📜
๗. อนามาสวินิจฺฉยกถา
๔๐. เอวํ ¶ มจฺฉมํสวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ อนามาสวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘อนามาส’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อามสิยเตติ อามาสํ, น อามาสํ อนามาสํ, อปรามสิตพฺพนฺติ อตฺโถ. ปาริปนฺถิกาติ วิกุปฺปนิกา, อนฺตรายิกาติ วุตฺตํ โหติ. นทีโสเตน วุยฺหมานํ มาตรนฺติ เอตํ อุกฺกฏฺปริจฺเฉททสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. อฺาสุ ปน อิตฺถีสุ การฺุาธิปฺปาเยน มาตริ วุตฺตนเยน ปฏิปชฺชนฺตสฺส เนวตฺถิ โทโสติ วทนฺติ. ‘‘มาตร’’นฺติ วุตฺตตฺตา อฺาสุ น วฏฺฏตีติ วทนฺตาปิ อตฺถิ. เอตฺถ คณฺหาหีติ น วตฺตพฺพาติ เคหสฺสิตเปเมน กายปฺปฏิพทฺเธน ผุสเน ทุกฺกฏํ สนฺธาย วุตฺตํ. การฺุเน ปน วตฺถาทึ คเหตุํ อสกฺโกนฺตึ ‘‘คณฺหาหี’’ติ วทนฺตสฺสปิ อวสภาวปฺปตฺติโต อุทเก นิมุชฺชนฺตึ การฺุเน สหสา อนามาสนฺติ อจินฺเตตฺวา เกสาทีสุ คเหตฺวา โมกฺขาธิปฺปาเยน อากฑฺฒโตปิ อนาปตฺติเยว. น หิ มียมานํ มาตรํ อุเปกฺขิตุํ วฏฺฏติ. อฺาติกาย อิตฺถิยาปิ เอเสว นโย. อุกฺกฏฺาย มาตุยาปิ อามาโส น วฏฺฏตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘มาตร’’นฺติ วุตฺตํ. ตสฺส กาตพฺพํ ปน อฺาสมฺปิ อิตฺถีนํ กโรนฺตสฺสปิ อนาปตฺติเยว อนามาสตฺเต วิเสสาภาวา.
ติณณฺฑุปกนฺติ ¶ หิริเวราทิมูเลหิ เกสาลงฺการตฺถาย กตจุมฺพฏกํ. ตาลปณฺณมุทฺทิกนฺติ ตาลปณฺเณหิ กตํ องฺคุลิมุทฺทิกํ. เตน ตาลปณฺณาทิมยํ กฏิสุตฺตกณฺณปิฬนฺธนาทิ สพฺพํ น วฏฺฏตีติ สิทฺธํ. ปริวตฺเตตฺวาติ อตฺตโน นิวาสนปารุปนภาวโต อปเนตฺวา, จีวรตฺถาย ปริณาเมตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. จีวรตฺถาย ปาทมูเล เปตีติ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํ. ปจฺจตฺถรณวิตานาทิอตฺถมฺปิ วฏฺฏติเยว, ปูชาทิอตฺถํ ตาวกาลิกมฺปิ อามสิตุํ วฏฺฏติ. สีสปสาธนทนฺตสูจีติ อิทํ สีสาลงฺการตฺถาย ปฏปิโลติกาหิ กตสีสปสาธนกฺเจว ทนฺตสูจิอาทิ จาติ ทฺเว ตโย. สีสปสาธนํ สิปาฏิโกปกรณตฺถาย เจว ทนฺตสูจึ สูจิอุปกรณตฺถาย จ คเหตพฺพนฺติ ยถากฺกมํ อตฺถํ ทสฺเสติ. เกสกลาปํ พนฺธิตฺวา ตตฺถ ติริยํ ปเวสนตฺถาย กตา สูจิ เอว สีสปสาธนกทนฺตสูจีติ เอกเมว กตฺวา สิปาฏิกาย ปกฺขิปิตฺวา ปริหริตพฺพสูจิเยว ตสฺส ตสฺส กิจฺจสฺส อุปกรณนฺติ สิปาฏิกสูจิอุปกรณํ, เอวํ วา โยชนา กาตพฺพา.
โปตฺถกรูปนฺติ สุธาทีหิ กตํ ปาราชิกวตฺถุภูตานํ ติรจฺฉานคติตฺถีนํ สณฺาเนน กตมฺปิ อนามาสเมว ¶ . อิตฺถิรูปานิ ทสฺเสตฺวา กตํ วตฺถุภิตฺติอาทิฺจ อิตฺถิรูปํ อนามสิตฺวา วฬฺเชตุํ วฏฺฏติ. เอวรูเป หิ อนามาเส กายสํสคฺคราเค อสติ กายปฺปฏิพทฺเธน อามสโต โทโส นตฺถิ. ภินฺทิตฺวาติ เอตฺถ หตฺเถน อคฺคเหตฺวาว เกนจิ ทณฺฑาทินา ภินฺทิตพฺพํ. เอตฺถ จ อนามาสมฺปิ ทณฺฑปาสาณาทีหิ เภทนสฺส อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา, ปาฬิยมฺปิ อาปทาสุ โมกฺขาธิปฺปายสฺส อามสเนปิ อนาปตฺติยา วุตฺตตฺตา จ สปฺปินิอาทิวาฬมิคีหิ คหิตปาณกานํ โมจนตฺถาย ตํ ตํ สปฺปินิอาทิวตฺถุํ ทณฺฑาทีหิ ปฏิกฺขิปิตฺวา คเหตุํ, มาตุอาทึ อุทเก มียมานํ วตฺถาทีหิ คเหตุํ, อสกฺโกนฺตึ ¶ เกสาทีสุ คเหตฺวา การฺุเน อุกฺขิปิตฺุจ วฏฺฏตีติ อยมตฺโถ คเหตพฺโพว. ‘‘อฏฺกถายํ ‘น ตฺเวว อามสิตพฺพา’ติ อิทํ ปน วจนํ อมียมานํ วตฺถุํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ อยํ อมฺหากํ ขนฺตี’’ติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๒๘๑) วุตฺตํ.
๔๑. มคฺคํ อธิฏฺายาติ ‘‘มคฺโค อย’’นฺติ มคฺคสฺํ อุปฺปาเทตฺวาติ อตฺโถ. ปฺเปตฺวา เทนฺตีติ อิทํ สามีจิวเสน วุตฺตํ, เตหิ ปน ‘‘อาสนํ ปฺเปตฺวาว นิสีทถา’’ติ วุตฺเต สยเมว ปฺเปตฺวา นิสีทิตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ ชาตกานีติ อจฺฉินฺทิตฺวา ภูตคามภาเวเนว ิตานิ. ‘‘กีฬนฺเตนา’’ติ วุตฺตตฺตา สติ ปจฺจเย อามสนฺตสฺส อนาปตฺติ, อิทฺจ คิหิสนฺตกํ สนฺธาย วุตฺตํ, ภิกฺขุสนฺตกํ ปน ปริโภคารหํ สพฺพถา อามสิตุํ น วฏฺฏติ ทุรูปจิณฺณตฺตา. ตาลปนสาทีนีติ เจตฺถ อาทิ-สทฺเทน นาฬิเกรลพุชติปุสอลาพุกุมฺภณฺฑปุสฺสผลเอฬาลุกผลานํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ‘‘ยถาวุตฺตผลานํเยว เจตฺถ กีฬาธิปฺปาเยน อามสนํ น วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตตฺตา ปาสาณสกฺขราทีนิ กีฬาธิปฺปาเยนปิ อามสิตุํ วฏฺฏติ. อนุปสมฺปนฺนานํ ทสฺสามีติ อิทํ อปฏิคฺคเหตฺวา คหณํ สนฺธาย วุตฺตํ. อตฺตโนปิ อตฺถาย ปฏิคฺคเหตฺวา คหเณ โทโส นตฺถิ อนามาสตฺตาภาวา.
๔๒. มุตฺตาติ (ม. นิ. ฏี. ๑.๒ ปถวีวารวณฺณนา; สารตฺถ. ฏี. ๒.๒๘๑) หตฺถิกุมฺภชาติกา อฏฺวิธา มุตฺตา. ตถา หิ หตฺถิกุมฺภํ, วราหทาํ, ภุชคสีสํ, วลาหกํ, เวฬุ, มจฺฉสิโร, สงฺโข, สิปฺปีติ อฏฺ มุตฺตาโยนิโย. ตตฺถ หตฺถิกุมฺภชา ปีตวณฺณา ปภาหีนา. วราหทาา วราหทาาวณฺณาว. ภุชคสีสชา นีลาทิวณฺณา สุวิสุทฺธา วฏฺฏลา จ. วลาหกชา ภาสุรา ทุพฺพิภาคา รตฺติภาเค อนฺธการํ วิธเมนฺติโย ติฏฺนฺติ, เทวูปโภคา เอว จ โหนฺติ. เวฬุชา กรกผลสมานวณฺณา น ภาสุรา, เต ¶ จ เวฬู อมนุสฺสโคจเรเยว ปเทเส ชายนฺติ ¶ . มจฺฉสิรชา ปาีนปิฏฺิสมานวณฺณา วฏฺฏลา ลฆโว จ เตชวนฺตา โหนฺติ ปภาวิหีนา จ, เต จ มจฺฉา สมุทฺทมชฺเฌเยว ชายนฺติ. สงฺขชา สงฺขอุทรจฺฉวิวณฺณา โกลผลปฺปมาณาปิ โหนฺติ ปภาวิหีนาว. สิปฺปิชา ปภาวิเสสยุตฺตา โหนฺติ นานาสณฺานา. เอวํ ชาติโต อฏฺวิธาสุ มุตฺตาสุ ยา มจฺฉสงฺขสิปฺปิชา, ตา สามุทฺทิกา. ภุชคชาปิ กาจิ สามุทฺทิกา โหนฺติ, อิตรา อสามุทฺทิกา. ยสฺมา พหุลํ สามุทฺทิกาว มุตฺตา โลเก ทิสฺสนฺติ, ตตฺถาปิ สิปฺปิชาว, อิตรา กทาจิ กาจิ, ตสฺมา สมฺโมหวิโนทนิยํ (วิภ. อฏฺ. ๑๗๓) ‘‘มุตฺตาติ สามุทฺทิกา มุตฺตา’’ติ วุตฺตํ.
มณีติ เวฬุริยาทิโต อฺโ โชติรสาทิเภโท สพฺโพ มณิ. เวฬุริโยติ อลฺลเวฬุวณฺโณ มณิ, ‘‘มชฺชารกฺขิมณฺฑลวณฺโณ’’ติปิ วทนฺติ. สงฺโขติ สามุทฺทิกสงฺโข. สิลาติ มุคฺควณฺณา อติสินิทฺธา กาฬสิลา. มณิโวหารํ อคตา รตฺตเสตาทิวณฺณา สุมฏฺาปิ สิลา อนามาสา เอวาติ วทนฺติ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๒๘๑) ปน ‘‘สงฺโขติ สามุทฺทิกสงฺโข. สิลาติ กาฬสิลาปณฺฑุสิลาเสตสิลาทิเภทา สพฺพาปิ สิลา’’ติ วุตฺตํ. ปวาฬํ สมุทฺทโต ชาตนาติรตฺตมณิ. รชตนฺติ กหาปณมาสาทิเภทํ ชตุมาสาทึ อุปาทาย สพฺพํ วุตฺตาวเสสรูปิยํ คหิตํ. ชาตรูปนฺติ สุวณฺณํ. โลหิตงฺโกติ รตฺตมณิ. มสารคลฺลนฺติ กพรวณฺโณ มณิ. ‘‘มรกต’’นฺติปิ วทนฺติ.
ภณฺฑมูลตฺถายาติ ปตฺตจีวราทิมูลตฺถาย. กุฏฺโรคสฺสาติ นิทสฺสนมตฺตํ. ตาย วูปสเมตพฺพสฺส ยสฺส กสฺสจิ โรคสฺส อตฺถาย วฏฺฏติเยว. ‘‘เภสชฺชตฺถฺจ อวิทฺธาเยว มุตฺตา วฏฺฏตี’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตา. เภสชฺชตฺถาย ปิสิตฺวา โยชิตานํ มุตฺตานํ รตนภาววิชหนโต คหณกฺขเณปิ ¶ รตนากาเรน อเปกฺขาภาวา ‘‘เภสชฺชตฺถาย ปน วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. ยาว ปน ตา มุตฺตา รตนรูเปน ติฏฺนฺติ, ตาว อามสิตุํ น วฏฺฏนฺติ. เอวํ อฺมฺปิ รตนปาสาณํ ปิสิตฺวา เภสชฺเช โยชนตฺถาย คเหตุํ วฏฺฏติ เอว. ชาตรูปรชตํ ปน มิสฺเสตฺวา โยชนเภสชฺชตฺถายปิ สมฺปฏิจฺฉิตุํ น วฏฺฏติ. คหฏฺเหิ โยเชตฺวา ทินฺนมฺปิ ยทิ เภสชฺเช สุวณฺณาทิรูเปน ติฏฺติ, วิโยเชตฺุจ สกฺกา, ตาทิสํ เภสชฺชมฺปิ น วฏฺฏติ. ตํ อพฺโพหาริกตฺตคตฺเจ วฏฺฏติ. ‘‘ชาติผลิกํ อุปาทายา’’ติ วุตฺตตฺตา สูริยกนฺตจนฺทกนฺตาทิกํ ชาติปาสาณํ มณิมฺหิ เอว สงฺคหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อากรมุตฺโตติ อากรโต มุตฺตมตฺโต. ภณฺฑมูลตฺถํ ¶ สมฺปฏิจฺฉิตุํ วฏฺฏตีติ อิมินาว อามสิตุมฺปิ วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. ปจิตฺวา กโตติ กาจกาเรหิ ปจิตฺวา กโต.
ธมนสงฺโข จ โธตวิทฺโธ จ รตนมิสฺโส จาติ โยเชตพฺพํ. วิทฺโธติอาทิภาเวน กตฉิทฺโท. รตนมิสฺโสติ กฺจนลตาทิวิจิตฺโต มุตฺตาทิรตนขจิโต จ. เอเตน ธมนสงฺขโต อฺโ รตนสมฺมิสฺโส อนามาโสติ ทสฺเสติ. สิลายมฺปิ เอเสว นโย. ปานียสงฺโขติ อิมินา ถาลกาทิอากาเรน กตสงฺขมยภาชนานิ ภิกฺขูนํ สมฺปฏิจฺฉิตุํ วฏฺฏนฺตีติ สิทฺธํ. เสสนฺติ รตนมิสฺสํ เปตฺวา อวเสสํ. มุคฺควณฺณํเยว รตนสมฺมิสฺสํ กโรนฺติ, น อฺนฺติ อาห ‘‘มุคฺควณฺณาวา’’ติ, มุคฺควณฺณา รตนสมฺมิสฺสาว น วฏฺฏตีติ วุตฺตํ โหติ. เสสาติ รตนสมฺมิสฺสํ เปตฺวา อวเสสา สิลา.
พีชโต ปฏฺายาติ ธาตุปาสาณโต ปฏฺาย. สุวณฺณเจติยนฺติ ธาตุกรณฺฑกํ. ปฏิกฺขิปีติ ‘‘ธาตุฏฺปนตฺถาย คณฺหถา’’ติ อวตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ คณฺหถา’’ติ เปสิตตฺตา ¶ ปฏิกฺขิปิ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๒๘๑) ปน ‘‘ปฏิกฺขิปีติ สุวณฺณมยสฺส ธาตุกรณฺฑกสฺส พุทฺธาทิรูปสฺส จ อตฺตโน สนฺตกกรเณ นิสฺสคฺคิยตฺตา วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. สุวณฺณพุพฺพุฬกนฺติ สุวณฺณตารกํ. ‘‘รูปิยฉฑฺฑกฏฺาเน’’ติ วุตฺตตฺตา รูปิยฉฑฺฑกสฺส ชาตรูปรชตํ อามสิตฺวา ฉฑฺเฑตุํ วฏฺฏตีติ วุตฺตํ. เกฬาปยิตุนฺติ อามสิตฺวา อิโต จิโต จ สฺจาเรตุํ. วุตฺตนฺติ มหาอฏฺกถายํ วุตฺตํ. กจวรเมว หริตุํ วฏฺฏตีติ โคปกา วา โหนฺตุ อฺเ วา, หตฺเถนปิ ปฺุฉิตฺวา กจวรํ อปเนตุํ วฏฺฏติ, ‘‘มลมฺปิ ปมชฺชิตุํ วฏฺฏติเยวา’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๒๘๑) วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๒๘๑) ปน ‘‘กจวรเมว หริตุํ วฏฺฏตีติ โคปกา วา โหนฺตุ อฺเ วา, หตฺเถนปิ ปฺุฉิตฺวา กจวรํ อปเนตุํ วฏฺฏติ, มลมฺปิ มชฺชิตุํ วฏฺฏติ เอวาติ วทนฺติ, ตํ อฏฺกถาย น สเมติ เกฬายนสทิสตฺตา’’ติ วุตฺตํ. กถํ น สเมติ? มหาอฏฺกถายํ เจติยฆรโคปกา รูปิยฉฑฺฑกฏฺาเน ิตาติ เตสํเยว เกฬายนํ อนฺุาตํ, น อฺเสํ, ตสฺมา ‘‘โคปกา วา โหนฺตุ อฺเ วา’’ติ วจนํ มหาอฏฺกถาย น สเมติ.
กุรุนฺทิยํ ปน ตมฺปิ ปฏิกฺขิตฺตํ, สุวณฺณเจติเย กจวรเมว หริตุํ วฏฺฏตีติ เอตฺตกเมว อนฺุาตํ, ตสฺมา สาวธารณํ กตฺวา วุตฺตตฺตา ‘‘หตฺเถนปิ ปฺุฉิตฺวา’’ติ จ ‘‘มลมฺปิ ปมชฺชิตุํ วฏฺฏติ ¶ เอวา’’ติ จ วจนํ กุรุนฺทฏฺกถาย น สเมติ, ตสฺมา วิจาเรตพฺพเมตนฺติ. อารกูฏโลหนฺติ สุวณฺณวณฺโณ กิตฺติมโลหวิเสโส. ติวิธฺหิ กิตฺติมโลหํ – กํสโลหํ วฏฺฏโลหํ อารกูฏโลหนฺติ. ตตฺถ ติปุตมฺเพ มิสฺเสตฺวา กตํ กํสโลหํ นาม, สีสตมฺเพ มิสฺเสตฺวา กตํ วฏฺฏโลหํ, รสตุตฺเถหิ รฺชิตํ ตมฺพํ อารกูฏโลหํ นาม. ‘‘ปกติรสตมฺเพ มิสฺเสตฺวา กตํ ¶ อารกูฏ’’นฺติ จ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๒๘๑) วุตฺตํ. ตํ ปน ‘‘ชาตรูปคติก’’นฺติ วุตฺตตฺตา อุคฺคณฺหโต นิสฺสคฺคิยมฺปิ โหตีติ เกจิ วทนฺติ, รูปิเยสุ ปน อคณิตตฺตา นิสฺสคฺคิยํ น โหติ, อามสเน สมฺปฏิจฺฉเน จ ทุกฺกฏเมวาติ เวทิตพฺพํ. สพฺโพปิ กปฺปิโยติ ยถาวุตฺตสุวณฺณาทิมยานํ เสนาสนปริกฺขารานํ อามสนโคปนาทิวเสน ปริโภโค สพฺพถา กปฺปิโยติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ. ‘‘ภิกฺขูนํ ธมฺมวินยวณฺณนฏฺาเน’’ติ วุตฺตตฺตา สงฺฆิกเมว สุวณฺณาทิมยํ เสนาสนํ เสนาสนปริกฺขารา จ วฏฺฏนฺติ, น ปุคฺคลิกานีติ คเหตพฺพํ. ปฏิชคฺคิตุํ วฏฺฏนฺตีติ เสนาสนปฏิพนฺธโต วุตฺตํ.
๔๓. สามิกานํ เปเสตพฺพนฺติ สามิกานํ สาสนํ เปเสตพฺพํ. ภินฺทิตฺวาติ ปมเมว อนามสิตฺวา ปาสาณาทินา กิฺจิมตฺตํ เภทํ กตฺวา ปจฺฉา กปฺปิยภณฺฑตฺถาย อธิฏฺหิตฺวา หตฺเถน คเหตุํ วฏฺฏติ. เตนาห ‘‘กปฺปิยภณฺฑํ กริสฺสามีติ สมฺปฏิจฺฉิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. เอตฺถาปิ ตฺจ วิโยเชตฺวา อามสิตพฺพํ. ผลกชาลิกาทีนีติ เอตฺถ สรปริตฺตาณาย หตฺเถน คเหตพฺพํ. กิฏิกาผลกํ อกฺขิรกฺขณตฺถาย อยโลหาทีหิ ชาลากาเรน กตฺวา สีสาทีสุ ปฏิมฺุจิตพฺพํ ชาลิกํ นาม. อาทิ-สทฺเทน กวจาทิกํ สงฺคณฺหาติ. อนามาสานีติ มจฺฉชาลาทิปรูปโรธํ สนฺธาย วุตฺตํ, น สรปริตฺตาณํ ตสฺส อาวุธภณฺฑตฺตาภาวา. เตน วกฺขติ ‘‘ปรูปโรธนิวารณฺหี’’ติอาทิ (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๔๓). อาสนสฺสาติ เจติยสฺสสมนฺตา กตปริภณฺฑสฺส. พนฺธิสฺสามีติ กากาทีนํ อทูสนตฺถาย พนฺธิสฺสามิ.
‘‘เภริสงฺฆาโฏติ สงฺฆฏิตจมฺมเภรี. วีณาสงฺฆาโฏติ สงฺฆฏิตจมฺมวีณา’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๒๘๑) วุตฺตํ. ‘‘จมฺมวินทฺธา วีณาเภริอาทีนี’’ติ มหาอฏฺกถายํ วุตฺตวจนโต วิเสสาภาวา ¶ ‘‘กุรุนฺทิยํ ปนา’’ติอาทินา ตโต วิเสสสฺส วตฺตุมารทฺธตฺตา จ เภริอาทีนํ วินทฺโธปกรณสมูโห เภริวีณาสงฺฆาโฏติ เวทิตพฺโพ ‘‘สงฺฆฏิตพฺโพติ สงฺฆาโฏ’’ติ กตฺวา. ตุจฺฉโปกฺขรนฺติ อวินทฺธจมฺมเภริวีณานํ โปกฺขรํ. อาโรปิตจมฺมนฺติ ปุพฺเพ อาโรปิตํ หุตฺวา ปจฺฉา ตโต อปเนตฺวา วิสุํ ปิตมุขจมฺมมตฺตํ, น เสโสปกรณสหิตํ, ตํ ปน สงฺฆาโตติ ¶ อยํ วิเสโส. โอนหิตุนฺติ เภริโปกฺขราทีนิ จมฺมํ อาโรเปตฺวา จมฺมวทฺธิอาทีหิ สพฺเพหิ อุปกรเณหิ วินนฺธิตุํ. โอนหาเปตุนฺติ ตเถว อฺเหิ วินนฺธาเปตุํ.
อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร
อนามาสวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม
สตฺตโม ปริจฺเฉโท.