📜

ปาราชิกกณฺฑํ

๑. ปมปาราชิกวณฺณนา

อิธ ปน ตฺวา สิกฺขาปทานํ กมเภโท ปกาเสตพฺโพ. กถํ – สพฺพสิกฺขาปทานํ ยถาสมฺภวํ เทสนากฺกโม, ปหานกฺกโม, ปฏิปตฺติกฺกโม, อุปฺปตฺติกฺกโมติ จตุพฺพิโธ กโม ลพฺภติ. ตตฺถ ภควตา ราชคเห ภิกฺขูนํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อนุชานนฺเตน ปาติโมกฺขุทฺเทสสฺส โย เทสนากฺกโม อนุฺาโต, ตํ เทสนากฺกมํ อนุกฺกมนฺโตว มหากสฺสโป ปมํ ปาราชิกุทฺเทสํ ปุจฺฉิ, ตทนนฺตรํ สงฺฆาทิเสสุทฺเทสํ, ตทนนฺตรํ อนิยตุทฺเทสํ, ตทนนฺตรํ วิตฺถารุทฺเทสํ. ตทนนฺตรํ ภิกฺขุนิวิภงฺคฺจ เตเนว อนุกฺกเมน ปุจฺฉิ. ตโต ปรํ ตโย อาปตฺติกฺขนฺเธ สงฺคเหตุํ วินา คณนปริจฺเฉเทน เสขิยธมฺเม ปุจฺฉิ. อาปตฺติกฺขนฺเธ สภาคโต ปฏฺาย ปุจฺฉนฺโต วีสติขนฺธเก ปุจฺฉิ. นิทานุทฺเทสนฺโตคธานํ วา สรูเปน อนุทฺทิฏฺานํ ปุจฺฉนตฺถํ ขนฺธเก ปุจฺฉิ. เอเตน ขนฺธเก ปฺตฺตา ถุลฺลจฺจยาปิ สงฺคหิตา โหนฺติ. ปุจฺฉิตานุกฺกเมเนว อายสฺมา อุปาลิตฺเถโร พฺยากาสิ. อยเมตฺถ เทสนากฺกโม. อุภโตวิภงฺคขนฺธกโต ปน อุจฺจินิตฺวา ตทา ปริวาโร วิสุํ ปาฬิ กโต, อิมเมว วจนํ สนฺธาย อฏฺกถายํ วุตฺตํ ‘‘เอเตเนว อุปาเยน ขนฺธกํ ปริวาเรปิ อาโรปยึสู’’ติอาทิ (ปารา. อฏฺ. ๑.ปมมหาสงฺคอีติกถา). อปิจ ปาฬิยํ ‘‘เอเตเนว อุปาเยน อุภโตวิภงฺเค ปุจฺฉิ. ปุฏฺโ ปุฏฺโ อายสฺมา อุปาลิ วิสฺสชฺเชสี’’ติ (จูฬว. ๔๓๙) เอตฺตกเมว วุตฺตํ. ตสฺมา เถโร อุภโตวิภงฺเค เอว ปุจฺฉิ. วิสฺสชฺชนฺโต ปน อายสฺมา อุปาลิ นิรวเสสํ ทสฺเสนฺโต ขนฺธกปริวาเร อนฺโต กตฺวา เทเสสิ. คณสชฺฌายกาเล ปน ตทา ขนฺธกปริวารา วิสุํ ปาฬิ กตาติ อยเมตฺถ เทสนากฺกโม.

ยทิ เอวํ นิทานุทฺเทโส ปมเทสนาติ เจ? น, อุโปสถกฺขนฺธเก (มหาว. ๑๓๓) ‘‘ยานิ มยา ภิกฺขูนํ สิกฺขาปทานิ ปฺตฺตานิ, ตานิ เนสํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อนุชาเนยฺย’’นฺติ วจนโต, ‘‘ยสฺส สิยา อาปตฺตี’’ติ (มหาว. ๑๓๔) วจนโต จ. อกุสลาพฺยากตานํ อาปตฺตีนํ ทิฏฺธมฺมสมฺปรายิกาสวฏฺานิยตฺตา ยถาภูตํ สีลสํวรเกน ปริวชฺชเนน ปหาตพฺพตฺตา ปหานกฺกโมเปตฺถ สมฺภวติ ‘‘ตาวเทว จตฺตาริ อกรณียานิ อาจิกฺขิตพฺพานี’’ติ วจนโต. ตถา ‘‘สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสู’’ติ (ม. นิ. ๓.๗๕; วิภ. ๕๐๘) วจนโต ยถาภูตํ อาจิกฺขนสิกฺขเนน ปฏิปตฺติกฺกโมปิ สมฺภวติ. ยถุทฺเทสกฺกมํ ปริยาปุณิตพฺพปริยตฺติอตฺเถนาปิ ปฏิปตฺติกฺกโม, เอวมิเมหิ ตีหิ กเมหิ เทเสตพฺพานเมเตสํ สิกฺขาปทานํ ยถาสมฺภวํ อุปฺปตฺติกฺกโม สมฺภวติ. ตถา หิ ยํ ยํ สาธารณํ, ตํ ตํ ภิกฺขุํ อารพฺภ อุปฺปนฺเน เอว วตฺถุสฺมึ ‘‘ยา ปน ภิกฺขุนี ฉนฺทโส เมถุนํ ธมฺม’’นฺติอาทินา นเยน ภิกฺขุนีนมฺปิ ปฺตฺตํ. ยโต ภิกฺขุนีนํ ตํ อนุปฺปนฺนปฺตฺติ น สิยา, ตโต อนุปฺปนฺนปฺตฺติ ตสฺมึ นตฺถีติ (ปริ. ๒๐๑-๒๐๒) ปริวารวจนํ น วิรุชฺฌติ. เอตฺตาวตา ปุริเมน กมตฺตเยน ยํ ปมํ เทเสตพฺพํ, ตํ ปาราชิกุทฺเทเส ปมุปฺปนฺนตฺตา เมถุนธมฺมปาราชิกํ สพฺพปมํ เทเสตุกาโม อายสฺมา อุปาลิตฺเถโร ‘‘ตตฺร สุทํ ภควา เวสาลิยํ วิหรตี’’ติ (ปารา. ๒๓) เวสาลิยเมว ปาเปตฺวา เปสิ.

อิทานิ สพฺเพสํ สิกฺขาปทานํ ปฺาปนวิธานํ เวทิตพฺพํ. กถํ? ‘‘เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถา’’ติ (ปารา. ๓๙, ๔๓) เอวํ สอุทฺเทสอนุทฺเทสเภทโต ทุวิธํ. ตตฺถ ปาติโมกฺเข สรูปโต อาคตา ปฺจ อาปตฺติกฺขนฺธา สอุทฺเทสปฺตฺติ นาม. สาปิ ทฺวิธา สปุคฺคลาปุคฺคลนิทฺเทสเภทโต. ตตฺถ ยสฺสา ปฺตฺติยา อนฺโต อาปตฺติยา สห, วินา วา ปุคฺคโล ทสฺสิโต, สา สปุคฺคลนิทฺเทสา. อิตรา อปุคฺคลนิทฺเทสา.

ตตฺถ สปุคฺคลนิทฺเทสา ทฺวิธา อทสฺสิตทสฺสิตาปตฺติเภทโต. ตตฺถ อทสฺสิตาปตฺติกา นาม อฏฺ ปาราชิกา ธมฺมา เวทิตพฺพา. ‘‘ปาราชิโก โหติ อสํวาโส’’ติ (ปารา. ๓๙, ๔๔, ๘๙, ๙๑, ๑๖๗, ๑๗๑, ๑๙๕, ๑๙๗) หิ ปุคฺคโลว ตตฺถ ทสฺสิโต, นาปตฺติ. ทสฺสิตาปตฺติกา นาม ภิกฺขุนิปาติโมกฺเข อาคตา สตฺตรส สงฺฆาทิเสสา ธมฺมา. ‘‘อยมฺปิ ภิกฺขุนี ปมาปตฺติกํ ธมฺมํ อาปนฺนา นิสฺสารณียํ สงฺฆาทิเสส’’นฺติ (ปาจิ. ๖๘๓, ๖๘๗) หิ ตตฺถ อาปตฺติ ทสฺสิตา สทฺธึ ปุคฺคเลน.

ตถา อปุคฺคลนิทฺเทสาปิ อทสฺสิตทสฺสิตาปตฺติเภทโต ทฺวิธา. ตตฺถ อทสฺสิตาปตฺติกา นาม เสขิยา ธมฺมา. วุตฺตาวเสสา ทสฺสิตาปตฺติกาติ เวทิตพฺพา.

สาปิ ทฺวิธา อนิทฺทิฏฺการกนิทฺทิฏฺการกเภทโต. ตตฺถ อนิทฺทิฏฺการกา นาม สุกฺกวิสฏฺิมุสาวาโทมสวาทเปสุฺภูตคามอฺวาทกอุชฺฌาปนกคณโภชนปรมฺปรโภชนสุราเมรยองฺคุลิปโตทกหสธมฺมอนาทริยตลฆาตกชตุมฏฺกสิกฺขาปทานํ วเสน ปฺจทสวิธา โหนฺติ. ตตฺถ นิทฺทิฏฺการเก มิสฺสามิสฺสเภโท เวทิตพฺโพ – ตตฺถ อุปโยคภุมฺมวิภตฺติโย เอกํเสน มิสฺสา. อวเสสา มิสฺสา จ อมิสฺสา จ. เสยฺยถิทํ – ปจฺจตฺตํ ตาว ทฺวีสุ อนิยเตสุ อุปโยเคน มิสฺสํ, ทฺวาทสสุ ปาฏิเทสนีเยสุ กรเณน มิสฺสํ, อูนปฺจพนฺธนปตฺตสิกฺขาปเทสุ สามิกรเณหิ, อูนวีสติวสฺเส ภุมฺเมน, โมหนเก อุปโยคสามิภุมฺเมหิ. ยสฺมา ‘‘วิวณฺณก’’นฺติ ภาโว อธิปฺเปโต, น กตฺตา, ตสฺมา วิวณฺณกสิกฺขาปทํ ยทา น สมฺภวติ, เอวํ ปจฺจตฺตํ ปฺจวิธํ มิสฺสํ โหติ. เสเสสุ ปมานิยตํ เปตฺวา อาทิมฺหิ ‘‘โย ปน ภิกฺขู’’ติ เอวมาคตํ ปจฺจตฺตํ วา, ทุติยานิยตํ เปตฺวา ปณีตโภชนสมณุทฺเทสตติยจตุตฺถปาฏิเทสนียสิกฺขาปเทสุ มชฺเฌ ‘‘โย ปน ภิกฺขู’’ติ เอวมาคตํ ปจฺจตฺตํ วา, ทุพฺพจกุลทูสกสํสฏฺสิกฺขาปเทสุ อาทิมฺหิ เกวลํ ‘‘ภิกฺขู’’ติ อาคตํ ปจฺจตฺตํ วา, เภทานุวตฺตกสิกฺขาปเท มชฺเฌ อาคตํ ปจฺจตฺตํ วา อฺาย วิภตฺติยา อมิสฺสเมว โหติ. ตตฺถ เภทานุวตฺตกตุวฏฺฏนทฺวยสํสฏฺทุติยปาฏิเทสนียสิกฺขาปเทสุ พหุวจนํ, อิตรตฺถ สพฺพตฺถ เอกวจนเมวาติ เวทิตพฺพํ.

ตถา อุปโยโค ทฺวีสุ วิกปฺปนสิกฺขาปเทสุ, ตนฺตวายสิกฺขาปเท จ ปจฺจตฺเตน มิสฺโส, อภิหฏสิกฺขาปเท กรเณน, ราชสิกฺขาปเท กรณสามิปจฺจตฺเตหีติ อุปโยโค ติธา มิสฺโส โหติ. กรณฺจ กุฏิการมหลฺลกทุติยกถินทฺเวภาคนิสีทนสนฺถตทุพฺพณฺณกรณสิกฺขาปเทสุ ฉสุ ปจฺจตฺเตน มิสฺสํ, ปมตติยกถินอฏฺงฺคุลปาทกนิสีทนกณฺฑุปฺปฏิจฺฉาทิกวสฺสิกสาฏิกอุทกสาฏิกทฺเวธมฺมปจฺจาสีสนสิกฺขาปเทสุ อฏฺสุ สามินา มิสฺสนฺติ กรณํ ทฺวิธา มิสฺสํ โหติ. อวเสเสสุ ฉพฺพสฺสวสฺสิกสาฏิกทฺวตฺติจฺฉทนาวสถปิณฺฑมหานามครุลหุปาวุรณสิกฺขาปเทสุ สตฺตสุ กรณวิภตฺติ อฺวิภตฺติยา อมิสฺสา, อจฺเจกเอฬกโลมสิกฺขาปเทสุ สามิวิภตฺติ กรณวิภตฺติยา มิสฺสา. อติเรกปตฺตเภสชฺชสิกฺขาปเทสุ อคฺคหิตคฺคหเณน สามิวิภตฺติ อมิสฺสาว โหตีติ เวทิตพฺพา. เอวํ ตาว นิทฺทิฏฺการเกสุ สิกฺขาปเทสุ –

ปฺจธา จ ติธา เจว, ทฺวิธา เจปิ ตเถกธา;

ภินฺนา วิภตฺติโย ปฺจ, สพฺเพกาทสธา สิยุํ.

เอวํ ตาว ยถาวุตฺเตสุ สอุทฺเทสปฺตฺติสงฺขาเตสุ สิกฺขาปเทสุ อคฺคหิตคฺคหเณน ปฺาสุตฺตเรสุ ติสเตสุ นวุติอนิทฺทิฏฺการเก วชฺเชตฺวา นิทฺทิฏฺการกานิ อติเรกสฏฺิทฺวิสตานิ โหนฺติ. เตสุ ปจฺจตฺตกรณานิ ตึสุตฺตรานิ ทฺวิสตานิ โหนฺติ. เตสุ อมิสฺสปจฺจตฺตกรณานิ ทฺวาทสุตฺตรานิ ทฺวิสตานิ, มิสฺสปจฺจตฺตกรณานิ อฏฺารส โหนฺติ. อวเสเสสุ ตึสติยา สิกฺขาปเทสุ มิสฺโสปโยคกรณานิ ปฺจ โหนฺติ, มิสฺสกรณานิ จุทฺทส, อมิสฺสานิ สตฺต, มิสฺสามิสฺสกรณานิ ทฺเว, อมิสฺสานิ ทฺเวติ สพฺเพสุปิ นิทฺทิฏฺการเกสุ เภทานุวตฺตกทุพฺพจกุลทูสกปมทุติยตติยกถินอภิหฏกุฏิการมหลฺลกวิกปฺปนทฺวยทฺเวภาคฉพฺพสฺสนิสีทนสนฺถตเอฬกโลมาติเรกปตฺตเภสชฺชวสฺสิกสาฏิกตนฺตวายอจฺเจกฉารตฺตทฺว ปฺจตฺตึเสสุ ‘‘โย ปน ภิกฺขู’’ติ นตฺถิ. ทุติยานิยตปณีตโภชนสมณุทฺเทสตติยจตุตฺถปาฏิเทสนีเยสุ มชฺเฌ อตฺถิ.

เอตฺตาวตา สอุทฺเทสานุทฺเทสทุกํ, สปุคฺคลาปุคฺคลนิทฺเทสทุกํ, ปจฺเจกทสฺสิตาปตฺติทุกทฺวยํ, อนิทฺทิฏฺการกทุกํ, ตตฺถ นิทฺทิฏฺการเกสุ ปจฺจตฺตภุมฺมทุกํ, สโยปนาโยปนทุกํ, อโยปนมชฺเฌโยปนทุกํ, เอกาเนกวจนทุกนฺติ นว ทุกานิ ทสฺสิตานิ โหนฺติ. วิเสสการณํ ตสฺมึ ตสฺมึ สิกฺขาปเท สมฺปตฺเต อาวิภวิสฺสติ. เอวํ ตาว สอุทฺเทสปฺตฺตึ ตฺวา เสสวินยปิฏเก ยา กาจิ ปฺตฺติ อนุทฺเทสปฺตฺตีติ เวทิตพฺพา. สา ปทภาชนนฺตราปตฺติวินีตวตฺถุปฏิกฺเขปปฺตฺติอวุตฺตสิทฺธิสิกฺขาปทวเสน ฉพฺพิธา โหติ.

ตตฺถ ‘‘เยภุยฺเยน ขยิเต อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺส (ปริ. ๑๕๗-๑๕๘), วฏฺฏกเต มุเข อจฺฉุปนฺตสฺส อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (ปารา. ๗๓) เอวมาทิกา ปทภาชเน สนฺทิสฺสมานาปตฺติ ปทภาชนสิกฺขาปทํ นาม. ‘‘น จ, ภิกฺขเว, สพฺพมตฺติกามยา กุฏิ กาตพฺพา, โย กเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติอาทิ (ปารา. ๘๕) อนฺตราปตฺติสิกฺขาปทํ นาม. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ทิวาปฏิสลฺลียนฺเตน ทฺวารํ สํวริตฺวา ปฏิสลฺลียิตุ’’นฺติ (ปารา. ๗๗) เอวมาทิ วินีตวตฺถุสิกฺขาปทํ นาม. ‘‘สงฺฆเภทโก, ภิกฺขเว, อนุปสมฺปนฺโน น อุปสมฺปาเทตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๑๑๕) เอวมาทิ ปฏิกฺเขปสิกฺขาปทํ นาม.

ยสฺมา ปน เตน เตน ปฏิกฺเขเปน ‘‘โย ปน ภิกฺขุ สมคฺคํ สงฺฆํ อธมฺมสฺี ภินฺเทยฺย, ปาราชิโก โหติ อสํวาโส. โย ปน ภิกฺขุ ทุฏฺจิตฺโต ภควโต ชีวมานกสรีเร โลหิตํ อุปฺปาเทยฺย, ปาราชิโก โหติ อสํวาโส’’ติ สิกฺขาปทานิ ปฺตฺตานิ โหนฺติ. ยานิ สนฺธาย ‘‘เอกสฺส เฉชฺชกา โหติ, จตุนฺนํ ถุลฺลจฺจยํ, จตุนฺนฺเจว อนาปตฺติ, สพฺเพสํ เอกวตฺถุกา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อตฺถาปตฺติ ติฏฺนฺเต ภควติ อาปชฺชติ, โน ปรินิพฺพุเต’’ติ (ปริ. ๓๒๓) จ วุตฺตํ. เตน น เกวลํ ‘‘น, ภิกฺขเว, ชานํ สงฺฆเภทโก อนุปสมฺปนฺโน อุปสมฺปาเทตพฺโพ…เป… อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ อิทเมว สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ โหติ สาธกํ โหติ. ‘‘ปณฺฑโก, ภิกฺขเว, อนุปสมฺปนฺโน น อุปสมฺปาเทตพฺโพ, อุปสมฺปนฺโน นาเสตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๑๐๙) เอวมาทีสุ ปน อุปชฺฌายาทีนํ ทุกฺกฏเมว ปฺตฺตํ, น ปณฺฑกาทีนํ ปาราชิกาปตฺติ. น หิ เตสํ ภิกฺขุภาโว อตฺถิ. ยโต สิยา ปาราชิกาปตฺติ. ตถา ‘‘น อจฺฉินฺเน เถเว ปกฺกมิตพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๖๖, ๖๗, ๗๘, ๗๙) เอวมาทิกฺจ ปฏิกฺเขปสิกฺขาปทเมว นาม.

ขนฺธเกสุ ปฺตฺตทุกฺกฏถุลฺลจฺจยานิ ปฺตฺติสิกฺขาปทํ นาม. ‘‘เตน หิ, สาริปุตฺต, เภทานุวตฺตเก ถุลฺลจฺจยํ เทสาเปหี’’ติ (จูฬว. ๓๔๕) วุตฺตํ, ถุลฺลจฺจยมฺปิ ตตฺเถว สโมธานํ คจฺฉติ. อิทํ เตสํ วิภตฺติกมฺมกฺขเณ อปฺตฺตตฺตา อวิชฺชมานมฺปิ ภควโต วจเนน วิสุทฺธกฺขเณปิ วิชฺชมานํ ชาตนฺติ เอเก. ‘‘เภทานุวตฺตเก เทสาเปหี’’ติ วจนโต เสสเภทานุวตฺตกานํ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ชานํ สงฺฆเภทกานํ อนุวตฺเตยฺย, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ โหตีติ เวทิตพฺพํ. ตถา สพฺพานิ ขนฺธกวตฺตานิ, วินยกมฺมานิ จ ตตฺเถว สโมธานํ คจฺฉนฺติ. ยถาห ‘‘ปฺตฺเต ตํ อุปาลิ มยา อาคนฺตุกานํ ภิกฺขูนํ อาคนฺตุกวตฺตํ…เป… เอวํ สุปฺตฺเต โข มยา อุปาลิ สิกฺขาปเท’’ติอาทิ. ‘‘ยา ปน ภิกฺขุนี นจฺจํ วา คีตํ วา วาทิตํ วา ทสฺสนาย คจฺเฉยฺย , ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๘๓๔) อิมินา สุตฺเตน ภิกฺขุนี นจฺเจยฺย วา คาเยยฺย วา วาเทยฺย วา, ปาจิตฺติยนฺติ เอวมาทิกํ ยํ กิฺจิ อฏฺกถาย ทิสฺสมานํ อาปตฺติชาตํ วินยกมฺมํ วา อวุตฺตสิทฺธิสิกฺขาปทํ นาม. ฉพฺพิธมฺเปตํ ฉหิ อากาเรหิ อุทฺเทสารหํ น โหตีติ อนุทฺเทสสิกฺขาปทํ นามาติ เวทิตพฺพํ. เสยฺยถิทํ – ปฺจหิ อุทฺเทเสหิ ยถาสมฺภวํ วิสภาคตฺตา ถุลฺลจฺจยทุพฺภาสิตานํ สภาควตฺถุกมฺปิ ทุกฺกฏถุลฺลจฺจยทฺวยํ อสภาคาปตฺติกตฺตา อนฺตราปตฺติปฺตฺติสิกฺขาปทานํ, นานาวตฺถุกาปตฺติกตฺตา ปฏิกฺเขปสิกฺขาปทานํ, เกสฺจิ วินีตวตฺถุปฺตฺติสิกฺขาปทานฺจ อทสฺสิตาปตฺติกตฺตา, อทสฺสิตวตฺถุกตฺตา เภทานุวตฺตกถุลฺลจฺจยสฺส, อทสฺสิตาปตฺติวตฺถุกตฺตา อวุตฺตสิทฺธิสิกฺขาปทานนฺติ. เอตฺตาวตา ‘‘ทุวิธํ สิกฺขาปทปฺาปนํ สอุทฺเทสานุทฺเทสเภทโต’’ติ ยํ วุตฺตํ, ตํ สมาสโต ปกาสิตํ โหติ.

ปฺตฺติยํ ตาว –

‘‘การโก อิธ นิทฺทิฏฺโ, อเปกฺขาย อภาวโต;

ปุพฺเพ วตฺตพฺพวิธานา-ภาวโต จ อาทิโต โยปเนน สหา’’ติ. –

อยํ นโย เวทิตพฺโพ. ตสฺสตฺโถ – เย เต อนิทฺทิฏฺการกา ปุพฺเพ วุตฺตปฺปเภทา สุกฺกวิสฏฺิอาทโย สิกฺขาปทวิเสสา, เตสุ อธิปฺปายกมฺมวตฺถุปุคฺคลปโยเค อเปกฺขาย ภาวโต การโก น นิทฺทิฏฺโ เตสํ สาเปกฺขภาวทสฺสนตฺถํ. ตํ สพฺพํ ตสฺมึ ตสฺมึ สิกฺขาปเท อาวิภวิสฺสติ, อิธ ปน ปาราชิกปฺตฺติยํ อเปกฺขาย อภาวโต การโก นิทฺทิฏฺโ. โย ปน การโก ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ ภิกฺขุนา อุพฺภตสฺมิ’’นฺติอาทีสุ (ปารา. ๔๖๒, ๔๗๒, ๔๗๕) วิย ปุพฺเพ วตฺตพฺพวิธานาภาวโต กรณาทิวเสน อนิทฺทิสิตฺวา ปจฺจตฺตวเสน นิทฺทิฏฺโ อเปกฺขาย อภาวโต. ตตฺถ นิทฺทิสิยมาโน เสสทุติยานิยตปณีตโภชนํ สมณุทฺเทสตติยจตอุตฺถปาฏิเทสนีเยสุ วิย มชฺเฌ อนิทฺทิสิตฺวา ‘‘น เหว โข ปน…เป… โอภาสิตุ’’นฺติอาทิ (ปารา. ๔๕๓) วิย ปุพฺเพ วตฺตพฺพวิธานาภาวโต เอว อาทิมฺหิ นิทฺทิฏฺโ. อาทิมฺหิ นิทฺทิสิยมาโนปิ ปุพฺเพ วุตฺตปฺปเภเทสุ เภทานุวตฺตกาทีสุ ปฺจตฺตึเสสุ สิกฺขาปเทสุ วิย อนิทฺทิสิตฺวา ปุพฺเพ วตฺตพฺพวิธานาภาวโต เอว ‘‘โย ปน ภิกฺขู’’ติอาทิโตว โยปน-สทฺเทน สห นิทฺทิฏฺโ. เอวํ นิทฺทิสิยมาโนปิ โส ยสฺมา ‘‘ยา ปน ภิกฺขุนิโย ทฺเว เอกมฺเจ ตุวฏฺเฏยฺยุ’’นฺติอาทิ (ปาจิ. ๙๓๓) อาปตฺติ วิย ปรปฺปภวํ อาปตฺตึ น อาปชฺชติ, ตสฺมา ‘‘โย ปน ภิกฺขู’’ติ เอกวจเนน นิทฺทิฏฺโ. เมถุนธมฺมาปตฺติปิ ปรปฺปภวา ‘‘ทฺวยํทฺวยสมาปตฺตี’’ติ (ปารา. ๓๙) วจนโตติ เจ? ตํ น, อธิปฺปายชานนโต. อเนกิสฺสา เอว ภิกฺขุนิยา อาปตฺติ, น เอกิสฺสาติ นิยโม ตตฺถ อตฺถิ, น เอวํ อิธ นิยโมติ อนิยมิตาธิปฺปาโย. ลมฺพีมุทุปิฏฺีนํ กุโต ‘‘ทฺวยํทฺวยสมาปตฺตี’’ติ (ปารา. ๕๕) วจนโต เตสํ เมถุนธมฺมาปตฺติ. อยมตฺโถ จตสฺโส เมถุนธมฺมปจฺจยาติ อฏฺวตฺถุกํ สนฺธาย ‘‘เฉชฺชํ สิยา เมถุนธมฺมปจฺจยา’’ติ (ปริ. ๔๘๑) จ ปริวาเร วุตฺตวจเนน สาเธตพฺโพ.

เภทานุวตฺตกสิกฺขาปเท ติณฺณํ อุทฺธํ น สมนุภาสิตพฺพา, น สงฺเฆน สงฺฆํ เอกโต กาตพฺพนฺติ. นยทสฺสนตฺถํ อาทิโตว ‘‘ภิกฺขู โหนฺตี’’ติ พหุวจนนิทฺเทสํ กตฺวา ปุน ‘‘เอโก วา ทฺเว วา ตโย วา’’ติ (ปารา. ๔๑๘) วุตฺตํ, อฺถา น ตโต อุทฺธํ ‘‘อนุวตฺตกา โหนฺตี’’ติ อาปชฺชติ. ตโต นิทานวิโรโธ. ปฺจสตมตฺตา หิ ตทนุวตฺตกา อเหสุํ. ยํ ปน สตฺตสติกกฺขนฺธเก ‘‘สงฺโฆ จตฺตาโร ปาจีนเก ภิกฺขู, จตฺตาโร ปาเวยฺยเก ภิกฺขู สมฺมนฺเนยฺย …เป… สมฺมตา’’ติอาทิ (จูฬว. ๔๕๖) ตฺติทุติยกมฺมํ วุตฺตํ, ตํ ‘‘อุพฺพาหิกาย อิมํ อธิกรณํ วูปสเมตุ’’นฺติ วุตฺตตฺตา เตหิ กตฺตพฺพวิธานํ. สมฺมุติกรณเมว วา ตติยํ กตฺวา กปฺปติ. น หิ เต เตน กมฺเมน กมฺมารหา กมฺมกตา โหนฺติ. ยสฺส สงฺโฆ กมฺมํ กโรติ, โส กมฺมารโหติ ลกฺขณํ. น จ ตทา สงฺโฆ เตสํ อฏฺนฺนมฺปิ ภิกฺขูนํ กมฺมํ อกาสิ. ภชาปิยมานา เต กมฺมปตฺตภาวํ ภชนฺติ. อธิกรณวูปสมกมฺมสฺส ปตฺตา ยุตฺตา สงฺเฆน กตาติ กตฺวา กมฺมปตฺตา เอว หิ เต โหนฺติ. ‘‘เต ภิกฺขู ภิกฺขูหิ ยาวตติยํ สมนุภาสิตพฺพา ตสฺส ปฏินิสฺสคฺคายา’’ติ (ปารา. ๔๑๘) วจนโต เตหิ กตฺตพฺพวิธานํ. สมฺมุติกรณเมว กมฺมํ โหตีติ เจ? ตํ น, อธิปฺปายชานนโต, ตสฺส ปฏินิสฺสคฺคาย เอว เต ภิกฺขู กมฺมารหา กาตพฺพา, น โทสาคติวเสนาติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย. น หิ ปาจีนกาทีนํ สมฺมุติยา อธิกรณวูปสมสิทฺธิ วิย เตสํ สมนุภาสนกมฺเมน ตสฺส ปฏินิสฺสคฺคสิทฺธิ โหติ, สมฺมุติ นาเมสา ปมํ อนุมตึ คเหตฺวา ยาจิตฺวาว กรียติ, น ตถา กมฺมนฺติ. กมฺมกรเณ ปน ตทตฺถสิทฺธิ โหติเยว. ปรสมฺมุติยา พหุตราว สมฺมนฺนิตพฺพาติ เวทิตพฺพํ.

‘‘เมถุนธมฺม’’นฺติ เอวํ พาหุลฺลนเยน ลทฺธนามกํ สกปโยเคน วา ปรปโยเคน วา อตฺตโน นิมิตฺตสฺส สกมคฺเค วา ปรมคฺเค วา ปรนิมิตฺตสฺส วา สกมคฺเค เอว ปเวสนปวิฏฺฏฺิตอุทฺธรเณสุ ยํ กิฺจิ เอกํ ปฏิสาทิยนวเสน เสเวยฺย, ปาราชิโก โหติ อสํวาโสติ. เกจิ ปน ‘‘ปเวสนาทีนิ จตฺตาริ วา ตีณิ วา ทฺเว วา เอกํ วา ปฏิเสเวยฺย, ปาราชิโก โหติ. วุตฺตฺเหตํ ‘โส เจ ปเวสนํ สาทิยติ, ปวิฏฺํ สาทิยติ, ิตํ สาทิยติ, อุทฺธรณํ สาทิยติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’ติอาที’’ติ (ปารา. ๕๘) วทนฺติ. เตสํ มเตน จตูสุปิ จตสฺโส ปาราชิกาปตฺติโย อาปชฺชติ. เตเยว เอวํ วทนฺติ – อาปชฺชตุ เมถุนธมฺมปาราชิกาปตฺติ, เมถุนธมฺมปาราชิกาปตฺติยา ตํภาคิยาติ อตฺตโน วีติกฺกเม ปาราชิกาปตฺติโย, สงฺฆาทิเสสาปตฺติฺจ อาปชฺชิตฺวา สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย คหฏฺกาเล เมถุนาทิกํ ปาราชิกํ อาปชฺชิตฺวา ปุน ปพฺพชิตฺวา อุปสมฺปชฺชิตฺวา เอกํ สงฺฆาทิเสสาปตฺตึ เอกมเนกํ วา ปฏิกริตฺวาว โส ปุคฺคโล ยสฺมา นิราปตฺติโก โหติ, ตสฺมา โส คหฏฺกาเล สาปตฺติโกวาติ. อนฺติมวตฺถุอชฺฌาปนฺนสฺสาปิ อตฺเถว อาปตฺติ. วุฏฺานเทสนาหิ ปน อสุชฺฌนโต ‘‘ปโยเค ปโยเค อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’’ติ น วุตฺตํ. คณนปโยชนาภาวโต กิฺจาปิ น วุตฺตํ, อถ โข ปทภาชเน (ปารา. ๕๘) ‘‘อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’’ติ วจเนนายมตฺโถ สิทฺโธติ ยุตฺติฺจ วทนฺติ.

ยทิ เอวํ มาติกายมฺปิ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสเวยฺย, ปาราชิก’’นฺติ วตฺตพฺพํ ภเวยฺย, ปาราชิกสฺส อนวเสสวจนมฺปิ น ยุชฺเชยฺย. สพฺเพปิ หิ อาปตฺติกฺขนฺเธ, ภิกฺขุคณนฺจ อนวเสเสตฺวา ติฏฺตีติ อนวเสสวจนนฺติ กตฺวา ปเวเสว อาปตฺติ, น ปวิฏฺาทีสุ. ตเมเวกํ สนฺธาย ‘‘ยสฺส สิยา อาปตฺตี’’ติ (มหาว. ๑๓๔) ปาราชิกาปตฺติมฺปิ อนฺโต กตฺวา นิทานุทฺเทสวจนํ เวทิตพฺพํ. ตสฺมา มาติกายํ ‘‘ปาราชิก’’นฺติ อวตฺวา ‘‘ปาราชิโก โหตี’’ติ (ปารา. ๔๒, ๔๔) ปุคฺคลนิทฺเทสวจนํ เตน สรีรพนฺธเนน อุปสมฺปทาย อภพฺพภาวทีปนตฺถํ. ‘‘อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’’ติ ปทภาชเน วจนํ อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺนสฺสาปิ ปาราชิกสฺส อสํวาสสฺส สโต ปุคฺคลสฺส อเถยฺยสํวาสกภาวทีปนตฺถํ. น หิ โส สํวาสํ สาทิยนฺโตปิ เถยฺยสํวาสโก โหติ, ตสฺมา อุปสมฺปนฺโน ‘‘ภิกฺขู’’ตฺเวว วุจฺจติ. เตเนวาห ‘‘อสุทฺโธ โหติ ปุคฺคโล อฺตรํ ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปนฺโน, ตฺเจ สุทฺธทิฏฺิ สมาโน อโนกาสํ การาเปตฺวา อกฺโกสาธิปฺปาโย วทติ, อาปตฺติ โอมสวาเทน ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (ปารา. ๓๘๙) อนุปสมฺปนฺนสฺส ตทภาวโต สิทฺโธ โส อุปสมฺปนฺโน ‘‘ภิกฺขู’’ตฺเวว วุจฺจตีติ, เตน ปทโสธมฺมํ, สหเสยฺยฺจ ชเนติ, ภิกฺขุเปสุฺาทิฺจ ชเนตีติ เวทิตพฺพํ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๓๙).

นิทานา มาติกาเภโท, วิภงฺโค ตนฺนิยามโก;

ตโต อาปตฺติยา เภโท, อนาปตฺติ ตทฺถาติ. (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๔๓-๔๔) –

อยํ นโย เวทิตพฺโพ. ตตฺถ สุทินฺนวตฺถุ (ปารา. ๒๔ อาทโย)-มกฺกฏิวตฺถุ (ปารา. ๔๐ อาทโย)-วชฺชิปุตฺตกวตฺถุ (ปารา. ๔๓) จาติ ติปฺปเภทวตฺถุ อิมสฺส สิกฺขาปทสฺส นิทานํ นาม. ตโต นิทานา ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขูนํ…เป… อสํวาโส’’ติ (ปารา. ๔๔) อิมิสฺสา มาติกาย เภโท ชาโต. ตตฺถ หิ ‘‘อนฺตมโส ติรจฺฉานคตายา’’ติ (ปารา. ๔๔) อิตฺถิลิงฺควเสน ‘‘สจฺจํ, อาวุโส, ภควตา สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, ตฺจ โข อิตฺถิยา, โน ปุริเส, โน ปณฺฑเก, โน อุภโตพฺยฺชนเก จา’’ติ มกฺกฏิปาราชิโก วิย อฺโปิ เลสํ โอฑฺเฑตุํ สกฺโกติ, ตสฺมา ตาทิสสฺส อเลโสกาสสฺส ทสฺสนตฺถํ อิทํ วุจฺจติ, มกฺกฏิสงฺขาตา นิทานา ‘‘อนฺตมโส ติรจฺฉานคตายปี’’ติ มาติกาย วจนเภโท, น อิตฺถิยา เอว เมถุนสิทฺธิทสฺสนโต. ตสฺมา วิภงฺโค ตนฺนิยามโก ตสฺสา มาติกาย อธิปฺเปตตฺถนิยามโก วิภงฺโคติ. วิภงฺเค หิ ‘‘ติสฺโส อิตฺถิโย, ตโย อุภโตพฺยฺชนกา, ตโย ปณฺฑกา, ตโย ปุริสา. มนุสฺสิตฺถิยา ตโย มคฺเค, ติรจฺฉานคตปุริสสฺส ทฺเว มคฺเค’’ติอาทินา (ปารา. ๕๖) นเยน สพฺพเลโสกาสํ ปิทหิตฺวา นิยโม กโต. เอตฺถาห – ยทิ เอวํ สาธารณสิกฺขาปทวเสน วา ลิงฺคปริวตฺตนวเสน วา น เกวลํ ภิกฺขูนํ, ภิกฺขุนีนมฺปิ ‘‘สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน’’ติ วิภงฺเค วตฺตพฺพํ สิยา. ตทวจเนน หิ ภิกฺขุนี ปุริสลิงฺคปาตุภาเวน ภิกฺขุภาเว ิตา เอวํ วเทยฺย ‘‘นาหํ อุปสมฺปทากรณกาเล ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺนา, ตสฺมา น อปจฺจกฺขาตสิกฺขาปิ เมถุนธมฺเมน ปาราชิกา โหมี’’ติ. วุจฺจเต – ยถา วุตฺตํ, ตถา น วตฺตพฺพํ อนิฏฺปฺปสงฺคโต. ตถา วุตฺเต ภิกฺขุนีนมฺปิ สิกฺขาปจฺจกฺขานํ อตฺถีติ อาปชฺชติ. ตฺจานิฏฺํ. อิทมปรมนิฏฺํ ‘‘สพฺพสิกฺขาปทานิ สาธารณาเนว นาสาธารณานี’’ติ. อปิจายํ ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺนาว โหตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตํเยว อุปชฺฌํ ตเมว อุปสมฺปทํ ตานิ วสฺสานิ ภิกฺขูหิ สงฺคมิตุ’’นฺติอาทิ (ปารา. ๖๙) วุตฺตํ. ตโต อาปตฺติยา เภโทติ ตโต วิภงฺคโต ‘‘อกฺขยิเต สรีเร ปาราชิกํ, เยภุยฺเยน ขยิเต ถุลฺลจฺจย’’นฺติอาทิ (ปารา. ๗๓, ปริ. ๑๕๗) อาปตฺติยา เภโท โหติ. อนาปตฺติ ตทฺถาติ ตโต เอว วิภงฺคโต เยน อากาเรน อาปตฺติ วุตฺตา, ตโต อฺเนากาเรน อนาปตฺติเภโทว โหติ. ‘‘สาทิยติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺส, น สาทิยติ, อนาปตฺตี’’ติ หิ วิภงฺเค อสติ น ปฺายติ. เอตฺตาวตา ‘‘นิทานา มาติกาเภโท’’ติ อยํ คาถา สมาสโต วุตฺตตฺถา โหติ. วิเสสการณํ ปน ตสฺมึ ตสฺมึ สิกฺขาปเท อาวิภวิสฺสติ.

ปมปฺตฺติ ตาว ปมโพธึ อติกฺกมิตฺวา ปฺตฺตตฺตา, อายสฺมโต สุทินฺนสฺส อฏฺวสฺสิกกาเล ปฺตฺตตฺตา จ รตฺตฺุมหตฺตํ ปตฺตกาเล ปฺตฺตา, ทุติยปฺตฺติ พาหุสจฺจมหตฺตํ ปตฺตกาเล. โส หิ อายสฺมา มกฺกฏิปาราชิโก ยถา มาตุคามปฺปฏิสํยุตฺเตสุ สิกฺขาปเทสุ ติรจฺฉานคติตฺถี น อธิปฺเปตา, ตถา อิธาปีติ สฺาย ‘‘สจฺจํ, อาวุโส…เป… ตฺจ โข มนุสฺสิตฺถิยา, โน ติรจฺฉานคตายา’’ติ (ปารา. ๔๑) อาห. ตติยปฺตฺติ ลาภคฺคมหตฺตํ ปตฺตกาเล อุปฺปนฺนา ‘‘ยาวทตฺถํ ภุฺชิตฺวา’’ติอาทิ (ปารา. ๔๓) วจนโต, เวปุลฺลมหตฺตมฺปิ เอตฺเถว ลพฺภตีติ อิมํ ปมปาราชิกสิกฺขาปทํ ติวิธมฺปิ วตฺถุํ อุปาทาย จตุพฺพิธมฺปิ ตํ กาลํ ปตฺวา ปฺตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.

ตตฺถ โย ปนาติ อนวเสสปริยาทานปทํ. ภิกฺขูติ ตสฺส อติปฺปสงฺคนิยมปทํ. ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโนติ ตสฺส วิเสสนวจนํ. น หิ สพฺโพปิ ภิกฺขุนามโก, ยา ภควตา ยาย กายจิ อุปสมฺปทาย อุปสมฺปนฺนภิกฺขูนํ เหฏฺิมปริจฺเฉเทน สิกฺขิตพฺพา สิกฺขา วิหิตา , ‘‘เอตฺถ สห ชีวนฺตี’’ติ โย จ สาชีโว วุตฺโต, ตํ อุภยํ สมาปนฺโนว โหติ. กทา ปน สมาปนฺโน โหติ? ยาย กายจิ อุปสมฺปทาย อุปสมฺปนฺนสมนนฺตรเมว ตทุภยํ ชานนฺโตปิ อชานนฺโตปิ ตทชฺฌุปคตตฺตา สมาปนฺโนว นาม โหติ. สห ชีวนฺตีติ ยาว สิกฺขํ น ปจฺจกฺขาติ, ปาราชิกภาวํ วา น ปาปุณาติ. ยํ ปน วุตฺตํ อนฺธกฏฺกถายํ ‘‘สิกฺขํ ปริปูเรนฺโต สิกฺขาสมาปนฺโน สาชีวํ อวีติกฺกมนฺโต สาชีวสมาปนฺโน’’ติ, ตํ อุกฺกฏฺปริจฺเฉทวเสน วุตฺตํ. น หิ สิกฺขํ อปริปูเรนฺโต, กามวิตกฺกาทิพหุโล วา เอกจฺจํ สาวเสสํ สาชีวํ วีติกฺกมนฺโต วา สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน นาม น โหติ.

อุกฺกฏฺปริจฺเฉเทน ปน จตุกฺกํ ลพฺภติ – ‘‘อตฺถิ ภิกฺขุ สิกฺขาสมาปนฺโน สีลานิ ปจฺจเวกฺขนฺโต น สาชีวสมาปนฺโน อจิตฺตกํ สิกฺขาปทํ วีติกฺกมนฺโต, อตฺถิ น สิกฺขาสมาปนฺโน กามวิตกฺกาทิพหุโล สาชีวสมาปนฺโน นิราปตฺติโก, อตฺถิ น สิกฺขาสมาปนฺโน น จ สาชีวสมาปนฺโน อนวเสสํ อาปตฺตึ อาปนฺโน, อตฺถิ อุภยสมาปนฺโน สิกฺขํ ปริปูเรนฺโต สาชีวฺจ อวีติกฺกมนฺโต’’ติ. อยเมตฺถ จตุตฺโถ ภิกฺขุ อุกฺกฏฺโ อิธ อธิปฺเปโต สิยา. น หิ ภควา อนุกฺกฏฺํ วตฺตุํ ยุตฺโตติ เจ? น, ‘‘ตตฺร ยายํ อธิสีลสิกฺขา, อยํ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปตา สิกฺขา’’ติ วจนวิโรธโต, อุกฺกฏฺคฺคหณาธิปฺปาเย สติ ‘‘สิกฺขาติ ติสฺโส สิกฺขา’’ติ เอตฺตกเมว วตฺตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. สิกฺขตฺตยสมาปนฺโน หิ สพฺพุกฺกฏฺโ. ‘‘เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสเวยฺยา’’ติ ปรโต วจนํ อเปกฺขิตฺวา อธิสีลสิกฺขาว วุตฺตาติ เจ? น, ตสฺสาปิ อภพฺพตฺตา. น หิ อธิสีลสิกฺขํ ปริปูเรนฺโต, สาชีวฺจ อวีติกฺกมนฺโต เมถุนธมฺมํ ปฏิเสวิตุํ ภพฺโพ, ตํ สิกฺขํ อปริปูเรนฺโต, สาชีวฺจ วีติกฺกมนฺโตเยว หิ ปฏิเสเวยฺยาติ อธิปฺปายา. ตสฺมา เอวเมตฺถ อตฺโถ คเหตพฺโพ. ยสฺมา สิกฺขาปทสงฺขาโต สาชีโว อธิสีลสิกฺขเมว สงฺคณฺหาติ, น อิตรสิกฺขาทฺวยํ, ตสฺมา ‘‘ตตฺร ยายํ อธิสีลสิกฺขา, อยํ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปตา สิกฺขา’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมา อธิสีลสิกฺขาย สงฺคาหโก สาชีโว สิกฺขาสาชีโวติ วุตฺโต. อิติ สาชีววิเสสนตฺถํ สิกฺขาคฺคหณํ กตํ. ตทตฺถทีปนตฺถเมว วิภงฺเค สิกฺขํ อปรามสิตฺวา ‘‘ตสฺมึ สิกฺขติ, เตน วุจฺจติ สาชีวสมาปนฺโน’’ติ (ปารา. ๔๕) วุตฺตํ. เตน เอกเมวิทํ อตฺถปทนฺติ ทีปิตํ โหติ. ตฺจ อุปสมฺปทูปคมนนฺตรโต ปฏฺาย สิกฺขนาธิการตฺตา ‘‘สิกฺขตี’’ติ จ ‘‘สมาปนฺโน’’ติ จ วุจฺจติ. โย เอวํ ‘‘สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน’’ติ สงฺขํ คโต, ตาทิสํ ปจฺจยํ ปฏิจฺจ อปรภาเค สาชีวสงฺขาตเมว สิกฺขํ อปจฺจกฺขาย ตสฺมึเยว ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสเวยฺยาติ อยมตฺโถ ยุชฺชติ.

กินฺตุ อฏฺกถานโย ปฏิกฺขิตฺโต โหติ, โส จ น ปฏิกฺเขปารโห โหติ, อธิปฺปาโย ปเนตฺถ ปริเยสิตพฺโพ. สพฺเพสุ สิกฺขาปเทสุ อิทเมว ภิกฺขุลกฺขณํ สาธารณํ ยทิทํ ‘‘ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน’’ติ. ขีณาสโวปิ สาวโก อาปตฺตึ อาปชฺชติ อจิตฺตกํ, ตถา เสกฺโข, ปุถุชฺชโน ปน สจิตฺตกมฺปิ, ตสฺมา เสกฺขาเสกฺขปุถุชฺชนานํ สามฺมิทํ ภิกฺขุลกฺขณนฺติ กตฺวา เกวลํ สิกฺขาสมาปนฺโน, เกวลํ สาชีวสมาปนฺโน, อุภยสมาปนฺโน จาติ สรูเปกเทสเอกเสสนเยน ‘‘สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน’’ตฺเวว สมฺปิณฺเฑตฺวา อุกฺกฏฺคฺคหเณน อนุกฺกฏฺานํ คหณสิทฺธิโต อฏฺกถายํ อุกฺกฏฺโว วุตฺโต. ตเมว สมฺปาเทตุํ ‘‘ตสฺมึ สิกฺขติ, เตน วุจฺจติ สาชีวสมาปนฺโน’’ติ เอตฺถ สิกฺขาสทฺทสฺส อวจเน ปริหารํ วตฺวา ยสฺมา ปน โส สิกฺขมฺปิ สมาปนฺโน, ตสฺมา สิกฺขาสมาปนฺโนติปิ อตฺถโต เวทิตพฺโพติ จ วตฺวา ‘‘ยํ สิกฺขํ สมาปนฺโน, ตํ อปจฺจกฺขาย, ยฺจ สาชีวํ สมาปนฺโน, ตตฺถ ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา’’ติ วุตฺตนฺติ อยมฏฺกถาย อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ. เอตสฺมึ ปน อธิปฺปาเย อธิสีลสิกฺขาย เอว คหณํ สพฺพตฺถิกตฺตา, สีลาธิการโต จ วินยสฺสาติ เวทิตพฺพํ. ยถา จ สิกฺขาปทํ สมาทิยนฺโต สีลํ สมาทิยตีติ วุจฺจติ, เอวํ สิกฺขาปทํ ปจฺจกฺขนฺโต สีลํ ปจฺจกฺขาตีติ วตฺตุํ ยุชฺชติ, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตํ ‘‘ยํ สิกฺขํ สมาปนฺโน, ตํ อปจฺจกฺขายา’’ติ (ปารา. อฏฺ. สิกฺขาปจฺจกฺขานวิภงฺควณฺณนา). เอตฺตาวตา สมาสโต ‘‘สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน’’ติ เอตฺถ วตฺตพฺพวินิจฺฉโย นิฏฺิโต โหติ.

กึ อิมินา วิเสสวจเนน ปโยชนํ, นนุ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ สิกฺขํ อปจฺจกฺขาย ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา…เป… อสํวาโส’’ติ เอตฺตกเมว วตฺตพฺพนฺติ เจ? น วตฺตพฺพํ อนิฏฺปฺปสงฺคโต. ‘‘โย ปน สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน เถยฺยสํวาสาทิโก เกวเลน สมฺามตฺเตน, ปฏิฺามตฺเตน วา ภิกฺขุ, ตสฺสาปิ สิกฺขาปจฺจกฺขานํ อตฺถิ, สิกฺขํ อปจฺจกฺขาย จ เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวนฺตสฺส ปาราชิกาปตฺติ. โย วา ปจฺฉา ปาราชิกํ อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา น สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน, ตสฺส จ, โย วา ปกฺขปณฺฑกตฺตา ปณฺฑกภาวูปคมเนน น สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน, ตสฺส จ ตทุภยํ อตฺถีติ อาปชฺชติ. ปณฺฑกภาวปกฺเข จ ปณฺฑโก อุปสมฺปทาย น วตฺถู’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมา อิตรสฺมึ ปกฺเข วตฺถูติ สิทฺธํ. ตสฺมึ ปกฺเข อุปสมฺปนฺโน ปณฺฑกภาวปกฺเข ปณฺฑกตฺตา น สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน, โส ปริจฺจชิตพฺพาย สิกฺขาย อภาเวน สิกฺขํ อปจฺจกฺขาย มุเขน ปรสฺส องฺคชาตคฺคหณนเยน เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสเวยฺย, ตสฺส กุโต ปาราชิกาปตฺตีติ อธิปฺปาโย. อยํ นโย อปณฺฑกปกฺขํ อลภมานสฺเสว ปรโต ยุชฺชติ, ลภนฺตสฺส ปน อรูปสตฺตานํ กุสลาทิสมาปตฺติกฺขเณ ภวงฺควิจฺเฉเท สติปิ อมรณํ วิย ปณฺฑกภาวปกฺเขปิ ภิกฺขุภาโว อตฺถิ. สํวาสํ วา สาทิยนฺตสฺส น เถยฺยสํวาสกภาโว อตฺถิ อนฺติมวตฺถุอชฺฌาปนฺนสฺส วิย. น จ สหเสยฺยาทึ ชเนติ . คณปูรโก ปน น โหติ อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺโน วิย. น โส สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน. อิตรสฺมึ ปน ปกฺเข โหติ, อยํ อิมสฺส ตโต วิเสโส. กิมยํ สเหตุโก, อุทาหุ อเหตุโกติ? น อเหตุโก. ยโต อุปสมฺปทา ตสฺส อปณฺฑกปกฺเข อนุฺาตา สเหตุกปฺปฏิสนฺธิกตฺตา. ปณฺฑกภาวปกฺเขปิ กิสฺส นานุฺาตาติ เจ? ปณฺฑกภูตตฺตา โอปกฺกมิกปณฺฑกสฺส วิย.

อปิจ ‘‘สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน’’ติ อิมินา ตสฺส สิกฺขาสมาทานํ ทีเปตฺวา ตํ สมาทินฺนํ สิกฺขํ อปจฺจกฺขาย, ตตฺถ จ ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวาติ วตฺตุํ ยุชฺชติ, น อฺถาติ อิมินา การเณน ยถาวุตฺตานิฏฺปฺปสงฺคโต ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน สิกฺขํ อปจฺจกฺขายา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยถา เจตฺถ, เอวํ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน สิกฺขํ อปจฺจกฺขาย ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา คามา วา อรฺา วา อทินฺนํ…เป… โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน สิกฺขํ อปจฺจกฺขาย ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา สุคตจีวรปฺปมาณํ จีวรํ การาเปยฺยา’’ติ สพฺพตฺถ โยเชตพฺพํ.

‘‘อนฺตมโส ติรจฺฉานคตายปี’’ติ มนุสฺสิตฺถึ อุปาทาย วุตฺตํ. น หิ ปเคว ปณฺฑเก, ปุริเส วาติ วตฺตุํ ยุชฺชติ. เสสํ ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตนยเมว . อยํ ตาว มาติกาย วินิจฺฉโย อฺตฺถาปิ ยถาสมฺภวํ โยเชตฺวา ทีเปตพฺโพ.

สาริปุตฺตเพลฏฺสีสานนฺทาทโยปิ สิกฺขาปทปฺตฺติการณตฺตา จ อาปตฺติอาปชฺชนโต จ กสฺมา มหาวิภงฺเค ตฺติจตุตฺถอุปสมฺปทาเยว อาคตาติ? ปฏิกฺขิตฺตาย สรณคมนูปสมฺปทาย อนุฺาตปฺปสงฺคภยาติ อุปติสฺสตฺเถโร. อาปตฺติยา ภพฺพตํ สนฺธาย ตสฺมิมฺปิ วุตฺเต ปุพฺเพ ปฏิกฺขิตฺตาปิ ภควตา ปุน อนุฺาตาติ ภิกฺขูนํ มิจฺฉาคาโห วา วิมติ วา อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา น วุตฺตาติ วุตฺตํ โหติ.

‘‘อธมฺมกมฺมํ วคฺคกมฺม’’ติ (มหาว. ๓๘๗) วจนโต กุปฺปกมฺมมฺปิ กตฺถจิ ‘‘กมฺม’’นฺติ วุจฺจติ, ตสฺมา ‘‘อกุปฺเปนา’’ติ วุตฺตํ. ยสฺมา อกุปฺปกมฺมมฺปิ เอกจฺจํ น านารหํ, เยน อปตฺโต โอสารณํ สุโอสาริโตติ วุจฺจติ, ตสฺมา ‘‘านารเหนา’’ติ วุตฺตํ. ยทิ เอวํ ‘‘านารเหนา’’ติ อิทเมว วตฺตพฺพํ อิมินา อกุปฺปสิทฺธิโตติ เจ? น, อฏฺานารเหน อกุปฺเปน อุปสมฺปนฺโน อิมสฺมึ อตฺเถ น อธิปฺเปโต อนิฏฺปฺปสงฺคโต. ทฺวีหิ ปเนเตหิ เอกโต วุตฺเตหิ อยมตฺโถ ปฺายติ – เกวลํ เตน อกุปฺเปน อุปสมฺปนฺโน อยมฺปิ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปโต ภิกฺขูติ, านารเหน จ อกุปฺเปน จ อุปสมฺปนฺโน อยมฺปิ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปโต ภิกฺขูติ, กุปฺเปน อุปสมฺปนฺโน นาธิปฺเปโตติ.

‘‘ปฏิสนฺธิคฺคหณโต ปฏฺาย อปริปุณฺณวีสติวสฺโส’’ติ วุตฺตตฺตา โอปปาติกฺจาติ โสฬสวสฺสุทฺเทสิกา โอปปาติกา ปฏิสนฺธิโต ปฏฺาย อปริปุณฺณวีสติวสฺสาติ วทนฺติ. ‘โสฬสวสฺสุทฺเทสิกา โหนฺตี’ติ วุตฺตตฺตา ปุน จตฺตาริ วสฺสานิ อิจฺฉิตพฺพานิ, ‘ปฏิสนฺธิคฺคหณโต ปฏฺายา’ติ อิทํ คพฺภเสยฺยกานํ วเสน วุตฺต’’นฺติ เอเก. ‘‘เกจิ วทนฺตี’’ติ ยตฺถ ยตฺถ ลิขียติ, ตตฺถ ตตฺถ วิจาเรตฺวา อตฺถํ สุฏฺุ อุปลกฺขเย. โอปกฺกมิเก ปณฺฑกภาโว อารุฬฺหนเยน เวทิตพฺโพ. ‘‘ปกฺขปณฺฑโก อปณฺฑกปกฺเข ปพฺพาเชตฺวา ปณฺฑกปกฺเข นาเสตพฺโพ’’ติ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๑๐๙) ลิขิตํ.

‘‘พินฺทุํ อทตฺวา เจ นิวาเสติ, เถยฺยสํวาสโก น โหตี’’ติ วทนฺติ, วีมํสิตพฺพํ. ลิงฺคานุรูปสฺสาติ สามเณรารหสฺส สํวาสสฺส สาทิตตฺตาติ อธิปฺปาโย.

ราชภยาทีหิ คหิตลิงฺคานํ ‘‘คิหี มํ ‘สมโณ’ติ ชานนฺตู’’ติ วฺจนจิตฺเต สติปิ ภิกฺขูนํ วฺเจตุกามตาย จ เตหิ สํวสิตุกามตาย จ อภาวา โทโส น ชาโตติ. ‘‘โย เอวํ ปพฺพชติ, โส เถยฺยสํวาสโก นาม โหตี’’ติ วา ‘‘เอวํ กาตุํ น ลพฺภตี’’ติ วา ‘‘เอวํ ปพฺพชิโต สามเณโร น โหตี’’ติ วา น ชานาติ, วฏฺฏติ. ‘‘ชานาติ, น วฏฺฏตี’’ติ จ ลิขิตํ. ‘‘ราชทุพฺภิกฺขาทิอตฺถาย จีวรํ ปารุปิตฺวา สํวาสํ สาทิยนฺโต เถยฺยสํวาสโก โหติ. กสฺมา? อสุทฺธจิตฺตตฺตา. ปุน โส ‘สุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ กริสฺสามิ, กึ เอเตนาติ วิปฺปฏิสาเรน วา ปจฺจยาทิสุลภตาย วา กริสฺสามี’ติ สุทฺธมานโส หุตฺวา ยาว โส สํวาสํ นาธิวาเสติ, ตาว เถยฺยสํวาสโก น โหติ. เอวํ สุทฺธจิตฺตุปฺปตฺติโต ปฏฺาย สํวาสํ สาทิยติ เจ, เถยฺยสํวาสโก โหตีติ อธิปฺเปโต. อิตรถา สพฺพํ วิรุชฺฌตี’’ติ เอเก.

‘‘นาภิปรามาสาทินา ชาโต ตถารูปํ ปิตรํ ฆาเตติ เจ, ปิตุฆาตโก โหตี’’ติ วทนฺติ.

โย ปน กายสํสคฺเคน สีลวินาสํ ปาเปติ, น โส ภิกฺขุนิทูสโก ‘‘ติณฺณํ มคฺคาน’’นฺติ วจนโต. ภิกฺขุนึ ปน เอกโตอุปสมฺปนฺนํ ทูเสตฺวาปิ ภิกฺขุนิทูสโก โหติ, โสปิ ปาราชิโก โหตีติ วินิจฺฉโย. ภิกฺขุนี ปน เถยฺยสํวาสิกา, มาตุปิตุอรหนฺตฆาติกา, โลหิตุปฺปาทิกา, ติตฺถิยปกฺกนฺติกา จ โหติ, อฏฺกถาสุ อนาคตํ วินยธรา สมฺปฏิจฺฉนฺติ.

‘‘สมฺปชานมุสาวาเท ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๒) วุตฺตํ มริยาทํ อวีติกฺกมนฺโต ตสฺมิฺจ สิกฺขาปเท สิกฺขตีติ วุจฺจติ. สิกฺขาปทนฺติ อสภาวธมฺโม สงฺเกโตว, อิธ ปฺตฺติ อธิปฺเปตา. ‘‘เมถุนสํวรสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ สมนฺตปาสาทิกายํ วุตฺตํ, ตํ ปนตฺถํ สนฺธายาติ ลิขิตํ. สิกฺขาติ ตํ ตํ สิกฺขาปทํ, สิกฺขนภาเวน ปวตฺตจิตฺตุปฺปาโท. สาชีวนฺติ ปฺตฺติ. ตทตฺถทสฺสนตฺถํ ปุพฺเพ ‘‘เมถุนสํวรสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ วุตฺตํ. ยสฺมา สิกฺขาย คุณสมฺมตาย ปุฺสมฺมตาย ตนฺติยา อภาวโต โลกสฺส ทุพฺพลฺยาวิกมฺมํ ตตฺถ น สมฺภวติ. ปตฺถนียา หิ สา, ตสฺมา ‘‘ยฺจ สาชีวํสมาปนฺโน, ตสฺมึ ทุพฺพลภาวํ อปฺปกาเสตฺวา’’ติ วุตฺตํ. อาณาย หิ ทุพฺพลฺยํ สมฺภวตีติ อุปติสฺโส. ทุพฺพลฺยาวิกมฺมปทํ สิกฺขาปจฺจกฺขานปทสฺส พฺยฺชนสิลิฏฺตาย วา ปริวารกภาเวน วา เวทิตพฺพํ. อถ วา ยสฺมา สิกฺขาปจฺจกฺขานสฺส เอกจฺจํ ทุพฺพลฺยาวิกมฺมํ อกตํ โหติ, ตสฺมา ตํ สนฺธาย ‘‘สิกฺขํ อปจฺจกฺขายา’’ติ ปทสฺส อตฺถํ วิวรนฺโต ‘‘ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา’’ติ อาห. ตตฺถ สิยา ยสฺมา น สพฺพํ ทุพฺพลฺยาวิกมฺมํ สิกฺขาปจฺจกฺขานํ, ตสฺมา ‘‘ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา’’ติ ปมํ วตฺวา ตสฺส อตฺถนิยมตฺถํ ‘‘สิกฺขํ อปจฺจกฺขายา’’ติ วตฺตพฺพนฺติ? ตํ น, กสฺมา? อตฺถานุกฺกมาภาวโต. ‘‘สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน’’ติ หิ วุตฺตตฺตา ‘‘ยํ สิกฺขํ สมาปนฺโน, ตํ อปจฺจกฺขาย, ยฺจ สาชีวํ สมาปนฺโน, ตตฺถ ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา’’ติ วุจฺจมาเน อนุกฺกเมเนว อตฺโถ วุตฺโต โหติ, น อฺถา, ตสฺมา อิทเมว ปมํ วุตฺตนฺติ. เตสํเยวาติ จุทฺทสนฺนํ.

‘‘สิกฺขํ อปจฺจกฺขายา’’ติ สพฺพสิกฺขาปทานํ สาธารณตฺถํ ‘‘อยเมตฺถ อนุปฺตฺตี’’ติ วุตฺตํ.

ปเวสนํ นาม องฺคชาตํ ปเวเสนฺตสฺส องฺคชาเตน สมฺผุสนํ. ปวิฏฺํ นาม ยาว มูลํ ปเวเสนฺตสฺส วิปฺปกตกาโล วายามกาโล. สุกฺกวิสฏฺิสมเย องฺคชาตํ ิตํ นาม. อุทฺธรณํ นาม นีหรณกาโล. วินยคณฺิปเท ปน ‘‘วายามโต โอรมิตฺวา านํ ิตํ นามา’’ติ วุตฺตํ, ตํ อสงฺกรโต ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ปเวสนปวิฏฺอุทฺธรณกาเลสุปิ สุกฺกวิสฏฺิ โหติเยว. สาทิยนํ นาม เสวนจิตฺตสฺส อธิวาสนจิตฺตสฺส อุปฺปาทนํ.

อุภโตวิภงฺเค เอว ปฺตฺตานิ สนฺธาย ‘‘อิทฺหิ สพฺพสิกฺขาปทานํ นิทาน’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘วินยธรปฺจเมน คเณน อุปสมฺปทา’’ติ (มหาว. ๒๕๙) วุตฺตตฺตา อิธ ตติยา สหโยเคน วุตฺตา. ตสฺมา วีสติปิ ภิกฺขู เจ นิสินฺนา, ปฺจโม วินยธโรว อิจฺฉิตพฺโพ, เอวํ สติ ปาราชิโก เจ วินยธโร, อุปสมฺปทากมฺมํ โกเปตีติ เจ? น, ปริวาราวสาเน กมฺมวคฺเค (ปริ. ๔๘๒ อาทโย) ยํ กมฺมวิปตฺติลกฺขณํ วุตฺตํ, ตสฺส ตสฺมึ นตฺถิตาย. ‘‘กถํ วตฺถุโต วา ตฺติโต วา อนุสฺสาวนโต วา สีมโต วา ปริสโต วา’’ติ เอตฺตกํ วุตฺตํ, นนุ อยํ ‘‘ปริสโต วา’’ติ วจเนน สงฺคหิโตติ เจ? น, ‘‘ทฺวาทสหิ อากาเรหิ ปริสโต กมฺมานิ วิปชฺชนฺตี’’ติ (ปริ. ๔๘๗) สุตฺตสฺส หิ วิภงฺเค ตสฺส อนามฏฺตฺตาติ อยมตฺโถ ยสฺมา ตตฺถ ตตฺถ สรูเปน วุตฺตปาฬิวเสเนว สกฺกา ชานิตุํ, ตสฺมา นยมุขํ ทสฺเสตฺวา สํขิตฺโตติ ลิขิตํ. ‘‘องฺค’’นฺติ ปทํ อุทฺธริตฺวา ‘‘สพฺพสิกฺขาปเทสุ อาปตฺตีนํ องฺคานงฺคํ เวทิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, อิธ ปน ‘‘องฺค’’นฺติ วุตฺตํ, กสฺมา? สมุฏฺนาทีนํ ปริวาราทีสุ สงฺเขเปน อาคตตฺตา ตตฺถ คเหตฺวา อิธาปิ นิทฺทิฏฺานํ อนงฺคานํ ววตฺถานาภาวโต, สพฺพตฺถ สงฺเขปโต จ วิตฺถารโต จ อนงฺคตฺเต วุจฺจมาเน อติวิตฺถารตาย ตสฺมึ ตสฺมึ สิกฺขาปเท อนูนํ วตฺตพฺพโต จาติ เวทิตพฺโพ, สพฺพาปตฺตีนํ สงฺคาหกวเสนาติ อตฺโถ.

ยานิ สิกฺขาปทานิ ‘‘กิริยานี’’ติ วุจฺจนฺติ, เตสํ วเสน กายวาจา สห วิฺตฺติยา เวทิตพฺพา, อกิริยานํ วเสน วินา วิฺตฺติยา เวทิตพฺพา. จิตฺตํ ปเนตฺถ อปฺปมาณํ ภูตาโรจนสมุฏฺานสฺส กิริยตฺตา, อจิตฺตกตฺตา จ. ตตฺถ กิริยา อาปตฺติยา อนงฺคนฺตรจิตฺตสมุฏฺานา เวทิตพฺพา. อวิฺตฺติชนกมฺปิ เอกจฺจํ พาหุลฺลนเยน ‘‘กิริย’’นฺติ วุจฺจติ ยเถว ปมปาราชิกํ. วิฺตฺติยา อภาเวปิ ‘‘โส เจ สาทิยติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺส, น สาทิยติ, อนาปตฺตี’’ติ หิ วุตฺตํ, วิฺตฺติสงฺขาตาปิ กิริยา วินา เสวนจิตฺเตน น โหติ วุตฺตจิตฺตชตฺตา, วิการรูปตฺตา, จิตฺตานุปริวตฺติกตฺตา จ. ตสฺมา กิริยาสงฺขาตมิทํ วิฺตฺติรูปํ, อิตรํ จิตฺตชรูปํ วิย ชนกจิตฺเตน วินา น ติฏฺติ, อิตรํ สทฺทายตนํ ติฏฺติ, ตสฺมา กิริยาย สติ เอกนฺตโต ตชฺชนกํ เสวนจิตฺตํ อตฺถิ เอวาติ กตฺวา น สาทิยติ, อนาปตฺตีติ น ยุชฺชตีติ. ยสฺมา วิฺตฺติชนกมฺปิ สมานํ เสวนจิตฺตํ น สพฺพกาลํ วิฺตฺตึ ชเนติ, ตสฺมา วินาปิ วิฺตฺติยา สยํ อุปฺปชฺชตีติ กตฺวา ‘‘สาทิยติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’’ติ วุตฺตํ. นุปฺปชฺชติ เจ, น สาทิยติ นาม, ตสฺส อนาปตฺติ. เตเนว ภควา ‘‘กึจิตฺโต ตฺวํ ภิกฺขู’’ติ (ปารา. ๑๓๕) จิตฺเตเนว อาปตฺตึ ปริจฺฉินฺทติ, น กิริยายาติ เวทิตพฺพํ.

เอตฺถ สมุฏฺานคฺคหณํ กตฺตพฺพโต วา อกตฺตพฺพโต วา กายาทิเภทาเปกฺขเมว อาปตฺตึ อาปชฺชติ, น อฺถาติ ทสฺสนปฺปโยชนํ. เตสุ กิริยาคฺคหณํ กายาทีนํ สวิฺตฺติกาวิฺตฺติกเภททสฺสนปฺปโยชนํ. สฺาคฺคหณํ อาปตฺติยา องฺคานงฺคจิตฺตวิเสสทสฺสนปฺปโยชนํ. เตน ยํ จิตฺตํ กิริยลกฺขเณ วา อกิริยลกฺขเณ วา สนฺนิหิตํ, ยโต วา กิริยา วา อกิริยา วา โหติ, น ตํ อวิเสเสน อาปตฺติยา องฺคํ วา อนงฺคํ วา โหติ. กินฺตุ ยาย สฺาย ‘‘สฺาวิโมกฺข’’นฺติ วุจฺจติ, ตาย สมฺปยุตฺตํ จิตฺตํ องฺคํ, อิตรํ อนงฺคนฺติ ทสฺสิตํ โหติ. อิทานิ เยน จิตฺเตน สิกฺขาปทํ สจิตฺตกํ โหติ, ตทภาวา อจิตฺตกํ, เตน ตสฺส อวิเสเสน สาวชฺชตาย ‘‘โลกวชฺชเมวา’’ติ วุตฺตํ. กินฺตุ สาวชฺชํเยว สมานํ เอกจฺจํ โลกวชฺชํ, เอกจฺจํ ปณฺณตฺติวชฺชนฺติ ทสฺสนปฺปโยชนํ จิตฺตโลกวชฺชคฺคหณํ. จิตฺตเมว ยสฺมา ‘‘โลกวชฺช’’นฺติ วุจฺจติ, ตสฺมา มโนกมฺมมฺปิ สิยา อาปตฺตีติ อนิฏฺปฺปสงฺคนิวารณปฺปโยชนํ กมฺมคฺคหณํ.

ยํ ปเนตฺถ อกิริยลกฺขณํ กมฺมํ, ตํ กุสลตฺติกวินิมุตฺตํ สิยาติ อนิฏฺปฺปสงฺคนิวารณปฺปโยชนํ กุสลตฺติกคฺคหณํ. ยา ปเนตฺถ อพฺยากตาปตฺติ, ตํ เอกจฺจํ อเวทนมฺปิ นิโรธํ สมาปนฺโน อาปชฺชตีติ เวทนาตฺติกํ เอตฺถ น ลพฺภตีติ อนิฏฺปฺปสงฺคนิวารณตฺถํ เวทนาตฺติกคฺคหณํ. สิกฺขาปทฺหิ สจิตฺตกปุคฺคลวเสน ‘‘ติจิตฺตํ ติเวทน’’นฺติ ลทฺธโวหารํ อจิตฺตเกนาปนฺนมฺปิ ‘‘ติจิตฺตํ ติเวทน’’มิเจว วุจฺจติ. ตตฺริทํ สาธกสุตฺตํ – ‘‘อตฺถาปตฺติ อจิตฺตโก อาปชฺชติ อจิตฺตโก วุฏฺาติ (ปริ. ๓๒๔), อตฺถาปตฺติ กุสลจิตฺโต อาปชฺชติ กุสลจิตฺโต วุฏฺาตี’’ติอาทิ (ปริ. ๔๗๐). ‘‘สจิตฺตกํ อาปตฺติทีปนํ, สฺาวิโมกฺขํ อนาปตฺติทีปนํ, อจิตฺตกํ วตฺถุอชานนํ, โนสฺาวิโมกฺขํ วีติกฺกมนาชานนํ. อิทเมว เตสํ นานาตฺต’’นฺติ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๖๑-๖๖ ปกิณฺณกกถาวณฺณนา) ลิขิตํ.

สจิตฺตกปกฺเขติ เอตฺถ อยํ ตาว คณฺิปทนโย – สจิตฺตกปกฺเขติ สุราปานาทิอจิตฺตเก สนฺธาย วุตฺตํ. สจิตฺตเกสุ ปน ยํ เอกนฺตมกุสเลเนว สมุฏฺาติ, ตฺจ อุภยํ โลกวชฺชํ นาม. สุราปานสฺมิฺหิ ‘‘สุรา’’ติ วา ‘‘ปาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วา ชานิตฺวา ปิวเน อกุสลเมวาติ. ตตฺถ ‘‘น วฏฺฏตีติ ชานิตฺวา’’ติ วุตฺตวจนํ น ยุชฺชติ ปณฺณตฺติวชฺชสฺสปิ โลกวชฺชตาปสงฺคโต. อิมํ อนิฏฺปฺปสงฺคํ ปริหริตุกามตาย จ วชิรพุทฺธิตฺเถเรน ลิขิตํ – ‘‘อิธ ‘สจิตฺตก’นฺติ จ ‘อจิตฺตก’นฺติ จ วิจารณา วตฺถุวิชานเน เอว โหติ, น ปฺตฺติวิชานเน. ยทิ ปฺตฺติวิชานเน โหติ , สพฺพสิกฺขาปทานิ โลกวชฺชาเนว สิยุํ, น จ สพฺพสิกฺขาปทานิ โลกวชฺชานิ. ตสฺมา วตฺถุวิชานเน เอว โหตีติ อิทํ ยุชฺชติ. กสฺมา? ยสฺมา เสขิเยสุ ปฺตฺติวิชานนเมว ปมาณํ, น วตฺถุมตฺตวิชานน’’นฺติ. อยํ ปเนตฺถ อตฺโถ สิกฺขาปทสีเสน อาปตฺตึ คเหตฺวา ยสฺส สิกฺขาปทสฺส สจิตฺตกสฺส จิตฺตํ อกุสลเมว โหติ, ตํ โลกวชฺชํ, สจิตฺตกาจิตฺตกสงฺขาตสฺส อจิตฺตกสฺส จ สจิตฺตกปกฺเข จิตฺตํ อกุสลเมว โหติ, ตมฺปิ สุราปานาทิโลกวชฺชนฺติ อิมมตฺถํ สนฺธาย ‘‘ยสฺสา สจิตฺตกปกฺเข จิตฺตํ อกุสลเมว โหติ, อยํ โลกวชฺชา นามา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘สจิตฺตกปกฺเข’’ติ หิ อิทํ วจนํ อจิตฺตกํ สนฺธายาห. น หิ เอกํสโต สจิตฺตกาย ‘‘สจิตฺตกปกฺเข’’ติ วิเสสเน ปโยชนํ อตฺถีติ, เอวํ สนฺเตปิ อนิยเมน วุตฺตฺจ นิยมวเสน เอว คเหตพฺพนฺติ อตฺโถ.

ติรจฺฉานานํ ปนาติ ปน-สทฺเทน ถุลฺลจฺจยาทิการํ นิวตฺเตติ. กิริยาติ เอตฺถ ‘‘ิตํ สาทิยตี’’ติ (ปารา. ๕๘) วุตฺตตฺตา ตํ กถนฺติ เจ? ‘‘สาทิยตี’’ติ วุตฺตตฺตา กิริยา เอว. เอวํ สนฺเต ‘‘กายกมฺมํ มโนกมฺม’’นฺติ วตฺตพฺพนฺติ เจ? น, ปจุรโวหารวเสน ‘‘กายกมฺม’’นฺติ วุตฺตตฺตา. อุพฺภชาณุมณฺฑลิกาย ลพฺภติ เอวาติ ลิขิตํ. ปุพฺเพ วุตฺตนเยน สํสนฺเทตฺวา คเหตพฺพํ. ‘‘ทุนฺนิกฺขิตฺตสฺส, ภิกฺขเว, ปทพฺยฺชนสฺส อตฺโถปิ ทุนฺนโย โหตี’’ติ (อ. นิ. ๒.๒๐) วทนฺเตนาปิ อตฺถสฺส สุขคฺคหณตฺถเมว ปทพฺยฺชนสฺส สุนิกฺขิตฺตภาโว อิจฺฉิโต, น อกฺขรวจนาย, ตสฺมา อาห ‘‘อตฺถฺหิ นาโถ สรณํ อโวจา’’ติอาทิ.

ปมปาราชิกวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ทุติยปาราชิกวณฺณนา

คามา วา อรฺา วาติ ลกฺขณานุปฺตฺติกตฺตา อาทิมฺหิ วุตฺตา. สพฺพสฺมิฺหิ วินยปิฏเก คาโม, คามูปจาโร, คามกฺเขตฺตํ, คามสีมา, คามสีมูปจาโรติ ปฺจวิโธ คามเภโท เวทิตพฺโพ. ตถา อารฺกสีมาย เอกํ อคามกํ อรฺํ, สํวิธานสิกฺขาปทานํ (ปาจิ. ๑๘๐ อาทโย) เอกํ, สคามกํ เอกํ , อวิปฺปวาสสีมาย เอกํ, คณมฺหาโอหียนกสฺส (ปาจิ. ๖๙๑) เอกนฺติ ปฺจวิโธ อรฺเภโท เวทิตพฺโพ. ตตฺถ อตฺถิ คาโม น คามปริหารํ กตฺถจิ ลภติ, อตฺถิ คาโม น คามกิจฺจํ กโรติ, ตถา อตฺถิ อรฺํ น อรฺปริหารํ กตฺถจิ ลภติ, อตฺถิ อรฺํ น อรฺกิจฺจํ กโรตีติ อยมฺปิ เภโท เวทิตพฺโพ.

ตตฺถ อวิปฺปวาสสีมาสมฺมนฺนนกมฺมวาจาย เปตฺวา ‘‘คามฺจ คามูปจารฺจา’’ติ (มหาว. ๑๔๔) เอตฺถ คาโม นาม ปริกฺขิตฺโต เจ, ปริกฺเขปสฺส อนฺโต, อปริกฺขิตฺโต เจ, ปริกฺเขโปกาสโต อนฺโต เวทิตพฺโพ. อยํ อุโทสิตสิกฺขาปเท ‘‘อนฺโตคาโม’’ติ (ปารา. ๔๗๘) อาคโต. สาสงฺกสิกฺขาปเท ‘‘อนฺตรฆร’’นฺติ (ปารา. ๖๕๔) อาคโต อนาสงฺกโต. ยถาห ‘‘อนฺตรฆเร นิกฺขิเปยฺยาติ สมนฺตา โคจรคาเม นิกฺขิเปยฺยา’’ติ (ปารา. ๖๕๔). ตถา อนฺตรฆรปฺปฏิสํยุตฺตานํ เสขิยานํ อยเมว ปริจฺเฉโท เวทิตพฺโพ. ‘‘ยา ปน ภิกฺขุนี เอกา คามนฺตรํ คจฺเฉยฺยา’’ติ (ปาจิ. ๖๘๗) เอตฺถาปิ อยเมว ปริจฺเฉโท อธิปฺเปโต ‘‘ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริกฺเขปํ อติกฺกมนฺติยา, อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ อติกฺกมนฺติยา’’ติ วุตฺตตฺตา.

เยสุ ปุราณโปตฺถเกสุ ‘‘อุปจารํ โอกฺกมนฺติยา’’ติ ลิขิตํ, ตํ วิกาเล คามปฺปเวสนสิกฺขาปเทสุ อาจิณฺณํ นยํ คเหตฺวา ปมาเทน ลิขียติ, น ปมาณํ. เยสุ จ โปตฺถเกสุ วิกาเล คามปฺปเวสนสิกฺขาปทสฺส วิภงฺเค (ปาจิ. ๕๑๓) ‘‘คามํ ปวิเสยฺยาติ ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริกฺเขปํ อติกฺกมนฺตสฺส, อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ อติกฺกมนฺตสฺสา’’ติ ลิขียติ, สา ปมาทเลขา. อุปจารํ โอกฺกมนฺตสฺสาติ ตตฺถ ปาโ. วุตฺตฺหิ สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจาโร อทินฺนาทาเน วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๕๑๒). อิธ กงฺขาวิตรณิยมฺปิ วุตฺตํ ‘‘สนฺตํ ภิกฺขุํ อนาปุจฺฉิตฺวาติ…เป… อุปจารํ โอกฺกมนฺตสฺสา’’ติอาทิ (กงฺขา. อฏฺ. วิกาลคามปฺปเวสนสิกฺขาปทวณฺณนา).

ยํ ปน กตฺถจิ โปตฺถเก ‘‘ภิกฺขุนิยา คามนฺตราธิกาเร เอเกน ปาเทน อิตรสฺส คามสฺส ปริกฺเขปํ วา อติกฺกมนฺเต, อุปจารํ วา โอกฺกนฺเต ถุลฺลจฺจยํ, ทุติเยน อติกฺกนฺตมตฺเต, โอกฺกนฺตมตฺเต จ สงฺฆาทิเสโส’’ติ ปาโ ทิสฺสติ. ตตฺถ ‘‘โอกฺกนฺเต, โอกฺกนฺตมตฺเต’’ติ เอตานิ ปทานิ อธิกานิ , เกวลํ ลิขิตเกหิ อฺเหิ ลิขิตานิ. กตฺถจิ โปตฺถเก ‘‘โอกฺกนฺตมตฺเต จา’’ติ ปทํ น ทิสฺสติ, อิตรํ ทิสฺสติ. ตานิ ทฺเว ปทานิ ปาฬิยา วิรุชฺฌนฺติ. ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ อติกฺกาเมนฺติยา’’ติ (ปาจิ. ๖๙๒) หิ ปาฬิ . ตถา สมนฺตปาสาทิกาย (ปาจิ. อฏฺ. ๖๙๒) วิรุชฺฌนฺติ. ‘‘ปริกฺเขปารหฏฺานํ เอเกน ปาเทน อติกฺกมติ, ถุลฺลจฺจยํ, ทุติเยน อติกฺกมติ, สงฺฆาทิเสโส. อปิเจตฺถ สกคามโต…เป… เอเกน ปาเทน อิตรสฺส คามสฺส ปริกฺเขเป วา อุปจาเร วา อติกฺกนฺเต ถุลฺลจฺจยํ, ทุติเยน อติกฺกนฺตมตฺเต สงฺฆาทิเสโส’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๖๙๒) หิ วุตฺตํ.

คณฺิปเท จสฺส ‘‘ปริกฺเขปํ อติกฺกาเมนฺติยา’’ติ วตฺวา ‘‘อุปจาเรปิ เอเสว นโย’’ติ วุตฺตํ. อนุคณฺิปเท จ ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ ‘โอกฺกมนฺติยา’ติปิ โปตฺถเกสุ เอกจฺเจสุ ทิสฺสติ, ตํ น คเหตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. อปรมฺปิ วุตฺตํ ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ ‘อติกฺกาเมนฺติยา’ติ วจเนนาปิ เอวํ เวทิตพฺพํ – วิกาเล คามปฺปเวสเน ทฺวินฺนํ เลฑฺฑุปาตานํ เอว วเสน อุปจาโร ปริจฺฉินฺทิตพฺโพ, อิตรถา ยถา เอตฺถ ปริกฺเขปารหฏฺานํ ปริกฺเขปํ วิย กตฺวา ‘อติกฺกาเมนฺติยา’ติ วุตฺตํ, เอวํ ตตฺถาปิ ‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ อติกฺกาเมนฺตสฺสา’ติ วเทยฺย. ยสฺมา ปน ตตฺถ ปริกฺเขปารหฏฺานโต อุตฺตริเมโก เลฑฺฑุปาโต อุปจาโรติ อธิปฺเปโต. ตสฺมา ตทตฺถทีปนตฺถํ ‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ โอกฺกมนฺตสฺสา’ติ วุตฺต’’นฺติ.

ยํ ปน อนฺธกฏฺกถายํ ปริกฺเขปารหฏฺานํเยว อุปจารนฺติ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘ปริกฺเขปปอกฺเขปารหฏฺานานํ นินฺนานากรณทีปนตฺถํ อุปจารํ โอกฺกมนฺตสฺสา’’ติ วุตฺตํ, ปาฬิวิเสสมสลฺลกฺเขตฺวา ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ อติกฺกมนฺตสฺส อิธ อุปจาโร ปริกฺเขโป ยถา ภเวยฺย, ตํ อุปจารํ ปมํ ปาทํ อติกฺกาเมนฺตสฺส อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส, ทุติยํ ปาทํ อติกฺกาเมนฺตสฺส อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติ วุตฺตํ, ตํ น คเหตพฺพเมว ปาฬิยา วิเสสสมฺภวโตติ. โปราณคณฺิปเท ‘‘อุปจารํ อติกฺกาเมนฺติยา ภิกฺขุนิยา คามนฺตราปตฺตี’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมา อิธ กงฺขาวิตรณิยา ‘‘เอเกน ปาเทน อิตรสฺส…เป… อติกฺกนฺตมตฺเต สงฺฆาทิเสโส’’ติ อยเมว ปาโ เวทิตพฺโพ. เอตฺตาวตา อิเมสุ ยถาวุตฺเตสุ าเนสุ ยถาวุตฺตปริจฺเฉโทว คาโมติ เวทิตพฺโพ. อิมสฺส อตฺถสฺส ทีปนตฺถํ ‘‘คาโม นาม เอกกุฏิโกปี’’ติอาทิ (ปารา. ๙๒) วุตฺตํ. อิมสฺส วเสน อสติปิ ปริกฺเขปาติกฺกเม, อุปจาโรกฺกมเน วา อนฺตรารามโต วา ภิกฺขุนุปสฺสยโต วา ติตฺถิยเสยฺยโต วา ปฏิกฺกมนโต วา ตํ คามํ ปวิสนฺตสฺส อนฺตรารามปริกฺเขปสฺส, อุปจารสฺส วา อติกฺกมนวเสน คามปจฺจยา อาปตฺติโย เวทิตพฺพา.

คามูปจาโร ปน ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจา’’ติ (มหาว. ๑๔๔) เอตฺถ ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริกฺเขโปว, อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริกฺเขโปกาโสว. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถายํ ‘‘คามูปจาโรติ ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริกฺเขโป, อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริกฺเขโปกาโส. เตสุ อธิฏฺิตเตจีวริโก ภิกฺขุ ปริหารํ น ลภตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๔). กึ ปเนตฺถ การณํ, เยน อยํ คาโม, คามูปจาโร จ อิธ อฺถา, อฺตฺถ ตถาติ? อฏฺุปฺปตฺติโต ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู ‘ภควตา ติจีวเรน อวิปฺปวาสสมฺมุติ อนุฺาตา’ติ อนฺตรฆเร จีวรานิ นิกฺขิปนฺตี’’ติ (มหาว. ๑๔๓) อิมิสฺสา หิ อฏฺุปฺปตฺติยา ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจา’’ติ (มหาว. ๑๔๔) วุตฺตํ. ตสฺมา ยตฺถ อนฺตรฆรสฺา, ตตฺถ อวิปฺปวาสสีมา น คจฺฉตีติ เวทิตพฺพา. เตน จ อุโทสิตสิกฺขาปเท ‘‘อนฺโตคาเม จีวรํ นิกฺขิปิตฺวา อนฺโตคาเม วตฺถพฺพ’’นฺติ (ปารา. ๔๗๘) จ ‘‘สภาเย วา ทฺวารมูเล วา, หตฺถปาสา วา น วิชหิตพฺพ’’นฺติ จ วุตฺตํ. กปฺปิยภูมิยํ วสนฺโตเยว หิ กปฺปิยภูมิยํ นิกฺขิตฺตจีวรํ รกฺขติ. สาสงฺกสิกฺขาปเท ปน ‘‘ยสฺมา ยตฺถ คาเม จีวรํ นิกฺขิตฺตํ, เตน คาเมน วิปฺปวสนฺโต จีวเรน วิปฺปวสตีติ วุจฺจติ, ตสฺมา ปุน คามสีมํ โอกฺกมิตฺวา วสิตฺวา ปกฺกมตี’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมิฺหิ สิกฺขาปเท คามสีมา คาโม นามาติ อธิปฺเปโต. ตตฺถ วิกาเล คามปฺปเวสนสิกฺขาปทวิภงฺเค ‘‘ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริกฺเขปํ อติกฺกมนฺตสฺส อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติ (ปาจิ. ๕๑๓) วจนโต ปริกฺเขโป น คาโม. กินฺตุ คามูปจาโรติ เลเสน ทสฺสิตํ โหติ. อิมสฺมึ ปน สิกฺขาปทวิภงฺเค ‘‘คามูปจาโร นามา’’ติ อารภิตฺวา ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ฆรูปจาเร ิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต’’ติ อิมินา อปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขโปกาโส คามูปจาโรติ สิทฺธํ. ตทตฺถสมฺภวโต ตสฺมึ ฆรูปจาเร ิตสฺส เลฑฺฑุปาโต คามูปจาโรติ กุรุนฺทฏฺกถายํ, มหาปจฺจริยมฺปิ วุตฺตํ . อุปจาโร หิ ‘‘คาโม เอกูปจาโร นานูปจาโร’’ติอาทีสุ ทฺวารํ, ‘‘อชฺโฌกาโส เอกูปจาโร’’ติ เอตฺถ สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตรสงฺขาตํ ปมาณํ, ตสฺมา ‘‘คามูปจาโรติ ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริกฺเขโป, อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริกฺเขโปกาโส’’ติ อนฺธกฏฺกถายํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตถา กุรุนฺทิยํ, มหาปจฺจริยฺจ. ตถา ปาฬิยมฺปิ ‘‘อชฺฌาราโม นาม ปริกฺขิตฺตสฺส อารามสฺส อนฺโต อาราโม, อปริกฺขิตฺตสฺส อุปจาโร. อชฺฌาวสโถ นาม ปริกฺขิตฺตสฺส อาวสถสฺส อนฺโต อาวสโถ, อปริกฺขิตฺตสฺส อุปจาโร’’ติอาทีสุ ทิสฺสติ. มหาอฏฺกถายํ ปน ‘‘คามูปจาโร’’ติอาทีสุ ทิสฺสติ. ตสฺมา ทุติโย เลฑฺฑุปาโต อุปจาโรติ อธิปฺเปโต.

‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ โอกฺกมนฺตสฺส อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติ ปาฬิวิเสสสมฺภวโต จ ปโม เลฑฺฑุปาโต คาโม เอว, ทุติโย คามูปจาโรติ วุตฺตํ. ปริกฺขิตฺตสฺส ปน คามสฺส อินฺทขีเล ิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต คามูปจาโรติ วุตฺตนฺติ เอตฺถ เภโท นตฺถิ. เอตฺตาวตา ปริกฺขิตฺตสฺส ทุวิโธ อุปจาโร, อปริกฺขิตฺตสฺส จตุพฺพิโธ อุปจาโร ยตฺถ สมฺภวติ, ยตฺถ จ น สมฺภวติ, ตํ สพฺพํ ทสฺสิตํ โหติ.

คามเขตฺตสฺส จ คามสีมาย จ ลกฺขณํ อฏฺกถายเมว วุตฺตํ. อุภยฺหิ อตฺถโต เอกํ. ตตฺถ คามสีมาย คามภาโว สาสงฺกสิกฺขาปทวเสน เวทิตพฺโพ.

คามสีมูปจาโร นาม มนุสฺสานํ กฏฺติณปุปฺผผลาทิอตฺถิกานํ วนจรกานํ วลฺชนฏฺานํ. อิมสฺส คามสีมูปจารภาโว อุโทสิตสิกฺขาปเท, ‘‘อคามเก อรฺเ สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตรา’’ติ (ปารา. ๔๙๔) อาคตฏฺาเน ขนฺธเก (มหาว. ๑๔๗) จ เวทิตพฺโพ. เอตฺถ หิ ภควา คามนฺตวาสีนํ ภิกฺขูนํ สีมํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยํ คามํ วา นิคมํ วา อุปนิสฺสาย วิหรตี’’ติ (มหาว. ๑๔๗) วตฺวา ทสฺเสติ. ตทนนฺตรเมว ‘‘อคามเก’’ติอาทินา สตฺตพฺภนฺตรสีมํ ทสฺเสติ. ตสฺมา โย ภิกฺขุ คามํ วา นิคมํ วา อุปนิสฺสาย น วิหรติ, เกวลํ นาวายํ วา ถลมคฺเคน วา อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺโน โหติ, ตสฺส ตตฺถ ตตฺถ สตฺตพฺภนฺตรสีมา ลพฺภตีติ เวทิตพฺโพ. วุตฺตฺหิ ‘‘เอกกุลสฺส สตฺโถ โหติ , สตฺเถ จีวรํ นิกฺขิปิตฺวา ปุรโต วา ปจฺฉโต วา สตฺตพฺภนฺตรา น วิชหิตพฺพ’’นฺติอาทิ (ปารา. ๔๘๙). อิทเมว อรฺํ สนฺธาย ‘‘อารฺกสีมาย เอกํ อคามกํ อรฺ’’นฺติ วุตฺตํ.

ยํ สนฺธาย ‘‘อคามเก อรฺเ อทฺธโยชเน อทฺธโยชเน อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติ (ปาจิ. ๔๑๔) ปาฬิยํ วุตฺตํ. อิทํ สํวิธานสิกฺขาปทานํ เอกํ อคามกํ อรฺํ นาม.

ปุริเมน ปน สฆรํ สงฺคหิตํ, อิมินา ตมสงฺคหิตนฺติ. ยํ สนฺธาย คณมฺหา โอหียนาธิกาเร อฏฺกถายํ (ปาจิ. อฏฺ. ๖๙๒) ‘‘อคามเก อรฺเติ เอตฺถ ‘นิกฺขมิตฺวา พหิ อินฺทขีลา สพฺพเมตํ อรฺ’นฺติ เอวํ วุตฺตํ ลกฺขณํ อรฺํ. ตํ ปเนต เกวลํ คามาภาเวน ‘อคามก’นฺติ วุตฺตํ, น วิฺฌาฏวิสทิสตายา’’ติ วุตฺตํ. ยํ สนฺธาย ‘‘อารฺกํ นาม เสนาสนํ ปฺจธนุสติกํ ปจฺฉิม’’นฺติ (ปารา. ๖๕๔; ปาจิ. ๕๗๓) วุตฺตํ. อิทํ อารฺกเสนาสนํ นาม ปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขปโต พหิ, อปริกฺขิตฺตสฺส ปน ปริกฺเขโปกาสโต พหิ สรุกฺขํ วา อรุกฺขํ วา วิหาเร กุนฺนทิสมากิณฺณมฺปิ อรฺํ นาม. ตถา ‘‘คณมฺหา โอหียนกสฺส เอก’’นฺติ วุตฺตํ. อิทํ อรฺํว. อิทํ ปน ปุพฺเพ อคามกภาเวน อาคตฏฺาเน วุตฺตลกฺขณเมว หุตฺวา นิกฺขมิตฺวา พหิ อินฺทขีลา ทสฺสนูปจารวิชหเน เอกเมว อาปตฺตึ กโรติ, ตโต อุทฺธํ อนาปตฺติ. ‘‘สํวิธานสิกฺขาปทานํ เอก’’นฺติ วุตฺตํ ปน อทฺธโยชเน อทฺธโยชเน เอเกกํ อาปตฺตึ กโรติ, น ตโต โอรํ. อิตรานิ ตีณิ ยถาวุตฺตปริจฺเฉทโต โอรเมว ตตฺถ วุตฺตวิธึ น สมฺปาเทนฺติ, ปรํ สมฺปาเทนฺติ. เอวเมเตสํ อฺมฺนานตฺตํ เวทิตพฺพํ.

ตตฺถ ปฺจวิเธ คาเม โย ‘‘ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อินฺทขีเล ิตสฺส เลฑฺฑุปาโต’’ติ (ปารา. ๙๒) วุตฺโต, โส น กตฺถจิ วินยปิฏเก อุปโยคํ คโต, เกวลํ อปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขโปกาสโต อปโร เอโก เลฑฺฑุปาโต คามูปจาโร นามาติ ทีปนตฺถํ วุตฺโต. ปริกฺขิตฺตสฺสปิ เจ คามสฺส เอโก เลฑฺฑุปาโต กปฺปิยภูมิสมาโน อุปจาโรติ วุตฺโต, ปเคว อปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขโปกาสโต เอโก. โส ปน ปากฏตฺตา จ อชฺโฌกาสตฺตา จ โอกฺกมนฺตสฺส อาปตฺตึ กโรติ เปตฺวา ภิกฺขุนิยา คามนฺตราปตฺตึ. ภิกฺขุนิโย หิ ตสฺมึ ทุติยเลฑฺฑุปาตสงฺขาเต คามูปจาเร วสนฺตี อาปตฺติฺจ อาปชฺชนฺติ, คามํ ปวิสนฺตี คามนฺตราปตฺติฺจ. ตาสฺหิ ิตฏฺานํ อรฺสงฺขฺยํ คจฺฉติ ‘‘ตาวเทว ฉายา เมตพฺพา…เป… ตสฺสา ตโย จ นิสฺสเย, อฏฺ จ อกรณียานิ อาจิกฺเขยฺยาถา’’ติ (จูฬว. ๔๓๐) วจนโต. อรฺปฺปฏิสํยุตฺตานํ สิกฺขาปทานํ, วิกาเลคามปฺปเวสนสิกฺขาปทสฺส (ปาจิ. ๕๐๘) จ ภิกฺขุนีนํ อสาธารณตฺตา จ อนฺตรารามภิกฺขุนุปสฺสยปฺปฏิกฺกมนาทีนํ กปฺปิยภูมิภาววจนโต จ ‘‘เอกา คณมฺหา โอหีเยยฺยาติ อคามเก อรฺเ ทุติยิกาย ภิกฺขุนิยา ทสฺสนูปจารํ วา สวนูปจารํ วา วิชหนฺติยา อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติอาทิสิกฺขาปทปฺตฺติโต (ปาจิ. ๖๙๒) จ ภิกฺขุนิกฺขนฺธกนยเอน วา ยสฺมา ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อินฺทขีลโต ปฏฺาย อปริกฺขิตฺตสฺส อุปจารโต ปฏฺาย นียติ, ตตฺถ อนฺตรฆเร นิกฺขิตฺตจีวเร สติ จตุรงฺคสโมธาเนน ภิกฺขู วสนฺติ, ตสฺมา สคามกํ นาม โหติ.

อวิปฺปวาสสีมาย เอกํ นาม ‘‘น, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนิยา อรฺเ วตฺถพฺพํ, ยา วเสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๔๓๑) วจนโต ภิกฺขุนีนํ อรฺวาโส นาม นตฺถีติ สิทฺธํ. ตาย หิ อรฺเ ภิกฺขุนุปสฺสเย สติ อนฺโตอาวาเสปิ ทุติยิกาย ทสฺสนสวนูปจารํ วิชหนฺติยา อาปตฺติ. ตสฺมา อวิปฺปวาสสีมาธิกาเร ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจา’’ติ (มหาว. ๑๔๔) เอตฺถ ยํ านํ ปิตํ, ตตฺเถว ภิกฺขุนุปสฺสโยปิ กปฺปติ, น ตโต ปรํ.

ตาสฺจ อวิปฺปวาสสีมากมฺมวาจายํ ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจา’’ติ วจนํ นตฺถีติ กตฺวา เตสฺเวว คามคามูปจาเรสุ ผรติ. ตโต ปรํ ทุติเยสุ เลฑฺฑุปาตาทีสุ ตาสํ อกปฺปิยภูมิกตฺตา น สมานสํวาสกสีมา อรฺเ ผรติ ภิกฺขูนํ คามคามูปจารํ วิย. ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ภิกฺขุนิยา เปตฺวา คามนฺตราปตฺติ’’นฺติ.

เอวํ ตาว ปฺจวิธํ คามเภทํ, อรฺเภทฺจ ตฺวา อิทานิ ‘‘อตฺถิ คาโม น คามปริหารํ กตฺถจิ ลภตี’’ติอาทิเภโท เวทิตพฺโพ. ตตฺถ โย อฏฺกถายํ ‘‘อมนุสฺโส นาม โย สพฺพโส วา มนุสฺสานํ อภาเวน ยกฺขปริคฺคหภูโต’’ติ วุตฺโต, โส คาโม น คามปริหารํ กตฺถจิ สิกฺขาปเท ลภติ. ยฺหิ สนฺธาย อฏฺกถายํ ‘‘ตํ ปเนตํ พุทฺธกาเล, จกฺกวตฺติกาเล จ นครํ โหติ, เสสกาเล สุฺํ โหติ ยกฺขปริคฺคหิต’’นฺติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๘๔; ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๕๐) วุตฺตํ. โย ปน ปฏิราชโจราทีหิ วิลุตฺตตฺตา, เกวลํ ภเยน วา ฉฑฺฑิโต สฆโรว อนฺตรหิตคามภูโต, โส ‘‘คามนฺตเร คามนฺตเร อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติ (ปาจิ. ๑๘๓) วุตฺตปาจิตฺติยํ ชเนติ, วิกาเล คามปฺปเวสนํ, เสขิเย จตฺตาริ ชเนตีติ เวทิตพฺพา. โย ปน คาโม ยโต วา มนุสฺสา เกนจิเทว กรณีเยน ปุนปิ อาคนฺตุกามา เอว อปกฺกนฺตาติ วุตฺโต, อมนุสฺโส โส ปกติคามสทิโสว.

อตฺถิ อรฺํ น อรฺปริหารํ กตฺถจิ ลภตีติ เอตฺถ ‘‘อชฺโฌกาโส เอกูปจาโร นาม อคามเก อรฺเ สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตรา เอกูปจาโร, ตโต ปรํ นานูปจาโร’’ติ (ปารา. ๔๙๔) เอตฺถ ยฺวายํ นานูปจาโรติ วุตฺโต, ตํ เวทิตพฺพํ. โย ปน ปริกฺขิตฺตสฺส เอกเลฑฺฑุปาตสงฺขาโต คามูปจารนามโก คาโม, โย วา สตฺโถ นาติเรกจาตุมาสนิวิฏฺโ, โส อตฺถิ คาโม น คามกิจฺจํ กโรติ. น หิ ตํ านํ โอกฺกมนฺโต คามปฺปเวสนาปตฺตึ อาปชฺชติ. ยํ ปน คามสีมาย ปริยาปนฺนํ มนุสฺสานํ วลฺชนฏฺานภูตํ อรฺํ, ตํ อตฺถิ อรฺํ น อรฺกิจฺจํ กโรติ นาม. น หิ ตตฺถ อารฺกสีมา ลพฺภตีติ. เอตฺตาวตา ‘‘คามา วา อรฺา วา’’ติ อิมิสฺสา อนุปฺตฺติยา ลกฺขณานุปฺตฺติภาโว ทสฺสิโต โหติ.

‘‘โคนิสาทินิวิฏฺโปิ คาโม’’ติ เอตฺถ สเจ ตสฺส คามสฺส คามเขตฺตปริจฺเฉโท อตฺถิ, สพฺโพปิ เอโก คาโม. โน เจ, อุปจาเรน วา ปริกฺเขเปน วา ปริจฺฉินฺทิตพฺโพ. สเจ คามเขตฺเต สติ กานิจิ ตานิ ฆรานิ อฺมฺอุปจารปฺปโหนกํ านํ อติกฺกมิตฺวา ทูเร ทูเร กตานิ โหนฺติ, วิกาเล คามปฺปเวเส อุปจาโรว ปมาณํ. อนฺตรฆรปฺปฏิสํยุตฺเตสุ เสขิเยสุ, ภิกฺขุนิยา คามนฺตราปตฺตีสุ จ ฆรานํ ปริกฺเขปารหฏฺานํ ปมาณํ, อุโปสถาทิกมฺมานํ คามเขตฺตํ ปมาณํ, อารฺกเสนาสนสฺส อาสนฺนฆรสฺส ทุติยเลฑฺฑุปาตโต ปฏฺาย ปฺจธนุสตนฺตรตา ปมาณนฺติ เอวํ โน ปฏิภานนฺติ อาจริยา.

‘‘ยมฺปิ เอกสฺมึเยว คามเขตฺเต เอกํ ปเทสํ ‘อยมฺปิ วิสุํคาโม โหตู’ติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ราชา กสฺสจิ เทติ, โสปิ วิสุํคามสีมา โหติเยวา’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๗) อฏฺกถาวจนโต ตํ ปวิสนฺติยา ภิกฺขุนิยา คามนฺตราปตฺติ โหติ เอว. สเจ ตตฺถ วิหาโร วา เทวกุลํ วา สภา วา เคหํ วา นตฺถิ, เกวลํ วตฺถุมตฺตกเมว โหติ, คาโมติ วินยกมฺมํ สพฺพํ ตตฺถ กปฺปติ. ‘‘อมนุสฺโส คาโม’’ติ หิ วุตฺตํ. ตฺจ านํ อิตรสฺส คามสฺส ปริกฺเขปพฺภนฺตเร วา อุปจารพฺภนฺตเร วา โหติ, วิกาเล คามปฺปเวสนํ อาปุจฺฉิตฺวาว คนฺตพฺพํ. โน เจ, อรฺํ วิย ยถาสุขํ คนฺตพฺพํ. ตตฺถ เจ อาราโม วา ติตฺถิยเสยฺยาทีสุ อฺตโรวา โหติ, ลทฺธกปฺปเมว. ภิกฺขุนุปสฺสโย เจ โหติ, คามํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺติยา ภิกฺขุนิยา คามนฺตราปตฺติ ปริหริตพฺพา. ‘‘อรฺํ นาม เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจ อวเสสํ อรฺํ นามา’’ติ (ปารา. ๙๒) เอตฺถ ปริกฺเขเป สติ ยถาวุตฺตปริจฺเฉทํ คามเมว เปตฺวา อวเสสํ ตสฺส อุปจารํ, ตโต ปรฺจ อรฺํ นาม, ปริกฺเขเป อสติ ยถาวุตฺตปริจฺเฉทํ คามูปจารเมว เปตฺวา ตโต ปรํ อวเสสํ อรฺํ นามาติ อธิปฺปาโย. เอวํ สติ ‘‘นิกฺขมิตฺวา พหิ อินฺทขีลา สพฺพเมตํ อรฺ’’นฺติ (วิภ. ๕๒๙) วุตฺตลกฺขเณ อคามเก อรฺเ คณมฺหาโอหียนาปตฺติ, ตตฺถ อวิปฺปวาสสีมาย ผรณํ วิกาเล คามปฺปเวสนาปตฺติยา อนาปตฺตีติ เอวมาทิวินยวิธิ สเมติ, อฺถา น สเมติ.

‘‘เปตฺวา คามูปจารํ อวเสสํ อรฺํ นามา’’ติ (มหาว. ๑๔๔) วุตฺเต คามูปจารโต ปโร อรฺนฺติ สิทฺเธ ‘‘เปตฺวา คาม’’นฺติ วิเสสตฺโถ น ทิสฺสติ, คามสฺส ปน อรฺภาวปฺปสงฺคภยา วุตฺตนฺติ เจ? น, คามูปจารสฺส อภาวปฺปสงฺคโต. สติ หิ คาเม คามูปจาโร โหติ, โส จ ตว มเตน อรฺภูโต. กุโต ทานิ คามูปจาโร. คามูปจาโรปิ เจ อรฺสงฺขฺยํ คจฺฉติ, ปโรว คาโมติ กตฺวา น ยุตฺตํ คามสฺส อรฺภาวปฺปสงฺคโต จ. ตสฺมา ‘‘คามา วา อรฺา วา’’ติ เอตฺถ คามูปจาโรปิ ‘‘คาโม’’ ตฺเวว สงฺคหิโต. ตสฺมา คามสฺส อรฺภาวปฺปสงฺโค น ยุชฺชติ. ยทิ เอวํ ‘‘เปตฺวา คามํ อวเสสํ อรฺํ นามา’’ติ เอตฺตกํ วตฺตพฺพนฺติ เจ? น, อรฺสฺส ปริจฺเฉทชานนปฺปสงฺคโต. ตถา หิ วุตฺโต ‘‘อรฺปริจฺเฉโท น ปฺายตี’’ติ โน ลทฺธิ. คามูปจารปริยนฺโต หิ อิธ คาโม นาม. ยทิ เอวํ ‘‘คามสฺส จ อรฺสฺส จ ปริจฺเฉททสฺสนตฺถํ วุตฺต’’นฺติ อฏฺกถายํ วตฺตพฺพํ, ‘‘อรฺสฺส ปริจฺเฉททสฺสนตฺถํ วุตฺต’’นฺติ กิมตฺถํ วุตฺตนฺติ เจ? วุจฺจเต – อฏฺกถาจริเยน ปมคามูปจารํเยว สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อรฺปริจฺเฉททสฺสนตฺถ’’นฺติ สพฺพสิกฺขาปเท หิ พาหิรอินฺทขีลโต ปฏฺาย คามูปจารํ อรฺํ นาม. คามปริจฺเฉทวจเน ปโยชนํ ปเนตฺถ นตฺถิ ปริกฺเขเปเนว ปากฏภูตตฺตา. ทุติยคามูปจาโรว คามสฺส ปริจฺเฉททสฺสนตฺถํ วุตฺโต ปริกฺเขปภาเวน อปากฏตฺตา. ตตฺถ ปมคามูปจาโร เจ อรฺปริจฺเฉททสฺสนตฺถํ วุตฺโต, ตตฺถ น วตฺตพฺโพ. ‘‘นิกฺขมิตฺวา อินฺทขีลา สพฺพเมตํ อรฺ’’นฺติ วตฺตพฺพํ. เอวํ สนฺเต สุพฺยตฺตตรํ อรฺปริจฺเฉโท ทสฺสิโต โหติ, มิจฺฉาคาโห จ น โหติ.

‘‘มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต’’ติ หิ วุตฺเต อยํ คามูปจาโรว อรฺํ คามูปจารสฺส วิภงฺคตฺตา. ยทิ อรฺปริจฺเฉททสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, อวุตฺตกเมว, อรฺโต ปรนฺติ จ มิจฺฉาคาโห โหตีติ เจ, นนุ วุตฺตํ ‘‘ปมเมว อิทํ ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารนิยมนตฺถํ วุตฺต’’นฺติ? อรฺปริจฺเฉททสฺสนตฺถํ กิฺจาปิ ‘‘คามูปจาโร’’ติอาทิ อารทฺธํ, อินฺทขีเล ิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโตติ ปน เอวํ วจนปฺปโยชนํ. อปริกฺขิตฺตสฺส จ คามสฺส ยฺวายํ เลฑฺฑุปาโต อุปจาโร’’ติ มหาอฏฺกถายํ วุตฺโต, ตสฺส นิยมนนฺติ วุตฺตํ โหติ. กถํ ปฺายตีติ เจ? ‘‘อรฺํ นามา’’ติ ปทํ อนุทฺธริตฺวา ‘‘คามูปจาโร นามา’’ติ อุทฺธรณสฺส กตตฺตา. ตตฺถ ‘‘คามูปจาโร นามา’’ติ มาติกายํ อวิชฺชมานํ ปทํ อุทฺธรนฺโต ตโย อตฺถวเส ทสฺเสติ. เสยฺยถิทํ – อรฺปริจฺเฉททสฺสนเมโก อตฺโถ, อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจาเรน สทฺธึ ปริจฺเฉททสฺสนเมโก, น เกวลํ อปริกฺขิตฺตสฺสเยว อุปจาโร วินยาธิกาเร สปฺปโยชโน ทสฺสิตพฺโพ, นิปฺปโยชโนปิ ปริกฺขิตฺตสฺส อุปจาโร อิมินา ปริยาเยน ลพฺภตีติ อนุสงฺคปฺปโยชนเมโก อตฺโถปิ เวทิตพฺโพ.

‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ฆรูปจาเร ิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต’’ติ อิทํ ภควา ตโย อตฺถวเส ปฏิจฺจ อภาสิ. เสยฺยถิทํ – อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริจฺเฉททสฺสนเมโก, อวิปฺปวาสสีมาธิกาเร อยเมว คามูปจาโรติ ทสฺสนเมโก, ตตฺถ ิตสฺส ทุติโย เลฑฺฑุปาโต สพฺพตฺถ คามปฺปฏิสํยุตฺเตสุ สิกฺขาปเทสุ สกิจฺจโก อุปจาโรติ ทสฺสนเมโกติ เอวํ ภควา อตฺตโน เทสนาวิลาสปฺปตฺติยา เอเกกปทุทฺธารเณน ตโย อตฺถวเส ทสฺเสตีติ เวทิตพฺพํ.

ตถา อวิปฺปวาสสีมากมฺมวาจาย ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจา’’ติ (มหาว. ๑๔๔) เอตฺถาปิ ปริกฺเขเป สติ คามํ เปตฺวา, อสติ คามูปจารํ เปตฺวาติ อตฺโถ. ปริกฺขิตฺตสฺส, อปริกฺขิตฺตสฺส จ มชฺเฌ อาราเม อวิปฺปวาสสีมาสมฺมนฺนนกาเล อยํ นโย อติวิย ยุชฺชติ. อุภยปริวชฺชนโต ปุพฺเพ วุตฺตนเยน วา อุภยตฺถ อุภยํ ลพฺภเตว. ‘‘อนฺตราราเมสุ ปน อาจิณฺณกปฺปา ภิกฺขู อวิปฺปวาสสีมํ สมฺมนฺนนฺตี’’ติ คณฺิปเท วุตฺตํ. ‘‘อนฺตรฆรปฺปฏิสํยุตฺตานํ เสขิยานํ อนฺตราราเมสุ อสมฺภวโต อนฺตราราโม น คามสงฺขํ คจฺฉติ, ตสฺมา ตตฺถปิ อวิปฺปวาสสีมา รุหเตวา’’ติ เอเก. เต ภิกฺขู ทุติยสฺส คามูปจารสฺส คามสงฺขาสภาวโต ตาสํ อิมาย ทุติยาย อวิปฺปวาสกมฺมวาจาย อภาวํ ทสฺเสตฺวา ปฏิกฺขิปิตพฺพา. อชฺฌาราโม ปน คาโมปิ สมาโน ติตฺถิยเสยฺยาทิ วิย กปฺปิยภูมีติ เวทิตพฺโพ.

อาปตฺติยา ปริจฺเฉทํ, ตถานาปตฺติยาปิ จ;

ทสฺเสตุํ คามสมฺพนฺธ-สิกฺขาปทวิภาวเน.

คามคามูปจารา ทฺเว, ทสฺสิตา อิธ ตาทินา;

สีมา สีมูปจารา ตุ, อเนกนฺตาติ นุทฺธฏา.

อุปจารา จ ทฺเว โหนฺติ, พาหิรพฺภนฺตรพฺพสา;

ปริกฺขิตฺตาปริกฺขิตฺต-เภทา เจ จตุโร สิยุํ.

อยฺหิ อุปจารสทฺโท วินยปิฏเก ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อคิลาเนนปิ อาราเม อารามูปจาเร ฉตฺตํ ธาเรตุ’’นฺติ (จูฬว. ๒๗๐) เอวมาทีสุ พาหิเร อุปจาเร ทิสฺสติ. พาหิโร อุปจาโร นาม ปริกฺเขปโต, ปริกฺเขปารหฏฺานโต วา เอโก เลฑฺฑุปาโต. ‘‘อชฺฌาราโม นาม ปริกฺขิตฺตสฺส อารามสฺส อนฺโตอาราโม, อปริกฺขิตฺตสฺส อุปจาโร. อชฺฌาวสโถ นาม ปริกฺขิตฺตสฺส อาวสถสฺส อนฺโตอาวสโถ, อปริกฺขิตฺตสฺส อุปจาโร’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๕๐๖) ปน อุปจารสทฺโท อพฺภนฺตเร อุปจาเร ทิสฺสติ. อพฺภนฺตโร อุปจาโร จ นาม ปริกฺเขโป, ปริกฺเขปารหฏฺานฺจ โหติ. อิธ ปน ปริกฺเขโป ‘‘อชฺฌาราโม, อชฺฌาวสโถ’’ติ วา น วุจฺจติ, อนฺโต เอว อาราโม, อาวสโถติ วา. เตสุ พาหิรพฺภนฺตรเภทภินฺเนสุ ทฺวีสุ อุปจาเรสุ อวิปฺปวาสสีมาธิกาเร ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจา’’ติ (มหาว. ๑๔๔) เอตฺถ คามูปจาโร นาม อพฺภนฺตรูปจาโร อธิปฺเปโต, น พาหิโร. ภิกฺขุนิยา อรฺสฺิตตาย ตสฺส พาหิรสฺส, ตสฺสา คามนฺตราปตฺติยา านภูตตฺตา จ อพฺภนฺตรอุปจารสฺสาติ อิทเมตฺถ การณทฺวยํ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ อิธ อทินฺนาทานปาราชิกวิภงฺเคเยว ปโม คามูปจาโร ทสฺสิโต, โส พาหิโร, ทุติโย อพฺภนฺตโรติ เวทิตพฺโพ. ปเมน จ อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ทุติยเลฑฺฑุปาตสงฺขาโต พาหิโร อุปจาโร, ทุติเยน จ ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริกฺเขปโต พาหิรสงฺขาโต อพฺภนฺตโร อุปจาโร เลเสน ทสฺสิโตติ เวทิตพฺโพ. เอวํ จตฺตาโรปิ อุปจารา อิธ ภควตา เทสนาวิลาสปฺปตฺเตน เทสนาลีลาย ทสฺสิตา โหนฺตีติ อยํ นโย สุฏฺุ ลกฺเขตฺวา อาจริเยหิ สมฺมนฺตยิตฺวา ยถานุรูปํ ตตฺถ โยเชตพฺโพ. อิตรถา –

อสมฺพุธํ พุทฺธมหานุภาวํ;

ธมฺมสฺส คมฺภีรนยตฺตตฺจ;

โย วณฺณเย นํ วินยํ อวิฺู;

โส ทุทฺทโส สาสนนาสเหตุ.

ปาฬึ ตทตฺถฺจ อสมฺพุธฺหิ;

นาเสติ โย อฏฺกถานยฺจ;

อนิจฺฉยํ นิจฺฉยโต ปเรหิ;

คาโมติ เตเยว ปุรกฺขโต โส.

อนุกฺกเมเนว มหาชเนน;

ปุรกฺขโต ปณฺฑิตมานิ ภิกฺขุ;

อปณฺฑิตานํ วิมตึ อกตฺวา;

อาจริยลีลํ ปุรโต กโรติ.

ตตฺถ หิ ปาฬิยํ ‘‘คามสฺส อุปจาโร คามูปจาโร, คามสงฺขาโต อุปจาโร คามูปจาโร นามา’’ติ อุทฺธริตฺวา คามสฺส อุปจารํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อินฺทขีเล ิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต’’ติ (ปารา. ๙๒) วตฺวา ปุน คามสงฺขาตํ อุปจารํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ฆรูปจาเร ิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต’’ติ วุตฺตํ. อิมมตฺถํ สนฺธาย วิกาเล คามปฺปเวสนคามนฺตรออปฺปวาสสมฺมุติอาทีสุ ปริกฺเขปารหฏฺานเมว คามูปจารนฺติ วุตฺตนฺติ ลิขิตํ.

อตฺถโตเอกนฺติ เอตฺถ สงฺขาสทฺทํ สงฺขาตสทฺเทน สมานยติ. ‘‘อาทิเยยฺยา’’ติ อิทํ ปฺจวีสติยา อวหารานํ สาธารณปทํ. านาจาวนวเสน จ ขีลาทีนิ สงฺกาเมตฺวา เขตฺตาทิคฺคหณวเสน จาติ อตฺโถ. านาจาวเน ยถา สามิกสฺส ธุรนิกฺเขปาทึ อโนโลเกตฺวาว อาปตฺติ, ตถา อิหาปีติ คเหตพฺพา.

‘‘อสุกํ นาม ภณฺฑํ อวหริสฺสามี’’ติ สพฺเพสํ เอกาสยตฺตา ‘‘เอเกนาปี’’ติ วุตฺตํ. ยทิ อาณตฺติ อิจฺฉิตพฺพา, สํวิธาวหาโร นาม เอโก อวหาโร ปริหายิตพฺโพ.

โอกาสปริกปฺเป านาจาวนาย คหิตมฺปิ โอกาสปริกปฺปิตตฺตา รกฺขติ. โอกาสาติกฺกโมว ปมาณํ ปุพฺเพ อสุทฺธจิตฺเตน คหิตตฺตา. อิทานิ สุทฺธจิตฺเตน คหิเตปิ โหติ เอวาติ วทนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ. เอตฺถ ปน วินิจฺฉโย สมนฺตปาสาทิกํ โอโลเกตฺวา คเหตพฺโพ.

อุทฺธาโร นตฺถีติ านาจาวนํ นตฺถีติ อตฺโถ.

อุทฺธตมตฺเต อวหาโร สกลสฺส ปโยคสฺส นิฏฺาปิตตฺตา, น อตฺถสาธกวเสน. อุทฺธาเรเยว รกฺขตีติ เอตฺถ เอว-สทฺเทน ปาตเน น รกฺขตีติ อตฺเถ สิทฺเธปิ อตฺถสาธกวเสน อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตํ อุทฺธริตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ.

‘‘ปถพฺยาราชปเทสราชาทโย พหู, เตสํ สงฺคณฺหนตฺถํ ‘ราชาโน’ติ พหุวจนํ วุตฺต’’นฺติ ลิขิตํ. กิฺจาปิ พหุวจนํ กตํ, อิทํ ปน เอกํ พิมฺพิสารเมวาติ ทฏฺพฺพํ. ราชาโนติ กิฺจิ อนิทฺทิสิตฺวา สาธารณวเสน กิฺจาปิ วุตฺตํ, อิทํ ปน พิมฺพิสารเมวาติ.

ปุพฺพปฺปโยเคติ เอตฺถ คมนกาเล มคฺคโสธนาธิกรเณ อปาจิตฺติยเขตฺเต ทุกฺกฏํ, ลตาจฺเฉทนาทีสุ ปาจิตฺติยเมว. คนฺตฺวา ปน กุมฺภิมตฺถเก ชาตลตาทิจฺเฉทเน สหปโยคตฺตา ทุกฺกฏํ. ‘‘เอกภณฺเฑ เอวํ ภาริยมิทํ, ‘ตฺวมฺปิ เอกปสฺสํ คณฺห, อหมฺปิ เอกปสฺสํ คณฺหามี’ติ สํวิทหิตฺวา อุภเยสํ ปโยเคน านาจาวเน กเต กายวาจาจิตฺเตหิ สมุฏฺาติ. อฺถา สาหตฺถิกํ วา อาณตฺติกสฺส องฺคํ น โหติ , อาณตฺติกํ วา สาหตฺถิกสฺสาติ วุตฺตลกฺขเณน วิรุชฺฌตี’’ติ วินยคณฺิปเท ลิขิตํ. ปิ-สทฺโท ปเนตฺถ ตตฺเถว ลิขิโต.

กายวาจาสมุฏฺานํ, ยสฺสา อาปตฺติยา สิยา;

ตตฺร วาจงฺคํ จิตฺตํว, กมฺมํ นสฺสา วิธียติ.

กิริยากิริยาทิกํ ยฺเจ, ยมฺปิ กมฺมตฺตยํ ภเว;

น ยุตฺตํ ตํ วิรุทฺธตฺตา, กมฺมเมกํว ยุชฺชตีติ. (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๑๓๑ ปกิณฺณกกถาวณฺณนา);

ทุติยปาราชิกวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ตติยปาราชิกวณฺณนา

ยถา าตปริฺา ธมฺมานํ สภาวชานนเมว ‘‘อิทํ รูปํ, อยํ เวทนา’’ติ, ตีรณปริฺา ปน ธมฺมสภาเวน สทฺธึ อนิจฺจาทิวเสน ปวตฺตมานํ ‘‘รูปํ อนิจฺจนฺติ วา’’ติอาทิ, เอวมิธ สทฺธึ เจเตตฺวา เอกตฺเตนาปิ ปาณาติปาตาภาวา ‘‘ชีวิตา โวโรเปยฺยา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘มนุสฺสวิคฺคห’’นฺติ วุตฺตตฺตา คพฺภเสยฺยกานํ วเสน สพฺพสุขุมอตฺตภาวโต ปฏฺาย ทสฺเสตุํ ‘‘กลลโต ปฏฺายา’’ติ อาห. เอตฺถ ชีวิตา โวโรเปนฺโต ปจฺจุปฺปนฺนโต วิโยเชติ. ตตฺถ ขณปจฺจุปฺปนฺนํ น สกฺกา โวโรเปตุํ, สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนํ วา อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนํ วา สกฺกา. กถํ? ตสฺมิฺหิ อุปกฺกเม กเต ลทฺธูปกฺกมํ ชีวิตทสกํ นิรุชฺฌมานํ ทุพฺพลสฺส ปริหีนเวคสฺส ปจฺจโย โหติ. สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนํ ยถา ทฺเว ตโย ชวนวาเร ชวิตฺวา นิรุชฺฌติ, อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนฺจ ตทนุรูปํ กตฺวา นิรุชฺฌติ, ตถา ปจฺจโย โหติ. ตโต สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนํ วา อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนํ วา ยถาปริจฺฉินฺนกาลํ อปตฺวา อนฺตราว นิรุชฺฌติ. เอวํ ตทุภยมฺปิ โวโรเปตุํ สกฺกา. ตสฺมา ปจฺจุปฺปนฺนํ วิโยเชติ.

‘‘อิมสฺส ปนตฺถสฺสา’’ติ โวหารวเสน วุตฺตมตฺถํ ปรมตฺถวเสน อาวิภาวตฺถํ ‘‘ปาโณ เวทิตพฺโพ’’ติอาทิ วุตฺตํ. กายวิฺตฺติสหิตาย เจตนาย ปยุชฺชตีติ ปโยโค, โก โส? สรีเร สตฺถาทีนํ คมนํ ปหรณนฺติ กายวจีวิฺตฺติสหิตาย เจตนาย ปรสรีเร สตฺถปาตนํ. ทูเร ิตนฺติ ทูเร วา ติฏฺตุ, สมีเป วา. หตฺถโต มุตฺเตน ปหาโร นิสฺสคฺคิโย. ตตฺถาติ นิสฺสคฺคิยปฺปโยเค. โย โกจิ มรตูติ เอตฺถ มหาชนสมูเห น สกฺกา. ยสฺสูปริ สโร ปตติ, ตสฺเสว ชีวิตมรณํ กาตุํ, น ยสฺส กสฺสจิ ชีวิตมรณํ. อาณาปนนฺติ วจีวิฺตฺติสหิตาย เจตนาย อธิปฺเปตตฺถสาธนํ. เตเนว ‘‘สาเวตุกาโม น สาเวตี’’ติ (ปารา. ๕๔) วุตฺตํ. อาณตฺตินิยามกาติ อาณตฺติกปฺปโยคสาธิกา. เอเตสุ หิ อวิรชฺฌิเตสุ เอว อาณตฺติปโยโค โหติ, น อฺถา.

รูปูปหาโรติ เอตฺถ –

‘‘มมาลาเภน เอสิตฺถี, มรตู’’ติ สมีปโค;

ทุฏฺจิตฺโต สเจ ยาติ, โหติ โส อิตฺถิมารโก.

ภิกฺขตฺถาย สเจ ยาติ, ชานนฺโตปิ น มารโก;

อนตฺถิโก หิ โส ตสฺสา, มรเณน อุเปกฺขโก.

วิโยเคน จ เม ชายา, ชนนี จ น ชีวติ;

อิติ ชานํ วิยุฺชนฺโต, ตทตฺถิโก โหติ มารโก.

ปพฺพชฺชาทินิมิตฺตฺเจ, ยาติ ชานํ น มารโก;

อนตฺถิโก หิ โส ตสฺสา, มรเณน อุเปกฺขโก.

หารกสทฺทสฺส เภทโต อตฺถํ วิตฺถาเรตฺวา อุภยมฺปิ เอกเมวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘สตฺถฺจ ตํ หารกฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอเตน ถาวรปฺปโยคํ ทสฺเสติ สาหตฺถิกาทีสุ ปโยเคสุ. ‘‘อิติ จิตฺตมโน’’ติ อุทฺธริตฺวาปิ อิติสทฺทสฺส อตฺโถ น ตาว วุตฺโต. กิฺจาปิ น วุตฺโต, อธิการวเสน ปน อาคตํ อิติสทฺทํ โยเชตฺวา อิติ จิตฺตสงฺกปฺโปติ เอตฺถ ‘‘มรณสฺี มรณเจตโน มรณาธิปฺปาโย’’ติ วุตฺตตฺตา มรณํเยว วกฺขตีติ เวทิตพฺโพ. วุตฺตนเยนาติ ฉปฺปโยควเสน. สาหตฺถิกนิสฺสคฺคิยปฺปโยเคสุ สนฺนิฏฺาปกเจตนาย สตฺตมาย สห อุปฺปนฺนกายวิฺตฺติยา สาหตฺถิกตา เวทิตพฺพา. อาณตฺติเก ปน สตฺตหิปิ เจตนาหิ สห วจีวิฺตฺติสมฺภวโต สตฺต สตฺต สทฺทา เอกโต หุตฺวา เอเกกกฺขรภาวํ คนฺตฺวา ยตฺตเกหิ อกฺขเรหิ อตฺตโน อธิปฺปายํ วิฺาเปนฺติ, ตทวสานกฺขรสมุฏฺาปิกาย สตฺตมเจตนาย สหชาตวจีวิฺตฺติยา อาณตฺติกตา เวทิตพฺพา.

ตติยปาราชิกวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. จตุตฺถปาราชิกวณฺณนา

อิเธว สงฺคหนฺติ ‘‘อิติ ชานามิ, อิติ ปสฺสามี’’ติ ปเท กถนฺติ เจ, ‘‘อิติ ชานามี’’ติอาทิมาห . เกวลํ ‘‘ปาปิจฺฉตายา’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. จตุตฺถปาราชิกวณฺณนา) วจนโต มนฺทตฺตา โมมูหตฺตา สมุทาจรนฺตสฺส อนาปตฺตีติ ทีปิตํ. ‘‘อตีตกาเล โสตาปนฺโนมฺหี’’ติ วทนฺโต ปริยาเยน วทติ, ‘‘โย เต วิหาเร วสติ, โส ภิกฺขุ อรหา’’ติอาทีสุ (ปริ. ๑๖๕) วิย สิกฺขาปเทปิ ‘‘อิติ ชานามี’’ติ (ปารา. ๑๙๕, ๑๙๗) ปจฺจุปฺปนฺนเมว วุตฺตํ.

จตุตฺถปาราชิกวณฺณนา นิฏฺิตา.

มาตุฆาตกปิตุฆาตกอรหนฺตฆาตกา ตติยปาราชิกํ อาปนฺนา, ภิกฺขุนิทูสโก, ลมฺพีอาทโย จ จตฺตาโร ปมปาราชิกํ อาปนฺนา เอวาติ กตฺวา กุโต จตุวีสตีติ เจ? น, อธิปฺปายาชานนโต. มาตุฆาตกาทโย หิ จตฺตาโร อิธานุปสมฺปนฺนา เอว อธิปฺเปตา, ลมฺพีอาทโย จตฺตาโร กิฺจาปิ ปมปาราชิเกน สงฺคหิตา, ยสฺมา ปน เอเกน ปริยาเยน เมถุนธมฺมํ ปฏิเสวิโน โหนฺติ, ตสฺมา วิสุํ วุตฺตา. น ลภติ ภิกฺขูหีติ เอตฺถ ‘‘อุโปสถาทิเภทํ สํวาส’’นฺติ เอตฺตกํ วุตฺตํ. วินยฏฺกถายํ ‘‘อุโปสถปฺปวารณาปาติโมกฺขุทฺเทสสงฺฆกมฺมปฺปเภท’’นฺติ วุตฺตํ. ปาฬิยํ ‘‘สํวาโส นาม เอกกมฺมํ เอกุทฺเทโส สมสิกฺขตา’’ติ (ปารา. ๕๕, ๙๒, ๑๗๒, ๑๙๘) วุตฺตํ. ติวิเธนาปิ สงฺฆกมฺมํ กาตุํ น วฏฺฏตีติ ปฏิกฺขิตฺตํ. ‘‘น, ภิกฺขเว, คหฏฺเน นิสินฺนปริสาย ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพ’’นฺติอาทิ (มหาว. ๑๕๔) ปาติโมกฺขปฺปวารณาสุ เอว อาคตํ, อฺเสุ จ เอวรูเปสุ าเนสุ เสสํ กมฺมํ กาตุํ นตฺถิ ปฏิกฺเขโป. อาจริยาปิ ‘‘เสสํ กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ, นตฺถิ อาปตฺตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘อนฺติมวตฺถุ อชฺฌาปนฺนํ อมูลเกน ปาราชิเกน โจเทนฺตสฺส สงฺฆาทิเสโส, สงฺฆาทิเสเสน โจเทนฺตสฺส ปาจิตฺติยนฺติ ภิกฺขุโน วิย วุตฺตํ, น อนุปสมฺปนฺนสฺส วิย ทุกฺกฏํ. ตสฺมา เตน สหเสยฺยา, ตสฺส ปฏิคฺคหณฺจ ภิกฺขุสฺส วฏฺฏตีติ อาจริยา วทนฺตี’’ติ ลิขิตํ. ‘‘ยถา ปุเร ตถา ปจฺฉาติ ‘เอกกมฺมํ เอกุทฺเทโส สมสิกฺขตา’ติ เอวํ วุตฺตสํวาสสฺส อภพฺพตามตฺตํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, วีมํสิตพฺพํ.

อิทานิ จตุนฺนมฺปิ สาธารณํ ปกิณฺณกํ – เมถุนธมฺมํ ปฏิเสวนฺโต อตฺถิ โกจิ ปาราชิโก โหติ อสํวาโส, อตฺถิ โกจิ น ปาราชิโก โหติ อสํวาโส, อตฺถิ โกจิ น ปาราชิโก สํวาโส ทุกฺกฏวตฺถุสฺมึ วา ถุลฺลจฺจยวตฺถุสฺมึ วา ปฏิเสวนฺโต, อตฺถิ โกจิ น ปาราชิโก ปกฺขปณฺฑโก อปณฺฑกปกฺเข อุปสมฺปนฺโน ปณฺฑกปกฺเข เมถุนธมฺมํ ปฏิเสวนฺโต. โส อาปตฺตึ นาปชฺชตีติ น ปาราชิโก นาม. น หิ อภิกฺขุสฺส อาปตฺติ นาม อตฺถิ. โส อนาปตฺติกตฺตา อปณฺฑกปกฺเข อาคโต กึ อสํวาโส โหติ, น โหตีติ? โหติ. ‘‘อภพฺโพ เตน สรีรพนฺธเนนา’’ติ (มหาว. ๑๒๙) หิ วุตฺตํ. ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน…เป… อสํวาโส’’ติ (ปารา. ๔๔) วุตฺตตฺตา โย ภิกฺขุภาเวน เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวติ, โส เอว อภพฺโพ. นายํ อปาราชิกตฺตาติ เจ? น, ‘‘พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สงฺโฆ าเปตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๑๒๖) วุตฺตฏฺาเน ยถา อภิกฺขุนา กมฺมวาจาย สาวิตายปิ กมฺมํ รุหติ กมฺมวิปตฺติยา อสมฺภวโต, เอวํสมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ. ตตฺรายํ วิเสโส – อุปสมฺปนฺนปุพฺโพ เอวํ เจ กมฺมวาจํ สาเวติ, สงฺโฆ จ ตสฺมึ อุปสมฺปนฺนสฺี เอว เจ, กมฺมํ รุหติ, นาฺถาติ โน ขนฺตีติ อาจริโย.

คหฏฺโ วา ติตฺถิโย วา ปณฺฑโก วา กมฺมวาจํ สาเวติ, สงฺเฆน กมฺมวาจา น วุตฺตา โหติ. ‘‘สงฺโฆ อุปสมฺปาเทยฺย สงฺโฆ อุปสมฺปาเทติ, อุปสมฺปนฺโน สงฺเฆนา’’ติ (มหาว. ๑๒๗) หิ วจนโต สงฺเฆน กมฺมวาจาย วตฺตพฺพตาย สงฺฆปริยาปนฺเนน, สงฺฆปริยาปนฺนสฺิเตน วา เอเกน วุตฺตาย สงฺเฆน วุตฺตา โหตีติ เวทิตพฺโพ, น คหฏฺติตฺถิยปณฺฑกาทีสุ อฺตเรน. อยเมว สพฺพกมฺเมสุ ยุตฺติ ทฏฺพฺพา.

ตถา อตฺถิ เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวนฺโต โกจิ นาเสตพฺโพ, ‘‘โย ภิกฺขุนิทูสโก, อยํ นาเสตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๑๑๔-๑๑๕ อตฺถโต สมานํ) วุตฺตตฺตา เตน เอว โส อนุปสมฺปนฺโนว สหเสยฺยาปตฺตึ วา อฺํ วา ตาทิสํ ชเนติ, ตสฺส โอมสเน จ ทุกฺกฏํ โหติ. อภิกฺขุนิยา เมถุนธมฺมํ ปฏิเสวนฺโต น นาเสตพฺโพ, ‘‘อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺโน, ภิกฺขเว, อนุปสมฺปนฺโน น อุปสมฺปาเทตพฺโพ’’ติ ปาฬิยา อภาวโต, เตเนว โส อุปสมฺปนฺนสงฺขํ คจฺฉติ, สหเสยฺยาปตฺติอาทึ น ชเนติ, เกวลํ อสํวาโสติ กตฺวา คณปูรโก น โหติ. เอกกมฺมเอกุทฺเทโส หิ สํวาโสติ วุตฺโต, สมสิกฺขตาปิ สํวาโสติ กตฺวา โส เตน สทฺธึ นตฺถีติ. ปทโสธมฺมาปตฺตึ ปน ชเนตีติ การณจฺฉายา ทิสฺสตีติ. ยถา ภิกฺขุนิยา สทฺธึ ภิกฺขุสงฺฆสฺส เอกกมฺมาทิโน สํวาสสฺส อภาวา ภิกฺขุนี อสํวาสา ภิกฺขุสฺส, ตถา ภิกฺขุ จ ภิกฺขุนิยา, ปทโสธมฺมาปตฺตึ ปน น ชเนติ. ตถา อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺโนปิ เอเกจฺโจ ‘‘โย นาเสตพฺโพติ วุตฺโต’’ติ อิมินา นิทสฺสเนน สการณจฺฉายา อชฺฌุเปกฺขิตา โหตีติ น คหณํ คจฺฉติ. อปิจ ‘‘อุโภ นาเสตพฺพา, ทูสโก นาเสตพฺโพ’’ติ (ปารา. ๖๖) วจนโต, ‘‘เมตฺติยํ ภิกฺขุนึ นาเสถา’’ติ (ปารา. ๓๘๔) วจนโต จ โย สงฺฆมชฺฌํ ปวิสิตฺวา อนุวิชฺชเกน อนุวิชฺชิยมาโน ปราชิโต, โสปิ อนุปสมฺปนฺโนว, น โอมสวาทปาจิตฺติยํ ชเนตีติ เวทิตพฺโพ.

อปิเจตฺถ สิกฺขาปจฺจกฺขาตกจตุกฺกํ เวทิตพฺพํ. อตฺถิ หิ ปุคฺคโล สิกฺขาปจฺจกฺขาตโก น สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน, อตฺถิ ปุคฺคโล น สิกฺขาปจฺจกฺขาตโก สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน, อตฺถิ ปุคฺคโล สิกฺขาปจฺจกฺขาตโก เจว สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน จ, อตฺถิ ปุคฺคโล เนว สิกฺขาปจฺจกฺขาตโก น สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน. ตตฺถ ตติโย ภิกฺขุนี สิกฺขาปจฺจกฺขาตกา เวทิตพฺพา. สา หิ ยาว น ลิงฺคํ ปริจฺจชติ, กาสาเวสุ สอุสฺสาหาว สมานา สามฺา จวิตุกามา สิกฺขํ ปจฺจกฺขนฺตีปิ ภิกฺขุนี เอว สิกฺขาสาชีวสมาปนฺนาว. วุตฺตฺหิ ภควตา ‘‘นตฺถิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนิยา สิกฺขาปจฺจกฺขาน’’นฺติ. กทา ปน สา อภิกฺขุนี โหตีติ? ยทา สา วิพฺภนฺตาติ สงฺขํ คจฺฉติ. วุตฺตฺหิ ภควตา ‘‘ยเทว สา วิพฺภนฺตา, ตเทว สา อภิกฺขุนี’’ติ (จูฬว. ๔๓๔). กิตฺตาวตา ปน วิพฺภนฺตา โหตีติ? สามฺา จวิตุกามา กาสาเวสุ อนาลยา กาสาวํ วา อปเนติ, นคฺคา วา คจฺฉติ, ติณปณฺณาทินา วา ปฏิจฺฉาเทตฺวา คจฺฉติ, กาสาวํเยว วา คิหินิวาสนากาเรน นิวาเสติ, โอทาตํ วา วตฺถํ นิวาเสติ, ลิงฺเคเนว วา สทฺธึ ติตฺถิเยสุ ปวิสิตฺวา เกสลุฺจนาทิวตํ สมาทิยติ, ติตฺถิยลิงฺคํ วา สมาทิยติ, ตทา วิพฺภนฺตา นาม โหติ. ตตฺถ ยา สลิงฺเค ิตาว ติตฺถิยวตํ สมาทิยติ, สา ติตฺถิยปกฺกนฺตภิกฺขุ วิย ปจฺฉา ปพฺพชฺชมฺปิ น ลภติ. เสสา ปพฺพชฺชเมว ลภติ, น อุปสมฺปทํ. ปาฬิยํ กิฺจาปิ ‘‘ยา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนี สกาวาสา ติตฺถายตนํ สงฺกนฺตา, สา อาคตา น อุปสมฺปาเทตพฺพา’’ติ (จูฬว. ๔๓๔) วจนโต ยา ปมํ วิพฺภมิตฺวา ปจฺฉา ติตฺถายตนํ สงฺกนฺตา, สา อาคตา อุปสมฺปาเทตพฺพาติ อนุฺาตํ วิย ทิสฺสติ. สงฺคีติอาจริเยหิ ปน ‘‘จตุวีสติ ปาราชิกานี’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๒๓๓) วุตฺตตฺตา น ปุน สา อุปสมฺปาเทตพฺพา. ตสฺมา เอว สิกฺขาปจฺจกฺขานํ นานุฺาตํ ภควตา. อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺนา ปน ภิกฺขุนี เอว. ปกฺขปณฺฑกีปิ ภิกฺขุนี เอว. อิมํ นยํ จตูสุปิ โยเชตฺวา ยถารหํ กเถตพฺพํ.

ปาราชิกวณฺณนา นิฏฺิตา.