📜
อนิยตกณฺฑํ
๑. ปมานิยตสิกฺขาปทวณฺณนา
อนิยเต ¶ ¶ อาทิโตว อิทํ ปกิณฺณกํ. เสยฺยถิทํ – อิทํ อนิยตกณฺฑํ นิปฺปโยชนํ ตตฺถ อปุพฺพาภาวโตติ เจ? น, ครุกลหุกเภทภินฺนาปตฺติโรปนาโรปนกฺกมลกฺขณทีปนปฺปโยชนโต. เอตฺถ หิ ‘‘สา เจ เอวํ วเทยฺย ‘อยฺโย มยา…เป… โส จ ตํ ปฏิชานาติ, อาปตฺติยา กาเรตพฺโพ’’’ติอาทินา (ปารา. ๔๔๖) อาปตฺติยา ครุกาย, ลหุกาย จ อาโรปนกฺกมลกฺขณํ, ‘‘น กาเรตพฺโพ’’ติ อิมินา อนาโรปนกฺกมลกฺขณฺจ ทสฺสิตํ. ลกฺขณทีปนโต อาทิมฺหิ, อนฺเต วา อุทฺทิสิตพฺพนฺติ เจ? น, อสมฺภวโต. กถํ น ตาว อาทิมฺหิ สมฺภวติ, เยสมิทํ ลกฺขณํ, เตสํ สิกฺขาปทานํ อทสฺสิตตฺตา. น อนฺเต ครุกมิสฺสกตฺตา. ตสฺมา ครุกลหุกานํ มชฺเฌ เอว อุทฺทิสิตพฺพตํ อรหติ อุภยมิสฺสกตฺตา. ยา ตตฺถ ปาจิตฺติยสงฺขาตา ลหุกาปตฺติ ทสฺสิตา, สาปิ ครุกาติ กถิตา. เตเนวาห ‘‘เมถุนธมฺมสนฺนิสฺสิตกิเลสสงฺขาเตน รหสฺสาเทนา’’ติอาทิ. ตสฺมา ครุกานํ เอว อนนฺตรํ อุทฺทิฏฺนฺติปิ เอเก. เอวํ สติ ปมานิยตเมวาลํ ตาวตา ลกฺขณทีปนสิทฺธิโต, กึ ทุติเยนาติ เจ? น, โอกาสนิยมปจฺจยมิจฺฉาคาหนิวารณปฺปโยชนโต. ‘‘ปฏิจฺฉนฺเน อาสเน อลํกมฺมนิเย’’ติ โอกาสนิยมโต หิ ตพฺพิปรีเต โอกาเส อิทํ ลกฺขณํ น วิกปฺปิตนฺติ มิจฺฉาคาโห โหติ. ตํนิวารณโต ทุติยานิยตมฺปิ สาตฺถกเมวาติ อธิปฺปาโย. กสฺมา? โอกาสเภทโต, รโหเภททีปนโต, รโหนิสชฺชสฺสาทเภททีปนโต. โอกาสนิยมภาเว จ รโหนิสชฺชสฺสาทเภโท ชาโต. ทฺวินฺนํ รโหนิสชฺชสิกฺขาปทานํ นานาตฺตชานนฺจ สิยา ตถา กายสํสคฺคเภททีปนโต. นาลํ กมฺมนิเยปิ หิ โอกาเส อปฺปฏิจฺฉนฺเน, ปฏิจฺฉนฺเนปิ วา นิสินฺนาย วาตปานกวาฏจฺฉิทฺทาทีหิ นิกฺขนฺตเกสาทิคฺคหเณน กายสํสคฺโค ลพฺภตีติ เอวมาทโยปิ นยา วิตฺถารโต เวทิตพฺพา.
ตตฺริทํ ¶ มุขมตฺตนิทสฺสนํ – โอกาสเภทโตติ อลํกมฺมนิยนาลํกมฺมนิยเภทโต. ปฏิจฺฉนฺนมฺปิ หิ เอกจฺจํ นาลํกมฺมนิยํ วาตปานาทินา อนฺตริตตฺตา ¶ , อุภยปฺปฏิจฺฉนฺนมฺปิ เอกจฺจํ นาลํกมฺมนิยํ วิชานตํ อชฺโฌกาสตฺตา. รโหเภททีปนโตติ เอตฺถ รหภาวสามฺเปิ รโห ทฺวิธา ปฏิจฺฉนฺนาปฏิจฺฉนฺนเภทโตติ อธิปฺปาโย. รโหนิสชฺชสฺสาทเภททีปนโตติ เมถุนสฺสาทวเสน นิสชฺชา, ทุฏฺุลฺลสฺสาทวเสน นิสชฺชาติ ตาทิสสฺส เภทสฺส ทีปนโตติ อตฺโถ. ‘‘อิธ อาคตนยตฺตา ภิกฺขุนิปาติโมกฺเข อิทํ กณฺฑํ ปริหีนนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติ วทนฺติ. ‘‘อฏฺุปฺปตฺติยา ตตฺถ อนุปฺปนฺนตฺตา’’ติ เอเก, ตํ อเนกนฺตภาวทีปนโต อยุตฺตํ. สพฺพพุทฺธกาเล หิ ภิกฺขูนํ ปฺจ, ภิกฺขุนีนํ จตฺตาโร จ อุทฺเทสา สนฺติ. ปาติโมกฺขุทฺเทสปฺตฺติยา อสาธารณตฺตา ตตฺถ นิทฺทิฏฺสงฺฆาทิเสสปาจิตฺติยานนฺติ เอเก. ตาสฺหิ ภิกฺขุนีนํ อุพฺภชาณุมณฺฑลิก (ปาจิ. ๖๕๘) -อฏฺวตฺถุก (ปาจิ. ๖๗๕) -วเสน กายสํสคฺควิเสโส ปาราชิกวตฺถุ, ‘‘หตฺถคฺคหณํ วา สาทิเยยฺย, กายํ วา ตทตฺถาย อุปสํหเรยฺยา’’ติ (ปาจิ. ๖๗๕) วจนโต สาทิยนมฺปิ, ‘‘สนฺติฏฺเยฺย วา’’ติ (ปาจิ. ๖๗๕) วจนโต านมฺปิ, ‘‘สงฺเกตํ วา คจฺเฉยฺยา’’ติ (ปาจิ. ๖๗๕) วจนโต คมนมฺปิ, ‘‘ฉนฺนํ วา อนุปวิเสยฺยา’’ติ (ปาจิ. ๖๗๕) วจนโต ปฏิจฺฉนฺนฏฺานปฺปเวโสปิ โหติ, ตถา ‘‘รตฺตนฺธกาเร อปฺปทีเป, ปฏิจฺฉนฺเน โอกาเส อชฺโฌกาเส เอเกเนกา สนฺติฏฺเยฺย วา สลฺลเปยฺย วา’’ติ (ปาจิ. ๘๓๙) วจนโต ทุฏฺุลฺลวาจาปิ ปาจิตฺติยวตฺถุกนฺติ กตฺวา ตาสํ อฺถา อนิยตกณฺฑสฺส อวตฺตพฺพตาปตฺติโต น วุตฺตนฺติ เตสํ อธิปฺปาโย. ปกิณฺณกํ.
‘‘เทสนาวุฏฺานคามินีนํ อาปตฺตีนํ วเสน อลชฺชิอาทโย ลชฺชีนํ โจเทสฺสนฺตี’’ติ อาคตตฺตา ลชฺชิปคฺคหตฺถาย ปติรูปายปิ อุปาสิกาย วจเนน อกตฺวา ภิกฺขุสฺเสว ปฏิฺาย กาตพฺพนฺติ อาปตฺติโย ปน ลกฺขณทสฺสนตฺถํ ปฺตฺตํ วิตฺถารนยเมว คเหตฺวา วตฺตุํ ยุตฺตํ ‘‘อิเม โข ปนายสฺมนฺโต ทฺเว อนิยตา ธมฺมา’’ติ (ปารา. ๔๔๓) อุทฺเทสทสฺสนตฺตาติ ลิขิตํ. โสตสฺส รโหติ เอตฺถ รโหติ วจนสามฺโต วุตฺตํ. ทุฏฺุลฺลสามฺโต ทุฏฺุลฺลาโรจนปฺปฏิจฺฉาทนสิกฺขาปเทสุ ปาราชิกวจนํ วิย. ตสฺมา ‘‘จกฺขุสฺเสว ปน รโห ‘รโห’ติ อิธ อธิปฺเปโต’’ติ วุตฺตํ. กถํ ปฺายตีติ เจ? ‘‘มาตุคาโม นาม…เป… อนฺตมโส ตทหุชาตาปิ ทาริกา’’ติ (ปารา. ๔๔๕) วุตฺตตฺตา ทุฏฺุลฺโลภาสนํ อิธ นาธิปฺเปตนฺติ ทีปิตเมวาติ. อนฺโตทฺวาทสหตฺเถปีติ ¶ ปิ-สทฺเทน อปิหิตกวาฏสฺส คพฺภสฺส ทฺวาเร นิสินฺโนปีติ อตฺโถ. อเจลกวคฺเค รโหปฏิจฺฉนฺนาสนสิกฺขาปเท (ปาจิ. ๒๘๘) ‘‘โย โกจิ วิฺู ปุริโส ทุติโย โหตี’’ติ อิมสฺส อนุรูปโต ‘‘อิตฺถีนํ ปน สตมฺปิ อนาปตฺตึ น กโรติเยวา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อลํกมฺมนิเยติ สกฺกา โหติ เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวิตุ’’นฺติ (ปารา. ๔๔๕) วิภงฺเค ¶ วจนโต รโหนิสชฺชสฺสาโท เจตฺถ เมถุนธมฺมสนฺนิสฺสิตกิเลโส, น ทุติเย วิย ทุฏฺุลฺลวาจสฺสาทกิเลโส. ตสฺมา จ ปฺายติ โสตสฺส รโห นาธิปฺเปโตติ.
ติณฺณํ ธมฺมานํ อฺตเรน วเทยฺยาติ รโหนิสชฺชสิกฺขาปทวเสน นิสินฺนสฺส ตสฺสานุสาเรน ปาจิตฺติยเมว อวตฺวา ปาราชิกสงฺฆาทิเสสายปิ อาปตฺติยา เภททสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ปุน อาปตฺติปฺปฏิชานนํ อวตฺวา กสฺมา ‘‘นิสชฺชํ ภิกฺขุ ปฏิชานมาโน’’ติ วตฺถุปฺปฏิชานนํ วุตฺตนฺติ? วุจฺจเต – อาปตฺติยา โจทิเต วินยธเรน ‘‘กิสฺมึ วตฺถุสฺมิ’’นฺติ ปุจฺฉิเต จุทิตเกน ‘‘อิมสฺมึ วตฺถุสฺมิ’’นฺติ วุตฺเต วินยธเรน ‘‘อีทิสํ นาม อกาสี’’ติ ปุจฺฉิเต โส วตฺถุํ ปฏิชานมาโนว กาเรตพฺโพติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘นิสชฺชํ ภิกฺขุ ปฏิชานมาโน’’ติ วุตฺตํ. ยทิ เอวํ นิสชฺชํ ปฏิชานมาโนปิ อาปตฺติยาว กาเรตพฺโพติ? อนุรูปเมว. เอวํ ปน คเหตพฺพํ – ติณฺณมฺปิ อาปตฺตีนํ วตฺถูนิ อคฺคเหตฺวา อิธ สิกฺขาปทวเสน นิสชฺชเมว วุตฺตํ. ตสฺมึ คหิเตปิ หิ อาปตฺติ คหิตาว โหตีติ. เยน วา สาติ เอตฺถ วา-สทฺโท ‘‘เตน โส ภิกฺขุ กาเรตพฺโพ วา’’ติ โยเชตพฺโพ. โส จ วิกปฺปตฺโถ. ตสฺมา ‘‘กาเรตพฺโพ วา ปฏิชานมาโน, น วา กาเรตพฺโพ อปฺปฏิชานมาโน’’ติ อตฺโถ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปฏิชานมาโน วา’’ติอาทิ. รโหนิสชฺชสิกฺขาปทวเสน นิสชฺชปจฺจยา อาปตฺติยา วุตฺตตฺตา เสเสสุปิ เสสสิกฺขาปทวเสน อาปตฺติ คเหตพฺพา. ‘‘สมุฏฺานาทีนิ ปมปาราชิกสทิสาเนวา’’ติ วุตฺตตฺตา อิธ ทุฏฺุลฺโลภาสนสฺส อนธิปฺเปตภาโว เวทิตพฺโพ.
ปมานิยตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ทุติยานิยตสิกฺขาปทวณฺณนา
สงฺฆาทิเสเสน ¶ วาติ กายสํสคฺคทุฏฺุลฺโลภาสเนน. ตสฺมา เอวํ กายสํสคฺควาโร ปาฬิยมฺปิ วุตฺโต. อนนฺโธ อพธิโรติ อนนฺโธ กายสํสคฺคํ ปสฺสติ, อพธิโร ทุฏฺุลฺลํ สุณาติ, ตสฺมา เอว อทินฺนาทานสทิสาเนวาติ วุตฺต’’นฺติ ลิขิตํ. เอตฺถ จ กายวาจาจิตฺตโต สมุฏฺานํ กถนฺติ เจ? กายสํสคฺคฺหิ สมาปชฺชนฺโต ทุฏฺุลฺลมฺปิ ภณติ, ทุฏฺุลฺลํ ภณนฺโต นิสีทติ จาติ สมฺภวติ, ทุฏฺุลฺลเมว วา สนฺธาย วุตฺตํ. ตฺหิ อทินฺนาทานสมุฏฺานนฺติ.
โย ¶ เทสนํ สพฺพวิทูปโมว;
นานานยาการวิจิตฺตเภทํ;
าตุํ อุปายาน มโน สติมา;
ตํ ลาภเหตุํ น กโรติ ปฺุนฺติ.
ทุติยานิยตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
อนิยตวณฺณนา นิฏฺิตา.