📜
สงฺฆาทิเสสกณฺฑํ
๑. อุสฺสยวาทิกาสิกฺขาปทวณฺณนา
มานุสฺสยวเสน ¶ ¶ โกธูสฺสยวเสนาติ พาหุลฺลนเยน วุตฺตํ. เตเนว วกฺขติ ‘‘ติจิตฺตํ ติเวทน’’นฺติ. อฑฺฑกรณตฺถายาติ เอตฺถ อฑฺโฑติ โวหาริกวินิจฺฉโย วุจฺจติ. ยํ ปพฺพชิตา ‘‘อธิกรณ’’นฺติปิ วทนฺติ, ตสฺส กรณตฺถาย โวหาริกวินิจฺฉยตฺถายาติ วุตฺตํ โหติ. วีติกฺกมกฺขเณเยวาติ วตฺถุชฺฌาจารกฺขเณเยว, น ตติยาย สมนุภาสนายาติ อธิปฺปาโย. ภิกฺขุนึ สงฺฆโต นิสฺสาเรตีติ อาปนฺนํ ภิกฺขุนึ ภิกฺขุนิสงฺฆมฺหา นิสฺสาเรติ. เหตุมฺหิ จายํ กตฺตุโวหาโร ‘‘นิสฺสารณเหตุภูตธมฺโม ‘นิสฺสารณีโย’ติ วุตฺโต’’ติ กตฺวา.
ยตฺถ ิตายาติ อุปสฺสยภิกฺขาจารมคฺคาทีสุ ยสฺมึ าเน ิตาย. ตโต ปฏฺาย คจฺฉนฺติยาติ ตโต ปฏฺาย โวหาริกานํ สนฺติกํ คจฺฉนฺติยา. ทุติเยติ ทุติยาโรจเน. เตนาติ อุปาสเกน. เอวํ วุตฺตายาติ ‘‘มม จ ตว จ กถํ ตฺวํเยว อาโรเจหี’’ติ วุตฺตาย. อฺเน กถาเปตีติ กปฺปิยการเกน กถาเปติ. ยถา วา ตถา วา หิ อาโรจิยมาเนติ กปฺปิยการโก วา ภิกฺขุนิยา กถํ ปมํ อาโรเจตุ, อิตโร วา อตฺตโน กถํ (ปาจิ. อฏฺ. ๖๗๙). กปฺปิยการโก วา อุภินฺนมฺปิ กถํ, อิตโร วา อุภินฺนมฺปิ กถํ อาโรเจตูติ เอวํ ยถา ตถา อาโรจิยมาเน. อุภินฺนมฺปิ ปน กถํ สุตฺวาติ ยถา ตถา วา อาโรจิตํ ปน อุภินฺนมฺปิ กถํ สุตฺวา.
อากฑฺฒิยมานา คจฺฉตีติ วุจฺจมานา โวหาริกานํ สนฺติกํ คจฺฉติ, อิมสฺส ‘‘ตสฺสา อนาปตฺตี’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. เอวํ เสเสสุปิ. รกฺขํ ยาจตีติ ธมฺมิกํ รกฺขํ ยาจติ. อิทานิ ยถา ยาจิตา รกฺขา ธมฺมิกา โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อุปสฺสเย อฺเหิ กตํ อนาจารํ อโนทิสฺส อาจิกฺขนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ อตีตํ อารพฺภ อตฺถิ โอทิสฺส อาจิกฺขนา (ปาจิ. อฏฺ. ๖๗๙), อตฺถิ ¶ อโนทิสฺส อาจิกฺขนา, อนาคตํ อารพฺภาปิ อตฺถิ โอทิสฺส อาจิกฺขนา, อตฺถิ อโนทิสฺส อาจิกฺขนา.
กถํ ¶ อตีตํ อารพฺภ โอทิสฺส อาจิกฺขนา โหติ? ภิกฺขุนุปสฺสเย คามทารกา, ธุตฺตาทโย วา เย เกจิ อนาจารํ วา อาจรนฺติ, รุกฺขํ วา ฉินฺทนฺติ, ผลาผลํ วา หรนฺติ, ปริกฺขาเร วา อจฺฉินฺทนฺติ. ภิกฺขุนี โวหาริเก อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อมฺหากํ อุปสฺสเย อิทํ นาม กต’’นฺติ วทติ. ‘‘เกนา’’ติ วุตฺเต ‘‘อสุเกน จ อสุเกน จา’’ติ อาจิกฺขติ. เอวํ อตีตํ อารพฺภ โอทิสฺส อาจิกฺขนา โหติ, สา น วฏฺฏติ. ตฺเจ สุตฺวา เต โวหาริกา เตสํ ทณฺฑํ กโรนฺติ, สพฺพํ ภิกฺขุนิยา คีวา โหติ. ‘‘ทณฺฑํ คณฺหิสฺสนฺตี’’ติ อธิปฺปาเยปิ สติ คีวาเยว โหติ. สเจ ปน ตสฺส ‘‘ทณฺฑํ คณฺหถา’’ติ วทติ, ปฺจมาสกมตฺเต คหิเต ปาราชิกํ โหติ.
เตหิ ‘‘เกนา’’ติ วุตฺเต ปน ‘‘อสุเกนา’ติ วตฺตุํ อมฺหากํ น วฏฺฏติ, ตุมฺเหเยว ชานิสฺสถ. เกวลฺหิ มยํ รกฺขํ ยาจาม, ตํ โน เทถ, อวหฏภณฺฑมฺปิ อาหราเปถา’’ติ วตฺตพฺพํ. เอวํ อโนทิสฺส อาจิกฺขนา โหติ, สา วฏฺฏติ. เอวํ วุตฺเต สเจปิ เต โวหาริกา เต การเก คเวสิตฺวา เตสํ ทณฺฑํ กโรนฺติ, สพฺพํ สาปเตยฺยมฺปิ คหิตํ, ภิกฺขุนิยา เนว คีวา, น อาปตฺติ.
ปริกฺขารํ หรนฺเต ทิสฺวา เตสํ อนตฺถกามตาย ‘‘โจโร โจโร’’ติ วตฺตุมฺปิ น วฏฺฏติ. เอวํ วุตฺเตปิ หิ ยํ เตสํ ทณฺฑํ กโรนฺติ, สพฺพํ ภิกฺขุนิยา คีวา โหติ. อตฺตโน วจนกรํ ปน ‘‘อิมินา เม ปริกฺขาโร คหิโต, ตํ อาหราเปหิ, มา จสฺส ทณฺฑํ กโรถา’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏติ. ทาสทาสิวาปิอาทีนํ อตฺถาย อฑฺฑํ กโรนฺติ, อยํ อกปฺปิยอฑฺโฑ นาม, น วฏฺฏติ.
กถํ อนาคตํ อารพฺภ โอทิสฺส อาจิกฺขนา โหติ? วุตฺตนเยเนว ปเรหิ อนาจาราทีสุ กเตสุ ภิกฺขุนี โวหาริเก เอวํ วทติ ‘‘อมฺหากํ อุปสฺสเย อิทฺจิทฺจ กโรนฺติ, รกฺขํ โน เทถ อายตึ อกรณตฺถายา’’ติ. ‘‘เกน เอวํ กต’’นฺติ วุตฺเต ‘‘อสุเกน จ อสุเกน จา’’ติ อาจิกฺขติ. เอวํ อนาคตํ อารพฺภ โอทิสฺส อาจิกฺขนา โหติ, สาปิ น วฏฺฏติ. เตสฺหิ ทณฺเฑ กเต ปุริมนเยเนว สพฺพํ ภิกฺขุนิยา คีวา. เสสํ ปุริมสทิสเมว.
สเจ ¶ ปน โวหาริกา ภิกฺขุนุปสฺสเย เอวรูปํ อนาจารํ กโรนฺตานํ ‘‘อิมํ นาม ทณฺฑํ กโรมา’’ติ ¶ เภรึ จราเปตฺวา อาณาย อติฏฺมาเน ปริเยสิตฺวา ทณฺฑํ กโรนฺติ, ภิกฺขุนิยา เนว คีวา, น อาปตฺติ.
โย จายํ ภิกฺขุนีนํ วุตฺโต, ภิกฺขูนมฺปิ เอเสว นโย. ภิกฺขุโนปิ หิ โอทิสฺส อาจิกฺขนา น วฏฺฏติ, ยํ ตถา อาจิกฺขิเต เตสํ ทณฺฑํ กโรนฺติ, ตํ สพฺพํ คีวา โหติ. วุตฺตนเยเนว ทณฺฑํ คณฺหาเปนฺตสฺส ปาราชิกํ. โย ปน ‘‘ทณฺฑํ กริสฺสนฺตี’’ติ ชานนฺโตปิ อโนทิสฺส กเถติ, เต จ ปริเยสิตฺวา ทณฺฑํ กโรนฺติเยว, น โทโส. วิหารสีมาย รุกฺขาทีนิ ฉินฺทนฺตานํ วาสิผรสุอาทีนิ คเหตฺวา ปาสาเณ โกฏฺเฏนฺติ, น วฏฺฏติ. สเจ ธารา ภิชฺชติ, การาเปตฺวา ทาตพฺพา. อุปธาวิตฺวา เตสํ ปริกฺขาเร คณฺหนฺติ, ตมฺปิ น กาตพฺพํ. ลหุปริวตฺตฺหิ จิตฺตํ, เถยฺยเจตนาย อุปฺปนฺนาย มูลจฺเฉชฺชมฺปิ คจฺเฉยฺย.
อุสฺสยวาทิกาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. โจริวุฏฺาปิกาสิกฺขาปทวณฺณนา
มลฺลคณภฏิปุตฺตคณาทิกนฺติอาทีสุ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๖๘๓) มลฺลคโณ นาม นารายนภตฺติโก ตตฺถ ตตฺถ ปานียฏฺปนโปกฺขรณิขณนาทิปฺุกมฺมการโก คโณ. ภฏิปุตฺตคโณ นาม กุมารภตฺติกคโณ. ธมฺมคโณติ สาสนภตฺติโก อเนกปฺปการปฺุกมฺมการโก คโณ. คนฺธิกเสณีติ อเนกปฺปการสุคนฺธิวิกติการโก คโณ. ทุสฺสิกเสณีติ ทุสฺสวาณิชสมูโห, เปสการคโณติ อตฺโถ.
วุฏฺาเปนฺติยาติ อุปสมฺปาเทนฺติยา. เกนจิ กรณีเยน ปกฺกนฺตาสุ ภิกฺขุนีสุ อคนฺตฺวา ขณฺฑสีมํ ยถานิสินฺนฏฺาเนเยว อตฺตโน นิสฺสิตกปริสาย สทฺธึ วุฏฺาเปนฺติยา วาจาจิตฺตโต สมุฏฺาติ (ปาจิ. อฏฺ. ๖๘๓), อฺํ สีมํ วา นทึ วา คนฺตฺวา วุฏฺาเปนฺติยา กายวาจาจิตฺตโต สมุฏฺาตีติ อาห ‘‘โจริวุฏฺาปนสมุฏฺาน’’นฺติ. อนาปุจฺฉา วุฏฺาปนวเสน กิริยากิริยํ. ปฺตฺตึ อชานนฺตา อริยาปิ วุฏฺาเปนฺตีติ วา กมฺมวาจาปริโยสาเน อาปตฺติกฺขเณ วิปากาพฺยากตสมงฺคิตาวเสน วา ติจิตฺตํ.
โจริวุฏฺาปิกาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. เอกคามนฺตรคมนสิกฺขาปทวณฺณนา
อฺโ ¶ ¶ คาโม คามนฺตรํ. นทิปารนฺติ นทิยา ปาริมตีรํ. ‘‘คามนฺตรํ คจฺเฉยฺยา’’ติ (ปาจิ. ๖๘๗, ๖๙๑) วุตฺตตฺตา อฺสฺมึ คาเมเยว อาปตฺติ, น สกคาเมติ อาห ‘‘สกคามโต ตาวา’’ติอาทิ. ปริกฺเขเป วา อุปจาเร วา อติกฺกนฺเตติ ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริกฺเขเป วา อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริกฺเขปารหฏฺาเน วา อติกฺกนฺเต. ทุติเยน อติกฺกนฺตมตฺเตติ ทุติเยน ปาเทน อิตรสฺส คามสฺส ปริกฺเขเป วา อุปจาเร วา อติกฺกนฺตมตฺเต. เยสุ ปน โปตฺถเกสุ ‘‘เอเกน ปาเทน อิตรสฺส คามสฺส ปริกฺเขเป วา อติกฺกนฺเต, อุปจาเร วา โอกฺกนฺเต ถุลฺลจฺจยํ, ทุติเยน อติกฺกนฺตมตฺเต, โอกฺกนฺตมตฺเต วา สงฺฆาทิเสโส’’ติ ปาโ ทิสฺสติ, ตตฺถ ‘‘โอกฺกนฺเต, โอกฺกนฺตมตฺเต วา’’ติ เอตานิ ทฺเว ปทานิ ปาฬิยา วิรุชฺฌนฺติ. ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ อติกฺกาเมนฺติยา’’ติ (ปาจิ. ๖๙๒) หิ ปาฬิ. ตถา สมนฺตปาสาทิกายปิ วิรุชฺฌนฺติ. ตตฺถ หิ –
‘‘ปริกฺเขปารหฏฺานํ เอเกน ปาเทน อติกฺกมติ, ถุลฺลจฺจยํ. ทุติเยน อติกฺกนฺตมตฺเต สงฺฆาทิเสโส. อปิเจตฺถ สกคามโต…เป… เอเกน ปาเทน อิตรสฺส คามสฺส ปริกฺเขเป วา อุปจาเรวา อติกฺกนฺตมตฺเต ถุลฺลจฺจยํ, ทุติเยน อติกฺกนฺตมตฺเต สงฺฆาทิเสโส’’ติ –
วุตฺตํ. ‘‘ปมํ ปาทํ อติกฺกาเมนฺติยา’’ติอาทิวจนโต (ปาจิ. ๖๙๒) ปทสา คมนเมว อิธาธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘ปทสา ปวิสนฺติยา อาปตฺตี’’ติ. อิมินา สเจปิ หตฺถิปิฏฺิอาทีหิ วา อิทฺธิยา วา ปวิสติ, วฏฺฏติเยวาติ ทสฺเสติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน สมนฺตปาสาทิกาย (ปาจิ. อฏฺ. ๖๙๒) วุตฺโตติ อธิปฺปาโย.
นทิปารคมเน วุตฺตลกฺขณาย นทิยาติ ‘‘นที นาม ติมณฺฑลํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ยตฺถ กตฺถจิ อุตฺตรนฺติยา อนฺตรวาสโก เตมิยตี’’ติ (ปาจิ. ๖๙๒) นทิปารคมนวิภงฺเค วุตฺตลกฺขณาย นทิยา. นทิปารคมนวิภงฺโค หิ อิธ นทิปารคมนสทฺเทน วุตฺโต. ปุน โอริมตีรเมว ปจฺจุตฺตรนฺติยา วาติ ปรตีรํ คนฺตุกามตาย โอติณฺณตฺตา วุตฺตํ. อิตริสฺสา ปน อยํ ปกฺกนฺตฏฺาเน ิตา โหติ, ตสฺมา ปรตีรํ คจฺฉนฺติยา อนาปตฺติ. สเจ สชฺฌายํ ¶ วา ปธานํ วา อฺํ วา กิฺจิ กมฺมํ กุรุมานา ‘‘ปุเร อรุเณเยว ทุติยิกาย สนฺติกํ คมิสฺสามี’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๖๙๒) อาโภคํ กโรติ, อชานนฺติยา เอว ตสฺสา อรุโณ อุคฺคจฺฉติ ¶ , อนาปตฺตีติ อาห ‘‘ปุเร อรุเณเยวา’’ติอาทิ. อถ ปน ‘‘ยาว อรุณุคฺคมนา อิเธว ภวิสฺสามี’’ติ วา อนาโภเคน วา วิหารสฺส เอกเทเส อจฺฉติ, ทุติยิกาย หตฺถปาสํ น โอตรติ, อรุณุคฺคมเน สงฺฆาทิเสโส. หตฺถปาโสเยว หิ อิธ ปมาณํ. หตฺถปาสาติกฺกเม เอกคพฺโภปิ น รกฺขติ. เตนาห ‘‘เอกคพฺเภ…เป… อาปตฺตี’’ติ.
ทสฺสนูปจารํ วา สวนูปจารํ วาติ เอตฺถ ทสฺสนูปจาโร นาม ยตฺถ ิตํ ทุติยิกา ปสฺสติ. สวนูปจาโร นาม ยตฺถ ิตา มคฺคมูฬฺหสทฺเทน วิย, ธมฺมสฺสวนาโรจนสทฺเทน วิย จ ‘‘อยฺเย’’ติ สทฺทายนฺติยา สทฺทํ สุณาติ. ตสฺมาติ ยสฺมา โอหียนํ นาม ทสฺสนูปจารสวนูปจารานมฺตรสฺส วิชหนํ, ตสฺมา. อนฺโตคาเม ปน โอหียนํ วฏฺฏตีติ อาห ‘‘อินฺทขีลาติกฺกมโต ปฏฺายา’’ติ อาทิ. ตตฺถ อินฺทขีลาติกฺกมโตติ อุมฺมาราติกฺกมโต. พหิคาเมติ คามสฺส พหิปเทเส. มคฺคมูฬฺหา อุจฺจาสทฺทํ กโรนฺตีติ อาห ‘‘มคฺคมูฬฺหสทฺเทน วิยา’’ติ. มคฺคมูฬฺหํ อวฺหายนฺตสฺส สทฺเทน วิยาติปิ วทนฺติ. สทฺทายนฺติยาติ สทฺทํ กโรนฺติยา. ‘‘สทฺทสฺสวนาติกฺกเม อาปตฺติเยวา’’ติ อิมินา ทสฺสนูปจาโร เอวรูเป สวนูปจาเร วิชหิเต น รกฺขติ, ชหิตมตฺเตว อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺสาติ ทสฺเสติ.
มคฺคํ คจฺฉนฺตีติ เอกมคฺคํ คจฺฉนฺติ. สเจ ปุริมาโย อฺเน มคฺเคน คจฺฉนฺติ, ปกฺกนฺตา นาม โหนฺติ, อนาปตฺติเยว. ทฺวินฺนํ คจฺฉนฺตีนํ เอกา อนุพนฺธิตุํ อสกฺโกนฺตี ‘‘คจฺฉตุ อย’’นฺติ โอหียติ, อิตราปิ ‘‘โอหียตุ อย’’นฺติ คจฺฉติ, ทฺวินฺนมฺปิ อาปตฺติ. สเจ ปน คจฺฉนฺตีสุ ปุริมาปิ อฺํ มคฺคํ คณฺหาติ, ปจฺฉิมาปิ อฺํ, เอกา เอกิสฺสา ปกฺกนฺตฏฺาเน ติฏฺติ, ทฺวินฺนมฺปิ อนาปตฺติ.
‘‘สงฺฆาทิเสสา จตุโร’’ติ (ปริ. อฏฺ. ๔๗๙) อยํ ปฺโห อรุณุคฺคมเน คามนฺตรปริยาปนฺนํ นทิปารํ โอกฺกนฺตภิกฺขุนึ สนฺธาย วุตฺโต. สา หิ สกคามโต ปจฺจูสสมเย นิกฺขมิตฺวา อรุณุคฺคมนกาเล วุตฺตปฺปการํ นทิปารํ โอกฺกนฺตมตฺตาว ¶ รตฺติวิปฺปวาสคามนฺตรนทิปารคมนคณมฺหาโอหียนลกฺขเณ เอกปฺปหาเรเนว จตุโร สงฺฆาทิเสเส อาปชฺชติ.
ปกฺขสงฺกนฺตาย วาติ ติตฺถายตนํ สงฺกนฺตาย. อนนฺตราเยนาติ หตฺถิโมจนาทิอนฺตรายํ วินา.
เอกคามนฺตรคมนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. อุกฺขิตฺตกโอสารณสิกฺขาปทวณฺณนา
ตสฺเสว ¶ การกสงฺฆสฺสาติ โย อุกฺเขปนียกมฺมการโก คโณ, ตสฺเสว การกสงฺฆสฺส. วตฺเต วา วตฺตนฺตินฺติ เตจตฺตาลีสปฺปเภเท เนตฺถารวตฺเต วตฺตมานํ.
อุกฺขิตฺตกโอสารณสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. โภชนปฺปฏิคฺคหณปมสิกฺขาปทวณฺณนา
เอกโตอวสฺสุเตติ ปุคฺคลสฺส วา ภิกฺขุนิยา วา อวสฺสุเต. มหาปจฺจริยํ ปเนตฺถ ‘‘ภิกฺขุนิยา อวสฺสุตภาเวติ ทฏฺพฺพ’’นฺติ (ปาจิ. อฏฺ. ๗๐๑) วุตฺตํ. ตํ ‘‘อนวสฺสุโตติ ชานนฺตี ปฏิคฺคณฺหาตี’’ติ (ปาจิ. ๗๐๓) อิมาย ปาฬิยา น สเมติ. ยทิ หิ ปุคฺคลสฺส อวสฺสุตภาโว นปฺปมาณํ, กึ ‘‘อนวสฺสุโตติ ชานนฺตี’’ติ อิมินา วจเนน, ‘‘อนาปตฺติ อุภโตอนวสฺสุตา โหนฺติ, อนวสฺสุตา ปฏิคฺคณฺหาตี’’ติ เอตฺตกเมว วตฺตพฺพํ สิยา. อุโภสุ อนวสฺสุเตสูติ ปุคฺคโล เจว ภิกฺขุนี จาติ อุโภสุ อนวสฺสุเตสุ คณฺหนฺติยา สพฺพถาปิ อนาปตฺติ. ‘‘อนวสฺสุโต’’ติ วา ตฺวา คณฺหนฺติยาติ สยํ อนวสฺสุตา สมานา อวสฺสุเตปิ ‘‘อนวสฺสุโต อย’’นฺติ สฺาย ตสฺส หตฺถโต ปฏิคฺคณฺหนฺติยา. อถ สยํ อนวสฺสุตาปิ อฺํ อวสฺสุตํ วา อนวสฺสุตํ วา ‘‘อวสฺสุโต’’ติ ตฺวา ปฏิคฺคณฺหาติ, ทุกฺกฏเมว. วุตฺตฺเหตํ อนนฺตรสิกฺขาปเท ‘‘กิสฺส ตฺวํ, อยฺเย, น ปฏิคฺคณฺหาสีติ, อวสฺสุตา, อยฺเยติ, ตฺวํ ปน, อยฺเย, อวสฺสุตาติ, นาหํ, อยฺเย, อวสฺสุตา’’ติ.
โภชนปฺปฏิคฺคหณปมสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. โภชนปฺปฏิคฺคหณทุติยสิกฺขาปทวณฺณนา
ทุกฺกฏาทิกา ¶ สงฺฆาทิเสสปริโยสานา อาปตฺติโย อิมินา สิกฺขาปเทน อุยฺโยชิกาเยว, อิตริสฺสา ปน อาปตฺติเภโท ปมสิกฺขาปเทนาติ อาห ‘‘สา เอวํ อุยฺโยชเนนา’’ติอาทิ.
กุลานุทฺทยตายาติ กุลานุกมฺปกตาย.
โภชนปฺปฏิคฺคหณทุติยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗-๑๓. สฺจริตฺตาทิสิกฺขาปทวณฺณนา
สตฺตมาทีนิ ¶ อุตฺตานตฺถาเนว.
สฺจริตฺตาทิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๔-๑๗. สงฺฆเภทกาทิสิกฺขาปทวณฺณนา
ภิกฺขุนี สงฺฆํ น ภินฺทตีติ กมฺมํ, อุทฺเทโส จาติ ทฺวีหิ เภโท, โส ตาย สทฺธึ นตฺถีติ ภิกฺขุนี สงฺฆํ น ภินฺทติ. น เกวลํ ปริวาสาภาโวเยวาติ อาห ‘‘ฉาทนปจฺจยาปี’’ติอาทิ. เอตฺถ จ ‘‘ฉาทนปจฺจยาปิ น ทุกฺกฏํ อาปชฺชตี’’ติ ปาโ ทฏฺพฺโพ, ฉาทนปจฺจยาปิ ทุกฺกฏํ น อาปชฺชตีติ อตฺโถ. เอวฺจ กตฺวา –
‘‘อาปชฺชติ ครุกํ สาวเสสํ;
ฉาเทติ อนาทริยํ ปฏิจฺจ;
น ภิกฺขุนี โน จ ผุเสยฺย วชฺชํ;
ปฺหาเมสา กุสเลหิ จินฺติตา’’ติ. (ปริ. ๔๘๑) –
เอตฺถ ภิกฺขุนินิเสโธ อุปปนฺโน โหติ. เยสุ ปน โปตฺถเกสุ ‘‘ฉาทนปจฺจยา ปน ทุกฺกฏํ อาปชฺชตี’’ติ วินา น-การํ ปาโ ทิสฺสติ, โส ปมาทเลโขติ ทฏฺพฺพํ. ตสฺมาติ ยสฺมา ปริวาโส นาม นตฺถิ, ตสฺมา. อตฺตโน สีมํ โสเธตฺวา วิหารสีมาย วาติ วิหาเร พทฺธสีมเมว ¶ สนฺธาย วุตฺตํ. โสเธตุํ อสกฺโกนฺตีหีติ วิหารสีมํ โสเธตุํ อสกฺโกนฺตีหิ.
มุขมตฺตนิทสฺสนนฺติ ปเวโสปายมตฺตนิทสฺสนํ. เอตฺถาห – อถ กสฺมา ยถา ภิกฺขุมานตฺตกถาย ‘‘ปริกฺขิตฺตสฺส วิหารสฺส ปริกฺเขปโต, อปริกฺขิตฺตสฺส วิหารสฺส ปริกฺเขปารหฏฺานโต ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมฺมา’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. นิคมนวณฺณนา) วุตฺตํ, เอวมวตฺวา ‘‘คามูปจารโต จ ภิกฺขูนํ วิหารูปจารโต จ ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวา’’ติ อิธ วุตฺตนฺติ? ตตฺร เจเก วทนฺติ ‘‘ภิกฺขูนํ วุตฺตปฺปการํ ปเทสํ อติกฺกมิตฺวา คาเมปิ ตํ กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ, ภิกฺขุนีนํ ปน คาเม น วฏฺฏติ, ตสฺมา เอวํ วุตฺต’’นฺติ. อปเร ปน ภณนฺติ ‘‘ภิกฺขูนมฺปิ คาเม น วฏฺฏติ, ภิกฺขุวิหาโร นาม ปุพฺเพเยว คามูปจารํ อติกฺกมิตฺวา ติฏฺติ ¶ , ตสฺมา คามํ อวตฺวา วิหารูปจารเมว เหฏฺา วุตฺตํ. ภิกฺขุนีนํ ปน วิหาโร คาเมเยว, น พหิ, ตสฺมา คามูปจารฺจ วิหารูปจารฺจ อุภยเมเวตฺถ ทสฺสิตํ. ตสฺมา อุภยตฺถาปิ อตฺถโต นานาตฺถํ นตฺถี’’ติ. วีมํสิตฺวา ยฺเจตฺถ ยุชฺชติ, ตํ คเหตพฺพํ.
ตโต ปฏฺายาติ อาโรจิตกาลโต ปฏฺาย.
สงฺฆเภทกาทิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
อิติ กงฺขาวิตรณิยา ปาติโมกฺขวณฺณนาย
วินยตฺถมฺชูสายํ ลีนตฺถปฺปกาสนิยํ
ภิกฺขุนิปาติโมกฺเข สงฺฆาทิเสสวณฺณนา นิฏฺิตา.