📜
เสขิยกณฺฑํ
๑. ปริมณฺฑลสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘อนฺตรฆเร’’ติ ¶ ¶ วิเสเสตฺวา น วุตฺตตฺตา ‘‘อาราเมปิ อนฺตรฆเรปิ สพฺพตฺถา’’ติ วุตฺตํ. อาราเมปีติ พุทฺธูปฏฺานาทิกาลํ สนฺธาย วุตฺตํ. ยถา ‘‘ตตฺริเม จตฺตาโร ปาราชิกา ธมฺมา อุทฺเทสํ อาคจฺฉนฺตี’’ติอาทินา ตตฺถ ตตฺถ ปริจฺเฉโท กโต, เอวเมตฺถาปิ ‘‘ตตฺริเม ปฺจสตฺตติ เสขิยา ธมฺมา อุทฺเทสํ อาคจฺฉนฺตี’’ติ กสฺมา ปริจฺเฉโท น กโตติ อาห ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิ. วตฺตกฺขนฺธเก วุตฺตวตฺตานิปีติ อาคนฺตุกาวาสิกคมิกานุโมทนภตฺตคฺคปิณฺฑจาริการฺเสนาสนชนฺตาฆรวจฺจกุฏิอุปชฺฌาจริยสทฺธิวิหาริกอนฺเตวาสิกวตฺตานิ. อิทฺจ นิทสฺสนมตฺตํ อฺเสมฺปิ ขนฺธกวตฺตานํ เอตฺเถว สงฺคหสฺส อิจฺฉิตพฺพตฺตา. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – เสขิยคฺคหเณน เจตฺถ วตฺตกฺขนฺธกาทีสุ (จูฬว. ๓๕๖ อาทโย) อาคตวตฺตาทีนมฺปิ คหณํ. เตปิ หิ สิกฺขิตพฺพฏฺเน ‘‘เสขิยา’’ติ อิจฺฉิตา. ตสฺมา มาติกายํ ปาราชิกาทีนํ วิย เสขิยานํ ปริจฺเฉโท น กโตติ. น เกวลํ วตฺตกฺขนฺธกาทีสุ (จูฬว. ๓๕๖ อาทโย) อาคตวตฺตาทีนํ คหณตฺถเมวาติ อาห ‘‘จาริตฺตวินยทสฺสนตฺถฺจา’’ติ. เอตฺถาปิ ปริจฺเฉโท น กโตติ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํ. มาติกาย ‘‘ทุกฺกฏ’’นฺติ อวุตฺเต กถํ ปเนตฺถ ทุกฺกฏนฺติ เวทิตพฺพนฺติ อาห ‘‘โย ปนา’’ติอาทิ.
อฏฺงฺคุลมตฺตนฺติ ปกตงฺคุเลน อฏฺงฺคุลมตฺตํ. โย ปน สุกฺขชงฺโฆ วา มหาปิณฺฑิกมํโส วา โหติ, ตสฺส สารุปฺปตฺถาย อฏฺงฺคุลาธิกมฺปิ โอตาเรตฺวา นิวาเสตุํ วฏฺฏติ.
ปาสนฺตนฺติ ปาสสฺส อนฺตํ, ทสามูลนฺติ อตฺโถ.
อปริมณฺฑลํ นิวาเสสฺสามีติ ‘‘ปุรโต วา ปจฺฉโต วา โอลมฺเพตฺวา นิวาเสสฺสามี’’ติ เอวํ ¶ อสฺจิจฺจ. กิฺจาปิ ปริมณฺฑลํ นิวาเสตุํ อชานนฺตสฺส อนาปตฺติ, ตถาปิ นิวาสนวตฺตํ สาธุกํ อุคฺคเหตพฺพเมว. สฺจิจฺจ อนุคฺคหณฺหิ อนาทริยํ สิยาติ อาห ‘‘อปิจ นิวาสนวตฺตํ อุคฺคเหตพฺพ’’นฺติ.
ปริมณฺฑลสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ทุติยปริมณฺฑลสิกฺขาปทวณฺณนา
ปฏิกฺขิตฺตํ ¶ คิหิปารุตนฺติ ขุทฺทกวตฺถุขนฺธเก ปฏิกฺขิตฺตํ คิหิปารุตํ. อิทานิ ‘‘น, ภิกฺขเว’’ติอาทินา (จูฬว. ๒๘๐-๒๘๑) สงฺเขเปน วุตฺตมตฺถเมว วิตฺถาเรตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาห. ยํ กิฺจิ อฺถา ปารุตนฺติ สมฺพนฺโธ. ตสฺมาติ ยสฺมา เสตปฏปารุตาทิ คิหิปารุตํ นาม, ตสฺมา. เสตปฏาติ เอตสฺเสว วิวรณํ. อฑฺฒปาลกนิคณฺาติ อฑฺฒํ ปาเลนฺตีติ อฑฺฒปาลกา, อฑฺฒปาลกา จ เต นิคณฺา จาติ อฑฺฒปาลกนิคณฺา. เต หิ อุปริ เอกเมว เสตวตฺถํ อุปกจฺฉเก ปเวเสตฺวา ปริทหนฺติ, เหฏฺา นคฺคาปิ อฑฺฒเมว ปาเลนฺติ. ปริพฺพาชกาติ คิหิพนฺธนํ ปหาย ปพฺพชฺชูปคตา. อุรํ วิวริตฺวาติ หทยมชฺฌํ วิวริตฺวา. อกฺขิตารกามตฺตนฺติ อกฺขิมตฺตํ. อาราเม วาติ พุทฺธูปฏฺานาทิกาลํ สนฺธาย วุตฺตํ. อนฺตรฆเร วาติ อนฺตเร ฆรานิ เอตฺถ, เอตสฺสาติ วา ‘‘อนฺตรฆร’’นฺติ ลทฺธนาเม คาเม.
ทุติยปริมณฺฑลสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓-๔. สุปฺปฏิจฺฉนฺนสิกฺขาปทวณฺณนา
สุฏฺุ ปฏิจฺฉนฺโนติ ชตฺตุมฺปิ อุรมฺปิ อวิวริตฺวา ปฏิจฺฉาเทตพฺพฏฺาเน ปฏิจฺฉาทเนน ปฏิจฺฉนฺโน, น สีสปารุโต. เตนาห ‘‘คณฺิกํ ปฏิมฺุจิตฺวา’’ติอาทิ. ตตฺถ คณฺิกํ ปฏิมฺุจิตฺวาติ คณฺิกํ ปาสเก ปฏิมฺุจิตฺวา. อนฺตรฆเร วาติ โคจรคาเม. เอกทิวสมฺปิ วาสูปคตสฺส สนฺติกํ ยถาสุขํ คนฺตุํ วฏฺฏติ, โก ปน วาโท จตุปฺปฺจาหํ วาสมธิฏฺาย วสิตภิกฺขูนํ สนฺติกนฺติ คณฺิปเท ลิขิตํ.
วาสูปคตสฺสาติ ¶ รตฺติวาสตฺถาย อุปคตสฺส รตฺติภาเค วา ทิวสภาเค วา กายํ วิวริตฺวา นิสีทโต อนาปตฺติ.
สุปฺปฏิจฺฉนฺนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕-๖. สุสํวุตสิกฺขาปทวณฺณนา
สุสํวุโตติ ¶ สุสํยโต. ยถา ปเนตฺถ สุสํวุโต นาม โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘หตฺถํ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
สุสํวุตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗-๘. โอกฺขิตฺตจกฺขุสิกฺขาปทวณฺณนา
กิตฺตเกน ปน โอกฺขิตฺตจกฺขุ โหตีติ อาห ‘‘ยุคมตฺตํ ภูมิภาคํ เปกฺขมาโน’’ติ. ยุคยุตฺตโก หิ ทนฺโต อาชาเนยฺโย ยุคมตฺตํ เปกฺขติ, ปุรโต จตุหตฺถปฺปมาณํ ภูมิภาคํ, อิมินาปิ เอตฺตกํ เปกฺขนฺเตน คนฺตพฺพํ. โย อนาทริยํ ปฏิจฺจ ตํ ตํ ทิสาภาคํ ปาสาทํ กูฏาคารํ วีถึ โอโลเกนฺโต คจฺฉติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. หตฺถิอสฺสาทิปริสฺสยาภาวนฺติ ปริสฺสยนฏฺเน, อภิภวนฏฺเน, วิเหนฏฺเน วา ปริสฺสโย, หตฺถิอสฺสาทิเยว ปริสฺสโย หตฺถิอสฺสาทิปริสฺสโย, ตสฺสาภาวํ, หตฺถิอสฺสาทิ อุปทฺทวาภาวนฺติ อตฺโถ. ‘‘ยถา จ เอกสฺมึ าเน ตฺวา, เอวํ คจฺฉนฺโตปิ ปริสฺสยาภาวํ โอโลเกตุํ ลภติเยว, ตถา คาเม ปูช’’นฺติ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๕๘๒) วทนฺติ.
โอกฺขิตฺตจกฺขุสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙-๑๐. อุกฺขิตฺตกายสิกฺขาปทวณฺณนา
อนฺโตอินฺทขีลโต ปฏฺายาติ ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อนฺโตอุมฺมารโต ปฏฺาย, อปริกฺขิตฺตสฺส ปน ทุติยเลฑฺฑุปาตโต ปฏฺาย น เอวํ คนฺตพฺพํ.
อุกฺขิตฺตกายสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๑-๑๒. อุชฺชคฺฆิกสิกฺขาปทวณฺณนา
หสนียสฺมึ ¶ วตฺถุสฺมินฺติ นิมิตฺตตฺเถ ภุมฺมํ, หสิตพฺพวตฺถุการณาติ อตฺโถ.
อุชฺชคฺฆิกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๓-๑๔. อุจฺจสทฺทสิกฺขาปทวณฺณนา
กิตฺตาวตา ¶ อปฺปสทฺโท โหตีติ อาห ‘‘อยํ ปเนตฺถา’’ติอาทิ. สทฺทเมว สุณาตีติ อปริพฺยตฺตกฺขรํ สทฺทมตฺตเมว สุณาติ. เตนาห ‘‘กถํ น ววตฺถเปตี’’ติ.
อุจฺจสทฺทสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๕-๒๐. กายปฺปจาลกาทิสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘กายาทีนิ ปคฺคเหตฺวา’’ติ เอตสฺเสว วิวรณํ ‘‘นิจฺจลานิ อุชุกานิ เปตฺวา’’ติ คนฺตพฺพฺเจว นิสีทิตพฺพฺจาติ สเมน อิริยาปเถน คนฺตพฺพฺเจว นิสีทิตพฺพฺจ. กายปฺปจาลกาทิยุตฺตํ ฉกฺกํ.
กายปฺปจาลกาทิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒๖. ปลฺลตฺถิกสิกฺขาปทวณฺณนา
ทุสฺสปลฺลตฺถิกายาติ เอตฺถ อาโยคปลฺลตฺถิกาปิ ทุสฺสปลฺลตฺถิกาเยว.
ปลฺลตฺถิกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
ฉพฺพีสติสารุปฺปสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒๗. สกฺกจฺจปฏิคฺคหณสิกฺขาปทวณฺณนา
สตึ ¶ อุปฏฺาเปตฺวาติ ฉฑฺเฑตุกาโม วิย อหุตฺวา ปิณฺฑปาเต สตึ อุปฏฺาเปตฺวา, ‘‘ปิณฺฑปาตํ คณฺหิสฺสามี’’ติ สตึ อุปฏฺาเปตฺวา.
สกฺกจฺจปฏิคฺคหณสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒๘. ปตฺตสฺีปฏิคฺคหณสิกฺขาปทวณฺณนา
อุปนิพทฺธสฺี ¶ หุตฺวาติ ปิณฺฑปาตํ เทนฺเต อนาทริยํ ปฏิจฺจ ตหํ ตหํ อโนโลเกตฺวา ปตฺเต อาโภคสฺี หุตฺวา.
ปตฺตสฺีปฏิคฺคหณสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒๙. สมสูปกปฏิคฺคหณสิกฺขาปทวณฺณนา
สมสูปกนฺติ ปมาณยุตฺตํ สูปวนฺตํ กตฺวา, ภาวนปุํสกนิทฺเทโส จายํ. พฺยฺชนํ ปน อนาทิยิตฺวา อตฺถมตฺตเมว ทสฺเสตุํ ‘‘สมสูปโก นามา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สพฺพาปิ สูเปยฺยพฺยฺชนวิกตีติ โอโลณิสากสูเปยฺยมจฺฉมํสรสาทิกา สพฺพาปิ สูเปยฺยพฺยฺชนวิกติ.
สมสูปกปฏิคฺคหณสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓๐-๓๒. สมติตฺติกาทิสิกฺขาปทวณฺณนา
สมติตฺติกนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส, สมติตฺติกํ กตฺวาติ อตฺโถ. เอวมฺเสุปิ อีทิเสสุ าเนสุ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. สมปุณฺณนฺติ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๖๐๕) ปตฺตสฺส อนฺโตมุขวฏฺฏิเลขาสมปุณฺณํ. สมภริตนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ตฺจ โข อธิฏฺานุปคปตฺตสฺเสว, เนตรสฺส. เตนาห ‘‘อธิฏฺานุปคปตฺตสฺสา’’ติอาทิ. รจิตนฺติ กตํ, ปกฺขิตฺตํ ปูริตนฺติ อตฺโถ. ยํ กิฺจิ ยาวกาลิกนฺติ ยาคุภตฺตผลาผลาทึ ยํ กิฺจิ อามิสชาติกํ. ยตฺถ กตฺถจีติ อธิฏฺานุปโค วา โหตุ, อนธิฏฺานุปโค วา ยตฺถ กตฺถจิ ปตฺเต ¶ . ถูปีกตานีติ ถูปํ วิย กตานิ, อธิฏฺานุปคสฺส ปตฺตสฺส อนฺโตมุขวฏฺฏิเลขํ อติกฺกมิตฺวา กตานีติ อตฺโถ. อิทฺจ ‘‘ยามกาลิกาทีนี’’ติ อิมสฺส วเสน วุตฺตํ, ‘‘ยาวกาลิก’’นฺติ อิมสฺส ปน วเสน วจนพฺยตฺตยํ กตฺวา ‘‘ถูปีกตมฺปิ วฏฺฏตี’’ติ โยเชตพฺพํ. ปิ-สทฺเทน อถูปีกตานิ วฏฺฏนฺตีติ เอตฺถ กถาว นตฺถีติ ทสฺเสติ. เหฏฺา โอโรหตีติ สมนฺตา โอกาสสพฺภาวโต จาลิยมานํ เหฏฺา ภสฺสติ ¶ . ตกฺโกลวฏํสกาทโยติ เอตฺถ มตฺถเก ปิตตกฺโกลเมว วฏํสกสทิสตฺตา ตกฺโกลวฏํสกํ. อาทิสทฺเทน ปุปฺผวฏํสกกฏุกผลาทิวฏํสกานํ (ปาจิ. อฏฺ. ๖๐๕) คหณํ, น ตํ ถูปีกตํ นาม โหติ ปาเฏกฺกํ ภาชนตฺตา ปณฺณาทีนํ.
สมติตฺติกาทิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓๓-๓๔. สปทานสิกฺขาปทวณฺณนา
สปทานนฺติ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๖๐๘) เอตฺถ ทานํ วุจฺจติ อวขณฺฑนํ, อเปตํ ทานโต อปทานํ, อนวขณฺฑนฺติ อตฺโถ, สห อปทาเนน สปทานํ, อวขณฺฑนวิรหิตํ, อนุปฏิปาฏิยาติ วุตฺตํ โหติ. เตนาห ‘‘ตตฺถ ตตฺถ โอธึ อกตฺวา อนุปฏิปาฏิยา’’ติ.
สปทานสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓๖. โอทนปฺปฏิจฺฉาทนสิกฺขาปทวณฺณนา
มาฆาตสมยาทีสูติ เอตฺถ ยสฺมึ สมเย ‘‘ปาโณ น หนฺตพฺโพ’’ติ ราชาโน เภรึ จราเปนฺติ, อยํ มาฆาตสมโย นาม. พฺยฺชนํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา เทนฺตีติ พฺยฺชนํ ฉนฺนํ กตฺวา เทนฺติ.
โอทนปฺปฏิจฺฉาทนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓๗. สูโปทนวิฺตฺติสิกฺขาปทวณฺณนา
เอกาทสเมติ สูโปทนวิฺตฺติยํ. เอตฺถ ปน ยสฺส มุเข ปกฺขิปิตฺวา วิปฺปฏิสาเร อุปฺปนฺเน ¶ ปุน อุคฺคิริตุกามสฺสาปิ สเจ สหสา ปวิสติ, อยํ อสฺจิจฺจ ปริภฺุชติ นาม. โย ปน วิฺตฺตมฺปิ อวิฺตฺตมฺปิ เอกสฺมึ าเน ิตํ สหสา อนุปธาเรตฺวา คเหตฺวา ภฺุชติ, อยํ อสติยา ภฺุชติ นาม.
สูโปทนวิฺตฺติสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓๘. อุชฺฌานสฺีสิกฺขาปทวณฺณนา
อุชฺฌายติ ¶ เอเตนาติ อุชฺฌานํ, จิตฺตํ, ตสฺมึ สฺา อุชฺฌานสฺาติ อาห ‘‘อุชฺฌานสฺี’’ติอาทิ. โอโลเกนฺตสฺสาติ ปเรสํ ปตฺตํ โอโลเกนฺตสฺส.
อุชฺฌานสฺีสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓๙. กพฬสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘มยูรณฺฑํ อติมหนฺต’’นฺติ วจนโต มยูรณฺฑปฺปมาโณปิ กพโฬ น วฏฺฏติ. เกจิ ปน ‘‘มยูรณฺฑโต มหนฺโตว น วฏฺฏติ, น มยูรณฺฑปฺปมาโณ’’ติปิ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ. กุกฺกุฏณฺฑํ อติขุทฺทกนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย, คิลานสฺส ปน อติขุทฺทกํ กพฬํ กโรโตปิ อนาปตฺติ.
กพฬสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔๑-๔๒. อนาหฏสิกฺขาปทวณฺณนา
สกลํ หตฺถนฺติ สกลา องฺคุลิโย. หตฺถสทฺโท เจตฺถ ตเทกเทเสสุ องฺคุลีสุ ทฏฺพฺโพ ‘‘หตฺถมุทฺทา’’ติอาทีสุ วิย. เอวฺจ กตฺวา สพฺพคฺคหณํ สมตฺถิตํ โหติ. อฺถา สกลํ หตฺถํ มุเข ปเวเสตุมสกฺกุเณยฺยตฺตา สพฺพคฺคหณมสมตฺถิตเมว สิยา. สมุทาเย ปวตฺตสฺส จ โวหารสฺส อวยเวปิ ปวตฺตนโต เอกงฺคุลิมฺปิ ตโต เอกเทสมฺปิ มุเข ปกฺขิปิตุํ น วฏฺฏติ.
อนาหฏสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔๓. สกพฬสิกฺขาปทวณฺณนา
ตตฺตเก ¶ สติ วฏฺฏตีติ ตตฺตเก มุขมฺหิ สติ กเถตุํ วฏฺฏติ.
สกพฬสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕๐-๕๑. จปุจปุการกสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘จปุ ¶ จปู’’ติ เอวํ สทฺทํ กตฺวาติ ‘‘จปุ จปู’’ติ เอวํ อนุกรณสทฺทํ กตฺวา. ‘‘ปฺจวีสติเมปิ เอเสว นโย’’ติ อิมินา ‘‘สุรุสุรุการกนฺติ ‘สุรู สุรู’ติ เอวํ สทฺทํ กตฺวา’’ติ อิมมตฺถมติทิสติ.
จปุจปุการกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
ตึสโภชนปฺปฏิสํยุตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕๗. ฉตฺตปาณิสิกฺขาปทวณฺณนา
ยํ กิฺจิ ฉตฺตนฺติ เสตจฺฉตฺตกิลฺชจฺฉตฺตปณฺณจฺฉตฺเตสุ ยํ กิฺจิ ฉตฺตํ. ยมฺปิ ตตฺถชาตกทณฺฑเกน กตํ เอกปณฺณจฺฉตฺตํ โหติ, ตมฺปิ ฉตฺตเมว. ยตฺถ กตฺถจิ สรีราวยเวติ อํสอูรุอาทิเก ยตฺถ กตฺถจิ สรีราวยเวติ.
ฉตฺตปาณิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖๐. อาวุธปาณิสิกฺขาปทวณฺณนา
สพฺพาปิ ธนุวิกตีติ จาปโกทณฺฑาทิเภทา สพฺพาปิ ธนุวิกติ. จาโปติ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๖๓๗) มชฺเฌ วงฺกา กาชทณฺฑสทิสา ธนุวิกติ. โกทณฺโฑติ วฏฺฏลทณฺฑา ธนุวิกติ. ปฏิมุกฺกนฺติ ปเวสิตํ ลคฺคิตํ. ยาว น คณฺหาตีติ ยาว หตฺเถน น คณฺหาติ, อยเมว วา ปาโ. ตาว วฏฺฏตีติ ตาว ธมฺมํ เทเสตุํ วฏฺฏติ.
อาวุธปาณิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖๑-๖๒. ปาทุกสิกฺขาปทวณฺณนา
เกวลํ ¶ อกฺกนฺตสฺสาติ เกวลํ ปาทุกํ อกฺกมิตฺวา ิตสฺส. ปฏิมุกฺกสฺสาติ ปฏิมฺุจิตฺวา ิตสฺส. เตนาห ‘‘ปเวเสตฺวา านวเสนา’’ติ.
ปาทุกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖๓. ยานสิกฺขาปทวณฺณนา
ยานคตสฺสาติ ¶ ‘‘ยานํ นาม วยฺหํ, รโถ, สกฏํ, สนฺธมานิกา, สิวิกา, ปาฏงฺกี’’ติ (ปาจิ. ๖๔๐, ๑๑๘๗) วุตฺตํ ยานํ อุปาทาย อนฺตมโส หตฺถสงฺฆาฏมฺหิ คตสฺส. เตนาห ‘‘สเจปิ ทฺวีหิ ชเนหี’’ติอาทิ. วยฺหาทิเกติ เอตฺถ วยฺหนฺติ อุปริ มณฺฑปสทิสํ ปทรจฺฉทนํ, สพฺพปาลิคุณฺิมํ วา ฉาเทตฺวา กตํ สกฏวิเสสํ ‘‘วยฺห’’นฺติ วทนฺติ. อาทิสทฺเทน รถาทีนํ คหณํ.
ยานสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗๕. อุทเกอุจฺจารสิกฺขาปทวณฺณนา
ปกิณฺณกนฺติ โวมิสฺสกนยํ. สจิตฺตกนฺติ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๕๗๖) วตฺถุวิชานนจิตฺเตน, ปณฺณตฺติวิชานนจิตฺเตน จ สจิตฺตกํ. ‘‘อนาทริยํ ปฏิจฺจา’’ติ (ปาจิ. ๖๕๔) วุตฺตตฺตา ยสฺมา อนาทริยวเสเนว อาปชฺชิตพฺพโต อิทํ สพฺพํ เกวลํ อกุสลเมว, ตฺจ ปกติยา วชฺชํ, สฺจิจฺจ วีติกฺกมนฺจ โทมนสฺสิกสฺเสว โหติ, ตสฺมา ‘‘โลกวชฺชํ อกุสลจิตฺตํ ทุกฺขเวทน’’นฺติ วุตฺตํ. เสเสสุปิ เอเสว นโย.
เอกูนวีสติธมฺมเทสนาปฏิสํยุตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
อิติ กงฺขาวิตรณิยา ปาติโมกฺขวณฺณนาย
วินยตฺถมฺชูสายํ ลีนตฺถปฺปกาสนิยํ
เสขิยวณฺณนา นิฏฺิตา.
อธิกรณสมถวณฺณนา
คณนปริจฺเฉโทติ ¶ สงฺขฺยาปริจฺเฉโท. อธิกรียนฺติ เอตฺถาติ อธิกรณานิ. เก อธิกรียนฺติ? สมถา. กถํ อธิกรียนฺติ? สมนวเสน. ตสฺมา เต เตสํ สมนวเสน ปวตฺตนฺตีติ อาห ‘‘อธิกรณานิ สเมนฺตี’’ติอาทิ. อุปฺปนฺนานํ อุปฺปนฺนานนฺติ อุฏฺิตานํ อุฏฺิตานํ. กิฺจาปิ ¶ อธิกรณฏฺเน เอกวิธํ, ตถาปิ วตฺถุวเสน นานา โหตีติ ‘‘อธิกรณาน’’นฺติ พหุวจนํ กตํ. อิทานิ ตสฺส นานาตฺตํ ทสฺเสตฺวา วิวริตุํ ‘‘วิวาทาธิกรณ’’นฺติอาทิมาห. วิวาโทเยว อธิกรณํ วิวาทาธิกรณํ. เอส นโย เสเสสุปิ. สมถตฺถนฺติ สมนตฺถํ.
อธิกรณสฺส สมฺมุขา วินยนโต สมฺมุขาวินโย. ทพฺพมลฺลปุตฺตตฺเถรสทิสสฺส สติเวปุลฺลปฺปตฺตสฺส ขีณาสวสฺเสว ทาตพฺโพ วินโย สติวินโย. สมฺมูฬฺหสฺส คคฺคภิกฺขุสทิสสฺส อุมฺมตฺตกสฺส ทาตพฺโพ วินโย อมูฬฺหวินโย. ปฏิฺาเตน กรณภูเตน กรณํ ปฏิฺาตกรณํ. อถ วา ปฏิฺาเต อาปนฺนภาวาทิเก กรณํ กิริยา, ‘‘อายตึ สํวเรยฺยาสี’’ติ ปริวาสทานาทิวเสน จ ปวตฺตํ วจีกมฺมํ ปฏิฺาตกรณํ. ยสฺสา กิริยาย ธมฺมวาทิโน พหุตรา, เอสา เยภุยฺยสิกา นาม. โย ปาปุสฺสนฺนตาย ปาปิโย, ปุคฺคโล, ตสฺส อุปวาฬภิกฺขุสทิสสฺส กตฺตพฺพโต ตสฺสปาปิยสิกา, อลุตฺตสมาโสยํ. ติณวตฺถารกสทิสตฺตา ติณวตฺถารโก. ยถา (จูฬว. อฏฺ. ๒๑๒) หิ คูถํ วา มุตฺตํ วา ฆฏฺฏิยมานํ ทุคฺคนฺธตาย พาธติ, ติเณหิ อวตฺถริตฺวา สุปฺปฏิจฺฉาทิตสฺส ปนสฺส คนฺโธ น พาธติ, เอวเมว ยํ อธิกรณํ มูลานุมูลํ คนฺตฺวา วูปสมิยมานํ กกฺขฬตฺตาย วาฬตฺตาย เภทาย สํวตฺตติ, ตํ อิมินา กมฺเมน วูปสนฺตํ คูถํ วิย ติณวตฺถารเกน ปฏิจฺฉนฺนํ สุวูปสนฺตํ โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ติณวตฺถารกสทิสตฺตา ติณวตฺถารโก’’ติ.
ตตฺราติ เตสุ สตฺตสุ อธิกรณสมเถสุ. ‘‘อฏฺารสหิ วตฺถูหี’’ติ ลกฺขณวจนเมตํ ‘‘ยทิ เม พฺยาธิกา ภเวยฺยุํ, ทาตพฺพมิทโมสธ’’นฺติอาทินา (สํ. นิ. ฏี. ๒.๓.๓๙-๔๒) วิย. ตสฺมา เตสุ อฺตเรน วิวทนฺตา อฏฺารสหิ วตฺถูหิ วิวทนฺตีติ วุจฺจติ. วิวาโทติ วิปจฺจนีกวาโท. อุปวทนาติ อกฺโกโส. โจทนาติ อนุโยโค. ทฺเวติ ถุลฺลจฺจยทุพฺภาสิตาปตฺติโย ¶ ทฺเว. จตุนฺนํ กมฺมานํ กรณนฺติ จตุนฺนํ กมฺมานํ อนฺตเร ยสฺส กสฺสจิ กมฺมสฺส กรณํ.
เอวํ อธิกรณานิ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เตสุ อิทํ อธิกรณํ เอตฺตเกหิ สมเถหิ สมฺมตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยสฺมึ วิหาเร อุปฺปนฺนํ ¶ , ตสฺมึเยว วา สมฺมตีติ สมฺพนฺโธ. เอวํ เสเสสุปิ. ตตฺถ ยสฺมึ วิหาเร อุปฺปนฺนนฺติ ‘‘ยสฺมึ วิหาเร มยฺหํ อิมินา ปตฺโต คหิโต, จีวรํ คหิต’’นฺติอาทินา (ปริ. อฏฺ. ๓๔๑) นเยน ปตฺตจีวราทีนํ อตฺถาย วิวาทาธิกรณํ อุปฺปนฺนํ โหติ. ตสฺมึเยว วา สมฺมตีติ ตสฺมึ วิหาเรเยว อาวาสิเกหิ สนฺนิปติตฺวา ‘‘อลํ, อาวุโส’’ติ อตฺถปจฺจตฺถิเก สฺาเปตฺวา ปาฬิมุตฺตกวินิจฺฉเยเนว วูปสเมนฺเตหิ สมฺมติ. สเจ ปน ตํ อธิกรณํ เนวาสิกา วูปสเมตุํ น สกฺโกนฺติ, อถฺโ วินยธโร อาคนฺตฺวา ‘‘กึ, อาวุโส, อิมสฺมึ วิหาเร อุโปสโถ วา ปวารณา วา ิตา’’ติ ปุจฺฉติ, เตหิ จ ตสฺมึ การเณ กถิเต ตํ อธิกรณํ ขนฺธกโต จ ปริวารโต จ สุตฺเตน วินิจฺฉินิตฺวา วูปสเมติ. เอวมฺปิ เอตสฺมึเยว สมฺมตีติ ทฏฺพฺพํ.
อฺตฺถ วูปสเมตุํ คจฺฉนฺตานํ อนฺตรามคฺเค วา สมฺมตีติ ‘‘น มยํ เอตสฺส วินิจฺฉเย ติฏฺาม, นายํ วินเย กุสโล, อมุกสฺมึ นาม คาเม วินยธรา เถรา วสนฺติ, ตตฺถ คนฺตฺวา วินิจฺฉินิสฺสามา’’ติ คจฺฉนฺตานํ อนฺตรามคฺเค วา การณํ สลฺลกฺเขตฺวา อฺมฺํ สฺาเปนฺเตหิ, อฺเหิ วา เต ภิกฺขู นิชฺฌาเปนฺเตหิ สมฺมติ. น เหว โข ปน อฺมฺสฺตฺติยา วา สภาคภิกฺขุนิชฺฌาปเนน วา วูปสนฺตํ โหติ, อปิจ โข ปฏิปถํ อาคจฺฉนฺโต เอโก วินยธโร ทิสฺวา ‘‘กตฺถาวุโส, คจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อมุกํ นาม คามํ อิมินา นาม กรเณนา’’ติ วุตฺเต ‘‘อลํ, อาวุโส, กึ ตตฺถ คเตนา’’ติ ตตฺเถว ธมฺเมน วินเยน ตํ อธิกรณํ วูปสเมติ. เอวมฺปิ อนฺตรามคฺเค วูปสมฺมติ นาม.
ยตฺถ คนฺตฺวา สงฺฆสฺส นิยฺยาติตํ, ตตฺถ สงฺเฆน วาติ สเจ ปน ‘‘อลํ, อาวุโส, กึ ตตฺถ คเตนา’’ติ วุจฺจมานาปิ ‘‘มยํ ตตฺเถว คนฺตฺวา วินิจฺฉยํ ปาเปสฺสามา’’ติ (ปริ. อฏฺ. ๓๔๑) วินยธรสฺส วจนํ อนาทิยิตฺวา ยตฺถ คนฺตฺวา สภาคภิกฺขุสงฺฆสฺส อธิกรณํ นิยฺยาติตํ, ตตฺถ สงฺเฆน ‘‘อลํ, อาวุโส, สงฺฆสนฺนิปาตํ นาม ครุก’’นฺติ ตตฺเถว นิสีทิตฺวา วินิจฺฉิตํ สมฺมติ. น เหว โข ปน สภาคภิกฺขูนํ สฺตฺติยา วูปสนฺตํ โหติ, อปิจ โข สงฺฆํ สนฺนิปาเตตฺวา อาโรจิตํ สงฺฆมชฺเฌ วินยธรา วูปสเมนฺติ. เอวมฺปิ ตตฺถ สงฺเฆน วินิจฺฉิตํ สมฺมติ นาม.
อุพฺพาหิกาย ¶ ¶ สมฺมตปุคฺคเลหิ วา วินิจฺฉิตนฺติ อปโลเกตฺวา วา ขนฺธเก วุตฺตาย วา ตฺติทุติยกมฺมวาจาย สมฺมเตหิ ปุคฺคเลหิ วิสุํ วา นิสีทิตฺวา, ตสฺสาเยว วา ปริสาย ‘‘อฺเน น กิฺจิ กเถตพฺพ’’นฺติ (จูฬว. อฏฺ. ๒๓๑) สาเวตฺวา วินิจฺฉิตํ. อยนฺติ อยํ ยถาวุตฺตา จตุพฺพิธา สมฺมุขตา.
การกสงฺฆสฺสาติ วูปสเมตุํ สนฺนิปติตสฺส การกสงฺฆสฺส. สงฺฆสามคฺคิวเสน สมฺมุขีภาโวติ ‘‘ยาวติกา ภิกฺขู กมฺมปฺปตฺตา, เต อาคตา โหนฺติ, ฉนฺทารหานํ ฉนฺโท อาหโฏ โหติ, สมฺมุขีภูตา น ปฏิกฺโกสนฺตี’’ติ (จูฬว. ๒๒๘) เอวํ วุตฺตสงฺฆสามคฺคิวเสน สมฺมุขีภาโว, เอเตน ยถา ตถา ปธานการกปุคฺคลานํ สมฺมุขตามตฺตํ สงฺฆสมฺมุขตา นาม น โหตีติ ทสฺเสติ. ภูตตาติ ตจฺฉตา. สจฺจปริยาโย หิ อิธ ธมฺมสทฺโท ‘‘ธมฺมวาที’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๙, ๑๙๔) วิย. วิเนติ เอเตนาติ วินโย, ตสฺส ตสฺส อธิกรณสฺส วูปสมนาย ภควตา วุตฺตวิธิ, ตสฺส วินยสฺส สมฺมุขตา วินยสมฺมุขตา. เตนาห ‘‘ยถา ตํ…เป… วินยสมฺมุขตา’’ติ. เยนาติ เยน ปุคฺคเลน. อตฺถปจฺจตฺถิกานนฺติ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๒๒๘) วิวาทวตฺถุสงฺขาเต อตฺเถ ปจฺจตฺถิกานํ. สงฺฆสมฺมุขตา ปริหายติ สมฺมตปุคฺคเลเหว วูปสมนโต.
นนฺติ วิวาทาธิกรณํ. ปฺจงฺคสมนฺนาคตนฺติ (จูฬว. ๒๓๔) ‘‘น ฉนฺทาคตึ คจฺฉติ, น โทสาคตึ คจฺฉติ, น โมหาคตึ คจฺฉติ, น ภยาคตึ คจฺฉติ, คหิตาคหิตํ ชานาตี’’ติ วุตฺเตหิ ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคตํ. คูฬฺหกวิวฏกสกณฺณชปฺปเกสุ ตีสุ สลากคฺคาเหสูติ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เตสํ ภิกฺขูนํ สฺตฺติยา ตโย สลากคฺคาหเก คูฬฺหกํ, วิวฏกํ, สกณฺณชปฺปก’’นฺติ (จูฬว. ๒๓๕) สมถกฺขนฺธเก วุตฺเตสุ ตีสุ สลากคฺคาเหสุ. สลากํ คาเหตฺวาติ ธมฺมวาทีนฺจ อธมฺมวาทีนฺจ สลากาโย นิมิตฺตสฺํ อาโรเปตฺวา จีวรโภเค กตฺวา สมถกฺขนฺธเก วุตฺตนเยน คาหาเปตฺวา. เอวฺหิ ตตฺถ วุตฺตํ –
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, คูฬฺหโก สลากคฺคาโห โหติ? เตน สลากคฺคาหาปเกน ภิกฺขุนา สลากาโย วณฺณาวณฺณาโย กตฺวา เอกเมโก ภิกฺขุ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมสฺส วจนีโย ¶ ‘อยํ เอวํวาทิสฺส สลากา, อยํ เอวํวาทิสฺส สลากา, ยํ อิจฺฉสิ, ตํ คณฺหาหี’ติ. คหิเต วตฺตพฺโพ ‘มา จ กสฺสจิ ทสฺเสหี’ติ. สเจ ชานาติ ‘อธมฺมวาที พหุตรา’ติ, ‘ทุคฺคโห’ติ ปจฺจุกฺกฑฺฒิตพฺพํ. สเจ ชานาติ ‘ธมฺมวาที พหุตรา’ติ ¶ , ‘สุคฺคโห’ติ สาเวตพฺพํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, คูฬฺหโก สลากคฺคาโห โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, วิวฏโก สลากคฺคาโห โหติ? สเจ ชานาติ ‘ธมฺมวาที พหุตรา’ติ, วิสฺสฏฺเเนว วิวเฏน คาเหตพฺโพ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, วิวฏโก สลากคฺคาโห โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, สกณฺณชปฺปโก สลากคฺคาโห โหติ? เตน สลากคฺคาหาปเกน ภิกฺขุนา เอกเมกสฺส ภิกฺขุโน อุปกณฺณเก อาโรเจตพฺพํ ‘อยํ เอวํวาทิสฺส สลากา, อยํ เอววาทิสฺส สลากา, ยํ อิจฺฉสิ, ตํ คณฺหาหี’ติ. คหิเต วตฺตพฺโพ ‘มา จ กสฺสจิ อาโรเจหี’ติ. สเจ ชานาติ ‘อธมฺมวาที พหุตรา’ติ, ‘ทุคฺคโห’ติ ปจฺจุกฺกฑฺฒิตพฺพํ. สเจ ชานาติ ‘ธมฺมวาที พหุตรา’ติ, ‘สุคฺคโห’ติ สาเวตพฺพํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, สกณฺณชปฺปโก สลากคฺคาโห โหตี’’ติ.
เอตฺถ จ อลชฺชุสฺสนฺนาย (จูฬว. อฏฺ. ๒๓๕) ปริสาย คูฬฺหโก สลากคฺคาโห กาตพฺโพ, ลชฺชุสฺสนฺนาย วิวฏโก, พาลุสฺสนฺนาย สกณฺณชปฺปโกติ เวทิตพฺโพ. ธมฺมวาทีนํ เยภุยฺยตายาติ ธมฺมวาทีนํ เอเกนปิ อธิกตาย, โก ปน วาโท ทฺวีหิ ตีหิ.
‘‘จตูหิ สมเถหิ สมฺมตี’’ติ อิทํ สพฺพสงฺคาหกวเสน วุตฺตํ, ตตฺถ ปน ทฺวีหิ เอว วูปสมนํ ทฏฺพฺพํ. เอวํ วินิจฺฉิตนฺติ สเจ อาปตฺติ นตฺถิ, อุโภ ขมาเปตฺวา, อถ อตฺถิ, อาปตฺตึ ทสฺเสตฺวา โรปนวเสน วินิจฺฉิตํ. ปฏิกมฺมํ ปน อาปตฺตาธิกรณสมเถ ปรโต อาคมิสฺสตีติ. น สมณสารุปฺปํ อสฺสามณกํ, สมเณหิ อกตฺตพฺพํ, ตสฺมึ. อชฺฌาจาเร วีติกฺกเม สติ.
ปาราชิกสามนฺเตน ¶ วาติ ทุกฺกเฏน วา ถุลฺลจฺจเยน วา. เมถุนธมฺเม หิ ปาราชิกสามนฺตา นาม ทุกฺกฏํ โหติ, อทินฺนาทานาทีสุ ถุลฺลจฺจยํ. ปฏิจรโตติ ปฏิจฺฉาเทนฺตสฺส. อจฺฉินฺนมูโล ภวิสฺสตีติ ปาราชิกํ อนาปนฺโน ภวิสฺสติ, สีลวา ภวิสฺสตีติ วุตฺตํ โหติ. สมฺมา วตฺติตฺวาติ วตฺตํ ปูเรตฺวา. โอสารณํ ลภิสฺสตีติ กมฺมปฺปฏิปฺปสฺสทฺธึ ลภิสฺสติ.
ตสฺสาติ ¶ อาปตฺตาธิกรณสฺส. สมฺมุขาวินเยเนว วูปสโม นตฺถิ ปฏิฺาย, ตถารูปาย ขนฺติยา วา วินา อวูปสมนโต. ยา ปน ปฏิฺาติ สมฺพนฺโธ.
เอตฺถาติ อาปตฺติเทสนายํ. สิยาติ อวสฺสํ. กกฺขฬตฺตาย วาฬตฺตายาติ กกฺขฬภาวาย เจว วาฬภาวาย จ. ถุลฺลวชฺชนฺติ ปาราชิกฺเจว สงฺฆาทิเสสฺจ. คิหิปฺปฏิสํยุตฺตนฺติ คิหีนํ หีเนน ขุํสนวมฺภนธมฺมิกปฺปฏิสฺสเวสุ อาปนฺนํ อาปตฺตึ.
ยถานุรูปนฺติ ‘‘ทฺวีหิ สมเถหิ, ตีหิ, จตูหิ, เอเกนา’’ติ เอวํ วุตฺตนเยเนว ยถานุรูปํ. เอตฺถาติ อิมสฺมึ สมถาธิกาเร. วินิจฺฉยนโยติ วินิจฺฉยนยมตฺตํ. เตนาห ‘‘วิตฺถาโร ปนา’’ติอาทิ. อสฺสาติ วิตฺถารสฺส. สมนฺตปาสาทิกายํ วุตฺโตติ สมนฺตปาสาทิกาย นาม วินยฏฺกถายํ วุตฺโต. ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพติ อธิปฺปาโย.
เอตฺตกนฺติ เอตํปรมํ, น อิโต ภิยฺโย.
อธิกรณสมถวณฺณนา นิฏฺิตา.
อิติ กงฺขาวิตรณิยา ปาติโมกฺขวณฺณนาย
วินยตฺถมฺชูสายํ ลีนตฺถปฺปกาสนิยํ
ภิกฺขุปาติโมกฺขวณฺณนา นิฏฺิตา.
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส