📜

อนิยตกณฺฑํ

๑. ปมอนิยตสิกฺขาปทวณฺณนา

‘‘มาตุคาเมนา’’ติ วตฺวา ปุน ‘‘เอกายา’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘มาตุคามสงฺขาตาย เอกาย อิตฺถิยา’’ติ วุตฺตํ. รโหติ อปฺปกาสํ. อปฺปกาสตา จ โย อนาปตฺตึ กโรติ, ตสฺส อปจฺจกฺขภาวโตติ อาห ‘‘จกฺขุสฺส รโห’’ติ. นนุ ‘‘รโห นาม จกฺขุสฺส รโห, โสตสฺส รโห. จกฺขุสฺส รโห นาม น สกฺกา โหติ อกฺขึ วา นิขณิยมาเน, ภมุกํ วา อุกฺขิปิยมาเน, สีสํ วา อุกฺขิปิยมาเน ปสฺสิตุํ. โสตสฺส รโห นาม น สกฺกา โหติ ปกติกถา โสตุ’’นฺติ ปทภาชนปาฬิยํ โสตสฺส รโหติ อาคตํ, อถ กสฺมา ตํ อวตฺวา ‘‘จกฺขุสฺส รโห’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตนฺติ อาห ‘‘กิฺจาปี’’ติอาทิ. อิมินา ปาฬิยํ ‘‘โสตสฺส รโห’’ติ อิทํ อตฺถุทฺธารวเสน วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ. อถ กถเมตํ วิฺายติ ‘‘จกฺขุสฺเสว รโห อิธ อธิปฺเปโต’’ติ? ‘‘ปฏิจฺฉนฺเน อาสเน’’ติ วจนโต ‘‘สกฺกา โหติ เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวิตุ’’นฺติ (ปารา. ๔๔๕) จ วุตฺตตฺตา. เตเนวาห ‘‘สเจปี’’ติอาทิ. ‘‘ปิหิตกวาฏสฺสา’’ติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๔๔-๔๔๕) อิมินา ปฏิจฺฉนฺนภาวโต จกฺขุสฺส รโหสพฺภาวํ ทสฺเสติ. อปิหิตกวาฏสฺส (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๔๔-๔๔๕) ปน ทฺวาเร นิสินฺโน อนาปตฺตึ กโรติ, น เกวลํ อปิหิตกวาฏสฺส คพฺภสฺส ทฺวาเร นิสินฺโนว อนาปตฺตึ กโรติ, อนฺโตทฺวาทสหตฺเถ โอกาเส นิสินฺโนปีติ เวทิตพฺโพ. เตนาห ‘‘ยตฺถ ปน สกฺกา ทฏฺุ’’นฺติอาทิ. ยสฺมา นิสีทิตฺวา นิทฺทายนฺโต กปิมิทฺธปเรโต กฺจิ กาลํ จกฺขูนิ อุมฺมีเลติ, กฺจิ กาลํ นิมีเลติ, น จ มหานิทฺทํ โอกฺกมติ, ตสฺมา ‘‘นิทฺทายนฺโตปิ อนาปตฺตึ กโรตี’’ติ วุตฺตํ. นิปชฺชิตฺวา นิทฺทายนฺโต ปน ตาทิโส น โหตีติ อาห ‘‘นิปชฺชิตฺวา นิทฺทายนฺโตปิ น กโรตี’’ติ, อนาปตฺตึ น กโรตีติ อตฺโถ. เมถุนสฺส มาตุคาโม ทุติโย น โหติ. อิตฺถิโย หิ อฺมฺิสฺสา วชฺชํ ปฏิจฺฉาเทนฺติ. เตเนว เวสาลิยํ (ปารา. ๗๖-๗๗) มหาวเน ทฺวารํ วิวริตฺวา นิปนฺเน ภิกฺขุมฺหิ สมฺพหุลา อิตฺถิโย ยาวทตฺถํ กตฺวา ปกฺกมึสุ. เตนาห ‘‘อิตฺถีนํ ปน สตมฺปิ น กโรตี’’ติ. ตํ กมฺมนฺติ อชฺฌาจารกมฺมํ. ยสฺมา นิสีทิตฺวาว นิปชฺชติ, ตสฺมา นิปชฺชนมฺปิ อนฺโตกตฺวา ‘‘นิสชฺชํ กปฺเปยฺยา’’ติ วุตฺตนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิมาห. ติณฺณํ ธมฺมานํ อฺตเรน กาเรตพฺโพติ นิสชฺชํ ปฏิชานมานสฺส ติณฺณํ ธมฺมานํ อฺตรสมาโยโค โหติเยวาติ วุตฺตํ. ปาราชิเกน, ปน สงฺฆาทิเสเสน จ ปาจิตฺติเยน จ เตนากาเรน นิสชฺชํ ปฏิชานมาโนว กาเรตพฺโพ. น อปฺปฏิชานมาโนติ นิสชฺชํ อปฺปฏิชานมาโน ติณฺณํ ธมฺมานํ อฺตเรน น กาเรตพฺโพติ. อลชฺชีปิ หิ ปฏิชานมาโนว อาปตฺติยา กาเรตพฺโพ. ยาว น ปฏิชานาติ, ตาว ‘‘เนว สุทฺโธ’’ติ วา ‘‘น อสุทฺโธ’’ติ วา วตฺตพฺโพ, วตฺตานุสนฺธินา ปน กาเรตพฺโพติ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘ปฏิฺา ลชฺชีสุ กตา, อลชฺชีสุ เอวํ น วิชฺชติ;

พหุมฺปิ อลชฺชี ภาเสยฺย, วตฺตานุสนฺธิเตน การเย’’ติ. (ปริ. ๓๕๙);

น เกวลํ ติณฺณํ ธมฺมานํ อฺตเรน โจทนายเมว เอวํ ปฏิฺาย กาเรตพฺโพ, อถ โข นิสชฺชาทินา อากาเรน สทฺธึ โจทนายปีติ ทสฺเสตุํ ‘‘เยน วา สา สทฺเธยฺยวจสา อุปาสิกา วเทยฺย, เตน โส ภิกฺขุ กาเรตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. เตเนวาห ‘‘นิสชฺชาทีสุ อากาเรสู’’ติอาทิ. เอตฺถ จ ‘‘ปฏิชานมาโน’’ติ อวุตฺเตปิ อธิการตฺตา ‘‘ปฏิชานมาโนว เตน โส ภิกฺขุ กาเรตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. ตถารูปาย (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๔๔-๔๔๕) อุปาสิกาย วจเน อฺถตฺตาภาวโต ทิฏฺํ นาม ตถาปิ โหติ, อฺถาปิ โหตีติ ทสฺสเน อฺถตฺตสมฺภวํ ทสฺเสติ. อเนกํสิกตาย น นิยโตติ อนิยโต. เตนาห ‘‘ติณฺณํ อาปตฺตีน’’นฺติอาทิ.

รโหนิสชฺชสฺสาเทน มาตุคามสฺส สนฺติกํ คนฺตุกาโม อกฺขึ อฺเชติ, ทุกฺกฏํ. นิวาสนํ นิวาเสติ, กายพนฺธนํ พนฺธติ, จีวรํ ปารุปติ, สพฺพตฺถ ปโยเค ปโยเค ทุกฺกฏํ. คจฺฉติ, ปทวาเร ปทวาเร ทุกฺกฏํ. คนฺตฺวาน นิสีทติ, ทุกฺกฏเมว. เตนาห ‘‘เมถุนธมฺมสนฺนิสฺสิตกิเลสสงฺขาเตนา’’ติอาทิ. เอตฺถ จ รโหนิสชฺชสฺสาทสฺส อสติปิ เมถุนราคภาเว ตปฺปฏิพทฺธกิเลสตฺตา วุตฺตํ ‘‘เมถุนธมฺมสนฺนิสฺสิตกิเลสสงฺขาเตนา’’ติ. เตเนว สนฺนิสฺสิตคฺคหณํ กตํ. รหสฺสาเทนาติ ‘‘อิตฺถนฺนามาย สทฺธึ รโห นิสีทิตฺวา หสิตลปิตาทิกํ กเรยฺย’’นฺติ อุปฺปนฺนอสฺสาทเหตุ . นิสชฺชาย ปาจิตฺติยํ อสติ อุปจารคเต นิปชฺชิตฺวา อนิทฺทายนฺเต อนนฺเธ วิฺุปุริเสติ อธิปฺปาโย. สเจ สา อิตฺถี เกนจิ กรณีเยน อุฏฺายุฏฺาย ปุนปฺปุนํ นิสีทติ, นิสชฺชาย นิสชฺชาย ปาจิตฺติยํ. ยํ สนฺธาย คโต, สา น ทิฏฺา, อฺา อาคนฺตฺวา นิสีทติ, อสฺสาเท อุปฺปนฺเน ปาจิตฺติยํ. สเจ สมฺพหุลา อาคจฺฉนฺติ, มาตุคามคณนาย ปาจิตฺติยํ. สเจ อุฏฺายุฏฺาย ปุนปฺปุนํ นิสีทนฺติ, นิสชฺชาคณนายปิ ปาจิตฺติยานิ. อนิยเมตฺวา ‘‘ทิฏฺทิฏฺาย สทฺธึ รหสฺสาทํ กปฺปิสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา นิสินฺนสฺสาปิ อาคตาคตานํ วเสน, ปุนปฺปุนํ นิสชฺชาย วเสน จ วุตฺตนเยเนว อาปตฺติโย เวทิตพฺพา. วุตฺตปฺปกาเร ปุริเสติ อนนฺเธ วิฺุปุริเส. อุปจารคเต สตีติ ทฺวาทสหตฺถพฺภนฺตรคเต สติ. สเจ สุทฺธจิตฺเตน คนฺตฺวา นิสินฺนสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา นิสินฺนาย อิตฺถิยา รหสฺสาโท อุปฺปชฺชติ, เอวมฺปิ อนาปตฺติ.

ปมอนิยตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ทุติยอนิยตสิกฺขาปทวณฺณนา

นเหว โข ปน ปฏิจฺฉนฺนนฺติ เอตฺถ ปน ยมฺปิ พหิ ปริกฺขิตฺตํ อนฺโต วิวฏํ ปริเวณงฺคณาทิ, ตมฺปิ อนฺโตคธนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘เอวรูปฺหิ านํ อปฺปฏิจฺฉนฺเนเยว คหิต’’นฺติ มหาปจฺจริยํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๕๓) วุตฺตํ. สงฺฆาทิเสเสน วาติ กายสํสคฺคทุฏฺุลฺโลภาสนสงฺขาเตน สงฺฆาทิเสเสน วา. เตเนว หิ ปทภาชเน ‘‘สา เจ เอวํ วเทยฺย ‘อยฺโย, มยา ทิฏฺโ นิสินฺโน มาตุคาเมน สทฺธึ กายสํสคฺคํ สมาปชฺชนฺโต’’’ติอาทิ (ปารา. ๔๕๕) วุตฺตํ. อิทํ สิกฺขาปทํ ทุฏฺุลฺลวาจาวเสน อาคตํ. ทุฏฺุลฺลวาจฺจ สุตฺวา ตํ มาตุคาโมปิ น ปฏิจฺฉาเทติ. ตถา หิ ทุฏฺุลฺลวาจาสิกฺขาปเท (ปารา. ๒๘๓ อาทโย) ยา ปน ตา อิตฺถิโย หิริมนา, ตา นิกฺขมิตฺวา ภิกฺขู อุชฺฌาเปสุํ, ตสฺมา อิธ อิตฺถีปิ อนาปตฺตึ กโรตีติ อาห ‘‘อิตฺถีปี’’ติ. อถ วา อิธ อปฺปฏิจฺฉนฺนตฺตา อิตฺถีปิ อนาปตฺตึ กโรติ, ปเม ปน ปฏิจฺฉนฺนตฺตา อิตฺถิสตมฺปิ อนาปตฺตึ น กโรตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อนนฺโธ อพธิโรติ เอตฺถ กายสํสคฺควเสน อนนฺโธ วุตฺโต, ทุฏฺุลฺลวาจาวเสน อพธิโร.

สมุฏฺานาทีสุ อิทํ สิกฺขาปทํ ติสมุฏฺานํ – กายจิตฺตโต วาจาจิตฺตโต กายวาจาจิตฺตโต สมุฏฺาติ, กิริยํ, สฺาวิโมกฺขํ, สจิตฺตกํ, โลกวชฺชํ, กายกมฺมํ, วจีกมฺมํ, อกุสลจิตฺตํ, สุขมชฺฌตฺตเวทนาหิ ทฺวิเวทนํ. เตนาห ‘‘สมุฏฺานาทีนิ ปเนตฺถ อทินฺนาทานสทิสาเนวา’’ติ. เอตฺถ จ กายสํสคฺคํ สมาปชฺชนฺโต ทุฏฺุลฺลมฺปิ ภณติ, ทุฏฺุลฺลํ ภณนฺโต นิสีทติ จาติ ‘‘กายวาจาจิตฺตโต จ สมุฏฺาตี’’ติ วุตฺตํ, ทุฏฺุลฺลเมว วา สนฺธาย วุตฺตนฺติ คเหตพฺพํ.

ทุติยอนิยตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

‘‘อนิยตุทฺเทโส จายํ ทิฏฺาทิสมูลกโจทนาย วตฺถุํ ปฏิชานมาโนว อาปตฺติยา กาเรตพฺโพ, น อิตโรติ อาปตฺติโรปนาโรปนลกฺขณทสฺสนตฺถํ วุตฺโต’’ติ วทนฺติ.

อิติ กงฺขาวิตรณิยา ปาติโมกฺขวณฺณนาย

วินยตฺถมฺชูสายํ ลีนตฺถปฺปกาสนิยํ

อนิยตวณฺณนา นิฏฺิตา.