📜
๓๔. ปกิณฺณกวินิจฺฉยกถา
เอวํ ¶ กมฺมากมฺมวินิจฺฉยกถํ กเถตฺวา อิทานิ ปกิณฺณกวินิจฺฉยกถํ กเถตุํ ‘‘อิทานิ ปกิณฺณกกถา เวทิตพฺพา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปกาเรน กิณฺณาติ ปกิณฺณา, ทิวาเสยฺยาติ กถา วิย วิสุํ วิสุํ อปฺปวตฺติตฺวา เอกสฺมึเยว ปริจฺเฉเท กรณวเสน ปวตฺตา คณโภชนกถาทโย. ปกิณฺณกา สกตฺเถ ก-ปจฺจยวเสน.
ตตฺรายํ ปกิณฺณกมาติกา –
คณโภชนกถา จ, ปรมฺปรา จ โภชนา;
อนาปุจฺฉา ปํสุกูลํ, ตโต อจฺฉินฺนจีวรํ.
ปฏิภานจิตฺตํ วิปฺป-กตโภชนเมว จ;
อุทฺทิสนฺตุทฺทิสาเปนฺตา, ติวสฺสนฺตริกา ตถา.
ทีฆาสนํ ¶ คิลานุป-ฏฺานํ มรณวณฺณกํ;
อตฺตปาตนมปฺปจฺจ-เวกฺขิตฺวา นิสินฺนํ ตถา.
ทวาย สิลาวิชฺฌนํ, ทายาฬิมฺปนกํ ตถา;
มิจฺฉาทิฏฺิกุลาภตํ, โคปกทานเมว จ.
ธมฺมิกายาจนา เจว, อุจฺจาราทีน ฉฑฺฑนํ;
นฺหาเน รุกฺขฆํสนานิ, วลิกาทีน ธารณํ.
ทีฆเกสา อาทาสาทิ, นจฺจาทฺยงฺคจฺเฉทาทิ จ;
ปตฺโต สพฺพปํสุกูลํ, ปริสฺสวน นคฺคิยํ.
คนฺธปุปฺผํ ¶ อาสิตฺตกํ, มโฬริเกกภาชนํ;
เจลปติ ปาทฆํสี, พีชนี ฉตฺตเมว จ.
นขาโลมา กายพนฺธา, นิวาสนปารุปนา;
กาช ทนฺตกฏฺฺเจว, รุกฺขาโรหนกมฺปิ จ.
ฉนฺทาโรปา โลกายตา, ขิปิตํ ลสุณํ ตถา;
น อกฺกมิตพฺพาทีนิ, อวนฺทิยา จ วนฺทิยา.
วนฺทนาการกถา จ, อาสนฺทาทิกถาปิ จ;
อุจฺจาสนมหาสนํ, ปาสาทปริโภคกํ.
อุปาหนํ ยานฺเจว, จีวรํ ฉินฺนจีวรํ;
อกปฺปิยจีวรฺจ, จีวรสฺส วิจารณา.
ทณฺฑกถินกฺเจว, คหปติจีวรํ ตถา;
ฉจีวรํ รชนาทิ, อติเรกฺจ จีวรํ.
อฏฺวรํ นิสีทนํ, อธมฺมกมฺมเมว จ;
โอกาโส สทฺธาเทยฺโย จ, สนฺตรุตฺตรโกปิ จ.
จีวรนิกฺเขโป เจว, สตฺถวตฺถิกมฺมํ ตถา;
นหาปิโต ทสภาโค, ปาเถยฺยํ ปเทโสปิ จ.
สํสฏฺํ ปฺจเภสชฺชํ, ทุติยํ วสา มูลกํ;
ปิฏฺํ กสาว ปณฺณฺจ, ผลฺจ ชตุ โลณกํ.
จุณฺณํ ¶ ¶ อมนุสฺสาพาธํ, อฺชนํ นตฺถุเมว จ;
ธูมเนตฺตํ เตลปากํ, เสทํ โลหิตโมจนํ.
ปาทพฺภฺชํ คณฺฑาพาโธ, วิสฺจ ฆรทินฺนโก;
ทุฏฺคหณิโก ปณฺฑุ-โรโค ฉวิโทโสปิ จ.
อภิสนฺนโทสกาโย, โลณสุวีรโก ตถา;
อนฺโตวุตฺถาทิกถา จ, อุคฺคหิตปฏิคฺคโห.
ตโต นิหตกถา จ, ปุเรภตฺตปฏิคฺคโห;
วนฏฺํ โปกฺขรฏฺฺจ, ตถา อกตกปฺปตํ.
ยาคุกถา คุฬกถา, มหาปเทสเมว จ;
อานิสํสกถา เจติ, ปกิณฺณกมฺหิ อาคตา.
คณโภชนกถา
๑. ตตฺถ คณิตพฺโพ สงฺขฺยาตพฺโพติ คโณ, โย โกจิ สมูโห, อิธ ปน จตุวคฺคาทิคโณ อธิปฺเปโต. ภฺุชเต โภชนํ, พฺยวหรณภาวสงฺขาตา โภชนกิริยา, คณสฺส โภชนํ คณโภชนํ, ตสฺมึ. คณโภชเน ปาจิตฺติยํ โหตีติ เอตฺถ ชนกเหตุมฺหิ ภุมฺมวจนํ. อฺตฺร สมยาติ คิลานาทิสตฺตวิธํ สมยํ เปตฺวา. อิมสฺส สิกฺขาปทสฺส วิฺตฺตึ กตฺวา ภฺุชนวตฺถุสฺมึ ปฺตฺตตฺตา วิฺตฺติโต คณโภชนํ วตฺถุวเสเนว ปากฏนฺติ ตํ อวตฺวา ‘‘คณโภชนํ นาม ยตฺถ…เป… นิมนฺติตา ภฺุชนฺตี’’ติ นิมนฺตนวเสเนวสฺส ปทภาชเน คณโภชนํ วุตฺตํ. กิฺจิ ปน สิกฺขาปทํ วตฺถุอนุรูปมฺปิ สิยาติ ‘‘ปทภาชเน วุตฺตนเยเนว คณโภชนํ โหตี’’ติ เกสฺจิ อาสงฺกา ภเวยฺยาติ ตนฺนิวตฺตนตฺถํ ‘‘คณโภชนํ ทฺวีหิ อากาเรหิ ปสวตี’’ติ วุตฺตํ. เอกโต คณฺหนฺตีติ เอตฺถ อฺมฺสฺส ทฺวาทสหตฺถํ อมฺุจิตฺวา ิตา เอกโต คณฺหนฺติ นามาติ คเหตพฺพํ. ‘‘อมฺหากํ จตุนฺนมฺปิ ¶ ภตฺตํ เทหี’ติ วา วิฺาเปยฺยุ’’นฺติ วจนโต, เหฏฺา ‘‘ตฺวํ เอกสฺส ภิกฺขุโน ภตฺตํ เทหิ, ตฺวํ ทฺวินฺนนฺติ เอวํ วิฺาเปตฺวา’’ติ ¶ วจนโต จ อตฺตโน อตฺถาย อฺเน วิฺตฺตมฺปิ สาทิยนฺตสฺส คณโภชนํ โหติเยวาติ ทฏฺพฺพํ. เอวํ วิฺตฺติโต ปสวตีติ เอตฺถ วิฺตฺติยา สติ คณนฺตสฺส เอกโต หุตฺวา คหเณ อิมินา สิกฺขาปเทน อาปตฺติ, วิสุํ คหเณ ปณีตโภชนสูโปทนวิฺตฺตีหิ อาปตฺติ เวทิตพฺพา.
ปฺจนฺนํ โภชนานํ นามํ คเหตฺวาติ เอตฺถ ‘‘โภชนํ คณฺหถาติ วุตฺเตปิ คณโภชนํ โหติเยวา’’ติ วทนฺติ. ‘‘เหฏฺา อทฺธานคมนวตฺถุสฺมึ, นาวาภิรุหนวตฺถุสฺมิฺจ ‘อิเธว, ภนฺเต, ภฺุชถา’ติ วุตฺเต ยสฺมา กุกฺกุจฺจายนฺตา น ปฏิคฺคณฺหึสุ, ตสฺมา ‘ภฺุชถา’ติ วุตฺเตปิ คณโภชนํ โหติเยวา’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. ‘‘ปฺจนฺนํ โภชนานํ นามํ คเหตฺวา นิมนฺเตตี’’ติ วุตฺตตฺตา ปน ‘‘โอทนํ ภฺุชถา’’ติ วา ‘‘ภตฺตํ ภฺุชถา’’ติ วา โภชนนามํ คเหตฺวาว วุตฺเต คณโภชนํ โหติ, น อฺถา. ‘‘อิเธว, ภนฺเต, ภฺุชถา’’ติ เอตฺถาปิ ‘‘โอทน’’นฺติ วา ‘‘ภตฺต’’นฺติ วา วตฺวาว เต เอวํ นิมนฺเตสุนฺติ คเหตพฺพํ. คณวเสน วา นิมนฺติตตฺตา เต ภิกฺขู อปกตฺุตาย กุกฺกุจฺจายนฺตา น ปฏิคฺคณฺหึสูติ อยํ อมฺหากํ ขนฺติ, วีมํสิตฺวา ยุตฺตตรํ คเหตพฺพํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๒๑๗-๒๑๘) ปน ‘‘เยน เกนจิ เววจเนนาติ วุตฺตตฺตา ‘โภชนํ คณฺหถา’ติอาทิสามฺนาเมนปิ คณโภชนํ โหติ. ยํ ปน ปาฬิยํ อทฺธานคมนาทิวตฺถูสุ ‘อิเธว ภฺุชถา’ติ วุตฺตวจนสฺส กุกฺกุจฺจายนํ, ตมฺปิ โอทนาทินามํ คเหตฺวา วุตฺตตฺตา เอว กตนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ.
กุรุนฺทีวจเน ¶ วิจาเรตีติ ปฺจขณฺฑาทิวเสน สํวิทหติ. ฆฏฺเฏตีติ อนุวาตํ ฉินฺทิตฺวา หตฺเถน, ทณฺฑเกน วา ฆฏฺเฏติ. สุตฺตํ กโรตีติ สุตฺตํ วฏฺเฏติ. วเลตีติ ทณฺฑเก วา หตฺเถ วา อาวฏฺเฏติ. ‘‘อภินวสฺเสว จีวรสฺส กรณํ อิธ จีวรกมฺมํ นาม, ปุราณจีวเร สูจิกมฺมํ จีวรกมฺมํ นาม น โหตี’’ติ วทนฺติ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๒๑๗-๒๑๘) ปน ‘‘อาคนฺตุกปฏฺฏนฺติ อจฺฉินฺทิตฺวา อนฺวาธึ อาโรเปตฺวา กรณจีวรํ สนฺธาย วุตฺตํ. เปตีติ เอกํ อนฺตํ จีวเร พนฺธนวเสน เปติ. ปจฺจาคตํ สิพฺพตีติ ตสฺเสว ทุติยอนฺตํ ปริวตฺติตฺวา อาหตํ สิพฺพติ. อาคนฺตุกปฏฺฏํ พนฺธตีติ จีวเรน ลคฺคํ กโรนฺโต ปุนปฺปุนํ ตตฺถ ตตฺถ สุตฺเตน พนฺธติ. ฆฏฺเฏตีติ ปมาเณน คเหตฺวา ทณฺฑาทีหิ ฆฏฺเฏติ. สุตฺตํ กโรตีติ สุตฺตํ ติคุณาทิภาเวน วฏฺเฏติ. วเลตีติ อเนกคุณสุตฺตํ หตฺเถน ¶ วา จกฺกทณฺเฑน วา วฏฺเฏติ เอกตฺตํ กโรติ. ปริวตฺตนํ กโรตีติ ปริวตฺตนทณฺฑยนฺตกํ กโรติ. ยสฺมึ สุตฺตคุฬํ ปเวเสตฺวา เวฬุนาฬิกาทีสุ เปตฺวา ปริพฺภมาเปตฺวา สุตฺตโกฏิโต ปฏฺาย อากฑฺฒนฺตี’’ติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาจิตฺติย ๒๐๙-๒๑๘) น ‘‘อาคนฺตุกปฏฺฏํ โมฆสุตฺเตน สิพฺพิตฺวา เปนฺติ. ตตฺถ อนุวาเต ยถา เอกตลํ โหติ, ตถา หตฺเถหิ ฆฏฺเฏติ. วเลตีติ อาวฏฺเฏติ. ปริวตฺตนนฺติ สุตฺตํ คณฺหนฺตานํ สุขคฺคหณตฺถํ สุตฺตปริวตฺตนํ กโรติ, ปฏฺฏํ สิพฺพนฺตานํ สุขสิพฺพนตฺถํ ปฏฺฏปริวตฺตนฺจ, นวจีวรการโก อิธาธิปฺเปโต, น อิตโร’’ติ วุตฺตํ.
อนิมนฺติตจตุตฺถนฺติ อนิมนฺติโต จตุตฺโถ ยสฺส ภิกฺขุจตุกฺกสฺส, ตํ อนิมนฺติตจตุตฺถํ. เอวํ เสเสสุปิ. เตนาห ‘‘ปฺจนฺนํ จตุกฺกาน’’นฺติ, ‘‘จตุตฺเถ อาคเต น ยาเปนฺตีติ ¶ วจนโต สเจ อฺโ โกจิ อาคจฺฉนฺโต นตฺถิ, จตฺตาโรเยว จ ตตฺถ นิสินฺนา ยาเปตุํ น สกฺโกนฺติ, น วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. คณโภชนาปตฺติชนกนิมนฺตนภาวโต ‘‘อกปฺปิยนิมนฺตน’’นฺติ วุตฺตํ. สมฺปเวเสตฺวาติ นิสีทาเปตฺวา. คโณ ภิชฺชตีติ คโณ อาปตฺตึ น อาปชฺชตีติ อธิปฺปาโย. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๒๒๐) ปน ‘‘สมฺปเวเสตฺวาติ เตหิ โยเชตฺวา. คโณ ภิชฺชตีติ นิมนฺติตสงฺโฆ น โหตีติ อตฺโถ’’ติ วุตฺตํ.
‘‘ยตฺถ จตฺตาโร ภิกฺขู…เป… ภฺุชนฺตี’’ติ อิมาย ปาฬิยา สํสนฺทนโต ‘‘อิตเรสํ ปน คณปูรโก โหตี’’ติ วุตฺตํ. อวิเสเสนาติ ‘‘คิลาโน วา จีวรการโก วา’’ติ อวิเสเสตฺวา สพฺพสาธารณวจเนน. ตสฺมาติ อวิเสสิตตฺตา.
อธิวาเสตฺวา คเตสูติ เอตฺถ อกปฺปิยนิมนฺตนาธิวาสนกฺขเณ ปุพฺพปโยเค ทุกฺกฏมฺปิ นตฺถิ, วิฺตฺติโต ปสวเน ปน วิฺตฺติกฺขเณ อิตรสิกฺขาปเทหิ ทุกฺกฏํ โหตีติ คเหตพฺพํ. ภุตฺวา คเตสูติ เอตฺถ อาคเตสุปิ โภชนกิจฺเจ นิฏฺิเต คณฺหิตุํ วฏฺฏติ. ตานิ จ เตหิ เอกโต น คหิตานีติ เยหิ โภชเนหิ วิสงฺเกโต นตฺถิ, ตานิ โภชนานิ เตหิ ภิกฺขูหิ เอกโต น คหิตานิ เอเกน ปจฺฉา คหิตตฺตา. มหาเถเรติ ภิกฺขู สนฺธาย วุตฺตํ. นิมนฺตนํ สาทิยถาติ นิมนฺตนภตฺตํ ปฏิคฺคณฺหถ. ยานีติ กุมฺมาสาทีนิ เตหิ ภิกฺขูหิ เอเกน ปจฺฉา คหิตตฺตา เอกโต น คหิตานิ. ภตฺตุทฺเทสเกน ปณฺฑิเตน ภวิตพฺพํ…เป… โมเจตพฺพาติ เอเตน ภตฺตุทฺเทสเกน ¶ อกปฺปิยนิมนฺตเน สาทิเต สพฺเพสมฺปิ สาทิตํ โหติ, เอกโต คณฺหนฺตานํ คณโภชนาปตฺติ จ โหตีติ ทสฺเสติ. ทูตสฺส ทฺวาเร อาคนฺตฺวา ปุน ‘‘ภตฺตํ คณฺหถา’’ติ ¶ วจนภเยน ‘‘คามทฺวาเร อฏฺตฺวา’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ ตตฺถ คนฺตฺวาติ อนฺตรวีถิอาทีสุ ตตฺถ ตตฺถ ิตานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา. ภิกฺขูนํ อตฺถาย ฆรทฺวาเร เปตฺวา ทียมาเนปิ เอเสว นโย. นิวตฺตถาติ วุตฺเต ปน นิวตฺติตุํ วฏฺฏตีติ ‘‘นิวตฺตถา’’ติ วิจฺฉินฺทิตฺวา ปจฺฉา ‘‘ภตฺตํ คณฺหถา’’ติ วุตฺตตฺตา วฏฺฏติ.
ปรมฺปรโภชนกถา
๒. ปรมฺปรโภชนกถายํ ปน ปรสฺส ปรสฺส โภชนํ ปรมฺปรโภชนํ. กึ ตํ? ปมํ นิมนฺติตภตฺตํ เปตฺวา อฺสฺส โภชนกิริยา. ปรมฺปรโภชนํ คณโภชนํ วิย วิฺตฺติโต จ นิมนฺตนโต จ น ปสวตีติ อาห ‘‘ปรมฺปรโภชนํ ปนา’’ติอาทิ. ปน-สทฺโท วิเสสตฺถโชตโก. วิกปฺปนาวเสเนว ตํ ภตฺตํ อสนฺตํ นาม โหตีติ อนุปฺตฺติวเสน วิกปฺปนํ อฏฺเปตฺวา ยถาปฺตฺตสิกฺขาปทเมว ปิตํ. ปริวาเร (ปริ. ๘๖) ปน วิกปฺปนายํ อนุชานนมฺปิ อนุปฺตฺติสทิสนฺติ กตฺวา ‘‘จตสฺโส อนุปฺตฺติโย’’ติ วุตฺตํ, มหาปจฺจริยาทีสุ วุตฺตนยํ ปจฺฉา วทนฺโต ปาฬิยา สํสนฺทนโต ปรมฺมุขาวิกปฺปนเมว ปติฏฺาเปติ. เกจิ ปน ‘‘ตทา อตฺตโน สนฺติเก เปตฺวา ภควนฺตํ อฺสฺส อภาวโต เถโร สมฺมุขาวิกปฺปนํ นากาสิ, ภควตา จ วิสุํ สมฺมุขาวิกปฺปนา น วุตฺตา, ตถาปิ สมฺมุขาวิกปฺปนาปิ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. เตเนว มาติกาฏฺกถายมฺปิ (กงฺขา. อฏฺ. ปรมฺปรโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘โย ภิกฺขุ ปฺจสุ สหธมฺมิเกสุ อฺตรสฺส ‘มยฺหํ ภตฺตปจฺจาสํ ตุยฺหํ ทมฺมี’ติ วา ‘วิกปฺเปมี’ติ วา เอวํ สมฺมุขา วา ‘อิตฺถนฺนามสฺส ทมฺมี’ติ วา ‘วิกปฺเปมี’ติ วา เอวํ ปรมฺมุขา วา ปมนิมนฺตนํ อวิกปฺเปตฺวา ปจฺฉา นิมนฺติตกุเล ลทฺธภิกฺขโต เอกสิตฺถมฺปิ อชฺโฌหรติ, ปาจิตฺติย’’นฺติ วุตฺตํ.
ปฺจหิ ¶ โภชเนหิ นิมนฺติตสฺส เยน เยน ปมํ นิมนฺติโต, ตสฺส ตสฺส โภชนโต อุปฺปฏิปาฏิยา อวิกปฺเปตฺวา วา ปรสฺส ปรสฺส โภชนํ ปรมฺปรโภชนนฺติ อาห ‘‘สเจ ปน มูลนิมนฺตนํ เหฏฺา โหติ, ปจฺฉิมํ ปจฺฉิมํ อุปริ, ตํ อุปริโต ปฏฺาย ภฺุชนฺตสฺส อาปตฺตี’’ติ. หตฺถํ อนฺโต ปเวเสตฺวา สพฺพเหฏฺิมํ คณฺหนฺตสฺส มชฺเฌ ิตมฺปิ อนฺโตหตฺถคตํ โหตีติ อาห ‘‘หตฺถํ ¶ ปน…เป… ยถา ยถา วา ภฺุชนฺตสฺส อนาปตฺตี’’ติ. ขีรสฺส รสสฺส จ ภตฺเตน อมิสฺสํ หุตฺวา อุปริ ิตตฺตา ‘‘ขีรํ วา รสํ วา ปิวโต อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตํ.
‘‘มหาอุปาสโกติ เคหสฺสามิโก. มหาอฏฺกถายํ ‘อาปตฺตี’ติ วจเนน กุรุนฺทิยํ ‘วฏฺฏตี’ติ วจนํ วิรุทฺธํ วิย ทิสฺสติ. ทฺวินฺนมฺปิ อธิปฺปาโย มหาปจฺจริยํ วิภาวิโต’’ติ มหาคณฺิปเท วุตฺตํ.
สพฺเพ นิมนฺเตนฺตีติ อกปฺปิยนิมนฺตนวเสน นิมนฺเตนฺติ. ‘‘ปรมฺปรโภชนํ นาม ปฺจนฺนํ โภชนานํ อฺตเรน โภชเนน นิมนฺติโต, ตํ เปตฺวา อฺํ ปฺจนฺนํ โภชนานํ อฺตรํ โภชนํ ภฺุชติ, เอตํ ปรมฺปรโภชนํ นามา’’ติ วุตฺตตฺตา สติปิ ภิกฺขาจริยาย ปมํ ลทฺธภาเว ‘‘ปิณฺฑาย จริตฺวา ลทฺธํ ภตฺตํ ภฺุชติ, อาปตฺตี’’ติ วุตฺตํ.
วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๒๒๙) ปน ‘‘ขีรํ วา รสํ วาติ ปฺจโภชนามิสฺสํ ภตฺตโต อุปริ ิตํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตฺหิ อโภชนตฺตา อุปฺปฏิปาฏิยา ปิวโตปิ อนาปตฺติ. เตนาห ‘ภฺุชนฺเตนา’ติอาที’’ติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาจิตฺติย ๒๒๙) ปน ‘‘เอตฺถ ‘มหาอุปาสโก ภิกฺขู นิมนฺเตติ…เป… ปจฺฉา ลทฺธํ ภตฺตํ ภฺุชนฺตสฺส อาปตฺติ. ปิณฺฑาย จริตฺวา ลทฺธภตฺตํ ภฺุชติ, อาปตฺตี’ติ อฏฺกถายํ วจนโต, ‘กาลสฺเสว ปิณฺฑาย จริตฺวา ¶ ภฺุชิมฺหา’ติ ปาฬิโต, ขนฺธเก ‘น จ, ภิกฺขเว, อฺตฺร นิมนฺตเน อฺสฺส โภชฺชยาคุ ปริภฺุชิตพฺพา, โย ภฺุเชยฺย, ยถาธมฺโม กาเรตพฺโพ’ติ วจนโต จ นิมนฺเตตฺวา วา ปเวเทตุ อนิมนฺเตตฺวา วา, ปมคหิตนิมนฺติตสฺส ภิกฺขุโน ปมนิมนฺตนโภชนโต อฺํ ยํ กิฺจิ ปรสนฺตกํ โภชนํ ปรมฺปรโภชนาปตฺตึ กโรติ. อตฺตโน สนฺตกํ, สงฺฆคณโต ลทฺธํ วา อคหฏฺสนฺตกํ วฏฺฏติ, นิมนฺตนโต ปมํ นิพทฺธตฺตา ปน นิจฺจภตฺตาทิปรสนฺตกมฺปิ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ.
อนาปุจฺฉากถา
๓. อนาปุจฺฉากถายํ ‘‘ปกติวจเนนาติ เอตฺถ ยํ ทฺวาทสหตฺถพฺภนฺตเร ิเตน โสตุํ สกฺกา ภเวยฺย, ตํ ปกติวจนํ นาม. อาปุจฺฉิตพฺโพติ ‘อหํ อิตฺถนฺนามสฺส ฆรํ คจฺฉามี’ติ วา ‘จาริตฺตกํ ¶ อาปชฺชามี’ติ วา อีทิเสน วจเนน อาปุจฺฉิตพฺโพ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. ปฺจนฺนํ โภชนานํ อฺตเรน นิมนฺตนสาทิยนํ, สนฺตํ ภิกฺขุํ อนาปุจฺฉา, ภตฺติยฆรโต อฺฆรปฺปเวสนํ, มชฺฌนฺหิกานติกฺกโม, สมยสฺส วา อาปทานํ วา อภาโวติ อิมานิ ปเนตฺถ ปฺจ องฺคานี’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๒๙๘) เอตฺตกเมว วุตฺตํ, วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปจิตฺติย ๒.๒๙๘) ปน ‘‘ปริเยสิตฺวา อาโรจนกิจฺจํ นตฺถีติ วุตฺตตฺตา โย อปริเยสิตพฺโพ อุปสงฺกมิตุํ ยุตฺตฏฺาเน ทิสฺสติ, โส สเจปิ ปกติวจนสฺส สวนูปจารํ อติกฺกมฺม ิโต, อุปสงฺกมิตฺวา อาปุจฺฉิตพฺโพ. เตนาห ‘อปิจ…เป… ยํ ปสฺสติ, โส อาปุจฺฉิตพฺโพ’ติอาทิ. อนาปตฺติวาเร เจตฺถ อนฺตรารามาทีนฺเว วุตฺตตฺตา วิหารโต คามวีถึ อนฺุาตการณํ วินา อติกฺกมนฺตสฺสาปิ อาปตฺติ โหติ, น ปน ฆรูปจารํ ¶ อติกฺกมนฺตสฺเสว. ยํ ปน ปาฬิยํ ‘อฺสฺส ฆรูปจารํ โอกฺกมนฺตสฺส…เป… ปมปาทํ อุมฺมารํ อติกฺกาเมตี’ติอาทิ วุตฺตํ, ตํ คาเม ปวิฏฺํ สนฺธาย วุตฺตํ, ตถาปิ อฺสฺส ฆรูปจารํ อโนกฺกมิตฺวา วีถิมชฺเฌเนว คนฺตฺวา อิจฺฉิติจฺฉิตฆรทฺวาราภิมุเข ตฺวา มนุสฺเส โอโลเกตฺวา คจฺฉนฺตสฺสปิ ปาจิตฺติยเมว. ตตฺถ เกจิ ‘วีถิยํ อติกฺกมนฺตสฺส ฆรูปจารคณนาย อาปตฺติโย’ติ วทนฺติ. อฺเ ปน ‘ยานิ กุลานิ อุทฺทิสฺส คโต, เตสํ คณนายา’ติ. ปฺจนฺนํ โภชนานํ อฺตเรน นิมนฺตนสาทิยนํ, สนฺตํ ภิกฺขุํ อนาปุจฺฉนา, ภตฺติยฆรโต อฺฆรูปสงฺกมนํ, มชฺฌนฺหิกานติกฺกโม, สมยาปทานํ อภาโวติ อิมาเนตฺถ ปฺจ องฺคานี’’ติ. วิกาลคามปฺปเวสเนปิ ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจาโร อทินฺนาทาเน วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ’’ติ อิมินา ทุติยเลฑฺฑุปาโต อิธ อุปจาโรติ ทสฺเสติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. สนฺตํ ภิกฺขุํ อนาปุจฺฉนา, อนฺุาตการณาภาโว, วิกาเล คามปฺปเวสนนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
ปํสุกูลกถา
๔. ปํสุกูลกถายํ อภินฺเน สรีเรติ อพฺภุณฺเห อลฺลสรีเร. ‘‘อพฺภุณฺเห’’ติ อิมินาปิ วุตฺตเมว ปริยายเภทมนฺตเรน วิภาเวตุํ ‘‘อลฺลสรีเร’’ติ วุตฺตํ.
วิสภาคสรีเรติ อิตฺถิสรีเร. วิสภาคสรีรตฺตา อจฺจาสนฺเนน น ภวิตพฺพนฺติ อาห ‘‘สีเส วา’’ติอาทิ. วฏฺฏตีติ วิสภาคสรีเรปิ อตฺตนาว วุตฺตวิธึ กาตุํ สาฏกฺจ คเหตุํ วฏฺฏติ ¶ . เกจิ ปน ‘‘กิฺจาปิ อิมินา สิกฺขาปเทน อนาปตฺติ, อิตฺถิรูปํ ปน อามสนฺตสฺส ทุกฺกฏ’’นฺติ วทนฺติ. ‘‘ยถากมฺมํ คโตติ ตโต เปตตฺตภาวโต มตภาวํ ทสฺเสติ. อพฺภุณฺเหติ อาสนฺนมรณตาย สรีรสฺส อุณฺหสมงฺคิตํ ทสฺเสติ, เตเนวาห ‘อลฺลสรีเร’ติ. กุณปสภาวํ ¶ อุปคตมฺปิ ภินฺนเมว อลฺลภาวโต ภินฺนตฺตา. วิสภาคสรีเรติ อิตฺถิสรีเร. ‘สีเส วา’ติอาทิ อธกฺขเก อุพฺภชาณุมณฺฑเล ปเทเส จิตฺตวิการปฺปตฺตึ สนฺธาย วุตฺตํ, ยตฺถ กตฺถจิ อนามสนฺเตน กตํ สุกตเมว. มตสรีรมฺปิ หิ เยน เกนจิ อากาเรน สฺจิจฺจ ผุสนฺตสฺส อนามาสทุกฺกฏเมวาติ วทนฺติ, ตํ ยุตฺตเมว. น หิ อปาราชิกวตฺถุเกปิ จิตฺตาทิอิตฺถิรูเป ภวนฺตํ ทุกฺกฏํ ปาราชิกวตฺถุภูเต มติตฺถิสรีเร นิวตฺตตี’’ติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๑๓๕) วุตฺต.
อิมสฺมึ าเน อาจริเยน อวุตฺตาปิ ปํสุกูลกถา ปํสุกูลสามฺเน เวทิตพฺพา. สา หิ จีวรกฺขนฺธเก (มหาว. ๓๔๐) เอวํ อาคตา ‘‘เตน โข ปน สมเยน เย เต ภิกฺขู คหปติจีวรํ สาทิยนฺติ, เต กุกฺกุจฺจายนฺตา ปํสุกูลํ น สาทิยนฺติ ‘เอกํเยว ภควตา จีวรํ อนฺุาตํ, น ทฺเว’ติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, คหปติจีวรํ สาทิยนฺเตน ปํสุกูลมฺปิ สาทิยิตุํ, ตทุภเยนปาหํ, ภิกฺขเว, สนฺตุฏฺึ วณฺเณมี’’ติ. ตตฺถ ‘‘เอกํเยว ภควตา จีวรํ อนฺุาตํ, น ทฺเวติ เต ‘กิร อิตรีตเรน จีวเรนา’ติ เอตสฺส ‘คหปติเกน วา ปํสุกูเลน วา’ติ เอวํ อตฺถํ สลฺลกฺขึสุ. ตตฺถ ปน อิตรีตเรนปีติ อปฺปคฺเฆนปิ มหคฺเฆนปิ เยน เกนจีติ อตฺโถ’’ติ อฏฺกถายํ วุตฺโต, ตสฺมา ธุตงฺคํ อสมาทิยิตฺวา วินยปํสุกูลมตฺตสาทิยเกน ภิกฺขุนา คหปติจีวรมฺปิ สาทิตพฺพํ โหติ, ปํสุกูลธุตงฺคธรสฺส ปน คหปติจีวรํ น วฏฺฏติ ‘‘คหปติจีวรํ ปฏิกฺขิปามิ, ปํสุกูลิกงฺคํ สมาทิยามี’’ติ สมาทานโตติ ทฏฺพฺพํ.
เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา ภิกฺขู โกสเลสุ ชนปเทสุ อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺนา โหนฺติ. เอกจฺเจ ภิกฺขู สุสานํ โอกฺกมึสุ ¶ ปํสุกูลาย, เอกจฺเจ ภิกฺขู นาคเมสุํ. เย เต ภิกฺขู สุสานํ โอกฺกมึสุ ปํสุกูลาย, เต ปํสุกูลานิ ลภึสุ. เย เต ภิกฺขู นาคเมสุํ, เต เอวมาหํสุ ‘‘อมฺหากมฺปิ, อาวุโส, ภาคํ เทถา’’ติ. เต เอวมาหํสุ ‘‘น มยํ, อาวุโส, ตุมฺหากํ ภาคํ ทสฺสาม, กิสฺส ตุมฺเห นาคมิตฺถา’’ติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, นาคเมนฺตานํ นากามา ภาคํ ทาตุนฺติ. ตตฺถ นาคเมสุนฺติ ยาว เต สุสานโต ¶ อาคจฺฉนฺติ, ตาว เต น อจฺฉึสุ, ปกฺกมึสุเยว. นากามา ภาคํ ทาตุนฺติ น อนิจฺฉาย ทาตุํ. ยทิ ปน อิจฺฉนฺติ, ทาตพฺโพ.
เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา ภิกฺขู โกสเลสุ ชนปเทสุ อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺนา โหนฺติ. เอกจฺเจ ภิกฺขู สุสานํ โอกฺกมึสุ ปํสุกูลาย, เอกจฺเจ ภิกฺขู อาคเมสุํ. เย เต ภิกฺขู สุสานํ โอกฺกมึสุ ปํสุกูลาย, เต ปํสุกูลานิ ลภึสุ. เย เต ภิกฺขู อาคเมสุํ, เต เอวมาหํสุ ‘‘อมฺหากมฺปิ, อาวุสา,เอ ภาคํ เทถา’’ติ. เต เอวมาหํสุ ‘‘น มยํ, อาวุโส, ตุมฺหากํ ภาคํ ทสฺสาม, กิสฺส ตุมฺเห น โอกฺกมิตฺถา’’ติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อาคเมนฺตานํ อกามา ภาคํ ทาตุนฺติ.
เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา ภิกฺขู โกสเลสุ ชนปเทสุ อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺนา โหนฺติ. เอกจฺเจ ภิกฺขู ปมํ สุสานํ โอกฺกมึสุ ปํสุกูลาย, เอกจฺเจ ภิกฺขู ปจฺฉา โอกฺกมึสุ. เย เต ภิกฺขู ปมํ สุสานํ โอกฺกมึสุ ปํสุกูลาย, เต ปํสุกูลานิ ลภึสุ. เย เต ภิกฺขู ปจฺฉา โอกฺกมึสุ, เต น ลภึสุ. เต เอวมาหํสุ ‘‘อมฺหากมฺปิ, อาวุโส, ภาคํ เทถา’’ติ. เต เอวมาหํสุ ‘‘น มยํ, อาวุโส, ตุมฺหากํ ภาคํ ทสฺสาม, กิสฺส ตุมฺเห ปจฺฉา โอกฺกมิตฺถา’’ติ. ภควโต ¶ เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปจฺฉา โอกฺกนฺตานํ นากามา ภาคํ ทาตุนฺติ.
เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา ภิกฺขู โกสเลสุ ชนปเทสุ อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺนา โหนฺติ. เต สทิสา สุสานํ โอกฺกมึสุ ปํสุกูลาย. เอกจฺเจ ภิกฺขู ปํสุกูลานิ ลภึสุ, เอกจฺเจ ภิกฺขู น ลภึสุ. เย เต ภิกฺขู น ลภึสุ, เต เอวมาหํสุ ‘‘อมฺหากมฺปิ, อาวุโส, ภาคํ เทถา’’ติ. เต เอวมาหํสุ ‘‘น มยํ, อาวุโส, ตุมฺหากํ ภาคํ ทสฺสาม, กิสฺส ตุมฺเห น ลภิตฺถา’’ติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สทิสานํ โอกฺกนฺตานํ อกามา ภาคํ ทาตุนฺติ.
ตตฺถ อาคเมสุนฺติ อุปจาเร อจฺฉึสุ. เตนาห ภควา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อาคเมนฺตานํ อกามา ภาคํ ทาตุ’’นฺติ. อุปจาเรติ สุสานสฺส อาสนฺนปฺปเทเส. ยทิ ปน มนุสฺสา ‘‘อิธาคตา เอว คณฺหนฺตู’’ติ เทนฺติ, สฺาณํ วา กตฺวา คจฺฉนฺติ ‘‘สมฺปตฺตา คณฺหนฺตู’’ติ ¶ . สมฺปตฺตานํ สพฺเพสมฺปิ ปาปุณาติ. สเจ ฉฑฺเฑตฺวา คตา, เยน คหิตํ, โส เอว สามี. สทิสา สุสานํ โอกฺกมึสูติ สพฺเพ สมํ โอกฺกมึสุ, เอกทิสาย วา โอกฺกมึสูติปิ อตฺโถ.
เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา ภิกฺขู โกสเลสุ ชนปเทสุ อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺนา โหนฺติ. เต กติกํ กตฺวา สุสานํ โอกฺกมึสุ ปํสุกูลาย. เอกจฺเจ ภิกฺขู ปํสุกูลานิ ลภึสุ, เอกจฺเจ ภิกฺขู น ลภึสุ. เย เต ภิกฺขู น ลภึสุ, เต เอวมาหํสุ ‘‘อมฺหากมฺปิ, อาวุโส, ภาคํ เทถา’’ติ. เต เอวมาหํสุ ‘‘น มยํ, อาวุโส, ตุมฺหากํ ภาคํ ทสฺสาม, กิสฺส ตุมฺเห น ลภิตฺถา’’ติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, กติกํ กตฺวา โอกฺกนฺตานํ อกามา ภาคํ ทาตุนฺติ. ตตฺถ เต กติกํ กตฺวาติ ‘‘ลทฺธํ ปํสุกูลํ สพฺเพ ภาเชตฺวา ¶ คณฺหิสฺสามา’’ติ พหิเมว กติกํ กตฺวา. ฉฑฺเฑตฺวา คตาติ กิฺจิ อวตฺวาเยว ฉฑฺเฑตฺวา คตา. เอเตน ‘‘ภิกฺขู คณฺหนฺตู’’ติ ฉฑฺฑิเต เอว อกามา ภาคทานํ วิหิตํ, เกวลํ ฉฑฺฑิเต ปน กติกาย อสติ เอกโต พหูสุ ปวิฏฺเสุ เยน คหิตํ, เตน อกามา ภาโค น ทาตพฺโพติ ทสฺเสติ. สมานา ทิสา ปุรตฺถิมาทิเภทา เอเตสนฺติ สทิสาติ อาห ‘‘เอกทิสาย วา โอกฺกมึสู’’ติ.
อจฺฉินฺนจีวรกถา
๕. อจฺฉินฺนจีวรกถายํ อนุปุพฺพกถาติ อนุปุพฺเพน วินิจฺฉยกถา. เสสปริกฺขารานํ สทฺธิวิหาริเกหิ คหิตตฺตา นิวาสนปารุปนเมว อวสิฏฺนฺติ อาห ‘‘นิวาสนปารุปนมตฺตํเยว หริตฺวา’’ติ. สทฺธิวิหาริกานํ ตาว อาคมนสฺส วา อนาคมนสฺส วา อชานนตาย วุตฺตํ ‘‘เถเรหิ เนว ตาว…เป… ภฺุชิตพฺพ’’นฺติ. ปเรสมฺปิ อตฺถาย ลภนฺตีติ อตฺตโน จีวรํ ททมานา สยํ สาขาภงฺเคน ปฏิจฺฉาเทนฺตีติ เตสํ อตฺถายปิ ภฺชิตุํ ลภนฺติ. ‘‘ติเณน วา ปณฺเณน วา ปฏิจฺฉาเทตฺวา อาคนฺตพฺพ’’นฺติ วจนโต อีทิเสสุ ภูตคามปาตพฺยตาปิ อนฺุาตาเยว โหตีติ อาห ‘‘เนว ภูตคามปาตพฺยตาย ปาจิตฺติยํ โหตี’’ติ. น เตสํ ธารเณ ทุกฺกฏนฺติ เตสํ ติตฺถิยธชานํ ธารเณปิ ทุกฺกฏํ นตฺถิ.
ยานิ จ เนสํ วตฺถานิ เทนฺตีติ สมฺพนฺโธ. เถรานํ สยเมว ทินฺนตฺตา วุตฺตํ ‘‘อจฺฉินฺนจีวรฏฺาเน ¶ ิตตฺตา’’ติ. ยทิ ลทฺธึ คณฺหาติ, ติตฺถิยปกฺกนฺตโก นาม โหติ. ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ลทฺธึ อคฺคเหตฺวา’’ติ. ‘‘โน เจ โหติ, สงฺฆสฺส วิหารจีวรํ วา…เป… อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ อิมินา อนฺตรามคฺเค ปวิฏฺวิหารโต นิกฺขมิตฺวา อฺตฺถ อตฺตโน ¶ อภิรุจิตฏฺานํ คจฺฉนฺตสฺส ทุกฺกฏํ วุตฺตํ, อิมินา จ ‘‘ยํ อาวาสํ ปมํ อุปคจฺฉตี’’ติ วุตฺตํ อนฺตรามคฺเค ิตวิหารมฺปิ สเจ นคฺโค หุตฺวา คจฺฉติ, ทุกฺกฏเมวาติ เวทิตพฺพํ. ยทิ เอวํ ตตฺถ กสฺมา น วุตฺตนฺติ เจ? อโนกาสตฺตา. ตตฺถ หิ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อจฺฉินฺนจีวรสฺส วา…เป… จีวรํ วิฺาเปตุ’’นฺติ อิมินา สมฺพนฺเธน สงฺฆิกมฺปิ จีวรํ นิวาเสตุํ ปารุปิตฺุจ อนุชานนฺโต ‘‘ยํ อาวาสํ ปมํ…เป… คเหตฺวา ปารุปิตุ’’นฺติ อาห, ตสฺมา ตตฺถ อโนกาสตฺตา ทุกฺกฏํ น วุตฺตํ.
วิหารจีวรนฺติ เสนาสนจีวรํ. จิมิลิกาหีติ ปฏปิโลติกาหิ. ตสฺส อุปรีติ ภูมตฺถรณสฺส อุปริ. วิเทสคเตนาติ อฺํ จีวรํ อลภิตฺวา วิเทสคเตน. เอกสฺมึ…เป… เปตพฺพนฺติ เอตฺถ เสเสน คเหตฺวา อาคตตฺตา เปนฺเตน จ สงฺฆิกปริโภควเสเนว ปิตตฺตา อฺสฺมึ เสนาสเน นิยมิตมฺปิ อฺตฺถ เปตุํ วฏฺฏตีติ วทนฺติ. ปริโภเคเนวาติ อฺํ จีวรํ อลภิตฺวา ปริภฺุชเนน.
ปริโภคชิณฺณนฺติ ยถา เตน จีวเรน สรีรํ ปฏิจฺฉาเทตุํ น สกฺกา, เอวํ ชิณฺณํ. กปฺปิยโวหาเรนาติ กยวิกฺกยาปตฺติโต โมจนตฺถํ วุตฺตํ. ‘‘วิฺาเปนฺตสฺสา’’ติ อิมสฺเสว อตฺถํ วิภาเวติ ‘‘เจตาเปนฺตสฺส ปริวตฺตาเปนฺตสฺสา’’ติ. อตฺตโน ธเนน หิ วิฺาปนํ นาม ปริวตฺตนเมวาติ อธิปฺปาโย. สงฺฆวเสน ปวาริตานํ วิฺาปเน วตฺตํ ทสฺเสติ ‘‘ปมาณเมว วฏฺฏตี’’ติ. สงฺฆวเสน หิ ปวาริเต สพฺเพสํ สาธารณตฺตา อธิกํ วิฺาเปตุํ น วฏฺฏติ. ยํ ยํ ปวาเรตีติ ยํ ยํ จีวราทึ ทสฺสามีติ ปวาเรติ. วิฺาปนกิจฺจํ นตฺถีติ วินา วิฺตฺติยา ทียมานตฺตา วิฺาเปตฺวา กึ กริสฺสตีติ อธิปฺปาโย. อฺสฺสตฺถายาติ เอตฺถปิ ‘‘าตกานํ ปวาริตาน’’นฺติ ¶ อิทํ อนุวตฺตติเยวาติ อาห ‘‘อตฺตโน าตกปวาริเต’’ติอาทิ. วิกปฺปนุปคจีวรตา, สมยาภาโว, อฺาตกวิฺตฺติ, ตาย จ ปฏิลาโภติ อิมาเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิ.
วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๕๑๕) ปน ปาฬิยํ ธมฺมนิมนฺตนาติ สมเณสุ วตฺตพฺพาจารธมฺมมตฺตวเสน ¶ นิมนฺตนา, ทาตุกามตาย กตนิมนฺตนา น โหตีติ อตฺโถ. เตเนว ‘‘วิฺาเปสฺสตี’’ติ วุตฺตํ. อฺาตกอปฺปวาริตโต หิ วิฺตฺติ นาม โหติ.
‘‘ติเณน วา ปณฺเณน วา ปฏิจฺฉาเทตฺวา อาคนฺตพฺพ’’นฺติ อิมินา ภูตคามวิโกปนํ อนฺุาตนฺติ อาห ‘‘เนวภูตคามปาตพฺยตายา’’ติอาทิ. ปมํ สุทฺธจิตฺเตน ลิงฺคํ คเหตฺวา ปจฺฉา ลทฺธึ คณฺหนฺโตปิ ติตฺถิยปกฺกนฺตโก เอวาติ อาห ‘‘นิวาเสตฺวาปิ ลทฺธิ น คเหตพฺพา’’ติ.
ยํ อาวาสํ ปมํ อุปคจฺฉตีติ เอตฺถปิ วิหารจีวราทิอตฺถาย ปวิสนฺเตนปิ ติณาทีหิ ปฏิจฺฉาเทตฺวาว คนฺตพฺพํ, ‘‘น ตฺเวว นคฺเคน อาคนฺตพฺพ’’นฺติ สามฺโต ทุกฺกฏสฺส วุตฺตตฺตา. จิมิลิกาหีติ ปฏปิโลติกาหิ. ปริโภเคเนวาติ อฺํ จีวรํ อลภิตฺวา ปริภฺุชเนน. ปริโภคชิณฺณนฺติ ยถา ตํ จีวรํ ปริภฺุชิยมานํ โอภคฺควิภคฺคตาย อสารุปฺปํ โหติ, เอวํ ชิณฺณํ.
อฺสฺสตฺถายาติ เอตฺถปิ ‘‘าตกานํ ปวาริตาน’’นฺติ อิทํ อนุวตฺตเตวาติ อาห ‘‘อตฺตโน าตกปวาริเต’’ติอาทิ. อิธ ปน อฺสฺส อจฺฉินฺนนฏฺจีวรสฺส อตฺถาย อฺาตกอปฺปวาริเต วิฺาเปนฺตสฺส นิสฺสคฺคิเยน อนาปตฺตีติ อตฺโถ คเหตพฺโพ, อิตรถา ‘‘าตกานํ ปวาริตาน’’นฺติ อิมินา วิเสโส น ภเวยฺย, เตเนว อนนฺตรสิกฺขาปเท ¶ วกฺขติ ‘‘อฏฺกถาสุ (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๒๖) ปน าตกปวาริตฏฺาเน…เป… ปมาณเมว วฏฺฏตีติ วุตฺตํ, ตํ ปาฬิยา น สเมตี’’ติ จ ‘‘ยสฺมา ปนิทํ สิกฺขาปทํ อฺสฺสตฺถาย วิฺาปนวตฺถุสฺมึเยว ปฺตฺตํ, ตสฺมา อิธ ‘อฺสฺสตฺถายา’ติ น วุตฺต’’นฺติ จ. วิกปฺปนุปคจีวรตา, สมยาภาโว, อฺาตกวิฺตฺติ, ตาย จ ปฏิลาโภติ อิมาเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิ.
‘‘ตฺเจ อฺาตโก คหปติ วา คหปตานี วา พหูหิ จีวเรหิ อภิหฏฺุํ ปวาเรยฺย, สนฺตรุตฺตรปรมํ เตน ภิกฺขุนา ตโต จีวรํ สาทิตพฺพํ, ตโต เจ อุตฺตริ สาทิเยยฺย, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติย’’นฺติ อิมสฺมึ ตทุตฺตริสิกฺขาปเท (ปารา. ๕๒๓) อภิหฏฺุนฺติ เอตฺถ อภีติ อุปสคฺโค, หริตุนฺติ อตฺโถ, คณฺหิตุนฺติ วุตฺตํ โหติ. ปวาเรยฺยาติ อิจฺฉาเปยฺย, อิจฺฉํ รุจึ ¶ อุปฺปาเทยฺย วเทยฺย นิมนฺเตยฺยาติ อตฺโถ. อภิหฏฺุํ ปวาเรนฺเตน ปน ยถา วตฺตพฺพํ. ตํ อาการํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยาวตฺตกํ อิจฺฉสิ, ตาวตฺตกํ คณฺหาหี’’ติ เอวมสฺส ปทภาชนํ วุตฺตํ. อถ วา ยถา ‘‘เนกฺขมฺมํ ทฏฺุ เขมโต’’ติ เอตฺถ ทิสฺวาติ อตฺโถ, เอวมิธปิ อภิหฏฺุํ ปวาเรยฺยาติ อภิหริตฺวา ปวาเรยฺยาติ อตฺโถ. ตตฺถ กายาภิหาโร วาจาภิหาโรติ ทุวิโธ อภิหาโร. กาเยน วา หิ วตฺถาทีนิ อภิหริตฺวา ปาทมูเล เปตฺวา ‘‘ยตฺตกํ อิจฺฉสิ, ตตฺตกํ คณฺหาหี’’ติ วทนฺโต ปวาเรยฺย, วาจาย วา ‘‘อมฺหากํ ทุสฺสโกฏฺาคารํ ปริปุณฺณํ, ยตฺตกํ อิจฺฉสิ, ตตฺตกํ คณฺหาหี’’ติ วทนฺโต ปวาเรยฺย, ตทุภยมฺปิ เอกชฺฌํ กตฺวา ‘‘อภิหฏฺุํ ปวาเรยฺยา’’ติ วุตฺตํ.
สนฺตรุตฺตรปรมนฺติ สอนฺตรํ อุตฺตรํ ปรมํ อสฺส จีวรสฺสาติ สนฺตรุตฺตรปรมํ, นิวาสเนน สทฺธึ ปารุปนํ อุกฺกฏฺปริจฺเฉโท อสฺสาติ ¶ วุตฺตํ โหติ. ตโต จีวรํ สาทิตพฺพนฺติ ตโต อภิหฏจีวรโต เอตฺตกํ จีวรํ คเหตพฺพํ, น อิโต ปรนฺติ อตฺโถ. ยสฺมา ปน อจฺฉินฺนสพฺพจีวเรน เตจีวริเกเนว ภิกฺขุนา เอวํ ปฏิปชฺชิตพฺพํ, อฺเน อฺถาปิ, ตสฺมา ตํ วิภาคํ ทสฺเสตุํ ‘‘สเจ ตีณิ นฏฺานิ โหนฺตี’’ติอาทินา นเยนสฺส ปทภาชนํ วุตฺตํ.
ตตฺรายํ วินิจฺฉโย – ยสฺส ตีณิ นฏฺานิ, เตน ทฺเว สาทิตพฺพานิ, เอกํ นิวาเสตฺวา เอกํ ปารุปิตฺวา อฺํ สภาคฏฺานโต ปริเยสิสฺสติ. ยสฺส ทฺเว นฏฺานิ, เตน เอกํ สาทิตพฺพํ. สเจ ปกติยาว สนฺตรุตฺตเรน จรติ, ทฺเว สาทิตพฺพานิ, เอวํ เอกํ สาทิยนฺเตเนว สโม ภวิสฺสติ. ยสฺส ตีสุ เอกํ นฏฺํ, น สาทิตพฺพํ. ยสฺส ปน ทฺวีสุ เอกํ นฏฺํ, เอกํ สาทิตพฺพํ. ยสฺส เอกํเยว โหติ, ตฺจ นฏฺํ, ทฺเว สาทิตพฺพานิ. ภิกฺขุนิยา ปน ปฺจสุปิ นฏฺเสุ ทฺเว สาทิตพฺพานิ, จตูสุ นฏฺเสุ เอกํ สาทิตพฺพํ, ตีสุ นฏฺเสุ กิฺจิ น สาทิตพฺพํ, โก ปน วาโท ทฺวีสุ วา เอกสฺมึ วา. เยน เกนจิ หิ สนฺตรุตฺตรปรมตาย าตพฺพํ, ตโต อุตฺตริ น ลพฺภตีติ อิทเมตฺถ ลกฺขณํ.
เสสกํ อาหริสฺสามีติ ทฺเว จีวรานิ กตฺวา เสสํ ปุน อาหริสฺสามีติ อตฺโถ. น อจฺฉินฺนการณาติ พาหุสจฺจาทิคุณวเสน เทนฺติ. าตกานนฺติอาทีสุ าตกานํ เทนฺตานํ สาทิยนฺตสฺส, ปวาริตานํ เทนฺตานํ สาทิยนฺตสฺส, อตฺตโน ธเนน สาทิยนฺตสฺส อนาปตฺตีติ อตฺโถ. อฏฺกถาสุ ปน ‘‘าตกปวาริตฏฺาเน ปกติยา พหุมฺปิ วฏฺฏติ, อจฺฉินฺนการณา ปมาณเมว ¶ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ ปาฬิยา น สเมติ. ยสฺมา ปนิทํ สิกฺขาปทํ อฺสฺสตฺถาย วิฺาปนวตฺถุสฺมึเยว ปฺตฺตํ, ตสฺมา อิธ ‘‘อฺสฺสตฺถายา’’ติ น วุตฺตํ. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว. สมุฏฺานาทีสุ อิทมฺปิ ฉสมุฏฺานํ ¶ , กิริยํ, โนสฺาวิโมกฺขํ, อจิตฺตกํ, ปณฺณตฺติวชฺชํ, กายกมฺมวจีกมฺมํ, ติจิตฺตํ, ติเวทนนฺติ.
สตฺตเม ปาฬิยํ ปคฺคาหิกสาลนฺติ ทุสฺสวาณิชกานํ อาปณํ, ‘‘ปคฺคาหิตสาล’’นฺติปิ ปนฺติ. อภีติ อุปสคฺโคติ ตสฺส วิเสสตฺถาภาวํ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘หริตุนฺติ อตฺโถ’’ติ. วรสทฺทสฺส อิจฺฉายํ วตฺตมานตฺตา อาห ‘‘อิจฺฉาเปยฺยา’’ติ. ทฏฺุ เขมโตติ เอตฺถ คาถาพนฺธวเสน อนุนาสิกโลโป ทฏฺพฺโพ. สอนฺตรนฺติ อนฺตรวาสกสหิตํ. อุตฺตรนฺติ อุตฺตราสงฺคํ. อสฺส จีวรสฺสาติ สาทิตพฺพจีวรสฺส. อจฺฉินฺนสพฺพจีวเรนาติ อจฺฉินฺนานิ สพฺพานิ ตีณิ จีวรานิ อสฺสาติ อจฺฉินฺนสพฺพจีวโร, เตนาติ อตฺโถ. ยสฺส หิ อจฺฉินฺทนสมเย ตีณิ จีวรานิ สนฺนิหิตานิ โหนฺติ, ตานิ สพฺพานิ อจฺฉินฺนานีติ โส ‘‘อจฺฉินฺนสพฺพจีวโร’’ติ วุจฺจติ. เตเนว ‘‘อจฺฉินฺนสพฺพจีวเรน เตจีวริเกนา’’ติ วุตฺตํ. เตจีวริเกนาติ หิ อจฺฉินฺทนสมเย ติจีวรสฺส สนฺนิหิตภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ปน วินเย เตจีวริกาภาวํ, ธุตงฺคเตจีวริกภาวํ วา สนฺธาย. เอวํ ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ ‘‘สนฺตรุตฺตรปรมํ เตน ภิกฺขุนา ตโต จีวรํ สาทิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตวิธินา ปฏิปชฺชิตพฺพํ. อฺเนาติ อจฺฉินฺนอสพฺพจีวเรน. ยสฺส ตีสุ จีวเรสุ เอกํ วา ทฺเว วา จีวรานิ อจฺฉินฺนานิ โหนฺติ, เตนาติ อตฺโถ. อฺถาปีติ ‘‘สนฺตรุตฺตรปรม’’นฺติ วุตฺตวิธานโต อฺถาปิ. ยสฺส หิ ตีสุ ทฺเว จีวรานิ อจฺฉินฺนานิ โหนฺติ, เอกํ สาทิตพฺพํ, เอกสฺมึ อจฺฉินฺเน น สาทิตพฺพนฺติ น ตสฺส สนฺตรุตฺตรปรมสาทิยนํ สมฺภวติ. อยเมว จ อตฺโถ ปทภาชเนน วิภาวิโต. เตนาห ‘‘ตํ วิภาคํ ทสฺเสตุ’’นฺติ.
เกจิ ปน ‘‘เตจีวริเกนาติ วุตฺตตฺตา ติจีวรํ ปริกฺขารโจฬวเสน อธิฏฺหิตฺวา ปริภฺุชโต ตสฺมึ นฏฺเ พหูนิปิ คเหตุํ ลภตี’’ติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ. ปทภาชนสฺส หิ ¶ อธิปฺปายํ ทสฺเสนฺเตน ยสฺมา ปน ‘‘อจฺฉินฺนสพฺพจีวเรน…เป… ตํ วิภาคํ ทสฺเสตุ’’นฺติ วุตฺตํ, ปทภาชเน จ น ตาทิโส อตฺโถ อุปลพฺภติ, ตสฺมา ตํ น คเหตพฺพเมว. ยมฺปิ มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. ตตุตฺตริสิกฺขาปทวณฺณนา) วุตฺตํ ‘‘ยสฺส อธิฏฺิตติจีวรสฺส ตีณิ นฏฺานี’’ติ, ตตฺถปิ อธิฏฺิตคฺคหณํ สรูปกถนมตฺตนฺติ คเหตพฺพํ, น ปน ติจีวราธิฏฺาเนน อธิฏฺิตจีวรสฺเสวาติ เอวมตฺโถ คเหตพฺโพ ปาฬิยํ อฏฺกถายฺจ ตถา อตฺถสฺสาสมฺภวโต ¶ . น หิ ติจีวราธิฏฺาเนน อธิฏฺิตจีวรสฺเสว อิทํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตนฺติ สกฺกา วิฺาตุํ. ปุริมสิกฺขาปเทน หิ อจฺฉินฺนจีวรสฺส อฺาตกวิฺตฺติยา อนฺุาตตฺตา ปมาณํ อชานิตฺวา วิฺาปนวตฺถุสฺมึ ปมาณโต สาทิยนํ อนุชานนฺเตน ภควตา อิทํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, ตสฺมา ปริกฺขารโจฬิกสฺส พหุมฺปิ สาทิตุํ วฏฺฏตีติ อยมตฺโถ เนว ปาฬิยา สเมติ, น จ ภควโต อธิปฺปายํ อนุโลเมติ.
ยสฺส ตีณิ นฏฺานิ, เตน ทฺเว สาทิตพฺพานีติ เอตฺถ ยสฺส ติจีวรโต อธิกมฺปิ จีวรํ อฺตฺถ ิตํ อตฺถิ, ตทา ตสฺส จีวรสฺส อลพฺภนียภาวโต เตนปิ สาทิตุํ วฏฺฏตีติ เวทิตพฺพํ. ปกติยาว สนฺตรุตฺตเรน จรตีติ สาสงฺกสิกฺขาปทวเสน วา อวิปฺปวาสสมฺมุติวเสน วา ตติยสฺส อลาเภน วา จรติ. ‘‘ทฺเว นฏฺานี’’ติ อธิการตฺตา วุตฺตํ ‘‘ทฺเว สาทิตพฺพานี’’ติ. เอกํ สาทิยนฺเตเนว สโม ภวิสฺสตีติ ติณฺณํ จีวรานํ ทฺวีสุ นฏฺเสุ เอกํ สาทิยนฺเตน สโม ภวิสฺสติ อุภินฺนมฺปิ สนฺตรุตฺตรปรมตาย อวฏฺานโต. ยสฺส เอกํเยว โหตีติ อฺเน เกนจิ การเณน วินฏฺเสสจีวรํ สนฺธาย วุตฺตํ.
‘‘เสสกํ ตุมฺเหว โหตูติ เทนฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘ปมาณยุตฺตํ คณฺหิสฺสาม, เสสกํ อาหริสฺสามา’’ติ วตฺวา ¶ คเหตฺวา คมนสมเยปิ ‘‘เสสกมฺปิ ตุมฺหากํเยว โหตู’’ติ วทนฺติ, ลทฺธกปฺปิยเมว. ปวาริตานนฺติ อจฺฉินฺนกาลโต ปุพฺเพเยว ปวาริตานํ. ปาฬิยา น สเมตีติ สนฺตรุตฺตรปรมโต อุตฺตริ สาทิยเน อนาปตฺติทสฺสนตฺถํ ‘‘อนาปตฺติ าตกานํ ปวาริตาน’’นฺติ วุตฺตตฺตา น สเมติ. สนฺตรุตฺตรปรมํ สาทิยนฺตสฺส หิ อาปตฺติปฺปสงฺโคเยว นตฺถิ, สติ จ สิกฺขาปเทน อาปตฺติปฺปสงฺเค อนาปตฺติ ยุตฺตา ทสฺเสตุนฺติ อธิปฺปาโย. เกจิ ปน ‘‘ปมาณเมว วฏฺฏตีติ อิทํ สลฺเลขทสฺสนตฺถํ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ.
ยสฺมา ปนิทํ…เป… น วุตฺตนฺติ เอตฺถายมธิปฺปาโย – ‘‘อฺสฺสตฺถายา’’ติ วุจฺจมาเน อฺเสํ อตฺถาย ปมาณํ อติกฺกมิตฺวาปิ คณฺหิตุํ วฏฺฏตีติ อาปชฺชติ, ตฺจ อฺสฺสตฺถาย วิฺาปนวตฺถุสฺมึ ปฺตฺตตฺตา วตฺถุนา สํสนฺทิยมานํ น สเมติ. น หิ ยํ วตฺถุํ นิสฺสาย สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, ตสฺมึเยว อนาปตฺติวจนํ ยุตฺตนฺติ. คณฺิปเทสุ ปน ตีสุปิ ‘‘อิมสฺส สิกฺขาปทสฺส อตฺตโน สาทิยนปฏิพทฺธตาวเสน ปวตฺตตฺตา ‘อฺสฺสตฺถายา’ติ วตฺตุํ โอกาโสเยว นตฺถิ, ตสฺมา น วุตฺต’’นฺติ กถิตํ. อิธ ‘‘อฺสฺสตฺถายา’’ติ อวุตฺตตฺตา อฺเสํ อตฺถาย ¶ าตกปวาริเตสุ อธิกํ วิฺาเปนฺตสฺส อาปตฺตีติ เจ? น, ตตฺถ ปุริมสิกฺขาปเทเนว อนาปตฺติสิทฺธิโต. ตตุตฺตริตา, อจฺฉินฺนาทิการณตา, อฺาตกวิฺตฺติ, ตาย จ ปฏิลาโภติ อิมาเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิ.
วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๕๒๒-๕๒๔) ปน ‘‘ปาฬิยํ ปคฺคาหิกสาลนฺติ ทุสฺสาปณํ. ตฺหิ วาณิชเกหิ ทุสฺสานิ ปคฺคเหตฺวา ทสฺสนฏฺานตาย ‘ปคฺคาหิกสาลา’ติ วุจฺจติ. อสฺส จีวรสฺสาติ สาทิตพฺพจีวรสฺส. เตจีวริเกนาติ อิมินา อจฺฉินฺนติจีวรโต อฺสฺส วิหาราทีสุ นิหิตสฺส จีวรสฺส อภาวํ ทสฺเสติ ¶ . ยทิ ภเวยฺย, วิฺาเปตุํ น วฏฺเฏยฺย, ตาวกาลิกํ นิวาเสตฺวา อตฺตโน จีวรํ คเหตพฺพํ. ตาวกาลิกมฺปิ อลภนฺตสฺส ภูตคามวิโกปนํ กตฺวา ติณปณฺเณหิ ฉทนํ วิย วิฺาปนมฺปิ วฏฺฏติ เอว. อฺเนาติ อจฺฉินฺนอสพฺพจีวเรน. ‘ทฺเว นฏฺานี’ติ อธิการโต วุตฺตํ ‘ทฺเว สาทิตพฺพานี’ติ. ปาฬิยา น สเมตีติ ‘อนาปตฺติ าตกานํ ปวาริตาน’นฺติ (ปารา. ๕๒๖) อิมาย ปาฬิยา น สเมติ ตตุตฺตริ วิฺาปนอาปตฺติปฺปสงฺเค เอว วุตฺตตฺตา. อฺสฺสตฺถายาติ น วุตฺตนฺติ อิทํ อฺสฺสตฺถาย ตตุตฺตริ วิฺาปเน นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ โหตีติ อิมมตฺถํ ทีเปติ. ตฺจ ปาจิตฺติยํ เยสํ อตฺถาย วิฺาเปติ, เตสํ วา สิยา วิฺาปกสฺเสว วา, น ตาว เตสํ, เตหิ อวิฺาปิตตฺตา, นาปิ วิฺาปกสฺส, อตฺตานํ อุทฺทิสฺส อวิฺตฺตตฺตา. ตสฺมา อฺสฺสตฺถาย วิฺาเปนฺตสฺสปิ นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ น ทิสฺสติ. ปาฬิยํ ปน อิมสฺส สิกฺขาปทสฺส อตฺตโน สาทิยนปฏิพทฺธตาวเสน ปวตฺตตฺตา ‘อฺสฺสตฺถายา’ติ อนาปตฺติวาเร น วุตฺตนฺติ วทนฺติ, ตฺจ ยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ. ตตุตฺตริจีวรตา, อจฺฉินฺนาทิการณตา, อฺาตกวิฺตฺติ, ตาย จ ปฏิลาโภติ อิมาเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานี’’ติ.
อิทํ ตตุตฺตริสิกฺขาปทวินิจฺฉยํ อาจริเยน อวุตฺตมฺปิ อจฺฉินฺนจีวราธิกาเรเยว ปวตฺตตฺตา อมฺเหหิ คหิตํ, อฺาตกวิฺตฺติสิกฺขาปทสฺส สมเยสุ อจฺฉินฺนจีวรกาเล อฺาตกานํ วิฺาเปตพฺพภาโว ภควตา วุตฺโต, เตหิ ทินฺนจีวรสฺส มตฺตโส คหิตภาโว ตตุตฺตริสิกฺขาปเทน วุตฺโต. ตสฺมา อจฺฉินฺนจีวรอธิกาโรเยว โหตีติ.
จีวรอจฺฉินฺทนวินิจฺฉยกถา
อิโต ¶ ¶ ปรํ อจฺฉินฺทนสามฺเน จีวรอจฺฉินฺทนวินิจฺฉยํ วกฺขาม – ตตฺถ ยมฺปิ ตฺยาหนฺติ ยมฺปิ เต อหํ. โส กิร ‘‘มม ปตฺตจีวรอุปาหนปจฺจตฺถรณานิ วหนฺโต มยา สทฺธึ จาริกํ ปกฺกมิสฺสตี’’ติ อทาสิ. เตเนวมาห ‘‘มยา สทฺธึ ชนปทจาริกํ ปกฺกมิสฺสตี’’ติ. อจฺฉินฺทีติ พลกฺกาเรน อคฺคเหสิ, สกสฺาย คหิตตฺตา ปนสฺส ปาราชิกํ นตฺถิ, กิลเมตฺวา คหิตตฺตา อาปตฺติ ปฺตฺตา.
สยํ อจฺฉินฺทติ, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยนฺติ เอกํ จีวรํ เอกาพทฺธานิ จ พหูนิ อจฺฉินฺทโต เอกา อาปตฺติ, เอกโต อพทฺธานิ วิสุํ วิสุํ ิตานิ พหูนิ อจฺฉินฺทโต, ‘‘สงฺฆาฏึ อาหร, อุตฺตราสงฺคํ อาหรา’’ติ เอวํ อาหราปยโต จ วตฺถุคณนาย อาปตฺติโย. ‘‘มยา ทินฺนานิ สพฺพานิ อาหรา’’ติ วทโตปิ เอกวจเนเนว สมฺพหุลา อาปตฺติโย.
อฺํ อาณาเปติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ ‘‘จีวรํ คณฺหา’’ติ อาณาเปติ, เอกํ ทุกฺกฏํ. อาณตฺโต พหูนิ คณฺหาติ, เอกํ ปาจิตฺติยํ. ‘‘สงฺฆาฏึ คณฺห, อุตฺตราสงฺคํ คณฺหา’’ติ วทโต วาจาย วาจาย ทุกฺกฏํ. ‘‘มยา ทินฺนานิ สพฺพานิ คณฺหา’’ติ วทโต เอกวาจาย สมฺพหุลา อาปตฺติโย.
อฺํ ปริกฺขารนฺติ วิกปฺปนุปคปจฺฉิมํ จีวรํ เปตฺวา ยํ กิฺจิ อนฺตมโส สูจิมฺปิ. เวเตฺวา ปิตสูจีสุปิ วตฺถุคณนาย ทุกฺกฏานิ. สิถิลเวิตาสุ เอวํ. คาฬฺหํ กตฺวา พทฺธาสุ ปน เอกเมว ทุกฺกฏนฺติ มหาปจฺจริยํ วุตฺตํ. สูจิฆเร ปกฺขิตฺตาสุปิ เอเสว นโย. ถวิกาย ปกฺขิปิตฺวา สิถิลพทฺธคาฬฺหพทฺเธสุ ติกฏุกาทีสุ เภสชฺเชสุปิ เอเสว นโย.
โส วา เทตีติ ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํเยว อิทํ สารุปฺป’’นฺติ เอวํ วา เทติ. อถ วา ปน ‘‘อาวุโส, มยํ ตุยฺหํ ‘วตฺตปฏิปตฺตึ ¶ กริสฺสติ, อมฺหากํ สนฺติเก อุปชฺฌํ คณฺหิสฺสติ, ธมฺมํ ปริยาปุณิสฺสตี’ติ จีวรํ อทมฺหา, โสทานิ ตฺวํ น วตฺตํ กโรสิ, น อุปชฺฌํ คณฺหาสิ, น ธมฺมํ ปริยาปุณาสี’’ติ เอวมาทีหิ วุตฺโต ‘‘ภนฺเต, จีวรตฺถาย มฺเ ภณถ, อิทํ ¶ โว จีวร’’นฺติ เทติ, เอวมฺปิ โส วา เทติ. ทิสาปกฺกนฺตํ วา ปน ทหรํ ‘‘นิวตฺเตถ น’’นฺติ ภณติ, โส น นิวตฺตติ. ‘‘จีวรํ คเหตฺวา รุนฺธถา’’ติ เอวํ เจ นิวตฺตติ, สาธุ. สเจ ‘‘ปตฺตจีวรตฺถาย มฺเ ตุมฺเห ภณถ, คณฺหถ น’’นฺติ เทติ, เอวมฺปิ โสเยว เทติ. วิพฺภนฺตํ วา ทิสฺวา ‘‘มยํ ตุยฺหํ ‘วตฺตํ กริสฺสตี’ติ ปตฺตจีวรํ อทมฺหา, โสทานิ ตฺวํ วิพฺภมิตฺวา จรสี’’ติ วทติ, อิตโร ‘‘คณฺหถ ตุมฺหากํ ปตฺตจีวร’’นฺติ เทติ, เอวมฺปิ โส วา เทติ. ‘‘มม สนฺติเก อุปชฺฌํ คณฺหนฺตสฺเสว เต เทมิ, อฺตฺถ คณฺหนฺตสฺส น เทมิ. วตฺตํ กโรนฺตสฺเสว เทมิ, อกโรนฺตสฺส น เทมิ. ธมฺมํ ปริยาปุณนฺตสฺเสว เทมิ, อปริยาปุณนฺตสฺส น เทมิ. อวิพฺภมนฺตสฺเสว เทมิ, วิพฺภมนฺตสฺส น เทมี’’ติ เอวํ ปน ทาตุํ น วฏฺฏติ, ททโต ทุกฺกฏํ, อาหราเปตุํ ปน วฏฺฏติ. จชิตฺวา ทินฺนํ อจฺฉินฺทิตฺวา คณฺหนฺโต ภณฺฑคฺเฆน กาเรตพฺโพ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. อยํ สมนฺตปาสาทิกโต อุทฺธฏวินิจฺฉโย.
ยมฺปิ ตฺยาหนฺติ เอตฺถ ยนฺติ การณวจนํ, ตสฺมา เอวเมตฺถ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ – ‘‘มยา สทฺธึ ชนปทจาริกํ ปกฺกมิสฺสตีติ ยํ การณํ นิสฺสาย อหํ เต, อาวุโส, จีวรํ อทาสึ, ตํ น กโรสี’’ติ กุปิโต อนตฺตมโน อจฺฉินฺทีติ. ยนฺติ วา จีวรํ ปรามสติ. ตตฺถ ‘‘มยา สทฺธึ ชนปทจาริกํ ปกฺกมิสฺสตีติ ยมฺปิ เต อหํ จีวรํ อทาสึ, ตํ จีวรํ คณฺหิสฺสามี’’ติ กุปิโต อนตฺตมโน อจฺฉินฺทีติ สมฺพนฺธิตพฺพํ.
อาณตฺโต ¶ พหูนิ คณฺหาติ, เอกํ ปาจิตฺติยนฺติ ‘‘จีวรํ คณฺหา’’ติ อาณตฺติยา เอกจีวรวิสยตฺตา เอกเมว ปาจิตฺติยํ. วาจาย วาจาย ทุกฺกฏนฺติ เอตฺถ อจฺฉินฺเนสุ วตฺถุคณนาย ปาจิตฺติยานิ. เอกวาจาย สมฺพหุลา อาปตฺติโยติ อิทํ อจฺฉินฺเนสุ วตฺถุคณนาย อาปชฺชิตพฺพํ ปาจิตฺติยาปตฺตึ สนฺธาย วุตฺตํ, อาณตฺติยา อาปชฺชิตพฺพํ ปน ทุกฺกฏํ เอกเมว.
เอวนฺติ อิมินา ‘‘วตฺถุคณนาย ทุกฺกฏานี’’ติ อิทํ ปรามสติ. เอเสว นโยติ สิถิลํ คาฬฺหฺจ ปกฺขิตฺตาสุ อาปตฺติยา พหุตฺตํ เอกตฺตฺจ อติทิสติ.
อาวุโส มยนฺติอาทีสุ คณฺหิตุกามตาย เอวํ วุตฺเตปิ เตเนว ทินฺนตฺตา อนาปตฺติ. อมฺหากํ ¶ สนฺติเก อุปชฺฌํ คณฺหิสฺสตีติ อิทํ สามเณรสฺสปิ ทานํ ทีเปติ, ตสฺมา กิฺจาปิ ปาฬิยํ ‘‘ภิกฺขุสฺส สามํ จีวรํ ทตฺวา’’ติ วุตฺตํ, ตถาปิ อนุปสมฺปนฺนกาเล ทตฺวาปิ อุปสมฺปนฺนกาเล อจฺฉินฺทนฺตสฺส ปาจิตฺติยเมวาติ เวทิตพฺพํ. อจฺฉินฺทนสมเย อุปสมฺปนฺนภาโวเยว เหตฺถ ปมาณํ. เทตีติ ตุฏฺโ วา กุปิโต วา เทติ. รุทฺธถาติ นิวาเรถ. เอวํ ปน ทาตุํ น วฏฺฏตีติ เอตฺถ เอวํ ทินฺนํ น ตาว ‘‘ตสฺส สนฺตก’’นฺติ อนธิฏฺหิตฺวาว ปริภฺุชิตพฺพนฺติ เวทิตพฺพํ. อาหราเปตุํ ปน วฏฺฏตีติ เอวํ ทินฺนํ ภติสทิสตฺตา อาหราเปตุํ วฏฺฏติ. จชิตฺวา ทินฺนนฺติ วุตฺตนเยน อทตฺวา อนเปกฺเขน หุตฺวา ตสฺเสว ทินฺนํ. ภณฺฑคฺเฆน กาเรตพฺโพติ สกสฺาย วินา คณฺหนฺโต ภณฺฑํ อคฺฆาเปตฺวา อาปตฺติยา กาเรตพฺโพ. วิกปฺปนุปคปจฺฉิมจีวรตา, สามํ ทินฺนตา, สกสฺิตา, อุปสมฺปนฺนตา, โกธวเสน อจฺฉินฺทนํ วา อจฺฉินฺทาปนํ วาติ อิมาเนตฺถ ปฺจ องฺคานิ. อยํ สารตฺถทีปนีปาโ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๖๓๕).
วิมติวิโนทนิยํ ¶ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๖๓๑) ปน ‘‘ยมฺปิ…เป… อจฺฉินฺทีติ เอตฺถ ยํ เต อหํ จีวรํ อทาสึ, ตํ ‘มยา สทฺธึ ปกฺกมิสฺสตี’ติ สฺาย อทาสึ, น อฺถาติ กุปิโต อจฺฉินฺทีติ เอวํ อชฺฌาหริตฺวา โยเชตพฺพํ. เอกํ ทุกฺกฏนฺติ ยทิ อาณตฺโต อวสฺสํ อจฺฉินฺทติ, อาณตฺติกฺขเณ เอว ปาจิตฺติยํ. ยทิ น อจฺฉินฺทติ, ตทา เอว ทุกฺกฏนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอกวาจาย สมฺพหุลาปตฺติโยติ ยทิ อาณตฺโต อนนฺตราเยน อจฺฉินฺทติ, อาณตฺติกฺขเณเยว วตฺถุคณนาย ปาจิตฺติยาปตฺติโย ปโยคกรณกฺขเณเยว อาปตฺติยา อาปชฺชิตพฺพโต, จีวรํ ปน อจฺฉินฺเนเยว นิสฺสคฺคิยํ โหติ. ยทิ โส น อจฺฉินฺทติ, อาณตฺติกฺขเณ เอกเมว ทุกฺกฏนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอวมฺตฺถปิ อีทิเสสุ นโย าตพฺโพ. อุปชฺฌํ คณฺหิสฺสตีติ สามเณรสฺส ทานํ ทีเปติ, เตน จ สามเณรกาเล ทตฺวา อุปสมฺปนฺนกาเล อจฺฉินฺทโตปิ ปาจิตฺติยํ ทีเปติ. ‘‘ภิกฺขุสฺส สามํ จีวรํ ทตฺวา’’ติ อิทํ อุกฺกฏฺวเสน วุตฺตํ. อาหราเปตุํ ปน วฏฺฏตีติ กมฺเม อกเต ภติสทิสตฺตา วุตฺตํ. วิกปฺปนุปคปจฺฉิมจีวรตา, สามํ ทินฺนตา, สกสฺิตา, อุปสมฺปนฺนตา, โกธวเสน อจฺฉินฺทนํ วา อจฺฉินฺทาปนํ วาติ อิมาเนตฺถ ปฺจ องฺคานี’’ติ วุตฺตํ.
ปฏิภานจิตฺตกถา
๖. ปฏิภานจิตฺตกถายํ ¶ อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว สุวิฺเยฺยนฺติ สารตฺถทีปนิยํ น กิฺจิ วุตฺตํ, วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๒๙๙) ปน ‘‘กโรหีติ วตฺตุํ น วฏฺฏตีติ อาณตฺติยา เอว ปฏิกฺขิตฺตตฺตา ทฺวารปาลํ ‘กึ น กโรสี’ติอาทินา ปริยาเยน วตฺตุํ วฏฺฏติ. ชาตกปกรณนฺติ ชาตกปฏิสํยุตฺตํ อิตฺถิปุริสาทิ ยํ กิฺจิ รูปํ อธิปฺเปตํ. ‘ปเรหิ การาเปตุ’นฺติ วุตฺตตฺตา พุทฺธรูปมฺปิ สยํ กาตุํ น ลภตี’’ติ วุตฺตํ.
วิปฺปกตโภชนกถา
๗. วิปฺปกตโภชนกถายมฺปิ ¶ สารตฺถทีปนี วิมติวิโนทนี วชิรพุทฺธิฏีกาสุ น กิฺจิ วุตฺตํ. ปมํ กตํ ปกตํ, วิ อนิฏฺิตํ ปกตํ วิปฺปกตํ, วิปฺปกตํ โภชนํ เยน โส วิปฺปกตโภชโน, ปมํ ภฺุชิตฺวา อนิฏฺิตโภชนกิจฺโจ ภิกฺขุ. วุตฺเตน ภิกฺขุนา ปวิสิตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ. ริตฺตหตฺถมฺปิ อุฏฺาเปตุํ น วฏฺฏตีติ เอตฺถ การณมาห ‘‘วิปฺปกตโภชโนเยว หิ โส โหตี’’ติ, ยาคุขชฺชกาทีสุปิ ปีเตสุ ขาทิเตสุปิ ภตฺตสฺส อภุตฺตตฺตา อนิฏฺิตโภชนกิจฺโจ โหติ. ปวาริโต โหติ, เตน วตฺตพฺโพติ ปวาริเตน อาสนา วุฏฺิเตน ภฺุชิตุํ อลภมานตฺตา อตฺตโน สนฺติเก อุทเก อสนฺเต วตฺตพฺโพติ อตฺโถ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
อุทฺทิสนฺตอุทฺทิสาปนกถา
๘. อุทฺทิสนฺตอุทฺทิสาปนกถายํ อุทฺทิสนฺเตนาติ อุทฺเทสํ เทนฺเตน, ปาฬึ วาเจนฺเตนาติ อตฺโถ. อุทฺทิสาเปนฺเตนาติ อุทฺเทสํ คณฺหนฺเตน, ปาฬึ วาจาเปนฺเตนาติ อตฺโถ. อุจฺจตเรปีติ ปิ-สทฺเทน สมานาสนํ สมฺปิณฺเฑติ. นีจตเรปีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย.
ติวสฺสนฺตริกกถา
๙. ติวสฺสนฺตริกกถายํ ตีณิ วสฺสานิ ติวสฺสํ, ตีณิ วา วสฺสานิ ติวสฺสานิ, ติวสฺสานํ ¶ อนฺตรํ ติวสฺสนฺตรํ, ติวสฺสนฺตเร ิโตติ ติวสฺสนฺตโร, เตน ติวสฺสนฺตเรน, อนฺตร-สทฺโท มชฺฌตฺถวาจโก, ณ-ปจฺจโย ิตตฺเถ. เตนาห วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๓๒๐) ‘‘ติวสฺสนฺตเรนาติ ติณฺณํ วสฺสานํ ¶ อนฺโต ิเตนา’’ติ. อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๐) ปน สรูปเมว ทสฺเสนฺโต ‘‘ติวสฺสนฺตโร นามา’’ติอาทิมาห. อิเม สพฺเพติ สพฺเพ ติวิธา อิเม สมานาสนิกา. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
ทีฆาสนกถา
๑๐. ทีฆาสนกถายํ สํหาริมํ วาติ สํหริตุํ ยุตฺตํ กฏสารกาทิ. อสํหาริมํ วาติ สํหริตุํ อสกฺกุเณยฺยํ ปาสาณาทิ อาสนํ. เตนาห สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๓๒๐) ‘‘ทีฆาสนํ นาม มฺจปีวินิมุตฺตํ ยํ กิฺจิ ติณฺณนฺนํ เอกโต สุขํ นิสีทิตุํ ปโหตี’’ติ. กสฺมา ปน ‘‘ติณฺณนฺนํ ปโหตี’’ติ วุตฺตํ, นนุ ทฺวินฺนํ ปโหนกาสนมฺปิ ทีฆเมวาติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘อนุชานามิ…เป… เอตฺตกํ ปจฺฉิมํ ทีฆาสนนฺติ หิ วุตฺต’’นฺติ. ทฺวินฺนํ ปโหนเก หิ อทีฆาสเน สมานาสนิเกเหว สห นิสีทิตุํ วฏฺฏติ, ติณฺณนฺนํ ปโหนกโต ปฏฺาย คหิเต ทีฆาสเน ปน อสมานาสนิเกหิปิ สห นิสีทิตุํ วฏฺฏติ. ยทิ เอวํ ปณฺฑกาทีหิปิ สห นิสีทิตุํ วฏฺเฏยฺยาติ โจทนํ มนสิ กตฺวา อาห ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เปตฺวา ปณฺฑก’’นฺติอาทิ. ตตฺถ อตฺโถ สุวิฺเยฺโยว.
คิลานุปฏฺานกถา
๑๑. คิลานุปฏฺานกถายํ ปลิปนฺโนติ นิมุคฺโค, มกฺขิโตติ อตฺโถ. อุจฺจาเรตฺวาติ อุกฺขิปิตฺวา. สมานาจริยโกติ เอตฺถ ‘‘สเจปิ เอกสฺส อาจริยสฺส เอโก อนฺเตวาสิโก โหติ, เอโก สทฺธิวิหาริโก, เอเตปิ อฺมฺํ สมานาจริยกา เอวา’’ติ วทนฺติ. เภสชฺชํ โยเชตุํ อสมตฺโถ โหตีติ เวชฺเชน ‘‘อิทฺจิทฺจ เภสชฺชํ ¶ คเหตฺวา อิมินา โยเชตฺวา ทาตพฺพ’’นฺติ วุตฺเต ตถา กาตุํ อสมตฺโถติ อตฺโถ. นีหาตุนฺติ นีหริตุํ, ฉฑฺเฑตุนฺติ อตฺโถ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๓๖๕-๓๖๖) ปน ‘‘ภูมิยํ ปริภณฺฑํ อกาสีติ คิลาเนน นิปนฺนภูมิยํ กิลิฏฺฏฺานํ โธวิตฺวา หริตูปลิตฺตํ กาเรสีติ อตฺโถ. เภสชฺชํ โยเชตุํ อสมตฺโถติ ปเรหิ วุตฺตวิธิมฺปิ กาตุํ อสมตฺโถ’’ติ วุตฺตํ.
มรณวณฺณกถา
๑๒. มรณวณฺณกถายํ ¶ มรณตฺถิกาว หุตฺวาติ อิมสฺส กายสฺส เภเทน สคฺคปาปนาธิปฺปายตฺตา อตฺถโต มรณตฺถิกาว หุตฺวา. มรณตฺถิกภาวํ อชานนฺตาติ ‘‘เอวํ อธิปฺปายิโน มรณตฺถิกา นาม โหนฺตี’’ติ อตฺตโน มรณตฺถิกภาวํ อชานนฺตา. น หิ เต อตฺตโน จิตฺตปฺปวตฺตึ น ชานนฺติ. โวหารวเสนาติ ปุพฺพภาคโวหารวเสน, มรณาธิปฺปายสฺส สนฺนิฏฺาปกเจตนากฺขเณ กรุณาย อภาวโต การฺุเน ปาเส พทฺธสูกรโมจนํ วิย น โหตีติ อธิปฺปาโย. ‘‘ยถายุนา’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ ยถานุสนฺธินาติ ปริยายนฺตเรน วุตฺตํ, ยถานุสนฺธินา ยถายุปริจฺเฉเทนาติ วุตฺตํ โหติ. อถ วา ยถานุสนฺธินาติ ยถานุปฺปพนฺเธน, ยาว ตสฺมึ ภเว สนฺตานสฺส อนุปฺปพนฺโธ อวิจฺฉินฺนปวตฺติ โหติ, ตาว ตฺวาติ วุตฺตํ โหติ.
วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๑๘๐) ‘‘โวหารวเสนาติ ปุพฺพภาคโวหารวเสน มรณาธิปฺปายสฺส สนฺนิฏฺาปกเจตนากฺขเณ กรุณาย อภาวโต, การฺุเน ปาเส พทฺธสูกรโมจนํ วิย น โหตีติ อธิปฺปาโย. ‘ยถายุนา’ติ วุตฺตเมวตฺถํ ยถานุสนฺธินาติ ปริยายนฺตเรน วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๑๘๐) ปน ‘‘มรณตฺถิกาว หุตฺวาติ ¶ อิมสฺส กายสฺส เภเทน สคฺคปาปนาธิปฺปายตฺตา อตฺถโต มรณตฺถิกาว หุตฺวา. ‘‘เอวํอธิปฺปายิโน มรณตฺถิกา นาม โหนฺตี’’ติ อตฺตโน มรณตฺถิกภาวํ อชานนฺตา อาปนฺนา ปาราชิกํ. น หิ เต อตฺตโน จิตฺตปฺปวตฺตึ น ชานนฺตีติ วุจฺจนฺติ. โวหารวเสนาติ ปุพฺพภาเค โวหารวเสน, สนฺนิฏฺาเน ปเนตํ นตฺถิ, ปาเส พทฺธสูกรโมจเน วิย น โหติ. ยถานุสนฺธินาติ อนฺตรา อมริตฺวาติ อตฺโถ’’ติ วุตฺตํ.
อตฺตปาตนกถา
๑๓. อตฺตปาตนกถายํ วิภตฺติพฺยตฺตเยนาติ วิภตฺติวิปริณาเมน. วิเสสาธิคโมติ สมาธิ วิปสฺสนา จ. อติวิย ปากฏตฺตา ‘‘หตฺถปฺปตฺโต วิย ทิสฺสตี’’ติ วุตฺตํ. อุปจฺฉินฺทตีติ วิเสสาธิคมสฺส วิกฺเขโป มา โหตูติ อาหารํ อุปจฺฉินฺทติ. วิเสสาธิคมนฺติ โลกุตฺตรธมฺมปฏิลาภํ. พฺยากริตฺวาติ อาโรเจตฺวา. อุปจฺฉินฺทติ, น วฏฺฏตีติ ยสฺมา สภาคานํ ลชฺชีภิกฺขูนํเยว อริยา อตฺตนา อธิคตวิเสสํ ตาทิเส การเณ สติ อาโรเจนฺติ, เต จ ภิกฺขู ¶ อปฺปติรูปาย อเนสนาย ปจฺจยํ น ปริเยสนฺติ, ตสฺมา เตหิ ปริเยสิตปจฺจเย กุกฺกุจฺจํ อุปฺปาเทตฺวา อาหารํ อุปจฺฉินฺทิตุํ น วฏฺฏตีติ อตฺโถ. สภาคานฺหิ พฺยากตตฺตา อุปจฺฉินฺทิตุํ น ลภติ. เต หิ กปฺปิยเขตฺตํ อาโรเจนฺติ. เตเนว ‘‘สภาคานฺหิ ลชฺชีภิกฺขูนํ กเถตุํ วฏฺฏตีติ อิทํ ‘อุปจฺฉินฺทติ, น วฏฺฏตี’ติ อิมสฺส การณํ ทสฺเสนฺเตน วุตฺต’’นฺติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. อถ วา วิเสสาธิคมํ พฺยากริตฺวาติ อิทํ วิเสสสฺส อธิคตภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, อธิคมนฺตรายํ อาสงฺกนฺเตเนว จ อาหารุปจฺเฉโท กาตพฺโพติ อนฺุาตตฺตา อธิคเตน น กาตพฺโพติ ทสฺเสตุํ ‘‘วิเสสาธิคมํ พฺยากริตฺวา อาหารํ อุปจฺฉินฺทติ, น วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. กึ ปน อริยา อตฺตนา อธิคตวิเสสํ อฺเสํ ¶ อาโรเจนฺตีติ อิมิสฺสา โจทนาย ‘‘สภาคานฺหิ ลชฺชีภิกฺขูนํ กเถตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ, อยเมตฺถ ยุตฺตตโรติ อมฺหากํ ขนฺติ, คณฺิปเทปิ อยมตฺโถ ทสฺสิโตเยวาติ.
วิมติวิโนทนิยมฺปิ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๑๘๒-๑๘๓) ‘‘วิภตฺติพฺยตฺตเยนาติ วิภตฺติวิปริณาเมน. วิเสสาธิคโมติ สมาธิ วิปสฺสนา จ. วิเสสาธิคมนฺติ โลกุตฺตรธมฺมปฏิลาภํ. พฺยากริตฺวาติ อาโรเจตฺวา, อิทฺจ วิเสสสฺส อธิคตภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. อธิคตวิเสสา หิ ทิฏฺานุคติอาปชฺชนตฺถํ ลชฺชีภิกฺขูนํ อวสฺสํ อธิคมํ พฺยากโรนฺติ, อธิคตวิเสเสน ปน อพฺยากริตฺวาปิ อาหารํ อุปจฺฉินฺทิตุํ น วฏฺฏติ, อธิคมนฺตรายวิโนทนตฺถเมว อาหารุปจฺเฉทสฺส อนฺุาตตฺตา ตทธิคเม โส น กาตพฺโพว. กึ ปนาธิคมํ อาโรเจตุํ วฏฺฏตีติ อาห สภาคานฺหีติอาที’’ติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๑๘๑-๑๘๓) ‘‘หตฺถปฺปตฺโต วิย ทิสฺสติ, ‘ตสฺส วิกฺเขโป มา โหตู’ติ อุปจฺฉินฺทติ, วิเสสาธิคมํ พฺยากริตฺวา ตปฺปภวํ สกฺการํ ลชฺชายนฺโต อาหารํ อุปจฺฉินฺทติ สภาคานํ พฺยากตตฺตา. เต หิ กปฺปิยเขตฺตํ อาโรเจนฺตี’’ติ วุตฺตํ.
อปฺปจฺจเวกฺขิตฺวานิสินฺนกถา
๑๔. อปฺปจฺจเวกฺขิตฺวา นิสินฺนกถายํ อปฺปฏิเวกฺขิตฺวาติ อนุปปริกฺขิตฺวา. อุทฺธํ วา อโธ วา สงฺกมนฺตีติ ปจฺฉา อาคตานํ โอกาสทานตฺถํ นิสินฺนปาฬิยา อุทฺธํ วา อโธ วา คจฺฉนฺติ. ปฏิเวกฺขณกิจฺจํ นตฺถีติ ปจฺฉา อาคเตหิ อุปปริกฺขณกิจฺจํ นตฺถิ. เหฏฺา กิสฺมิฺจิ วิชฺชมาเน สาฏกํ วลึ คณฺหาตีติ อาห ‘‘ยสฺมึ วลิ น ปฺายตี’’ติ. ปฏิเวกฺขณฺเจตํ ¶ คิหีนํ สนฺตเกเยวาติ ทฏฺพฺพํ. วิมติวิโนทนิยมฺปิ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๑๘๐) ‘‘เหฏฺา กิสฺมิฺจิ วิชฺชมาเน สาฏกํ วลึ คณฺหาตีติ อาห ¶ ‘ยสฺมึ วลิ น ปฺายตี’ติ. ปฏิเวกฺขณฺเจตํ คิหีนํ สนฺตเก เอวาติ ทฏฺพฺพ’’นฺติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ, วชิรพุทฺธิฏีกายมฺปิ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๑๘๐) ‘‘อปฺปฏิเวกฺขิตฺวาติ อวิจาเรตฺวา. เหฏฺิมภาเค หิ กิสฺมิฺจิ วิชฺชมาเน วลิ ปฺายตี’’ติ เอตฺตกเมว.
ทวายสิลาวิชฺฌนกถา
๑๕. ทวายสิลาวิชฺฌนกถายํ ทวาสทฺโท หสาธิปฺปายวาจโก. ปฏิปุพฺพวิธ-ธาตุ ปวฏฺฏนตฺโถติ อาห ‘‘หสาธิปฺปาเยน ปาสาโณ น ปวฏฺเฏตพฺโพ’’ติ. สิลาสทฺทสฺส ปาสาณวาจกตฺตา โส เอว น ปฏิวิชฺฌิตพฺโพติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘น เกวลฺจา’’ติอาทิ. ยทิ เอวํ สพฺเพสมฺปิ อตฺถาย น วฏฺเฏยฺยาติ อาห ‘‘เจติยาทีนํ อตฺถายา’’ติอาทิ. โธวนทณฺฑกนฺติ ภณฺฑโธวนทณฺฑํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๑๘๒-๑๘๓) ปน ‘‘ภณฺฑกํ วา โธวนฺตาติ จีวรํ วา โธวนฺตา. โธวนทณฺฑกนฺติ จีวรโธวนทณฺฑ’’นฺติ วุตฺตํ.
ทายาลิมฺปนกถา
๑๖. ทายาลิมฺปนกถายํ อลฺล…เป… ปาจิตฺติยนฺติ สุกฺขฏฺาเนปิ อคฺคึ ปาเตตฺวา อิมินา อธิปฺปาเยน อาลิมฺเปนฺตสฺส ปาจิตฺติยเมว. ทุกฺกฏนฺติ สุกฺขฏฺาเน วา สุกฺขํ ‘‘อสุกฺข’’นฺติ อววตฺถเปตฺวา วา อคฺคึ ปาเตนฺตสฺส ทุกฺกฏํ. กีฬาธิปฺปาเยปิ เอเสว นโย, กีฬาธิปฺปาโย จ ปฏปฏายมานสทฺทสฺสาทวเสเนว เวทิตพฺโพ. ปฏิปกฺขภูโต อคฺคิ ปฏคฺคิ. ปริตฺตกรณนฺติ อารกฺขกรณํ. สยํ วา อุฏฺิตนฺติ วาเตริตานํ เวฬุอาทีนํ อฺมฺสงฺฆฏฺฏเนน สมุฏฺิตํ. นิรุปาทาโนติ อินฺธนรหิโต. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๑๙๐) ปน ‘‘ขิฑฺฑาธิปฺปาเยนปิ ทุกฺกฏนฺติ สุกฺขติณาทีสุ อคฺคิกรณํ สนฺธาย วุตฺตํ. อลฺเลสุ ปน ¶ กีฬาธิปฺปาเยนปิ กโรนฺตสฺส ปาจิตฺติยเมว. ปฏิปกฺขภูโต, ปฏิมุขํ คจฺฉนฺโต วา อคฺคิ ปฏคฺคิ, ตสฺส อลฺลติณาทีสุปิ ทานํ อนฺุาตํ. ตํ เทนฺเตน ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทาวคฺคึ ทิสฺวา วิหารสฺส สมนฺตโต เอกกฺขเณ อกตฺวา เอกเทสโต ปฏฺาย วิหารสฺส สมนฺตโต สณิกํ ฌาเปตฺวา ยถา มหนฺโตปิ อคฺคิ วิหารํ ปาปุณิตุํ น สกฺโกติ, เอวํ วิหารสฺส สมนฺตา ¶ อพฺโภกาสํ กตฺวา ปฏคฺคิ ทาตพฺโพ. โส ฑาวคฺคิโน ปฏิปถํ คนฺตฺวา เอกโต หุตฺวา เตน สห นิพฺพาติ. ปริตฺตกรณนฺติ สมนฺตา รุกฺขติณาทิจฺเฉทนปริขาขณนาทิอารกฺขกรณํ. เตนาห ‘ติณกุฏิกานํ สมนฺตา ภูมิตจฺฉน’นฺติอาที’’ติ, วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๑๙๐) ปน ‘‘ปริตฺตนฺติ รกฺขณํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘สมนฺตา ภูมิตจฺฉน’นฺติอาทิ วุตฺต’’นฺติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ.
มิจฺฉาทิฏฺิกุลาภตกถา
๑๗. มิจฺฉาทิฏฺิกุลาภตกถายํ นตฺถิ สทฺธา เอเตสูติ อสฺสทฺธา, มจฺฉริโน, เตสุ อสฺสทฺเธสุ. มิจฺฉาทิฏฺิยา ยุตฺตานิ กุลานิ มิจฺฉาทิฏฺิกุลานิ, มชฺเฌโลปตติยาตปฺปุริสสมาโส, ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตาย ทสวตฺถุกาย มิจฺฉาทิฏฺิยา ยุตฺตกุลานิ, เตสุ. มิจฺฉาทิฏฺิกุเลสุ ลภิตฺวาติ สมฺพนฺโธ. อสกฺกจฺจการีนํ เตสํ สกฺกจฺจกรเณน, อปฺปณีตทายีนํ เตสํ ปณีตทาเนน ภวิตพฺพเมตฺถ การเณนาติ การณํ อุปปริกฺขิตฺวาว ภฺุชิตุํ ยุตฺตนฺติ อาห ‘‘อนุปปริกฺขิตฺวา เนว อตฺตนา ภฺุชิตพฺพํ, น ปเรสํ ทาตพฺพ’’นฺติ. เยน การเณน ภวิตพฺพํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘วิสมิสฺสมฺปิ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. น เกวลํ ปิณฺฑปาตเมวาติ อาห ‘‘ยมฺปี’’ติอาทิ. ตตฺถ การณมาห ‘‘อปิหิตวตฺถุสฺมิมฺปิ หี’’ติอาทิ. ตโต อฺมฺปิ ทสฺเสติ คนฺธหลิทฺทาทิมกฺขิโตติอาทินา ¶ . ตตฺถปิ การณํ ทสฺเสตุมาห ‘‘สรีเร โรคฏฺานานี’’ติอาทิ.
โคปกทานกถา
๑๘. โคปกทานกถายํ ปเรสํ สนฺตกํ โคเปติ รกฺขตีติ โคปโก, ตสฺส ทานํ โคปกทานํ, อุยฺยานปาลกาทีหิ ภิกฺขูนํ ทาตพฺพทานํ. ตตฺถ ปณฺณํ อาโรเปตฺวาติ ‘‘เอตฺตเกเหว รุกฺเขหิ เอตฺตกเมว คเหตพฺพ’’นฺติ ปณฺณํ อาโรเปตฺวา, ลิขิตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. นิมิตฺตสฺํ กตฺวาติ สงฺเกตํ กตฺวา. ทารกาติ เตสํ ปุตฺตนตฺตาทโย ทารกา. อฺเปิ เย เกจิ โคปกา โหนฺติ, เต สพฺเพปิ วุตฺตา. สพฺพตฺถปิ คิหีนํ โคปกทาเน ยตฺตกํ โคปกา เทนฺติ, ตตฺตกํ คเหตพฺพํ. สงฺฆิเก ปน ยถาปริจฺเฉทเมว คเหตพฺพนฺติ ทีปิตตฺตา ‘‘อตฺถโต เอก’’นฺติ วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยมฺปิ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๑๕๖) ‘‘ปณฺณํ อาโรเปตฺวาติ ‘เอตฺตเก รุกฺเข รกฺขิตฺวา ¶ ตโต เอตฺตกํ คเหตพฺพ’นฺติ ปณฺณํ อาโรเปตฺวา. นิมิตฺตสฺํ กตฺวาติ สงฺเกตํ กตฺวา. ทารกาติ เตสํ ปุตฺตนตฺตาทโย เย เกจิ โคเปนฺติ, เต สพฺเพปิ อิธ ‘ทารกา’ติ วุตฺตา’’ติ, วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๑๕๖) ปน ‘‘อารามรกฺขกาติ วิสฺสตฺถวเสน คเหตพฺพํ. อธิปฺปายํ ตฺวาติ เอตฺถ ยสฺส ทานํ ปฏิคฺคณฺหนฺตํ ภิกฺขุํ, ภาคํ วา สามิกา น รกฺขนฺติ น ทณฺเฑนฺติ, ตสฺส ทานํ อปฺปฏิจฺฉาเทตฺวา คเหตุํ วฏฺฏตีติ อิธ สนฺนิฏฺานํ, ตมฺปิ ‘น วฏฺฏติ สงฺฆิเก’ติ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ.
ยตฺถาติ ยสฺมึ อาวาเส. อฺเสํ อภาวนฺติ อฺเสํ อาคนฺตุกภิกฺขูนํ อภาวํ. ตตฺถาติ ตาทิเส อาวาเส. ภาเชตฺวา ขาทนฺตีติ อาคนฺตุกานมฺปิ สมฺปตฺตานํ ภาเชตฺวา ขาทนฺตีติ อธิปฺปาโย. จตูสุ ปจฺจเยสุ สมฺมา อุปเนนฺตีติ ¶ อมฺพผลาทีนิ วิกฺกิณิตฺวา จีวราทีสุ จตูสุ ปจฺจเยสุ สมฺมา อุปเนนฺติ. จีวรตฺถาย นิยเมตฺวา ทินฺนาติ ‘‘อิเมสํ รุกฺขานํ ผลานิ วิกฺกิณิตฺวา จีวเรสุเยว อุปเนตพฺพานิ, น ภาเชตฺวา ขาทิตพฺพานี’’ติ เอวํ นิยเมตฺวา ทินฺนา. เตสุปิ อาคนฺตุกา อนิสฺสราติ ปจฺจยปริโภคตฺถาย นิยเมตฺวา ทินฺนตฺตา ภาเชตฺวา ขาทิตุํ อนิสฺสรา. น เตสุ…เป… าตพฺพนฺติ เอตฺถ อาคนฺตุเกหิ เหฏฺา วุตฺตนเยน ภาเชตฺวา ขาทิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. เตสํ กติกาย าตพฺพนฺติ ‘‘ภาเชตฺวา น ขาทิตพฺพ’’นฺติ วา ‘‘เอตฺตเกสุ รุกฺเขสุ ผลานิ คณฺหิสฺสามา’’ติ วา ‘‘เอตฺตกานิ ผลานิ คณฺหิสฺสามา’’ติ วา ‘‘เอตฺตกานํ ทิวสานํ อพฺภนฺตเร คณฺหิสฺสามา’’ติ วา ‘‘น กิฺจิ คณฺหิสฺสามา’’ติ วา เอวํ กตาย อาวาสิกานํ กติกาย อาคนฺตุเกหิ าตพฺพํ. มหาอฏฺกถายํ ‘‘อนิสฺสรา’’ติ วจเนน ทีปิโตเยว อตฺโถ มหาปจฺจริยํ ‘‘จตุนฺนํ ปจฺจยาน’’นฺติอาทินา วิตฺถาเรตฺวา ทสฺสิโต. ปริโภควเสเนวาติ เอตฺถ เอว-สทฺโท อฏฺานปฺปยุตฺโต, ปริโภควเสน ตเมว ภาเชตฺวาติ โยเชตพฺพํ. เอตฺถ เอตสฺมึ วิหาเร, รฏฺเวา.
เสนาสนปจฺจยนฺติ เสนาสนฺจ ตทตฺถาย นิยเมตฺวา ปิตฺจ. ลามกโกฏิยาติ ลามกํ อาทึ กตฺวา, ลามกเสนาสนโต ปฏฺายาติ วุตฺตํ โหติ. เสนาสเนปิ ติณาทีนิ ลามกโกฏิยาว วิสฺสชฺเชตพฺพานิ, เสนาสนปริกฺขาราปิ ลามกโกฏิยาว วิสฺสชฺเชตพฺพา. มูลวตฺถุจฺเฉทํ ปน กตฺวา น อุปเนตพฺพนฺติ อิมินา กึ วุตฺตํ โหติ? ตีสุปิ คณฺิปเทสุ ตาว อิทํ วุตฺตํ ‘‘สพฺพานิ เสนาสนานิ น วิสฺสชฺเชตพฺพานีติ วุตฺตํ โหตี’’ติ. ลามกโกฏิยา วิสฺสชฺชนฺเตหิปิ ¶ เสนาสนภูมิโย น วิสฺสชฺเชตพฺพาติ อยมตฺโถ วุตฺโต โหตีติ โน ขนฺติ. วีมํสิตฺวา ยํ รุจฺจติ, ตํ คเหตพฺพํ.
ธมฺมสนฺตเกน ¶ พุทฺธปูชํ กาตุํ, พุทฺธสนฺตเกน วา ธมฺมปูชํ กาตุํ วฏฺฏติ น วฏฺฏตีติ? ‘‘ตถาคตสฺส โข เอตํ, วาเสฏฺ, อธิวจนํ ธมฺมกาโย อิติปี’’ติ จ ‘‘โย โข, วกฺกลิ, ธมฺมํ ปสฺสติ, โส มํ ปสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๘๗) จ วจนโต วฏฺฏตีติ วทนฺติ. เกจิ ปน ‘‘เอวํ สนฺเต ‘โย, ภิกฺขเว, มํ อุปฏฺเหยฺย, โส คิลานํ อุปฏฺเหยฺยา’ติ (มหาว. ๓๖๕) วจนโต พุทฺธสนฺตเกน คิลานสฺสปิ เภสชฺชํ กาตุํ ยุตฺตนฺติ อาปชฺเชยฺย, ตสฺมา น วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, ตํ อการณํ. น หิ ‘‘โย, ภิกฺขเว, มํ อุปฏฺเหยฺย, โส คิลานํ อุปฏฺเหยฺยา’’ติ (มหาว. ๓๖๕) อิมินา อตฺตโน จ คิลานสฺส จ เอกสทิสตา, ตทุปฏฺานสฺส วา สมผลตา วุตฺตา. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – ‘‘โย มํ โอวาทานุสาสนีกรเณน อุปฏฺเหยฺย, โส คิลานํ อุปฏฺเหยฺย, มม โอวาทการเกน คิลาโน อุปฏฺาตพฺโพ’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๖๕). ภควโต จ คิลานสฺส จ อุปฏฺานํ เอกสทิสนฺติ เอวํ ปเนตฺถ อตฺโถ น คเหตพฺโพ, ตสฺมา ‘‘โย โว, อานนฺท, มยา ธมฺโม จ วินโย จ เทสิโต ปฺตฺโต, โส โว มมจฺจเยน สตฺถา’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๖) วจนโต ‘‘อหฺจ โข ปนิทานิ เอกโกว โอวทามิ อนุสาสามิ, มยิ ปรินิพฺพุเต อิมานิ จตุราสีติ พุทฺธสหสฺสานิ ตุมฺเห โอวทิสฺสนฺติ อนุสาสิสฺสนฺตี’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๒๑๖) วุตฺตตฺตา จ พหุสฺสุตํ ภิกฺขุํ ปสํสนฺเตน จ ‘‘โย พหุสฺสุโต, น โส ตุมฺหากํ สาวโก นาม, พุทฺโธ นาม เอส จุนฺทา’’ติ วุตฺตตฺตา ธมฺมครุกตฺตา จ ตถาคตสฺส ปุพฺพนโย เอว ปสตฺถตโรติ อมฺหากํ ขนฺติ. วิมติวิโนทนิยมฺปิ ‘‘ยตฺถาติ ยสฺมึ อาวาเส. อฺเสนฺติ อฺเสํ อาคนฺตุกานํ. เตสุปิ อาคนฺตุกา อนิสฺสราติ เสนาสเน นิรนฺตรํ วสนฺตานํ จีวรตฺถาย ทายเกหิ, ภิกฺขูหิ วา นิยเมตฺวา ทินฺนตฺตา ภาเชตฺวา ขาทิตุํ อนิสฺสรา. อาคนฺตุเกหิปิ อิจฺฉนฺเตหิ ตสฺมึ ¶ วิหาเร วสฺสานาทีสุ ปวิสิตฺวา จีวรตฺถาย คเหตพฺพํ. เตสํ กติกาย าตพฺพนฺติ สพฺพานิ ผลาผลานิ อภาเชตฺวา ‘เอตฺตเกสุ รุกฺเขสุ ผลานิ ภาเชตฺวา ปริภฺุชิสฺสาม, อฺเสุ ผลาผเลหิ เสนาสนานิ ปฏิชคฺคิสฺสามา’ติ วา ‘ปิณฺฑปาตาทิปจฺจยํ สมฺปาเทสฺสามา’ติ วา ‘กิฺจิปิ อภาเชตฺวา จตุปจฺจยตฺถาเยว อุปเนมา’ติ วา เอวํ สมฺมา อุปเนนฺตานํ อาวาสิกานํ กติกาย อาคนฺตุเกหิ าตพฺพํ. มหาอฏฺกถายํ ‘อนิสฺสรา’ติ วจเนน ทีปิโต เอว อตฺโถ, มหาปจฺจริยํ ‘จตุนฺนํ ปจฺจยาน’นฺติอาทินา วิตฺถาเรตฺวา ทสฺสิโต. ปริโภควเสเนวาติ เอตฺถ เอว-สทฺโท ¶ อฏฺานปฺปยุตฺโต, ปริโภควเสน ตเมว ภาเชตฺวาติ โยเชตพฺพํ. เอตฺถาติ เอตสฺมึ วิหาเร, รฏฺเ วา. เสนาสนปจฺจยนฺติ เสนาสนฺจ ตทตฺถาย นิยเมตฺวา ปิตฺจ. ‘เอกํ วา ทฺเว วา วรเสนาสนานิ เปตฺวา’ติ วุตฺตเมวตฺถํ ปุน พฺยติเรกมุเขน ทสฺเสตุํ ‘มูลวตฺถุจฺเฉทํ ปน กตฺวา น อุปเนตพฺพ’นฺติ วุตฺตํ, เสนาสนสงฺขาตวตฺถุโน มูลจฺเฉทํ กตฺวา สพฺพานิ เสนาสนานิ น วิสฺสชฺเชตพฺพานีติ อตฺโถ. เกจิ ปเนตฺถ ‘เอกํ วา ทฺเว วา วรเสนาสนานิ เปตฺวา ลามกโต ปฏฺาย วิสฺสชฺชนฺเตหิปิ เสนาสนภูมิโย น วิสฺสชฺเชตพฺพาติ อยมตฺโถ วุตฺโต’ติ วทนฺติ, ตมฺปิ ยุตฺตเมว อิมสฺสปิ อตฺถสฺส อวสฺสํ วตฺตพฺพโต, อิตรถา เกจิ สห วตฺถุนาปิ วิสฺสชฺเชตพฺพํ มฺเยฺยุ’’นฺติ.
วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๑๕๓) ‘‘เอตฺถ เอตสฺมึ วิหาเร ปรจกฺกาทิภยํ อาคตํ. มูลวตฺถุจฺเฉทนฺติ ‘สพฺพเสนาสนานํ เอเต อิสฺสรา’ติ วจนโต อิตเร อนิสฺสราติ ทีปิตํ โหติ. อยเมว ภิกฺขุ อิสฺสโรติ ยตฺถ โส อิจฺฉติ, ตตฺถ อตฺตาตเหตุํ ¶ ลภตีติ กิร อตฺโถ, อปิ จ ‘ทหโร’ติ วทนฺติ. สวตฺถุกนฺติ สห ภูมิยาติ วุตฺตํ โหตี’’ติ.
ธมฺมิการกฺขยาจนกถา
๑๙. ธมฺมิการกฺขยาจนกถายํ ‘‘คีวาเยวาติ อาณตฺติยา อภาวโต. เตสํ อนตฺถกามตายาติ ‘โจโร’ติ วุตฺตํ มม วจนํ สุตฺวา เกจิ ทณฺฑิสฺสนฺติ, ชีวิตา โวโรเปสฺสนฺตีติ เอวํ สฺาย. เอเตน เกวลํ ภเยน วา ปริกฺขารคฺคหณตฺถํ วา สหสา ‘โจโร’ติ วุตฺเต ทณฺฑิเตปิ น โทโสติ ทสฺเสติ. ราชปุริสานฺหิ ‘โจโร อย’นฺติ อุทฺทิสฺสกถเน เอว คีวา. ภิกฺขูนํ, ปน อารามิกาทีนํ วา สมฺมุขา ‘อสุโก โจโร เอวมกาสี’ติ เกนจิ วุตฺตวจนํ นิสฺสาย อารามิกาทีสุ ราชปุริสานํ วตฺวา ทณฺฑาเปนฺเตสุปิ ภิกฺขุสฺส น คีวา ราชปุริสานํ อวุตฺตตฺตา, เยสฺจ วุตฺตํ, เตหิ สยํ โจรสฺส อทณฺฑิตตฺตาติ คเหตพฺพํ. ‘ตฺวํ เอตสฺส สนฺตกํ อจฺฉินฺทา’ติ อาณตฺโตปิ หิ สเจ อฺเน อจฺฉินฺทาเปติ, อาณาปกสฺส อนาปตฺติ วิสงฺเกตตฺตา. อตฺตโน วจนกรนฺติ อิทํ สามีจิวเสน วุตฺตํ. วจนํ อกโรนฺตานํ ราชปุริสานมฺปิ ‘อิมินา คหิตปริกฺขารํ อาหราเปหิ, มา จสฺส ทณฺฑํ กโรหี’ติ อุทฺทิสฺส วทนฺตสฺสปิ ทณฺเฑ คหิเตปิ น คีวา เอว ทณฺฑคฺคหณสฺส ปฏิกฺขิตฺตตฺตา ¶ ‘อสุกภณฺฑํ อวหรา’ติ อาณาเปตฺวา วิปฺปฏิสาเร อุปฺปนฺเน ปุน ปฏิกฺขิปเน (ปารา. ๑๒๑) วิย. ทาสาทีนํ สมฺปฏิจฺฉเน วิย ตทตฺถาย อฑฺฑกรเณ ภิกฺขูนมฺปิ ทุกฺกฏนฺติ อาห ‘กปฺปิยอฑฺโฑ นาม, น วฏฺฏตี’ติ. เกนจิ ปน ภิกฺขุนา เขตฺตาทิอตฺถาย โวหาริกานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา อฑฺเฑ กเตปิ ตํ เขตฺตาทิสมฺปฏิจฺฉเน วิย สพฺเพสํ อกปฺปิยํ น โหติ ปุพฺเพ เอว สงฺฆสนฺตกตฺตา. ภิกฺขุสฺเสว ปน ปโยควเสน ¶ อาปตฺติโย โหนฺติ. ทาสาทีนมฺปิ ปน อตฺถาย รกฺขํ ยาจิตุํ โวหาริเกน ปุฏฺเน สงฺฆสฺส อุปฺปนฺนํ กปฺปิยกฺกมํ วตฺตุํ อารามิกาทีหิ จ อฑฺฑํ การาเปตุํ วฏฺฏติ เอว. วิหารวตฺถาทิกปฺปิยอฑฺฑํ ปน ภิกฺขุนา สยมฺปิ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๖๗๙) อาคโต.
วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาจิตฺติย ๖๘๑) ‘‘คีวาติ เกวลํ คีวา เอว โหติ, น ปาราชิกํ. การาเปตฺวา ทาตพฺพาติ เอตฺถ สเจ อาวุธภณฺฑํ โหติ, ตสฺส ธารา น การาเปตพฺพา, อฺเน ปน อากาเรน สฺาเปตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ.
อุจฺจาราทิฉฑฺฑนกถา
๒๐. อุจฺจาราทิฉฑฺฑนกถายํ อฏฺเม อุจฺจาราทิฉฑฺฑเน ‘‘อุจฺจาราทิภาโว, อนปโลกนํ, วฬฺชนฏฺานํ, ติโรกุฏฺฏปาการตา, ฉฑฺฑนํ วา ฉฑฺฑาปนํ วาติ อิมานิ ปเนตฺถ ปฺจ องฺคานิ, นวเม หริตูปริ ฉฑฺฑเน สพฺเพสนฺติ ภิกฺขุสฺส ภิกฺขุนิยา จ. อิธ เขตฺตปาลกา อารามาทิโคปกา จ สามิกา เอวา’’ติ เอตฺตกเมว สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๘๓๐) วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๘๓๐) ปน ‘‘อฏฺเม วฬฺชิยมานติโรกุฏฺฏาทิตา, อนปโลเกตฺวา อุจฺจาราทีนํ ฉฑฺฑนาทีติ ทฺเว องฺคานิ. นวเม ‘มตฺถกจฺฉินฺนนาฬิเกรมฺปี’ติ วุตฺตตฺตา หริตูปริ ฉฑฺฑนเมว ปฏิกฺขิตฺตํ. เตนาห ‘อนิกฺขิตฺตพีเชสู’ติอาทิ. ยตฺถ จ ฉฑฺเฑตุํ วฏฺฏติ, ตตฺถ หริเต วจฺจาทึ กาตุมฺปิ วฏฺฏติ เอว. สพฺเพสนฺติ ภิกฺขุภิกฺขุนีน’’นฺติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาจิตฺติย ๘๓๒) ปน ‘‘สามิเก อปโลเกตฺวาว ฉฑฺเฑตีติ กตฺถจิ โปตฺถเก นตฺถิ, กตฺถจิ อตฺถิ, อตฺถิภาโวว เสยฺโย กิริยากิริยตฺตา สิกฺขาปทสฺส. อิธ เขตฺตปาลกา อารามาทิโคปกา จ สามิกา เอว. ‘สงฺฆสฺส เขตฺเต อาราเม จ ตตฺถ กจวรํ ¶ น ฉฑฺเฑตพฺพนฺติ กติกา เจ นตฺถิ, ภิกฺขุสฺส ¶ ฉฑฺเฑตุํ วฏฺฏติ สงฺฆปริยาปนฺนตฺตา, น ภิกฺขุนีนํ. ตาสมฺปิ ภิกฺขุนิสงฺฆสนฺตเก วุตฺตนเยน วฏฺฏติ, น ตตฺถ ภิกฺขุสฺส. เอวํ สนฺเตปิ สารุปฺปวเสเนว กาตพฺพนฺติ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ.
ภิกฺขุวิภงฺเค ปน เสขิยวณฺณนายํ (ปาจิ. อฏฺ. ๖๕๑) ‘‘อสฺจิจฺจาติ ปฏิจฺฉนฺนฏฺานํ คจฺฉนฺตสฺส สหสา อุจฺจาโร วา ปสฺสาโว วา นิกฺขมติ, อสฺจิจฺจกโต นาม, อนาปตฺติ. น หริเตติ เอตฺถ ยมฺปิ ชีวรุกฺขสฺส มูลํ ปถวิยํ ทิสฺสมานํ คจฺฉติ, สาขา วา ภูมิลคฺคา คจฺฉติ, สพฺพํ หริตสงฺขาตเมว, ขนฺเธ นิสีทิตฺวา อปฺปหริตฏฺาเน ปาเตตุํ วฏฺฏติ. อปฺปหริตฏฺานํ โอโลเกนฺตสฺเสว สหสา นิกฺขมติ, คิลานฏฺาเน ิโต โหติ, วฏฺฏติ. อปฺปหริเต กโตติ อปฺปหริตํ อลภนฺเตน ติณณฺฑุปกํ วา ปลาลณฺฑุปกํ วา เปตฺวา กโตปิ ปจฺฉา หริตํ โอตฺถรติ, วฏฺฏติเยว. ‘เขเฬน เจตฺถ สิงฺฆาณิกาปิ สงฺคหิตา’ติ มหาปจฺจริยํ วุตฺตํ. น อุทเกติ เอตํ ปริโภคอุทกเมว สนฺธาย วุตฺตํ. วจฺจกุฏิสมอุทฺทาทิอุทเกสุ ปน อปริโภเคสุ อนาปตฺติ. เทเว วสฺสนฺเต สมนฺตโต อุทโกโฆ โหติ, อนุทกฏฺานํ โอโลเกนฺตสฺเสว นิกฺขมติ, วฏฺฏติ. มหาปจฺจริยํ วุตฺตํ เอตาทิเส กาเล อนุทกฏฺานํ อลภนฺเตน กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. ตสฺสํ วณฺณนายํ วิมติวิโนทนิยฺจ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๖๕๒) ‘‘เขเฬน เจตฺถ สิงฺฆาณิกาปิ สงฺคหิตาติ เอตฺถ อุทกคณฺฑุสกํ กตฺวา อุจฺฉุกจวราทิฺจ มุเขเนว หริตุํ อุทเกสุ ฉฑฺเฑตุํ วฏฺฏตีติ ทฏฺพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ.
อิมสฺมึ าเน ปณฺฑิเตหิ วิจาเรตพฺพํ อตฺถิ – ‘‘วจฺจกุฏิสมุทฺทาทิอุทเกสุ ปน อปริโภเคสุ อนาปตฺตี’’ติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ, เอวํ สนฺเต นทีชาตสฺสราทีสุ อาปตฺติ วา อนาปตฺติ วาติ. ตตฺถ สมุทฺทาทีติ อาทิ-สทฺเทน นทีชาตสฺสราปิ สงฺคหิตาว, ตสฺมา อนาปตฺตีติ เจ? น เจวํ ทฏฺพฺพํ. ยทิ หิ สมุทฺทาทีติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน นทีชาตสฺสราปิ ¶ สงฺคหิตา, เอวํ สติ ฏีกาจริยา วเทยฺยุํ, น ปน วทนฺติ, อฏฺกถายฺจ ‘‘วจฺจกุฏิสมุทฺทาทิอุทเกสู’’ติ เอตฺตกเมว วเทยฺย, ตถา ปน อวตฺวา ‘‘อปริโภเคสู’’ติ เหตุมนฺตวิเสสนปทมฺปิ คหิตํ. เตน ายติ ‘‘อาทิสทฺเทน อปริโภคานิ จนฺทนิกาทิอุทกานิ เอว คหิตานิ, น ปริโภคานิ นทีชาตสฺสราทิอุทกานี’’ติ. เตน จ วจฺจกุฏิสมุทฺทาทิอุทกานิ อปริโภคตฺตา อนาปตฺติกรานิ โหนฺติ, นทีชาตสฺสราทิอุทกานิ ปน ¶ ปริโภคตฺตา อาปตฺติกรานีติ. กถํ ปน ‘‘อปริโภเคสู’’ติ อิมสฺส ปทสฺส เหตุมนฺตปทภาโว ชานิตพฺโพติ? ยุตฺติโต อาคมโต จ. กถํ ยุตฺติโต? ‘‘วจฺจกุฏิสมุทฺทาทิอุทกานิ ปริโภคานิปิ สนฺติ, อปริโภคานิปี’’ติ อพฺยภิจาริยภาวโต. พฺยภิจาเร หิ สมฺภเว เอว สติ วิเสสนํ สาตฺถกํ สิยา. กถํ อาคมโต? วุตฺตฺเหตํ อาจริยพุทฺธทตฺตตฺเถเรน วินยวินิจฺฉเย (วิ. วิ. ๑๙๕๔) ‘‘เตสํ อปริโภคตฺตา’’ติ. ตสฺมา อาทิ-สทฺเทน อปริโภคานิเยว อุทกานิ คหิตานิ, น ปริโภคานิ. วุตฺตฺเหตํ วินยวินิจฺฉยฏีกายํ ‘‘วจฺจกุฏิสมุทฺทาทิอุทเกสูติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน สพฺพํ อปริโภคชลํ สงฺคยฺหติ, เตเนว เตสํ อปริโภคตฺตเมว การณมาหา’’ติ, ตสฺมา มนุสฺสานํ ปริโภเคสุ นทีชาตสฺสรตฬากโปกฺขรณิยาทิอุทเกสุ อุจฺจารปสฺสาวาทิกรณํ น วฏฺฏตีติ ชานิตพฺพเมตํ. ‘‘เทเว วสฺสนฺเต สมนฺตโต อุทโกโฆ โหติ, อนุทกฏฺานํ โอโลเกนฺตสฺเสว นิกฺขมติ, วฏฺฏติ. มหาปจฺจริยํ วุตฺตํ เอตาทิเส กาเล อนุทกฏฺานํ อลภนฺเตน กาตุํ วฏฺฏตีติ วุตฺต’’นฺติ อฏฺกถายํ อาคตตฺตา มหนฺเตสุ นทีชาตสฺสราทีสุ ¶ นาวาทีหิ คตกาเล ตาทิเส การเณ สติ ‘‘ตีรํ อุปเนหี’’ติ วตฺวา ‘‘อุปเนตุํ อสกฺกุเณยฺยฏฺาเน อุทเกปิ กาตุํ วฏฺฏติ, อนาปตฺตี’’ติ อฏฺกถานุโลมโต วิฺายติ, อุปปริกฺขิตฺวา คเหตพฺพํ.
นหาเนรุกฺขาทิฆํสนกถา
๒๑. นหาเน รุกฺขาทิฆํสนนฺติ เอตฺถ อฏฺปทากาเรนาติ อฏฺปทผลกากาเรน, ชูตผลกสทิสนฺติ วุตฺตํ โหติ. มลฺลกมูลกสณฺาเนนาติ เขฬมลฺลกมูลสณฺาเนน. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๒๔๓) ปน ‘‘อฏฺปทากาเรนาติ ชูตผลเก อฏฺคพฺภราชิอากาเรน. มลฺลกมูลสณฺาเนนาติ เขฬมลฺลกมูลสณฺาเนน. อิทฺจ วฏฺฏาธารกํ สนฺธาย วุตฺตํ. กณฺฏเก อุฏฺาเปตฺวา กตวฏฺฏกปาลสฺเสตํ อธิวจนํ. ปุถุปาณิกนฺติ มุฏฺึ อกตฺวา วิกสิตหตฺถตเลหิ ปิฏฺิปริกมฺมํ วุจฺจติ. เอตเมว สนฺธาย หตฺถปริกมฺม’’นฺติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๒๔๔) ปน ‘‘ปุถุปาณินา กตฺตพฺพํ กมฺมํ ปุถุปาณิกมฺม’’นฺติ วุตฺตํ.
เอวํ ปาฬิอนุสาเรเนว นหาเน กตฺตพฺพากตฺตพฺพํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ นหานติตฺเถ นหายนฺตานํ ภิกฺขูนํ ¶ นหานวิธึ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิทํ ปเนตฺถ นหานวตฺต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ปสฺสนฺตานํ อปฺปสาทาวหนโต, คิหิปุริสานํ กมฺมํ วิยาติ ครหิตพฺพภาวโต จ วุตฺตํ ‘‘ยตฺถ วา ตตฺถ วา…เป… น โอตริตพฺพ’’นฺติ. อฺเสุ สมฺมุขีภูเตสุ อนุทกสาฏเกน นหายิตุํ ทุกฺกรตฺตา ‘‘สพฺพทิสา ปน โอโลเกตฺวา วิวิตฺตภาวํ ตฺวา’’ติ วุตฺตํ. เอวมฺปิ ขาณุคุมฺพลตาทีหิ ปฏิจฺฉนฺนาปิ หุตฺวา ติฏฺเยฺยุนฺติ อาห ‘‘ขาณุ…เป… อุกฺกาสิตฺวา’’ติ. อุทฺธํมุเขน จีวราปนยนํ หรายิตพฺพํ สิยาติ วุตฺตํ ‘‘อวกุชฺช…เป… อปเนตฺวา’’ติ. ตโต กายพนฺธนฏฺปนวตฺตมาห ‘‘กายพนฺธน’’นฺตฺยาทินา ¶ . ตโต อุทกสาฏิกาย สติ ตํ นิวาเสตฺวา โอตริตพฺพํ สิยา, ตาย อสติยา กึ กาตพฺพนฺติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘สเจ’’ติอาทิ. ตตฺถ ปุพฺเพ ‘‘ิตเกเนว น โอตริตพฺพ’’นฺติ อหิริกาการสฺส ปฏิสิทฺธตฺตา อิธ หิริมนฺตาการํ ทสฺเสติ อุทกนฺเต อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา นิวาสนํ โมเจตฺวาติ. อุณฺณฏฺาเน, สมฏฺาเน วา ปสาริเต สติ วา เตน อฺตฺถ คจฺเฉยฺยาติ อาห ‘‘สเจ นินฺนฏฺาน’’นฺติอาทิ.
โอตรนฺเตน กึ กาตพฺพนฺติ ปุจฺฉํ สนฺธาย ‘‘โอตรนฺเตน สณิก’’นฺตฺยาทิ. ตตฺถ ปุพฺเพ ‘‘เวเคน น โอตริตพฺพ’’นฺติ ปฏิสิทฺธานุรูปมาห ‘‘สณิก’’นฺติ. อติคมฺภีรํ คจฺฉนฺโต อุทโกฆตรงฺควาตาทีหิ ปหรนฺโต จลิตกาโย สิยา, อติอุตฺตาเน นิสีทนฺโต อปฺปฏิจฺฉนฺนกาโย สิยาติ วุตฺตํ ‘‘นาภิปฺปมาณมตฺตํ โอตริตฺวา’’ติ. อตฺตโน หตฺถวิการาทีหิ วีจึ อุฏฺาเปนฺโต, สทฺทฺจ กโรนฺโต อุทฺธฏจปลภาโว สิยาติ วุตฺตํ ‘‘วีจึ อนุฏฺเปนฺเตน สทฺทํ อกโรนฺเตน นิวตฺติตฺวา’’ติ. นิวตฺติตฺวา กึ กาตพฺพนฺติ อาห อาคตทิสาภิมุเขน นิมุชฺชิตพฺพ’’นฺติ, อภิมุเขน หุตฺวาติ ปาเสโส. อิทานิ ตปฺผลํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอว’’นฺตฺยาทิมาห. ตโต อุมฺมุชฺชนฺเตน กึ กาตพฺพนฺติ ปุจฺฉายมาห ‘‘อุมฺมุชฺชนฺเตนปี’’ติอาทิ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว. จีวรํ ปารุปิตฺวาว าตพฺพํ, กสฺมาติ เจ? น ตาว กายโต อุทกํ โอตรติ, ตสฺมา โถกํ กาลํ อุตฺตราสงฺคํ จีวรํ อุโภหิ หตฺเถหิ อนฺเต คเหตฺวา ปุรโต กตฺวา าตพฺพํ. ตโต กายสฺส สุกฺขภาวํ ตฺวา จีวรํ ปารุปิตฺวา ยถารุจิ คนฺตพฺพนฺติ.
วลิกาทิกถา
๒๒. วลิกาทิกถายํ ¶ ‘‘มุตฺโตลมฺพกาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน กุณฺฑลาทึ สงฺคณฺหาติ. ปลมฺพกสุตฺตนฺติ ¶ ยฺโปจิตากาเรน โอลมฺพกสุตฺต’’นฺติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๒๔๕). วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๒๔๕) ปน ‘‘มุตฺโตลมฺพกาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน กุณฺฑลาทึ สงฺคณฺหาติ. ปลมฺพกสุตฺตนฺติ พฺราหฺมณานํ ยฺโปจิตสุตฺตาทิอาการํ วุจฺจติ. วลยนฺติ หตฺถปาทวลย’’นฺติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๒๔๕) ปน ‘‘กณฺณโต นิกฺขนฺตมุตฺโตลมฺพกาทีนํ กุณฺฑลาทีนนฺติ ลิขิตํ. ‘กายูร’นฺติ ปาฬิปาโ. ‘เกยูราทีนี’ติ อาจริเยนุทฺธฏ’’นฺติ วุตฺตํ.
ทีฆเกสกถา
๒๓. ทีฆเกสกถายํ สารตฺถทีปนิยํ น กิฺจิ วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๒๔๖) ปน ‘‘ทฺวงฺคุเลติ อุปโยคพหุวจนํ, ทฺวงฺคุลปฺปมาณํ อติกฺกาเมตุํ น วฏฺฏตีติ อตฺโถ. เอตฺถ จ ทุมาสสฺส วา ทฺวงฺคุลสฺส วา อติกฺกนฺตภาวํ อชานนฺตสฺสปิ เกสมสฺสุคณนาย อจิตฺตกาปตฺติโย โหนฺตีติ วทนฺติ. โกจฺเฉนาติ อุสีรหีราทีนิ พนฺธิตฺวา สมกํ ฉินฺทิตฺวา คหิตโกจฺเฉน. จิกฺกเลนาติ สิเลสยุตฺตเตเลน. อุณฺหาภิตตฺตรชสิรานมฺปีติ อุณฺหาภิตตฺตานํ รโชกิณฺณสิรานํ. อทฺทหตฺเถนาติ อลฺลหตฺเถนา’’ติ วุตฺตํ.
อุปริ ปน ปาฬิยํ (จูฬว. ๒๗๕) ‘‘เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู มสฺสุํ กปฺปาเปนฺติ. มสฺสุํ วฑฺฒาเปนฺติ. โคโลมิกํ การาเปนฺติ. จตุรสฺสกํ การาเปนฺติ. ปริมุขํ การาเปนฺติ. อฑฺฒทุกํ การาเปนฺติ. ทาิกํ เปนฺติ. สมฺพาเธ โลมํ สํหราเปนฺติ. มนุสฺสา อุชฺฌายนฺติ ขียนฺติ วิปาเจนฺติ ‘เสยฺยถาปิ คิหี กามโภคิโน’ติ ¶ . ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – น, ภิกฺขเว, มสฺสุ กปฺปาเปตพฺพํ. น มสฺสุ วฑฺฒาเปตพฺพํ. น โคโลมิกํ การาเปตพฺพํ. น จตุรสฺสกํ การาเปตพฺพํ. น ปริมุขํ การาเปตพฺพํ. น อฑฺฒทุกํ การาเปตพฺพํ. น ทาิกา เปตพฺพา. น สมฺพาเธ โลมํ สํหราเปตพฺพํ, โย สํหราเปยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ อาคตํ. อฏฺกถายมฺปิ (จูฬว. อฏฺ. ๒๗๕) ‘‘มสฺสุํ กปฺปาเปนฺตีติ กตฺตริยา มสฺสุํ เฉทาเปนฺติ. มสฺสุํ วฑฺฒาเปนฺตีติ มสฺสุํ ทีฆํ กาเรนฺติ. โคโลมิกนฺติ หนุกมฺหิ ทีฆํ กตฺวา ปิตํ เอฬกมสฺสุ วุจฺจติ. จตุรสฺสกนฺติ จตุโกณํ. ปริมุขนฺติ อุทเร โลมสํหรณํ. อฑฺฒทุกนฺติ อุทเร โลมราชิฏฺปนํ. อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ มสฺสุกปฺปาปนาทีสุ สพฺพตฺถ อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ วุตฺตํ.
ปุน ¶ ปาฬิยํ (จูฬว. ๒๗๕) ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู สกฺขริกายปิ มธุสิตฺถเกนปิ นาสิกาโลมํ คาหาเปนฺติ, นาสิกา ทุกฺขา โหนฺติ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สณฺฑาสนฺติ. เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู ปลิตํ คาหาเปนฺติ. มนุสฺสา อุชฺฌายนฺติ ขียนฺติ วิปาเจนฺติ ‘เสยฺยถาปิ คิหี กามโภคิโน’ติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – น, ภิกฺขเว, ปลิตํ คาหาเปตพฺพํ, โย คาหาเปยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ อาคตํ. ‘‘สกฺขราทีหิ นาสิกาโลมคฺคาหาปเน อาปตฺติ นตฺถิ, อนุรกฺขณตฺถํ ปน สณฺฑาโส อนฺุาโต’’ติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ. ‘‘น, ภิกฺขเว, ปลิตํ คาหาเปตพฺพนฺติ เอตฺถ ภมุกาย วา นลาเฏ วา ทาิกาย วา อุคฺคนฺตฺวา พีภจฺฉํ ิตํ, ตาทิสํ โลมํ ปลิตํ วา อปลิตํ วา คาหาเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ จ วุตฺตํ.
อาทาสาทิกถา
๒๔. อาทาสาทิกถายํ อาทาโส นาม มณฺฑนปกติกานํ มนุสฺสานํ อตฺตโน มุขจฺฉายาทสฺสนตฺถํ กํสโลหาทีหิ ¶ กโต ภณฺฑวิเสโส. อุทกปตฺโต นาม อุทกฏฺปนโก ปาติสราวาทิโก ภาชนวิเสโส. กํสปตฺตาทีนีติ อาทาสภาเวน อกตานิ ปริสุทฺธภาเวน อาโลกกรานิ วตฺถูนิ. อาทิ-สทฺเทน สุวณฺณรชตชาติผลิกาทโย สงฺคณฺหาติ, กฺชิยาทีนีติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน ทฺรวชาติกานิ เตลมธุขีราทีนิ. อาพาธปจฺจยาติ อตฺตโน มุเข อุปฺปนฺนวณปจฺจยา. เตนาห ‘‘สฺฉวิ นุ โข เม วโณ’’ติอาทิ. อายุํ สงฺขโรตีติ อายุสงฺขาโร. โก โส? อตฺตภาโว, ตํ อายุสงฺขารํ, ตํ โอโลเกนฺโต เกนากาเรน โอโลเกยฺยาติ ปุจฺฉายมาห ‘‘ชิณฺโณ นุ โขมฺหิ โนติ เอว’’นฺติ. ตสฺสตฺโถ – มม อตฺตภาโว ชิณฺโณ นุ โข วา, โน ชิณฺโณ นุ โข วาติ เอวํ อิมินา มนสิกาเรน กมฺมฏฺานสีเสน โอโลเกตุํ วฏฺฏติ. ‘‘โสภติ นุ โข เม อตฺตภาโว, โน วา’’ติ เอวํ ปวตฺเตน อตฺตสิเนหวเสน โอโลเกตุํ น วฏฺฏตีติ.
น มุขํ อาลิมฺปิตพฺพนฺติ วิปฺปสนฺนฉวิวณฺณกเรหิ มุขเลปเนหิ น ลิมฺปิตพฺพํ. น อุมฺมทฺทิตพฺพนฺติ นานาอุมฺมทฺทเนหิ น อุมฺมทฺทิตพฺพํ. น จุณฺเณตพฺพนฺติ มุขจุณฺณเกน น มกฺเขตพฺพํ. น มโนสิลิกาย มุขํ ลฺเชตพฺพนฺติ มโนสิลาย ติลกาทิลฺชนานิ น กาตพฺพานิ ¶ . น เกวลํ มโนสิลายเมว, หริตาลาทีหิปิ ตานิ น วฏฺฏนฺติเยว. องฺคราคาทโย ปากฏาเยว.
นจฺจาทิกถา
๒๕. นจฺจาทิกถายํ ‘‘สาธุคีตนฺติ อนิจฺจตาทิปฏิสํยุตฺตคีตํ. จตุรสฺเสน วตฺเตนาติ ปริปุณฺเณน อุจฺจารณวตฺเตน. ตรงฺควตฺตาทีนํ อุจฺจารณวิธานานิ นฏฺปฺปโยคานี’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๒๔๘-๒๔๙) วุตฺตํ, วิมติวิโนทนิยมฺปิ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๒๔๘-๒๔๙) ‘‘สาธุคีตนฺติ อนิจฺจตาทิปฏิสฺุตฺตํ ¶ คีตํ. จตุรสฺเสน วตฺเตนาติ ปริปุณฺเณน อุจฺจารณวตฺเตน. ตรงฺควตฺตาทีนํ สพฺเพสํ สามฺลกฺขณํ ทสฺเสตุํ ‘สพฺเพสํ…เป… ลกฺขณ’นฺติ วุตฺตํ. ยตฺตกาหิ มตฺตาหิ อกฺขรํ ปริปุณฺณํ โหติ, ตโตปิ อธิกมตฺตายุตฺตํ กตฺวา กถนํ วิการกถนํ นาม, ตถา อกตฺวา กถนเมว ลกฺขณนฺติ อตฺโถ’’ติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๒๔๘-๒๔๙) ปน ‘‘สาธุคีตํ นาม ปรินิพฺพุตฏฺาเน คีตนฺติ ลิขิตํ. ทนฺตคีตํ คายิตุกามานํ วากฺกรณียํ. ทนฺตคีตสฺส วิภาวนตฺถํ ‘ยํ คายิสฺสามา’ติอาทิมาห. จตุรสฺสวตฺตํ นาม จตุปาทคาถาวตฺตํ. ‘ตรงฺควตฺตาทีนิ อุจฺจารณวิธานานิ นฏฺปฺปโยคานี’ติ ลิขิต’’นฺติ วุตฺตํ.
องฺคจฺเฉทาทิกถา
๒๖. องฺคจฺเฉทาทิกถายํ ‘‘อตฺตโน องฺคชาตํ ฉินฺทนฺตสฺเสว ถุลฺลจฺจยํ, ตโต อฺํ ฉินฺทนฺตสฺส ทุกฺกฏํ, อาพาธปจฺจยา ฉินฺทนฺตสฺส อนาปตฺตี’’ติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๒๕๑) ปน ‘‘องฺคชาตนฺติ พีชวิรหิตํ ปุริสนิมิตฺตํ. พีเช หิ ฉินฺเน โอปกฺกมิกปณฺฑโก นาม อภพฺโพ โหตีติ วทนฺติ. เอเก ปน ‘พีชสฺสปิ เฉทนกฺขเณ ทุกฺกฏาปตฺติ เอว, กเมน ปุริสินฺทฺริยาทิเก อนฺตรหิเต ปณฺฑโก นาม อภพฺโพ โหติ, ตทา ลิงฺคนาสนาย นาเสตพฺโพ’ติ วทนฺติ. ตาทิสํ วา ทุกฺขํ อุปฺปาเทนฺตสฺสาติ มุฏฺิปฺปหาราทีหิ อตฺตโน ทุกฺขํ อุปฺปาเทนฺตสฺสา’’ติ วุตฺตํ.
ปตฺตกถา
๒๘. ปตฺตกถายํ ¶ ‘‘ภูมิอาธารเกติ วลยาธารเก. ทารุอาธารกทณฺฑาธารเกสูติ เอกทารุนา กตอาธารเก, พหูหิ ทณฺฑเกหิ กตอาธารเก วาติ อตฺโถ ¶ . ตีหิ ทณฺเฑหิ กโต ปน น วฏฺฏติ. ภูมิยํ ปน นิกฺกุชฺชิตฺวา เอกเมว เปตพฺพนฺติ เอตฺถ ‘ทฺเว เปนฺเตน อุปริ ปิตปตฺตํ เอเกน ปสฺเสน ภูมิยํ ผุสาเปตฺวา เปตุํ วฏฺฏตี’ติ วทนฺติ. อาลินฺทกมิฑฺฒิกาทีนนฺติ ปมุขมิฑฺฒิกาทีนํ. ปริวตฺเตตฺวา ตตฺเถว ปติฏฺาตีติ เอตฺถ ‘ปริวตฺเตตฺวา ตติยวาเร ตตฺเถว มิฑฺฒิยา ปติฏฺาตี’ติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. ปริภณฺฑนฺเตติ เอตฺถ ปริภณฺฑํ นาม เคหสฺส พหิกุฏฺฏปาทสฺส ถิรภาวตฺถํ กตา ตนุกมิฑฺฒิกา วุจฺจติ. ตนุกมิฑฺฒิกายาติ ขุทฺทกมิฑฺฒิกาย. มิฑฺฒนฺเตปิ อาธารเก เปตุํ วฏฺฏติ. ‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อาธารก’นฺติ หิ วจนโต มิฑฺฒาทีสุ ยตฺถ กตฺถจิ อาธารกํ เปตฺวา ตตฺถ ปตฺตํ เปตุํ วฏฺฏติ อาธารเก ปโนกาสสฺส อนิยมิตตฺตาติ วทนฺติ. ‘ปตฺตมาโฬ นาม วฏฺเฏตฺวา ปตฺตานํ อคมนตฺถํ วฏฺฏํ วา จตุรสฺสํ วา อิฏฺกาทีหิ ปริกฺขิปิตฺวา กโต’ติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. ฆฏิกนฺติ อุปริ โยชิตํ อคฺคฬํ. ตาวกาลิกํ ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏตีติ สกิเทว คเหตฺวา เตน อามิสํ ปริภฺุชิตฺวา ฉฑฺเฑตุํ วฏฺฏตีติ อธิปฺปาโย. ฆฏิกฏาเหติ ภาชนกปาเล. ปาฬิยํ อภุํ เมติ เอตฺถ ภวตีติ ภู, วฑฺฒิ. น ภูติ อภู, อวฑฺฒิ. ภยวเสน ปน สา อิตฺถี ‘อภุ’นฺติ อาห, วินาโส มยฺหนฺติ อตฺโถ. ฉวสีสสฺส ปตฺตนฺติ ฉวสีสมยํ ปตฺตํ. ปกติวิการสมฺพนฺเธ เจตํ สามิวจนํ. อเภเทปิ วา ตทุปจารวเสเนวายํ โวหาโร ‘สิลาปุตฺตกสฺส สรีร’นฺติอาทีสุ วิย. จพฺเพตฺวาติ ขาทิตฺวา. เอกํ อุทกคณฺฑุสํ คเหตฺวาติ วามหตฺเถเนว ปตฺตํ อุกฺขิปิตฺวา มุเขน คณฺฑุสํ คเหตฺวา. อุจฺฉิฏฺหตฺเถนาติ สามิเสน หตฺเถน. เอตฺตาวตาติ เอกคณฺฑุสํ คหณมตฺเตน. ลฺุจิตฺวาติ ตโต มํสํ อุทฺธริตฺวา. เอเตสุ สพฺเพสุ ปณฺณตฺตึ ชานาตุ วา, มา วา, อาปตฺติเยวา’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๒๕๓-๒๕๕) วุตฺตํ.
วิมติวิโนทนิยํ ¶ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๒๕๒) ปน ‘‘คิหิวิกฏานีติ คิหิสนฺตกานิ. ปาฬิยํ น อจฺฉุปิยนฺตีติ น ผุสฺสิตานิ โหนฺติ. รูปกากิณฺณานิ อิตฺถิรูปาทิอากิณฺณานิ. ภูมิอาธารเกติ ทนฺตาทีหิ กเต วลยาธารเก. เอตสฺส วลยาธารกสฺส อนุจฺฉวิตาย ปิตา ปตฺตา น ปริวตฺตนฺตีติ ‘ตโย ปตฺเต เปตุํ วฏฺฏตี’ติ วุตฺตํ. อนุจฺจตฺหิ สนฺธาย อยํ ‘ภูมิอาธารโก’ติ วุตฺโต. ทารุอาธารกทณฺฑาธารเกสูติ เอกทารุนา ¶ กตอาธารเก จ พหูหิ ทณฺฑเกหิ กตอาธารเก จ, เอเต จ อุจฺจตรา โหนฺติ ปตฺเตหิ สห ปตนสภาวา, เตน ‘สุสชฺชิเตสู’ติ วุตฺตํ. ภมโกฏิสทิเสนาติ ยตฺถ ธมกรณาทึ ปเวเสตฺวา ลิขนฺติ, ตสฺส ภมกสฺส โกฏิยา สทิโส. ตาทิสสฺส ทารุอาธารกสฺส อวิตฺถิณฺณตาย ปิโตปิ ปตฺโต ปตตีติ ‘อโนกาโส’ติ วุตฺโต. อาลินฺทกมิฑฺฒิกาทีนนฺติ ปมุขมิฑฺฒิกาทีนํ, อุจฺจวตฺถุกานนฺติ อตฺโถ. พาหิรปสฺเสติ ปาสาทาทีนํ พหิกุฏฺเฏ. ตนุกมิฑฺฒิกายาติ เวทิกาย. สพฺพตฺถ ปน หตฺถปฺปมาณโต อพฺภนฺตเร เปตุํ วฏฺฏติ, อาธารเก ปน ตโต พหิปิ วฏฺฏติ. อฺเน ปน ภณฺฑเกนาติ อฺเน ภารภณฺเฑน ภณฺฑเกน. ‘พนฺธิตฺวา โอลมฺพิตุ’นฺติ จ วุตฺตตฺตา ปตฺตตฺถวิกาย อํสพทฺธโก ยถา ลคฺคิตฏฺานโต น ปริคฬติ, ตถา สพฺพถาปิ พนฺธิตฺวา เปตุํ วฏฺฏติ. พนฺธิตฺวาปิ อุปริ เปตุํ น วฏฺฏตีติ ‘อุปริ นิสีทนฺตา โอตฺถริตฺวา ภินฺทนฺตี’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ เปตุํ วฏฺฏตีติ นิสีทนสงฺกาภาวโต วุตฺตํ. พนฺธิตฺวา วาติ พนฺธิตฺวา ปิตฉตฺเต วา. โย โกจีติ ภตฺตปูโรปิ ตุจฺฉปตฺโตปิ. ปริหริตุนฺติ ทิวเส ทิวเส ปิณฺฑาย จรณตฺถาย เปตุํ. ปตฺตํ อลภนฺเตน ปน เอกทิวสํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ภฺุชิตฺวา ฉฑฺเฑตุํ วฏฺฏติ. ปณฺณปุฏาทีสุปิ เอเสว นโย. ฉวสีสสฺส ¶ ปตฺโตติ ฉวสีสมโย ปตฺโต, ปกติวิการสมฺพนฺเธ เจตํ สามิวจนํ. จพฺเพตฺวาติ นิฏฺุภิตฺวา. ‘ปฏิคฺคหํ กตฺวา’ติ วุตฺตตฺตา อุจฺฉิฏฺหตฺเถน อุทกํ คเหตฺวา ปตฺตํ ปริปฺโผสิตฺวา โธวนฆํสนวเสน หตฺถํ โธวิตุํ วฏฺฏติ. เอตฺตเกน หิ ปตฺตํ ปฏิคฺคหํ กตฺวา หตฺโถ โธวิโต นาม น โหติ. เอกํ อุทกคณฺฑุสํ คเหตฺวาติ ปตฺตํ อผุสิตฺวา ตตฺถ อุทกเมว อุจฺฉิฏฺหตฺเถน อุกฺขิปิตฺวา คณฺฑุสํ กตฺวา, วามหตฺเถเนว วา ปตฺตํ อุกฺขิปิตฺวา มุเขน คณฺฑุสํ คเหตุมฺปิ วฏฺฏติ. พหิ อุทเกน วิกฺขาเลตฺวาติ ทฺวีสุ องฺคุลีสุ อามิสมตฺตํ วิกฺขาเลตฺวา พหิ คเหตุมฺปิ วฏฺฏติ. ปฏิขาทิตุกาโมติ เอตฺถ สยํ น ขาทิตุกาโมปิ อฺเสํ ขาทนารหํ เปตุํ ลภติ. ตตฺเถว กตฺวาติ ปตฺเตเยว ยถาปิตฏฺานโต อนุทฺธริตฺวา. ลฺุจิตฺวาติ ตโต มํสเมว นิรวเสสํ อุปฺปฏฺเฏตฺวา’’ติ วุตฺตํ.
วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๒๕๔) ปน ‘‘อาลินฺทกมิฑฺฒิกาทีนนฺติ ปมุขมิฑฺฒิกาทีนํ. ปริวตฺเตตฺวา ตตฺเถวาติ เอตฺถ ‘ปริวตฺเตตฺวา ตติยวาเร ตตฺเถว มิฑฺฒิกาย ปติฏฺาตี’ติ ลิขิตํ. ปริภณฺฑํ นาม เคหสฺส พหิกุฏฺฏปาทสฺส ถิรภาวตฺถํ กตา ตนุกมิฑฺฒิกา วุจฺจติ, เอตฺถ ‘ปริวตฺเตตฺวา ปตฺโต ภิชฺชตีติ อธิกรณเภทาสงฺการอภาเว าเน เปตุํ วฏฺฏตี’ติ ลิขิตํ. ปตฺตมาโฬ วตฺเตตฺวา ปตฺตานํ อปตนตฺถํ วฏฺฏํ วา จตุรสฺสํ วา อิฏฺกาทีหิ ปริกฺขิปิตฺวา ¶ มาฬกจฺฉนฺเนน กโต. ‘ปตฺตมณฺฑลิกา ปตฺตปจฺฉิกา กาลปณฺณาทีหิ กตา’ติ จ ลิขิตํ. มิฑฺฒนฺเต อาธารเก เปตุํ วฏฺฏติ ปตฺตสนฺธารณตฺถํ วุตฺตตฺตา. มฺเจ อาธารเกปิ น วฏฺฏติ นิสีทนปจฺจยา วาริตตฺตา. อาสนฺนภูมิกตฺตา โอลมฺเพตุํ วฏฺฏติ. ‘อํสกูเฏ ลคฺเคตฺวาติ (จูฬว. อฏฺ. ๒๕๔) วจนโต อคฺคหตฺเถ ¶ ลคฺเคตฺวา องฺเก เปตุํ น วฏฺฏตี’ติ เกจิ วทนฺติ, น สุนฺทรํ. น เกวลํ ยสฺส ปตฺโตติอาทิ ยทิ หตฺเถน คหิตปตฺเต เภทสฺา, ปเคว อฺเน สรีราวยเวนาติ กตฺวา วุตฺตํ. ปาฬิยํ ปน ปจุรโวหารวเสน วุตฺตํ. ฆฏิกปาลมยํ ฆฏิกฏาหํ. ฉวสีสสฺส ปตฺตนฺติ ‘สิลาปุตฺตกสฺส สรีรํ, ขีรสฺส ธารา’ติอาทิโวหารวเสน วุตฺตํ, มฺเจ นิสีทิตุํ อาคโตติ อตฺโถ. ปิสาจิลฺลิกาติ ปิสาจทารกาติปิ วทนฺติ. ทินฺนกเมว ปฏิคฺคหิตเมว. จพฺเพตฺวาติ ขาทิตฺวา. อฏฺีนิ จ กณฺฏกานิ จ อฏฺิกณฺฏกานิ. เอเตสุ สพฺเพสุ ปณฺณตฺตึ ชานาตุ วา, มา วา, อาปตฺติเยวาติ ลิขิต’’นฺติ วุตฺตํ.
สพฺพปํสุกูลาทิกถา
๒๙. สพฺพปํสุกูลาทิกถายํ ปํสุ วิย กุจฺฉิตภาเวน อุลติ ปวตฺตตีติ ปํสุกูลํ, สพฺพํ ตํ เอตสฺสาติ สพฺพปํสุกูลิโก, ปตฺตจีวราทิกํ สพฺพํ สมณปริกฺขารํ ปํสุกูลํเยว กตฺวา ธารณสีโลติ อตฺโถ. สมณปริกฺขาเรสุ กตมํ ปํสุกูลํ กตฺวา ธาเรตุํ วฏฺฏตีติ ปุจฺฉํ สนฺธายาห ‘‘เอตฺถ ปน จีวรฺจ มฺจปีฺจ ปํสุกูลํ วฏฺฏตี’’ติ. ตตฺถ จ จีวรํ วินยวเสน จ ธุตงฺคสมาทานวเสน จ วฏฺฏติ, มฺจปีํ วินยวเสเนว. กตมํ ปํสุกูลํ น วฏฺฏตีติ อาห ‘‘อชฺโฌหรณียํ ปน ทินฺนเมว คเหตพฺพ’’นฺติ, น อทินฺนํ, ตสฺมา ปํสุกูลํ น วฏฺฏตีติ อธิปฺปาโย. เอตฺถ จ ‘‘อชฺโฌหรณีย’’นฺติ วจเนน ปิณฺฑปาตคิลานปจฺจยเภสชฺชปอกฺขารวเสน อุโภปิ ปจฺจเย ทสฺเสติ.
ปริสฺสาวนกถา
๓๐. ปริสฺสาวนกถายํ อทฺธานมคฺโค นาม สพฺพนฺติมปริจฺเฉเทน อฑฺฒโยชนปฺปมาโณ, ตตฺตกํ มคฺคํ ปริสฺสาวนํ อคฺคเหตฺวา ¶ คจฺฉนฺโตปิ อฺเน อปริสฺสาวนเกน ภิกฺขุนา ยาจิยมาโน หุตฺวา อเทนฺโตปิ น วฏฺฏติ, อาปตฺติเยว. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปริสฺสาวน’’นฺติ อนุชานิตฺวา ‘‘โจฬกํ นปฺปโหติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ ¶ , ภิกฺขเว, กฏจฺฉุปริสฺสาวน’’นฺติ (จูฬว. ๒๕๘) วุตฺตตฺตา ปกติปริสฺสาวนโต กฏจฺฉุปริสฺสาวนํ ขุทฺทกนฺติ วิฺายติ. ปกติปริสฺสาวนสฺส วิธานํ อฏฺกถายํ น วุตฺตํ, กฏจฺฉุปริสฺสาวนสฺส ปน วิธานํ ‘‘กฏจฺฉุปริสฺสาวนํ นาม ตีสุ ทณฺฑเกสุ วินนฺธิตฺวา กต’’นฺติ (จูฬว. อฏฺ. ๒๕๘) วุตฺตํ. กฏจฺฉุปริสฺสาวนํ วตฺวา ปุน ‘‘โจฬกํ นปฺปโหติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ธมกรณ’’นฺติ (จูฬว. ๒๕๘) วุตฺตตฺตา กฏจฺฉุปริสฺสาวนโตปิ ธมกรโณ ขุทฺทกตโรติ วิฺายติ. ธมกรณสฺส วิธานํ เหฏฺา ปริกฺขารกถายํ วุตฺตเมว. ‘‘ภิกฺขู นวกมฺมํ กโรนฺติ, ปริสฺสาวนํ น สมฺมติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ทณฺฑปริสฺสาวน’’นฺติ (จูฬว ๒๕๙) วุตฺตตฺตา ปกติปริสฺสาวนโตปิ ทณฺฑปริสฺสาวนํ มหนฺตตรนฺติ วิฺายติ. ‘‘ทณฺฑปริสฺสาวนํ น สมฺมติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, โอตฺถรก’’นฺติ (จูฬว. ๒๕๙) วจนโต ทณฺฑปริสฺสาวนโตปิ โอตฺถรกํ มหนฺตตรนฺติ วิฺายติ. เตสํ ปน ทฺวินฺนมฺปิ ปริสฺสาวนานํ วิธานํ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๒๕๙) อาคตเมว.
นคฺคกถา
๓๑. นคฺคกถายํ น นคฺเคน นคฺโค อภิวาเทตพฺโพติ นคฺเคน นวกตเรน ภิกฺขุนา นคฺโค วุฑฺฒตโร ภิกฺขุ น อภิวาเทตพฺโพ น วนฺทิตพฺโพ. กสฺมา? ‘‘น, ภิกฺขเว, นคฺเคน นคฺโค อภิวาเทตพฺโพ, โย อภิวาเทยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๒๖๑) ภควตา วจนโต น อภิวาเทตพฺโพติ โยชนา ¶ . เอตฺถ ปน วทิ อภิวาทนถุตีสูติ ธาตุสฺส จุราทิคณตฺตา เณ-ปจฺจโย โหติ, น เหตฺวตฺถตฺตา.
‘‘อกมฺมเกหิ ธาตูหิ, ภาเว กิจฺจา ภวนฺติ เต;
สกมฺมเกหิ กมฺมตฺเถ, อรหสกฺกตฺถทีปกา’’ติ. –
วจนโต กมฺมตฺเถ ตพฺพ-ปจฺจโยติ ทฏฺพฺโพ. น นคฺเคน อภิวาเทตพฺพนฺติ เอตฺถ ตุ นคฺเคน ภิกฺขุนา น อภิวาเทตพฺพนฺติ เอตฺตกเมว โยชนา. นนุ จ โภ –
‘‘กิจฺจา ¶ ธาตุหฺยกมฺเมหิ, ภาเวเยว นปุํสเก;
ตทนฺตา ปายโต กมฺเม, สกมฺเมหิ ติลิงฺคิกา’’ติ. –
วจนโต, อิมิสฺสา จ ธาตุยา สกมฺมตฺตา กมฺมํ อชฺฌาหริตพฺพํ, กมฺมานุรูปฺจ ลิงฺคํ เปตพฺพํ, อถ กสฺมา เอตฺตกเมว โยชนา กตาติ? กมฺมวจนิจฺฉาภาวโต. วุตฺตฺหิ –
‘‘กมฺมสฺสาวจนิจฺฉายํ, สกมฺมาขฺยาตปจฺจยา;
ภาเวปิ ตํ ยถา เคเห, เทวทตฺเตน ปจฺจเต’’ติ.
ยถา อาขฺยาตปจฺจยสงฺขาตา วิภตฺติโย สกมฺมกธาตุโต ภวนฺตาปิ กมฺมวจนิจฺฉาย อสติ กมฺมํ อวตฺวา ภาวตฺถเมว วทนฺติ, เอวํ กิจฺจปจฺจยาปิ สกมฺมกธาตุโต ภวนฺตาปิ กมฺมวจนิจฺฉายาภาวโต กมฺมํ อวตฺวา ภาวตฺถเมว วทนฺติ, ตสฺมา กมฺมฺจ อนชฺฌาหริตํ, กมฺมานุรูปฺจ ลิงฺคํ น ปิตํ, ภาวตฺถานุรูปเมว ปิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอตฺถ หิ ‘‘อยํ นาม ปุคฺคโล อภิวาเทตพฺโพ’’ติ อจินฺเตตฺวา สามฺโต กตฺตารเมว คเหตฺวา ปิโตติ เวทิตพฺโพ.
น นคฺเคน นคฺโค อภิวาทาเปตพฺโพติ เอตฺถ ปน นคฺเคน วุฑฺฒตเรน ภิกฺขุนา นคฺโค นวกตโร ภิกฺขุ น อภิวาทาเปตพฺโพ, น วนฺทาเปตพฺโพติ โยชนา. เอตฺถ หิ สการิตสฺส กิจฺจปจฺจยสฺส ทิฏฺตฺตา, ธาตุยา จ สกมฺมกตฺตา นวกตโร ภิกฺขุ ธาตุกตฺตา โหติ, วุฑฺฒตโร ภิกฺขุ ธาตุกมฺมํ ¶ , ปุน การิตสมฺพนฺเธ วุฑฺฒตโร ภิกฺขุ การิตกตฺตา โหติ, นวกตโร ภิกฺขุ การิตกมฺมํ. วุตฺตฺหิ –
‘‘เหตุกฺริยาย สมฺพนฺธี-ภาวา กมฺมนฺติ มนฺยเต;
เหตุกฺริยาปธานตฺตา, อฺถานุปปตฺติโต’’ติ.
น นคฺเคน อภิวาทาเปตพฺพนฺติ เอตฺถ ตุ นคฺเคน วุฑฺฒตเรน ภิกฺขุนา น อภิวาทาเปตพฺพํ, น วนฺทาเปตพฺพนฺติ โยชนา, เอตฺถาปิ กมฺมวจนิจฺฉายาภาวโต วุตฺตนเยน ภาเวเยว กิจฺจปจฺจโย โหตีติ ทฏฺพฺโพ. นนุ วนฺทาปเก สติ วนฺทาเปตพฺโพ ลพฺภติเยว, อถ ‘‘กสฺมา กมฺมวจนิจฺฉายาภาวโต’’ติ ¶ วุตฺตนฺติ? ‘‘วตฺติจฺฉานุปุพฺพิกา สทฺทปฏิปตฺตี’’ติ วจนโต วตฺติจฺฉาภาวโต น วุตฺตนฺติ. วุตฺตฺเหตํ ปุพฺพาจริเยหิ –
‘‘วตฺติจฺฉา น ภเว สนฺต-มปฺยสนฺตมฺปิ สา ภเว;
ตํ ยถานุทรา กฺา, สมุทฺโท กุณฺฑิกาติ จา’’ติ.
อิตเรสุปิ สุวิฺเยฺยเมว. ปฏิจฺฉาเทนฺติ องฺคมงฺคานิ เอตาหีติ ปฏิจฺฉาทิโย.
คนฺธปุปฺผกถา
๓๒. คนฺธปุปฺผกถายํ ‘‘คนฺธคนฺธํ ปน คเหตฺวา กวาเฏ ปฺจงฺคุลึ ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วจนโต คนฺเธ ทินฺเน ปฏิคฺคหิตุํ วฏฺฏติ, โน ลิมฺปิตุนฺติ สิทฺธํ. อิทานิ ปน มนุสฺสา ภิกฺขู โภเชตฺวา หตฺถโธวนาวสาเน หตฺถวาสตฺถาย คนฺธวิเลปนํ เทนฺติ, ตํ ภิกฺขู ปฏิคฺคเหตฺวา เอกจฺเจ หตฺถเมว ลิมฺเปนฺติ, เอกจฺเจ กายมฺปิ มุขมฺปิ อาลิมฺเปนฺติ, ‘‘สุคนฺโธ วตา’’ติอาทีนิ วตฺวา หฏฺปหฏฺาการํ กโรนฺติ, ตํ วฏฺฏติ, น วฏฺฏตีติ? ‘‘กวาเฏ ปฺจงฺคุลิกํ ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วิหาเร กวาฏธูปนมตฺตสฺเสว วุตฺตตฺตา กายธูปนสฺส อวุตฺตตฺตา, ‘‘มาลาคนฺธวิเลปนธารณมณฺฑนวิภูสนฏฺานา เวรมณี’’ติ ¶ วจนสฺสานุโลมโต จ น วฏฺฏตีติ ทิสฺสติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ. ‘‘ปุปฺผํ คเหตฺวา วิหาเร เอกมนฺตํ นิกฺขิปิตุ’’นฺติ วจนโต ปุปฺเผ ทินฺเน คเหตุํ วฏฺฏติ, น ปิฬนฺธนาทีนิ กาตุนฺติ สิทฺธํ. อิทานิ ปน ภิกฺขูสุ คนฺธปุปฺเผสุ ลทฺเธสุ ‘‘สุรภิคนฺธํ วติทํ ปุปฺผ’’นฺติอาทีนิ วตฺวา ปหฏฺาการํ กตฺวา สิงฺฆนฺติ, ตํ วฏฺฏติ, น วฏฺฏตีติ? ตมฺปิ วิหาเรเยว เอกมนฺตํ ปนสฺส วุตฺตตฺตา สิงฺฆิตพฺพาทิภาวสฺส อวุตฺตตฺตา, มาลาคนฺธาทิปาสฺส อนุโลมโต จ น วฏฺฏตีติ ทิสฺสติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ. ‘‘เอกมนฺตํ นิกฺขิปิตุ’’นฺติ วจนสฺส ปน สามตฺถิยโต เจติยปฏิมาปูชนาทีนิ จ กาตุํ วฏฺฏตีติ วิฺายติ.
อาสิตฺตกูปธานกถา
๓๓. อาสิตฺตกูปธานกถายํ มนุสฺสานํ ภรณสีลตํ สนฺธาย ‘‘ตมฺพโลเหน วา รชเตน วา’’ติ ¶ วุตฺตํ, วิกปฺปนตฺเถน ปน วา-สทฺเทน หิรฺเน วา สุวณฺเณน วาติอาทึ สงฺคณฺหาติ. ปฏิกฺขิตฺตตฺตา ปนาติ ภควตา ปน อาสิตฺตกูปธานสฺส สามฺวเสน ปฏิกฺขิตฺตตฺตา. น เกวลํ รตนเปฬา เอว น วฏฺฏติ, อถ โข ทารุมยาปีติ. เอตฺถ ปิ-สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ, ตํ น วิลีวมยตาลปณฺณมยเวตฺตมยาทิกํ สมฺปิณฺเฑติ.
มโฬริกกถา
๓๔. มโฬริกกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, มโฬริก’’นฺติ คิลาโน ภิกฺขุ ภฺุชมาโน น สกฺโกติ หตฺเถน ปตฺตํ สนฺธาเรตุํ, ตสฺมา อนฺุาตํ. ปุพฺเพ ปตฺตสงฺโคปนตฺถํ อาธารโก อนฺุาโต, อิทานิ ภฺุชนตฺถํ. ทณฺฑาธารโก วุจฺจตีติ ทณฺฑาธารโก ปธานโต มโฬริโกติ วุจฺจติ. ยฏฺิ…เป… ปีาทีนิปิ อาธารกสามฺเน เอตฺเถว ¶ ปวิฏฺานีติ สมฺพนฺโธ. อาธารกํ นาม ฉิทฺทํ วิทฺธมฺปิ อตฺถิ, อวิทฺธมฺปิ อตฺถิ, เตสุ กตมํ วฏฺฏตีติ อาห ‘‘อาธารสงฺเขปคมนโต หิ…เป… วฏฺฏติเยวา’’ติ.
เอกภาชนาทิกถา
๓๕. เอกภาชนาทิกถายํ เอกโตภฺุชนํ นาม เอกภาชนสฺมึ เอกกฺขเณเยว สหภฺุชนํ, น นานาภาชเน. เอกภาชนสฺมิมฺปิ น นานากฺขเณติ อาห ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิ. ตสฺมึ อปคเต ตสฺส อปคตตฺตา อิตรสฺส เสสกํ ภฺุชิตุํ วฏฺฏติ. อิมินา เอกกฺขเณ อภฺุชนภาวํ ทสฺเสติ. อิตรสฺสปีติอาทีสุ อิตรสฺสปีติ อิตรีตรกถนํ, เสสภฺุชกอิตรโต อิตรสฺสาติ อตฺโถ. เตน ปมํ คเหตฺวา คตภิกฺขุเมวาห. ตสฺมึ ขีเณ ตสฺส ขณตฺตา ปมํ คหิตวตฺถุสฺส ขีณตฺตา ปุน คเหตุํ วฏฺฏติ. อิมินา สหอภฺุชนภาวํ ทสฺเสติ.
น เอกมฺเจ นิปชฺชิตพฺพํ สติปิ นานาอตฺถรเณ ‘‘น เอกมฺเจ ตุวฏฺฏิตพฺพํ, โย ตุวฏฺเฏยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๒๖๔) วจนโต. น เอกตฺถรเณ นิปชฺชิตพฺพํ สติปิ นานามฺเจ ‘‘น เอกตฺถรณา ตุวฏฺฏิตพฺพ’’นฺติ (จูฬว. ๒๖๔) วจนโต, ปเคว อุภินฺนํ เอกตฺเตติ อตฺโถ. ยทิ เอวํ นานามฺจนานาอตฺถรเณสุ อสนฺเตสุ กถํ อนาปตฺติ สิยาติ ¶ จินฺตายมาห ‘‘ววตฺถานํ ปนา’’ติอาทิ. เอกตฺถรณปาวุรเณหีติ เอตฺถ ปน อยํ เอกตฺถรณปาวุรณสทฺโท น จตฺถสมาโส โหติ, อถ โข พาหิรตฺถสมาโสติ อาห ‘‘เอกํ อตฺถรณฺเจว ปาวุรณฺจ เอเตสนฺติ เอกตฺถรณปาวุรณา’’ติ, ติปทตุลฺยาธิกรณพาหิรตฺถสมาโสยํ. เกสเมตมธิวจนนฺตฺยาห ‘‘เอกํ อนฺตํ อตฺถริตฺวา เอกํ ปารุปิตฺวา นิปชฺชนฺตานเมตํ อธิวจน’’นฺติ, เอวํ นิปชฺชนฺตานํ ภิกฺขูนํ เอตํ เอกตฺถรณปาวุรณปทํ ¶ อธิวจนํ โหตีติ อธิปฺปาโย. เกสํ ปน อนฺตนฺติ อาห ‘‘สํหาริมาน’’นฺติอาทิ.
เจลปฏิกกถา
๓๖. เจลปฏิกกถายํ เจลปฏิกนฺติ เจลสนฺถรํ. กึ ปน ภควโต สิกฺขาปทปฺาปเน การณนฺติ? ‘‘โพธิราชกุมาโร กิร ‘สเจ อหํ ปุตฺตํ ลจฺฉามิ, อกฺกมิสฺสติ เม ภควา เจลปฏิก’นฺติ อิมินา อชฺฌาสเยน สนฺถริ, อภพฺโพ เจส ปุตฺตลาภาย, ตสฺมา ภควา น อกฺกมิ. ยทิ อกฺกเมยฺย, ปจฺฉา ปุตฺตํ อลภนฺโต ‘นายํ สพฺพฺู’ติ ทิฏฺึ คณฺเหยฺย, อิทํ ตาว ภควโต อนกฺกมเน การณํ. ยสฺมา ปน ภิกฺขูปิ เย อชานนฺตา อกฺกเมยฺยุํ, เต คิหีนํ ปริภูตา ภเวยฺยุํ, ตสฺมา ภิกฺขู ปริภวโต โมเจตุํ สิกฺขาปทํ ปฺเปสิ, อิทํ สิกฺขาปทปฺาปเน การณ’’นฺติ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๒๖๘) วุตฺตํ.
สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๒๖๘) ปน ‘‘ภควา ตุณฺหี อโหสีติ ‘กิสฺส นุ โข อตฺถาย ราชกุมาเรน อยํ มหาสกฺกาโร กโต’ติ อาวชฺเชนฺโต ปุตฺตปตฺถนาย กตภาวํ อฺาสิ. โส หิ ราชปุตฺโต อปุตฺตโก, สุตฺจาเนน อโหสิ ‘พุทฺธานํ กิร อธิการํ กตฺวา มนสา อิจฺฉิตํ ลภนฺตี’ติ, โส ‘สจาหํ ปุตฺตํ ลภิสฺสามิ, สมฺมาสมฺพุทฺโธ อิมํ เจลปฏิกํ อกฺกมิสฺสติ. โน เจ ลภิสฺสามิ, น อกฺกมิสฺสตี’ติ ปตฺถนํ กตฺวา สนฺถราเปสิ. อถ ภควา ‘นิพฺพตฺติสฺสติ นุ โข เอตสฺส ปุตฺโต’ติ อาวชฺเชตฺวา ‘น นิพฺพตฺติสฺสตี’ติ อทฺทส. ปุพฺเพ กิร โส เอกสฺมึ ทีเป วสมาโน ภริยาย สมานจฺฉนฺโท อเนกสกุณโปตเก ขาทิ. ‘สจสฺส มาตุคาโม ปฺุวา ภเวยฺย, ปุตฺตํ ลเภยฺย, อุโภหิ ปน สมานจฺฉนฺเทหิ หุตฺวา ปาปกมฺมํ กตํ ¶ , เตนสฺส ปุตฺโต น นิพฺพตฺติสฺสตีติ อฺาสิ. ทุสฺเส ปน อกฺกนฺเต ‘พุทฺธานํ อธิการํ กตฺวา ปตฺถิตํ ลภนฺตีติ โลเก อนุสฺสโว, มยา จ มหาอธิกาโร ¶ กโต, น จ ปุตฺตํ ลภามิ, ตุจฺฉํ อิทํ วจน’นฺติ มิจฺฉาคาหํ คณฺเหยฺย. ติตฺถิยาปิ ‘นตฺถิ สมณานํ อกตฺตพฺพํ นาม, เจลปฏิกมฺปิ มทฺทนฺตา อาหิณฺฑนฺตี’ติ อุชฺฌาเยยฺยุํ, เอตรหิ จ อกฺกมนฺเตสุ พหู ภิกฺขู ปรจิตฺตวิทุโน, เต ภพฺพตฺตํ ชานิตฺวา อกฺกมิสฺสนฺติ. อภพฺพตํ ชานิตฺวา น อกฺกมิสฺสนฺติ. อนาคเต ปน อุปนิสฺสโย มนฺโท ภวิสฺสติ, อนาคตํ น ชานิสฺสนฺติ. เตสุ อกฺกมนฺเตสุ สเจ ปตฺถิตํ สมิชฺฌิสฺสติ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ อิชฺฌิสฺสติ, ‘ปุพฺเพ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อธิการํ กตฺวา อิจฺฉิติจฺฉิตํ ลภนฺติ, อิทานิ น ลภนฺติ, เตเยว มฺเ ภิกฺขู ปฏิปตฺติปูรกา อเหสุํ, อิเม ปน ปฏิปตฺตึ ปูเรตุํ น สกฺโกนฺตี’ติ มนุสฺสา วิปฺปฏิสาริโน ภวิสฺสนฺตีติ อิเมหิ ตีหิ การเณหิ ภควา อกฺกมิตุํ อนิจฺฉนฺโต ตุณฺหี อโหสิ. ปจฺฉิมํ ชนตํ ตถาคโต อนุกมฺปตีติ อิทํ ปน เถโร วุตฺเตสุ การเณสุ ตติยการณํ สนฺธายาหา’’ติ วุตฺตํ.
ปาฬิยํ (จูฬว. ๒๖๘) ‘‘ยาจิยมาเนน เจลปฏิกํ อกฺกมิตุ’’นฺติ วจนโต ยาจิยมาเนน เอว อกฺกมิตพฺพํ, โน อยาจิยมาเนนาติ สิทฺธํ, ตตฺถปิ ‘‘มงฺคลตฺถายา’’ติ (จูฬว. ๒๖๘) วจนโต มงฺคลตฺถาย ยาจิยมาเนน อกฺกมิตพฺพํ, น สิริโสภคฺคาทิอตฺถาย ยาจิยมาเนนาติ จ, ตตฺถปิ ‘‘คิหีน’’นฺติ (จูฬว. ๒๖๘) วจนโต คิหีนํ เอว เจลสนฺถรํ อกฺกมิตพฺพํ, น ปพฺพชิตานนฺติ จ. อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๒๖๘) ‘‘ยา กาจิ อิตฺถี อปคตคพฺภา วา โหตุ, ครุคพฺภา วา’’ติ อนิยมวาจเกน วา-สทฺเทน วจนโต น เกวลํ อิมา ทฺเวเยว คเหตพฺพา, อถ โข ‘‘ปติฏฺิตคพฺภา วา วิชาติปุตฺตา วา’’ติอาทินา ยา กาจิ ¶ มงฺคลิกาโย อิตฺถิโยปิ ปุริสาปิ คเหตพฺพา. ‘‘เอวรูเปสุ าเนสู’’ติ วุตฺตตฺตา น เกวลํ ยถาวุตฺตฏฺาเนสุเยว, อถ โข ตํสทิเสสุ เยสุ เกสุจิ มงฺคลฏฺาเนสุ เยสํ เกสฺจิ คิหีนํ มงฺคลตฺถาย ยาจิยมานานํ เจลสนฺถรํ อกฺกมิตุํ วฏฺฏตีติ สิชฺฌติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ. ปาฬิยํ (จูฬว. ๒๖๘) ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, โธตปาทกํ อกฺกมิตุ’’นฺติ สามฺวเสน วจนโต, อฏฺกถายฺจ (จูฬว. อฏฺ. ๒๖๘) ‘‘ตํ อกฺกมิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อวิเสเสน วุตฺตตฺตา โธตปาทกํ อยาจิยมาเนนปิ ภิกฺขุนา อกฺกมิตพฺพนฺติ สิทฺธํ, ‘‘โธเตหิ ปาเทหิ อกฺกมนตฺถายา’’ติ ปน วุตฺตตฺตา อโธเตหิ อกฺกมิตุํ น วฏฺฏตีติ จ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ.
ปาทฆํสนียกถา
๓๗. ปาทฆํสนียกถายํ ¶ ปมํ ตาว อกปฺปิยปาทฆํสนึ ทสฺเสตุํ ‘‘กตกํ น วฏฺฏตี’’ติ อาห. กตกํ นาม กีทิสนฺติ ปุจฺฉาย สติ วุตฺตํ ‘‘กตกํ นาม ปทุมกณฺณิกาการ’’นฺติอาทิ. กสฺมา ปฏิกฺขิตฺตนฺติ วุตฺตํ ‘‘พาหุลิกานุโยคตฺตา’’ติ. ตโต กปฺปิยปาทฆํสนิโย ทสฺเสตุมาห ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติสฺโส ปาทฆํสนิโย’’ติอาทิ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
พีชนีกถา
๓๘. พีชนีกถายํ ปมํ ตาว อกปฺปิยพีชนึ ทสฺเสตุํ ‘‘จมรีวาเลหิ กตพีชนี น วฏฺฏตี’’ติ อาห. ตโต กปฺปิยฉพีชนิโย ทสฺเสตุํ ‘‘มกสพีชนีอาทิ วฏฺฏตี’’ติ อาห. ตตฺถ กปฺปิยฉพีชนิโย นาม มกสพีชนี, วากมยพีชนี, อุสีรมยพีชนี, โมรปิฺฉมยพีชนี, วิธูปนํ, ตาลวณฺฏฺจาติ. ตาสํ วิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘วิธูปนนฺติ พีชนี วุจฺจตี’’ติอาทิมาห ¶ . อุสีรมยํ โมรปิฺฉมยฺจ สุวิฺเยฺยตฺตา น วุตฺตํ. ‘‘พีชนินฺติ จตุรสฺสพีชนึ. ตาลวณฺฏนฺติ ตาลปตฺตาทีหิ กตํ มณฺฑลิกพีชนิ’’นฺติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๒๖๙) วุตฺตํ.
ฉตฺตกถา
๓๙. ฉตฺตกถายํ ฉตฺตํ นาม ตีณิ ฉตฺตานิ เสตจฺฉตฺตํ, กิลฺชจฺฉตฺตํ, ปณฺณจฺฉตฺตนฺติ. ตตฺถ เสตจฺฉตฺตนฺติ วตฺถปลิคุณฺิตํ ปณฺฑรจฺฉตฺตํ. กิลฺชจฺฉตฺตนฺติ วิลีวจฺฉตฺตํ. ปณฺณจฺฉตฺตนฺติ ตาลปณฺณาทีหิ เยหิ เกหิจิ กตํ. มณฺฑลพทฺธํ สลากพทฺธนฺติ อิทํ ปน ติณฺณมฺปิ ฉตฺตานํ ปฺชรทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ตานิ หิ มณฺฑลพทฺธานิ เจว โหนฺติ สลากพทฺธานิ จ. ยมฺปิ ตตฺถชาตกทณฺเฑน กตํ เอกปณฺณจฺฉตฺตํ โหติ, ตมฺปิ ฉตฺตเมว. ‘‘วิลีวจฺฉตฺตนฺติ เวณุวิลีเวหิ กตํ ฉตฺตํ. ตตฺถชาตกทณฺฑเกน กตนฺติ ตาลปณฺณํ สห ทณฺฑเกน ฉินฺทิตฺวา ตเมว ฉตฺตทณฺฑํ กโรนฺติ โคปาลกาทโย วิย, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺต’’นฺติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๖๓๔) วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๖๓๔) ปน ‘‘วิลีวจฺฉตฺตนฺติ ¶ เวณุเปสิกาหิ กตํ. มณฺฑลพทฺธานีติ ทีฆสลากาสุ ติริยํ วลยากาเรน สลากํ เปตฺวา สุตฺเตหิ พทฺธานิ ทีฆฺจ ติริยฺจ อุชุกเมว สลากาโย เปตฺวา ทฬฺหพทฺธานิ เจว ติริยํ เปตฺวา ทีฆทณฺฑเกเหว สงฺโกจารหํ กตฺวา สุตฺเตเหว ติริยํ พทฺธานิ. ตตฺถชาตกทณฺฑเกน กตนฺติ สห ทณฺฑเกน ฉินฺนตาลปณฺณาทีหิ กต’’นฺติ วุตฺตํ. อิธ ปน ฉตฺตธารกปุคฺคลวเสน วุตฺตํ, ตสฺมา อคิลานสฺส ภิกฺขุโน ฉตฺตํ ธาเรตุํ น วฏฺฏติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
นขกถา
๔๐. นขกถายํ ทีฆนขธารณปจฺจยา อุปฺปนฺเน วตฺถุสฺมึ ‘‘น, ภิกฺขเว, ทีฆา นขา ธาเรตพฺพา, โย ธาเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ ¶ (จูฬว. ๒๗๔) วจนโต ธาเรนฺตสฺส อาปตฺติ. ‘‘นเขนปิ นขํ ฉินฺทนฺติ, มุเขนปิ นขํ ฉินฺทนฺติ, กุฏฺเฏปิ ฆํสนฺติ, องฺคุลิโย ทุกฺขา โหนฺติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, นขจฺเฉทน’’นฺติ (จูฬว. ๒๗๔) วจนโต นขจฺเฉทนสตฺถกํ ธาเรตุํ วฏฺฏติ. เหฏฺา จ ‘‘นขจฺเฉทนํ วลิตกํเยว กโรนฺติ, ตสฺมา ตํ วฏฺฏตี’’ติ อฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๑.๘๕) วุตฺตํ. ‘‘วลิตกนฺติ นขจฺเฉทนกาเล ทฬฺหคฺคหณตฺถํ วลีหิ ยุตฺตเมว กโรนฺติ, ตสฺมา ตํ วฏฺฏตี’’ติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๘๕) วุตฺตํ. มํสปฺปมาเณนาติ องฺคุลคฺคมํสปฺปมาเณน. วีสติมฏฺนฺติ วีสติปิ หตฺถปาทนเข ลิขิตมฏฺเ กโรนฺติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
โลมกถา
โลมกถายํ ‘‘สมฺพาเธโลมํ สํหราเปนฺติ. มนุสฺสา อุชฺฌายนฺติ ขียนฺติ วิปาเจนฺติ เสยฺยถาปิ คิหี กามโภคิโน’’ติ วตฺถุสฺมึ อุปฺปนฺเน ‘‘น, ภิกฺขเว…เป… ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๒๗๕) วจนโต สํหราเปนฺตสฺส อาปตฺติ. อฺตรสฺส ภิกฺขุโน สมฺพาเธ วโณ โหติ, เภสชฺชํ น ติฏฺตีติ อิมิสฺสา อฏฺุปฺปตฺติยา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อาพาธปจฺจยา สมฺพาเธ โลมํ สํหราเปตุ’’นฺติ (จูฬว. ๒๗๕) วจนโต อาพาธปจฺจยา เภสชฺชปติฏฺาปนตฺถาย สมฺพาเธ โลมํ หราเปนฺตสฺส อนาปตฺติ. ‘‘เสยฺยถาปิ ปิสาจิลฺลิกา’’ติ มนุสฺสานํ อุชฺฌายนปจฺจยา ‘‘น, ภิกฺขเว, ทีฆํ นาสิกาโลมํ ธาเรตพฺพํ, โย ธาเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ ¶ (จูฬว. ๒๗๕) วจนโต ธารณปจฺจยา อาปตฺติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สณฺฑาส’’นฺติ อนุรกฺขณตฺถาย สณฺฑาโส อนฺุาโต, ตสฺมา นาสิกาโลมํ สณฺฑาเสน หราเปตุํ วฏฺฏติ. ปลิตนฺติ ปณฺฑรเกสํ. คาเหตุํ น วฏฺฏติ ‘‘มา ¶ เม ชราภาโว โหตู’’ติ มนสิ กตตฺตา. พีภจฺฉํ หุตฺวาติ วิรูปํ หุตฺวา. ปลิตํ วา อปลิตํ วาติ ปณฺฑรํ วา อปณฺฑรํ วา. คาหาเปตุํ วฏฺฏติ อปฺปสาทาวหตฺตาติ.
กายพนฺธนกถา
๔๑. กายพนฺธนกถายํ อกายพนฺธเนนาติ อพนฺธิตกายพนฺธเนน. ภิกฺขุนาติ เสโส. อถ วา อกายพนฺธเนนาติ อพนฺธิตกายพนฺธโน หุตฺวาติ อิตฺถมฺภูตตฺเถ กรณวจนํ ยถา ‘‘ภินฺเนน สีเสน ปคฺฆรนฺเตน โลหิเตน ปฏิวิสเก อุชฺฌาเปสี’’ติ. เตนาห ‘‘อพนฺธิตฺวา นิกฺขมนฺเตน ยตฺถ สรติ, ตตฺถ พนฺธิตพฺพ’’นฺติ. กายพนฺธนํ นาม ฉ กายพนฺธนานิ กลาพุกํ, เทฑฺฑุภกํ, มุรชํ, มทฺทวีณํ, ปฏฺฏิกํ, สูกรนฺตกนฺติ. ตตฺถ กลาพุกํ นาม พหุรชฺชุกํ. เทฑฺฑุภกํ นาม อุทกสปฺปสีสสทิสํ. มุรชํ นาม มุรชวฏฺฏิสณฺานํ เวเตฺวา กตํ. มทฺทวีณํ นาม ปามงฺคสณฺานํ. อีทิสฺหิ เอกมฺปิ น วฏฺฏติ, ปเคว พหูนิ. ตสฺมา ปฏิกฺขิตฺตานิ อกปฺปิยกายพนฺธนานิ นาม จตฺตาริ โหนฺติ, ปฏฺฏิกํ, สูกรนฺตกนฺติ อิมานิ ทฺเว กายพนฺธนานิ ภควตา อนฺุาตานิ กปฺปิยกายพนฺธนานิ นาม, ตสฺส ปกติวีตา วา มจฺฉกณฺฏกวายิมา วา ปฏฺฏิกา วฏฺฏติ, เสสา กฺุชรจฺฉิกาทิเภทา น วฏฺฏติ. สูกรนฺตกํ นาม กฺุจิกโกสกสณฺานํ โหติ, เอกรชฺชุกํ, ปน มุทฺทิกกายพนฺธนฺจ สูกรนฺตกํ อนุโลเมติ. อิเมหิ ปน ทฺวีหิ สทฺธึ อฏฺ กายพนฺธนานิ โหนฺติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, มุรชํ มทฺทวีณ’’นฺติ อิทํ ทสาสุเยว อนฺุาตนฺติ ปามงฺคทสา เจตฺถ จตุนฺนํ อุปริ น วฏฺฏติ. โสภกํ นาม เวเตฺวา มุขวฏฺฏิสิพฺพนํ. คุณกํ นาม มุทิงฺคสณฺาเนน สิพฺพนํ. เอวํ สิพฺพิตา หิ อนฺโต ถิรา โหนฺตีติ วุจฺจติ. ปวนนฺโตติ ปาสนฺโต วุจฺจติ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๒๗๗-๒๗๘) ปน ‘‘มุทฺทิกกายพนฺธนํ นาม จตุรสฺสํ อกตฺวา สชฺชิตํ ¶ . ปามงฺคทสา จตุรสฺสา. มุทิงฺคสณฺาเนนาติ สงฺฆาฏิยา มุทิงฺคสิพฺพนากาเรน วรกสีสากาเรน. ปวนนฺโตติ ปาสนฺโต, ‘ทสามูล’นฺติ จ ลิขิตํ. อกายพนฺธเนน สฺจิจฺจ วา อสฺจิจฺจ วา คามปฺปเวสเน อาปตฺติ. สริตฏฺานโต พนฺธิตฺวา ปวิสิตพฺพํ, นิวตฺติตพฺพํ วาติ ลิขิต’’นฺติ วุตฺตํ.
นิวาสนปารุปนกถา
๔๒. นิวาสนปารุปนกถายํ ¶ หตฺถิโสณฺฑาทิวเสน คิหินิวตฺถํ น นิวาเสตพฺพนฺติ เอตฺถ หตฺถิโสณฺฑกํ (จูฬว. อฏฺ. ๒๘๐; กงฺขา. อฏฺ. ปริมณฺฑลสิกฺขาปทวณฺณนา) นาม นาภิมูลโต หตฺถิโสณฺฑสณฺานํ โอลมฺพกํ กตฺวา นิวตฺถํ โจฬิกอิตฺถีนํ นิวาสนํ วิย. มจฺฉวาฬกํ นาม เอกโต ทสนฺตํ เอกโต ปาสนฺตํ โอลมฺพิตฺวา นิวตฺถํ. จตุกณฺณกํ นาม อุปริโต ทฺเว, เหฏฺโต ทฺเวติ เอวํ จตฺตาโร กณฺเณ ทสฺเสตฺวา นิวตฺถํ. ตาลวณฺฏกํ นาม ตาลวณฺฏากาเรน สาฏกํ โอลมฺพิตฺวา นิวาสนํ. สตวลิกํ นาม ทีฆสาฏกํ อเนกกฺขตฺตุํ โอภุชิตฺวา โอวฏฺฏิกํ กโรนฺเตน นิวตฺถํ, วามทกฺขิณปสฺเสสุ วา นิรนฺตรํ วลิโย ทสฺเสตฺวา นิวตฺถํ. สเจ ปน ชาณุโต ปฏฺาย เอกํ วา ทฺเว วา วลิโย ปฺายนฺติ, วฏฺฏติ. สํเวลฺลิยํ นิวาเสนฺตีติ มลฺลกมฺมการาทโย วิย กจฺฉํ พนฺธิตฺวา นิวาเสนฺติ, เอวํ นิวาเสตุํ คิลานสฺสปิ มคฺคปฺปฏิปนฺนสฺสปิ น วฏฺฏติ. เสตปฏปารุตาทิวเสน น คิหิปารุตํ ปารุปิตพฺพนฺติ เอตฺถ ยํ กิฺจิ เสตปฏปารุตํ ปริพฺพาชกปารุตํ เอกสาฏกปารุตํ โสณฺฑปารุตํ อนฺเตปุริกปารุตํ มหาเชฏฺกปารุตํ กุฏิปเวสกปารุตํ พฺราหฺมณปารุตํ ปาฬิการกปารุตนฺติ เอวมาทิ ปริมณฺฑลลกฺขณโต อฺถา ปารุตํ สพฺพเมตํ คิหิปารุตํ นาม, ตสฺมา ยถา เสตปฏา อฑฺฒปาลกนิคณฺา ¶ ปารุปนฺติ, ยถา จ เอกจฺเจ ปริพฺพาชกา อุรํ วิวริตฺวา ทฺวีสุ อํสกูเฏสุ ปาวุรณํ เปนฺติ, ยถา จ เอกสาฏกา มนุสฺสา นิวตฺถสาฏกสฺส เอเกน อนฺเตน ปิฏฺึ ปารุปิตฺวา อุโภ กณฺเณ อุโภสุ อํสกูเฏสุ เปนฺติ, ยถา จ สุราโสณฺฑาทโย สาฏเกน คีวํ ปริกฺขิปิตฺวา อุโภ อนฺเต อุเร วา โอลมฺเพนฺติ, ปิฏฺิยํ วา ขิเปนฺติ, ยถา จ อนฺเตปุริกาโย อกฺขิตารกมตฺตํ ทสฺเสตฺวา โอคุณฺิกํ ปารุปนฺติ, ยถา จ มหาเชฏฺา ทีฆสาฏกํ นิวาเสตฺวา ตสฺเสว เอเกน อนฺเตน สกลสรีรํ ปารุปนฺติ, ยถา จ กสฺสกา เขตฺตกุฏึ ปวิสนฺตา สาฏกํ ปลิเวเตฺวา อุปกจฺฉเก ปกฺขิปิตฺวา ตสฺเสว เอเกน อนฺเตน สรีรํ ปารุปนฺติ, ยถา จ พฺราหฺมณา อุภินฺนํ อุปกจฺฉกานํ อนฺตเร สาฏกํ ปเวเสตฺวา อํสกูเฏสุ ปารุปนฺติ, ยถา จ ปาฬิการโก ภิกฺขุ เอกํสปารุปเนน ปารุตํ วามพาหุํ วิวริตฺวา จีวรํ อํสกูเฏ อาโรเปติ. เอวํ อปารุปิตฺวา สพฺเพปิ เอเต อฺเ จ เอวรูเป ปารุปนโทเส วชฺเชตฺวา นิพฺพิการํ ปริมณฺฑลํ ปารุปิตพฺพํ. ตถา อปารุปิตฺวา อาราเม วา อนฺตรฆเร วา อนาทเรน ยํ กิฺจิ วิการํ กโรนฺตสฺส ทุกฺกฏํ.
กาชกถา
๔๓. กาชกถายํ ¶ มุณฺฑเวีติ ยถา รฺโ กุหิฺจิ คจฺฉนฺโต ปริกฺขารภณฺฑคฺคหณมนุสฺสาติ อธิปฺปาโย. อุภโตกาชนฺติ เอกสฺมึเยว กาเช ปุรโต จ ปจฺฉโต จ อุโภสุ ภาเคสุ ลคฺเคตฺวา วหิตพฺพภารํ. เอกโตกาชนฺติ เอกโต ปจฺฉโตเยว ลคฺเคตฺวา วหิตพฺพภารํ. อนฺตรากาชนฺติ มชฺเฌ ลคฺเคตฺวา ทฺวีหิ วหิตพฺพภารํ. สีสภาราทโย สีสาทีหิ วหิตพฺพภาราทโย เอว. โอลมฺพกนฺติ หตฺเถน โอลมฺพิตฺวา วหิตพฺพภารํ. เอเตสุ อุภโตกาชเมว น วฏฺฏติ, เสสา วฏฺฏนฺติ.
ทนฺตกฏฺกถา
๔๔. ทนฺตกฏฺกถายํ ¶ ทนฺตกฏฺสฺส อขาทเน ปฺจ โทเส, ขาทเน ปฺจานิสํเส จ ทสฺเสตฺวา ภควตา ภิกฺขูนํ ทนฺตกฏฺํ อนฺุาตํ. ตตฺถ ปฺจ โทสา นาม อจกฺขุสฺสํ, มุขํ ทุคฺคนฺธํ, รสหรณิโย น วิสุชฺฌนฺติ, ปิตฺตํ เสมฺหํ ภตฺตํ ปริโยนนฺธติ, ภตฺตมสฺส นจฺฉาเทตีติ. ตตฺถ อจกฺขุสฺสนฺติ จกฺขูนํ หิตํ น โหติ, ปริหานึ ชเนติ. นจฺฉาเทตีติ น รุจฺจติ. ปฺจานิสํสา วุตฺตปฏิปกฺขโต เวทิตพฺพา. ตโต ทีฆทนฺตกฏฺขาทเน จ อติมทาหกทนฺตกฏฺขาทเน จ ทุกฺกฏํ ปฺเปตฺวา อฏฺงฺคุลปรมํ จตุรงฺคุลปจฺฉิมํ ทนฺตกฏฺํ อนฺุาตํ. ตตฺถ อฏฺงฺคุลํ ปรมํ เอตสฺส ทนฺตกฏฺสฺสาติ อฏฺงฺคุลปรมํ. จตุรงฺคุลํ ปจฺฉิมํ ปมาณํ เอตสฺส ทนฺตกฏฺสฺสาติ จตุรงฺคุลปจฺฉิมํ. อติมทาหกนฺติ อติขุทฺทกํ. อฏฺงฺคุลํ มหาทนฺตกฏฺํ นาม, จตุรงฺคุลํ ขุทฺทกทนฺตกฏฺํ นาม, ปฺจฉสตฺตงฺคุลํ มชฺฌิมทนฺตกฏฺํ นาม. เตน วุตฺตํ ‘‘ทุวิเธน อุทเกน ติวิเธน ทนฺตกฏฺเนา’’ติ. ‘‘อฏฺงฺคุลปรมนฺติ มนุสฺสานํ ปมาณงฺคุเลน อฏฺงฺคุลปรม’’นฺติ อฏฺกถาย (จูฬว. อฏฺ. ๒๘๒) มาห.
เอตฺถ จ ปมาณงฺคุเลนาติ อิทํ ปกติองฺคุเลนาติ คเหตฺวา มนุสฺสานํ ปกติองฺคุเลน อฏฺงฺคุลโต อธิกปฺปมาณํ ทนฺตกฏฺํ น วฏฺฏตีติ วทนฺติ. ตตฺตกเมว จ กตฺวา ขาทนฺติ. อฏฺกถายํ ปน ‘‘มนุสฺสานํ ปมาณงฺคุเลน’’ อิจฺเจว วุตฺตํ, น ‘‘ปกติองฺคุเลนา’’ติ. ตสฺมา ยํ วฑฺฒกิหตฺถโต องฺคุลํ ปมาณํ กตฺวา มนุสฺสา เคหาทีนิ มินนฺติ, เตน มนุสฺสานํ ปมาณงฺคุลภูเตน วฑฺฒกิองฺคุเลน อฏฺงฺคุลปรมนฺติ อตฺโถ คเหตพฺโพ. วุตฺตฺหิ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๒๘๐-๒๘๒) ‘‘ปมาณงฺคุเลนาติ ¶ วฑฺฒกิองฺคุลํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ. วิมติวิโนทนิยฺจ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๒๘๒) ‘‘ปมาณงฺคุเลนาติ วฑฺฒกิองฺคุเลน, เกจิ ปน ‘ปกติองฺคุเลนา’ติ วทนฺติ, ตํ จตุรงฺคุลปจฺฉิมวจเนน สเมติ. น หิ ปกติองฺคุเลน ¶ จตุรงฺคุลปฺปมาณํ ทนฺตกฏฺํ กณฺเ อวิลคฺคํ ขาทิตุํ สกฺกา’’ติ.
รุกฺขโรหนกถา
๔๕. รุกฺขาโรหนกถายํ ปุริโส ปมาโณ ยสฺส รุกฺขสฺสาติ โปริโส, อุทฺธํ อุกฺขิปิตหตฺเถน สทฺธึ มนุสฺสกายปฺปมาโณ ปฺจหตฺถมตฺตอุจฺโจ รุกฺขปเทโส, ตํ โปริสํ รุกฺขํ, อวยเว สมุทายโวหาโร ยถา ‘‘สมุทฺโท ทิฏฺโ’’ติ, อาภุโส ปทนฺติ คจฺฉนฺติ ปวตฺตนฺตีติ อาปทา, ปริสฺสยา. ยาว อตฺโถ อตฺถิ เอตสฺมึ รุกฺเขติ ยาวทตฺโถ, รุกฺโข, อตฺถ-สทฺโท ปโยชนวาจโก. ยาว ตสฺมึ รุกฺเข ภิกฺขุสฺส อตฺโถ ปโยชนํ อตฺถิ, ตาว อภิรุหิตพฺโพติ อธิปฺปาโย. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
ฉนฺทาโรปนกถา
๔๖. ฉนฺทาโรปนกถายํ ฉนฺทโสติ สกฺกฏภาสาย. น อาโรเปตพฺพนฺติ วาจนามคฺคํ น อาโรเปตพฺพํ. สกาย นิรุตฺติยาติ มาคธภาสาย. ตตฺถ สนฺเตหิ กตาติ สกฺกฏา, อฏฺกวามกาทีหิ สมิตปาเปหิ อิสีหิ กตาติ อตฺโถ. อถ วา สกฺกริตพฺพา ปูชิตพฺพาติ สกฺกฏา มนุสฺสานํ หิตสุขาวหนโต, ตทตฺถิเกหิ มนุสฺเสหิ ปูชิตพฺพาติ อตฺโถ. ภาสียเตติ ภาสา, สกฺกฏา จ สา ภาสา จาติ สกฺกฏภาสา. เวทตฺตยคตา นิรุตฺติ, สสฺส เอสาติ สกา, ภควโต วจนนฺตฺยตฺโถ. มคเธ ชาตา มาคธิกา, อาทิกปฺปกาเล มคธรฏฺเ ชาตาติ อตฺโถ. อุจฺจเตติ อุตฺติ, นีหริตฺวา อุตฺติ นิรุตฺติ, ปิฏกตฺตยโต นีหริตฺวา กถียเตตฺยตฺโถ. วุตฺตฺเหตํ โปราเณหิ –
‘‘สา ¶ มาคธี มูลภาสา;
นรา ยายาทิกปฺปิกา;
พฺรหฺมาโน ¶ จาสฺสุตาลาปา;
สมฺพุทฺธา จาปิ ภาสเร’’ติ.
เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
โลกายตกถา
๔๗. โลกายตกถายํ โลกิยนฺติ ปติฏฺหนฺติ ปฺุาปฺุานิ ตพฺพิปาโก จาติ โลโก, สตฺตโลโก. อาภุโส ยตนฺติ วีริยํ กโรนฺติ เอตฺถาติ อายตํ, โลกสฺส อายตํ โลกายตํ, สตฺตานํ ภุโส วีริยกรณฏฺานนฺตฺยตฺโถ. กึ ตํ? ติตฺถิยสตฺถํ. สพฺพํ อุจฺฉิฏฺํ, กสฺมา? สกุณาทีหิ ปริภุตฺตปุพฺพตฺตา. สพฺพํ อนุจฺฉิฏฺํ อิมสฺส อวเสสโภชนสฺส เกนจิ อปริภุตฺตปุพฺพตฺตา. เสโต กาโก อฏฺิสฺส เสตตฺตา, กาโฬ พโก ปาทสฺส กาฬตฺตาติ. นตฺถิ อตฺโถ เอตฺถาติ นิรตฺถกํ, นิรตฺถกเมว การณํ นิรตฺถกการณํ. เตน ปฏิสํยุตฺตํ นิรตฺถกการณปฏิสํยุตฺตํ. ตรนฺติ เอตฺถาติ ติตฺถํ, ปฏฺฏนํ. ติตฺถํ วิยาติ ติตฺถํ, ลทฺธิ, ตํ เอเตสํ อตฺถีติ ติตฺถิยา, วิปรีตทสฺสนา. สาสนฺติ อตฺตโน สาวเก เอตฺถาติ สตฺถํ, ติตฺถิยานํ สตฺถํ ติตฺถิยสตฺถํ. น ติรจฺฉานวิชฺชา ปริยาปุณิตพฺพาติ เอตฺถ ติรจฺฉานวิชฺชา นาม ยา กาจิ พาหิรกา อนตฺถสฺหิตา. น ปริยาปุณิตพฺพาติ อตฺตนา น ปริยาปุณิตพฺพา. น วาเจตพฺพาติ ปเรสํ น วาเจตพฺพา. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
ขิปิตกถา
๔๘. ขิปิตกถายํ ขิปียิตฺถาติ ขิปิโต. ขิปิ อพฺยตฺตสทฺเทติ ธาตุ. ภาเวนภาวลกฺขณตฺตา ตสฺมึ ขิปิเตติ ¶ วิภตฺยนฺตํ. ‘‘ยสฺมึ กิสฺมิฺจิ ปุคฺคเล’’ติ ลกฺขณวนฺตกตฺตา อชฺฌาหริตพฺโพ. ชีวาติ ชีว ปาณธารเณติ ธาตุ, วิภตฺติโลโป. ยสฺมึ กิสฺมิฺจิ ปุคฺคเล ขิปิเต ภิกฺขุนา ‘‘ชีวา’’ติ วจนํ น วตฺตพฺพํ, ภิกฺขุสฺมึ ขิปิเต คิหินา ‘‘ชีวถ ภนฺเต’’ติ วุจฺจมาเน สติ ‘‘จิรํ ชีวา’’ติ ภิกฺขุนา วตฺตุํ วฏฺฏตีติ โยชนา. ‘‘วุจฺจมาเน’’ติ เอตฺถ ปน ลกฺขณสฺส กมฺมวาจกตฺตา เตน สมานาธิกรณํ กมฺมภูตํ ‘‘ภิกฺขุสฺมิ’’นฺติ ลกฺขณวนฺตกมฺมํ อชฺฌาหริตพฺพํ ยถา กึ ‘‘โคสุ ทุยฺหมานาสุ ปุริโส อาคโต’’ติ ¶ . อปเร ปน อาจริยา อีทิเสสุ าเนสุ ‘‘สนฺเตสู’’ติ ปทํ อชฺฌาหริตฺวา อิทเมว ลกฺขณปทํ, ‘‘โคสุ ทุยฺหมานาสู’’ติ ปททฺวยํ ปน ‘‘สนฺเตสู’’ติ เอตฺถ ปกติวิกติวเสน กตฺตา เอวาติ วทนฺติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ.
ลสุณกถา
๔๙. ลสุณกถายํ ‘‘ลสุณํ นาม มาคธก’’นฺติ (ปาจิ. ๗๙๕) ปาฬิยํ อาคตํ. อฏฺกถายํ (ปาจิ. อฏฺ. ๗๙๕) ปน ‘‘มาคธกนฺติ มคเธสุ ชาตํ. มคธรฏฺเ ชาตลสุณเมว หิ อิธ ลสุณนฺติ อธิปฺเปตํ, ตมฺปิ ภณฺฑิกลสุณเมว, น เอกทฺวิติมิฺชกํ. กุรุนฺทิยํ ปน ‘ชาติเทสํ อวตฺวา ‘มาคธกํ นาม ภณฺฑิกลสุณ’นฺติ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. สเจ ทฺเว ตโย ภณฺฑิเก เอกโตเยว สงฺขริตฺวา อชฺโฌหรติ, เอกํ ปาจิตฺติยํ. ภินฺทิตฺวา เอเกกํ มิฺชํ ขาทนฺติยา ปน ปโยคคณนาย ปาจิตฺติยานิ, อิทํ ภิกฺขุนีนํ วเสน ปาจิตฺติยํ, ภิกฺขุสฺส ปน ทุกฺกฏํ.
ปลณฺฑุกาทีนํ วณฺเณน วา มิฺชาย วา นานตฺตํ เวทิตพฺพํ. วณฺเณน ตาว ปลณฺฑุโก นาม ปณฺฑุวณฺโณ โหติ. ภฺชนโก โลหิตวณฺโณ, หริตโก หริตวณฺโณ, มิฺชาย ¶ ปน ปลณฺฑุกสฺส เอกา มิฺชา โหติ, ภฺชนกสฺส ทฺเว, หริตกสฺส ติสฺโส, จาปลสุโณ อมิฺชโก. องฺกุรมตฺตเมว หิ ตสฺส โหติ. มหาปจฺจริยาทีสุ ปน ‘‘ปลณฺฑุกสฺส ตีณิ มิฺชานิ, ภฺชนกสฺส ทฺเว, หริตกสฺส เอก’’นฺติ วุตฺตํ. เอเต ปลณฺฑุกาทโย สภาเวเนว วฏฺฏนฺติ, สูปสมฺปากาทีสุ ปน มาคธกมฺปิ วฏฺฏติ. ตฺหิ ปจฺจมาเนสุ มุคฺคสูปาทีสุ วา มจฺฉมํสวิกติยา วา เตลาทีสุ วา พทรสาฬวาทีสุ วา อมฺพิลปากาทีสุ วา อุตฺตริภงฺเค วา ยตฺถ กตฺถจิ อนฺตมโส ยาคุปตฺเตปิ ปกฺขิปิตุํ วฏฺฏตีติ วุตฺตํ. ‘‘สภาเวเนวาติ สูปสมฺปากาทึ วินาว. พทรสาฬวํ นาม พทรผลานิ สุกฺขาเปตฺวา จุณฺเณตฺวา กตฺตพฺพา ขาทนียวิกตี’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๗๙๓-๗๙๗) วุตฺตํ.
นอกฺกมิตพฺพาทิกถา
๕๐. นอกฺกมิตพฺพาทิกถายํ ‘‘ปริภณฺฑกตภูมิ นาม สณฺหมตฺติกาหิ กตา กาฬวณฺณาทิภูมิ ¶ . เสนาสนํ มฺจปีาทิกาเยว. ตเถว วฬฺเชตุํ วฏฺฏตีติ อฺเหิ อาวาสิเกหิ ภิกฺขูหิ ปริภุตฺตนีหาเรน ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏติ. ‘เนวาสิกา ปกติยา อนตฺถตาย ภูมิยา เปนฺติ เจ, เตสมฺปิ อนาปตฺติเยวา’ติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. ‘ทฺวารมฺปี’ติอาทินา วุตฺตทฺวารวาตปานาทโย อปริกมฺมกตาปิ น อปสฺสยิตพฺพา. โลเมสูติ โลเมสุ ผุสนฺเตสู’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๓๒๔) วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยมฺปิ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๓๒๔) ‘‘ปริภณฺฑกตภูมิ วาติ กาฬวณฺณาทิกตสณฺหภูมิ วา. เสนาสนํ วาติ มฺจปีาทิ วา. ตเถว วฬฺเชตุํ วฏฺฏตีติ อิมินา เนวาสิเกหิ โธตปาทาทีหิ วฬฺชนฏฺาเน สฺจิจฺจ อโธตปาทาทีหิ วฬฺชนฺตสฺเสว อาปตฺติ ปฺตฺตาติ ทสฺเสติ ¶ , ‘ทฺวารมฺปี’ติอาทินา สามฺโต วุตฺตตฺตา ทฺวารวาตปานาทโย อปริกมฺมกตาปิ น อปสฺสยิตพฺพา. อชานิตฺวา อปสฺสยนฺตสฺสปิ อิธ โลมคณนาย อาปตฺตี’’ติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๓๒๓-๓๒๔) ‘‘เนวาสิกา ปกติยา อนตฺถตาย ภูมิยา เปนฺติ เจ, เตสมฺปิ อนาปตฺติเยวาติ ลิขิตํ, ทฺวารวาตปานาทโย อปริกมฺมกตาปิ น อปสฺสยิตพฺพาติ ลิขิต’’นฺติ วุตฺตํ.
อวนฺทิยวนฺทิยกถา
๕๑. อวนฺทิยวนฺทิยกถายํ อิธ ปกรณาจริเยน เสนาสนกฺขนฺธกปาฬิวเสน ทส อวนฺทิยา, ตโย วนฺทิยา จ วุตฺตา, อฏฺกถาฏีกาสุ จ น กิฺจิ วุตฺตา, ตสฺมา อิธ อาคตนเยเนว อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ปริวารปาฬิยํ (ปริ. ๔๖๗ อาทโย) ปน อุปาลิปฺจเก ปฺจปฺจกวเสน ปฺจวีสติ อวนฺทิยา, ปฺจ วนฺทิยา จ วุตฺตา. กถํ? ‘‘กติ นุ โข, ภนฺเต, อวนฺทิยาติ? ปฺจิเม, อุปาลิ, อวนฺทิยา. กตเม ปฺจ? อนฺตรฆรํ ปวิฏฺโ อวนฺทิโย, รจฺฉคโต อวนฺทิโย, โอตมสิโก อวนฺทิโย, อสมนฺนาหรนฺโต อวนฺทิโย, สุตฺโต อวนฺทิโย. อิเม โข, อุปาลิ, ปฺจ อวนฺทิยา. อปเรปิ, อุปาลิ, ปฺจ อวนฺทิยา. กตเม ปฺจ? ยาคุปาเน อวนฺทิโย, ภตฺตคฺเค อวนฺทิโย, เอกาวตฺโต อวนฺทิโย, อฺวิหิโต อวนฺทิโย, นคฺโค อวนฺทิโย. อิเม โข, อุปาลิ, ปฺจ อวนฺทิยา. อปเรปิ, อุปาลิ, ปฺจ อวนฺทิยา. กตเม ปฺจ? ขาทนฺโต อวนฺทิโย, ภฺุชนฺโต อวนฺทิโย, อุจฺจารํ กโรนฺโต อวนฺทิโย, ปสฺสาวํ กโรนฺโต อวนฺทิโย, อุกฺขิตฺตโก อวนฺทิโย. อิเม โข, อุปาลิ, ปฺจ อวนฺทิยา. อปเรปิ, อุปาลิ, ปฺจ อวนฺทิยา. กตเม ปฺจ? ปุเรอุปสมฺปนฺเนน ¶ ปจฺฉาอุปสมฺปนฺโน อวนฺทิโย, อนุปสมฺปนฺโน อวนฺทิโย ¶ , นานาสํวาสโก วุฑฺฒตโร อธมฺมวาที อวนฺทิโย, มาตุคาโม อวนฺทิโย, ปณฺฑโก อวนฺทิโย. อิเม โข, อุปาลิ, ปฺจ อวนฺทิยา. อปเรปิ, อุปาลิ, ปฺจ อวนฺทิยา. กตเม ปฺจ? ปาริวาสิโก อวนฺทิโย, มูลายปฏิกสฺสนารโห อวนฺทิโย, มานตฺตารโห อวนฺทิโย, มานตฺตจาริโก อวนฺทิโย, อพฺภานารโห อวนฺทิโย. อิเม โข, อุปาลิ, ปฺจ อวนฺทิยา’’ติ.
‘‘กติ นุ โข, ภนฺเต, วนฺทิยาติ? ปฺจิเม, อุปาลิ, วนฺทิยา. กตเม ปฺจ? ปจฺฉาอุปสมฺปนฺเนน ปุเรอุปสมฺปนฺโน วนฺทิโย, นานาสํวาสโก วุฑฺฒตโร ธมฺมวาที วนฺทิโย, อาจริโย วนฺทิโย, อุปชฺฌาโย วนฺทิโย, สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วนฺทิโย. อิเม โข, อุปาลิ, ปฺจ วนฺทิยา’’ติ.
อฏฺกถายฺจ (ปริ. อฏฺ. ๔๖๗) ‘‘โอตมสิโตติ อนฺธการคโต. ตฺหิ วนฺทนฺตสฺส มฺจปาทาทีสุปิ นลาฏํ ปฏิหฺเยฺย. อสมนฺนาหรนฺโตติ กิจฺจปฺปสุตตฺตา วนฺทนํ อสมนฺนาหรนฺโต. สุตฺโตติ นิทฺทํ โอกฺกนฺโต. เอกาวตฺโตติ เอกโต อาวตฺโต สปตฺตปกฺเข ิโต เวรี วิสภาคปุคฺคโล วุจฺจติ, อยํ อวนฺทิโย. อยฺหิ วนฺทิยมาโน ปาเทนปิ ปหเรยฺย. อฺวิหิโตติ อฺํ จินฺตยมาโน. ขาทนฺโตติ ปิฏฺขชฺชกาทีนิ ขาทนฺโต. อุจฺจารฺจ ปสฺสาวฺจ กโรนฺโต อโนกาสคตตฺตา อวนฺทิโย. อุกฺขิตฺตโกติ ติวิเธนปิ อุกฺเขปนียกมฺเมน อุกฺขิตฺตโก อวนฺทิโย, ตชฺชนียาทิกมฺมกตา ปน จตฺตาโร วนฺทิตพฺพา, อุโปสถปวารณาปิ เตหิ สทฺธึ ลพฺภนฺติ. อาทิโต ปฏฺาย จ วุตฺเตสุ อวนฺทิเยสุ นคฺคฺจ อุกฺขิตฺตกฺจ วนฺทนฺตสฺเสว โหติ อาปตฺติ ¶ , อิตเรสํ ปน อสารุปฺปฏฺเน จ อนฺตรา วุตฺตการเณน จ วนฺทนา ปฏิกฺขิตฺตา. อิโต ปรํ ปจฺฉาอุปสมฺปนฺนาทโย ทสปิ อาปตฺติวตฺถุภาเวเนว อวนฺทิยา. เต วนฺทนฺตสฺส หิ นิยเมเนว อาปตฺติ. อิติ อิเมสุ ปฺจสุ ปฺจเกสุ เตรส ชเน วนฺทนฺตสฺส อนาปตฺติ, ทฺวาทสนฺนํ วนฺทนาย อาปตฺติ. อาจริโย วนฺทิโยติ ปพฺพชฺชาจริโย อุปสมฺปทาจริโย นิสฺสยาจริโย อุทฺเทสาจริโย โอวาทาจริโยติ อยํ ปฺจวิโธปิ อาจริโย วนฺทิโย’’ติ อาคโต.
‘‘อนฺตรา ¶ วุตฺตการเณนาติ ตฺหิ วนฺทนฺตสฺส มฺจปาทาทีสุ นลาฏํ ปฏิหฺเยฺยาติอาทินา วุตฺตการเณนา’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปริวาร ๓.๔๖๗) วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏิ. ปริวาร ๒.๔๖๗) ปน ‘‘มฺจปาทาทีสุปิ นลาฏํ ปฏิหฺเยฺยาติ อนฺธกาเร จมฺมขณฺฑํ ปฺเปตฺวา วนฺทิตุํ โอนมนฺตสฺส นลาฏํ วา อกฺขิ วา มฺจาทีสุ ปฏิหฺติ. เอเตน วนฺทโตปิ อาปตฺติอภาวํ วตฺวา วนฺทนาย สพฺพถา ปฏิกฺเขปาภาวฺจ ทีเปติ. เอวํ สพฺพตฺถ สุตฺตนฺตเรหิ อปฺปฏิกฺขิตฺเตสุ. นคฺคาทีสุ ปน วนฺทิตุํ น วฏฺฏตีติ. เอกโต อาวตฺโตติ เอกสฺมึ โทสาคติปกฺเข ปริวตฺโต, ปวิฏฺโติ อตฺโถ. เตนาห ‘สปตฺตปกฺเข ิโต’ติ. วนฺทิยมาโนติ โอนมิตฺวา วนฺทิยมาโน. วนฺทิตพฺเพสุ อุทฺเทสาจริโย นิสฺสยาจริโย จ ยสฺมา นวกาปิ โหนฺติ, ตสฺมา ‘เต วุฑฺฒา เอว วนฺทิยา’ติ วนฺทิตพฺพา’’ติ อาคตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปริวาร ๔๖๗) ‘‘เอกาวตฺโตติปิ ปนฺติ, ตสฺส กุทฺโธ โกธาภิภูโตติ กิร อตฺโถ. เอกวตฺโถติปิ เกจิ, อุตฺตราสงฺคํ อปเนตฺวา ิโตติ กิร อตฺโถ. ตํ สพฺพํ อฏฺกถายํ อุทฺธฏปาฬิยา วิรุชฺฌติ. เอกาวตฺโตติ หิ อุทฺธฏํ, ตสฺมา น คเหตพฺพํ. อนฺตรา วุตฺตการเณนาติ กิจฺจปฺปสุตตฺตา อสมนฺนาหรนฺโต ¶ ‘นลาฏํ ปฏิหฺเยฺยา’ติอาทิวุตฺตการเณนา’’ติ อาคตํ.
ทุติยคาถาสงฺคณิกฏฺกถายํ (ปริ. อฏฺ. ๔๗๗) ‘‘ทส ปุคฺคลา นาภิวาเทตพฺพาติ เสนาสนกฺขนฺธเก วุตฺตา ทส ชนา. อฺชลิสามีเจน จาติ สามีจิกมฺเมน สทฺธึ อฺชลิ จ เตสํ น กาตพฺโพ. เนว ปานียปุจฺฉนตาลวณฺฏคฺคหณาทิ ขนฺธกวตฺตํ เตสํ ทสฺเสตพฺพํ, น อฺชลิ ปคฺคณฺหิตพฺโพติ อตฺโถ. ทสนฺนํ ทุกฺกฏนฺติ เตสํเยว ทสนฺนํ เอวํ กโรนฺตสฺส ทุกฺกฏํ โหตี’’ติ อาคตํ, ตสฺมา อฺชลิกมฺมมตฺตมฺปิ เนสํ น กตฺตพฺพนฺติ.
‘‘นวกตเรน, ภนฺเต, ภิกฺขุนา วุฑฺฒตรสฺส ภิกฺขุโน ปาเท วนฺทนฺเตน กติ ธมฺเม อชฺฌตฺตํ อุปฏฺาเปตฺวา ปาทา วนฺทิตพฺพาติ? นวกตเรนุปาลิ, ภิกฺขุนา วุฑฺฒตรสฺส ภิกฺขุโน ปาเท วนฺทนฺเตน ปฺจ ธมฺเม อชฺฌตฺตํ อุปฏฺาเปตฺวา ปาทา วนฺทิตพฺพา. กตเม ปฺจ? นวกตเรนุปาลิ, ภิกฺขุนา วุฑฺฒตรสฺส ภิกฺขุโน ปาเท วนฺทนฺเตน เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา อุโภหิ ปาณิตเลหิ ปาทานิ ปริสมฺพาหนฺเตน เปมฺจ คารวฺจ อุปฏฺาเปตฺวา ปาทา วนฺทิตพฺพา. นวกตเรนุปาลิ, ภิกฺขุนา วุฑฺฒตรสฺส ภิกฺขุโน ปาเท วนฺทนฺเตน ¶ อิเม ปฺจ ธมฺเม อชฺฌตฺตํ อุปฏฺาเปตฺวา ปาทา วนฺทิตพฺพา’’ติ (ปริ. ๔๖๙) อิมสฺมึ าเน สมฺมาสมฺพุทฺเธน อายสฺมโต อุปาลิสฺส วนฺทนานโยว อาจิกฺขิโต.
ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวาติ เอตฺถ ปฺจสรูปฺจ กถิตํ. กถํ? วุฑฺฒตรสฺส ปาเท วนฺทนฺเตน อุโภ อํเส วิวริตฺวา วนฺทิตพฺพา, น จ อุโภ อํเส ปารุปิตฺวา วนฺทิตพฺพา, อถ โข เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา วนฺทิตพฺพาติ. เอเตน สงฺฆาฏิ ปน เอกํสํ กตาปิ อกตาปิ นตฺถิ โทโสติ ปกาสิโต ¶ โหติ. ‘‘ทสนขสโมธานสมุชฺชลํ กรปุฏสงฺขาตํ อฺชลึ ปคฺคเหตฺวาว วนฺทิตพฺพา, น หตฺถตลปกาสนมตฺเตน วา น หตฺถมุฏฺิปกาสนาทินา วา วนฺทิตพฺพา’’ติ จ ‘‘น เอเกน หตฺเถน จีวรกณฺณฉุปนาทิมตฺเตน วนฺทิตพฺพา, อถ โข อุโภหิ ปาณิตเลหิ ปาทานิ ปริสมฺพาหนฺเตน วนฺทิตพฺพา’’ติ จ ‘‘เอวํ วนฺทนฺเตหิ น ทุฏฺจิตฺตฺจ อนาทรฺจ อุปฏฺาเปตฺวา วนฺทิตพฺพา, อถ โข เปมฺจ คารวฺจ อุปฏฺาเปตฺวา ปาทา วนฺทิตพฺพา’’ติ จ เอวํ วนฺทนานโย อาจิกฺขิโต โหติ.
กถํ ปฺจปติฏฺิตสรูปํ กถิตํ? อิธ เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวาติ เอกํ, อฺชลึ ปคฺคเหตฺวาติ เอกํ, อุโภหิ ปาณิตเลหิ ปาทานิ ปริสมฺพาหนฺเตนาติ เอกํ, เปมฺจ อุปฏฺาเปตฺวาติ เอกํ, คารวฺจ อุปฏฺาเปตฺวาติ เอกํ, เอวํ ปฺจปติฏฺิตสรูปํ กถิตํ โหติ. เตนาห ‘‘ปฺจ ธมฺเม อชฺฌตฺตํ อุปฏฺาเปตฺวา ปาทา วนฺทิตพฺพา’’ติ. เอวํ สกลโลกสฺส หิตสุขการเกน ธมฺมสฺสามินา กายปณามมโนปณามวเสน มหโต หิตสุขสฺส ปวตฺตนตฺถํ อายสฺมโต อุปาลิตฺเถรสฺส อาจิกฺขิเตน วนฺทนานเยน วนฺทิตุํ วฏฺฏติ.
อิทานิ ปน อาจริยา อภินวอาคตานํ ทหรานฺจ สามเณรานฺจ วนฺทนานยํ สิกฺขนฺตา น อิมํ อาหจฺจภาสิตํ ปาฬึ คเหตฺวา สิกฺขนฺติ, อถ โข ปเวณีอาคตนยํเยว คเหตฺวา สิกฺขนฺติ. กถํ? ยทิ ตฺวา วนฺทถ, ทฺเว ปาทตลานิ สมํ ภูมิยํ ปติฏฺาเปตฺวา ทฺเว หตฺถตลานิ สมํ ผุสาเปตฺวา นลาเฏ ปติฏฺาเปตฺวา วนฺทิตพฺพาภิมุขํ โอนมิตฺวา วนฺทถาติ, อยํ นโย ‘‘เอวํ มหาสตฺโต สุวณฺณกทลิ วิย พาราณสินคราภิมุขํ โอนมิตฺวา มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา’’ติ อิมํ ชาตกฏฺกถาวจนฺจ ‘‘ทสนขสโมธานสมุชฺชลํ อฺชลึ ปคฺคยฺห สิรสฺมึ ปติฏฺาเปตฺวา’’ติอาทิอฏฺกถาวจนฺจ ¶ อนุโลเมติ. อิธ ปน ทฺเว ปาทตลานิ, ทฺเว หตฺถตลานิ, นลาฏฺจาติ ปฺจสุ ปติฏฺิตานีติ สรูปํ วทนฺติ. ยทิ นิสีทิตฺวา วนฺทถ, ปมํ ทฺเว ปาทตลานิ ¶ ภูมิยํ สมํ ปติฏฺาเปตฺวา ทฺเว ชาณุมณฺฑลานิ สมํ อุสฺสาเปตฺวา ทฺเว กปฺปรานิ ทฺวินฺนํ ชาณูนํ อุปริ สมํ เปตฺวา ทฺเว หตฺถตลานิ สมํ ผุสิตานิ กตฺวา อฺชลิสงฺขาตํ กรปุฏํ สิรสงฺขาเต นลาเฏ ปติฏฺาเปตฺวา วนฺทถ. ตโต โอนมิตฺวา ทฺเว ชาณุมณฺฑลานิ จ ทฺเว กปฺปรานิ จ ภูมิยํ สมํ ปติฏฺาเปตฺวา ทฺเว หตฺถตลานิ ปสาเรตฺวา สมํ ภูมิยํ เปตฺวา สีสํ อุภินฺนํ หตฺถปิฏฺีนํ อุปริ กตฺวา ภูมิยํ ปติฏฺาเปตฺวา วนฺทถาติ. เอตฺถ ตุ ทฺเว ปาทตลานิ เอกํ กตฺวา, ตถา ทฺเว ชาณุมณฺฑลานิ เอกํ, ทฺเว กปฺปรานิ เอกํ, ทฺเว หตฺถตลานิ เอกํ, สีสํ เอกํ กตฺวา ปฺจปติฏฺิตสรูปํ กเถนฺติ. เอส นโย ปาฬิอฏฺกถาฏีกาสุ น ทิฏฺโ.
สมีปํ คนฺตฺวา ปาทานํ วนฺทนกาเล ปน เอกจฺเจ ปมํ อตฺตโน สีสํ หตฺเถน ปรามสิตฺวา เตน หตฺถทฺวเยน เถรานํ ชาณุมณฺฑลํ จีวรสฺส อุปริเยว สมฺพาหนฺติ. เอกจฺเจ ปมํ เถรานํ ชาณุมณฺฑลํ สจีวรํเยว ปรามสิตฺวา เตเนว หตฺถทฺวเยน อตฺตโน สีสํ ปรามสนฺติ. เอกจฺเจ ฉุปนมตฺตเมว กโรนฺติ. เอสปิ นโย น กิสฺมิฺจิ ทิฏฺโ. รามฺเทสิยา ปน ภิกฺขู เอวํ สมีปํ คนฺตฺวา วนฺทนกาเล เถรานํ ปาทคฺคํ อปสฺสนฺตาปิ ปริเยสิตฺวา จีวรโต นีหริตฺวา ปาทคฺคเมว ปุนปฺปุนํ หตฺเถน สมฺพาหิตฺวา สีเสน ปวฏฺเฏตฺวา จุมฺพิตฺวา เลหิตฺวา จิรปฺปวาสาคตปิยมนาปอุปชฺฌายํ วา อาจริยํ วา ปสฺสนฺตา วิย กตฺวา วนฺทนฺติ. ตํ กิริยํ ปริวารปาฬิยํ ‘‘อุโภหิ ปาณิตเลหิ ปาทานิ ปริสมฺพาหนฺเตน เปมฺจ คารวฺจ อุปฏฺาเปตฺวา ปาทา วนฺทิตพฺพา’’ติ อาคตปาฬิยา สํสนฺทติ ¶ วิย ทิสฺสติ. เตปิ น สพฺเพ ปาฬึ ปสฺสนฺติ, ปเวณีวเสเนว กโรนฺติ, ตสฺมา สพฺเพสํ หิตตฺถํ ปาฬินโย อมฺเหหิ อุทฺธโฏ. ปเวณีอาคตนยโต หิ ปาฬินโย พลวตโร, ตสฺมา ภควโต อาณํ ครุํ กโรนฺเตหิ สปฺปุริเสหิ ปาฬินโย สมาเสวิตพฺโพติ อมฺหากํ ขนฺติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ.
อาสนฺทาทิกถา
๕๕. อาสนฺทาทิกถายํ จตุรสฺสปีนฺติ สมจตุรสฺสํ. อฏฺงฺคุลปาทํ วฏฺฏตีติ อฏฺงฺคุลปาทกเมว วฏฺฏติ. ปมาณาติกฺกนฺโตปิ วฏฺฏตีติ สมจตุรสฺสเมว สนฺธาย วุตฺตํ. อายตจตุรสฺสา ปน สตฺตงฺคปฺจงฺคาปิ อุจฺจปาทา น วฏฺฏนฺติ. เวตฺเตเหว จตุรสฺสาทิอากาเรน กตํ ภทฺทปีนฺติ อาห ‘‘เวตฺตมยปี’’นฺติ. ทารุปฏฺฏิกาย อุปรีติ อฏนิอากาเรน ิตทารุปฏลสฺส เหฏฺา. อุทฺธํ ปาทํ กตฺวา ปเวสนกาลฺหิ สนฺธาย ‘‘อุปรี’’ติ วุตฺตํ. เอฬกสฺส ¶ ปจฺฉิมปาททฺวยํ วิย วงฺกากาเรน ิตตฺตา ปเนตํ ‘‘เอฬกปาทปี’’นฺติ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๒๙๗) วุตฺตํ.
อุจฺจาสยนมหาสยนกถา
๕๖. อุจฺจาสยนมหาสยนกถายํ ‘‘วาฬรูปานีติ อาหริมานิ วาฬรูปานิ, ‘อกปฺปิยรูปากุโล อกปฺปิยมฺโจ ปลฺลงฺโก’ติ สารสมาเส วุตฺตํ. ทีฆโลมโก มหาโกชโวติ จตุรงฺคุลาธิกโลโม กาฬโกชโว. ‘จตุรงฺคุลาธิกานิ กิร ตสฺส โลมานี’ติ วจนโต จตุรงฺคุลโต เหฏฺา วฏฺฏตีติ วทนฺติ. วานจิตฺโร อุณฺณามยตฺถรโณติ ภิตฺติจฺเฉทาทิวเสน วิจิตฺโร อุณฺณามยตฺถรโณ. ฆนปุปฺผโก อุณฺณามยตฺถรโณติ อุณฺณามยโลหิตตฺถรโณ ¶ . ปกติตูลิกาติ รุกฺขตูลลตาตูลโปฏกีตูลสงฺขาตานํ ติณฺณํ ตูลานํ อฺตรปุณฺณา ตูลิกา. ‘อุทฺทโลมีติ อุภโตทสํ อุณฺณามยตฺถรณํ. เอกนฺตโลมีติ เอกโตทสํ อุณฺณามยตฺถรณ’นฺติ ทีฆนิกายฏฺกถายํ วุตฺตํ. สารสมาเส ปน ‘อุทฺทโลมีติ เอกโตอุคฺคตปุปฺผํ. เอกนฺตโลมีติ อุภโตอุคฺคตปุปฺผ’นฺติ วุตฺตํ. ‘โกเสยฺยกฏฺฏิสฺสมยนฺติ โกเสยฺยกสฏมย’นฺติ อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน วุตฺตํ. สุทฺธโกเสยฺยนฺติ รตนปริสิพฺพนรหิตํ. ทีฆนิกายฏฺกถายํ ปเนตฺถ ‘เปตฺวา ตูลิกํ สพฺพาเนว โคนกาทีนิ รตนปริสิพฺพิตานิ น วฏฺฏนฺตี’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘เปตฺวา ตูลิก’นฺติ เอเตน รตนปริสิพฺพนรหิตาปิ ตูลิกา น วฏฺฏตีติ ทีเปติ. ‘รตนปริสิพฺพิตานิ น วฏฺฏนฺตี’ติ อิมินา ปน ยานิ รตนปริสิพฺพิตานิ, ตานิ ภูมตฺถรณวเสน ยถานุรูปํ มฺจาทีสุ จ อุปเนตุํ วฏฺฏตีติ ทีปิตนฺติ เวทิตพฺพํ. เอตฺถ จ วินยปริยายํ ปตฺวา ครุเก าตพฺพตฺตา อิธ วุตฺตนเยเนเวตฺถ วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ. สุตฺตนฺติกเทสนาย ปน คหฏฺานมฺปิ วเสน วุตฺตตฺตา เตสํ สงฺคณฺหนตฺถํ ‘เปตฺวา ตูลิกํ…เป… วฏฺฏตี’ติ วุตฺตนฺติ อปเร.
อชินจมฺเมหีติ อชินมิคจมฺเมหิ. ตานิ กิร จมฺมานิ สุขุมตรานิ, ตสฺมา ทุปฏฺฏติปฏฺฏานิ กตฺวา สิพฺพนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘อชินปฺปเวณี’ติ. อุตฺตรํ อุปริภาคํ ฉาเทตีติ อุตฺตรจฺฉโท, วิตานํ, ตฺจ โลหิตวิตานํ อิธาธิปฺเปตนฺติ อาห ‘อุปริพทฺเธน รตฺตวิตาเนนา’ติ, ‘รตฺตวิตาเนสุ จ กาสาวํ วฏฺฏติ, กุสุมฺภาทิรตฺตเมว น วฏฺฏตี’ติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. มหาอุปธานนฺติ ปมาณาติกฺกนฺตํ อุปธานํ. เอตฺถ จ กิฺจาปิ ทีฆนิกายฏฺกถายํ ‘อโลหิตกานิ ทฺเวปิ วฏฺฏนฺติเยว, ตโต อุตฺตริ ลภิตฺวา อฺเสํ ¶ ทาตพฺพานิ. ทาตุมสกฺโกนฺโต ¶ มฺเจ ติริยํ อตฺถริตฺวา อุปริปจฺจตฺถรณํ ทตฺวา นิปชฺชิตุมฺปิ ลภตี’ติ อวิเสเสน วุตฺตํ, เสนาสนกฺขนฺธกวณฺณนายํ (จูฬว. อฏฺ. ๒๙๗) ปน ‘อคิลานสฺส สีสูปธานฺจ ปาทูปธานฺจาติ ทฺวยเมว วฏฺฏติ. คิลานสฺส พิมฺโพหนานิ สนฺถริตฺวา อุปริ จ ปจฺจตฺถรณํ ทตฺวา นิปชฺชิตุมฺปิ วฏฺฏตี’ติ วุตฺตตฺตา คิลาโนเยว มฺเจ ติริยํ อตฺถริตฺวา นิปชฺชิตุํ วฏฺฏตีติ เวทิตพฺพํ. อภินิสฺสาย นิสีทิตุนฺติ อปสฺสาย นิสีทิตุ’’นฺติ เอตฺตโก วินิจฺฉโย สารตฺถทีปนิยํ อาคโต.
วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๕๔) – ปน วาฬรูปานีติ อาหริมานิ วาฬรูปานิ. จตุรงฺคุลาธิกานีติ อุทฺทโลมีเอกนฺตโลมีหิ วิเสสทสฺสนํ. จตุรงฺคุลโต หิ อูนานิ กิร อุทฺทโลมีอาทีสุ ปวิสนฺติ. วานจิตฺโร อุณฺณามยตฺถรโณติ นานาวณฺเณหิ อุณฺณามยสุตฺเตหิ ภิตฺติจฺเฉทาทิวเสน วายิตฺวา กตจิตฺตตฺถรโณ. ฆนปุปฺผโกติ พหลราโค. ปกติตูลิกาติ ตูลปุณฺณา ภิสิ. วิกติกาติ สีหรูปาทิวเสน วานจิตฺราว คยฺหติ. ‘‘อุทฺทโลมีติ อุภโตทสํ อุณฺณามยตฺถรณํ. เอกนฺตโลมีติ เอกนฺตทสํ อุณฺณามยตฺถรณ’’นฺติ ทีฆนิกายฏฺกถายํ วุตฺตํ. โกเสยฺยกฏฺฏิสฺสมยนฺติ โกสิยสุตฺตานํ อนฺตรา สุวณฺณมยสุตฺตานิ ปเวเสตฺวา วีตํ, สุวณฺณสุตฺตํ กิร กฏฺฏิสฺสํ กสฏนฺติ จ วุจฺจติ. เตเนว ‘‘โกเสยฺยกสฏมย’’นฺติ อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน วุตฺตนฺติ วทนฺติ. รตนปริสิพฺพิตนฺติ สุวณฺณลิตฺตํ. สุทฺธโกเสยฺยนฺติ รตนปริสิพฺพนรหิตํ.
อชินมิคจมฺมานํ อติสุขุมตฺตา ทุปฏฺฏติปฏฺฏานิ กตฺวา สิพฺพนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘อชินปฺปเวณี’’ติ. รตฺตวิตาเนนาติ สพฺพรตฺเตน ¶ วิตาเนน. ยํ ปน นานาวณฺณํ วานจิตฺตํ วา เลปจิตฺตํ วา, ตํ วฏฺฏติ. อุภโตโลหิตกูปธาเนปิ เอเสว นโย. จิตฺรํ วาติ อิทํ ปน สพฺพถา กปฺปิยตฺตา วุตฺตํ, น ปน อุภโตอุปธาเนสุ อกปฺปิยตฺตา. น หิ โลหิตกสทฺโท จิตฺเต วฏฺฏติ. ปฏลิคฺคหเณเนว จิตฺตกสฺสปิ อตฺถรณสฺส สงฺคเหตพฺพปฺปสงฺคโต. กาสาวํ ปน โลหิตงฺคโวหารํ น คจฺฉติ, ตสฺมา วิตาเนปิ อุภโตอุปธาเนปิ วฏฺฏติ. สเจ ปมาณยุตฺตนฺติอาทิ อฺสฺส ปมาณาติกฺกนฺตสฺส พิมฺโพหนสฺส ปฏิกฺขิตฺตภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, น ปน อุจฺจาสยนมหาสยนภาวทสฺสนตฺถํ ตถา อวุตฺตตฺตา, ตํ ปน อุปธานํ อุโปสถิกานํ คหฏฺานํ วฏฺฏติ. อุจฺจาสยนมหาสยนเมว หิ ตทา เตสํ น วฏฺฏติ. ทีฆนิกายฏฺกถาทีสุ กิฺจาปิ ‘‘เปตฺวา ตูลิกํ สพฺพาเนว โคนกาทีนิ รตนปริสิพฺพิตานิ น วฏฺฏนฺตี’’ติ วุตฺตํ, วินยฏฺกถา ¶ เอว ปน กปฺปิยากปฺปิยภาเว ปมาณนฺติ คเหตพฺพํ. อภินิสฺสายาติ อปสฺสายาติ วุตฺตํ.
ปาสาทปริโภคกถา
ปาสาทปริโภคกถายํ สารตฺถทีปนิยํ วชิรพุทฺธิฏีกายฺจ น กิฺจิ วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๓๒๐) ปน ‘‘สุวณฺณรชตาทิวิจิตฺรานีติ สงฺฆิกเสนาสนํ สนฺธาย วุตฺตํ. ปุคฺคลิกํ ปน สุวณฺณาทิวิจิตฺรํ ภิกฺขุสฺส สมฺปฏิจฺฉิตุเมว น วฏฺฏติ ‘น เกนจิ ปริยาเยน ชาตรูปรชตํ สาทิตพฺพ’นฺติ (มหาว. ๒๙๙) วุตฺตตฺตา. เตเนเวตฺถ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๐) ‘สงฺฆิกวิหาเร วา ปุคฺคลิกวิหาเร วา’ติ วุตฺตํ. โคนกาทิอกปฺปิยภณฺฑวิสเย เอว วุตฺตํ เอกภิกฺขุสฺสปิ เตสํ คหเณ โทสาภาวา’’ติ วุตฺตํ.
อุปาหนกถา
อุปาหนกถายํ ¶ ‘‘อทฺทาริฏฺกวณฺณาติ อภินวาริฏฺผลวณฺณา, อุทเกน ตินฺตกากปตฺตวณฺณาติปิ วทนฺติ. อุณฺณาหิ กตปาทุกาติ อุณฺณาโลมมยกมฺพเลหิ, อุณฺณาโลเมหิ เอว วา กตปาทุกา. กาฬสีโหติ กาฬมุขวานรชาติ. เสสเมตฺถ ปาฬิโต จ อฏฺกถาโต จ สุวิฺเยฺยเมวา’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๒๔๖) วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๔๖) ปน ‘‘อทฺทาริฏฺกวณฺณาติ อลฺลาริฏฺผลวณฺณา, ตินฺตกากปกฺขวณฺณาติปิ วทนฺติ. รชนนฺติ อุปริลิตฺตนีลาทิวณฺณํ สนฺธาย วุตฺตํ. เตนาห ‘โจฬเกน ปฺุฉิตฺวา’ติ. ตฺหิ ตถา ปฺุฉิเต วิคจฺฉติ. ยํ ปน จมฺมสฺส ทุคฺคนฺธาปนยนตฺถํ กาฬรตฺตาทิรชเนหิ รฺชิตตฺตา กาฬรตฺตาทิวณฺณํ โหติ, ตํ โจฬาทีหิ อปเนตุํ น สกฺกา จมฺมคติกเมว, ตสฺมา ตํ วฏฺฏตีติ ทฏฺพฺพํ. ขลฺลกนฺติ สพฺพปณฺหิปิธานจมฺมํ อปริคฬนตฺถํ ปณฺหิยา อุปริภาเค อปิธาย อาโรปนพนฺธนมตฺตํ วฏฺฏติ. วิจิตฺราติ สณฺานโต วิจิตฺรปฏฺฏา อธิปฺเปตา, น วณฺณโต สพฺพโส อปเนตพฺเพสุ ขลฺลกาทีสุ ปวิฏฺตฺตา. พิฬาลสทิสมุขตฺตา มหาอุลูกา ปกฺขิพิฬาลาติ วุจฺจนฺติ, เตสํ จมฺมํ นาม ปกฺขโลมเมว. อุณฺณาหิ กตปาทุกาติ เอตฺถ อุณฺณามยกมฺพเลหิ กตปาทุกา สงฺคยฺหนฺติ. กาฬสีโหติ ¶ กาฬมุขวานรชาติ. จมฺมํ น วฏฺฏตีติ นิสีทนตฺถรณํ กาตุํ น วฏฺฏติ, ภูมตฺถรณาทิวเสน ปริโภโค วฏฺฏเตวา’’ติ วุตฺตํ.
วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๒๕๙) ปน ‘‘มิคมาตุโกติ ตสฺส นามํ, วาตมิโคติ จ ตสฺส นามํ. ‘กาฬสีโห กาฬมุโข กปี’ติ ลิขิตํ. จมฺมํ น วฏฺฏตีติ เยน ปริยาเยน จมฺมํ วฏฺฏิสฺสติ, โส ปรโต อาวิภวิสฺสติ. ‘อตฺตโน ปุคฺคลิกวเสน ¶ ปจฺจาหาโร ปฏิกฺขิตฺโต’ติ วุตฺตํ. ‘น, ภิกฺขเว, กิฺจิ จมฺมํ ธาเรตพฺพ’นฺติ เอตฺตาวตา สิทฺเธ ‘น, ภิกฺขเว, โคจมฺม’นฺติ อิทํ ปรโต ‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สพฺพปจฺจนฺติเมสุ ชนปเทสุ จมฺมานิ อตฺถรณานี’ติ (มหาว. ๒๕๙) เอตฺถ อนุมติปฺปสงฺคภยา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ.
ยานกถา
ยานกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปุริสยุตฺตํ หตฺถวฏฺฏก’’นฺติ (มหาว. ๒๕๓) เอตฺถ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปุริสยุตฺตํ, อนุชานามิ, ภิกฺขเว, หตฺถวฏฺฏกนฺติ เอวํ ปจฺเจกํ วากฺยปริสมาปนํ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘ปุริสยุตฺตํ อิตฺถิสารถิ วา…เป… ปุริสา วา, วฏฺฏติเยวา’’ติ. ‘‘ปีกสิวิกนฺติ ปีกยานํ. ปาฏงฺกินฺติ อนฺโทลิกาเยตํ อธิวจน’’นฺติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๒๕๓) วุตฺตํ, ‘‘ปีกสิวิกนฺติ ผลกาทินา กตํ ปีกยานํ. ปฏโปตลิกํ อนฺโทลิกา. สพฺพมฺปิ ยานํ อุปาหเนนปิ คนฺตุํ อสมตฺถสฺส คิลานสฺส อนฺุาต’’นฺติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๕๓).
จีวรกถา
๕๗. จีวรกถายํ ‘‘อหตกปฺปานนฺติ เอกวารโธตานํ. อุตุทฺธฏานนฺติ อุตุโต ทีฆกาลโต อุทฺธฏานํ หตวตฺถกานํ, ปิโลติกานนฺติ วุตฺตํ โหติ. ปาปณิเกติ อนฺตราปณโต ปติตปิโลติกจีวเร. อุสฺสาโห กรณีโยติ ปริเยสนา กาตพฺพา. ปริจฺเฉโท ปเนตฺถ นตฺถิ, ปฏฺฏสตมฺปิ วฏฺฏติ. สพฺพมิทํ สาทิยนฺตสฺส ภิกฺขุโน วเสน วุตฺตํ. อคฺคฬํ ตุนฺนนฺติ เอตฺถ อุทฺธริตฺวา อลฺลียาปนขณฺฑํ อคฺคฬํ, สุตฺเตน สํสิพฺพิตํ ตุนฺนํ, วฏฺเฏตฺวา กรณํ โอวฏฺฏิกํ. กณฺฑุปกํ ¶ วุจฺจติ มุทฺทิกา. ทฬีกมฺมนฺติ อนุทฺธริตฺวาว อุปสฺสยํ กตฺวา อลฺลียาปนกํ ¶ วตฺถขณฺฑ’’นฺติ อฏฺกถายํ อาคตํ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๔๘) ปน ‘‘อจฺฉุเปยฺยนฺติ ปติฏฺเปยฺยํ. หตวตฺถกานนฺติ กาลาตีตวตฺถานํ. อุทฺธริตฺวา อลฺลียาปนขณฺฑนฺติ ทุพฺพลฏฺานํ อปเนตฺวา อลฺลียาปนวตฺถขณฺฑ’’นฺติ วุตฺตํ. ทิคุณํ สงฺฆาฏินฺติ ทุปฏฺฏํ สงฺฆาฏึ. เอกจฺจิยนฺติ เอกปฏฺฏํ อคฺคปฏฺฏํ. อคฺคฬํ อชฺฌาเปสฺสนฺติ ชิณฺณฏฺาเน ปิโลติกขณฺฑํ ลคฺคาเปยฺยํ.
ฉินฺนจีวรกถา
ฉินฺนจีวรกถายํ ตีสุ ปน จีวเรสุ ทฺเว วา เอกํ วา ฉินฺทิตฺวา กาตพฺพนฺติ เอตฺถ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ฉินฺนกํ สงฺฆาฏึ ฉินฺนกํ อุตฺตราสงฺคํ ฉินฺนกํ อนฺตรวาสก’’นฺติ (มหาว. ๓๔๕) วจนโต ปฺจขณฺฑสตฺตขณฺฑาทิวเสน ฉินฺทิตฺวาว กาตพฺพํ, น อจฺฉินฺทิตฺวาติ อตฺโถ. สเจ นปฺปโหติ, อาคนฺตุกปฏฺฏํ ทาตพฺพนฺติ เอตฺถ ยทิ ฉินฺทิตฺวา กเต ติณฺณมฺปิ จีวรานํ อตฺถาย สาฏโก นปฺปโหติ, ทฺเว จีวรานิ ฉินฺนกานิ กาตพฺพานิ, เอกํ จีวรํ อจฺฉินฺนกํ กตฺตพฺพํ. ทฺวีสุ จีวเรสุ ฉินฺทิตฺวา กเตสุ สาฏโก นปฺปโหติ, ทฺเว จีวรานิ อจฺฉินฺนกานิ, เอกํ จีวรํ ฉินฺนกํ กาตพฺพํ. เอกสฺมิมฺปิ จีวเร ฉินฺทิตฺวา กเต สาฏโก นปฺปโหติ, เอวํ สติ อจฺฉินฺทิตฺวา อาคนฺตุกปฏฺฏํ ทาตพฺพนฺติ อตฺโถ. ตมตฺถํ ปาฬิยา สาเธตุํ ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อนฺวาธิกมฺปิ อาโรเปตุนฺติ เอวํ อปฺปโหนฺเต สติ อาคนฺตุกปฏฺฏมฺปิ อาโรเปตุํ อนุชานามีติ อตฺโถ.
อกปฺปิยจีวรกถา
อกปฺปิยจีวรกถายํ ‘‘นคฺคิยํ กุสจีรํ ผลกจีรํ เกสกมฺพลํ วาฬกมฺพลํ อุลูกปกฺขิกํ อชินกฺขิป’’นฺติ อิมานิ ติตฺถิยสมาทานตฺตา ถุลฺลจฺจยวตฺถูนีติ ภควตา ปฏิกฺขิตฺตานิ ¶ . ตตฺถ นคฺคิยนฺติ นคฺคภาโว อเจลกภาโว. กุสจีรนฺติ กุเสน คนฺเถตฺวา กตจีวรํ. วากจีรนฺติ ตาปสานํ วกฺกลํ. ผลกจีรนฺติ ผลกสณฺานานิ ผลกานิ สิพฺพิตฺวา กตจีวรํ. เกสกมฺพลนฺติ เกเสหิ ตนฺเต วายิตฺวา กตกมฺพลํ. วาลกมฺพลนฺติ จามรีวาเลหิ วายิตฺวา กตกมฺพลํ. อุลูกปกฺขิกนฺติ อุลูกสกุณสฺส ปกฺเขหิ กตนิวาสนํ ¶ . อชินกฺขิปนฺติ สโลมํ สขุรํ อชินมิคจมฺมํ. ตานิ ติตฺถิยทฺธชภูตานิ อจีวรภาเวน ปากฏานีติ อาจริเยน อิธ น วุตฺตานิ. โปตฺถโก ปน อปากโฏติ ตํ วตฺวา สพฺพนีลกาทีนิ ทุกฺกฏวตฺถุกานิ วุตฺตานิ. ‘‘ติปฏฺฏจีวรสฺส วา มชฺเฌ ทาตพฺพานี’’ติ วุตฺตตฺตา ติปฏฺฏจีวรํ ธาเรตุํ วฏฺฏตีติ สิทฺธํ. ติปฏฺฏาทีนฺจ พหุปฏฺฏจีวรานํ อนฺตเร อีทิสานิ อสารุปฺปวณฺณานิ ปฏปิโลติกานิ กาตพฺพานีติ ทสฺเสติ. กฺจุกํ นาม สีสโต ปฏิมฺุจิตฺวา กายารุฬฺหวตฺถํ. เตนาห ‘‘ผาเลตฺวา รชิตฺวา ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. เวนนฺติ สีสเวนํ. ติรีฏนฺติ มกุฏํ. ตสฺส วิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘ติรีฏกํ ปนา’’ติอาทิมาห.
จีวรวิจารณกถา
จีวรวิจารณกถายํ ‘‘ปณฺฑิโต, ภิกฺขเว, อานนฺโท, มหาปฺโ, ภิกฺขเว, อานนฺโท. ยตฺร หิ นาม มยา สํขิตฺเตน ภาสิตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชานิสฺสติ, กุสิมฺปิ นาม กริสฺสติ, อฑฺฒกุสิมฺปิ นาม กริสฺสติ, มณฺฑลมฺปิ นาม กริสฺสติ, อฑฺฒมณฺฑลมฺปิ นาม กริสฺสติ, วิวฏฺฏมฺปิ นาม กริสฺสติ, อนุวิวฏฺฏมฺปิ นาม กริสฺสติ, คีเวยฺยกมฺปิ นาม กริสฺสติ, ชงฺเฆยฺยกมฺปิ นาม กริสฺสติ, พาหนฺตมฺปิ นาม กริสฺสติ, ฉินฺนกํ ภวิสฺสติ, สตฺถลูขํ สมณสารุปฺปํ ปจฺจตฺถิกานฺจ อนภิจฺฉิต’’นฺติ (มหาว. ๓๔๕) วจนโต ‘‘ปสฺสสิ ¶ ตฺวํ, อานนฺท, มคธเขตฺตํ อจฺฉิพทฺธํ ปาฬิพทฺธํ มริยาทพทฺธํ สิงฺฆาฏกพทฺธ’’นฺติ ภควโต สํขิตฺเตน วุตฺตวจนํ สุตฺวา อายสฺมา อานนฺโท ภควโต อชฺฌาสยานุรูปํ สมฺพหุลานํ ภิกฺขูนํ จีวรํ สํวิทหิ. ตถา อิทานิปิ เอวรูปํ จีวรํ สํวิทหิตพฺพํ.
ตตฺถ ‘‘อจฺฉิพทฺธนฺติ จตุรสฺสเกทารพทฺธํ. ปาฬิพทฺธนฺติ อายามโต จ วิตฺถารโต จ ทีฆมริยาทพทฺธํ. มริยาทพทฺธนฺติ อนฺตรนฺตรา รสฺสมริยาทพทฺธํ. สิงฺฆาฏกพทฺธนฺติ มริยาทาย มริยาทํ วินิวิชฺฌิตฺวา คตฏฺาเน สิงฺฆาฏกพทฺธํ, จตุกฺกสณฺานนฺติ อตฺโถ. ยตฺร หิ นามาติ โย นาม. กุสิมฺปิ นามาติอาทีสุ กุสีติ อายามโต จ วิตฺถารโต จ อนุวาตาทีนํ ทีฆปฏฺฏานเมตํ อธิวจนํ. อฑฺฒกุสีติ อนฺตรนฺตรารสฺสปฏฺฏานํ นามํ. มณฺฑลนฺติ ปฺจขณฺฑิกสฺส จีวรสฺส เอเกกสฺมึ ขณฺเฑ มหามณฺฑลํ. อฑฺฒมณฺฑลนฺติ ขุทฺทกมณฺฑลํ. วิวฏฺฏนฺติ มณฺฑลฺจ อฑฺฒมณฺฑลฺจ เอกโต กตฺวา สิพฺพิตํ มชฺฌิมขณฺฑํ. อนุวิวฏฺฏนฺติ ตสฺส อุโภสุ ปสฺเสสุ ทฺเว ขณฺฑานิ. คีเวยฺยกนฺติ คีวาเวนฏฺาเน ทฬฺหีกรณตฺถํ อฺสุตฺตสํสิพฺพิตํ ¶ อาคนฺตุกปฏฺฏํ. ชงฺเฆยฺยกนฺติ ชงฺฆปาปุณนฏฺาเน ตเถว สํสิพฺพิตํ ปฏฺฏํ. คีวาฏฺาเน จ ชงฺฆฏฺาเน จ ปฏฺฏานเมตํ นามนฺติ. พาหนฺตนฺติ อนุวิวฏฺฏานํ พหิ เอเกกํ ขณฺฑํ. อิติ ปฺจขณฺฑิกจีวเรเนตํ วิจาริตนฺติ. อถ วา อนุวิวฏฺฏนฺติ วิวฏฺฏสฺส เอกปสฺสโต ทฺวินฺนํ เอกปสฺสโต ทฺวินฺนนฺติ จตุนฺนมฺปิ ขณฺฑานเมตํ นามํ. พาหนฺตนฺติ สุปฺปมาณํ จีวรํ ปารุปนฺเตน สํหริตฺวา พาหาย อุปริ ปิตา อุโภ อนฺตา พหิมุขา ติฏฺนฺติ, เตสํ เอตํ นามํ. อยเมว หิ นโย มหาอฏฺกถายํ วุตฺโต’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๔๕) อาคโต.
จีวรสิพฺพนกถา
ทณฺฑกถิเนนจีวรสิพฺพนกถายํ ¶ – เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู ตตฺถ ตตฺถ ขีลํ นิกฺขนิตฺวา สมฺพนฺธิตฺวา จีวรํ สิพฺเพนฺติ, จีวรํ วิกณฺณํ โหติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, กถินํ กถินรชฺชุํ, ตตฺถ ตตฺถ โอพนฺธิตฺวา จีวรํ สิพฺเพตุนฺติ. วิสเม กถินํ ปตฺถรนฺติ, กถินํ ปริภิชฺชติ…เป… น, ภิกฺขเว, วิสเม กถินํ ปตฺถริตพฺพํ, โย ปตฺถเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ.
ฉมาย กถินํ ปตฺถรนฺติ, กถินํ ปํสุกิตํ โหติ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติณสนฺถารกนฺติ. กถินสฺส อนฺโต ชีรติ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อนุวาตํ ปริภณฺฑํ อาโรเปตุนฺติ. กถินํ นปฺปโหติ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ทณฺฑกถินํ พิทลกํ สลากํ วินนฺธนรชฺชุํ วินนฺธนสุตฺตกํ วินนฺธิตฺวา จีวรํ สิพฺเพตุนฺติ. สุตฺตนฺตริกาโย วิสมา โหนฺติ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, กฬิมฺภกนฺติ. สุตฺตา วงฺกา โหนฺติ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, โมฆสุตฺตกนฺติ.
เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู อโธเตหิ ปาเทหิ กถินํ อกฺกมนฺติ, กถินํ ทุสฺสติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – น, ภิกฺขเว, อโธเตหิ ปาเทหิ กถินํ อกฺกมิตพฺพํ, โย อกฺกเมยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ.
เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู อลฺเลหิ ปาเทหิ กถินํ อกฺกมนฺติ, กถินํ ทุสฺสติ. ภควโต ¶ เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – น, ภิกฺขเว, อลฺเลหิ ปาเทหิ กถินํ อกฺกมิตพฺพํ, โย อกฺกเมยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ.
เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู สอุปาหนา กถินํ อกฺกมนฺติ, กถินํ ทุสฺสติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – น, ภิกฺขเว, สอุปาหเนน กถินํ อกฺกมิตพฺพํ. โย อกฺกเมยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ.
เตน ¶ โข ปน สมเยน ภิกฺขู จีวรํ สิพฺพนฺตา องฺคุลิยา ปฏิคฺคณฺหนฺติ, องฺคุลิโย ทุกฺขา โหนฺติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฏิคฺคหนฺติ.
เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู อุจฺจาวเจ ปฏิคฺคเห ธาเรนฺติ สุวณฺณมยํ รูปิยมยํ. มนุสฺสา อุชฺฌายนฺติ ขียนฺติ วิปาเจนฺติ ‘‘เสยฺยถาปิ คิหี กามโภคิโน’’ติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – น, ภิกฺขเว, อุจฺจาวจา ปฏิคฺคหา ธาเรตพฺพา, โย ธาเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อฏฺิมยํ…เป… สงฺขนาภิมยนฺติ.
เตน โข ปน สมเยน สูจิโยปิ สตฺถกาปิ ปฏิคฺคหาปิ นสฺสนฺติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อาเวสนวิตฺถกนฺติ. อาเวสนวิตฺถเก สมากุลา โหนฺติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฏิคฺคหถวิกนฺติ. อํสพทฺธโก น โหติ…เป… อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อํสพทฺธกํ พนฺธนสุตฺตกนฺติ.
เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู อพฺโภกาเส จีวรํ สิพฺพนฺตา สีเตนปิ อุณฺเหนปิ กิลมนฺติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, กถินสาลํ กถินมณฺฑปนฺติ. กถินสาลา นีจวตฺถุกา โหติ, อุทเกน โอตฺถรียติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อุจฺจวตฺถุกํ กาตุนฺติ. จโย ปริปตติ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, จินิตุํ ตโย จเย อิฏฺกจยํ, สิลาจยํ, ทารุจยนฺติ. อาโรหนฺตา วิหฺนฺติ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตโย โสปาเน อิฏฺกโสปานํ, สิลาโสปานํ, ทารุโสปานนฺติ. อาโรหนฺตา ปริปตนฺติ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อาลมฺพนพาหนฺติ. กถินสาลาย ติณจุณฺณํ ปริปตติ ¶ . อนุชานามิ, ภิกฺขเว, โอคุมฺเผตฺวา ¶ อุลฺลิตฺตาวลิตฺตํ กาตุํ เสตวณฺณํ กาฬวณฺณํ เครุกปริกมฺมํ มาลากมฺมํ ลตากมฺมํ มกรทนฺตกํ ปฺจปฏิกํ จีวรรชฺชุนฺติ.
เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู จีวรํ สิพฺเพตฺวา ตเถว กถินํ อุชฺฌิตฺวา ปกฺกมนฺติ, อุนฺทูเรหิปิ อุปจิกาหิปิ ขชฺชติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, กถินํ สงฺฆริตุนฺติ. กถินํ ปริภิชฺชติ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, โคฆํสิกาย กถินํ สงฺฆริตุนฺติ. กถินํ วินิเวิยติ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, พนฺธนรชฺชุนฺติ.
เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู กุฏฺเฏปิ ถมฺเภปิ กถินํ อุสฺสาเปตฺวา ปกฺกมนฺติ, ปริปติตฺวา กถินํ ภิชฺชติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ภิตฺติขีเล วา นาคทนฺเต วา ลคฺเคตุนฺติ. อยํ ขุทฺทกวตฺถุขนฺธเก อาคโต ปาฬิปาโ.
‘‘กถินนฺติ นิสฺเสณิมฺปิ, ตตฺถ อตฺถริตพฺพกฏสารกกิลฺชานํ อฺตรมฺปิ. กถินรชฺชุนฺติ ยาย ทุปฏฺฏจีวรํ สิพฺพนฺตา กถิเน จีวรํ วิพนฺธนฺติ. กถินํ นปฺปโหตีติ ทีฆสฺส ภิกฺขุโน ปมาเณน กตํ กถินํ อิตฺตรสฺส ภิกฺขุโน จีวรํ ปตฺถริยมานํ นปฺปโหติ, อนฺโตเยว โหติ, ทณฺฑเก น ปาปุณาตีติ อตฺโถ. ทณฺฑกถินนฺติ ตสฺส มชฺเฌ อิตฺตรสฺส ภิกฺขุโน ปมาเณน อฺํ นิสฺเสณึ พนฺธิตุํ อนุชานามีติ อตฺโถ. พิทลกนฺติ ทณฺฑกถินปฺปมาเณน กฏสารกสฺส ปริยนฺเต ปฏิสํหริตฺวา ทุคุณกรณํ. สลากนฺติ ทุปฏฺฏจีวรสฺส อนฺตเร ปเวสนสลากํ. วินนฺธนรชฺชุนฺติ มหานิสฺเสณิยา สทฺธึ ขุทฺทกนิสฺเสณึ วินนฺธิตุํ รชฺชุํ. วินนฺธนสุตฺตกนฺติ ขุทฺทกนิสฺเสณิยา จีวรํ วินนฺธิตุํ สุตฺตกํ. วินนฺธิตฺวา จีวรํ สิพฺพิตุนฺติ เตน สุตฺตเกน ตตฺถ จีวรํ วินนฺธิตฺวา ¶ สิพฺเพตุํ. วิสมา โหนฺตีติ กาจิ ขุทฺทกา โหนฺติ, กาจิ มหนฺตา. กฬิมฺภกนฺติ ปมาณสฺากรณํ ยํ กิฺจิ ตาลปณฺณาทึ. โมฆสุตฺตกนฺติ วฑฺฒกีนํ ทารูสุ กาฬสุตฺเตน วิย หลิทฺทิสุตฺเตน สฺากรณํ. องฺคุลิยา ปฏิคฺคณฺหนฺตีติ สูจิมุขํ องฺคุลิยา ปฏิจฺฉนฺติ. ปฏิคฺคหนฺติ องฺคุลิโกสกํ. อาเวสนวิตฺถกํ นาม ยํ กิฺจิ ปาติจงฺโกฏกาทิ. อุจฺจวตฺถุกนฺติ ปํสุํ อากิริตฺวา อุจฺจวตฺถุกํ กาตุํ อนุชานามีติ อตฺโถ. โอคุมฺเผตฺวา อุลฺลิตฺตาวลิตฺตํ กาตุนฺติ ฉทนํ โอธุนิตฺวา ฆนทณฺฑกํ กตฺวา อนฺโต เจว พหิ จ มตฺติกาย ลิมฺปิตุนฺติ อตฺโถ. โคฆํสิกายาติ เวฬุํ วา รุกฺขทณฺฑกํ ¶ วา อนฺโต กตฺวา เตน สทฺธึ สํหริตุนฺติ อตฺโถ. พนฺธนรชฺชุนฺติ ตถา สํหริตสฺส พนฺธนรชฺชุ’’นฺติ อยํ อฏฺกถาปาโ (จูฬว. อฏฺ. ๒๕๖).
‘‘อนุวาตํ ปริภณฺฑนฺติ กิลฺชาทีสุ กโรตีติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. พิทลกนฺติ ทุคุณกรณสงฺขาตสฺส กิริยาวิเสสสฺส อธิวจนํ. กสฺส ทุคุณกรณํ? เยน กิลฺชาทินา มหนฺตํ กถินํ อตฺถตํ, ตสฺส. ตฺหิ ทณฺฑกถินปฺปมาเณน ปริยนฺเต สํหริตฺวา ทุคุณํ กาตพฺพํ. ปฏิคฺคหนฺติ องฺคุลิกฺจุกํ. ปาติ นาม ปฏิคฺคหสณฺาเนน กโต ภาชนวิเสโส. น สมฺมตีติ นปฺปโหติ. นีจวตฺถุกํ จินิตุนฺติ พหิกุฏฺฏสฺส สมนฺตโต นีจวตฺถุกํ กตฺวา จินิตุ’’นฺติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๒๖๐-๒๖๒).
‘‘นิสฺเสณิมฺปีติ จตูหิ ทณฺเฑหิ จีวรปฺปมาเณน อายตจตุรสฺสํ กตฺวา พทฺธปฏลมฺปิ. เอตฺถ หิ จีวรโกฏิโย สมกํ พนฺธิตฺวา จีวรํ ยถาสุขํ สิพฺพนฺติ. ตตฺถ อตฺถริตพฺพนฺติ ตสฺสา นิสฺเสณิยา อุปริ จีวรสฺส อุปตฺถมฺภนตฺถาย อตฺถริตพฺพํ. กถินสงฺขาตาย นิสฺเสณิยา จีวรสฺส พนฺธนกรชฺชุ กถินรชฺชูติ ¶ มชฺฌิมปทโลปี สมาโสติ อาห ‘‘ยายา’’ติอาทิ. ตตฺถ ยสฺมา ทฺวินฺนํ ปฏลานํ เอกสฺมึ อธิเก ชาเต ตตฺถ วลิโย โหนฺติ, ตสฺมา ทุปฏฺฏจีวรสฺส ปฏลทฺวยมฺปิ สมกํ กตฺวา พนฺธนกรชฺชุ กถินรชฺชูติ เวทิตพฺพํ. ปาฬิยํ (จูฬว. ๒๕๖) กถินสฺส อนฺโต ชีรตีติ กถิเน พทฺธสฺส จีวรสฺส ปริยนฺโต ชีรตี’’ติ วิมติวิโนทนิยํ วุตฺตํ.
‘‘พิทลกํ นาม ทิคุณกรณสงฺขาตสฺส กิริยาวิเสสสฺส อธิวจนํ. กสฺส ทิคุณกรณํ? เยน กิลฺชาทินา มหนฺตํ กถินํ อตฺถตํ, ตสฺส. ตฺหิ ทณฺฑกถินปฺปมาเณน ปริยนฺเต สํหริตฺวา ทิคุณํ กาตพฺพํ, อฺถา ขุทฺทกจีวรสฺส อนุวาตปริภณฺฑาทิวิธานกรเณ หตฺถสฺส โอกาโส น โหติ. สลากาย สติ ทฺวินฺนํ จีวรานํ อฺตรํ ตฺวา สิพฺพิตาสิพฺพิตํ สุขํ ปฺายติ. ทณฺฑกถิเน กเต น พหูหิ สหาเยหิ ปโยชนํ. ‘อสํกุฏิตฺวา จีวรํ สมํ โหติ, โกณาปิ สมา โหนฺตี’ติ ลิขิตํ, ‘หลิทฺทิสุตฺเตน สฺากรณ’นฺติ วุตฺตตฺตา ‘หลิทฺทิสุตฺเตน จีวรํ สิพฺเพตุมฺปิ วฏฺฏตี’ติ สิทฺธํ. ตตฺถ หิ เกจิ อกปฺปิยสฺิโน. ปฏิคฺคโห นาม องฺคุลิโกโส. ปาตีติ ปฏิคฺคหสณฺานํ. ปฏิคฺคหถวิกนฺติ ¶ องฺคุลิโกสถวิก’’นฺติ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๒๕๖) อาคตํ.
คหปติจีวราทิกถา
คหปติจีวราทิกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, คหปติจีวรํ, โย อิจฺฉติ, ปํสุกูลิโก โหตุ, โย อิจฺฉติ, คหปติจีวรํ สาทิยตุ, อิตรีตเรนปาหํ, ภิกฺขเว, สนฺตุฏฺึ วณฺเณมี’’ติ (มหาว. ๓๓๗) วจนโต อสมาทินฺนธุตงฺโค โย ภิกฺขุ ปํสุกูลํ ธาเรตุํ อิจฺฉติ, เตน ปํสุกูลิเกน ภวิตพฺพํ ¶ . โย ปน คิหีหิ ทินฺนํ คหปติจีวรํ สาทิยิตุํ อิจฺฉติ, เตน คหปติจีวรสาทิยเกน ภวิตพฺพํ. สมาทินฺนธุตงฺโค ปน ภิกฺขุ ‘‘คหปติจีวรํ ปฏิกฺขิปามิ, ปํสุกูลิกงฺคํ สมาทิยามี’’ติ อธิฏฺหนโต คหปติจีวรํ สาทิยิตุํ น วฏฺฏติ. คหปติจีวรนฺติ คหปตีหิ ทินฺนํ จีวรํ. อิตรีตเรนปีติ อปฺปคฺเฆนปิ มหคฺเฆนปิ เยน เกนจีติ อตฺโถ.
‘‘อิตรีตเรนาติ อิตเรน อิตเรน. อิตร-สทฺโท ปน อนิยมวจโน ทฺวิกฺขตฺตุํ วุจฺจมาโน ยํกิฺจิ-สทฺเทหิ สมานตฺโถ โหตีติ วุตฺตํ อปฺปคฺเฆนปิ มหคฺเฆนปิ เยน เกนจี’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๓๗), ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปาวารํ, อนุชานามิ, ภิกฺขเว, โกเสยฺยปาวารํ, อนุชานามิ, ภิกฺขเว, โกชว’’นฺติ (มหาว. ๓๓๗) วจนโต ปาวาราทีนิปิ สมฺปฏิจฺฉิตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ ปาวาโรติ สโลมโก กปฺปาสาทิเภโท. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, โกชวนฺติ เอตฺถ ปกติโกชวเมว วฏฺฏติ, มหาปิฏฺิยโกชวํ น วฏฺฏติ. โกชวนฺติ อุณฺณามโย ปาวารสทิโส. ‘‘มหาปิฏฺิ โกชวนฺติ หตฺถิปิฏฺีสุ อตฺถริตพฺพตาย ‘มหาปิฏฺิย’นฺติ ลทฺธสมฺํ จตุรงฺคุลปุปฺผํ โกชว’’นฺติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๓๗) วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยมฺปิ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๓๓๗) ‘‘มหาปิฏฺิยโกชวนฺติ หตฺถิปิฏฺิยํ อตฺถริตพฺพตาย ‘มหาปิฏฺิย’นฺติ ลทฺธสมฺํ อุณฺณามยตฺถรณ’’นฺติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๓๗) ปน ‘‘มหาปิฏฺิยโกชวํ นาม อติเรกจตุรงฺคุลปุปฺผํ กิรา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, กมฺพล’’นฺติ (มหาว. ๓๓๘) วจนโต อฑฺฒกาสิยาทีนิ มหคฺฆานิปิ กมฺพลานิ วฏฺฏนฺติ ¶ . อฑฺฒกาสิยนฺติ เอตฺถ กาสีติ สหสฺสํ วุจฺจติ, ตํอคฺฆนโก กาสิโย. อยํ ปน ปฺจ สตานิ อคฺฆติ, ตสฺมา อฑฺฒกาสิโยติ วุตฺโต.
ฉจีวรกถา
ฉจีวรกถายํ ¶ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ฉ จีวรานิ โขมํ กปฺปาสิกํ โกเสยฺยํ กมฺพลํ สาณํ ภงฺค’’นฺติ (มหาว. ๓๓๙) วจนโต โขมาทีนิ ฉ จีวรานิ ทุกูลาทีนิ ฉ อนุโลมจีวรานิ จ วฏฺฏนฺติ. ตตฺถ ‘‘โขมนฺติ โขมสุตฺเตหิ วายิตํ โขมปฏฺฏจีวรํ. กปฺปาสิกนฺติ กปฺปาสโต นิพฺพตฺตสุตฺเตหิ วายิตํ. โกเสยฺยนฺติ โกสการกปาณเกหิ นิพฺพตฺตสุตฺเตหิ วายิตํ. กมฺพลนฺติ อุณฺณามยจีวรํ. สาณนฺติ สาณสุตฺเตหิ กตจีวรํ. ภงฺคนฺติ โขมสุตฺตาทีนิ สพฺพานิ, เอกจฺจานิ วา มิสฺเสตฺวา กตจีวรํ. ภงฺคมฺปิ วากมยเมวาติ เกจิ. ทุกูลํ ปฏฺฏุณฺณํ โสมารปฏํ จีนปฏํ อิทฺธิชํ เทวทินฺนนฺติ อิมานิ ปน ฉ จีวรานิ เอเตสํเยว อนุโลมานีติ วิสุํ น วุตฺตานิ. ทุกูลฺหิ สาณสฺส อนุโลมํ วากมยตฺตา. ปฏฺฏุณฺณเทเส สฺชาตวตฺถํ ปฏฺฏุณฺณํ. ‘ปฏฺฏุณฺณโกเสยฺยวิเสโส’ติ หิ อภิธานโกเส วุตฺตํ. โสมารเทเส จีนเทเส จ ชาตวตฺถานิ โสมารจีนปฏานิ. ปฏฺฏุณฺณาทีนิ ตีณิ โกเสยฺยสฺส อนุโลมานิ ปาณเกหิ กตสุตฺตมยตฺตา. อิทฺธิชํ เอหิภิกฺขูนํ ปฺุิทฺธิยา นิพฺพตฺตจีวรํ, ตํ โขมาทีนํ อฺตรํ โหตีติ เตสํ เอว อนุโลมํ. เทวตาหิ ทินฺนํ จีวรํ เทวทินฺนํ. กปฺปรุกฺเข นิพฺพตฺตํ ชาลินิยา เทวกฺาย อนุรุทฺธตฺเถรสฺส ทินฺนวตฺถสทิสํ, ตมฺปิ โขมาทีนํเยว อนุโลมํ โหติ เตสุ อฺตรภาวโต’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๖๒-๔๖๓) วุตฺตํ.
วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๔๖๓) ปน ‘‘โขมนฺติ โขมสุตฺเตหิ วายิตํ โขมปฏจีวรํ, ตํ วากมยนฺติ วทนฺติ. กปฺปาสสุตฺเตหิ วายิตํ กปฺปาสิกํ. เอวํ เสสานิปิ. กมฺพลนฺติ เอฬกาทีนํ โลมมยสุตฺเตน วายิตํ ปฏํ. ภงฺคนฺติ โขมสุตฺตาทีนิ สพฺพานิ, เอกจฺจานิ วา มิสฺเสตฺวา วายิตํ จีวรํ, ภงฺคมฺปิ วากมยเมวาติ เกจิ ¶ . ทุกูลํ ปฏฺฏุณฺณํ โสมารปฏํ จีนปฏํ อิทฺธิชํ เทวทินฺนนฺติ อิมานิ ฉ จีวรานิ เอเตสฺเว อนุโลมานีติ วิสุํ น วุตฺตานิ. ทุกูลฺหิ สาณสฺส อนุโลมํ วากมยตฺตา. ‘ปฏฺฏุณฺณํ โกเสยฺยวิเสโส’ติ อภิธานโกเส วุตฺตํ. โสมารเทเส จีนเทเส จ ชาตวตฺถานิ โสมารจีนปฏานิ. ปฏฺฏุณฺณาทีนิ ตีณิ ¶ โกเสยฺยสฺส อนุโลมานิ ปาณเกหิ กตสุตฺตมยตฺตา. อิทฺธิชนฺติ เอหิภิกฺขูนํ ปฺุิทฺธิยา นิพฺพตฺตจีวรํ, กปฺปรุกฺเขหิ นิพฺพตฺตํ, เทวทินฺนฺจ โขมาทีนํ อฺตรํ โหตีติ เตสํ สพฺเพสํ อนุโลมานี’’ติ วุตฺตํ.
รชนาทิกถา
รชนาทิกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ฉ รชนานิ มูลรชนํ ขนฺธรชนํ ตจรชนํ ปตฺตรชนํ ปุปฺผรชนํ ผลรชน’’นฺติ วจนโต อิเมสุ ฉสุ รชเนสุ เอกเกน จีวรํ รชิตพฺพํ, น ฉกเณน วา ปณฺฑุมตฺติกาย วา รชิตพฺพํ. ตาย รชิตจีวรํ ทุพฺพณฺณํ โหติ. ฉรชนานํ สรูปํ เหฏฺา ปริกฺขารกถายํ วุตฺตเมว. ตตฺถ ฉกเณนาติ โคมเยน. ปณฺฑุมตฺติกายาติ ตมฺพมตฺติกาย. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, รชนํ ปจิตุํ จุลฺลํ รชนกุมฺภิ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๔) วจนโต สีตุทกาย จีวรํ น รชิตพฺพํ. ตาย หิ รชิตจีวรํ ทุคฺคนฺธํ โหติ. ตตฺถ สีตุทกาติ อปกฺกรชนํ วุจฺจติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อุตฺตราฬุมฺปํ พนฺธิตุ’’นฺติ วจนโต อุตฺตราฬุมฺปํ พนฺธิตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ อุตฺตราฬุมฺปนฺติ วฏฺฏาธารกํ, รชนกุมฺภิยา มชฺเฌ เปตฺวา ตํ อาธารกํ ปริกฺขิปิตฺวา รชนํ ปกฺขิปิตุํ อนุชานามีติ อตฺโถ. เอวฺหิ กเต รชนํ น อุตฺตรติ. ตตฺถ ‘‘รชนกุมฺภิยา มชฺเฌ เปตฺวาติ อนฺโตรชนกุมฺภิยา มชฺเฌ เปตฺวา. เอวํ วฏฺฏาธารเก อนฺโตรชนกุมฺภิยา ปกฺขิตฺเต มชฺเฌ อุทกํ ติฏฺติ, วฏฺฏาธารกโต พหิ สมนฺตา อนฺโตกุมฺภิยํ รชนจฺฉลฺลิ. ปกฺขิปิตุนฺติ ¶ รชนจฺฉลฺลึ ปกฺขิปิตุ’’นฺติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๔๔) วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๓๔๔) ปน ‘‘เอวฺหิ กเตติ วฏฺฏาธารสฺส อนฺโต รชโนทกํ, พหิ ฉลฺลิกฺจ กตฺวา วิโยชเน กเต. น อุตฺตรตีติ เกวลํ อุทกโต เผณุฏฺานาภาวา น อุตฺตรตี’’ติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๔๔) ปน ‘‘โคมเย อาปตฺติ นตฺถิ, วิรูปตฺตา วาริตํ. กุงฺกุมปุปฺผํ น วฏฺฏตีติ วทนฺตี’’ติ วุตฺตํ.
‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อุทเก วา นขปิฏฺิกาย วา เถวกํ ทาตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๔) วจนโต ตถา กตฺวา รชนสฺส ปกฺกาปกฺกภาโว ชานิตพฺโพ. ตตฺถ อุทเก วา นขปิฏฺิกาย วาติ สเจ ปริปกฺกํ โหติ, อุทกปาติยา ทินฺโน เถโว สหสา น วิสรติ, นขปิฏฺิยมฺปิ อวิสรนฺโต ติฏฺติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, รชนุฬุงฺกํ ทณฺฑกถาลก’’นฺติ (มหาว. ๓๔๔) วจนโต ¶ รชนสฺส โอโลกนกาเล กุมฺภิยา รกฺขณตฺถํ อุฬุงฺกทณฺฑกถาลิกานิ อิจฺฉิตพฺพานิ. ตตฺถ รชนุฬุงฺกนฺติ รชนอุฬุงฺกํ. ทณฺฑกถาลกนฺติ ทณฺฑเมว ทณฺฑกํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, รชนโกลมฺพํ รชนฆฏ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๔) วจนโต ตานิปิ อิจฺฉิตพฺพานิ. ตตฺถ รชนโกลมฺพนฺติ รชนกุณฺฑํ. ตตฺถ รชนกุณฺฑนฺติ ปกฺกรชนฏฺปนกํ มหาฆฏํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, รชนโทณิก’’นฺติ (มหาว. ๓๔๔) วจนโต ปาติยมฺปิ ปตฺเต จีวเร มทฺทนฺเต จีวรสฺส ปริภิชฺชนโต จีวรรกฺขณตฺถํ รชนโทณิกา อิจฺฉิตพฺพา. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติณสนฺถรก’’นฺติ (มหาว. ๓๔๔) วจนโต ฉมาย จีวเร ปตฺถริยมาเน จีวรสฺส ปํสุกิตตฺตา ตโต รกฺขณตฺถํ ติณสนฺถรํ กาตพฺพํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, จีวรวํสํ จีวรรชฺชุ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๔) วจนโต ติณสนฺถารเก อุปจิกาทีหิ ขชฺชมาเน จีวรวํเส วา จีวรรชฺชุยา ¶ วา จีวรํ ปตฺถริตพฺพํ มชฺเฌน จีวเร ลคฺคิเต รชนสฺส อุภโต คฬิตตฺตา.
‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, กณฺเณ พนฺธิตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๔) วจนโต กณฺเณ พนฺธิตพฺพํ จีวรสฺส กณฺเณ พนฺธิยมาเน กณฺณสฺส ชิณฺณตฺตา. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, กณฺณสุตฺตก’’นฺติ (มหาว. ๓๔๔) วจนโต กณฺณสุตฺตเกน พนฺธิตพฺพํ เอวํ พนฺธนฺเต รชนสฺส เอกโต คฬิตตฺตา. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สมฺปริวตฺตกํ สมฺปริวตฺตกํ รเชตุํ, น จ อจฺฉินฺเน เถเว ปกฺกมิตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๔) วจนโต ตถา รชิตพฺพํ. ยาว รชนพินฺทุ คฬิตํ น ฉิชฺชติ, ตาว น อฺตฺร คนฺตพฺพํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อุทเก โอสาเรตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๔) วจนโต ปตฺถินฺนํ จีวรํ อุทเก โอสาเรตพฺพํ. ตตฺถ ปตฺถินฺนนฺติ อติรชิตตฺตา ถทฺธํ. อุทเก โอสาเรตุนฺติ อุทเก ปกฺขิปิตฺวา เปตุํ. รชเน ปน นิกฺขนฺเต ตํ อุทกํ ฉฑฺเฑตฺวา จีวรํ มทฺทิตพฺพํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปาณินา อาโกเฏตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๔) วจนโต ผรุสํ จีวรํ ปาณินา อาโกเฏตพฺพํ. ‘‘น, ภิกฺขเว, อจฺฉินฺนกานิ จีวรานิ ธาเรตพฺพานิ, โย ธาเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๓๔๔) วจนโต อจฺฉินฺนกานิ จีวรานิ ทนฺตกาสาวานิ น ธาเรตพฺพานิ. ตตฺถ ทนฺตกาสาวานีติ เอกํ วา ทฺเว วา วาเร รชิตฺวา ทนฺตวณฺณานิ ธาเรนฺติ.
อติเรกจีวรกถา
อติเรกจีวรกถายํ ¶ ‘‘น, ภิกฺขเว, อติเรกจีวรํ ธาเรตพฺพํ, โย ธาเรยฺย, ยถาธมฺโม กาเรตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๓๔๗) วจนโต นิฏฺิตจีวรสฺมึ อุพฺภตสฺมึ กถิเน ทสาหโต ปรํ อติเรกจีวรํ ธาเรนฺตสฺส นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ทสาหปรมํ อติเรกจีวรํ ธาเรตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๗) วจนโต อุพฺภเตปิ กถิเน ทสาหพฺภนฺตเร ¶ ธาเรนฺตสฺส อตฺถตกถินานํ อนุพฺภเตปิ กถิเน ปฺจมาสพฺภนฺตเร ตโต ปรมฺปิ ทสาหพฺภนฺตเร อนตฺถตกถินานมฺปิ ทสาหพฺภนฺตเร อติเรกจีวรํ อนาปตฺติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อติเรกจีวรํ วิกปฺเปตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๗) วจนโต ทสาหโต ปรํ วิกปฺเปตฺวา อติเรกจีวรํ ธาเรตุํ วฏฺฏติ. กิตฺตกํ ปน จีวรํ วิกปฺเปตพฺพนฺติ? ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อายาเมน อฏฺงฺคุลํ สุคตงฺคุเลน จตุรงฺคุลวิตฺถตํ ปจฺฉิมํ จีวรํ วิกปฺเปตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๕๘) วจนโต สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน สุคตงฺคุเลน อฏฺงฺคุลายามํ จตุรงฺคุลวิตฺถารํ จีวรํ วิกปฺเปตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ สุคตงฺคุลํ นาม มชฺฌิมปุริสงฺคุลสงฺขาเตน วฑฺฒกีองฺคุเลน ติวงฺคุลํ โหติ, มนุสฺสานํ ปกติองฺคุเลน อฑฺฒปฺจกงฺคุลํ, ตสฺมา ทีฆโต วฑฺฒกีหตฺเถน เอกหตฺถํ ปกติหตฺเถน ทิยฑฺฒหตฺถํ วิตฺถารโต วฑฺฒกีหตฺเถน วิทตฺถิปฺปมาณํ ปกติหตฺเถน ฉฬงฺคุลาธิกวิทตฺถิปฺปมาณํ ปจฺฉิมํ จีวรํ วิกปฺเปตุํ วฏฺฏติ, ตโต อูนปฺปมาณํ น วฏฺฏติ, อธิกปฺปมาณํ ปน วฏฺฏตีติ ทฏฺพฺพํ.
อฏฺวรกถา
อฏฺวรกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วสฺสิกสาฏิกํ อาคนฺตุกภตฺตํ คมิกภตฺตํ คิลานภตฺตํ คิลานุปฏฺากภตฺตํ คิลานเภสชฺชํ ธุวยาคุํ ภิกฺขุนิสงฺฆสฺส อุทกสาฏิก’’นฺติ วจนโต อิมานิ อฏฺ ทานานิ สมฺปฏิจฺฉิตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ นิกฺขิตฺตจีวรา หุตฺวา กายํ โอวสฺสนฺตานํ ภิกฺขูนํ นคฺคิยํ อสุจิ เชคุจฺฉํ ปฏิกูลํ โหติ, ตสฺมา วสฺสิกสาฏิกา อนฺุาตา. อาคนฺตุโก ภิกฺขุ น วีถิกุสโล โหติ, น โคจรกุสโล, กิลนฺโต ปิณฺฑาย จรติ, ตสฺมา อาคนฺตุกภตฺตํ อนฺุาตํ, คมิโก ภิกฺขุ อตฺตโน ภตฺตํ ปริเยสมาโน สตฺถา วา วิหายิสฺสติ ¶ , ยตฺถ วา วาสํ คนฺตุกาโม ภวิสฺสติ, ตตฺถ วิกาเลน อุปคจฺฉิสฺสติ, กิลนฺโต อทฺธานํ คมิสฺสติ, ตสฺมา คมิกภตฺตํ. คิลานสฺส ภิกฺขุโน สปฺปายานิ โภชนานิ อลภนฺตสฺส อาพาโธ วา อภิวฑฺฒิสฺสติ, กาลกิริยา วา ภวิสฺสติ, ตสฺมา คิลานภตฺตํ. คิลานุปฏฺาโก ภิกฺขุ อตฺตโน ภตฺตํ ปริเยสมาโน คิลานสฺส อุสฺสูเร ภตฺตํ นีหริสฺสติ, ตสฺมา คิลานุปฏฺากภตฺตํ. คิลานสฺส ภิกฺขุโน สปฺปายานิ เภสชฺชานิ อลภนฺตสฺส ¶ อาพาโธ วา อภิวฑฺฒิสฺสติ, กาลกิริยา วา ภวิสฺสติ, ตสฺมา คิลานเภสชฺชํ. ยสฺมา ภควตา อนฺธกวินฺเท ทสานิสํเส สมฺปสฺสมาเนน ยาคุ อนฺุาตา, ตสฺมา ธุวยาคุ. ยสฺมา มาตุคามสฺส นคฺคิยํ อสุจิ เชคุจฺฉํ ปฏิกูลํ โหติ, ตสฺมา ภิกฺขุนิสงฺฆสฺส อุทกสาฏิกา อนฺุาตา.
นิสีทนาทิกถา
นิสีทนาทิกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, กายคุตฺติยา จีวรคุตฺติยา เสนาสนคุตฺติยา นิสีทน’’นฺติ (มหาว. ๓๕๓) วจนโต กายาทีนํ อสุจิมุจฺจนาทิโต โคปนตฺถาย นิสีทนํ ธาเรตุํ วฏฺฏติ. ตสฺส วิธานํ เหฏฺา วุตฺตเมว. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ยาวมหนฺตํ ปจฺจตฺถรณํ อากงฺขติ, ตาวมหนฺตํ ปจฺจตฺถรณํ กาตุ’’นฺติ วจนโต อติขุทฺทเกน นิสีทเนน เสนาสนสฺส อโคปนตฺตา มหนฺตมฺปิ ปจฺจตฺถรณํ กาตุํ วฏฺฏติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ยสฺส กณฺฑุ วา ปีฬกา วา อสฺสาโว วา ถุลฺลกจฺฉุ วา อาพาโธ, กณฺฑุปฏิจฺฉาทิ’’นฺติ วจนโต อีทิเสสุ อาพาเธสุ สนฺเตสุ จีวราทิคุตฺตตฺถาย กณฺฑุปฏิจฺฉาทิ วฏฺฏติ. ตตฺถ ปมาณํ เหฏฺา วุตฺตเมว. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว ¶ , มุขปฺุฉนโจฬ’’นฺติ (มหาว. ๓๕๕) วจนโต มุขโสธนตฺถาย มุขปฺุฉนโจฬํ วฏฺฏติ. ตมฺปิ เหฏฺา วุตฺตเมว. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปริกฺขารโจฬก’’นฺติ วจนโต ติจีวเร ปริปุณฺเณ ปริสฺสาวนถวิกาทีหิ อตฺเถ สติ ปริกฺขารโจฬํ วฏฺฏติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติจีวรํ อธิฏฺาตุํ น วิกปฺเปตุํ, วสฺสิกสาฏิกํ วสฺสานํ จาตุมาสํ อธิฏฺาตุํ ตโต ปรํ วิกปฺเปตุํ, นิสีทนํ อธิฏฺาตุํ น วิกปฺเปตุํ, ปจฺจตฺถรณํ อธิฏฺาตุํ น วิกปฺเปตุํ, กณฺฑุปฏิจฺฉาทึ ยาว อาพาธา อธิฏฺาตุํ ตโต ปรํ วิกปฺเปตุํ, มุขปฺุฉนโจฬํ อธิฏฺาตุํ น วิกปฺเปตุํ, ปริกฺขารโจฬํ อธิฏฺาตุํ น วิกปฺเปตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๕๘) วจนโต วุตฺตนเยน อธิฏฺานฺจ วิกปฺปนา จ กาตพฺพา. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน เหฏฺา วุตฺโตว.
อธมฺมกมฺมกถา
๕๘. อธมฺมกมฺมกถายํ ¶ น, ภิกฺขเว…เป… ทุกฺกฏสฺสาติ อิทํ ‘‘เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู สงฺฆมชฺเฌ อธมฺมกมฺมํ กโรนฺติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – น, ภิกฺขเว, อธมฺมกมฺมํ กาตพฺพํ, โย กเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๑๕๔) อิมํ อุโปสถกฺขนฺธเก อาคตปาํ สนฺธาย วุตฺตํ. อนุชานามิ…เป… ปฏิกฺโกสิตุนฺติ ตเถว อาคตํ ‘‘ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อธมฺมกมฺเม กยิรมาเน ปฏิกฺโกสิตุ’’นฺติ อิมํ. ตตฺถ กโรนฺติเยวาติ ปฺตฺตมฺปิ สิกฺขาปทํ มทฺทิตฺวา อธมฺมกมฺมํ กโรนฺติเยวาติ อตฺโถ. ‘‘อนุชานามิ…เป… ปฏิกฺโกสิตุ’’นฺติ เอวํ อธมฺมกมฺเม กยิรมาเน สติ ‘‘เปสเลหิ ภิกฺขูหิ ตํ อธมฺมกมฺมํ อกตํ, กมฺมํ ทุกฺกฏํ กมฺมํ ปุน กาตพฺพ’’นฺติ เอวํ ปฏิกฺโกสิตพฺพํ, น ตุณฺหีภาเวน ขมิตพฺพนฺติ ¶ อตฺโถ. อิติ วจนโตติ อิทํ ปน ปุพฺพปาํ คเหตฺวา อิติ วจนโต. อธมฺมกมฺมํ น กาตพฺพนฺติ อปรปาํ คเหตฺวา อิติ วจนโต กยิรมานฺจ อธมฺมกมฺมํ ภิกฺขูหิ นิวาเรตพฺพนฺติ ทฺวิธา โยชนา กาตพฺพา.
นิวาเรนฺเตหิ จาติอาทิ ปน ‘‘เตน โข ปน สมเยน เปสลา ภิกฺขู ฉพฺพคฺคิเยหิ ภิกฺขูหิ อธมฺมกมฺเม กยิรมาเน ปฏิกฺโกสนฺติ, ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู ลภนฺติ อาฆาตํ, ลภนฺติ อปฺปจฺจยํ, วเธน ตชฺเชนฺติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ทิฏฺิมฺปิ อาวิกาตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๕๔) ปาฺจ ‘‘เตสํเยว สนฺติเก ทิฏฺึ อาวิกโรนฺติ, ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู ลภนฺติ อาฆาตํ, ลภนฺติ อปฺปจฺจยํ, วเธน ตชฺเชนฺติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, จตูหิ ปฺจหิ ปฏิกฺโกสิตุํ, ทฺวีหิ ตีหิ ทิฏฺึ อาวิกาตุํ, เอเกน อธิฏฺาตุํ น เมตํ ขมตี’’ติ อิเม ปาเ สนฺธาย วุตฺตํ. วจนโตติ อิทํ ปน ปาฬิยํ ตีณิ สมฺปทานานิ คเหตฺวา ตีหิ กิริยาปเทหิ วิสุํ วิสุํ โยเชตพฺพํ. สพฺพฺเจตํ อนุปทฺทวตฺถาย วุตฺตํ, น อาปตฺติสพฺภาวโตติ โยชนา. กถํ อนุปทฺทวสมฺภโวติ? นิคฺคหกมฺมํ กาตุํ อสกฺกุเณยฺยภาวโต, อฺสฺส อุปทฺทวสฺส จ นิวารณโต. เตน วุตฺตํ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๑๕๔) ‘‘เตสํ อนุปทฺทวตฺถายาติ สงฺโฆ สงฺฆสฺส กมฺมํ น กโรติ, อฺโปิ อุปทฺทโว พหูนํ โหติ, ตสฺมา วุตฺต’’นฺติ.
โอกาสกตกถา
๕๙. โอกาสกตกถายํ ¶ น, ภิกฺขเว, อโนกาสกโตติอาทิ ‘‘เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู อโนกาสกตํ ¶ ภิกฺขุํ อาปตฺติยา โจเทนฺติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – น, ภิกฺขเว, อโนกาสกโต ภิกฺขุ อาปตฺติยา โจเทตพฺโพ, โย โจเทยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, โอกาสํ การาเปตฺวา อาปตฺติยา โจเทตุํ, กโรตุ อายสฺมา โอกาสํ, อหํ ตํ วตฺตุกาโม’’ติ (มหาว. ๑๕๓) อิทํ ปาํ สนฺธาย วุตฺตํ. อธิปฺปาเยสุ จาวนาธิปฺปาโยติ, สาสนโต จาเวตุกาโม. อกฺโกสาธิปฺปาโยติ ปรํ อกฺโกสิตุกาโม ปริภาสิตุกาโม. กมฺมาธิปฺปาโยติ ตชฺชนียาทิกมฺมํ กตฺตุกาโม. วุฏฺานาธิปฺปาโยติ อาปตฺติโต วุฏฺาเปตุกาโม. อุโปสถปฺปวารณฏฺปนาธิปฺปาโยติ อุโปสถํ, ปวารณํ วา เปตุกาโม. อนุวิชฺชนาธิปฺปาโยติ อุปปริกฺขิตุกาโม. ธมฺมกถาธิปฺปาโยติ ธมฺมํ เทเสตุกาโม. อิติ ปรํ โจเทนฺตานํ ภิกฺขูนํ อธิปฺปายเภโท อเนกวิโธ โหตีติ อตฺโถ. ปุริเมสุ จตูสุ อธิปฺปาเยสูติ จาวนาธิปฺปายอกฺโกสาธิปฺปายกมฺมาธิปฺปายวุฏฺานาธิปฺปาเยสุ โอกาสํ อการาเปนฺตสฺส ทุกฺกฏํ. การาเปตฺวาปิ สมฺมุขา โจเทนฺตสฺส ยถานุรูปํ สงฺฆาทิเสสปาจิตฺติยทุกฺกฏานิ, อสมฺมุขา ปน ทุกฺกฏเมวาติ อยเมตฺถ ปิณฺฑตฺโถ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
‘‘ปนกฺเขตฺตํ ปน ชานิตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สุณาตุ เม’’ติอาทิมาห. อนุวิชฺชกสฺส อนุวิชฺชนาธิปฺปาเยน วทนฺตสฺส โอกาสกมฺมํ นตฺถีติ โยชนา. ธมฺมกถิกสฺส อโนทิสฺส กมฺมํ กเถนฺตสฺส โอกาสกมฺมํ นตฺถิ. สเจ ปน โอทิสฺส กเถติ, อาปตฺติ, ตสฺมา ตํ ทสฺเสตฺวา คนฺตพฺพนฺติ โยเชตพฺพํ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
สทฺธาเทยฺยวินิปาตนกถา
๖๐. สทฺธาเทยฺยวินิปาตนกถายํ ¶ ‘‘มาตาปิตโรติ โข, ภิกฺขเว, วทมาเน กึ วเทยฺยาม. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, มาตาปิตูนํ ทาตุํ, น จ, ภิกฺขเว, สทฺธาเทยฺยํ วินิปาเตตพฺพํ, โย วินิปาเตยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๓๖๑) วจนโต ทายเกหิ สทฺธาย ภิกฺขุสฺส ทินฺนํ วินิปาเตตฺวา คิหีนํ ทาตุํ น วฏฺฏติ. ‘‘น จ, ภิกฺขเว, สทฺธาเทยฺยนฺติ ¶ เอตฺถ เสสาตีนํ เทนฺโต วินิปาเตติเยว. มาตาปิตโร ปน สเจ รชฺเช ิตาปิ ปตฺถยนฺติ, ทาตพฺพ’’นฺติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๖๑) วุตฺตตฺตา ภาตุภคินีอาทีนํ าตกานมฺปิ ทาตุํ น วฏฺฏติ. วุตฺตฺหิ อาจริยธมฺมสิริตฺเถเรน ขุทฺทสิกฺขายํ –
‘‘น ลพฺภํ วินิปาเตตุํ, สทฺธาเทยฺยฺจ จีวรํ;
ลพฺภํ ปิตูนํ เสสานํ, าตีนมฺปิ น ลพฺภตี’’ติ.
กยวิกฺกยสมาปตฺติสิกฺขาปทวณฺณนายมฺปิ ‘‘มาตรํ ปน ปิตรํ วา ‘อิมํ เทหี’ติ วทโต วิฺตฺติ น โหติ, ‘อิมํ คณฺหาหี’ติ วทโต สทฺธาเทยฺยวินิปาตนํ น โหติ. อฺาตกํ ‘อิมํ เทหี’ติ วทโต วิฺตฺติ โหติ, ‘อิมํ คณฺหาหี’ติ วทโต สทฺธาเทยฺยวินิปาตนํ โหติ. ‘อิมินา อิมํ เทหี’ติ กยวิกฺกยํ อาปชฺชโต นิสฺสคฺคิยํ โหตี’’ติ อฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๙๕) วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘เสสาตเกสุ สทฺธาเทยฺยวินิปาตสมฺภวโต ตทภาวฏฺานมฺปิ ทสฺเสตุํ ‘มาตรํ ปน ปิตรํ วา’ติ วุตฺต’’นฺติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๕๙๓-๕๙๕) วุตฺตํ.
สนฺตรุตฺตรกถา
๖๑. สนฺตรุตฺตรกถายํ อนฺตร-สทฺโท มชฺฌวาจโก. วสติ สีเลนาติ วาสโก, ‘‘อนฺตเร วาสโก อนฺตรวาสโก’’ติ ¶ วตฺตพฺเพ ‘‘รูปภโว รูป’’นฺติอาทีสุ วิย อุตฺตรปทโลปีสมาสวเสน ‘‘อนฺตโร’’ติ วุตฺโต. อุตฺตรสทฺโท อุปริวาจโก, อาภุโส สชฺชตีติ อาสงฺโค, ‘‘อุตฺตเร อาสงฺโค อุตฺตราสงฺโค’’ติ วตฺตพฺเพ วุตฺตนเยน ‘‘อุตฺตโร’’ติ วุตฺโต, อนฺตโร จ อุตฺตโร จ อนฺตรุตฺตรา, สห อนฺตรุตฺตเรหิ โย วตฺตตีติ สนฺตรุตฺตโร, สหปุพฺพปทภินฺนาธิกรณทฺวิปทพหุพฺพีหิสมาโส. อถ วา สห อนฺตเรน จ อุตฺตเรน จ โย วตฺตตีติ สนฺตรุตฺตโร, ติปทพหุพฺพีหิสมาโส. สงฺฆาฏึ เปตฺวา อนฺตรวาสกอุตฺตราสงฺคมตฺตธโร หุตฺวา คาโม น ปวิสิตพฺโพติ อตฺโถ. ‘‘ปริพฺพาชกมทกฺขิ ติทณฺฑเกนา’’ติอาทีสุ วิย อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ เจตํ กรณวจนํ, ตสฺมา อนฺตรวาสกํ ติมณฺฑลํ ปฏิจฺฉาเทนฺเตน ปริมณฺฑลํ นิวาเสตฺวา กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา สงฺฆาฏิฺจ อุตฺตราสงฺคฺจ ทิคุณํ กตฺวา ปารุปิตฺวา คาโม ปวิสิตพฺโพ.
จีวรนิกฺเขปกถา
๖๒. จีวรนิกฺเขปกถายํ ¶ สํหรียเตติ สงฺฆาฏิ, ตสฺสา สงฺฆาฏิยา, ภาวโยเค กมฺมตฺเถ ฉฏฺี. นิกฺเขปายาติ ปนาย, สงฺฆาฏึ อคฺคเหตฺวา วิหาเร เปตฺวา คมนาย ปฺจ การณานิ โหนฺตีติ อตฺโถ. คิลาโน วา โหตีติ คเหตฺวา คนฺตุํ อสมตฺโถ คิลาโน วา โหติ. วสฺสิกสงฺเกตํ วา โหตีติ ‘‘วสฺสิกกาโล อย’’นฺติ สงฺเกตํ วา กตํ โหติ. นทีปารคตํ วา โหตีติ นทิยา ปารํ คนฺตฺวา ภฺุชิตพฺพํ โหติ. อคฺคฬคุตฺติวิหาโร วา โหตีติ อคฺคฬํ ทตฺวาปิ ทาตพฺโพ สุคุตฺตวิหาโร วา โหติ. อตฺถตกถินํ วา โหตีติ ตสฺมึ วิหาเร กถินํ อตฺถตํ วา โหติ อตฺถตกถินานํ อสมาทานจารสมฺภวโต. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว. อารฺิกสฺส ปน วิหาโร น สุคุตฺโต โหตีติ ¶ อปฺปภิกฺขุกตฺตา โจราทีนํ คมนฏฺานโต จ. ภณฺฑุกฺขลิกายาติ จีวราทิฏฺปนภณฺฑุกฺขลิกาย. เสสํ สุวิฺเยฺยํ.
สตฺถกมฺมวตฺถิกมฺมกถา
๖๓. สตฺถกมฺมวตฺถิกมฺมกถายํ สตฺถกมฺมํ วา วตฺถิกมฺมํ วาติ เอตฺถ เยน เกนจิ สตฺถาทินา ฉินฺทนาทิ สตฺถกมฺมํ นาม โหติ. เยน เกนจิ จมฺมาทินา วตฺถิปีฬนํ วตฺถิกมฺมํ นาม. ‘‘สมฺพาเธ ทหนกมฺมํ ปฏิกฺเขปาภาวา วฏฺฏตี’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๒๗๙). วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๗๙) ปน ‘‘วตฺถิปีฬนนฺติ ยถา วตฺถิคตเตลาทิ อนฺโตสรีเร อาโรหนฺติ, เอวํ หตฺเถน วตฺถิมทฺทน’’นฺติ วุตฺตํ.
วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๒๗๙) ปน ‘‘สมฺพาเธติ วจฺจมคฺเค, ภิกฺขุสฺส ภิกฺขุนิยา จ ปสฺสาวมคฺเคปิ อนุโลมโต ทหนํ ปฏิกฺเขปาภาวา วฏฺฏติ. สตฺถวตฺถิกมฺมานุโลมโต น วฏฺฏตีติ เจ? น, ปฏิกฺขิตฺตปฏิกฺเขปา, ปฏิกฺขิปิตพฺพสฺส ตปฺปรมตาทีปนโต. กึ วุตฺตํ โหติ? ปุพฺเพ ปฏิกฺขิตฺตมฺปิ สตฺถกมฺมํ สมฺปิณฺเฑตฺวา ปจฺฉา ‘น, ภิกฺขเว…เป… ถุลฺลจฺจยสฺสา’ติ ทฺวิกฺขตฺตุํ สตฺถกมฺมสฺส ปริกฺเขโป กโต. เตน สมฺพาธสฺส สามนฺตา ทฺวงฺคุลํ ปฏิกฺขิปิตพฺพํ นาม สตฺถวตฺถิกมฺมโต อุทฺธํ นตฺถีติ ทสฺเสติ. กิฺจ ภิยฺโย – ปุพฺเพ สมฺพาเธเยว สตฺถกมฺมํ ปฏิกฺขิตฺตํ, ปจฺฉา สมฺพาธสฺส สามนฺตา ทฺวงฺคุลมฺปิ ปฏิกฺขิตฺตํ ¶ , ตสฺมา ตสฺเสว ปฏิกฺเขโป, เนตรสฺสาติ สิทฺธํ. เอตฺถ ‘สตฺถํ นาม สตฺถหารกํ วาสฺส ปริเยเสยฺยา’ติอาทีสุ (ปารา. ๑๖๗) วิย เยน ฉินฺทติ, ตํ สพฺพํ. เตน วุตฺตํ ‘กณฺฏเกน วา’ติอาทิ. ขารุทานํ ปเนตฺถ ภิกฺขุนีวิภงฺเค ปสาเข ปมุเข อนฺุาตนฺติ เวทิตพฺพํ, เอเก ปน ‘สตฺถกมฺมํ วา’ติ ¶ ปาํ วิกปฺเปตฺวา วตฺถิกมฺมํ กโรนฺติ. วตฺถีติ กึ? อคฺฆิกา วุจฺจติ, ตาย ฉินฺทนํ วตฺถิกมฺมํ นามาติ จ อตฺถํ วณฺณยนฺติ, เต ‘สตฺถหารกํ วาสฺส ปริเยเสยฺยา’ติ อิมสฺส ปทภาชนียํ ทสฺเสตฺวา ปฏิกฺขิปิตพฺพา. อณฺฑวุทฺธีติ วาตณฺฑกา, อาทานวตฺตีติ อนาหวตฺตี’’ติ วุตฺตํ. เสสํ อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
นหาปิตปุพฺพกถา
๖๔. นหาปิตปุพฺพกถายํ นหาปิโต ปุพฺเพติ นหาปิตปุพฺโพ, ปุพฺเพ นหาปิโต หุตฺวา อิทานิ ภิกฺขุภูโตติ อตฺโถ. เตน นหาปิตปุพฺเพน ภิกฺขุนา. ขุรภณฺฑนฺติ ขุราทินหาปิตภณฺฑํ, ‘‘ลทฺธาตปตฺโต ราชกุมาโร’’ติอาทีสุ วิย อุปลกฺขณนโยยํ. ‘‘น, ภิกฺขเว, ปพฺพชิเตน อกปฺปิยํ สมาทเปตพฺพํ, โย สมาทเปยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. น จ, ภิกฺขเว, นหาปิตปุพฺเพน ขุรภณฺฑํ ปริหริตพฺพํ, โย ปริหเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๓๐๓) จ ทฺวิธา ปฺตฺติ, ตสฺมา นหาปิตปุพฺเพน วา อนหาปิตปุพฺเพน วา ปพฺพชิเตน นาม อกปฺปิยสมาทปนํ น กาตพฺพํ. นหาปิตปุพฺเพน ปน ภิกฺขุนา ขุเรน อภิลกฺขิตํ ขุรภณฺฑํ, ขุรภณฺฑขุรโกสนิสิตปาสาณขุรถวิกาทโย น ปริหริตพฺพา เอว. เสสํ อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๐) ปน ‘‘น, ภิกฺขเว, ปพฺพชิเตน อกปฺปิเย สมาทเปตพฺพนฺติ วุตฺตตฺตา อนุปสมฺปนฺนสฺสปิ น เกวลํ ทสสุ เอว สิกฺขาปเทสุ, อถ โข ยํ ภิกฺขุสฺส น กปฺปติ, ตสฺมิมฺปีติ อธิปฺปาโย’’ติ วุตฺตํ.
ทสภาคกถา
๖๕. ทสภาคกถายํ สงฺฆิกานีติ สงฺฆสนฺตกานิ พีชานิ. ปุคฺคลิกายาติ ปุคฺคลสฺส สนฺตกาย ภูมิยา. ภาคํ ทตฺวาติ ¶ มูลภาคสงฺขาตํ ทสมภาคํ ภูมิสามิกานํ ทตฺวา. ปริภฺุชิตพฺพานีติ เตสํ พีชานํ ผลานิ โรปเกหิ ปริภฺุชิตพฺพานีติ อตฺโถ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว ¶ . อิทํ กิร ชมฺพุทีเป โปราณกจาริตฺตนฺติ อาทิกปฺปกาเล ปมกปฺปิกา มนุสฺสา โพธิสตฺตํ มหาสมฺมตํ นาม ราชานํ กตฺวา สพฺเพปิ อตฺตโน อตฺตโน ตณฺฑุลผลสาลิเขตฺตโต ปวตฺตตณฺฑุลผลานิ ทส โกฏฺาเส กตฺวา เอกํ โกฏฺาสํ ภูมิสามิกภูตสฺส มหาสมฺมตราชิโน ทตฺวา ปริภฺุชึสุ. ตโต ปฏฺาย ชมฺพุทีปิกานํ มนุสฺสานํ จาริตตฺตา วุตฺตํ. เตเนว สารตฺถทีปนีนามิกายมฺปิ วินยฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๔) ‘‘ทสภาคํ ทตฺวาติ ทสมภาคํ ทตฺวา. เตเนวาห ‘ทส โกฏฺาเส กตฺวา เอโก โกฏฺาโส ภูมิสามิกานํ ทาตพฺโพ’ติ’’ วุตฺตํ.
ปาเถยฺยกถา
๖๖. ปาเถยฺยกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว’’ติอาทิ ภทฺทิยนคเร อมิตปริโภคภูเตน เมณฺฑกเสฏฺินา อภิยาจิโต หุตฺวา อนฺุาตํ, อิธ ปน ปมํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฺจ โครเส ขีรํ ทธึ ตกฺกํ นวนีตํ สปฺปิ’’นฺติ (มหาว. ๒๙๙) ปฺจ โครสา อนฺุาตา. ตโต ปรํ เสฏฺิโน อภิยาจนานุรูปํ วตฺวา อนุชานิตุํ ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, มคฺคา กนฺตารา’’ติอาทิมาห. เสสํ อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. ตถา อลภนฺเตน อฺาตกอปฺปวาริตฏฺานโต ยาจิตฺวาปิ คเหตพฺพนฺติ เอเตน เอวรูเปสุ กาเลสุ วิฺตฺติปจฺจยา โทโส นตฺถีติ ทสฺเสติ. ‘‘เอกทิวเสน คมนีเย มคฺเค เอกภตฺตตฺถาย ปริเยสิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตตฺตา ปน ตโต อุปริ ยาจนํ น วฏฺฏตีติ ทสฺสิตํ. ‘‘ทีเฆ อทฺธาเน’’ติอาทินา สเจ มาสคมนีเย ¶ มคฺเค สตฺตาหคมนีโย เอว กนฺตาโร โหติ, ตตฺถ สตฺตาหยาปนียมตฺตเมว ปาเถยฺยํ ปริเยสิตพฺพํ, ตโต ปรํ ปิณฺฑจาริกาทิวเสน สุภิกฺขสุลภปิณฺฑมคฺคตฺตา น ปริเยสิตพฺพนฺติ.
มหาปเทสกถา
๖๗. มหาปเทสกถายํ มหาปเทสา นาม อปฺปฏิกฺขิตฺตา ทฺเว, อนนฺุาตา ทฺเวติ จตฺตาโรติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยํ ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห. เตสุ อปฺปฏิกฺขิตฺเตปิ อกปฺปิยานุโลมกปฺปิยานุโลมวเสน ทฺเว, ตถา อนนฺุาเตปีติ.
ตตฺถ ¶ ‘‘ปริมทฺทนฺตาติ อุปปริกฺขนฺตา. ปฏฺฏณฺณุเทเส สฺชาตวตฺถํ ปฏฺฏุณฺณํ. ‘ปฏฺฏุณฺณํ โกเสยฺยวิเสโส’ติ หิ อภิธานโกเส วุตฺตํ. จีนเทเส โสมารเทเส จ สฺชาตวตฺถานิ จีนโสมารปฏานิ. ปฏฺฏุณฺณาทีนิ ตีณิ โกเสยฺยสฺส อนุโลมานิ ปาณเกหิ กตสุตฺตมยตฺตา. อิทฺธิมยํ เอหิภิกฺขูนํ ปฺุิทฺธิยา นิพฺพตฺตจีวรํ, ตํ โขมาทีนํ อฺตรํ โหตีติ เตสํเยว อนุโลมํ. เทวตาหิ ทินฺนจีวรํ เทวทตฺติยํ, ตํ กปฺปรุกฺเข นิพฺพตฺตํ ชาลินิยา เทวกฺาย อนุรุทฺธตฺเถรสฺส ทินฺนวตฺถสทิสํ, ตมฺปิ โขมาทีนํเยว อนุโลมํ โหติ เตสุ อฺตรภาวโต. ทฺเว ปฏานิ เทสนาเมน วุตฺตานีติ เตสํ สรูปทสฺสนมตฺตเมตํ, นาฺนิวตฺตนปทํ ปฏฺฏุณฺณปฏฺฏสฺสปิ เทสนาเมเนว วุตฺตตฺตา. ตุมฺพาติ ตีณิ ภาชนานิ. ผลกตุมฺโพ ลาพุอาทิ. อุทกตุมฺโพ อุทกุกฺขิปนกุฏโก. กิลฺชจฺฉตฺตนฺติ เวฬุวิลีเวหิ วายิตฺวา กตฉตฺต’’นฺติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๐๕) วุตฺตํ.
‘‘ยาวกาลิกปกฺกานนฺติ ¶ ปกฺเก สนฺธาย วุตฺตํ. อามานิ ปน อนุปสมฺปนฺเนหิ สีตุทเก มทฺทิตฺวา ปริสฺสาเวตฺวา ทินฺนปานํ ปจฺฉาภตฺตมฺปิ กปฺปติ เอว. อยฺจ อตฺโถ มหาอฏฺกถายํ สรูปโต อวุตฺโตติ อาห ‘กุรุนฺทิยํ ปนา’ติอาทิ. อุจฺฉุรโส นิกสโฏติ อิทํ ปาตพฺพตาสามฺเน ยามกาลิกกถายํ วุตฺตํ, ตํ ปน สตฺตาหกาลิกเมวาติ คเหตพฺพํ. อิเม จตฺตาโร รสาติ ผลปตฺตปุปฺผอุจฺฉุรสา จตฺตาโร’’ติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๓๐๐) วุตฺตํ. ‘‘ทฺเว ปฏา เทสนาเมเนวาติ จีนปฏโสมารปฏานิ. ตีณีติ ปฏฺฏุณฺเณน สห ตีณิ. อิทฺธิมยํ เอหิภิกฺขูนํ นิพฺพตฺตํ. เทวทตฺติยํ อนุรุทฺธตฺเถเรน ลทฺธ’’นฺติ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๕).
สํสฏฺกถา
สํสฏฺกถายํ ตทหุปฏิคฺคหิตํ กาเล กปฺปตีติอาทิ สพฺพํ สมฺภินฺนรสํ สนฺธาย วุตฺตํ. สเจ หิ ฉลฺลิมฺปิ อปเนตฺวา สกเลเนว นาฬิเกรผเลน สทฺธึ ปานกํ ปฏิคฺคหิตํ โหติ, นาฬิเกรํ อปเนตฺวา ตํ วิกาเลปิ กปฺปติ. อุปริ สปฺปิปิณฺฑํ เปตฺวา สีตลปายาสํ เทนฺติ, ยํ ปายาเสน อสํสฏฺํ สปฺปิ, ตํ อปเนตฺวา สตฺตาหํ ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏติ. พทฺธมธุผาณิตาทีสุปิ เอเสว นโย. ตกฺโกลชาติผลาทีหิ อลงฺกริตฺวา ปิณฺฑปาตํ เทนฺติ, ตานิ อุทฺธริตฺวา โธวิตฺวา ยาวชีวํ ปริภฺุชิตพฺพานิ, ยาคุยํ ปกฺขิปิตฺวา ทินฺนสิงฺคิเวราทีสุปิ, เตลาทีสุ ปกฺขิปิตฺวา ทินฺนลฏฺิมธุกาทีสุปิ ¶ เอเสว นโย. เอวํ ยํ ยํ อสมฺภินฺนรสํ โหติ, ตํ ตํ เอกโต ปฏิคฺคหิตมฺปิ ยถา สุทฺธํ โหติ, ตถา โธวิตฺวา วา ตจฺเฉตฺวา วา ตสฺส ตสฺส กาลสฺส วเสน ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏติ.
สเจ ¶ ปน สมฺภินฺนรสํ โหติ สํสฏฺํ, น วฏฺฏติ. ยาวกาลิกฺหิ อตฺตนา สทฺธึ สมฺภินฺนรสานิ ตีณิปิ ยามกาลิกาทีนิ อตฺตโน สภาวํ อุปเนติ. ยามกาลิกํ ทฺเวปิ สตฺตาหกาลิกาทีนิ อตฺตโน สภาวํ อุปเนติ. สตฺตาหกาลิกํ อตฺตนา สทฺธึ สํสฏฺํ ยาวชีวิกํ อตฺตโน สภาวฺเว อุปเนติ, ตสฺมา เตน ตทหุปฏิคฺคหิเตน สทฺธึ ตทหุปฏิคฺคหิตํ วา ปุเรปฏิคฺคหิตํ วา ยาวชีวิกํ สตฺตาหํ กปฺปติ, ทฺวีหปฏิคฺคหิเตน ฉาหํ…เป… สตฺตาหปฏิคฺคหิเตน ตทเหว กปฺปตีติ เวทิตพฺพํ. ตสฺมาเยว หิ ‘‘สตฺตาหกาลิเกน, ภิกฺขเว, ยาวชีวิกํ ตทหุปฏิคฺคหิต’’นฺติ อวตฺวา ‘‘ปฏิคฺคหิตํ สตฺตาหํ กปฺปตี’’ติ วุตฺตํ.
กาลยามสตฺตาหาติกฺกเมสุ เจตฺถ วิกาลโภชนสนฺนิธิเภสชฺชสิกฺขาปทานํ วเสน อาปตฺติโย เวทิตพฺพา. อิเมสุ จ ปน จตูสุ กาลิเกสุ ยาวกาลิกํ ยามกาลิกนฺติ อิทเมว ทฺวยํ อนฺโตวุตฺถกฺเจว สนฺนิธิการกฺจ โหติ, สตฺตาหกาลิกฺจ ยาวชีวิกฺจ อกปฺปิยกุฏิยํ นิกฺขิปิตุมฺปิ วฏฺฏติ, สนฺนิธิมฺปิ น ชเนตีติ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมว.
ปฺจเภสชฺชกถา
ปฺจเภสชฺชกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตานิ ปฺจ เภสชฺชานิ กาเล ปฏิคฺคเหตฺวา กาเล ปริภฺุชิตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๑) วจนโต สารทิเกน อาพาเธน ผุฏฺานํ ภิกฺขูนํ ยาคุปิ ปีตา อุคฺคจฺฉติ, ภตฺตมฺปิ ภุตฺตํ อุคฺคจฺฉติ, เต เตน กิสา โหนฺติ ลูขา ทุพฺพณฺณา อุปฺปณฺฑุปฺปณฺฑุกชาตา ธมนิสนฺถตคตฺตา. เตสํ ยํ เภสชฺชฺเจว อสฺส เภสชฺชสมฺมตฺจ, โลกสฺส อาหารตฺถฺจ ผเรยฺย, น จ โอฬาริโก อาหาโร ¶ ปฺาเยยฺย. ตตฺริมานิ ปฺจ เภสชฺชานิ. เสยฺยถิทํ – สปฺปิ นวนีตํ เตลํ มธุ ผาณิตํ, ตานิ เภสชฺชานิ กาเล ปฏิคฺคเหตฺวา กาเล ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ ‘‘สารทิเกน อาพาเธนาติ สรทกาเล อุปฺปนฺเนน ปิตฺตาพาเธน. ตสฺมิฺหิ กาเล วสฺโสทเกนปิ เตเมนฺติ, กทฺทมมฺปิ มทฺทนฺติ, อนฺตรนฺตรา ¶ อาพาโธปิ ขโร โหติ, เตน เตสํ ปิตฺตํ โกฏฺพฺภนฺตรคตํ โหติ. อาหารตฺถฺจ ผเรยฺยาติ อาหารตฺถํ สาเธยฺยา’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๒๖๐) วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๖๐) ‘‘ปิตฺตํ โกฏฺพฺภนฺตรคตํ โหตีติ พหิสรีเร พฺยาเปตฺวา ิตํ อพทฺธปิตฺตํ โกฏฺพฺภนฺตรคตํ โหติ, เตน ปิตฺตํ กุปิตํ โหตีติ อธิปฺปาโย’’ติ วุตฺตํ.
วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๒๖๐) ‘‘ยํ เภสชฺชฺเจว อสฺสาติ ปรโต ‘ตทุภเยน ภิยฺโยโสมตฺตาย กิสา โหนฺตี’ติอาทินา วิโรธทสฺสนโต นิทานานเปกฺขํ ยถาลาภวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ยถานิทานํ กสฺมา น วุตฺตนฺติ เจ? ตทฺาเปกฺขาธิปฺปายโต. สพฺพพุทฺธกาเลปิ หิ สปฺปิอาทีนํ สตฺตาหกาลิกภาวาเปกฺโขติ. ตถา วจเนน ภควโต อธิปฺปาโย. เตเนว ‘อาหารตฺถฺจ ผเรยฺย, น จ โอฬาริโก อาหาโร ปฺาเยยฺยา’ติ วุตฺตํ. ตถา หิ กาเล ปฏิคฺคเหตฺวา กาเล ปริภฺุชิตุนฺติ เอตฺถ จ กาลปริจฺเฉโท น กโต, กุโตเยว ปน ลพฺภา ตทฺาเปกฺขาธิปฺปาโย ภควตา มูลเภสชฺชาทีนิ ตานิ ปฏิคฺคเหตฺวา ยาวชีวนฺติ กาลปริจฺเฉโท. ยํ ปน ‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตานิ เภสชฺชานิ กาเล ปฏิคฺคเหตฺวา กาเล ปริภฺุชิตุ’นฺติ (มหาว. ๒๖๐) วจนํ, ตํ ‘สนฺนิธึ กตฺวา อปราปรสฺมึ ทิวเส กาเล เอว ปริภฺุชิตุํ อนุชานามี’ติ อธิปฺปายโต วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อฺถา อติสยตฺตา ภควโต ¶ ‘ยํ เภสชฺชฺเจว อสฺสา’ติอาทิวิตกฺกุปฺปาโท น สมฺภวติ. ปณีตโภชนานุมติยา ปสิทฺธตฺตา อาพาธานุรูปสปฺปายาเปกฺขาย วุตฺตานีติ เจ? ตฺจ น, ‘ภิยฺโยโสมตฺตายา’ติ กิสาทิภาวาปตฺติทสฺสนโต. ยถา อุจฺฉุรสํ อุปาทาย ผาณิตนฺติ วุตฺตํ, ตถา นวนีตํ อุปาทาย สปฺปีติ วตฺตพฺพโต นวนีตํ วิสุํ น วตฺตพฺพนฺติ เจ? น วิเสสทสฺสนาธิปฺปายโต. ยถา ผาณิตคฺคหเณน สิทฺเธปิ ปรโต อุจฺฉุรโส วิสุํ อนฺุาโต อุจฺฉุสามฺโต คุโฬทกฏฺาเน ปนาธิปฺปายโต, ตถา นวนีเต วิเสสวิธิทสฺสนาธิปฺปายโต นวนีตํ วิสุํ อนฺุาตนฺติ เวทิตพฺพํ. วิเสสวิธิ ปนสฺส เภสชฺชสิกฺขาปทฏฺกถาวเสน (ปารา. อฏฺ. ๒.๖๑๙-๖๒๑) เวทิตพฺโพ. วุตฺตฺหิ ตตฺถ ‘ปจิตฺวา สปฺปึ กตฺวา ปริภฺุชิตุกาเมน อโธตมฺปิ ปจิตุํ วฏฺฏตี’ติ. ตตฺถ สปฺปิ ปกฺกาว โหติ, นาปกฺกา, ตถา ผาณิตมฺปิ. นวนีตํ อปกฺกเมวา’’ติอาทิ.
ทุติยเภสชฺชกถา
ทุติยเภสชฺชกถายํ ¶ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตานิ ปฺจ เภสชฺชานิ ปฏิคฺคเหตฺวา กาเลปิ วิกาเลปิ ปริภฺุชิตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๑) วจนโต ‘‘ตานิ ปฺจ เภสชฺชานิ กาเล ปฏิคฺคเหตฺวา กาเล ปริภฺุชนฺตานํ เตสํ ภิกฺขูนํ ยานิปิ ตานิ ปากติกานิ ลูขานิ โภชนานิ, ตานิ นจฺฉาเทนฺติ, ปเคว เสเนสิตานิ. เต เตน เจว สารทิเกน อาพาเธน ผุฏฺา อิมินา จ ภตฺตาจฺฉาทเกน ตทุภเยน ภิยฺโยโสมตฺตาย กิสา โหนฺตี’’ติ อิมสฺมึ วตฺถุสฺมึ กาเลปิ วิกาเลปีติ อนฺุาตตฺตา วิกาเลปิ ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ ‘‘นจฺฉาเทนฺตีติ น ชีรนฺติ, น วาตโรคํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภตุํ สกฺโกนฺติ. เสเนสิตานีติ สินิทฺธานิ. ภตฺตาจฺฉาทเกนาติ ¶ ภตฺตํ อโรจิเกนา’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๒๖๑) วุตฺตํ, ฏีกาสุ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๒๖๑; วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๖๑-๒๖๒) ปน ‘‘นจฺฉาเทนฺตีติ รุจึ น อุปฺปาเทนฺตี’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ, มหาวิภงฺเค (ปารา. ๖๒๒) ปน ‘‘ยานิ โข ปน ตานิ คิลานานํ ภิกฺขูนํ ปฏิสายนียานิ เภสชฺชานิ. เสยฺยถิทํ – สปฺปิ นวนีตํ เตลํ มธุ ผาณิตํ, ตานิ ปฏิคฺคเหตฺวา สตฺตาหปรมํ สนฺนิธิการกํ ปริภฺุชิตพฺพานิ, ตํ อติกฺกามยโต นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติย’’นฺติ วจนโต อิเมสํ ปฺจเภสชฺชานํ สตฺตาหกาลิกภาโว เวทิตพฺโพ, อิธ ปน อฏฺุปฺปตฺติวเสน วุตฺโตติ.
วสาเภสชฺชกถา
วสาเภสชฺชกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วสานิ เภสชฺชานิ อจฺฉวสํ มจฺฉวสํ สุสุกาวสํ สูกรวสํ คทฺรภวสํ กาเล ปฏิคฺคหิตํ กาเล นิปฺปกฺกํ กาเล สํสฏฺํ เตลปริโภเคน ปริภฺุชิตุํ. วิกาเล เจ, ภิกฺขเว, ปฏิคฺคหิตํ วิกาเล นิปฺปกฺกํ วิกาเล สํสฏฺํ, ตฺเจ ปริภฺุเชยฺย, อาปตฺติ ติณฺณํ ทุกฺกฏานํ. กาเล เจ, ภิกฺขเว, ปฏิคฺคหิตํ วิกาเล นิปฺปกฺกํ วิกาเล สํสฏฺํ, ตฺเจ ปริภฺุเชยฺย, อาปตฺติ ทฺวินฺนํ ทุกฺกฏานํ. กาเล เจ, ภิกฺขเว, ปฏิคฺคหิตํ กาเล นิปฺปกฺกํ วิกาเล สํสฏฺํ, ตฺเจ ปริภฺุเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. กาเล เจ, ภิกฺขเว, ปฏิคฺคหิตํ กาเล นิปฺปกฺกํ กาเล สํสฏฺํ, ตฺเจ ปริภฺุเชยฺย, อนาปตฺตี’’ติ (มหาว. ๒๖๒). ตตฺถ ‘‘กาเล ปฏิคฺคหิตนฺติอาทีสุ มชฺฌนฺหิเก อวีติวตฺเต ปฏิคฺคเหตฺวา ปจิตฺวา ปริสฺสาเวตฺวา จาติ อตฺโถ. เตลปริโภเคน ปริภฺุชิตุนฺติ ¶ สตฺตาหกาลิกเตลปริโภเคน ปริภฺุชิตุ’’นฺติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๒๖๒) วุตฺตํ, ฏีกาสุ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๒๖๒; วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๖๑-๒๖๒) ปน ‘‘สุสุกาติ ¶ สมุทฺเท ภวา เอกา มจฺฉชาติ, กุมฺภิลาติปิ วทนฺติ. สํสฏฺนฺติ ปริสฺสาวิตํ. เตลปริโภเคนาติ สตฺตาหกาลิกปริโภคํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน เหฏฺา จตุกาลิกกถายํ วุตฺโตเยว.
มูลเภสชฺชกถา
มูลเภสชฺชกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, มูลานิ เภสชฺชานิ, หลิทฺทึ สิงฺคิเวรํ วจํ วจตฺตํ อติวิสํ กฏุกโรหิณึ อุสีรํ ภทฺทมุตฺตกํ, ยานิ วา ปนฺานิปิ อตฺถิ มูลานิ เภสชฺชานิ เนว ขาทนีเย ขาทนียตฺถํ ผรนฺติ, น โภชนีเย โภชนียตฺถํ ผรนฺติ, ตานิ ปฏิคฺคเหตฺวา ยาวชีวํ ปริหริตุํ, สติ ปจฺจเย ปริภฺุชิตุํ. อสติ ปจฺจเย ปริภฺุชนฺตสฺส อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ. ตตฺถ วจตฺตนฺติ เสตวจํ. เสสํ เหฏฺา วุตฺตเมว.
ปิฏฺเภสชฺชกถา
ปิฏฺเภสชฺชกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, นิสทํ นิสทโปตก’’นฺติ (มหาว. ๒๖๓) วจนโต ปิสิเตหิ จุณฺณกเตหิ มูลเภสชฺเชหิ อตฺเถ สติ นิสทฺจ นิสทโปตกฺจ ปริหริตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ นิสทํ นิสทโปตกนฺติ ปิสนสิลา จ ปิสนโปโต จ. นิสทนฺติ ปิสนฺติ จุณฺณวิจุณฺณํ กโรนฺติ มูลเภสชฺชาทโย เอตฺถาติ นิสทํ, ปิสนสิลา. นิสทนฺติ ปิสนฺติ จุณฺณวิจุณฺณํ กโรนฺติ มูลเภสชฺชาทโย เอเตนาติ นิสทํ, โปเสตพฺโพติ โปโต, ทารโก. ขุทฺทกปฺปมาณตาย โปโต วิยาติ โปโต, นิสทฺจ ตํ โปโต จาติ นิสทโปโต, ตํ นิสทโปตกํ. นิปุพฺพสท จุณฺณกรเณติ ธาตุ.
กสาวเภสชฺชกถา
กสาวเภสชฺชกถายํ ¶ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, กสาวานิ เภสชฺชานิ นิมฺพกสาวํ กุฏชกสาวํ ปโฏลกสาวํ ผคฺควกสาวํ นตฺตมาลกสาวํ, ยานิ วา ปนฺานิปิ อตฺถิ กสาวานิ ¶ เภสชฺชานิ เนว ขาทนีเย ขาทนียตฺถํ ผรนฺติ, น โภชนีเย โภชนียตฺถํ ผรนฺติ, ตานิ ปฏิคฺคเหตฺวา ยาวชีวํ ปริหริตุํ, สติ ปจฺจเย ปริภฺุชิตุํ, อสติ ปจฺจเย ปริภฺุชนฺตสฺส อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๒๖๓) วจนโต ตานิปิ กสาวเภสชฺชานิ ปฏิคฺคเหตฺวา ยาวชีวํ ปริหริตุํ สติ ปจฺจเย ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ ผคฺควนฺติ ลตาชาติ. นตฺตมาลนฺติ กรฺชํ. ‘‘กสาเวหีติ ตจาทีนิ อุทเก ตาเปตฺวา คหิตอูสเรหี’’ติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๖๓) วุตฺตํ.
ปณฺณเภสชฺชกถา
ปณฺณเภสชฺชกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปณฺณานิ เภสชฺชานิ นิมฺพปณฺณํ กุฏชปณฺณํ ปโฏลปณฺณํ นตฺตมาลปณฺณํ ผคฺควปณฺณํ สุลสิปณฺณํ กปฺปาสปณฺณํ, ยานิ วา ปนฺานิปิ อตฺถิ ปณฺณานิ เภสชฺชานิ เนว ขาทนีเย ขาทนียตฺถํ ผรนฺติ, น โภชนีเย โภชนียตฺถํ ผรนฺติ, ตานิ ปฏิคฺคเหตฺวา ยาวชีวํ ปริหริตุํ, สติ ปจฺจเย ปริภฺุชิตุํ, อสติ ปจฺจเย ปริภฺุชนฺตสฺส อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๒๖๓) วจนโต ขาทนียโภชนียตฺถํ อผรนฺตานิ ตานิปิ ปณฺณานิ ปฏิคฺคเหตฺวา ยาวชีวํ ปริหริตุํ, สติ ปจฺจเย ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏติ. อจฺฉวสนฺติอาทีสุ นิสฺสคฺคิยวณฺณนายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๖๒๓) วุตฺตนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. มูลเภสชฺชาทิวินิจฺฉโยปิ ขุทฺทกวณฺณนายํ วุตฺโตเยว, ตสฺมา อิธ ยํ ยํ ปุพฺเพ อวุตฺตํ, ตํ ตเทว วณฺณยิสฺสาม.
ผลเภสชฺชกถา
ผลเภสชฺชกถายํ ¶ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ผลานิ เภสชฺชานิ พิฬงฺคํ ปิปฺปลึ มริจํ หรีตกํ วิภีตกํ อามลกํ โคฏฺผลํ, ยานิ วา ปนฺานิปิ อตฺถิ ผลานิ เภสชฺชานิ เนว ขาทนีเย ขาทนียตฺถํ ผรนฺติ, น โภชนีเย โภชนียตฺถํ ผรนฺติ, ตานิ ปฏิคฺคเหตฺวา ยาวชีวํ ปริหริตุํ, สติ ปจฺจเย ปริภฺุชิตุํ, อสติ ปจฺจเย ปริภฺุชนฺตสฺส อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๒๖๓) วจนโต ขาทนียโภชนียตฺถํ อผรนฺตานิ ตานิ ผลานิ ปฏิคฺคเหตฺวา ยาวชีวํ ปริหริตุํ, สติ ปจฺจเย ปริภฺุชิตุมฺปิ วฏฺฏติ.
ชตุเภสชฺชกถา
ชตุเภสชฺชกถายํ ¶ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ชตูนิ เภสชฺชานิ หิงฺคุํ หิงฺคุชตุํ หิงฺคุสิปาฏิกํ ตกํ ตกปตฺตึ ตกปณฺณึ สชฺชุลสํ, ยานิ วา ปนฺานิปิ อตฺถิ ชตูนิ เภสชฺชานิ เนว ขาทนีเย ขาทนียตฺถํ ผรนฺติ, น โภชนีเย โภชนียตฺถํ ผรนฺติ, ตานิ ปฏิคฺคเหตฺวา ยาวชีวํ ปริหริตุํ, สติ ปจฺจเย ปริภฺุชิตุํ, อสติ ปจฺจเย ปริภฺุชนฺตสฺส อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๒๖๓) วจนโต ตานิ ชตูนิ เภสชฺชานิ ปฏิคฺคเหตฺวา ยาวชีวํ ปริหริตุํ, สติ ปจฺจเย ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ หิงฺคุหิงฺคุชตุหิงฺคุสิปาฏิกา หิงฺคุชาติโยเยว. ตกตกปตฺติตกปณฺณโย ลาขาชาติโย.
วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๒๖๓) ปน ‘‘หิงฺคุชตุ นาม หิงฺคุรุกฺขสฺส ทณฺฑปลฺลวปวาฬปากนิปฺผนฺนา. หิงฺคุสิปาฏิกา นาม ตสฺส มูลสาขปากนิปฺผนฺนา. ตกํ นาม ตสฺส รุกฺขสฺส ตจปาโกทกํ. ตกปตฺตีติ ตสฺส ปตฺตปาโกทกํ. ตกปณฺณีติ ตสฺส ผลปาโกทกํ. อถ วา ‘ตกํ นาม ลาขา. ตกปตฺตีติ กิตฺติมโลหสาขา ¶ . ตกปณฺณีติ ปกฺกลาขา’ติ ลิขิตํ. สติ ปจฺจเยติ เอตฺถ สติปจฺจยตา คิลานาคิลานวเสน ทฺวิธา เวทิตพฺพา. วิกาลโภชนสิกฺขาปทสฺส หิ อนาปตฺติวาเร ยามกาลิกาทีนํ ติณฺณมฺปิ อวิเสเสน สติปจฺจยตา วุตฺตา. อิมสฺมึ ขนฺธเก ‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, คิลานสฺส คุฬํ อคิลานสฺส คุโฬทกํ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, คิลานสฺส โลณโสวีรกํ, อคิลานสฺส อุทกสมฺภินฺน’นฺติ (มหาว. ๒๗๓) วุตฺตํ, ตสฺมา สิทฺธํ ‘สติปจฺจยตา คิลานาคิลานวเสน ทุวิธา’ติ, อฺถา อสติ ปจฺจเย คุโฬทกาทิ อาปชฺชติ, ตโต จ ปาฬิวิโรโธ. อาหารตฺถนฺติ อาหารปโยชนํ, อาหารกิจฺจยาปนนฺติ อตฺโถติ จ. เตลปริโภเคนาติ สตฺตาหกาลิกปริโภเคน. ปิฏฺเหีติ ปิสิตเตเลหิ. โกฏฺผลนฺติ โกฏฺรุกฺขสฺส ผลํ, มทนผลํ วาติ จ ลิขิต’’นฺติ วุตฺตํ.
โลณเภสชฺชกถา
โลณเภสชฺชกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, โลณานิ เภสชฺชานิ สามุทฺทิกํ กาฬโลณํ สินฺธวํ อุพฺภิทํ พิลํ, ยานิ วา ปนฺานิปิ อตฺถิ โลณานิ เภสชฺชานิ เนว ขาทนีเย ขาทนียตฺถํ ¶ ผรนฺติ, น โภชนีเย โภชนียตฺถํ ผรนฺติ, ตานิ ปฏิคฺคเหตฺวา ยาวชีวํ ปริหริตุํ, สติ ปจฺจเย ปริภฺุชิตุํ, อสติ ปจฺจเย ปริภฺุชนฺตสฺส อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๒๖๓) วจนโต ตานิ โลณานิ ปฏิคฺคเหตฺวา ยาวชีวํ ปริหริตุํ, สติ ปจฺจเย ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ สามุทฺทนฺติ สมุทฺทตีเร วาลุกํ วิย สนฺติฏฺติ. กาฬโลณนฺติ ปกติโลณํ. สินฺธวนฺติ เสตวณฺณํ ปพฺพเต อุฏฺหติ. อุพฺภิทนฺติ ภูมิโต องฺกุรํ วิย อุฏฺหติ. พิลนฺติ ทพฺพสมฺภาเรหิ สทฺธึ ปจิตํ, ตํ รตฺตวณฺณํ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๒๖๓) ปน ‘‘อุพฺภิทํ นาม อูสรปํสุมย’’นฺติ ¶ วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๖๓) ปน ‘‘อุพฺภิทนฺติ อูสรปํสุมยํ โลณํ. พิลนฺติ โลณวิเสโส’’ติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายมฺปิ ตเถว วุตฺตํ.
จุณฺณกถา
จุณฺณกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ยสฺส กณฺฑุ วา ปีฬกา วา อสฺสาโว วา ถุลฺลกจฺฉุ วา อาพาโธ กาโย วา ทุคฺคนฺโธ จุณฺณานิ เภสชฺชานิ, อคิลานสฺส ฉกณํ มตฺติกํ รชนนิปฺปกฺกํ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อุทุกฺขลํ มุสล’’นฺติ (มหาว. ๒๖๔). ‘‘กาโย วา ทุคฺคนฺโธติ กสฺสจิ อสฺสาทีนํ วิย กายคนฺโธ โหติ, ตสฺสปิ สิรีสโกสุมฺพาทิจุณฺณานิ วา คนฺธจุณฺณานิ วา สพฺพานิ วฏฺฏนฺติ. ฉกณนฺติ โคมยํ. รชนนิปฺปกฺกนฺติ รชนกสฏํ, ปากติกจุณฺณมฺปิ โกฏฺเฏตฺวา อุทเกน เตเมตฺวา นฺหายิตุํ วฏฺฏติ, เอตมฺปิ รชนนิปฺปกฺกสงฺขเมว คจฺฉตี’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๒๖๔) วุตฺตํ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๒๖๔) ปน ‘‘ฉกณนฺติ โคมยํ. ปากติกจุณฺณํ นาม อปกฺกกสาวจุณฺณํ. เตน เปตฺวา คนฺธจุณฺณํ สพฺพํ วฏฺฏตีติ วทนฺตี’’ติ วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยมฺปิ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๖๔-๒๖๕) ‘‘ฉกณนฺติ โคมยํ. ปากติกจุณฺณนฺติ อปกฺกกสาวจุณฺณํ, คนฺธจุณฺณํ ปน น วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายมฺปิ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๒๖๔) ‘‘ฉกณนฺติ โคมยํ. ปากติกจุณฺณํ นาม อปกฺกกสาวจุณฺณํ. เตน เปตฺวา คนฺธจุณฺณํ สพฺพํ วฏฺฏตีติ วทนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, จุณฺณจาลินิ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๔) วจนโต คิลานานํ ภิกฺขูนํ จุณฺเณหิ เภสชฺเชหิ จาลิเตหิ อตฺเถ สติ จุณฺณจาลินี วฏฺฏติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ทุสฺสจาลินิ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๔) วจนโต สณฺเหหิ จุณฺเณหิ อตฺเถ สติ ทุสฺสจาลินี วฏฺฏติ ¶ . ‘‘จุณฺณจาลินินฺติ อุทุกฺขเล โกฏฺฏิตจุณฺณปริสฺสาวนิ’’นฺติ วิมติวิโนทนิยํ ¶ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๖๔-๒๖๕) วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายมฺปิ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๒๖๔) ‘‘จาลิเตหีติ ปริสฺสาวิเตหี’’ติ วุตฺตํ.
อมนุสฺสิกาพาธกถา
อมนุสฺสิกาพาธกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อมนุสฺสิกาพาเธ อามกมํสํ อามกมํสโลหิต’’นฺติ (มหาว. ๒๖๔) วจนโต ยสฺส ภิกฺขุโน อามกมํสํ ขาทิตสฺส อามกโลหิตํ ปิวิตสฺส โส อมนุสฺสาพาโธ ปฏิปฺปสฺสมฺภติ, ตสฺส อนาปตฺติ. ตตฺถ อามกมํสฺจ ขาทิ, อามกโลหิตฺจ ปิวีติ น ตํ ภิกฺขุ ขาทิ, น ปิวิ, อมนุสฺโส ขาทิตฺวา จ ปิวิตฺวา จ ปกฺกนฺโต. เตน วุตฺตํ ‘‘ตสฺส โส อมนุสฺสิกาพาโธ ปฏิปฺปสฺสมฺภี’’ติ.
อฺชนกถา
อฺชนกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อฺชนํ กาฬฺชนํ รสฺชนํ โสตฺชนํ เครุกํ กปลฺล’’นฺติ (มหาว. ๒๖๕) วจนโต ภิกฺขูนํ จกฺขุโรเค สติ อฺชนาทีนิ วฏฺฏนฺติ. ตตฺถ ‘‘อฺชนนฺติ สพฺพสงฺคาหิกวจนเมตํ. กาฬฺชนนฺติ เอกา อฺชนชาติ. รสฺชนนฺติ นานาสมฺภาเรหิ กตํ. โสตฺชนนฺติ นทีโสตาทีสุ อุปฺปชฺชนกอฺชนํ. เครุโก นาม สุวณฺณเครุโก. กปลฺลนฺติ ทีปสิขโต คหิตมสี’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๒๖๔) วุตฺตํ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๒๖๕) ‘‘สุวณฺณเครุโกติ สุวณฺณตุตฺถาที’’ติ วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยมฺปิ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๖๔-๒๖๕) ตเถว วุตฺตํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, จนฺทนํ ตครํ กาฬานุสาริยํ ตาลีสํ ภทฺทมุตฺตก’’นฺติ (มหาว. ๒๖๕) วจนโต อฺชนูปปิสเนหิ อตฺเถ สติ อิมานิ จนฺทนาทีนิ วฏฺฏนฺติ. ตตฺถ ‘‘จนฺทนนฺติ โลหิตจนฺทนาทิกํ ยํ กิฺจิ จนฺทนํ. ตคราทีนิ ¶ ปากฏานิ. อฺานิปิ นีลุปฺปลาทีนิ วฏฺฏนฺติเยว. อฺชนูปปิสเนหีติ อฺชเนหิ สทฺธึ เอกโต ปิสิตพฺเพหิ. น หิ กิฺจิ อฺชนูปปิสนํ น วฏฺฏตี’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๒๖๔) ฏีกายํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๒๖๕) ปน ‘‘อฺชนูปปิสนนฺติ อฺชนตฺถาย อุปปิสิตพฺพํ ยํ กิฺจิ ¶ จุณฺณชาตี’’ติ วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๖๔-๒๖๕) ปน ‘‘ปาฬิยํ อฺชนูปปิสนนฺติ อฺชเน อุปเนตุํ ปิสิตพฺพเภสชฺช’’นฺติ วุตฺตํ.
‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อฺชนิ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๕) วจนโต อฺชนปนฏฺานํ วฏฺฏติ. ‘‘น, ภิกฺขเว, อุจฺจาวจา อฺชนี ธาเรตพฺพา, โย ธาเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อฏฺิมยํ ทนฺตมยํ วิสาณมยํ นฬมยํ เวฬุมยํ กฏฺมยํ ชตุมยํ โลหมยํ สงฺขนาภิมย’’นฺติ (มหาว. ๒๖๕) วจนโต เอตานิ กปฺปิยานิ. ตตฺถ อฏฺิมยนฺติ มนุสฺสฏฺึ เปตฺวา อวเสสอฏฺิมยํ. ทนฺตมยนฺติ หตฺถิทนฺตาทิสพฺพทนฺตมยํ. วิสาณมเยปิ อกปฺปิยํ นาม นตฺถิ. นฬมยาทโย เอกนฺตกปฺปิยาเยว.
‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อปิธาน’’นฺติ (มหาว. ๒๖๕) วจนโต อฺชนีอปิธานมฺปิ วฏฺฏติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สุตฺตเกน พนฺธิตฺวา อฺชนิยา พนฺธิตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๕) วจนโต อปิธานํ สุตฺตเกน พนฺธิตฺวา อฺชนิยา พนฺธิตพฺพํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สุตฺตเกน สิพฺเพตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๕) วจนโต อปตนตฺถาย อฺชนีสุตฺตเกน สิพฺเพตุํ วฏฺฏติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อฺชนิสลาก’’นฺติ (มหาว. ๒๖๕) วจนโต อฺชนิสลากมฺปิ วฏฺฏติ. ‘‘น, ภิกฺขเว, อุจฺจาวจา อฺชนิสลากา ธาเรตพฺพา, โย ธาเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อฏฺิมยํ…เป… สงฺขนาภิมย’’นฺติ (มหาว. ๒๖๕) วจนโต เอตาเยว อฺชนิสลากา วฏฺฏนฺติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สลากฏฺานิย’’นฺติ (มหาว. ๒๖๕) วจนโต อฺชนิสลากฏฺานิยมฺปิ วฏฺฏติ. ตตฺถ สลากฏฺานิยนฺติ ยตฺถ สลากํ โอทหนฺติ, ตํ สุสิรทณฺฑกํ วา ถวิกํ วา อนุชานามีติ ¶ อตฺโถ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อฺชนิตฺถวิก’’นฺติ (มหาว. ๒๖๕) วจนโต ถวิกมฺปิ วฏฺฏติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อํสพทฺธกํ พนฺธนสุตฺตก’’นฺติ (มหาว. ๒๖๕) วจนโต อฺชนิตฺถวิกาย อํเส ลคฺคนตฺถาย อํสพทฺธกมฺปิ พนฺธนสุตฺตกมฺปิ วฏฺฏติ.
นตฺถุกถา
นตฺถุกถายํ ¶ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, มุทฺธนิ เตลก’’นฺติ (มหาว. ๒๖๖) วจนโต สีสาภิตาปสฺส ภิกฺขุโน มุทฺธนิ เตลํ วฏฺฏติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, นตฺถุกมฺม’’นฺติ (มหาว. ๒๖๖) วจนโต นกฺขมนีเย สติ นตฺถุกมฺมํ วฏฺฏติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, นตฺถุกรณิ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๖) วจนโต นตฺถุยา อคฬนตฺถํ นตฺถุกรณี วฏฺฏติ. ‘‘น, ภิกฺขเว, อุจฺจาวจา นตฺถุกรณี ธาเรตพฺพา, โย ธาเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อฏฺิมยํ…เป… สงฺขนาภิมย’’นฺติ (มหาว. ๒๖๖) วจนโต เอตาเยว นตฺถุกรณิโย วฏฺฏนฺติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ยมกนตฺถุกรณิ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๖) วจนโต นตฺถุ วิสมํ อาสิฺจยนฺติ เจ, ยมกนตฺถุกรณึ ธาเรตพฺพํ. ตตฺถ ยมกนตฺถุกรณินฺติ สมโส ตาหิ ทฺวีหิ ปนาฬิกาหิ เอกํ นตฺถุกรณึ.
ธูมเนตฺตกถา
ธูมเนตฺตกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ธูมํ ปาตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๖) วจนโต ยมกนตฺถุกรณิยา นกฺขมนีเย สติ ธูมํ ปาตุํ วฏฺฏติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ธูมเนตฺต’’นฺติ (มหาว. ๒๖๖) วจนโต ตเมว วฏฺฏึ อาลิมฺเพตฺวา ปิวนปจฺจยา กณฺเ ทหนฺเตน ธูมเนตฺตธูโม ปิวิตพฺโพ. ‘‘น, ภิกฺขเว, อุจฺจาวจานิ ธูมเนตฺตานิ ธาเรตพฺพานิ, โย ธาเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อฏฺิมยํ…เป… สงฺขนาภิมย’’นฺติ (มหาว. ๒๖๖) วจนโต เอตานิ เอว ธูมเนตฺตานิ ธาเรตพฺพานิ. ‘‘อนุชานามิ ¶ , ภิกฺขเว, อปิธาน’’นฺติ (มหาว. ๒๖๖) วจนโต ปาณกาทิอปฺปวิสนตฺถํ ธูมเนตฺตตฺถวิกมฺปิ วฏฺฏติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ยมกตฺถวิก’’นฺติ (มหาว. ๒๖๖) วจนโต เอกโต ฆํสิยมาเน สติ ยมกตฺถวิกํ วฏฺฏติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อํสพทฺธกํ พนฺธนสุตฺตก’’นฺติ (มหาว. ๒๖๖) วจนโต ธูมเนตฺตตฺถวิกสฺส อํสพทฺธพนฺธนสุตฺตํ วฏฺฏติ.
เตลปากกถา
เตลปากกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เตลปาก’’นฺติ (มหาว. ๒๖๗) วจนโต วาตาพาเธ ¶ สติ เตลปาโก วฏฺฏติ. ตตฺถ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เตลปากนฺติ ยํ กิฺจิ เภสชฺชปกฺขิตฺตํ สพฺพํ อนฺุาตเมว โหติ. ‘‘น, ภิกฺขเว, อติปกฺขิตฺตมชฺชํ เตลํ ปาตพฺพํ, โย ปิเวยฺย, ยถาธมฺโม กาเรตพฺโพ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ยสฺมึ เตลปาเก มชฺชสฺส น วณฺโณ น คนฺโธ น รโส ปฺายติ, เอวรูปํ มชฺชปกฺขิตฺตํ เตลํ ปาตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๗) วจนโต ยสฺมึ เตลปาเก ปกฺขิตฺตสฺส มชฺชสฺส วณฺโณ วา คนฺโธ วา รโส วา น ปฺายติ, ตาทิสํ เตลํ ปิวิตพฺพํ. ตตฺถ อติปกฺขิตฺตมชฺชานีติ อติวิย ขิตฺตมชฺชานิ, พหุํ มชฺชํ ปกฺขิปิตฺวา โยชิตานีติ อตฺโถ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อพฺภฺชนํ อธิฏฺาตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๗) วจนโต อติปกฺขิตฺตมชฺชตฺตา อปิวิตพฺเพ เตเล สติ อพฺภฺชนํ อธิฏฺาตุํ วฏฺฏติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตีณิ ตุมฺพานิ โลหตุมฺพํ กฏฺตุมฺพํ ผลตุมฺพ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๗) วจนโต เตลปกฺกภาชนานิ อิมานิ ตีณิ ตุมฺพานิ วฏฺฏนฺติ.
เสทกมฺมกถา
เสทกมฺมกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เสทกมฺม’’นฺติ (มหาว. ๒๖๗) วจนโต องฺควาเต สติ เสทกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ ¶ . ตตฺถ องฺควาโตติ หตฺถปาเท วาโต. นกฺขมนีโย โหติ, ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สมฺภารเสท’’นฺติ (มหาว. ๒๖๗) วจนโต เสทกมฺเมน นกฺขมนีเย สติ สมฺภารเสทํ กาตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ สมฺภารเสทนฺติ นานาวิธปณฺณสมฺภารเสทํ. นกฺขมนีโย โหติ, ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, มหาเสท’’นฺติ (มหาว. ๒๖๗) วจนโต สมฺภารเสทนกฺขมนีเย สติ มหาเสทํ กาตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ มหาเสทนฺติ มหนฺตํ เสทํ, โปริสปฺปมาณํ อาวาฏํ องฺคารานํ ปูเรตฺวา ปํสุวาลิกาทีหิ ปิทหิตฺวา ตตฺถ นานาวิธานิ วาตหรณปณฺณานิ สนฺถริตฺวา เตลมกฺขิเตน คตฺเตน ตตฺถ นิปชฺชิตฺวา สมฺปริวตฺตนฺเตน สรีรํ เสเทตุํ อนุชานามีติ อตฺโถ. นกฺขมนีโย โหติ, ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ภงฺโคทก’’นฺติ (มหาว. ๒๖๗) วจนโต มหาเสเทน นกฺขมนีเย สติ ภงฺโคทกํ กาตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ ภงฺโคทกนฺติ นานาปณฺณภงฺคกุถิตํ อุทกํ, เตหิ ปณฺเณหิ จ อุทเกน จ สิฺจิตฺวา สิฺจิตฺวา เสเทตพฺโพ. นกฺขมนีโย โหติ, ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อุทกโกฏฺก’’นฺติ (มหาว. ๒๖๗) วจนโต ภงฺโคทเกน นกฺขมนีเย สติ อุทกโกฏฺกํ กาตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ อุทกโกฏฺกนฺติ ¶ อุทกโกฏฺเ จาฏึ วา โทณึ วา อุณฺโหทกสฺส ปูเรตฺวา ตตฺถ ปวิสิตฺวา เสทกมฺมกรณํ อนุชานามีติ อตฺโถ.
โลหิตโมจนกถา
โลหิตโมจนกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, โลหิตํ โมเจตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๗) วจนโต ปพฺพวาเต สติ โลหิตํ โมเจตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ ปพฺพวาโต โหตีติ ปพฺเพ ปพฺเพ วาโต วิชฺฌติ. โลหิตํ โมเจตุนฺติ สตฺถเกน โลหิตํ โมเจตุํ. นกฺขมนีโย โหติ, อนุชานามิ, ภิกฺขเว, โลหิตํ โมเจตฺวา วิสาเณน คาเหตุนฺติ (มหาว. ๒๖๗).
ปาทพฺภฺชนกถา
ปาทพฺภฺชนกถายํ ¶ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปาทพฺภฺชน’’นฺติ (มหาว. ๒๖๗) วจนโต ปาเทสุ ผลิเตสุ ปาทพฺภฺชนํ ปจิตพฺพํ. นกฺขมนีโย โหติ, ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปชฺชํ อภิสงฺขริตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๗) วจนโต ปาทพฺภฺชนเตเลน นกฺขมนีเย สติ ปชฺชํ อภิสงฺขริตพฺพํ. ตตฺถ ปชฺชํ อภิสงฺขริตุนฺติ เยน ผลิตปาทา ปากติกา โหนฺติ, ตํ นาฬิเกราทีสุ นานาเภสชฺชานิ ปกฺขิปิตฺวา ปชฺชํ อภิสงฺขริตุํ, ปาทานํ สปฺปายเภสชฺชํ ปจิตุนฺติ อตฺโถ.
คณฺฑาพาธกถา
คณฺฑาพาธกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สตฺถกมฺม’’นฺติ (มหาว. ๒๖๗) วจนโต คณฺฑาพาเธ สติ สตฺถกมฺมํ กาตพฺพํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, กสาโวทก’’นฺติ (มหาว. ๒๖๗) วจนโต กสาโวทเกน อตฺเถ สติ กสาโวทกํ ทาตพฺพํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติลกกฺก’’นฺติ (มหาว. ๒๖๗) วจนโต ติลกกฺเกน อตฺเถ สติ ติลกกฺกํ ทาตพฺพํ. ติลกกฺเกน อตฺโถติ ปิฏฺเหิ ติเลหิ อตฺโถ. ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว กพฬิก’’นฺติ (มหาว. ๒๖๗) วจนโต กพฬิกาย อตฺเถ สติ กพฬิกา ทาตพฺพา. ตตฺถ กพฬิกนฺติ วณมุเข สตฺตุปิณฺฑํ ปกฺขิปิตุํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วณพนฺธนโจฬ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๗) วจนโต ¶ วณพนฺธนโจเฬน อตฺเถ สติ วณพนฺธนโจฬํ ทาตพฺพํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สาสปกุฏฺเฏน โผสิตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๗) วจนโต สเจ วโณ กุณฺฑวตี, สาสปกุฏฺเฏน โผสิตพฺพํ. ตตฺถ สาสปกุฏฺเฏนาติ สาสปปิฏฺเน.
‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ธูมํ กาตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๗) วจนโต ยทิ วโณ กิลิชฺชิตฺถ, ธูมํ กาตุํ วฏฺฏติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, โลณสกฺขริกาย ฉินฺทิตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๗) วจนโต ยทิ วฑฺฒมํสํ วุฏฺาติ ¶ , ฉินฺทิตพฺพํ. ตตฺถ วฑฺฒมํสนฺติ อธิกมํสํ อาณี วิย อุฏฺหติ. โลณสกฺขริกาย ฉินฺทิตุนฺติ ขาเรน ฉินฺทิตุํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วณเตล’’นฺติ (มหาว. ๒๖๗) วจนโต ยทิ วโณ น รุหติ, วณรุหนเตลํ ปจิตพฺพํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วิกาสิกํ สพฺพํ วณปฏิกมฺม’’นฺติ (มหาว. ๒๖๗) วจนโต ยทิ เตลํ คฬติ, วิกาสิกํ ทาตพฺพํ, สพฺพํ วณปฏิกมฺมํ กาตพฺพํ. ตตฺถ วิกาสิกนฺติ เตลรุนฺธนปิโลติกํ. สพฺพํ วณปฏิกมฺมนฺติ ยํ กิฺจิ วณปฏิกมฺมํ นาม อตฺถิ, สพฺพํ อนุชานามีติ อตฺโถ. มหาวิกฏกถา ปุพฺเพ วุตฺตาว.
สามํ คเหตฺวาติ อิทํ น เกวลํ สปฺปทฏฺสฺเสว, อฺสฺมิมฺปิ ทฏฺวิเส สติ สามํ คเหตฺวา ปริภฺุชิตพฺพํ, อฺเสุ ปน การเณสุ ปฏิคฺคหิตเมว วฏฺฏติ.
วิสปีตกถา
วิสปีตกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, คูถํ ปาเยตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๘) วจนโต ปีตวิสํ ภิกฺขุํ คูถํ ปาเยตุํ วฏฺฏติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ยํ กโรนฺโต ปฏิคฺคณฺหาติ, สฺเวว ปฏิคฺคโห กโต, น ปุน ปฏิคฺคเหตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๒๖๘) วจนโต ตเทว วฏฺฏติ. อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๒๖๘) ปน น ปุน ปฏิคฺคเหตพฺโพติ สเจ ภูมิปฺปตฺโต, ปฏิคฺคหาเปตพฺโพ, อปฺปตฺตํ ปน คเหตุํ วฏฺฏติ.
ฆรทินฺนกาพาธกถา
ฆรทินฺนกาพาธกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สีตาโลฬึ ปาเยตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๙) วจนโต ¶ ฆรทินฺนกาพาธสฺส ภิกฺขุโน สีตาโลฬึ ปาเยตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ ฆรทินฺนกาพาโธติ วสีกรณปาณกสมุฏฺิตโรโค. ฏีกายํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๒๖๙) ปน ¶ ‘‘ฆรทินฺนกาพาโธ นาม วสีกรณตฺถาย ฆรณิยา ทินฺนเภสชฺชสมุฏฺิโต อาพาโธ. เตนาห ‘วสีกรณปาณกสมุฏฺิตโรโค’ติ. ฆร-สทฺโท เจตฺถ อเภเทน ฆรณิยา วตฺตมาโน อธิปฺเปโต’’ติ วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยมฺปิ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๖๗-๒๖๙) ‘‘ฆรทินฺนกาพาโธ นาม ฆรณิยา ทินฺนวสีกรณเภสชฺชสมุฏฺิโต อาพาโธ’’ติ วุตฺตํ. สีตาโลฬินฺติ นงฺคเลน กสนฺตสฺส ผาเล ลคฺคมตฺติกํ อุทเกน อาโลเฬตฺวา ปาเยตุํ อนุชานามีติ อตฺโถ.
ทุฏฺคหณิกกถา
ทุฏฺคหณิกกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อามิสขารํ ปาเยตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๙) วจนโต ทุฏฺคหณิกสฺส ภิกฺขุโน อามิสขารํ ปาเยตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ ทุฏฺคหณิโกติ วิปนฺนคหณิโก, กิจฺเฉน อุจฺจาโร นิกฺขมตีติ อตฺโถ. อามิสขารนฺติ สุกฺโขทนํ ฌาเปตฺวา ตาย ฉาริกาย ปคฺฆริตํ ขาโรทกํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๖๗-๒๖๙) ปน ‘‘ตาย ฉาริกาย ปคฺฆริตํ ขาโรทกนฺติ ปริสฺสาวเน ตํ ฉาริกํ ปกฺขิปิตฺวา อุทเก อภิสิฺจิเต ตโต ฉาริกโต เหฏฺา ปคฺฆริตํ ขาโรทก’’นฺติ วุตฺตํ.
ปณฺฑุโรคาพาธกถา
ปณฺฑุโรคาพาธกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, มุตฺตหรีตกํ ปาเยตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๙) วจนโต ปณฺฑุโรคาพาธสฺส ภิกฺขุโน มุตฺตหรีตกํ ปาเยตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ มุตฺตหรีตกนฺติ โคมุตฺตปริภาวิตํ หรีตกํ.
ฉวิโทสาพาธกถา
ฉวิโทสาพาธกถายํ ¶ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, คนฺธาเลปํ กาตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๙) วจนโต ฉวิโทสาพาธสฺส ภิกฺขุโน คนฺธาเลปํ กาตุํ วฏฺฏติ.
อภิสนฺนกายกถา
อภิสนฺนกายกถายํ ¶ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วิเรจนํ ปาตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๙) วจนโต อภิสนฺนกายสฺส ภิกฺขุโน วิเรจนํ ปาตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ อภิสนฺนกาโยติ อุสฺสนฺนโทสกาโย. อจฺฉกฺชิยา อตฺโถ โหติ, ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อจฺฉกฺชิย’’นฺติ (มหาว. ๒๖๙) วจนโต อจฺฉกฺชิยํ ปาตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ อจฺฉกฺชิยนฺติ ตณฺฑุโลทกมณฺโฑ. อกฏยูเสน อตฺโถ โหติ, ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อกฏยูส’’นฺติ (มหาว. ๒๖๙) วจนโต อกฏยูสํ ปาตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ อกฏยูสนฺติ อสินิทฺโธ มุคฺคปจิตปานีโย. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๒๖๙) ปน วิมติวิโนทนิยฺจ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๖๗-๒๖๙) ‘‘อกฏยูเสนาติ อนภิสงฺขเตน มุคฺคยูเสนา’’ติ วุตฺตํ. กฏากเฏน อตฺโถ โหติ, ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, กฏากฏ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๙) วจนโต กฏากฏํ ปาเยตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ กฏากฏนฺติ โสว โธตสินิทฺโธ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๒๖๙) วิมติวิโนทนิยฺจ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๖๗-๒๖๙) ‘‘กฏากเฏนาติ มุคฺเค ปจิตฺวา อจาเลตฺวาว ปริสฺสาวิเตน มุคฺคยูเสนา’’ติ วุตฺตํ. ปฏิจฺฉาทนีเยน อตฺโถ โหติ, ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฏิจฺฉาทนีย’’นฺติ (มหาว. ๒๖๙) วจนโต ปฏิจฺฉาทนียํ ปาตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ ปฏิจฺฉาทนีเยนาติ มํสรเสน.
โลณโสวีรกกถา
โลณโสวีรกกถายํ ¶ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, คิลานสฺส โลณโสวีรกํ, อคิลานสฺส อุทกสมฺภินฺนํ ปานปริโภเคน ปริภฺุชิตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๗๓) วจนโต คิลาเนน ภิกฺขุนา โลณโสวีรกํ ปาตพฺพํ, อคิลาเนน อุทกสมฺภินฺนํ กตฺวา ปริภฺุชิตพฺพํ, ตฺจ ‘‘ปานปริโภเคนา’’ติ วจนโต วิกาเลปิ วฏฺฏติ.
ตตฺถ โลณโสวีรกํ นาม สพฺพรสาภิสงฺขตํ เอกํ เภสชฺชํ, ตํ กิร กโรนฺโต หรีตกามลกวิภีตกกสาเว สพฺพธฺานิ สพฺพอปรณฺณานิ สตฺตนฺนมฺปิ ธฺานํ โอทนํ กทลิผลาทีนิ สพฺพผลานิ เวตฺตเกตกขชฺชูริกฬีราทโย สพฺพกฬีเร มจฺฉมํสขณฺฑานิ อเนกานิ ¶ จ มธุผาณิตสินฺธวโลณติกฏุกาทีนิ เภสชฺชานิ ปกฺขิปิตฺวา กุมฺภิมุขํ ลิมฺปิตฺวา เอกํ ทฺเว ตีณิ สํวจฺฉรานิ เปนฺติ, ตํ ปริปจฺจิตฺวา ชมฺพุรสวณฺณํ โหติ, วาตกาสกุฏฺปณฺฑุภคณฺฑลาทีนํ สินิทฺธโภชนภุตฺตานฺจ อุตฺตรปานํ ภตฺตชีรณกเภสชฺชํ ตาทิสํ นตฺถิ, ตํ ปเนตํ ภิกฺขูนํ ปจฺฉาภตฺตมฺปิ วฏฺฏติ, คิลานานํ ปากติกเมว. อคิลานานํ ปน อุทกสมฺภินฺนํ ปานปริโภเคนาติ.
สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๑๙๑-๑๙๒) ปน ‘‘ปานปริโภเคนาติ วุตฺตตฺตา โลณโสวีรกํ ยามกาลิก’’นฺติ วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๑๙๒) ปน ‘‘ปานปริโภเคน วฏฺฏตีติ สมฺพนฺโธ. เอวํ ปน วุตฺตตฺตา โลณโสวีรกํ ยามกาลิกนฺติ เกจิ วทนฺติ, เกจิ ปน ‘คิลานานํ ปากติกเมว, อคิลานานํ ปน อุทกสมฺภินฺน’นฺติ วุตฺตตฺตา คุฬํ วิย สตฺตาหกาลิก’’นฺติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๒๖๓) ปน ‘‘อวิเสเสน สติปจฺจยตา วุตฺตา ¶ . อิมสฺมึ ขนฺธเก ‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, คิลานสฺส คุฬํ, อคิลานสฺส คุโฬทกํ, คิลานสฺส โลณโสวีรกํ, อคิลานสฺส อุทกสมฺภินฺน’นฺติ (มหาว. ๒๘๔) วุตฺตํ, ตสฺมา สิทฺธํ ‘สติปจฺจยตา คิลานาคิลานวเสน ทุวิธา’ติ’’ วุตฺตํ.
อนฺโตวุตฺถาทิกถา
อนฺโตวุตฺถาทิกถายํ ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภควโต อุทรวาตาพาโธ โหติ, อถ โข อายสฺมา อานนฺโท ‘ปุพฺเพปิ ภควโต อุทรวาตาพาโธ เตกฏุลยาคุยา ผาสุ โหตี’ติ สามํ ติลมฺปิ ตณฺฑุลมฺปิ มุคฺคมฺปิ วิฺาเปตฺวา อนฺโต วาเสตฺวา อนฺโต สามํ ปจิตฺวา ภควโต อุปนาเมสิ ‘ปิวตุ ภควา เตกฏุลยาคุ’นฺติ. ชานนฺตาปิ ตถาคตา ปุจฺฉนฺติ, ชานนฺตาปิ น ปุจฺฉนฺติ, กาลํ วิทิตฺวา ปุจฺฉนฺติ, กาลํ วิทิตฺวา น ปุจฺฉนฺติ, อตฺถสฺหิตํ ตถาคตา ปุจฺฉนฺติ, โน อนตฺถสฺหิตํ, อนตฺถสฺหิเต เสตุฆาโต ตถาคตานํ. ทฺวีหิ อากาเรหิ พุทฺธา ภควนฺโต ภิกฺขู ปฏิปุจฺฉนฺติ ‘ธมฺมํ วา เทเสสฺสาม, สาวกานํ วา สิกฺขาปทํ ปฺเปสฺสามา’ติ.
อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามนฺเตสิ ‘กุตายํ, อานนฺท, ยาคู’ติ. อถ โข ¶ อายสฺมา อานนฺโท ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสิ. วิครหิ พุทฺโธ ภควา อนนุจฺฉวิกํ, อานนฺท, อนนุโลมิกํ อปฺปติรูปํ อสฺสมณกํ อกปฺปิยํ อกรณียํ, กถฺหิ นาม ตฺวํ, อานนฺท, เอวรูปาย พาหุลฺลาย เจเตสฺสสิ, ยทปิ, อานนฺท, อนฺโต วุตฺถํ, ตทปิ อกปฺปิยํ. ยทปิ อนฺโต ปกฺกํ, ตทปิ อกปฺปิยํ. ยทปิ สามํ ปกฺกํ, ตทปิ อกปฺปิยํ. เนตํ, อานนฺท, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป… วิครหิตฺวา ธมฺมึ กถํ กตฺวา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – น, ภิกฺขเว, อนฺโต วุตฺถํ อนฺโต ¶ ปกฺกํ สามํ ปกฺกํ ปริภฺุชิตพฺพํ, โย ปริภฺุเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. อนฺโต เจ, ภิกฺขเว, วุตฺถํ อนฺโต ปกฺกํ สามํ ปกฺกํ, ตฺเจ ปริภฺุเชยฺย, อาปตฺติ ติณฺณํ ทุกฺกฏานํ. อนฺโต เจ, ภิกฺขเว, วุตฺถํ อนฺโต ปกฺกํ อฺเหิ ปกฺกํ, ตฺเจ ปริภฺุเชยฺย, อาปตฺติ ทฺวินฺนํ ทุกฺกฏานํ. อนฺโต เจ, ภิกฺขเว, วุตฺถํ พหิ ปกฺกํ สามํ ปกฺกํ, ตฺเจ ปริภฺุเชยฺย, อาปตฺติ ทฺวินฺนํ ทุกฺกฏานํ. พหิ เจ, ภิกฺขเว, วุตฺถํ อนฺโต ปกฺกํ สามํ ปกฺกํ, ตฺเจ ปริภฺุเชยฺย, อาปตฺติ ทฺวินฺนํ ทุกฺกฏานํ. อนฺโต เจ, ภิกฺขเว, วุตฺถํ พหิ ปกฺกํ อฺเหิ ปกฺกํ, ตฺเจ ปริภฺุเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. พหิ เจ, ภิกฺขเว, วุตฺถํ อนฺโต ปกฺกํ อฺเหิ ปกฺกํ, ตฺเจ ปริภฺุเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. พหิ เจ, ภิกฺขเว, วุตฺถํ พหิ ปกฺกํ สามํ ปกฺกํ, ตฺเจ ปริภฺุเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. พหิ เจ, ภิกฺขเว, วุตฺถํ พหิ ปกฺกํ อฺเหิ ปกฺกํ, ตฺเจ ปริภฺุเชยฺย, อนาปตฺตี’’ติ (มหาว. ๒๗๔) วจนโต สหเสยฺยปฺปโหนเก าเน วุตฺถตา, ตตฺถ ปกฺกตา, อุปสมฺปนฺเนน สามํ ปกฺกตาติ อิเมสํ ติณฺณํ องฺคานํ สมฺภเว สติ ติสฺโส อาปตฺติโย, ทฺวินฺนํ สมฺภเว ทฺเว อาปตฺติโย, เอกสฺส องฺคสฺส สมฺภเว เอกา อาปตฺตีติ เวทิตพฺพํ.
อนฺโต วุตฺถนฺติ อกปฺปิยกุฏิยํ วุตฺถํ. สามํ ปกฺกนฺติ เอตฺถ ยํ กิฺจิ อามิสํ ภิกฺขุโน ปจิตุํ น วฏฺฏติ. สเจปิสฺส อุณฺหยาคุยา สุลสิปณฺณานิ วา สิงฺคิเวรํ วา โลณํ วา ปกฺขิปนฺติ, ตมฺปิ จาเลตุํ น วฏฺฏติ. ‘‘ยาคุํ นิพฺพาเปมี’’ติ ปน จาเลตุํ วฏฺฏติ. อุตฺตณฺฑุภตฺตํ ลภิตฺวาปิ ปิทหิตุํ น วฏฺฏติ. สเจ ปน มนุสฺสา ปิทหิตฺวาว เทนฺติ, วฏฺฏติ. ‘‘ภตฺตํ วา มา นิพฺพายตู’’ติ ปิทหิตุํ วฏฺฏติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปุน ปากํ ปจิตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๗๔) วจนโต ปุพฺเพ อนุปสมฺปนฺเนหิ ปกฺกํ ปุน ปจิตุํ วฏฺฏติ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๒๗๔) ‘‘ขีรตกฺกาทีสุ ¶ ปน สกึ กุถิเตสุ อคฺคึ ทาตุํ วฏฺฏติ ปุนปากสฺส อนฺุาตตฺตา’’ติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อนฺโต วาเสตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๗๔) วจนโต ¶ ทุพฺภิกฺขสมเย ตณฺฑุลาทีนิ อนฺโต วาเสตุํ วฏฺฏติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อนฺโต ปจิตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๗๔) วจนโต ทุพฺภิกฺขสมเย อนฺโต ปจิตุํ วฏฺฏติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สามํ ปจิตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๗๔) วจนโต ทุพฺภิกฺขสมเย สามมฺปิ ปจิตุํ วฏฺฏติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อนฺโต วุตฺถํ อนฺโต ปกฺกํ สามํ ปกฺก’’นฺติ (มหาว. ๒๗๔) วจนโต ทุพฺภิกฺขสมเย ตีณิปิ วฏฺฏนฺติ.
อุคฺคหิตปฏิคฺคหิตกถา
อุคฺคหิตปฏิคฺคหิตกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ยตฺถ ผลขาทนียํ ปสฺสติ, กปฺปิยการโก จ น โหติ, สามํ คเหตฺวา หริตฺวา กปฺปิยการเก ปสฺสิตฺวา ภูมิยํ นิกฺขิปิตฺวา ปฏิคฺคหาเปตฺวา ปริภฺุชิตุํ, อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อุคฺคหิตํ ปฏิคฺคหิตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๗๕) วจนโต ตถา กตฺวา ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏติ, อาปตฺติ น โหตีติ.
ตโตนีหฏกถา
ตโต นีหฏกถายํ ‘‘ปฏิคฺคณฺหถ, ภิกฺขเว, ปริภฺุชถ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตโต นีหฏํ ภุตฺตาวินา ปวาริเตน อนติริตฺตํ ปริภฺุชิตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๗๖) วจนโต ยสฺมึ ทาเน นิมนฺติตา หุตฺวา ภิกฺขู ภฺุชนฺติ, ตโต ทานโต นีหฏํ โภชนํ ปวาริเตน ภิกฺขุนา ภฺุชิตพฺพํ, น ปวาริตสิกฺขาปเทน อาปตฺติ โหติ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๒๗๖) ‘‘ตโต นีหฏนฺติ ยตฺถ นิมนฺติตา ภฺุชนฺติ, ตโต นีหฏ’’นฺติ.
ปุเรภตฺตปฏิคฺคหิตกถา
ปุเรภตฺตปฏิคฺคหิตกถายํ ¶ ‘‘ปฏิคฺคณฺหถ, ภิกฺขเว, ปริภฺุชถ, อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปุเรภตฺตํ ปฏิคฺคหิตํ ภุตฺตาวินา ปวาริเตน อนติริตฺตํ ปริภฺุชิตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๗๗) วจนโต ปุเรภตฺตํ ปฏิคฺคเหตฺวา นิกฺขิปิตํ ปวาริเตน ภิกฺขุนา อติริตฺตํ อกตฺวา ภฺุชิตุํ วฏฺฏติ, ปวาริตสิกฺขาปเทน อาปตฺติ น โหติ.
วนฏฺโปกฺขรฏฺกถา
วนฏฺโปกฺขรฏฺกถายํ ¶ ‘‘เตน โข ปน สมเยน อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส กายฑาหาพาโธ โหติ. อถ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เยนายสฺมา สาริปุตฺโต เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ เอตทโวจ ‘ปุพฺเพ เต, อาวุโส สาริปุตฺต, กายฑาหาพาโธ เกน ผาสุ โหตี’ติ. ภิเสหิ จ เม, อาวุโส, มุฬาลิกาหิ จาติ…เป… อถ โข อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ภิเส จ มุฬาลิกาโย จ ปริภุตฺตสฺส กายฑาหาพาโธ ปฏิปฺปสฺสมฺภิ…เป… ปฏิคฺคณฺหถ, ภิกฺขเว, ปริภฺุชถ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วนฏฺํ โปกฺขรฏฺํ ภุตฺตาวินา ปวาริเตน อนติริตฺตํ ปริภฺุชิตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๗๘) วจนโต วนฏฺํ โปกฺขรฏฺํ ปวาริเตน ภิกฺขุนา ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏติ, ปวาริตสิกฺขาปเทน อาปตฺติ น โหติ. ตตฺถ วนฏฺํ โปกฺขรฏฺนฺติ วเน เจว ปทุมินิคจฺเฉ จ ชาตํ.
อกตกปฺปกถา
อกตกปฺปกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อพีชํ นิพฺพฏฺฏพีชํ อกตกปฺปํ ผลํ ปริภฺุชิตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๗๘) วจนโต อพีชฺจ นิพฺพฏฺฏพีชฺจ ¶ ผลํ อคฺคิสตฺถนเขหิ สมณกปฺปํ อกตฺวาปิ ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ อพีชนฺติ ตรุณผลํ, ยสฺส พีชํ องฺกุรํ น ชเนติ. นิพฺพฏฺฏพีชนฺติ พีชํ นิพฺพฏฺเฏตฺวา อปเนตฺวา ปริภฺุชิตพฺพกํ อมฺพปนสาทิ, ตานิ ผลานิ กปฺปิยการเก อสติ กปฺปํ อกตฺวาปิ ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏติ.
ยาคุกถา
ยาคุกถายํ ‘‘ทสยิเม, พฺราหฺมณ, อานิสํสา ยาคุยา. กตเม ทส, ยาคุํ เทนฺโต อายุํ เทติ, วณฺณํ เทติ, สุขํ เทติ, พลํ เทติ, ปฏิภานํ เทติ, ยาคุปีตา ขุทํ ปฏิหนติ, ปิปาสํ วิเนติ, วาตํ อนุโลเมติ, วตฺถึ โสเธติ, อามาวเสสํ ปาเจติ. อิเม โข, พฺราหฺมณ, ทสานิสํสา ยาคุยาติ.
‘โย ¶ สฺตานํ ปรทตฺตโภชินํ;
กาเลน สกฺกจฺจ ททาติ ยาคุํ;
ทสสฺส านานิ อนุปฺปเวจฺฉติ;
อายฺุจ วณฺณฺจ สุขํ พลฺจ.
‘ปฏิภานมสฺส อุปชายเต ตโต;
ขุทฺทํ ปิปาสฺจ พฺยปเนติ วาตํ;
โสเธติ วตฺถึ ปริณาเมติ ภตฺตํ;
เภสชฺชเมตํ สุคเตน วณฺณิตํ.
‘ตสฺมา หิ ยาคุํ อลเมว ทาตุํ;
นิจฺจํ มนุสฺเสน สุขตฺถิเกน;
ทิพฺพานิ วา ปตฺถยตา สุขานิ;
มานุสฺสโสภคฺยตมิจฺฉตา วา’ติ.
อถ โข ภควา ตํ พฺราหฺมณํ อิมาหิ คาถาหิ อนุโมทิตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. อถ โข ภควา เอตสฺมึ นิทาเน เอตสฺมึ ปกรเณ ธมฺมึ กถํ กตฺวา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ยาคฺุจ มธุโคฬกฺจา’’ติ ¶ (มหาว. ๒๘๒) วจนโต ยาคฺุจ มธุโคฬกฺจ สมฺปฏิจฺฉิตุํ วฏฺฏติ. อนุโมทนาคาถาย ‘‘ปตฺถยตํ อิจฺฉต’’นฺติ ปทานํ ‘‘อลเมว ทาตุ’’นฺติ อิมินา สมฺพนฺโธ. สเจ ปน ‘‘ปตฺถยตา อิจฺฉตา’’ติ ปาโ อตฺถิ, โสเยว คเหตพฺโพ. ‘‘น, ภิกฺขเว, อฺตฺร นิมนฺติเตน อฺสฺส โภชฺชยาคุ ปริภฺุชิตพฺพา, โย ปริภฺุเชยฺย, ยถาธมฺโม กาเรตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๒๘๓) วจนโต ตถา ภฺุชนฺตสฺส ปรมฺปรโภชนสิกฺขาปเทน อาปตฺติ โหติ. โภชฺชยาคูติ ยา ปวารณํ ชเนติ. ยถาธมฺโม กาเรตพฺโพติ ปรมฺปรโภชเนน กาเรตพฺโพ.
คุฬกถา
คุฬกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, คิลานสฺส คุฬํ, อคิลานสฺส คุโฬทก’’นฺติ (มหาว. ๒๘๔) วจนโต ¶ คิลาโน ภิกฺขุ คุฬปิณฺฑํ วิกาเลปิ ขาทิตุํ วฏฺฏติ. อคิลาโน ปน อุทกสมฺภินฺนํ กตฺวา คุโฬทกปริโภเคน ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏติ. ‘‘คิลานสฺส คุฬนฺติ ตถารูเปน พฺยาธินา คิลานสฺส ปจฺฉาภตฺตํ คุฬํ อนุชานามีติ อตฺโถ’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๒๘๔) วุตฺตํ. ‘‘ตถารูเปน พฺยาธินา’’ติ วุตฺตตฺตา ยถารูเปน พฺยาธินา คิลานสฺส คุโฬ ปริภฺุชิตพฺโพ โหติ, ตถารูเปน เอว พฺยาธินา คิลานสฺสาติ วุตฺตํ วิย ทิสฺสติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ.
เอตฺตกาสุ กถาสุ ยา ยา สํวณฺเณตพฺพปฺปกรเณ น ทิสฺสติ, สา สา อมฺเหหิ เปสลานํ ภิกฺขูนํ โกสลฺลตฺถํ ปาฬิโต จ อฏฺกถาโต จ คเหตฺวา ฏีกาจริยานํ วจเนหิ อลงฺกริตฺวา ปิตา, ตสฺมา นิกฺกงฺขา หุตฺวา ปณฺฑิตา อุปธาเรนฺตุ.
จตุมหาปเทสกถา
๖๗. ยํ ¶ ภิกฺขเวติอาทิ มหาปเทสกถา นาม. ตตฺถ มหนฺเต อตฺเถ อุปทิสฺสติ เอเตหีติ มหาปเทสา, มหนฺตา วา อตฺถา ปทิสฺสนฺติ ปฺายนฺติ เอตฺถาติ มหาปเทสา, มหนฺตานํ วา อตฺถานํ ปเทโส ปวตฺติเทโสติ มหาปเทสา. เก เต? อิเมเยว จตฺตาโร ปาา, อตฺถา วา. เตน วุตฺตํ ‘‘อิเม จตฺตาโร มหาปเทเส’’ติอาทิ. ตตฺถ ธมฺมสงฺคาหกตฺเถราติ มหากสฺสปาทโย. สุตฺตํ คเหตฺวาติ ‘‘เปตฺวา ธฺผลรส’’นฺติอาทิกํ สุตฺตํ คเหตฺวา อุปธาเรนฺโต. สตฺต ธฺานีติ –
‘‘สาลิ วีหิ จ กุทฺรูโส, โคธุโม วรโก ยโว;
กงฺคูติ สตฺต ธฺานิ, นีวาราที ตุ ตพฺภิทา’’ติ –.
วุตฺตานิ สตฺต ธฺานิ. สพฺพํ อปรณฺณนฺติ มุคฺคมาสาทโย. อฏฺ ปานานีติ อมฺพปานํ ชมฺพุปานํ โจจปานํ โมจปานํ สาลุกปานํ มุทฺทิกปานํ มธุกปานํ ผารุสกปานฺจ.
อิมินา นเยนาติ สุตฺตานุโลมนเยน. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถายํ ‘‘สุตฺตานุโลมํ นาม จตฺตาโร มหาปเทสา’’ติ. ปาฬิฺจ อฏฺกถฺจ อนเปกฺขิตฺวาติ ปาฬิยํ นีตตฺถโต อาคตเมว อคฺคเหตฺวา ¶ . อฺานิปีติ ตโต อฺานิปิ. เอเตน มหาปเทสา นาม น เกวลํ ยถาวุตฺตา เอว, อถ โข อเนกานิ นานปฺปการานิ วินยธรสฺส าณานุภาวปฺปกาสิตานีติ ทสฺเสติ.
อานิสํสกถา
๖๘. อานิสํสกถายํ วินยํ ธาเรตีติ วินยธโร, สิกฺขนวาจนมนสิการวินิจฺฉยนตทนุโลมกรณาทินา วินยปริยตฺติกุสโล ¶ ภิกฺขุ. วินยปริยตฺติมูลํ เอเตสนฺติ วินยปริยตฺติมูลกา. เก เต? ปฺจานิสํสา. วินยปริยตฺติเยว มูลํ การณํ กตฺวา ลภิตพฺพอานิสํสา, น อฺปริยตฺตึ วา ปฏิปตฺติอาทโย วา มูลํ กตฺวาติ อตฺโถ. อถ วา ปริยาปุณนํ ปริยตฺติ, วินยสฺส ปริยตฺติ วินยปริยตฺติ, สา มูลํ เอเตสนฺติ วินยปริยตฺติมูลกา, วินยปริยาปุณนเหตุภวา อานิสํสาติ อตฺโถ. ‘‘กตเม’’ติอาทินา เตสํ ปฺจานิสํสาทีนํ สรูปํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อตฺตโน’’ติอาทินา วิสฺสชฺเชตฺวา ตํ วจนํ ปาฬิยา สมตฺเถตุํ ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทิมาห.
เอวํ ปฺจานิสํสานํ สรูปํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เตเยว วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘กถมสฺสา’’ติอาทินา ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิเธกจฺโจ’’ติอาทินา วิสฺสชฺเชติ. ตตฺถ อตฺตโน สีลกฺขนฺธสุคุตฺตภาโว นาม อาปตฺติอนาปชฺชนภาเวเนว โหติ, โน อฺถาติ อาปตฺติอาปชฺชนการณํ ทสฺเสตฺวา ตทภาเวน อนาปชฺชนํ ทสฺเสตุํ ‘‘อาปตฺตึ อาปชฺชนฺโต ฉหากาเรหิ อาปชฺชตี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ –
‘‘สฺจิจฺจ อาปตฺตึ อาปชฺชติ;
อาปตฺตึ ปริคูหติ;
อคติคมนฺจ คจฺฉติ;
เอทิโส วุจฺจติ อลชฺชิปุคฺคโล’’ติ. (ปริ. ๓๕๙) –
วุตฺเตน อลชฺชีลกฺขเณน น ลชฺชติ น หิรียตีติ อลชฺชี, ตสฺส ภาโว อลชฺชิตา. นตฺถิ าณํ เอตสฺสาติ อฺาณํ, ตสฺส ภาโว อฺาณตา. กุกตสฺส ภาโว กุกฺกุจฺจํ, เตน ปกโต กุกฺกุจฺจปกโต, ตสฺส ภาโว กุกฺกุจฺจปกตตา. กปฺปตีติ กปฺปิยํ, น กปฺปิยํ อกปฺปิยํ ¶ , ตสฺมึ อกปฺปิเย ¶ , กปฺปิยํ อิติ สฺา ยสฺส โส กปฺปิยสฺี, ตสฺส ภาโว กปฺปิยสฺิตา. อิตรํ ตปฺปฏิปกฺขโต กาตพฺพํ, อิเมสุ ปฺจสุ ปเทสุ ยการโลโป, ตสฺมา ‘‘อลชฺชิตาย อาปตฺตึ อาปชฺชตี’’ติอาทินา โยเชตพฺพานิ. เหตฺวตฺเถ เจตํ นิสฺสกฺกวจนํ. สรตีติ สติ, สมุสฺสนํ สมฺโมโส. สติยา สมฺโมโส สติสมฺโมโส, ตสฺมา สติสมฺโมสา. เหตฺวตฺเถ เจตํ กรณวจนํ. อิทานิ ตานิ การณานิ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘กถ’’นฺตฺยาทิมาห. ตํ นยานุโยเคน วิฺเยฺยเมว.
อริฏฺโ อิติ ภิกฺขุ อริฏฺภิกฺขุ, กณฺฏโก อิติ สามเณโร กณฺฏกสามเณโร, เวสาลิยา ชาตา เวสาลิกา, วชฺชีนํ ปุตฺตา วชฺชิปุตฺตา, เวสาลิกา จ เต วชฺชิปุตฺตา จาติ เวสาลิกวชฺชิปุตฺตา, อริฏฺภิกฺขุ จ กณฺฏกสามเณโร จ เวสาลิกวชฺชิปุตฺตา จ อริฏฺภิกฺขุกณฺฏกสามเณรเวสาลิกวชฺชิปุตฺตกา. ปรูปหาโร จ อฺาณฺจ กงฺขาวิตรณฺจ ปรูปหารอฺาณกงฺขาวิตรณา. เก เต? วาทา. เต อาทิ เยสํ เตติ ปรูปหารอฺาณกงฺขาวิตรณาทโย. วทนฺติ เอเตหีติ วาทา, ปรูปหารอฺาณกงฺขาวิตรณาทโย วาทา เอเตสนฺติ ปรู…เป… วาทา. เก เต? มิจฺฉาวาทิโน. อริฏฺ…เป… ปุตฺตา จ ปรูปหาร…เป… วาทา จ มหาสงฺฆิกาทโย จ สาสนปจฺจตฺถิกา นามาติ สมุจฺจยทฺวนฺทวเสน โยชนา กาตพฺพา. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
อานิสํสกถา นิฏฺิตา.
อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร
ปกิณฺณกวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม
จตุตฺตึสติโม ปริจฺเฉโท.
นิคมนกถาวณฺณนา
นิคมคาถาสุ ¶ ปมคาถายํ สทฺธมฺมฏฺิติกาเมน สาสนุชฺโชตการินา ปรกฺกมพาหุนา นรินฺเทน อชฺเฌสิโต โส อหํ วินยสงฺคหํ อกาสินฺติ โยชนา.
ทุติยตติยคาถายํ ¶ เตเนว ปรกฺกมพาหุนรินฺเทเนว การิเต รมฺเม รมณีเย ปาสาทสตมณฺฑิเต ปาสาทานํ สเตน ปฏิมณฺฑิเต นานาทุมคณากิณฺเณ ภาวนาภิรตาลเย ภาวนาย อภิรตานํ ภิกฺขูนํ อาลยภูเต สีตลูทกสมฺปนฺเน เชตวเน เชตวนนามเก วิหาเร วสํ วสนฺโต หุตฺวา, อถ วา วสํ วสนฺโต โสหํ โส อหํ โยคีนํ หิตํ หิตภูตํ สารํ สารวนฺตํ อิมํ อีทิสํ วินยสงฺคหํ อกาสินฺติ โยชนา.
เสสคาถาสุ อิมินา คนฺถกรเณน ยํ ปฺุํ มยฺหํ สิทฺธํ, อฺํ อิโต คนฺถกรณโต อฺภูตํ ยํ ปฺุํ มยา ปสุตํ โหติ, เอเตน ปฺุกมฺเมน ทุติเย อตฺตสมฺภเว ตาวตึเส ปโมเทนฺโต สีลาจารคุเณ รโต ปฺจกาเมสุ อลคฺโค เทวปุตฺโต หุตฺวา ปมํ ปมภูตํ ผลํ โสตาปตฺติผลํ ปตฺวาน อนฺติเม อตฺตภาวมฺหิ โลกคฺคปุคฺคลํ นาถํ นาถภูตํ สพฺพสตฺตหิเต รตํ เมตฺเตยฺยํ เมตฺเตยฺยนามกํ มุนิปุงฺควํ มุนิเสฏฺํ ทิสฺวาน ตสฺส ธีรสฺส สทฺธมฺมเทสนํ สุตฺวา อคฺคํ ผลํ อรหตฺตผลํ อธิคนฺตฺวา ลภิตฺวา ชินสาสนํ โสเภยฺยํ โสภาเปยฺยนฺติ อยํ ปากฏโยชนา.
เอติสฺสาย ปน โยชนาย สติ อาจริยวรสฺส วจนํ น สมฺปฏิจฺฉนฺติ ปณฺฑิตา. กถํ? เอตฺถ หิ อิโต ทุติยภเว ตาวตึสภวเน เทวปุตฺโต หุตฺวา โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา อนฺติมภเว เมตฺเตยฺยสฺส ภควโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา อรหตฺตผลํ ลเภยฺยนฺติ อาจริยสฺส ปตฺถนา, สา อยุตฺตรูปา ¶ โหติ. โสตาปนฺนสฺส หิ สตฺตภวโต อุทฺธํ ปฏิสนฺธิ นตฺถิ, ตาวตึสานฺจ เทวานํ ภวสเตนปิ ภวสหสฺเสนปิ ภวสตสหสฺเสนปิ เมตฺเตยฺยสฺส ภควโต อุปฺปชฺชนกาโล อปฺปตฺตพฺโพ โหติ. อถาปิ วเทยฺย ‘‘อนฺตรา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เมตฺเตยฺยสฺส ภควโต กาเล มนุสฺโส ภเวยฺยา’’ติ, เอวมฺปิ น ยุชฺชติ. น หิ พฺรหฺมโลกคตานํ อริยานํ ปุน กามภวูปปตฺติ อตฺถิ. วุตฺตฺหิ อภิธมฺเม ยมกปฺปกรเณ (ยม. ๒.อนุสยยมก. ๓๑๒) ‘‘รูปธาตุยา จุตสฺส กามธาตุํ อุปปชฺชนฺตสฺส สตฺเตว อนุสยา อนุเสนฺตี’’ติ. อถาปิ วเทยฺย ‘‘พฺรหฺมโลเกเยว ตฺวา อคฺคผลํ ลเภยฺยา’’ติ, ตถา จ อาจริยสฺส วจเน น ทิสฺสติ, ‘‘โสเภยฺยํ ชินสาสน’’นฺติ วุตฺตตฺตา ภิกฺขุภูตตฺตเมว ทิสฺสติ. น หิ ภิกฺขุภูโต สาสนํ โสภาเปตุํ สกฺโกติ. อภิธมฺมตฺถวิภาวนิยฺจ –
‘‘โชตยนฺตํ ¶ ตทา ตสฺส, สาสนํ สุทฺธมานสํ;
ปสฺเสยฺยํ สกฺกเรยฺยฺจ, ครุํ เม สาริสมฺภว’’นฺติ. –
ภิกฺขุภูตเมว วุตฺตํ. อถาปิ วเทยฺย ‘‘อนฺตรา ทีฆายุโก ภุมฺมเทโว หุตฺวา ตทา มนุสฺโส ภเวยฺยา’’ติ, เอวมฺปิ เอกสฺส พุทฺธสฺส สาวกภูโต อริยปุคฺคโล ปุน อฺสฺส พุทฺธสฺส สาวโก น ภเวยฺยาติ, อาจริโย ปน สพฺพปริยตฺติธโร อเนกคนฺถการโก อเนเกสํ คนฺถการกานํ เถรานํ อาจริยปาจริยภูโต, เตน น เกวลํ อิเธว อิมา คาถาโย ปิตา, อถ โข สารตฺถทีปนีนามิกาย วินยฏีกาย อวสาเน จ ปิตา, ตสฺมา ภวิตพฺพเมตฺถ การเณนาติ วีมํสิตพฺพเมตํ.
อถ วา อิมินา…เป… เทวปุตฺโต หุตฺวา ปมํ ตาว ผลํ ยถาวุตฺตํ ตาวตึเส ปโมทนสีลาจารคุเณ รตํ ¶ ปฺจกาเมสุ อลคฺคภาวสงฺขาตํ อานิสํสํ ปตฺวาน อนฺติเม อตฺตภาวมฺหิ…เป… โสเภยฺยนฺติ โยชนา. อถ วา อิมินา…เป… ปฺจกาเมสุ อลคฺโค หุตฺวา อนฺติเม อตฺตภาวมฺหิ…เป… สทฺธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปมํ ผลํ โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา ตโต ปรํ อคฺคผลํ อรหตฺตผลํ อธิคนฺตฺวา ชินสาสนํ โสเภยฺยนฺติ โยชนา. ยถา อมฺหากํ ภควโต ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตนฺตธมฺมเทสนํ สุตฺวา อฺาตโกณฺฑฺตฺเถโร โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา ปจฺฉา อรหตฺตผลํ อธิคนฺตฺวา ชินสาสนํ โสเภสิ, เอวนฺติ อตฺโถ. อิโต อฺานิปิ นยานิ ยถา เถรสฺส วจนานุกูลานิ, ตานิ ปณฺฑิเตหิ จินฺเตตพฺพานิ.
นิคมนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.