📜

ปาจิตฺติยกณฺฑํ

๑. ปมวคฺควณฺณนา

ปเม หริตปตฺตวณฺโณ หริตโก. จาปลสุณํ อมิฺชโก. องฺกุรมตฺตเมว หิ ตสฺส โหติ. ปลณฺฑุกาทโย สภาเวเนว วฏฺฏนฺติ. สูปสมฺปากาที วินาปิ อนฺตมโส ยาคุภตฺเตปิ ปกฺขิปิตุํ วฏฺฏตีติ ลิขิตํ, ‘‘ภิกฺขุนิยาปิ คิลานาย ปุเรภตฺตเมว ลสุณํ กปฺปติ, น อคิลานายา’’ติ อภยคิรีนํ อุคฺคโหติ.

ทุติเย อาพาธปจฺจยา ภิกฺขุนิสงฺฆํ อาปุจฺฉิตฺวา สํหราเปตุํ วฏฺฏติ, ภิกฺขุสฺส เอตฺถ จ ลสุเณ จ ทุกฺกฏํ.

สตฺตเม ‘‘สมุฏฺานาทีนิ อทฺธานมคฺคสิกฺขาปทสทิสานี’’ติ ปาโ.

นวเม กุฏฺโฏ นาม ฆรกุฏฺโฏ. ปากาโร นาม ปริกฺเขปปากาโร.

ฉฑฺฑิตเขตฺเตติ ปุราณเขตฺเต. สงฺฆสนฺตเก ภิกฺขุสฺส ฉฑฺเฑตุํ วฏฺฏติ สงฺฆปริยาปนฺนตฺตา. ภิกฺขุนีนมฺปิ สงฺฆสนฺตเก ภิกฺขุสงฺฆสนฺตเก วุตฺตนเยเนว วฏฺฏติ. เอวํ สนฺเตปิ สารุปฺปวเสน กาตพฺพนฺติ ลิขิตํ.

ทสเม ‘‘สยํ ตานิ วตฺถูนิ กโรนฺติยา’’ติอาทิ อิธ สิกฺขาปเท นตฺถิ. กสฺมา? เอฬกโลมสมุฏฺานตฺตา. ยทิ เอวํ กสฺมา วุตฺตนฺติ เจ? สุตฺตานุโลมมหาปเทสโต. ยทิ นจฺจาทีนิ ปสฺสิตุํ วา สุณิตุํ วา น ลภติ, ปเคว อตฺตนา กาตุนฺติ นยโต ลพฺภมานตฺตา วุตฺตํ. อิตรถา มหาปเทสา นิรตฺถกา สิยุํ. ‘‘เอวํ อฺตฺถปิ นโย เนตพฺโพ. สมุฏฺานมฺปิ อิธ วุตฺตเมว อคฺคเหตฺวา ฉสมุฏฺานวเสน คเหตพฺพ’’นฺติ อาจริยา. อิธ วุตฺตํ สมุฏฺานํ นาม มูลภูตสฺส อนฺตรา วุตฺตาปตฺติยา, ตสฺมา เอฬกโลมสมุฏฺานเมวาติ อปเร. อาราเม ตฺวาติ น เกวลํ ตฺวา, ตโต คนฺตฺวา ปน สพฺพิริยาปเถหิปิ ลภติ. อาราเม ิตาติ ปน อารามปริยาปนฺนาติ อตฺโถ. อิตรถา นิสินฺนาปิ น ลเภยฺยาติ.

ปมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ทุติยวคฺควณฺณนา

ปฺจเม อุปจาโร ทฺวาทสหตฺโถ. ‘‘สมุฏฺานาทีนิ กถินสทิสานิ, อิทํ ปน กิริยากิริย’’นฺติ ปาโ.

สตฺตเม ธุวปฺตฺเตติ ภิกฺขุนีนํ อตฺถาย. กุลานีติ กุลฆรานิ.

ทุติยวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ตติยวคฺควณฺณนา

จตุตฺเถ สงฺฆาฏิอาทิวเสน อธิฏฺิตานํ สงฺฆาฏิจารํ.

ปฺจเม ‘‘อิทํ ปน กิริยากิริย’’นฺติ ปาโ.

ฉฏฺเ อฺสฺมึ ปริกฺขาเร ทุกฺกฏนฺติ ถาลกาทีนํ วา สปฺปิเตลาทีนํ วา อฺตรสฺมึ.

ตติยวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. จตุตฺถวคฺควณฺณนา

ฉฏฺเ สํสฏฺวิหารสิกฺขาปเท ‘‘เสสเมตฺถ ปมอริฏฺสิกฺขาปเท วุตฺตวินิจฺฉยสทิสเมวา’’ติ ปาโ.

จตุตฺถวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. ปฺจมวคฺควณฺณนา

‘‘จิตฺตาคารํ นาม ยตฺถ กตฺถจิ มนุสฺสานํ กีฬิตุํ รมิตุํ กตํ โหตี’’ติอาทินา (ปาจิ. ๙๗๙) ปาฬิยํ วุตฺตตฺตา จิตฺตาคาราทีนิ สพฺเพสํ อตฺถาย กตานิ, น รฺโ เอว.

สตฺตเม เอเตน นิสฺสชฺชิตุํ กปฺปิยํ วุตฺตํ. ‘‘นิสฺสชฺชิตฺวา ปริภุฺชตี’’ติ (ปาจิ. ๑๐๐๗) ปาฬิ จ อตฺถิ. ‘‘สมุฏฺานาทีนิ กถินสทิสานิ, อิทํ ปน กิริยากิริย’’นฺติ ปาโ. อฏฺเมปิ เอโสว ปาโ.

ปฺจมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. ฉฏฺวคฺควณฺณนา

ทสเม ‘‘สมุฏฺานาทีนิ กถินสทิสานิ, อิทํ ปน กิริยากิริย’’นฺติ ปาโ.

ฉฏฺวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. อฏฺมวคฺควณฺณนา

ปมทุติยตติเยสุ ‘‘คิหิคตา’’ติ วา ‘‘กุมาริภูตา’’ติ วา น วตฺตพฺพา. วทนฺติ เจ, กมฺมํ กุปฺปติ.

เอกาทสเม ฉนฺทํ อวิสฺสชฺเชตฺวาติ ‘‘ยถาสุข’’นฺติ อวตฺวา. เอตฺถ ปน อยํ วินิจฺฉโย – ‘‘ปาริวาสิกฉนฺททาเนนา’’ติ อิทํ อุทฺธริตฺวา ‘‘วุฏฺิตาย ปริสายา’’ติ (ปาจิ. ๑๑๖๘) ปทภาชนํ วุตฺตํ. เอตสฺส ปน สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘วุฏฺิตาย ปริสายาติ ฉนฺทํ วิสฺสชฺเชตฺวา กาเยน วา วาจาย วา ฉนฺทวิสฺสชฺชนมตฺเตน วา วุฏฺิตายา’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๑๖๗) วุตฺตํ. อิธ ฉนฺทสฺส ปน อวิสฺสฏฺตฺตา กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตีติ วุตฺตํ. ตสฺมา ฉนฺทํ อวิสฺสชฺเชตฺวาว ทฺวาทสหตฺถปาเส วิหริตฺวา ปุน สนฺนิปาตกรณฺจ วฏฺฏตีติ ลิขิตํ.

อฏฺมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. นวมวคฺควณฺณนา

ตติเย ‘‘เสสํ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ, อิทํ ปน อกุสลจิตฺต’’นฺติ ปาโ.

จตุตฺเถ วุตฺตนเยนาติ ตติเย วุตฺตนเยน.

เอกาทสเม ‘‘สมุฏฺานาทีนิ กถินสทิสานิ, อิทํ ปน กิริยากิริย’’นฺติ ปาโ.

ทฺวาทสเม ‘‘สมุฏฺานาทีนิ ปทโสธมฺมสทิสานิ, อิทํ ปน กิริยากิริย’’นฺติ ปาโ.

เตรสเม ‘‘สํกจฺจิกํ นาม อธกฺขกํ อุพฺภนาภิ, ตสฺสา ปฏิจฺฉาทนตฺถายา’’ติ (ปาจิ. ๑๒๒๖) ปาฬิยํ วุตฺตตฺตา อิธาปิ ‘‘อธกฺขกอุพฺภนาภิสงฺขาตสฺส สรีรสฺส ปฏิจฺฉาทนตฺถ’’นฺติ ปาโ. อปริกฺเขเป อาปตฺติปริจฺเฉทํ สมนฺตปาสาทิกวเสน อคฺคเหตฺวา อิธ วุตฺตนเยน คเหตพฺพนฺติ ลิขิตํ.

นวมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

สุทฺธปาจิตฺติยวณฺณนา นิฏฺิตา.

สมุฏฺานวินิจฺฉยวณฺณนา

สมุฏฺานานํ วินิจฺฉเย ปน คิรคฺคสมชฺชาทีนิ ‘‘อจิตฺตกานิ โลกวชฺชานี’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘นจฺจ’’นฺติ วา ‘‘คนฺธ’’นฺติ วา อชานิตฺวาปิ ทสฺสเนน, วิลิมฺปเนน วา อาปชฺชนโต วตฺถุอชานนจิตฺเตน อจิตฺตกานิ. ‘‘นจฺจ’’นฺติ วา ‘‘คนฺธ’’นฺติ วา ชานิตฺวา ปสฺสนฺติยา, วิลิมฺปนฺติยา วา อกุสลตฺตา เอว โลกวชฺชานิ. โจริวุฏฺาปนาทีนิ ‘‘โจรี’’ติอาทินา วตฺถุํ ชานิตฺวา กรเณเยว อาปชฺชนตฺตา สจิตฺตกานิ. อุปสมฺปทาทีนํ เอกนฺตากุสลจิตฺเตเนว อกตฺตพฺพตฺตา ปณฺณตฺติวชฺชานิ. ‘‘อิธ สจิตฺตกาจิตฺตกตา ปณฺณตฺติชานนาชานนตาย อคฺคเหตฺวา วตฺถุชานนาชานนตาย คเหตพฺพ’’นฺติ ลิขิตํ. อธิปฺเปตตฺตา สงฺเขปโต ทสฺสนาภาวา –

อจิตฺตกตฺตํ ทฺวิธา มตํ, วตฺถุปณฺณตฺติอฺาณา;

วุตฺตํ าณํ ทฺวิธา อิธ, สกนาเมน อฺาตํ.

ปรนามฺจ ชานนํ, วตฺถุสฺเสกํ พลกฺกาเร;

เอกธา สมจาริเก, ตสฺมึ ตปฺปฏิพนฺโธติ.

ปรนาเมน ชานนํ, ทฺวิธา มุตฺตาทิเก เอกํ;

เอกํ โลมาทิเก มตนฺติ, อยํ เภโท เวทิตพฺโพ.

เสสเมตฺถ อุตฺตานํ, อนุตฺตานตฺเถ วุตฺตวินิจฺฉยตฺตา น อุทฺธฏนฺติ;

สมุฏฺานวินิจฺฉยวณฺณนา นิฏฺิตา.

ภิกฺขุนีปาติโมกฺขวณฺณนา นิฏฺิตา.

กงฺขาวิตรณีปุราณฏีกา นิฏฺิตา.

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

กงฺขาวิตรณี-อภินวฏีกา

คนฺถารมฺภกถา

ติโลกติลกํ พุทฺธํ, วนฺเท สุทฺธคุณากรํ;

กรุณาสีตลีภูต-หทยํ มหิโตทยํ.

เตนาปิ ธมฺมราเชน, โลเกกาจริเยน โย;

ปูชิโต ตฺจ สทฺธมฺมํ, วนฺเท คมฺภีรมุตฺตมํ.

มุนินฺทจนฺทสทฺธมฺม-รํสีหิ วิมเลหิ โย;

โพธิโตหํ สทา วนฺเท, ตํ สงฺฆํ กุมุทากรํ.

วินเย นยคมฺภีเร, สพฺพถา ปารทสฺสินา;

วาทินา ทุตฺตราคาธ-สพฺพสตฺถมหณฺณเว.

ยา กตา พุทฺธโฆเสน, เถเรน ถิรเจตสา;

กงฺขาวิตรณี นาม, มาติกฏฺกถา สุภา.

ถิราเนกคุโณเฆน, เถเรน วินยฺุนา;

กลฺยาณาจารยุตฺเตน, ธีมตา มุนิสูนุนา;

วินยฏฺิติกาเมน, สุเมเธนาภิยาจิโต.

ตมหํ วณฺณยิสฺสามิ, สุวิสุทฺธมนากุลํ;

สาธโว ตํ นิสาเมถ, สกฺกจฺจํ มม ภาสโตติ.

คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา

สพฺพกุสลธมฺมปฺปมุขสฺส วิปุโลฬารคุณวิเสสาวหสฺส ปรมคมฺภีรสฺส ปาติโมกฺขสฺส อตฺถสํวณฺณนํ กตฺตุกาโมยมาจริโย ปมํ ตาว ‘‘พุทฺธํ ธมฺม’’นฺติอาทินา รตนตฺตยปฺปณามกรเณน อตฺตโน จิตฺตสนฺตานํ ปุนาติ. วิสุทฺธจิตฺตสนฺตานนิสฺสยา หิ ปฺา ติกฺขวิสทภาวปฺปตฺติยา ยถาธิปฺเปตสํวณฺณนาย ปริโยสานคมนสมตฺถา โหตีติ . อปิจ รตนตฺตยปฺปณาเมน วิธุตสพฺพกิพฺพิเส จิตฺตสนฺตาเน ภวนฺตรูปจิตานิปิ อนฺตรายิกกมฺมานิ ปจฺจยเวกลฺลโต ยถาธิปฺเปตาย อตฺถสํวณฺณนาย นาลมนฺตรายกรณายาติปิ อาจริยสฺส รตนตฺตยวนฺทนา.

ตตฺถ พุทฺธสทฺทสฺส ตาว ‘‘พุชฺฌิตา สจฺจานีติ พุทฺโธ, โพเธตา ปชายาติ พุทฺโธ’’ติอาทินา (มหานิ. ๑๙๒; จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถานิทฺเทส ๙๗; ปฏิ. ม. ๑.๑๖๒) นิทฺเทสนเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อถ วา สวาสนาย อฺาณนิทฺทาย อจฺจนฺตวิคมโต, พุทฺธิยา วา วิกสิตภาวโต พุทฺธวาติ พุทฺโธ ชาครณวิกสนตฺถวเสน. อถ วา กสฺสจิปิ เยฺยธมฺมสฺส อนวพุทฺธสฺส อภาเวน, เยฺยวิเสสสฺส จ กมฺมภาเวน อคฺคหณโต กมฺมวจนิจฺฉาย อภาเวน อวคมนตฺถวเสเนว กตฺตุนิทฺเทโส ลพฺภตีติ พุทฺธวาติ พุทฺโธ ยถา ‘‘ทิกฺขิโต น ททาตี’’ติ. อตฺถโต ปน ปารมิตาปริภาวิเตน สยมฺภุาเณน สหวาสนาย วิคตวิทฺธสฺตนิรวเสสุปกฺกิเลโส มหากรุณาสพฺพฺุตฺาณาทิอปริเมยฺยคุณคณาธาโรว ขนฺธสนฺตาโน พุทฺโธ. ยถาห –

‘‘พุทฺโธติ โย โส ภควา สยมฺภู อนาจริยโก ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ สามํ สจฺจานิ อภิสมฺพุชฺฌิ, ตตฺถ จ สพฺพฺุตํ ปตฺโต, พเลสุ จ วสีภาว’’นฺติ (มหานิ. ๑๙๒; จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถานิทฺเทส ๙๗; ปฏิ. ม. ๑.๑๖๑),

ตํ พุทฺธํ.

ธาเรตีติ ธมฺโม. อยฺหิ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาเน อปายทุกฺเข, สํสารทุกฺเข จ อปตมาเน ธาเรตีติ, ตนฺนิพฺพตฺตกกิเลสวิทฺธํสนฺเจตฺถ ธารณํ. เอวฺจ กตฺวา อริยมคฺโค, ตสฺส ตทตฺถสิทฺธิเหตุตาย นิพฺพานฺจาติ อุภยเมว นิปฺปริยายโต ธาเรติ. อริยผลฺจ ปน ตํสมุจฺฉินฺนกิเลสปฏิปฺปสฺสมฺภเนน ตทนุกูลตาย, ปริยตฺติธมฺโม จ ตทธิคมเหตุตายาติ อุภยมฺปิ ปริยายโต ธาเรตีติ เวทิตพฺพํ, ตํ ธมฺมํ. จ-สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ. เตน ยถาวุตฺตํ พุทฺธํ, อิมฺจ ธมฺมํ วนฺทิตฺวาติ พุทฺธรตเนน สห วนฺทนกิริยาย ธมฺมรตนํ สมุจฺจิโนติ.

น เกวลํ อิทํ ทฺวยเมวาติ อาห ‘‘สงฺฆฺจา’’ติ. อริเยน ทิฏฺิสีลสามฺเน สํหโต ฆฏิโตติ สงฺโฆ, อฏฺอริยปุคฺคลสมูโห. เตหิ เตหิ วา มคฺคผเลหิ กิเลสทรถานํ สมุจฺเฉทปฏิปฺปสฺสมฺภนวเสน สมฺมเทว ฆาติตตฺตา สงฺโฆ, โปถุชฺชนิกสงฺฆสฺสาปิ ปุพฺพภาคปฺปฏิปทาย ิตตฺตา ปุริมเจตนาย วิย ทาเน เอตฺเถว สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. โสปิ หิ กิฺจาปิ อริเยน ทิฏฺิสีลสามฺเน อสํหโต, นิยฺยานิกปกฺขิเยน ปน โปถุชฺชนิเกน สํหตตฺตา ทกฺขิเณยฺยปณิปาตารโห สงฺโฆเยวาติ, ตํ สงฺฆํ. -สทฺทสฺสตฺโถ เอตฺถาปิ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.

กึวิสิฏฺํ พุทฺธํ, ธมฺมํ, สงฺฆฺจาติ อาห ‘‘วนฺทนามานปูชาสกฺการภาชน’’นฺติ. อิทฺจ วิเสสนํ ปจฺเจกํ โยเชตพฺพํ ‘‘วนฺทนามานปูชาสกฺการภาชนํ. พุทฺธํ…เป… วนฺทนามานปูชาสกฺการภาชนํ สงฺฆฺจา’’ติ. ตตฺถ สเทวเกน โลเกน อรหตาทีหิ คุเณหิ เสฏฺภาเวน กริยมาโน ปณาโม วนฺทนา, สมฺมาโน มาโน, คนฺธปุปฺผาทีหิ อุปหาโร ปูชา, อภิสงฺขตปจฺจยทานํ สกฺกาโร, วนฺทนา จ มาโน จ ปูชา จ สกฺกาโร จ วนฺทนามานปูชาสกฺการา, เตสํ มหปฺผลภาวกรเณน ภาชนตฺตา อาธารตฺตา วนฺทนามานปูชาสกฺการภาชนํ. อิมินา รตนตฺตยสฺส อรหตาทีหิ คุเณหิ อสมภาวํ ทสฺเสติ. ตนฺทสฺสนมฺปิ ตกฺกตสฺส นิปจฺจการสฺส สสนฺตานปวนาทิวเสน ยถาธิปฺเปตาย อตฺถสํวณฺณนาย นิปฺผาทนสมตฺถภาวทีปนตฺถนฺติ เวทิตพฺพํ.

วิปฺปสนฺเนน เจตสา วนฺทิตฺวาติ อรหตาทิอเนกปฺปการคุณวิเสสานุสฺสรณวเสน วิวิเธน, วิเสเสน วา ปสนฺเนน มนสา สทฺธึ กายวาจาหิ กรณภูตาหิ อภิวนฺทิยาติ อตฺโถ, ตีหิ ทฺวาเรหิ นมสฺสิตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. ติวิธา จายํ วนฺทนา กายวจีมโนวนฺทนานํ วเสน. ตตฺถ พุทฺธาทิคุณารมฺมณา กามาวจรกุสลกิริยานํ อฺตรเจตนา กายวจีวิฺตฺติโย สมุฏฺาเปตฺวา กายวจีทฺวารวเสน อุปฺปนฺนา กายวจีวนฺทนาติ วุจฺจติ, อุภยวิฺตฺติโย ปน อสมุฏฺาเปตฺวา มโนทฺวารวเสน อุปฺปนฺนา มโนวนฺทนาติ. อิมสฺส ปทสฺส ‘‘วณฺณนํ วณฺณยิสฺสามี’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ.

เอวํ รตนตฺตยสฺส ปณามํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อตฺตโน นิสฺสยภูตานํ อฏฺกถาจริยานฺจ ปณามํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เถรวํสปฺปทีปาน’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ กตฺชลี ปุพฺพาจริยสีหานํ นโม กตฺวาติ สมฺพนฺโธ. กโต อฺชลิ กรปุโฏ เอเตนาติ กตฺชลี. ฉนฺทานุรกฺขณตฺถฺเหตฺถ ทีโฆ , กตฺชลี หุตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. ปุพฺพาจริยา โปราณฏฺกถาการา ตมฺพปณฺณิยา มหาเถรา, เต เอว ปริสฺสยสหนโต, ปฏิปกฺขภูตกิเลสหนนโต, ปรวาทิมิเคหิ อปธํสนียโต จ สีหสทิสตฺตา สีหาติ ปุพฺพาจริยสีหา, เตสํ ปุพฺพาจริยสีหานํ. กีทิสา เต ปุพฺพาจริยสีหา, เยสํ ตยา นโม กรียตีติ อาห ‘‘เถรวํสปฺปทีปาน’’นฺติอาทิ. ตตฺถ เถรวํสปฺปทีปานนฺติ ถิเรหิ สีลกฺขนฺธาทีหิ สมนฺนาคตาติ เถรา, มหากสฺสปาทโย, เตสํ วํโส อนฺวโยติ เถรวํโส. เอเตน ภินฺนลทฺธิกานํ สตฺตรสเภทานํ มหาสงฺฆิกาทีนํ วํสํ ปฏิกฺขิปติ, เถรวํสปริยาปนฺนา หุตฺวา ปน อาคมาธิคมสมฺปนฺนตฺตา ปฺาปชฺโชเตน ตสฺส เถรวํสสฺส ทีปนโต เถรวํสปฺปทีปา, ปุพฺพาจริยสีหา, เตสํ เถรวํสปฺปทีปานํ. อสํหีรตฺตา ถิรานํ. วินยกฺกเมติ อารมฺภานุรูปวจนเมตํ, เต ปน สุตฺตาภิธมฺเมสุปิ ถิรา เอว.

เอวํ อฏฺกถาจริยานมฺปิ ปณามํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สํวณฺเณตพฺพธมฺมวิเสสสฺส อภิธานานิสํสํ, เทสกสมฺปตฺติโย จ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปาโมกฺข’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ มเหสินา ยํ ปาติโมกฺขํ ปกาสิตนฺติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ มเหสินาติ มหนฺเต สีลาทิเก ปฺจ ธมฺมกฺขนฺเธ เอสี คเวสีติ มเหสิ. มหนฺเตหิ เอสิโตติ วา ปุถุชฺชนเสขาเสขอิสีหิ วิสิฏฺตฺตา มหนฺโต อิสีติ วา มเหสิ, สมฺมาสมฺพุทฺโธ, เตน มเหสินา. ปาติโมกฺขนฺติ สตฺตาปตฺติกฺขนฺธสํวรภูตํ สิกฺขาปทสีลํ, ตทฺทีปนโต อุภโตวิภงฺคสุตฺตสงฺขาตํ คนฺถปาติโมกฺขเมว วา. กิมฺภูตนฺติ อาห ‘‘ปาโมกฺข’’นฺติอาทิ. ปมุเข สาธูติ ปโมกฺขํ, ปโมกฺขเมว ปาโมกฺขํ, วชฺชปฏิปกฺขตฺตา อนวชฺชานํ สมาธิปฺาสงฺขาตานํ ปริตฺตมหคฺคตโลกุตฺตรานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อาทิ ปติฏฺาภูตนฺติ อตฺโถ. ‘‘สีเล ปติฏฺาย นโร สปฺโ, จิตฺตํ ปฺฺจ ภาวย’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๒๓, ๑๙๒; เปฏโก. ๒๒; มิ. ป. ๒.๑.๙) หิ วุตฺตํ. มุขมิวาติ มุขํ, ทฺวารํ. ยถา หิ สตฺตานํ ขชฺชโภชฺชเลยฺยเปยฺยวเสน จตุพฺพิโธปิ อาหาโร มุเขน ปวิสิตฺวา องฺคปจฺจงฺคานิ ผรติ, เอวํ โยคิโนปิ จาตุภูมกกุสลํ สีลมุเขน ปวิสิตฺวา อตฺถสิทฺธึ สมฺปาเทติ. เตน วุตฺตํ ‘‘มุขมิวาติ มุข’’นฺติ. อถ วา มุขํ ทฺวารํ โมกฺขปฺปเวสาย นิพฺพานสจฺฉิกิริยายาติ อตฺโถ. วุตฺตฺหิ –

‘‘อวิปฺปฏิสารตฺถานิ โข, อานนฺท, กุสลานิ สีลานี’’ติ (อ. นิ. ๑๑.๑).

ตถา –

‘‘อวิปฺปฏิสาโร ปาโมชฺชตฺถาย, ปาโมชฺชํ ปีตตฺถาย, ปีติ ปสฺสทฺธตฺถาย, ปสฺสทฺธิ สุขตฺถาย, สุขํ สมาธตฺถาย, สมาธิ ยถาภูตาณทสฺสนตฺถาย, ยถาภูตาณทสฺสนํ นิพฺพิทตฺถาย, นิพฺพิทา วิราคตฺถาย, วิราโค วิมุตฺตตฺถาย, วิมุตฺติ วิมุตฺติาณทสฺสนตฺถาย, วิมุตฺติาณทสฺสนํ อนุปาทาปรินิพฺพานตฺถายา’’ติ (ปริ. ๓๖๖) จ.

เอวํ สํวณฺเณตพฺพธมฺมสฺส อภิธานาทึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สํวณฺณนาย นิมิตฺตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สูรเตนา’’ติอาทินา จตุตฺถคาถมาห. ตตฺถ สูรเตนาติ โสภเน รโตติ สูรโต อุ-การสฺส ทีฆํ กตฺวา, เตน สูรเตน, โสภเน กายิกวาจสิกกมฺเม รเตนาติ อตฺโถ, วินีเตนาติ วุตฺตํ โหติ. นิวาเตนาติ นีจวุตฺตินา. สุจิสลฺเลขวุตฺตินาติ สุจิภูตา กิเลสสลฺลิขนสมตฺถา วุตฺติ ปฏิปตฺติ เอตสฺสาติ สุจิสลฺเลขวุตฺติ, เตน สุจิสลฺเลขวุตฺตินา, ปริสุทฺธาย อปฺปิจฺฉวุตฺติยา สมนฺนาคเตนาติ อตฺโถ. วินยาจารยุตฺเตนาติ วาริตฺตจาริตฺตสีลสมฺปนฺเนน. อถ วา วินโยติ เจตฺถ ปาติโมกฺขสํวราทิเภโท สํวรวินโย. อาจาโรติ อาจารโคจรนิทฺเทเส อาคตสมณสารุปฺปาจาโร . โสณตฺเถเรนาติ เอตฺถ โสโณติ ตสฺส นามํ. ถิเรหิ สีลกฺขนฺธาทีหิ สมนฺนาคตตฺตา เถโร. ยาจิโตติ อภิยาจิโต. เถโร หิ ปาติโมกฺขสฺส คมฺภีรตาย ทุรวคาหตํ, อาจริยสฺส จ ตํสํวณฺณนาย สามตฺถิยํ ตฺวา ‘‘ปาติโมกฺขสฺส ตยา อตฺถสํวณฺณนา กาตพฺพา. เอวฺหิ สาสนสฺส สุจิรฏฺิติกตา โหตี’’ติ สานิสํสคารเวน ยาจนํ อกาสิ. ตทสฺส ยาจนํ อตฺตโน สํวณฺณนาย นิทานภูตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยาจิโต’’ติ อาห.

เอตฺถ จ ‘‘สูรเตนา’’ติ อิมินาสฺส โสรจฺจํ วุจฺจติ. ‘‘นิวาเตนา’’ติ อิมินา นีจมนตา นิวาตวุตฺติตา, ยาย นิวาตวุตฺติตาย สมนฺนาคโต ปุคฺคโล นิหตมาโน, นิหตทปฺโป, ปาทปุฺฉนโจฬกสโม, ภินฺนวิสาณูสภสโม, อุทฺธฏทาสปฺปสโม จ หุตฺวา สณฺโห สขิโล สุขสมฺภาโส โหติ. ‘‘สุจิสลฺเลขวุตฺตินา’’ติ อิมินา อินฺทฺริยสํวรปจฺจยสนฺนิสฺสิตอาชีวปาริสุทฺธิสีลํ. ‘‘วินยาจารยุตฺเตนา’’ติ อิมินา ปาติโมกฺขสํวรสีลํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. เอวมเนกคุเณหิ ตสฺส อภิตฺถวนํ ยถาวุตฺตคุณสมนฺนาคตสฺส สพฺรหฺมจาริโน อชฺเฌสนํ น สกฺกา ปฏิพาหิตุนฺติ ปรมคมฺภีรสฺสาปิ ปาติโมกฺขสฺส อตฺถสํวณฺณนายํ ปวตฺตาติ ทสฺสนตฺถํ. กิฺจ – ตาทิสสฺส อชฺเฌสนํ นิสฺสาย กริยมานา อตฺถสํวณฺณนา ตสฺส อชฺเฌสนาธิปจฺเจน, มมฺจ อุสฺสาหสมฺปตฺติยา น จิเรน ปริโยสานํ คจฺฉตีติ กตนฺติ เวทิตพฺพํ.

เอวํ สํวณฺณนาย นิมิตฺตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตสฺสวเน โสตุชนสฺสาทรํ ชเนตุํ ตปฺปโยชนกรณปฺปการนิสฺสยาภิธานาทึ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิคาถาทฺวยมาห. ตตฺถ ตตฺถาติ ‘‘ยํ มเหสินา ปาติโมกฺขํ ปกาสิต’’นฺติ วุตฺตํ, ตสฺมึ ปาติโมกฺเข. สฺชาตกงฺขานนฺติ ปทปทตฺถวินิจฺฉยวเสน สฺชาตกงฺขานํ, สมุปฺปนฺนสํสยานนฺติ อตฺโถ. กงฺขาวิตรณตฺถายาติ ยถาวุตฺตสํสยสฺส อติกฺกมนตฺถาย. ตสฺสาติ ปาติโมกฺขสฺส. วณฺณียติ อตฺโถ กถียติ เอตายาติ วณฺณนา, อฏฺกถา, ตํ วณฺณนํ. อิมสฺส จ ‘‘วณฺณยิสฺสามี’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. กึภูตนฺติ อาห ‘‘ปริปุณฺณวินิจฺฉย’’นฺติอาทิ. ปริปุณฺณวินิจฺฉยนฺติ ขนฺธกปริวารปทภาชนาทิวเสน อสาธารณวินิจฺฉยสฺส จ นิทานาทิวเสน สตฺตรสปฺปเภทสฺส จ สพฺพสิกฺขาปทสาธารณวินิจฺฉยสฺส ปกาสนโต สมฺปุณฺณวินิจฺฉยํ.

มหาวิหารวาสีนนฺติ มหาเมฆวนุยฺยานภูมิภาเค ปติฏฺิโต วิหาโร มหาวิหาโร, โย สตฺถุโน มหาโพธินา วิภูสิโต, ตตฺถ วสนฺติ สีเลนาติ มหาวิหารวาสิโน, เตสํ มหาวิหารวาสีนํ . วาจนามคฺคนิสฺสิตนฺติ กถามคฺคนิสฺสิตํ, อฏฺกถานิสฺสิตนฺติ อตฺโถ, มหาวิหารวาสีนํ สีหฬฏฺกถานยํ อิธ นิสฺสายาติ วุตฺตํ โหติ. วณฺณยิสฺสามีติ ปวตฺตยิสฺสามิ. นาเมนาติ อตฺตโน คุณนาเมน. กงฺขาวิตรนฺติ เอตายาติ กงฺขาวิตรณี, ตํ กงฺขาวิตรณึ. สุภนฺติ อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนตฺตา สุนฺทรํ, สทฺทลกฺขณสุภโต, วินิจฺฉยสุภโต, วิฺเยฺยสุภโต จ สุภํ ปริสุทฺธํ. เอตฺถ จ ‘‘กงฺขาวิตรณตฺถายา’’ติ อิมินา ปโยชนํ ทสฺเสติ, ปุริปุณฺณวินิจฺฉย’’นฺติ อิมินา สํวณฺณนาปฺปการํ, ‘‘มหาวิหารวาสีนํ วาจนามคฺคนิสฺสิต’’นฺติ อิมินา สํวณฺณนาย นิสฺสยวิสุทฺธึ นิกายนฺตรลทฺธิสงฺกรโทสวิวชฺชนโต, ‘‘วณฺณยิสฺสามี’’ติ อิมินา อตฺตโน อชฺฌาสยํ ทสฺเสตีติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘วตฺตยิสฺสามี’’ติปิ ปาโ.

คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

นิทานวณฺณนา

เอวํ รตนตฺตยปณามาทิสหิตํ สฺาทิกํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ‘‘ปาติโมกฺขสฺส วณฺณนํ วณฺณยิสฺสามี’’ติ วุตฺตตฺตา ปาติโมกฺขํ ตาว วจนตฺถโต, สรูปเภทโต, คนฺถเภทโต, อุทฺเทสวิภาคโต, อุทฺเทสปริจฺเฉทโต จ ววตฺถเปตฺวา ตทุทฺเทสกฺกเมนายํ วณฺณนา ภวิสฺสตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ ปาติโมกฺข’’นฺติอาทิ อารทฺธํ.

ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมึ คาถาปเท. ปอติโมกฺขนฺติ ปการโต อติวิย สีเลสุ มุขภูตํ. อติปโมกฺขนฺติ ตเมว ปทํ อุปสคฺคพฺยตฺตเยน วทติ. อถ วา ป อติ โมกฺขนฺติ ปทจฺเฉโท, ตสฺส อุปสคฺคพฺยตฺตเยนตฺถมาห ‘‘อติปโมกฺข’’นฺติ. เอวํ ปเภทโต ปทวณฺณนํ กตฺวา สทฺทตฺถโต วทติ ‘‘อติเสฏฺํ อติอุตฺตมนฺติ อตฺโถ’’ติ. เอตฺถ จ สีลปาติโมกฺขํ สพฺพคุณานํ มูลภาวโต เสฏฺํ, คนฺถปาติโมกฺขํ ปน เสฏฺคุณสหจรณโต เสฏฺนฺติ เวทิตพฺพํ. อุตฺตมนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อิตีติ เอวํ. อิมินา ยถาวุตฺตวจนตฺถํ นิทสฺเสติ. นิทสฺสนตฺโถ หิ อยํ อิติ-สทฺโท ‘‘สพฺพมตฺถีติ โข, กจฺจาน, อยเมโก อนฺโต, สพฺพํ นตฺถีติ โข, กจฺจาน, อยํ ทุติโย อนฺโต’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๑๕; ๓.๙๐) วิย. อิมินาติ อาสนฺนปจฺจกฺขวจนํ อิติ-สทฺเทน อนนฺตรนิทสฺสิตสฺส, ปฏิคฺคาหเกหิ จ โสตวิฺาณาทิวีถิยา ปฏิปนฺนสฺส วจนตฺถสฺส วจนโต. อถ วา อิมินาติ อาสนฺนปจฺจกฺขภาวกรณวจนํ ยถาวุตฺตสฺส วจนตฺถสฺส อภิมุขีกรณโต. วจนตฺเถนาติ ‘‘อติเสฏฺ’’นฺติ สทฺทตฺเถน. เอกวิธมฺปีติ เอกโกฏฺาสมฺปิ. สีลคนฺถเภทโต ทุวิธํ โหตีติ ปุน สีลคนฺถสงฺขาเตน ปเภเทน ทุวิธํ โหติ, สีลปาติโมกฺขํ, คนฺถปาติโมกฺขฺจาติ ทุวิธํ โหตีติ อตฺโถ.

อิทานิ ตทุภยสฺสาปิ สุตฺเต อาคตภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ปาติ รกฺขตีติ ปาติ, ตํ โมกฺเขติ โมเจติ อาปายิกาทีหิ ทุกฺเขหีติ ปาติโมกฺขํ, สํวรณํ สํวโร, กายวาจาหิ อวีติกฺกโม, ปาติโมกฺขเมว สํวโร ปาติโมกฺขสํวโร, ปาติโมกฺขสํวเรน สํวุโต สมนฺนาคโต ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต. วิหรตีติ วตฺตติ.

อาทิเมตนฺติ เอตํ สิกฺขาปทสีลํ ปุพฺพุปฺปตฺติอตฺเถน อาทิ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –

‘‘ตสฺมาติห ตฺวํ, อุตฺติย, อาทิเมว วิโสเธหิ กุสเลสุ ธมฺเมสุ. โก จาทิ กุสลานํ ธมฺมานํ? สีลฺจ สุวิสุทฺธํ, ทิฏฺิ จ อุชุกา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๓๘๒).

ยถา หิ นครวฑฺฒกี นครํ มาเปตุกาโม ปมํ นครฏฺานํ โสเธติ, ตโต อปรภาเค วีถิจตุกฺกสิงฺฆาฏกาทิปริจฺเฉเทน วิภชิตฺวา นครํ มาเปติ, ยถา วา ปน รชโก ปมํ ตีหิ ขาเรหิ วตฺถํ โธวิตฺวา ปริสุทฺเธ วตฺเถ ยทิจฺฉกํ รงฺคชาตํ อุปเนติ, ยถา วา ปน เฉโก จิตฺตกาโร รูปํ ลิขิตุกาโม อาทิโตว ภิตฺติปริกมฺมํ กโรติ, ตโต อปรภาเค รูปํ สมุฏฺาเปติ, เอวเมว โยคาวจโร อาทิโตว สีลํ วิโสเธตฺวา อปรภาเค สมถวิปสฺสนาทโย ธมฺเม สจฺฉิกโรติ. ตสฺมา สีลํ ‘‘อาที’’ติ วุตฺตํ. ‘‘มุขเมต’’นฺติอาทีนิ วุตฺตตฺถาเนว. อาทิสทฺเทน ‘‘ปาติโมกฺเข จ สํวโร’’ติอาทิปาฬึ (ที. นิ. ๒.๙๐; ธ. ป. ๑๘๕) สงฺคณฺหาติ.

สีลนฺติ จาริตฺตวาริตฺตวเสน ทุวิธํ วินยปิฏกปริยาปนฺนํ สิกฺขาปทสีลํ, ธมฺมโต ปน สีลํ นาม ปาณาติปาตาทีหิ วา วิรมนฺตสฺส, วตฺตปฏิปตฺตึ วา ปูเรนฺตสฺส เจตนาทโย ธมฺมา เวทิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ ปฏิสมฺภิทายํ ‘‘กึ สีลนฺติ เจตนา สีลํ เจตสิกํ สีลํ สํวโร สีลํ อวีติกฺกโม สีล’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๓๙) ‘‘อุภยานิ โข ปนสฺส ปาติโมกฺขานี’’ติ ภิกฺขุภิกฺขุนีปาติโมกฺขวเสน อุภยานิ ปาติโมกฺขานิ, ทฺเว มาติกาติ อตฺโถ. อสฺสาติ ภิกฺขุโนวาทกสฺส . วิตฺถาเรนาติ อุภโตวิภงฺเคน สทฺธึ. สฺวาคตานีติ สุฏฺุ อาคตานิ. อาทิสทฺเทน ‘‘ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยา’’ติอาทิปาฬึ (มหาว. ๑๓๔) สงฺคณฺหาติ. ตตฺถาติ เตสุ สีลคนฺถปาติโมกฺเขสุ. โยติ อนิยมนิทฺเทโส, โย โกจิ ปุคฺคโล. นฺติ วินยปริยาปนฺนสีลํ. รกฺขตีติ สมาทิยิตฺวา อวิโกเปนฺโต ปาเลติ. ตํ ‘‘ปาตี’’ติ ลทฺธนามํ ปาติโมกฺขสีเล ิตํ. โมเจตีติ สหการิการณภาวโต โมกฺเขติ. อปาเย ชาตํ อาปายิกํ, ทุกฺขํ, ตํ อาทิ เยสํ ตานิ อาปายิกาทีนิ. อาทิสทฺเทน ตทฺํ สพฺพํ สํสารทุกฺขํ สงฺคณฺหาติ. อตฺตานุวาทาทีหีติ อตฺตานํ อนุวาโท อตฺตานุวาโท, โส อาทิ เยสํ ตานิ อตฺตานุวาทาทีนิ, เตหิ อตฺตานุวาทาทีหิ. อาทิสทฺเทน ปรานุวาททณฺฑทุคฺคติภยานิ สงฺคณฺหาติ. ตสฺส ปาติโมกฺขสฺส โชตกตฺตาติ ตสฺส สีลปาติโมกฺขสฺส ทีปนตฺตา. อาทิมฺหิ ปน วุตฺโต วจนตฺโถติ ‘‘อติเสฏฺ’’นฺติอาทินา อาทิมฺหิ วุตฺโต วจนตฺโถ. อุภินฺนมฺปิ สาธารโณ โหติ สีลปาติโมกฺขํ สพฺพคุณานํ มูลภาวโต เสฏฺํ, คนฺถปาติโมกฺขํ เสฏฺคุณสหจรณโต เสฏฺนฺติ.

ตตฺถาติ เตสุ สีลปาติโมกฺขคนฺถปาติโมกฺเขสุ. ‘‘อยํ วณฺณนา’’ติ วกฺขมานวณฺณนมาห. คนฺถปาติโมกฺขสฺส ตาว ยุชฺชตุ, กถํ สีลปาติโมกฺขสฺส ยุชฺชตีติ อาห ‘‘คนฺเถ หี’’ติอาทิ. หีติ การณตฺเถ นิปาโต. ตสฺสาติ คนฺถสฺส. อตฺโถติ สีลํ. วณฺณิโตว โหตีติ คนฺถวณฺณนามุเขน อตฺถสฺเสว วณฺณนโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยสฺมา คนฺเถ วณฺณิเต ตทวินาภาวโต ตสฺสตฺโถ วณฺณิโต โหติ, ตสฺมา สีลปาติโมกฺขสฺสปิ ยุชฺชตีติ.

เอวํ สรูปเภทโต ววตฺถเปตฺวา อิทานิ คนฺถเภทโต ววตฺถเปตุํ ‘‘ตํ ปเนต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถาติ เตสุ ภิกฺขุปาติโมกฺขภิกฺขุนีปาติโมกฺเขสุ ทฺวีสุ. อุทฺเทสา ปริจฺฉิชฺชนฺติ เยหิ วกฺขมานวจนปฺปพนฺเธหิ, เต อุทฺเทสปริจฺเฉทา, เตหิ. ววตฺถิตนฺติ อสงฺกรโต ิตํ.

เอวํ คนฺถเภทโต ววตฺถเปตฺวา อิทานิ อุทฺเทสวิภาคโต ววตฺถเปตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาห. อุทฺทิสียติ สรูเปน กถียติ เอตฺถ, เอเตนาติ วา อุทฺเทโส, นิทานสฺส อุทฺเทโสติ นิทานุทฺเทโส. เอวํ เสเสสุปิ. วิตฺถาโรว อุทฺเทโส วิตฺถารุทฺเทโส.

อิทานิ นิทานุทฺเทสาทีนํ ปริจฺเฉททสฺสนตฺถํ ‘‘ตตฺถ นิทานุทฺเทโส’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ ตตฺถาติ เตสุ ปฺจสุ อุทฺเทเสสุ. นิทานุทฺเทโส อุทฺทิฏฺโ โหตีติ สมฺพนฺโธ. ยํ ปเนตฺถ นิทานุทฺเทสปริจฺเฉทํ ทสฺเสนฺเตน ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ…เป… อาวิกตา หิสฺส ผาสุ โหตี’’ติ อิธาคตนิทานปาฬึ ทสฺเสตฺวา ตทนนฺตรํ อุทฺเทสกาเล วตฺตพฺพสฺสาปิ ‘‘อุทฺทิฏฺํ โข อายสฺมนฺโต นิทาน’’นฺติ อิมสฺส ปาสฺส โยชนํ อกตฺวา ‘‘ตตฺถายสฺมนฺเต ปุจฺฉามี’’ติอาทินา อนุสาวนาทิกเมว โยเชตฺวา ทสฺสิตํ, ตํ ปน อปริปุณฺณนิทานปาฬิทสฺสนปุพฺพกนิทานุทฺเทสปริจฺเฉททสฺสนตฺถํ, ขุทฺทกเปยฺยาลวเสน วา ปากฏตฺตา ตสฺส อโยชนํ กตนฺติ เวทิตพฺพํ, อุทฺเทสกาเล ปน โยเชตฺวาว วตฺตพฺพํ. วกฺขติ หิ ‘‘ตํ ปเนตํ ปาราชิกาทีนํ อวสาเน ทิสฺสติ, น นิทานาวสาเน. กิฺจาปิ น ทิสฺสติ, อถ โข อุทฺเทสกาเล ‘อาวิกตา หิสฺส ผาสุ โหตี’ติ วตฺวา ‘อุทฺทิฏฺํ โข อายสฺมนฺโต นิทานํ, ตตฺถายสฺมนฺเต ปุจฺฉามี’ติอาทินา นเยน วตฺตพฺพเมวา’’ติอาทิ. อวเสเส สุเตน สาวิเตติ อวสิฏฺํ ปาราชิกุทฺเทสาทิจตุกฺกํ ‘‘สุตา โข ปนายสฺมนฺเตหิ จตฺตาโร ปาราชิกา ธมฺมา…เป… อวิวทมาเนหิ สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ เอวํ สุตวเสน สาวิเต.

เอเตเนว นเยน เสสา ตโย ปาติโมกฺขุทฺเทสปริจฺเฉทา เวทิตพฺพาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปาราชิกุทฺเทสาทีน’’นฺติอาทิมาห. ปาราชิกุทฺเทสาทีนํ ปริจฺเฉทา โยเชตพฺพาติ สมฺพนฺโธ. นิทานสฺส อาทิโต ปฏฺาย ปาราชิกาทีนิ โอสาเปตฺวาติ นิทานํ, ปาราชิกฺจ, ตทุภยํ สงฺฆาทิเสสฺจ, ตํติกํ อนิยตฺจาติ เอวํ ยถากฺกมํ อุทฺทิสิตฺวา ปาราชิกาทีนิ ปริโยสาเปตฺวา. โยเชตพฺพาติ ‘‘อวเสเส สุเตน สาวิเต อุทฺทิฏฺโ โหติ ปาราชิกุทฺเทโส’’ติอาทินา โยเชตพฺพา. อวเสสํ สุเตน สาเวตพฺพนฺติ วจนโตติ อุโปสถกฺขนฺธเก –

‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ปาติโมกฺขุทฺเทสา นิทานํ อุทฺทิสิตฺวา อวเสสํ สุเตน สาเวตพฺพํ, อยํ ปโม ปาติโมกฺขุทฺเทโส. นิทานํ อุทฺทิสิตฺวา จตฺตาริ ปาราชิกานิ อุทฺทิสิตฺวา อวเสสํ สุเตน สาเวตพฺพํ, อยํ ทุติโย ปาติโมกฺขุทฺเทโส’’ติอาทีสุ (มหาว. ๑๕๐) –

เอวํ วุตฺตตฺตา. ยสฺมึ วิปฺปกเตติ ยสฺมึ อุทฺเทเส อปริโยสิเต. อนฺตราโย อุปฺปชฺชตีติ ทสสุ อนฺตราเยสุ โย โกจิ อนฺตราโย อุปฺปชฺชติ . ทส อนฺตรายา นาม – ราชนฺตราโย, โจรนฺตราโย, อคฺยนฺตราโย, อุทกนฺตราโย, มนุสฺสนฺตราโย, อมนุสฺสนฺตราโย, วาฬนฺตราโย, สรีสปนฺตราโย, ชีวิตนฺตราโย, พฺรหฺมจริยนฺตราโยติ. ตตฺถ สเจ ภิกฺขูสุ ‘‘อุโปสถํ กริสฺสามา’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๕๐) นิสินฺเนสุ ราชา อาคจฺฉติ, อยํ ราชนฺตราโย. โจรา อาคจฺฉนฺติ, อยํ โจรนฺตราโย. ทวทาโห วา อาคจฺฉติ, อาวาเส วา อคฺคิ อุฏฺหติ, อยํ อคฺยนฺตราโย. เมโฆ วา อุฏฺหติ, โอโฆ วา อาคจฺฉติ, อยํ อุทกนฺตราโย. พหู มนุสฺสา อาคจฺฉนฺติ, อยํ มนุสฺสนฺตราโย. ภิกฺขุํ ยกฺโข คณฺหาติ, อยํ อมนุสฺสนฺตราโย. พฺยคฺฆาทโย จณฺฑมิคา อาคจฺฉนฺติ, อยํ วาฬนฺตราโย. ภิกฺขุํ สปฺปาทโย ฑํสนฺติ, อยํ สรีสปนฺตราโย. ภิกฺขุ คิลาโน วา โหติ, กาลํ วา กโรติ, เวริโน วา ตํ มาเรตุกามา คณฺหนฺติ, อยํ ชีวิตนฺตราโย. มนุสฺสา เอกํ วา พหู วา ภิกฺขู พฺรหฺมจริยา จาเวตุกามา คณฺหนฺติ, อยํ พฺรหฺมจริยนฺตราโย. อิติ ยํ วุตฺตํ ‘‘อนฺตราโย อุปฺปชฺชตีติ ทสสุ อนฺตราเยสุ โย โกจิ อนฺตราโย อุปฺปชฺชตี’’ติ, ตสฺสตฺโถ ปกาสิโต โหตีติ.

เตน สทฺธินฺติ วิปฺปกตุทฺเทเสน สทฺธึ. อวเสสํ สุเตน สาเวตพฺพํ อุทฺทิฏฺอุทฺเทสาเปกฺขตฺตา อวเสสวจนสฺส. ยถาห ‘‘นิทานํ อุทฺทิสิตฺวา’’ติอาทิ (มหาว. ๑๕๐). เตนาห ‘‘นิทานุทฺเทเส ปนา’’ติอาทิ. สุเตน สาเวตพฺพํ นาม นตฺถิ อุโปสถสฺส อนฺตราโยว โหตีติ อธิปฺปาโย. อนิยตุทฺเทโส ปริหายตีติ ภิกฺขุนีนํ อนิยตสิกฺขาปทปฺตฺติยา อภาวโต. ตทภาโว จ ‘‘อิทเมว ลกฺขณํ ตตฺถาปิ อนุคต’’นฺติ กตฺวาติ เวทิตพฺพํ. เสสนฺติ อวเสสุทฺเทสปริจฺเฉททสฺสนํ. เอเตสํ ทฺวินฺนํ ปาติโมกฺขานนฺติ สมฺพนฺโธ. ตาวาติ ปมํ. อิทนฺติ อิทานิ วตฺตพฺพํ พุทฺธิยํ วิปริวตฺตมานํ สามฺเน ทสฺเสติ, อิทํ อกฺขรปทนิยมิตคนฺถิตํ วจนํ วุจฺจติ กถียตีติ อตฺโถ. กึ ตนฺติ อาห, ‘‘สุณาตุ เมติอาทีน’’นฺติอาทิ.

ตตฺถ สุณาตุ เมติอาทีนนฺติ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ อชฺชุโปสโถ’’ติอาทีนํ ภิกฺขุปาติโมกฺเข อาคตานํ สุตฺตปทานํ. อตฺถนิจฺฉยนฺติ อภิเธยฺยตฺถสฺส เจว อธิปฺปายตฺถสฺส จ นิจฺฉยนํ, ววตฺถาปนนฺติ อตฺโถ. อิมาย หิ อฏฺกถาย เตสํ อภิเธยฺยตฺโถ เจว อธิปฺปายตฺโถ จ อเนกธา ววตฺถาปียติ. อถ วา นิจฺฉินฺโนติ นิจฺฉโย. คณฺิฏฺาเนสุ ขีลมทฺทนากาเรน ปวตฺตา วิมติจฺเฉทกถา, อตฺโถ จ นิจฺฉโย จ อตฺถนิจฺฉโย, ตํ อตฺถนิจฺฉยํ, มยา วุจฺจมานํ อตฺถฺจ วินิจฺฉยฺจาติ วุตฺตํ โหติ. สีลสมฺปนฺนาติ สมนฺตโต ปนฺนํ ปตฺตํ ปุณฺณนฺติ สมฺปนฺนํ, สีลํ สมฺปนฺนเมเตสนฺติ สีลสมฺปนฺนา, ปริปุณฺณสีลาติ อตฺโถ. อถ วา สมฺมเทว ปนฺนา คตา อุปาคตาติ สมฺปนฺนา, สีเลน สมฺปนฺนา สีลสมฺปนฺนา, ปาติโมกฺขสํวเรน อุเปตาติ อตฺโถ. อธิสีลอธิจิตฺตอธิปฺาสงฺขาตา ติสฺโสปิ สิกฺขิตพฺพฏฺเน สิกฺขา, ตํ กาเมนฺตีติ สิกฺขากามา. สุณนฺตุ เมติ เต สพฺเพปิ ภิกฺขโว มม สนฺติกา นิสาเมนฺตุ. อิมินา อตฺตโน สํวณฺณนาย สกฺกจฺจํ สวเน นิโยเชติ. สกฺกจฺจสวนปฏิพทฺธา หิ สพฺพาปิ สาสนสมฺปตฺตีติ. เอตฺถ จ สีลสมฺปนฺนานํ สิกฺขากามานํเยว ภิกฺขูนํ คหณํ ตทฺเสํ อิมิสฺสา สํวณฺณนาย อภาชนภาวโต. น หิ เต วินยํ โสตพฺพํ, ปฏิปชฺชิตพฺพฺจ มฺิสฺสนฺติ.

เอตฺถาติ เอตสฺมึ คาถาปเท, เอเตสํ วา คาถาย สงฺคหิตานํ ‘‘สุณาตุ เม’’ติอาทีนํ ปทานมนฺตเร. สวเน อาณตฺติวจนํ สวนาณตฺติวจนํ. กิฺจาปิ สวนาณตฺติวจนํ, ตถาปิ ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน เอวํ วตฺตพฺพนฺติ ภควตา วุตฺตตฺตา ภควโต อาณตฺติ, น อุทฺเทสกสฺสาติ นวกตเรนาปิ อิทํ วตฺตุํ วฏฺฏติ สงฺฆคารเวน, สงฺฆพหุมาเนน จ สหิตตฺตา สคารวสปฺปติสฺสวจนํ. สงฺโฆ หิ สุปฺปฏิปนฺนตาทิคุณวิเสสยุตฺตตฺตา อุตฺตมํ คารวปฺปติสฺสวฏฺานํ. อิทฺจ สพฺพํ เกน กตฺถ กทา วุตฺตนฺติ อาห ‘‘สพฺพเมว เจต’’นฺติอาทิ. ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อนุชานนฺเตนาติ –

‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุํ, เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, อุทฺทิสิตพฺพํ, พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สงฺโฆ าเปตพฺโพ ‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ’’’ติ (มหาว. ๑๓๓-๑๓๔) –

เอวมาทินา อนุชานนฺเตน. ราชคเหติ เอวํนามเก นคเร. ตฺหิ มนฺธาตุมหาโควินฺทาทีหิ ปริคฺคหิตตฺตา ‘‘ราชคห’’นฺติ วุจฺจติ. ตํ ปเนตํ พุทฺธกาเล, จกฺกวตฺติกาเล จ นครํ โหติ, เสสกาเล สุฺํ โหติ ยกฺขปริคฺคหิตํ, เตสํ วสนฏฺานํ หุตฺวา ติฏฺติ. ตสฺมาติ ยสฺมา อิทํ ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน วตฺตพฺพวจนํ, ตสฺมา. กึ เต อุโภปิ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสนฺติ, เยเนวํ วตฺตพฺพนฺติ อาห ‘‘สงฺฆตฺเถโร วา หี’’ติอาทิ. เถราธิกนฺติ เถราธีนํ, เถรายตฺตํ ภวิตุนฺติ อตฺโถ. ‘‘เถราเธยฺย’’นฺติ วา ปาโ, โสเยวตฺโถ. ตตฺถาติ ติสฺสํ ปริสายํ. พฺยตฺโตติ ปฺาเวยฺยตฺติเยน สมนฺนาคโต, ปคุณมาติโกติ อตฺโถ. ปฏิพโลติ วตฺตุํ สมตฺโถ, อภีโตติ วุตฺตํ โหติ. เอตฺถ จ กิฺจาปิ ทหรสฺสาปิ พฺยตฺตสฺส ปาติโมกฺโข อนุฺาโต, อถ โข เอตฺถายํ อธิปฺปาโย – สเจ เถรสฺส ปฺจ วา จตฺตาโร วา ตโย วา ปาติโมกฺขุทฺเทสา นาคจฺฉนฺติ, ทฺเว ปน อกฺขณฺฑา สุวิสทา วาจุคฺคตา โหนฺติ, เถรายตฺโตว ปาติโมกฺโข. สเจ ปน เอตฺตกมฺปิ วิสทํ กาตุํ น สกฺโกติ, พฺยตฺตสฺส ภิกฺขุโน อายตฺโตติ.

อิทานิ ‘‘สงฺโฆ’’ติ อวิเสเสน วุตฺตตฺตา อิธาธิปฺเปตสงฺฆํ วิเสเสตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘สงฺโฆติ อิมินา ปน ปเทนา’’ติอาทิมาห กิฺจาปีติ อนุคฺคหตฺเถ นิปาโต, ตสฺส ยทิ นามาติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ทกฺขนฺติ เอตาย สตฺตา ยถาธิปฺเปตาหิ สมฺปตฺตีหิ วฑฺฒนฺตีติ ทกฺขิณา, ปรโลกํ สทฺทหิตฺวา ทาตพฺพํ ทานํ, ตํ ทกฺขิณํ อรหติ, ทกฺขิณาย วา หิโต, ยสฺมา นํ มหปฺผลการิตาย วิโสเธตีติ ทกฺขิเณยฺโย, ทิฏฺิสีลสงฺฆาเตน สํหโตติ สงฺโฆ, ทกฺขิเณยฺโย จ โส สงฺโฆ จาติ ทกฺขิเณยฺยสงฺโฆ. สมฺมุติยา จตุวคฺคาทิวินยปฺตฺติยา สิทฺโธ สงฺโฆ สมฺมุติสงฺโฆ. อวิเสเสนาติ ‘‘อริยา’’ติ วา ‘‘ปุถุชฺชนา’’ติ วา อวิเสเสตฺวา สามฺเน. โสติ สมฺมุติสงฺโฆ. อิธาติ อิมิสฺสํ อุโปสถตฺติยํ. อธิปฺเปโต อุโปสถตฺติยา อวิเสสตฺตา. นนุ จ โสปิ ปฺจวิโธ โหติ, ตตฺถ กตโม อิธาธิปฺเปโตติ อนุโยคํ สนฺธายาห ‘‘โส ปเนสา’’ติอาทิ. กมฺมวเสนาติ วินยกมฺมวเสน. ปฺจ วิธา ปการา อสฺส สมฺมุติสงฺฆสฺสาติ ปฺจวิโธ. ตถา หิ วิธยุตฺตคตปฺปการสทฺเท สมานตฺเถ วณฺณยนฺติ. จตุนฺนํ วคฺโค สมูโหติ จตุวคฺโค, จตุปริมาณยุตฺโต วา วคฺโค จตุวคฺโค. เอวํ ปฺจวคฺคาทิ.

อิทานิ เยสํ กมฺมานํ วเสนายํ ปฺจวิโธ โหติ, ตํ วิเสเสตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตตฺถาติ ปฺจวิเธ สงฺเฆ. มชฺฌิเมสุ ชนปเทสุ อุปสมฺปทกมฺมสฺส ทสวคฺคกรณียตฺตา วุตฺตํ ‘‘เปตฺวา…เป… อุปสมฺปทฺจา’’ติ. ‘‘ตถา’’ติ อิมินา ‘‘น กิฺจิ สงฺฆกมฺมํ กาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ อิมมตฺถํ อติทิสติ. ยทิ เอวํ กิมตฺถํ อติเรกวีสติวคฺโค วุตฺโตติ อาห ‘‘โส ปนา’’ติอาทิ. อติเรกตเรนาติ จตุวคฺคาทิกรณียํ ปฺจวคฺคาทินา อติเรกตเรน, ทสวคฺคกรณียฺจ เอกาทสวคฺคาทินา อติเรกตเรน. ทสฺสนตฺถนฺติ าปนตฺถํ. อิทเมว จาเนน กตฺตพฺพํ กมฺมนฺติ ‘‘กมฺมวเสน ปฺจวิโธ’’ติ วุตฺตํ. กมฺมสฺสานิยเม กถเมตํ ยุชฺเชยฺยาติ อีทิสี โจทนา อนวกาสาติ ทฏฺพฺพํ. อิมสฺมึ ปนตฺเถติ อุโปสเถ.

อุโปสถสทฺโท ปนายํ ปาติโมกฺขุทฺเทสสีลอุปวาสปฺตฺติทิวเสสุ วตฺตติ. ตถา เหส ‘‘อายามาวุโส กปฺปิน, อุโปสถํ คมิสฺสามา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๕๐; ม. นิ. อฏฺ. ๓.๘๕) ติโมกฺขุทฺเทเส อาคโต, ‘‘เอวํ อฏฺงฺคสมนฺนาคโต โข, วิสาเข, อุโปสโถ อุปวุตฺโถ’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๘.๔๓) สีเล, ‘‘สุทฺธสฺส เว สทา ผคฺคุ, สุทฺธสฺสุโปสโถ สทา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๗๙) อุปวาเส, ‘‘อุโปสโถ นาม นาคราชา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๔๖) ปฺตฺติยํ, ‘‘น, ภิกฺขเว, ตทหุโปสเถ สภิกฺขุกา อาวาสา’’ติอาทีสุ (มหาว. ๑๘๑) ทิวเส, อิธาปิ ทิวเสเยว วตฺตมาโน อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘อชฺช อุโปสถทิวโส’’ติอาทิ. อุปวสนฺติ เอตฺถาติ อุโปสโถ. อุปวสนฺตีติ สีเลน วา สพฺพโส อาหารสฺส อภุฺชนสงฺขาเตน อนสเนน วา ขีรปานมธุปานาทิมตฺเตน วา อุเปตา หุตฺวา วสนฺตีติ อตฺโถ.

สพฺเพสมฺปิ วากฺยานํ เอว-การตฺถสหิตตฺตา ‘‘อุโปสโถ’’ติ เอตสฺส ‘‘อุโปสโถ เอวา’’ติ อยมตฺโถ ลพฺภตีติ อาห ‘‘เอเตน อนุโปสถทิวสํ ปฏิกฺขิปตี’’ติ. อิมินา อวธารเณน นิรากตํ ทสฺเสติ, อถ วา สทฺทนฺตรตฺถาโปหนวเสน สทฺโท อตฺถํ วทตีติ ‘‘อุโปสโถ’’ติ เอตสฺส ‘‘อนุโปสโถ น โหตี’’ติ อยมตฺโถติ วุตฺตํ ‘‘เอเตน อนุโปสถทิวสํ ปฏิกฺขิปตี’’ติ. ‘‘เอส นโย ปนฺนรโส’’ติ อิมินา อฺํ อุโปสถทิวสํปฏิกฺขิปตีติ เอตฺถาปิ. เอเตนาติ ‘‘อุโปสโถ’’ติ เอเตน สทฺเทน. ปฺจทสนฺนํ ติถีนํ ปูรณวเสน ปนฺนรโส. ปนฺนรโสติ อิมินา อฺํ อุโปสถทิวสํ ปฏิกฺขิปตี’’ติ สํขิตฺเตน วุตฺตมตฺถํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘ทิวสวเสน หี’’ติอาทิมาห. จตุทฺทสิยํ นิยุตฺโต จาตุทฺทสิโก. เอวํ ปนฺนรสิโก. สามคฺคิอุโปสโถ นาม สงฺฆสามคฺคิกตทิวเส กาตพฺพอุโปสโถ. เหมนฺตคิมฺหวสฺสานานํ ติณฺณํ อุตูนนฺติ เอตฺถ เหมนฺตอุตุ นาม อปรกตฺติกสฺส กาฬปกฺขปาฏิปทโต ปฏฺาย ผคฺคุนปุณฺณมปริโยสานา จตฺตาโร มาสา, คิมฺหอุตุ นาม ผคฺคุนสฺส กาลปกฺขปาฏิปทโต ปฏฺาย อาสาฬฺหปุณฺณมปริโยสานา จตฺตาโร มาสา, วสฺสานอุตุ นาม อาสาฬฺหสฺส กาฬปกฺขปาฏิปทโต ปฏฺาย อปรกตฺติกปุณฺณมปริโยสานา จตฺตาโร มาสา. ตติยสตฺตมปกฺเขสุ ทฺเว ทฺเว กตฺวา ฉ จาตุทฺทสิกาติ เหมนฺตสฺส อุตุโน ตติเย จ สตฺตเม จ ปกฺเข ทฺเว จาตุทฺทสิกา, เอวมิตเรสํ อุตูนนฺติ ฉ จาตุทฺทสิกา. เสสา ปนฺนรสิกาติ เสสา อฏฺารส ปนฺนรสิกา. โหนฺติ เจตฺถ –

‘‘กตฺติกสฺส จ กาฬมฺหา, ยาว ผคฺคุนปุณฺณมา;

‘เหมนฺตกาโล’ติ วิฺเยฺโย, อฏฺ โหนฺติ อุโปสถา.

‘‘ผคฺคุนสฺส จ กาฬมฺหา, ยาว อาสาฬฺหปุณฺณมา;

‘คิมฺหกาโล’ติ วิฺเยฺโย, อฏฺ โหนฺติ อุโปสถา.

‘‘อาสาฬฺหสฺส จ กาฬมฺหา, ยาว กตฺติกปุณฺณมา;

‘วสฺสกาโล’ติ วิฺเยฺโย, อฏฺ โหนฺติ อุโปสถา.

‘‘อุตูนํ ปน ติณฺณนฺนํ, ปกฺเข ตติยสตฺตเม;

‘จาตุทฺทโส’ติ ปาติโมกฺขํ, อุทฺทิสนฺติ นยฺุโน’’ติ.

ปกติยา นพหุตราวาสิกาทิปจฺจเยน กาตพฺพํ ปกติจาริตฺตํ. พหุตราวาสิกาทิปจฺจเย ปน สติ อฺสฺมึ จาตุทฺทเสปิ กาตุํ วฏฺฏติ. เตนาห ‘‘สกิ’’นฺติอาทิ. สกินฺติ เอกสฺมึ วาเร . อาวาสิกานํ อนุวตฺติตพฺพนฺติ อาวาสิเกหิ ‘‘อชฺชุโปสโถ จาตุทฺทโส’’ติ ปุพฺพกิจฺเจ กริยมาเน อนุวตฺติตพฺพํ, น ปฏิกฺโกสิตพฺพํ. อาทิสทฺเทน ‘‘อาวาสิเกหิ อาคนฺตุกานํ อนุวตฺติตพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๑๗๘) วจนํ, ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เตหิ ภิกฺขูหิ ทฺเว ตโย อุโปสเถ จาตุทฺทสิเก กาตุํ, กถํ มยํ เตหิ ภิกฺขูหิ ปมตรํ ปวาเรยฺยามา’’ติ (มหาว. ๒๔๐) วจนฺจ สงฺคณฺหาติ. เอตฺถ จ ปมสุตฺตสฺส เอเกกสฺส อุตุโน ตติยสตฺตมปกฺขสฺส จาตุทฺทเส วา อวเสสสฺส ปนฺนรเส วา สกึ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพนฺติ ปกติจาริตฺตวเสนปิ อตฺถสมฺภวโต ‘‘อาคนฺตุเกหี’’ติอาทีนิ สุตฺตานิ ทสฺสิตานีติ เวทิตพฺพํ. ตถารูปปจฺจเย สตีติ อฺสฺมิมฺปิ จาตุทฺทสิเก อุโปสถํ กาตุํ อนุรูเป ‘‘อาวาสิกา พหุตรา โหนฺตี’’ติ เอวมาทิเก ปจฺจเย สติ. อฺสฺมิมฺปิ จาตุทฺทเสติ ติณฺณํ อุตูนํ ตติยสตฺตมปกฺขจาตุทฺทสโต อฺสฺมึ จาตุทฺทเส.

น เกวลํ อุโปสถทิวสาว โหนฺตีติ อาห ‘‘ปุริมวสฺสํวุฏฺานํ ปนา’’ติอาทิ. มา อิติ จนฺโท วุจฺจติ ตสฺส คติยา ทิวสสฺส มินิตพฺพโต, โส เอตฺถ สพฺพกลาปาริปูริยา ปุณฺโณติ ปุณฺณมา, ปุพฺพกตฺติกาย ปุณฺณมา ปุพฺพกตฺติกปุณฺณมา, อสฺสยุชปุณฺณมา. สา หิ ปจฺฉิมกตฺติกํ นิวตฺเตตุํ เอวํ วุตฺตา. เตสํเยวาติ ปุริมวสฺสํวุฏฺานํเยว. ภณฺฑนการเกหีติ กลหการเกหิ. ปจฺจุกฺกฑฺฒนฺตีติ อุกฺกฑฺฒนฺติ. ภณฺฑนการเกหิ อนุวาทวเสน อสฺสยุชปุณฺณมาทึ ปริจฺจชนฺตา ปวารณํ กาฬปกฺขํ, ชุณฺหปกฺขนฺติ อุทฺธํ กฑฺฒนฺตีติ อตฺโถ. ‘‘สุณนฺตุ เม อายสฺมนฺโต อาวาสิกา, ยทายสฺมนฺตานํ ปตฺตกลฺลํ, อิทานิ อุโปสถํ กเรยฺยาม, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยาม, อาคเม กาเฬ ปวาเรยฺยามา’’ติ (มหาว. ๒๔๐) ‘‘สุณนฺตุ เม อายสฺมนฺโต อาวาสิกา, ยทายสฺมนฺตานํ ปตฺตกลฺลํ, อิทานิ อุโปสถํ กเรยฺยาม, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยาม, อาคเม ชุณฺเห ปวาเรยฺยามา’’ติ จ เอวํ ตฺติยา ปวารณํ อุกฺกฑฺฒนฺตีติ วุตฺตํ โหติ.

อถาติ อนนฺตรตฺเถ นิปาโต. จตุทฺทสนฺนํ ปูรโณ จาตุทฺทโส, ทิวโส. ยํ สนฺธาย ‘‘อาคเม ชุณฺเห ปวาเรยฺยามา’’ติ ตฺตึ ปยึสุ, ตสฺมึ ปน อาคเม ชุณฺเห โกมุทิยา จาตุมาสินิยา อวสฺสํ ปวาเรตพฺพํ. น หิ ตํ อติกฺกมิตฺวา ปวาเรตุํ ลพฺภติ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘เต เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ภณฺฑนการกา กลหการกา วิวาทการกา ภสฺสการกา สงฺเฆ อธิกรณการกา ตมฺปิ ชุณฺหํ อนุวเสยฺยุํ, เตหิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูหิ สพฺเพเหว อาคเม ชุณฺเห โกมุทิยา จาตุมาสินิยา อกามา ปวาเรตพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๒๔๐).

เตเนวาห ‘‘ปจฺฉิมวสฺสํวุฏฺานฺจ ปจฺฉิมกตฺติกปุณฺณมา เอวา’’ติ. ยทิ หิ ตํ อติกฺกมิตฺวา ปวาเรยฺย, ทุกฺกฏาปตฺตึ อาปชฺเชยฺย. วุตฺตฺเหตํ ‘‘น จ, ภิกฺขเว, อปวารณาย ปวาเรตพฺพํ อฺตฺร สงฺฆสามคฺคิยา’’ติ (มหาว. ๒๓๓). วิสุทฺธิปวารณาโยคโต ปวารณาทิวสา. ปิสทฺเทน น เกวลํ ปวารณาทิวสาเยว, อถ โข อุโปสถทิวสาปิ โหนฺตีติ ทสฺเสติ. อิทานิ โย โส สามคฺคิอุโปสถทิวโส วุตฺโต, ตฺจ ตปฺปสงฺเคน สามคฺคิปวารณาทิวสฺจ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยทา ปนา’’ติอาทิมาห. โอสาริเต ตสฺมึ ภิกฺขุสฺมินฺติ อุกฺขิตฺตเก ภิกฺขุสฺมึ โอสาริเต, ตํ คเหตฺวา สีมํ คนฺตฺวา อาปตฺตึ เทสาเปตฺวา กมฺมวาจาย กมฺมปฺปฏิปฺปสฺสทฺธิวเสน ปเวสิเตติ วุตฺตํ โหติ. ตสฺส วตฺถุสฺสาติ ตสฺส อธิกรณสฺส. ตทา เปตฺวา…เป… อุโปสถทิวโส นาม โหตีติ สมฺพนฺโธ. กึ การณนฺติ อาห ‘‘ตาวเทวา’’ติอาทิ. ตตฺถ ตาวเทวาติ ตํ ทิวสเมว. วจนโตติ โกสมฺพกกฺขนฺธเก (มหาว. ๔๗๕) วุตฺตตฺตา. ยตฺถ ปน ปตฺตจีวราทีนํ อตฺถาย อปฺปมตฺตเกน การเณน วิวทนฺตา อุโปสถํ วา ปวารณํ วา เปนฺติ, ตตฺถ ตสฺมึ อธิกรเณ วินิจฺฉิเต ‘‘สมคฺคา ชาตมฺหา’’ติ อนฺตรา สามคฺคิอุโปสถํ กาตุํ น ลภนฺติ. กโรนฺเตหิ อนุโปสเถ อุโปสโถ กโต นาม โหติ. กตฺติกมาสพฺภนฺตเรติ เอตฺถ กตฺติกมาโส นาม ปุพฺพกตฺติกมาสสฺส กาฬปกฺขปาฏิปทโต ปฏฺาย ยาว อปรกตฺติกปุณฺณมา, ตาว เอกูนตึสรตฺติทิโว, ตสฺสพฺภนฺตเร, ตโต ปจฺฉา วา ปน ปุเร วา น วฏฺฏติ. อยเมว โย โกจิ ทิวโสเยว. อิธาปิ โกสมฺพกกฺขนฺธเก สามคฺคิยา สทิสาว สามคฺคี เวทิตพฺพา. เย ปน กิสฺมิฺจิเทว อปฺปมตฺตเก ปวารณํ เปตฺวา สมคฺคา โหนฺติ, เตหิ ปวารณายเมว ปวารณา กาตพฺพา, ตาวเทว น กาตพฺพา. กโรนฺเตหิ อปฺปวารณาย ปวารณา กตา โหติ. น กาตพฺโพเยวาติ นิยเมน ยทิ กโรติ, ทุกฺกฏนฺติ ทสฺเสติ. ตตฺถ หิ อุโปสถกรเณ ทุกฺกฏํ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘น, ภิกฺขเว, อนุโปสเถ อุโปสโถ กาตพฺโพ อฺตฺร สงฺฆสามคฺคิยา’’ติ (มหาว. ๑๘๓).

‘‘ปตฺตกาลเมวปตฺตกลฺล’’นฺติ อิมินา สกตฺเถ ภาวปฺปจฺจโยติ ทสฺเสติ. นาสตีติ อนฺวยโต วุตฺตเมว พฺยติเรกโต ทฬฺหํ กโรติ.

อนุรูปาติ อรหา อนุจฺฉวิกา, สามิโนติ วุตฺตํ โหติ. สพฺพนฺติเมนาติ สพฺพเหฏฺิเมน จตฺตาโร, น เตหิ วินา ตํ อุโปสถกมฺมํ กรียติ, น เตสํ ฉนฺโท วา ปาริสุทฺธิ วา เอติ. อวเสสา ปน สเจปิ สหสฺสมตฺตา โหนฺติ, สเจ สมานสํวาสกา, สพฺเพ ฉนฺทารหาว โหนฺติ, ฉนฺทปาริสุทฺธึ ทตฺวา อาคจฺฉนฺตุ วา, มา วา, กมฺมํ น กุปฺปติ. ปกตตฺตาติ อนุกฺขิตฺตา, ปาราชิกํ อนชฺฌาปนฺนา จ. หตฺถปาโส นาม ทิยฑฺฒหตฺถปฺปมาโณ.

สีมา จ นาเมสา กตมา, ยตฺถ หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา ิตา กมฺมปฺปตฺตา นาม โหนฺตีติ อนุโยคํ สนฺธาย สีมํ ทสฺเสนฺโต วิภาควนฺตานํ สภาววิภาวนํ วิภาคทสฺสนมุเขเนว โหตีติ ‘‘สีมา จ นาเมสา’’ติอาทิมาห. สมฺภินฺทนฺเตนาติ มิสฺสีกโรนฺเตน. อชฺโฌตฺถรนฺเตนาติ มทฺทนฺเตน, อนฺโต กโรนฺเตนาติ วุตฺตํ โหติ. อิมา วิปตฺติสีมาโย นามาติ สมฺพนฺโธ. กสฺมา วิปตฺติสีมาโย นามาติ อาห ‘‘เอกาทสหี’’ติอาทิ. อากาเรหีติ การเณหิ. วจนโตติ กมฺมวคฺเค (ปริ. ๔๘๒ อาทโย) กถิตตฺตา. สงฺฆกมฺมํ นาเมตํ วีสติวคฺคกรณียปรมนฺติ อาห ‘‘ยตฺถ เอกวีสติ ภิกฺขู นิสีทิตุํ น สกฺโกนฺตี’’ติ. ยสฺสํ สีมายํ เหฏฺิมปริจฺเฉเทน กมฺมารเหน สทฺธึ เอกวีสติ ภิกฺขู ปริมณฺฑลากาเรน นิสีทิตุํ น สกฺโกนฺติ, อยํ อติขุทฺทกา นามาติ อตฺโถ. เอวรูปา จ สีมา สมฺมตาปิ อสมฺมตา, คามเขตฺตสทิสาว โหติ, ตตฺถ กตํ กมฺมํ กุปฺปติ. เอส นโย เสสสีมาสุปิ.

สมฺมตาติ พทฺธา, วาจิตกมฺมวาจาติ อตฺโถ. กมฺมวาจาย วาจนเมว หิ พนฺธนํ นาม. นิมิตฺตํ น อุปคจฺฉตีติ อนิมิตฺตุปโค, ตํ อนิมิตฺตุปคํ, อนิมิตฺตารหนฺติ วุตฺตํ โหติ. ตจสารรุกฺโข นาม ตาลนาฬิเกราทิกา. ปํสุปุฺชวาลุกาปุฺชานนฺติ ปํสุราสิวาลุการาสีนํ มชฺเฌ. นิทฺธารเณ เจตํ สามิวจนํ. โปตฺถเกสุ ปน กตฺถจิ ‘‘ปํสุปุฺชํ วา วาลุกาปุฺชํ วา อฺตร’’นฺติ ปาโ ทิสฺสติ, โส ปน อปาโ. น หิ โส ‘‘อฺตร’’นฺติ อิมินา ยุชฺชตีติ. อนฺตราติ นิมิตฺตุปคนิมิตฺตานมนฺตรา. เอตฺถ จ ยา ตีหิ นิมิตฺเตหิ พชฺฌมานา อนิมิตฺตุปเคสุ ตจสารรุกฺขาทีสุ อฺตรํ อนฺตรา เอกํ นิมิตฺตํ กตฺวา สมฺมตา, สา ขณฺฑนิมิตฺตา นาม โหติ. ยา ปน จตุปฺจนิมิตฺตาทีหิ พชฺฌมานา อิเมสุ ตจสารรุกฺขาทีสุ อฺตรํ อนฺตรา เอกํ นิมิตฺตํ กตฺวา สมฺมตา, สา ขณฺฑนิมิตฺตา นาม น โหตีติ วิฺายติ นิมิตฺตุปคานํ นิมิตฺตานํ ติณฺณํ สพฺภาวโต. อฏฺกถาสุ ปน อวิเสเสน วุตฺตํ, ตสฺมา อุปปริกฺขิตฺวา คเหตพฺพํ. สพฺเพน สพฺพนฺติ สพฺพปฺปกาเรน. นิมิตฺตานํ พหิ ิเตน สมฺมตาติ เตสํ พหิ ิเตน วาจิตกมฺมวาจา. นิมิตฺตานิ ปน อนฺโต จ พหิ จ ตฺวา กิตฺเตตุํ วฏฺฏนฺติ.

เอวํ สมฺมตาปีติ นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา กมฺมวาจาย สมฺมตาปิ. อิมสฺส ‘‘อสมฺมตาว โหตี’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. สพฺพา, ภิกฺขเว, นที อสีมาติ ยา กาจิ นทีลกฺขณปฺปตฺตา นที นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา ‘‘เอตํ พทฺธสีมํ กโรมา’’ติ กตาปิ อสีมา, พทฺธสีมา น โหตีติ อตฺโถ. อตฺตโน สภาเวน ปน สา พทฺธสีมาสทิสา. สพฺพตฺถ สงฺฆกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ. สมุทฺทชาตสฺสเรสุปิ เอเสว นโย. ‘‘สํสฏฺวิฏปา’’ติ อิมินา อฺมฺสฺส อาสนฺนตํ ทีเปติ. พทฺธา โหตีติ ปจฺฉิมทิสาภาเค สีมํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตสฺสา ปเทสนฺติ ตสฺสา เอกเทสํ. ยตฺถ ตฺวา ภิกฺขูหิ กมฺมํ กาตุํ สกฺกา โหติ, ตาทิสํ เอกเทสนฺติ วุตฺตํ โหติ. ยตฺถ ปน ิเตหิ กมฺมํ กาตุํ น สกฺกา, ตาทิสํ ปเทสํ อนฺโต กริตฺวา พนฺธนฺตา สีมาย สีมํ สมฺภินฺทนฺติ นาม, น ตุ อชฺโฌตฺถรนฺติ นามาติ คเหตพฺพํ. คณฺิปเทสุ ปน ‘‘สมฺภินฺทนํ ปเรสํ สีมาย เอกํ วา ทฺเว วา นิมิตฺเต กิตฺเตตฺวา เลขามตฺตํ คเหตฺวา พนฺธนํ. อชฺโฌตฺถรณํ นาม ปเรสํ สีมาย นิมิตฺเต กิตฺเตตฺวา ตํ สกลํ วา ตสฺเสกเทสํ วา อนฺโต กโรนฺเตน ตสฺสา พหิ เอกิสฺสํ ทฺวีสุ วา ทิสาสุ นิมิตฺเต กิตฺเตตฺวา พนฺธน’’นฺติ วุตฺตํ.

ปพฺพตาทีนํ นิมิตฺตานํ สมฺปทา นิมิตฺตสมฺปตฺติ. ปพฺพโตว นิมิตฺตํ ปพฺพตนิมิตฺตํ. เอวํ เสเสสุปิ. เอวํ วุตฺเตสูติ อุโปสถกฺขนฺธเก (มหาว. ๑๓๘ อาทโย) สีมาสมฺมุติยํ วุตฺเตสุ. อิเมหิ จ ปน อฏฺหิ นิมิตฺเตหิ อสมฺมิสฺเสหิปิ อฺมฺมิสฺเสหิปิ สีมํ สมฺมนฺนิตุํ วฏฺฏติ. เตนาห ‘‘ตสฺมึ ตสฺมึ ทิสาภาเค ยถาลทฺธานิ นิมิตฺตุปคานิ นิมิตฺตานี’’ติ. เอเกน, ปน ทฺวีหิ วา นิมิตฺเตหิ สมฺมนฺนิตุํ น วฏฺฏติ, ตีณิ ปน อาทึ กตฺวา วุตฺตปฺปการานํ นิมิตฺตานํ สเตนาปิ วฏฺฏติ. ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย กึ นิมิตฺต’’นฺติ วินยธเรน ปุจฺฉิตพฺพํ, ‘‘ปพฺพโต, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ปุน วินยธเรเนว ‘‘เอโส ปพฺพโต นิมิตฺต’’นฺติ เอวํ นิมิตฺตํ กิตฺเตตพฺพํ. ‘‘เอตํ ปพฺพตํ นิมิตฺตํ กโรม, นิมิตฺตํ กริสฺสาม, นิมิตฺตํ กโต, นิมิตฺตํ โหตุ, โหติ ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ ปน กิตฺเตตุํ น วฏฺฏติ. ปาสาณาทีสุปิ เอเสว นโย. เตนาห ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย กึ นิมิตฺต’’นฺติอาทิ. ‘‘ปพฺพโต, ภนฺเต, อุทกํ, ภนฺเต’’ติ เอวํ ปน อุปสมฺปนฺโน วา อาจิกฺขตุ, อนุปสมฺปนฺโน วา, วฏฺฏติเยว. อาทิสทฺเทน ‘‘ปุรตฺถิมาย อนุทิสาย กึ นิมิตฺตํ? ปาสาโณ, ภนฺเต, เอโส ปาสาโณ นิมิตฺตํ. ทกฺขิณาย ทิสาย, ทกฺขิณาย อนุทิสาย, ปจฺฉิมาย ทิสาย, ปจฺฉิมาย อนุทิสาย, อุตฺตราย ทิสาย, อุตฺตราย อนุทิสาย กึ นิมิตฺตํ? อุทกํ, ภนฺเต, เอตํ อุทกํ นิมิตฺต’’นฺติ อิทํ สงฺคณฺหาติ. เอตฺถ ปน อฏฺตฺวา ปุน ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย กึ นิมิตฺตํ? ปพฺพโต, ภนฺเต, เอโส ปพฺพโต นิมิตฺต’’นฺติ เอวํ ปมํ กิตฺติตนิมิตฺตํ กิตฺเตตฺวาว เปตพฺพํ. เอวฺหิ นิมิตฺเตน นิมิตฺตํ ฆฏิตํ โหติ. สมฺมา กิตฺเตตฺวาติ อฺมฺนามวิปริยาเยน, อนิมิตฺตานํ นาเมน จ อกิตฺเตตฺวา ยถาวุตฺเตเนว นเยน กิตฺเตตฺวา. สมฺมตาติ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต’’ติอาทินา นเยน อุโปสถกฺขนฺธเก (มหาว. ๑๓๙ อาทโย) วุตฺตาย ปริสุทฺธาย ตฺติทุติยกมฺมวาจาย พทฺธา. ตตฺถ นิมิตฺตานิ สกึ กิตฺติตานิปิ กิตฺติตาเนว โหนฺติ. อนฺธกฏฺกถายํ ปน ติกฺขตฺตุํ สีมมณฺฑลํ สมฺพนฺธนฺเตน นิมิตฺตํ กิตฺเตตพฺพ’’นฺติ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘) วุตฺตํ.

ตตฺราติ เตสุ อฏฺสุ นิมิตฺเตสุ. นิมิตฺตุปคตาติ นิมิตฺตโยคฺยตา. ‘‘หตฺถิปฺปมาณโต ปฏฺายา’’ติ วจนโต หตฺถิปฺปมาโณปิ นิมิตฺตุปโคเยว. หตฺถี ปน สตฺตรตโน วา อฑฺฒฏฺรตโน (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๓๘) วา. ตโต โอมกตโรติ ตโต หตฺถิปฺปมาณโต ขุทฺทกตโร. สเจ จตูสุ ทิสาสุ จตฺตาโร วา ตีสุ วา ตโย ปพฺพตา โหนฺติ, จตูหิ, ตีหิ วา ปพฺพตนิมิตฺเตเหว สมฺมนฺนิตุมฺปิ วฏฺฏติ, ทฺวีหิ ปน นิมิตฺเตหิ, เอเกน วา สมฺมนฺนิตุํ น วฏฺฏติ. อิโต ปเรสุ ปาสาณนิมิตฺตาทีสุปิ เอเสว นโย. ตสฺมา ปพฺพตนิมิตฺตํ กโรนฺเตน ปุจฺฉิตพฺพํ ‘‘เอกาพทฺโธ, น เอกาพทฺโธ’’ติ. สเจ เอกาพทฺโธ โหติ, น กาตพฺโพ. ตฺหิ จตูสุ วา อฏฺสุ วา ทิสาสุ กิตฺเตนฺเตนาปิ เอกเมว นิมิตฺตํ กิตฺติตํ โหติ. ตสฺมา โย เอวํ จกฺกสณฺาเนน วิหารํ ปริกฺขิปิตฺวา ิโต ปพฺพโต, ตํ เอกทิสาย กิตฺเตตฺวา อฺาสุ ทิสาสุ ตํ พหิทฺธา กตฺวา อนฺโต อฺานิ นิมิตฺตานิ กิตฺเตตพฺพานิ. สเจ ปพฺพตสฺส ตติยภาคํ วา อุปฑฺฒํ วา อนฺโตสีมาย กตฺตุกามา โหนฺติ, ปพฺพตํ อกิตฺเตตฺวา ยตฺตกํ ปเทสํ อนฺโต กตฺตุกามา, ตสฺส ปรโต ตสฺมึเยว ปพฺพเต ชาตรุกฺขวมฺมิกาทีสุ อฺตรํ นิมิตฺตํ กิตฺเตตพฺพํ. สเจ โยชนทฺวิโยชนปฺปมาณํ สพฺพํ ปพฺพตํ อนฺโต กตฺตุกามา โหนฺติ, ปพฺพตสฺส ปรโต ภูมิยํ ชาตรุกฺขวมฺมิกาทีนิ นิมิตฺตานิ กิตฺเตตพฺพานิ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘; วิ. สงฺค. อฏฺ. ๑๕๘).

สงฺขํ คจฺฉตีติ คณนํ โวหารํ คจฺฉตีติ อตฺโถ. ทฺวตฺตึสปลคุฬปิณฺฑปริมาโณติ ถูลตาย, น ตุลคณนาย. ตตฺถ ‘‘เอกปลํ นาม ทสกลฺช’’นฺติ วทนฺติ. อิฏฺกา มหนฺตาปิ น วฏฺฏติ. ตถา อนิมิตฺตุปคปาสาณานํ ราสิ, ปเคว ปํสุวาลุการาสิ. ภูมิสโม ขลมณฺฑลสทิโส ปิฏฺิปาสาโณ วา ภูมิโต ขาณุโก วิย อุฏฺิตปาสาโณ วา โหติ, โสปิ ปมาณูปโค เจ, วฏฺฏติ. ‘‘ปิฏฺิปาสาโณ ปน อติมหนฺโตปิ ปาสาณสงฺขเมว คจฺฉตีติ อาห ‘‘ปิฏฺิปาสาโณ ปนา’’ติอาทิ. ตสฺมา สเจ มหโต ปิฏฺิปาสาณสฺส เอกํ ปเทสํ อนฺโตสีมายํ กตฺตุกามา โหนฺติ, ตํ อกิตฺเตตฺวา ตสฺสุปริ อฺโ ปาสาโณ กิตฺเตตพฺโพ. สเจ ปิฏฺิปาสาณุปริ วิหารํ กโรนฺติ, วิหารมชฺเฌน จ ปิฏฺิปาสาโณ วินิวิชฺฌิตฺวา คจฺฉติ, เอวรูโป ปิฏฺิปาสาโณ น วฏฺฏติ. สเจ หิ ตํ กิตฺเตนฺติ, นิมิตฺตสฺสุปริ วิหาโร โหติ, นิมิตฺตฺจ นาม พหิสีมายํ โหติ, วิหาโรปิ พหิสีมายํ อาปชฺชติ. วิหารํ ปริกฺขิปิตฺวา ิตปิฏฺิปาสาโณ ปน เอกตฺถ กิตฺเตตฺวา อฺตฺถ น กิตฺเตตพฺโพ.

วนนิมิตฺเต ติณวนํ วา ตจสารรุกฺขวนํ วา น วฏฺฏตีติ อาห ‘‘อนฺโตสาเรหี’’ติอาทิ. อนฺโตสารา นาม อมฺพชมฺพุปนสาทโย. อนฺโตสารมิสฺสเกหีติ อนฺโต สาโร เยสํ เต อนฺโตสารา, เตหิ มิสฺสกา อนฺโตสารมิสฺสกา, เตหิ. จตุปฺจรุกฺขมตฺตมฺปีติ เหฏฺิมปริจฺเฉทนาห . อุกฺกํสโต ปน โยชนสติกมฺปิ วนํ วฏฺฏติ. เอตฺถ ปน จตุรุกฺขมตฺตฺเจ, ตโย สารโต, เอโก อสารโต. ปฺจรุกฺขมตฺตฺเจ, ตโย สารโต, ทฺเว อสารโตติ คเหตพฺพํ. สเจ ปน วนมชฺเฌ วิหารํ กโรนฺติ, ตํ วนํ น กิตฺเตตพฺพํ. เอกเทสํ อนฺโตสีมายํ กตฺตุกาเมหิปิ วนํ อกิตฺเตตฺวา ตตฺถ รุกฺขปาสาณาทโย กิตฺเตตพฺพา, วิหารํ ปริกฺขิปิตฺวา ิตวนํ เอกตฺถ กิตฺเตตฺวา อฺตฺถ น กิตฺเตตพฺพํ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘).

รุกฺขนิมิตฺเตปิ ตจสารรุกฺโข น วฏฺฏตีติ อาห ‘‘อนฺโตสาโร’’ติ. ‘‘ภูมิยํ ปติฏฺิโต’’ติ อิมินา กุฏสราวาทีสุ ิตํ ปฏิกฺขิปติ. ตโต อปเนตฺวา ปน ตงฺขณมฺปิ ภูมิยํ โรเปตฺวา โกฏฺกํ กตฺวา อุทกํ อาสิฺจิตฺวา กิตฺเตตุํ วฏฺฏติ, นวมูลสาขานิคฺคมนํ อการณํ. ขนฺธํ ฉินฺทิตฺวา โรปิเต ปน เอตํ ยุชฺชติ. สูจิทณฺฑกปฺปมาโณติ ‘‘สีหฬทีเป เลขนทณฺฑปฺปมาโณ’’ติ วทนฺติ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๓๘), โส จ กนิฏฺงฺคุลิปริมาโณติ ทฏฺพฺโพ. อิทํ ปน รุกฺขนิมิตฺตํ กิตฺเตนฺเตน ‘‘รุกฺโข’’ติปิ, ‘‘สากรุกฺโข, สาลรุกฺโข’’ติปิ วตฺตุํ วฏฺฏติ. เอกาพทฺธํ ปน สุปฺปติฏฺิตนิคฺโรธสทิสํ รุกฺขํ เอกตฺถ กิตฺเตตฺวา อฺตฺถ กิตฺเตตุํ น วฏฺฏติ.

มคฺคนิมิตฺเต อรฺเขตฺตนทีตฬากมคฺคาทโย น วฏฺฏนฺตีติ อาห ‘‘ชงฺฆมคฺโค วา โหตู’’ติอาทิ. โย ปน ชงฺฆมคฺโค สกฏมคฺคโต โอกฺกมิตฺวา ปุน สกฏมคฺคเมว โอตรติ, เย วา ชงฺฆมคฺคสกฏมคฺคา อวลฺชิตา, เต น วฏฺฏนฺติ. เตนาห ‘‘ชงฺฆสตฺถสกฏสตฺเถหี’’ติอาทิ. เอตฺถ จ สเจ สกฏมคฺคสฺส อนฺติมจกฺกมคฺคํ นิมิตฺตํ กโรนฺติ, มคฺโค พหิสีมาย โหติ. สเจ พาหิรจกฺกมคฺคํ นิมิตฺตํ กโรนฺติ, พาหิรจกฺกมคฺโคว พหิสีมาย โหติ, เสสํ อนฺโตสีมํ ภชตีติ เวทิตพฺพํ. สเจปิ ทฺเว มคฺคา นิกฺขมิตฺวา ปจฺฉา สกฏธุรมิว เอกีภวนฺติ, ทฺวิธา ภินฺนฏฺาเน วา สมฺพนฺธฏฺาเน วา สกึ กิตฺเตตฺวา ปุน น กิตฺเตตพฺพา. เอกาพทฺธนิมิตฺตฺเหตํ โหติ.

สเจ วิหารํ ปริกฺขิปิตฺวา จตฺตาโร มคฺคา จตูสุ ทิสาสุ คจฺฉนฺติ, มชฺเฌ เอกํ กิตฺเตตฺวา อปรํ กิตฺเตตุํ น วฏฺฏติ. เอกาพทฺธนิมิตฺตฺเหตํ. โกณํ วินิวิชฺฌิตฺวา คตํ ปน ปรภาเค กิตฺเตตุํ วฏฺฏติ. วิหารมชฺเฌน วินิวิชฺฌิตฺวา คตมคฺโค ปน น กิตฺเตตพฺโพ. กิตฺติเต ปน นิมิตฺตสฺส อุปริ วิหาโร โหติ. อิมฺจ มคฺคํ กิตฺเตนฺเตน ‘‘มคฺโค ปชฺโช ปโถ’’ติอาทินา (จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถานิทฺเทส ๑๐๑) วุตฺเตสุ ทสสุ นาเมสุ เยน เกนจิ นาเมน กิตฺเตตุํ วฏฺฏติ. ปริขาสณฺาเนน วิหารํ ปริกฺขิปิตฺวา คตมคฺโค เอกตฺถ กิตฺเตตฺวา อฺตฺถ กิตฺเตตุํ น วฏฺฏติ.

ยํ ปน อพทฺธสีมาลกฺขเณ นทึ วกฺขามาติ ‘‘ยสฺสา ธมฺมิกานํ ราชูนํ กาเล’’ติอาทินา (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) อุทกุกฺเขปสีมายํ นทิยา วกฺขมานตฺตา วุตฺตํ. ยา ปน นที มคฺโค วิย สกฏธุรสณฺาเนน วา ปริขาสณฺาเนน วา วิหารํ ปริกฺขิปิตฺวา คตา, นํ เอกตฺถ กิตฺเตตฺวา อฺตฺถ กิตฺเตตุํ น วฏฺฏติ. วิหารสฺส จตูสุ ทิสาสุ อฺมฺํ วินิวิชฺฌิตฺวา คเต นทีจตุกฺเกปิ เอเสว นโย. อสมฺมิสฺสนทิโย ปน จตสฺโสปิ กิตฺเตตุํ วฏฺฏติ. สเจ วตึ กโรนฺโต วิย รุกฺขปาเท นิขณิตฺวา วลฺลิปลาลาทีหิ นทีโสตํ รุมฺภนฺติ, อุทกมฺปิ อชฺโฌตฺถริตฺวา อาวรณํ ปวตฺตติเยว, นิมิตฺตํ กาตุํ วฏฺฏติ. ยถา ปน อุทกํ นปฺปวตฺตติ, เอวํ เสตุมฺหิ กเต อปฺปวตฺตมานา นที นิมิตฺตํ กาตุํ น วฏฺฏติ. ปวตฺตนฏฺาเน นทีนิมิตฺตํ, อปฺปวตฺตนฏฺาเน อุทกนิมิตฺตํ กาตุํ วฏฺฏติ.

ยา ปน ทุพฺพุฏฺิกาเล วา คิมฺเห วา นิรุทกภาเวน นปฺปวตฺตติ, สา วฏฺฏติ. มหานทิโต อุทกมาติกํ นีหรนฺติ, สา กุนฺนทีสทิสา หุตฺวา ตีณิ สสฺสานิ สมฺปาเทนฺตี นิจฺจํ ปวตฺตติ. กิฺจาปิ ปวตฺตติ, นิมิตฺตํ กาตุํ น วฏฺฏติ. ยา ปน มูเล มหานทิโต นิคฺคตาปิ กาลนฺตเรน เตเนว นิคฺคตมคฺเคน นทึ ภินฺทิตฺวา สยเมว คจฺฉติ, คจฺฉนฺตี จ ปรโต สุสุมาราทิสมากิณฺณา นาวาทีหิ สฺจริตพฺพา นที โหติ, ตํ นิมิตฺตํ กาตุํ วฏฺฏติ.

อสนฺทมานนฺติ อปฺปวตฺตมานํ. สนฺทมานํ นาม โอฆนทีอุทกวาหกมาติกาสุ อุทกํ. วุตฺตปริจฺเฉทกาลํ อติฏฺนฺตนฺติ ‘‘ยาว กมฺมวาจาปริโยสานา สณฺมานก’’นฺติ วุตฺตปริจฺเฉทกาลํ อติฏฺนฺตํ. ภาชนคตนฺติ นาวาจาฏิอาทีสุ ภาชเนสุ คตํ. ยํ ปน อนฺธกฏฺกถายํ ‘‘คมฺภีเรสุ อาวาฏาทีสุ อุกฺเขปิมํ อุทกํ นิมิตฺตํ น กาตพฺพ’’นฺติ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘; วิ. สงฺค. อฏฺ. ๑๕๘) วุตฺตํ, ตํ ทุวุตฺตํ , อตฺตโน มติมตฺตเมว. ิตํ ปน อนฺตมโส สูกรขตายปิ คามทารกานํ กีฬนวาปิยมฺปิ สเจ ยาว กมฺมวาจาปริโยสานํ ติฏฺติ, อปฺปํ วา โหตุ, พหุ วา, วฏฺฏติเยว. ตสฺมึ ปน าเน นิมิตฺตสฺากรณตฺถํ ปาสาณวาลิกาปํสุอาทิราสิ วา ปาสาณตฺถมฺโภ วา ทารุตฺถมฺโภ วา กาตพฺโพ.

เอวํ นิมิตฺตสมฺปตฺติยุตฺตตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เยหิ อากาเรหิ พทฺธา ปริสาสมฺปตฺติยุตฺตา นาม โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปริสาสมฺปตฺติยา ยุตฺตา นามา’’ติอาทิมาห. อิมสฺส ปน กมฺมสฺส จตุวคฺคกรณียตฺตา ‘‘จตูหิ ภิกฺขูหี’’ติ วุตฺตํ. อิมฺจ สีมํ พนฺธิตุกาเมหิ สามนฺตวิหาเรสุ ภิกฺขู ตสฺส ตสฺส วิหารสฺส สีมาปริจฺเฉทํ ปุจฺฉิตฺวา พทฺธสีมวิหารานํ สีมาย สีมนฺตริกํ, อพทฺธสีมวิหารานํ สีมาย อุปจารํ เปตฺวา ทิสาจาริกภิกฺขูนํ นิสฺสฺจารสมเย สเจ เอกสฺมึ คามเขตฺเต สีมํ พนฺธิตุกามา, เย ตตฺถ พทฺธสีมวิหารา, เตสุ ภิกฺขูนํ ‘‘มยํ อชฺช สีมํ พนฺธิสฺสาม, ตุมฺเห สกสกสีมาปริจฺเฉทโต มา นิกฺขมิตฺถา’’ติ เปเสตพฺพํ. เย อพทฺธสีมวิหารา, เตสุ ภิกฺขู เอกชฺฌํ สนฺนิปาตาเปตพฺพา, ฉนฺทารหานํ ฉนฺโท อาหราเปตพฺโพ. เตน วุตฺตํ ‘‘ยาวติกา ตสฺมึ คามเขตฺเต’’ติอาทิ. ตสฺมึ คามเขตฺเตติ ยสฺมึ คามเขตฺเต ตฺวา กมฺมวาจํ วาเจนฺติ, ตสฺมึ คามเขตฺเต. ‘‘สเจ อฺานิปิ คามเขตฺตานิ อนฺโต กตฺตุกามา, เตสุ คาเมสุ เย ภิกฺขู วสนฺติ, เตหิปิ อาคนฺตพฺพํ, อนาคจฺฉนฺตานํ ฉนฺโท อาหริตพฺโพ’’ติ มหาสุมตฺเถโร อาห. มหาปทุมตฺเถโร ปนาห ‘‘นานาคามเขตฺตานิ นาม ปาฏิเยกฺกํ พทฺธสีมาสทิสานิ, น ตโต ฉนฺทปาริสุทฺธิ อาคจฺฉติ. อนฺโตนิมิตฺตคเตหิ ปน ภิกฺขูหิ อาคนฺตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ปุน อาห ‘‘สมานสํวาสกสีมาสมฺมนฺนนกาเล อาคมนมฺปิ อนาคมนมฺปิ วฏฺฏติ, อวิปฺปวาสสีมาสมฺมนฺนนกาเล ปน อนฺโตนิมิตฺตคเตหิ อาคนฺตพฺพํ. อนาคจฺฉนฺตานํ ฉนฺโท อาหริตพฺโพ’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘).

อิทานิ เยหิ อากาเรหิ สมฺมตา กมฺมวาจาสมฺปตฺติยุตฺตา นาม โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘กมฺมวาจาสมฺปตฺติยา ยุตฺตา นามา’’ติอาทิมาห. อาทิสทฺเทน. ‘‘ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ เอเตหิ นิมิตฺเตหิ สีมํ สมฺมนฺเนยฺย สมานสํวาสํ เอกูโปสถํ, เอสา ตฺติ. สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, ยาวตา สมนฺตา นิมิตฺตา กิตฺติตา, สงฺโฆ เอเตหิ นิมิตฺเตหิ สีมํ สมฺมนฺนติ สมานสํวาสํ เอกูโปสถํ, ยสฺสายสฺมโต ขมติ เอเตหิ นิมิตฺเตหิ สีมาย สมฺมุติ สมานสํวาสาย เอกูโปสถาย, โส ตุณฺหสฺส. ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺย. สมฺมตา สีมา สงฺเฆน เอเตหิ นิมิตฺเตหิ สมานสํวาสา เอกูโปสถา, ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติ (มหาว. ๑๓๙) อิมํ ปาฬิเสสํ สงฺคณฺหาติ. วุตฺตายาติ อุโปสถกฺขนฺธเก วุตฺตาย. ตฺติโทสอนุสฺสาวนโทเสหิ วิรหิตตฺตา ปริสุทฺธาย.

ขณฺฑสีมา (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘; สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๓๘; วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๑๓๘) นาม ขุทฺทกสีมา. สมานสํวาสกตฺถํ สมฺมตา สีมา สมานสํวาสกสีมา. อวิปฺปวาสตฺถํ สมฺมตา สีมา อวิปฺปวาสสีมา. อิมาสุ ปน ตีสุ สีมํ สมฺมนฺนนฺเตหิ ปพฺพชฺชุปสมฺปทาทีนํ สงฺฆกมฺมานํ สุขกรณตฺถํ ปมํ ขณฺฑสีมา พนฺธิตพฺพา. ตํ ปน พนฺธนฺเตหิ วตฺตํ ชานิตพฺพํ. สเจ หิ โพธิเจติยภตฺตสาลาทีนิ สพฺพวตฺถูนิ ปติฏฺาเปตฺวา กตวิหาเร พนฺธนฺติ, วิหารมชฺเฌ พหูนํ สโมสรณฏฺาเน อพนฺธิตฺวา วิหารปจฺจนฺเต วิวิตฺโตกาเส พนฺธิตพฺพา. อกตวิหาเร พนฺธนฺเตหิ โพธิเจติยาทีนํ สพฺพวตฺถูนํ านํ สลฺลกฺเขตฺวา ยถา ปติฏฺิเตสุ วตฺถูสุ วิหารปจฺจนฺเต วิวิตฺโตกาเส โหติ, เอวํ พนฺธิตพฺพา. สา เหฏฺิมปริจฺเฉเทน สเจ เอกวีสติภิกฺขู คณฺหาติ, วฏฺฏติ. ตโต โอรํ น วฏฺฏติ. ปรํ ภิกฺขุสหสฺสํ คณฺหนฺตีปิ วฏฺฏติ. ตํ พนฺธนฺเตหิ สีมามาฬกสฺส สมนฺตา นิมิตฺตุปคา ปาสาณา เปตพฺพา, น ขณฺฑสีมาย ิเตหิ มหาสีมา พนฺธิตพฺพา, น มหาสีมาย ิเตหิ ขณฺฑสีมา. ขณฺฑสีมายเมว ปน ตฺวา ขณฺฑสีมา พนฺธิตพฺพา, มหาสีมายเมว ตฺวา มหาสีมา.

ตตฺรายํ พนฺธนวิธิ – สมนฺตา ‘‘เอโส ปาสาโณ นิมิตฺต’’นฺติ เอวํ นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา กมฺมวาจาย สีมา สมฺมนฺนิตพฺพา. อถ ตสฺสา เอว ทฬฺหีกมฺมตฺถํ อวิปฺปวาสกมฺมวาจา กาตพฺพา. เอวฺหิ ‘‘สีมํ สมูหนิสฺสามา’’ติ อาคตา สมูหนิตุํ น สกฺขิสฺสนฺติ. สีมํ สมฺมนฺนิตฺวา พหิ สีมนฺตริกปาสาณา เปตพฺพา, สีมนฺตริกา ปจฺฉิมโกฏิยา จตุรงฺคุลปฺปมาณาปิ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘; วิ. สงฺค. อฏฺ. ๑๖๓) วฏฺฏติ. สเจ ปน วิหาโร มหา โหติ, ทฺเวปิ ติสฺโสปิ ตตุตฺตริปิ ขณฺฑสีมาโย พนฺธิตพฺพา.

เอวํ ขณฺฑสีมํ สมฺมนฺนิตฺวา มหาสีมาสมฺมุติกาเล ขณฺฑสีมโต นิกฺขมิตฺวา มหาสีมายํ ตฺวา สมนฺตา อนุปริยายนฺเตหิ สีมนฺตริกปาสาณา กิตฺเตตพฺพา. ตโต อวเสสนิมิตฺเต กิตฺเตตฺวา หตฺถปาสํ อวิชหนฺเตหิ กมฺมวาจาย สมานสํวาสกสีมํ สมฺมนฺนิตฺวา ตสฺสา ทฬฺหีกมฺมตฺถํ อวิปฺปวาสกมฺมวาจาปิ กาตพฺพา. เอวฺหิ ‘‘สีมํ สมูหนิสฺสามา’’ติ อาคตา สมูหนิตุํ น สกฺขิสฺสนฺติ. สเจ ปน ขณฺฑสีมาย นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา ตโต สีมนฺตริกาย นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา มหาสีมาย นิมิตฺตานิ กิตฺเตนฺติ, เอวํ ตีสุ าเนสุ นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา ยํ สีมํ อิจฺฉนฺติ, ตํ ปมํ พนฺธิตุํ วฏฺฏติ. เอวํ สนฺเตปิ ยถาวุตฺตนเยน ขณฺฑสีมโตว ปฏฺาย พนฺธิตพฺพา. เอวํ พทฺธาสุ ปน สีมาสุ ขณฺฑสีมายํ ิตา ภิกฺขู มหาสีมายํ กมฺมํ กโรนฺตานํ น โกเปนฺติ, มหาสีมายํ วา ิตา ขณฺฑสีมายํ กโรนฺตานํ. สีมนฺตริกาย ปน ิตา อุภินฺนมฺปิ น โกปนฺติ. คามเขตฺเต ตฺวา กมฺมํ กโรนฺตานํ ปน สีมนฺตริกาย ิตา โกเปนฺติ. สีมนฺตริกา หิ คามเขตฺตํ ภชติ. อวิปฺปวาสสีมาสมฺมนฺนเน กเต สติ สา จ อวิปฺปวาสสีมา นาม โหติ. เตนาห ‘‘ตสฺสาเยว ปเภโท’’ติ. ตสฺสาเยวาติ พทฺธสีมาย เอว.

อยํ ปน วิเสโส – ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจา’’ติ (มหาว. ๑๔๔) วจนโต อวิปฺปวาสสีมา คามฺจ คามูปจารฺจ น โอตรติ, สมานสํวาสกสีมา ปน ตตฺถาปิ โอตรติ. สมานสํวาสกสีมา เจตฺถ อตฺตโน ธมฺมตาย คจฺฉติ, อวิปฺปวาสสีมา ปน ยตฺถ สมานสํวาสกสีมา, ตตฺเถว คจฺฉติ. น หิ ตสฺสา วิสุํ นิมิตฺตกิตฺตนํ อตฺถิ. ตตฺถ สเจ อวิปฺปวาสาย สมฺมุติกาเล คาโม อตฺถิ, ตํ สา น โอตรติ. สเจ ปน สมฺมตาย สีมาย ปจฺฉา คาโม นิวิสติ, โสปิ สีมาสงฺขเมว คจฺฉติ. ยถา จ ปจฺฉา นิวิฏฺโ, เอวํ ปมํ นิวิฏฺสฺส ปจฺฉา วฑฺฒิตปฺปเทโสปิ สีมาสงฺขเมว คจฺฉติ. สเจปิ สีมาสมฺมุติกาเล เคหานิ กตานิ, ‘‘ปวิสิสฺสามา’’ติ อาลโยปิ อตฺถิ, มนุสฺสา ปน อปฺปวิฏฺา, โปราณคามํ วา สเคหเมว ฉฑฺเฑตฺวา อฺตฺถ คตา, อคาโมเยว เอส, สีมา โอตรติ. สเจ ปน เอกมฺปิ กุลํ ปวิฏฺํ วา อคตํ วา อตฺถิ, คาโมเยว, สีมา น โอตรติ.

เอวํ พทฺธสีมํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อพทฺธสีมํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อพทฺธสีมา ปนา’’ติอาทิมาห. คาโม เอว สีมา คามสีมา. คามคฺคหเณน เจตฺถ นิคมนครานมฺปิ สงฺคโห เวทิตพฺโพ. ยตฺตเก ปเทเส ตสฺส คามสฺส คามโภชกา พลึ ลภนฺติ, โส ปเทโส อปฺโป วา โหตุ, มหนฺโต วา, เอกํ คามเขตฺตํ นาม. ยมฺปิ เอกสฺมึเยว คามเขตฺเต เอกํ ปเทสํ ‘‘อยํ วิสุํ คาโม โหตู’’ติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ราชา กสฺสจิ เทติ, โสปิ วิสุํคามสีมา โหติเยว. ตสฺมา สา จ อิตรา จ ปกติคามสีมา พทฺธสีมาสทิสาว โหติ. เกวลํ ปน ติจีวรวิปฺปวาสปริหารํ น ลภตีติ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๗).

อคามเก อรฺเติ วิฺฌาฏวิสทิเส อรฺเ. เตนาห ‘‘อคามกํ นามา’’ติอาทิ. อยํ ปน สีมา ติจีวรวิปฺปวาสปริหารมฺปิ ลภติ. มจฺฉพนฺธานนฺติ เกวฏฺฏานํ. อคมนปเถสูติ คนฺตุํ อสกฺกุเณยฺยปเถสุ. ยตฺถ ตทเหว คนฺตฺวา ตทเหว ปจฺจาคนฺตุํ น สกฺกา โหติ, ตาทิเสสูติ วุตฺตํ โหติ. เตสํ คมนปริยนฺตสฺส โอรโต ปน คามสีมาสงฺขํ คจฺฉติ. ตตฺถ คามสีมํ อโสเธตฺวา กมฺมํ กาตุํ น วฏฺฏติ. มชฺเฌ ิตานํ สพฺพทิสาสุ สตฺตพฺภนฺตราติ มชฺเฌ ิตานํ ภิกฺขูนํ ิโตกาสโต สพฺพทิสาสุ สตฺตพฺภนฺตรา. ตตฺถาติ เตสุ อพฺภนฺตเรสุ. ตสฺมาติ ยสฺมา ปริสวเสน วฑฺฒติ, ตสฺมา. อุปจารตฺถายาติ สีโมปจารตฺถาย. สีมาภาวํ ปฏิกฺขิปิตฺวาติ พทฺธสีมาภาวํ ปฏิกฺขิปิตฺวา. สมาโน สํวาโส เอตฺถาติ สมานสํวาสา. เอโก อุโปสโถ เอตฺถาติ เอกูโปสถา. เอตฺถ จ อุโปสถสฺส วิสุํ คหิตตฺตา อวเสสกมฺมวเสน สมานสํวาสตา เวทิตพฺพา. วุตฺตาติ อพทฺธสีมาปริจฺเฉทํ ทสฺเสตุํ อุโปสถกฺขนฺธเก (มหาว. ๑๔๙) วุตฺตา. อนุ อนุ อฑฺฒมาสํ อนฺวฑฺฒมาสํ, อฑฺฒมาเส อฑฺฒมาเสติ อตฺโถ. เอวํ ‘‘อนุทสาห’’นฺติอาทีสุปิ. เทเวติ เมเฆ. วลาหเกสุ วิคตมตฺเตสูติ ภาเวนภาวลกฺขเณ ภุมฺมํ. โสตนฺติ อุทกปฺปวาโห วุจฺจติ. ติตฺเถน วา อติตฺเถน วา โอตริตฺวาติ ปาเสโส. ติมณฺฑลํ ปฏิจฺฉาเทตฺวาติ ยถา ติมณฺฑลปฏิจฺฉาทนํ โหติ, เอวํ นิวาเสตฺวา. อุตฺตรนฺติยาติ ยตฺถ กตฺถจิ อุตฺตรนฺติยา. ภิกฺขุนีวิภงฺเค (ปาจิ. ๖๙๒) ภิกฺขุนิยา วเสน นทีลกฺขณสฺส ปาฬิยํ อาคตตฺตา ‘‘ภิกฺขุนิยา’’ติ วุตฺตํ, น ปน วิเสสสพฺภาวโต.

เกนจิขณิตฺวา อกโตติ อนฺตมโส ติรจฺฉาเนนปิ ขณิตฺวา อกโต. นทึ วา สมุทฺทํ วา ภินฺทิตฺวาติ นทีกูลํ วา สมุทฺทเวลํ วา ภินฺทิตฺวา. เอตํ ลกฺขณนฺติ ‘‘ยตฺถ นทิยํ วุตฺตปฺปกาเร วสฺสกาเล อุทกํ สนฺติฏฺตี’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) วุตฺตปฺปการลกฺขณํ. โลณีปิ ชาตสฺสรสงฺขเมว คจฺฉติ. ยตฺถ ปน วุตฺตปฺปกาเร วสฺสกาเล วสฺเส ปจฺฉินฺนมตฺเต ปิวิตุํ วา หตฺถปาเท โธวิตุํ วา อุทกํ น โหติ สุกฺขติ, อยํ ชาตสฺสโร คามเขตฺตสงฺขเมว คจฺฉติ.

อุทกุกฺเขปาติ กรณตฺเถ นิสฺสกฺกวจนนฺติ อาห ‘‘อุทกุกฺเขเปนา’’ติ. กถํ ปน อุทกํ ขิปิตพฺพนฺติ อาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ. มชฺฌิเมน ปุริเสนาติ ถามมชฺฌิเมน ปุริเสน. อยํ อุทกุกฺเขโป นามาติ อยํ อุทกุกฺเขเปน ปริจฺฉินฺนา สีมา นามาติ อตฺโถ. ยาว ปริสา วฑฺฒติ, ตาว อยํ สีมาปิ วฑฺฒติ, ปริสปริยนฺตโต อุทกุกฺเขโปเยว ปมาณํ. สเจ ปน นที นาติทีฆา โหติ, ปภวโต ปฏฺาย ยาว มุขทฺวารํ สพฺพตฺถ สงฺโฆ นิสีทติ, อุทกุกฺเขปสีมากมฺมํ นตฺถิ. สกลาปิ นที เอเตสํเยว ภิกฺขูนํ ปโหติ.

ปกติวสฺสกาเลติ ปุพฺเพ วุตฺตปฺปกาเร ปกติวสฺสกาเล. จตูสุ มาเสสูติ วสฺสานสฺส จตูสุ มาเสสุ. อติวุฏฺิกาเล โอเฆน โอตฺถโตกาโส น คเหตพฺโพ. โส หิ คามสีมาสงฺขเมว คจฺฉติ. อนฺโตนทิยํ ชาตสฺสเร ชาตปิฏฺิปาสาณทีปเกสุปิ อยเมว วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ. สเจ ปน นที ปริปุณฺณา โหติ สมติตฺถิกา, อุทกสาฏิกํ นิวาเสตฺวาปิ อนฺโตนทิยํเยว กมฺมํ กาตพฺพํ. สเจ น สกฺโกนฺติ, นาวายปิ ตฺวา กาตพฺพํ. คจฺฉนฺติยา ปน นาวาย กาตุํ น วฏฺฏติ. กสฺมา? อุทกุกฺเขปมตฺตเมว หิ สีมา, ตํ นาวา สีฆเมว อติกฺกาเมติ. เอวํ สติ อฺิสฺสา สีมาย ตฺติ, อฺิสฺสา อนุสฺสาวนา โหติ, ตสฺมา นาวํ อริตฺเตน วา เปตฺวา, ปาสาเณ วา ลมฺพิตฺวา, อนฺโตนทิยํ ชาตรุกฺเข วา พนฺธิตฺวา กมฺมํ กาตพฺพํ. อนฺโตนทิยํ พทฺธอฏฺฏเกปิ อนฺโตนทิยํ ชาตรุกฺเขปิ ิเตหิ กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ.

สเจ ปน รุกฺขสฺส สาขา วา ตโต นิกฺขนฺตปาโรโห วา พหินทีตีเร วิหารสีมาย วา คามสีมาย วา ปติฏฺิโต, สีมํ วา โสเธตฺวา, สาขํ วา ฉินฺทิตฺวา กมฺมํ กาตพฺพํ. พหินทีตีเร ชาตรุกฺขสฺส อนฺโตนทิยํ ปวิฏฺสาขาย วา ปาโรเห วา นาวํ พนฺธิตฺวา กมฺมํ กาตุํ น วฏฺฏติ. กโรนฺเตหิ สีมา วา โสเธตพฺพา, สาขํ ฉินฺทิตฺวา วา ตสฺส พหิปติฏฺิตภาโค นาเสตพฺโพ. นทีตีเร ปน ขาณุกํ โกฏฺเฏตฺวา ตตฺถ พนฺธนาวาย น วฏฺฏติเยว.

นทิยํ เสตุํ กโรนฺติ, สเจ อนฺโตนทิยํเยว เสตุ วา เสตุปาทา วา, เสตุมฺหิ ิเตหิ กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ. สเจ ปน เสตุ วา เสตุปาทา วา พหิตีเร ปติฏฺิตา, กมฺมํ กาตุํ น วฏฺฏติ, สีมํ โสเธตฺวา กมฺมํ กาตพฺพํ. อถ เสตุปาทา อนฺโต, เสตุ ปน อุภินฺนมฺปิ ตีรานํ อุปริอากาเส ิโต, วฏฺฏติ. ชาตสฺสเรปิ เอเสว นโย.

‘‘ยสฺมึ ปเทเส ปกติวีจิโย โอตฺถริตฺวา สณฺหนฺตี’’ติ เอเตน ยํ ปเทสํ อุทฺธํ วฑฺฒนกอุทกํ วา ปกติวีจิโย วา เวเคน อาคนฺตฺวา โอตฺถรนฺติ, ตตฺถ กมฺมํ กาตุํ น วฏฺฏตีติ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๗) ทสฺเสติ. สเจ อูมิเวโค พาธติ, นาวาย วา อฏฺฏเก วา ตฺวา กาตพฺพํ. เตสุ วินิจฺฉโย นทิยํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. สเจ ปน สมุทฺโท คามสีมํ วา นิคมสีมํ วา โอตฺถริตฺวา ติฏฺติ, สมุทฺโทว โหติ. ตตฺถ กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ. ตโต ปฏฺาย กปฺปิยภูมีติ โอตฺถริตฺวา สณฺิตอุทกนฺตโต ปฏฺาย อนฺโต นทีชาตสฺสรสมุทฺโท นามาติ อตฺโถ. ทุพฺพุฏฺิกาเลติ วสฺสานเหมนฺเต สนฺธาย วุตฺตํ. สุกฺเขสุปีติ นิรุทเกสุปิ. ยถา จ วาปิขณเน, เอวํ อาวาฏโปกฺขรณีอาทีนํ ขณเนปิ คามเขตฺตํ โหติเยวาติ ทฏฺพฺพํ. วปฺปํ วา กโรนฺตีติ ลาพุติปุสกาทิวปฺปํ วา กโรนฺติ. ตํ านนฺติ ยตฺถ วาปิอาทิกํ กตํ, ตํ านํ. อฺํ ปน กปฺปิยภูมิ. สเจ ปน ชาตสฺสรํ ปูเรตฺวา ถลํ กโรนฺติ, เอกสฺมึ ทิสาภาเค ปาฬึ พนฺธิตฺวา สพฺพเมว นํ มหาตฬากํ วา กโรนฺติ, สพฺโพปิ อชาตสฺสโร โหติ. คามสีมาสงฺขเมว คจฺฉติ.

สเจ นทิมฺปิ วินาเสตฺวา ตฬากํ กโรนฺติ, เหฏฺา ปาฬิ พทฺธา, อุทกํ อาคนฺตฺวา ตฬากํ ปูเรตฺวา ติฏฺติ, เอตฺถ กมฺมํ กาตุํ น วฏฺฏติ. อุปริ ปวตฺตนฏฺาเน ฉฑฺฑิตํ อุทกํ นทึ โอตฺถริตฺวา สนฺทนฏฺานโต ปฏฺาย วฏฺฏติ. กาจิ นที กาลนฺตเรน อุปฺปติตฺวา คามนิคมสีมํ โอตฺถริตฺวา ปวตฺตติ, นทีเยว โหติ, กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ. สเจ วิหารสีมํ โอตฺถรติ ‘‘วิหารสีมา’’ตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ. ตสฺมาติ ยสฺมา อนฺโต คจฺฉติ, ตสฺมา. สมนฺตา อุทกุกฺเขปปริจฺเฉโท กาตพฺโพติ ปโหนกฏฺานํ สนฺธาย วุตฺตํ. ยตฺถ ปน กุนฺนทีอาทีสุ นปฺปโหติ, ตตฺถ ปโหนกฏฺานโต อุทกุกฺเขปปริจฺเฉโท กาตพฺโพ. อุปจารตฺถายาติ สีโมปจารตฺถาย.

กสฺมา ปน อฺเมกํ สตฺตพฺภนฺตรํ, อฺโ เอโก อุทกุกฺเขโป จ อุปจารตฺถาย เปตพฺโพติ อาห ‘‘อยํ หี’’ติอาทิ. อิทํ วุตฺตํ โหติ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๔๗; วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๔๗) – ยสฺมา อยํ สตฺตพฺภนฺตรสีมา จ อุทกุกฺเขปสีมา จ ภิกฺขูนํ ิโตกาสโต ปฏฺาย ลพฺภติ, เต จ ภิกฺขู น สพฺพทา เอกสทิสา, กทาจิ วฑฺฒนฺติ, กทาจิ ปริหายนฺติ. ยทา จ วฑฺฒนฺติ, ตทา สีมาสงฺกโร โหติ. ตสฺมา อฺเมกํ สตฺตพฺภนฺตรํ, อฺโ เอโก อุทกุกฺเขโป จ อุปจารตฺถาย เปตพฺโพติ. ยํ ปน มหาอฏฺกถายํ ‘‘ตโต อธิกํ วฏฺฏติเยว, อูนกํ ปน น วฏฺฏตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๗) วุตฺตํ, ตมฺปิ เอตทตฺถเมว, น ปน ตตฺถ กตสฺส กมฺมสฺส กุปฺปตฺตาติ คเหตพฺพํ. ปริจฺเฉทโต พหิ อฺํ ตตฺตกํเยว ปริจฺเฉทํ อนติกฺกมิตฺวา ิโตปีติ อตฺตโน สตฺตพฺภนฺตเรน, อุทกุกฺเขเปน วา โย เตสํ สตฺตพฺภนฺตรสฺส, อุทกุกฺเขปสฺส วา ปริจฺเฉโท, ตโต พหิ อฺํ ตตฺตกํเยว ปริจฺเฉทํ อนติกฺกมิตฺวา ิโตปีติ อตฺโถ. กถเมตํ วิฺายตีติ อาห ‘‘อิทํ สพฺพอฏฺกถาสุ สนฺนิฏฺาน’’นฺติ, อิทํ ‘‘กมฺมํ โกเปตี’’ติ มหาอฏฺกถาทีสุ ววตฺถานนฺติ อตฺโถ. ‘‘อิติ อิม’’นฺติอาทิ ยถาวุตฺตสฺส นิคมนํ. โหติ เจตฺถ –

‘‘พทฺธาพทฺธวเสเนธ, สีมา นาม ทฺวิธา ตหึ;

ติสมฺปตฺติยุตฺตา วชฺชิ-เตกาทส วิปตฺติกา;

พทฺธสีมา ติธา ขณฺฑา-ทิโต คามาทิโต ปรา’’ติ.

สภาคาปตฺติ จ นาเมสา ทุวิธา วตฺถุสภาคา, อาปตฺติสภาคาติ. ตตฺถ อิธ วตฺถุสภาคา อธิปฺเปตา, เนตราติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยํ สพฺโพ สงฺโฆ วิกาลโภชนาทินา’’ติอาทิมาห. ลหุกาปตฺตินฺติ ลหุเกน วินยกมฺเมน วิสุชฺฌนโต ลหุกา ถุลฺลจฺจยปาจิตฺติยปาฏิเทสนียทุกฺกฏทุพฺภาสิตสงฺขาตา ปฺจาปตฺติโย. วตฺถุสภาคาย สงฺฆาทิเสสาปตฺติยาปิ สติ อุโปสถกมฺมํ ปตฺตกลฺลํ น โหติเยว. ยถาห ‘‘สภาคสงฺฆาทิเสสํ อาปนฺนสฺส ปน สนฺติเก อาวิ กาตุํ น วฏฺฏติ. สเจ อาวิ กโรติ, อาปตฺติ อาวิกตา โหติ, ทุกฺกฏา ปน น มุจฺจตี’’ติ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒). ตสฺสา ปน อเทสนาคามินิโต เอวํ วุตฺตํ. วตฺถุสภาคาติ วตฺถุวเสน สมานภาคา, เอกโกฏฺาสาติ วุตฺตํ โหติ. อิมเมว วตฺถุสภาคํ เทเสตุํ น วฏฺฏติ ‘‘น, ภิกฺขเว, สภาคา อาปตฺติ เทเสตพฺพา, โย เทเสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๑๖๙) วุตฺตตฺตา, น ปน อาปตฺติสภาคํ. เตนาห ‘‘วิกาลโภชนปจฺจยา อาปนฺนํ ปนา’’ติอาทิ. อาปตฺติสภาคนฺติ อาปตฺติยา สมานภาคํ.

สามนฺตา อาวาสาติ สามนฺตอาวาสํ, สมีปวิหารนฺติ อตฺโถ. สชฺชุกนฺติ ตทเหวาคมนตฺถาย. ปาเหตพฺโพติ เปเสตพฺโพ. อิจฺเจตํ กุสลนฺติ อิติ เอตํ สุนฺทรํ ภทฺทกํ, ลทฺธกปฺปนฺติ วุตฺตํ โหติ. โน เจ ลเภถาติ วิหารานํ ทูรตาย วา มคฺเค ปริปนฺถาทินา วา ยทิ น ลเภถ. ‘‘ตสฺส สนฺติเก ปฏิกริสฺสตี’’ติ อิมินา วจเนน สภาคาปตฺติ อาวิ กาตุมฺปิ น ลพฺภตีติ ทีปิตํ โหติ. ยทิ ลเภยฺย, อาวิ กตฺวาปิ อุโปสถํ กเรยฺย. ยทิ ปน สพฺโพ สงฺโฆ สภาคํ สงฺฆาทิเสสํ อาปนฺโน โหติ, ตฺตึ เปตฺวา อุโปสถํ กาตุํ น วฏฺฏติ, อุโปสถสฺส อนฺตราโยว โหติ. อุโภปิ ทุกฺกฏํ อาปชฺชนฺติ ‘‘น, ภิกฺขเว, สภาคา อาปตฺติ เทเสตพฺพา, โย เทเสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. น, ภิกฺขเว, สภาคา อาปตฺติ ปฏิคฺคเหตพฺพา, โย ปฏิคฺคณฺเหยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๑๖๙) วุตฺตตฺตา. วิมติ สํสโย, ตตฺถ นิยุตฺโต เวมติโก. ‘‘ปุน นิพฺเพมติโก หุตฺวา เทเสตพฺพเมวา’’ติ เนว ปาฬิยํ, น จ อฏฺกถายํ อตฺถิ, เทสิเต ปน โทโส นตฺถิ. วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘ปาริสุทฺธึ อายสฺมนฺโต อาโรเจถา’’ติอาทินา นเยน สาปตฺติกสฺส อุโปสถกรเณ ปฺตฺตํ ทุกฺกฏํ อาปชฺชนฺตีติ วุตฺตนเยเนว. กสฺมา สภาคาปตฺติเยว วุตฺตาติ อาห ‘‘เอตาสุ หี’’ติอาทิ. วิสภาคาปตฺตีสุ วิชฺชมานาสุปิ ปตฺตกลฺลํ โหติเยวาติ วิสภาคาสุ ปน วิชฺชมานาสุ เตสํเยว ปุคฺคลานํ อาปตฺติ, น สงฺฆสฺสาติ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ โหติเยว.

อนฺติมวตฺถุอชฺฌาปนฺนโก นาม จตุนฺนํ ปาราชิกานํ อฺตรํ อชฺฌาปนฺนโก. ปณฺฑกาทีนํ วินิจฺฉโย ปรโต ปาราชิกุทฺเทเส อาวิ ภวิสฺสติ . ติรจฺฉานคโตติ อนฺตมโส สกฺกํ เทวราชานํ อุปาทาย โย โกจิ นาคมาณวกาทิโก อมนุสฺสชาติโก เวทิตพฺโพ, น อสฺสโคณาทโย. เตนาห ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิ. ตตฺถ เอตฺถาติ เอติสฺสํ วชฺชนียปุคฺคลกถายํ. ยสฺส อุปสมฺปทา ปฏิกฺขิตฺตาติ ‘‘ติรจฺฉานคโต, ภิกฺขเว, อนุปสมฺปนฺโน, น อุปสมฺปาเทตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๑๑๑) ยสฺส นาคสุปณฺณาทิโน ติรจฺฉานคตสฺส อุปสมฺปทา ปฏิกฺขิตฺตา , โส อิธาปิ ติรจฺฉานคโต นามาติ อตฺโถ. ตตฺถ หิ อนฺตมโส เทเว อุปาทาย นาคมาณวกาทิโก โย โกจิ อมนุสฺสชาติโก ‘‘ติรจฺฉานคโต’’ติ อธิปฺเปโต. วุตฺตฺหิ สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘ติรจฺฉานคโต, ภิกฺขเวติ เอตฺถ นาโค วา โหตุ สุปณฺณมาณวกาทีนํ วา อฺตโร, อนฺตมโส สกฺกํ เทวราชานํ อุปาทาย โย โกจิ อมนุสฺสชาติโย, โส สพฺโพว อิมสฺมึ อตฺเถ ‘ติรจฺฉานคโต’ติ เวทิตพฺโพ’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๑๑). ติตฺถํ วุจฺจติ ลทฺธิ, ตํ เอเตสํ อตฺถีติ ติตฺถิกา, ติตฺถิกา เอว ติตฺถิยา, อิโต อฺลทฺธิกาติ อตฺโถ.

สุตฺตสฺส อุทฺเทโส สุตฺตุทฺเทโส. ปาริสุทฺธิ เอว อุโปสโถ ปาริสุทฺธิอุโปสโถ. เอเสว นโย อธิฏฺานุโปสโถติ เอตฺถาปิ. โสติ ปาติโมกฺขุทฺเทโส. โอวาโทว ปาติโมกฺขํ, ตสฺส อุทฺเทโส สรูเปน กถนํ โอวาทปาติโมกฺขุทฺเทโส. ‘‘อิมสฺมึ วีติกฺกเม อยํ นาม อาปตฺตี’’ติ เอวํ อาปตฺติวเสน อาณาปนํ ปฺาปนํ อาณา, เสสํ อนนฺตรสทิสเมว.

ขนฺตี ปรมํ ตโป ติติกฺขา…เป… วุตฺตา ติสฺโส คาถาโย นาม –

‘‘ขนฺตี ปรมํ ตโป ติติกฺขา;

นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา;

น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตี;

น สมโณ โหติ ปรํ วิเหยนฺโต.

‘‘สพฺพปาปสฺส อกรณํ, กุสลสฺส อุปสมฺปทา;

สจิตฺตปริโยทปนํ, เอตํ พุทฺธาน สาสนํ.

‘‘อนูปวาโท อนูปฆาโต, ปาติโมกฺเข จ สํวโร;

มตฺตฺุตา จ ภตฺตสฺมึ, ปนฺตฺจ สยนาสนํ;

อธิจิตฺเต จ อาโยโค, เอตํ พุทฺธาน สาสน’’นฺติ.(ที. นิ. ๒.๙๐; ธ. ป. ๑๘๓-๑๘๕) –

อิมา ติสฺโส คาถาโย.

ตตฺถ ขนฺตี ปรมํ ตโปติ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๙๐; ธ. ป. อฏฺ. ๒.๑๘๕) อธิวาสนขนฺติ นาม ปรมํ ตโป. ติติกฺขาติ ขนฺติยา เอว เววจนํ, ติติกฺขาสงฺขาตา อธิวาสนขนฺติ อุตฺตมํ ตโปติ อตฺโถ. นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺตีติ สพฺพากาเรน ปน นิพฺพานํ ‘‘ปรม’’นฺติ วทนฺติ พุทฺธา. น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตีติ โย อธิวาสนขนฺติวิรหิตตฺตา ปรํ อุปฆาเตติ พาธติ วิหึสติ, โส ปพฺพชิโต นาม น โหติ. จตุตฺถปาโท ปน ตสฺเสว เววจนํ. ‘‘น หิ ปพฺพชิโต’’ติ เอตสฺส หิ ‘‘นสมโณ โหตี’’ติ เววจนํ. ‘‘ปรูปฆาตี’’ติ เอตสฺส ‘‘ปรํ วิเหยนฺโต’’ติ เววจนํ. อถ วา ปรูปฆาตีติ สีลูปฆาตี. สีลฺหิ อุตฺตมฏฺเน ‘‘ปร’’นฺติ วุจฺจติ. โย จ สมโณ ปรํ ยํ กฺจิ สตฺตํ วิเหยนฺโต ปรูปฆาตี โหติ, อตฺตโน สีลวินาสโก, โส ปพฺพชิโต นาม น โหตีติ อตฺโถ. อถ วา โย อธิวาสนขนฺติยา อภาวา ปรูปฆาตี โหติ, ปรํ อนฺตมโส ฑํสมกสมฺปิ สฺจิจฺจ ชีวิตา โวโรเปติ, โส น หิ ปพฺพชิโต. กึ การณา? มลสฺส อปพฺพาชิตตฺตา. ‘‘ปพฺพาชยมตฺตโน มลํ, ตสฺมา ‘ปพฺพชิโต’ติ วุจฺจตี’’ติ (ธ. ป. ๓๘๘) อิทฺหิ ปพฺพชิตลกฺขณํ. โยปิ น เหว โข อุปฆาเตติ น มาเรติ, อปิจ ทณฺฑาทีหิ วิเหเติ, โส ปรํ วิเหยนฺโต สมโณ น โหติ. กึ การณา? วิเหสาย อสมิตตฺตา. ‘‘สมิตตฺตา หิ ปาปานํ, ‘สมโณ’ติ ปวุจฺจตี’’ติ (ธ. ป. ๒๖๕) อิทฺหิ สมณลกฺขณํ.

ทุติยคาถาย สพฺพปาปสฺสาติ สพฺพากุสลสฺส. อกรณนฺติ อนุปฺปาทนํ. กุสลสฺสาติ จตุภูมกกุสลสฺส. อุปสมฺปทาติ อุปสมฺปาทนํ ปฏิลาโภ. สจิตฺตปริโยทปนนฺติ อตฺตโน จิตฺตสฺส โวทาปนํ ปภสฺสรภาวกรณํ สพฺพโส ปริโสธนํ, ตํ ปน อรหตฺเตน โหติ. อิติ สีลสํวเรน สพฺพปาปํ ปหาย โลกิยโลกุตฺตราหิ สมถวิปสฺสนาหิ กุสลํ สมฺปาเทตฺวา อรหตฺตผเลน จิตฺตํ ปริโยทาเปตพฺพนฺติ เอตํ พุทฺธานํ สาสนํ โอวาโท อนุสิฏฺิ.

ตติยคาถาย อนูปวาโทติ วาจาย กสฺสจิ อนุปวทนํ. อนูปฆาโตติ กาเยน กสฺสจิ อุปฆาตสฺส อกรณํ. ปาติโมกฺเขติ ยํ ตํ ปาติโมกฺขํ ปอติโมกฺขํ อติปโมกฺขํ อุตฺตมํ สีลํ, ปาติ วา อคติวิเสเสหิ, โมกฺเขติ ทุคฺคติภเยหิ. โย วา นํ ปาติ, ตํ โมกฺเขตีติ ‘‘ปาติโมกฺข’’นฺติ วุจฺจติ, ตสฺมึ ปาติโมกฺเข จ. สํวโรติ สตฺตนฺนํ อาปตฺติกฺขนฺธานํ อวีติกฺกมลกฺขโณ สํวโร. มตฺตฺุตาติ ปฏิคฺคหณปริโภควเสน ปมาณฺุตา. ปนฺตฺจ สยนาสนนฺติ ชนสงฺฆฏฺฏนวิรหิตํ นิชฺชนสมฺพาธํ วิวิตฺตํ, เสนาสนฺจ. เอตฺถ จ ทฺวิหิเยว ปจฺจเยหิ จตุปจฺจยสนฺโตโส ทีปิโตติ เวทิตพฺโพ ปจฺจยสนฺโตสสามฺเน อิตรทฺวยสฺสาปิ ลกฺขณหารนเยน โชติตตฺตา. อธิจิตฺเต จ อาโยโคติ วิปสฺสนาปาทกํ อฏฺสมาปตฺติจิตฺตํ, ตโตปิ มคฺคผลจิตฺตเมว อธิจิตฺตํ, ตสฺมึ ยถาวุตฺเต อธิจิตฺเต อาโยโค จ อนุโยโค จาติ อตฺโถ. เอตํ พุทฺธาน สาสนนฺติ เอตํ ปรสฺส อนุปวทนํ, อนุปฆาตนํ, ปาติโมกฺเข สํวโร, ปฏิคฺคหณปริโภเคสุ มตฺตฺุตา, อฏฺสมาปตฺติวสิภาวาย วิวิตฺตเสนาสนเสวนฺจ พุทฺธานํ สาสนํ โอวาโท อนุสิฏฺีติ. อิมา ปน ติสฺโส คาถา สพฺพพุทฺธานํ ปาติโมกฺขุทฺเทสคาถาโย โหนฺตีติ เวทิตพฺพา. ตํ พุทฺธา เอว อุทฺทิสนฺติ, น สาวกา.

‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ’’ติอาทินา (มหาว. ๑๓๔) นเยน วุตฺตํ อาณาปาติโมกฺขํ นาม. ตํ สาวกา เอว อุทฺทิสนฺติ, น พุทฺธา สงฺฆกมฺมํ กโรนฺติ, น จ ตตฺถ ปริยาปนฺนาติ อาห ‘‘ตํ สาวกา เอว อุทฺทิสนฺติ, น พุทฺธา’’ติ. อิมสฺมึ อตฺเถติ ‘‘ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยา’’ติ เอตสฺมึ อตฺเถ.

อนุปคโต นาม ตตฺเถว อุปสมฺปนฺโน, อสติยา ปุริมิกาย อนุปคโต วา. จาตุมาสินิยนฺติ จาตุมาสิยํ. สา หิ จตุนฺนํ มาสานํ ปาริปูริภูตาติ จาตุมาสี, สา เอว ‘‘จาตุมาสินี’’ติ วุจฺจติ, ตสฺสํ จาตุมาสินิยํ. ปจฺฉิมกตฺติกปุณฺณมาสินิยนฺติ อตฺโถ. กายสามคฺคินฺติ กาเยน สมคฺคภาวํ, หตฺถปาสูปคมนนฺติ วุตฺตํ โหติ.

อยํ ปเนตฺถ วินิจฺฉโย – สเจ ปุริมิกาย ปฺจ ภิกฺขู วสฺสํ อุปคตา, ปจฺฉิมิกายปิ ปฺจ, ปุริเมหิ ตฺตึ เปตฺวา ปวาริเต ปจฺฉิเมหิ เตสํ สนฺติเก ปาริสุทฺธิอุโปสโถ กาตพฺโพ, น เอกสฺมึ อุโปสถคฺเค ทฺเว ตฺติโย เปตพฺพา. สเจปิ ปจฺฉิมิกาย อุปคตา จตฺตาโร, ตโย, ทฺเว, เอโก วา โหติ, เอเสว นโย. อถ ปุริมิกาย จตฺตาโร, ปจฺฉิมิกายปิ จตฺตาโร, ตโย, ทฺเว, เอโก วา, เอเสว นโย. อถ ปุริมิกาย ตโย, ปจฺฉิมิกาย ตโย, ทฺเว วา, เอเสว นโย. อิทฺเหตฺถ ลกฺขณํ – สเจ ปุริมิกาย อุปคเตหิ ปจฺฉิมิกาย อุปคตา โถกตรา เจว โหนฺติ สมสมา จ, สงฺฆปฺปวารณาย จ คณํ ปูเรนฺติ, สงฺฆปฺปวารณาวเสน ตฺตึ เปตฺวา ปุริเมหิ ปวาเรตพฺพา. สเจ ปน ปุริมิกาย ตโย, ปจฺฉิมิกาย เอโก โหติ, เตน สทฺธึ เต จตฺตาโร โหนฺติ, จตุนฺนํ สงฺฆตฺตึ เปตฺวา ปวาเรตุํ น วฏฺฏติ. คณตฺติยา ปน โส คณปูรโก โหติ, ตสฺมา คณวเสน ตฺตึ เปตฺวา ปุริเมหิ ปวาเรตพฺพํ, อิตเรน เตสํ สนฺติเก ปาริสุทฺธิอุโปสโถ กาตพฺโพ. สเจ ปุริมิกาย ทฺเว, ปจฺฉิมิกาย ทฺเว วา เอโก วา, เอตฺถาปิ เอเสว นโย. สเจ ปุริมิกาย เอโก, ปจฺฉิมิกายปิ เอโก, เอเกน เอกสฺส สนฺติเก ปวาเรตพฺพํ, เอเกน ปาริสุทฺธิอุโปสโถ กาตพฺโพ . สเจ ปุริมวสฺสูปคเตหิ ปจฺฉิมวสฺสูปคตา เอเกนปิ อธิกตรา โหนฺติ, ปมํ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตฺวา ปจฺฉา โถกตเรหิ เตสํ สนฺติเก ปวาเรตพฺพํ. กตฺติกจาตุมาสินิปวารณาย ปน สเจ ปมํ วสฺสูปคเตหิ มหาปวารณาย ปวาริเตหิ ปจฺฉา อุปคตา อธิกตรา วา สมสมา วา โหนฺติ, ปวารณาตฺตึ เปตฺวา ปวาเรตพฺพํ. เตหิ ปวาริเต ปจฺฉา อิตเรหิ ปาริสุทฺธิอุโปสโถ กาตพฺโพ. อถ มหาปวารณาย ปวาริตา พหู โหนฺติ, ปจฺฉา วสฺสูปคตา โถกา วา เอโก วา, ปาติโมกฺเข อุทฺทิฏฺเ ปจฺฉา เตสํ สนฺติเก เตน ปวาเรตพฺพนฺติ.

เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวาติ เอกสฺมึ อํเส สาธุกํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวาติ อตฺโถ. อฺชลึ ปคฺคเหตฺวาติ ทสนขสโมธานสมุชฺชลํ อฺชลึ อุกฺขิปิตฺวา. สเจ ปน ตตฺถ ปาริวาสิโกปิ อตฺถิ, สงฺฆนวกฏฺาเน นิสีทิตฺวา ตตฺเถว นิสินฺเนน อตฺตโน ปาฬิยา ปาริสุทฺธิอุโปสโถ กาตพฺโพ. ปาติโมกฺเข อุทฺทิสิยมาเน ปน ปาฬิยา อนิสีทิตฺวา ปาฬึ วิหาย หตฺถปาสํ อมุฺจนฺเตน นิสีทิตพฺพํ. ปวารณายปิ เอเสว นโย.

สพฺพํปุพฺพกรณียนฺติ สมฺมชฺชนาทึ นววิธํ ปุพฺพกิจฺจํ. ยถา จ สพฺโพ สงฺโฆ สภาคาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ…เป… ปฏิกริสฺสตี’’ติ (มหาว. ๑๗๑) ตฺตึ เปตฺวา อุโปสถํ กาตุํ ลภติ, เอวเมตฺถาปิ ตีหิ ‘‘สุณนฺตุ เม อายสฺมนฺตา อิเม ภิกฺขู สภาคํ อาปตฺตึ อาปนฺนา, ยทา อฺํ ภิกฺขุํ สุทฺธํ อนาปตฺติกํ ปสฺสิสฺสนฺติ, ตทา ตสฺส สนฺติเก ตํ อาปตฺตึ ปฏิกริสฺสนฺตี’’ติ คณตฺตึ เปตฺวา, ทฺวีหิปิ ‘‘อฺํ สุทฺธํ ปสฺสิตฺวา ปฏิกริสฺสามา’’ติ วตฺวา อุโปสถํ กาตุํ วฏฺฏติ. เอเกนาปิ ‘‘ปริสุทฺธํ ลภิตฺวา ปฏิกริสฺสามี’’ติ อาโภคํ กตฺวา กาตุํ วฏฺฏติ. ตทหูติ ตสฺมึ อหุ, ตสฺมึ ทิวเสติ อตฺโถ. นานาสํวาสเกหีติ ลทฺธินานาสํวาสเกหิ. อนาวาโส นาม นวกมฺมสาลาทิโก โย โกจิ ปเทโส. อฺตฺร สงฺเฆนาติ สงฺฆปฺปโหนเกหิ ภิกฺขูหิ วินา. อฺตฺร อนฺตรายาติ ปุพฺเพ วุตฺตํ ทสวิธมนฺตรายํ วินา. สพฺพนฺติเมน ปน ปริจฺเฉเทน อตฺตจตุตฺเถน อนฺตราเย วา สติ คนฺตุํ วฏฺฏติ. ยถา จ อาวาสาทโย น คนฺตพฺพา, เอวํ สเจ วิหาเร อุโปสถํ กโรนฺติ, อุโปสถาธิฏฺานตฺถํ สีมาปิ นทีปิ น คนฺตพฺพา. สเจ ปเนตฺถ โกจิ ภิกฺขุ โหติ, ตสฺส สนฺติกํ คนฺตุํ วฏฺฏติ. วิสฺสฏฺอุโปสถาปิ อาวาสา คนฺตุํ วฏฺฏติ. เอวํ คโต อธิฏฺาตุมฺปิ ลภติ. อารฺเกนาปิ ภิกฺขุนา อุโปสถทิวเส คาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา อตฺตโน วิหารเมว อาคนฺตพฺพํ. สเจ อฺํ วิหารํ โอกฺกมติ, ตตฺถ อุโปสถํ กตฺวาว อาคนฺตพฺพํ, อกตฺวา อาคนฺตุํ น วฏฺฏติ. ยํ ชฺา ‘‘อชฺเชว ตตฺถ คนฺตุํ สกฺโกมี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๘๑) เอวรูโป ปน อาวาโส คนฺตพฺโพ. ตตฺถ ภิกฺขูหิ สทฺธึ อุโปสถํ กโรนฺเตนาปิ หิ อิมินา เนว อุโปสถนฺตราโย กโต ภวิสฺสตีติ.

อุทกํ อาสเนน จาติ อาสเนน สห ปานียปริโภชนียํ อุทกฺจาติ อตฺโถ. สงฺฆสนฺนิปาตโต ปมํ กตฺตพฺพํ ปุพฺพกรณํ. ปุพฺพกรณโต ปจฺฉา กตฺตพฺพมฺปิ อุโปสถกมฺมโต ปมํ กตฺตพฺพตฺตา ปุพฺพกิจฺจํ. อุภยมฺปิ เจตํ อุโปสถกมฺมโต ปมํ กตฺตพฺพตฺตา ‘‘ปุพฺพกิจฺจ’’มิจฺเจว เอตฺถ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘เอวํ ทฺวีหิ นาเมหิ นววิธํ ปุพฺพกิจฺจํ ทสฺสิต’’นฺติ. กึ ตํ กตนฺติ ปุจฺฉตีติ อาห ‘‘น หี’’ติอาทิ. ตํ อกตฺวา อุโปสถํ กาตุํ น วฏฺฏติ ‘‘น, ภิกฺขเว, เถเรน อาณตฺเตน อคิลาเนน น สมฺมชฺชิตพฺพํ, โย น สมฺมชฺเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติอาทิ (มหาว. ๑๕๙) วจนโต. เตเนวาห ‘‘ตสฺมา เถเรน อาณตฺเตนา’’ติอาทิ.

สเจ ปน อาณตฺโต สมฺมชฺชนึ ตาวกาลิกมฺปิ น ลภติ, สาขาภงฺคํ กปฺปิยํ กาเรตฺวา สมฺมชฺชิตพฺพํ. ตมฺปิ อลภนฺตสฺส ลทฺธกปฺปิยํ โหติ. ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฏฺาเปตพฺพนฺติ อาคนฺตุกานํ อตฺถาย ปานียปริโภชนียํ อุปฏฺาเปตพฺพํ. อาสนํ ปฺาเปตพฺพนฺติ ปีผลกาทิอาสนํ ปฺาเปตพฺพํ. สเจ อุโปสถาคาเร อาสนานิ นตฺถิ, สํฆิกาวาสโตปิ อาหริตฺวา ปฺาเปตฺวา ปุน หริตพฺพานิ. อาสเนสุ อสติ กฏสารเกปิ ตฏฺฏิกาโยปิ ปฺาเปตุํ วฏฺฏติ. ตฏฺฏิกาสุปิ อสติ สาขาภงฺคานิ กปฺปิยํ กาเรตฺวา ปฺาเปตพฺพานิ. กปฺปิยการกํ อลภนฺตสฺส ลทฺธกปฺปิยํ โหติ. ปทีโป กาตพฺโพติ ปทีเปตพฺโพ, ปทีปุชฺชลนํ กาตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติ. อาณาเปนฺเตน ปน ‘‘อสุกสฺมึ นาม โอกาเส เตลํ วา วฏฺฏิ วา กปลฺลิกา วา อตฺถิ, ตํ คเหตฺวา กโรหี’’ติ วตฺตพฺโพ. สเจ เตลาทีนิ นตฺถิ, ปริเยสิตพฺพานิ. ปริเยสิตฺวา อลภนฺตสฺส ลทฺธกปฺปิยํ โหติ. อปิจ กปาเล อคฺคิปิ ชาเลตพฺโพ. อาณาเปนฺเตน จ กิฺจิ กมฺมํ กโรนฺโต วา สทากาลเมว เอโก วา ภารนิตฺถรณโก วา สรภาณกธมฺมกถิกาทีสุ อฺตโร วา น อาณาเปตพฺโพ, อวเสสา ปน วาเรน อาณาเปตพฺพา. เตนาห ‘‘เถเรนาปิ ปติรูปํ ตฺวา อาณาเปตพฺพ’’นฺติ.

พหิ อุโปสถํ กตฺวา อาคเตนาติ นทิยา วา สีมาย วา ยตฺถ กตฺถจิ อุโปสถํ กตฺวา อาคเตน ฉนฺโท ทาตพฺโพ, ‘‘กโต มยา อุโปสโถ’’ติ อจฺฉิตุํ น ลภตีติ อธิปฺปาโย. กิจฺจปฺปสุโต วาติ คิลานุปฏฺากาทิกิจฺจปฺปสุโต วา. สเจ คิลาโน ฉนฺทปาริสุทฺธึ ทาตุํ น สกฺโกติ, มฺเจน วา ปีเน วา สงฺฆมชฺฌํ อาเนตฺวา อุโปสโถ กาตพฺโพ. สเจ คิลานุปฏฺากานํ ภิกฺขูนํ เอวํ โหติ ‘‘สเจ โข มยํ อิมํ คิลานํ านา จาเวสฺสาม, อาพาโธ วา อภิวฑฺฒิสฺสติ, กาลกิริยา วา ภวิสฺสตี’’ติ, น ตฺเวว โส คิลาโน านา จาเวตพฺโพ, สงฺเฆน ตตฺถ คนฺตฺวา อุโปสโถ กาตพฺโพ, น ตฺเวว วคฺเคน สงฺเฆน อุโปสโถ กาตพฺโพ. กเรยฺย เจ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. สเจ พหู ตาทิสา คิลานา โหนฺติ, สงฺเฆน ปฏิปาฏิยา ตฺวา สพฺเพ หตฺถปาเส กาตพฺพา. สเจ ทูเร ทูเร โหนฺติ, สงฺโฆ นปฺปโหติ, ตํ ทิวสํ อุโปสโถ น กาตพฺโพ, น ตฺเวว วคฺเคน สงฺเฆน อุโปสโถ กาตพฺโพ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตทหุโปสเถ ปาริสุทฺธึ เทนฺเตน ฉนฺทมฺปิ ทาตุํ, สนฺติ สงฺฆสฺส กรณีย’’นฺติ (มหาว. ๑๖๕) วุตฺตตฺตา ภควโต อาณํ กโรนฺเตน ‘‘ฉนฺทํ ทมฺมี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ฉนฺทหารโก เจ, ภิกฺขเว, ทินฺเน ฉนฺเท ตตฺเถว ปกฺกมติ, อฺสฺส ทาตพฺโพ ฉนฺโท’’ติอาทิวจนโต (มหาว. ๑๖๕) ปุน อตฺตโน ฉนฺททานปริสฺสมวิโนทนตฺถํ ‘‘ฉนฺทํ เม หรา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ฉนฺทหารโก เจ, ภิกฺขเว, ทินฺเน ฉนฺเท สงฺฆปฺปตฺโต สฺจิจฺจ น อาโรเจติ, อาหโฏ โหติ ฉนฺโท, ฉนฺทหารกสฺส อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๑๖๕) วุตฺตตฺตา ทุกฺกฏโต ตํ โมเจตุํ ‘‘ฉนฺทํ เม อาโรเจหี’’ติ วุตฺตํ.

กาเยน วา วาจาย วา อุภเยน วา วิฺาเปตพฺโพติ มนสา จินฺเตตฺวา กายปฺปโยคํ กโรนฺเตน เยน เกนจิ องฺคปจฺจงฺเคน วา, วาจํ ปน นิจฺฉาเรตุํ สกฺโกนฺเตน ตเถว วาจาย วา, อุภยถาปิ สกฺโกนฺเตน กายวาจาหิ วา วิฺาเปตพฺโพ, ชานาเปตพฺโพติ อตฺโถ. ‘‘อยํ อตฺโถ’’ติ วจนโต ปน ยาย กายจิปิ ภาสาย วิฺาเปตุํ วฏฺฏติ, ปาริสุทฺธิทาเนปิ ฉนฺททาเน วุตฺตสทิโสว วินิจฺฉโย. ตํ ปน เทนฺเตน ปมํ สนฺตี อาปตฺติ เทเสตพฺพา. น หิ สาปตฺติโก สมาโน ‘‘ปาริสุทฺธึ ทมฺมิ, ปาริสุทฺธึ เม หร, ปาริสุทฺธึ เม อาโรเจหี’’ติ (มหาว. ๑๖๔) วตฺตุํ ลภติ. ‘‘สนฺติ สงฺฆสฺส กรณียานี’’ติ วตฺตพฺเพ วจนวิปลฺลาเสน ‘‘สนฺติ สงฺฆสฺส กรณีย’’นฺติ วุตฺตํ. เตสฺจ อตฺตโน จ ฉนฺทปาริสุทฺธึ เทตีติ เอตฺถ ฉนฺโท จ ฉนฺทปาริสุทฺธิ จ ฉนฺทปาริสุทฺธิ, ตํ เทตีติ สรูเปกเสสนเยน อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อิตราติ อฺเสํ ฉนฺทปาริสุทฺธิ. พิฬาลสงฺขลิกา ฉนฺทปาริสุทฺธีติ เอตฺถ พิฬาลสงฺขลิกา นาม พิฬาลพนฺธนํ. ตตฺถ หิ สงฺขลิกาย ปมวลยํ ทุติยวลยํเยว ปาปุณาติ, น ตติยํ, เอวมยมฺปิ ฉนฺทปาริสุทฺธิ ทายเกน ยสฺส ทินฺนา, ตโต อฺตฺถ น คจฺฉตีติ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๖๔; วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๖๔). ตสฺมา สา พิฬาลสงฺขลิกสทิสตฺตา ‘‘พิฬาลสงฺขลิกา’’ติ วุตฺตา. พิฬาลสงฺขลิกคฺคหณฺเจตฺถ ยาสํ กาสฺจิ สงฺขลิกานํ อุปลกฺขณมตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

อุตุกฺขานนฺติ ตํ ตํ กิริยํ อรติ วตฺเตตีติ อุตุ, ตสฺส อกฺขานํ อุตุกฺขานํ, อุตุอาจิกฺขนนฺติ อตฺโถ. ยถา จ ตสฺส อาจิกฺขนํ, ตํ สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘เหมนฺตาทีน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. คณนาติ กลนา. ภิกฺขุนีนํ อฏฺครุธมฺเมหิ โอวทนํ ภิกฺขุโนวาโท. สฺเว อุโปสโถติ อาคนฺตฺวาติ ‘‘สฺเว อุโปสโถ โหตี’’ติ วุตฺเต อชฺเชว อาคนฺตฺวา ปนฺนรสิเก อุโปสเถ ปกฺขสฺส จาตุทฺทสิยํ, จาตุทฺทสิเก เตรสิยํ อาคนฺตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. มหาปจฺจริยํ ปน ‘‘ปกฺขสฺส เตรสิยํเยว อาคนฺตฺวา ‘อยํ อุโปสโถ จาตุทฺทสิโก วา ปนฺนรสิโก วา’ติ ปุจฺฉิตพฺพ’’นฺติ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๔๙) วุตฺตํ. เอวํ ปุจฺฉิเตน จ ภิกฺขุนา สเจ จาตุทฺทสิยํ อุโปสถํ กโรนฺติ, ‘‘จาตุทฺทสิโก ภคินี’’ติ วตฺตพฺพํ. สเจ ปนฺนรสิยํ กโรนฺติ, ‘‘ปนฺนรสิโก ภคินี’’ติ วตฺตพฺพํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เปตฺวา พาลํ, เปตฺวา คิลานํ, เปตฺวา คมิกํ อวเสเสหิ โอวาทํ คเหตุ’’นฺติ (จูฬว. ๔๑๔) วุตฺตตฺตา ‘‘ตํ เปตฺวา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อาโรจนวิธานํ อชานนฺโต พาโล. จาตุทฺทสิกปนฺนรสิเกสุ อุโปสเถสุ วา ปาฏิปเท วา คนฺตุกาโม คมิโย, ทุติยปกฺขทิวสโต ปน ปฏฺาย ตโต อุทฺธํ คจฺฉนฺโต อิธ คมิโย นาม น โหติ. อรฺเ นิวาโส อสฺสาติ อารฺิโก. โสปิ ‘‘อหํ อรฺวาสี, สฺเว อุโปสโถ, วิหาเร น วสามี’’ติ อปฺปฏิคฺคหิตุํ น ลภติ. ยทิ น คณฺเหยฺย, ทุกฺกฏํ อาปชฺเชยฺย. วุตฺตฺเหตํ ‘‘น, ภิกฺขเว, โอวาโท น คเหตพฺโพ, โย น คณฺเหยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๔๑๔). เตน ปน ปจฺจาหรณตฺถาย สงฺเกโต กาตพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อารฺิเกน ภิกฺขุนา โอวาทํ คเหตุํ, สงฺเกตฺจ กาตุํ อตฺร ปติหริสฺสามี’’ติ (จูฬว. ๔๑๕). ตสฺมา อารฺิเกน ภิกฺขุนา สเจ ภิกฺขุนีนํ วสนคาเม ภิกฺขา ลพฺภติ, ตตฺเถว จริตฺวา ภิกฺขุนิโย ทิสฺวา อาโรเจตฺวา คนฺตพฺพํ. โน จสฺส ตตฺถ ภิกฺขา สุลภา โหติ, สามนฺตคาเม จริตฺวา ภิกฺขุนีนํ คามํ อาคมฺม ตเถว กาตพฺพํ. สเจ ทูรํ คนฺตพฺพํ โหติ, สงฺเกโต กาตพฺโพ ‘‘อหํ อสุกํ นาม ตุมฺหากํ คามทฺวาเร สภํ วา มณฺฑปํ วา รุกฺขมูลํ วา อุปสงฺกมิสฺสามิ, ตตฺร อาคจฺเฉยฺยาถา’’ติ. ภิกฺขุนีหิ ตตฺร คนฺตพฺพํ, อคนฺตุํ น ลพฺภติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘น, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนิยา สงฺเกตํ น คนฺตพฺพํ, ยา น คจฺเฉยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๔๑๕). อุโปสถคฺเคติ อุโปสถกรณฏฺาเน. อฏฺหิ องฺเคหีติ –

‘‘สีลวา โหติ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ อาจารโคจรสมฺปนฺโน, อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ. พหุสฺสุโต โหติ สุตธโร สุตสนฺนิจโย, เย เต ธมฺมา อาทิกลฺยาณา มชฺเฌกลฺยาณา ปริโยสานกลฺยาณา สาตฺถํ สพฺยฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ อภิวทนฺติ, ตถารูปาสฺส ธมฺมา พหุสฺสุตา โหนฺติ, ธาตา วจสา ปริจิตา, มนสา อนุเปกฺขิตา, ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธา. อุภยานิ โข ปนสฺส ปาติโมกฺขานิ วิตฺถาเรน สฺวาคตานิ โหนฺติ สุวิภตฺตานิ สุปฺปวตฺตีนิ สุวินิจฺฉิตานิ สุตฺตโส อนุพฺยฺชนโส. กลฺยาณวาโจ โหติ กลฺยาณวากฺกรโณ. เยภุยฺเยน ภิกฺขุนีนํ ปิโย โหติ มนาโป. ปฏิพโล โหติ ภิกฺขุนิโย โอวทิตุํ. น โข ปเนตํ ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส ปพฺพชิตาย กาสายวตฺถวสนาย ครุธมฺมํ อชฺฌาปนฺนปุพฺโพ โหติ. วีสติวสฺโส วา โหติ อติเรกวีสติวสฺโส วา’’ติ (ปาจิ. ๑๔๗) –

อิเมหิ อฏฺหิ องฺเคหิ. ปาสาทิเกนาติ ปสาทาวเหน นิทฺโทเสน กายวจีมโนกมฺเมน. สมฺปาเทตูติ ติวิธํ สิกฺขํ สมฺปาเทตุ. ยทา ปน ตาหิ ภิกฺขุนีหิ ปาติโมกฺขุทฺเทสกํเยว ทิสฺวา โอวาโท ยาจิโต, ตทา อุโปสถคฺเค สนฺนิปติเตหิ ภิกฺขุสงฺเฆหิ ปุพฺพกิจฺจวเสน ‘‘อตฺถิ กาจิ ภิกฺขุนิโย โอวาทํ ยาจมานา’’ติ ปุจฺฉิเต ‘‘เอวํ วเทหี’’ติ อตฺตนา วตฺตพฺพวจนํ อฺเน กถาเปตฺวา ‘‘อตฺถิ โกจิ ภิกฺขุ ภิกฺขุโนวาทโก สมฺมโต’’ติอาทึ สยํ วตฺวา ปุน สยเมว คนฺตฺวา ภิกฺขุนีนํ อาโรเจตพฺพํ. อฺเน วา ภิกฺขุนา ตสฺมึ ทิวเส ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสาเปตพฺพํ. อิทนฺติ ‘‘ตาหี’’ติ พหุวจนํ. เอกโต สเหว.

ตฺติฏฺปเกน วาติ ยตฺถ ติณฺณํ วสนฏฺาเน ปาติโมกฺขุทฺเทโส นตฺถิ, ตตฺถ ตฺติฏฺปนเกน วา. อิตเรน วาติ ยตฺถ ทฺเว ภิกฺขู วสนฺติ, เอโก วา, ตตฺถ อิตเรน วา ภิกฺขุนา สเจ สยเมว สมฺมโต, ‘‘อห’’นฺติ วตฺตพฺพํ . ตเถวาติ อุโปสถคฺเค วุตฺตสทิสเมว. ‘‘อาโรเจตฺวาวา’’ติ อิมินา อนาโรจนํ ปฏิกฺขิปติ. ‘‘น, ภิกฺขเว, โอวาโท น อาโรเจตพฺโพ, โย น อาโรเจยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๔๑๕) วจนโต โอวาทํ คเหตฺวา อุโปสถคฺเค อนาโรเจตุํ น วฏฺฏติ.

ปริสุทฺธภาวนฺติ อาปตฺติยา ปริสุทฺธตํ. อาโรเจถาติ อาวิ กโรถ. เอตฺถ สิยาติ ‘‘ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิสฺสามี’’ติ เอตสฺมึ ปเท อยมนุโยโค ภเวยฺย. กึ ตํ, ยํ สิยาติ อาห ‘‘สงฺโฆ อุโปสถํ กเรยฺยา’’ติอาทิ. ปุพฺเพนาปรํ สนฺธิยตีติ ปุพฺพวจเนน อปรํ วจนํ สนฺธานํ คจฺฉติ. สามคฺคิยาติ กายจิตฺเตหิ สหิตตาย. คณสฺสาติ อุทฺเทสกํ เปตฺวา จตุวคฺเค เสสภิกฺขูนํ. สงฺฆสฺส อุทฺทิฏฺํ โหตีติ สงฺเฆน อุทฺทิฏฺํ โหติ. กรณตฺเถ เจตํ สามิวจนํ. เอตฺถาติ ปาติโมกฺขุทฺเทเส. ลกฺขณนฺติ สภาโว.

เถราจ นวา จ มชฺฌิมา จาติ เอตฺถ ทสวสฺสา, อติเรกทสวสฺสา จ เถรา. อูนปฺจวสฺสา นวา. ปฺจวสฺสา, อติเรกปฺจวสฺสา จ มชฺฌิมา. อฏฺึ กตฺวาติ อตฺตานํ เตน ปาติโมกฺเขน อตฺถิกํ กตฺวา, ตํ วา ปาติโมกฺขํ ‘‘อิทํ มยฺหํ ปาติโมกฺข’’นฺติ อตฺถึ กตฺวา. มนสิ กริตฺวาติ จิตฺเต เปตฺวา. โสตทฺวารวเสนาติ โสตทฺวาริกชวนวิฺาณวเสน. สพฺพเจตสา สมนฺนาหรามาติ จิตฺตสฺส โถกมฺปิ พหิ คนฺตุํ อเทนฺตา สพฺเพน จิตฺเตน อาวชฺเชม, สลฺลกฺเขมาติ อตฺโถ. มนสิ กโรมาติ อาวชฺเชม, สมนฺนาหรามาติ อตฺโถ. โส จ โข มนสิกาโร น เอตฺถ อารมฺมณปฺปฏิปาทนลกฺขโณ, อถ โข วีถิปฺปฏิปาทนชวนปฺปฏิปาทนมนสิการปุพฺพกจิตฺเต ปนลกฺขโณติ อาห ‘‘เอกคฺคจิตฺตา หุตฺวา จิตฺเต เปยฺยามา’’ติ. น สเมตีติ น สํคจฺฉติ. กสฺมา น สํคจฺฉตีติ อาห ‘‘สมคฺคสฺส หี’’ติอาทิ. กิฺจ ภิยฺโยติ อาห ‘‘ปาติโมกฺขุทฺเทสโก จา’’ติอาทิ. สงฺฆปริยาปนฺโนติ สงฺเฆ ปริยาปนฺโน อนฺโตคโธ.

อิทานิ ตํ ทสฺเสตุนฺติ สมฺพนฺโธ. อายสฺมนฺโตติ สนฺนิปติตานํ ปิยวจเนน อาลปนํ.

อลชฺชิตาติ อลชฺชิตาย, อลชฺชนภาเวนาติ อตฺโถ. ตติยตฺเถ หิ อิทํ ปจฺจตฺตวจนํ. ‘‘อฺาณตา’’ติอาทีสุปิ เอเสว นโย. กุกฺกุจฺจปฺปกตตาติ กุกฺกุจฺเจน อภิภูตตาย. สติสมฺโมสาติ สติวิปฺปวาสโต. วีติกฺกมนฺติ สิกฺขาปทวีติกฺกมนํ.

สฺจิจฺจาติ สฺเจเตตฺวา, อกปฺปิยภาวํ ชานนฺโตเยว วีติกฺกมจิตฺตํ เปเสตฺวาติ อตฺโถ. ปริคูหตีติ นิคูหติ น เทเสติ น วุฏฺาติ. ลชฺชาย ปริคูหนฺโต อลชฺชี น โหติ, ‘‘กึ อิมินา’’ติ อนาทริเยน ปริคูหนฺโต อลชฺชี โหตีติ ทสฺเสติ. อคติคมนฺจ คจฺฉตีติ ภณฺฑภาชนียฏฺานาทีสุ ฉนฺทาคติอาทิเภทํ อคติคมนฺจ คจฺฉติ. อลชฺชิปุคฺคโลติ อชฺฌตฺติกสมุฏฺานลชฺชาวิรหิโต ปุคฺคโล. เอตฺถ จ ‘‘สฺจิจฺจา’’ติ อิมินา อนาทริยวเสเนว อาปตฺตึ อาปชฺชนฺโต, อาปนฺนฺจ อาปตฺตึ ปริคูหนฺโต, ภณฺฑภาชนียฏฺานาทีสุ อคติคมนํ คจฺฉนฺโต จ อลชฺชี โหติ, น อิตโรติ ทสฺเสติ.

มนฺโทติ มนฺทปฺโ, อปฺสฺเสเวตํ นามํ. โมมูโหติ อติสํมูฬฺโห. วิราเธตีติ น ราเธติ น สาเธติ. กุกฺกุจฺเจติ วินยสํสเย. กปฺปิยํ เจ กตฺตพฺพํ สิยาติ วินยธรํ ปุจฺฉิตฺวา เตน วตฺถุํ โอโลเกตฺวา มาติกํ, ปทภาชนํ, อนฺตราปตฺตึ, อนาปตฺติฺจ โอโลเกตฺวา ‘‘กปฺปติ, อาวุโส, มา เอตฺถ กงฺขี’’ติ วุตฺเต กตฺตพฺพํ ภเวยฺย.

สหเสยฺยจีวรวิปฺปวาสาทีนีติ เอตฺถ สหเสยฺยา นาม อนุปสมฺปนฺเนน อุตฺตริทิรตฺตติรตฺตํ สหเสยฺยาปตฺติ, วิปฺปวาโส นาม เอกรตฺตฉารตฺตวเสน วิปฺปวาโส. อาทิสทฺเทน สตฺตาหาติกฺกมาทีสุ อาปตฺตึ สงฺคณฺหาติ. สตฺตนฺนํ อาปตฺติกฺขนฺธานนฺติ ปาราชิกสงฺฆาทิเสสถุลฺลจฺจยปาจิตฺติยปาฏิเทสนียทุกฺกฏทุพฺภาสิตสงฺขาตานํ สตฺตนฺนํ อาปตฺติกฺขนฺธานํ.

เทเสตุ วา ปกาเสตุ วาติ สงฺฆมชฺเฌ วา คณมชฺเฌ วา เอกปุคฺคเล วา เทเสตุ วา ปกาเสตุ วา. เอตฺถ จ ปาราชิกาปตฺติเทสนา นาม ภิกฺขุภาวสฺส ปริจฺจาโค. วุฏฺานํ ปน เทสนาวิเสสตฺตา ‘‘เทสนา’’ติ ทฏฺพฺพํ. ปกาเสตุ วาติ อาโรเจตุ วา.

เอวํ อนาปนฺนา วาติ เอวํ ฉนฺนํ อาการานํ อฺตเรน อนาปนฺนา วา. วุฏฺิตา วาติ ปริวาสาทินา วุฏฺิตา วา. อาโรจิตา วาติ อาวิกตา วา. อาโรเจนฺโต จ ‘‘ตุยฺหํ สนฺติเก เอกํ อาปตฺตึ อาวิกโรมี’’ติ วา ‘‘อาจิกฺขามี’’ติ วา ‘‘อาโรเจมี’’ติ วา ‘‘มม เอกํ อาปตฺตึ อาปนฺนภาวํ ชานาหี’’ติ วา วทตุ, ‘‘เอกํ ครุกํ อาปตฺตึ อาวิกโรมี’’ติ วา อาทินา นเยน วทตุ, สพฺเพหิปิ อากาเรหิ อาโรจิตาว โหติ. สเจ ปน ครุกาปตฺตึ อาวิกโรนฺโต ‘‘ลหุกาปตฺตึ อาวิกโรมี’’ติอาทินา นเยน วทติ, อนาวิกตา โหติ อาปตฺติ. วตฺถุํ อาโรเจติ, อาปตฺตึ อาโรเจติ, อุภยํ อาโรเจติ, ติวิเธนาปิ อาโรจิตาว โหติ. อสนฺติยา อาปตฺติยาติ ภาเวนภาวลกฺขเณ ภุมฺมํ. ตุณฺหีภาเวนาปิ หีติ เอตฺถ น เกวลํ ‘‘อาม, มยํ ปริสุทฺธา’’ติ วุตฺเตเยว, อถ โข ตุณฺหีภาเวนาปีติ อปิสทฺทสฺส อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

กึ ตํ ยาวตติยานุสาวิตํ นาม, กถฺเจตํ ยาวตติยานุสาวิตํ โหตีติ วิจารณายํ อาจริยานํ มติเภทมุเขน ตมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยาวตติยํ อนุสาวิตํ โหตีติ เอตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยเทตํ ติกฺขตฺตุํ อนุสาวิตนฺติ สมฺพนฺโธ. อตฺถพฺยฺชนเภทโตติ อรียติ ายตีติ อตฺโถ, อภิเธยฺยํ, พฺยฺชียติ อตฺโถ อเนนาติ พฺยฺชนํ, อกฺขรํ, อตฺโถ จ พฺยฺชนฺจ อตฺถพฺยฺชนานิ, เตสํ เภโท อตฺถพฺยฺชนเภโท, ตโต, อตฺถสฺส จ พฺยฺชนสฺส จ วิสทิสตฺตาติ อตฺโถ.

อิทานิ ตเมวตฺถํ วิภาเวตุํ ‘‘อนุสาวนฺหิ นามา’’ติอาทิมาห. หีติ การณตฺเถ นิปาโต. ตสฺส ปน ‘‘อภินฺน’’นฺติ อิมินา สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. เตนาติ ภินฺนตฺตา. อสฺสาติ ‘‘ยสฺส สิยา’’ติอาทิวจนตฺตยสฺส. อวสฺสฺเจตเมวํ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพํ, อฺถา อติปฺปสงฺโคปิ สิยาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยทิ เจต’’นฺติอาทิมาห. เอตนฺติ ‘‘ยสฺส สิยา’’ติอาทิวจนตฺตยํ. อปเร ‘‘อนุสาวิต’’นฺติ ปทํ น อตีตตฺถํ ทีเปติ, อถ โข อนาคตตฺถํ. ธาตฺวตฺถสมฺพนฺโธ กาลนฺตรวิหิโตปิ ปจฺจโย กาลนฺตเร สาธุ โหตีติ วิกปฺเปสุํ. เตนาห ‘‘อปเร ‘อนุสาวิต’นฺติ ปทสฺสา’’ติอาทิ. อุปริ อุทฺเทสาวสาเนติ ปาราชิกุทฺเทสาวสาเน. อตฺถยุตฺตีนํ อภาวโตติ อนาคตตฺถสฺส จ การณสฺส จ อภาวโต. อิทานิ ตเมว วิภาเวตุํ ‘‘อิทํ หี’’ติอาทิมาห. กถเมตํ วิฺายตีติ อาห ‘‘ยทิ จสฺสา’’ติอาทิ. อยนฺติ อนาคตกาโล. อนุสาวิตํ เหสฺสตีติ วเทยฺยาติ อนุปฺปโยคํ อนาคตกาลํ กตฺวา ‘‘อนุสาวิตํ เหสฺสตี’’ติ พุทฺโธ วเทยฺย. อยํ เหตฺถาธิปฺปาโย – ยทิ เจตฺถ ธาตฺวตฺถสมฺพนฺโธ -ปจฺจโย สิยา, ตถา สติ ธาตฺวตฺถสมฺพนฺโธ นาม วิเสสนวิเสสฺยภาโว, โส จ อนุปฺปโยคสฺส สมานตฺถภาเว สติ อุปฺปชฺชติ, นาสตีติ ‘‘เหสฺสตี’’ติ อนุปฺปโยคํ วเทยฺย, น จ วุตฺตํ. ตสฺมา อนาคตํ น ทีเปติ, อตีตกาลเมว ทีเปตีติ. อนุสาวิยมาเนติ วจนโตติ ‘‘อนุสาวิยมาเน’’ติ วตฺตมานกาลวจนโต. ยทิ เอวํ ‘‘ยาวตติยํ อนุสาวิตํ โหตี’’ติ กิมิทนฺติ อาห ‘‘ยาวตติย’’นฺติอาทิ. กึ เตน ลกฺขียติ, เยเนตํ ลกฺขณวจนมตฺตํ สิยาติ อาห ‘‘เตนา’’ติอาทิ. เตนาติ ลกฺขณวจนมตฺเตน เหตุนา.

ตเทตนฺติ ปาติโมกฺขํ. ตํ ปเนตนฺติ ‘‘ตตฺถายสฺมนฺเต ปุจฺฉามี’’ติอาทิกํ ยาวตติยานุสาวนํ. น ทิสฺสตีติ โนปลพฺภติ. อิมเมว จ อตฺถนฺติ อิมํ อมฺเหหิ วุตฺตเมวตฺถํ. ยทิ หิ ‘‘ยสฺส สิยา อาปตฺตี’’ติอาทิวจนตฺตยํ ยาวตติยานุสาวนํ สิยา, ตเทว อุโปสถกฺขนฺธเก (มหาว. ๑๓๒ อาทโย) วเทยฺย, น ปน ‘‘สกิมฺปิ อนุสาวิตํ โหตี’’ติอาทิกนฺติ อธิปฺปาโย. นนุ จายํ วินิจฺฉโย อฏฺกถาสุ น อาคโต, อถ กุโต ลทฺโธติ อาห ‘‘อยเมตฺถา’’ติอาทิ. วินยฏฺาเนสุ กตปริจยานํ อาจริยานํ ตํ ตํ อตฺถํ าเปนฺตี ปเวณิ อาจริยปรมฺปรา, ตาย อาภโต อานีโต อาจริยปรมฺปราภโต.

นนุ สมฺปชานมุสาวาเท ปาจิตฺติเยน ภวิตพฺพํ, อถ กถํ ทุกฺกฏาปตฺติ โหตีติ อาห ‘‘สา จ โข น มุสาวาทลกฺขเณนา’’ติอาทิ. สมฺปชานมุสาวาเท กึ โหตีติ ยฺวายํ ‘‘สมฺปชานมุสาวาโท อสฺส โหตี’’ติ วุตฺโต, โส อาปตฺติโต กึ โหติ, กตรา อาปตฺติ โหตีติ อตฺโถ. ทุกฺกฏํ โหตีติ ทุกฺกฏาปตฺติ โหติ. วจีทฺวาเร อกิริยสมุฏฺานาปตฺติ โหตีติ อสฺส หิ ภิกฺขุโน อธมฺมิกาย ปฏิฺาย ตุณฺหีภูตสฺส นิสินฺนสฺส มโนทฺวาเร อาปตฺติ นาม นตฺถิ. ยสฺมา ปน อาวิกาตพฺพํ นาวิกาสิ, เตนสฺส วจีทฺวาเร อกิริยโต อยํ อาปตฺติ สมุฏฺาตีติ เวทิตพฺพา. อิทานิ วุตฺตเมวตฺถํ ปาฬิยา สาเธตุํ ‘‘วุตฺตมฺปิ เจต’’นฺติอาทิมาห. เอตํ อุปาลิตฺเถเรน ปริวาเร เสทโมจนคาถาสุ (ปริ. ๔๗๙) วุตฺตมฺปิ จาติ อตฺโถ.

อนาลปนฺโต มนุเชน เกนจิ วาจาติ เกนจิ มนุเชน วาจาย อนาลปนฺโต. คิรํ โน จ ปเร ภเณยฺยาติ ‘‘อิติ อิเม โสสฺสนฺตี’’ติ ปรปุคฺคเล สนฺธาย สทฺทมฺปิ น นิจฺฉาเรยฺย. อาปชฺเชยฺย วาจสิกนฺติ วาจโต สมุฏฺิตํ อาปตฺตึ อาปชฺเชยฺย. ปฺหาเมสา กุสเลหิ จินฺติตาติ เอตฺถ ปฺหาเมสาติ ลิงฺคพฺยตฺตเยน วุตฺตํ, เอโส ปฺโห กุสเลหิ จินฺติโตติ อตฺโถ. อยํ ปฺโห อิมเมว มุสาวาทํ สนฺธาย วุตฺโต.

ตํตํสมฺปตฺติยา วิพนฺธนวเสน สตฺตสนฺตานสฺส อนฺตเร เวมชฺเฌ เอติ อาคจฺฉตีติ อนฺตราโย, ทิฏฺธมฺมิกาทิอนตฺโถ, อติกฺกมนฏฺเน ตสฺมึ อนฺตราเย นิยุตฺโต, อนฺตรายํ วา ผลํ อรหติ, อนฺตรายสฺส วา กรณสีโลติ อนฺตรายิโก. เตนาห ‘‘วิปฺปฏิสารวตฺถุตายา’’ติอาทิ. ตตฺถ วิปฺปฏิสารวตฺถุตายาติ วิปฺปฏิสาโร นาม ปจฺฉานุตาปวเสน จิตฺตวิปฺปฏิสาโร, ตสฺส การณตายาติ อตฺโถ. ปมชฺฌานาทิปจฺจยภูตออปฺปฏิสารวิรุทฺธสฺส วิปฺปฏิสารสฺส ปจฺจยตฺตาติ วุตฺตํ โหติ. ปาโมชฺชาทิสมฺภวนฺติ ทุพฺพลตรุณา ปีติ ปาโมชฺชํ, ตํ อาทิ เยสํ เต ปาโมชฺชาทโย, เตสํ สมฺภโว ปฏิลาโภ ปาโมชฺชาทิสมฺภโว, ตํ. อาทิสทฺเทน ปีติปฺปสฺสทฺธาทีนํ คหณํ. ปมชฺฌานาทีนนฺติ เอตฺถาทิสทฺเทน ปน ‘‘ทุติยสฺส ฌานสฺส อธิคมาย อนฺตรายิโก, ตติยสฺส ฌานสฺส อธิคมาย อนฺตรายิโก, จตุตฺถสฺส ฌานสฺส อธิคมาย อนฺตรายิโก, ฌานานํ, วิโมกฺขานํ, สมาธีนํ, สมาปตฺตีนํ, เนกฺขมฺมานํ, นิสฺสรณานํ, ปวิเวกานํ, กุสลานํ ธมฺมานํ อธิคมาย อนฺตรายิโก’’ติ (มหาว. ๑๓๕) วุตฺตทุติยชฺฌานาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ‘‘ตสฺมา’’ติ วุตฺเต ยํตํสทฺทานํ อพฺยภิจาริตสมฺพนฺธตาย ‘‘ยสฺมา’’ติ อยมตฺโถ อุปฏฺิโตเยว โหตีติ อาห ‘‘ตสฺมาติ ยสฺมา’’ติอาทิ. ชานนฺเตนาติ ชานมาเนน. อิมินาสฺส สมฺปชานมุสาวาทสฺส สจิตฺตกตํ ทสฺเสติ. วิสุทฺธึ อเปกฺขตีติ วิสุทฺธาเปกฺโข, เตน วิสุทฺธาเปกฺเขน. สา จ วิสุทฺธิ อิธ วุฏฺานาทีติ อาห ‘‘วุฏฺาตุกาเมน วิสุชฺฌิตุกาเมนา’’ติ. วุฏฺานคามินิโต สงฺฆาทิเสสโต วุฏฺาตุกาเมน, เทสนาคามินิโต วิสุชฺฌิตุกาเมนาติ อตฺโถ. สงฺฆมชฺเฌ วา คณมชฺเฌ วา เอกปุคฺคเล วาติ อุโปสถคฺเค สงฺฆสฺส อาโรจนวเสน สงฺฆมชฺเฌ วา ตตฺเถว อุภโต นิสินฺนานํ อาโรจนวเสน คณมชฺเฌ วา อนนฺตรสฺส อาโรจนวเสน เอกปุคฺคเล วา ปกาเสตพฺพา. อิโต วุฏฺหิตฺวาติ อิโต อุโปสถคฺคโต วุฏฺาย. เอตฺถ ปน สภาโคเยว วตฺตพฺโพ. วิสภาคสฺส หิ วุจฺจมาเน ภณฺฑนกลหสงฺฆเภทาทีนิปิ โหนฺติ. ตสฺมา ตสฺส อวตฺวา ‘‘อิโต วุฏฺหิตฺวา ปฏิกริสฺสามี’’ติ อาโภคํ กตฺวา อุโปสโถ กาตพฺโพติ อนฺธกฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๗๐) วุตฺตํ.

กรณตฺเถติ ตติยาวิภตฺติอตฺเถ. กตฺตริ เหตํ ปจฺจตฺตวจนํ โหติ ผาสุสทฺทาเปกฺขาย. ปจฺจตฺตวจนนฺติ ปมาวจนํ. ปมชฺฌานาทีนํ อธิคมาย ผาสุ โหตีติ อธิคมตฺถํ ตสฺส ภิกฺขุโน ผาสุ โหติ สุขํ โหติ สํวรสฺส อวิปฺปฏิสารเหตุตฺตา. เตนาห ‘‘อวิปฺปฏิสารมูลกาน’’นฺติอาทิ. ปาปปุฺานํ กตากตวเสน จิตฺตวิปฺปฏิสาราภาโว อวิปฺปฏิสาโร, โส มูลํ การณํ เยสํ เต อวิปฺปฏิสารมูลา, อวิปฺปฏิสารมูลาเยว อวิปฺปฏิสารมูลกา, เตสํ อวิปฺปฏิสารมูลกานํ. สุขปฺปฏิปทา สมฺปชฺชตีติ สุขา ปฏิปทา สมิชฺฌติ, ปมชฺฌานาทีนํ สุเขน อธิคโม โหตีติ อธิปฺปาโย. โหติ เจตฺถ –

‘‘นิทาเน ตฺติฏฺปนํ, ปุพฺพกิจฺจสฺส ปุจฺฉนํ;

นิทานุทฺเทสสวเน, วิสุทฺธาโรจเน วิธิ;

อนาโรจเน จาปตฺติ, เยฺยํ ปิณฺฑตฺถปฺจก’’นฺติ.

อิติ กงฺขาวิตรณิยา ปาติโมกฺขวณฺณนาย

วินยตฺถมฺชูสายํ ลีนตฺถปฺปกาสนิยํ

นิทานวณฺณนา นิฏฺิตา.