📜
สงฺฆาทิเสสกณฺฑํ
ปิยวจเนน ¶ ¶ อาลปนนฺติ ปิยายิตพฺพวจเนนาลปนํ, สาธูนํ สมาลปนนฺติ วุตฺตํ โหติ. สาธโว หิ ปเร ‘‘โภนฺโต’’ติ วา ‘‘เทวานํปิยา’’ติ วา ‘‘ภทฺรภว’’นฺติ วา ‘‘อายสฺมนฺโต’’ติ วา สมาลปนฺติ.
๑. สุกฺกวิสฺสฏฺิสิกฺขาปทวณฺณนา
สํ-สทฺโท วิชฺชมานตฺโถติ อาห ‘‘สํวิชฺชตี’’ติ. เจตนาติ วีติกฺกมวสปฺปวตฺตา ปุพฺพภาคเจตนา, โมจนสฺสาทเจตนาติ อตฺโถ. อสฺสาติ สุกฺกวิสฺสฏฺิยา. อฺปทตฺถสมาเสเนว สุกฺกวิสฺสฏฺิยา วุตฺตตฺตา อิก-สทฺทสฺส วิสุํ อตฺโถ นตฺถีติ อาห ‘‘สฺเจตนาว สฺเจตนิกา’’ติ. อิทานิ อิก-สทฺโทว อตฺถิอตฺถํ ปกาเสตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สฺเจตนา วา’’ติอาทิมาห. สํวิชฺชมานา เจตนา สฺเจตนา. สุกฺกสฺสาติ สมฺภวสฺส. วิสฏฺีติ วิสฺสคฺโค.
อิทานิ ตํ ยสฺมึ กาเล โมเจติ, เยนาธิปฺปาเยน โมเจติ, เยน โจปาเยน โมเจติ, ยฺจ ตสฺส อธิปฺปายสฺส วตฺถุ, ตํ สพฺพํ สงฺเขปโต วิภาเวตฺวา สรูปโต ตํ วิสฏฺึ ทสฺเสตุํ ‘‘ราคูปตฺถมฺภาทีสู’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ราคสฺส พลวภาโว, ราเคน วา องฺคชาตสฺสูปตฺถมฺโภ ถทฺธภาโว ราคูปตฺถมฺโภ, โส อาทิ เยสํ เต ราคูปตฺถมฺภาทโย, เตสุ ราคูปตฺถมฺภาทีสุ. อาทิสทฺเทน (ปารา. ๒๓๘) วจฺจูปตฺถมฺภปสฺสาวูปตฺถมฺภวาตูปตฺถมฺภอุจฺจาลิงฺคปาณกทฏฺูปตฺถมฺภานํ คหณํ. กมฺมฺตํ ปตฺเตติ โมจนกมฺมกฺขมตาย กมฺมนิยตํ ปตฺเต, อชฺฌตฺตรูปาทีสุ อุปกฺกมารหภาวํ ปตฺเตติ อตฺโถ. อโรคสฺส ภาโว อาโรคฺยํ, ตํ อาทิ เยสํ เต อาโรคฺยาทโย, เตสุ อาโรคฺยาทีสุ. อาทิสทฺเทน สุขเภสชฺชทานปฺุยฺสคฺคพีชวีมํสทวานํ คหณํ. อชฺฌตฺตรูปํ อชฺฌตฺตํ อุปาทินฺนรูปํ, ตํ อาทิ เยสํ เต อชฺฌตฺตรูปาทโย, เตสุ. อาทิสทฺเทน พหิทฺธารูปอชฺฌตฺตพหิทฺธารูปอากาเสกฏิกมฺปนานํ ¶ คหณํ. โมจเน อสฺสาโท สุขเวทนา โมจนสฺสาโท, โมจนตฺถํ ปุพฺพภาเค ปวตฺตราโค, สมฺปยุตฺตอสฺสาทสีเสน เจตฺถ ราโค วุตฺโต, เตน สมฺปยุตฺตา เจตนา โมจนสฺสาทเจตนา, ตาย ¶ . อิมินา มุจฺจนสฺสาโท (ปารา. อฏฺ. ๒.๒๔๐) มุตฺตสฺสาโท เมถุนสฺสาโท ผสฺสสฺสาโท กณฺฑุวนสฺสาโท ทสฺสนสฺสาโท นิสชฺชสฺสาโท วาจสฺสาโท เคหสิตเปมํ วนภงฺคิยนฺติ อิเมหิ สมฺปยุตฺตา เจตนาโย ปฏิกฺขิปติ, ตาหิ นิมิตฺเต อุปกฺกมนฺตสฺส มุตฺเตปิ อนาปตฺติ. ‘‘นิมิตฺเต อุปกฺกมนฺตสฺสา’’ติ อิมินา ปน อูรุมทฺทาปนาทีนิ ปฏิกฺขิปติ. เตน หิ สติปิ โมจนสฺสาเท นิมิตฺเต อุปกฺกมาภาวโต มุตฺเตปิ อนาปตฺติ. วุตฺตฺเหตํ สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘สา จ โข นิมิตฺเต อุปกฺกมนฺตสฺเสว, หตฺถปริกมฺมปาทปริกมฺมคตฺตปริกมฺมกรเณน สเจปิ อสุจิ มุจฺจติ, อนาปตฺตี’’ติ.
อาสยธาตุนานาตฺตโตติ ปิตฺตเสมฺหปุพฺพโลหิตาสยานฺเจว ปถวีธาตุอาทีนฺจ จตุนฺนํ ธาตูนํ, รสโสณิตาทีนํ วา สตฺตนฺนํ ธาตูนํ นานาตฺตโต. านา จาวนาติ สุกฺกสฺส ยํ านํ, ตโต จุติ. สุกฺกสฺส หิ วตฺถิสีสํ กฏิ กาโยติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๒๓๗) ติธา านํ ปกปฺเปนฺติ. เอโก กิราจริโย ‘‘วตฺถิสีสํ สุกฺกสฺส าน’’นฺติ อาห, เอโก ‘‘กฏี’’ติ, เอโก ‘‘สกโล กาโย’’ติ. เตสุ ตติยสฺส ภาสิตํ สุภาสิตํ. เกสโลมนขทนฺตานฺหิ มํสวินิมุตฺตฏฺานํ, อุจฺจารปสฺสาวเขฬสิงฺฆาณิกา, ถทฺธสุกฺขจมฺมานิ จ วชฺเชตฺวา อวเสโส ฉวิมํสโลหิตานุคโต สพฺโพปิ กาโย กายปฺปสาทภาวชีวิตินฺทฺริยาพทฺธปิตฺตานํ, สมฺภวสฺส จ านเมว. ตถา หิ ราคปริยุฏฺาเนนาภิภูตานํ หตฺถีนํ อุโภหิ กณฺณจูฬิกาหิ สมฺภโว นิกฺขมติ.
เอตฺถ จ ‘‘ราคูปตฺถมฺภาทีสู’’ติอาทินา (ปารา. อฏฺ. ๒.๒๓๗) กาโล ทสฺสิโต. ราคูปตฺถมฺภาทิกาเลสุ หิ องฺคชาตํ กมฺมนิยํ โหติ. ยสฺส กมฺมนิยตฺเต สติ โมเจติ, อิโต ปรํ อฺโ กาโล นตฺถิ. น หิ วินา ราคูปตฺถมฺภาทีหิ ปุพฺพณฺหาทโย กาลเภทา โมจเน นิมิตฺตํ โหนฺติ. ‘‘อาโรคฺยาทีสู’’ติอาทินา ปน อธิปฺปาโย ทสฺสิโต. เอวรูเปน หิ อธิปฺปายเภเทน โมเจติ, น อฺถา. ‘‘อชฺฌตฺตรูปาทีสู’’ติอาทินา อุปาโย ทสฺสิโต. อชฺฌตฺตรูเป วา หิ โมเจยฺย, พหิทฺธารูเป วา, อุภยตฺถ วา, อากาเส วา กฏึ กมฺเปนฺโต, อิโต ปรํ อฺโ อุปาโย นตฺถิ. นีลาทิวเสนา’’ติอาทีหิ ปน ทสหิ นวมสฺส อธิปฺปายสฺส วตฺถุ ทสฺสิตํ. วีมํสนฺโต หิ นีลาทีสุ อฺตรวเสน วีมํสติ, น เตหิ วินิมุตฺตนฺติ. ‘‘านา จาวนา’’ติ อิมินา ปน อตฺถโต วิสฺสฏฺิ ทสฺสิตา ¶ . ยถาห ‘‘วิสฺสฏฺีติ านโต จาวนา วุจฺจตี’’ติ (ปารา. ๒๓๗). สา จายํ ตสฺส สุกฺกสฺส านา จาวนา ราควเสน. วุตฺตฺเหตํ ¶ กถาวตฺถุอฏฺกถายํ ‘‘สุกฺกวิสฺสฏฺิ นาม ราคสมุฏฺานา โหตี’’ติ (กถา. อฏฺ. ๓๐๗). อฺตฺร สุปินนฺตาติ สุปิโน เอว สุปินนฺโต, ตํ เปตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. เตนาห ‘‘ยา สุปิเน’’ติอาทิ. สงฺฆาทิเสโสติ อิมสฺส อาปตฺตินิกายสฺส นามํ. เตนาห ‘‘ยา อฺตฺร สุปินนฺตา’’ติอาทิ. อาปตฺตินิกาโยติ อาปตฺติสมูโห. กิฺจาปิ อยํ เอกาว อาปตฺติ, รุฬฺหิสทฺเทน, ปน อวยเว สมูหโวหาเรน วา ‘‘นิกาโย’’ติ วุตฺโต ‘‘เอโก เวทนากฺขนฺโธ, เอโก วิฺาณกฺขนฺโธ’’ติอาทีสุ วิย.
อสฺสาติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๑๖ สํฆาทิเสสกณฺฑ) อาปตฺตินิกายสฺส. นนุ จ อยุตฺโตยํ นิทฺเทโส ‘‘สงฺโฆ อาทิมฺหิ เจว เสเส จ อิจฺฉิตพฺโพ อสฺสา’’ติ. น หิ อาปตฺตินิกายสฺส อาทิมฺหิ เจว เสเส จ สงฺโฆ อิจฺฉิโต, กิฺจรหิ วุฏฺานสฺสาติ อิมํ โจทนํ มนสิ นิธาย ยถา น วิรุชฺฌติ, ตถา อธิปฺปายํ วิวริตุํ ‘‘กึ วุตฺตํ โหตี’’ติอาทิมาห. อาปตฺติโต วุฏฺานสฺส อาทิมฺหิ เจว เสเส จ อิจฺฉิโต สงฺโฆ อาปตฺติยาว อิจฺฉิโต นาม โหตีติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย. อาปตฺติวุฏฺานนฺติ อาปตฺติโต วุฏฺานํ, อนาปตฺติกภาวูปคมนนฺติ อตฺโถ.
ทกโสตนฺติ ปสฺสาวมคฺคํ, องฺคชาตปฺปเทสนฺติ วุตฺตํ โหติ. ยทิ เอวํ อถ กสฺมา อฏฺกถายํ ‘‘ทกโสตํ โอติณฺณมตฺเต’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘านโต ปน จุต’’นฺติอาทิ. อวสฺสเมว ทกโสตํ โอตรติ อธิวาเสตฺวา อนฺตรา นิวาเรตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา. ทกโสโตโรหนโต (สารตฺถ. ฏี. ๒.๒๓๖-๒๓๗) ปฏฺาย ปน อุปาทินฺนโต วินิมุตฺตตฺตา สมฺภวรูปํ อุตุสมุฏฺานเมว อวสิสฺสติ, เสสํ ติสมุฏฺานํ นตฺถีติ เวทิตพฺพํ. ตสฺมาติ ยสฺมา านโต จุตํ ทกโสตํ โอตรติ, ตสฺมา.
อโมจนาธิปฺปายสฺสาติ เภสชฺเชน นิมิตฺตํ อาลิมฺปนฺตสฺส อุจฺจาราทีนิ วา กโรนฺตสฺส. สุปินํ ปสฺสนฺตสฺสาติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๒๓๗) ธาตุกฺโขภโต วา อนุภูตปุพฺพโต วา เทวโตปสํหารโต วา ปุพฺพนิมิตฺตโต วาติ อิเมหิ จตูหิ การเณหิ สุปินํ ปสฺสนฺตสฺส. กึ ปเนตํ ปสฺสนฺโต สุตฺโต ปสฺสติ, ปฏิพุทฺโธ, อุทาหุ เนว สุตฺโต, น ปฏิพุทฺโธติ? กิฺเจตฺถ – ยทิ ¶ ตาว สุตฺโต ปสฺสติ, อภิธมฺมวิโรโธ อาปชฺชติ. ภวงฺคจิตฺเตน หิ สุปติ, ตํ รูปนิมิตฺตาทิอารมฺมณํ วา ราคาทิสมฺปยุตฺตํ วา น โหติ. สุปินํ ปสฺสนฺตสฺส จ อีทิสานิ จิตฺตานิ อุปฺปชฺชนฺติ. อถ ปฏิพุทฺโธ ปสฺสติ, วินยวิโรโธ อาปชฺชติ. ยฺหิ ปฏิพุทฺโธ ปสฺสติ, ตํ สพฺโพหาริกจิตฺเตน ปสฺสติ. สพฺโพหาริกจิตฺเตน จ กเต วีติกฺกเม อนาปตฺติ นาม ¶ นตฺถิ. สุปินํ ปสฺสนฺเตน ปน กเตปิ วีติกฺกเม เอกนฺตํ อนาปตฺติ เอว. อถ เนว สุตฺโต น ปฏิพุทฺโธ ปสฺสติ, โก นาม ปสฺสติ, เอวฺจ สติ สุปินสฺส อภาโวว อาปชฺชตีติ? น อภาโว, กสฺมา? ยสฺมา กปิมิทฺธปเรโต ปสฺสติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘กปิมิทฺธปเรโต โข มหาราช สุปินํ ปสฺสตี’’ติ (มิ. ป. ๕.๓.๕). กปิมิทฺธปเรโตติ มกฺกฏนิทฺทาย ยุตฺโต. ยถา หิ มกฺกฏสฺส นิทฺทา ลหุปริวตฺตา โหติ, เอวํ ยา นิทฺทา ปุนปฺปุนํ กุสลาทิจิตฺตโวกิณฺณตฺตา ลหุปริวตฺตา, ยสฺสา ปวตฺติยํ ปุนปฺปุนํ ภวงฺคโต อุตฺตรณํ โหติ, ตาย ยุตฺโต สุปินํ ปสฺสติ. ยสฺส จ เอวํ ปสฺสนฺตสฺส สุปิเน เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวนฺตสฺส วิย, กายสํสคฺคาทีนิ อาปชฺชนฺตสฺส วิย จ สุปินนฺเตเนว การเณน อสุจิ มุจฺจติ, ตสฺสปิ อนาปตฺติ. สุปิเน (ปารา. อฏฺ. ๒.๒๖๒) ปน อุปฺปนฺนาย อสฺสาทเจตนาย สจสฺส วิสโย โหติ, นิจฺจเลน ภวิตพฺพํ, น หตฺเถน นิมิตฺตํ กีฬาเปตพฺพํ. กาสาวปจฺจตฺถรณรกฺขณตฺถํ ปน หตฺถปุเฏน คเหตฺวา ชคฺคนตฺถาย อุทกฏฺานํ คนฺตุํ วฏฺฏติ.
สุกฺกวิสฺสฏฺิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. กายสํสคฺคสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘โอติณฺโณ’’ติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๒๗๐) อิทํ กมฺมสาธนํ, กตฺตุสาธนํ วา โหตีติ ตทุภยวเสน อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยกฺขาทีหิ วิย สตฺตา’’ติอาทิมาห. อสมเปกฺขิตฺวาติ ยถาสภาวํ อนุปปริกฺขิตฺวา, ยถา เต รติชนกา รูปาทโย วิสยา อนิจฺจทุกฺขาสุภานตฺตากาเรน อวฏฺิตา, ตถา อปสฺสิตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. ปริณเตนาติ ปริวตฺเตน. เตนาห ‘‘ยถา ปริวตฺตมาน’’นฺติอาทิ. วุตฺตราควเสนาติ กายสํสคฺคราควเสน. ตทหุชาตายปีติ ตสฺมึ อหนิ ชาตํ ชนนํ เอติสฺสาติ ¶ ตทหุชาตา, ตสฺมึ อหนิ ชาตาติ วา ตทหุชาตา, ตาย, ตํ ทิวสํ ชาตายปีติ อตฺโถ, ชาตมตฺตาย อลฺลมํสเปสิวณฺณายปีติ วุตฺตํ โหติ.
อสฺสาติ ‘‘กายสํสคฺคํ สมาปชฺเชยฺยา’’ติ ปทสฺส. อิทานิ หตฺถาทีนํ วิภาคทสฺสนตฺถํ ‘‘ตตฺถ หตฺโถ นาม กปฺปรโต ปฏฺายา’’ติอาทิมาห. กปฺปรโต ปฏฺายาติ ทุติยมหาสนฺธึ อุปาทาย. อฺตฺถ ปน มณิพนฺธโต ปฏฺาย ยาว อคฺคนขา หตฺโถ. วินนฺธิตฺวา วา อวินนฺธิตฺวา วา กตเกสกลาปสฺเสตํ อธิวจนนฺติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ วินนฺธิตฺวาติ ตีหิ เกสวฏฺฏีหิ ¶ คนฺถิตฺวา. สุวณฺณจีรกนฺติ สุวณฺณปาฬึ. หตฺถฺจ เวณิฺจ เปตฺวา อวเสสสรีรํ องฺคนฺติ อาห ‘‘อวเสสสฺส สรีรสฺสา’’ติอาทิ.
โย หิ เสวนาธิปฺปาโยปิ นิจฺจเลน กาเยน เกวลํ ผสฺสํ ปฏิวิชานาติ สาทิยติ อนุโภติ, ตสฺส จิตฺตุปฺปาทมตฺเต อาปตฺติยา อภาวโต อนาปตฺตีติ อาห ‘‘กาเยน อวายมิตฺวา’’ติอาทิ. โมกฺขาธิปฺปาเยนาติ อิตฺถิโต มุจฺจิตุกามตาธิปฺปาเยน. อสฺจิจฺจาติ ‘‘อิมินา อุปาเยน อิมํ ผุสิสฺสามี’’ติ อเจเตตฺวา. เอวฺหิ อเจเตตฺวา ปตฺตปฺปฏิคฺคหณาทีสุ มาตุคามสฺส องฺเค ผุฏฺเปิ อนาปตฺติ. อสติยาติ อฺวิหิโต โหติ, ‘‘มาตุคามํ ผุสิสฺสามี’’ติ สติ นตฺถิ, เอวํ อสติยา หตฺถปาทปสารณาทิกาเล ผุสนฺตสฺส อนาปตฺติ. อชานนฺตสฺสาติ ทารกเวเสน ิตํ ทาริกํ ‘‘อิตฺถี’’ติ อชานนฺโต เกนจิเทว กรณีเยน ผุสติ, เอวํ ‘‘อิตฺถี’’ติ อชานนฺตสฺส ผุสโต อนาปตฺติ. อสาทิยนฺตสฺสาติ กายสํสคฺคํ อสาทิยนฺตสฺส พาหาปรมฺปราย นีตภิกฺขุสฺส วิย อนาปตฺติ. อิธ ปน อุทายิตฺเถโร อาทิกมฺมิโก. ตสฺส อนาปตฺติ อาทิกมฺมิกสฺสาติ.
กายสํสคฺคสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ทุฏฺุลฺลวาจาสิกฺขาปทวณฺณนา
ทุฏฺุลฺลวาจสฺสาทราควเสนาติ ทุฏฺุลฺลา วาจา ทุฏฺุลฺลวาจา, ตาย อสฺสาทเจตนา ทุฏฺุลฺลวาจสฺสาโท, เตน สมฺปยุตฺตราควเสน. เอตฺถาธิปฺเปตํ ¶ มาตุคามํ ทสฺเสตุํ ‘‘มาตุคาม’’นฺติอาทิมาห. ทุฏฺุลฺลาทุฏฺุลฺลสํลกฺขณสมตฺถนฺติ อสทฺธมฺมสทฺธมฺมปฺปฏิสํยุตฺตํ กถํ ชานิตุํ สมตฺถํ. ยา ปน มหลฺลิกาปิ พาลา เอฬมูคา, อยํ อิธานธิปฺเปตา. วณฺโณ นาม ทฺเว มคฺเค อุทฺทิสฺส ‘‘อิตฺถิลกฺขเณน สุภลกฺขเณน สมนฺนาคตาสี’’ติอาทินา (ปารา. อฏฺ. ๒.๒๘๕) โถมนา. อวณฺโณ นาม ทฺเว มคฺเค อุทฺทิสฺส วุตฺตวิปริยาเยน ครหนา, ‘‘อิตฺถิลกฺขเณน สุภลกฺขเณน อสมนฺนาคตาสี’’ติอาทีหิ ขุํสนาติ วุตฺตํ โหติ. ยาจนา นาม ‘‘เทหิ เม, อรหสิ เม ทาตุ’’นฺติ (ปารา. ๒๘๕) วจนํ. อายาจนา นาม ‘‘กทา เต มาตา ปสีทิสฺสติ, กทา เต ปิตา ปสีทิสฺสติ, กทา เต เทวตาโย ปสีทิสฺสนฺติ, กทา เต สุขโณ สุลโย สุมุหุตฺโต ภวิสฺสติ, กทา เต เมถุนํ ธมฺมํ ลภิสฺสามี’’ติ (ปารา. ๒๘๕) วจนํ ¶ . ปุจฺฉนํ นาม ‘‘กถํ ตฺวํ สามิกสฺส เทสิ, กถํ ชารสฺส เทสี’’ติ (ปารา. ๒๘๕) วจนํ. ปฏิปุจฺฉนํ นาม ‘‘เอวํ กิร ตฺวํ สามิกสฺส เทติ, เอวํ ชารสฺส เทสี’’ติ (ปารา. ๒๘๕) วจนํ. อาจิกฺขนํ นาม ปุฏฺสฺส ‘‘เอวํ เทหิ, เอวํ เทนฺตา สามิกสฺส ปิยา ภวิสฺสสิ, มนาปา จา’’ติ (ปารา. ๒๘๕) ภณนํ. อนุสาสนํ นาม อปุฏฺสฺส ‘‘เอวํ เทหิ, เอวํ เทนฺตา สามิกสฺส ปิยา ภวิสฺสสิ, มนาปา จา’’ติ (ปารา. ๒๘๕) ภวนํ. อกฺโกสนํ (ปารา. ๒๘๕) นาม ‘‘อนิมิตฺตาสิ, นิมิตฺตมตฺตาสิ, อโลหิตาสิ, ธุวโลหิตาสิ, ธุวโจฬาสิ, ปคฺฆรนฺตีสิ, สิขรณีสิ, อิตฺถิปณฺฑกาสิ, เวปุริสิกาสิ, สมฺภินฺนาสิ, อุภโตพฺยฺชนกาสี’’ติ (ปารา. ๒๘๕) วจนํ. ยสฺมา เมถุนุปสํหิตาย วาจาย อธิกํ ทุฏฺุลฺลํ นาม นตฺถิ, ตสฺมา ‘‘เมถุนุปสํหิตาหี’’ติ อิทํ ทุฏฺุลฺลวาจาย สิขาปตฺตลกฺขณทสฺสนนฺติ วุตฺตํ, น ปน เมถุนุปสํหิตาเยว ทุฏฺุลฺลวาจตฺตา. สิขรณีสีติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๒๘๕) พหินิกฺขนฺตอาณิมํสา. สมฺภินฺนาสีติ สมฺภินฺนวจฺจมคฺคปสฺสาวมคฺคา. อุภโตพฺยฺชนกาสีติ ปุริสนิมิตฺเตน, อิตฺถินิมิตฺเตน จาติ อุภโตพฺยฺชเนหิ สมนฺนาคตา.
เอตฺถ จ วณฺณภณเน ตาว ‘‘อิตฺถิลกฺขเณน สุภลกฺขเณน สมนฺนาคตาสี’’ติ วทติ, น ตาว สีสํ เอติ. ‘‘ตว วจฺจมคฺโค จ ปสฺสาวมคฺโค จ สุโภ สุภสณฺาโน ทสฺสนีโย, อีทิเสน นาม อิตฺถิลกฺขเณน สุภลกฺขเณน สมนฺนาคตาสี’’ติ วทติ, สีสํ เอติ, สงฺฆาทิเสโส โหตีติ อตฺโถ.
อวณฺณภณเน ¶ ปน ‘‘อนิมิตฺตาสี’’ติอาทีหิ เอกาทสหิ ปเทหิ อวณฺเณ อฆฏิเต สีสํ น เอติ, ฆฏิเตปิ เตสุ ‘‘สิขรณีสิ สมฺภินฺนาสิ อุภโตพฺยฺชนกาสี’’ติ อิเมหิ ตีหิ ฆฏิเตเยว สงฺฆาทิเสโส.
ยาจนายปิ ‘‘เทหิ เม’’ติ เอตฺตเกเนว สีสํ น เอติ, ‘‘เมถุนํ ธมฺมํ เทหี’’ติ เอวํ เมถุนธมฺเมน ฆฏิเต เอว สงฺฆาทิเสโส.
‘‘กทา เต มาตา ปสีทิสฺสตี’’ติอาทีสุ อายาจนวจเนสุปิ เอตฺตเกเนว สีสํ น เอติ, ‘‘กทา เต มาตา ปสีทิสฺสติ, กทา เต เมถุนํ ธมฺมํ ลภิสฺสามี’’ติ วา ‘‘ตว มาตริ ปสนฺนาย วา เมถุนํ ธมฺมํ ลภิสฺสามี’’ติอาทินา ปน นเยน เมถุนธมฺเมน ฆฏิเตเยว สงฺฆาทิเสโส.
‘‘กถํ ตฺวํ สามิกสฺส เทสี’’ติอาทีสุ (ปารา. ๒๘๕) ปุจฺฉาวจเนสุปิ ‘‘เมถุนํ ธมฺม’’นฺติ ¶ วุตฺเตเยว สงฺฆาทิเสโส. ‘‘เอวํ กิร ตฺวํ สามิกสฺส เทสี’’ติ (ปารา. ๒๘๕) ปฏิปุจฺฉาวจเนสุปิ เอเสว นโย.
อาจิกฺขนาย จ ‘‘เอวํ เทหี’’ติ, ‘‘เอวํ ททมานา’’ติ วุตฺเตปิ สีสํ น เอติ, ‘‘เมถุนํ ธมฺมํ เอวํ เทหิ, เอวํ อุปเนหิ, เอวํ เมถุนํ ธมฺมํ ททมานา อุปนยมานา สามิกสฺส ปิยา โหตี’’ติอาทินา ปน นเยน เมถุนธมฺเมน ฆฏิเตเยว สงฺฆาทิเสโส. อนุสาสนิวจเนสุปิ เอเสว นโย.
อกฺโกสวจเนสุ ปน เอกาทสสุ ‘‘สิขรณีสิ สมฺภินฺนาสิ อุภโตพฺยฺชนกาสี’’ติ อิมานิ ตีณิเยว ปทานิ สุทฺธานิ สีสํ เอนฺติ, อิติ อิมานิ จ ตีณิ, ปุริมานิ จ วจฺจมคฺคปสฺสาวมคฺคเมถุนธมฺมปทานิ ตีณีติ ฉ ปทานิ สุทฺธานิ อาปตฺติกรานิ, เสสานิ ‘‘อนิมิตฺตาสี’’ติอาทีนิ อนิมิตฺเต ‘‘เมถุนํ ธมฺมํ เม เทหี’’ติ วา ‘‘อนิมิตฺตาสิ, เมถุนํ ธมฺมํ เม เทหี’’ติ วา อาทินา นเยน เมถุนธมฺเมน ฆฏิตาเนว อาปตฺติกรานิ โหนฺตีติ เวทิตพฺพานิ.
อธกฺขกนฺติ อกฺขกโต ปฏฺาย อโธ. อุพฺภชาณุมณฺฑลนฺติ ชาณุมณฺฑลโต ปฏฺาย อุทฺธํ. อุพฺภกฺขกนฺติ อกฺขกโต ปฏฺาย อุทฺธํ. อโธชาณุมณฺฑลนฺติ ชาณุมณฺฑลโต ปฏฺาย อโธ. อกฺขกํ, ปน ชาณุมณฺฑลฺจ เอตฺเถว ทุกฺกฏเขตฺเต สงฺคหํ คจฺฉติ ภิกฺขุนิยา กายสํสคฺเค วิย ¶ . น หิ พุทฺธา ครุกาปตฺตึ สาวเสสํ ปฺาเปนฺตีติ. กายปฺปฏิพทฺธนฺติ วตฺถํ วา ปุปฺผํ วา อาภรณํ วา.
อตฺถธมฺมอนุสาสนิปุเรกฺขารานนฺติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๒๘๗) เอตฺถ ‘‘อนิมิตฺตา’’ติอาทีนํ ปทานํ อตฺถํ กเถนฺโต, อฏฺกถํ วา สชฺฌายํ กโรนฺโต อตฺถปุเรกฺขาโร นาม, ปาฬึ วาเจนฺโต, สชฺฌายํ วา กโรนฺโต ธมฺมปุเรกฺขาโร นาม, ‘‘อิทานิปิ อนิมิตฺตาสิ, อุภโตพฺยฺชนกาสิ, อปฺปมาทํ ทานิ กเรยฺยาสิ, ยถา อายติมฺปิ เอวรูปา มา โหหิสี’’ติ ภณนฺโต อนุสาสนิปุเรกฺขาโร นาม. อิติ อตฺถฺจ ธมฺมฺจ อนุสาสนิฺจ ปุรกฺขิตฺวา ภณนฺตานํ อนาปตฺติ. โย ปน ภิกฺขุนีนํ ปาฬึ วาเจนฺโต ปกติวาจนามคฺคํ ปหาย หสนฺโต หสนฺโต ‘‘สิขรณีสิ, สมฺภินฺนาสิ, อุภโตพฺยฺชนกาสี’’ติ ปุนปฺปุนํ ภณติ, ตสฺส อาปตฺติเยว. อิธ อาทิกมฺมิโก อุทายิตฺเถโร, ตสฺส อนาปตฺติ อาทิกมฺมิกสฺส. นนุ ‘‘สิขรณี’’ติอาทีหิ อกฺโกสนฺตสฺส ปฏิฆจิตฺตํ อุปฺปชฺชตีติ ทุกฺขเวทนายปิ ภวิตพฺพํ, อถ ¶ กสฺมา ทฺวิเวทนนฺติ? นายํ โทโส. ราควเสน หิ อยํ อาปตฺติ, น ปฏิฆวเสน, ตสฺมา ราควเสเนว ปวตฺโต อกฺโกโส อิธาธิปฺเปโต, น ปฏิฆวเสนาปีติ.
ทุฏฺุลฺลวาจาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. อตฺตกามสิกฺขาปทวณฺณนา
อตฺตกามปาริจริยาวเสนาติ อตฺตกามปาริจริยาย ราควเสน. อิธาปิ ทุฏฺุลฺลาทุฏฺุลฺลชานนสมตฺถาว อิตฺถี อธิปฺเปตาติ อาห ‘‘ทุฏฺุลฺโลภาเสน วุตฺตปฺปการาย อิตฺถิยา’’ติ. สมีเปติ สวนูปจาเร. ‘‘ตฺวา’’ติ ปาเสโส. อตฺตกามปาริจริยาติ กามียตีติ กาโม, เมถุนธมฺโม, ปริจรณํ อุปฏฺานํ ปริจริยา, สาว ปาริจริยา, กาเมน ปาริจริยา กามปาริจริยา, อตฺตโน กามปาริจริยา อตฺตกามปาริจริยา, อตฺตโน อตฺถาย เมถุนธมฺเมน อุปฏฺานนฺติ อตฺโถ. อถ วา กามิตาติ กามา, ปาริจริยา, อตฺตโน กามา อตฺตกามา, อตฺตกามา จ สา ปาริจริยา จาติ อตฺตกามปาริจริยา, สยํ เมถุนราควเสน ¶ ปตฺถิตอุปฏฺานนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘เมถุนธมฺมสงฺขาเตนา’’ติอาทิ. เอตฺถ จ ปเมน อตฺถวิกปฺเปน กามเหตุปาริจริยาสงฺขาตํ อตฺถตฺตยํ ทสฺเสติ, ทุติเยน อธิปฺปายปาริจริยาสงฺขาตํ อตฺถทฺวยํ. พฺยฺชเน (ปารา. อฏฺ. ๒.๒๙๑) ปน อาทรํ อกตฺวา อตฺถมตฺตเมว ทสฺเสตุํ ‘‘อตฺตโน กามํ อตฺตโน เหตุํ อตฺตโน อธิปฺปายํ อตฺตโน ปาริจริย’’นฺติ (ปารา. ๒๙๒) ปทภาชนํ วุตฺตํ. ‘‘อตฺตโน กามํ อตฺตโน เหตุํ อตฺตโน ปาริจริย’’นฺติ หิ วุตฺเต ชานิสฺสนฺติ ปณฺฑิตา ‘‘เอตฺตาวตา อตฺตโน อตฺถาย กามปาริจริยา วุตฺตา’’ติ, ‘‘อตฺตโน อธิปฺปายํ อตฺตโน ปาริจริย’’นฺติ (ปารา. ๒๙๒) วุตฺเตปิ ชานิสฺสนฺติ ‘‘เอตฺตาวตา อตฺตนา อิจฺฉิตกามิตฏฺเน อตฺตกามปาริจริยา วุตฺตา’’ติ.
กลฺยาเณน ภทฺทเกน คุเณน สมนฺนาคตตฺตา กลฺยาณธมฺมํ. เตนาห ‘‘ตทุภเยนาปี’’ติอาทิ. อภิรเมยฺยาติ โตเสยฺย. เอตทคฺคนฺติ เอสา อคฺคา. ปาริจริยานนฺติ ปาริจริยานํ มชฺเฌ, นิทฺธารเณ เจตํ สามิวจนํ. นนุ ทุฏฺลฺลวาจาสิกฺขาปเท (ปารา. ๒๘๕) เมถุนยาจนํ อาคตํ, อถ กสฺมา อิทํ วุตฺตํ? นายํ โทโส. ตตฺถ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๒๙๑) หิ ทุฏฺุลฺลวาจสฺสาทราควเสน วุตฺตํ, อิธ ปน อตฺตโน เมถุนสฺสาทราควเสนาติ.
ตสฺมึเยว ขเณติ ภณิตกฺขเณ. อุภโตพฺยฺชนโก ปน ปณฺฑกคติกตฺตา วิสุํ น วุตฺโต ¶ . ‘‘อิมสฺมึ สิกฺขาปททฺวเย กายสํสคฺเค วิย ยกฺขิเปตีสุปิ ทุฏฺุลฺลตฺตกามวจเน ถุลฺลจฺจย’’นฺติ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๒๙๕) วทนฺติ. ตสฺมึเยวาติ ปณฺฑเกเยว อิตฺถิสฺิโน อตฺตกามปาริจริยาย วณฺณภณเนปิ ทุกฺกฏํ. ‘‘โย เต วิหาเร วสติ, ตสฺส อคฺคทานํ เมถุนํ ธมฺมํ เทหี’’ติ ปริยายวจเนปิ ทุกฺกฏํ. ‘‘อตฺตกามปาริจริยาย วณฺณํ ภาเสยฺย ยา มาทิสํ ‘สีลวนฺต’นฺติ วุตฺตตฺตา’’ติ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๒๙๕) เอเก. ‘‘ปฺจสุ องฺเคสุ สพฺภาวา สงฺฆาทิเสโสวา’’ติ อปเร. ‘‘เมถุนุปสํหิเตนา’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘จีวราทีหิ…เป… ภาสนฺตสฺส อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตํ.
อตฺตกามสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. สฺจริตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา
สฺจรณํ ¶ สฺจโร, โส เอตสฺส อตฺถีติ สฺจรี, สฺจรณสีโลติ วา สฺจรี, ตสฺส ภาโว สฺจริตฺตํ, สฺจรณนฺติ อตฺโถ. ตฺจ ปรโต ‘‘อิตฺถิยา วา ปุริสมติ’’นฺติอาทิวจนโต อิตฺถิปุริสานํ เวมชฺเฌติ อาห ‘‘อิตฺถิปุริสานํ อนฺตเร สฺจรณภาว’’นฺติ. ปฏิคฺคณฺหนวีมํสนปจฺจาหรณานีติ เอตฺถ ปฏิคฺคณฺหนํ นาม ปุริเสน วา อิตฺถิยา วา อุภินฺนํ มาตาทีหิ วา ‘‘ภนฺเต, อิตฺถนฺนามํ อิตฺถึ วา ปุริสํ วา เอวํ ภณาหี’’ติ วุตฺเต เตสํ วจนํ ‘‘สาธู’’ติ วา ‘‘โหตู’’ติ วา ‘‘ภณามี’’ติ วา เยน เกนจิ อากาเรน วจีเภทํ กตฺวา, สีสกมฺปนาทีหิ วา สมฺปฏิจฺฉนํ. วีมํสนํ นาม วุตฺตปฺปกาเรน สาสนํ คเหตฺวา ตสฺสา อิตฺถิยา วา ปุริสสฺส วา เตสํ อวสฺสํ อาโรจนกานํ มาตาปิตุภาตาภคินิอาทีนํ วา สนฺติกํ คนฺตฺวา ตสฺส สาสนสฺส อาโรจนํ. ปจฺจาหรณํ นาม เตน คนฺตฺวา อาโรจิเต สา อิตฺถี วา ปุริโส วา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉตุ วา, มา วา, ลชฺชาย วา ตุณฺหี โหตุ, ปุน อาคนฺตฺวา ตสฺสา อิตฺถิยา วา ปุริสสฺส วา ตสฺสา ปวตฺติยา อาโรจนํ. อาปชฺเชยฺยาติ ปฏิปชฺเชยฺย.
อิตฺถิยา วา ปุริสมตึ ปุริสสฺส วา อิตฺถิมตินฺติ เอตฺถ ‘‘อาโรเจยฺยา’’ติ ปาเสโส ทฏฺพฺโพ. เตเนวาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ. ชายาภาเวติ ภริยาภาเว. ชารภาเวติ ปติภาเว, นิมิตฺตตฺเถ เจตํ ภุมฺมวจนํ. ตสฺมา ภริยาภาวนิมิตฺตํ ปติภาวนิมิตฺตํ, ภริยาภาวเหตุ ปติภาวเหตุ, ภริยาภาวปจฺจยา ปติภาวปจฺจยา อาโรเจตีติ อตฺโถ. เอส นโย ‘‘ชายตฺตเน อาโรเจตี’’ติอาทีสุปิ. ‘‘ชายตฺตเน วา ชารตฺตเน วา’’ติ หิ อิทํ ยทตฺถํ ตํ เตสํ มตึ อาโรเจติ ¶ , ตํ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. อิทานิ ปน ปทภาชนิยํ (ปารา. ๓๐๒) วุตฺตนเยนาปิ อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาห. กิฺจาปิ อิตฺถิลิงฺควเสน ปทภาชนิยํ วุตฺตํ, ‘‘ชายตฺตเน วา ชารตฺตเน วา’’ติ ปน นิทฺเทสสฺส อุภยลิงฺคสาธารณตฺตา ปุริสลิงฺควเสนาปิ โยเชตฺวา วตฺตพฺพนฺติ อาห ‘‘เอเตเนว อุปาเยนา’’ติอาทิ. มุหุตฺติกาติ คณิกา. ‘‘อนฺตมโส ตงฺขณิกายปี’’ติ อิทํ นิทสฺสนมตฺตนฺติ อาห ‘‘เอเตเนว อุปาเยนา’’ติอาทิ.
อฺตฺร ¶ นาลํวจนียายาติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๓๓๙-๓๔๐) เทสจาริตฺตวเสน ปณฺณทานาทินา อปริจฺจตฺตํ เปตฺวา. สฺจริตฺตวเสน ภิกฺขุนา วจนียา น โหตีติ นาลํวจนียา, ตํ เปตฺวาติ เกจิ. อปฺเปน วา พหุนา วา ธเนน กีตา ธนกฺกีตา. ยสฺมา ปน สา น กีตมตฺตาเยว ภริยา, สํวาสตฺถาย ปน กีตตฺตา ภริยา, ตสฺมาสฺส นิทฺเทเส ‘‘ธเนน กิณิตฺวา วาเสตี’’ติ (ปารา. ๓๐๔) วุตฺตํ. ฉนฺทวาสินีติ ฉนฺเทน อตฺตโน รุจิยา วสตีติ ฉนฺทวาสินี. ยสฺมา ปน สา น อตฺตโน ฉนฺทมตฺเตเนว ภริยา โหติ, ปุริเสน ปน สมฺปฏิจฺฉิตตฺตา, ตสฺมาสฺส นิทฺเทเส ‘‘ปิโย ปิยํ วาเสตี’’ติ (ปารา. ๓๐๔) วุตฺตํ. อาทิสทฺเทน ‘‘โภควาสินี, ปฏวาสินี, โอทปตฺตกินี, โอภฏจุมฺพฏา, ทาสี จ ภริยา จ, กมฺมการี จ ภริยา จ, ธชาหฏา, มุหุตฺติกา’’ติ (ปารา. ๓๐๔) อิเมสํ อฏฺนฺนํ อาการานํ คหณํ. ยถา จ ‘‘ฉนฺทวาสินี’’ติอาทีสุ อฺตรวเสน วทโต วิสงฺเกโต นตฺถิ, เอวํ ปาฬิยํ อวุตฺเตสุปิ ‘‘โหหิ กิร อิตฺถนฺนามสฺส ภริยา, ชายา, ปชาปติ, ปุตฺตมาตา, ฆรณี, ฆรสามินี, ภตฺตรนฺธิกา, สุสฺสูสิกา, ปริจาริกา’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๓๐๕) เอวมาทีสุ สํวาสปริทีปเกสุ วจเนสุ อฺตรวเสน วทนฺตสฺสาปิ วิสงฺเกโต นตฺถิ, ติวงฺคสมฺปตฺติยา อาปตฺติเยว.
มาตุรกฺขิตํ พฺรูหีติ เอตฺถ มาตุรกฺขิตา นาม มาตรา รกฺขิตา, ยถา ปุริเสน สห สํวาสํ น กปฺเปติ, เอวํ มาตรา รกฺขิตาติ อตฺโถ. เตเนวสฺส ปทภาชเนปิ ‘‘มาตา รกฺขติ โคเปติ, อิสฺสริยํ กาเรติ, วสํ วตฺเตตี’’ติ (ปารา. ๓๐๔) วุตฺตํ. ปิตุรกฺขิตาทีสูติ ‘‘ปิตุรกฺขิตา, มาตาปิตุรกฺขิตา, ภาตุรกฺขิตา, ภคินิรกฺขิตา, าติรกฺขิตา, โคตฺตรกฺขิตา, ธมฺมรกฺขิตา, สารกฺขา, สปริทณฺฑา’’ติ (ปารา. ๓๐๓) เอวํ วุตฺเตสุ ปิตุรกฺขิตาทีสุ. ยถา จ เอตฺถ, เอวํ ‘‘ปิตุรกฺขิตํ พฺรูหี’’ติอาทีสุปิ นโย เวทิตพฺโพ.
สงฺฆสฺส วา เจติยสฺส วา คิลานสฺส วา กิจฺเจน คจฺฉนฺตสฺสาติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๓๔๐) เอตฺถ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อุโปสถาคารํ วา กิฺจิ วา วิปฺปกตํ โหติ. ตตฺถ การุกานํ ภตฺตเวตนตฺถาย ¶ อุปาสโก วา อุปาสิกาย สนฺติกํ ภิกฺขุํ ปหิเณยฺย, อุปาสิกา วา อุปาสกสฺส, เอวรูเปน สงฺฆกิจฺเจน คจฺฉนฺตสฺส อนาปตฺติ. เจติยกมฺเม กริยมาเนปิ เอเสว นโย. คิลานสฺส ¶ เภสชฺชตฺถายปิ อุปาสเกน วา อุปาสิกาย สนฺติกํ, อุปาสิกาย วา อุปาสกสฺส สนฺติกํ ปหิตสฺส คจฺฉโต อนาปตฺติ.
กิฺจาปิ เอตฺถ ‘‘อิตฺถี นาม มนุสฺสิตฺถี, น ยกฺขี น เปตี น ติรจฺฉานคตา. ปุริโส นาม มนุสฺสปุริโส, น ยกฺโข’’ติอาทิ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๓๔๑) นตฺถิ, ตถาปิ มนุสฺสชาติกาว อิตฺถิปุริสา อิธ อธิปฺเปตาติ อาห ‘‘เตสํ มนุสฺสชาติกตา’’ติ. นนาลํวจนียตาติ ยถาวุตฺตนเยน ปริจฺจตฺตา อลํวจนียา. นิวารณตฺโถ หิ เอตฺถ อลํ-สทฺโท. น อลํวจนียา นาลํวจนียา, น นาลํวจนียา, ตสฺสา ภาโว นนาลํวจนียตา, ‘‘อลํวจนียตา’’อิจฺเจว วุตฺตํ โหติ.
ปณฺณตฺตินฺติ, อิมํ สิกฺขาปทํ. กายวิกาเรนาติ สีสุกฺขิปนาทิกายวิกาเรน. ตเถว วีมํสิตฺวา ตเถว ปจฺจาหรนฺตสฺสาติ หตฺถมุทฺทาทินา กายวิกาเรน วีมํสิตฺวา ปุน อาคนฺตฺวา ตเถว อาโรเจนฺตสฺส. อาคมิสฺสตีติ ตว สนฺติเก ธมฺมสฺสวนาทิอตฺถํ อาคมิสฺสติ. เกนจิ วุตฺเตติ อาสนสาลาทีสุ นิสินฺนสฺส เกนจิ ปุริเสน วุตฺเต. สเจ หิ ขีณาสวสฺส มาตาปิตโร กุชฺฌิตฺวา อลํวจนียา โหนฺติ, ตฺจ ภิกฺขุํ ฆรํ อุปคตํ ปิตา วทติ ‘‘มาตา เต, ตาต, มํ มหลฺลกํ ฉฑฺเฑตฺวา าติกุลํ คตา, คจฺฉ นํ มํ อุปฏฺาตุํ เปเสหี’’ติ. โส เจ คนฺตฺวา ตํ วตฺวา ปุน ปิตุโน ตสฺสา อาคมนํ วา อนาคมนํ วา อาโรเจติ, เอวํ อาโรเจนฺตสฺส ตสฺสปิ กายวาจโต สมุฏฺาติ. เตนาห ‘‘ปณฺณตฺตึ อชานนฺตสฺส ปนา’’ติอาทิ. ขีณาสวสฺสปีติ เอตฺถ ปิ-สทฺเทน เสกฺขปุถุชฺชนานํ วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ ทีเปติ. ปิตุวจเนนาติ อตฺตโน ปิตุวจเนน. คนฺตฺวาติ ตสฺสา สมีปํ คนฺตฺวา. ปณฺณตฺตึ, อลํวจนียภาวฺจาติ อุภยํ อชานนฺตสฺสปิ กายวาจโต สมุฏฺาติ. ตทุภยนฺติ ปณฺณตฺตึ, อลํวจนียภาวฺจ. ยํ ปน ปณฺณตฺตึ ชานิตฺวา เอเตเหว ตีหิ นเยหิ สฺจริตฺตํ สมาปชฺชโต กายจิตฺตโต, วาจาจิตฺตโต, กายวาจาจิตฺตโต จ สมุฏฺาติ. อิมานิ ตีณิ ปณฺณตฺติชานนจิตฺเตน ‘‘สจิตฺตกสมุฏฺานานี’’ติ วุตฺตํ, ตํ อยุตฺตํ. น หิ ปณฺณตฺตึ ชานิตฺวาปิ ‘‘นาลํวจนียา’’ติ มฺมานสฺส สจิตฺตเกหิ สมุฏฺาเนหิ อาปตฺติ สมุฏฺาตีติ วตฺตุํ ยุชฺชติ วีติกฺกมเจตนาย อสมฺภวโต.
สฺจริตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. กุฏิการสิกฺขาปทวณฺณนา
สฺาจิกาย ¶ ¶ ปนาติ เอตฺถ สนฺติ อตฺตวาจโก ตติยตฺเถ นิปาโต, ยาจิกาติ ภาวสาธโน, เตสฺจ มชฺเฌปทโลปสมาโส. ปนาติ นิปาตมตฺตเมว. เตนาห ‘‘สยํ ปวตฺติตยาจนา วุจฺจตี’’ติ. ยา หิ อตฺตนา ปวตฺติตา, สา อตฺตโน นาม โหตีติ อาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ. นนุ น สกฺกา ยาจนาเยว กุฏึ กาตุนฺติ อนุโยคํ สนฺธาย ตสฺสาธิปฺปายตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘สยํ ยาจิตเกหี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สยํ ยาจิตเกหีติ ‘‘วาสึ เทถ, ผรสุํ เทถา’’ติอาทินา (ปารา. ๓๔๒) สยํ ยาจิตเกหิ. อุปกรเณหีติ วาสิยาทีหิ. ปเรน ภณฺฑสามิเกน ‘‘มม อิท’’นฺติ อปริจฺจาคารกฺขณโคปนวเสน ปริคฺคหิตํ ปรปริคฺคหิตกํ, ปรสนฺตกนฺติ วุตฺตํ โหติ. มูลจฺเฉทวเสนาติ มูลสฺส ฉินฺทนวเสน, ปรสนฺตกภาวโต โมเจตฺวา อตฺตโน สนฺตกํ กตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. เอวฺหิ อฺาตกอปฺปวาริตฏฺานโต ยาจนฺตสฺส อฺาตกวิฺตฺติยา ทุกฺกฏํ. ตาวกาลิกํ ปน วฏฺฏตีติ ตาวกาลิกํ กตฺวา ยาจิตุํ วฏฺฏติ. สกกมฺมํ น ยาจิตพฺพาติ ปาณาติปาตสิกฺขาปทรกฺขณตฺถํ วุตฺตํ. ‘‘หตฺถกมฺมํ เทถา’’ติ อนิยเมตฺวาปิ น ยาจิตพฺพา. เอวํ ยาจิตา หิ เต ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ ภิกฺขุํ อุยฺโยเชตฺวา มิเคปิ มาเรตฺวา อาหเรยฺยุํ. นิยเมตฺวา ปน ‘‘วิหาเร กิฺจิ กตฺตพฺพํ อตฺถิ, ตตฺถ หตฺถกมฺมํ เทถา’’ติ ยาจิตพฺพา. ‘‘กุฏิ นาม อุลฺลิตฺตา วา โหติ, อวลิตฺตา วา อุลฺลิตฺตาวลิตฺตา วา’’ติ (ปารา. ๓๔๕) ปทภาชเน วุตฺตตฺตา ‘‘กุฏินฺติ อุลฺลิตฺตาทีสุ อฺตร’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ อุทฺธํ มุขํ ลิตฺตา อุลฺลิตฺตา. อนฺโต ลิมฺปนฺตา หิ เอวํ ลิมฺปนฺติ. อโธ มุขํ ลิตฺตา อวลิตฺตา. พหิ ลิมฺปนฺตา หิ เอวํ ลิมฺปนฺติ. เตนาห ‘‘ตตฺถ อุลฺลิตฺตา นามา’’ติอาทิ. ปิฏฺสงฺฆาโฏติ ทฺวารพาหา. ‘‘สุธาย วา มตฺติกาย วา’’ติ เอเตน เปตฺวา อิเม ทฺเว เลเป อวเสโส ภสฺมาโคมยาทิเภโท อเลโปติ ทสฺเสติ.
ยสฺมา ปน สฺาจิกาย กุฏึ กโรนฺเตนาปิ อิธ วุตฺตนเยเนว ปฏิปชฺชิตพฺพํ, ตสฺมา ‘‘สยํ วา กโรนฺเตน อาณตฺติยา วา การาเปนฺเตนา’’ติ วุตฺตํ. เอตฺถ จ ‘‘สยํ วา กโรนฺเตนา’’ติ อิมินา สามตฺถิยโต ลพฺภมานมตฺถมาห, น ตุ ปทตฺถโต. ‘‘อาณตฺติยา วา การาเปนฺเตนา’’ติ ¶ (ปารา. อฏฺ. ๒.๓๔๘-๓๔๙) ปน ปทตฺถโต. เอวฺจ กตฺวา ยทิ ปน ‘‘กโรนฺเตน วา การาเปนฺเตน วา’’ติ วเทยฺย, พฺยฺชนํ วิโลมิตํ ภเวยฺย. น หิ การาเปนฺโต กโรนฺโต นาม โหตีติ เอทิสี โจทนา อนวกาสาติ ทฏฺพฺพํ. นตฺถิ สามี ปติ เอติสฺสาติ อสามิกา, ตํ ¶ อสามิกํ, อนิสฺสรนฺติ อตฺโถ. อนิสฺสรตา เจตฺถ การาปเนนาติ อาห ‘‘กาเรตา ทายเกน วิรหิต’’นฺติ. อุทฺเทโสติ อุทฺทิสิตพฺโพ.
ตตฺราติ สามิสฺมึ ภุมฺมวจนนฺติ อาห ‘‘ตสฺสา กุฏิยา’’ติ. ทีฆโสติ นิสฺสกฺกวจนนฺติ อาห ‘‘ทีฆโต’’ติ. พหิกุฏฺเฏติ กุฏฺฏสฺส พหิ, ถุเสน มิสฺสโก ปิณฺโฑ ถุสปิณฺโฑ, ตสฺส ปริยนฺโต ถุสปิณฺฑปริยนฺโต, เตน, ถุสมิสฺสกมตฺติกาปิณฺฑปริยนฺเตนาติ วุตฺตํ โหติ. ถุสปิณฺฑสฺสูปริ เสตกมฺมํ ปน อพฺโพหาริกํ. อพฺภนฺตเร ภโว อพฺภนฺตริโม, เตน. ยตฺถาติ ยสฺสํ กุฏิยํ. ปมาณยุตฺโตติ ปกติวิทตฺถิยา นววิทตฺถิปมาโณ. ‘‘ติริยํ สตฺตนฺตรา’’ติ (ปารา. ๓๔๘) อุกฺกํสโต ปมาณสฺส วุตฺตตฺตา ‘‘เหฏฺิมโกฏิยา จตุหตฺถวิตฺถารา น โหตี’’ติ วุตฺตํ.
โสเธตฺวาติ สมตลสีมมณฺฑลสทิสํ กตฺวา. ปทภาชเน วุตฺตนเยน สงฺฆํ ติกฺขตฺตุํ ยาจิตฺวาติ ‘‘สงฺฆํ อุปสงฺกมิตฺวา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา วุฑฺฒานํ ภิกฺขูนํ ปาเท วนฺทิตฺวา อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา เอวมสฺส วจนีโย ‘อหํ, ภนฺเต, สฺาจิกาย กุฏึ กตฺตุกาโม อสามิกํ อตฺตุทฺเทสํ, โสหํ, ภนฺเต, สงฺฆํ กุฏิวตฺถุโอโลกนํ ยาจามี’’’ติ (ปารา. ๓๔๙) ปทภาชเน วุตฺตนเยน ติกฺขตฺตุํ ยาจิตฺวา. สงฺเฆน วา สมฺมตาติ ปทภาชนิยํ (ปารา. ๓๕๐) วุตฺเตน ตฺติทุติยกมฺเมน, อปโลกนกมฺมวเสน วา สงฺเฆน สมฺมตา. วตฺถูติ กุฏิวตฺถุ. อนารมฺภนฺติ อนุปทฺทวํ. ปริโต กมติ คจฺฉติ เอตฺถาติ ปริกฺกมนํ, เตน สห วตฺตตีติ สปริกฺกมนํ, สอุปจารนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘เตหิ ภิกฺขูหี’’ติอาทิ.
กิปิลฺลิกาทีนนฺติ เอตฺถ กิปิลฺลิกา (ปารา. อฏฺ. ๒.๓๕๓) นาม รตฺตกาฬปิงฺคลาทิเภทา ยา กาจิ, ตา อาทิ เยสํ ตานิ กิปิลฺลิกาทีนิ, เตสํ. อาทิสทฺเทน อุปจิกาทีนํ สงฺคหณํ. อาสโยติ นิพทฺธวสนฏฺานํ, โส อาทิ ¶ เยสํ เต อาสยาทโย, เตหิ. อาทิสทฺเทน เจตฺถ นิสฺสิตสฺส คหณํ. โสฬสหิ อุปทฺทเวหีติ ‘‘กิปิลฺลิกานํ วา อาสโย โหติ, อุปจิกานํ วา อุนฺทูรานํ วา อหีนํ วา วิจฺฉิกานํ วา สตปทีนํ วา หตฺถีนํ วา อสฺสานํ วา สีหานํ วา พฺยคฺฆานํ วา ทีปีนํ วา อจฺฉานํ วา ตรจฺฉานํ วา เยสํ เกสฺจิ ติรจฺฉานคตานํ ปาณานํ วา อาสโย โหติ, ปุพฺพณฺณนิสฺสิตํ วา โหติ, อปรณฺณอพฺภาฆาตอาฆาตนสุสานอุยฺยานราชวตฺถุหตฺถิสาลาอสฺสสาลาพนฺธนาคารปานาคารสูนรจฺฉาจจฺจรสภาสํสรณนิสฺสิตํ วา โหตี’’ติ (ปารา. ๓๕๓) เอวํ วุตฺเตหิ โสฬสหิ อุปทฺทเวหิ. ตตฺถ ¶ จ อพฺภาฆาตํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๓๕๓) นาม การณาฆรํ. อาฆาตนํ นาม ธมฺมคนฺธิกา. สุสานนฺติ มหาสุสานํ. สํสรณํ นาม อนิพฺพิชฺฌคมนีโย คตปจฺจาคตมคฺโค.
อาวิชฺฌิตุํ สกฺกุเณยฺยตายาติ ฉินฺนตฏาทีนมภาวโต อนุปริยายิตุํ สกฺกุเณยฺยตาย. เตน ภิกฺขุนาติ กุฏิการเกน ภิกฺขุนา. ยาจิเตหีติ ‘‘เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา วุฑฺฒานํ ภิกฺขูนํ ปาเท วนฺทิตฺวา อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา เอวมสฺส วจนีโย ‘อหํ, ภนฺเต, สฺาจิกาย กุฏึ กตฺตุกาโม อสามิกํ อตฺตุทฺเทสํ, โสหํ, ภนฺเต, สงฺฆํ กุฏิวตฺถุเทสนํ ยาจามี’’’ติ (ปารา. ๓๕๑) ติกฺขตฺตุํ ยาจิเตหิ. ตฺติทุติเยน กมฺเมนาติ –
‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อยํ อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ สฺาจิกาย กุฏึ กตฺตุกาโม อสามิกํ อตฺตุทฺเทสํ, โส สงฺฆํ กุฏิวตฺถุเทสนํ ยาจติ. ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน กุฏิวตฺถุํ เทเสยฺย. เอสา ตฺติ. สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อยํ อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ สฺาจิกาย กุฏึ กตฺตุกาโม อสามิกํ อตฺตุทฺเทสํ, โส สงฺฆํ กุฏิวตฺถุเทสนํ ยาจติ. สงฺโฆ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน กุฏิวตฺถุํ เทเสติ, ยสฺสายสฺมโต ขมติ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน กุฏิวตฺถุสฺส เทสนา, โส ตุณฺหสฺส. ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺย. เทสิตํ สงฺเฆน อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน กุฏิวตฺถุ, ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติ –
เอวํ ¶ ปทภาชเน วุตฺเตน ตฺติทุติเยน กมฺเมน. อาฬวิกา นาม อาฬวิรฏฺเ ชาตา ทารกา, เต ปพฺพชิตกาเลปิ ‘‘อาฬวิกา’’ตฺเวว ปฺายึสุ. เต สนฺธาย วุตฺตํ อาฬวิเก ภิกฺขู’’ติ. เลเป ฆฏิเตติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๓๕๓) อนฺโตเลเป วา อนฺโตเลเปน สทฺธึ ภิตฺติฺจ ฉทนฺจ เอกาพทฺธํ กตฺวา ฆฏิเต, พหิเลเป วา พหิเลเปน สทฺธึ ฆฏิเต. ทฺเว จ ทุกฺกฏานิ สารมฺภอปริกฺกมนวเสน. อุภยวิปนฺนาติ อุภเยหิ เทสนาปมาเณหิ วิปนฺนา วิรหิตา อุภยวิปนฺนา, อเทสิตวตฺถุกา ปมาณาติกฺกนฺตาติ อตฺโถ. ตสฺมินฺติ ทฺวารพนฺเธ วา วาตปาเน วา. เลโป น ฆฏิยตีติ ปุพฺเพ ทินฺนเลโป ทฺวารพนฺเธน วา วาตปาเนน วา สทฺธึ น ฆฏิยติ, เอกาพทฺธํ หุตฺวา น ติฏฺตีติ วุตฺตํ โหติ. ตนฺติ ทฺวารพนฺธํ วา วาตปานํ วา ปรามสติ. ปมเมวาติ เลปกิจฺจสฺส นิฏฺิตตฺตา ทฺวารพนฺธวาตปานานํ ปนโต ปุพฺเพเยว, เลปสฺส นิฏฺิตกฺขเณเยวาติ อธิปฺปาโย. ‘‘ภิกฺขุ กุฏึ กโรติ เทสิตวตฺถุกํ ปมาณิกํ สารมฺภํ สปริกฺกมนํ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. ภิกฺขุ กุฏึ กโรติ เทสิตวตฺถุกํ ปมาณิกํ อนารมฺภํ อปริกฺกมนํ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (ปารา. ๓๕๕) ปทภาชนิยํ วุตฺตตฺตา ‘‘เกวลํ สารมฺภายา’’ติอาทิ วุตฺตํ. วิปฺปกตนฺติ ¶ อนิฏฺิตํ. อฺสฺส ททโต จาติ อฺสฺส ปุคฺคลสฺส วา สงฺฆสฺส วา ททโต จ. คุหา นาม อิฏฺกคุหา วา สิลาคุหา วา ทารุคุหา วา ภูมิคุหา วา. ติณกุฏิ นาม สตฺตภูมิโกปิ ปาสาโท ติณจฺฉทโน ‘‘ติณกุฏิกา’’ติ วุจฺจติ. อฺสฺสาติ อาจริยสฺส วา อุปชฺฌายสฺส วา สงฺฆสฺส วา. วาสาคารํ เปตฺวาติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๓๖๔) อตฺตโน วสนตฺถาย วาสาคารํ เปตฺวา. อุโปสถาคาราทีสูติ เอตฺถ อาทิสทฺเทน ชนฺตาฆรโภชนสาลาอคฺคิสาลานํ คหณํ. เหฏฺิมปมาณสมฺภโวติ จตุหตฺถวิตฺถิณฺณตา. อเทสาเปตฺวา กโรโตติ วตฺถุํ อเทสาเปตฺวา ปมาณาติกฺกนฺตํ, ปมาณยุตฺตํ วา กโรโต. เอตฺถ จ วตฺถุโน อเทสาปนํ อกิริยา. กุฏิกรณํ กิริยา.
กุฏิการสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. วิหารการสิกฺขาปทวณฺณนา
มหนฺตํ ¶ ลาติ คณฺหาตีติ มหลฺลโก, ตํ มหลฺลกํ. โย จ ยํ คณฺหาติ, โส ตสฺส อตฺถีติ อาห ‘‘มหนฺตภาโว เอตสฺส อตฺถีติ มหลฺลโก’’ติ. โส จ มหนฺตภาโว เกน, กุโต จาติ อาห ‘‘สสามิกภาเวนา’’ติอาทิ. น เกวลํ สสามิกภาเวเนวาติ อาห ‘‘ยสฺมา วา’’ติอาทิ. ยทิ เอวํ อถ กสฺมา ‘‘มหลฺลโก นาม วิหาโร สสามิโก วุจฺจตี’’ติ (ปารา. ๓๖๗) เอตฺตกเมว ปทภาชเน วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิ. วิหรนฺติ เอตฺถาติ วิหาโร, อาวาโส. มาติกายํ ภิกฺขู วา อนภิเนยฺยาติ เอตฺถ วา-สทฺโท ‘‘อยํ วา โส มหานาโค’’ติอาทีสุ วิย อวธารณตฺโถ.
โกสมฺพิยนฺติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๓๖๕) เอวํนามเก นคเร. ตสฺส กิร นครสฺส อารามโปกฺขรณิอาทีสุ เตสุ เตสุ าเนสุ โกสมฺพรุกฺขาว อุสฺสนฺนา อเหสุํ, ตสฺมา ตํ ‘‘โกสมฺพี’’ติ สงฺขํ คจฺฉติ. ‘‘กุสุมฺพสฺส นาม อิสิโน อสฺสมโต อวิทูเร มาปิตตฺตา’’ติ เอเก. ฉนฺนตฺเถรํ อารพฺภาติ โย อภินิกฺขมนกาเล สทฺธึ นิกฺขนฺโต, ยสฺส จ สตฺถารา ปรินิพฺพานกาเล พฺรหฺมทณฺโฑ (จูฬว. ๔๔๕) อาณตฺโต, ตํ ฉนฺนตฺเถรํ อารพฺภ. เจติยรุกฺขนฺติ จิตฺตีกตฏฺเน เจติยํ, ปูชารหานํ เทวฏฺานานเมตํ อธิวจนํ, ‘‘เจติย’’นฺติ สมฺมตํ รุกฺขํ เจติยรุกฺขํ. วตฺถุโน อเทสนาย อาปชฺชนโต ‘‘อกิริยมตฺตโต สมุฏฺานภาโว’’ติ วุตฺตํ. มตฺต-สทฺเทน กิริยโต สมุฏฺานตํ ปฏิกฺขิปติ. เกจิ ปน ‘‘วตฺถุอเทสนาย, กุฏิกรเณน จ สมุฏฺานโต กิริยากิริยโต สมุฏฺาตี’’ติ วทนฺติ. ปมาณนิยมาภาโวว วิเสโส.
วิหารการสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. ทุฏฺโทสสิกฺขาปทวณฺณนา
ทูสียตีติ ¶ ทุฏฺโ, ทูเสติ ปรํ วินาเสตีติ โทโส. เตนาห ‘‘ทูสิโต เจวา’’ติอาทิ. อิทานิ ‘‘ทูสิโต เจว ทูสโก จา’’ติ อิมินา ¶ สงฺเขเปน วุตฺตเมวตฺถํ วิตฺถาเรตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘อุปฺปนฺเน หิ โทเส’’ติอาทิมาห. ปกติภาวํ ชหาปิโตติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๓๘๕-๓๘๖) โสมฺมภาวํ ชหาปิโตติ อตฺโถ, วิการมาปาทิโตติ วุตฺตํ โหติ. อาการนานาตฺเตนาติ ทูสิตาการสฺส เจว ทูสกาการสฺส จาติ อิเมสํ ทฺวินฺนํ อาการานํ นานาภาเวน. นปฺปติโตติ ปีติสุขาทีหิ น อภิคโต อนุปคโต, น อุปคโตติ อตฺโถ. โย จ ปีติสุขาทีหิ อนุปคโต, โส เตหิ วชฺชิโต นาม โหตีติ อาห ‘‘ปีติสุขาทีหิ วิวชฺชิโต’’ติ. โย จ เตหิ วชฺชิโต, น โส เตหิ อภิสโฏ นาม โหตีติ อาห ‘‘น อภิสโฏ’’ติ, ปีติสุขาทีหิ น ปตฺถโฏติ อตฺโถ. นาสฺส มูลนฺติ อมูลกํ. ตํ ปน อมูลกตฺตํ ยสฺมา โจทกวเสน อธิปฺเปตํ, น จุทิตกวเสน, ตสฺมา ตทตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยํ โจทเกนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยนฺติ ปาราชิกํ. เอตนฺติ จุทิตกสฺส อาปนฺนานาปนฺนตฺตํ. อิธาติ อิมสฺมึ สิกฺขาปเท.
อิทานิ อตฺตนา วุตฺตเมว ทิฏฺาทึ วิวริตุํ ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตเถวาติ ‘‘ปสาทโสเตน วา ทิพฺพโสเตน วา’’ติ อิมมตฺถํ อติทิสติ. ปริสงฺกิตํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๓๘๕-๓๘๖) ปน ติวิธํ ทิฏฺปริสงฺกิตํ, สุตปริสงฺกิตํ, มุตปริสงฺกิตนฺติ. ตตฺถ ภิกฺขฺุจ มาตุคามฺจ ตถารูเป าเน ทิสฺวา ‘‘อทฺธา อิเมหิ กต’’นฺติ วา ‘‘กริสฺสนฺตี’’ติ วา ปริสงฺกิตํ, อิทํ ทิฏฺปริสงฺกิตํ นาม. อนฺธกาเร วา ปฏิจฺฉนฺโนกาเส วา ภิกฺขุสฺส จ มาตุคามสฺส จ วจนํ สุตฺวา ทุติยสฺส อตฺถิภาวํ อชานโต ปุพฺเพ วุตฺตนเยน ปริสงฺกิตํ, อิทํ สุตปริสงฺกิตํ นาม. ธุตฺเตหิ อิตฺถีหิ สทฺธึ ปจฺจนฺตวิหาเร มณฺฑเป วา สาลาทีสุ วา ปุปฺผคนฺธมํสสุราทีนิ อนุภวิตฺวา คตฏฺานํ ทิสฺวา ‘‘เกน นุ โข อิทํ กต’’นฺติ วีมํสนฺเตน ตตฺร เกนจิ ภิกฺขุนา คนฺธาทีหิ ปูชา กตา โหติ, เภสชฺชตฺถาย อริฏฺํ วา ปีตํ, โส ตสฺส คนฺธํ ฆายิตฺวา ‘‘อยํ โส ภวิสฺสตี’’ติ ปริสงฺกิตํ, อิทํ มุตปริสงฺกิตํ นาม. เอวํ ติวิธสฺส ปริสงฺกิตสฺส อภาโว อปริสงฺกิตํ. เตนาห ‘‘ทิฏฺสุตมุตวเสน เจตสา อปริสงฺกิต’’นฺติ. ตฺจ ปเนตํ ทิฏฺาทิกํ น เกวลํ อตฺตโน วาติ อาห ‘‘อตฺตโน วา ปรสฺส วา’’ติ. ยสฺมา ‘‘ตฺวํ ปณฺฑโก’’ติอาทิวจเนนาปิ โจทยโต อาปตฺติเยว, ตสฺมา ‘‘ภิกฺขุโน อนุรูเปสุ เอกูนวีสติยา อฺตเรนา’’ติ วุตฺตํ. ยทิ เอวํ อถ กสฺมา ปทภาชเน ¶ ‘‘ปาราชิเกน ธมฺเมนาติ จตุนฺนํ อฺตเรนา’’ติ (ปารา. ๓๘๖) วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ปทภาชเน ¶ ปนา’’ติอาทิ. อุปสคฺคนิปาตานํ วาจกสทฺทสนฺนิฏฺาเน ตทตฺถโชตนภาเวน ปวตฺตนโต ‘‘ธํเสยฺยา’’ติ วุตฺตํ. ธํสนฺเจตฺถ อภิภวนํ. เตนาห ‘‘อภิภเวยฺยา’’ติ. ‘‘ตฺวํ เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวี’’ติอาทินา นเยน ปวตฺตาติ ‘‘ตฺวํ เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวิ, อทินฺนํ อาทิยิ, มนุสฺสํ ฆาตยิตฺถ, อภูตํ อาโรจยิตฺถา’’ติ เอวํ ปวตฺตา. เอตฺถ จ ‘‘อสฺสมโณสี’ติ อวนฺทนการณสฺส อวุตฺตตฺตา อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺโน น วนฺทิตพฺโพ’’ติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ อวนฺทิเยสุ อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺนสฺส อวุตฺตตฺตา, ‘‘ปจฺฉา อุปสมฺปนฺเนน ปุเร อุปสมฺปนฺโน วนฺทิโย’’ติ (ปริ. ๔๖๘) วุตฺตตฺตา จ. อิทํ ปน อตฺตนา วตฺตพฺพํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ.
สมีเปติ ทฺวาทสหตฺถปมาเณ ปเทเส. สิกฺขาปจฺจกฺขานเมว หิ หตฺถมุทฺทาย สีสํ น เอติ, อิทํ ปน อนุทฺธํสนํ, อภูตโรจนฺจ เอติเยว. เตนาห ‘‘หตฺถมุทฺทาย เอว วา’’ติ. พฺรหฺมจริยาติ พฺรหฺมํ เสฏฺํ ปสตฺถํ จริยนฺติ พฺรหฺมจริยํ, พฺรหฺมูนํ วา เสฏฺานํ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธอริยสาวกานํ, พฺรหฺมานฺจ จริยนฺติ พฺรหฺมจริยํ, ตมฺหา พฺรหฺมจริยา. เตนาห ‘‘เสฏฺจริยา’’ติ. สาธุ วตสฺส เอกนฺเตน ภทฺทกํ ภเวยฺย. ‘‘ตชฺชนียกมฺมาทิสตฺตวิธมฺปิ กมฺมํ กริสฺสามา’’ติ อาปตฺติยา โจเทนฺตสฺส อธิปฺปาโย กมฺมาธิปฺปาโย. ‘‘อาปตฺติโต วุฏฺาเปสฺสามา’’ติ อธิปฺปาโย วุฏฺานาธิปฺปาโย. อนุวิชฺชนาธิปฺปาโยติ วีมํสนาธิปฺปาโย, อุปปริกฺขาธิปฺปาโย. อนุวิชฺชเกนาติ สงฺฆมชฺเฌ โอติณฺณํ อธิกรณํ วินิจฺฉินิตุํ นิสินฺเนน วินยธเรน. กึ เต ทิฏฺนฺติ ตยา กึ ทิฏฺํ, ปมํ ปาราชิกํ อชฺฌาปชฺชนฺโต ทิฏฺโ, ทุติยํ ตติยํ จตุตฺถํ ปาราชิกํ อาปชฺชนฺโต ทิฏฺโติ วุตฺตํ โหติ. อาทิสทฺเทน ‘‘กินฺติ เต ทิฏฺํ, กทา เต ทิฏฺํ, กตฺถ เต ทิฏฺ’’นฺติ อิมํ นยํ สงฺคณฺหาติ.
สมนตฺถาย ปวตฺตมาเนหิ สมเถหิ อธิกาตพฺพนฺติ อธิกรณํ. ยถา หิ สมนวเสน สมถานํ วิวาทาทีสุ อธิกตภาโว, เอวํ วิวาทาทีนํ เตหิ อธิกตฺตพฺพตาติ. เตนาห ‘‘สมเถหิ อธิกรณียภาเวนา’’ติอาทิ. อิมินา หิ อธิกรณสทฺทสฺส กมฺมสาธนตา วุตฺตา. อธิกรณนฺติ วิวาทาธิกรณํ อนุวาทาธิกรณํ อาปตฺตาธิกรณํ กิจฺจาธิกรณนฺติ จตุพฺพิธํ อธิกรณํ. วิวาทาทีนิ อธิกรณานิ สเมนฺติ วูปสเมนฺตีติ ¶ สมถา, สมฺมุขาวินยาทโย. อถ วา อธิกรียนฺติ เอตฺถาติ อธิกรณํ. เก อธิกรียนฺติ? สมถา. กถํ อธิกรียนฺติ? สมนวเสน. อธิกรณํ สเมนฺติ วูปสเมนฺตีติปิ สมถาติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อาปตฺตาธิกรณํ เปตฺวา เสสาธิกรเณหิ โจทนาย อภาวโต ‘‘อิทํ ปน ปาราชิกสงฺขาตํ ¶ อาปตฺตาธิกรณเมว อธิปฺเปต’’นฺติ วุตฺตํ. อาปตฺติเยว อธิกรณํ อาปตฺตาธิกรณํ. อนุทฺธํสิตกฺขเณเยว สงฺฆาทิเสโส, โส เจ ตงฺขเณเยว ชานาตีติ อธิปฺปาโย.
เมตฺติยภูมชเกติ เมตฺติยฺจ ภูมชกฺจ. ฉพฺพคฺคิยานํ อคฺคปุริสา เอเต. สุทฺธํ วาติ ปาราชิกมนาปนฺนํ วา. ‘‘สเจ โส ตงฺขเณเยว ชานาตี’’ติ อิมินา อาวชฺชนสมยมาห. ตงฺขเณเยว ชานนํ นาม ทุกฺกรํ, สมเยน อาวชฺชิตฺวา าเต ปน าตเมว โหติ. ปจฺฉา เจ ชานาติ, สีสํ น เอติ. สิกฺขาปจฺจกฺขานอภูตาโรจนทุฏฺุลฺลวาจาอตฺตกามทุฏฺโทสภูตาโรจนสิกฺขาปทานีติ สพฺพาเนว หิ อิมานิ เอกปริจฺเฉทานิ. ยสฺมา ปน ปรมฺมุขา สตฺตหิปิ อาปตฺติกฺขนฺเธหิ วทโต ทุกฺกฏเมว, ตสฺมา ‘‘ปรมฺมุขา โจเทนฺตสฺส ปน สีสํ น เอตี’’ติ วุตฺตํ. วุตฺตนยาปตฺติโยติ ‘‘วาจาย วาจายา’’ติอาทินา วุตฺตนยา สงฺฆาทิเสสทุกฺกฏาปตฺติโย. ตเถวาติ วาจาย วาจาเยว. วทนฺตสฺสาติ สตฺตหิปิ อาปตฺติกฺขนฺเธหิ อุปสมฺปนฺนํ สมฺมุขา วทนฺตสฺส. วุตฺตนเยเนวาติ วาจาย วาจาเยว. โอกาสํ กาเรตฺวา อุปสมฺปนฺนํ สมฺมุขา วทนฺตสฺส วาจาย วาจาย ปาจิตฺติยนฺติ อาห ‘‘โอกาสํ กาเรตฺวา วทนฺตสฺส ปาจิตฺติยเมวา’’ติ. เอวสทฺเทน ทุกฺกฏํ นิวตฺตียติ. อสมฺมุขา สตฺตหิปิ อาปตฺติกฺขนฺเธหิ วทนฺตสฺส ทุกฺกฏํ. สตฺตวิธมฺปิ กมฺมนฺติ ตชฺชนียํ, นิยสํ, ปพฺพาชนียํ, ปฏิสารณียํ, ติวิธฺจ อุกฺเขปนียนฺติ สตฺตวิธมฺปิ กมฺมํ.
อุโปสถํ วา ปวารณํ วา เปนฺตสฺส จ โอกาสกมฺมํ นตฺถีติ เอตฺถ อุโปสถโต ปุเร วา ปจฺฉา วา ปิโตปิ อฏฺปิโต โหติ. เขตฺเต ปิโต ปน ปิโต โหติ, ตสฺมา ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อชฺชุโปสโถ ปนฺนรโส, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อุโปสถํ กเรยฺยา’’ติ เอตฺถ ยาว เร-การํ ภณติ, ตาว เปตพฺโพ, อิทํ เขตฺตํ. ยฺย-กาเร ปน วุตฺเต เปนฺเตน ปจฺฉา ปิโต นาม โหติ ¶ . ‘‘สุณาตุ เม’’ติ อนารทฺเธ เปนฺเตน ปุเร ปิโต โหติ. ปวารณาฏฺปนํ ปน สพฺพสงฺคาหิกํ, ปุคฺคลิกฺจาติ ทุวิธํ. ตตฺถ สพฺพสงฺคาหิเก ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ…เป… สงฺโฆ เตวาจิกํ ปวาเรยฺยา’’ติ สุ-การโต ยาว เร-กาโร, ตาว อปริโยสิตาว โหติ ปวารณา, เอตฺถนฺตเร เอกปเทปิ เปนฺเตน ปิตา โหติ ปวารณา. ยฺย-กาเร ปน ปตฺเต ปริโยสิตาว โหติ, ตสฺมา ตโต ปฏฺาย เปนฺเตน อฏฺปิตา โหติ. ปุคฺคลิกฏฺปเน ปน ‘‘สงฺฆํ, ภนฺเต, ปวาเรมิ…เป… ตติยมฺปิ ภนฺเต สงฺฆํ ปวาเรมิ ทิฏฺเน วา…เป… ปสฺสนฺโต ปฏี’’ติ (มหาว. ๒๑๐) สํ-การโต ยาว อยํ สพฺพปจฺฉิโม ฏิ-กาโร, ตาว อปริโยสิตาว โหติ ปวารณา, เอตฺถนฺตเร เอกปเทปิ เปนฺเตน ปิตา โหติ ปวารณา. ‘‘กริสฺสามี’’ติ วุตฺเต ปน ปริโยสิตา โหติ, ตสฺมา ‘‘กริสฺสามี’’ติ เอตสฺมึ ปเท สมฺปตฺเต ปิตาปิ ¶ อฏฺปิตา โหติ. เอเสว นโย ทฺเววาจิกเอกวาจิกสมานวสฺสิกาสุ. เอตาสุปิ หิ ฏิ-การาวสานํเยว ปนกฺเขตฺตนฺติ. เตนาห ‘‘ปนกฺเขตฺตํ ปน ชานิตพฺพ’’นฺติ. โอสเฏ วตฺถุสฺมินฺติ โจทเกน อตฺตนา วตฺตพฺเพ สงฺฆมชฺเฌ อุทาหเฏ. อิทฺจ อิทฺจ กโรตีติ ปาณาติปาตํ, อทินฺนาทานฺจ กโรติ, ชาตรูปรชตฺจ ปฏิคฺคณฺหาติ. อสุโก จ อสุโก จ อสฺสมโณ, อนุปาสโกติ อกฺโกสาธิปฺปาเยน ปรมฺมุขา วทนฺตสฺส ทุกฺกฏํ, สมฺมุขา วทนฺตสฺส ปน ปาจิตฺติยเมว. เตนาห ‘‘สเจ ปน โอทิสฺส นิยเมตฺวา’’ติอาทิ. สงฺขฺยุปคมนนฺติ โวหารูปคมนํ.
ทุฏฺโทสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. อฺภาคิยสิกฺขาปทวณฺณนา
อฺภาคสฺสาติ อฺโกฏฺาสสฺส, ยํ โจเทตุกาโม, ตสฺส ชาติอาทิโต อฺสฺส ติรจฺฉานชาติอาทิโกฏฺาสสฺสาติ วุตฺตํ โหติ. อิทนฺติ นปุํสกนิทฺเทเสน ฉคลกาทึ นิทฺทิสติ, อยํ ฉคลกาทิโกติ อตฺโถ, อธิกรณสทฺทาเปกฺขาย วา นปุํสกนิทฺเทโส, อิทํ ฉคลกาทิสงฺขาตํ อธิกรณนฺติ วุตฺตํ โหติ. อฺภาโค วาติ ติรจฺฉานชาติอาทิเภโท อฺโ โกฏฺาโส วา. อสฺสาติ ฉคลกาทิกสฺส ¶ . อฺภาคิยํ ฉคลกาทิ. เอตฺถ จ ‘‘อฺภาคสมฺพนฺธิ อฺภาคิย’’นฺติ ปมวิคฺคหสฺส อตฺโถ, ‘‘อฺภาควนฺตํ อฺภาคิย’’นฺติ ทุติยวิคฺคหสฺส. เปตฺวา ปน ติรจฺฉานชาติอาทิกํ ปรมตฺถโต วิสุํ ฉคลกาทิเก อสติปิ ‘‘ปฏิมาย สรีร’’นฺติอาทีสุ วิย อเภเทปิ เภทกปฺปนาย ปวตฺตโลกโวหารวเสน ‘‘อฺภาคสฺส อิทํ, อฺภาโค วา อสฺส อตฺถี’’ติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อธิกรียติ เอตฺถาติ อธิกรณํ. เตนาห ‘‘อาธาโร เวทิตพฺโพ’’ติ. อาธรียติ อสฺมินฺติ อาธาโร, ปติฏฺานํ. เตนาห ‘‘วตฺถุ อธิฏฺานนฺติ วุตฺตํ โหตี’’ติ.
อิทานิ ‘‘อฺภาคสฺส อิท’’นฺติอาทินา สงฺเขเปน วุตฺตเมวตฺถํ เกวลํ นยทสฺสนตฺถํ อฏฺุปฺปตฺติยํ อาคตเมว คเหตฺวา วิภชนฺโต ‘‘โย หิ โส’’ติอาทิมาห. เตน นนุ อนาคเต เอวํ โจเทนฺตานํ ปาปภิกฺขูนํ เลโสกาสปิทหนตฺถํ อิทํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, น ปน เมตฺติยภูมชกานํ. เตสฺหิ อาทิกมฺมิกตฺตา อนาปตฺติ, ตสฺมา สามฺเน อตฺโถ วิภชิตพฺโพ. น ปน ‘‘โย หิ โส อฏฺุปฺปตฺติยํ ทพฺโพ มลฺลปุตฺโต’’ติอาทินา วิเสเสนาติ เอทิสี โจทนา อนวกาสาติ ทฏฺพฺพํ. หีติ การณตฺเถ นิปาโต, ยสฺมาติ วุตฺตํ โหติ. อฏฺุปฺปตฺติยนฺติ ¶ อตฺถสฺส อุปฺปตฺติ อตฺถุปฺปตฺติ, อตฺถุปฺปตฺติเยว อฏฺุปฺปตฺติ, ตสฺสํ อฏฺุปฺปตฺติยํ, สิกฺขาปทสฺส นิทาเนติ วุตฺตํ โหติ. ฉคลโกติ เสตฉคลโก. โสติ ฉคลโก. อิมสฺส ปน ‘‘โหตี’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. อฺสฺส…เป… ฉคลกภาวสฺส จาติ ‘‘ติรจฺฉานชาติยา เจว ฉคลกภาวสฺส จา’’ติ สงฺขาตสฺส อฺสฺส ภาคสฺส โกฏฺาสสฺส, ปกฺขสฺสาติ อตฺโถ.
กุโตยมฺโ, ยโต ‘‘อฺสฺส ภาคสฺสา’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ยฺวายํ…เป… ตโต’’ติ. ตตฺถ มนุสฺสชาติ เจว ภิกฺขุภาโว จาติ โย อยํ ภาโค โกฏฺาโส ปกฺโขติ สมฺพนฺโธ, ‘‘มนุสฺสชาติ เจว ภิกฺขุภาโว จา’’ติ สงฺขาโต โย อยํ ภาโค โกฏฺาโส ปกฺโขติ อตฺโถ. ตโตติ ‘‘มนุสฺสชาติ เจว ภิกฺขุภาโว จา’’ติ ภาคโต. โส วา อฺภาโคติ ยถาวุตฺตติรจฺฉานชาติฉคลกภาวสงฺขาโต โส อฺภาโค วา. อสฺสาติ ฉคลกสฺส. อตฺถีติ อุปลพฺภติ. ตสฺมาติ ยสฺมา อฺภาคสฺส ฉคลโก โหติ, ยสฺมา จ โส วา อฺภาโค อสฺส ¶ อตฺถิ, ตสฺมา. อฺภาคิยสงฺขฺยํ ลภตีติ เอตฺถ ‘‘โส ยฺวาย’’นฺติ อิธ โส-สทฺทเมว อาเนตฺวา โส อฺภาคิยสงฺขํ ลภตีติ โยเชตพฺพํ, ‘‘โส’’ติ วา ปาเสโส ทฏฺพฺโพ. จ-สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ. โส ปน อธิกรณสทฺทโต ปรํ ทฏฺพฺโพ, ‘‘อธิกรณ’’นฺติ จ เวทิตพฺโพติ. เตสนฺติ เมตฺติยภูมชกานํ. อิมํ มยํ ทพฺพํ มลฺลปุตฺตํ นาม กโรมาติ ฉคลกํ อชิกาย วิปฺปฏิปชฺชนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มยํ, อาวุโส, อิมํ ฉคลกํ ทพฺพํ มลฺลปุตฺตํ นาม กโรมา’’ติ วทนฺตานํ. นามกรณสฺายาติ นามกรณสงฺขาตาย สฺาย. เอตฺถาปิ ‘‘โย โส’’ติอาทิกํ อาเนตฺวา ตสฺสา นามกรณสฺาย โย โส อฏฺุปฺปตฺติยํ ‘‘ทพฺโพ มลฺลปุตฺโต นามา’’ติ ฉคลโก วุตฺโต, โส ยสฺมา อาธาโร วตฺถุ อธิฏฺานนฺติ โยเชตพฺพํ.
อิทานิ กถเมตํ วิฺายติ ‘‘อธิกรณ’’นฺติ เจตฺถ อาธาโร เวทิตพฺโพ, น วิวาทาธิกรณาทีสุ อฺตรนฺติ อนุโยคํ สนฺธายาห ‘‘ตฺหิ สนฺธายา’’ติอาทิ. ตตฺถ ตนฺติ ตสฺสา นามกรณสฺาย อธิฏฺานภูตํ ฉคลกํ ปจฺจามสติ. วิวาทาธิกรณาทีสุ อฺตรํ สนฺธาย น วุตฺตนฺติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ การณํ ปุจฺฉติ ‘‘กสฺมา’’ติ. การณมาห ‘‘อสมฺภวโต’’ติ. อิทานิ ตเมว อสมฺภวํ ปากฏํ กตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘น หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. น หิ อุปาทิยึสูติ สมฺพนฺโธ. อุปาทิยึสูติ คณฺหึสุ. กึ จตุนฺนํ อธิกรณานมฺปิ เลโส อตฺถิ, เยเนวํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘น จ จตุนฺนํ อธิกรณาน’’นฺติอาทิ. อิทานิ ตเมว สมตฺเถตุํ ‘‘ชาติเลสาทโย หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ชาติเยว เลโส ชาติเลโส. อาทิสทฺเทน นามเลสาทีนํ คหณํ. โหติ เจตฺถ –
‘‘เลสา ¶ ชาตินามโคตฺต-ลิงฺคาปตฺติวสาปิ จ;
ปตฺตจีวรุปชฺฌายา-จริยาวาสวสา ทสา’’ติ.
อาปตฺติเลโส นาม ลหุกํ อาปตฺตึ อาปชฺชนฺโต ทิฏฺโ โหติ. ตฺเจ ปาราชิเกน โจเทติ ‘‘อสฺสมโณสิ, อสกฺยปุตฺติโยสี’’ติ, อาปตฺติ วาจาย วาจาย สงฺฆาทิเสสสฺสาติ (ปารา. ๓๙๖) เอวํ อาปตฺติเลสมฺปิ ปุคฺคลสฺมึเยว อาโรเปตฺวา วุตฺตตฺตา ‘‘ปุคฺคลานํเยว เลสา วุตฺตา’’ติ วุตฺตํ ¶ . ตฺจ ‘‘ทพฺโพ มลฺลปุตฺโต’’ติ นามนฺติ เมตฺติยภูมชเกหิ ฉคลกสฺส กตํ ตํ ‘‘ทพฺโพ มลฺลปุตฺโต’’ติ นามฺจ. เอวํ อสมฺภวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อิมินาว ปสงฺเคน เทสเลสสทฺทานํ อตฺถํ สํวณฺเณตุํ ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิมาห. เอตฺถาติ เอเตสุ ทฺวีสุ เทสเลเสสุ. เทโส นาม ชาติอาทิเภโท โวหาโร. เตนาห ‘‘ชาติอาทีสู’’ติอาทิ. อฺมฺปิ วตฺถุนฺติ ยสฺมึ วตฺถุสฺมึ ปติฏฺิตํ, ตํ มฺุจิตฺวา อฺมฺปิ วตฺถุํ. กถํ สิลิสฺสตีติ อาห ‘‘โวหารมตฺเตเนวา’’ติอาทิ, โวหารมตฺเตเนว, น ตุ อตฺถโตติ อธิปฺปาโย. ‘‘อีสกํ อลฺลียตี’’ติ อิมินา ‘‘เลโส’’ติ ลิส อลฺลีภาเวติ อิมสฺส รูปนฺติ ทสฺเสติ. กิฺจาปิ เทสเลสานํ วุตฺตนเยน พฺยฺชนโต นานากรณํ อตฺถิ, อตฺถโต ปน นตฺถีติ อาห ‘‘ชาติอาทีนํเยว อฺตรโกฏฺาสสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ.
ยทิ ปน นามกรณสฺาย อาธารภูตํ ฉคลกํ สนฺธาย ‘‘อฺภาคิยสฺส อธิกรณสฺสา’’ติ วุตฺตํ, อถ กสฺมา ปทภาชเน ตํ อวิภชิตฺวา ‘‘อฺภาคิยสฺส อธิกรณสฺสาติ อาปตฺตฺภาคิยํ วา โหติ อธิกรณฺภาคิยํ วา’’ติอาทิ (ปารา. ๓๙๓) วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ปทภาชเน ปนา’’ติอาทิ. ตนฺติ อาธารสงฺขาตํ อธิกรณํ. อาวิภูตํ ปากฏํ. อตฺถุทฺธารวเสนาติ เตน วตฺตพฺพอตฺถานํ อุทฺธรณวเสน. นนุ จ ‘‘อตฺถมตฺตํ ปติ สทฺทา อภินิวิสนฺตี’’ติ น เอเกน สทฺเทน อเนกตฺถา อภิธียนฺตีติ? สจฺจเมตํ สทฺทวิเสเส อเปกฺขิเต, เตสํ เตสํ ปน อตฺถานํ อธิกรณสทฺทวจนียตาสามฺํ อุปาทาย วุจฺจมาโน อยํ วิจาโร อธิกรณสทฺทสฺส อตฺถุทฺธาโรติ วุตฺโต. เตเนวาห ‘‘อธิกรณนฺติ วจนสามฺโต อตฺถุทฺธารวเสน ปวตฺตานิ จตฺตาริ อธิกรณานี’’ติ. อฺภาคิยตาติ อฺปกฺขิยตา. ตพฺภาคิยตาติ ตปฺปกฺขิยตา. อปากฏา ปทภาชนโต อฺตฺร ทสฺสิตฏฺานาภาวโต. อวสาเน อาปตฺตฺภาคิเยน โจทนฺจาติ ‘‘ภิกฺขุ สงฺฆาทิเสสํ อชฺฌาปชฺชนฺโต ทิฏฺโ โหติ, สงฺฆาทิเสเส สงฺฆาทิเสสทิฏฺิ โหติ, ตฺเจ ปาราชิเกน โจเทตี’’ติอาทิโจทนํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อธิกรณฺภาคิย’’นฺติ. เอกเมกฺหิ อธิกรณํ อิตเรสํ ติณฺณํ ติณฺณํ อฺภาคิยํ อฺปกฺขิยํ ¶ อฺโกฏฺาสิยํ โหติ วตฺถุวิสภาคตฺตา. อาทิสทฺเทน ¶ ‘‘กถํ อธิกรณํ อธิกรณสฺส อฺภาคิย’’นฺติอาทิโก ปทวิภาโค สงฺคหิโต.
กิฺจิ เทสํ เลสมตฺตํ อุปาทายาติ เอตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตสฺสาปิ อสมฺภวทสฺสนปฺปสงฺเคน เหฏฺา วุตฺตตฺตา ‘‘เสสา วินิจฺฉยกถา อฏฺเม วุตฺตสทิสาเยวา’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ เสสา วินิจฺฉยกถาติ ‘‘ปาราชิเกนาติ ภิกฺขุโน อนุรูเปสุ เอกูนวิสติยา อฺตเรนา’’ติอาทิกา (กงฺขา. อฏฺ. ทุฏฺโทสสิกฺขาปทวณฺณนา) วินิจฺฉยกถา. วุตฺตสทิสาเยวาติ เอตฺถ อิมสฺมึ สิกฺขาปเท ยา วตฺตพฺพา, เตน สิกฺขาปเทน สาธารณภูตา สา วุตฺตสทิสาเยวาติ อธิปฺเปตา, น อสาธารณภูตา อปุพฺพวณฺณนาย อธิปฺเปตตฺตา. เตเนวาห ‘‘อยํ ปนา’’ติอาทิ. ปุริมสฺมึ สิกฺขาปเทปิ ตถาสฺิโน อนาปตฺติกตฺตา ‘‘อิธ จา’’ติ วุตฺตํ. ตถาสฺิโนปีติ ‘‘ปาราชิกํเยว อยํ อาปนฺโน’’ติ เอวํสฺิโนปิ. อิติสทฺโท อาทิอตฺโถ วา ปการตฺโถ วา. เตน เกนจิ ภิกฺขุนา อฺโ โกจิ ขตฺติยชาติโก ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปชฺชนฺโต ทิฏฺโ โหติ, อถ โส อฺํ อตฺตโน เวรึ ขตฺติยชาติกํ ภิกฺขุํ ปสฺสิตฺวา ตํ ขตฺติยชาติเลสํ คเหตฺวา เอวํ โจเทติ ‘‘ขตฺติโย มยา ทิฏฺโ ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปชฺชนฺโต, ตฺวํ ขตฺติโย ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปนฺโนสิ, อถ วา ตฺวํ โข ขตฺติโย, น อฺโ, ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปนฺโนสิ, อสฺสมโณสิ, อสกฺยปุตฺติโยสิ, นตฺถิ ตยา สทฺธึ อุโปสโถ วา ปวารณา วา สงฺฆกมฺมํ วา’’ติ, อาปตฺติ วาจาย วาจาย สงฺฆาทิเสสสฺส. เอตฺถ จ เตสํ ขตฺติยานํ อฺมฺํ อสทิสสฺส ตสฺส ตสฺส ทีฆาทิโน วา ทิฏฺาทิโน วา วเสน อฺภาคิยตา, ขตฺติยชาติปฺตฺติยา อาธารวเสน อธิกรณตา จ เวทิตพฺพา. เอส นโย นามเลสาทีสุปิ.
อาปตฺติเลเส ปน เกนจิ ภิกฺขุนา โกจิ ภิกฺขุ ลหุกํ อาปตฺตึ อาปชฺชนฺโต ทิฏฺโ โหติ, โส เจตํ ภิกฺขุํ ปาราชิเกน โจเทติ, อาปตฺติ วาจาย วาจาย สงฺฆาทิเสสสฺส. ยทิ เอวํ กถํ อฺภาคิยํ อธิกรณํ โหตีติ? ยฺหิ โส ลหุกํ อาปตฺตึ อาปนฺโน, ตํ ปาราชิกสฺส อฺภาคิยํ อธิกรณํ, ตสฺส ปน อฺภาคิยสฺส อธิกรณสฺส เลโส นาม. โย โส สพฺพขตฺติยานํ สาธารโณ ขตฺติยภาโว วิย สพฺพาปตฺตีนํ สาธารโณ อาปตฺติภาโว. เอเตเนว อุปาเยน ¶ ‘‘เกนจิ ภิกฺขุนา โกจิ ภิกฺขุ สงฺฆาทิเสสํ อชฺฌาปชฺชนฺโต ทิฏฺโ โหตี’’ติอาทิกํ วิเสสํ สงฺคณฺหาติ.
อฺภาคิยสิกฺขํ ¶ โย, เนว สิกฺขติ ยุตฺติโต;
คจฺเฉ วินยวิฺูหิ, อฺภาคิยตํว โส. (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๔๐๘);
อฺภาคิยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. สงฺฆเภทสิกฺขาปทวณฺณนา
สหิตสฺสาติ กายจิตฺเตหิ เอกีภูตสฺส. เตนาห ‘‘จิตฺเตน จ สรีเรน จ อวิยุตฺตสฺสาติ อตฺโถ’’ติ. อสฺสาติ ‘‘สมคฺคสฺสา’’ติ ปทสฺส. สมานสํวาสโกติ สมาโน เอกูโปสถาทิเภโท สํวาโส อสฺสาติ สมานสํวาสโก, ลทฺธินานาสํวาสเกน วา กมฺมนานาสํวาสเกน วา วิรหิโต. กายสามคฺคิทานโตติ กาเยน, กายสฺส วา สามคฺคิยา สหิตภาวสฺส ทานโต, เตสุ เตสุ สงฺฆกมฺเมสุ หตฺถปาสูปคมนโตติ วุตฺตํ โหติ. กถํ นามายํ ภิชฺเชยฺยาติ อยํ สงฺโฆ เกน นุ โข อุปาเยน วคฺโค ภเวยฺย. วายาเมยฺยาติ อุสฺสาหํ กเรยฺย, ปกฺขํ ปริเยเสยฺย, คณํ พนฺเธยฺยาติ วุตฺตํ โหติ. อตฺตโน ผลํ กโรตีติ กรณํ, ยํ กิฺจิ การณํ, อธิกํ กรณนฺติ อธิกรณํ, วิเสสการณํ, วิเสสการณฺจ สงฺฆเภทสฺสาติ วุตฺตํ ‘‘เภทนสฺสา’’ติอาทิ. เภทกรวตฺถุวเสน อฏฺารสวิธนฺติ –
‘‘อิธุปาลิ ภิกฺขู อธมฺมํ ‘ธมฺโม’ติ ทีเปนฺติ, ธมฺมํ ‘อธมฺโม’ติ ทีเปนฺติ. อวินยํ ‘วินโย’ติ ทีเปนฺติ, วินยํ ‘อวินโย’ติ ทีเปนฺติ. อภาสิตํ อลปิตํ ตถาคเตน ‘ภาสิตํ ลปิตํ ตถาคเตนา’ติ ทีเปนฺติ, ภาสิตํ ลปิตํ ตถาคเตน ‘อภาสิตํ อลปิตํ ตถาคเตนา’ติ ทีเปนฺติ. อนาจิณฺณํ ตถาคเตน ‘อาจิณฺณํ ตถาคเตนา’ติ ทีเปนฺติ, อาจิณฺณํ ตถาคเตน ‘อนาจิณฺณํ ตถาคเตนา’ติ ทีเปนฺติ. อปฺตฺตํ ตถาคเตน ‘ปฺตฺตํ ตถาคเตนา’ติ ทีเปนฺติ, ปฺตฺตํ ตถาคเตน ¶ ‘อปฺตฺตํ ตถาคเตนา’ติ ทีเปนฺติ. อนาปตฺตึ ‘อาปตฺตี’ติ ทีเปนฺติ, อาปตฺตึ ‘อนาปตฺตี’ติ ทีเปนฺติ. ลหุกํ อาปตฺตึ ‘ครุกา อาปตฺตี’ติ ทีเปนฺติ, ครุกํ อาปตฺตึ ‘ลหุกา อาปตฺตี’ติ ทีเปนฺติ. สาวเสสํ อาปตฺตึ ‘อนวเสสา อาปตฺตี’ติ ทีเปนฺติ, อนวเสสํ อาปตฺตึ ‘สาวเสสา อาปตฺตี’ติ ทีเปนฺติ. ทุฏฺุลฺลํ อาปตฺตึ ‘อทุฏฺุลฺลา อาปตฺตี’ติ ทีเปนฺติ, อทุฏฺุลฺลํ อาปตฺตึ ‘ทุฏฺุลฺลา อาปตฺตี’ติ ทีเปนฺตี’’ติ (จูฬว. ๓๕๒) –
เอวํ ¶ กมฺมกฺขนฺธเก วุตฺตานํ อฏฺารสนฺนํ เภทกรณานํ วเสน อฏฺารสวิธํ. การณฺหิ ตทายตฺตวุตฺติตาย ผลํ เอตฺถ วสตีติ ‘‘วตฺถู’’ติ วุจฺจติ. โหนฺติ เจตฺถ –
‘‘ธมฺมวินยภาสิตา-จิณฺณปฺตฺติกา ทุกา;
อาปตฺติลหุทุฏฺุลฺล-สาวเสสทุกานิ จ.
‘‘เอตานฏฺารส ‘เภท-กรวตฺถู’ติ วุจฺจเร;
วิปลฺลาสคหิตานิ, วาทมูลูปนิสฺสยา’’ติ.
ปคฺคยฺหาติ ปคฺคหิตํ อพฺภุสฺสิตํ ปากฏํ กตฺวา. ติฏฺเยฺยาติ ยถาสมาทินฺนํ, ยถาปคฺคหิตเมว จ กตฺวา อจฺเฉยฺย. ยสฺมา ปน เอวํ ปคฺคณฺหตา, ติฏฺตา จ ตํ ทีปิตฺเจว อวินิสฺสฏฺฺจ โหติ, ตสฺมา ‘‘ทีเปยฺย เจว นปฺปฏินิสฺสชฺเชยฺย จา’’ติ วุตฺตํ. กีว ทูเร สุตฺวา คนฺตฺวา อวทนฺตานํ ทุกฺกฏนฺติ อาห ‘‘สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทนา’’ติอาทิ. ปิ-สทฺโท เจตฺถ อฏฺานปฺปยุตฺโต, ตสฺส ‘‘อฑฺฒโยชนมตฺต’’นฺติ อิมินา สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. ตตฺถ ‘‘อฑฺฒโยชนมตฺต’’นฺติ อิมินา เอกวิหาเร วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ ทีเปติ. ‘‘คนฺตฺวา’’ติ อิมินา ทูตํ วา ปณฺณํ วา เปเสตฺวา วทโตปิ อาปตฺติโมกฺโข นตฺถิ, สยเมว ปน คนฺตฺวา ‘‘ครุโก โข, อาวุโส, สงฺฆเภโท, มา สงฺฆเภทาย ปรกฺกมี’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๑๑) นิวาเรตพฺโพติ ทีเปติ.
สมาคจฺฉตูติ เอกีภวตุ. เอกีภาโว จ สมานลทฺธิวเสน โหตีติ อาห ‘‘เอกลทฺธิโก โหตู’’ติ. เอกา ลทฺธิ คหณํ อสฺสาติ เอกลทฺธิโก, เอกทิฏฺิโกติ อตฺโถ. อฺมฺสมฺปตฺติยาติ อฺมฺสฺส สมานทิฏฺิจิตฺตตาสงฺขาตาย สมฺปตฺติยา. ‘‘อฺมฺสฺส คุณลาภาทิกาย สมฺปตฺติยา’’ติ ¶ เกจิ. อสมคฺโค หิ วิสุํ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสติ, พหิสีมายํ วา อนุปริเวณิยํ วาติ น เอกุทฺเทโส. เตนาห ‘‘เอกโต ปวตฺตปาติโมกฺขุทฺเทโสติ อตฺโถ’’ติ. อปฺปฏินิสฺสชฺชโต ทุกฺกฏนฺติ วิสุํ วิสุํ วทนฺตานํ คณนาย ทุกฺกฏํ. สมนุภาสนกมฺมํ กาตพฺพนฺติ ยาวตติยํ สมนุภาสนกมฺมํ กาตพฺพํ, ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อยํ อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ สมคฺคสฺส สงฺฆสฺส เภทาย ปรกฺกมตี’’ติอาทินา (ปารา. ๔๑๓) ปทภาชเน วุตฺตาหิ ตฺติจตุตฺถาหิ ตีหิ สมนุภาสนกมฺมวาจาหิ กมฺมํ กาตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘เภทาย ปรกฺกเมยฺยา’’ติ วิสุํ วุตฺตตฺตา เภทนสํวตฺตนิกสฺส อธิกรณสฺส สมาทาย ปคฺคณฺหนโต ปุพฺเพปิ ปกฺขปริเยสนาทิวเสน สงฺฆเภทาย ปรกฺกมนฺตสฺส สมนุภาสนกมฺมํ กาตพฺพนฺติ ¶ เวทิตพฺพํ. ปฏินิสฺสชฺชนฺตสฺส อนาปตฺติภาวโต ‘‘โสตฺถิภาโว ตสฺส ภิกฺขุโน’’ติ วุตฺตํ.
กิฺจาปิ ภิกฺขุนี สงฺฆํ น ภินฺทติ, อปิจ โข เภทาย ปรกฺกมตีติ ‘‘สาธารณปฺตฺตี’’ติ วุตฺตํ. สงฺฆาทิเสสํ อชฺฌาปชฺชนฺตสฺส ตฺติยา ทุกฺกฏํ, ทฺวีหิ กมฺมวาจาหิ ถุลฺลจฺจยา จ ปฏิปฺปสฺสมฺภนฺตีติ อาห ‘‘สมนุภาสนกมฺเม’’ติอาทิ. ตฺจ ทุกฺกฏํ เต จ ถุลฺลจฺจยา ปฏิปฺปสฺสมฺภนฺตีติ ยฺจ ตฺติปริโยสาเน ทุกฺกฏํ อาปนฺโน, เย จ ทฺวีหิ กมฺมวาจาหิ ถุลฺลจฺจเย, ตา ติสฺโสปิ อาปตฺติโย ลิงฺคปริวตฺเตน อสาธารณาปตฺติโย วิย ปฏิปฺปสฺสมฺภนฺติ. สเจ ปนสฺส ตฺติปริโยสาเน ลชฺชิธมฺโม โอกฺกมติ, สํวโร อุปฺปชฺชติ, ตํ ปฏินิสฺสชฺชติ, ตฺติยา ทุกฺกฏํ เทเสตฺวา มุจฺจติ. อถ ตํ น ปฏินิสฺสชฺชติ, เภทาย ปรกฺกมติ เจว เภทนสํวตฺตนิกํ อธิกรณํ สมาทาย ปคฺคยฺห ติฏฺติ จ, ตฺติทุกฺกฏํ ปฏิปฺปสฺสมฺภติ, ปมกมฺมวาจาย ถุลฺลจฺจเย ปติฏฺาติ. เอส นโย อิตรกมฺมวาจายมฺปิ. อสมนุภาสิยมานสฺส อปฺปฏินิสฺสชฺชนฺตสฺสาปิ สงฺฆาทิเสเสน อนาปตฺติ. ปฏินิสฺสชฺชนฺตสฺสาปิ ตฺติโต ปุพฺเพ วา ตฺติกฺขเณ วา ตฺติปริโยสาเน วา ปมาย วา อนุสฺสาวนาย ทุติยาย วา ตติยาย วา ยาว ยฺย-การํ น สมฺปาปุณาติ, ตาว ปฏินิสฺสชฺชนฺตสฺส สงฺฆาทิเสเสน อนาปตฺติ. เตนาห ‘‘อสมนุภาสิยมานสฺส จา’’ติอาทิ.
เอตฺถ ปน (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๑๖) ‘‘เทวทตฺโต สมคฺคสฺส สงฺฆสฺส เภทาย ปรกฺกมิ, ตสฺมึ วตฺถุสฺมิ’’นฺติ (ปริ. ๑๗) ปริวาเร อาคตตฺตา เทวทตฺโต อาทิกมฺมิโก, โส จ โข ¶ สงฺฆเภทาย ปรกฺกมนสฺเสว, น อปฺปฏินิสฺสชฺชนสฺส. น หิ ตสฺส ตํ กมฺมํ กตํ. กถมิทํ ชานิตพฺพนฺติ เจ? สุตฺตโต. ตถา หิ ‘‘อริฏฺโ ภิกฺขุ คทฺธพาธิปุพฺโพ ปาปิกาย ทิฏฺิยา ยาวตติยํ สมนุภาสนาย น ปฏินิสฺสชฺชิ, ตสฺมึ วตฺถุสฺมิ’’นฺติ ปริวาเร อาคตตฺตา อริฏฺสฺส กมฺมํ กตนฺติ ปฺายติ, น ตถา เทวทตฺตสฺส. อถาปิสฺส กเตน ภวิตพฺพนฺติ โกจิ อตฺตโน รุจิมตฺเตน วเทยฺย, ตถาปิ อปฺปฏินิสฺสชฺชเน อาทิกมฺมิกสฺส อนาปตฺติ นาม นตฺถิ. น หิ ปฺตฺตํ สิกฺขาปทํ วีติกฺกมนฺตสฺส อฺตฺร โอทิสฺส อนฺุาตโต อนาปตฺติ นาม ทิสฺสติ. ยมฺปิ อริฏฺสิกฺขาปทสฺส ปทภาชเน อนาปตฺติยํ ‘‘อาทิกมฺมิกสฺสา’’ติ โปตฺถเกสุ ลิขิตํ, ตํ ปมาทลิขิตํ, ปมาทลิขิตภาโว จ ตสฺส ‘‘ปมํ อริฏฺโ ภิกฺขุ โจเทตพฺโพ, โจเทตฺวา สาเรตพฺโพ, สาเรตฺวา อาปตฺตึ อาโรเปตพฺโพ’’ติ (จูฬว. ๖๕) เอวํ กมฺมกฺขนฺธเก อาปตฺติโรปนโต เวทิตพฺโพ.
อิธ ¶ เภทาย ปรกฺกมเน อาทิกมฺมิกสฺส เทวทตฺตสฺส ยสฺมา ตํ กมฺมํ น กตํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๑๖), ตสฺมาสฺส อาปตฺติเยว น ชาตา. สิกฺขาปทํ ปน ตํ อารพฺภ ปฺตฺตนฺติ กตฺวา ‘‘อาทิกมฺมิโก’’ติ วุตฺโต. อิติ อาปตฺติยา อภาวโตเยวสฺส อนาปตฺติ วุตฺตา. สา ปเนสา กิฺจาปิ ‘‘อสมนุภาสิยมานสฺสา’’ติ อิมินาว สิทฺธา. ยสฺมา ปน อสมนุภาสิยมาโน นาม ยสฺส เกวลํ สมนุภาสนํ น กโรนฺติ, โส วุจฺจติ, น อาทิกมฺมิโก. อยฺจ เทวทตฺโต อาทิกมฺมิโกเยว. ตสฺมา ‘‘อาทิกมฺมิกสฺสา’’ติ (ปารา. ๔๑๖) วุตฺตํ. เอเตเนว อุปาเยน เปตฺวา อริฏฺสิกฺขาปทํ สพฺพสมนุภาสนาสุ วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ. กายวาจาจิตฺตโต สมุฏฺานโต สมนุภาสนสมุฏฺานํ. ‘‘ปฏินิสฺสชฺชามี’’ติ กายวิการํ วา วจีเภทํ วา อกโรนฺตสฺเสว ปน อาปชฺชนโต อกิริยํ. ‘‘นปฺปฏินิสฺสชฺชามี’’ติ สฺาย อภาเวน มุจฺจนโต สฺาวิโมกฺขํ. ‘‘นปฺปฏินิสฺสชฺชามี’’ติ ชานนจิตฺเตเนว สจิตฺตกํ.
สงฺฆเภทสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๑. เภทานุวตฺตกสิกฺขาปทวณฺณนา
ตสฺเสวาติ ¶ เภทาย ปรกฺกมนฺตสฺเสว. โขติ นิปาตมตฺตํ. ปนาติ วิเสเส นิปาโต. ยํ วจนํ สมคฺเคปิ วคฺเค อวยวภูเต กโรติ ภินฺทติ, ตํ กลหการกวจนํ อิธ ‘‘วคฺค’’นฺติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘วคฺคํ อสามคฺคิปกฺขิยวจนํ วทนฺตี’’ติ. อสามคฺคิปกฺเข ภวา อสามคฺคิปกฺขิยา, กลหการกา, เตสํ วจนํ อสามคฺคิปกฺขิยวจนํ, อสามคฺคิปกฺเข วา ภวํ วจนํ อสามคฺคิปกฺขิยวจนํ. ‘‘น หิ สงฺโฆ สงฺฆสฺส กมฺมํ กโรตี’’ติ อิทํ นิคฺคหวเสน กตฺตพฺพํ กมฺมํ สนฺธาย วุตฺตํ, อุพฺพาหิกาทิกมฺมํ ปน พหูนมฺปิ กาตุํ วฏฺฏติเยว. ธมฺมวาทีติ ภูตวาที. วินยวาทีติ วูปสมวาที. ชานาติ โนติ เอตฺถาปิ ‘‘ฉนฺทฺจ รุจิฺจา’’ติ อิทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. เตนาห ‘‘อมฺหากํ ฉนฺทาทีนิ ชานาตี’’ติ. ภาสตีติ เอตฺถ ‘‘โน’’ติ อิทํ วิภตฺติวิปริณาเมน ยุชฺชติ. เตนาห ‘‘เอวํ กโรมาติ อมฺเหหิ สทฺธึ ภาสตี’’ติ. ‘‘เอต’’นฺติ อิมินา ตสฺส กมฺมํ ปจฺจามฏฺนฺติ อาห ‘‘ยํ โส กโรตี’’ติอาทิ. โสติ สงฺฆเภทาย ปรกฺกมนฺโต. สเมตายสฺมนฺตานนฺติ เอตฺถ ‘‘จิตฺต’’นฺติ อชฺฌาหริตพฺพนฺติ อาห ‘‘อายสฺมนฺตานํ จิตฺต’’นฺติ. วุตฺตสทิสาเยวาติ เอตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา อฺภาคิยสิกฺขาปทฏฺกถาย วณฺณนายํ (กงฺขา. อฏฺ. อฺภาคิยสิกฺขาปทวณฺณนา) วุตฺตเมว.
เภทานุวตฺตกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๒. ทุพฺพจสิกฺขาปทวณฺณนา
ทุกฺเขน ¶ วตฺตพฺโพ อนุสาสิตุํ อสกฺกุเณยฺโย สภาโว อสฺสาติ ทุพฺพจชาติโก, วิโลมภาวี. เตนาห ‘‘ทุพฺพจสภาโว’’ติอาทิ. วตฺตุํ อสกฺกุเณยฺโยติ กิสฺมิฺจิ วุจฺจมาเน อสหนโต โอวทิตุํ อสกฺกุเณยฺโย. อุทฺทิสียตีติ อุทฺเทโส, ปาติโมกฺโข, ตสฺมึ ปริยาปนฺนา อนฺโตคธา อุทฺเทสปริยาปนฺนา, เตสุ อุทฺเทสปริยาปนฺเนสุ. เตนาห ‘‘อุทฺเทเส’’ติอาทิ. อถ สพฺพาเนว สิกฺขาปทานิ กถํ ปาติโมกฺขุทฺเทสปริยาปนฺนานีติ อาห ‘‘ยสฺส สิยา อาปตฺติ, โส ‘อาวิกเรยฺยา’ติ เอวํ สงฺคหิตตฺตา’’ติ. ‘‘ยสฺส สิยา อาปตฺตี’’ติ อิมินา ¶ สพฺพาปิ อาปตฺติโย นิทานุทฺเทเส สงฺคหิตา เอว โหนฺติ. สิกฺขาปเทสูติ อธิสีลสิกฺขาย อธิคมูปายภูเตสุ วินยปฺตฺตีสูติ อตฺโถ. โส ปน ปากโฏเยวาติ อฏฺกถายํ น วุตฺโต. ปฺจหิ สหธมฺมิเกหีติ ภิกฺขุภิกฺขุนิสามเณรสามเณริสิกฺขมานาหิ. สิกฺขิตพฺพตฺตาติ ลพฺภมานวเสน สิกฺขิตพฺพตฺตา. ตถา หิ เตหิ ยถาสกํ สิกฺขา สิกฺขียติ, น สพฺพา. พุทฺธปฺตฺเตนาติ พุทฺเธน ปิเตน, วิหิเตนาติ อตฺโถ. อถ วา สหธมฺมิเกน สการเณน วุจฺจมาโนติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. วจนายาติ นิสฺสกฺเก สมฺปทานวจนนฺติ อาห ‘‘ตโต มม วจนโต’’ติ.
ทุพฺพจสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๓. กุลทูสกสิกฺขาปทวณฺณนา
นครสฺสาปิ คามวิเสสตฺตา อิธ คามคฺคหเณเนว นครมฺปิ คหิตนฺติ อาห ‘‘นครมฺปิ คาเม อนฺโตคธเมวา’’ติ, วา-สทฺเทน วา อนุตฺตวิกปฺปตฺเถน คหณนฺติ เอวํ วุตฺตํ. เอตฺถ จ อปาการปริกฺเขโป สาปโณ นิคโม, สปาการาปณํ นครํ, ตํตํวิปรีโต คาโมติ อิเมสํ ติณฺณํ วิเสโส ทฏฺพฺโพ. กุลานิ ทูเสตีติ ขตฺติยพฺราหฺมณเวสฺสสุทฺทวเสน จตฺตาริ กุลานิ วิการํ อาปาเทติ. ทูเสนฺโต จ น อสุจิกทฺทมาทีหิ ทูเสติ, อถ โข อตฺตโน ทุปฺปฏิปตฺติยา เตสํ ปสาทํ วินาเสติ. เตนาห ‘‘ปุปฺผทานาทีหี’’ติอาทิ. ตตฺถ หริตฺวา วา หราเปตฺวา วา ปกฺโกสิตฺวา วา ปกฺโกสาเปตฺวา วา สยํ วา อุปคตานํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๓๖-๔๓๗) ยสฺส กสฺสจิ อตฺตโน สนฺตกสฺส ปุปฺผสฺส กุลสงฺคหตฺถาย ทานํ ปุปฺผทานํ, ตํ อาทิ เยสํ เต ปุปฺผทานาทโย, เตหิ ปุปฺผทานาทีหิ. อาทิสทฺเทน (ปารา. ๔๓๗) ผลทานจุณฺณมตฺติกาทนฺตกฏฺเวฬุเวชฺชิกาชงฺฆเปสนิกานํ คหณํ. สทฺธํ วินาเสนฺโตติ ตถา อกโรนฺเตสุ ¶ อฺเสุ เปสเลสุ ภิกฺขูสุ อปฺปสาทํ อทสฺสนํ คเมนฺโต. ปุปฺผทานาทีหิ จ เตหิ กตสงฺคเหหิ อฺเ เปสเล ตถา อกโรนฺเต เต มนุสฺสา อิสฺสนฺติ น อลฺลียนฺตีติ โส เตสํ ปสาทํ วินาเสติ นามาติ ทฏฺพฺพํ. ปาปกา สมาจาราติ พุทฺธปฺปฏิกุฏฺตฺตา ลามกา สมาจารา ¶ . เต ปน ยสฺมา กุลสงฺคหตฺถํ มาลาวจฺฉโรปนาทโย อิธ อธิปฺเปตา, ตสฺมา ‘‘มาลาวจฺฉโรปนาทโย’’ติ วุตฺตํ. อารามาทีนมตฺถาย ปน กปฺปิยโวหาราทีหิ โรปาปนาทิกํ วฏฺฏติ. ตตฺถ มาลาวจฺฉนฺติ ตรุณปุปฺผรุกฺขํ. ตรุณกา หิ ปุปฺผรุกฺขาปิ ปุปฺผคจฺฉาปิ ‘‘มาลาวจฺฉา’’ตฺเวว วุจฺจนฺติ, ตสฺส โรปนํ มาลาวจฺฉโรปนํ, ตํ อาทิ เยสํ เต มาลาวจฺฉโรปนาทโย. อาทิสทฺเทน เจตฺถ โรปาปนสิฺจนสิฺจาปนโอจินนโอจินาปนคนฺถนคนฺถาปนานํ คหณํ.
มาติกายํ ทิสฺสนฺตีติ เย ปจฺจกฺขโต ปสฺสนฺติ, เตหิ ทิสฺสนฺติ. สุยฺยนฺตีติ เย ปรโต สุณนฺติ, เตหิ โสตทฺวาเรน สุตฺวา อุปธารียนฺติ. ทุฏฺานีติ ทูสิตานิ. อลํ เต อิธ วาเสนาติ ตว อิธ วาเสน อลํ, มา อิธ ตว วาโส โหตูติ อตฺโถ. วารณตฺโถ หิ อิธ อลํ-สทฺโท. ปพฺพาชนียกมฺมกโตติ โจเทตฺวา สาเรตฺวา อาปตฺตึ อาโรเปตฺวา ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อิเม อสฺสชิปุนพฺพสุกา’’ติอาทินา (ปารา. ๔๓๔) ปทภาชเน วุตฺตาย ตฺติจตุตฺถกมฺมวาจาย กตปพฺพาชนียกมฺโม. ยสฺมิฺจ วิหาเร วสตีติ คามโต พหิวิหารมาห. เนว ตสฺมึ คาเม…เป… จริตุํ ลภตีติ สเจปิ คาโม วา นิคโม วา ทฺวาทสโยชนปรโม โหติ, ติโยชนปรโม จ วิหาโร โหติ, เนว ตสฺมึ คาเม วา นิคเม วา ปิณฺฑาย จริตุํ ลภติ, น วิหาเร วสิตุํ. ตสฺมึ วิหาเร วสนฺเตน สามนฺตคาเมปิ ปิณฺฑาย น จริตพฺพํ, สามนฺตวิหาเรปิ วสนฺเตน ตสฺมึ คาเม ปิณฺฑาย น จริตพฺพํ. สามนฺตวิหาเร วสนฺเตน ปน สามนฺตคาเม จริตุํ วฏฺฏติ. อาปชฺชิตพฺพา อาปตฺติโยติ กุลสงฺคหตฺถํ อตฺตโน สนฺตกทาเน ทุกฺกฏํ, อิสฺสรวตาย สงฺฆสนฺตกทาเน ถุลฺลจฺจยํ, ปสยฺห ทาเน ปาราชิกนฺติ อิมา อาปตฺติโย. มาติกายํ ‘‘ปกฺกมตา ยสฺมา’’ติ ปพฺพาชนียกมฺมกตสฺส วตฺตวเสน วุตฺตํ. อาทิมฺหิ ปน ปพฺพาชนียกมฺมวเสน ทฏฺพฺพํ. อสฺสชิปุนพฺพสุเกติ อสฺสชิฺเจว ปุนพฺพสุกฺจ.
กุลทูสกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
สงฺฆาทิเสสนิคมนวณฺณนา
ปมาปตฺติกาติ ¶ ¶ อวยเวน วิคฺคโห สมุทาโย สมาสตฺโถติ อาห ‘‘ปมํ อาปตฺติ เอเตสนฺติ ปมาปตฺติกา’’ติ. วีติกฺกมนกฺขเณเยวาติ วตฺถุวีติกฺกมนกฺขเณเยว. เอว-กาเรน สมนุภาสนกมฺมกฺขณํ ปฏิกฺขิปติ. อหสฺส ยตฺตโก ปริจฺเฉโท ยาวตีหํ. เตนาห ‘‘ยตฺตกานิ อหานี’’ติ. อหานีติ จ ทิวสานีติ อตฺโถ.
วตฺถุวเสน วาติ อสุจิโมจนาทิวีติกฺกมมตฺตวเสน วา. อิทนฺติ อิทํ วีติกฺกมํ. นามมตฺตวเสน วา อยํ อิตฺถนฺนามา อาปตฺตีติ ‘‘อยํ สงฺฆาทิเสโส นาม อาปตฺตี’’ติ เอวํ วินา วตฺถุํ นามวเสน วา. มตฺตสทฺเทน เจตฺถ วตฺถุํ ปฏิกฺขิปติ. โปตฺถเกสุ ปน กตฺถจิ ‘‘นามโคตฺตวเสน วา’’ติ ลิขนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ ‘‘อยํ อิตฺถนฺนามา อาปตฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา. อิทานิ นํ กสฺสจิ น อาโรเจสฺสามีติ สมฺพนฺโธ. ธุรํ นิกฺขิปิตฺวาติ อาโรจเน อุสฺสาหํ เปตฺวา. น เกวลํ วตฺถุนามวเสเนว อาปตฺติสฺี หุตฺวา ฉาเทนฺตสฺเสว, อถ โข โยปิ เอวํ อชานนฺโต เกวลํ ‘‘อาปตฺตึ ฉาเทมี’’ติ อาปตฺติสฺาย ฉาเทติ, ตสฺสปิ ฉนฺนา โหตีติ เวทิตพฺพํ. สเจ ปเนตฺถ อนาปตฺติสฺี วา โหติ, อฺาปตฺติกฺขนฺธสฺี วา เวมติโก วา หุตฺวา ‘‘น ทานิ นํ กสฺสจิ อาโรเจสฺสามี’’ติ เอวํ ฉาเทตุกาโมว ธุรํ นิกฺขิปิตฺวา อรุณํ อุฏฺาเปติ, อจฺฉนฺนาว โหตีติ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํ. อนาปตฺติ ปน อาปตฺติสฺายปิ อนาปตฺติสฺายปิ ฉาเทนฺเตน อจฺฉาทิตาว โหติ. ลหุกํ วา ‘‘ครุกา’’ติ ครุกํ วา ‘‘ลหุกา’’ติ ฉาเทติ, อลชฺชิปกฺเข ติฏฺติ, อาปตฺติ ปน อจฺฉนฺนา โหติ. ครุกํ ‘‘ลหุกา’’ติ มฺมาโน เทเสติ, เนว เทสิตา โหติ นจฺฉนฺนา.
ปกโต สภาวภูโต อตฺตา อสฺสาติ ปกตตฺโต, น กมฺเมหิ วิกตตฺโตติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อนุกฺขิตฺโต สมานสํวาสโก’’ติ. วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘น ทานิ นํ กสฺสจิ อาโรเจสฺสามี’’ติอาทินา วุตฺตเนว นเยน. อถ ‘‘มยฺหํ สงฺเฆน กมฺมํ กต’’นฺติ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒) อปกตตฺตสฺี หุตฺวา ฉาเทติ, อจฺฉนฺนาว โหติ. อปกตตฺเตน ปน ปกตตฺตสฺินา วา ปกตตฺเตน อปกตตฺตสฺินา วา ฉาทิตาปิ อจฺฉนฺนาว โหติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘อาปชฺชติ ¶ ครุกํ สาวเสสํ;
ฉาเทติ อนาทริยํ ปฏิจฺจ;
น ¶ ภิกฺขุนี โน จ ผุเสยฺย วชฺชํ;
ปฺหาเมสา กุสเลหิ จินฺติตา’’ติ. (ปริ. ๔๘๑);
อยฺหิ ปฺโห อุกฺขิตฺตเกน กถิโต.
ทสสุ อนฺตราเยสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว. สเจ ปน โย ภีรุกชาติกตาย อนฺธกาเร อมนุสฺสจณฺฑมิคภเยน อนฺตรายิกสฺี หุตฺวา ฉาเทติ, อจฺฉนฺนาว โหติ. ยสฺสปิ ปพฺพตวิหาเร วสนฺตสฺส กนฺทรํ วา นทึ วา อติกฺกมิตฺวา อาโรเจตพฺพํ โหติ, อนฺตรามคฺเค จ จณฺฑวาฬอมนุสฺสาทิภยํ อตฺถิ, มคฺเค อชครา นิปชฺชนฺติ, นที ปูรา โหติ, เอตสฺมึ สติเยว อนฺตราเย อนฺตรายิกสฺี หุตฺวา ฉาเทติ, อจฺฉนฺนาว โหติ. อนฺตรายิกสฺส ปน อนฺตรายิกสฺาย วา อนนฺตรายิกสฺาย วา ฉาทยโต อจฺฉนฺนาว.
ภิกฺขุโนติ สภาคสฺส ภิกฺขุโน. สจสฺส มุเข อปฺปมตฺตโก คณฺโฑ วา โหติ, หนุกวาโต วา วิชฺฌติ, ทนฺโต วา รุชฺชติ, ภิกฺขา วา มนฺทา ลทฺธา โหติ, ตาวตเกน ปน เนว วตฺตุํ น สกฺโกติ, น คนฺตุํ. อปิจ โข ‘‘น สกฺโกมี’’ติ สฺี โหติ, อยํ ปหุ หุตฺวา อปฺปหุสฺี นาม. อิมินา ฉาทิตาปิ อจฺฉาทิตา. อปฺปหุนา ปน วตฺตุํ วา คนฺตุํ วา อสมตฺเถน ปหุสฺินา วา อปฺปหุสฺินา วา ฉาทิตาปิ อจฺฉาทิตาว.
อิทํ อุตฺตานเมวาติ อิทํ องฺคทฺวยํ อุตฺตานตฺถเมว. สเจ ปน ‘‘ฉาเทสฺสามี’’ติ ธุรนิกฺเขปํ กตฺวา ปุเรภตฺเต วา ปจฺฉาภตฺเต วา ปมยามาทีสุ วา ลชฺชิธมฺมํ โอกฺกมติ, อนฺโตอรุเณเยว อาโรเจติ, อยํ ฉาเทตุกาโม น ฉาเทติ นาม.
ยสฺส ปน อภิกฺขุเก าเน วสนฺตสฺส อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา สภาคสฺส ภิกฺขุโน อาคมนํ อาคเมนฺตสฺส วา, สภาคสฺส สนฺติกํ วา คจฺฉนฺตสฺส อฑฺฒมาโสปิ มาโสปิ อติกฺกมติ, อยํ นจฺฉาเทตุกาโม ฉาเทติ นาม. อยมฺปิ อจฺฉนฺนาว โหติ.
โย ¶ ปน อาปนฺนมตฺโตว อคฺคึ อกฺกนฺตปุริโส วิย สหสา อปกฺกมิตฺวา สภาคฏฺานํ คนฺตฺวา อาวิ กโรติ, อยํ นจฺฉาเทตุกาโมว น ฉาเทติ นาม. สภาคมตฺตเมว ปมาณนฺติ อเวริสภาคมตฺตเมว ปมาณํ. อเวริสภาคสฺส หิ สนฺติเก อาโรเจตพฺพํ. โย ปน วิสภาโค โหติ สุตฺวา ปกาเสตุกาโม, เอวรูปสฺส อุปชฺฌายสฺสปิ สนฺติเก น อาโรเจตพฺพา. ตตฺถ ปุเรภตฺตํ ¶ อาปตฺตึ อาปนฺโน โหตุ, ปจฺฉาภตฺตํ วา ทิวา วา รตฺตึ วา, ยาว อรุณํ น อุคฺคจฺฉติ, ตาว อาโรเจตพฺพํ. อุทฺธสฺเต อรุเณ ปฏิจฺฉนฺนา โหติ, ปฏิจฺฉาทนปจฺจยา จ ทุกฺกฏํ อาปชฺชติ. สงฺเขปโตติ สมาสโต. วิตฺถารโต ปน สมนฺตปาสาทิกายํ วุตฺโตติ อธิปฺปาโย.
อกามา ปริวตฺถพฺพนฺติ อปฺปฏิกมฺมกตาย อาปตฺติยา สคฺคโมกฺขาวรณภาวโต อนิจฺฉนฺเตนาปิ ปริวสิตพฺพนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘น กาเมนา’’ติอาทิ. ปริวาสํ สมาทายาติ ปริวาสวตฺตํ สงฺฆมชฺเฌ สมาทิยิตฺวา. ยทิปิ จตุพฺพิโธ ปริวาโส อปฺปฏิจฺฉนฺนปริวาโส, ปฏิจฺฉนฺนปริวาโส, สุทฺธนฺตปริวาโส, สโมธานปริวาโสติ, ตถาปิ อปฺปฏิจฺฉนฺนปริวาโส อิธ น อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘ตตฺถ ปฏิจฺฉนฺน…เป… ติวิโธ ปริวาโส’’ติ. ตตฺถาติ ตสฺมึ วากฺเย. ปฏิจฺฉนฺนาย อาปตฺติยา สติ ทาตพฺโพ ปริวาโส ปฏิจฺฉนฺนวิสยตาย ปฏิจฺฉนฺนปริวาโส. สุทฺธนฺตโต ปฏฺาย ทาตพฺโพ ปริวาโส สุทฺธนฺตปริวาโส. สโมทหิตฺวา ทาตพฺโพ ปริวาโส สโมธานปริวาโส.
อิทานิ เต ติวิเธเยว ปริวาเส สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาห. หีติ ยสฺมา. เอกาหํ ปฏิจฺฉนฺนา เอกาหปฺปฏิจฺฉนฺนา. วุตฺตนเยนาติ ‘‘อาปตฺติ จ โหตี’’ติอาทินา วุตฺเตน นเยน. เอกาหปฺปฏิจฺฉนฺนนฺติ เอตฺถ อิติสทฺโท ‘‘อิติ วา, อิติ เอวรูปา วิสูกทสฺสนา ปฏิวิรโต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๑๓, ๑๙๗) วิย อาทิอตฺโถ. เตน ‘‘โสหํ, ภนฺเต, สงฺฆํ เอกิสฺสา อาปตฺติยา สฺเจตนิกาย สุกฺกวิสฏฺิยา เอกาหปฺปฏิจฺฉนฺนาย เอกาหปริวาสํ ยาจามี’’ติ อิมํ ปาฬิเสสํ (จูฬว. ๑๐๒) สงฺคณฺหาติ. เอวํ ปริวาสํ ยาจาเปตฺวาติ เอวํ ยาวตติยํ ยาจาเปตฺวา. ขนฺธเก อาคตนเยนาติ สมุจฺจยกฺขนฺธเก (จูฬว. ๙๗ อาทโย) อาคตนเยน. ตโตติ ปกฺขโต ¶ ปฏฺาย. อติเรกปกฺขปฺปฏิจฺฉนฺนนฺติ ปกฺขสฺส อติเรโก อติเรกปกฺโข, ตํ ปฏิจฺฉนฺนนฺติ อตฺโถ. ตโตติ ตึสติมทิวสโต ปฏฺาย. มาสปฺปฏิจฺฉนฺนนฺติ สตฺตานํ อายุํ มินนฺโต วิย สิยติ อนฺตํ กโรตีติ มาโส, ตึสรตฺตินฺทิโว, ตํ ปฏิจฺฉนฺนนฺติ อตฺโถ. สํวจฺฉเร ปุณฺเณติ ตํ ตํ สตฺตํ, ธมฺมปฺปวตฺติฺจ สงฺคมฺม วทนฺโต วิย สรติ ปวตฺตตีติ สํวจฺฉโร, ทฺวาทส มาสา, ตสฺมึ ปริปุณฺเณ.
วตฺถุกิตฺตนวเสน วาติ นาเมน สห วตฺถุกิตฺตนวเสน วาติ อตฺโถ. เตเนว หิ อุปริ ‘‘นามมตฺตวเสน วา’’ติ มตฺตคฺคหณํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. นามมตฺตวเสนาติ วตฺถุกิตฺตนํ วินา เกวลํ นามสฺเสว วเสน. ตสฺมาติ ยสฺมา ทุวิเธ นาเม ‘‘อาปตฺตี’’ติ สพฺพสาธารณํ นามํ, ตสฺมา ¶ . สุกฺกวิสฺสฏฺีติ สุกฺกวิสฺสฏฺิ นามายํ. อิติสทฺโท เหตฺถ วจนียตฺถํ นิทสฺเสติ. นิทสฺสนมตฺตฺเจตํ ‘‘สุกฺกวิสฺสฏฺี’’ติ กายสํสคฺคาทีนมฺปิ วตฺถุอาทิภาเวน อิจฺฉิตพฺพตฺตา. วตฺถุ เจว โคตฺตฺจาติ วีติกฺกมตฺตา วตฺถุ เจว อนฺสาธารณตฺตา โคตฺตฺจ. คํ ตายตีติ โคตฺตํ, สชาติโต อฺตฺถ กายสํสคฺคาทีสุ คนฺตุํ อทตฺวา พุทฺธึ, วจนฺจ รกฺขตีติ อตฺโถ. สงฺฆาทิเสโสติ สงฺฆาทิเสโส นามายํ. เอตฺถ ปน อิติสทฺโท วจนวจนียสมุทายํ นิทสฺเสติ. เตนาห ‘‘นามฺเจว อาปตฺติ จา’’ติ, สชาติสาธารณนามตฺตา นามฺเจว เตน เตน วีติกฺกเมนาปชฺชิตพฺพตฺตา อาปตฺติ จาติ อตฺโถ. อิทมฺปิ นิทสฺสนมตฺตเมว ‘‘อาปตฺติโย’’ติ อิมสฺสาปิ นามาทิภาเวน อิจฺฉิตพฺพตฺตา. อิติสทฺโท วา อาทิอตฺโถ. เอวฺจ กตฺวา ‘‘กายสํสคฺคนฺติอาทิวจเนนาปี’’ติอาทิกมฺปิ สมตฺถิตํ โหติ.
ตยิทํ กมฺมวาจาย เกน วจเนน คหิตนฺติ อนุโยคํ สนฺธาย ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาห. ‘‘อาปตฺตี’’ติ สพฺพสาธารณนามตฺตา, วีติกฺกเมน อาปชฺชิตพฺพตฺตา จ นามฺเจว อาปตฺติ จ โหตีติ อาห ‘‘อาปตฺติโยติ วจเนนาปี’’ติ. ตสฺมาติ ยสฺมา อิทํ ปริวาสาทิวินยกมฺมํ วตฺถุวเสน, โคตฺตวเสน, นามวเสน, อาปตฺติวเสน จ กาตุํ วฏฺฏติเยว, ตสฺมา. เอเตสูติ วตฺถุอาทีสุ, สุกฺกวิสฺสฏฺิอาทีสุ วา. วตฺตํ สมาทาตพฺพนฺติ ยถาวุตฺเตสุ ทฺวีสุ ปเทสุ เอเกนปิ สมาทาตพฺพํ. ทฺวีหิ ปน สุสมาทินฺนํเยว. เตเนว วกฺขติ ‘‘สมาทาเนปิ เอเสว นโย’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา).
อาโรเจตฺวาติ ¶ –
‘‘อหํ, ภนฺเต, เอกํ อาปตฺตึ อาปชฺชึ สฺเจตนิกํ สุกฺกวิสฺสฏฺึ เอกาหปฺปฏิจฺฉนฺนํ, โสหํ สงฺฆํ เอกิสฺสา อาปตฺติยา สฺเจตนิกาย สุกฺกวิสฺสฏฺิยา เอกาหปฺปฏิจฺฉนฺนาย เอกาหปริวาสํ ยาจึ, ตสฺส เม สงฺโฆ เอกิสฺสา อาปตฺติยา สฺเจตนิกาย สุกฺกวิสฺสฏฺิยา เอกาหปฺปฏิจฺฉนฺนาย เอกาหปริวาสํ อทาสิ, โสหํ ปริวสามิ, เวทยามหํ, ภนฺเต, ‘เวทยตี’ติ มํ สงฺโฆ ธาเรตู’’ติ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒) –
เอวมาทินา ตํ ตํ โยชนานุรูปํ อาโรเจตฺวา. อิมฺจ ปนตฺถํ คเหตฺวา ยาย กายจิ ภาสาย อาโรเจตุํ วฏฺฏติเยว (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒). ‘‘ปุน อาคตาคตานํ ภิกฺขูนํ อาโรเจนฺเตนา’’ติ อิทํ อาคนฺตุกํ ภิกฺขุํ สนฺธาย วุตฺตํ. เอตฺถ จ เอกสฺส อาโรเจนฺเตน อวสาเน ¶ ‘‘เวทยตีติ มํ อายสฺมา ธาเรตุ’’, ทฺวินฺนํ ‘‘อายสฺมนฺตา ธาเรนฺตุ’’, ติณฺณํ ‘‘อายสฺมนฺโต ธาเรนฺตู’’ติ วตฺตพฺพํ. วตฺตเภทฺจ รตฺติจฺเฉทฺจ อกตฺวาติ ‘‘น, ภิกฺขเว, ปาริวาสิเกน ภิกฺขุนา สาทิตพฺพํ ปกตตฺตานํ ภิกฺขูนํ อภิวาทนํ ปจฺจุปฏฺาน’’นฺติอาทินา (จูฬว. ๗๕) ปาริวาสิกกฺขนฺธเก ยานิ จตุนวุติ วตฺตานิ วุตฺตานิ, เตสํ เภทฺจ, โย จ ‘‘ตโย โข, อุปาลิ, ปาริวาสิกสฺส ภิกฺขุโน รตฺติจฺเฉทา สหวาโส วิปฺปวาโส อนาโรจนา’’ติ (จูฬว. ๘๓) รตฺติจฺเฉโท วุตฺโต, ตฺจ อกตฺวา.
อยํ เหตฺถ วินิจฺฉโย – สเจ (จูฬว. อฏฺ. ๗๖) อาคนฺตุกา มุหุตฺตํ วิสฺสมิตฺวา วา อวิสฺสมิตฺวา เอว วา วิหารมชฺเฌน คจฺฉนฺติ, เตสมฺปิ อาโรเจตพฺพํ. สเจ ตสฺส อชานนฺตสฺเสว คจฺฉนฺติ, อยฺจ คตกาเล ชานาติ, คนฺตฺวา อาโรเจตพฺพํ. สมฺปาปุณิตุํ อสกฺโกนฺตสฺส รตฺติจฺเฉโทว โหติ, น วตฺตเภททุกฺกฏํ. เยปิ อนฺโตวิหารํ อปฺปวิสิตฺวา อุปจารสีมํ โอกฺกมิตฺวา คจฺฉนฺติ, อยฺจ เนสํ ฉตฺตสทฺทํ วา อุกฺกาสิตสทฺทํ วา ขิปิตสทฺทํ วา สุตฺวาว อาคนฺตุกภาวํ ชานาติ, คนฺตฺวา อาโรเจตพฺพํ. คตกาเล ชานนฺเตนาปิ อนุพนฺธิตฺวา อาโรเจตพฺพเมว. สมฺปาปุณิตุํ อสกฺโกนฺตสฺส รตฺติจฺเฉโทว โหติ, น วตฺตเภททุกฺกฏํ. โยปิ รตฺตึเยว อาคนฺตฺวา รตฺตึเยว คจฺฉติ, โสปิสฺส รตฺติจฺเฉทํ กโรติ. อฺาตตฺตา ¶ ปน วตฺตเภททุกฺกฏํ นตฺถิ. สเจ อชานิตฺวาว อพฺภานํ กโรติ, อกตเมว โหตีติ กุรุนฺทิยํ (จูฬว. อฏฺ. ๗๖) วุตฺตํ. ตสฺมา อธิกา รตฺติโย คเหตฺวา กาตพฺพํ. อยํ อปณฺณกปฺปฏิปทา.
นทิอาทีสุ นาวาย คจฺฉนฺตมฺปิ ปรตีเร ิตมฺปิ อากาเส คจฺฉนฺตมฺปิ ปพฺพตตลอรฺาทีสุ ทูเร ิตมฺปิ ภิกฺขุํ ทิสฺวา สเจ ‘‘ภิกฺขู’’ติ ววตฺถานํ อตฺถิ, นาวาทีหิ วา คนฺตฺวา, มหาสทฺทํ กตฺวา วา เวเคน อนุพนฺธิตฺวา วา อาโรเจตพฺพํ, อนาโรเจนฺตสฺส รตฺติจฺเฉโท เจว วตฺตเภททุกฺกฏฺจ. สเจ วายมนฺโตปิ สมฺปาปุณิตุํ วา สาเวตุํ วา น สกฺโกติ, รตฺติจฺเฉโทว โหติ, น วตฺตเภททุกฺกฏํ.
อฺํ กฺจิ วิหารํ คเตนปิ ภิกฺขูนํ อาโรเจตพฺพเมว (จูฬว. อฏฺ. ๗๖). สเจ สพฺเพ เอกฏฺาเน ิเต ปสฺสติ, เอกฏฺาเน ิเตเนว อาโรเจตพฺพํ. อถ รุกฺขมูลาทีสุ วิสุํ วิสุํ ิตา โหนฺติ, ตตฺถ ตตฺถ คนฺตฺวา อาโรเจตพฺพํ. สฺจิจฺจ อนาโรเจนฺตสฺส รตฺติจฺเฉโท จ โหติ, วตฺตเภเท จ ทุกฺกฏํ. อถ วิจินนฺโต เอกจฺเจ น ปสฺสติ, รตฺติจฺเฉโทว โหติ ¶ , น จ วตฺตเภททุกฺกฏํ. สฺจิจฺจ อนาโรเจนฺตสฺส ปน รตฺติจฺเฉโท เจว โหติ, วตฺตเภเท จ ทุกฺกฏํ.
ตตฺเถวาติ มาฬกสีมายเมว. มาฬกโต ปน ภิกฺขูสุ นิกฺขนฺเตสุ เอกสฺสปิ สนฺติเก นิกฺขิปิตุํ วฏฺฏติ (จูฬว. อฏฺ. ๙๗). มาฬกโต นิกฺขมิตฺวา สตึ ปฏิลภนฺเตน สห คจฺฉนฺตสฺส สนฺติเก นิกฺขิปิตพฺพํ. เตนาห ‘‘เอกปุคฺคลสฺส วา สนฺติเก’’ติ. สเจ โสปิ ปกฺกนฺโต, อฺสฺส ยสฺส มาฬเก นาโรจิตํ, ตสฺส อาโรเจตฺวา นิกฺขิปิตพฺพํ. ปกตตฺตฏฺาเนติ สงฺฆกมฺมานํ อรหฏฺาเน. ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวาติ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๙๗) ภิกฺขูนํ สชฺฌายนสทฺทสวนูปจารวิชหนตฺถํ วุตฺตํ. มหามคฺคโต โอกฺกมฺมาติ มคฺคปฺปฏิปนฺนภิกฺขูนํ อุปจารวิชหนตฺถํ วุตฺตํ. คุมฺเพน วา วติยา วา ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเนติ ทสฺสนูปจารวิชหนตฺถํ วุตฺตํ. วตฺตํ สมาทิยิตฺวา อาโรเจตพฺพนฺติ วุตฺตนเยเนว วตฺตํ สมาทิยิตฺวา ปริวาโส อาโรเจตพฺโพ. ‘‘อาโรเจตพฺพ’’นฺติ ปน สามฺเน วุตฺตํ. อาโรเจนฺเตน จ สเจ นวกตโร โหติ, ‘‘อาวุโส’’ติ วตฺตพฺพํ. สเจ วุฑฺฒตโร, ‘‘ภนฺเต’’ติ วตฺตพฺพํ. สเจ อฺโ โกจิ ภิกฺขุ เกนจิเทว กรณีเยน ตํ านํ อาคจฺฉติ. สเจ ¶ เอส นํ ปสฺสติ, สทฺทํ วา ตสฺส สุณาติ, อาโรเจตพฺพํ. อนาโรเจนฺตสฺส รตฺติจฺเฉโท เจว วตฺตเภโท จ. เตนาห ‘‘ยมฺปิ อฺํ ภิกฺขุํ ปสฺสติ, ตสฺสาปิ อาโรเจตพฺพเมวา’’ติ. อถ ทฺวาทสหตฺถํ อุปจารํ โอกฺกมิตฺวา อชานนฺตสฺเสว คจฺฉติ, รตฺติจฺเฉโท โหติเยว, วตฺตเภโท ปน นตฺถิ. อุฏฺิเตติ อุคฺคเต. ยํ สพฺพปมํ ภิกฺขุนฺติ วิหารโต นิกฺขมนฺตํ วา อาคนฺตุกํ วา สพฺพปมํ ยํ อฺํ ภิกฺขุํ ปสฺสติ. ตสฺส อาโรเจตฺวา นิกฺขิปิตพฺพนฺติ อนาโรเจนฺตสฺส ทุกฺกฏํ สิยา, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ตุ รตฺติจฺเฉทํ สนฺธาย. อิตรถา หิ ‘‘วิหารสีมาปริยาปนฺนานํ สพฺเพสํ อาโรเจตฺวา’’ติ วเทยฺย. ยาว รตฺติโย ปูเรนฺตีติ ยตฺตกา รตฺติโย อาปตฺติ ปฏิจฺฉนฺนา โหติ, ตตฺตกา รตฺติโย ยาว ปูเรนฺติ, ตาว ปริวตฺถพฺพํ. สมนฺตปาสาทิกายํ ปน ‘‘เอวํ ยตฺตกานิ ทิวสานิ อาปตฺติ ปฏิจฺฉนฺนา โหติ, ตตฺตกานิ, ตโต อธิกตรานิ วา กุกฺกุจฺจวิโนทนตฺถาย ปริวสิตฺวา’’ติ วุตฺตํ. วิตฺถาโรติ ปปฺโจ.
อิตเรสุ ปน ทฺวีสูติ สุทฺธนฺตปริวาโส, สโมธานปริวาโสติ ทฺวินฺนํ มชฺเฌ. ขนฺธเกติ สมุจฺจยกฺขนฺธเก (จูฬว. ๑๕๖ อาทโย). จูฬสุทฺธนฺโต มหาสุทฺธนฺโตติ เอตฺถ โย อุปสมฺปทโต (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒; วิ. สงฺค. อฏฺ. ๒๔๒) ปฏฺาย อนุโลมกฺกเมน วา อาโรจิตทิวสโต ปฏฺาย ปฏิโลมกฺกเมน วา ‘‘อสุกฺจ อสุกฺจ ทิวสํ วา ปกฺขํ วา มาสํ วา สํวจฺฉรํ วา ตว สุทฺธภาวํ ชานาสี’’ติ ปุจฺฉิยมาโน ‘‘อาม, ภนฺเต, ชานามิ ¶ , เอตฺตกํ นาม กาลํ อหํ สุทฺโธ’’ติ วทติ, ตสฺส ทินฺโน สุทฺธนฺตปริวาโส ‘‘จูฬสุทฺธนฺโต’’ติ วุจฺจติ.
ตํ คเหตฺวา ปริวสนฺเตน ยตฺตกํ กาลํ อตฺตโน สุทฺธภาวํ ชานาติ, ตตฺตกํ อปเนตฺวา อวเสสํ มาสํ วา ทฺเวมาสํ วา ปริวสิตพฺพํ. สเจ ‘‘มาสมตฺตํ อสุทฺโธมฺหี’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา ปริวาสํ อคฺคเหสิ, ปริวสนฺโต จ ปุน อฺํ มาสํ สรติ, ตมฺปิ มาสํ ปริวสิตพฺพเมว, ปุน ปริวาสทานกิจฺจํ นตฺถิ. อถ ‘‘ทฺเวมาสํ อสุทฺโธมฺหี’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา อคฺคเหสิ, ปริวสนฺโต จ ‘‘มาสมตฺตเมวาหํ อสุทฺโธมฺหี’’ติ สนฺนิฏฺานํ กโรติ, มาสเมว ปริวสิตพฺพํ, ปุน ปริวาสทานกิจฺจํ นตฺถิ. อยฺหิ สุทฺธนฺตปริวาโส อุทฺธมฺปิ อาโรหติ, เหฏฺาปิ โอโรหติ, อิทมสฺส ลกฺขณํ.
โย ¶ ปน ยถาวุตฺเตน อนุโลมปฺปฏิโลมวเสน ปุจฺฉิยมาโนปิ รตฺติปริยนฺตํ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒) น ชานาติ นสฺสรติ, รตฺติปริยนฺเต เวมติโก วา โหติ, ตสฺส ทินฺโน สุทฺธนฺตปริวาโส ‘‘มหาสุทฺธนฺโต’’ติ วุจฺจติ. ตํ คเหตฺวา คหิตทิวสโต ยาว อุปสมฺปททิวโส, ตาว รตฺติโย คเณตฺวา ปริวสิตพฺพํ. อยํ อุทฺธํ นาโรหติ, เหฏฺา ปน โอโรหติ. ตสฺมา สเจ ปริวสนฺโต รตฺติปริจฺเฉเท สนฺนิฏฺานํ กโรติ ‘‘มาโส วา สํวจฺฉโร วา มยฺหํ อาปนฺนสฺสา’’ติ, มาสํ วา สํวจฺฉรํ วา ปริวสิตพฺพํ. เอตฺถ จ กิฺจาปิ ‘‘เอตฺตกํ กาลํ อหํ สุทฺโธ’’ติ วทนฺตสฺส จูฬสุทฺธนฺโต ทียติ, ตถาปิ นิยเมเนว ชานนาภาวา ‘‘ทุวิโธปิ เจส…เป… ทาตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. ตสฺส ทานวิธิ ขนฺธเก อาคโตติ ตสฺส ทุวิธสฺสาปิ สุทฺธนฺตสฺส ทานวิธิ ‘‘เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา สงฺฆํ อุปสงฺกมิตฺวา…เป… เอวมสฺส วจนีโย’’ติอาทินา สมุจฺจยกฺขนฺธเก (จูฬว. ๑๕๖) อาคโต. ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพติ อธิปฺปาโย. เอส นโย วินิจฺฉยกถา ปน วิตฺถารโต สมนฺตปาสาทิกายํ วุตฺตาติ เอตฺถาปิ.
โอธุนิตฺวา อวธุย ปหาย สโมธาโน โอธานสโมธาโน. จิรปฺปฏิจฺฉนฺนานํ อคฺเฆน สโมธาโน อคฺฆสโมธาโน. มิสฺสกานํ สโมธาโน มิสฺสกสโมธาโน. อิทานิ ตํ ติวิธมฺปิ สโมธานปริวาสํ สงฺเขปโต ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาห. อนฺตราปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ปฏิจฺฉาเทนฺตสฺสาติ โย ปริวาสํ คเหตฺวา อนิกฺขิตฺตวตฺโต หุตฺวา ปริวสนฺโต อปรินิฏฺิเตเยว ปริวาเส อนฺตรา เวมชฺเฌ สงฺฆาทิเสสาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ปฏิจฺฉาเทติ, ตสฺส. ปริวุตฺถทิวเสติ ลกฺขณวจนเมตํ, เตน ‘‘มานตฺตจิณฺณทิวเส จา’’ติปิ วุตฺตเมว โหติ. มกฺเขตฺวาติ ตฺติจตุตฺเถน ¶ กมฺเมน มูลาย ปฏิกสฺสนวเสน มกฺเขตฺวา. สโมทหิตฺวาติ มูลาปตฺติฏฺาเน เปตฺวา, ปกฺขิปิตฺวาติ อตฺโถ. ทาตพฺพปริวาโสติ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ’’ติอาทินา ตฺติจตุตฺเถน กมฺเมน ทาตพฺพปริวาโส. อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย ปฏิจฺฉนฺนาย อาปตฺติยา ปริวาสํ คเหตฺวา ปริวสนฺโต (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒; วิ. สงฺค. อฏฺ. ๒๔๓) วา มานตฺตารโห วา มานตฺตํ จรนฺโต วา อพฺภานารโห วา อนิกฺขิตฺตวตฺโต อฺํ อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ปุริมาปตฺติยา สมา วา อูนตรา วา รตฺติโย ¶ ปฏิจฺฉาเทติ, ตสฺส มูลาย ปฏิกสฺสเนน เต ปริวุตฺถทิวเส จ มานตฺตจิณฺณทิวเส จ สพฺเพ โอธุนิตฺวา อทิวเส กตฺวา ปจฺฉา อาปนฺนาปตฺตึ มูลาปตฺติยํ สโมธาย ปริวาโส ทาตพฺโพติ.
สเจ ปน อนฺตราปตฺติ มูลาปตฺติโต อติเรกปฺปฏิจฺฉนฺนา โหติ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒), ตํ มูลาปตฺตึ กตฺวา ตตฺถ อิตรํ สโมธาย ปริวาโส ทาตพฺโพ. สเจ ปน อนฺตราปตฺติ อปฺปฏิจฺฉนฺนา โหติ, มูลาย ปฏิกสฺสนํ อกตฺวา ปุพฺเพ คหิตปริวาเสเนว ปริวสิตพฺพํ.
ยา เอกา วา…เป… สพฺพจิรปฺปฏิจฺฉนฺนาโยติ ยา เอกา วา อาปตฺติ สพฺพจิรปฺปฏิจฺฉนฺนา, ยา ทฺเว วา ติสฺโส วา สมฺพหุลา วา อาปตฺติโย สพฺพจิรปฺปฏิจฺฉนฺนาโยติ อตฺโถ. ตาสนฺติ สพฺพจิรปฺปฏิจฺฉนฺนานํ อาปตฺตีนํ. ทานวิธิ ปนสฺส ขนฺธเก วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
ยสฺส ปน สตํ อาปตฺติโย ทสาหปฏิจฺฉนฺนา, อปรมฺปิ สตํ อาปตฺติโย ทสาหปฏิจฺฉนฺนา, อปรมฺปิ สตํ อาปตฺติโย ทสาหปฏิจฺฉนฺนาติ เอวํ ทสกฺขตฺตุํ กตฺวา อาปตฺติสหสฺสํ ทิวสสตปฏิจฺฉนฺนํ โหติ, เตน กึ กาตพฺพนฺติ? สพฺพํ สโมทหิตฺวา ทส ทิวเส ปริวสิตพฺพํ. เอวํ เอเกเนว ทสาเหน ทิวสสตมฺปิ ปริวสิตเมว โหติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ทสสตํ รตฺติสตํ, อาปตฺติโย ฉาทยิตฺวาน;
ทส รตฺติโย วสิตฺวาน, มุจฺเจยฺย ปาริวาสิโก’’ติ. (ปริ. ๔๗๗);
อยํ อคฺฆสโมธาโน นาม.
อิทานิ ¶ มิสฺสกสโมธานํ นิทฺทิสิตุํ ‘‘มิสฺสกสโมธาโน นามา’’ติอาทิมาห. ตตฺรายํ นโย –
‘‘อหํ, ภนฺเต, สมฺพหุลา สงฺฆาทิเสสา อาปตฺติโย อาปชฺชึ เอกํ สุกฺกวิสฺสฏฺึ, เอกํ กายสํสคฺคํ, เอกํ ทุฏฺุลฺลวาจํ, เอกํ อตฺตกามํ, เอกํ สฺจริตฺตํ, เอกํ กุฏิการกํ, เอกํ วิหารการกํ, เอกํ ทุฏฺโทสํ, เอกํ อฺภาคิยํ, เอกํ สงฺฆเภทํ, เอกํ เภทานุวตฺตกํ, เอกํ ทุพฺพจํ, เอกํ กุลทูสกํ, โสหํ, ภนฺเต, สงฺฆํ ตาสํ อาปตฺตีนํ สโมธานปริวาสํ ยาจามี’’ติ –
ติกฺขตฺตุํ ¶ ยาจาเปตฺวา ตทนุรูปาย กมฺมวาจาย ปริวาโส ทาตพฺโพ. เอตฺถ จ ‘‘สงฺฆาทิเสสา อาปตฺติโย อาปชฺชึ นานาวตฺถุกาโย’’ติปิ ‘‘สงฺฆาทิเสสา อาปตฺติโย อาปชฺชิ’’นฺติปิ เอวํ ปุพฺเพ วุตฺตนเยน วตฺถุวเสนปิ โคตฺตวเสนปิ นามวเสนปิ อาปตฺติวเสนปิ โยเชตฺวา กมฺมวาจํ กาตุํ วฏฺติเยวาติ. อยํ มิสฺสกสโมธาโน. สพฺพปริวาสกมฺมวาจาวสาเน ปน นิกฺขิตฺตานิกฺขิตฺตวตฺตาทิกถา ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพา. ติวิเธปิ สโมธานปริวาเส อตฺถมตฺตสฺเสว วุตฺตตฺตา, วินิจฺฉยาทีนํ วา อนามฏฺตฺตา ‘‘อยํ ติวิเธปิ สโมธานปริวาเส สงฺเขปกถา’’ติ วุตฺตํ. มหาวิสยตฺตา สโมธานวิจารณาย สา นิรวเสสา กุโต ลทฺธพฺพาติ อาห ‘‘วิตฺถาโร’’ติอาทิ.
ฉารตฺตนฺติ รา สทฺโท ตียติ ฉิชฺชติ เอตฺถาติ รตฺติ, สตฺตานํ สทฺทสฺส วูปสมนกาโลติ อตฺโถ, ฉ รตฺติโย สมาหฏา, ฉนฺนํ รตฺตีนํ วา สมาหาโร ฉรตฺตํ, ฉรตฺตเมว ฉารตฺตํ, อวยวพฺยติเรเกน สมุทายสฺสาภาวโต ฉ รตฺติโยติ อตฺโถ วุตฺโต.
ปริวาสํ อทตฺวา มานตฺตเมว ทาตพฺพนฺติ ยสฺมา อาปตฺติ อปฺปฏิจฺฉนฺนา, ยสฺมา จ อาปนฺนภาเวเนว มานตฺตารโห โหติ, ตสฺมา ปริวาสํ อทตฺวา เกวลํ มานตฺตเมว ทาตพฺพํ. ยํ ปฏิจฺฉนฺนาย อาปตฺติยา ปริวุตฺถปริวาสสฺส ทียติ, อิทํ ปฏิจฺฉนฺนมานตฺตํ นามาติ อาห ‘‘ยสฺส ปฏิจฺฉนฺนา โหตี’’ติอาทิ. อิทนฺติ ปฏิจฺฉนฺนมานตฺตํ. อิธาติ อิมสฺมึ วากฺเย. กถํ ปน เตสํ ทฺวินฺนํ มานตฺตานํ ทานวิธิ จ วินิจฺฉยกถา จ เวทิตพฺพาติ อาห ‘‘อุภินฺนมฺปิ ปนา’’ติอาทิ.
อยนฺติ วกฺขมานํ สนฺธายาห. ปริวาเส วุตฺตปฺปการํ ปเทสนฺติ ปริกฺขิตฺตสฺส วิหารสฺส ปริกฺเขปโต ¶ , อปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขปารหฏฺานโต ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวา มหามคฺคโต โอกฺกมฺม คุมฺเพน วา วติยา วา ปฏิจฺฉนฺนฏฺานํ. สมาทิยิตฺวาติ อนฺโตอรุเณเยว สมาทิยิตฺวา. อาโรเจตฺวาติ –
‘‘อหํ, ภนฺเต, เอกํ อาปตฺตึ อาปชฺชึ สฺเจตนิกํ สุกฺกวิสฺสฏฺึ อปฺปฏิจฺฉนฺนํ, โสหํ, ภนฺเต, สงฺฆํ เอกิสฺสา อาปตฺติยา สฺเจตนิกาย สุกฺกวิสฺสฏฺิยา อปฺปฏิจฺฉนฺนาย ฉารตฺตํ มานตฺตํ ยาจึ ¶ , ตสฺส เม สงฺโฆ เอกิสฺสา อาปตฺติยา สฺเจตนิกาย สุกฺกวิสฺสฏฺิยา อปฺปฏิจฺฉนฺนาย ฉารตฺตํ มานตฺตํ อทาสิ, โสหํ มานตฺตํ จรามิ, เวทยามหํ, ภนฺเต, เวทยตี’ติ มํ สงฺโฆ ธาเรตู’’ติอาทินา (จูฬว. อฏฺ. ๙๗) –
อาปตฺติทิวสานุรูปํ อาโรเจตฺวา. อิมฺจ ปน อตฺถํ คเหตฺวา (จูฬว. อฏฺ. ๙๗) ยาย กายจิ ภาสาย อาโรเจตุํ วฏฺฏติเยว. อาโรจิตกาลโต ปฏฺาย จ เอกํ ภิกฺขุํ เปตฺวา เสเสหิ สติ กรณีเย คนฺตุมฺปิ วฏฺฏติ. อรุเณ อุฏฺิเต ตสฺส ภิกฺขุสฺส สนฺติเก วตฺตํ นิกฺขิปิตพฺพํ. สเจ โสปิ เกนจิ กมฺเมน ปุเร อรุเณเยว คจฺฉติ, อฺํ วิหารโต นิกฺขนฺตํ วา อาคนฺตุกํ วา ยํ ปมํ ปสฺสติ, ตสฺส สนฺติเก อาโรเจตฺวา นิกฺขิปิตพฺพํ. อยฺจ ยสฺมา คณสฺส อาโรเจตฺวา, ภิกฺขูนฺจ อตฺถิภาวํ สลฺลกฺเขตฺวาว วสิ, เตนสฺส อูเน คเณ จรณโทโส วา วิปฺปวาโส วา น โหติ. สเจ ปน กฺจิ น ปสฺสติ, วิหารํ คนฺตฺวา ยํ ปมํ ปสฺสติ, ตสฺส อาโรเจตฺวา นิกฺขิปิตพฺพํ. เตนาห ‘‘ตโต เตสุ คเตสุ วา อคเตสุ วา ปุริมนเยน ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ.
ยตฺถ สิยาติ ยสฺสํ สมานสํวาสกสีมายํ วีสติคโณ ภิกฺขุสงฺโฆ อตฺถิ. อวฺหาตพฺโพติ อพฺภานกมฺมวเสน ปกฺโกสิตพฺโพ. อพฺภานกมฺมํ ปน กถนฺติ อาห ‘‘อพฺภานกมฺมํ ปนา’’ติอาทิ. ปาฬิวเสนาติ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ’’ติอาทินา (จูฬว. ๑๐๑) ปาฬิวเสน. วินิจฺฉยวเสนาติ ‘‘อพฺภนฺเตหิ จ ปมํ อพฺภานารโห กาตพฺโพ. อยฺหิ นิกฺขิตฺตวตฺตตฺตา ปกตตฺตฏฺาเน ิโต, ปกตตฺตสฺส จ อพฺภานํ กาตุํ น วฏฺฏติ, ตสฺมา วตฺตํ สมาทเปตพฺโพ. วตฺเต สมาทินฺเน อพฺภานารโห โหติ. เตนาปิ วตฺตํ สมาทิยิตฺวา อาโรเจตฺวา อพฺภานํ ยาจิตพฺพํ. อนิกฺขิตฺตวตฺตสฺส ปน วตฺตสมานกิจฺจํ นตฺถิ. โส หิ ฉารตฺตาติกฺกเมเนว อพฺภานารโห โหตี’’ติอาทินา (จูฬว. อฏฺ. ๙๗) วินิจฺฉยวเสน. ตํ ปเนตํ สพฺพํ ปริวาสาทิกมฺมํ ปาฬิวเสน (จูฬว. ๗๕) จ อฏฺกถาวเสน (จูฬว. อฏฺ. ๗๕, ๙๗) จ ¶ สุวิฺเยฺยตฺตา อติวิตฺถารภเยน น วิตฺถารยิมฺห, อตฺถิเกหิ ปน ตโตว คเหตพฺพํ. อิมสฺส ¶ ปน กมฺมสฺส วีสติวคฺคกรณียตฺตา ตโต อูนตเรน กตํ กุปฺปติ. เตนาห ‘‘เอเกนาปิ เจ…เป… อนพฺภิโต’’ติ. อยนฺติ อยํ ยถาวุตฺตา. สามีจีติ วตฺตํ.
อิติ กงฺขาวิตรณิยา ปาติโมกฺขวณฺณนาย
วินยตฺถมฺชูสายํ ลีนตฺถปฺปกาสนิยํ
สงฺฆาทิเสสวณฺณนา นิฏฺิตา.