📜

สงฺฆาทิเสสกณฺฑํ

๑. สุกฺกวิสฺสฏฺิสิกฺขาปทวณฺณนา

อฺตฺรสุปินนฺตาติ สฺวายํ ทุพฺพลวตฺถุกตฺตา เจตนาย ปฏิสนฺธึ อากฑฺฒิตุํ อสมตฺถา, สุปิเน อุปฏฺิตํ นิมิตฺตฺหิ ทุพฺพลํ. ปวตฺเต ปน อฺเหิ กุสลากุสเลหิ อุปตฺถมฺภิตา วิปากํ เทติ. กิฺจาปิ วิปากํ เทติ, อถ โข อวิสเย อุปฺปนฺนตฺตา อพฺโพหาริกาว สุปินนฺตเจตนาติ ลิขิตํ. ยํ ปเนตฺถ ‘‘สุปิเน อุปฏฺิตํ นิมิตฺตฺหิ ทุพฺพล’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ อเนกนฺตํ, น จ อารมฺมณทุพฺพลตาย จิตฺตปฺปวตฺติ ทุพฺพลา อตีตานาคตารมฺมณาย, ปฺตฺตารมฺมณาย วา อทุพฺพลตฺตา. ตสฺมา ทุพฺพลวตฺถุกตฺตาติ ทุพฺพลหทยวตฺถุกตฺตาติ โน ตกฺโกติ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๒๓๖-๒๓๗) อาจริโย. อวตฺถุกตาย ทุพฺพลภาโว ยุชฺชตีติ เจ? น, อวตฺถุกาย ภาวนาปภวาย อติเรกพลวสมฺภวโต. ภาวนาพลสมปฺปิตฺหิ จิตฺตํ อรูปมฺปิ สมานํ อติภารมฺปิ กรชกายํ คเหตฺวา เอกจิตฺตกฺขเณเนว พฺรหฺมโลกมฺปิ ปาเปตฺวา เปติ, ตปฺปฏิภาคํ อนปฺปิตมฺปิ กามาวจรจิตฺตํ กรชกายํ อากาเส ลงฺฆนสมตฺถํ กโรติ. กึ ปเนตฺถ ตํ อนุมานกรณํ? เยน จิตฺตสฺเสว อานุภาโวติ ปฺาเยยฺย จิตฺตานุภาเวน ปนลงฺฆนาทิกิริยาวิเสสนิพฺพตฺติทสฺสนโต. ปกติจิตฺตสมุฏฺานรูปํ วิย อสํสฏฺตฺตา, นิกฺขมนตฺตา จ วตฺถิสีสํ, กฏิ, กาโยติ ติธา สุกฺกสฺส านํ ปกปฺเปนฺติ อาจริยา. สปฺปวิสํ วิย ตํ ทฏฺพฺพํ, น จ วิเส านนิยโม, โกธวเสน ปสฺสนฺตสฺส โหติ. เอวมสฺส น านนิยโม, ราควเสน อุปกฺกมนฺตสฺส โหตีติ โน ตกฺโกติ อาจริโย.

‘‘ทกโสตํ อโนติณฺเณปี’’ติ อิทํ ‘‘โอติณฺณมตฺเต’’ติ อิมินา วิรุชฺฌตีติ เจ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘านโต ปน จุต’’นฺติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ – นิมิตฺเต อุปกฺกมํ กตฺวา สุกฺกํ านา จาเวตฺวา ปุน วิปฺปฏิสารวเสน ทกโสโตโรหณํ นิวาเรตุํ น สกฺกา, ตถาปิ อธิวาสาธิปฺปาเยน อธิวาเสตฺวา อนฺตรา ทกโสตโต อุทฺธํ นิวาเรตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย ‘‘พหิ นิกฺขนฺเต วา’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา านา จุตฺหิ อวสฺสํ ทกโสตํ โอตรตีติ อฏฺกถาย อธิปฺปาโย. ตสฺมา อุภยํ สเมตีติ คเหตพฺโพ.

เอตฺถาห – กสฺมา อิมสฺมึ สิกฺขาปเท ‘‘โย ปน ภิกฺขู’’ติอาทินา การโก น นิทฺทิฏฺโติ? วุจฺจเต – อธิปฺปายาเปกฺขาย ภาวโต การโก น นิทฺทิฏฺโ ตสฺส สาเปกฺขภาวทสฺสนตฺถํ. กถํ? กณฺฑุวนาทิอธิปฺปายเจตนาวเสน เจเตนฺตสฺส กณฺฑุวนาทิอุปกฺกเมน อุปกฺกมนฺตสฺส เมถุนราควเสน อูรุอาทีสุ ทุกฺกฏวตฺถูสุ, วณาทีสุ ถุลฺลจฺจยวตฺถูสุ จ อุปกฺกมนฺตสฺส สุกฺกวิสฏฺิยา สติปิ น สงฺฆาทิเสโส ‘‘อนาปตฺติ ภิกฺขุ น โมจนาธิปฺปายสฺสา’’ติ (ปารา. ๒๖๓) วจนโต. ตสฺมา ตทตฺถทสฺสนตฺถํ อิธ การโก น นิทฺทิฏฺโ. อฺถา ‘‘โย ปน ภิกฺขุ สฺเจตนิกํ สุกฺกวิสฏฺึ อาปชฺเชยฺย, สงฺฆาทิเสโส’’ติ นิทฺทิฏฺเ การเก ‘‘เจเตติ น อุปกฺกมติ มุจฺจติ, อนาปตฺตี’’ติ (ปารา. ๒๖๒) วุตฺตวจนวิโรโธ. ตถา ‘‘สฺเจตนิกาย สุกฺกวิสฏฺิยา อฺตฺร สุปินนฺตา สงฺฆาทิเสโส’’ติ ภุมฺเม นิทฺทิฏฺเปิ โส เอว วิโรโธ เหตฺวตฺถนิยมสิทฺธิโต. ตสฺมา ตทุภยมฺปิ วจนกฺกมํ อวตฺวา ‘‘สฺเจตนิกา สุกฺกวิสฏฺิ อฺตฺร สุปินนฺตา สงฺฆาทิเสโส’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ นิมิตฺตตฺเถ ภุมฺมวจนาภาวโต เหตฺวตฺถนิยโม น กโต โหติ. ตสฺมึ อกเต สฺเจตนิกา สุกฺกวิสฏฺิ อฺตฺร สุปินนฺตา สงฺฆาทิเสโสติ, อุปกฺกเม อสติ อนาปตฺตีติ อยมตฺโถ ทีปิโต โหตีติ เวทิตพฺพํ.

อิมสฺมึ สิกฺขาปเท ทฺเว อาปตฺติสหสฺสานิ โหนฺติ. กถํ? อตฺตโน หตฺถาทิเภเท อชฺฌตฺตรูเป ราคูปตฺถมฺภนวเสน องฺคชาเต กมฺมนิยปฺปตฺเต อาโรคฺยตฺถาย นีลํ โมเจนฺตสฺส เอกา อาปตฺติ, อชฺฌตฺตรูเป เอว ราคูปตฺถมฺเภ ปีตกาทีนํ โมจนวเสน นวาติ ทส. เอวํ ‘‘สุขตฺถายา’’ติอาทีนํ นวนฺนํ วเสนาติ ราคูปตฺถมฺเภ อชฺฌตฺตรูปวเสน สตํ. เอวเมวํ วจฺจปฺปสฺสาววาตอุจฺจาลิงฺคปาณกทฏฺูปตฺถมฺเภสุ จ สตํ สตํ กตฺวา สพฺพํ ปฺจสตํ. ยถา อชฺฌตฺตรูเป ปฺจสตํ, เอวํ พหิทฺธารูเป วา อชฺฌตฺตพหิทฺธารูเป วา อากาเส วา กฏึ กมฺเปนฺโตติ ทฺเว สหสฺสานิ อาปตฺติโย โหนฺตีติ.

สุกฺกวิสฺสฏฺิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. กายสํสคฺคสิกฺขาปทวณฺณนา

‘‘โอติณฺโณ’’ติ อิมินาสฺส เสวนาธิปฺปายตา ทสฺสิตา. เตเนว ‘‘กายสํสคฺคราคสมงฺคิสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘วิปริณเตน…เป… สทฺธิ’’นฺติ อิมินาสฺส วายาโม ทสฺสิโต. ‘‘สทฺธิ’’นฺติ หิ ปทํ สํโยคํ ทีเปติ, โส จ สํโยโค สมาคโม. เกน จิตฺเตน? วิปริณเตน จิตฺเตน, น ปตฺตปฺปฏิคฺคหณาธิปฺปายาทินาติ อธิปฺปาโย. ‘‘กายสํสคฺคํ สมาปชฺเชยฺยา’’ติ อิมินาสฺส วายมโต ผสฺสปฺปฏิวิชานนา ทสฺสิตา โหติ. วายมิตฺวา ผสฺสํ ปฏิวิชานนฺโต หิ สมาปชฺชติ นาม. เอวมสฺส ติวงฺคสมฺปตฺติ ทสฺสิตา โหติ. อถ วา โอติณฺโณ วิปริณเตน จิตฺเตน ยกฺขาทินา สตฺโต วิย. อุปโยคตฺเถ วา เอตํ กรณวจนํ, โอติณฺโณ วิปริณตํ จิตฺตํ กูปาทึ วิย สตฺโต. อถ วา ‘‘ราคโต อุตฺติณฺโณ ภวิสฺสามี’’ติ ภิกฺขุภาวํ อุปคโตปิ โย ปน ภิกฺขุ ตโต อุตฺติณฺณาธิปฺปายโต วิปริณเตน จิตฺเตน เหตุภูเตน ตเมว ราคํ โอติณฺโณ. มาตุคาเมน อตฺตโน สมีปํ วา อาคเตน, อตฺตนา อุปคเตน วา. เอเตน มาตุคามสฺส สารตฺตตา วา โหตุ, วิรตฺตตา วา, สา อิธ อปฺปมาณํ.

หตฺถคฺคาหํ วาติ เอตฺถ หตฺเถน สพฺโพปิ อุปาทินฺนโก กาโย สงฺคหิโต, น ภินฺนสนฺตาโน ตปฺปฏิพทฺโธ วตฺถาลงฺการาทิ. เวณิคฺคหเณน อนุปาทินฺนโก อภินฺนสนฺตาโน เกสโลมนขคฺคทนฺตคฺคาทิโก กมฺมปจฺจยอุตุสมุฏฺาโน คหิโตติ เวทิตพฺพํ. เตเนวาห ‘‘อนฺตมโส โลเมน โลมํ ผุสนฺตสฺสาปี’’ติ. เตน อฺตรสฺส วา…เป… ปรามสนนฺติ เอตฺถ อนุปาทินฺนกานมฺปิ เสสโลมาทีนํ องฺคภาโว เวทิตพฺโพ. เอวํ สนฺเต ‘‘ผสฺสํ ปฏิชานนฺตสฺส สงฺฆาทิเสโส’’ติ อิมินา วิรุชฺฌตีติ เจ? น, ตทตฺถชานนโต. ผุฏฺภาวํ ปฏิวิชานนฺโตปิ ผสฺสํ ปฏิชานาติ นาม, น กายวิฺาณุปฺปตฺติยา เอว. อเนกนฺติกฺเหตฺถ กายวิฺาณํ. ตสฺมา เอว อิธ ผสฺสปฺปฏิวิชานนํ องฺคนฺตฺเวว น วุตฺตํ. ตสฺมิฺหิ วุตฺเต านเมตํ วิชฺชติ ‘‘น จ เม โลมฆฏฺฏเนน กายวิฺาณํ อุปฺปนฺนํ, ตสฺมึ ‘น ผสฺสํ ปฏิชานามี’ติ อนาปนฺนสฺี สิยา’’ติ. ‘‘เวณี นาม กหาปณมาลาทิสมฺปยุตฺตํ, ตตฺถ ‘เวณึ คณฺหิสฺสามี’ติ กหาปณมาลาทึ เอว คณฺหาติ, น โลมํ, นตฺถิ สงฺฆาทิเสโส’’ติ วทนฺติ. วีมํสิตพฺพํ.

กายสํสคฺคสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ทุฏฺุลฺลวาจาสิกฺขาปทวณฺณนา

‘‘กทา เต มาตา ปสีทิสฺสตี’’ติ อายาจนํ ทุฏฺุลฺลวาจาย สิขาปตฺตลกฺขณทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, น เมถุนุปสํหิเตเยว ทุฏฺุลฺลวาจาติ ทสฺสนตฺถํ. ‘‘อุภโตพฺยฺชนกาสี’’ติ วจนํ ปน ปุริสนิมิตฺเตน อสงฺฆาทิเสสวตฺถุนา มิสฺสวจนํ, ปุริสอุภโตพฺยฺชนกสฺส จ อิตฺถินิมิตฺตํ ปฏิจฺฉนฺนํ, อิตรํ ปากฏํ. ยทิ ตมฺปิ ชเนติ, กถํ ‘อนิมิตฺตาสี’ติอาทีนิ ปทานิ น สงฺฆาทิเสสํ ชเนนฺตี’’ติ เอเก, ตํ น ยุตฺตํ ปุริสสฺสาปิ นิมิตฺตาธิวจนตฺตา. ‘‘เมถุนุปสํหิตาหิ สงฺฆาทิเสโส’’ติ (ปารา. ๒๔๘) มาติกายํ ลกฺขณสฺส วุตฺตตฺตา จ เมถุนุปสํหิตาหิ โอภาสเน ปฏิวิชานนฺติยา สงฺฆาทิเสโส, อปฺปฏิวิชานนฺติยา ถุลฺลจฺจยํ, อิตเรหิ โอภาสเน ปฏิวิชานนฺติยา ถุลฺลจฺจยํ, อปฺปฏิวิชานนฺติยา ทุกฺกฏนฺติ เอเก, วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ. เอตฺถาห – ‘‘สิขรณี’’ติอาทีหิ อกฺโกสนฺตสฺส ปฏิฆจิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, กสฺมา ‘‘ติเวทน’’นฺติ อวตฺวา ‘‘ทฺวิเวทน’’นฺติ วุตฺตนฺติ? ราควเสน อยํ อาปตฺติ, น ปฏิฆวเสน. ตสฺมา ราควเสเนว ปวตฺโต อกฺโกโส อิธ อธิปฺเปโต. ตสฺมา ‘‘ทฺวิเวทน’’นฺติ วจนํ สุวุตฺตเมว.

ทุฏฺุลฺลวาจาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. อตฺตกามสิกฺขาปทวณฺณนา

ทุฏฺุลฺโลภาสเน วุตฺตปฺปการายาติ ทุฏฺุลฺลาทุฏฺุลฺลชานนสมตฺถาย. ปรสฺส ภิกฺขุโน อตฺตกามปาริจริยาย วณฺณภณเน ทุกฺกฏํ, ‘‘โย เต วิหาเร วสติ, ตสฺส อคฺคทานํ เมถุนํ ธมฺมํ เทหี’’ติ ปริยายวจเนปิ ทุกฺกฏํ, ‘‘อตฺตกามปาริจริยาย วณฺณํ ภาเสยฺย, ยา มาทิสํ สีลวนฺต’’นฺติ จ วุตฺตตฺตาติ เอเก. ปฺจสุ องฺเคสุ สพฺภาวา สงฺฆาทิเสโสวาติ เอเก, วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ. ‘‘อิมสฺมึ สิกฺขาปททฺวเย กายสํสคฺเค วิย ยกฺขิเปตีสุปิ ทุฏฺุลฺลตฺตกอามวจเน ถุลฺลจฺจยนฺติ วทนฺติ. อฏฺกถาสุ ปน นาคต’’นฺติ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๒๙๕) ลิขิตํ. อุภโตพฺยฺชนโก ปน ปณฺฑกคติโกว.

อตฺตกามสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. สฺจริตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา

อลํวจนียาติ น วจนียา, นิวารเณ อลํ-สทฺโท, น อลํวจนียา นาลํวจนียา. ‘‘ปฏิคฺคณฺหาติ วีมํสติ ปจฺจาหรติ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺสา’’ติ (ปารา. ๓๐๕) วุตฺตตฺตา ยสฺส เอกนฺเตน สงฺฆาทิเสโส โหติ, ตสฺส ปฏิคฺคณฺหนวีมํสนปโยคา เอเต ทุกฺกฏถุลฺลจฺจยา นตฺถีติ วทนฺตีติ ลิขิตํ. กิฺจาปิ เอตฺถ ‘‘อิตฺถี นาม มนุสฺสิตฺถี, น ยกฺขี น เปตี น ติรจฺฉานคตา. ปุริโส นาม มนุสฺสปุริโส, น ยกฺโข น เปโต น ติรจฺฉานคโต’’ติ ปาฬิ นตฺถิ, ตถาปิ กายสํสคฺคาทีสุ ‘‘มาตุคาโม นาม มนุสฺสิตฺถี’’ติ (ปารา. ๒๘๕) อิตฺถิววตฺถานสฺส กตตฺตา อิธาปิ มนุสฺสิตฺถี เอวาติ ปฺายติ. เมถุนปุพฺพภาคสามฺโต อิตฺถิววตฺถาเนน ปุริสววตฺถานํ กตเมว โหติ. เตเนวาห ‘‘เยสุ สฺจริตฺตํ สมาปชฺชติ, เตสํ มนุสฺสชาติกตา’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. สฺจริตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา). กายสํสคฺคาทีสุ จ ปณฺฑกยกฺขิเปติโย ถุลฺลจฺจยวตฺถุกาว วุตฺตา, ตถา อิธาปิ, ปณฺฑกสภาวตฺตา มนุสฺสอุภโตพฺยฺชนโก จ ถุลฺลจฺจยวตฺถุโกว โหติ. เสสา มนุสฺสปุริสอมนุสฺสปณฺฑกอุภโตพฺยฺชนกติรจฺฉานคตปุริสาทโย ทุกฺกฏวตฺถุกาว มิจฺฉาจารทสฺสนสภาวโตติ เวทิตพฺพํ.

สฺจริตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. กุฏิการสิกฺขาปทวณฺณนา

กึ ภนฺเตติ เอตฺตเกปิ วุตฺเต. ปุจฺฉิโต ยทตฺถาย ปวิฏฺโ, ตํ กเถตุํ ลภติ ปุจฺฉิตปฺตฺตา ภิกฺขาจารวตฺเตติ ลิขิตํ. หตฺถกมฺมํ ยาจิโต ‘‘อุปกรณํ, มูลํ วา ทสฺสตี’’ติ ยาจติ, วฏฺฏติ, น วฏฺฏตีติ? วฏฺฏติ เสนาสเน โอภาสปริกถาทีนํ ลทฺธตฺตาติ เอเก. ติหตฺถา วาติ เอตฺถ วฑฺฒกิหตฺเถน ติหตฺถา. ‘‘ปมาณยุตฺโต มฺโจติ ปกติวิทตฺถิยา นววิทตฺถิปฺปมาณมฺโจ, โส ตตฺถ อิโต จ น สฺจรติ, ตสฺมา จตุหตฺถวิตฺถารา น โหตี’’ติอาทิ ลิขิตํ. อกุฏิยา ปน วตฺถุเทสนากิจฺจํ นตฺถิ อุลฺลิตฺตาวลิตฺตํ กาตุํ วุตฺตตฺตา. ‘‘อุลฺลิตฺตาทิภาโว…เป… ‘ฉทนเมว สนฺธาย วุตฺโต’ติ ยุตฺตมิทํ. กสฺมาติ เจ? ยสฺมา มตฺติกามยภิตฺตึ อุฏฺาเปตฺวา อุปริ อุลฺลิตฺตํ วา อวลิตฺตํ วา อุภยํ วา ภิตฺติยา ฆฏิตํ กโรนฺตสฺส อาปตฺติ เอว วินาปิ ภิตฺติเลเปนา’’ติ ลิขิตํ. เอวเมตฺถ ถมฺภตุลาปิฏฺสงฺฆาฏาทิ นิรตฺถกํ สิยา. ตสฺมา วิจาเรตฺวาว คเหตพฺพํ. ‘‘อุโปสถาคารมฺปิ ภวิสฺสติ, อหมฺปิ วสิสฺสามี’’ติ วา ‘‘ภิกฺขูหิ วา สามเณเรหิ วา เอกโต วสิสฺสามี’’ติ วา กโรนฺตสฺส วฏฺฏติ เอว. กสฺมา? ‘‘อตฺตุทฺเทส’’นฺติ วุตฺตตฺตาติ ลิขิตํ.

อิทํ ปน สิกฺขาปทํ จตุตฺถปาราชิกํ วิย นิทานาเปกฺขํ. น หิ วคฺคุมุทาตีริยา ภิกฺขู สยเมว อตฺตโน อสนฺตํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ มุสาวาทลกฺขณํ ปาเปตฺวา ภาสึสุ. อฺมฺฺหิ เต อุตฺตริมนุสฺสธมฺมวณฺณํ ภาสึสุ. น จ ตาวตา ปาราชิกวตฺถุ โหติ, ตตฺตเกน ปน เลเสน ภควา ตํ วตฺถุํ นิทานํ กตฺวา ปาราชิกํ ปฺเปสิ, ตถา อิธาปิ. น หิ นิทาเน ‘‘อเทสิตวตฺถุกาโย สารมฺภาโย อปริกฺกมนาโย’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อปฺปมาณิกาโย’’ติ ปน วุตฺตตฺตา ปมาณมติกฺกมนฺตสฺส สงฺฆาทิเสโสว นิทานาเปกฺโข. ตตฺถ สารมฺเภ อปริกฺกมเน สงฺฆาทิเสสปฺปสงฺคํ วิย ทิสฺสมานํ ‘‘วิภงฺโค ตํนิยมโก’’ติ วุตฺตตฺตา วิภงฺเค น นิวาเรติ. ตถา มหลฺลเก.

เอตฺถาห – กิมตฺถํ มาติกายํ ทุกฺกฏวตฺถุ วุตฺตํ, นนุ วิภงฺเค เอว วตฺตพฺพํ สิยาติ? เอวเมตํ. กึ นุ ภิกฺขู อภิเนตพฺพา วตฺถุเทสนาย, เตหิ ภิกฺขูหิ วตฺถุ เทเสตพฺพํ, กีทิสํ? อนารมฺภํ สปริกฺกมนนฺติ. อิตรฺหิ ‘‘สารมฺเภ เจ ภิกฺขุ วตฺถุสฺมึ อปริกฺกมเน’’ติ เอวํ อนุปฺปสงฺควเสน อาคตตฺตา วุตฺตํ. ยสฺมา วตฺถุ นาม อตฺถิ สารมฺภํ อปริกฺกมนํ, อตฺถิ อนารมฺภํ สปริกฺกมนํ, อตฺถิ สารมฺภํ สปริกฺกมนํ, อตฺถิ อนารมฺภํ อปริกฺกมนนฺติ พหุวิธํ, ตสฺมา พหุวิธตฺตา วตฺถุ เทเสตพฺพํ อนารมฺภํ สปริกฺกมนํ, เนตรนฺติ วุตฺตํ โหติ. กิมตฺถิกา ปเนตฺถ วตฺถุเทสนาติ เจ? ครุกาปตฺติปฺาปนเหตุปริวชฺชนุปายตฺตา. วตฺถุอเทสนา หิ ครุกาปตฺติปฺาปนเหตุภูตา. ครุกาปตฺติปฺาปนํ อกตวิฺตฺติคิหิปีฬาชนนํ, อตฺตทุกฺขปรทุกฺขเหตุภูโต จ สารมฺภภาโวติ เอเต วตฺถุเทสนาปเทเสน อุปาเยน ปริวชฺชิตา โหนฺติ. น หิ ภิกฺขู อกปฺปิยกุฏิกรณตฺถํ คิหีนํ วา ปีฬานิมิตฺตํ, สารมฺภวตฺถุกุฏิกรณตฺถํ วา วตฺถุํ เทเสนฺตีติ. โหนฺติ เจตฺถ –

‘‘ทุกฺกฏสฺส หิ วตฺถูนํ, มาติกาย ปกาสนา;

ครุกาปตฺติเหตูนํ, เตสํ เอวํ ปกาสิตา.

‘‘วตฺถุสฺส เทสนุปาเยน, ครุกาปตฺติเหตุโย;

วชฺชิตา โหนฺติ ยํ ตสฺมา, สารมฺภาทิ ชหาปิต’’นฺติ.

กุฏิการสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. วิหารการสิกฺขาปทวณฺณนา

กิริยามตฺตโต สมุฏฺานภาวโต อกิริยเมเวตํ. ตํ เทสนาอกรณวเสน. ภิกฺขู วา อนภิเนยฺยาติ เอตฺถ วา-สทฺโท อวธารณตฺโถติ เวทิตพฺโพ. ‘‘อายสฺมา ฉนฺโน เจติยรุกฺขํ เฉทาเปสี’’ติ (ปารา. ๓๖๕) อาคตตฺตา อิทมฺปิ นิทานาเปกฺขนฺติ เวทิตพฺพํ.

วิหารการสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. ทุฏฺโทสสิกฺขาปทวณฺณนา

‘‘กสฺมา มม วนฺทนาทีนิ…เป… ‘ฆฏิเตเยว สีสํ เอตี’ติ วุตฺตตฺตา อนฺติมวตฺถุอชฺฌาปนฺนกํ วนฺทิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ. ปริวาราวสาเน อุปาลิปฺจเก ‘‘กติ นุ โข, ภนฺเต, อวนฺทิยา’’ติอาทินา (ปริ. ๔๖๗) วุตฺตปาฬิยํ อวุตฺตตฺตา, ‘‘ปจฺฉา อุปสมฺปนฺเนน ปุเร อุปสมฺปนฺโน วนฺทิโย’’ติ (ปริ. ๔๖๘) วุตฺตตฺตา จ, ตสฺมา เอว อิมิสฺสํ กงฺขาวิตรณิยํ ‘‘อุปสมฺปนฺโนติ สงฺขฺยุปคมน’’นฺติ วุตฺตํ. สุตฺตาธิปฺปาโย ปน เอวํ คเหตพฺโพ – อวนฺทนฺโต สามีจิปฺปฏิกฺเขปสงฺขาตาย โจทนาย โจเทติ นามาติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตนฺติ. ตสฺมา เอว ‘‘เอตฺตาวตา จ โจทนา นาม โหตี’’ติ วุตฺตํ. อิธ อธิปฺเปตํ อาปตฺติอาปชฺชนาการํ ทสฺเสตุํ ‘‘‘กสฺมา มม วนฺทนาทีนิ น กโรสี’ติอาทิ วุตฺต’’นฺติ ลิขิตํ.

กตูปสมฺปทนฺติ ยสฺส อุปสมฺปทา รุหติ, ตํ, ปณฺฑกาทโย. ปนกฺเขตฺตนฺติ เอตฺถ สพฺพสงฺคาหิกํ, ปุคฺคลิกฺจาติ ทุวิธํ ปวารณาปนํ. ตตฺถ สพฺพสงฺคาหิเก ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ…เป… เตวาจิกํ ปวาเร’’ติ สุ-การโต ยาว เร-กาโร. ปุคฺคลิกปเน ปน ‘‘สงฺฆํ, ภนฺเต, ปวาเรมิ…เป… ปสฺสนฺโต ปฏี’’ติ สํ-การโต ยาว อยํ สพฺพปจฺฉิโม ฏิ-กาโร, เอตฺถนฺตเร เอกปเทปิ เปนฺเตน ปิตา โหติ. อุโปสเถ ปน อิมินานุสาเรน วิเสโส เวทิตพฺโพ ‘‘กเรยฺยา’’ติ เร-กาเร อนติกฺกมนฺเต.

ทุฏฺโทสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. อฺภาคิยสิกฺขาปทวณฺณนา

อฺภาโควา อสฺส อตฺถีติ ยถา สุวณฺณสฺเสทํ โสวณฺณมิตฺยตฺร สุวณฺณวา อเนน สุวณฺโณ อิตฺยุจฺจเต. ตํ ปฏิมาย สรีรํ, สิลาปุตฺตกสฺส สรีรนฺติ จ นิทสฺสนํ. ฉคลกสฺส ‘‘ทพฺโพ’’ติ ทินฺนํ นามํ ‘‘เทโส’’ติ วุจฺจติ. กสฺมา? เถรํ อนุทฺธํเสตุํ เถรสฺสาปิ อปทิสิตพฺพตฺตา. อฺมฺปิ วตฺถุํ น เถรํเยว. ลิสฺสติ สิลิสฺสติ โวหารมตฺเตเนวน อตฺถโต. อีสกํ อลฺลียตีติ เลโสติ อธิปฺปาโย. ลิสเสลฉโกลอลฺลีภาเว. เตน วุตฺตํ ‘‘อีสกํ อลฺลียตีติ เลโส’’ติ. ยสฺมา เทสเลสา อตฺถโต นินฺนานากรณํ, ตสฺมา ‘‘กิฺจิเทสํ เลสมตฺตํ อุปาทายา’’ติ ปทํ อุทฺธริตฺวา ‘‘ทส เลสา ชาติเลโส’’ติอาทิ (ปารา. ๓๙๔) ปทภาชเน วุตฺตํ.

อฏฺุปฺปตฺติวเสเนว อาวิภูตนฺติ เอตฺถ กิฺจ ภิยฺโย อนิยมตฺตา. น หิ เมตฺติยภูมชกานํ วิย อฺเสํ สพฺเพสมฺปิ ‘‘ฉคลกเมเวตฺถ อฺภาคิยํ อธิกรณํ โหติ, อฺํ โคมหึสาทิกมฺปิ โหติ, น จ เมตฺติยภูมชกา วิย สพฺเพปิ นามเลสมตฺตเมว อุปาทิยนฺติ, อฺมฺปิ ชาติเลสาทึ อุปาทิยนฺติ, ตสฺมา อนิยมตฺตา น วิภตฺตํ. กิฺจ ภิยฺโย ตถาวุตฺเต ฉคลกสฺเสว อฺภาคิยตา สมฺภวติ, น อฺสฺส, เยน โสว ทสฺสิโต. เลโส จ นาม เลโสว, น ชาติอาทิ, เยน โสว ทสฺสิโตติ เอวํ มิจฺฉาคาหปฺปสงฺคโตติ เวทิตพฺพํ. อิธ จ…เป… สฺิโนปีติ อิมสฺมึ สิกฺขาปเท จ อมูลกสิกฺขาปเท จาติ อตฺโถ.

อฺภาคิยสิกฺขํ โย, เนว สิกฺขติ ยุตฺติโต;

คจฺเฉ วินยวิฺูหิ, อฺภาคิยตํว โส. (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๔๐๘);

อฺภาคิยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๑. เภทานุวตฺตกสิกฺขาปทวณฺณนา

ติณฺณํ อุทฺธํ กมฺมารหา…เป… กโรตีติ เอตฺถ ‘‘อิเม จตฺตาโร’’ติ วา ‘‘อิมฺจ อิมฺจา’’ติ วา วตฺวา กาตุํ น วฏฺฏตีติ ลิขิตํ.

เภทานุวตฺตกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๒. ทุพฺพจสิกฺขาปทวณฺณนา

ทุกฺเขน วตฺตพฺโพ ทุพฺพโจ. วุจฺจมาโน น สหติ.

ทุพฺพจสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

นิคมนวณฺณนา

‘‘นามมตฺตวเสนา’’ติ ปาโ. ‘‘นามโคตฺตวเสนา’’ติ ลิขิตํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘อยํ กิริยา ภิกฺขูนํ กาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ ชานิตฺวา สเจ ฉาเทติ, ฉนฺนาว โหตีติ อตฺโถ. สภาคมตฺตเมวาติ อเวริสภาคมตฺตเมวาติ อธิปฺปาโย.

วตฺถุ เจว โคตฺตฺจาติ เอตฺถ วตฺถูติ วีติกฺกมนํ อสุจิมุจฺจนํ. โคตฺตนฺติ คํ ตายตีติ โคตฺตํ, สชาติโต อฺตฺถ คนฺตุํ อทตฺวา คํ พุทฺธึ, วจนฺจ ตายตีติ อตฺโถ. วตฺถุ จ สชาติเมว คจฺฉติ. สชาติ นาเมตฺถ อฺเหิ วิสิฏฺาวิสิฏฺภูตา กิริยา, น กายสํสคฺคาทิ. นามฺเจว อาปตฺติ จาติ เอตฺถ อาปตฺตีติ วีติกฺกเมนาปนฺนาปตฺติยา นามํ.

ปุนอาคตาคตานํ ภิกฺขูนํ อาโรเจนฺเตนาติ เอตฺถ ทฺวินฺนํ อาโรเจนฺเตน ‘‘อายสฺมนฺตา ธาเรนฺตุ’’ติณฺณํ วา อติเรกานํ วา อาโรเจนฺเตน ‘‘อายสฺมนฺโต ธาเรนฺตู’’ติ เอวํ อาโรจนวิธานํ เวทิตพฺพํ. วตฺตเภทฺจ รตฺติจฺเฉทฺจ อกตฺวาติ เอตฺถ เปตฺวา นวกตรํ ปาริวาสิกํ อวเสสานํ อนฺตมโส มูลายปฏิกสฺสนารหาทีนมฺปิ อภิวาทนาทิสาทิยเน, ปฏิปาฏิยา นิสีทเน, โอวทเน, กมฺมิกานํ ครหเณ จาติอาทีสุ วตฺตเภโท โหติ. ทสฺสนสวนวิสเยสุ อนาโรจเน จ ภิกฺขูหิ เอกจฺฉนฺเน วสเน จ อชานนฺตสฺเสว วิหาเร ภิกฺขูนํ อาคนฺตฺวา คมเน จาติอาทีสุ รตฺติจฺเฉโท โหติ. นานาสํวาสเกหิ วินยกมฺมาภาวโต เตสํ อนาโรจเน รตฺติจฺเฉโท น โหติ. ‘‘ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวา’’ติ วจนโต อนฺโต น วฏฺฏติ. นิกฺขิตฺตวตฺเตเนว หุตฺวา วิจรนฺเตน ยสฺส สนฺติเก ปุพฺเพ สมาทิยิตฺวา อาโรจิตํ, ตสฺสาปิ สนฺติเก ปจฺฉา นิกฺขิปนกาเล อาโรเจตฺวาว นิกฺขิปิตพฺพํ. ตสฺมา ปุน สมาทานกาเลปิ โส เจ ตโต คจฺฉติ, ตํ ทิวสํ อคนฺตฺวา ทิวา อาโรเจตฺวาปิ ยทิ เอวํ อตีตทิวสํ โหติ, ‘‘อรุเณ อุฏฺิเต ตสฺส สนฺติเก อาโรเจตฺวา วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา วิหารํ คนฺตพฺพนฺติ ตสฺส สนฺติเก อาโรเจตฺวา วตฺตํ นิกฺขิปิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. อปิจ ‘‘วิหารํ คนฺตฺวา ยํ สพฺพปมํ ภิกฺขุํ ปสฺสติ, ตสฺส อาโรเจตฺวา นิกฺขิปิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. สเจ รตฺติจฺเฉโท โหติ, วิหารสีมาปริยาปนฺนานํ สพฺเพสํ อาโรเจตพฺพํ สิยา. ‘‘ตสฺส อาโรเจตฺวา’’ติ อิทํ ปน ปุพฺเพ อนาโรจิตํ สนฺธาย วตฺตเภทรกฺขณตฺถํ วุตฺตํ. ตสฺมา เอว สมนฺตปาสาทิกายํ (จูฬว. อฏฺ. ๙๗) เอวํ วุตฺตํ ‘‘อฺํ วิหารโต นิกฺขนฺตํ วา อาคนฺตุกํ วา’’ติ.

สุทฺธนฺตปริวาเส ปน สเจ ‘‘มาสมตฺตํ อสุทฺโธมฺหี’’ติ อคฺคเหสิ, ปริวสนฺโต ปุน อูนํ วา อธิกํ วา สนฺนิฏฺานํ กโรติ, ตตฺตกมฺปิ ปริวสิตพฺพเมว, ปริวาสทานกิจฺจํ นตฺถิ. อยฺหิ สุทฺธนฺตปริวาโส นาม อุทฺธมฺปิ อาโรหติ, เหฏฺาปิ โอโรหติ. อิทมสฺส ลกฺขณํ.

สโมทหิตฺวาติ มูลาปตฺติฏฺาเน เปตฺวา, ปกฺขิปิตฺวาติ อตฺโถ. อปฺปฏิจฺฉนฺนา เจ อนฺตราปตฺติ, มูลาย ปฏิกสฺสนํ อกตฺวา ปุพฺเพ คหิตปริวาเสเนว ปริวสิตพฺพํ. โย ปน อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา วิพฺภมิตฺวา ปุน อุปสมฺปนฺโน หุตฺวาปิ ปฏิจฺฉาเทติ, โย จ ปุพฺเพ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ปจฺฉา น ปฏิจฺฉาเทติ, โย จ อุภยตฺถ ปฏิจฺฉาเทติ, สพฺเพสํ ปฏิจฺฉนฺนทิวสวเสน ปริวาโส ทาตพฺโพ. ‘‘ปุริมสฺมึ อาปตฺติกฺขนฺเธ วา’’ติ จ ‘‘ปจฺฉิมสฺมึ อาปตฺติกฺขนฺเธ วา’’ติ (จูฬว. ๑๖๖ อาทโย) จ ปาฬิยํ วุตฺตตฺตา ทฺเว ภิกฺขู วิสุทฺธิกํ อาปนฺนา โหนฺติ, เต สุทฺธิกทิฏฺิโน โหนฺติ. เอโก ฉาเทติ, เอโก น ฉาเทติ. โย ฉาเทติ, โส ทุกฺกฏํ เทสาเปตพฺโพ. ‘‘อุโภปิ ยถาธมฺมํ การาเปตพฺพา’’ติ (จูฬว. ๑๘๑) วจนโต ยํ กฺจิ อาปตฺตึ ฉาเทตฺวา ทุกฺกฏํ อาปชฺชตีติ เวทิตพฺโพ.

เตสุ คเตสุ วา อคเตสุ วา ปุริมนเยเนว ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ เอตฺถ อูเน คเณ จรณํ, อนุฏฺหนํ เอกรตฺตมฺปิ คเณน วิปฺปวาสํ, สเจ รตฺติยา เอกกฺขเณน สงฺโฆ วสติ, สเจ โส ปุเร อรุณเมว เกนจิ กรณีเยน คโตติ เอตฺถปิ มานตฺเตปิ เอวํ ชาเต. ‘‘อยฺจ ยสฺมา คณสฺส อาโรเจตฺวา, ภิกฺขูนฺจ อตฺถิภาวํ สลฺลกฺเขตฺวาว วสิ, เตนสฺส อูเน คเณ จรณโทโส วา วิปฺปวาโส วา น โหตี’’ติ (จูฬว. อฏฺ. ๙๗) สมนฺตปาสาทิกายํ วุตฺตํ. ตสฺมา เตน อาโรจิเต มุหุตฺตมฺปิ นิสีทิตฺวา คเตปิ วิปฺปวาโส นตฺถิ. ปาริวาสิกสฺส, อุกฺขิตฺตกสฺส จ ปกตตฺเตน ตสฺมึ วสนํ อุทกปาเตน วาริตํ, ตสฺมา นานูปจาเรปิ เอกจฺฉนฺเน น วฏฺฏติ.

อิทานิ ปาวิจารณา เวทิตพฺพา – ‘‘นว ปมาปตฺติกา จตฺตาโร ยาวตติยกา’’ติ อิทํ สภาวนิยมวจนํ. เตน วุฏฺานํ อนิยมนฺติ ทสฺเสติ. เอกจฺจาปตฺติวุฏฺานฺหิ กมฺมโตปิ โหติ อกมฺมโตปิ, น เอวํ อาปชฺชนนฺติ วุตฺตํ โหติ. อฺตรํ วา อฺตรํ วาติ เตสํ ทฺวิธา ภินฺนานมฺปิ วุฏฺานกฺกมเภทาภาวทีปกวจนํ. ยาวตีหํ, ตาวตีหนฺติ เอตฺถ อหปริจฺเฉโท อรุณวเสน. ‘‘ชาน’’นฺติ อิมินา ชานนปฺปฏิจฺฉนฺนสฺส อกามา ปริวตฺถพฺพนฺติ ทสฺเสติ. เตน ภิกฺขุนา อกามา ปริวตฺถพฺพนฺติ เตน ภิกฺขุนา วสตา อกามา ปริวตฺถพฺพํ, น ปริวตฺติตลิงฺเคนาติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ปริวุตฺถปริวาเสนาติ อาทิมฺหิ ปริวุตฺถปริวาเสเนว ปริวาสโต อุตฺตริ อิติวาเรน อาทิโต ภิกฺขุนาว ฉารตฺตํ, ปริวตฺติตลิงฺเคน อุทฺธมฺปิ ภิกฺขุมานตฺตาย ปฏิปชฺชิตพฺพํ, น ปริวาเส วิย ตปฺปจฺจยา อจิณฺณมานตฺโต. จิณฺณมานตฺโตว อพฺเภตพฺโพ, น อิตโร, น ปริวาเส วิย มานตฺตารเห, ปกฺขมานตฺตฺจ จรนฺติยา ภิกฺขุนิยา ลิงฺคํ ปริวตฺตาติกฺกเม สติ จิณฺณมานตฺโต ภิกฺขุ โหติ, ปุน ภิกฺขุมานตฺตํ คเหตฺวา จิณฺณมานตฺโตว ภิกฺขุ อพฺเภตพฺโพติ ทสฺเสติ.

ยตฺถ สิยาติ ยสฺสํ สมานสํวาสกสีมายมฺปิ วีสติคโณ ภิกฺขุสงฺโฆ อตฺถิ. เอเกนปิ เจ อูโน วีสติคโณติ น ยุชฺชติ, อูโน เจ. น หิ วีสติคโณ, สงฺโฆ เจ อูโน. ตสฺมา ‘‘เอเกนปิ เจ อูโน สงฺโฆ’’ติ เอตฺตกเมว วตฺตพฺพนฺติ เจ? น, จตุวคฺคปฺจวคฺคทสวคฺคปฺปสงฺคนิวารณปฺปโยชนโต. ตสฺมา วีสติวคฺโค ภิกฺขุสงฺโฆ เจ ภิกฺขุนา เอเกนปิ อูโน, นฏฺโ ทฏฺพฺโพ. เกจิ ปน วินเย อปฺปกตฺุโน ‘‘ยถา อติเรกจตุวคฺโคปิ สงฺโฆ จตุวคฺคกรณีเย กมฺเม ‘จตุวคฺโค’ติ วุจฺจติ, ตถา ปฺจวคฺคทสวคฺคกรณีเย กมฺเม อติเรกปฺจวคฺคทสวคฺโคปิ ‘ปฺจวคฺคทสวคฺโค’ติ วุจฺจติ. ตสฺมา อูโนปิ จตุวคฺคปฺจวคฺคทสวคฺควีสติวคฺโควา’’ติ มฺเยฺยุํ, เตสํ มฺนานิวารณตฺถํ ‘‘เอเกนปิ เจ อูโน’’ติอาทิ วุตฺตํ. อถ วา วีสติ ภิกฺขุสงฺโฆ เจ, เปตฺวา เอเกนปิ เจ อูโน อปฺปกตตฺโต, ตํ เปตฺวา เอเกนปิ เจติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อยํ ตตฺถ สามีจีติ วจนํ ยํ วุตฺตํ สพฺพตฺถ ‘‘ตสฺส อาปตฺติยา ปริวาสํ เทติ, มูลาย ปฏิกสฺสติ, มานตฺตํ เทติ, อพฺเภตี’’ติ, ตสฺส อาวิภาวกรณตฺถํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. เตน เตสุ อยํ ยถาวุตฺตา สามีจิ นิยตา อิจฺฉิตพฺพา, น ราชสิกฺขาปทาทีสุ วิย อนิยตา. ตตฺถ หิ เกนจิ อนฺตราเยน ตํ สามีจิมกโรนฺเตปิ อนาปตฺตีติ ทีปิตํ โหติ.

สงฺฆาทิเสสวณฺณนา นิฏฺิตา.