ อตฺถิ, น ภณิเต วฑฺฒิ, ตสฺมา ปกรณาจริยา สรณคมนารมฺเภปิ กมฺมวาจารมฺเภปิ ตสฺส มหานมกฺการปาสฺส วณฺณนํ น วทนฺติ, วทนฺโต ปน ‘‘ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส’’ อิติ ปทานํ อตฺโถ วิสุทฺธิมคฺคสมนฺตปาสาทิกาสารตฺถทีปนีอาทิปฺปกรเณสุ ‘‘ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ อิติปทานํ อตฺโถ วิย วิตฺถาเรน วตฺตพฺโพ สิยา, เอวํ สนฺเตปิ ภควโต ยถาภูตคุณทีปนวเสน ปวตฺตตฺตา สพฺเพปิ อาจริยา สพฺเพสุ คนฺถารมฺเภสุ ติกฺขตฺตุํ มงฺคลตฺถํ ภณนฺติ. ภณนฺเตหิ จ ปน น-การ โม-การาทีนํ านกรณาทิสมฺปทํ อหาเปนฺเตน สิถิลธนิตทีฆรสฺสาทิวิเสสํ มนสิ กโรนฺเตน สมณสารุปฺเปน ปริมณฺฑเลน ปทพฺยฺชเนน ภณิตพฺโพ โหติ, น อติอายตเกน คีตสทฺทสทิเสน สทฺเทน. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘น, ภิกฺขเว, อายตเกน คีตสฺสเรน ธมฺโม คายิตพฺโพ, โย คาเยยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๒๔๙).

‘‘เอกมตฺโต ภเว รสฺโส, ทฺวิมตฺโต ทีฆมุจฺจเต;

ติมตฺโต ตุ ปฺลุโต เยฺโย, พฺยฺชนฺจฑฺฒมตฺติก’’นฺติ. –

สทฺทปฺปกรณาจริเยหิ วุตฺตํ สทฺทลกฺขณํ นิสฺสาย น-การาทีสุ รสฺสภูเต อสเร เอกมตฺตํ, น-พฺยฺชเน อฑฺฒมตฺตํ สมฺปิณฺเฑตฺวา ทิยฑฺฒมตฺตกาลํ ปมาณํ กตฺวา อุจฺจารียเต. โม-การาทีสุ ทีฆภูเต โอ-การาทิสเร ทฺวิมตฺตํ, ม-การาทิพฺยฺชเน อฑฺฒมตฺตํ สมฺปิณฺเฑตฺวา อฑฺฒเตยฺยมตฺตากาลํ ปมาณํ กตฺวา อุจฺจารียเต, น ตโต อุทฺธนฺติ. นนุ ‘‘ปฺลุโต ติมตฺโต เยฺโย’’ติ วุตฺตนฺติ? สจฺจํ, สา ปน ทูรโต อวฺหายนาทีสุเยว ลพฺภติ, นาฺตฺถ. วุตฺตฺหิ การิกายํ –

‘‘ทูรโต อวฺหาเน คีเต, ตเถว โรทเนปิ จ;

ปฺลุตา ติมตฺติกา วุตฺตา, สพฺเพเต เนตฺถ คยฺหเร’’ติ. –

กิตฺตเกน ปน กาเลน เอกมตฺตา วิฺเยฺยาติ? อกฺขินิมิสอุมฺมิสมตฺตกาเลนาติ อาจริยา. เอเก ปน อาจริยา ‘‘องฺคุลิโผฏนกาลปฺปมาเณนา’’ติ วทนฺติ. วุตฺตฺหิ อาจริยธมฺมเสนาปติตฺเถเรน –

‘‘ปมาณํ เอกมตฺตสฺส, นิมิสุมฺมิสโตพฺรวุํ;

องฺคุลิโผฏกาลสฺส, ปมาเณนาปิ อพฺรวุ’’นฺติ.

เอวํ สทฺทสตฺถาจริเยหิ วจนโต สุทฺธรสฺสสรฏฺาเน เอกมตฺตาปมาณํ, สพฺยฺชนรสฺสสรฏฺาเน ทิยฑฺฒมตฺตาปมาณํ, สุทฺธทีฆสรฏฺาเน ทฺวิมตฺตาปมาณํ, สพฺยฺชนทีฆสรฏฺาเน อฑฺฒเตยฺยมตฺตาปมาณํ กาลํ สลฺลกฺเขตฺวา อุจฺจารียเต.

อิทานิ ปน ภิกฺขู มหานมกฺการภณเน พลวอุสฺสาหํ กตฺวา ภณนฺตา รสฺสฏฺาเนสุ ทฺวิติมตฺตากาลํ ทีฆฏฺาเนสุ จตุปฺจมตฺตากาลํ สรํ ปเปตฺวา ภณนฺติ, ตทยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ. อปเร ปมวาเร ภณิตฺวา ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติ ปริโยสานปทํ ปตฺวาปิ ตตฺถ อฏฺเปตฺวา ปุน ‘‘นโม ตสฺสา’’ติ ภณิตฺวา ส-กาเร เปตฺวา โถกํ วิสฺสมิตฺวา ทุติยวาเร ‘‘ภควโต’’ติ อิทํ อาทึ กตฺวา ยาว ปริโยสานํ ภณิตฺวา เปนฺติ. ตติยวาเร ปน อาทิโต ปฏฺาย ปริโยสาเน เปนฺติ. เอวํ ภณนฺตฺจ พหู ปสํสนฺติ, เอวํ ปน กาตพฺพนฺติ เนว ปาฬิยํ, น อฏฺกถายํ วิชฺชติ. ยถา ตฺติจตุตฺถกมฺเม กริยมาเน ตีณิ อนุสฺสาวนานิ สทฺทโต จ อตฺถโต จ อภินฺนานิ อฺมฺํ สงฺกรวิรหิตานิ กตฺวา ภณิตพฺพานิ, เอวํ มหานมกฺการปาเ ติกฺขตฺตุํ ภฺมาเน ตโย วารา สทฺทโต จ อตฺถโต จ อภินฺเน กตฺวา สงฺกรวิรหิเต กตฺวา อาทิโต อารภิตฺวา ปริโยสาเน เปตพฺพา โหนฺตีติ.

ตตฺรายเมเกเอวํ วทนฺติ – ยถา นาม ชเวน คจฺฉนฺตสฺส าตพฺพฏฺานํ ปตฺวาปิ สหสา าตุํ น สกฺโกติ, เอกปาทมตฺตํ คนฺตฺวา ติฏฺติ, เอวํ อาทิโต ภณนฺตสฺส พลวอุสฺสาหตฺตา ปริโยสาเน ปตฺเตปิ เปตุํ น สกฺโกติ, ‘‘นโม ตสฺสา’’ติ ทฺวิปทมตฺตํ ภณิตฺวา สกฺโกตีติ. เอวํ สนฺเต ทุติยตติยวาเรสุ กสฺมา สกฺโกตีติ? ตทา ปน ทุติยวาเร โถกํ วิสฺสมิตตฺตา ลทฺธสฺสาโส หุตฺวา สกฺโกตีติ. เอวํ เต อายสฺมนฺโต สยเมว อตฺตานํ วิฆาตํ ปาเปนฺติ. น หิ ‘‘มหานมกฺการํ ภณนฺเตน ปมวาเร พลวอุสฺสาเหน ภณิตพฺโพ’’ติ ภควตา ปฺตฺโต, ธมฺมสงฺคาหกตฺเถเรหิ วา ปิโต อตฺถิ. เอวํ สนฺเต ยถา ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสนฺเตน ยตฺตกา ภิกฺขู ปาติโมกฺขํ สุณนฺติ, เตสํ สวนปฺปมาเณน ยาว ปริโยสานา อุทฺทิสิตุํ อตฺตโน สรปฺปมาณํ คเหตฺวา ปาติโมกฺโข อุทฺทิสิตพฺโพ, เอวํ กมฺมวาจํ ภณนฺเตนปิ สีมมณฺฑเล นิสินฺนภิกฺขูนํ สวนปฺปมาเณน ยาว ปริโยสานา อตฺตโน สรปฺปมาณํ คเหตฺวา ภณิตพฺพาติ.

อปเร ปน อาจริยา โม-การาทีสุ โอ-การนฺตปเทสุ อฺเสํ ปทานํ อติเรเกน สเรน ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ อนุกรณสทฺทํ อนุพนฺธาปยมานา ภณนฺติ, เตสํ อาจริยานํ ตาทิสํ ภณนํ สุตฺวา ปริจยปฺปตฺตา อฺเ ภิกฺขู วา คหฏฺา วา อฺเสํ อาจริยานํ กมฺมวาจํ น ครุํ กโรนฺติ, ตาย กมฺมวาจาย อุปสมฺปทา อลภิตพฺพา วิย มฺนฺติ, ตาทิสํ ปน ภณนํ เตสํ อาจริยานํ สิสฺสานุสิสฺสา เอว ตถา ภณนฺติ, น อฺเ อาจริยา. เต ปน โปราณาจริยานํ สรสมฺปนฺนานํ อนุกรณสทฺทรหิตมฺปิ สหิตํ วิย ขายมานํ สุณนฺตานํ อติมโนรถํ สทฺทํ สุตฺวา ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชนฺตา เอวํ กโรนฺติ มฺเ. น หิ วินเย วา สทฺทสตฺเถสุ วา ตถา ภณิตพฺพนฺติ อตฺถิ, ตสฺมา วิจาเรตพฺพเมตนฺติ.

พหู ปน ภิกฺขู ‘‘สิถิลํ ธนิตฺจ ทีฆรสฺส’’นฺติอาทินา วินเย กถิตวินิจฺฉยฺจ ‘‘เอตฺถ ปฺจสุ วคฺเคสู’’ติอาทินา สทฺทสตฺเถสุ กตวินิจฺฉยฺจ อชานนฺตา ปิฏกตฺตยโกวิทานํ วินยธรพหุสฺสุตตฺเถรานํ สนฺติกา อลทฺโธปเทสา หุตฺวา ตตฺถ ตตฺถ อุปสมฺปทํ กโรนฺตานํ ภิกฺขูนํ วจนเมว คเหตฺวา เหยฺโยปาเทยฺยํ อชานนฺตา ปุพฺเพ ปรเทสโต อาคตานํ ปุฺวนฺตานํ สรสมฺปนฺนานํ มหาเถรานํ อโนสเรน ภณมานานํ สรํ สุตฺวา เตสํ เถรวรานํ มตึ อปุจฺฉิตฺวาว ยถาทิฏฺํ ยถาสุตํ ลิขิตฺวา เปนฺตา อนุกฺกเมน ปณฺฑิเตหิ หสิตพฺพํ อยุตฺตํ กถํ ทีเปนฺตา ‘‘อิมสฺมึ าเน พฺยคฺฆิยา สทฺทสทิสํ สทฺทํ กโรนฺติ, อิมสฺมึ าเน สกุณิยา สทฺทสทิสํ สทฺทํ กโรนฺติ, อิมสฺมึ าเน ตมฺพุลกสฏปาตํ กโรนฺติ, อิมสฺมึ าเน ทกฺขิณโต นมนฺตา ภณนฺติ, อิมสฺมึ าเน วามโต นมนฺตา ภณนฺติ, อิมสฺมึ าเน วิลาสํ กุรุมานา ภณนฺตี’’ติอาทีนิ วตฺวา ตเทว สทฺทหนฺตา รุกฺขมูลอุมงฺคเลณาทีสุ นิสีทิตฺวา ตเมว วจนํ อนุสิกฺขนฺตา ตทนุรูปํ กมฺมวาจํ ภณนฺตา ‘‘อหํ กมฺมวาจากุสโล’’ติ วตฺวา พาลชเน สฺาเปตฺวา เตสํ เตสํ อุปสมฺปทาเปกฺขานํ กมฺมวาจํ ภณนฺติ, อิเม ภิกฺขู ภควโต อาณํ อติกฺกาเมนฺติ, สาสนํ โอสกฺกาเปนฺตีติ ทฏฺพฺพา.

อถาปเรปิ ภิกฺขู คามกาวาสาทีสุ วสนฺตา ปณฺฑิตานํ สนฺติเก อปยิรุปาสมานา วตฺถุสมฺปตฺติมฺปิ วตฺถุวิปตฺติมฺปิ ตฺติอนุสฺสาวนสีมปริสสมฺปตฺติมฺปิ วิปตฺติมฺปิ ตถโต อชานนฺตา พหโว สิสฺเส เปตฺวา ปพฺพชฺชฺจ อุปสมฺปทฺจ กโรนฺตา ปริสํ วฑฺฒาเปนฺติ, เตปิ ภควโต สาสนํ โอสกฺกาเปนฺติ, ตสฺมา ภควโต อาณํ กโรนฺเตหิ ลชฺชีเปสเลหิ พหุสฺสุเตหิ สิกฺขากาเมหิ สปฺปุริสภิกฺขูหิ เอวรูปานํ ภิกฺขูนํ สหายเกหิ อุปตฺถมฺภเกหิ เอกสมฺโภคสํวาสกเรหิ น ภวิตพฺพํ. อิทานิ ภิกฺขู –

‘‘จ-การนฺตํ ส-การนฺตํ, ต-การนฺตสมํ วเท;

-การนฺตํ ล-การนฺตํ, น-การนฺตสมํ วเท’’ติ. –

อิมํ สิโลกํ อุปนิสฺสาย สรณคมเนปิ ‘‘พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามี’’ติ ปาํ ‘‘พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามี’’ติ ปนฺติ. กมฺมวาจายมฺปิ ‘‘ปมํ อุปชฺฌํ คาหาเปตพฺโพ’’ติอาทิปาํ ‘‘ปมํ อุปชฺฌํ คาหาเปตพฺโพ’’ติอาทินา ปนฺติ. เอตฺถ ยุตฺติโตปิ อาคมโตปิ การณํ จินฺเตตพฺพํ.

ตตฺรายํ ยุตฺติจินฺตา – ‘‘จ-การนฺตํ ส-การนฺตํ, ต-การนฺตสมํ วเท’’ติ เอตฺถ จ-กาโร ตาลุโช, ต-กาโร ทนฺตโช, เอวเมเต อกฺขรา านโตปิ อสมานา. จ-กาโร ชิวฺหามชฺฌกรโณ, ต-กาโร ชิวฺหคฺคกรโณ, เอวํ กรณโตปิ อสมานา. จ-กาโร ทุติยวคฺคปริยาปนฺโน, ต-กาโร จตุตฺถวคฺคปริยาปนฺโน, เอวํ วคฺคโตปิ อสมานา. สํโยคกฺขรวเสน น ปุพฺพกฺขรา สุตึ ลภนฺตา สรวิเสสํ ปาปุณนฺติ, เตเนว จ-กาเรน สทฺทสตฺถการาจริยา ‘‘สํโยเค ปเร รสฺสตฺต’’นฺติ จ ‘‘สํโยคปุพฺพา เอ-กาโร-การา รสฺสาอิว วตฺตพฺพา’’ติ จ วทนฺติ. เอวํ สนฺเต กถํ อสมานฏฺานิเกน อสมานกรเณน อสมานวคฺเคน สํโยคกฺขเรน ลทฺธสุติกา อกฺขรา ตโต อฺเน อสมานฏฺานิเกน อสมานกรเณน อสมานวคฺเคน สํโยคกฺขเรน ลทฺธสมานสุติกา ภเวยฺยุํ. น เกวลฺจ เอเต อกฺขรา อสมานฏฺานิกา อสมานกรณา อสมานวคฺคาว โหนฺติ, อถ โข อนาสนฺนฏฺานิกา อนาสนฺนกรณา อนาสนฺนวคฺคา จ โหนฺติ. ยถา จ วีณํ วาเทนฺตานํ ทูเร ตนฺติสฺสเรน ตโต ทูเร ตนฺติสฺสโร อสมาโน โหติ, เอวํ ทูรฏฺานิเกน อกฺขเรน ทูรกรเณน ตโต ทูรฏฺานิโก ทูรกรโณ สมานสุติโก กถํ ภเวยฺย, วคฺคกฺขรานฺจ อฺมฺํ อสงฺกรวเสน อสมานสุติวเสน ปวตฺตนโต ‘‘วคฺคนฺตํ วา วคฺเค’’ติ สุตฺเต นิคฺคหิตสฺส วคฺคนฺตกรเณ สติ อฺวคฺคสฺมึ ปเร อฺวคฺคนฺตํ น ปาปุณาติ, ‘‘วคฺเค โฆสาโฆสานํ ตติยปมา’’ติ สุตฺเตน จ อสทิสทฺเวภาวกรเณ อฺวคฺเค อฺวคฺคทฺเวภาโว น โหติ.

ยทิ จ จ-การนฺตกฺขโร ต-การนฺตกฺขเรน สมานสุติโก สิยา, เอวํ สติ กึ จ-การนฺตกฺขรเลขเนน สพฺพตฺถ ต-การนฺตเมว ลิเขยฺย, ตถา ปน อลิขิตฺวา ปโยคานุรูปํ ปมกฺขรสฺส สทิสทฺเวภาวฏฺาเน ‘‘กจฺโจ กจฺจายโน’’ติ, อสทิสทฺเวภาวฏฺาเน ‘‘วจฺโฉ วจฺฉายโน’’ติ ตติยกฺขรสฺส สทิสทฺเวภาวฏฺาเน ‘‘มชฺชํ สมฺมชฺช’’นฺติ, อสทิสทฺเวภาวฏฺาเน ‘‘อุปชฺฌา อุปชฺฌาโย’’ติ สมานฏฺานสมานกรณสมานวคฺคกฺขรานเมว ทฺเวภาโว ลิขียติ, โน อิตเรสํ, ตสฺมา ปโยคานุรูปํ จ-การนฺต ช-การนฺตฏฺาเนสุ สกวคฺคสุติวเสเนว วตฺตพฺพํ, น อฺวคฺคสุติวเสน. ส-การนฺเต ปน ส-การสฺส ต-กาเรน สมานฏฺานิกตฺตา สมานกรณตฺตา จ วคฺคอวคฺควเสน ภินฺเนปิ อวคฺคกฺขรานํ วคฺคกฺขเรหิ สาธารณตฺตา จ อวคฺคกฺขรานํ วคฺคกฺขรานํ วิย วิสุํ สุติยา อภาวโต จ ส-การนฺตสฺส ต-การนฺตภณนํ ยุตฺตํ สิยา. ส-กาโรปิ หิ ทนฺตโช, ต-กาโรปิ, ส-กาโรปิ ชิวฺหคฺคกรโณ, ต-กาโรปิ , ตสฺมา สมานฏฺานิกานํ สมานกรณานํ อกฺขรานํ สมานสุติภาโว ยุตฺโต. -การนฺต ล-การนฺตานํ น-การนฺตภณเนปิ อิมินา นเยน -การนฺต น-การนฺตานํ อสมานสุติภาโว ล-การนฺต น-การนฺตานํ สมานสุติภาโว ทฏฺพฺโพติ. อยเมตฺถ ยุตฺติจินฺตา.

อาคมจินฺตา ปน เอวํ กาตพฺพา –

‘‘จ-การนฺตํ ส-การนฺตํ, ต-การนฺตสมํ วเท;

-การนฺตํ ล-การนฺตํ, น-การนฺตสมํ วเท’’ติ. –

อยํ สิโลโก กุโต ปภโว, กตฺถ อาคโต, เกน การิโตติ? ตตฺถ กุโต ปภโวติ ภควนฺตสฺมา วา ธมฺมสงฺคาหกตฺเถเรหิ วา อฏฺกถาจริเยหิ วา ปภโว. กตฺถ อาคโตติ วินเย วา สุตฺตนฺเต วา อภิธมฺเม วา ปาฬิยํ วา อฏฺกถาย วา ฏีกาทีสุ วา อาคโต. เกน การิโตติ เนตฺตินิรุตฺติเปฏโกปเทสกจฺจายนปฺปกรณการเกน อายสฺมตา มหากจฺจายนตฺเถเรน วา มุขมตฺตทีปนิการเกน วชิรพุทฺธาจริเยน วา ปทรูปสิทฺธิการเกน พุทฺธปิยาจริเยน วา สทฺทนีติปฺปกรณการเกน อคฺควํสาจริเยน วา ตทฺสตฺถการเกหิ มหาเถเรหิ วา การิโตติ เอวํ อาคมจินฺตายํ สติ อยํ สิโลโก ภควนฺตสฺมา ปภโว ธมฺมสงฺคาหกตฺเถเรหิ วา อฏฺกถาจริเยหิ วาติ น ปฺายติ. ‘‘วินเย วา สุตฺตนฺเต วา อภิธมฺเม วา ปาฬิยํ วา อฏฺกถาย วา ฏีกาสุ วา อาคโต’’ติ หิ น สกฺกา วตฺตุํ. กจฺจายนาจริยาทีหิ สทฺทสตฺถการเกหิ อาจริเยหิ กโตติปิ น ทิสฺสติ. เอวํ สนฺเต อปฺปาฏิหีรกตํ อิทํ วจนํ อาปชฺชติ.

เอวํ ปน มยํ จินฺตยิมฺหา – รามฺเทเส กิร สกภาสายํ จ-การนฺต -การนฺตา น สนฺติ , เตเนว รามฺเทสิยา ภิกฺขู ‘‘สจฺจ’’อิติ อิมํ ปาํ วทนฺตา ‘‘สตฺจ’’อิติ วทนฺติ, ‘‘ปฺจงฺค’’อิติ ปาํ วทนฺตา ‘‘ปนฺจงฺค’’อิติ วทนฺติ, ตสฺมา อตฺตโน วิสเย อวิชฺชมานํ จ-การนฺต -การนฺตํ ยถาปาํ วตฺตุมสกฺโกนฺเตหิ เตหิ ภิกฺขูหิ สกภาสานุรูปโต อยํ สิโลโก การิโต ภวิสฺสตีติ. เอวํ สนฺเตปิ มรมฺมภาสาย จ-การนฺต -การนฺตปทานํ สุติวิเสสวเสน วิสุํ ปฺายนโต มรมฺมเทสิยา ภิกฺขู ตํ สิโลกํ อนุวตฺติตฺวา ‘‘พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามี’’ติ วา ‘‘ปมํ อุปตฺฌํ คาหาเปตพฺโพ’’ติ วา ‘‘เหตุปตฺจโย อารมฺมณปตฺจโย’’ติ วา วตฺตุํ น อรหนฺติ. รามฺเทสิยาปิ สกภาสาย วิสุํ อวิชฺชมานมฺปิ จ-การนฺต -การนฺตปทํ สกภาสากถนกาเลเยว ภาสานุรูปํ ต-การนฺต น-การนฺตภาเวน กเถตพฺพํ, มาคธภาสากถนกาเล ปน มาคธภาสาย จ-การนฺต -การนฺตปทานํ วิสุํ ปโยคทสฺสนโต มาคธภาสานุรูปํ จ-การนฺต -การนฺตปทานํ วิสุํ สุติวเสน ยถาปาเมว กเถตพฺพานีติ โน มติ. อยเมตฺถ อาคมจินฺตา.

ชินสาสนมารพฺภ, กถายํ กถิตา มยา;

ยุตฺตายุตฺตํ จินฺตยนฺตุ, ปณฺฑิตา ชินสาวกา.

ยุตฺตายุตฺตํ จินฺตยิตฺวา, ยุตฺตฺเจ ธารยนฺตุ ตํ;

อยุตฺตฺเจ ปชหนฺตุ, มานโทสวิวชฺชิตาติ.

๒๕๔. เอวํ จตุนฺนํ กมฺมานํ สมฺปตฺติวิปตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เตสํ กมฺมานํ านปฺปเภทํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อปโลกนกมฺมํ กตมานิ ปฺจ านานิ คจฺฉตี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ วินิจฺฉโย อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อนุตฺตานปทตฺถเมว ทสฺสยิสฺสาม. ‘‘เอตรหิ สเจปิ สามเณโร’’ติอาทีสุ พุทฺธาทีนํ อวณฺณภาสนมฺปิ อกปฺปิยาทึ กปฺปิยาทิภาเวน ทีปนมฺปิ ทิฏฺิวิปตฺติยํเยว ปวิสติ, เตเนว วกฺขติ ‘‘ตํ ลทฺธึ วิสฺสชฺชาเปตพฺโพ’’ติ. ภิกฺขูนมฺปิ เอเสว นโย. มิจฺฉาทิฏฺิโกติ พุทฺธวจนาธิปฺปายํ วิปรีตโต คณฺหนฺโต, โส เอว ‘‘อนฺตคฺคาหิกาย ทิฏฺิยา สมนฺนาคโต’’ติ วุตฺโต. เกจิ ปน ‘‘สสฺสตุจฺเฉทานํ อฺตรทิฏฺิยา สมนฺนาคโต’’ติ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ. สสฺสตุจฺเฉทคาหสฺส สามเณรานํ ลิงฺคนาสนาย การณตฺเตน เหฏฺา อฏฺกถายเมว วุตฺตตฺตา อิธ จ ทณฺฑกมฺมนาสนาย เอว อธิปฺเปตตฺตา. กายสมฺโภคสามคฺคีติ สหเสยฺยปฏิคฺคหณาทิ. โสรโตติ สุเภ รโต, สุฏฺุ โอรโตติ วา โสรโต. นิวาตวุตฺตีติ นีจวุตฺติ.

ตสฺสาปิ ทาตพฺโพติ วิชฺชมานํ มุขราทิภาวํ นิสฺสาย อปฺปฏิปุจฺฉิตฺวาปิ ปฏิฺํ อคฺคเหตฺวาปิ อาปตฺตึ อนาโรเปตฺวาปิ เทสิตายปิ อาปตฺติยา ขุํสนาทิโต อโนรมนฺตสฺส ทาตพฺโพว. โอรมนฺตสฺส ปน ขมาเปนฺตสฺส น ทาตพฺโพ. พฺรหฺมทณฺฑสฺส ทานนฺติ ขรทณฺฑสฺส อุกฺกฏฺทณฺฑสฺส ทานํ. ตชฺชนียาทิกมฺเม หิ กเต โอวาทานุสาสนิปฺปทานปฏิกฺเขโป นตฺถิ, ทินฺนพฺรหฺมทณฺเฑ ปน ตสฺมึ สทฺธึ ตชฺชนียกมฺมาทิกเตหิ ปฏิกฺขิตฺตมฺปิ กาตุํ น วฏฺฏติ ‘‘เนว วตฺตพฺโพ’’ติอาทินา อาลาปสลฺลาปมตฺตสฺสปิ น-กาเรน ปฏิกฺขิตตฺตา. ตฺหิ ทิสฺวา ภิกฺขู คีวํ ปริวตฺเตตฺวา โอโลกนมตฺตมฺปิ น กโรนฺติ, เอวํ วิวชฺเชตพฺพํ นิมฺมทนกรณตฺถเมว ตสฺส ทณฺฑสฺส อนุฺาตตฺตา. เตเนว ฉนฺนตฺเถโรปิ อุกฺเขปนียาทิกมฺมกโตปิ อภายิตฺวา พฺรหฺมทณฺเฑ ทินฺเน ‘‘สงฺเฆนาหํ สพฺพถา วิวชฺชิโต’’ติ มุจฺฉิโต ปปติ. โย ปน พฺรหฺมทณฺฑกเตน สทฺธึ ตฺวา สํสฏฺโ อวิวชฺเชตฺวา วิหรติ, ตสฺส ทุกฺกฏเมวาติ คเหตพฺพํ. อฺถา พฺรหฺมทณฺฑวิธานสฺส นิรตฺถกตาปสงฺคโต. เตนาติ พฺรหฺมทณฺฑกเตน. ยถา ตชฺชนียาทิกมฺมกเตหิ, เอวเมว ตโต อธิกมฺปิ สงฺฆํ อาราเธนฺเตน สมฺมา วตฺติตพฺพํ, ตฺจ ‘‘โสรโต นิวาตวุตฺตี’’ติอาทินา สรูปโต ทสฺสิตเมว. เตนาห ‘‘สมฺมา วตฺติตฺวา ขมาเปนฺตสฺส พฺรหฺมทณฺโฑ ปฏิปฺปสฺสมฺเภตพฺโพ’’ติ. ปฏิสงฺขาติ ปฏิสงฺขาย, าเณน อุปปริกฺขิตฺวา.

ยํ ตํ ภควตา อวนฺทิยกมฺมํ อนุฺาตนฺติ สมฺพนฺโธ. ‘‘ตสฺส ภิกฺขุโน ทณฺฑกมฺมํ กาตุ’’นฺติ สามฺโต อนุฺาตปฺปการํ ทสฺเสตฺวา ปุน วิเสสโต อนุฺาตปฺปการํ ทสฺเสตุํ ‘‘อถ โข’’ติอาทิ ปาฬิอุทฺธฏาติ เวทิตพฺพํ. อิมสฺส อปโลกนกมฺมสฺส านํ โหตีติ อปโลกนกมฺมสามฺสฺส ปวตฺติฏฺานํ โหติ. วิเสสพฺยติเรเกน อวิชฺชมานมฺปิ ตทฺตฺถ อปฺปวตฺตึ ทสฺเสตุํ วิเสสนิสฺสิตํ วิย โวหรียติ. ‘‘กมฺมฺเว ลกฺขณ’’นฺติ อิมินา โอสารณาทิวเสน คหิตาวเสสานํ สพฺเพสํ อปโลกนกมฺมสามฺลกฺขณวเสน คหิตตฺตา ‘‘กมฺมฺเว ลกฺขณมสฺสาติ กมฺมลกฺขณ’’นฺติ นิพฺพจนํ ทสฺเสติ, อิทฺจ วุตฺตาวเสสานํ กมฺมานํ นิฏฺานฏฺานํ สงฺขารกฺขนฺธธมฺมายตนาทีนิ วิย วุตฺตาวเสสขนฺธายตนานนฺติ ทฏฺพฺพํ. เตเนว วกฺขติ ‘‘อยํ ปเนตฺถ ปาฬิมุตฺตโกปิ กมฺมลกฺขณวินิจฺฉโย’’ติอาทิ. ยถา เจตฺถ, เอวํ อุปริ ตฺติกมฺมาทีสุปิ กมฺมลกฺขณํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปริวาร ๓.๔๙๕-๔๙๖) ปน ‘‘กมฺมเมว ลกฺขณนฺติ กมฺมลกฺขณํ. โอสารณนิสฺสารณภณฺฑุกมฺมาทโย วิย กมฺมฺจ หุตฺวา อฺฺจ นามํ น ลภติ, กมฺมเมว หุตฺวา อุปลกฺขียตีติ กมฺมลกฺขณนฺติ วุจฺจตี’’ติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปริวาร ๔๙๕-๔๙๖) ปน ‘‘อิมสฺส อปโลกนกมฺมสฺส านํ โหตีติ เอวมฺปิ อปโลกนกมฺมํ ปวตฺตตีติ อตฺโถ. กมฺมฺเว ลกฺขณนฺติ กมฺมลกฺขณํ. โอสารณนิสฺสารณภณฺฑุกมฺมาทโย วิย กมฺมฺจ หุตฺวา อฺฺจ นามํ น ลภติ, กมฺมเมว หุตฺวา อุปลกฺขียตีติ กมฺมลกฺขณํ อุปนิสฺสโย วิย. เหตุปจฺจยาทิลกฺขณวิมุตฺโต หิ สพฺโพ ปจฺจยวิเสโส ตตฺถ สงฺคยฺหตี’’ติ วุตฺตํ. ตสฺส กรณนฺติ อวนฺทิยกมฺมสฺส กรณวิธานํ. น วนฺทิตพฺโพติ, อิมินา วนฺทนฺติยา ทุกฺกฏนฺติ ทสฺเสตีติ ทฏฺพฺพํ. สงฺเฆน กตํ กติกํ ตฺวา มทฺทนํ วิย หิ สงฺฆสมฺมุตึ อนาทเรน อติกฺกมนฺตสฺส อาปตฺติ เอว โหติ.

๒๕๕. ภิกฺขุสงฺฆสฺสปิ ปเนตํ ลพฺภติเยวาติ อวนฺทิยกมฺมสฺส อุปลกฺขณมตฺเตน คหิตตฺตา ภิกฺขุสงฺฆสฺสปิ กมฺมลกฺขณํ ลพฺภติ เอว. สลากทานฏฺานํ สลากคฺคํ นาม, ยาคุภตฺตานํ ภาชนฏฺานานิ ยาคคฺคภตฺตคฺคานิ นาม. เอเตสุปิ หิ าเนสุ สพฺโพ สงฺโฆ อุโปสเถ วิย สนฺนิปติโต, กมฺมฺจ วคฺคกมฺมํ น โหติ, ‘‘มยเมตํ น ชานิมฺหา’’ติ ปจฺฉา ขียนฺตาปิ น โหนฺติ, ขณฺฑสีมาย ปน กเต ขียนฺติ. สงฺฆิกปจฺจยฺหิ อจฺฉินฺนจีวราทีนํ ทาตุํ อปโลเกนฺเตหิ อุปจารสีมฏฺานํ สพฺเพสํ อนุมตึ คเหตฺวาว กาตพฺพํ. โย ปน วิสภาคปุคฺคโล ธมฺมิกํ อปโลกนํ ปฏิพาหติ, ตํ อุปาเยน พหิอุปจารสีมคตํ วา กตฺวา ขณฺฑสีมํ วา ปวิสิตฺวา กาตุํ วฏฺฏติ. ยํ สนฺธาย ‘‘อปโลกนกมฺมํ กโรตี’’ติ สามฺโต ทสฺเสติ, ตํ อปโลกนกมฺมํ สรูปโต ทสฺเสตุํ อาห ‘‘อจฺฉินฺนจีวรํ’’อิจฺจาทิ. ยทิ อปโลเกตฺวาว จีวรํ ทาตพฺพํ, กึ ปน อปฺปมตฺตกวิสฺสชฺชกสมฺมุติยาติ อาห ‘‘อปฺปมตฺตกวิสฺสชฺชเกน ปนา’’ติอาทิ. นาฬิ วา อุปฑฺฒนาฬิ วาติ ทิวเส ทิวเส อปโลเกตฺวา ทาตพฺพสฺส ปมาณทสฺสนํ. เตน ยาปนมตฺตเมว อปโลเกตพฺพํ, น อธิกนฺติ ทสฺเสติ. เอกทิวสํเยว วาติอาทิ ทสวีสติทิวสานํ เอกสฺมึ ทิวเสเยว ทาตพฺพปริจฺเฉททสฺสนํ. เตน ‘‘ยาวชีว’’นฺติ วา ‘‘ยาวโรคา วุฏฺหตี’’ติ วา เอวํ อปโลเกตุํ น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. อิณปลิโพธนฺติ อิณวตฺถุํ ทาตุํ วฏฺฏตีติ สมฺพนฺโธ. ตฺจ อิณายิเกหิ ปลิพุทฺธสฺส ลชฺชีเปสลสฺส สาสนุปการกสฺส ปมาณยุตฺตเมว กปฺปิยภณฺฑํ นิยเมตฺวา ภิกฺขูหิ อปโลเกตฺวา ทาตพฺพํ, น ปน สหสฺสํ วา สตสหสฺสํ วา มหาอิณํ. ตาทิสฺหิ ภิกฺขาจริยวตฺเตน สพฺเพหิ ภิกฺขูหิ ตาทิสสฺส ภิกฺขุโน ปริเยสิตฺวา ทาตพฺพํ.

‘‘ฉตฺตํ วา เวทิกํ วาติ เอตฺถ เวทิกาติ เจติยสฺส อุปริ จตุรสฺสจโย วุจฺจติ. ฉตฺตนฺติ ตโต อุทฺธํ วลยานิ ทสฺเสตฺวา กโต อคฺคจโย วุจฺจตี’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปริวาร ๓.๔๙๕-๔๙๖) วุตฺตํ. เจติยสฺส อุปนิกฺเขปโตติ เจติยสฺส ปฏิชคฺคนตฺถาย วฑฺฒิยา ปโยเชตฺวา กปฺปิยการเกหิ ปิตวตฺถุโต. สงฺฆิเกนปีติ น เกวลฺจ ตตฺรุปฺปาทโต ปจฺจยทายเกหิ จตุปจฺจยตฺถาย สงฺฆสฺส ทินฺนวตฺถุนาปีติ อตฺโถ. สงฺฆภตฺตํ กาตุํ น วฏฺฏตีติ มหาทานํ ททนฺเตหิปิ กริยมานํ สงฺฆภตฺตํ วิย กาเรตุํ น วฏฺฏตีติ อธิปฺปาโย. ‘‘ยถาสุขํ ปริภุฺชิตุํ รุจฺจตี’’ติ วุตฺตตฺตา อตฺตโน อตฺตโน ปริโภคปโหนกํ อปฺปํ วา พหุํ วา คเหตพฺพํ, อธิกํ ปน คเหตุํ น ลภติ.

อุโปสถทิวเสติ นิทสฺสนมตฺตํ, ยสฺมึ กิสฺมิฺจิ ทิวเสปิ กตํ สุกตเมว โหติ. กโรนฺเตน ‘‘ยํ อิมสฺมึ วิหาเร อนฺโตสีมาย สงฺฆสนฺตกํ…เป… ยถาสุขํ ปริภุฺชิตุํ มยฺหํ รุจฺจตี’’ติ เอวํ กติกา กาตพฺพา. ตถา ทฺวีหิ ตีหิปิ ‘‘อายสฺมนฺตานํ รุจฺจตี’’ติ วจนเมว เหตฺถ วิเสโส. เตสมฺปีติ รุกฺขานํ. สา เอว กติกาติ วิสุํ กติกา น กาตพฺพาติ อตฺโถ.

เตสนฺติ รุกฺขานํ, สงฺโฆ สามีติ สมฺพนฺโธ. ปุริมวิหาเรติ ปุริเม ยถาสุขํ ปริโภคตฺถาย กตกติเก วิหาเร. ปริเวณานิ กตฺวา ชคฺคนฺตีติ ยตฺถ อรกฺขิยมาเน ผลาผลานิ รุกฺขา จ วินสฺสนฺติ, ตาทิสํ านํ สนฺธาย วุตฺตํ, ตตฺถ สงฺฆสฺส กติกา น ปวตฺตตีติ อธิปฺปาโย. เยหิ ปน รุกฺขพีชานิ โรเปตฺวา อาทิโต ปฏฺาย ปฏิชคฺคิตา, เตปิ ทสมภาคํ ทตฺวา โรปเกเหว ปริภุฺชิตพฺพานิ. เตหีติ ชคฺคิเตหิ.

ตตฺถาติ ตสฺมึ วิหาเร. มูเลติอาทิกาเล, ปุพฺเพติ อตฺโถ. ทีฆา กติกาติ อปริจฺฉินฺนกาลา ยถาสุขํ ปริโภคตฺถาย กติกา. นิกฺกุกฺกุจฺเจนาติ ‘‘อภาชิตมิท’’นฺติ กุกฺกุจฺจํ อกตฺวาติ อตฺโถ. ขียนมตฺตเมว ตนฺติ เตน ขียเนน พหุํ ขาทนฺตานํ โทโส นตฺถิ อตฺตโน ปริโภคปฺปมาณสฺเสว คหิตตฺตา, ขียนฺเตปิ อตฺตโน ปโหนกํ คเหตฺวา ขาทิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย.

คณฺหถาติ น วตฺตพฺพาติ ตถา วุตฺเต เตเนว ภิกฺขุนา ทินฺนํ วิย มฺเยฺยุํ. ตํ นิสฺสาย มิจฺฉาชีวสมฺภโว โหตีติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘อนุวิจริตฺวา’’ติอาทิ. อุปฑฺฒภาโคติ เอกสฺส ภิกฺขุโน ปฏิวีสโต อุปฑฺฒภาโค, เทนฺเตน จ ‘‘เอตฺตกํ ทาตุํ สงฺโฆ อนุฺาสี’’ติ เอวํ อตฺตานํ ปริโมเจตฺวา ยถา เต สงฺเฆ เอว ปสีทนฺติ, เอวํ วตฺวา ทาตพฺพํ. อปจฺจาสีสนฺเตนาติ คิลานคมิกิสฺสราทีนํ อนุฺาตปุคฺคลานมฺปิ อตฺตโน สนฺตกํ เทนฺเตน อปจฺจาสีสนฺเตเนว ทาตพฺพํ. อนนุฺาตปุคฺคลานํ ปน อปจฺจาสีสนฺเตนปิ ทาตุํ น วฏฺฏตีติ. สงฺฆิกเมว ยถากติกาย ทาเปตพฺพํ. อตฺตโน สนฺตกมฺปิ ปจฺจยทายกาทโย สยเมว วิสฺสาเสน คณฺหนฺติ, น วาเรตพฺพา, ‘‘ลทฺธกปฺปิย’’นฺติ ตุณฺหี ภวิตพฺพํ. ปุพฺเพ วุตฺตเมวาติ ‘‘กุทฺโธ หิ โส รุกฺเขปิ ฉินฺเทยฺยา’’ติอาทินา ตุณฺหีภาเว การณํ ปุพฺเพ วุตฺตเมว, เตหิ กตอนตฺถาภาเวปิ การุฺเน ตุณฺหี ภวิตุํ วฏฺฏติ, ‘‘คณฺหถา’’ติอาทิ ปน วตฺตุํ น วฏฺฏติ.

ครุภณฺฑตฺตา…เป… น ทาตพฺพนฺติ ชีวรุกฺขานํ อารามฏฺานิยตฺตา ทารูนฺจ เคหสมฺภารานุปคตตฺตา ‘‘สพฺพํ ตฺวเมว คณฺหาติ ทาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. อกตาวาสํ วา กตฺวาติ ปุพฺเพ อวิชฺชมานํ เสนาสนํ กตฺวา. ชคฺคิตกาเลติ ผลวาเร สมฺปตฺเต. ชคฺคนกาเลติ ชคฺคิตุํ อารทฺธกาเล.

๒๕๖. ตฺติกมฺมฏฺานเภเทติ ตฺติกมฺมสฺส านเภเท.

อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร

กมฺมากมฺมวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม

เตตฺตึสติโม ปริจฺเฉโท.