📜
ปาฏิเทสนียกณฺฑํ
๑. ปมปาฏิเทสนียสิกฺขาปทวณฺณนา
อนฺตรฆรํ ¶ ¶ ปวิฏฺายาติ รถิกํ พฺยูหํ สิงฺฆาฏกํ ฆรํ ปวิฏฺาย. อสปฺปายนฺติ สคฺคโมกฺขานํ อหิตํ อนนุกูลํ. ภิกฺขุนิยา อนฺตรฆเร ตฺวา ททมานาย วเสเนตฺถ อาปตฺติ เวทิตพฺพา, ภิกฺขุสฺส ิตฏฺานํ ปน อปฺปมาณํ. เตนาห ‘‘อนฺตรฆรํ ปวิฏฺายาติ วจนโต’’ติอาทิ. อนฺตรารามาทีสูติ อนฺตรารามภิกฺขุนุปสฺสยติตฺถิยเสยฺยาปฏิกฺกมเนสุ. รถิยาพฺยูหสิงฺฆาฏกฆรานนฺติ เอตฺถ รถิยาติ รจฺฉา. พฺยูหนฺติ อนิพฺพิชฺฌิตฺวา ิตา คตปจฺจาคตรจฺฉา. สิงฺฆาฏกนฺติ จตุกฺโกณํ วา ติโกณํ วา มคฺคสโมธานฏฺานํ. ฆรนฺติ กุลฆรํ. ยถา จ รถิยาทีสุ ตฺวา ททมานาย คณฺหโต อาปตฺติ, เอวํ หตฺถิสาลาทีสุปิ ทฏฺพฺพํ.
‘‘ยามกาลิกาทีสุ ปฏิคฺคหเณปิ อชฺโฌหรเณปิ ทุกฺกฏ’’นฺติ อิทํ อามิเสน อสมฺภินฺนํ สนฺธาย วุตฺตํ, สมฺภินฺเน ปน เอกรเส ปาฏิเทสนียเมว. เอกโต อุปสมฺปนฺนายาติ ภิกฺขุนีนํ สนฺติเก อุปสมฺปนฺนาย, ภิกฺขูนํ สนฺติเก อุปสมฺปนฺนาย ปน ยถาวตฺถุกเมว.
าติกาย วา ทาเปนฺติยาติ สยํ อทตฺวา ยาย กายจิ าติกาย ทาเปนฺติยา, อฺาติกายาติ อตฺโถ. อุปนิกฺขิปิตฺวา วา ททมานายาติ ภูมิยํ เปตฺวา ‘‘อิทํ, อยฺย, ตุมฺหากํ ทมฺมี’’ติ ททมานาย. เอวํ ทินฺนํ ‘‘สาธุ, ภคินี’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตาย เอว วา ภิกฺขุนิยา, อฺเน วา เกนจิ ปฏิคฺคหาเปตฺวา อิทํ ภฺุชิตุํ วฏฺฏติ.
ปมปาฏิเทสนียสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ทุติยปาฏิเทสนียสิกฺขาปทวณฺณนา
โย ¶ จ ปฏิคฺคเหตฺวา ภฺุชตีติ สมฺพนฺโธ. อตฺตโน วา ภตฺตํ ทาเปนฺติยาติ เอตฺถ สเจปิ อตฺตโน ภตฺตํ เทติ, อิมินา สิกฺขาปเทน อนาปตฺติเยว, ปุริมสิกฺขาปเทน อาปตฺติ. อฺเสํ วา ภตฺตํ เทนฺติยาติ เอตฺถ ¶ ปน สเจ ทาเปยฺย, อิมินา สิกฺขาปเทน อาปตฺติ ภเวยฺย, เทนฺติยา ปน เนว อิมินา, น ปุริเมน อาปตฺติ.
ทุติยปาฏิเทสนียสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ตติยปาฏิเทสนียสิกฺขาปทวณฺณนา
ลทฺธเสกฺขสมฺมุติกานีติ ตฺติทุติเยน กมฺเมน ลทฺธเสกฺขสมฺมุติกานิ. ยฺหิ กุลํ สทฺธาย วฑฺฒติ, โภเคน หายติ, เอวรูปสฺส กุลสฺส ตฺติทุติเยน กมฺเมน เสกฺขสมฺมุตึ เทนฺติ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ.
ฆรโต นีหริตฺวาติ ฆรโต อาสนสาลํ วา วิหารํ วา อาเนตฺวา. เตนาห ‘‘อาสนสาลาทีสุ วา’’ติ. อิมสฺส ‘‘เทนฺตี’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. ทฺวารมูเล วา ปิตํ เทนฺตีติ ทฺวารมูเล ปิตํ ปจฺฉา สมฺปตฺตสฺส เทนฺติ. ภิกฺขุํ ปน ทิสฺวา อนฺโตเคหโต นีหริตฺวา ทิยฺยมานํ น วฏฺฏติ. นิจฺจภตฺตเกติ นิจฺจํ ทาตพฺพภตฺตเก. สลากภตฺเตติ รุกฺขสารมยาย สลากาย วา เวฬุวิลีวตาลปณฺณาทิมยาย ปฏฺฏิกาย วา ‘‘อสุกสฺส นาม สลากภตฺต’’นฺติ เอวํ อกฺขรานิ อุปนิพนฺธิตฺวา คาหาเปตฺวา ทาตพฺพภตฺเต. ปกฺขิเกติ เอกสฺมึ ปกฺเข เอกทิวเส ทาตพฺพภตฺเต. อุโปสถิเกติ อุโปสเถ ทาตพฺพภตฺเต. ปาฏิปทิเกติ ปาฏิปททิวเส ทาตพฺพภตฺเต.
ตติยปาฏิเทสนียสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. จตุตฺถปาฏิเทสนียสิกฺขาปทวณฺณนา
ตสฺส ปริวารํ กตฺวา, อฺํ วา เตน สทฺธึ พหุกมฺปีติ ยาคุยา ปฏิสํวิทิตํ กตฺวา ‘‘กึ สุทฺธาย ยาคุยา ทินฺนาย, ปูวภตฺตาทีนิปิ เอติสฺสา ยาคุยา ปริวารํ กตฺวา, ทสฺสามา’’ติอาทินา ¶ ตสฺส ขาทนียสฺส วา โภชนียสฺส วา ปริวารํ กตฺวา, อฺํ วา ยํ กิฺจิ เตน สทฺธึ พหุกมฺปิ อาหรียตุ. ขาทนียนฺติ นิทสฺสนมตฺตํ ‘‘โภชนียํ วา’’ติปิ อิจฺฉิตพฺพตฺตา. เตน สทฺธึ อาหรนฺตูติ เตน สทฺธึ อตฺตโน เทยฺยธมฺมํ อาหรนฺตุ. ‘‘ยาคุยา ¶ ปฏิสํวิทิตํ กตฺวา ปูวํ วา ภตฺตํ วา อาหรนฺติ, เอตมฺปิ วฏฺฏตี’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๕๗๓) กุรุนฺทิยํ วุตฺตํ.
ปฏิสํวิทิตคิลานาวเสสกํ วาติ ปฏิสํวิทิตฺจ คิลาโน จ ปฏิสํวิทิตคิลานา, เตสํ อวเสสกํ, ปฏิสํวิทิตสฺส จ คิลานสฺส จ เสสกนฺติ อตฺโถ. เอกสฺสตฺถาย ปฏิสํวิทิตํ กตฺวา อาหฏํ, ตสฺส เสสกํ อฺสฺสาปิ ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏติ. จตุนฺนํ วา ปฺจนฺนํ วา ปฏิสํวิทิตํ กตฺวา พหูนํ อาหฏํ โหติ, อฺเสมฺปิ ทาตุํ อิจฺฉนฺติ, เอตมฺปิ ปฏิสํวิทิตเสสกเมว, สพฺเพสมฺปิ วฏฺฏติ. อถ อธิกเมว โหติ, สนฺนิธึ โมเจตฺวา ปิตํ ทุติยทิวเสปิ วฏฺฏติ. คิลานสฺสาหฏาวเสเสปิ เอเสว นโย. ยํ ปน อปฺปฏิสํวิทิตเมว กตฺวา อาภตํ, ตํ พหิอารามํ เปเสตฺวา ปฏิสํวิทิตํ กาเรตฺวา อาหราเปตพฺพํ, ภิกฺขูหิ วา คนฺตฺวา อนฺตรามคฺเค คเหตพฺพํ. ยมฺปิ วิหารมชฺเฌน คจฺฉนฺโต วา วนจรกาทโย วา วนโต อาหริตฺวา เทนฺติ, ปุริมนเยเนว ปฏิสํวิทิตํ กาเรตพฺพํ. กตฺถจิ ปน โปตฺถเกสุ ‘‘ปฏิสํวิทิตํ กตฺวา อาหฏํ วา คิลานาวเสสกํ วา’’ติ ปาโ ทิสฺสติ, โส น คเหตพฺโพ. ตตฺถชาตกเมว วาติ อาราเม ชาตกเมว. มูลผลาทินฺติ มูลผลตจปตฺตาทึ อฺเน กปฺปิยํ กตฺวา ทินฺนํ ปริภฺุชโต อนาปตฺติ. สเจ ปน ตํ คามํ หริตฺวา ปจิตฺวา อาหรนฺติ, น วฏฺฏติ. ปฏิสํวิทิตํ กาเรตพฺพํ.
จตุตฺถปาฏิเทสนียสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
อิติ กงฺขาวิตรณิยา ปาติโมกฺขวณฺณนาย
วินยตฺถมฺชูสายํ ลีนตฺถปฺปกาสนิยํ
ปาฏิเทสนียวณฺณนา นิฏฺิตา.