📜

ปาราชิกกณฺฑํ

อิทานิ นิทานุทฺเทสานนฺตรํ วุตฺตสฺส ปาราชิกุทฺเทสสฺส อตฺถํ สํวณฺเณตุํ ‘‘อิทานี’’ติอาทิ อารทฺธํ. นิทานานนฺตรนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส, นิทานํ อนนฺตรํ กตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถาติ ปาราชิกกณฺเฑ. ปาติโมกฺเขติ ภิกฺขุปาติโมกฺเข. จตฺตาโรติ คณนปริจฺเฉโท อูนาติเรกภาวนิวตฺตนโต. ปาราชิกาติ สชาตินามํ. อาปตฺติโยติ สพฺพสาธารณนามํ. อุทฺทิสียตีติ อุทฺเทโส. ภาวปฺปธาโนยํ นิทฺเทโส. เตนาห ‘‘อุทฺทิสิตพฺพต’’นฺติ.

๑. ปมปาราชิกวณฺณนา

โย ปนาติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๔๕ ภิกฺขุปทภาชนียวณฺณนา) เอตฺถ ยสฺมา ปนาติ นิปาตมตฺตํ, โยติ อตฺถปทํ, ตฺจ อนิยเมน ปุคฺคลํ ทีเปติ. ตสฺมา ตสฺส อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โย โกจี’’ติ อาห. ยสฺมา ปน โย โยโกจิ นาม, โส อวสฺสํ ลิงฺคยุตฺตชาตินามโคตฺตสีลวิหารโคจรวเยสุ เอเกนากาเรน ปฺายติ, ตสฺมา ตํ ตถา าเปตุํ ‘‘รสฺสทีฆาทินา’’ติอาทิมาห. อาทิสทฺเทน นวกมฺมาทีนํ คหณํ. ลิงฺคาทิเภเทนาติ ลิงฺคียติายติ เอเตนาติ ลิงฺคํ, ตํ อาทิ เยสํ เตติ ลิงฺคาทโย, เตสํ เภโท ลิงฺคาทิเภโท, เตน ลิงฺคาทิเภเทน. เอตฺถาทิสทฺเทน ปน ยุตฺตาทีนํ คหณํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ลิงฺควเสน ยาทิโส วา ตาทิโส วา โหตุ, ทีโฆ วา รสฺโส วา กาโฬ วา โอทาโต วา มงฺคุรจฺฉวิ วา กิโส วา ถูโล วา. โยควเสน เยน วา เตน วา ยุตฺโต โหตุ, นวกมฺมยุตฺโต วา อุทฺเทสยุตฺโต วา วาสธุรยุตฺโต วา. ชาติวเสน ยํชจฺโจ วา ตํชจฺโจ วา โหตุ, ขตฺติโย วา พฺราหฺมโณ วา เวสฺโส วา สุทฺโธ วา. นามวเสน ยถานาโม วา ตถานาโม วา โหตุ, พุทฺธรกฺขิโต วา ธมฺมรกฺขิโต วา สงฺฆรกฺขิโต วา. โคตฺตวเสน ยถาโคตฺโต วา ตถาโคตฺโต วา โหตุ, กจฺจายโน วา วาสิฏฺโ วา โกสิโย วา. สีเลสุ ยถาสีโล วา ตถาสีโล วา โหตุ, นวกมฺมสีโล วา อุทฺเทสสีโล วา วาสธุรสีโล วา. วิหาเรสุปิ ยถาวิหารี วา ตถาวิหารี วา โหตุ, นวกมฺมวิหารี วา อุทฺเทสวิหารี วา วาสธุรวิหารี วา . โคจเรสุปิ ยถาโคจโร วา ตถาโคจโร วา โหตุ, นวกมฺมโคจโร วา อุทฺเทสโคจโร วา วาสธุรโคจโร วา. วเยสุปิ โย วา โส วา โหตุ เถโร วา นโว วา มชฺฌิโม วา, อถ โข สพฺโพว อิมสฺมึ อตฺเถ ‘‘โย’’ติ วุจฺจตีติ.

อิทานิ ‘‘ภิกฺขู’’ติ ปทํ สํวณฺเณตุํ ‘‘เอหิภิกฺขูปสมฺปทา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘เอหิ ภิกฺขู’’ติ ภควโต วจนมตฺเตน ภิกฺขุภาโว เอหิภิกฺขูปสมฺปทา. ‘‘พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามี’’ติอาทินา (มหาว. ๑๐๕) นเยน ติกฺขตฺตุํ วาจํ ภินฺทิตฺวา วุตฺเตหิ ตีหิ สรณคมเนหิ อุปสมฺปทา สรณคมนูปสมฺปทา. โอวาทปฺปฏิคฺคหณูปสมฺปทา (ปารา. อฏฺ. ๑.๔๕) นาม –

‘‘ตสฺมาติห เต, กสฺสป, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ‘ติพฺพํ เม หิโรตฺตปฺปํ ปจฺจุปฏฺิตํ ภวิสฺสติ เถเรสุ นเวสุ มชฺฌิเมสู’ติ, เอวฺหิ เต กสฺสป สิกฺขิตพฺพํ. ตสฺมาติห เต, กสฺสป, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ‘ยํ กิฺจิ ธมฺมํ สุณิสฺสามิ กุสลูปสํหิตํ, สพฺพํ ตํ อฏฺึ กตฺวา มนสิ กริตฺวา สพฺพเจตสา สมนฺนาหริตฺวา โอหิตโสโต ธมฺมํ สุณิสฺสามี’ติ, เอวฺหิ เต, กสฺสป, สิกฺขิตพฺพํ. ตสฺมาติห เต, กสฺสป, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ‘สาตสหคตา จ เม กายคตาสติ น วิชหิสฺสตี’ติ, เอวฺหิ เต, กสฺสป, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔) –

อิมินา โอวาทปฺปฏิคฺคหเณน มหากสฺสปตฺเถรสฺส อนุฺาตอุปสมฺปทา.

ปฺหาพฺยากรณูปสมฺปทา นาม โสปากสฺส อนุฺาตอุปสมฺปทา. ภควา กิร ปุพฺพาราเม อนุจงฺกมนฺตํ โสปากสามเณรํ ‘‘‘อุทฺธุมาตกสฺา’ติ วา โสปาก ‘รูปสฺา’ติ วา อิเม ธมฺมา นานตฺถา นานาพฺยฺชนา, อุทาหุ เอกตฺถา พฺยฺชนเมว นาน’’นฺติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๔๕) ทส อสุภนิสฺสิเต ปฺเห ปุจฺฉิ. โส เต พฺยากาสิ. ภควา ตสฺส สาธุการํ ทตฺวา ‘‘กติวสฺโส ตฺวํ, โสปากา’’ติ ปุจฺฉิ. สตฺตวสฺโสหํ ภควาติ. ‘‘โสปาก, ตฺวํ มม สพฺพฺุตฺาเณน สทฺธึ สํสนฺทิตฺวา ปฺเห พฺยากาสี’’ติ อารทฺธจิตฺโต อุปสมฺปทํ อนุชานิ, อยํ ปฺหาพฺยากรณูปสมฺปทา.

อฏฺครุธมฺมปฏิคฺคหณูปสมฺปทา นาม มหาปชาปติยา อฏฺครุธมฺมปฺปฏิคฺคหเณน อนุฺาตอุปสมฺปทา.

ทูเตนูปสมฺปทา นาม อฑฺฒกาสิยา คณิกาย อนุฺาตอุปสมฺปทา.

อฏฺวาจิกูปสมฺปทา นาม ภิกฺขุนิยา ภิกฺขุนิสงฺฆโต ตฺติจตุตฺเถน, ภิกฺขุสงฺฆโต ตฺติจตุตฺเถนาติ อิเมหิ ทฺวีหิ กมฺเมหิ อุปสมฺปทา.

ตฺติจตุตฺถกมฺมูปสมฺปทา นาม ภิกฺขูนํ เอตรหิ อุปสมฺปทา. ตฺติจตุตฺเถนาติ ตีหิ อนุสฺสาวนาหิ, เอกาย จ ตฺติยาติ เอวํ ตฺติจตุตฺเถน. กิฺจาปิ หิ ตฺติ สพฺพปมํ วุจฺจติ, ติสฺสนฺนํ ปน อนุสฺสาวนานํ อตฺถพฺยฺชนเภทาภาวโต อตฺถพฺยฺชนภินฺนํ ตฺตึ ตาสํ จตุตฺถนฺติ กตฺวา ‘‘ตฺติจตุตฺถ’’นฺติ วุจฺจติ. อกุปฺเปนาติ อโกเปตพฺพตํ, อปฺปฏิกฺโกสิตพฺพตฺจ อุปคเตน. านารเหนาติ การณารเหน สตฺถุ สาสนารเหน. อุปสมฺปนฺโน นาม อุปริภาวํ สมาปนฺโน, ปตฺโตติ อตฺโถ. ภิกฺขุภาโว หิ อุปริภาโว, ตฺเจส ยถาวุตฺเตน กมฺเมน สมาปนฺนตฺตา ‘‘อุปสมฺปนฺโน’’ติ วุจฺจติ. กสฺมา ปเนตฺถ อิมินาว อุปสมฺปนฺโน อิธ คหิโต, นาฺเหีติ? วุจฺจเต – เอหิภิกฺขูปสมฺปทา อนฺติมภวิกานเมว, สรณคมนูปสมฺปทา ปริสุทฺธานํ, โอวาทปฺปฏิคฺคหณปฺหาพฺยากรณูปสมฺปทา มหากสฺสปโสปากานํ, น จ เต ภพฺพา ปาราชิกาทิโลกวชฺชํ อาปชฺชิตุํ, อฏฺครุธมฺมปฺปฏิคฺคหณาทโย จ ภิกฺขุนีนํเยว อนุฺาตา. อยฺจ ภิกฺขุ, ตสฺมา ตฺติจตุตฺเถเนว อุปสมฺปทากมฺเมน อุปสมฺปนฺโน อิธ คหิโต, นาฺเหีติ เวทิตพฺโพ. ปณฺณตฺติวชฺเชสุ ปน สิกฺขาปเทสุ อฺเปิ เอหิภิกฺขูปสมฺปทาย อุปสมฺปนฺนาทโย สงฺคยฺหนฺติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๕ ภิกฺขุปทภาชนียวณฺณนา). วกฺขติ หิ ‘‘ปณฺณตฺติวชฺเชสุ ปน อฺเปิ สงฺคหํ คจฺฉนฺตี’’ติ. อิทานิ ‘‘อกุปฺเปน านารเหน อุปสมฺปนฺโน’’ติ สํขิตฺเตน วุตฺตมตฺถํ วิตฺถาเรตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘ตสฺส ปนา’’ติอาทิมาห.

ตตฺถาติ เตสุ ปฺจสุ. วสติ เอตฺถาติ วตฺถุ, อาธาโร ปติฏฺา. เตนาห ‘‘อุปสมฺปทาเปกฺโข ปุคฺคโล’’ติ. อูนานิ อปริปุณฺณานิ วีสติ วสฺสานิ อสฺสาติ อูนวีสติวสฺโส. เอตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ อุปริ สปฺปาณกวคฺเค อูนวีสติสิกฺขาปเท (กงฺขา. อฏฺ. อูนวีสติวสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา) วณฺณยิสฺสาม. เตสูติ ปณฺฑกาทีสุ เอกาทสสุ อภพฺพปุคฺคเลสุ. ปณฺฑโก (มหาว. อฏฺ. ๑๐๙) ปเนตฺถ ปฺจวิโธ โหติ อาสิตฺตปณฺฑโก, อุสูยปณฺฑโก , โอปกฺกมิกปณฺฑโก, นปุํสกปณฺฑโก, ปกฺขปณฺฑโกติ. เตสุ อาสิตฺตปณฺฑกสฺส จ อุสูยปณฺฑกสฺส จ ปพฺพชฺชา น วาริตา, อิตเรสํ ติณฺณํ วาริตา. เตสุปิ ปกฺขปณฺฑกสฺส ยสฺมึ ปกฺเข ปณฺฑโก โหติ, ตสฺมึเยวสฺส ปกฺเข ปพฺพชฺชา วาริตาติ. ตโย เจตฺถ ปพฺพชฺชูปสมฺปทานํ อภพฺพตาย อวตฺถู. เตนาห ‘‘อาสิตฺตปณฺฑกฺจา’’ติอาทิ. ตตฺถ ยสฺส ปเรสํ องฺคชาตํ มุเขน คเหตฺวา อสุจินา อาสิตฺตสฺส ปริฬาโห วูปสมฺมติ, อยํ อาสิตฺตปณฺฑโก. ยสฺส ปเรสํ อชฺฌาจารํ ปสฺสโต อุสูยาย อุปฺปนฺนาย ปริฬาโห วูปสมฺมติ, อยํ อุสูยปณฺฑโก. ยสฺส อุปกฺกเมน พีชานิ อปนีตานิ, อยํ โอปกฺกมิกปณฺฑโก (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๑๓๕; วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๐๙). โย ปน ปฏิสนฺธิยํเยว อภาวโก อุปฺปนฺโน, อยํ นปุํสกปณฺฑโก. เอกจฺโจ ปน อกุสลวิปากานุภาเวน กาฬปกฺเข ปณฺฑโก โหติ, ชุณฺหปกฺเข ปนสฺส ปริฬาโห วูปสมฺมติ, อยํ ปกฺขปณฺฑโกติ เวทิตพฺโพ.

เถยฺเยน สํวาโส เอตสฺสาติ เถยฺยสํวาสโก. โส จ น สํวาสมตฺตสฺเสว เถนโก อิธาธิปฺเปโต, อถ โข ลิงฺคสฺส, ตทุภยสฺส จ เถนโกปีติ อาห ‘‘เถยฺยสํวาสโก ปน ติวิโธ’’ติอาทิ. น ภิกฺขุวสฺสานิ คเณตีติ (มหาว. อฏฺ. ๑๑๐) ‘‘อหํ ทสวสฺโส วา วีสติวสฺโส วา’’ติ มุสา วตฺวา ภิกฺขุวสฺสานิ น คเณติ. น ยถาวุฑฺฒํ ภิกฺขูนํ วา สามเณรานํ วา วนฺทนํ สาทิยตีติ อตฺตนา มุสาวาทํ กตฺวา ทสฺสิตวสฺสานุรูเปน ยถาวุฑฺฒํ วนฺทนํ นาธิวาเสติ. น อาสเนน ปฏิพาหตีติ ‘‘อเปหิ, เม เอตํ ปาปุณาตี’’ติ อาสเนน นปฺปฏิพาหติ. น อุโปสถาทีสุ สนฺทิสฺสตีติ อุโปสถปฺปวารณาทีสุ น สนฺทิสฺสติ. ลิงฺคมตฺตสฺเสวาติ เอวสทฺเทน สํวาสํ นิวตฺเตติ. สมาโนติ สนฺโต. ลิงฺคานุรูปสฺส สํวาสสฺสาติ สามเณรลิงฺคานุรูปสฺส สามเณรสํวาสสฺส. สเจ ปน กาสาเย ธุรํ นิกฺขิปิตฺวา นคฺโค วา โอทาตวตฺถนิวตฺโถ วา เมถุนเสวนาทีหิ อสฺสมโณ หุตฺวา กาสายานิ นิวาเสติ, ลิงฺคตฺเถนโก โหติ. สเจ คิหิภาวํ ปตฺถยมาโน กาสายํ โอวฏฺฏิกํ กตฺวา, อฺเน วา อากาเรน คิหินิวาสเนน นิวาเสติ ‘‘โสภติ นุ โข เม คิหิลิงฺคํ, น โสภตี’’ติ วีมํสนตฺถํ, รกฺขติ ตาว, ‘‘โสภตี’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ปุน ลิงฺคํ สาทิยติ, ลิงฺคตฺเถนโก โหติ. โอทาตํ นิวาเสตฺวา วีมํสนสมฺปฏิจฺฉเนสุปิ เอเสว นโย . สเจปิ นิวตฺถกาสาวสฺส อุปริ โอทาตํ นิวาเสตฺวา วีมํสติ วา สมฺปฏิจฺฉติ วา, รกฺขติ เอว.

อนฺติมวตฺถุอชฺฌาปนฺนเกปิ เอเสว นโยติ ปาราชิกํ อาปนฺนเก ภิกฺขุมฺหิปิ เอเสว นโยติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สเจ โกจิ ภิกฺขุ กาสาเย สอุสฺสาโหว โอทาตํ นิวาเสตฺวา เมถุนํ ปฏิเสวิตฺวา ปุน กาสายานิ นิวาเสตฺวา วสฺสคณนาทิเภทํ สพฺพํ วิธึ อาปชฺชติ, อยํ ภิกฺขูหิ ทินฺนลิงฺคสฺส อปริจฺจตฺตตฺตา น ลิงฺคตฺเถนโก, ลิงฺคานุรูปสฺส สํวาสสฺส สาทิตตฺตา นาปิ สํวาสตฺเถนโกติ. วิเทสนฺติ ปรเทสํ. อิทฺจ วฺเจตุํ สกฺกุเณยฺยฏฺานํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. โย ปน สเทเสปิ เอวํ กโรติ, โสปิ สํวาสตฺเถนโกว. ‘‘สํวาสมตฺตสฺเสวา’’ติ อิมินา ลิงฺคํ ปฏิกฺขิปติ. สเจ โกจิ วุฑฺฒปพฺพชิโต (มหาว. อฏฺ. ๑๑๐) ภิกฺขุวสฺสานิ คเณตฺวา มหาเปฬาทีสุ ทิยฺยมานภตฺตํ คณฺหาติ, โสปิ เถยฺยสํวาสโก โหติ. สยํ สามเณโรว สามเณรปฺปฏิปาฏิยา กูฏวสฺสานิ คเณตฺวา คณฺหนฺโต เถยฺยสํวาสโก น โหติ. ภิกฺขุ ปน ภิกฺขุปฏิปาฏิยา กูฏวสฺสานิ คเณตฺวา คณฺหนฺโต ภณฺฑคฺเฆน กาเรตพฺโพ.

นนุ สํวาโส นาม เอกกมฺมํ เอกุทฺเทโส สมสิกฺขตาติ อาห ‘‘ภิกฺขุวสฺสคณนาทิโก หี’’ติอาทิ. อิมินา น เกวลํ เอกกมฺมาทิโกว กิริยเภโท สํวาโสติ อิธาธิปฺเปโต, อถ โข ตทฺโ ภิกฺขุวสฺสคณนาทิโกปีติ ทสฺเสติ. อิมสฺมึ อตฺเถติ เถยฺยสํวาสกาธิกาเร. สิกฺขํ ปจฺจกฺขายาติ สิกฺขํ ปริจฺจชิตฺวา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สเจ โกจิ ภิกฺขุ สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย ลิงฺคํ อนปเนตฺวา ทุสฺสีลกมฺมํ กตฺวา วา อกตฺวา วา ‘‘น มํ โกจิ ชานาตี’’ติ ปุน สพฺพํ ปุพฺเพ วุตฺตํ วสฺสคณนาทิเภทํ วิธึ ปฏิปชฺชติ, โส เถยฺยสํวาสโก โหตีติ.

สเจ ปน กสฺสจิ ราชา กุทฺโธ โหติ, โส ‘‘เอวํ เม โสตฺถิ ภวิสฺสตี’’ติ สยเมว ลิงฺคํ คเหตฺวา ปลายติ. ตํ ทิสฺวา รฺโ อาโรเจนฺติ. ราชา ‘‘สเจ ปพฺพชิโต, น ตํ ลพฺภา กิฺจิ กาตุ’’นฺติ ตสฺมึ โกธํ ปฏิวิเนติ. โส ‘‘วูปสนฺตํ เม ราชภย’’นฺติ สงฺฆมชฺฌํ อโนสริตฺวาว คิหิลิงฺคํ คเหตฺวา อาคโต ปพฺพาเชตพฺโพ. อถาปิ ‘‘สาสนํ นิสฺสาย มยา ชีวิตํ ลทฺธํ, หนฺท ทานิ อหํ ปพฺพชามี’’ติ อุปฺปนฺนสํเวโค เตเนว ลิงฺเคน อาคนฺตฺวา อาคนฺตุกวตฺตํ น สาทิยติ, ภิกฺขูหิ ปุฏฺโ วา อปุฏฺโ วา ยถาภูตมตฺตานํ อาวิกตฺวาว ปพฺพชฺชํ ยาจติ, ลิงฺคํ อปเนตฺวา ปพฺพาเชตพฺโพ. สเจ ปน วตฺตํ สาทิยติ, ปพฺพชิตาลยํ ทสฺเสติ, สพฺพํ ปุพฺเพ วุตฺตํ วสฺสคณนาทิเภทํ ปฏิปชฺชติ, อยํ ปน น ปพฺพาเชตพฺโพ.

อิธ ปเนกจฺโจ ทุพฺภิกฺเข ชีวิตุํ อสกฺโกนฺโต สยเมว ลิงฺคํ คเหตฺวา สพฺพปาสณฺฑิยภตฺตานิ ภุฺชนฺโต ทุพฺภิกฺเข วีติวตฺเต สงฺฆมชฺฌํ อโนสริตฺวาว คิหิลิงฺคํ คเหตฺวา อาคโตติ สพฺพํ ปุริมสทิสเมว.

อปโร มหากนฺตารํ นิตฺถริตุกาโม โหติ, สตฺถวาโห จ ปพฺพชิเต คเหตฺวา คจฺฉติ. โส ‘‘เอวํ มํ สตฺถวาโห คเหตฺวา คมิสฺสตี’’ติ สยเมว ลิงฺคํ คเหตฺวา สตฺถวาเหน สทฺธึ กนฺตารํ นิตฺถริตฺวา เขมนฺตํ ปตฺวา สงฺฆมชฺฌํ อโนสริตฺวาว คิหิลิงฺคํ คเหตฺวา อาคโตติ สพฺพํ ปุริมสทิสเมว.

อปโร โรคภเย (มหาว. อฏฺ. ๑๑๐; วิ. สงฺค. อฏฺ. ๑๓๘) อุปฺปนฺเน ชีวิตุํ อสกฺโกนฺโต สยเมว ลิงฺคํ คเหตฺวา สพฺพปาสณฺฑิยภตฺตานิ ภุฺชนฺโต โรคภเย วูปสนฺเต สงฺฆมชฺฌํ อโนสริตฺวาว คิหิลิงฺคํ คเหตฺวา อาคโตติ สพฺพํ ปุริมสทิสเมว.

อปรสฺส เอโก เวริโก กุทฺโธ โหติ, ฆาเตตุกาโม นํ วิจรติ. โส ‘‘เอวํ เม โสตฺถิ ภวิสฺสตี’’ติ สยเมว ลิงฺคํ คเหตฺวา ปลายติ. เวริโก ‘‘กุหึ โส’’ติ ปริเยสนฺโต ‘‘ปพฺพชิตฺวา ปลาโต’’ติ สุตฺวา ‘‘สเจ ปพฺพชิโต, น ตํ ลพฺภา กิฺจิ กาตุ’’นฺติ ตสฺมึ โกธํ ปฏิวิเนติ. โส ‘‘วูปสนฺตํ เม เวริภย’’นฺติ สงฺฆมชฺฌํ อโนสริตฺวาว คิหิลิงฺคํ คเหตฺวา อาคโตติ สพฺพํ ปุริมสทิสเมว.

อปโร าติกุลํ คนฺตฺวา สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย คิหี หุตฺวา ‘‘อิมานิ จีวรานิ อิธ วินสฺสิสฺสนฺติ, สเจปิ อิมานิ คเหตฺวา วิหารํ คมิสฺสามิ, อนฺตรามคฺเค มํ ‘โจโร’ติ คเหสฺสนฺติ, ยํนูนาหํ กายปริหาริยานิ กตฺวา คจฺเฉยฺย’’นฺติ จีวราหรณตฺถํ นิวาเสตฺวา จ ปารุปิตฺวา จ วิหารํ คจฺฉติ. ตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา สามเณรา จ ทหรา จ อพฺภุคฺคจฺฉนฺติ, วตฺตํ ทสฺเสนฺติ. โส น สาทิยติ, ยถาภูตมตฺตานํ อาวิกโรติ. สเจ ภิกฺขู ‘‘น ทานิ มยํ ตํ มุฺจิสฺสามา’’ติ พลกฺกาเรน ปพฺพาเชตุกามา โหนฺติ, กาสายานิ อปเนตฺวา ปุน ปพฺพาเชตพฺโพ. สเจ ปน ‘‘น อิเม มม หีนายาวตฺตภาวํ ชานนฺตี’’ติ ตํเยว ภิกฺขุภาวํ ปฏิชานิตฺวา สพฺพํ ปุพฺเพ วุตฺตวสฺสคณนาทิเภทํ วิธึ ปฏิปชฺชติ, อยํ น ปพฺพาเชตพฺโพ. เตนาห ‘‘ราชทุพฺภิกฺขกนฺตาร-โรคเวรีภเยน วา’’ติอาทิ. ภยสทฺโท เจตฺถ ปจฺเจกํ โยเชตพฺโพ ‘‘ราชภเยน, ทุพฺภิกฺขภเยนา’’ติอาทินา. ลิงฺคํ อาทิยตีติ เวสํ คณฺหาติ. อิธาติ อิมสฺมึ สาสเน. สํวาสํ นาธิวาเสติ, ยาว โส สุทฺธมานโสติ ภิกฺขูนํ วฺเจตุกามตาย อภาวโต โย สุทฺธมานโส ยาว สํวาสํ นาธิวาเสติ, ตาว เอส ‘‘คิหี มํ ‘สมโณ’ติ ชานนฺตู’’ติ วฺจนจิตฺเต สติปิ ภิกฺขูนํ วฺเจตุกามตาย อภาวโต โทโส นตฺถีติ เถยฺยสํวาสโก นามาติ น วุจฺจตีติ อตฺโถ.

ติตฺถิเยสุ ปกฺกนฺตโก ปวิฏฺโติ ติตฺถิยปกฺกนฺตโก. โส จ น เกวลํ ตตฺถ ปวิฏฺมตฺเตเนว ติตฺถิยปกฺกนฺตโก โหติ, อถ โข เตสํ ลทฺธิคฺคหเณน. เตนาห ‘‘โย ปนา’’ติอาทิ. ‘‘อุปสมฺปนฺโน’’ติ อิมินา อนุปสมฺปนฺโน ติตฺถิยปกฺกนฺตโก น โหตีติ ทสฺเสติ. วุตฺตฺเหตํ กุรุนฺทิอฏฺกถายํ ‘‘อยฺจ ติตฺถิยปกฺกนฺตโก นาม อุปสมฺปนฺนภิกฺขุนา กถิโต, ตสฺมา สามเณโร สลิงฺเคน ติตฺถายตนํ คโตปิ ปุน ปพฺพชฺชฺจ อุปสมฺปทฺจ ลภตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๑๐). กุสจีราทิกนฺติ เอตฺถาทิสทฺเทน ผลกกฺขณฺฑชฏาทีนํ คหณํ. สเจปิ ‘‘อยํ ปพฺพชฺชา เสฏฺา’’ติ เสฏฺภาวํ วา อุปคจฺฉติ, น มุจฺจติ, ติตฺถิยปกฺกนฺตโกว โหติ. วตานีติ อุกฺกุฏิกปฺปธานาทีนิ วตานิ. สเจ ปน ‘‘โสภติ นุ โข เม ติตฺถิยปพฺพชฺชา, นนุ โข โสภตี’’ติ วีมํสนตฺถํ กุสจีราทีนิ นิวาเสติ, ชฏํ วา พนฺธติ, ขาริกาชํ วา อาทิยติ, ยาว น สมฺปฏิจฺฉติ ตํ ลทฺธึ, ตาว รกฺขติ, สมฺปฏิจฺฉิตมตฺเต ติตฺถิยปกฺกนฺตโก โหติ. อจฺฉินฺนจีวโร ปน กุสจีราทีนิ นิวาเสนฺโต, ราชภยาทีหิ วา ติตฺถิยลิงฺคํ คณฺหนฺโต ลทฺธิยา อภาเวน เนว ติตฺถิยปกฺกนฺตโก โหติ.

อวเสโส สพฺโพปีติ นาคสุปณฺณยกฺขคนฺธพฺพาทิโก. ยฺเหตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว.

ยถา สมานชาติกสฺส (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๑๒) วิโกปเน กมฺมํ ครุตรํ, น ตถา วิชาติกสฺสาติ อาห ‘‘มนุสฺสชาติกา’’ติ. ปุตฺตสมฺพนฺเธน มาตาปิตุสมฺา, ทตฺตกิตฺติมาทิวเสนปิ ปุตฺตโวหาโร โลเก ทิสฺสติ, โส จ โข ปริยายโตติ นิปฺปริยายสิทฺธตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ชเนตฺตี’’ติ วุตฺตํ. ชเนตฺตีติ ชนิกา, มาตาติ อตฺโถ. ยถา มนุสฺสตฺตภาเว ิตสฺเสว กุสลธมฺมานํ ติกฺขวิสทสูรภาวาปตฺติ, ยถา ตํ ติณฺณมฺปิ โพธิสตฺตานํ โพธิตฺตยนิปฺผตฺติยํ, เอวํ มนุสฺสตฺตภาเว ิตสฺเสว อกุสลธมฺมานมฺปิ ติกฺขวิสทสูรภาวาปตฺตีติ อาห ‘‘มนุสฺสภูเตเนวา’’ติ. สฺจิจฺจาติ ‘‘ปาโณ’’ติ สฺาย สทฺธึ วธกเจตนาย เจเตตฺวา. อยํ มาตุฆาตโก นามาติ อยํ อานนฺตริเยน มาตุฆาตกกมฺเมน มาตุฆาตโก นาม. เยน ปน มนุสฺสิตฺถิภูตาปิ อชนิกา โปสาวนิกมาตา วา มหามาตา วา จูฬมาตา วา ชนิกาปิ วา อมนุสฺสิตฺถิภูตา มาตา ฆาติตา, ตสฺส ปพฺพชฺชา น วาริตา, น จ อานนฺตริโก โหติ. เยน สยํ ติรจฺฉานภูเตน มนุสฺสิตฺถิภูตา มาตา ฆาติตา, โสปิ อานนฺตริโก น โหติ. ติรจฺฉานคตตฺตา ปนสฺส ปพฺพชฺชา ปฏิกฺขิตฺตา, กมฺมํ ปนสฺส ภาริยํ โหติ, อานนฺตริยํ อาหจฺเจว ติฏฺติ.

เยน มนุสฺสภูโต ชนโก ปิตา สยมฺปิ มนุสฺสชาติเกเนว สตา สฺจิจฺจ ชีวิตา โวโรปิโต, อยํ อานนฺตริเยน ปิตุฆาตกกมฺเมน ปิตุฆาตโก นามาติ อิมมตฺถํ อติทิสนฺโต ‘‘ปิตุฆาตเกปิ เอเสว นโย’’ติ อาห. สเจปิ หิ เวสิยา ปุตฺโต โหติ, ‘‘อยํ เม ปิตา’’ติ น ชานาติ, ยสฺส สมฺภเวน นิพฺพตฺโต, โส จ เตน ฆาติโต, ‘‘ปิตุฆาตโก’’ตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ, อานนฺตริยฺจ ผุสติ (มหาว. อฏฺ. ๑๑๔).

เอฬกจตุกฺกํ (ม. นิ. อฏฺ. ๓.๑๒๘; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๗๕; วิภ. อฏฺ. ๘๐๙; สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๑๒), สงฺคามจตุกฺกํ, โจรจตุกฺกฺเจตฺถ กเถตพฺพํ. ‘‘เอฬกํ มาเรมี’’ติ อภิสนฺธินาปิ หิ เอฬกฏฺาเน ิตํ มนุสฺสภูตํ มาตรํ วา ปิตรํ วา มาเรนฺโต อานนฺตริยํ ผุสติ มารณาธิปฺปาเยเนว อานนฺตริยวตฺถุโน วิโกปิตตฺตา. เอฬกาภิสนฺธินา, ปน มาตาปิติอภิสนฺธินา วา เอฬกํ มาเรนฺโต อานนฺตริยํ น ผุสติ อานนฺตริยวตฺถุอภาวโต. มาตาปิติอภิสนฺธินา มาตาปิตโร มาเรนฺโต ผุสเตว . เอเสว นโย อิตรสฺมิมฺปิ จตุกฺกทฺวเย. สพฺพตฺถ หิ ปุริมํ อภิสนฺธิจิตฺตํ อปฺปมาณํ, วธกจิตฺตํ, ปน ตทารมฺมณชีวิตินฺทฺริยฺจ อานนฺตริยานานนฺตริยภาเว ปมาณํ.

อรหนฺตฆาตโกปิ มนุสฺสอรหนฺตวเสเนว เวทิตพฺโพติ อาห ‘‘เยน อนฺตมโส คิหิลิงฺเค ิโตปี’’ติอาทิ. อมนุสฺสชาติกํ ปน อรหนฺตํ, มนุสฺสชาติกํ วา อวเสสํ อริยปุคฺคลํ ฆาเตตฺวา อานนฺตริโก น โหติ, ปพฺพชฺชาปิสฺส น วาริตา, กมฺมํ ปน พลวํ โหติ. ติรจฺฉาโน มนุสฺสอรหนฺตมฺปิ ฆาเตตฺวา อานนฺตริโก น โหติ, กมฺมํ ปน ภาริยนฺติ อยเมตฺถ วินิจฺฉโย. ยถา มาตาปิตูสุ, เอวํ อรหนฺเตปิ เอฬกจตุกฺกาทีนิ เวทิตพฺพานิ.

ปกตตฺตํ ภิกฺขุนินฺติ ปริสุทฺธสีลํ อุภโตสงฺเฆ อุปสมฺปนฺนํ ภิกฺขุนึ. โย (มหาว. อฏฺ. ๑๑๕) ปน กายสํสคฺเคน สีลวินาสํ ปาเปติ, ตสฺส ปพฺพชฺชา จ อุปสมฺปทา จ น วาริตา. พลกฺกาเรน โอทาตวตฺถวสนํ กตฺวา อนิจฺฉมานํเยว ทูเสนฺโตปิ ภิกฺขุนิทูสโกเยว, พลกฺกาเรน ปน โอทาตวตฺถวสนํ กตฺวา อิจฺฉมานํ ทูเสนฺโต ภิกฺขุนิทูสโก น โหติ. กสฺมา? ยสฺมา คิหิภาเว สมฺปฏิจฺฉิตมตฺเตเยว สา อภิกฺขุนี โหติ . สกึ สีลวิปนฺนํ ปน ปจฺฉา ทูเสนฺโต สิกฺขมานสามเณรีสุ จ วิปฺปฏิปชฺชนฺโต เนว ภิกฺขุนิทูสโก โหติ, ปพฺพชฺชํ, อุปสมฺปทฺจ ลภตีติ.

ธมฺมโต อุคฺคตํ อปคตํ อุทฺธมฺมํ. อุพฺพินยนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. จตุนฺนํ กมฺมานนฺติ อปโลกนตฺติตฺติทุติยตฺติจตุตฺถสงฺขาตานํ จตุนฺนํ กมฺมานํ. อิเมสฺหิ อฺตรํ สงฺฆกมฺมํ เอกสีมายํ วิสุํ วิสุํ กโรนฺเตน สงฺโฆ ภินฺโน นาม โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘จตุนฺนํ กมฺมานํ อฺตรวเสน สงฺฆํ ภินฺทตี’’ติ.

‘‘ทุฏฺจิตฺเตนา’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวตุํ ‘‘วธกจิตฺเตนา’’ติ วุตฺตํ. วธกเจตนาย หิ ทูสิตํ จิตฺตํ อิธ ทุฏฺจิตฺตํ นาม. โลหิตํ อุปฺปาเทตีติ อนฺโตสรีเรเยว โลหิตํ อุปฺปาเทติ, สฺจิตํ กโรตีติ อธิปฺปาโย. น หิ ตถาคตสฺส อเภชฺชกายตาย ปรูปกฺกเมน ธมฺมํ ภินฺทิตฺวา โลหิตํ ปคฺฆรติ, สรีรสฺส ปน อนฺโตเยว เอกสฺมึ าเน โลหิตํ สโมสรติ, อาฆาเตน ปกุปฺปมานํ สฺจิตํ โหติ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. โย ปน โรควูปสมนตฺถํ ชีวโก วิย สตฺเถน ผาเลตฺวา ปูติมํสฺจ โลหิตฺจ นีหริตฺวา ผาสุกํ กโรติ, อยํ โลหิตุปฺปาทโก น โหติ, พหุํ ปน โส ปุฺํ ปสวติ (มหาว. อฏฺ. ๑๑๕).

ทุวิธมฺปิ พฺยฺชนนฺติ ยถาวุตฺตกมฺมทฺวยโต สมุฏฺิตํ อิตฺถินิมิตฺตํ, ปุริสนิมิตฺตฺจาติ ทุวิธมฺปิ พฺยฺชนํ. อิมินา จ วิคฺคเหน ‘‘อุภโตพฺยฺชนโก’’ติ อสมานาธิกรณวิสโย พาหิรตฺถสมาโสยํ, ปุริมปเท จ วิภตฺติอโลโปติ ทสฺเสติ. โส ทุวิโธ โหติ อิตฺถิอุภโตพฺยฺชนโก, ปุริสอุภโตพฺยฺชนโก จาติ. ตตฺถ อิตฺถิอุภโตพฺยฺชนกสฺส อิตฺถินิมิตฺตํ ปากฏํ โหติ, ปุริสนิมิตฺตํ ปฏิจฺฉนฺนํ. ปุริสอุภโตพฺยฺชนกสฺส ปุริสนิมิตฺตํ ปากฏํ, อิตฺถินิมิตฺตํ ปฏิจฺฉนฺนํ. อิตฺถิอุภโตพฺยฺชนกสฺส อิตฺถีสุ ปุริสตฺตํ กโรนฺตสฺส อิตฺถินิมิตฺตํ ปฏิจฺฉนฺนํ โหติ, ปุริสนิมิตฺตํ ปากฏํ โหติ. ปุริสอุภโตพฺยฺชนกสฺส ปุริสานํ อิตฺถิภาวํ อุปคจฺฉนฺตสฺส ปุริสนิมิตฺตํ ปฏิจฺฉนฺนํ โหติ, อิตฺถินิมิตฺตํ ปากฏํ โหติ. อิตฺถิอุภโตพฺยฺชนโก สยฺจ คพฺภํ คณฺหาติ, ปรฺจ คณฺหาเปติ. ปุริสอุภโตพฺยฺชนโก ปน สยํ น คณฺหาติ, ปรํ คณฺหาเปตีติ อิทเมเตสํ นานากรณํ.

อปรามสนานีติ อคฺคหณานิ อวจนานิ. ‘‘อยํ อิตฺถนฺนาโม’’ติ อุปสมฺปทาเปกฺขสฺส อกิตฺตนนฺติ ยสฺส อุปสมฺปทา กรียติ, ตสฺส อกิตฺตนํ, ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อยํ ธมฺมรกฺขิโต อายสฺมโต พุทฺธรกฺขิตสฺส อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘อยํ ธมฺมรกฺขิโต’’ติ (ปริ. อฏฺ. ๔๘๔) อวจนนฺติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘อิตฺถนฺนามสฺส อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติ อุปชฺฌายสฺส อกิตฺตนนฺติ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อยํ ธมฺมรกฺขิโต อายสฺมโต พุทฺธรกฺขิตสฺส อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อยํ ธมฺมรกฺขิโต อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติ วตฺวา ‘‘อายสฺมโต พุทฺธรกฺขิตสฺสา’’ติ อวจนํ. สพฺเพน สพฺพํ ตฺติยา อนุจฺจารณนฺติ ตฺตึ อฏฺเปตฺวา จตุกฺขตฺตุํ กมฺมวาจาย เอว อนุสฺสาวนกมฺมสฺส กรณํ. สมฺปนฺนนฺติ อุเปตํ.

หาปนํ ปริจฺจชนํ. โยปิ เอกํ ตฺตึ เปตฺวา สกึเยว วา ทฺวิกฺขตฺตุํ วา อนุสฺสาวนํ กโรติ, อยมฺปิ สาวนํ หาเปติเยว. ทุรุจฺจารณํ นาม อฺสฺมึ อกฺขเร วตฺตพฺเพ อฺสฺส วจนํ. ตสฺมา กมฺมวาจํ กโรนฺเตน ภิกฺขุนา ยฺวายํ –

‘‘สิถิลํ ธนิตฺจ ทีฆรสฺสํ;

ครุกํ ลหุกฺเจว นิคฺคหีตํ;

สมฺพนฺธววตฺถิตํ วิมุตฺตํ;

ทสธา พฺยฺชนพุทฺธิยา ปเภโท’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๙๐; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒๙๑; อ. นิ. อฏฺ. ๒.๓.๖๔, ปริ. อฏฺ. ๔๘๕; วิ. สงฺค. อฏฺ. ๒๕๒) –

วุตฺโต, อยํ สุฏฺุ อุปลกฺเขตพฺโพ. เอตฺถ หิ สิถิลํ นาม ปฺจสุ วคฺเคสุ ปมตติยํ. ธนิตํ นาม เตสฺเวว ทุติยจตุตฺถํ. ทีฆนฺติ ทีเฆน กาเลน วตฺตพฺพํ อา-การาทิ. รสฺสนฺติ ตโต อุปฑฺฒกาเลน วตฺตพฺพํ -การาทิ. ครุกนฺติ ทีฆเมว, ยํ วา ‘‘อายสฺมโต พุทฺธรกฺขิตตฺเถรสฺส ยสฺส นกฺขมตี’’ติ เอวํ สํโยคปรํ กตฺวา วุจฺจติ. ลหุกนฺติ รสฺสเมว, ยํ วา ‘‘อายสฺมโต พุทฺธรกฺขิตตฺเถรสฺส ยสฺส น ขมตี’’ติ เอวํ อสํโยคปรํ กตฺวา วุจฺจติ. นิคฺคหีตนฺติ ยํ กรณานิ นิคฺคเหตฺวา อวิสฺสชฺเชตฺวา อวิวเฏน มุเขน สานุนาสิกํ กตฺวา วตฺตพฺพํ. สมฺพนฺธนฺติ ยํ ปรปเทน สมฺพนฺธิตฺวา ‘‘ตุณฺหิสฺสา’’ติ วา ‘‘ตุณฺหสฺสา’’ติ วา วุจฺจติ. ววตฺถิตนฺติ ยํ ปรปเทน สมฺพนฺธํ อกตฺวา วิจฺฉินฺทิตฺวา ‘‘ตุณฺหี อสฺสา’’ติ วา ‘‘ตุณฺห อสฺสา’’ติ วา วุจฺจติ. วิมุตฺตนฺติ ยํ กรณานิ อนิคฺคเหตฺวา วิสฺสชฺเชตฺวา วิวเฏน มุเขน อนุนาสิกํ อกตฺวา วุจฺจติ.

ตตฺถ ‘‘สุณาตุ เม’’ติ วตฺตพฺเพ -การสฺส -การํ กตฺวา ‘‘สุณาถุ เม’’ติ วจนํ สิถิลสฺสธนิตกรณํ นาม, ตถา ‘‘ปตฺตกลฺลํ เอสา ตฺตี’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘ปตฺถกลฺลํ เอสา ตฺตี’’ติอาทิวจนฺจ. ‘‘ภนฺเต, สงฺโฆ’’ติ วตฺตพฺเพ -การ -การานํ -การ -กาเร กตฺวา ‘‘พนฺเต สํโค’’ติ วจนํ ธนิตสฺส สิถิลกรณํ นาม. ‘‘สุณาตุ เม’’ติ วิวเฏน มุเขน วตฺตพฺเพ ‘‘สุณํตุ เม’’ติ วา ‘‘เอสา ตฺตี’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘เอสํ ตฺตี’’ติ วา อวิวเฏน มุเขน อนุนาสิกํ กตฺวา วจนํ วิมุตฺตสฺส นิคฺคหิตวจนํ นาม. ‘‘ปตฺตกลฺล’’นฺติ อวิวเฏน มุเขน อนุนาสิกํ กตฺวา วตฺตพฺเพ ‘‘ปตฺตกลฺลา’’ติ วิวเฏน มุเขน อนุนาสิกํ อกตฺวา วจนํ นิคฺคหิตสฺส วิมุตฺตวจนํ นาม. อิติ สิถิเล กตฺตพฺเพ ธนิตํ, ธนิเต กตฺตพฺเพ สิถิลํ, วิมุตฺเต กตฺตพฺเพ นิคฺคหิตํ, นิคฺคหิเต กตฺตพฺเพ วิมุตฺตนฺติ อิมานิ จตฺตาริ พฺยฺชนานิ อนฺโตกมฺมวาจาย กมฺมํ ทูเสนฺติ. เอวํ วทนฺโต หิ อฺสฺมึ อกฺขเร วตฺตพฺเพ อฺํ วทติ, ทุรุตฺตํ กโรตีติ วุจฺจติ.

อิตเรสุ ปน ทีฆรสฺสาทีสุ ฉสุ พฺยฺชเนสุ ทีฆฏฺาเน ทีฆเมว. รสฺสฏฺาเน จ รสฺสเมวาติ เอวํ ยถาาเน ตํ ตเทว อกฺขรํ ภาสนฺเตน อนุกฺกมาคตํ ปเวณึ อวินาเสนฺเตน กมฺมวาจา กาตพฺพา. สเจ ปน เอวํ อกตฺวา ทีเฆ วตฺตพฺเพ รสฺสํ, รสฺเส วา วตฺตพฺเพ ทีฆํ วทติ, ตถา ครุเก วตฺตพฺเพ ลหุกํ, ลหุเก วา วตฺตพฺเพ ครุกํ วทติ, สมฺพนฺเธ วา ปน วตฺตพฺเพ ววตฺถิตํ, ววตฺถิเต วา วตฺตพฺเพ สมฺพนฺธํ วทติ, เอวํ วุตฺเตปิ กมฺมวาจา น กุปฺปติ. อิมานิ หิ ฉ พฺยฺชนานิ กมฺมํ น โกเปนฺติ.

ยํ ปน สุตฺตนฺติกตฺเถรา ‘‘ท-กาโร -การมาปชฺชติ, -กาโร -การมาปชฺชติ, -กาโร -การมาปชฺชติ, -กาโร -การมาปชฺชติ, -กาโร -การมาปชฺชติ, -กาโร -การมาปชฺชติ, ตสฺมา -การาทีสุ วตฺตพฺเพสุ -การาทีนํ วจนํ น วิรุชฺฌตี’’ติ วทนฺติ, ตํ กมฺมวาจํ ปตฺวา น วฏฺฏติ. ตสฺมา วินยธเรน เนว -กาโร -กาโร กาตพฺโพ…เป… น -กาโร -กาโร. ยถาปาฬิยา นิรุตฺตึ โสเธตฺวา ทสวิธาย พฺยฺชนนิรุตฺติยา วุตฺตโทเส ปริหรนฺเตน กมฺมวาจา กาตพฺพา. อิตรถา หิ สาวนํ หาเปติ นาม. ตฺตึ อฏฺเปตฺวา ปมํ อนุสฺสาวนกรณนฺติ สมฺพนฺโธ.

ยาวติกา ภิกฺขู กมฺมปฺปตฺตาติ ยตฺตกา ภิกฺขู ตสฺส อุปสมฺปทากมฺมสฺส ปตฺตา ยุตฺตา อนุรูปา. เต จ โข สพฺพนฺติเมน ปริยาเยน หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา เอกสีมฏฺา ปฺจ ปกตตฺตา ภิกฺขู. น หิ เตหิ วินา ตํ กมฺมํ กรียติ, น เตสํ ฉนฺโท เอติ. อวเสสา ปน สเจปิ สหสฺสมตฺตา โหนฺติ, สเจ เอกสีมฏฺา เอกสฺมึ าเน สมานสํวาสกา, สพฺเพ ฉนฺทารหาว โหนฺติ, ฉนฺทํ ทตฺวา อาคจฺฉนฺตุ วา, มา วา, กมฺมํ น กุปฺปติ. ปฏิกฺโกสนนฺติ นิวารณํ. ติฏฺติ เอตฺถ ผลํ ตทายตฺตวุตฺติตายาติ านํ, การณํ. อิธ ปน อุปสมฺปทากมฺมกรณสฺส การณตฺตา อุปสมฺปทากมฺมวาจาสงฺขาตํ ภควโต วจนํ วุจฺจติ. เตนาห ‘‘การณารหตฺตา ปน สตฺถุ สาสนารหตฺตา’’ติ. ยถา จ ‘‘ตํ กตฺตพฺพ’’นฺติ ภควตา อนุสิฏฺํ, ตถากรณํ อุปสมฺปทากมฺมสฺส การณํ โหตีติ านารหํ นาม. เกจิ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๕) ปน ‘‘านารเหนาติ เอตฺถ ‘น, ภิกฺขเว, หตฺถจฺฉินฺโน ปพฺพาเชตพฺโพ’ติอาทิ (มหาว. ๑๑๙) สตฺถุสาสนํ าน’’นฺติ วทนฺติ. อิธาติ อิมสฺมึ ปาราชิเก. ยถา จ อิธ, เอวํ สพฺพตฺถาปิ โลกวชฺชสิกฺขาปเทสุ อยเมว อธิปฺเปโตติ เวทิตพฺพํ. เตนาห ‘‘ปณฺณตฺติวชฺเชสุ ปนา’’ติอาทิ. อฺเปีติ เอหิภิกฺขูปสมฺปนฺนาทโยปิ. กถเมตํ วิฺายติ ปณฺณตฺติวชฺเชสุ สิกฺขาปเทสุ อฺเปิ สงฺคหํ คจฺฉนฺตีติ? อตฺถโต อาปนฺนตฺตา. ตถา หิ ‘‘ทฺเว ปุคฺคลา อภพฺพา อาปตฺตึ อาปชฺชิตุํ พุทฺธา จ ปจฺเจกพุทฺธา จ, ทฺเว ปุคฺคลา ภพฺพา อาปตฺตึ อาปชฺชิตุํ ภิกฺขู จ ภิกฺขุนิโย จา’’ติ (ปริ. ๓๒๒) สามฺโต วุตฺตตฺตา. เอหิภิกฺขูปสมฺปนฺนาทโยปิ อสฺจิจฺจ อสฺสติยา อจิตฺตกํ สหเสยฺยาปตฺติอาทิเภทํ ปณฺณตฺติวชฺชํ อาปชฺชนฺตีติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๕) อตฺถโต อาปนฺนํ.

อิทานิ ‘‘ภิกฺขูน’’นฺติ อิมํ ปทํ วิเสสตฺถาภาวโต วิสุํ อวณฺเณตฺวาว ยํ สิกฺขฺจ สาชีวฺจ สมาปนฺนตฺตา ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน โหติ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน’’ติอาทิมาห. สิกฺขิตพฺพาติ สิกฺขา, ปาติโมกฺขสํวรสีลํ, สห ชีวนฺติ เอตฺถาติ สาชีวํ, มาติกาทิเภทา ปณฺณตฺติ, สิกฺขา จ สาชีวฺจ สิกฺขาสาชีวํ, ตทุภยํ สมาปนฺโน อุปคโตติ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน. เตนาห ‘‘ยา ภิกฺขูน’’นฺติอาทิ. เอตฺถ จ ‘‘สิกฺขา’’ติ สาชีวสหจริยโต อธิสีลสิกฺขาว อธิปฺเปตาติ อาห ‘‘อธิสีลสงฺขาตา’’ติ. อธิกํ อุตฺตมํ สีลนฺติ อธิสีลํ, ‘‘อธิสีล’’นฺติ สงฺขาตา อธิสีลสงฺขาตา.

กตมํ ปเนตฺถ สีลํ, กตมํ อธิสีลนฺติ? วุจฺจเต – ปฺจงฺคทสงฺคสีลํ ตาว สีลเมว, น ตํ อธิสีลํ. ปาติโมกฺขสํวรสีลํ ปน อธิสีล’’นฺติ วุจฺจติ. ตฺหิ สูริโย วิย ปชฺโชตานํ, สิเนรุ วิย จ ปพฺพตานํ สพฺพโลกิยสีลานํ อธิกฺเจว อุตฺตมฺจ, พุทฺธุปฺปาเทเยว จ ปวตฺตติ, น วินา พุทฺธุปฺปาทา. น หิ ตํ ปฺตฺตึ อุทฺธริตฺวา อฺโ สตฺโต ปฺาเปตุํ สกฺโกติ, พุทฺธาเยว ปนสฺส สพฺพโส กายวจีทฺวารชฺฌาจารโสตํ ฉินฺทิตฺวา ตสฺส ตสฺส วีติกฺกมสฺส อนุจฺฉวิกํ ตํ ตํ สีลสํวรํ ปฺาเปนฺติ. ปาติโมกฺขสํวรสีลโตปิ จ มคฺคผลสมฺปยุตฺตเมว สีลํ อธิสีลํ, ตํ ปน อิธ น อธิปฺเปตํ. น หิ ตํ สมาปนฺโน เมถุนธมฺมํ ปฏิเสวติ.

เอเตติ นานาเทสชาติโคตฺตาทิเภทภินฺนา ภิกฺขู. สห ชีวนฺตีติ เอกุทฺเทสาทิวเสน สห ปวตฺตนฺติ. เตนาห ‘‘เอกชีวิกา สภาควุตฺติโน’’ติ. สิกฺขาปทสงฺขาตนฺติ ปณฺณตฺติสงฺขาตํ. สาปิ หิ วิรติอาทีนํ ทีปนโต ‘‘สิกฺขาปท’’นฺติ วุจฺจติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘สิกฺขาปทนฺติ โย ตตฺถ นามกาโย ปทกาโย นิรุตฺติกาโย พฺยฺชนกาโย’’ติ. ตตฺถาติ เตสุ. สิกฺขํ ปริปูเรนฺโตติ อกตฺตพฺพปริวชฺชนกตฺตพฺพกรณวเสน วาริตฺตจาริตฺตสงฺขาตํ ทุวิธํ สีลํ ปริปูเรนฺโตติ อตฺโถ, วาริตฺตสีลวเสน วิรติสมฺปยุตฺตเจตนํ, จาริตฺตสีลวเสน วิรติวิปฺปยุตฺตเจตนฺจ อตฺตนิ ปวตฺเตนฺโตติ วุตฺตํ โหติ. สาชีวฺจ อวีติกฺกมนฺโตติ สิกฺขาปทฺจ อมทฺทนฺโต, สีลสํวรณํ, สาชีวานติกฺกมนฺจาติ อิทเมว ทฺวยํ อิธ สมาปชฺชนํ นามาติ อธิปฺปาโย. ตตฺถ สาชีวานติกฺกโม สิกฺขาปาริปูริยา ปจฺจโย. ตสฺสานติกฺกมนโต หิ ยาว มคฺคา สิกฺขา ปริปูรติ. อปิเจตฺถ ‘‘สิกฺขํ ปริปูเรนฺโต’’ติ อิมินา วิรติเจตนาสงฺขาตสฺส สีลสํวรสฺส วิเสสโต สนฺตาเน ปวตฺตนกาโลว คหิโต, ‘‘อวีติกฺกมนฺโต’’ติ อิมินา ปน อปฺปวตฺตนกาโลปิ. สิกฺขฺหิ ปริปูรณวเสน อตฺตนิ ปวตฺเตนฺโตปิ นิทฺทาทิวเสน อปฺปวตฺเตนฺโตปิ วีติกฺกมาภาวา สิกฺขนวเสน สมาปนฺโนติ วุจฺจติ.

ยสฺมา สิกฺขาปจฺจกฺขานสฺส เอกจฺจํ ทุพฺพลฺยาวิกมฺมํ อตฺโถ โหติ, ตสฺมา ตํ สนฺธาย ‘‘สิกฺขํ อปจฺจกฺขายา’’ติ ปทสฺส อตฺถํ วิวรนฺโต ‘‘ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา’’ติ อาหาติ ทสฺเสตุํ ‘‘สิกฺขํ อปจฺจกฺขาย ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สิยา (ปารา. อฏฺ. ๑.๔๕ สิกฺขาปจฺจกฺขานวิภงฺควณฺณนา), ยสฺมา น สพฺพํ ทุพฺพลฺยาวิกมฺมํ สิกฺขาปจฺจกฺขานํ, ตสฺมา ‘‘ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา’’ติ ปมํ วตฺวา ตสฺส อตฺถนิยมนตฺถํ ‘‘สิกฺขํ อปจฺจกฺขายา’’ติ วตฺตพฺพนฺติ? ตํ น, กสฺมา? อตฺถานุกฺกมาภาวโต. ‘‘สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน’’ติ หิ วุตฺตตฺตา ยํ สิกฺขํ สมาปนฺโน, ตํ อปจฺจกฺขาย, ยฺจ สาชีวํ สมาปนฺโน, ตตฺถ ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวาติ วุจฺจมาเน อนุกฺกเมเนว อตฺโถ วุตฺโต โหติ, น อฺถา. ตสฺมา อิทเมว ปมํ วุตฺตนฺติ.

อิทานิ ตทุภยเมว ปากฏํ กตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาห. ตทภาเวนาติ เตสํ จิตฺตาทีนํ อภาเวน. จวิตุกามตาจิตฺเตนาติ อปคนฺตุกามตาจิตฺเตน . ทวาติ สหสา. โย หิ อฺํ ภณิตุกาโม สหสา ‘‘พุทฺธํ ปจฺจกฺขามี’’ติ ภณติ, อยํ ทวา วทติ นาม. รวาติ วิรชฺฌิตฺวา. โย หิ อฺํ ภณิตุกาโม วิรุชฺฌิตฺวา ‘‘พุทฺธํ ปจฺจกฺขามี’’ติ ภณติ, อยํ รวา ภณติ นาม. ปุริเมน โก วิเสโสติ เจ? ปุริมํ ปณฺฑิตสฺสาปิ สหสาวเสน อฺภณนํ, อิทํ ปน มนฺทตฺตา โมมูหตฺตา ปกฺขลนฺตสฺส ‘‘อฺํ ภณิสฺสามี’’ติ อฺภณนํ. ‘‘อกฺขรสมยานภิฺาตตาย วา กรณสมฺปตฺติยา อภาวโต วา กเถตพฺพํ กเถตุมสกฺโกนฺโต หุตฺวา อฺํ กเถนฺโต รวา ภณติ นามา’’ติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๕๔) เอเก.

วชฺชาวชฺชํ อุปนิชฺฌายตีติ อุปชฺฌาโย, ตํ อุปชฺฌายํ. ‘‘เอวํ สชฺฌายิตพฺพํ, เอวํ อภิกฺกมิตพฺพ’’นฺติอาทินา อาจารสิกฺขาปนโก อาจริโย. อนฺเต สมีเป วสติ สีเลนาติ อนฺเตวาสี, วิภตฺติอโลเปน ยถา ‘‘วเนกเสรุกา’’ติ. สมาโน อุปชฺฌาโย อสฺสาติ สมานุปชฺฌายโก. เอวํ สมานาจริยโก. สพฺรหฺมจารินฺติ ภิกฺขุํ. โส หิ ‘‘เอกกมฺมํ, เอกุทฺเทโส, สมสิกฺขตา’’ติ อิมํ พฺรหฺมํ สมานํ จรติ, ตสฺมา ‘‘สพฺรหฺมจารี’’ติ วุจฺจติ. เอวํ วุตฺตานนฺติ เอวํ ปทภาชนีเย วุตฺตานํ. ยถา หิ โลเก สสฺสานํ วิรุหนฏฺานํ ‘‘เขตฺต’’นฺติ วุจฺจติ, เอวมิมานิปิ พุทฺธาทีนิ ปทานิ สิกฺขาปจฺจกฺขานสฺส วิรุหนฏฺานตฺถา ‘‘เขตฺต’’นฺติ วุจฺจนฺตีติ อาห ‘‘อิเมสํ ทฺวาวีสติยา เขตฺตปทาน’’นฺติ. ยสฺมา ปเนเตสํ เววจเนหิปิ สิกฺขาปจฺจกฺขานํ โหติ, ตสฺมา ‘‘สเววจนสฺสา’’ติ วุตฺตํ. วิวิธํ เอกสฺมึเยว อตฺเถ วจนํ วิวจนํ, วิวจนเมว เววจนํ, ปริยายนามํ, สห เววจเนหีติ สเววจนํ, ตสฺส สเววจนสฺส. เอตฺถ จ วณฺณปฏฺาเน (สารตฺถ. ฏี. ๒.๕๒; วิ. วิ. ฏี. ๑.๕๓; วชิร. ฏี. ๕๓) อาคตํ นามสหสฺสํ, อุปาลิคาถาสุ (ม. นิ. ๒.๗๖) นามสตํ, อฺานิ จ คุณโต ลพฺภมานานิ นามานิ ‘‘พุทฺธเววจนานี’’ติ เวทิตพฺพานิ. สพฺพานิปิ ธมฺมสฺส นามานิ ‘‘ธมฺมเววจนานี’’ติ เวทิตพฺพานิ. เอส นโย สพฺพตฺถ.

เตสุ ยํ กิฺจิ วตฺตุกามสฺส ยํ กิฺจิ วทโต สิกฺขาปจฺจกฺขานํ โหตีติ เตสุ ทฺวาวีสติยา เขตฺตปเทสุ ยํ กิฺจิ เอกํ ปทํ วตฺตุกามสฺส ตโต อฺํ ยํ กิฺจิ ปทมฺปิ วจีเภทํ กตฺวา วทโต เขตฺตปทนฺโตคธตฺตา สิกฺขาปจฺจกฺขานํ โหตีติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สเจ ปนายํ ‘‘พุทฺธํ ปจฺจกฺขามี’’ติ วตฺตุกาโม ปทปจฺจาภฏฺํ กตฺวา ‘‘ปจฺจกฺขามิ พุทฺธ’’นฺติ วา วเทยฺย, มิลกฺขภาสาทีสุ วา อฺตรภาสาย ตมตฺถํ วเทยฺย, ‘‘พุทฺธํ ปจฺจกฺขามี’’ติ วตฺตุกาโม อุปฺปฏิปาฏิยา ‘‘ธมฺมํ ปจฺจกฺขามี’’ติ วา ‘‘สพฺรหฺมจารึ ปจฺจกฺขามี’’ติ วา วเทยฺย, เสยฺยถาปิ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมวิภงฺเค ‘‘ปมํ ฌานํ สมาปชฺชามี’’ติ วตฺตุกาโม ‘‘ทุติยํ ฌาน’’นฺติ วทติ. สเจ ‘‘ยสฺส วทติ, โส อยํ ภิกฺขุภาวํ จชิตุกาโม เอตมตฺถํ วทตี’’ติ เอตฺตกมตฺตมฺปิ ชานาติ, วิรทฺธํ นาม นตฺถิ, เขตฺตเมว โอติณฺณํ, ปจฺจกฺขาตาว โหติ สิกฺขา. สกฺกตฺตา วา พฺรหฺมตฺตา วา จุตสตฺโต วิย จุโตว โหติ สาสนาติ.

อลนฺติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๕๒) โหตุ, ปริยตฺตนฺติ อตฺโถ. กึ นุ เมติ กึ มยฺหํ กิจฺจํ, กึ กรณียํ, กึ สาเธตพฺพนฺติ อตฺโถ. น มมตฺโถติ นตฺถิ มม อตฺโถ. สุมุตฺตาหนฺติ สุฏฺุ มุตฺโต อหํ. ปุริเมหิ จุทฺทสหิ ปเทหีติ พุทฺธาทีหิ สพฺรหฺมจาริปริยนฺเตหิ ปุริเมหิ จุทฺทสหิ ปเทหิ. ยนฺนูนาหํ ปจฺจกฺเขยฺยนฺติ เอตฺถ ‘‘ยนฺนูนา’’ติ ปริวิตกฺกทสฺสเน นิปาโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘สจาหํ พุทฺธํ ปจฺจกฺเขยฺยํ, สาธุ วต เม สิยา’’ติ. อาทิสทฺเทน ‘‘ปจฺจกฺขิ’’นฺติ วา ‘‘ปจฺจกฺขิสฺสามี’’ติ วา ‘‘ภวิสฺสามี’’ติ วา ‘‘โหมี’’ติ วา ‘‘ชาโตมฺหี’’ติ วา ‘‘อมฺหี’’ติ วา เอวํภูตานํ คหณํ. สเจ ปน ‘‘อชฺช ปฏฺาย ‘คิหี’ติ มํ ธาเรหี’’ติ วา ‘‘ชานาหี’’ติ วา ‘‘สฺชานาหี’’ติ วา ‘‘มนสิ กโรหี’’ติ วา วทติ, อริยเกน วา วทติ, มิลกฺขเกน วา. เอวเมตสฺมึ อตฺเถ วุตฺเต ยสฺส วทติ, สเจ โส ชานาติ, ปจฺจกฺขาตา โหติ สิกฺขา. เอส นโย เสเสสุปิ ‘‘อุปาสโก’’ติอาทีสุ สตฺตสุ ปเทสุ. เอตฺถ จ อริยกํ นาม มาคธโวหาโร. มิลกฺขกํ นาม อนริยโก อนฺธทมิฬาทิ.

อกฺขรลิขนนฺติ ‘‘พุทฺธํ ปจฺจกฺขามี’’ติอาทินา อฺเสํ ทสฺสนตฺถํ อกฺขรลิขนํ. อธิปฺปายวิฺาปโก องฺคุลิสงฺโกจนาทิโก หตฺถวิกาโร หตฺถมุทฺทา, หตฺถสทฺโท เจตฺถ ตเทกเทเสสุ องฺคุลีสุ ทฏฺพฺโพ ‘‘น ภุฺชมาโน สพฺพํ หตฺถํ มุเข ปกฺขิปิสฺสามี’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๖๑๘) วิย. ตสฺมา อธิปฺปายวิฺาปกสฺส องฺคุลิสงฺโกจนาทิโน หตฺถวิการสฺส ทสฺสนํ หตฺถมุทฺทาทิทสฺสนนฺติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๕๑) เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อาทิสทฺเทน สีสกมฺปนทสฺสนาทึ สงฺคณฺหาติ.

อุมฺมตฺตกขิตฺตจิตฺตเวทนาฏฺฏานนฺติ เอตฺถ อุมฺมตฺตโกติ ปิตฺตุมฺมตฺตโก. ขิตฺตจิตฺโตติ ยกฺเขหิ กตจิตฺตวิกฺเขโป, ยกฺขุมฺมตฺตโกติ วุตฺตํ โหติ. อุภินฺนํ ปน วิเสโส อนาปตฺติวาเร อาวิภวิสฺสติ. เวทนาฏฺโฏติ พลวติยา ทุกฺขเวทนาย ผุฏฺโ มุจฺฉาปเรโต, เตน วิปฺปลปนฺเตน ปจฺจกฺขาตาปิ อปจฺจกฺขาตาว โหติ. มนุสฺสชาติโก โหตีติ สภาโค วา วิสภาโค วา คหฏฺโ วา ปพฺพชิโต วา วิฺู โยโกจิ มนุสฺโส โหติ. อุมฺมตฺตกาทีนนฺติ เอตฺถาทิสทฺเทน ขิตฺตจิตฺตเวทนาฏฺฏเทวตาติรจฺฉานคตานํ คหณํ. ตตฺร อุมฺมตฺตกขิตฺตจิตฺตเวทนาฏฺฏติรจฺฉานคตานํ สนฺติเก ปจฺจกฺขาตาปิ อชานนภาเวน อปจฺจกฺขาตาว โหติ. เทวตาย ปน สนฺติเก อติขิปฺปํ ชานนภาเวน. เทวตา นาม มหาปฺา ติเหตุกปฺปฏิสนฺธิกา อติขิปฺปํ ชานนฺติ, จิตฺตฺจ นาเมตํ ลหุปริวตฺตํ, ตสฺมา ‘‘จิตฺตลหุกสฺส ปุคฺคลสฺส จิตฺตวเสเนว มา อติขิปฺปํ วินาโส อโหสี’’ติ เทวตาย สนฺติเก สิกฺขาปจฺจกฺขานํ ปฏิกฺขิปิ. เตน วุตฺตํ ‘‘น จ อุมฺมตฺตกาทีนํ อฺตโร’’ติ. ทูเตน วาติ ‘‘มม สิกฺขาปจฺจกฺขานภาวํ กเถหี’’ติ มุขสาสนวเสน ทูเตน วา. ปณฺเณน วาติ ปณฺเณ ลิขิตฺวา ปหิณวเสน ปณฺเณน วา.

สเจ เต สิกฺขาปจฺจกฺขานภาวํ ชานนฺตีติ สมฺพนฺโธ. อาวชฺชนสมเยติ อตฺถาโภคสมเย. อิมินา ตํ ขณํเยว ปน อปุพฺพํ อจริมํ ทุชฺชานนฺติ ทสฺเสติ. วจนานนฺตรเมวาติ วจนสฺส อนนฺตรเมว, อาวชฺชนสมเยวาติ อตฺโถ. เอว-สทฺเทน ปน จิเรน ชานนํ ปฏิกฺขิปติ. อุกฺกณฺิโตติ อนภิรติยา อิมสฺมึ สาสเน กิจฺฉชีวิกํ ปตฺโต. อถ วา ‘‘อชฺช ยามิ, สฺเว ยามิ, อิโต ยามิ, เอตฺถ ยามี’’ติ อุทฺธํ กณฺํ กตฺวา วิหรมาโน วิกฺขิตฺโต, อเนกคฺโคติ วุตฺตํ โหติ. อิทฺจ ‘‘อนภิรโต สามฺา จวิตุกาโม’’ติอาทีนํ (ปารา. ๔๕) อุปลกฺขณํ. เยน เกนจิ…เป… ชานนฺตีติ สเจ เต‘‘อุกฺกณฺิโต’’ติ วา ‘‘คิหิภาวํ ปตฺเถตี’’ติ วา ‘‘อนภิรโต’’ติ วา ‘‘สามฺา จวิตุกาโม’’ติ วา เยน เกนจิ อากาเรน สิกฺขาปจฺจกฺขานภาวํ ชานนฺติ. อิทฺหิ สิกฺขาปจฺจกฺขานฺจ อุปริ อภูตาโรจนทุฏฺุลฺลวาจาอตฺตกามทุฏฺโทสภูตาโรจนสิกฺขาปทานิ จ เอกปริจฺเฉทานิ, อาวชฺชนสมเย าเต เอว สีสํ เอนฺติ. ‘‘กึ อยํ ภณตี’’ติ กงฺขตา จิเรน าเต สีสํ น เอนฺติ. เตนาห ‘‘อถ อปรภาเค’’ติอาทิ. อถ ทฺวินฺนํ ิตฏฺาเน ทฺวินฺนมฺปิ นิยเมตฺวา ‘‘เอเตสํ อาโรเจมี’’ติ วทติ, เตสุ เอกสฺมึ ชานนฺเตปิ ทฺวีสุ ชานนฺเตสุปิ ปจฺจกฺขาตาว โหติ สิกฺขา. เอวํ สมฺพหุเลสุปิ เวทิตพฺพํ. วุตฺตนเยนาติ ‘‘ตสฺส วจนานนฺตร’’นฺติอาทินา วุตฺเตน นเยน. โย โกจิ มนุสฺสชาติโกติ อนฺตมโส นวกมฺมิกํ อุปาทาย โย โกจิ มนุสฺโส. วุตฺตฺเหตํ สมนฺตปาสาทิกายํ

‘‘สเจ ปน อนภิรติยา ปีฬิโต สภาเค ภิกฺขู ปริสงฺกมาโน ‘โย โกจิ ชานาตู’ติ อุจฺจาสทฺทํ กโรนฺโต ‘พุทฺธํ ปจฺจกฺขามี’ติ วทติ, ตฺจ อวิทูเร ิโต นวกมฺมิโก วา อฺโ วา สมยฺู ปุริโส สุตฺวา ‘อุกฺกณฺิโต อยํ สมโณ คิหิภาวํ ปตฺเถติ, สาสนโต จุโต’ติ ชานาติ, ปจฺจกฺขาตาว โหติ สิกฺขา’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๕๑).

สเจ วจนตฺถํ ตฺวาปิ ‘‘อยํ อุกฺกณฺิโต’’ติ วา ‘‘คิหิภาวํ ปตฺเถตี’’ติ วา น ชานาติ, อปจฺจกฺขาตาว โหติ สิกฺขา. สเจ ปน วจนตฺถํ อชานิตฺวาปิ ‘‘อุกฺกณฺิโต’’ติ วา ‘‘คิหิภาวํ ปตฺเถตี’’ติ วา ชานาติ, ปจฺจกฺขาตาว โหติ สิกฺขา. ทวายปีติ กีฬาธิปฺปาเยนปิ. จิตฺตาทีนํ วา วเสนาติ จิตฺตาทีนํ วา ฉฬงฺคานํ วเสน. โหติ เจตฺถ –

‘‘จิตฺตํ เขตฺตฺจ กาโล จ, ปโยโค ปุคฺคโล ตถา;

วิชานนนฺติ สิกฺขาย, ปจฺจกฺขานํ ฉฬงฺคิก’’นฺติ.

สพฺพโส วา ปน อปจฺจกฺขาเนนาติ ‘‘พุทฺธํ ปจฺจกฺขามี’’ติอาทีสุ เยน เยน ปริยาเยน สิกฺขาปจฺจกฺขานํ โหติ, ตโต เอกสฺสปิ ปจฺจกฺขานสฺส อภาเวน. อิมินา ปน ‘‘อิทํ ปทํ สาเวสฺสามิ, สิกฺขํ ปจฺจกฺขามี’’ติ เอวํ ปวตฺตจิตฺตุปฺปาทสฺส อภาวํ ทสฺเสติ. ยสฺส หิ เอวรูโป จิตฺตุปฺปาโท นตฺถิ, โส สพฺพโส น ปจฺจกฺขาติ นามาติ. สิกฺขาปจฺจกฺขานสฺสาติ ‘‘พุทฺธํ ปจฺจกฺขามี’’ติอาทิสิกฺขาปจฺจกฺขานสฺส. อตฺถภูตํ เอกจฺจํ ทุพฺพลฺยนฺติ ‘‘พุทฺธํ ปจฺจกฺขามี’’ติ วทติ วิฺาเปติ, เอวมฺปิ, ภิกฺขเว, ทุพฺพลฺยาวิกมฺมฺเจว โหติ, สิกฺขา จ ปจฺจกฺขาตา’’ติอาทินา (ปารา. ๕๓) วุตฺเตหิ เยหิ วจเนหิ สิกฺขาปจฺจกฺขานฺเจว โหติ ทุพฺพลฺยาวิกมฺมฺจ, ตํ ‘‘พุทฺธํ ปจฺจกฺขามี’’ติอาทิกํ อตฺถภูตํ ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา. ‘‘พุทฺธํ ปจฺจกฺขามี’’ติอาทิมฺหิ ปน วุตฺเต สิกฺขาปริปูรเณ ทุพฺพลภาวสฺสาปิ คมฺยมานตฺตา สิกฺขาปจฺจกฺขานสฺส อิทํ ทุพฺพลฺยาวิกมฺมํ อตฺโถติ ทฏฺพฺพํ. เอตฺถ จ ‘‘อตฺถภูต’’นฺติ อิมินา ‘‘ยนฺนูนาหํ พุทฺธํ ปจฺจกฺเขยฺย’’นฺติอาทิกํ ทุพฺพลฺยาวิกมฺมํ ปฏิกฺขิปติ. เยน หิ สิกฺขาปจฺจกฺขานฺเจว โหติ ทุพฺพลฺยาวิกมฺมฺจ, ตเทว สิกฺขาปจฺจกฺขานสฺส อตฺถภูตํ. เยน ปน ทุพฺพลฺยาวิกมฺมเมว โหติ, น สิกฺขาปจฺจกฺขานํ, น ตํ ตสฺส อตฺถภูตนฺติ.

ราคปริยุฏฺาเนน สทิสภาวาปตฺติยา มิถุนานํ อยนฺติ ‘‘เมถุโน’’ติ ธมฺโมว วุจฺจตีติ อาห ‘‘ราคปริยุฏฺาเนนา’’ติอาทิ. ตตฺถ ราคปริยุฏฺาเนนาติ ราคสฺส ปริยุฏฺาเนน, เมถุนราคสฺส ปวตฺติยา ปริโยนทฺธจิตฺตตายาติ อตฺโถ. ธมฺโมติ อชฺฌาจาโร. ‘‘ปลมฺพเต วิลมฺพเต’’ติอาทีสุ วิย อุปสคฺคสฺส โกจิ อตฺถวิเสโส นตฺถีติ อาห ‘‘เสเวยฺยา’’ติ. อชฺฌาปชฺเชยฺยาติ อภิภุยฺย ปชฺเชยฺย. สพฺพนฺติเมนาติ ปรนิมฺมิตวสวตฺติ…เป… จาตุมหาราชิกมนุสฺสิตฺถินาคครุฬมาณวิกาทีนํ สพฺพาสํ อนฺติเมน. ติรจฺฉานคตายาติ ติรจฺฉาเนสุ อุปฺปนฺนาย. เตนาห ‘‘ปฏิสนฺธิวเสนา’’ติ. ปาราชิกาย วตฺถุภูตา เอว เจตฺถ ติรจฺฉานคติตฺถี ‘‘ติรจฺฉานคตา’’ติ คเหตพฺพา, น สพฺพา. ตตฺรายํ ปริจฺเฉโท –

‘‘อปทานํ อหิมจฺฉา, ทฺวิปทานฺจ กุกฺกุฏี;

จตุปฺปทานํ มชฺชารี, วตฺถุ ปาราชิกสฺสิมา’’ติ. (ปารา. อฏฺ. ๑.๕๕)

ตตฺถ อหิคฺคหเณน สพฺพาปิ อชครโคนสาทิเภทา ทีฆชาติ สงฺคหิตา. ตสฺมา ทีฆชาตีสุ ยตฺถ ติณฺณํ มคฺคานํ อฺตรสฺมึ สกฺกา ติลผลมตฺตมฺปิ ปเวเสตุํ, สา ปาราชิกวตฺถุ, อวเสสา ทุกฺกฏวตฺถูติ เวทิตพฺพา. มจฺฉคฺคหเณน สพฺพาปิ มจฺฉกจฺฉปมณฺฑูกาทิเภทา โอทกชาติ สงฺคหิตา. ตตฺราปิ ทีฆชาติยํ วุตฺตนเยเนว ปาราชิกวตฺถุ จ ทุกฺกฏวตฺถุ จ เวทิตพฺพํ. อยํ ปน วิเสโส – ปตงฺคมุขมณฺฑูกา นาม โหนฺติ, เตสํ มุขสณฺานํ มหนฺตํ, ฉิทฺทํ อปฺปกํ, ตตฺถ ปเวสนํ นปฺปโหติ, มุขสณฺานํ ปน วณสงฺเขปํ คจฺฉติ, ตสฺมา ตํ ถุลฺลจฺจยวตฺถูติ เวทิตพฺพํ . กุกฺกุฏิคฺคหเณน สพฺพาปิ กากกโปตาทิเภทา ปกฺขิชาติ สงฺคหิตา. ตตฺราปิ วุตฺตนเยเนว ปาราชิกวตฺถุ จ ทุกฺกฏวตฺถุ จ เวทิตพฺพํ. มชฺชาริคฺคหเณน สพฺพาปิ รุกฺขสุนขมงฺคุสโคธาทิเภทา จตุปฺปทชาติ สงฺคหิตา. ตตฺราปิ วุตฺตนเยเนว ปาราชิกวตฺถุ จ ทุกฺกฏวตฺถุ จ เวทิตพฺพํ.

ปาราชิโก โหตีติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๕๕) ปราชิโต โหติ ปราชยํ อปนฺโน. อยฺหิ ปาราชิกสทฺโท สิกฺขาปทาปตฺติปุคฺคเลสุ วตฺตติ. ตตฺถ ‘‘อฏฺานเมตํ, อานนฺท, อนวกาโส, ยํ ตถาคโต วชฺชีนํ วา วชฺชิปุตฺตกานํ วา การณา สาวกานํ ปาราชิกํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ สมูหเนยฺยา’’ติ (ปารา. ๔๓) เอวํ สิกฺขาปเท วตฺตมาโน เวทิตพฺโพ. ‘‘อาปตฺตึ ตฺวํ ภิกฺขุ อาปนฺโน ปาราชิก’’นฺติ (ปารา. ๖๗) เอวํ อาปตฺติยํ. ‘‘น มยํ ปาราชิกา, โย อวหโฏ, โส ปาราชิโก’’ติ (ปารา. ๑๕๕) เอวํ ปุคฺคเล วตฺตมาโน เวทิตพฺโพ. ‘‘ปาราชิเกน ธมฺเมน อนุทฺธํเสยฺยา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๓๘๔) ปน ธมฺเม วตฺตตีติ วทนฺติ. ยสฺมา ปน ตตฺถ ‘‘ธมฺโม’’ติ กตฺถจิ อาปตฺติ, กตฺถจิ สิกฺขาปทเมว อธิปฺเปตํ, ตสฺมา โส วิสุํ น วตฺตพฺโพ. ตตฺถ สิกฺขาปทํ โย ตํ อติกฺกมติ, ตํ ปราเชติ, ตสฺมา ‘‘ปาราชิก’’นฺติ วุจฺจติ. อาปตฺติ ปน โย นํ อชฺฌาปชฺชติ, ตํ ปราเชติ, ตสฺมา ‘‘ปาราชิกา’’ติ วุจฺจติ. ปุคฺคโล ยสฺมา ปราชิโต ปราชยมาปนฺโน, ตสฺมา ‘‘ปาราชิโก’’ติ วุจฺจติ. อิธ ปน ปุคฺคโล เวทิตพฺโพติ อาห ‘‘ปาราชิโก โหตี’’ติอาทิ. อิมินาปิ อิทํ ทสฺเสติ – ‘‘ปราชิตสทฺเท อุปสคฺคสฺส วุทฺธึ กตฺวา, -การสฺส จ -การํ กตฺวา ปาราชิโก โหตีติ นิทฺทิฏฺโ’’ติ.

อปโลกนาทิ จตุพฺพิธมฺปิ สงฺฆกมฺมํ สีมาปริจฺฉินฺเนหิ ปกตตฺเตหิ ภิกฺขูหิ เอกโต กตฺตพฺพตฺตา เอกกมฺมํ นาม. อาทิสทฺเทน เอกุทฺเทสสมสิกฺขตานํ คหณํ. ตตฺถ ปฺจวิโธปิ ปาติโมกฺขุทฺเทโส เอกโต อุทฺทิสิตพฺพตฺตา เอกุทฺเทโส นาม. นหาปิตปุพฺพกาทีนํ วิย โอทิสฺส อนุฺาตํ เปตฺวา อวเสสํ สพฺพมฺปิ สิกฺขาปทํ สพฺเพหิปิ ลชฺชิปุคฺคเลหิ สมํ สิกฺขิตพฺพภาวโต สมสิกฺขตา นาม. ยสฺมา สพฺเพปิ ลชฺชิโน เอเตสุ เอกกมฺมาทีสุ สห วสนฺติ, น เอโกปิ ตโต พหิทฺธา สนฺทิสฺสติ, ตสฺมา ตานิ สพฺพานิปิ คเหตฺวา เอกกมฺมาทิโก ติวิโธปิ สํวาโส นามาติ อาห ‘‘โส จ วุตฺตปฺปกาโร สํวาโส เตน ปุคฺคเลน สทฺธึ นตฺถิ, เตน การเณน โส ปาราชิโก ปุคฺคโล ‘อสํวาโส’ติ วุจฺจตี’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๕๕).

อิทานิ ยสฺมา น เกวลํ มนุสฺสิตฺถิยา เอว นิมิตฺตํ ปาราชิกวตฺถุ, อถ โข อมนุสฺสิตฺถิติรจฺฉานคติตฺถีนมฺปิ. น จ อิตฺถิยา เอว. อถ โข อุภโตพฺยฺชนกปณฺฑกปุริสานมฺปิ, ตสฺมา เต สตฺเต, เตสฺจ ยํ ยํ นิมิตฺตํ วตฺถุ โหติ, ตํ ตํ นิมิตฺตํ, ตตฺถ จ ยถา ปฏิเสวนฺโต ปาราชิโก โหติ, ตฺจ สพฺพํ วิตฺถาเรตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘อยํ ปเนตฺถ วินิจฺฉโย’’ติอาทิมาห. เอตฺถาติ อิมสฺมึ สิกฺขาปเท. เตสูติ เย ตึสมคฺคา วุตฺตา, เตสุ. อตฺตโน วาติ ลมฺพิมุทุปิฏฺิเก สนฺธาย วุตฺตํ. สนฺถตสฺส วาติ เยน เกนจิ วตฺเถน วา ปณฺเณน วา วากปฏฺเฏน วา จมฺเมน วา ติปุสีสาทีนํ ปฏฺเฏน วา ปลิเวเตฺวา, อนฺโต วา ปเวเสตฺวา ปฏิจฺฉนฺนสฺส. อกฺขายิตสฺส วาติ โสณสิงฺคาลาทีหิ อกฺขาทิตสฺส. เยภุยฺเยน อกฺขายิตสฺสาติ ยาว อุปฑฺฒกฺขายิโต นาม น โหติ, เอวํ อกฺขายิตสฺส. อลฺโลกาเสติ ตินฺโตกาเส. สนฺถตนฺติ เตสํเยว วตฺถาทีนํ เยน เกนจิ ปฏิจฺฉนฺนํ. อยฺเหตฺถ สงฺเขปตฺโถ – น เหตฺถ อนุปาทินฺนกํ อนุปาทินฺนเกน ฉุปติ, มุตฺติ อตฺถิ, อถ โข อุปาทินฺนเกน วา อนุปาทินฺนกํ ฆฏฺฏิยตุ, อนุปาทินฺนเกน วา อุปาทินฺนกํ, อนุปาทินฺนเกน วา อนุปาทินฺนกํ, อุปาทินฺนเกน วา อุปาทินฺนกํ. สเจ ยตฺตเก ปวิฏฺเ ปาราชิกํ โหตีติ วุตฺตํ, ตตฺตกํ เสวนจิตฺเตน ปเวเสติ, สพฺพตฺถายํ ปาราชิกาปตฺตึ อาปนฺโน นาม โหตีติ.

เอวํ เสวนจิตฺเตเนว ปเวเสนฺตสฺส อาปตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยสฺมา ตํ ปเวสนํ นาม น เกวลํ อตฺตูปกฺกเมเนว, ปรูปกฺกเมนาปิ โหติ. ตตฺราปิ สาทิยนฺตสฺเสว อาปตฺติ ปฏิเสวนจิตฺตสมงฺคิสฺส , น อิตรสฺสาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปเรน วา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปเรนาติ ภิกฺขุปจฺจตฺถิกาทินา เยน เกนจิ อฺเน. ปเวสนปวิฏฺฏฺิตอุทฺธรเณสูติ เอตฺถ อคฺคโต (สารตฺถ. ฏี. ๒.๕๘) ยาว มูลา ปเวสนํ ปเวสนํ นาม. องฺคชาตสฺส ยตฺตกํ านํ ปเวสนารหํ, ตตฺตกํ อนวเสสโต ปวิฏฺํ ปวิฏฺํ นาม. เอวํ ปวิฏฺสฺส อุทฺธรณารมฺภโต อนฺตรา ิตกาโล ิตํ นาม. สมนฺตปาสาทิกายํ ปน มาตุคามสฺส สุกฺกวิสฏฺึ ปตฺวา สพฺพถา วายามโต โอรมิตฺวา ิตกาลํ สนฺธาย ‘‘สุกฺกวิสฏฺิสมเย’’ติ วุตฺตํ. อุทฺธรณํ นาม ยาว อคฺคา นีหรณกาโล. สาทิยตีติ เสวนจิตฺตํ อุปฏฺเปติ. อสาธารณวินิจฺฉโยติ อทินฺนาทานาทีหิ สพฺเพหิ สิกฺขาปเทหิ อสาธารโณ วินิจฺฉโย.

สาธารณวินิจฺฉยตฺถนฺติ ปริวารวเสน สาธารณวินิจฺฉยตฺถํ. มาติกาติ มาตา, ชเนตฺตีติ อตฺโถ. นิททาติ เทสนํ เทสวเสน อวิทิตํ วิทิตํ กตฺวา นิทสฺเสตีติ นิทานํ. ปฺาปียตีติ ปฺตฺติ, ตสฺสา ปกาโร ปฺตฺติวิธิ องฺเคติ คเมติ าเปตีติ องฺคํ, การณํ. สมุฏฺหนฺติ อาปตฺติโย เอเตนาติ สมุฏฺานํ, อุปฺปตฺติการณํ, ตสฺส วิธิ สมุฏฺานวิธิ. วชฺชกมฺมปฺปเภทฺจาติ เอตฺถ ปเภทสทฺโท ปจฺเจกํ โยเชตพฺโพ ‘‘วชฺชปฺปเภทํ, กมฺมปฺปเภทฺจา’’ติ. ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมึ ตสฺมึ สิกฺขาปเท.

ปฺตฺติฏฺานนฺติ ปฺตฺติฏฺปนสฺส านํ, สิกฺขาปทานํ ปฺตฺติเทโสติ อตฺโถ. ปุคฺคโลติ เอตฺถ อาทิกมฺมิโกเยว อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘ปุคฺคโล นาม ยํ ยํ อารพฺภ ตํ ตํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺต’’นฺติ, โส โส ปุคฺคโลติ อธิปฺปาโย. โหนฺติ เจตฺถ –

‘‘สุทินฺโน ธนิโย สมฺพหุลา วคฺคุมุทนฺติกา;

เสยฺยสโก อุทายิ จา-ฬวกา ฉนฺนเมตฺติยา.

‘‘เทวทตฺตสฺสชิปุนพฺพสุ-ฉพฺพคฺคิโยปนนฺทฺตโรปิ จ;

หตฺถโก จานุรุทฺโธ จ, สตฺตรส จูฬปนฺถโก.

‘‘เพลฏฺสีโส จานนฺโท, สาคโตริฏฺนามโก;

นนฺทตฺเถเรน เตวีส, ภิกฺขูนํ อาทิกมฺมิกา.

‘‘สุนฺทรีนนฺทา ถุลฺลนนฺทา, ฉพฺพคฺคิยฺตราปิ จ;

จณฺฑกาฬี สมฺพหุลา, ทฺเว จ ภิกฺขุนิโย ปรา;

ภิกฺขุนีนํ ตุ สตฺเตว, โหนฺติ ตา อาทิกมฺมิกา’’ติ.

ตสฺส ตสฺส ปุคฺคลสฺสาติ ยํ ยํ สุทินฺนาทิกํ ปุคฺคลํ อารพฺภ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, ตสฺส ตสฺส ปุคฺคลสฺส. ปฺตฺตีติ ปมปฺตฺติ. ปมปฺตฺติยา ปจฺฉา ปิตา ปฺตฺติ อนุปฺตฺติ. อนุปฺปนฺเน โทเส ปิตา ปฺตฺติ อนุปฺปนฺนปฺตฺติ. สพฺพตฺถ มชฺฌิมเทเส เจว ปจฺจนฺติเมสุ ชนปเทสุ จาติ สพฺเพสุ ปเทเสสุ ปิตา ปฺตฺติ สพฺพตฺถปฺตฺติ. มชฺฌิมเทเสเยว ปิตา ปฺตฺติ ปเทสปฺตฺติ. ภิกฺขูนฺเจว ภิกฺขุนีนฺจ สาธารณภูตา ปฺตฺติ สาธารณปฺตฺติ. สุทฺธภิกฺขูนเมว, สุทฺธภิกฺขุนีนํ วา ปฺตฺตํ สิกฺขาปทํ อสาธารณปฺตฺติ. อุภินฺนมฺปิ ปฺตฺติ อุภโตปฺตฺติ. วินยธรปฺจเมนาติ อนุสฺสาวนกาจริยปฺจเมน. คุณงฺคุณูปาหนาติ จตุปฺปฏลโต ปฏฺาย กตา อุปาหนา, น เอกทฺวิติปฏลา. จมฺมตฺถรณนฺติ อตฺถริตพฺพํ จมฺมํ. เอเตสํ วเสน จตุพฺพิธา ปเทสปฺตฺติ นามาติ เอเตสํ วเสน จตุพฺพิธา ปฺตฺติ มชฺฌิมเทเสเยว ปฺตฺตาติ ปเทสปฺตฺติ นาม. เตเนวาห ‘‘มชฺฌิมเทเสเยว หี’’ติอาทิ. ยสฺมา มชฺฌิมเทเสเยว ยถาวุตฺตวตฺถุวีติกฺกเม อาปตฺติ โหติ, น ปจฺจนฺติมชนปเท, ตสฺมา ปเทสปฺตฺตีติ อตฺโถ. ธุวนฺหานํ ปฏิกฺเขปมตฺตนฺติ นิจฺจนหานปฺปฏิเสธนเมว. เอตฺถ จ มตฺตสทฺเทน อฺานิ ตีณิ สิกฺขาปทานิ ปฏิกฺขิปติ. ตานิ หิ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สพฺพปจฺจนฺติเมสุ ชนปเทสุ วินยธรปฺจเมน คเณน อุปสมฺปท’’นฺติอาทินา (มหาว. ๒๕๙) จมฺมกฺขนฺธเก อาคตานิ. เตเนวาห ‘‘ตโต อฺา ปเทสปฺตฺติ นาม นตฺถี’’ติ. สพฺพานีติ ตโต อวเสสานิ สพฺพานิ สิกฺขาปทานิ. ตสฺมาติ ยสฺมา อนุปฺปนฺนปฺตฺติ อฏฺครุธมฺมวเสน ภิกฺขุนีนํเยว อาคตา, ยสฺมา จ ธุวนฺหานํ ปฏิกฺเขปมตฺตํ เปตฺวา ปาติโมกฺเข สพฺพานิ สิกฺขาปทานิ สพฺพตฺถปฺตฺติเยว โหนฺติ, ยสฺมา จ สาธารณปฺตฺติทุกฺจ เอกโตปฺตฺติทุกฺจ พฺยฺชนมตฺตํ นานํ, อตฺถโต เอกํ, ตสฺมา. สพฺพตฺถาติ สพฺเพสุ สิกฺขาปเทสุ. อาปตฺติเภโท เหตฺถ อุตฺตรปทโลเปน ‘‘อาปตฺตี’’ติ วุตฺโตติ อาห ‘‘อาปตฺตีติ ปุพฺพปฺปโยคาทิวเสน อาปตฺติเภโท’’ติ. สีลอาจารทิฏฺิอาชีววิปตฺตีนนฺติ เอตฺถ ปมา ทฺเว อาปตฺติกฺขนฺธา สีลวิปตฺติ นาม, อวเสสา ปฺจ อาจารวิปตฺติ นาม, มิจฺฉาทิฏฺิ จ อนฺตคฺคาหิกาทิฏฺิ จ ทิฏฺิวิปตฺติ นาม, อาชีวเหตุ ปฺตฺตานิ ฉ สิกฺขาปทานิ อาชีววิปตฺติ นาม, อิติ อิมาสํ สีลอาจารทิฏฺิอาชีววิปตฺตีนํ อฺตราติ อตฺโถ.

เกวลํ ยถาวุตฺตนเยเนว วุจฺจนฺตีติ อาห ‘‘ยานิ สิกฺขาปทสมุฏฺานานีติปิ วุจฺจนฺตี’’ติ. เอตานิ หิ กิฺจาปิ อาปตฺติยา สมุฏฺานานิ, น สิกฺขาปทสฺส, โวหารสุขตฺถํ ปเนวํ วุจฺจนฺตีติ. ตตฺถาติ เตสุ ฉสุ สมุฏฺาเนสุ. เตสูติ สจิตฺตกาจิตฺตเกสุ. เอกํ สมุฏฺานํ อุปฺปตฺติการณํ เอติสฺสาติ เอกสมุฏฺานา, เอเกน วา สมุฏฺานํ เอติสฺสาติ เอกสมุฏฺานา. ‘‘ทฺวิสมุฏฺานา’’ติอาทีสุปิ เอเสว นโย.

สมุฏฺานวเสนาติ สมุฏฺานสีสวเสน. ปมปาราชิกํ สมุฏฺานํ เอติสฺสาติ ปมปาราชิกสมุฏฺานา. ตถา อทินฺนาทานสมุฏฺานา’’ติอาทีสุปิ.

สยํ ปถวิขณเน กาเยน, ปเร อาณาเปตฺวา ขณาปเน วาจาย จ อาปตฺติสมฺภวโต ‘‘ปถวิขณนาทีสุ วิยา’’ติ วุตฺตํ. อาทิสทฺเทน อทินฺนาทานาทีนํ ปริคฺคโห. ปมกถินาปตฺติ กายวาจโต กตฺตพฺพํ อธิฏฺานํ วา วิกปฺปนํ วา อกโรนฺตสฺส โหติ, โน กโรนฺตสฺสาติ อาห ‘‘ปมกถินาปตฺติ วิยา’’ติ. อฺาติกาย ภิกฺขุนิยา หตฺถโต จีวรปฺปฏิคฺคหณาปตฺติ ตสฺสา หตฺถโต จีวรํ ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺส, ปริวตฺตกํ อเทนฺตสฺส จ โหตีติ กิริยากิริยโต สมุฏฺาติ. ‘‘สิยา กโรนฺตสฺสา’’ติอาทีสุ สิยาติ ‘‘สิยา โข ปน เต พฺราหฺมณ เอวมสฺสา’’ติอาทีสุ วิย ‘‘กทาจี’’ติ อิมินา สมานตฺโถ นิปาโต. รูปิยปฺปฏิคฺคหณาปตฺติ สิยา กิริยา คหเณน อาปชฺชนโต, สิยา อกิริยา ปฏิกฺเขปสฺส อกรณโตติ อาห ‘‘รูปิยปฺปฏิคฺคหณาปตฺติ วิยา’’ติ. กุฏิการาปตฺติ วตฺถุํ เทสาเปตฺวา ปมาณาติกฺกนฺตกรเณ กโรนฺตสฺส สิยา, อเทสาเปตฺวา ปน ปมาณาติกฺกนฺตกรเณ ปมาณยุตฺตํ วา กโรนฺตสฺส จ อกโรนฺตสฺส จ สิยาติ อาห ‘‘กุฏิการาปตฺติ วิยา’’ติ.

สฺาย อภาเวน วิโมกฺโข อสฺสาติ สฺาวิโมกฺโขติ มชฺเฌปทโลปสมาโส ทฏฺพฺโพติ อาห ‘‘ยโต วีติกฺกมสฺายา’’ติอาทิ. อิตรา นาม ยโต วีติกฺกมสฺาย อภาเวน น มุจฺจติ, สา อิตรสทฺทสฺส วุตฺตปฺปฏิโยคิวิสยตฺตา. ยา อจิตฺตเกน วา สจิตฺตกมิสฺสเกน วา สมุฏฺาตีติ ยา อาปตฺติ กทาจิ อจิตฺตเกน วา กทาจิ สจิตฺตกมิสฺสเกน วา สมุฏฺาเนน สมุฏฺาติ. เอตฺถ จ สฺาทุกํ อนาปตฺติมุเขน วุตฺตํ, สจิตฺตกทุกํ อาปตฺติมุเขนาติ ทฏฺพฺพํ.

ยสฺสาสจิตฺตกปกฺเข จิตฺตํ อกุสลเมว โหตีติ ยสฺสา สจิตฺตกาย อาปตฺติยา จิตฺตํ อกุสลเมว โหติ, ยสฺสา จ สจิตฺตกาจิตฺตกสงฺขาตาย สุราปานาทิอจิตฺตกาย อาปตฺติยา วตฺถุวิชานนจิตฺเตน สจิตฺตกปกฺเข จิตฺตํ อกุสลเมว โหติ, อยํ โลกวชฺชา. ‘‘สจิตฺตกปกฺเข’’ติ หิ อิทํ วจนํ สจิตฺตกาจิตฺตกํ สนฺธาย วุตฺตํ. น หิ เอกํสโต สจิตฺตกสฺส ‘‘สจิตฺตกปกฺเข’’ติ วิเสสเน ปโยชนํ อตฺถีติ. ยํ ปเนตฺถ คณฺิปเท ‘‘สุราปานสฺมิฺหิ ‘สุรา’ติ วา ‘น วฏฺฏตี’ติ วา ชานิตฺวา ปิวเน อกุสลเมวา’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘น วฏฺฏตีติ วา ชานิตฺวา’’ติ วุตฺตวจนํ น ยุชฺชติ ปณฺณตฺติวชฺชสฺสาปิ โลกวชฺชภาวปฺปสงฺคโต. ยสฺสา ปน ‘‘สจิตฺตกปกฺเข จิตฺตํ อกุสลเมวา’’ติ นิยโม นตฺถิ, สา ปณฺณตฺติวชฺชาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เสสา ปณฺณตฺติวชฺชา’’ติ. ตถา หิ ตสฺสา วตฺถุวิชานนจิตฺเตน สจิตฺตกปกฺเข จิตฺตํ สิยา กุสลํ, สิยา อกุสลํ, สิยา อพฺยากตนฺติ ‘‘อกุสลเมวา’’ติ นิยโม นตฺถิ. อุภยตฺถ อาปชฺชิตพฺพาติ กายทฺวาเร, วจีทฺวาเร จาติ อุภยตฺถ อาปชฺชิตพฺพา อาปตฺติ, ตา ปน อทินฺนาทานาทโย. ‘‘มโนทฺวาเร อาปตฺติ นาม นตฺถี’’ติ อิทํ เยภุยฺยวเสน วุตฺตํ อุปนิกฺขิตฺตสาทิยนาทีสุ อาปตฺติสมฺภวโตติ ทฏฺพฺพํ.

อกุสลจิตฺโต วา อาปชฺชตีติ ปาราชิกสุกฺกวิสฏฺิกายสํสคฺคทุฏฺุลฺลอตฺตกามปาริจริยทุฏฺโทสสงฺฆเภทปฺปหารทานตลสตฺติกาทิเภทํ อาปตฺตึ อกุสลจิตฺโต อาปชฺชติ. อนุปสมฺปนฺนํ ปทโสธมฺมํ วาเจนฺโต, มาตุคามสฺส ธมฺมํ เทเสนฺโตติ เอวรูปํ อาปตฺตึ กุสลจิตฺโต อาปชฺชติ. อสฺจิจฺจสหเสยฺยาทึ อพฺยากตจิตฺโต อาปชฺชติ. ยํ อรหา อาปชฺชติ, สพฺพํ อพฺยากตจิตฺโตว อาปชฺชติ. เตนาห ‘‘กุสลาพฺยากตจิตฺโต วา’’ติ.

ทุกฺขเวทนาสมงฺคี วาติ ทุฏฺโทสาทิเภทํ อาปตฺตึ อาปชฺชนฺโต ทุกฺขเวทนาสมงฺคี อาปชฺชติ. เมถุนธมฺมาทิเภทํ ปน สุขเวทนาสมงฺคี อาปชฺชติ. ยํ สุขเวทนาสมงฺคี อาปชฺชติ, ตํเยว มชฺฌตฺโต หุตฺวา อาปชฺชนฺโต อทุกฺขมสุขเวทนาสมงฺคี อาปชฺชติ. เตนาห ‘‘อิตรเวทนาทฺวยสมงฺคี วา’’ติ. อิทมฺปิ จ ติกทฺวยํ เยภุยฺยวเสเนว วุตฺตํ. นิปชฺชิตฺวา นิโรธสมาปนฺโน หิ อจิตฺตโก อเวทโน สหเสยฺยาปตฺตึ อาปชฺชตีติ. กิฺจาปิ เอวํ อนิยเมน วุตฺตํ, วิเสโส ปเนตฺถ อตฺถีติ ทสฺเสตุํ ‘‘เอวํ สนฺเตปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอวํ สนฺเตปีติ หิ วิเสสาภิธานนิมิตฺตาภฺยูปคเมว ยุชฺชติ. สพฺเพสํ วเสน ตีณิ จิตฺตานีติ กุสลากุสลาพฺยากตานํ วเสน ปทโสธมฺมาทีสุ ตีณิ จิตฺตานิ.

อิทานิ ตํ ยถาวุตฺตนิทานาทิเวทนาตฺติกปริโยสานํ สตฺตรสปฺปการํ อิมสฺมึ สิกฺขาปเท โยเชตุํ ‘‘อิธ ปนา’’ติอาทิมาห. อิธาติ อิมสฺมึ ปมปาราชิกสิกฺขาปเท. เวสาลิยนฺติ เอวํนามเก อิตฺถิลิงฺควเสน ปวตฺตโวหาเร นคเร. ตฺหิ นครํ ติกฺขตฺตุํ ปาการปริกฺเขปวฑฺฒเนน วิสาลีภูตตฺตา ‘‘เวสาลี’’ติ วุจฺจติ. อิทมฺปิ จ นครํ สพฺพฺุตํ สมฺปตฺเตเยว สมฺมาสมฺพุทฺเธ สพฺพาการเวปุลฺลตฺตํ ปตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘สิกฺขํ อปจฺจกฺขายา’’ติ จ ‘‘อนฺตมโส ติรจฺฉานคตายปี’’ติ จ ทฺเว อนุปฺตฺติโยติ มกฺกฏิวชฺชิปุตฺตกวตฺถูนํ วเสน วุตฺตา. ‘‘อนฺตมโส ติรจฺฉานคตายา’’ติ จ ‘‘สิกฺขํ อปจฺจกฺขายา’’ติ จ อิมา ทฺเว อนุปฺตฺติโย. อาปตฺติกรา จ โหตีติ ปมปฺตฺติโต วิสุํเยวาปตฺติกรา จ โหติ. อฺวาทกสิกฺขาปทาทีสุ วิยาติ อฺวาทกสิกฺขาปทาทีสุ ‘‘วิเหสเก’’ติอาทิกา (ปาจิ. ๙๘) วิยาติ อตฺโถ. อาทิสทฺเทน อุชฺฌาปนกสฺส ปริคฺคโห. เอตฺถ หิ อฺวาทกาทิโต วิสุํเยว วิเหสกาทีสุปิ ปาจิตฺติยํ โหติ. ยถาห ‘‘โรปิเต วิเหสเก สงฺฆมชฺเฌ วตฺถุสฺมึ วา อาปตฺติยา วา อนยุฺชิยมาโน ตํ นกเถตุกาโม ตํ นอุคฺฆาเฏตุกาโม ตุณฺหีภูโต สงฺฆํ วิเหเสติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติอาทิ (ปารา. ๑๐๐). สุปินนฺเต วิชฺชมานาปิ โมจนสฺสาทเจตนา อพฺโพหาริกตฺตา อนาปตฺติกราติ อาห ‘‘อฺตฺร สุปินนฺตาติอาทิกา วิยา’’ติ. ตถา หิ ถินมิทฺเธน อภิภูตตฺตา สุปิเน จิตฺตํ อพฺโพหาริกํ, จิตฺตสฺส อพฺโพหาริกตฺตา โอปกฺกมนกิริยาปวตฺตนิกาปิ เจตนา อพฺโพหาริกา. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อตฺเถสา, ภิกฺขเว, เจตนา, สา จ โข อพฺโพหาริกา’’ติ (ปารา. ๒๓๕), ตสฺมา ‘‘อฺตฺร สุปินนฺตา’’ติ อยํ อนุปฺตฺติ อนาปตฺติกรา ชาตา. อาทิสทฺเทน ‘‘อฺตฺร อธิมานา’’ติอาทิกํ (ปารา. ๑๙๗) สงฺคณฺหาติ. อทินฺนาทานาทีสุ วิยาติ อทินฺนาทานาทีสุ ‘‘อรฺา วา’’ติอาทิกา (ปารา. ๙๑) วิยาติ อตฺโถ. เอตฺถ ปน อาทิสทฺเทน ปมปาราชิกาทีนํ สงฺคโห. เอตฺถ หิ ‘‘ตฺจ โข คาเม, โน อรฺเ’’ติอาทินา (ปารา. ๙๐) นเยน เลสํ โอฑฺเฑนฺตานํ เลสปิทหนตฺถํ ‘‘อรฺา วา’’ติอาทิกา อนุปฺตฺติ วุตฺตาติ อุปตฺถมฺภกราว โหติ. เตเนว หิ ‘‘นนุ, อาวุโส, ตเถเวตํ โหตี’’ติ (ปารา. ๙๐) ภิกฺขูหิ วุตฺตํ.

วุตฺตปฺปกาเร มคฺเคติ ‘‘มนุสฺสามนุสฺสติรจฺฉานคตวเสนา’’ติอาทินา (กงฺขา. อฏฺ. ปมปาราชิกวณฺณนา) วุตฺตปฺปกาเร ตึสมคฺเค. อิมสฺส ปน ‘‘ฉินฺเน’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. ตจาทีนิ อนวเสเสตฺวาติ นิมิตฺตปฺปเทเส พหิ ิตานิ ฉวิจมฺมานิ อนวเสเสตฺวา. นิมิตฺตสณฺานมตฺตํ ปฺายตีติ นิมิตฺตมํสสฺส ปน อพฺภนฺตเร ฉวิจมฺมสฺส จ วิชฺชมานตฺตา วุตฺตํ. จมฺมขิลนฺติ จมฺมกฺขณฺฑํ. ‘‘อุณฺณิคณฺโฑ’’ติปิ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๕๕; วิ. วิ. ฏี. ๑.๕๕) วทนฺติ. ตฺหิ นิมิตฺเต ชาตตฺตา นิมิตฺตเมว. เตนาห ‘‘เสวนจิตฺเต สติ ปาราชิก’’นฺติ. เสวนจิตฺเตติ เมถุนเสวนจิตฺเต. กายสํสคฺคเสวนจิตฺเต ปน สติ สงฺฆาทิเสโสว . นฏฺโ กายปฺปสาโท เอตฺถาติ นฏฺกายปฺปสาทํ, สุกฺขปีฬกํ วา มตจมฺมํ วาติ อตฺโถ. มเต อกฺขายิเต, เยภุยฺเยน อกฺขายิเต จ ปาราชิกาปตฺติวจนโต (ปารา. ๖๑) ปน นฏฺกายปฺปสาเทปิ อิตฺถินิมิตฺเต ปเวเสนฺตสฺส ปาราชิกาปตฺติเยว. นิมิตฺตสณฺานมตฺตมฺปิ อนวเสเสตฺวาติ นิมิตฺตากาเรน ิตํ ยถาวุตฺตนิมิตฺตมํสาทิมฺปิ อนวเสเสตฺวา. วณสงฺเขปวเสนาติ วณสงฺคหวเสน. วเณ ถุลฺลจฺจยฺจ ‘‘อมคฺเคน อมคฺคํ ปเวเสติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติ (ปารา. ๖๖) อิมสฺส สุตฺตสฺส วเสน เวทิตพฺพํ. ตสฺมิฺหิ สุตฺเต ทฺวีสุ สมฺภินฺนวเณสุ เอเกน วเณน ปเวเสตฺวา ทุติเยน นีหรนฺตสฺส ถุลฺลจฺจยํ วุตฺตํ. วุตฺตฺหิ สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘อิมสฺส สตฺตสฺส อนุโลมวเสน สพฺพตฺถ วณสงฺเขเป ถุลฺลจฺจยํ เวทิตพฺพ’’นฺติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๖๖). มนุสฺสานํ ปน อกฺขิอาทโยปิ วณสงฺคหํ คจฺฉนฺตีติ วเณน เอกปริจฺเฉทํ กตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘ตถา’’ติอาทิมาห. เตสํ วณสงฺคโห ‘‘นวทฺวาโร มหาวโณ’’ติ (มิ. ป. ๒.๖.๑) เอวมาทิสุตฺตานุสาเรน เวทิตพฺโพ. ตตฺถ มนุสฺสานนฺติ อิตฺถิปุริสปณฺฑกอุภโตพฺยฺชนกวเสน จตุพฺพิธานํ มนุสฺสานํ. วตฺถิโกเสสูติ วตฺถิปุเฏสุ ปุริสานํ องฺคชาตโกเสสุ. หตฺถิอสฺสาทีนฺจ ติรจฺฉานานนฺติ หตฺถิอสฺสโคณคทฺรภโอฏฺมหึสาทีนํ ติรจฺฉานคตานํ. ติรจฺฉานานํ ปนาติ สพฺเพสมฺปิ ติรจฺฉานคตานํ. สพฺเพสนฺติ ยถาวุตฺตมนุสฺสาทีนํ สพฺเพสํ.

เอวํ ชีวมานกสรีเร ลพฺภมานํ อาปตฺติวิเสสํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ มตสรีเร ลพฺภมานํ อาปตฺติวิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘มตสรีเร’’ติอาทิมาห. วจฺจมคฺคปสฺสาวมคฺคมุขมคฺคานํ จตูสุ โกฏฺาเสสุ ทฺเว โกฏฺาเส เปตฺวา ยทา อปเร ทฺเว โกฏฺาสา ขาทิตา, ตทา อุปฑฺฒกฺขายิตํ นาม โหติ. น กุถิตํ โหตีติ อุทฺธุมาตกาทิภาเวน กุถิตํ น โหติ, อลฺลนฺติ อตฺโถ. ยทา ปน สรีรํ อุทฺธุมาตกํ โหติ กุถิตํ นีลมกฺขิกสมากิณฺณํ กิมิกุลสมากุลํ นวหิ วณมุเขหิ ปคฺคฬิตปุพฺพกุณปภาเวน อุปคนฺตุมฺปิ อสกฺกุเณยฺยํ (ปารา. อฏฺ. ๑.๕๙-๖๐), ตทา ปาราชิกวตฺถุฺจ ถุลฺลจฺจยวตฺถุฺจ วิชหติ, ทุกฺกฏวตฺถุเมว โหตีติ อาห ‘‘กุถิเต ทุกฺกฏ’’นฺติ. กุถิเตติ อุทฺธุมาตกภาวปฺปตฺเต. อีทิเส หิ สรีเร ยตฺถ กตฺถจิ อุปกฺกมโต ทุกฺกฏํ. ตถา วฏฺฏกเต มุเข อจฺฉุปนฺตํ องฺคชาตํ ปเวเสนฺตสฺสาติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๗๓) วิวฏฺเฏ มุเข จตฺตาริ ปสฺสานิ, ตาลุกฺจ อปฺผุสนฺตํ องฺคชาตํ ปเวเสนฺตสฺส ทุกฺกฏนฺติ อตฺโถ. สเจ ปน เหฏฺา วา อุปริ วา อุภยปสฺเสหิ วา ฉุปนฺตํ ปเวเสติ, ปาราชิกํ. จตูหิ ปสฺเสหิ อจฺฉุปนฺตํ ปเวเสตฺวา อพฺภนฺตเร ตาลุกํ ฉุปติ, ปาราชิกเมว. พหิ นิกฺขนฺตชิวฺหาย วา ทนฺเตสุ วา องฺคชาตํ ปเวเสนฺตสฺส ถุลฺลจฺจยนฺติ สมฺพนฺโธ. ชีวมานกสรีเรปิ พหิ นิกฺขนฺตชิวฺหาย ถุลฺลจฺจยเมว. ยทิ ปน พหิ ชิวฺหาย ปลิเวเตฺวา อนฺโตมุขํ ปเวเสติ, ปาราชิกเมว. ยทิ ปน ทนฺตา สุผุสิตา, อนฺโตมุเข โอกาโส นตฺถิ, ทนฺตา จ พหิ โอฏฺมํเสน ปฏิจฺฉนฺนา, ตตฺถ วาเตน อสมฺผุฏฺํ อลฺโลกาสํ ติลผลมตฺตมฺปิ ปเวเสนฺตสฺส ปาราชิกเมว. อุปฺปาฏิเต ปน โอฏฺมํเส ทนฺเตสุเยว อุปกฺกมนฺตสฺส ถุลฺลจฺจยํ. โยปิ ทนฺโต พหิ นิกฺขมนฺโต ติฏฺติ, น สกฺกา โอฏฺเหิ ปิทหิตุํ, ตตฺถาปิ เอเสว นโย.

เวทนาย อฏฺโฏ ปีฬิโต เวทนาฏฺโฏ. อุมฺมตฺตโกติ เจตฺถ ปิตฺตุมฺมตฺตโก อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘โย ปิตฺตวเสนา’’ติอาทิ. ปิตฺตวเสนาติ พทฺธปิตฺตวเสน. ตสฺมิฺหิ พทฺธปิตฺเต ปิตฺตโกสโต จลิตฺวา พหิ นิกฺขมนฺเต สตฺตา อุมฺมตฺตกา โหนฺติ, วิปลฺลตฺถสฺา หิโรตฺตปฺปํ ฉฑฺเฑตฺวา อสารุปฺปจริยํ จรนฺติ, ลหุกครุกานิ สิกฺขาปทานิ มทฺทนฺตาปิ น ชานนฺติ, เภสชฺชกิริยายปิ อเตกิจฺฉา โหนฺติ, เอวรูปสฺส อุมฺมตฺตกสฺส อนาปตฺติ. อพทฺธปิตฺตํ ปน โลหิตํ วิย สพฺพงฺคคตํ, ตมฺหิ กุปิเต สตฺตานํ กณฺฑุกจฺฉุสรีรกมฺปาทีนิ โหนฺติ, ตานิ เภสชฺชกิริยาย วูปสมนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘พทฺธปิตฺตวเสนา’’ติ. ขิตฺตจิตฺโต นาม วิสฺสฏฺจิตฺโต ยกฺขุมฺมตฺตโก วุจฺจตีติ อาห ‘‘ยกฺเขหิ กตจิตฺตวิกฺเขโป ขิตฺตจิตฺโต’’ติ. ยกฺขา กิร เภรวานิ อารมฺมณานิ ทสฺเสตฺวา มุเขน หตฺถํ ปเวเสตฺวา, หทยรูปํ วา มทฺทนฺตา สตฺเต วิกฺขิตฺตจิตฺเต วิปลฺลตฺถสฺเ กโรนฺติ, เอวรูปสฺส ขิตฺตจิตฺตสฺส อนาปตฺติ. เตสํ ปน อุภินฺนํ อยํ วิเสโส – ปิตฺตุมฺมตฺตโก นิจฺจเมว อุมฺมตฺตโก โหติ, ปกติสฺํ น ลภติ. ยกฺขุมฺมตฺตโก อนฺตรนฺตรา ปกติสฺํ ปฏิลภติ. อิธ ปน ปิตฺตุมฺมตฺตโก วา โหตุ, ยกฺขุมฺมตฺตโก วา, โย สพฺพโส มุฏฺสฺสติ กิฺจิ น ชานาติ, อคฺคิมฺปิ สุวณฺณมฺปิ คูถมฺปิ จนฺทนมฺปิ เอกสทิสํ มทฺทนฺโตว วิจรติ, เอวรูปสฺส อนาปตฺติ. อนฺตรนฺตรา ปกติสฺํ ปฏิลภิตฺวา ตฺวา กโรนฺตสฺส ปน อาปตฺติเยว. เตนาห ‘‘ทฺวินฺนมฺปิ จ เอเตส’’นฺติอาทิ.

อธิมตฺตเวทนายาติ อธิกปฺปมาณาย ทุกฺขเวทนาย. อาทิกมฺเม นิยุตฺโต อาทิกมฺมิโก, โย จ อาทิกมฺเม นิยุตฺโต, โส ตสฺมึ กมฺเม อาทิภูโต โหตีติ อาห ‘‘โย’’ติอาทิ. อิธ ปน สุทินฺนตฺเถโร อาทิกมฺมิโก, ตสฺส อนาปตฺติ. อวเสสานํ มกฺกฏิสมณวชฺชิปุตฺตกาทีนํ อาปตฺติเยว. ปฏิปาทนํ สมฺปาทนํ. กโรนฺโตเยว หิ ตํ อาปชฺชตีติ กิริยํ. อิทํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๖๖) ปน เยภุยฺยวเสน วุตฺตํ เมถุนธมฺเม ปรูปกฺกเม สติ สาทิยนฺตสฺส อกิริยสมุฏฺานภาวโต. เมถุนปฺปฏิสํยุตฺตาย หิ กามสฺาย อภาเวน มุจฺจนโต สฺาวิโมกฺขํ. ‘‘อนาปตฺติ อชานนฺตสฺส, อสาทิยนฺตสฺสา’’ติ (ปารา. ๖๖) หิ วุตฺตํ. เมถุนจิตฺเตเนว นํ อาปชฺชติ, น วินา จิตฺเตนาติ สจิตฺตกํ. ราควเสเนว อาปชฺชิตพฺพโต โลกวชฺชํ. กายทฺวาเรเนว สมุฏฺานโต กายกมฺมํ. จิตฺตํ ปเนตฺถ องฺคมตฺตํ โหติ , น ตสฺส วเสน กมฺมภาโว ลพฺภติ. โลภจิตฺเตเนว อาปชฺชิตพฺพโต อกุสลจิตฺตํ. สุขสมงฺคี วา อุเปกฺขาสมงฺคี วา อาปชฺชตีติ ทฺวิเวทนํ. นนุ สมุฏฺานาทีนิ อาปตฺติยา โหนฺติ, น สิกฺขาปทสฺส, อถ กสฺมา สิกฺขาปทสฺส สมุฏฺานาทีนิ วุตฺตานีติ อาห ‘‘อิมานิ จ สมุฏฺานาทีนิ นามา’’ติอาทิ. อาปตฺติยา โหนฺตีติ อชฺฌาจารสฺส โหนฺติ.

มุนนโต อนุมุนนโต มุติ, าณํ, ตํ เอตสฺส อตฺถีติ มุติมา, าณวาติ อตฺโถ.

ปมปาราชิกวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ทุติยปาราชิกวณฺณนา

เอตฺถาติ เอเตสุ ทฺวีสุ. เอกกุฏิกาทิเภโท สพฺโพปิ คาโมติ เวทิตพฺโพติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ เอกกุฏิกาทิเภโทติ ยสฺมึ คาเม เอกา เอว กุฏิ เอกํ เคหํ เสยฺยถาปิ มลยชนปเท, อยํ เอกกุฏิโก คาโม นาม. อาทิสทฺเทน ‘‘ทฺวิกุฏิโกปิ คาโม, ติกุฏิโกปิ คาโม, จตุกฺกุฏิโกปิ คาโม’’ติ (ปารา. ๙๒) วุตฺตปฺปเภทํ สงฺคณฺหาติ. อภินวนิวิฏฺโ เอกกุฏิกาทิคาโม ปน ยาว มนุสฺสา ปวิสิตฺวา วาสํ น กปฺเปนฺติ, ตาว คามสงฺขํ น คจฺฉติ. กึภูโตติ อาห ‘‘ปริกฺขิตฺโต วา’’ติอาทิ. ตตฺถ ปริกฺขิตฺโต นาม อิฏฺกปาการํ อาทึ กตฺวา อนฺตมโส กณฺฏกสาขาหิปิ ปริกฺขิตฺโต. ตพฺพิปรีโต อปริกฺขิตฺโต. อมนุสฺโส นาม โย สพฺพโส วา มนุสฺสานํ อภาเวน ยกฺขปริคฺคหภูโต, ยโต วา มนุสฺสา เกนจิ กรณีเยน ปุนปิ อาคนฺตุกามา เอว อปกฺกนฺตา, ยโต ปน นิรเปกฺขา หุตฺวา ปกฺกมนฺติ, โส คามสงฺขํ น คจฺฉติ. น เกวลํ เอกกุฏิกาทิเภโทวาติ อาห ‘‘อนฺตมโส’’ติอาทิ. โย โกจิ สตฺโถปีติ ชงฺฆสตฺถสกฏสตฺถาทีสุ โย โกจิ สตฺโถปิ. อิมสฺมึ สิกฺขาปเท นิคมนครานิ วิย คามคฺคหเณเนว คามูปจาโรปิ สงฺคหิโตติ อาห ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจา’’ติ. อฺถา ปน มาติกาย อนวเสสโต อวหารฏฺานปริคฺคโห กโต นาม น โหติ, น จ พุทฺธา สาวเสสํ ปาราชิกํ ปฺาเปนฺติ.

ตตฺถาติ เตสุ คามคามูปจาเรสุ. ทฺวาเรติ นิพฺพโกสสฺส อุทกปตนฏฺานโต อพฺภนฺตเร. อนฺโตเคเหติ ปมุขสฺส อพฺภนฺตเร. กตปริกฺเขโปติ ปาการวติอาทีหิ กตปริกฺเขโป. สุปฺปปตนาทิปริจฺเฉโท ปเนตฺถ อปริกฺขิตฺตฆรํ สนฺธาย วุตฺโต. น เกวลํ ฆรสฺส ปุรโต, อถ โข สมนฺตโต ตตฺตโกว ปริจฺเฉโท ฆรูปจาโร นามาติ คเหตพฺพํ. ‘‘ปุรโต’’ติอาทิกํ ปน โลกิเยหิ ตถากรณโต วุตฺตํ. ถามมชฺฌิมสฺสาติ มชฺฌิมถามสฺส, เนว อปฺปถามสฺส, น มหาถามสฺสาติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘ยถา ตรุณมนุสฺสา’’ติอาทินา ยถา มาตุคาโม กาเก อุฑฺฑาเปนฺโต อุชุกเมว หตฺถํ อุกฺขิปิตฺวา เลฑฺฑุํ ขิปติ, ยถา จ อุทกุกฺเขเป อุทกํ ขิปนฺติ, เอวํ ขิตฺตสฺส เลฑฺฑุสฺส ปติตฏฺานํ ปฏิกฺขิปติ. ปวตฺติตฺวาติ ลุิตฺวา, ปริวตฺติตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. ตสฺส สเจ ทฺเว อินฺทขีลา โหนฺตีติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๙๒) ตสฺส ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส สเจ อนุราธปุรสฺเสว ทฺเว อุมฺมารา โหนฺติ. ยสฺส ปน เอโก, ตสฺส คามทฺวารพาหานํ เวมชฺเฌ ิตสฺส เลฑฺฑุปาตพฺภนฺตรํ คามูปจาโร นาม. ยตฺร ปน อินฺทขีโล นตฺถิ, ตตฺร คามทฺวารพาหานํ เวมชฺฌํ. ยตฺร ทฺวารพาหาปิ นตฺถิ, ตตฺถ อุโภสุ ปสฺเสสุ วติยา วา ปาการสฺส วา โกฏิเวมชฺฌํว อินฺทขีลฏฺานิยตฺตา อินฺทขีโลติ คเหตพฺพํ. โย ปน คาโม ปุพฺเพ มหา หุตฺวา ปจฺฉา กุเลสุ นฏฺเสุ อปฺปโก โหติ, โส ฆรูปจารโต เลฑฺฑุปาเตเนว ปริจฺฉินฺทิตพฺโพ. ปุริมปริจฺเฉโท ปนสฺส ปริกฺขิตฺตสฺสาปิ อปริกฺขิตฺตสฺสาปิ อปฺปมาณเมวาติ. นนุ เจตํ อปริกฺขิตฺตสฺส อุปจารทสฺสนํ ปทภาชเนน วิรุทฺธมิว ทิสฺสติ. ตตฺถ หิ ‘‘คามูปจาโร นาม ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อินฺทขีเล ิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต’’ติ (ปารา. ๙๒) วตฺวา ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ฆรูปจาเร ิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต’’ติ (ปารา. ๙๒) เอตฺตกเมว วุตฺตํ, น ปน ตํ เลฑฺฑุปาตํ คามสงฺเขปํ กตฺวา ตโต ปรํ คามูปจาโรติ วุตฺโตติ อาห ‘‘ปทภาชเนปิ หิ อิมินาว นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ’’ติ.

อยเมตฺถ อธิปฺปาโย – อิธ คาโม นาม ทุวิโธ โหติ ปริกฺขิตฺโต จ อปริกฺขิตฺโต จ (ปารา. อฏฺ. ๑.๙๒). ตตฺร ปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขโปเยว ปริจฺเฉโท. ตสฺมา ตสฺส วิสุํ ปริจฺเฉทํ อวตฺวา ‘‘คามูปจาโร นาม ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อินฺทขีเล ิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต’’ติ ปาฬิยํ วุตฺตํ. อปริกฺขิตฺตสฺส ปน คามสฺส คามปริจฺเฉโท วตฺตพฺโพ. ตสฺมา ตสฺส คามสฺส คามปริจฺเฉททสฺสนตฺถํ ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ฆรูปจาเร ิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต’’ติ (ปารา. ๙๒) วุตฺตํ. คามปริจฺเฉเท จ ทสฺสิเต คามูปจารลกฺขณํ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว สกฺกา าตุนฺติ ปุน ‘‘ตตฺถ ิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต’’ติ น วุตฺตํ, อตฺโถ ปน ตตฺถาปิ อยเมว ยถาวุตฺโตติ. โย ปน ฆรูปจาเร ิตสฺส เลฑฺฑุปาตํเยว ‘‘คามูปจาโร’’ติ วทติ, ตสฺส ฆรูปจาโร ‘‘คาโม’’ติ อาปชฺชติ. ตโต ฆรํ ฆรูปจาโร, คาโม คามูปจาโรติ เอส วิภาโค สงฺกรียติ. อสํกรโต เจตฺถ วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ. ตสฺมา ปาฬิฺจ อฏฺกถฺจ สํสนฺทิตฺวา วุตฺตนเยเนเวตฺถ คาโม, คามูปจาโร จ เวทิตพฺโพติ.

ตตฺถาติ เตสุ ทฺวีสุ อุปจาเรสุ. ยฺวายํ อุปจาโร ทสฺสิโตติ สมฺพนฺโธ. วิกาเล คามปฺปเวสนาทีสูติ เอตฺถ อาทิสทฺเทน อสํกจฺจิกาคามปฺปเวสนํ (ปาจิ. ๑๒๒๕) สงฺคณฺหาติ. โย ปน ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจาโร วุตฺโต, โส น กตฺถจิ วินยปิฏเก อุปโยคํ คโต. เกวลํ อปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขโปกาสโต อปโร เอโก เลฑฺฑุปาโต คามูปจาโร นามาติ าปนตฺถํ วุตฺโต. เอวํ วุตฺเต หิ ายติ ‘‘ปริกฺขิตฺตสฺสาปิ เจ คามสฺส เอโก เลฑฺฑุปาโต กปฺปิยภูมิ สมาโน อุปจาโรติ วุตฺโต, ปเคว อปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขโปกาสโต เอโก’’ติ. อิเมสํ ปริจฺเฉททสฺสนตฺถนฺติ อิเมสํ คามารฺานํ ปริจฺเฉททสฺสนตฺถํ วุตฺตา อฏฺกถายํ. ปาราชิกวตฺถุนฺติ ปาทคฺฆนกํ. อวหรนฺตสฺสาติ คณฺหนฺตสฺส.

อทินฺนนฺติ (ปารา. อฏฺ. ๙๒) ทนฺตโปนสิกฺขาปเท อตฺตโน สนฺตกมฺปิ อปฺปฏิคฺคหิตกํ กปฺปิยํ อชฺโฌหรณียํ วุจฺจติ, อิธ ปน ยํ กิฺจิ ปรปริคฺคหิตํ สสามิกํ ภณฺฑํ, ตเทตํ เตหิ สามิเกหิ กาเยน วา วาจาย วา น ทินฺนนฺติ อทินฺนํ. อวหารปฺปโหนกเมว ปน ทสฺเสตุํ ‘‘อฺสฺส มนุสฺสชาติกสฺส สนฺตก’’นฺติ วุตฺตํ. สงฺขาสทฺทสฺเสว ต-กาเรน วฑฺเฒตฺวา วุตฺตตฺตา ‘‘สงฺขา สงฺขาตนฺติ อตฺถโต เอก’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ อตฺถโต เอกนฺติ ปทตฺถโต เอกํ, อนตฺถนฺตรนฺติ วุตฺตํ โหติ. โกฏฺาสสฺเสตํ นามํ ภาคโต สงฺขายติ อุปฏฺาตีติ กตฺวา. ปปฺจสงฺขาติ สตฺตานํ สํสาเร ปปฺเจนฺติ จิรายนฺตีติ ปปฺจา, ตณฺหามานทิฏฺิโย, ยสฺส วา อุปฺปนฺนา, ตํ ‘‘รตฺโต’’ติ วา ‘‘มตฺโต’’ติ วา ‘‘มิจฺฉาทิฏฺินิวิฏฺโ’’ติ วา ปปฺเจนฺติ พฺยฺเชนฺตีติ ปปฺจา, สงฺขา วุจฺจติ โกฏฺาโส, ปปฺจาว สงฺขา ปปฺจสงฺขา, ปปฺจโกฏฺาสาติ อตฺโถ, ตณฺหามานทิฏฺิโยติ วุตฺตํ โหติ. เถยฺยจิตฺตสงฺขาโตติ ‘‘เถยฺยจิตฺโต’’ติ กถิโต. เอโก จิตฺตโกฏฺาโสติ วิสฺสาสตาวกาลิกาทิคฺคาหวสปฺปวตฺตอเถยฺยจิตฺตโกฏฺาสโต อฺโ จิตฺตโกฏฺาโส. เถยฺยสงฺขาเตนาติ เถยฺยภูตจิตฺตโกฏฺาเสน. ยทิ เอวํ อถ กสฺมา เอตสฺส วิภงฺเค ‘‘เถยฺยจิตฺโต อวหรณจิตฺโต’’ติ (ปารา. ๙๒) วุตฺตนฺติ อาห ‘‘โย จา’’ติอาทิ. พฺยฺชนํ อนาทิยิตฺวาติ พฺยฺชเน อาทรํ อกตฺวาติ อตฺโถ, สทฺทตฺถมนเปกฺขิตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. อตฺถเมวาติ ภาวตฺถเมว.

เต ปน อวหาราติ เต ปฺจวีสติ อวหารา. สวิฺาณกาวิฺาณกวเสน นานาวิโธ ภณฺโฑ เอตสฺส ปฺจกสฺสาติ นานาภณฺฑํ, ปฺจนฺนํ อวหารานํ สมูโห ปฺจกํ, ปฺจปริมาณมสฺสาติ วา ปฺจกํ, นานาภณฺฑเมว ปฺจกํ นานาภณฺฑปฺจกํ. สวิฺาณกวเสน เอโก ภณฺโฑ เอตสฺสาติ เอกภณฺฑํ. เสสํ วุตฺตนยเมว. สาหตฺถิโกว ปฺจกํ สาหตฺถิกปฺจกํ. อาทิปทวเสน เจตํ นามํ กุสลาทิตฺติกสฺส กุสลตฺติกโวหาโร วิย. ตสฺมา สาหตฺถิกาทิปฺจกนฺติ อตฺถโต ทฏฺพฺพํ. เอส นโย เสเสสุ ปฺจกทฺวเยสุ. เอตสฺเสวาติ ‘‘อาทิเยยฺยา’’ติ เอตสฺเสว มาติกาปทสฺส. อิเมสํ ปทานํ วเสนาติ อิเมสํ ปฺจนฺนํ ปทานํ วเสน. เอตฺถ จ ปมปทํ อภิโยควเสน วุตฺตํ, ทุติยปทํ อฺเสํ ภณฺฑํ หรนฺตสฺส คจฺฉโต วเสน, ตติยปทํ อุปนิกฺขิตฺตภณฺฑวเสน, จตุตฺถํ สวิฺาณกวเสน, ปฺจมํ ถเล นิกฺขิตฺตาทิวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.

อิทานิ เนสํ อตฺถโยชนํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตตฺถาติ เตสุ ทฺวีสุ ปฺจเกสุ. อิตรนฺติ เอกภณฺฑปฺจกํ. อารามนฺติ ปุปฺผารามผลารามํ. อภิยุฺชตีติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๐๒) ปรสนฺตกํ ‘‘มม สนฺตโกว อย’’นฺติ มุสา ภณิตฺวา อภิยุฺชติ โจเทติ, อฏฺฏํ กโรตีติ อตฺโถ. สมฺปชานมุสาวาเทปิ อทินฺนาทานสฺส ปุพฺพปโยคตฺตา ทุกฺกฏนฺติ อาห ‘‘อาปตฺติทุกฺกฏสฺสา’’ติ, ทุกฺกฏสงฺขาตา อาปตฺติ ภเวยฺยาติ อตฺโถ. อถ วา ทุกฺกฏสฺิตสฺส วีติกฺกมสฺส อาปชฺชนนฺติ อตฺโถ. เอส นโย ‘‘อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติอาทีสุ. สามิกสฺส วิมตึ อุปฺปาเทตีติ วินิจฺฉยกุสลตาย, พลวนิสฺสิตาทิภาเวน วา อารามสามิกสฺส สํสยํ ชเนติ. กถํ? ตฺหิ ตถา วินิจฺฉยปฺปสุตํ ทิสฺวา สามิโก จินฺเตติ ‘‘สกฺขิสฺสามิ นุ โข อหํ อิมํ อารามํ อตฺตโน กาตุํ, น สกฺขิสฺสามิ นุ โข’’ติ. เอวํ ตสฺส วิมติ อุปฺปชฺชมานา เตน อุปฺปาทิตา โหติ. ธุรํ นิกฺขิปตีติ ยทา ปน สามิโก ‘‘อยํ ถทฺโธ กกฺขโฬ ชีวิตพฺรหฺมจริยนฺตรายมฺปิ เม กเรยฺย, อลํ ทานิ มยฺหํ อิมินา อาราเมนา’’ติ ธุรํ นิกฺขิปติ, อุสฺสาหํ เปติ, อตฺตโน สนฺตกกรเณ นิรุสฺสาโห โหตีติ อตฺโถ. อาปตฺติ ปาราชิกสฺส สเจ สยมฺปิ กตธุรนิกฺเขโป จาติ อธิปฺปาโย. อถ ปน สามิเกน ธุเร นิกฺขิตฺเตปิ อภิยุฺชโก ธุรํ อนิกฺขิปิตฺวาว ‘‘อิมํ สุฏฺุ ปีเฬตฺวา มม อาณาปวตฺตึ ทสฺเสตฺวา กิงฺการปฺปฏิสฺสาวิภาเว เปตฺวา ทสฺสามี’’ติ ทาตพฺพภาเว สอุสฺสาโห, รกฺขติ ตาว. อถาปิ อภิยุฺชโก อจฺฉินฺทิตฺวา ‘‘น ทานิ อิมํ อิมสฺส ทสฺสามี’’ติ ธุรํ นิกฺขิปติ, สามิโก ปน ธุรํ น นิกฺขิปติ, ปกฺขํ ปริเยสติ, กาลํ อาคเมติ, ‘‘ลชฺชิปริสํ ตาว ลภามิ, ปจฺฉา ชานิสฺสามี’’ติ คหเณเยว สอุสฺสาโห โหติ, รกฺขติเยว. ยทา ปน ‘‘โสปิ น ทสฺสามี’’ติ, ‘‘สามิโกปิ น ลจฺฉามี’’ติ เอวํ อุโภ ธุรํ นิกฺขิปนฺติ, ตทา อภิยุฺชกสฺส ปาราชิกํ.

อฺสฺส ภณฺฑํ หรนฺโตติ เวตเนน วา มิตฺตภาเวน วา อฺสฺส ภณฺฑํ หรนฺโต. สีเส ภารนฺติ สีเส ิตภารํ. สีสสฺส ตาว ปุริมคเล คลวาฏโก, ปิฏฺิคเล เกสฺจิ เกสนฺเต อาวฏฺโฏ โหติ, คลสฺเสว อุโภสุ ปสฺเสสุ เกสฺจิ เกสา โอรุยฺห ชายนฺติ, เย ‘‘กณฺณจูฬิกา’’ติ วุจฺจนฺติ, เตสํ อโธภาโค จาติ อยํ เหฏฺิมโก ปริจฺเฉโท, ตโต อุปริ สีสํ, เอตฺถนฺตเร ิตภารนฺติ วุตฺตํ โหติ. ขนฺธํ โอโรเปตีติ อุโภสุ ปสฺเสสุ กณฺณจูฬิกาหิ ปฏฺาย เหฏฺา, กปฺปเรหิ ปฏฺาย อุปริ, ปิฏฺิคลาวฏฺฏโต จ คลวาฏกโต จ ปฏฺาย เหฏฺา, ปิฏฺิเวมชฺฌาวฏฺฏโต จ อุรปริจฺเฉทมชฺเฌ, หทยาวาฏกโต จ ปฏฺาย อุปริ ขนฺโธ, ตํ โอโรเปติ.

อยํ ปเนตฺถ วินิจฺฉโย – โย ภิกฺขุ ‘‘อิทํ คเหตฺวา เอตฺถ ยาหี’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๐๑) สามิเกหิ อนาณตฺโต สยเมว ‘‘มยฺหํ อิทํ นาม เทถ, อหํ โว ภณฺฑํ วหามี’’ติ เตสํ ภณฺฑํ สีเสน อาทาย คจฺฉนฺโต เถยฺยจิตฺเตน ตํ ภณฺฑํ อามสติ, ทุกฺกฏํ. ยถาวุตฺตสีสปริจฺเฉทํ อนติกฺกมนฺโตว อิโต จิโต จ ฆํสนฺโต สาเรติปิ ปจฺจาสาเรติปิ, ถุลฺลจฺจยํ. ขนฺธํ โอโรปิตมตฺเต กิฺจาปิ สามิกานํ ‘‘วหตู’’ติ จิตฺตํ อตฺถิ, เตหิ ปน อนาณตฺตตฺตา ปาราชิกํ. ขนฺธํ ปน อโนโรเปตฺวาปิ สีสโต เกสคฺคมตฺตมฺปิ จาเวนฺตสฺส ปาราชิกํ. ยมกภารสฺส ปน เอโก ภาโค สีเส ปติฏฺาติ, เอโก ปิฏฺิยํ, ตตฺถ ทฺวินฺนํ านานํ วเสน วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ. อยํ ปน สุทฺธสีสภารสฺเสว วเสน วุตฺโต. โย จายํ สีสภาเร วุตฺโต, ขนฺธภาราทีสุปิ อยเมว วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ.

อุปนิกฺขิตฺตํ ภณฺฑนฺติ สงฺโคปนตฺถาย อตฺตโน หตฺเถ ปเรหิ ปิตภณฺฑํ. อหํ น คณฺหามีติ สมฺพนฺโธ. อตีตตฺเถ เจตํ วตฺตมานวจนํ, นาหํ คเหสินฺติ อตฺโถ. ทุกฺกฏํ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๑๑) สมฺปชานมุสาวาเทปิ อทินฺนาทานสฺส ปุพฺพปโยคตฺตา. ‘‘กึ ตุมฺเห ภณถ, เนวิทํ มยฺหํ อนุรูปํ, น ตุมฺหาก’’นฺติอาทีนิ วทนฺตสฺสาปิ ทุกฺกฏเมว. สามิกสฺส วิมตึ อุปฺปาเทตีติ ‘‘รโห มยา เอตสฺส หตฺเถ ปิตํ, น อฺโ โกจิ ชานาติ, ทสฺสติ นุ โข เม, โน’’ติ สามิกสฺส วิมตึ อุปฺปาเทติ. ธุรํ นิกฺขิปตีติ ตสฺส ผรุสาทิภาวํ ทิสฺวา อุสฺสาหํ เปติ. ตตฺร สจายํ ภิกฺขุ ‘‘กิลเมตฺวา นํ ทสฺสามี’’ติ ทาเน สอุสฺสาโห, รกฺขติ ตาว. สเจ โส ทาเน นิรุสฺสาโห, ภณฺฑสามิโก ปน คหเณ สอุสฺสาโห, รกฺขเตว. ยทิ ปน โส ตสฺมึ ทาเน นิรุสฺสาโห, ภณฺฑสามิโกปิ ‘‘น มยฺหํ ทสฺสตี’’ติ ธุรํ นิกฺขิปติ, เอวํ อุภินฺนํ ธุรนิกฺเขเปน ภิกฺขุโน ปาราชิกํ. ยทิปิ มุเขน ‘‘ทสฺสามี’’ติ วทติ, จิตฺเตน ปน อทาตุกาโม, เอวมฺปิ สามิกสฺส ธุรนิกฺเขเปน ภิกฺขุโน ปาราชิกํ.

สหภณฺฑหารกํเนสฺสามีติ ‘‘สหภณฺฑหารกํ ภณฺฑํ เนสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา. ปมํ ปาทํ อติกฺกาเมตีติ ภณฺฑหารกํ ตชฺเชตฺวา ตสฺส คมนปถํ วาเรตฺวา อตฺตนา รุจิตมคฺคํ เอกปาทํ อติกฺกาเมติ. ถลฏฺนฺติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๙๕) ถเล นิกฺขิตฺตํ, ภูมิตเล วา ปาสาณปพฺพตตลาทีสุ วา ยตฺถ กตฺถจิ ปฏิจฺฉนฺเน วา อปฺปฏิจฺฉนฺเน วา ปิตนฺติ อตฺโถ. ผนฺทาเปติ, ถุลฺลจฺจยนฺติ โย ผนฺทาเปติ , ตสฺส ปโยเค ปโยเค ถุลฺลจฺจยํ, อามสเน ทุกฺกฏํ, ผนฺทาปเน ถุลฺลจฺจยฺจ วิสุํ วิสุํ เถยฺยจิตฺเตน อามสนผนฺทาปนปโยเค กโรนฺตสฺเสว โหติ. ‘‘เอกปโยเคน คณฺหนฺตสฺส ปน อุทฺธาเร ปาราชิกเมว, น ทุกฺกฏถุลฺลจฺจยานี’’ติ วทนฺติ. านาติ ิตฏฺานโต. สเจ ตํ ถลฏฺํ ราสิกตํ โหติ, อนฺโตกุมฺภิยํ ภาชนคตกรณมุฏฺิจฺเฉทนวินิจฺฉเยน วินิจฺฉินิตพฺพํ. สเจ เอกาพทฺธํ สิเลสนิยฺยาสาทิ, ปกฺกมธุผาณิตวินิจฺฉเยน วินิจฺฉินิตพฺพํ. สเจ ครุกํ โหติ ภารพทฺธํ โลหปิณฺฑิเตลมธุฆฏาทิ วา, กุมฺภิยํ านาจาวนวินิจฺฉเยน วินิจฺฉินิตพฺพํ. สงฺขลิกาพทฺธสฺส จ านเภโท สลฺลกฺเขตพฺโพ. ปตฺถริตฺวา ปิตํ ปน ปาวารตฺถรณกฏสารกาทึ อุชุกํ คเหตฺวา อากฑฺฒติ, ปาริมนฺเต โอริมนฺเตน ผุฏฺโกาสํ อติกฺกนฺเต ปาราชิกํ. ตเถว คเหตฺวา ปรโต เปลฺลติ, ปาริมนฺเต ผุฏฺโกาสํ โอริมนฺเต อติกฺกนฺเต ปาราชิกํ. วามโต วา ทกฺขิณโต วา อปนาเมนฺตสฺส วามนฺเตน วา ทกฺขิณนฺเตน วา ผุฏฺโกาสํ ทกฺขิณนฺเต วา วามนฺเต วา อติกฺกนฺเต ปาราชิกํ. เวเตฺวา อุทฺธรติ, เกสคฺคมตฺตํ อากาสคตํ กโรนฺตสฺส ปาราชิกํ.

สโก หตฺโถ สหตฺโถ, เตน นิพฺพตฺโต, ตสฺส วา สมฺพนฺธีติ สาหตฺถิโก, อวหาโร. อาณาปนํ อาณตฺติ, ตาย อาณตฺติยา นิพฺพตฺโต อวหาโร อาณตฺติโก. นิสฺสชฺชนํ นิสฺสคฺโค, สุงฺกฆาตฏฺาเน, ปริกปฺปิโตกาเส จ ตฺวา ภณฺฑสฺส พหิ นิปาตนํ, นิสฺสคฺโคว นิสฺสคฺคิโย. กิริยาสิทฺธิโต ปุเรตรเมว ปาราชิกาปตฺติสงฺขาตํ อตฺถํ สาเธตีติ อตฺถสาธโก. ธุรสฺส อาลยสงฺขาตสฺส ภารสฺส นิกฺขิปนํ ปริจฺจชนํ นิรุสฺสาหภาวาปชฺชนํ ธุรนิกฺเขโป. อิทานิ พฺยฺชเน อาทรํ อกตฺวา เตสํ อตฺถมตฺตเมว ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถ สาหตฺถิโก นามา’’ติอาทิมาห. สหตฺถาติ สหตฺเถน. กรณตฺเถ หิ อิทํ นิสฺสกฺกวจนํ. ‘‘อสุกสฺส ภณฺฑํ อวหรา’’ติ อฺํ อาณาเปตีติ เอตฺถาปิ อาณตฺติกฺขเณ เอว อาปตฺติ ทฏฺพฺพา. ยทิ เอวํ อิมสฺส, อตฺถสาธกสฺส จ โก วิเสโสติ? ตํ ขณํ เอว คหเณ นิยุฺชนํ อาณตฺติกปโยโค, กาลนฺตเรน คหณตฺถํ นิโยโค อตฺถสาธโกติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๙๒; วิ. วิ. ฏี. ๑.๙๒) อยเมเตสํ วิเสโสติ. เตเนวาห ‘‘อสุกสฺส ภณฺฑํ ยทา สกฺโกสิ, ตทา ตํ อวหราติ อาณาเปตี’’ติ.

สุงฺกฆาตปริกปฺปิโตกาสานนฺติ สุงฺกฆาตฺจ ปริกปฺปิโตกาโส จ สุงฺกฆาตปริกปฺปิโตกาสา, เตสํ. ตตฺถ สุงฺกฆาตนฺติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๑๓) รุกฺขปพฺพตาทิสฺาเณน นิยมิตสฺส สุงฺกฏฺานสฺเสตํ อธิวจนํ. ตฺหิ ยสฺมา ตโต ราชเทยฺยภาคํ สุงฺกํ อทตฺวา นีหรนฺตา รฺโ สุงฺกํ หนนฺติ วินาเสนฺติ, ตสฺมา ‘‘สุงฺกฆาต’’นฺติ วุตฺตํ.

โกจิ ปรปริเวณาทีนิ ปวิฏฺโ กิฺจิ โลภเนยฺยภณฺฑํ ทิสฺวา ทฺวารปฺปมุขาทิวเสน ยํ านํ ‘‘สเจ มํ เอตฺถนฺตเร ปสฺสิสฺสนฺติ, ทฏฺุกามตาย คเหตฺวา วิจรนฺโต วิย ทสฺสามิ, โน เจ ปสฺสิสฺสนฺติ, หริสฺสามี’’ติ ปริกปฺเปติ, อยํ ปริกปฺปิโตกาโส. อาณตฺติกฺขเณเยว ปาราชิกนฺติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๒๑) อตฺถสาธกเจตนากฺขเณเยว ปาราชิกํ. สเจปิ อวหารโก สฏฺิวสฺสาติกฺกเมนปิ ตํ ภณฺฑํ อวหรติ, อาณาปโก จ อนฺตราเยว กาลํ กโรติ, หีนาย วา อาวตฺตติ, อสฺสมโณว หุตฺวา กาลํ วา กริสฺสติ, หีนาย วา อาวตฺติสฺสติ, อวหารกสฺส ปน อวหารกฺขเณเยว ปาราชิกํ. ปาทคฺฆนกเตลนฺติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๙๔) เอตฺถ ปาโท นาม กหาปณสฺส จตุตฺโถ ภาโค, ตํ อคฺฆตีติ ปาทคฺฆนกํ, ปาทคฺฆนกฺจ ตํ เตลฺจาติ ปาทคฺฆนกเตลํ. อุปาหนา อาทิ เยสํ วตฺถูนํ ตานิ อุปาหนาทีนิ. อาทิสทฺเทน ทุกูลสาฏกจมฺมกฺขณฺฑาทีนํ คหณํ. ปกฺขิปตีติ เถยฺยจิตฺเตน ปกฺขิปติ. เตนาห ‘‘หตฺถโต มุตฺตมตฺเตเยว ปาราชิก’’นฺติ สเจ ปน อตฺตโนปิ กุมฺภิยํ อฺโ สปฺปึ วา เตลํ วา อากิรติ, ตตฺร จายํ เถยฺยจิตฺเตน เตลปิวนกํ ภณฺฑํ ปกฺขิปติ, วุตฺตนเยเนว ปาราชิกํ.

กาเยน วา วาจาย วา ปยุฺชนํ อาณาปนํ ปโยโค, อาณตฺตสฺส ภณฺฑคฺคหณโต ปุพฺพตฺตา ปุพฺโพ, อิติ ปุพฺโพ จ โส ปโยโค จาติ ปุพฺพปโยโค. ปโยเคน สห วตฺตมาโน อวหาโร สหปโยโค. สมํ เอกี หุตฺวา วิทหิตฺวา มนฺเตตฺวา อวหรณํ สํวิธาวหาโร, อฺมฺํ สฺุปฺปตฺติยา กตาวหาโรติ วุตฺตํ โหติ. ปุพฺพณฺหาทิกาลปริจฺเฉเทน สฺชานนํ สงฺเกโต, ตสฺส กมฺมํ สงฺเกตกมฺมํ. นิมิตฺตสฺส กมฺมํ นิมิตฺตกมฺมํ, สฺุปฺปาทนตฺถํ กสฺสจิ นิมิตฺตสฺส กรณนฺติ อตฺโถ. ตตฺถาติ ยถาวุตฺเตสุ ปุพฺพปโยคาทีสุ ปฺจสุ. ขิลาทีนิ สงฺกาเมตฺวา เขตฺตาทิคฺคหณวเสนาติ ขิลํ, รชฺชุํ, วตึ, มริยาทํ วา ปาการํ วา สงฺกาเมตฺวา เขตฺตคฺคหณวเสน, ขิลํ, รชฺชุํ, วตึ, มริยาทํ วา ปาการํ วา สงฺกาเมตฺวา วตฺถุคฺคหณวเสน. สเจ ปน ทฺวีหิ ขิเลหิ คเหตพฺพํ โหติ, ปเม ขิเล ถุลฺลจฺจยํ, ทุติเย ปาราชิกํ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๐๔). สเจ ตีหิ คเหตพฺพํ โหติ, ปเม ทุกฺกฏํ, ทุติเย ถุลฺลจฺจยํ, ตติเย ปาราชิกํ. เอวํ พหุเกสุปิ อวสาเน ทฺเว เปตฺวา ปุริเมหิ ทุกฺกฏํ, อวสาเน ทฺวินฺนํ เอเกน ถุลฺลจฺจยํ , อิตเรน ปาราชิกํ. รชฺชุปสารณาทีสุปิ เอเสว นโย. ยํ ปน สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘ตฺจ โข สามิกานํ ธุรนิกฺเขเปนา’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๐๔) วุตฺตํ, ตํ ‘‘เขตฺตํ อภิยุฺชติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติอาทิ (ปารา. ๑๐๔) -อธิกาเร วุตฺตตฺตา อภิโยควเสน คหณํ สนฺธายาติ ทฏฺพฺพํ. สํวิทหิตฺวาติ เอตสฺเสว เววจนํ. สํมนฺตยิตฺวาติ เอกจฺฉนฺทตาย เอกชฺฌาสยตาย ภณิตฺวาติ อตฺโถ. อิมสฺมึ อวหาเร อสมฺโมหตฺถํ ‘‘เอวํ สํวิทหิตฺวา คเตสุ หี’’ติอาทิมาห. สฺชานนกมฺมนฺติ ปุพฺพณฺหาทิกาลปริจฺเฉทวเสน สฺาณกรณํ. เตนาห ‘‘สเจ หี’’ติอาทิ.

เอตฺถ จ ‘‘ปุเรภตฺตํ อวหรา’’ติ วุตฺเต (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๑๙) อชฺช วา ปุเรภตฺตํ อวหรตุ, สฺเว วา, อนาคเต วา สํวจฺฉเร, นตฺถิ วิสงฺเกโต, อุภินฺนมฺปิ ปาราชิกํ. สเจ ปน ‘‘อชฺช ปุเรภตฺตํ อวหรา’’ติ วุตฺเต สฺเว อวหรติ. ‘‘อชฺชา’’ติ นิยมิตํ สงฺเกตํ อติกฺกมฺม ปจฺฉา อวหฏํ โหติ. สเจ ‘‘สฺเว ปุเรภตฺตํ อวหรา’’ติ วุตฺเต อชฺช ปุเรภตฺตํ อวหรติ, ‘‘สฺเว’’ติ นิยมิตํ ตํ สงฺเกตํ อปตฺวา ปุเร อวหฏํ โหติ, เอวํ อวหรนฺตสฺส อวหารกสฺเสว ปาราชิกํ, มูลฏฺสฺส อนาปตฺติ. ‘‘สฺเวว ปุเรภตฺต’’นฺติ วุตฺเต ตทเหว วา, สฺเว ปจฺฉาภตฺตํ วา อวหรนฺโตปิ ตํสงฺเกตโต ปุเร จ ปจฺฉา จ อวหรติ. โย ปน เอวํอกตฺวา ยถาปริจฺฉินฺนกาลเมว อวหรติ, อยํ สงฺเกตโต อปุเร อปจฺฉา ตํ อวหรตีติ เวทิตพฺโพ. เอส นโย ปจฺฉาภตฺตรตฺตินฺทิเวสุปิ, ปุริมยามมชฺฌิมยามปจฺฉิมยามกาฬชุณฺหมาสอุตุสํวจฺฉราทิวเสนาปิ เอตฺถ สงฺเกตวิสงฺเกตตา เวทิตพฺพา. ปรภณฺฑาวหารสฺุปฺปาทสฺส เหตุตฺตา อกฺขินิขณาทีเนว นิมิตฺตนฺติ อกฺขินิขณาทินิมิตฺตํ, ตสฺส กรณํ อกฺขินิขณาทินิมิตฺตกรณํ. อาทิสทฺเทน ภมุกุกฺเขปสีสกมฺปนหตฺถลงฺฆนปาณิปฺปหารองฺคุลิโผฏนคีวุนฺนามนอุกฺกาสนาทิอเนกปฺปการํ สงฺคณฺหาติ. เสสเมตฺถ สงฺเกตกมฺเม วุตฺตนยเมว.

เถโน วุจฺจติ โจโร, ตสฺส ภาโว เถยฺยํ, เตน อวหรณํ เถยฺยาวหาโร. ปสยฺห อภิภวิตฺวา อวหรณํ ปสยฺหาวหาโร. วตฺถสุตฺตาทิกํ ปริจฺฉิชฺช กปฺปนํ ปริกปฺโป, เตน อวหรณํ ปริกปฺปาวหาโร. ติณปณฺณาทีหิ ปฏิจฺฉนฺนสฺส อวหาโร ปฏิจฺฉนฺนาวหาโร. กุเสน อวหาโร กุสาวหาโร. กูฏมานกูฏกหาปณาทีหีติ เอตฺถ กูฏมานํ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๐; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒๙๓; ปุ. ป. อฏฺ. ๑๗๙) นาม หทยเภทสิขาเภทรชฺชุเภทวเสน ติวิธํ มานกูฏํ. ตตฺถ หทยนฺติ นาฬิอาทิมานภาชนานํ อพฺภนฺตรํ, ตสฺส เภโท ฉิทฺทกรณํ หทยเภโท, โส สปฺปิเตลาทิมินนกาเล ลพฺภติ. ตานิ หิ คณฺหนฺโต เหฏฺาฉิทฺเทน มาเนน ‘‘สณิกํ อาสิฺจา’’ติ วตฺวา อนฺโตภาชเน พหุํ ปคฺฆราเปตฺวา คณฺหาติ, ททนฺโต จ ฉิทฺทํ ปิธาย สีฆํ ปูเรตฺวา เทติ.

สิขาเภโท ปน ติลตณฺฑุลาทิมินนกาเล ลพฺภติ. ตานิ หิ คณฺหนฺโต สณิกํ สิขํ อุสฺสาเปตฺวา คณฺหาติ, ททนฺโต เวเคน ปูเรตฺวา สิขํ ฉินฺทนฺโต เทติ.

รชฺชุเภโท เขตฺตวตฺถุมินนกาเล ลพฺภติ. เขตฺตาทึ มินนฺตา หิ อมหนฺตมฺปิ มหนฺตํ กตฺวา มินนฺติ, มหนฺตมฺปิ อมหนฺตํ.

ตมฺพกํสาทิมโย กูโฏ กหาปโณ กูฏกหาปโณ. อาทิสทฺเทน ตุลากูฏกํสกูฏวฺจนาทึ สงฺคณฺหาติ. ตตฺถ ตุลากูฏํ รูปกูฏํ, องฺคกูฏํ, คหณกูฏํ, ปฏิจฺฉนฺนกูฏนฺติ จตุพฺพิธํ โหติ. ตตฺถ รูปกูฏํ นาม ทฺเว ตุลา สมรูปา กตฺวา คณฺหนฺโต มหติยา คณฺหาติ, ททนฺโต ขุทฺทิกาย เทติ. องฺคกูฏํ นาม คณฺหนฺโต ปจฺฉาภาเค หตฺเถน ตุลํ อกฺกมติ, ททนฺโต ปุพฺพภาเค อกฺกมติ. คหณกูฏํ นาม คณฺหนฺโต มูเล รชฺชุํ คณฺหาติ, ททนฺโต อคฺเค. ปฏิจฺฉนฺนกูฏํ นาม ตุลํ สุสิรํ กตฺวา อนฺโต อยจุณฺณํ ปกฺขิปิตฺวา คณฺหนฺโต ตํ ปจฺฉาภาเค กโรติ, ททนฺโต อคฺคภาเค.

กํโส วุจฺจติ สุวณฺณปาติ, ตาย วฺจนํ กํสกูฏํ. กถํ? เอกํ สุวณฺณปาตึ กตฺวา อฺา ทฺเว ติสฺโส โลหปาติโย สุวณฺณวณฺณา กโรนฺติ. ตโต ชนปทํ คนฺตฺวา กิฺจิเทว อฑฺฒํ กุลํ ปวิสิตฺวา ‘‘สุวณฺณภาชนานิ กิณาถา’’ติ วตฺวา อคฺเฆ ปุจฺฉิเต สมคฺฆตรํ ทาตุกามา โหนฺติ . ตโต เตหิ ‘‘กถํ อิเมสํ สุวณฺณภาโว ชานิตพฺโพ’’ติ วุตฺเต ‘‘วีมํสิตฺวา คณฺหถา’’ติ สุวณฺณปาตึ ปาสาเณ ฆํสิตฺวา สพฺพา ปาติโย ทตฺวา คจฺฉติ.

วฺจนํ นาม เตหิ เตหิ อุปาเยหิ ปเรสํ วฺจนํ. ตตฺริทเมกํ วตฺถุ – เอโก กิร ลุทฺทโก มิคฺจ มิคโปตกฺจ คเหตฺวา อาคจฺฉติ, ตเมโก ธุตฺโต ‘‘กึ โภ มิโค อคฺฆติ, กึ มิคโปตโก’’ติ อาห. ‘‘มิโค ทฺเว กหาปเณ, มิคโปตโก เอก’’นฺติ วุตฺเต เอกํ กหาปณํ ทตฺวา มิคโปตกํ คเหตฺวา โถกํ คนฺตฺวา นิวตฺเตนฺโต ‘‘น เม โภ มิคโปตเกน อตฺโถ, มิคํ เม เทหี’’ติ อาห. ‘‘เตน หิ ทฺเว กหาปเณ เทหี’’ติ อาห. โส อาห ‘‘นนุ โภ มยา ปมํ เอโก กหาปโณ ทินฺโน’’ติ. อาม ทินฺโน, อิมํ มิคโปตกํ คณฺห, เอวํ โส จ กหาปโณ , อยฺจ กหาปณคฺฆนโก มิคโปตโกติ ทฺเว กหาปณา ภวิสฺสนฺตีติ. โส ‘‘การณํ วทตี’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา มิคโปตกํ คเหตฺวา มิคํ อทาสีติ.

ปสยฺหาติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๓๘) ปเร อภิภุยฺย. คามํ ฆาเตนฺตีติ คามฆาตกา, คามํ ปหรนฺตา โจรา, เต อาทิ เยสํ เต คามฆาตกาทโย. อาทิสทฺเทน เจตฺถ ปนฺถฆาตกาทีนํ คหณํ. อุทฺธาเรเยว ปาราชิกนฺติ ‘‘สเจ สาฏโก ภวิสฺสติ, คณฺหิสฺสามี’’ติ ปริกปฺปสฺส ปวตฺตตฺตา, สาฏกสฺส จ ตตฺถ สพฺภาวโต. ปทวาเรน กาเรตพฺโพติ ภูมิยํ อนิกฺขิปิตฺวาว วีมํสิตตฺตา วุตฺตํ. ภณฺฑเทยฺยนฺติ ยํ ปรสฺส นฏฺํ, ตสฺส มูลํ วา ตเทว วา ภณฺฑํ ทาตพฺพนฺติ อตฺโถ.

ตสฺสาติ โย เอวํ ปริกปฺเปติ, ตสฺส. อิมสฺส ‘‘อวหาโร โหตี’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ.

ปเรสนฺติ กีฬนฺตานํ, ปวิสนฺตานํ วา ปเรสํ มนุสฺสานํ. ‘‘ปจฺฉา คณฺหิสฺสามี’’ติ ปํสุนา วา ปณฺเณน วา ปฏิจฺฉาเทตีติ ‘‘สเจ อิทาเนว โอนมิตฺวา คณฺหิสฺสามิ, ‘กึ สมโณ คณฺหาตี’ติ มํ ชานิตฺวา วิเหเยฺยุํ ปจฺฉา คณฺหิสฺสามี’’ติ ปํสุนา วา ปณฺเณน วา ปฏิจฺฉาเทติ. อุทฺธาโร นตฺถีติ านาจาวนํ นตฺถีติ อตฺโถ. สามิกาติ อนฺตาคามํ ปวิสิตุกามา ภณฺฑสามิกา มนุสฺสา. อุทฺธาเรติ อุทฺธรเณ, านาจาวเนติ อตฺโถ . านาจาวนฺเจตฺถ เหฏฺา วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพํ. ปเวเสตีติ านาจาวนวเสน ปเวเสติ, เหฏฺิมนฺเตน ผุฏฺโกาสํ เกสคฺคมตฺตมฺปิ อุปริมนฺเตน อติกฺกาเมนฺโต ปเวเสตีติ อตฺโถ.

สมคฺฆตรนฺติ อปฺปคฺฆตรํ. อุทฺธฏมตฺเต อวหาโรติ สกภาวปฺปโยคสฺส นิฏฺาปิตตฺตา, น อตฺถสาธกวเสน. อุทฺธาเร รกฺขติ อตฺตโน โกฏฺาเส ปาเตตุกามตาย อุทฺธฏตฺตา. เอเสว นโย ปาตเนปิ รกฺขตีติ เอตฺถาปิ. ‘‘อุทฺธาเรเยว รกฺขตี’’ติ อิมินาว ปาตเน น รกฺขตีติ อตฺเถ สิทฺเธปิ อตฺถสาธกวเสน อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตํ อุทฺธริตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สเจ ปน ทฺวีสุปิ โกฏฺาเสสุ ปติตทณฺฑเก อทสฺสนํ คเมติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๓๘), ตโต อวเสสภิกฺขูสุ คเตสุ อิตโร ‘‘มยฺหํ, ภนฺเต, ทณฺฑโก น ปฺายตี’’ติ, ‘‘มยฺหมฺปิ, อาวุโส, น ปฺายตี’’ติ, ‘‘กตโม ปน, ภนฺเต, มยฺหํ ภาโค’’ติ. ‘‘อยํ ตุยฺหํ ภาโค’’ติ อตฺตโน ภาคํ ทสฺเสติ. ตสฺมึ วิวทิตฺวา วา อวิวทิตฺวา วา ตํ คณฺหิตฺวา คเต อิตโร ตสฺส ภาคํ อุทฺธรติ, อุทฺธาเร ปาราชิกํ. สเจปิ เตน ‘‘อหํ มม ภาคํ ตุยฺหํ น เทมิ, ตฺวํ ปน อตฺตโน ภาคํ ตฺวา คณฺหา’’ติ วุตฺเตปิ ‘‘นายํ มมา’’ติ ชานนฺโตปิ ตสฺเสว ภาคํ คณฺหาติ, อุทฺธาเร ปาราชิกํ. สเจ ปน อิตโร ‘‘อยํ ตุยฺหํ ภาโค, อยํ มยฺหํ ภาโคติ กึ อิมินา วิวาเทนา’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘มยฺหํ วา ปตฺโต โหตุ, ตุมฺหากํ วา, โย วรภาโค, ตํ ตุมฺเห คณฺหถา’’ติ วทติ, ทินฺนกํ นาม คหิตํ โหติ, นตฺเถตฺถ อวหาโร. สเจ โส วิวาทภีรุโก ภิกฺขุ ‘‘ยํ ตุยฺหํ รุจฺจติ, ตํ คณฺหา’’ติ วุตฺโต อตฺตโน ปตฺตํ วรภาคํ เปตฺวา ลามกํเยว คเหตฺวา คจฺฉติ, ตโต อิตรสฺส วิจินิตาวเสสํ คณฺหนฺตสฺสาปิ อวหาโร นตฺเถว. เอวมิมานิ ปฺจ ปฺจกานิ สโมธาเนตฺวา อิเม ปฺจวีสติ อวหารา เวทิตพฺพา. นิฏฺิโต ‘‘อาทิเยยฺยา’’ติ อิมสฺส ปทสฺส วินิจฺฉโย. เตนาห ‘‘อิติ ยํ วุตฺตํ…เป… ยสฺสตฺโถ ปกาสิโต โหตี’’ติ.

ราชาโนติ กิฺจาปิ อวิเสเสน วุตฺตํ, อปราธานุรูปํ ปน เฉชฺชเภชฺชานุสาสโก ปมาณภูโตว อิธาธิปฺเปโตติ อาห ‘‘ราชาโนติ อิทํ พิมฺพิสารํเยว สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ. โส หิ ธมฺมิกราชตฺตา ยถาปเวณิยาว กโรติ. อฺเ ปน กากณิกมตฺตสฺสปิ สีสํ ฉินฺเทยฺยุํ , พหุกสฺสาปิ น วา กิฺจิ กเรยฺยุํ. เตนาห ‘‘อฺเ ปนา’’ติอาทิ. หนนํ นาม โปถนฺเจว เฉทนฺจาติ อาห ‘‘หตฺถาทีหิ วา’’ติอาทิ. อาทิสทฺเทน ปาทกสาเวตฺตอฑฺฒทณฺฑกานํ คหณํ. รชฺชุพนฺธนาทีหีติ อาทิสทฺเทน อนฺทุพนฺธนสงฺขลิกาพนฺธนฆรพนฺธนนครพนฺธนปุริสคุตฺตีนํ คหณํ. นีหเรยฺยุนฺติ รฏฺโต นิกฺขาเมยฺยุํ. โจโรสิ…เป… เถโนสีติ เอตฺถ ‘‘ปริภาเสยฺยุ’’นฺติ ปทํ อชฺฌาหริตพฺพํ อูนตฺตา ปทปฺปโยคสฺส. เตนาห ‘‘อิเมหิ วจเนหิ ปริภาเสยฺยุ’’นฺติ. ยถารูปํ ปน ยสฺมา ปาทโต ปฏฺาย โหติ, ตสฺมา ‘‘ปาทสฺส วา ปาทารหสฺส วา’’ติ อาห. โปราณกสฺส กหาปณสฺส จตุตฺโถ ภาโค ปาโท, ปาทํ อรหตีติ ปาทารโห, ตสฺส ปาทสฺส วา ปาทารหสฺส วา. เอตฺถ จ ปาเทน กหาปณสฺส จตุตฺถภาคํ อกปฺปิยภณฺฑเมว ทสฺเสติ, ปาทารเหน ปาทคฺฆนกํ กปฺปิยภณฺฑํ. เอตฺตาวตา เหฏฺิมนฺตทสฺสเนน สพฺพากาเรน ทุติยปาราชิกปฺปโหนกวตฺถุ ทสฺสิตํ โหตีติ ทฏฺพฺพํ. โปราณกสฺสาติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๘๘; วิ. วิ. ฏี. ๑.๘๘) โปราณสตฺถานุรูปํ อุปฺปาทิตสฺส ลกฺขณสมฺปนฺนสฺส นีลกหาปณสทิสสฺส กหาปณสฺส. เอเตน รุทฺรทามกาทีนิ ปฏิกฺขิปติ.

เอวํ อสาธารณวินิจฺฉยํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สาธารณวินิจฺฉยํ ทสฺเสตุํ ‘‘ราชคเห’’ติอาทิมาห. รฺโติ พิมฺพิสารรฺโ. มาสโก นาม โปราณกสฺส กหาปณสฺส วีสติโม ภาโค. โย โลเก ‘‘มฺเชฏฺี’’ติปิ วุจฺจติ. อิทานิ อิมสฺมึ อทินฺนาทาเน วินิจฺฉยํ ทสฺเสตุํ ‘‘สพฺพตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สพฺพตฺถาติ อูนมาสกาติเรกมาสกปฺจมาสเกสุ. ปริหีนาปริหีนวเสนาติ อคฺฆสฺส ปริหีนาปริหีนวเสน. อยเมตฺถ สงฺเขโป , วิตฺถาโร ปน เอวํ เวทิตพฺโพ – อิทฺหิ อทินฺนาทานํ วินิจฺฉินนฺเตน โอติณฺเณ วตฺถุสฺมึ สหสา อวินิจฺฉินิตฺวา ปฺจ านานิ โอโลเกตพฺพานิ. ยานิ สนฺธาย โปราณา อาหุ –

‘‘วตฺถุํ กาลฺจ เทสฺจ, อคฺฆํ ปริโภคปฺจมํ;

ตุลยิตฺวา ปฺจานานิ, ธาเรยฺยตฺถํ วิจกฺขโณ’’ติ. (ปารา. อฏฺ. ๑.๙๒);

ตตฺถ จ วตฺถูติ ภณฺฑํ. อวหารเกน หิ ‘‘มยา อิทํ นาม อวหฏ’’นฺติ วุตฺเตปิ อาปตฺตึ อนาโรเปตฺวาว ตํ ภณฺฑํ สสามิกํ วา อสามิกํ วาติ อุปปริกฺขิตพฺพํ. สสามิเกปิ สามิกานํ สาลยภาโว วา นิราลยภาโว วา อุปปริกฺขิตพฺโพ. สเจ เตสํ สาลยกาเล อวหฏํ, ภณฺฑํ อคฺฆาเปตฺวา อาปตฺติ กาเรตพฺพา. สเจ นิราลยกาเล, น ปาราชิเกน กาเรตพฺโพ. ภณฺฑสามิเกสุ ปน ภณฺฑํ อาหราเปนฺเตสุ ภณฺฑํ ทาตพฺพํ. อยเมตฺถ สามีจิ. เอวํ วตฺถุ โอโลเกตพฺพํ.

กาโลติ อวหารกาโล. ตเทว หิ ภณฺฑํ กทาจิ สมคฺฆํ โหติ, กทาจิ มหคฺฆํ. ตสฺมา ตํ ภณฺฑํ ยสฺมึ กาเล อวหฏํ, ตสฺมึเยว กาเล โย ตสฺส อคฺโฆ, เตน อคฺเฆน อาปตฺติ กาเรตพฺพา. เอวํ กาโล โอโลเกตพฺโพ.

เทโสติ อวหารเทโส. ตฺหิ ภณฺฑํ ยสฺมึ เทเส อวหฏํ, ตสฺมึเยว เทเส โย ตสฺส อคฺโฆ, เตน อคฺเฆน อาปตฺติ กาเรตพฺพา. ภณฺฑุฏฺานเทเส หิ ภณฺฑํ สมคฺฆํ โหติ, อฺตฺถ มหคฺฆํ. เอวํ เทโส โอโลเกตพฺโพ.

อคฺโฆติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๙๒) ภณฺฑคฺโฆ. นวภณฺฑสฺส หิ โย อคฺโฆ, โส ปจฺฉา ปริหายติ. ยถา นวโธโต ปตฺโต อฏฺ วา ทส วา อคฺฆติ, โส ปจฺฉา ภินฺโน วา ฉิทฺโท วา อาณิคณฺิกาหโต วา อปฺปคฺโฆ โหติ, ตสฺมา น สพฺพทา ภณฺฑํ ปกติอคฺเฆเนว กาตพฺพนฺติ. เอวํ อคฺโฆ โอโลเกตพฺโพ.

ปริโภโคติ ภณฺฑสฺส ปริโภโค. ปริโภเคนาปิ หิ วาสิอาทิภณฺฑสฺส อคฺโฆ ปริหายติ, ตสฺมา เอวํ อุปปริกฺขิตพฺพํ – สเจ โกจิ กสฺสจิ ปาทคฺฆนกํ วาสึ หรติ, ตตฺร วาสิสามิโก ปุจฺฉิตพฺโพ ‘‘ตยา อยํ วาสิ กิตฺตเกน กีตา’’ติ. ‘‘ปาเทน, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ ปน เต กิณิตฺวาว ปิตา, อุทาหุ ตํ วลฺเชสี’’ติ? สเจ วทติ ‘‘เอกทิวสํ เม ทนฺตกฏฺํ วา รชนฉลฺลิ วา ปตฺตปจนทารุ วา ฉินฺนํ, ฆํสิตฺวา วา นิสิตา’’ติ. อถสฺส โปราโณ อคฺโฆ ภฏฺโติ เวทิตพฺโพ. ยถา จ วาสิยา, เอวํ อฺชนิยา วา อฺชนิสลากาย วา กุฺจิกาย วา ปลาเลน วา ถุเสหิ วา อิฏฺกจุณฺเณน วา เอกวารํ ฆํสิตฺวา โธวนมตฺเตนาปิ อคฺโฆ ภสฺสติ. ติปุมณฺฑลสฺส มกรทนฺตจฺเฉทเนนาปิ ปริมทฺทนมตฺเตนาปิ, อุทกสาฏิกาย สกึ นิวาสนปารุปเนนาปิ, ปริโภคสีเสน อํเส วา สีเส วา ปนมตฺเตนาปิ, ตณฺฑุลาทีนํ ปปฺโผฏเนนาปิ ตโต เอกํ วา ทฺเว วา อปนยเนนปิ, อนฺตมโส เอกํ ปาสาณสกฺขรํ อุทฺธริตฺวา ฉฑฺฑิตมตฺเตนาปิ, สปฺปิเตลาทีนํ ภาชนนฺตรปริวตฺตเนนปิ, อนฺตมโส ตโต มกฺขิกํ วา กิปิลฺลิกํ วา อุทฺธริตฺวา ฉฑฺฑิตมตฺเตนปิ, คุฬปิณฺฑกสฺส มธุรภาวชานนตฺถํ นเขน วิชฺฌิตฺวา อณุมตฺตํ คหิตมตฺเตนปิ อคฺโฆ ภสฺสติ. ตสฺมา ยํ กิฺจิ ปาทคฺฆนกํ วุตฺตนเยเนว สามิเกน ปริโภเคน อูนํ กตํ โหติ, น ตํ อวหารโก ภิกฺขุ ปาราชิเกน กาเรตพฺโพติ. เอวํ ปริโภโค โอโลเกตพฺโพ.

เอวํ อิมานิ ตุลยิตฺวา ปฺจ านานิ ธาเรยฺย อตฺถํ วิจกฺขโณ อาปตฺตึ วา อนาปตฺตึ วา ครุกํ วา ลหุกํ วา อาปตฺตึ ยถาาเน เปยฺยาติ.

เอวํ ตตฺถ วินิจฺฉยํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อนาปตฺตึ ทสฺเสนฺโต ‘‘สกสฺิสฺสา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สกสฺิสฺสาติ ‘‘มยฺหํ สนฺตกํ อิทํ ภณฺฑ’’นฺติ เอวํ สกสฺิสฺส ปรภณฺฑมฺปิ คณฺหโต คหเณ อนาปตฺติ, คหิตํ ปน ปุน ทาตพฺพํ. สเจ สามิเกหิ ‘‘เทหี’’ติ วุตฺโต น เทติ, เตสํ ธุรนิกฺเขเป ปาราชิกํ. วิสฺสาสคฺคาเหติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๓๑) วิสฺสาสคฺคหเณปิ อนาปตฺติ. วิสฺสาสคฺคาหลกฺขณํ ปน อิมินา สุตฺเตน ชานิตพฺพํ –

‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคตสฺส วิสฺสาสํ คเหตุํ, สนฺทิฏฺโ จ โหติ, สมฺภตฺโต จ อาลปิโต จ ชีวติ จ ชานาติ จ ‘คหิเต เม อตฺตมโน’’’ติ (มหาว. ๓๕๖).

ตตฺถ สนฺทิฏฺโติ ทิฏฺมตฺตกมิตฺโต. สมฺภตฺโตติ ทฬฺหมิตฺโต. อาลปิโตติ ‘‘มม สนฺตกํ ยํ อิจฺฉสิ, ตํ คณฺเหยฺยาสิ, อาปุจฺฉิตฺวา คหเณ การณํ นตฺถี’’ติ วุตฺโต. ชีวตีติ อนุฏฺานเสยฺยาย สยิโตปิ ยาว ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทํ น ปาปุณาติ. คหิเต จ อตฺตมโนติ คหิเต ตุฏฺจิตฺโต. เอวรูปสฺส สนฺตกํ ‘‘คหิเต เม อตฺตมโน ภวิสฺสตี’’ติ ชานนฺเตน คเหตุํ วฏฺฏติ. อนวเสสปริยาทานวเสน เจตานิ ปฺจงฺคานิ วุตฺตานิ. วิสฺสาสคฺคาโห ปน ตีหิ องฺเคหิ รุหติ. กถํ? สนฺทิฏฺโ, ชีวติ, คหิเต อตฺตมโน, สมฺภตฺโต, ชีวติ, คหิเต อตฺตมโน, อาลปิโต, ชีวติ, คหิเต อตฺตมโนติ เอวํ.

โย ปน ชีวติ, น จ คหิเต อตฺตมโน โหติ, ตสฺส สนฺตกํ วิสฺสาสภาเวน คหิตมฺปิ ปุน ทาตพฺพํ. ททนฺเตน จ มตกธนํ ตาว เย ตสฺส ธเน อิสฺสรา คหฏฺา วา ปพฺพชิตา วา, เตสํ ทาตพฺพํ. อนตฺตมนสฺส สนฺตกํ ตสฺเสว ทาตพฺพํ. โย ปน ปมํเยว ‘‘สุฏฺุ กตํ ตยา มม สนฺตกํ คณฺหนฺเตนา’’ติ วจีเภเทน วา จิตฺตุปฺปาทมตฺเตน วา อนุโมทิตฺวา ปจฺฉา เกนจิ การเณน กุปิโต, โส ปจฺจาหราเปตุํ น ลภติ. โย จ อทาตุกาโม, จิตฺเตน ปน อธิวาเสติ, น กิฺจิ วทติ, โสปิ ปุน ปจฺจาหราเปตุํ น ลภติ. โย ปน ‘‘มยา ตุมฺหากํ สนฺตกํ คหิต’’นฺติ วา ‘‘ปริภุตฺต’’นฺติ วา วุตฺโต คหิตํ วา โหตุ, ปริภุตฺตํ วา, ‘‘มยา ปน ตํ เกนจิเทว กรณีเยน ปิตํ, ปากติกํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทติ, อยํ ปจฺจาหราเปตุํ ลภติ.

ตาวกาลิเกติ ‘‘ปฏิทสฺสามิ ปฏิกริสฺสามี’’ติ เอวํ คณฺหนฺตสฺส ตาวกาลิเกปิ คหเณ อนาปตฺติ. คหิตํ ปน สเจ ภณฺฑสามิโก ปุคฺคโล วา คโณ วา ‘‘ตุยฺเหเวตํ โหตู’’ติ อนุชานาติ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ อนุชานาติ, อาหราเปนฺเต ทาตพฺพํ. สงฺฆสนฺตกํ ปน ปฏิทาตุเมว วฏฺฏติ.

เปตปริคฺคเหติ เอตฺถ ปน เปตฺติวิสเย อุปปนฺนาปิ, กาลํ กตฺวา ตสฺมึเยว อตฺตภาเว นิพฺพตฺตาปิ, จาตุมหาราชิกาทโย เทวาปิ สพฺเพ ‘‘เปตา’’ตฺเวว สงฺขฺยํ คตา, เตสํ ปริคฺคเห อนาปตฺติ. เทวตาย ปน อุทฺทิสฺส พลิกมฺมํ กโรนฺเตหิ รุกฺขาทีสุ ลคฺคิตสาฏเก วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. ตฺจ โข อารกฺขเกหิ อปริคฺคหิเต, ปริคฺคหิตํ ปน คเหตุํ น วฏฺฏติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๑๓๑).

ติรจฺฉานคตปริคฺคเหติ นาคสุปณฺณาทีนํ ติรจฺฉานคตานํ ปริคฺคเห. สเจปิ หิ เทโว วา นาคสุปณฺโณ วา มนุสฺสรูเปน อาปณํ ปสาเรติ, ตโต จสฺส สนฺตกํ โกจิ ทิพฺพจกฺขุโก ภิกฺขุ ตํ ตฺวา คเหตฺวา คจฺฉติ, วฏฺฏติ.

ปํสุกูลสฺิสฺสาติ ‘‘อสามิกํ อิทํ ปํสุกูล’’นฺติ เอวสฺิสฺสาปิ คหเณ อนาปตฺติ. สเจ ปน ตํ สสามิกํ โหติ, อาหราเปนฺเต ทาตพฺพํ. อุมฺมตฺตกาทีนิ ปุพฺเพ วุตฺตปฺปการาเนว. อาทิกมฺมิโก ปเนตฺถ ธนิโย . อวเสสานํ ปน รชกภณฺฑิกาทิโจรานํ ฉพฺพคฺคิยาทีนํ อาปตฺติเยว.

สจิตฺตเกหิ ตีหิ สมุฏฺาเนหิ อิทํ สมุฏฺาตีติ อาห ‘‘อทินฺนาทานสมุฏฺาน’’นฺติ. ตถา หิ สาหตฺถิกํ กายจิตฺตโต สมุฏฺาติ. อาณตฺติกํ วาจาจิตฺตโต สมุฏฺาติ. สาหตฺติกาณตฺติกํ กายวาจาจิตฺตโต สมุฏฺาติ, ตฺจ โข ‘‘ภาริยมิทํ, ตฺวํ เอกปสฺสํ คณฺห, อหํ เอกปสฺส’’นฺติ สํวิธาย อุภเยสํ ปโยเคน เอกสฺส วตฺถุโน านาจาวเน ลพฺภติ. ‘‘กายวจีกมฺม’’นฺติ อวจนํ ปน กายวาจานํ อีทิเส าเน องฺคมตฺตตฺตา. ยาย ปน เจตนาย สมุฏฺาปิโต ปโยโค สาหตฺถิโก วา อาณตฺติโก วา ปธานภาเวน านาจาวนํ สาเธติ, ตสฺสา วเสน อาปตฺติ กาเรตพฺพา. อฺถา สาหตฺถิกํ วา อาณตฺติกสฺส องฺคํ น โหติ, อาณตฺติกํ วา สาหตฺถิกสฺสาติ อิทํ วิรุชฺฌติ. ‘‘อทินฺนํ อาทิยามี’’ติ สฺาย อภาเวน มุจฺจนโต สฺาวิโมกฺขํ. กาเยน กตํ กมฺมํ กายกมฺมํ, กายทฺวาเรน กตนฺติ อตฺโถ. วจีกมฺมนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ตุฏฺโ วา ภีโต วา มชฺฌตฺโต วา นํ อาปชฺชตีติ ติเวทนํ. เสสํ ปมสิกฺขาปเท วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.

ทุติยปาราชิกวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ตติยปาราชิกวณฺณนา

นฺติ สหตฺเถ อุปสคฺโค. เตน สทฺธึ อุสฺสุกฺกวจนเมตํ ‘‘สฺจิจฺจา’’ติ อาห ‘‘สฺเจเตตฺวา’’ติอาทิ. อุสฺสุกฺกวจนนฺติ เอตฺถ อุสฺสุกฺกวจนํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๑๗๒) นาม ปุพฺพกาลกิริยาวจนํ. อยฺหิ สมานกตฺตุเกสุ ปุพฺพาปรกาลกิริยาวจเนสุ ปุพฺพกาลกิริยาวจนสฺส นิรุตฺติโวหาโร. อิทานิ ‘‘สทฺธึ เจเตตฺวา’’ติ อิมินา สงฺเขเปน วุตฺตเมวตฺถํ ปากฏํ กตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘ปาโณ’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘ปาโณ’’ติ สฺาย สทฺธึเยวาติ ‘‘ปาโณ’’ติ สฺํ อวิชหิตฺวา เอว, ‘‘ปาโณ’’ติ สฺุปฺปตฺติยา อนนฺตรนฺติ วุตฺตํ โหติ. เอวฺจ กตฺวา กถํ เอกกฺขเณ เอกสฺส จิตฺตสฺส อุภยารมฺมณภาโวติ เอทิสี โจทนา อนวกาสาติ ทฏฺพฺพํ. เกจิ ปน ‘‘าตปริฺาย ทิฏฺสภาเวสุ ธมฺเมสุ ตีรณปริฺาย ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา (สารตฺถ. ฏี. ๒.๑๗๒) ‘รูปํ อนิจฺจ’นฺติอาทินา สภาเวน สทฺธึ เอกกฺขเณ อนิจฺจาทิลกฺขณชานนํ วิย ‘ปาโณ’ติ สฺาย สทฺธึเยว ‘วธามิ น’นฺติ ชานาตี’’ติ วทนฺติ. อปเร ปน อาจริยา ตตฺถาปิ เอวํ น กเถนฺติ. เอตฺถ จ มนุสฺสวิคฺคโห’’ติ อวตฺวา ‘‘ปาโณ’’ติ วจนํ ‘‘มนุสฺโส อย’’นฺติ อชานิตฺวา เกวลํ สตฺตสฺาย ฆาเตนฺตสฺสาปิ ปาราชิกภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. เจเตตฺวาติ จินฺเตตฺวา. ปกปฺเปตฺวาติ อภิวิจาเรตฺวา, สนฺนิฏฺานํ กริตฺวาติ อตฺโถ.

อิทานิ มนุสฺสอตฺตภาวํ อาทิโต ปฏฺาย ทสฺเสตุํ ‘‘มนุสฺสวิคฺคห’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ กลลโต ปฏฺายาติ ปฏิสนฺธิวิฺาเณน สทฺธึ อุปฺปนฺนกลลรูปโต ปฏฺาย. กลลรูปํ นาม อิตฺถิปุริสานํ กายวตฺถุภาวทสกวเสน สมตึส รูปานิ, นปุํสกานํ กายวตฺถุทสกวเสน วีสติ. ตตฺถ อิตฺถิปุริสานํ กลลรูปํ ชาติอุณฺณาย เอเกน อํสุนา อุทฺธฏเตลพินฺทุมตฺตํ โหติ อจฺฉํ วิปฺปสนฺนํ. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถายํ –

‘‘ติลเตลสฺส ยถา พินฺทุ, สปฺปิมณฺโฑ อนาวิโล;

เอวํวณฺณปฺปฏิภาคํ, ‘กลล’นฺติ ปวุจฺจตี’’ติ. (สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๓๕; วิภ. อฏฺ. ๒๖; ปารา. อฏฺ. ๒.๑๗๒);

เอวํ ปริตฺตกํ วตฺถุํ อาทึ กตฺวา ยาว มรณกาลา เอตฺถนฺตเร อนุปุพฺเพน วุฑฺฒิปฺปตฺโต อตฺตภาโว มนุสฺสวิคฺคโห นามาติ วุตฺตํ โหติ. อิทฺจ เยภุยฺยวเสเนว วุตฺตํ. โอปปาติกสํเสทชาปิ หิ มนุสฺสา ปาราชิกวตฺถุเยว. กลลกาเลปีติ ปมสตฺตาเหปิ. ตตฺถ หิ สนฺตติวเสน ปวตฺตมานํ กลลสงฺขาตํ อตฺตภาวํ ชีวิตา โวโรเปตุํ สกฺกา, น ปน สพฺพปมํ กลลรูปํ. ปฏิสนฺธิจิตฺเตน หิ สทฺธึ ตึส กมฺมชรูปานิ นิพฺพตฺตนฺติ. เตสุ ปน ิเตสุเยว โสฬส ภวงฺคจิตฺตานิ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ. เอตสฺมึ อนฺตเร คหิตปฏิสนฺธิกสฺส ทารกสฺส วา มาตุยา วา ปนสฺส อนฺตราโย นตฺถิ. อยฺหิ มรณสฺส อโนกาโส นาม. เภสชฺชสมฺปทาเนนาติ คพฺภปาตนเภสชฺชทาเนน. ตโต วา อุทฺธมฺปีติ อพฺพุทเปสิกาลาทีสุปิ. ชีวิตา วิโยเชยฺยาติ สนฺตติวิโกปนวเสน ชีวิตินฺทฺริยโต อปเนยฺย.

อิมสฺสปนตฺถสฺสาติ ‘‘สฺจิจฺจ มนุสฺสวิคฺคหํ ชีวิตา โวโรเปยฺยา’’ติ (ปารา. ๑๗๑) อิมสฺส อตฺถสฺส. อาวิภาวตฺถนฺติ ปกาสนตฺถํ. ปาณสฺส อติปาโต ปาณาติปาโต, ปาณวโธ ปาณฆาโตติ วุตฺตํ โหติ. สตฺโตติ ขนฺธสนฺตาโน. ตตฺถ หิ สตฺตปฺตฺติ. ชีวิตินฺทฺริยนฺติ รูปารูปชีวิตินฺทฺริยํ. รูปชีวิตินฺทฺริเย หิ วิโกปิเต อิตรมฺปิ ตํสมฺพนฺธตาย วินสฺสตีติ. ยาย เจตนายาติ ตสฺมึ ปาเณ ปาณสฺิโน กายวจีทฺวารานํ อฺตรทฺวารปฺปวตฺตาย ยาย เจตนาย. มโนทฺวาเร ปน ปวตฺตาย วธกเจตนาย ปาณาติปาตภาโว นตฺถิ. สา เจตนาติ สา ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทกอุปกฺกมสมุฏฺาปิกา กายวจีทฺวารานํ อฺตรทฺวารปฺปวตฺตา วธกเจตนา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยาย เจตนาย ปวตฺตมานสฺส ชีวิตินฺทฺริยสฺส นิสฺสยภูเตสุ มหาภูเตสุ อุปกฺกมกรณเหตุ ตํมหาภูตปจฺจยา อุปฺปชฺชนกมหาภูตา นุปฺปชฺชิสฺสนฺติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๑๗๒), สา ตาทิสปโยคสมุฏฺาปิกา เจตนา ปาณาติปาโต. ลทฺธูปกฺกมานิ หิ มหาภูตานิ อิตรภูตานิ วิย น วิสทานีติ สมานชาติกานํ การณํ น โหนฺตีติ.

ปาณาติปาโต อสฺส อตฺถีติ ปาณาติปาตี. สํสคฺเค อยมีกาโร. เตนาห ‘‘วุตฺตเจตนาย สมงฺคิปุคฺคโล’’ติ. สโก หตฺโถ สหตฺโถ, เตน นิพฺพตฺโต ปโยโค สาหตฺถิโก. นิสฺสชฺชนํ นิสฺสคฺโค, โสว นิสฺสคฺคิโย. เอวํ อาณตฺติโก. วิชฺชามโย มนฺตปริชปฺปนโยโค. อิทฺธิมโย กมฺมวิปากชิทฺธิมโย.

อิทานิ ยถาวุตฺเตเยว ฉ ปโยเค วิภชิตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ตตฺถาติ เตสุ ฉสุ ปโยเคสุ. สาหตฺถิโกติ เอตฺถ หตฺโถ อุปลกฺขณภาเวน คหิโตติ อาห ‘‘กาเยน วา’’ติอาทิ. ตตฺถ กาเยนาติ หตฺเถน วา ปาเทน วา มุฏฺินา วา ชาณุนา วา เยน เกนจิ องฺคปจฺจงฺเคน. กาเยกเทโส เหตฺถ หตฺถาทิกาโย อวยเว สมุทาโยปจาโร ยถา ‘‘คาโม ทฑฺโฒ’’ติ. กายปฺปฏิพทฺเธนาติ กายโต อโมจิเตน อสิอาทินา ปหรเณน. ปหรณนฺติ กายวิฺตฺติสหิตาย วธกเจตนาย อธิปฺเปตตฺถสาธนํ. กาเยน วา สตฺติอาทีนํ, กายปฺปฏิพทฺเธน วา อุสุยนฺตปาสาณาทีนํ นิสฺสชฺชนนฺติ ยถาสมฺภวํ โยเชตพฺพํ. ตตฺถาติ เตสุ สาหตฺถิกนิสฺสคฺคิเยสุ . อุทฺทิสฺสานุทฺทิสฺสเภทโตติ อุทฺทิสิตฺวา จ อนุทฺทิสิตฺวา จ ปวตฺติเภเทน. อุทฺทิสนํ อุทฺทิโส, โส เอตสฺส อตฺถีติ อุทฺทิสโก, ปโยโค, ตสฺมึ. พชฺฌติ เอเตนาติ พทฺโธ, กมฺมเมว พทฺโธ กมฺมพทฺโธ, ปาณาติปาโตติ อตฺโถ. อถ วา พนฺธนํ พทฺโธ, กมฺมุนา พทฺโธ กมฺมพทฺโธ, โส อสฺส โหติ, ปาณาติปาตกมฺมมสฺส สิทฺธนฺติ วุตฺตํ โหติ. อุภยตฺถาปีติ อุทฺทิสเก, อนุทฺทิสเก จาติ ทฺวีสุปิ. ปจฺฉา วา เตเนว โรเคน มรตูติ โยชนา. ปหริตกฺขเณเยวาติ มรณาย ปโหนกปฺปหารสฺส ลทฺธกฺขเณเยว กมฺมพทฺโธ. ยทิ อวสฺสํ เตน มรตีติ อธิปฺปาโย. สเจ ปน มรณาธิปฺปาเยน ปหารํ ทตฺวา เตน อมตสฺส ปุน อฺเน จิตฺเตน ปหาเร ทินฺเน ปจฺฉาปิ ปมปฺปหาเรเนว มรติ, ตทาว กมฺมพทฺโธ. อถ ทุติยปหาเรน มรติ , นตฺถิ ปาณาติปาโต. อุภเยหิ มเตปิ ปมปฺปหาเรเนว กมฺมพทฺโธ, อุภเยหิปิ อมเต เนวตฺติ ปาณาติปาโต. เอส นโย พหูหิปิ เอกสฺส ปหาเร ทินฺเน. ตตฺราปิ หิ ยสฺส ปหาเรน มรติ, ตสฺเสว กมฺมพทฺโธติ. อาณาปนํ นาม วจีวิฺตฺติสหิตาย วธกเจตนาย อธิปฺเปตตฺถสาธนํ.

อิทานิ อิมสฺมึ อาณตฺติกปโยเค สงฺเกตวิสงฺเกตภาวชานนตฺถํ ฉพฺพิธํ นิยมํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมึ อาณตฺติกปโยเค. อาณตฺตินิยามกาติ อาณตฺติกปโยคสาธิกา. เอเตสุ หิ อวิรชฺฌิเตสุเยว อาณตฺติกปโยโค โหติ, น อฺถาติ.

ปุคฺคโลติ มาเรตพฺโพ ปุคฺคโล. เตนาห ‘‘ยํ หี’’ติอาทิ. อาณาปกสฺส อาปตฺตีติ อาณาปกสฺส อาณตฺติกฺขเณ อาปตฺติ, อาณตฺตสฺส มารณกฺขเณ. อาณาปโก มุจฺจตีติ อาณตฺตสฺเสว กมฺมพทฺโธ, วตฺถุวิเสเสน ปเนตฺถ กมฺมวิเสโส จ อาปตฺติวิเสโส จ โหตีติ. ‘‘ปุเรภตฺตํ มาเรหี’’ติ อาณตฺโต ปุเรภตฺตเมว มาเรตีติ ‘‘อชฺช สฺเว’’ติ อนิยเมตฺวา ‘‘ปุเรภตฺตํ มาเรหี’’ติ อาณตฺโต ยทา กทาจิ ปุเรภตฺตํ มาเรติ. โย ปน ‘‘อชฺช ปุพฺพณฺเห’’ติ วุตฺโต มชฺฌนฺเห วา สายนฺเห วา สฺเว วา ปุพฺพณฺเห มาเรติ, วิสงฺเกโต โหติ, อาณาปกสฺส นตฺถิ กมฺมพทฺโธ. ปุพฺพณฺเห มาเรตุํ วายมนฺตสฺส มชฺฌนฺเห ชาเตปิ เอเสว นโย. เอเตน นเยน สพฺพกาลปฺปเภเทสุ สงฺเกตวิสงฺเกตตา เวทิตพฺพา.

เอวํ วตฺถุกาเลสุ สงฺเกตวิสงฺเกตตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ โอกาสาทีสุ สงฺเกตวิสงฺเกตตํ อติทิสนฺโต ‘‘อิมินา นเยนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ โอกาโสติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๑๗๔) คาโม วา วนํ วา เคหทฺวารํ วาติ เอวมาทิโก. อาวุธนฺติ อสิ วา อุสุ วา สตฺติ วาติ เอวมาทิ. อิริยาปโถติ มาเรตพฺพสฺส คมนํ วา นิสชฺชา วาติ เอวมาทิ. กิริยาวิเสโสติ วิชฺฌนํ วา เฉทนํ วา เภทนํ วา สงฺขมุณฺฑกํ วาติ เอวมาทิ. อิเมสุ ยถา ยถา วธโก อาณตฺโต, ตถา ตถา กเต อาณาปกสฺส อาปตฺติ, อฺถา กเต วิสงฺเกโต โหติ. เตนาห ‘‘อิมินา นเยนา’’ติอาทิ. ตตฺถ สพฺพตฺถาติ โอกาสาทีสุ จตูสุ. โหติ เจตฺถ –

‘‘ยถาณตฺติวเสเนว, อาณตฺเตน กเต สติ;

อาณาปกสฺส อาปตฺติ, วิสงฺเกโตฺถา กเต’’ติ.

อาณตฺติยํ ปน อยํ วิเสโส – อธิฏฺายาติ อธิฏฺหิตฺวา อาณาเปติ ‘‘เอวํ วิชฺฌ, เอวํ ปหร, เอวํ ฆาเตหี’’ติ (ปารา. ๑๗๔) วุตฺตาย ปาฬิยา ลพฺภตีติ าตพฺโพ.

โอปตนฺติ เอตฺถาติ โอปาโต, อาวาโฏ, ตสฺส ขณนํ โอปาตกฺขณนํ. อปสฺเสนสํวิธานนฺติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๑๗๗) อปสฺเสนสฺส สํวิธานํ. นิจฺจปริโภโค มฺโจ วา ปีํ วา อปสฺเสนผลกํ วา ทิวาฏฺาเน นิสีทนฺตสฺส อปสฺเสนกตฺถมฺโภ วา ตตฺถชาตกรุกฺโข วา จงฺกเม อปสฺสาย ติฏฺนฺตสฺส อาลมฺพนรุกฺโข วา อาลมฺพนผลกํ วา, สพฺพมฺเปตํ อปสฺสนียฏฺเน อปสฺเสนํ นาม, ตสฺมึ อปสฺเสเน ยถา อปสฺสยนฺตํ วิชฺฌติ วา ฉินฺทติ วา, ตถา กตฺวา วาสิผรสุสตฺติอารกณฺฏกาทีสุ อฺตรสฺส สตฺถสฺส ปนนฺติ อตฺโถ.

อุปนิกฺขิปนํ นาม สมีเป นิกฺขิปนํ. มนาปสฺส วา อมนาปสฺส วา รูปสฺส อุปหรณํ สมีเป ปนํ รูปูปหาโร, อตฺตนา วา ยกฺขเปตาทิเวสํ คเหตฺวา ติฏฺนํ. อาทิสทฺเทน สทฺทูปหาราทีนํ คหณํ. เอตฺถาปีติ ถาวรปโยเคปิ . อุทฺทิสฺสานุทฺทิสฺสเภโท เวทิตพฺโพ, ยโต ตตฺถปิ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว กมฺมพทฺโธ โหติ. อยํ ปน วิเสโส – มูลฏฺเน โอปาตาทีสุ ปเรสํ มูเลน วา มุธา วา ทินฺเนสุปิ ยทิ ตปฺปจฺจยา โกจิ มรติ, มูลฏฺสฺเสว กมฺมพทฺโธ. ยทิปิ เตน, อฺเน วา ตตฺร โอปาเต วินาเสตฺวา ภูมิสเม กเตปิ ปํสุหารกา วา ปํสุํ คณฺหนฺตา, มูลขณกา วา มูลานิ ขณนฺตา อาวาฏํ กโรนฺติ, เทเว วา วสฺสนฺเต กทฺทโม ชายติ, ตตฺถ จ โกจิ โอตริตฺวา วา ลคฺคิตฺวา วา มรติ, มูลฏฺสฺเสว กมฺมพทฺโธ. ยทิ ปน เยน ลทฺธํ, โส วา อฺโ วา วิตฺถตตรํ วา คมฺภีรตรํ วา กโรติ, ตปฺปจฺจยา จ โกจิ มรติ, อุภเยสมฺปิ กมฺมพทฺโธ. ยถา ตุ มูลานิ มูเลหิ สํสนฺทนฺติ, ตถา ตตฺถ ถเล กเต มุจฺจติ. เอวํ อปสฺเสนสํวิธานาทีสุปิ ยาว เตสํ ปวตฺติ, ตาว ยถาสมฺภวํ กมฺมพทฺโธ เวทิตพฺโพ.

วิชฺชาปริชปฺปนนฺติ อาถพฺพณิเกหิ, วิชฺชาธเรหิ จ มนฺตปริชปฺปนํ. กมฺมวิปากชาย อิทฺธิยาติ สาติสยกมฺมนิพฺพตฺตาย กมฺมวิปาเกน สหชาตาย อิทฺธิยา, กมฺมสฺส วา วิปากภาเวน ชาตาย อิทฺธิยา. ปโยชนนฺติ ปวตฺตนํ, กรณนฺติ อตฺโถ, ทาาวุธาทีนํ ทาาโกฏนาทีนมิว มารณตฺถํ กมฺมวิปากชิทฺธิวิการกรณนฺติ วุตฺตํ โหติ.

กมฺมสาธโน วายํ หารกสทฺโท พหุลํวิธาเนน ตตฺถาปิ ณฺวุปจฺจยสฺส สิชฺฌนโตติ อาห ‘‘อถ วา’’ติอาทิ. ชีวิตหรณกํ, อุปนิกฺขิปิตพฺพํ วา สตฺถเมว หารกนฺติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๑๗๒) วิกปฺปทฺวเยน วุตฺตนฺติ อาห ‘‘สตฺถฺจ ตํ หารกฺจาติ สตฺถหารก’’นฺติ. ‘‘หารกสตฺถ’’นฺติ วตฺตพฺเพ วิเสสนสฺส ปรนิปาตํ กตฺวา เอวํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปริเยเสยฺยาติ คเวเสยฺย. ‘‘ยถา ลภติ, ตถา กเรยฺยา’’ติ อิมินา ปน อธิปฺปายตฺถมาห, ‘‘อุปนิกฺขิเปยฺยา’’ติ อิมินา สิขาปตฺตมตฺถํ. อิตรถา หิ ‘‘ปริเยเสยฺยา’’ติ อิมสฺส ‘‘อุปนิกฺขิเปยฺยา’’ติ อยมตฺโถ อธิปฺเปโต น สิยา. ปริยิฏฺมตฺเตเยวาติ ปริเยสิตมตฺเตเยว. ยทิ เอวํ อถ กสฺมา ปาฬิยํ ‘‘สตฺถหารกํ วาสฺส ปริเยเสยฺยาติ อสึ วา สตฺตึ วา เภณฺฑึ วา ลคุฬํ วา ปาสาณํ วา สตฺถํ วา วิสํ วา รชฺชุํ วา’’ติ (ปารา. ๑๗๒) วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ปทภาชเน ปนา’’ติอาทิ. อสฺสาติ ‘‘สตฺถหารกํ วาสฺส ปริเยเสยฺยา’’ติ อิมสฺส ปทสฺส. พฺยฺชนานุรูปโต ปริปุณฺณํ กตฺวา อตฺถสฺส อวุตฺตตฺตา ‘‘พฺยฺชนํ อนาทิยิตฺวา’’ติ วุตฺตํ. สสติ หึสตีติ สตฺถํ, สสนฺติ หึสนฺติ เอเตนาติ วา สตฺถํ. อาทิสทฺเทน ‘‘สตฺตึ วา’’ติอาทิปาฬิเสสํ สงฺคณฺหาติ. ตตฺถ ลคุฬนฺติ มุคฺคโร. สตฺถนฺติ วุตฺตาวเสสํ ยํ กิฺจิ สมุขํ เวทิตพฺพํ.

โย เอวํ มรตีติ โย สตฺถํ วา อาหริตฺวา, วิสํ วา ขาทิตฺวา, รชฺชุยา วา อุพฺพนฺธิตฺวา, โสพฺภาทีสุ วา ปติตฺวา, อฺเหิ วา อคฺคิปเวสนอุทกปเวสนาทีหิ อุปาเยหิ มรติ. ‘‘โส ธนํ วา ลภตี’’ติอาทินา นเยนาติ โส ธนํ วา ลภติ, ยสํ วา ลภติ, สคฺคํ วา คจฺฉติ, ธมฺโม วาสฺส โหตีติ อิมินา นเยน. กิมเนน เวทิตพฺพนฺติ อาห ‘‘เอเตนา’’ติอาทิ. ตตฺถ เอเตนาติ ‘‘มรณวณฺณํ วา สํวณฺเณยฺยา’’ติ เอเตน วจเนน. นยิธ เอวนฺติ อิธ มนุสฺสวิคฺคหปาราชิเก น เอวํ, น ปริยายกถาย มุจฺจตีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘สํวณฺเณยฺยา’’ติอาทิ.

‘‘สตฺถํ วา อาหรา’’ติอาทินาติ เอตฺถ อาทิสทฺเทน ‘‘วิสํ วา ขาท, รชฺชุยา วา อุพฺพนฺธิตฺวา กาลํ กโรหิ, โสพฺเภ วา นรเก วา ปปาเต วา ปปตา’’ติอาทึ (ปารา. ๑๗๒) สพฺพํ มรณูปายํ สงฺคณฺหาติ. เอตฺถ จ นรโก (ปารา. อฏฺ. ๒.๑๗๒) นาม ตตฺถ ตตฺถ ผลนฺติยา ภูมิยา สยเมว นิพฺพตฺตา มหาทรี, ยตฺถ หตฺถีปิ ปตนฺติ, โจราปิ นิลียิตฺวา ติฏฺนฺติ. ปปาโตติ ปพฺพตนฺตเร วา ถลนฺตเร วา เอกโต ฉินฺโน. ปาปเกนาติ ลามเกน. ทุชฺชีวิเตนาติ ทุกฺขพหุลตฺตา ทุกฺเขน ชีวิเตน. มตํ เต ชีวิตา เสยฺยาติ ตว มรณํ ชีวิตา สุนฺทรตรํ. จิตฺตมสฺส อตฺถีติ จิตฺโต. ตถา มโน. อิติ-สทฺโท ‘‘สพฺพมตฺถีติ โข, กจฺจาน, อยเมโก อนฺโต, สพฺพํ นตฺถีติ โข, กจฺจาน, อยํ ทุติโย อนฺโต’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๑๕; ๓.๙๐) วิย นิทสฺสเน ทฏฺพฺโพ ยถาวุตฺตสฺส พุทฺธิยํ วิปริวตฺตมานสฺส มรณสฺส นิทสฺสนโต. เตเนวาห ‘‘มตํ เต ชีวิตา เสยฺโย’’ติอาทิ.

นนุ เจตฺถ ‘‘มโน’’ติ อิทมฺปิ อตฺถโต จิตฺตเมว, อถ กสฺมา วุตฺตนฺติ อาห ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิ. จิตฺตสฺส อตฺถทีปนตฺถํ วุตฺตนฺติ นายํ จิตฺตสทฺโท ‘‘จิตฺตสงฺกปฺโป’’ติอาทีสุ (ปารา. ๑๗๑) วิย วิจิตฺตาทิอตฺโถ, อถ โข วิฺาณวจโนติ ตสฺส อตฺถทีปนตฺถํ วุตฺตํ. อิมินา ปุนรุตฺติโทสาภาวํ ทสฺเสติ. กถเมตํ วิฺายตีติ อาห ‘‘เตเนวสฺสา’’ติอาทิ. จิตฺโต นานาปฺปการโก สงฺกปฺโป อสฺสาติ จิตฺตสงฺกปฺโป. วิจิตฺตตฺโถ เหตฺถ จิตฺตสทฺโท ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อฺํ เอกนิกายมฺปิ สมนุปสฺสามิ เอวํ จิตฺตํ, ยถยิทํ, ภิกฺขเว, ติรจฺฉานคตา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๑๐๐) วิย. เตนาห ‘‘วิจิตฺตสงฺกปฺโป’’ติ. เอตฺถาปิ อิติสทฺโท อาหริตพฺโพติ ‘‘จิตฺตสงฺกปฺโป’’ติ อิมสฺมึ ปเทปิ อธิการวเสน อิติสทฺโท อาหริตพฺโพ. อิทฺหิ ‘‘อิติ จิตฺตสงฺกปฺโป’’ติ เอวํ อวุตฺตมฺปิ อธิการโต วุตฺตเมว โหตีติ. สงฺกปฺโปติ เจตฺถ ‘‘ตกฺโก วิตกฺโก สงฺกปฺโป’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๗) วิย น วิตกฺกสฺเสว นามํ, อถ โข ตสฺส จ อฺเสฺจาติ ทสฺเสตุํ ‘‘สงฺกปฺโปติ จา’’ติอาทิ อารทฺธํ. สํวิทหนมตฺตสฺสาติ สฺาเจตนาวิตกฺกสงฺขาตสฺส สพฺพสฺส สํวิทหนสฺส. สามฺตฺโถ เหตฺถ มตฺตสทฺโท ‘‘พฺราหฺมณมตฺตํ โภเชตี’’ติอาทีสุ วิย. เตนาห ‘‘ตฺจ สํวิทหน’’นฺติอาทิ. อิมินา สํวิทหนํ นาเมตฺถ น วิธานนฺติ ทสฺเสติ. อธิปฺปาโย นาม วิตกฺโก.

อุจฺจาวเจน การเณนาติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๑๗๒) มหนฺตามหนฺเตน อุปาเยน. ตตฺถ มรณวณฺณสํวณฺณเน ตาว ชีวิเต อาทีนวทสฺสนวเสน อวจาการตา, มรเณ วณฺณภณนวเสน อุจฺจาการตา เวทิตพฺพา. สมาทปเน ปน มุฏฺิชาณุนิปฺโปถนาทีหิ มรณสมาทปนวเสน อุจฺจาการตา, เอกโต ภุฺชนฺตสฺส นเข วิสํ ปกฺขิปิตฺวา มรณาทิสมาทปนวเสน อวจาการตา เวทิตพฺพา.

เอวํ อสาธารณวินิจฺฉยํ วตฺวา อิทานิ สาธารณวินิจฺฉยํ ทสฺเสตุํ ‘‘เวสาลิย’’นฺติอาทิมาห. โอปาตกฺขณนาทีสุ ทุกฺกฏนฺติ เอตฺถ สเจปิ ชาตปถวึ ขณติ, ปาณาติปาตสฺส ปุพฺพปโยคตฺตา ปโยเค ปโยเค ทุกฺกฏํ. มนุสฺสวิคฺคโห นาคสุปณฺณาทิสทิโส ติรจฺฉานคโต ติรจฺฉานคตมนุสฺสวิคฺคโห, ยกฺโข จ เปโต จ ติรจฺฉานคตมนุสฺสวิคฺคโห จ ยกฺขเปตติรจฺฉานคตมนุสฺสวิคฺคหา, เตสํ. ‘‘ตถา’’ติ อิมินา ถุลฺลจฺจยํ อติทิสติ. อิทานิ ‘‘อิมินานเยนา’’ติอาทินา อปสฺเสนสํวิธานาทีสุปิ ยถาวุตฺตอาปตฺติเภทํ อติทิสติ. สพฺพตฺถาติ อปสฺเสนสํวิธานาทีสุ สพฺเพสุ ปโยเคสุ.

อิทานิ อนาปตฺตึ ทสฺเสตุํ ‘‘อสฺจิจฺจา’’ติอาทิมาห. เอตฺถ จ ‘‘อสฺจิจฺจา’’ติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๑๗๙) อิทํ มรณสํวตฺตนิกอุปกฺกมสฺส อสลฺลกฺขณํ สนฺธาย วุตฺตํ , ‘‘อชานนฺตสฺสา’’ติ อิทํ ปน มรณสํวตฺตนิกอุปกรณสฺส อชานนํ สนฺธาย, ‘‘นมรณาธิปฺปายสฺสา’’ติ อิทํ อุปกฺกมํ ชานนฺตสฺสาปิ มรณาธิปฺปายสฺส อภาวํ. เตนาห ‘‘อสฺจิจฺจา’’ติอาทิ. อเจเตตฺวาติ อสลฺลกฺเขตฺวา, วิรชฺฌิตฺวาติ วุตฺตํ โหติ.

มุสลุสฺสาปนวตฺถุสฺมึ วิยาติ ‘‘เตน โข ปน สมเยน อฺตโร ภิกฺขุ ภตฺตคฺเค อนฺตรฆเร อาสนํ ปฺเปนฺโต มุสเล อุสฺสิเต เอกํ มุสลํ อคฺคเหสิ. ทุติโย มุสโล ปริปติตฺวา อฺตรสฺส ทารกสฺส มตฺถเก อวตฺถาสิ. โส กาลมกาสิ. ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป… กึจิตฺโต ตฺวํ ภิกฺขูติ. อสฺจิจฺจ อหํ ภควาติ. อนาปตฺติ ภิกฺขุ อสฺจิจฺจา’’ติ (ปารา. ๑๘๐) อิมสฺมึ วตฺถุสฺมึ วิย.

วิสคตปิณฺฑปาตวตฺถุสฺมึ วิยาติ ‘‘เตน โข ปน สมเยน อฺตโร ปิณฺฑจาริโก ภิกฺขุ วิสคตํ ปิณฺฑปาตํ ลภิตฺวา ปฏิกฺกมนํ หริตฺวา ภิกฺขูนํ อคฺคการิกํ อทาสิ. เต ภิกฺขู กาลมกํสุ. ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป… กึจิตฺโต ตฺวํ ภิกฺขูติ. นาหํ ภควา ชานามีติ. อนาปตฺติ ภิกฺขุ อชานนฺตสฺสา’’ติ (ปารา. ๑๘๑) อิมสฺมึ วตฺถุสฺมึ วิย.

เภสชฺชวตฺถุสฺมึ วิยาติ ‘‘เตน โข ปน สมเยน อฺตรา วฺฌา อิตฺถี กุลูปกํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ ‘‘อิงฺฆายฺย เภสชฺชํ ชานาหิ, เยนาหํ วิชาเยยฺย’นฺติ. ‘สุฏฺุ ภคินี’ติ ตสฺสา เภสชฺชํ อทาสิ. สา กาลมกาสิ. ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป… อนาปตฺติ ภิกฺขุ ปาราชิกสฺส, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (ปารา. ๑๘๗) อิมสฺมึ วตฺถุสฺมึ วิย. อิธ อาทิกมฺมิกา อฺมฺํ ชีวิตา โวโรปิตภิกฺขู, เตสํ อนาปตฺติ. อวเสสานํ มรณวณฺณสํวณฺณนกาทีนํ อาปตฺติเยว.

อถ กถํ ทุกฺขเวทนนฺติ, นนุ ราชาโน โจรํ ทิสฺวา หสมานาปิ ‘‘คจฺฉถ, นํ ฆาเตถา’’ติ วทนฺตีติ? สจฺจํ หสมานา วทนฺติ, โส ปน หาโส เตสํ อฺวิสโย, สนฺนิฏฺาปกเจตนา ทุกฺขสมฺปยุตฺตาว. วุตฺตฺเหตํ สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘สเจปิ หิ สิริสยนํ อารุฬฺโห รชฺชสมฺปตฺติสุขมนุภวนฺโต ราชา ‘โจโร เทว อานีโต’ติ วุตฺเต ‘คจฺฉถ นํ มาเรถา’ติ หสมาโน ภณติ, โทมนสฺสจิตฺเตเนว ภณตีติ เวทิตพฺโพ. สุขโวกิณฺณตฺตา, ปน อนุปฺปพนฺธาภาวา จ ทุชฺชานเมตํ ปุถุชฺชเนหี’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๑๗๙).

ตติยปาราชิกวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. จตุตฺถปาราชิกวณฺณนา

อนภิชานนฺติ น อภิชานํ. เยน หิ โย ธมฺโม อธิคโต, โส ตสฺส ปากโฏ โหตีติ อาห ‘‘สกสนฺตาเน’’ติอาทิ. อุตฺตริมนุสฺสานนฺติ ปกติมนุสฺเสหิ อุตฺตริตรานํ มนุสฺสานํ, อุกฺกฏฺมนุสฺสานนฺติ อตฺโถ. ธมฺมนฺติ มหคฺคตโลกุตฺตรภูตํ อธิคตธมฺมํ. อถ วา อุตฺตริมนุสฺสธมฺมาติ อุตฺตริมนุสฺสธมฺโม. มนุสฺสธมฺโม นาม วินา ภาวนามนสิกาเรน ปกติยา มนุสฺเสหิ นิพฺพตฺเตตพฺโพ ทสกุสลกมฺมปถธมฺโม. โส หิ มนุสฺสานํ จิตฺตาธิฏฺานมตฺเตน อิชฺฌนโต เตสํ โส ภาวิตธมฺโม วิย ิโตติ ตถา วุตฺโต, มนุสฺสคฺคหณฺเจตฺถ เตสุ พหุลํ ปวตฺตนโต. ฌานาทิกํ ปน ตพฺพิธุรนฺติ ตตุตฺตริ, อิติ อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมาติ อุตฺตริมนุสฺสธมฺโม, ตํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมนฺติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. สมุทาจรนฺโตติ อาโรเจนฺโต.

กิฺจาปิ โลกิยโลกุตฺตรา สพฺพาว ปฺา ‘‘าณ’’นฺติ วุจฺจติ, อิธ ปน มหคฺคตโลกุตฺตราว เวทิตพฺพาติ อาห ‘‘มหคฺคตโลกุตฺตรปฺา ชานนฏฺเน าณ’’นฺติ. กิเลเสหิ อารกตฺตา ปริสุทฺธฏฺเน อริยนฺติ อาห ‘‘อริยํ วิสุทฺธํ อุตฺตม’’นฺติ. อริยสทฺโท เจตฺถ วิสุทฺธปริยาโย, น โลกุตฺตรปริยาโย. ฌานาทิเภเทติ อาทิสทฺเทน ‘‘วิโมกฺโข, สมาธิ, สมาปตฺติ, าณทสฺสนํ, มคฺคภาวนา, ผลสจฺฉิกิริยา, กิเลสปฺปหานํ, วินีวรณตา จิตฺตสฺส, สุฺาคาเร อภิรตี’’ติ (ปารา. ๑๙๘) อิเม สงฺคณฺหาติ. วิฺุสฺส มนุสฺสชาติกสฺสาติ อาโรเจตพฺพปุคฺคลนิทสฺสนํ. เอตสฺส หิ อาโรจิเต อาโรจิตํ โหติ, น เทวพฺรหฺมานํ, นาปิ เปตยกฺขติรจฺฉานคตานนฺติ. อาโรเจยฺยาติ วเทยฺย, วิฺาเปยฺยาติ วุตฺตํ โหติ. วินา อฺาปเทเสนาติ ‘‘โย เต วิหาเร วสติ, โส ภิกฺขุ ปมสฺส ฌานสฺส ลาภี’’ติอาทินา (ปารา. ๒๒๐) นเยน อฺาปเทสํ วินาติ อตฺโถ. อิเธวาติ ‘‘อิติ ชานามิ, อิติ ปสฺสามี’’ติ อิมสฺมึเยว ปเท. ‘‘เตน วุตฺต’’นฺติอาทิ นิคมนํ.

สมนุคฺคาหียมาโนติ โจทิยมาโน, ยํ วตฺถุ อาโรจิตํ โหติ, ตสฺมึ วตฺถุสฺมึ ‘‘กึ เต อธิคตํ, กินฺติ เต อธิคตํ, กทา เต อธิคตํ, กตฺถ เต อธิคตํ, กตเม เต กิเลสา ปหีนา, กตเมสํ ตฺวํ ธมฺมานํ ลาภี’ติ เกนจิ วุจฺจมาโน’’ติ วุตฺตํ โหติ. อสมนุคฺคาหียมาโนติ น เกนจิ วุจฺจมาโน.

‘‘ภิกฺขุภาเว ตฺวา อภพฺโพ ฌานาทีนิ อธิคนฺตุ’’นฺติ สิกฺขาปทาติกฺกมสฺส อนฺตรายกรตฺตา วุตฺตํ. ภิกฺขุภาโว หิสฺส สคฺคนฺตราโย เจว โหติ มคฺคนฺตราโย จ (ปารา. อฏฺ. ๒.๑๙๘). วุตฺตฺเหตํ ‘‘สามฺํ ทุปฺปรามฏฺํ, นิรยายุปกฑฺฒตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๘๙; ธ. ป. ๓๑๑). อปรมฺปิ วุตฺตํ ‘‘สิถิโล หิ ปริพฺพาโช, ภิยฺโย อากิรเต รช’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๘๙; ธ. ป. ๓๑๓). ภิกฺขุภาโวติ ปาราชิกํ อาปชฺชิตฺวา ‘‘สมโณ อห’’นฺติ ปฏิชานนโต โวหารมตฺตสิทฺโธ ภิกฺขุภาโว. ทานาทีหีติ ทานสรณสีลสํวราทีหิ.

อชานเมวาติ เอตฺถ เอวาติ อวธารณตฺเถ นิปาโต. ‘‘อชานเมว’’นฺติปิ ปนฺติ. ตตฺถ ปน ‘‘เอวํ ชานามิ, เอวํ ปสฺสามี’’ติ อวจนฺติ โยเชตพฺพํ. วจนตฺถวิรหโตติ ‘‘ปมํ ฌานํ สมาปชฺชิ’’นฺติ อาทิวจนสฺส (ปารา. ๒๐๙) อตฺถภูเตน ฌานาทินา วชฺชิตตฺตา ตุจฺฉํ อุทกาทิสุฺํ ภาชนํ วิย. มุสาติ วิสํวาทนปุเรกฺขารสฺส ปรวิสํวาทโก วจีปโยโค, กายปโยโค วา. เตนาห ‘‘วฺจนาธิปฺปายโต มุสา’’ติ. มุสา จ วฺจนาธิปฺปาโย จ ปุพฺพภาคกฺขเณ, ตงฺขเณ จ. วุตฺตฺหิ ‘‘ปุพฺเพ วาสฺส โหติ ‘มุสา ภณิสฺส’นฺติ, ภณนฺตสฺส โหติ ‘มุสา ภณามี’’’ติ (ปารา. ๒๐๐). เอตฺหิ ทฺวยํ องฺคภูตํ, อิตรํ ปน โหตุ วา, มา วา, อการณเมตํ. อภณินฺติ วิฺาปนํ อกาสึ.

อฺตฺร อธิมานาติ อธิคโต มาโน, อธิโก วา มาโน อธิมาโน, ถทฺธมาโนติ อตฺโถ, ตํ วินาติ อตฺโถ. กสฺส ปนายํ อธิมาโน อุปฺปชฺชติ, กสฺส นุปฺปชฺชติ? อริยสาวกสฺส ตาว นุปฺปชฺชติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๑๙๖). โส หิ มคฺคผลนิพฺพานปหีนกิเลสาวสิฏฺกิเลสปจฺจเวกฺขเณน สฺชาตโสมนสฺโส อริยคุณปฺปฏิเวเธ นิกฺกงฺโข, ตสฺมา โสตาปนฺนาทีนํ ‘‘อหํ สกทาคามี’’ติอาทิวเสน มาโน นุปฺปชฺชติ. ทุสฺสีลสฺส นุปฺปชฺชติ. โส หิ อริยคุณาธิคเม นิราโสว. สีลวโตปิ ปริจฺจตฺตกมฺมฏฺานสฺส นิทฺทารามตาทิมนุยุตฺตสฺส นุปฺปชฺชติ, สุปริสุทฺธสีลสฺส ปน กมฺมฏฺาเน อปฺปมตฺตสฺส นามรูปํ ววตฺถเปตฺวา ปจฺจยปริคฺคเหน วิติณฺณกงฺขสฺส ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา สงฺขาเร สมฺมสนฺตสฺส อารทฺธวิปสฺสกสฺส อุปฺปชฺชติ. เตนาห ‘‘ยฺวาย’’นฺติอาทิ. ตตฺถ ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวาติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๑๙๖) กลาปสมฺมสนวเสน อนิจฺจาทิลกฺขณตฺตยํ อาโรเปตฺวา. สมฺมสนฺตสฺสาติ วิปสฺสนฺตสฺส. อารทฺธวิปสฺสกสฺสาติ อุทยพฺพยานุปสฺสนาย อารทฺธวิปสฺสกสฺส. อปตฺเตติ อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปตฺติวเสน อปตฺเต, อนธิคเตติ วุตฺตํ โหติ. ปตฺตสฺิตาสงฺขาโตติ ‘‘ปตฺโต มยา อุตฺตริมนุสฺสธมฺโม’’ติ เอวํสฺิตาสงฺขาโต อธิมาโน อุปฺปชฺชติ. อุปฺปนฺโน จ สุทฺธสมถลาภึ วา สุทฺธวิปสฺสนาลาภึ วา อนฺตรา เปติ. โส หิ ทสปิ วีสมฺปิ ตึสมฺปิ วสฺสานิ กิเลสสมุทาจารํ อปสฺสนฺโต ‘‘อหํ โสตาปนฺโน’’ติ วา ‘‘สกทาคามี’’ติ วา ‘‘อนาคามี’’ติ วา มฺติ. สมถวิปสฺสนาลาภึ ปน อรหตฺเตเยว เปติ. ตสฺส หิ สมาธิพเลน กิเลสา วิกฺขมฺภิตา, วิปสฺสนาพเลน สงฺขารา สุปริคฺคหิตา, ตสฺมา สฏฺิมฺปิ วสฺสานิ, อสีติมฺปิ วสฺสานิ, วสฺสสตมฺปิ กิเลสา น สมุทาจรนฺติ, ขีณาสวสฺเสว จิตฺตาจาโร โหติ. โส เอวํ ทีฆรตฺตํ กิเลสสมุทาจารํ อปสฺสนฺโต อนฺตรา อฏฺตฺวาว ‘‘อรหา อห’’นฺติ มฺตีติ. ‘‘ตํ อธิมานํ เปตฺวา’’ติ อิมินา ‘‘อฺตฺรา’’ติ ปทํ อเปกฺขิตฺวา ‘‘อธิมานา’’ติ อุปโยคตฺเถ นิสฺสกฺกวจนนฺติ ทสฺเสติ.

ปาปิจฺฉตายาติ ปาปา อิจฺฉา เอตสฺสาติ ปาปิจฺโฉ, ตสฺส ภาโว ปาปิจฺฉตา, ตาย, ปาปิกาย อิจฺฉายาติ อตฺโถ. ยา สา ‘‘อิเธกจฺโจ ทุสฺสีโลว สมาโน ‘สีลวา’ติ มํ ชโน ชานาตู’’ติอาทินา (วิภ. ๘๕๑) นเยน วุตฺตา, ตาย อสนฺตคุณสมฺภาวนิจฺฉายาติ วุตฺตํ โหติ. อิมินา ปน มนฺทตฺตา โมมูหตฺตา สมุทาจรนฺตสฺส อนาปตฺตีติ ทสฺเสติ. อยมฺปีติ ปิ-สทฺเทน น เกวลํ ปุริมา ตโยวาติ ทสฺเสติ.

อสนฺตนฺติ อภูตํ. ฌานาทิธมฺมนฺติ ฌานํ, วิโมกฺโข, สมาธิ, สมาปตฺติ, าณทสฺสนํ, มคฺคภาวนา, ผลสจฺฉิกิริยา, กิเลสปฺปหานํ, วินีวรณตา จิตฺตสฺส, สุฺาคาเร อภิรตี’’ติ (ปารา. ๑๙๘) เอวํ วุตฺตํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ. ยสฺส อาโรเจตีติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๒๑๕) วาจาย วา หตฺถวิการาทีหิ วา องฺคปจฺจงฺคโจปเนหิ วิฺตฺติปเถ ิตสฺส ยสฺส ปุคฺคลสฺส อาโรเจติ. วิฺตฺติปถํ ปน อติกฺกมิตฺวา ิโต โกจิ เจ ทิพฺเพน จกฺขุนา (สารตฺถ. ฏี. ๒.๒๑๕), ทิพฺพาย จ โสตธาตุยา ทิสฺวา จ สุตฺวา จ ชานาติ, น ปาราชิกํ. โยปิ ‘‘กึ อยํ ภณตี’’ติ สํสยํ วา อาปชฺชติ, จิรํ วีมํสิตฺวา วา ปจฺฉา ชานาติ, ‘‘อวิชานนฺโต’’อิจฺเจว สงฺขฺยํ คจฺฉติ. โย ปน ฌานาทีนิ อตฺตโน อธิคมวเสน วา อุคฺคหปริปุจฺฉาทิวเสน วา น ชานาติ, เกวลํ ‘‘ฌาน’’นฺติ วา ‘‘วิโมกฺโข’’ติ วา วจนมตฺตเมว สุตํ โหติ, โสปิ เตน วุตฺเต ‘‘ฌานํ กิร สมาปชฺชี’’ติ เอส วทตีติ ยทิ เอตฺตกมตฺตมฺปิ ชานาติ, ‘‘ชานาติ’’จฺเจว สงฺขฺยํ คจฺฉติ, ตสฺส วุตฺเต ปาราชิกเมว. เสโส ปน เอกสฺส วา ทฺวินฺนํ วา พหูนํ วา นิยมิตานิยมิตวเสน วิเสโส สพฺโพ สิกฺขาปจฺจกฺขานกถายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. ปริยายภาสเน ปน ‘‘อห’’นฺติ อวุตฺตตฺตา ปฏิวิชานนฺตสฺส วุตฺเตปิ ถุลฺลจฺจยํ. วิสํวาทนาธิปฺปาเยน มุสาวาทปโยคสฺส กตตฺตา อปฺปฏิวิชานนฺตสฺสาปิ ทุกฺกฏนฺติ อาห ‘‘โย เต วิหาเร วสติ…เป… ทุกฺกฏ’’นฺติ. อนุลฺลปนาธิปฺปายสฺสาติ อุลฺลปนาธิปฺปายวิรหิตสฺส, อภูตาโรจนาธิปฺปายวิรหิตสฺสาติ อตฺโถ. อุมฺมตฺตกาทโย ปุพฺเพ วุตฺตนยา เอว. อิธ ปน อาทิกมฺมิกา วคฺคุมุทาตีริยภิกฺขู, เตสํ อนาปตฺติ.

จตุตฺถปาราชิกวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปาราชิกนิคมนวณฺณนา

อิธาติ อิมสฺมึ ภิกฺขุปาติโมกฺเข. อุทฺทิฏฺปาราชิกปริทีปนเมวาติ อุทฺทิฏฺานํ จตุนฺนํ ปาราชิกานํ ปริทีปนวจนเมว. อวธารณํ ปน น อฺเสมฺปีติ ทสฺสนตฺถํ. เตนาห ‘‘สโมธาเนตฺวา ปนา’’ติอาทิ. ตตฺถ สโมธาเนตฺวาติ ตตฺถ ตตฺถ อาคตานิ เอตฺเถว สโมทหิตฺวา, ปกฺขิปิตฺวา ราสึ กตฺวาติ อตฺโถ. ปาฬิยํ อาคตานีติ อุทฺเทสปาฬิยํ อาคตานิ . ภิกฺขุนีนํ อสาธารณานิ จตฺตารีติ อุพฺภชาณุมณฺฑลิกา, วชฺชปฺปฏิจฺฉาทิกา, อุกฺขิตฺตานุวตฺติกา, อฏฺวตฺถุกาติ อิมานิ ภิกฺขุนีนํ ภิกฺขูหิ อสาธารณานิ จตฺตาริ. ปณฺฑกาทีนฺหิ เอกาทสนฺนํ อภพฺพภาโว ปาราชิกาปตฺติสทิสตฺตา ปาราชิโกติ อาห ‘‘เอกาทสนฺน’’นฺติอาทิ. อภพฺพภาวสงฺขาเตหีติ วตฺถุวิปนฺนตาทินา ปพฺพชฺชูปสมฺปทาย นอรหภาวสงฺขาเตหิ. ปณฺฑกติรจฺฉานคตอุภโตพฺยฺชนกา (ปารา. อฏฺ. ๒.๒๓๓) หิ ตโย วตฺถุวิปนฺนา อเหตุกปฺปฏิสนฺธิกา, เตสํ สคฺโค อวาริโต, มคฺโค ปน วาริโต. อภพฺพา หิ เต มคฺคปฺปฏิลาภาย วตฺถุวิปนฺนตฺตา. ปพฺพชฺชาปิ เนสํ ปฏิกฺขิตฺตา, ตสฺมา เตปิ ปาราชิกาว. เถยฺยสํวาสโก, ติตฺถิยปกฺกนฺตโก, มาตุฆาตโก, ปิตุฆาตโก, อรหนฺตฆาตโก, ภิกฺขุนิทูสโก, โลหิตุปฺปาทโก, สงฺฆเภทโกติ อิเม อฏฺ อตฺตโน กิริยาย วิปนฺนตฺตา อภพฺพฏฺานํ ปตฺตาติ ปาราชิกาว. เตสุ เถยฺยสํวาสโก, ติตฺถิยปกฺกนฺตโก, ภิกฺขุนิทูสโกติ อิเมสํ ติณฺณํ สคฺโค อวาริโต, มคฺโค ปน วาริโตว. อิตเรสํ ปฺจนฺนํ อุภยมฺปิ วาริตํ. เต หิ อนนฺตราว นรเก นิพฺพตฺตนกสตฺตา. ยทา ภิกฺขุนี วิพฺภมิตุกามา หุตฺวา กาสาวเมว วา คิหิวตฺถํ วา คิหินิวาสนากาเรน นิวาเสติ, ตทา ปาราชิกมาปนฺนา นาม โหตีติ อาห ‘‘คิหิภาวํ ปตฺถยมานายา’’ติอาทิ. สา หิ อชฺฌาจารวีติกฺกมํ อกตฺวาปิ เอตฺตาวตา อสฺสมณี นาม โหติ.

ทีฆตาย ลมฺพมานํ องฺคชาตเมตสฺสาติ ลมฺพี (สารตฺถ. ฏี. ๒.๒๓๓). น โส เอตฺตาวตา ปาราชิโก, อถ โข ยทา อนภิรติยา ปีฬิโต อตฺตโน องฺคชาตํ มุเข วา วจฺจมคฺเค วา ปเวเสติ, ตทา ปาราชิโก โหติ. มุทุกตา ปิฏฺิ เอตสฺสาติ มุทุปิฏฺิโก, กตปริกมฺมาย มุทุกาย ปิฏฺิยา สมนฺนาคโต. โสปิ ยทา อนภิรติยา ปีฬิโต อตฺตโน องฺคชาตํ อตฺตโน มุขมคฺควจฺจมคฺเคสุ อฺตรํ ปเวเสติ, ตทา ปาราชิโก โหติ. ปรสฺส องฺคชาตํ มุเขน คณฺหาตีติ โย อนภิรติยา ปีฬิโต ปรสฺส สุตฺตสฺส วา ปมตฺตสฺส วา องฺคชาตํ มุเขน คณฺหาติ. ปรสฺส องฺคชาเต อภินิสีทตีติ โย อนภิรติยา ปีฬิโต ปรสฺส องฺคชาตํ กมฺมนิยํ ทิสฺวา อตฺตโน วจฺจมคฺเคน ตสฺสูปริ นิสีทติ, ตํ อตฺตโน วจฺจมคฺคํ ปเวเสตีติ อตฺโถ. เอตานิ หิ จตฺตาริ ยสฺมา อุภินฺนํ ราควเสน สทิสภาวูปคตานํ ธมฺโม ‘‘เมถุนธมฺโม’’ติ วุจฺจติ, ตสฺมา เอเกน ปริยาเยน เมถุนธมฺมํ อปฺปฏิเสวิตฺวาเยว เกวลํ มคฺเคน มคฺคปฺปเวสนวเสน อาปชฺชิตพฺพตฺตา เมถุนธมฺมปาราชิกสฺส อนุโลเมนฺตีติ ‘‘อนุโลมปาราชิกานี’’ติ วุจฺจนฺติ.

เอตฺถาห – มาตุฆาตกปิตุฆาตกอรหนฺตฆาตกา ตติยปาราชิกํ อาปนฺนา, ภิกฺขุนิทูสโก, ลมฺพิอาทโย จตฺตาโร จ ปมปาราชิกํ อาปนฺนา เอวาติ กตฺวา กุโต จตุวีสตีติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๒๓๓)? วุจฺจเต – มาตุฆาตกาทโย หิ จตฺตาโร อิธ อนุปสมฺปนฺนา เอว อธิปฺเปตา, ลมฺพิอาทโย จตฺตาโร กิฺจาปิ ปมปาราชิเกน สงฺคหิตา, ยสฺมา ปน เอเกน ปริยาเยน เมถุนธมฺมํ อปฺปฏิเสวิโน โหนฺติ, ตสฺมา วิสุํ วุตฺตาติ. ทุติยวิกปฺเป กจฺจิตฺถาติ เอตฺถ กจฺจิ อตฺถาติ ปทจฺเฉโท กาตพฺโพ.

อิติ กงฺขาวิตรณิยา ปาติโมกฺขวณฺณนาย

วินยตฺถมฺชูสายํ ลีนตฺถปฺปกาสนิยํ

ปาราชิกวณฺณนา นิฏฺิตา.