📜
๖. มจฺฉมํสวินิจฺฉยกถา
๓๘. เอวํ ¶ กุลสงฺคหวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ มจฺฉมํสวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘มจฺฉมํเสสุ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ถเล ปิตมตฺเต มรติ, เกวฏฺฏาทีหิ วา มาริยตีติ มจฺโฉ. มจฺฉสฺส อิทนฺติ มจฺฉํ, มสิยเต อามสิยเตติ มํสํ, มจฺฉฺจ มํสฺจ มจฺฉมํสานิ, เตสุ. มจฺฉมํเสสุ ปน วินิจฺฉโย เอวํ เวทิตพฺโพติ โยชนา. มจฺฉคฺคหเณนาติ เอตฺถ นิทฺธารณํ น กาตพฺพํ. ปน-สทฺโท ปกฺขนฺตรตฺโถ, ทิวาเสยฺยาทีสุ วินิจฺฉยโต อปโร มจฺฉมํเสสุ วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพติ อตฺโถ. คยฺหเต อเนนาติ คหณํ. กึ ตํ? สทฺโท, มจฺฉอิติ คหณํ มจฺฉคฺคหณํ, เตน มจฺฉคฺคหเณน, มจฺฉสทฺเทนาติ อตฺโถ. มํเสสุ ปน…เป… อกปฺปิยานีติ เอตฺถ มนุสฺสมํสํ สมานชาติมํสโต ปฏิกฺขิตฺตํ. หตฺถิอสฺสานํ มํสานิ ราชงฺคโต, สุนขอหีนํ เชคุจฺฉภาวโต, เสสานํ วาฬมิคตฺตา ภิกฺขูนํ ปริพนฺธวิโมจนตฺถํ ปฏิกฺขิตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
ติโกฏิปริสุทฺธนฺติ ทิฏฺสุตปริสงฺกิตสงฺขาตาหิ ตีหิ โกฏีหิ ตีหิ อากาเรหิ ตีหิ การเณหิ ปริสุทฺธํ, วิมุตฺตนฺติ อตฺโถ. ตตฺถ อทิฏฺอสุตานิ จกฺขุวิฺาณโสตวิฺาณานํ อนารมฺมณภาวโต ชานิตพฺพานิ. อปริสงฺกิตํ ปน กถํ ชานิตพฺพนฺติ อาห ‘‘อปริสงฺกิตํ ปนา’’ติอาทิ, ตีณิ ปริสงฺกิตานิ ตฺวา เตสํ ปฏิปกฺขวเสน อปริสงฺกิตํ ชานิตพฺพนฺติ อตฺโถ. อิทานิ ตานิ ตีณิ ปริสงฺกิตานิ จ เอวํ ปริสงฺกิเต สติ ภิกฺขูหิ กตฺตพฺพวิธิฺจ เตน วิธินา อปริสงฺกิเต สติ กตฺตพฺพภาวฺจ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘กถ’’นฺติอาทิมาห ¶ . ตตฺถ ทิสฺวา ปริสงฺกิตํ ทิฏฺปริสงฺกิตํ นาม. สุตฺวา ปริสงฺกิตํ สุตปริสงฺกิตํ นาม. อทิสฺวา อสุตฺวา ตกฺเกน อนุมาเนน ปริสงฺกิตํ ตทุภยวินิมุตฺตปริสงฺกิตํ นาม. ตํ ติวิธมฺปิ ปริสงฺกิตสามฺเน เอกา โกฏิ ¶ โหติ, ตโต วิมุตฺตํ อปริสงฺกิตํ นาม. เอวํ อทิฏฺํ อสุตํ อปริสงฺกิตํ มจฺฉมํสํ ติโกฏิปริสุทฺธํ โหติ.
ชาลํ มจฺฉพนฺธนํ. วาคุรา มิคพนฺธินี. กปฺปตีติ ยทิ เตสํ วจเนน สงฺกา นิวตฺตติ, วฏฺฏติ, น ตํ วจนํ เลสกปฺปํ กาตุํ วฏฺฏติ. เตเนว วกฺขติ ‘‘ยตฺถ จ นิพฺเพมติโก โหติ, ตํ สพฺพํ กปฺปตี’’ติ. ปวตฺตมํสนฺติ อาปณาทีสุ ปวตฺตํ วิกฺกายิกํ วา มตมํสํ วา. มงฺคลาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน อาหุนปาหุนาทิเก สงฺคณฺหาติ. ภิกฺขูนํเยว อตฺถาย อกตนฺติ เอตฺถ อฏฺานปฺปยุตฺโต เอว-สทฺโท, ภิกฺขูนํ อตฺถาย อกตเมวาติ สมฺพนฺธิตพฺพํ, ตสฺมา ภิกฺขูนฺจ มงฺคลาทีนฺจาติ มิสฺเสตฺวา กตมฺปิ น วตฺตตีติ เวทิตพฺพํ. เกจิ ปน ‘‘ยถาิตวเสน อวธารณํ คเหตฺวา วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ. ยตฺถ จ นิพฺเพมติโก โหตีติ ภิกฺขูนํ อตฺถาย กเตปิ สพฺเพน สพฺพํ ปริสงฺกิตาภาวมาห.
๓๙. ตเมวตฺถํ อาวิกาตุํ ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิตเรสํ วฏฺฏตีติ อชานนฺตานํ วฏฺฏติ, ชานโตเวตฺถ อาปตฺติ โหตีติ. เตเยวาติ เย อุทฺทิสฺส กตํ, เตเยว. อุทฺทิสฺส กตมํสปริโภคโต อกปฺปิยมํสปริโภเค วิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘อกปฺปิยมํสํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปุริมสฺมึ สจิตฺตกาปตฺติ, อิตรสฺมึ อจิตฺตกา. เตนาห ‘‘อกปฺปิยมํสํ อชานิตฺวา ภฺุชนฺตสฺสปิ อาปตฺติเยวา’’ติ. ‘‘ปริโภคกาเล ปุจฺฉิตฺวา ปริภฺุชิสฺสามีติ วา คเหตฺวา ปุจฺฉิตฺวาว ปริภฺุชิตพฺพ’’นฺติ (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๓๙) วจนโต อกปฺปิยมํสํ อชานิตฺวา ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺส ปฏิคฺคหเณ อนาปตฺติ สิทฺธา. อชานิตฺวา ¶ ปริภฺุชนฺตสฺเสว หิ อาปตฺติ วุตฺตา. วตฺตนฺติ วทนฺตีติ อิมินา อาปตฺติ นตฺถีติ ทสฺเสติ.
อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร
มจฺฉมํสวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม
ฉฏฺโ ปริจฺเฉโท.