📜
นิสฺสคฺคิยกณฺฑํ
๑. จีวรวคฺโค
๑. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา
นิสฺสคฺคิยกณฺเฑ ¶ ¶ ติณฺณํ กถินสิกฺขาปทานํ, วสฺสิกสาฏิกอจฺเจกจีวรสาสงฺกสิกฺขาปทานฺจ เอกเทสนาย ตถากิณฺณาปตฺติกฺขนฺธาว เวทิตพฺพา –
กถินํ ยสฺส จตฺตาโร, สหชา สมยทฺวยํ;
ฉนฺนํ สิกฺขาปทานฺจ, เอกเทสวินิจฺฉโย.
ตตฺถ กถินนฺติ ‘‘สงฺฆสฺส อนุโมทนาย, คณสฺส อนุโมทนาย, ปุคฺคลสฺส อตฺถารา สงฺฆสฺส อตฺถตํ โหติ กถิน’’นฺติ (ปริ. ๔๑๔) วจนโต เตสํเยว อนุโมทนาทิธมฺมานํ สงฺคโห กถินํ นาม. ยถาห ‘‘กถินํ ชานิตพฺพนฺติ เตสฺเว ธมฺมานํ สงฺคโห สมวาโย นามํ นามกมฺม’’นฺติอาทิ (ปริ. ๔๑๒). ตสฺมา กถินนฺติ อิทํ พหูสุ ธมฺเมสุ นามมตฺตํ, น ปรมตฺถโต เอโก ธมฺโม. โก ปนสฺส อตฺถาโรติ? ตเทกเทโสว ขีรสฺส ธารา วิย. ยถา จาห ‘‘อตฺถาโร เอเกน ธมฺเมน สงฺคหิโต วจีเภเทนา’’ติ. สหชา นาม อฏฺ มาติกา, ทฺเว ปลิโพธา, ปฺจานิสํสาติ อิเม ปนฺนรส ธมฺมา. สมยทฺวยํ นาม กถินตฺถารสมโย, จีวรสมโย จาติ. ตตฺถ กถินตฺถารสมโย วสฺสานสฺส ปจฺฉิโม มาโส. จีวรสมโย นาม อนตฺถเต กถิเน อยํ กตฺติกมาโส, อตฺถเต จตฺตาโร เหมนฺติกา จาติ ปฺจ มาสา.
ตตฺถ อฏฺ มาติกา นาม ปกฺกมนนฺติกาทโย. ตา สพฺพาปิ อตฺถาเรน เอกโต อุปฺปชฺชนฺติ นาม. ตพฺภาวภาวิตาย อตฺถาเร สติ อุทฺธาโร สมฺภวติ. ตตฺถ กถินตฺถาเรน เอกุปฺปาทา ¶ เอกนิโรธา อนฺตรุพฺภาโร สหุพฺภาโร, อวเสสา กถินุพฺภารา เอกุปฺปาทา, นานานิโรธา จ. ตตฺถ เอกนิโรธาติ อตฺถาเรน สห นิโรธา, อนฺตรุพฺภารสหุพฺภารานํ อุทฺธาราภาโว เอกกฺขเณ โหตีติ อตฺโถ. เสสา นานา นิรุชฺฌนฺติ นาม. เตสุ หิ อุทฺธารภาวํ ปตฺเตสุปิ อตฺถาโร ติฏฺติ เอวาติ อฏฺกถายํ อตฺถวิภาวนา. สเจ อตฺถเต กถิเน ภิกฺขุสฺมึ สาเปกฺเข ¶ ตมฺหา อาวาสา ปกฺกมนฺเต สงฺโฆ อนฺตรุพฺภารํ กโรติ, ตสฺส ภิกฺขุโน ปมเมว มูลาวาเส นิฏฺิตจีวรปลิโพธาภาเวปิ สติ อนฺตรุพฺภาเร ปลิโพโธ ฉิชฺชติ สติปิ สาเปกฺขตาย สอุสฺสาหตฺตา. อิมินา ปริยาเยน ปกฺกมนนฺติโก กถินุทฺธาโร อตฺถาเรน เอกุปฺปาโท นานานิโรโธ โหติ. ตถา อนฺตรุพฺภาเร สติ สุณนฺตสฺสาปิ ยาว จีวรนิฏฺานํ น คจฺฉติ, ตาว ปริหารสมฺภวโต นิฏฺานนฺติโก. ยาว สนฺนิฏฺานํ น คจฺฉติ, ตาว ปริหารสมฺภวโต สนฺนิฏฺานนฺติโก. ยาว น นสฺสติ, ตาว ปริหารสมฺภวโต นาสนนฺติโก. ยาว น สุณาติ, ตาว ปริหารสมฺภวโต สวนนฺติโก. ยาว จีวราสา น ฉิชฺชติ, ตาว ปริหารสมฺภวโต อาสาวจฺเฉทิโก. ยาว สีมํ นาติกฺกมติ, ตาว ปริหารสมฺภวโต สีมาติกฺกนฺติโก. อตฺถาเรน เอกุปฺปาโท นานานิโรโธ โหตีติ เวทิตพฺโพ.
ตตฺถ อนฺตรุพฺภารสหุพฺภารา ทฺเว อนฺโตสีมายํ เอว สมฺภวนฺติ, น พหิสีมายํ. ปกฺกมนสวนสีมาติกฺกนฺติกา พหิสีมายเมว สมฺภวนฺติ, น อนฺโตสีมายํ. นิฏฺานสออาฏฺานาสาวจฺเฉทิกา อนฺโตสีมายฺเจว พหิสีมายฺจ. อนฺตรุพฺภาโร สงฺฆายตฺโต, ปกฺกมนนิฏฺานสนฺนิฏฺานสีมาติกฺกนฺติกา ปุคฺคลาธีนา, เสสา ตทุภยวิปรีตา.
ตตฺถ ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมิ’’นฺติ อิมินา จีวรปลิโพธาภาวเมว ทีเปติ. น อาวาสปลิโพธาภาวํ. ‘‘อุพฺภตสฺมึ กถิเน’’ติ อิมินา อุภยปลิโพธาภาวํ ทีเปติ, ตสฺมา อุภยปลิโพธาภาวทีปนตฺถํ ตเทว วตฺตพฺพนฺติ เจ? น, วิเสสตฺตา. กถํ? กามฺเจตํ ตสฺมา ‘‘อุพฺภตสฺมึ กถิเน’’ติ เกสฺจิ กถินุทฺธารานํ นานานิโรธตฺตา, สงฺฆปุคฺคลาธีนานธีนตฺตา จ อนฺโตพหิอุภยสีมาสุ นิยมานิยมโต จ อุพฺภตสฺมึ กถิเน สงฺฆสฺส, น ปุคฺคลสฺส อุพฺภตํ โหติ, ตถาปิ ‘‘อุพฺภตสฺมึ กถิเน’’ติ อิทํ สามฺวจนํ. ตสฺมา ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมิ’’นฺติ อิมินา นิยเมติ.
กึ วุตฺตํ โหติ – สงฺฆสฺส อนฺตรุพฺภาเรน อุพฺภตสฺมึ กถิเน อจฺฉินฺนจีวรปลิโพโธ พหิสีมาคโต ปจฺฉา คนฺตฺวา อตฺตโน สีมาคโต อนิฏฺิตจีวโร อานิสํสํ ลภติ เอวาติ กตฺวา ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมิ’’นฺติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ อาวาสปลิโพโธ นาม วสติ วา ตสฺมึ ¶ อาวาเส, สาเปกฺโข วา ปกฺกมติ. จีวรปลิโพโธ นาม จีวรํ อกตํ ¶ วิปฺปกตํ, จีวราสานุปจฺฉินฺนา, ตพฺพิปรีเตน อปลิโพโธ เวทิตพฺโพ. ตตฺถ อนตฺถตกถินานํ จีวรกาลสมเย นิยมโต จตฺตาโร อานิสํสา ลพฺภนฺติ, อสมาทานจาโร อนิยมโต. เตน สาสงฺกสิกฺขาปทํ วุตฺตํ. กถํ จตฺตาโร นิยตาติ เจ? ‘‘จีวรกาลสมโย นาม อนตฺถเต กถิเน วสฺสานสฺส ปจฺฉิโม มาโส’’ติ (ปารา. ๖๔๙) วจนโต อนตฺถตกถินานํ ตสฺมึ มาเส ยาวทตฺถจีวรํ สิทฺธํ, ตถา ตติยกถินสิกฺขาปเท (ปารา. ๔๙๗ อาทโย) อกาลจีวรํ นาม ปิฏฺิสมยโต ปฏฺาย ตํ ปฏิคฺคเหตฺวา สงฺฆโต ลภิตพฺพํ เจ, ยาว จีวรกาลสมยํ นิกฺขิปิตฺวา ภาเชตฺวา คเหตพฺพํ. ปุคฺคลิกํ เจ, วสฺสานสฺส ฉฏฺปกฺขสฺส ปฺจมิโต ปฏฺาย ยาว จีวรกาลสมยํ อนธิฏฺิตํ อวิกปฺปิตํ วฏฺฏติ อจฺเจกจีวรสิกฺขาปเทน อนฺุาตตฺตา, น ตโต ปรํ. ตทา อุปฺปนฺนจีวรสฺส ปฏิสิทฺธตฺตา ปมกถิเนน. ตตฺถ อฏฺกถายํ วุตฺตนโย สงฺฆิกํ สนฺธาย, ตถา โปราณคณฺิปเท จาติ เวทิตพฺพํ.
ปมกถิเน (ปารา. ๔๕๙ อาทโย) ปมปฺตฺติยา, อวิเสเสน วา เอกาทสเม ทิวเส อาปตฺติ. วสฺสานสฺส หิ อนฺโตนิวารณตฺถํ อฏฺกถาย ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ ภิกฺขุนา อุพฺภตสฺมึ กถิเน’’ติ (ปารา. ๔๖๒ อาทโย) วุตฺตํ. เอเสว นโย ทุติเย, ตติเย จ. เตน จีวรกาลโต ปุเร วา อนฺโต วา อุปฺปนฺนํ จีวรกาลโต อุทฺธํ เอกทิวสมฺปิ ปริหารํ น ลภติ. ยทิ ลเภยฺย, อจฺเจกจีวรสิกฺขาปทวิโรโธ. ‘‘ยาว จีวรกาลสมยํ นิกฺขิปิตพฺพํ, ตโต เจ อุตฺตริ นิกฺขิเปยฺย, นิสฺสคฺคิย’’นฺติ (ปารา. ๖๔๘) หิ ตตฺถ วุตฺตํ. วสฺสาวาสิกภาเวน สงฺฆโต ลทฺธํ วุฏฺวสฺสตฺตา อตฺตโน สนฺตกภูตํ อจฺเจกจีวรํ จีวรกาลสมยํ อติกฺกามยโต เอว อาปตฺติ, น อจฺเจกจีวรกาลํ อติกฺกามยโต อาปตฺตีติ. ‘‘อนตฺถเต กถิเน เอกาทสมาเส อุปฺปนฺน’’นฺติ (ปารา. ๕๐๐) วจนโต โย จ ตตฺถ จีวรุปฺปาโท, โส จ เนสํ ภวิสฺสตีติ สิทฺธํ, อนามนฺตจารคณโภชนสิกฺขาปเท ‘‘อฺตฺร สมยา’’ติ (ปาจิ. ๒๒๒ อาทโย) วุตฺตตฺตา เสสทฺวยํ สิทฺธเมว. ตสฺมา ‘‘กาเลปิ อาทิสฺส ทินฺนํ, เอตํ อกาลจีวร’’นฺติ (ปารา. ๕๐๐) วจนโต อาทิสฺส ทินฺนจีวรํ ปริหารํ น ลภติ.
อปรกตฺติกายเมว วา อุพฺภตสฺมึ กถิเน ลภติ, เอวํ ‘‘อุพฺภตสฺมึ กถิเน’’ติ วุตฺตตฺตาติ เจ? น วตฺตพฺพํ. ฉ านานิ หิ สาเปกฺขตาย วุตฺตานิ ¶ . ทุฏฺโทสทฺวเย อธิกรณจตุตฺถํ, ปมานิยเต โสตสฺส รโห, ตติยกถิเน อาทิสฺส ทินฺนํ จีวรํ, อจฺเจกจีวรสิกฺขาปเท ¶ ‘‘สฺาณํ กตฺวา นิกฺขิปิตพฺพ’’นฺติ ปทํ, ทุฏฺุลฺลาโรจนปฺปฏิจฺฉาทนทฺวเย อธิกรณํ, ปาราชิกวจนฺจ, ตีสุ กถินสิกฺขาปเทสุ ‘‘อฏฺนฺนํ มาติกานํ อฺตรายา’’ติ วจนนฺติ. ตตฺถ อาทิสฺส ทินฺนํ จีวรํ สงฺฆิกํ ภาชิตพฺพจีวรํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ปุคฺคลิกํ. สฺาณํ กตฺวา นิกฺขิปิตพฺพนฺติ วสฺสาวาสิกจีวรํ สนฺธาย วุตฺตํ. อวุฏฺวสฺเสน ปจฺฉา ทาตพฺพตฺตา สฺาณํ กาตพฺพํ, น าติปฺปวาริตโต ลทฺธํ ปุคฺคลิกํ สนฺธาย. ตสฺมา ทุวิธํ อจฺเจกจีวรํ สงฺเฆ นินฺนํ, ปุคฺคเล นินฺนฺจาติ สิทฺธํ. ตตฺถ สงฺเฆ ปริณตํ อจฺเจกจีวรํ วสฺสูปนายิกทิวสโต ปฏฺาย, ปิฏฺิสมยโต ปฏฺาย วา ยาว ปวารณา นิกฺขิปิตุํ วฏฺฏติ เอว สงฺฆิกตฺตา, ปุคฺคลิกมฺปิ ‘‘วสฺสํวุฏฺกาเล คณฺหถา’’ติ ทินฺนตฺตา. ตาทิสฺหิ ยาว วสฺสํวุฏฺโ น โหติ, ตาว ตสฺเสว ทายกสฺส สนฺตกํ โหติ. เอตฺตโก วิเสสเหตุ.
‘‘อนจฺเจกจีวเร อนจฺเจกจีวรสฺี จีวรกาลสมยํ อติกฺกาเมติ, อนาปตฺตี’’ติ วจนโต อจฺเจกจีวรกสฺเสว โส อปราโธ. เยน ‘‘วิโรโธ’’ติ วจนํ ทสฺเสยฺยาติ น วินเย วิเสสเหตุ ปริเยสิตพฺโพ. พุทฺธวิสยตฺตา ปมาณนฺติ เจ? น, ยทิ เอวํ เอตฺถ อตฺตโน สนฺตกภูตมฺปิ อจฺเจกจีวรํ สฺาณํ กตฺวา นิกฺขิปิตพฺพเมว, น อธิฏฺาตพฺพํ น วิกปฺเปตพฺพํ น วิสฺสชฺเชตพฺพํ. ตโต ‘‘อนาปตฺติ, อนฺโตสมเย อธิฏฺเติ วิกปฺเปติ วิสฺสชฺเชตี’’ติอาทิวจนวิโรโธ (ปารา. ๖๕๑) อธิวาเสตพฺโพ สิยา. ตถา ‘‘วสฺสานสฺส ปจฺฉิเม มาเส กถินุทฺธาเร กเต ตสฺมึ มาเส อตฺถเต กถิเน กถินุทฺธารทิวสํ อติกฺกาเมติ, นิสฺสคฺคิยํ โหตี’’ติ วจนโต นิสฺสคฺคิยํ โหตีติ อยมฺปิ อตฺถวิโรโธ อธิวาเสตพฺโพ สิยา. ตสฺมิฺจ ‘‘อนจฺเจกจีวเร อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตํ, ตฺจ อนธิฏฺิตํ อวิกปฺปิตเมวาติ เอตฺตโก วิเสสเหตุ. อติเรกจีวรฺเจตํ ปมสิกฺขาปเทนาปตฺติ, อิตรํ เจ อนาปตฺติเยวาติ อิมสฺส อตฺถสฺส อยํ ภควโต วิเสสเหตุ. ตถา อติเรกทสาหานาคตาเยว กตฺติกปุณฺณมาย สงฺฆสฺส วสฺสาวาสิกตฺถํ อจฺเจกจีวรํ วิย ททมานํ น ¶ คเหตพฺพํ, ทสาหานาคตาย เอว คเหตพฺพนฺติ เอตฺตโก วิเสสเหตุ. ตโต อฏฺกถานยวิโรโธ จ อธิวาเสตพฺโพ สิยา. ตตฺถ ‘‘อธิฏฺิตโต ปฏฺาย อุปฺปนฺนํ อจฺเจกจีวรํ น โหตี’’ติ วตฺวา อฺถา นโย ทสฺสิโต. โปราณคณฺิปเท โส จ นโย สงฺฆิกํ อุปาทาย วุตฺตตฺตา น วิรุชฺฌตีติ เนว โส จ ปฏิกฺขิตฺโต. ยถา อนจฺเจกจีวรํ ฉฏฺิโต ปฏฺาย อุปฺปนฺนํ อติเรกทสาหานาคตายปิ ปฏิคฺคเหตพฺพํ, ปฏิคฺคเหตฺวา จีวรกาลสมยํ อติกฺกามยโตปิ อนาปตฺตีติ อยมฺปิ นโย อธิวาเสตพฺโพ สิยา. ตโต ปมกถินวิโรโธ. ทสาหานาคตาย เอว ปฏิคฺคเหตพฺพํ, ปฏิคฺคเหตฺวา ¶ จีวรกาลสมยํ อติกฺกามยโต อนาปตฺตีติ เจ, ตํ ทฺเว ทสาเห ลภตีติ เอตฺตโก วิเสสเหตุ.
อนฺตรา อนาปตฺติกฺเขตฺตจีวรกาลปฺปวิฏฺตฺตา อธิฏฺหิตฺวา ปจฺจุทฺธฏํ วิย ตํ ปุนปิ ทสาเห ลภตีติ เจ? น, กาลปฺปเวโส อธิฏฺานํ วิย โหตีติ เจ? น, ‘‘วสฺสิกสาฏิกํ วสฺสานํ จาตุมาสํ อธิฏฺาตุํ, ตโต ปรํ วิกปฺเปตุ’’นฺติ วจนวิโรธํ กตฺวา, ตโต ปรํ ทสาหํ อวิกปฺเปนฺตสฺสาปิ อนาปตฺติ สิยา. อปิจ ยํ วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘วสฺสิกสาฏิกา อนฺโตวสฺเส ลทฺธา เจว นิฏฺิตา จ, อนฺโตทสาเห อธิฏฺาตพฺพา, ทสาหาติกฺกเม นิฏฺิตา, ตทเหว อธิฏฺาตพฺพา, ทสาเห อปฺปโหนฺเต จีวรกาลํ นาติกฺกาเมตพฺพา’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๖๓๐). เตน อาปตฺติโต น มุจฺเจยฺย. กาลปฺปเวโส หิ อธิฏฺานปริยาโย น ชาโตติ. เอตฺตาวตา ยถาวุตฺโต อตฺถวิกปฺโป ปาฬินเยเนว ปติฏฺาปิโต โหติ.
อปิเจตฺถ ยํ วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘ทสาเห อปฺปโหนฺเต จีวรกาลํ นาติกฺกาเมตพฺพา’’ติ, ตตฺถปิ จีวรกาเล อุปฺปนฺนํ, ทสาเห อปฺปโหนฺเต จสฺส กรณํ นตฺถิ, ตํ อจฺเจกจีวรํ อกาลจีวรมิว จีวรกาลํ นาติกฺกาเมตพฺพนฺติ สิทฺธเมตํ. ปาฬิโต จ ตฺเจ อนฺโตกาเล อุปฺปชฺชติ, ทสาเห อปฺปโหนฺเตปิ อุปฺปชฺชติ, เอวํ อุปฺปนฺนํ อจฺเจกจีวรํ อจฺเจกจีวรเมว น โหติ. น หิ ตํ กาลวิเสสวเสน อจฺเจกจีวรสงฺขํ คจฺฉติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อจฺเจกจีวรํ นาม เสนาย วา คนฺตุกาโม โหติ, ปวาสํ วา คนฺตุกาโม โหติ, คิลาโน วา โหติ, คพฺภินี วา โหติ ¶ , อสฺสทฺธสฺส วา สทฺธา อุปฺปนฺนา โหติ…เป… ‘วสฺสาวาสิกํ ทสฺสามี’ติ เอวํ อาโรจิตํ, เอตํ อจฺเจกจีวรํ นามา’’ติ (ปารา. ๖๔๙). ตสฺมา ยถา ตํ จีวรํ นาติกฺกาเมตพฺพํ, ตถา อนจฺเจกจีวรมฺปีติ สิทฺธํ โหติ. เตน วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘ทสาเห อปฺปโหนฺเต จีวรกาลํ นาติกฺกาเมตพฺพา’’ติ. อปิจ ยทิ เอวํ ตํ อจฺเจกจีวรสิกฺขาปทเมว อจฺเจกจีวรํ จีวรกาลํ นาติกฺกาเมตพฺพนฺติ อิมสฺส ปน อตฺถวิเสสสฺส ทสฺสนตฺถํ ภควตา ปฺตฺตํ.
มหาอฏฺกถายํ ปน ตํ เอวํ วุตฺตํ – กามฺเจทํ ‘‘ทสาหปรมํ อติเรกจีวรํ ธาเรตพฺพ’’นฺติ อิมินา สิทฺธํ, อฏฺุปฺปตฺติวเสน ปน อปุพฺพํ วิย อตฺถํ ทสฺเสตฺวา สิกฺขาปทํ ปิตนฺติ อตฺถวิเสสทีปนปโยชนโต. ตสฺมา ตํ ตสฺส อตฺถวิเสสทสฺสนตฺถํ วุตฺตนฺติ สิทฺธเมว. ตสฺมาปิ เวทิตพฺพเมว ยํ กิฺจิ จีวรํ จีวรกาลสมยํ นาติกฺกาเมตพฺพนฺติ. อปิจ ยํ วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘ฉฏฺิโต ปฏฺาย ปน อุปฺปนฺนํ อนจฺเจกจีวรมฺปิ ปจฺจุทฺธาเรตฺวา ปิตจีวรมฺปิ ¶ เอตํ ปริหารํ ลภตี’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๖๔๖-๖๔๙). เตน ‘‘อนจฺเจกจีวเร อนจฺเจกจีวรสฺี จีวรกาลสมยํ อติกฺกาเมติ, อนาปตฺตี’’ติ (ปารา. ๖๕๐) อิมินาปิ อนจฺเจกจีวรสฺสาปิ อจฺเจกจีวรปริหารลาภํ ทีเปตีติ.
เอตฺตาวตา ยถาวุตฺโต ทุติโย อตฺถวิกปฺโป ปาฬินเยน, อฏฺกถานเยน จ ปติฏฺาปิโต โหติ. เอวํ ตาว ปกิณฺณกาย อธิกถา ปรโต ปาโต วิตฺถาริตา โหตีติ อปกิณฺณกํ.
จีวรปลิโพโธ, อาวาสปลิโพโธ จาติ ทฺเว ปลิโพธา. เตสุ เอกปลิโพเธปิ สติ อนามนฺตจาราทิอานิสํสํ ลภติ, ตํ อิธ นตฺถีติ ทสฺเสตุํ ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ ภิกฺขุนา อุพฺภตสฺมึ กถิเน’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมา เอว ‘‘อตฺถตกถินสฺส หิ ภิกฺขุโน’’ติอาทิ วุตฺตํ. กถินตฺถารารหสฺสาติ เอตฺถ ‘‘อฏฺหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต ปุคฺคโล ภพฺโพ กถินํ อตฺถริตุํ – ปุพฺพกรณํ ชานาติ, ปจฺจุทฺธารํ ชานาติ, อธิฏฺานํ ชานาติ, อตฺถารํ ชานาติ, มาติกํ ชานาติ, ปลิโพธํ ชานาติ, อุทฺธารํ ชานาติ, อานิสํสํ ชานาตี’’ติ (ปริ. ๔๐๙) วจนโต อิเมหิ อฏฺหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต ปุคฺคโล กถินตฺถารารโห นาม. ปุพฺพกรณํ นาม โธวนวิจารณจฺเฉทนสิพฺพนรชนกปฺปกรณํ.
‘‘จีวรํ ¶ นาม โขม’’นฺติอาทินา ปาฬิวเสน ชาติฺจ ปมาณฺจ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อติเรกจีวรํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยํ ปน วุตฺตํ อธิฏฺิตวิกปฺปิเตสู’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปิตฏฺานํ สลฺลกฺเขตฺวา’’ติ วุตฺเตปิ ยสฺมึ าเน ยํ ปิตํ, ตสฺมึ ตํ ปจฺฉา โหตุ วา, มา วา, อธิฏฺานํ รุหเตว. ปุเร ปจฺฉา ปนฏฺานํ น ปมาณํ.
อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺนสฺส ภิกฺขุภาวปริจฺจาควเสน เสตวตฺถนิวาสนํ วา กาสาวจชนํ วา หีนายาวตฺตนํ.
เอกาทสเม อรุณุคฺคมเนติ อนฺติมํ เปตฺวา ตโต ปุริมตรสฺมินฺติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ตตฺถ อนฺติมํ นาม อปรกตฺติกาย ปมารุณุคฺคมนํ. ตฺหิ กาลตฺตา นิสฺสคฺคิยํ น กโรติ. อิธ ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ ภิกฺขุนา’’ติ กรณวจนํ นิทานานเปกฺขํ นิทาเน กรณาภาวโต. ตสฺมา เอว ‘‘ทสาหปรม’’นฺติ อยเมตฺถ อนุปฺตฺตีติ วุตฺตํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติจีวรํ อธิฏฺาตุํ น วิกปฺเปตุ’’นฺติอาทิ (มหาว. ๓๕๘) วจนโต จ อิธ ‘‘วิกปฺเปตี’’ติ อวิเสเสน วุตฺตวจนํ วิรุทฺธํ วิย ทิสฺสติ, น จ วิรุทฺธํ ตถาคตา ภาสนฺติ, ¶ ตสฺมา เอวมสฺส อตฺโถ เวทิตพฺโพ – ติจีวรํ ติจีวรสงฺเขเปน ปริหารโต อธิฏฺาตุเมว อนุชานามิ, น วิกปฺเปตุํ. วสฺสิกสาฏิกํ ปน จตุมาสโต ปรํ วิกปฺเปตุเมว, น อธิฏฺาตุนฺติ. เอวฺจ ปน สติ โย ติจีวเร เอเกน จีวเรน วิปฺปวสิตุกาโม โหติ, ตสฺส ติจีวราธิฏฺานํ ปจฺจุทฺธริตฺวา วิปฺปวาสสุขตฺถํ วิกปฺปนาย โอกาโส ทินฺโน โหติ, ทสาหาติกฺกเม จ อนาปตฺตีติ. เอเตน อุปาเยน สพฺพตฺถ วิกปฺปนาย อปฏิสิทฺธภาโว เวทิตพฺโพติ ลิขิตํ.
อิมสฺส ปน สิกฺขาปทสฺส อยํ สงฺเขปวินิจฺฉโย – อนตฺถเต กถิเน เหมนฺตานํ ปมทิวสโต ปฏฺาย, อตฺถเต กถิเน คิมฺหานํ ปมทิวสโต ปฏฺาย อุปฺปนฺนจีวรํ สนฺธาย ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมิ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. เอตฺถาห – ‘‘รชเกหิ โธวาเปตฺวา เสตกํ การาเปนฺตสฺสาปิ อธิฏฺานํ อธิฏฺานเมวา’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๖๕) วจนโต อรชิเตปิ อธิฏฺานํ รุหตีติ. เตน สูจิกมฺมํ กตฺวา รชิตฺวา กปฺปพินฺทุํ ทตฺวา อธิฏฺาตพฺพนฺติ นิยโม กาตพฺโพ, น กาตพฺโพติ? กตฺตพฺโพว. ปตฺโต วิย อธิฏฺิโต ยถา ปุน เสตภาวํ วา ตมฺพภาวํ วา ปตฺโต อธิฏฺานํ น วิชหติ, น จ ปน ตาทิโส ¶ ยํ อธิฏฺานํ อุปคจฺฉติ, เอวเมตํ ทฏฺพฺพนฺติ. ‘‘สฺเว กถินํ อุทฺธริสฺสตี’’ติ ลทฺธจีวรํ สเจ อชฺเชว น อธิฏฺาติ, อรุณุคฺคมเน เอว นิสฺสคฺคิยํ โหติ. กสฺมา? ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมิ’’นฺติอาทินา (ปารา. ๔๖๒-๔๖๓;) สิกฺขาปทสฺส วุตฺตตฺตา. กถินพฺภนฺตเร ทสาหโต อุตฺตริปิ ปริหารํ ลภติ, กถินโต ปน ปจฺฉา เอกทิวสมฺปิ น ลภติ. ยถา กึ – ยถา อตฺถตกถิโน สงฺโฆ ติจีวรํ อตฺถตทิวสโต ปฏฺาย ยาว อุพฺภารา อานิสํสํ ลภติ, น ตโต ปรํ, เอวํ อตฺถตทิวสโต ปฏฺาย ยาว อุพฺภารา ลภติ, อุทฺธเต ปน กถิเน เอกทิวสมฺปิ น ลภติ. เอตฺถาห – อุพฺภตทิวสโต ปฏฺาย ปุน ทสาหํ ลภตีติ? น, กสฺมา? ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ทสาหปรมํ อติเรกจีวรํ ธาเรตุ’’นฺติ วจนโต. กถินพฺภนฺตเรปิ เอกาทเส อรุณุคฺคมเน นิสฺสคฺคิยนฺติ อาปนฺนํ. ตํ ปน อติปฺปสงฺคํ นิวาเรตุํ ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมิ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ, น กถินทิวสานิ อทิวสานีติ ทีปนตฺถํ. อยมตฺโถ ตตฺถ ตตฺถ อาวิภวิสฺสติ. อถ วา วสฺสิกสาฏิกา อนติริตฺตปฺปมาณา นามํ คเหตฺวา วุตฺตนเยเนว จตฺตาโร วสฺสิเก มาเส อธิฏฺาตพฺพา, ตโต ปรํ ปจฺจุทฺธริตฺวา วิกปฺเปตพฺพาติ วุตฺตํ. เอตฺถ ‘‘ปจฺจุทฺธริตฺวา’’ติ วจเน อุโปสถทิวเส เอว ปจฺจุทฺธริตฺวา วิกปฺเปตฺวา ปิตํ โหติ, ตโต ปรํ เหมนฺตสฺส ปมทิวสโต ปฏฺาย ปจฺจุทฺธรณาภาวา. เอวํ กถินพฺภนฺตเร อุปฺปนฺนจีวรมฺปิ เวทิตพฺพนฺติ ลิขิตํ.
กถินสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อุโทสิตสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘อตฺถตกถินสฺส ¶ ปฺจ มาเส พทฺธสีมายํ ยตฺถ กตฺถจิ จีวรํ นิกฺขิปิตฺวา ปกฺกมนฺตสฺส อนาปตฺตี’’ติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ. ‘‘อพทฺธสีมายปิ วฏฺฏตี’’ติ อิทํ อพทฺธสีมายํ กถินตฺถารฺจ อารฺกสิกฺขาปทฺจ สาเธตีติ ลิขิตํ. อิทานิ –
‘‘ฉินฺนํ ธุตงฺคํ สาสงฺก-สมฺมโต สนฺตรุตฺตรํ;
อจีวรสฺสานาปตฺติ, ปจฺจุทฺธาราทิสิทฺธิโต’’ติ. (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๔๗๙) –
อิทํ ปกิณฺณกํ เวทิตพฺพํ.
ตตฺรายํ ¶ โจทนาปุพฺพงฺคมวินิจฺฉโย – เกจิ ‘‘ทิคุณํ สงฺฆาฏิ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๘) วจนโต ‘‘เอกจฺจิกา สงฺฆาฏิ นาธิฏฺาตพฺพา. สเจ อธิฏฺาติ, น รุหตี’’ติ วตฺวา อุปสมฺปทาเปกฺขานมฺปิ ทิคุณํเยว สงฺฆาฏึ ทตฺวา อุปสมฺปาเทนฺติ, เต อิมินา สุตฺตเลเสน สฺาเปตพฺพา. ภควตา หิ ‘‘ฉินฺนกํ สงฺฆาฏึ, ฉินฺนกํ อุตฺตราสงฺคํ, ฉินฺนกํ อนฺตรวาสก’’นฺติ ปมํ อนฺุาตํ. ตโต ‘‘อฺตรสฺส ภิกฺขุโน ติจีวเร กริยมาเน สพฺพํ ฉินฺนกํ นปฺปโหติ. ทฺเว ฉินฺนกานิ เอกํ อฉินฺนกํ นปฺปโหติ, ทฺเว อฉินฺนกานิ เอกํ ฉินฺนกํ นปฺปโหตี’’ติ อิมสฺมึ วตฺถุสฺมึ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อนฺวาธิกมฺปิ อาโรเปตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๖๐) อนฺุาตํ, ตสฺมา เอกจฺจิกาปิ สงฺฆาฏิ วฏฺฏตีติ สิทฺธํ. ยา ฉิชฺชมานาปิ นปฺปโหติ, ตสฺสา กุโต ทิคุณตาติ? อฏฺกถายมฺปิสฺส วุตฺตํ ‘‘อนฺวาธิกมฺปิ อาโรเปตุนฺติ อาคนฺตุกปตฺตมฺปิ ทาตุํ, อิทํ ปน อปฺปโหนเก อาโรเปตพฺพํ. สเจ ปโหติ, อาคนฺตุกปตฺตํ น วฏฺฏติ, ฉินฺทิตพฺพเมวา’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๖๐). กถินํ ปน ฉินฺนกเมว วฏฺฏติ, อาเวณิกลกฺขณตฺตา, ‘‘ฉินฺนกํ ทิคุณํ นปฺปโหตี’’ติ วจนาภาวโต จาติ สนฺนิฏฺานเมตฺถ คนฺตพฺพนฺติ.
ธุตงฺคนฺติ อนุปสมฺปนฺนานํ เตจีวริกธุตงฺคาภาวโต ติจีวเรเนว เตจีวริโกติ, เตสํ อธิฏฺานาภาวโต ‘‘อธิฏฺิเตเนวา’’ติ วตฺตพฺพํ โหตูติ เจ? น, ธุตงฺคเภเทน วิโรธปฺปสงฺคโต. จตุตฺถจีวรสาทิยเนน หิ ธุตงฺคเภโท, น ติจีวรวิปฺปวาเสน, นาปิ อติเรกจีวรสาทิยเนน, นาปิ อติเรกจีวรธารเณน. ยสฺมา ปน ภิกฺขูนํ เอว ภควตา อธิฏฺานวเสน นว จีวรานิ ¶ อนฺุาตานิ, ชาติวเสน จ วุตฺตานิ, น เอวํ อนุปสมฺปนฺนานํ, ตสฺมา เนสํ จีวรนิยมาภาวา น ตํ ธุตงฺคํ อนฺุาตํ คหฏฺานํ วิย. ตสฺมา ตสฺส สมาทานวิธาเน อวจนโต จ สนฺนิฏฺานเมตฺถ คนฺตพฺพนฺติ.
สาสงฺกสมฺมโตติ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. สาสงฺกสิกฺขาปทวณฺณนา) สาสงฺกสิกฺขาปเท วิสุํ องฺคานิ น วุตฺตานิ, ‘‘เสสเมตฺถ จีวรวคฺคสฺส ทุติยสิกฺขาปเท วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, น จ ปเนตํ วุตฺตํ. ตตฺถ รตฺติวิปฺปวาโส จตุตฺถมงฺคํ, อิธ ฉารตฺตวิปฺปวาโส, อยเมตฺถ วิเสโสติ. ตสฺมา องฺคสามฺโต จ สมฺมุติสามฺโต จ สาสงฺกสิกฺขาปทเมวิทนฺติ อิทํ ¶ นิปฺปเทสํ, ตํ สปฺปเทสํ มาสปรมตฺตา. ตตฺถ พหิคาเมปิ คามสีมํ โอกฺกมิตฺวา วสิตฺวา ปกฺกมนฺตสฺส อนาปตฺติ, อิธ น ตถา. อิธ อนนฺตเร อนนฺตเร อรุณุคฺคมเน นิสฺสคฺคิยํ, ตตฺถ สตฺตเมติ อยํ อิเมสํ ทฺวินฺนํ วิเสโส. องฺคานิ ปน จีวรนิกฺเขปนงฺคสมฺปตฺติโต วิปริยาเยน, อิธ วุตฺตนเยน จ สิทฺธตฺตา น วุตฺตานิ. ตานิ กามํ น วุตฺตานิ, ตถาปิ จตุตฺถมงฺคํ วิเสสิตพฺพํ, น ปน วิเสสิตํ. กึ การณํ? อิธ วุตฺตนิสฺสชฺชนกฺกเมน นิสฺสชฺชิตฺวา อาปตฺติเทสนโต, ตตฺถาปนฺนาปตฺติวิโมกฺขทีปนตฺถํ. สํวจฺฉรวิปฺปวุตฺถมฺปิ รตฺติวิปฺปวุตฺถเมว, ปเคว ฉารตฺตวิปฺปวุตฺถํ. เอวํ สนฺเตปิ ตตฺถ ยถาวุตฺตองฺคสมฺปตฺติยา สติ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว นิสฺสชฺชิตพฺพํ. เหมนฺเต, คิมฺเห วา นิสฺสชฺชติ เจ? อิธ วุตฺตนเยนาปิ นิสฺสชฺชิตุํ วฏฺฏตีติ าปนตฺถํ จตุตฺถมงฺคํ น วิเสสิตนฺติ โน ตกฺโกติ อาจริโย. มาสาติกฺกนฺตํ, ทสาหาติกฺกนฺตมฺปิ จีวรํ ‘‘ทสาหาติกฺกนฺต’’นฺติ วตฺวา นิสฺสฏฺเมว, น อูนมาสํ หุตฺวา ‘‘ทสาหาติกฺกนฺต’’นฺติ วตฺวา, มาสาติกฺกนฺต’’นฺติ วตฺวาติ เอเก. ตถาปิ สเจ ปจฺจาสาจีวรํ โหติ, นิสฺสคฺคิยํ. ‘‘ทสาหาติกฺกนฺต’’นฺติ วตฺวา มูลจีวรํ ปน ‘‘มาสาติกฺกนฺต’’นฺติ วตฺวา นิสฺสชฺชิตพฺพํ.
‘‘สนฺตรุตฺตร’’นฺติ วา ‘‘สงฺฆาฏิ’’นฺติ วา ‘‘จีวร’’นฺติ วา กึ ติจีวรํ, อุทาหุ อฺมฺปีติ? กิฺเจตฺถ – ยทิ ติจีวรเมว ปฏิสิทฺธํ, ปริยาปนฺนวเสน อจฺฉินฺนจีวรออฉนฺทนโธวาปนวิฺตฺติอาทิวิโรโธ. อถ อฺมฺปิ ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมิ’’นฺติ เอวมาทินา วิโรโธติ? วุจฺจเต – น นิยมโต เวทิตพฺพํ ยถาสมฺภวํ คเหตพฺพโต. ตถา หิ ‘‘จีวรํ นิกฺขิปิตฺวา สนฺตรุตฺตเรน ชนปทจาริกํ ปกฺกมนฺตี’’ติ (ปารา. ๔๗๑) เอวมาทีสุ ติจีวรเมว, ‘‘น, ภิกฺขเว, สนฺตรุตฺตเรน คาโม ปวิสิตพฺโพ (มหาว. ๓๖๒), สนฺตรุตฺตรปรมํ ตโต จีวรํ สาทิตพฺพ’’นฺติ (ปารา. ๕๒๓-๕๒๔) เอวมาทีสุ ยํ กิฺจิ, ตถา ‘‘สคุณํ กตฺวา สงฺฆาฏิโย ทาตพฺพา, นิวาสนํ ทาตพฺพํ, สงฺฆาฏิ ทาตพฺพา, หนฺท เต, อาวุโส ¶ , สงฺฆาฏิ, เทหิ เม ปฏ’’นฺติ เอวมาทีสุ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘สพฺพฺหิ จีวรํ สงฺฆฏิตฏฺเน ‘สงฺฆาฏี’ติ วุจฺจตี’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๘๙๘). ตถา ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมิ’’นฺติ เอตฺถาปีติ เอเก. อนฺโตสมเย ยาวทตฺถํ จีวรํ อนฺุาตํ, ตํ สพฺพํ กริยมานํ กทา นิฏฺานํ คจฺฉิสฺสติ, ตสฺมา ติจีวรเมวาติ เอเก.
อจีวรสฺสานาปตฺติ ¶ ปจฺจุทฺธาราทิสิทฺธิโตติ กึ วุตฺตํ โหติ – อุโทสิตสิกฺขาปทสฺส นิปฺปโยชนภาวปฺปสงฺคโต ติจีวรวิปฺปวาเส เตจีวรสฺส อาปตฺตีติ เอเก. ตตฺเถตํ วุจฺจติ น โหติ อาปตฺติ ปจฺจุทฺธาราทิสิทฺธิโต. ‘‘อนาปตฺติ อนฺโตอรุเณ ปจฺจุทฺธรติ วิสฺสชฺเชตี’’ติ (ปารา. ๔๙๖) หิ วุตฺตํ. อฺถา ปจฺจุทฺธรนฺตสฺส, อนฺโตอรุเณ วิสฺสชฺเชนฺตสฺส จ ยาว อฺโ นาธิฏฺาติ, ตาว อาปตฺตึ อาปชฺชติ ยถาวุตฺตนเยเนว. อฺถา สตฺตพฺภนฺตเรน วิปฺปวาสสฺสาติ วิปฺปวาสโต ยถารุตํเยว สติ วิปฺปวาเส วิปฺปวาสโต, อวิปฺปวาเส สติ อวิปฺปวาสโตติ.
อุโทสิตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. อกาลจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา
อปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขปารหฏฺานสฺส ทุพฺพิชานตฺตา ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจ ภิกฺขูน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. วิหารปริยนฺเต นิวิฏฺธุวสนฺนิปาตฏฺานโต วา ปริยนฺเต ิตโภชนสาลโต วา นิพทฺธวสนกอาวาสโต วาติ เอวํ คเหตพฺพํ. สเจ วิหาเร สนฺนิปติตภิกฺขูหิ สทฺธึ เอกาพทฺธา หุตฺวา โยชนสตมฺปิ ปูเรตฺวา นิสีทนฺติ, โยชนสตมฺปิ อุปจารสีมา โหตีติ อตฺโถ. ‘‘สมานสํวาสกสีมายา’’ติ วุตฺเต ขณฺฑสีมาทีสุ ิตานํ น ปาปุณาติ, ตาสํ วิสุํ สมานสํวาสกสีมตฺตาติ จ สมานสํวาสกอวิปฺปวาสสีมานํ อิทํ นานตฺตํ. ‘‘อวิปฺปวาสสีมาย ทมฺมี’’ติ ทินฺนํ ปน คาเม ิตานํ น ปาปุณาติ. กสฺมา? ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจา’’ติ (มหาว. ๑๔๔) วจนโต. ‘‘สมานสํวาสกสีมายา’’ติ ทินฺนํ ปน ยสฺมึ าเน อวิปฺปวาสสีมา อตฺถิ, ตตฺถ ิตานมฺปิ. ‘‘ตตฺร ิตานฺจ ปาปุณาตี’’ติ จ, ‘‘ขณฺฑสีมายํ ตฺวา ‘สีมฏฺกสงฺโฆ คณฺหาตู’ติ วุตฺเต อุปจารสีมาย เอว ปริจฺฉินฺทิตฺวา ทาตพฺพ’’นฺติ จ, ‘‘เตสํ พหิสีมฏฺานมฺปิ ปาปุณาติ ยาว กถินสฺสุพฺภาราติ อตฺโถ’’ติ จ, ‘‘อนตฺถเต ปน กถิเน อนฺโตเหมนฺเต สเจ วิหารํ ปวิสิตฺวา ‘วสฺสํวุฏฺสงฺฆสฺส ทมฺมี’ติ วทติ, เย ตตฺถ วสฺสจฺเฉทํ อกตฺวา ปจฺฉิมวสฺสํวุฏฺา, เตสํ พหิสีมฏฺานมฺปิ ปาปุณาตี’’ติ วินยธรา ¶ ปริจฺฉินฺทนฺติ, อฏฺกถายํ ปน อนาคตํ. ตสฺมา สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘ลกฺขณฺู วทนฺตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) วุตฺตนฺติ จ, ‘‘‘จีวรมาสโต ปฏฺาย ยาว ¶ เหมนฺตสฺส ปจฺฉิโม ทิวโส, ตาว วสฺสาวาสิกํ เทมา’ติ วุตฺเต กถินํ อตฺถตํ วา โหตุ, อนตฺถตํ วาติ ยํ สมนฺตปาสาทิกาวจนํ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙), เอตฺถาปิ ยทิ อตฺถตํ, ปุริมวสฺสํวุฏฺา ปฺจ มาเส. ยทิ อนตฺถตํ, ปจฺฉิมวสฺสํวุฏฺา จตฺตาโร มาเส ลภนฺตีติ วินิจฺฉโย’’ติ จ ลิขิตํ.
‘‘เยหิ มยฺหํ ยาคุ ปีตาติ เยหิ นิมนฺติเตหิ มยฺหํ ยาคุ ปีตาติ อธิปฺปาโย. ตสฺมา เยหิ นิมนฺติเตหิ ยาคุ ปีตา, เตสํเยว ปาปุณาตีติ วุตฺตํ. อฺถา ‘เยหิ มยฺหํ ยาคุ ปีตา’ติ วุตฺเต นิมนฺติตา วา โหนฺตุ, อนิมนฺติตา วา, เยหิ ปีตา, เตสํ ปาปุณิตพฺพานี’’ติ วทนฺติ. เอตฺถ ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ ภิกฺขุนา อุพฺภตสฺมึ กถิเน’’ติ วทนฺโต าเปติ เอตฺถนฺตเร ติณฺณมฺปิ อกาลจีวรานํ อุปฺปตฺติอภาวนฺติ. กสฺมา ปน ปทภาชเน วิตฺถาริตานีติ? วุจฺจเต – อิทํ ปน สิกฺขาปทํ อธิฏฺานํ สนฺธาย น วุตฺตํ กินฺตุ ปมสิกฺขาปเท ทสาหปรมํ อนุชานิตฺวา ตสฺมึ อปฺปโหนฺเต สเจ ปจฺจาสา อตฺถิ, ตเมว วฑฺเฒตฺวา มาสมนุชานนฺโต อิมมฺปิ อตฺถวิเสสํ ทีเปติ. อกาลจีวรํ นาม สมฺมุขีภูเตน ภาเชตพฺพํ. ตํ ปน ‘‘อากงฺขมาเนน ภิกฺขุนา ปฏิคฺคเหตพฺพ’’นฺติ อิมินา สิกฺขาปเทน วฑฺเฒตฺวา วุตฺตนฺติ. ตสฺมา ตีณิปิ ปทภาชเน วิตฺถาริตานีติ.
‘‘ขิปฺปเมว กาเรตพฺพนฺติ สีฆํ อนฺโตทสาเหเยว กาเรตพฺพ’’นฺติ อิทํ ปน ปโหนกภาเว ปุริมสิกฺขาปทลกฺขเณนาติ ทีเปตุํ วุตฺตํ. ตสฺมา เอวํ ‘‘สีฆ’’นฺติ วา ‘‘ลหุ’’นฺติ วา อาทินา อวตฺวาปิ ‘‘ทสาหา’’ติ วุตฺตนฺติ. อตฺถตกถินสฺส เอวํ โหตุ, อนตฺถเต ปน กถิเน กถนฺติ วุตฺเต อนตฺถตสฺส ปฏิกฺเขปตํ ทสฺเสตีติ วุตฺโต อปสฺสนฺโต วิฆาตํ อาปชฺชตีติ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๔๙๙-๕๐๐) ลิขิตํ.
อกาลจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ปุราณจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘สากิยานิโย วิย สุทฺธภิกฺขุสงฺเฆ วา’’ติ อิทํ ‘‘ภิกฺขุนี นาม อุภโตสงฺเฆ อุปสมฺปนฺนา’’ติ ¶ (ปารา. ๕๐๕) อิมินา วิรุชฺฌตีติ เจ? น, อธิปฺปายาชานนโต ¶ . ภิกฺขูนํ สนฺติเก อุปสมฺปทาย ปฏิกฺขิตฺตตฺตา ตทนุปฺปสงฺคภยา เอวํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
เอเกน วตฺถุนาติ เยน เกนจิ ปเมน. อวุตฺตา วา โธวตีติ อวุตฺตา โธวติ, รชติ อาโกเฏตีติ อตฺโถ. ‘‘‘อวุตฺตา’ติ วจนโต อวาทาเปตฺวา โธวนาทีสุ อนาปตฺตี’’ติ ลิขิตํ. อิธ จีวรํ นาม นิวาสนปารุปนูปคเมว. ยทิ เอวํ ‘‘นิวาสนปารุปนูปคเมว วตฺตพฺพ’’นฺติ เจ? ตํ น วตฺตพฺพํ ‘‘ปุราณจีวร’’นฺติ อิมินาว สิทฺธตฺตา. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ปุราณจีวรํ นาม สกึ นิวตฺถมฺปิ สกึ ปารุตมฺปี’’ติ (ปารา. ๕๐๕).
ปุราณจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. จีวรปฺปฏิคฺคหณสิกฺขาปทวณฺณนา
อุปจาโร ทฺวาทสหตฺโถ. อจิตฺตกตฺตา กถํ ปํสุกูลํ วฏฺฏตีติ เจ? ตาย ตสฺส ภิกฺขุโน อทินฺนตฺตา, ภิกฺขุนา จ ตโต ภิกฺขุนิโต อคฺคหิตตฺตา จ.
จีวรปฺปฏิคฺคหณสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. อฺาตกวิฺตฺติสิกฺขาปทวณฺณนา
าตกปฺปวาริเต วา วิฺาเปนฺตสฺสาติ เอตฺถ จ สงฺฆวเสน ปวาริเตสุ ปมาณเมว วฏฺฏติ. ปุคฺคลิกปฺปวารณาย ยํ ยํ ปวาเรติ, ตํ ตํเยว วิฺาเปตพฺพนฺติ ลิขิตํ.
อฺาตกวิฺตฺติสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. ตตุตฺตริสิกฺขาปทวณฺณนา
ปกติยา สนฺตรุตฺตเรน จรติ กถินปลิโพธวเสน วา สาสงฺกสิกฺขาปทวเสน วา. เอตฺถ สิยา – ‘‘น มตฺตํ ชานิตฺวา พหุํ จีวรํ วิฺาเปสฺสนฺติ, ทุสฺสวาณิชฺชํ วา’’ติอาทินา (ปารา. ๕๒๒) อุชฺฌายนฺตานํ สุตฺวา ภควาปิ ฉพฺพคฺคิเย ภิกฺขู ¶ ‘‘กถฺหิ นาม ตุมฺเห โมฆปุริสา ¶ น มตฺตํ ชานิตฺวา พหุํ จีวรํ วิฺาเปสฺสถา’’ติ (ปารา. ๕๒๒) วตฺวา สิกฺขาปทสฺส ปฺตฺตตฺตา จ อิมิสฺสํ กงฺขาวิตรณิยํ ‘‘พหุจีวรวิฺาปนวตฺถุสฺมึ ปฺตฺต’’นฺติ วุตฺตตฺตา, สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘น หิ อนจฺฉินฺนจีวรา อตฺตโน อตฺถาย สาขาปลาสํ ภฺชิตุํ ลภนฺติ, อจฺฉินฺนจีวรานํ ปน อตฺถาย ลภนฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา จ อฺสฺสตฺถาย ปมาณํ วิฺาเปตุํ วฏฺฏตีติ เจ? น, กสฺมา? อฺาตกวิฺตฺติสิกฺขาปทสฺส อฏฺุปฺปตฺติยา เอว อฺาตกวิฺตฺติ วาริตา. ตสฺส สิกฺขาปทสฺส อนาปตฺติ. ปาฬิยํ (ปารา. ๕๒๑) ‘‘อฺสฺสตฺถายา’’ติ อิมิสฺสา อนาปตฺติปาฬิยา อฺสฺสตฺถาย วิฺาเปนฺโต ตสฺส าตกปฺปวาริเต เอว วิฺาเปติ, น อฺเติ วจนโต จ วาริตา. ตสฺมา ภควาปิ ‘‘พหุํ จีวรํ วิฺาเปสฺสถา’’ติ (ปารา. ๕๒๒) วิครหิตฺวา สิกฺขาปทํ ปฺาเปนฺโต ‘‘อภิหฏฺุํ ปวาเรยฺยา’’ติ วุตฺตนเยเนว ปมาณโต คหณํ อนุชานิ, น อฺสฺสตฺถาย ปมาณโต วิฺาปนํ. ยสฺมา ปนิมํ สิกฺขาปทํ อฺสฺสตฺถาย วิฺาปนวตฺถุสฺมึเยว ปฺตฺตํ, ตสฺมา อิธ ‘‘อฺสฺสตฺถายา’’ติ น วุตฺตํ, น น ลพฺภตีติ กตฺวา.
อฏฺกถาสุ ‘‘อฺาตกปฺปวาริตฏฺาเน ปกติยา พหุมฺปิ วฏฺฏติ, อจฺฉินฺนการณา ปมาณเมว วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. ตํ ‘‘อนาปตฺติ าตกานํ ปวาริตาน’’นฺติ (ปารา. ๕๒๖) วุตฺตอนาปตฺติปาฬิยา น สเมตีติ สมนฺตปาสาทิกายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๒๖) วุตฺตตฺตา อิธาปิ วุตฺตนเยเนว าตกปฺปวาริเต วิฺาเปนฺตสฺส อตฺตโน ธเนน คณฺหนฺตสฺส อนาปตฺตีติ ลิขิตํ. ‘‘อฺสฺสตฺถายา’’ติ นิทานวิโรธโต น วุตฺตํ, ตถาปิ อนนฺตเร วุตฺตนเยเนว ลพฺภติ เอวาติ วทนฺติ.
ตตุตฺตริสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. อุปกฺขฏสิกฺขาปทวณฺณนา
ปมอุปกฺขเฏ ‘‘ปุพฺเพ อปฺปวาริโต’’ติ (ปารา. ๕๒๘) วจนโต ตสฺมึ ขเณ ปวาริโตปิ อปฺปวาริโตว โหตีติ เวทิตพฺพํ.
อุปกฺขฏสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ทุติยอุปกฺขฏสิกฺขาปทวณฺณนา
ทุติยอุปกฺขเฏน ¶ ¶ กึ ปโยชนนฺติ เจ? นตฺถิ ปโยชนํ, เกวลํ อฏฺุปฺปตฺติวเสน ปน ปฺตฺตํ ภิกฺขุนิยา รโหนิสชฺชสิกฺขาปทํ วิย. เอวํ สนฺเต สงฺคีติการเกหิ สงฺคีตึ อนาโรเปตพฺพํ ภเวยฺย วินาปิ เตน ตทตฺถสิทฺธิโต, อนิสฺสรตฺตา, อนาโรเปตุํ อนฺุาตตฺตา จ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อากงฺขมาโน, อานนฺท, สงฺโฆ…เป… สมูหเนยฺยา’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๖; จูฬว. ๔๔๑). อิทํ สพฺพมการณํ. น หิ พุทฺธา อปฺปโยชนํ วจนํ นิจฺฉาเรนฺติ, ปเคว สิกฺขาปทํ. เตเนวาห อฏฺกถายํ ‘‘อิมินาว นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อิทฺหิ ปุริมสฺส อนุปฺตฺติสทิส’’นฺติอาทิ. อนุปฺตฺติ จ นิปฺปโยชนํ นตฺถิ. ตํสทิสฺเจตํ, น นิปฺปโยชนนฺติ ทสฺสิตํ โหติ. เอวํ สนฺเต โก ปเนตฺถ อตฺถวิเสโสติ? ตโต อาห ‘‘เกวลํ ตตฺถ เอกสฺส ปีฬา กตา, อิธ ทฺวินฺนํ, อยเมตฺถ วิเสโส’’ติ. อิมินา อตฺถวิเสเสน โก ปนฺโ อติเรกตฺโถ ทสฺสิโตติ? โปราณคณฺิปเท ตาว วุตฺตํ ‘‘เอกสฺมิมฺปิ วตฺถุสฺมึ อุภินฺนมฺปิ ปีฬา กาตุํ น วฏฺฏตีติ อยมติเรกตฺโถ ทสฺสิโต’’ติ. เตเนตํ ทีเปติ ‘‘น เกวลํ ปฏิลทฺธจีวรคณนาย เอว อาปตฺติคณนา, ปีฬิตปุคฺคลสงฺขาตวตฺถุคณนายปี’’ติ.
โหนฺติ เจตฺถ –
‘‘วตฺถุโต คณนายปิ, สิยา อาปตฺติ เนกตา;
อิติ สนฺทสฺสนตฺถฺจ, ทุติยูปกฺขฏํ อิธ.
‘‘กายสํสคฺคสิกฺขาย, วิภงฺเค วิย กินฺเตตํ;
เอกิตฺถิยาปิ เนกตา, อาปตฺตีนํ ปโยคโต’’ติ. (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๕๓๒);
อปิเจตํ สิกฺขาปทํ ตํชาติเกสุ สิกฺขาปเทสุ สพฺเพสุปิ คเหตพฺพวินิจฺฉยสฺส ทสฺสนปฺปโยชนนฺติ เวทิตพฺพํ. อาห จ –
‘‘อฺาติกาย พหุตาย วิมิสฺสตาย;
อาปตฺติยาปิ พหุตา จ วิมิสฺสตา จ;
อิจฺเจวมาทิวิธิสมฺภวทสฺสนตฺถํ ¶ ;
สตฺถา อุปกฺขฏมิทํ ทุติยํ อโวจา’’ติ. (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๕๓๒);
ตสฺสายํ ¶ สงฺเขปโต อธิปฺปายปุพฺพงฺคมา วิจารณา – ปุราณจีวรํ เอกเมว ภิกฺขุ ภิกฺขุนีหิ ทฺวีหิ, พหูหิ วา โธวาเปติ, ภิกฺขุนิคณนาย ปาจิตฺติยคณนา. ตถา ทฺวินฺนํ, พหูนํ วา สาธารณํ เอกเมว จีวรํ อฺตฺร ปาริวตฺตกา ปฏิคฺคณฺหาติ, อิธาปิ ตถา ทฺวินฺนํ, พหูนํ วา สาธารณเมกํ วิฺาเปติ, วิฺตฺตปุคฺคลคณนาย อาปตฺติคณนา. ตถา อฺเสุปิ เอวรูเปสุ สิกฺขาปเทสุ นโย เนตพฺโพ. อยํ ตาว พหุตาย นโย.
วิมิสฺสตาย ปน าติกาย, อฺาติกาย จ เอกํ โธวาเปติ, เอกโต นิฏฺาปเน เอกํ ปาจิตฺติยํ. อถ าติกา ปมํ โถกํ โธวิตฺวา ิตา, ปุน อฺาติกา สุโธตํ กโรติ, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ. อถ อฺาติกา ปมํ โธวติ, ปจฺฉา าติกา สุโธตํ กโรติ, อฺาติกาย ปโยควเสน ภิกฺขุโน ทุกฺกฏเมว. อฺาติกาย, าติกาย จ อฺาติกสฺี, เวมติโก, าติกสฺี วา โธวาเปติ, ยถาวุตฺตนเยน นิสฺสคฺคิยทุกฺกฏาทิอาปตฺติเภทคณนา เวทิตพฺพา. ตถา อฺาติกาย, าติกาย จ สนฺตกํ จีวรํ อุโภหิ เอกโต ทิยฺยมานํ ปฏิคฺคณฺหาติ, นิสฺสคฺคิยเมว. อถ อฺาติกาย เอว หตฺถโต ปฏิคฺคณฺหาติ, นิสฺสคฺคิยเมว. อถ าติกาย หตฺถโต ปฏิคฺคณฺหาติ, อนาปตฺติ. อถ อุโภสุ อฺาติกาทิสฺี, วุตฺตนเยเนว นิสฺสคฺคิยทุกฺกฏาทิอาปตฺติเภทคณนา เวทิตพฺพา. ตถา อฺาติกวิฺตฺติอาทีสุปิ ยถาสมฺภวํ นโย เนตพฺโพ. อยํ วิมิสฺสตาย นโย.
อาทิสทฺเทน ปน อเนเก อฺาติกา วิฺตฺตา, วิฺตฺตปุคฺคลคณนาย ทุกฺกฏํ. เอโก เทติ, เอโก น เทติ, นิสฺสคฺคิยํ. อถ อวิฺตฺโต เทติ, น นิสคฺคิยํ. อถ วิฺตฺตาวิฺตฺตานํ สาธารณํ วิฺตฺโต เทติ, นิสฺสคฺคิยํ. อุโภ เทนฺติ, นิสฺสคฺคิยเมว. อวิฺตฺโต เทติ, นิสฺสคฺคิเยน อนาปตฺติ. วิฺตฺตสฺส วจเนน อวิฺตฺโต เทติ, อนาปตฺติ เอว. ตถา อุปกฺขฏาทีสุปิ ยถาสมฺภวํ นโย เนตพฺโพ.
เอตฺตาวตา สงฺเขปโต อฺาติกายาทิคาถา วุตฺตาธิปฺปายา โหติ. ยํ ปเนตฺถ ภิกฺขุนิยา รโหนิสชฺชสิกฺขาปทํ นิปฺปโยชนตาย นิทสฺสนํ ¶ วุตฺตํ, ตสฺส ปโยชนวิเสโส ตสฺมึเยว อาวิภวิสฺสตีติ ¶ . เอวเมว อฺตฺถปิ วจเนน, วิเสสอฏฺุปฺปตฺติวเสน จ สิกฺขาปเทสุ าตพฺพํ วิเสสปฺปโยชนนฺติ.
ทุติยอุปกฺขฏสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ราชสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘านํ ภฺชติ, อาคตการณํ วินาเสตี’’ติ วุตฺตตฺตา ปุน โจทนํ น ลภตีติ เอเก. อาคมนสฺส สาตฺถกํ น โหติ, จีวรํ น ลภิสฺสติ ปฏิสนฺถารสฺส กตตฺตาติ เอเก. โจทนาลกฺขณํ น โหตีติ กตฺวา วุตฺตนฺติ เอเก. ‘‘ธมฺมเทสนาธิปฺปายาทินา น ปฏิสนฺถาโร กาตพฺโพ’’ติ อุปติสฺสตฺเถโร ‘‘‘อาคตการณํ วินาเสตี’ติ โจทนาานานิ ภฺชติ, โจเทตุกาโม อกตฺตพฺพมกาสิ, ตปฺปจฺจยา วตฺตเภเท ทุกฺกฏ’’นฺติ จ วทติ. ธมฺมสิริตฺเถโร ปน ‘‘อาสเน เจ นิสีทติ, เอกาย นิสชฺชาย ทฺเว านานิ ภฺชติ. อามิสํ เจ ปฏิคฺคณฺหาติ, เอเกน ปฏิคฺคหเณน ทฺเว านานิ ภฺชติ. ธมฺมํ เจ ภาสติ, ธมฺมเทสนาสิกฺขาปเท วุตฺตปริจฺเฉทาย เอกาย วาจาย ทฺเว านานิ ภฺชติ. ตํ สนฺธาย ‘อาคตการณํ วินาเสตี’ติ วุตฺต’’นฺติ วทติ. ‘‘เอโส โข’’ติ วุตฺเตน สฺตฺโต เอโก, ‘‘อยํ เวยฺยาวจฺจกโรติ…เป… อวุตฺเตปิ โจเทตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺโต ทุติโย, สเจ ปน ทูโต คจฺฉนฺโตว ‘‘อหํ ตสฺส หตฺเถ ทสฺสามี’’ติอาทินา วุตฺโต ตติโย, ‘‘อฺํ วา เปเสตฺวา อาโรจาเปตี’’ติ วุตฺโต จตุตฺโถติ ยถา ภิกฺขุนา นิทฺทิฏฺา จตฺตาโร, ตเถว ทูเตน นิทฺทิฏฺา จตฺตาโร. มุขเววฏิกกปฺปิยการโก, ปรมฺมุขกปฺปิยการโก เจติ เอเตสุ อฺาตกอปฺปวาริเตสุ วิย ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ ลิขิตํ.
ราชสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
จีวรวคฺโค ปโม.
๒. เอฬกโลมวคฺโค
๑. โกสิยสิกฺขาปทวณฺณนา
การาเปยฺยาติ ¶ ¶ อตฺตโน จ ปรสฺส จ อุภินฺนฺจ โกสิยํ เอกโต คณฺหิตฺวา วุตฺตํ, อุโภ วา เอกโต กโรนฺตีติ อตฺถโต เวทิตพฺพํ. ตตฺถ อตฺตนา กตํ เจ, ‘‘นิสฺสชฺชนกาเล สยํ กตํ นิสฺสคฺคิย’’นฺติ วตฺตพฺพํ. อุโภหิ เจ กตํ, ยถาปาฬิเมว.
โกสิยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. สุทฺธกาฬกสิกฺขาปทวณฺณนา
ยถา ปเม ‘‘เอเกนปิ โกสิยํสุนา’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. โกสิยสิกฺขาปทวณฺณนา) วุตฺตํ, ตถา อิธ ‘‘เอเกนปิ อฺเน อมิสฺสิตาน’’นฺติ วจนาภาวโต อฺเน มิสฺสภาเว สติปิ อปฺายมานรูปกํ เจ, ‘‘สุทฺธกาฬก’’มิจฺเจว วุจฺจตีติ วทนฺติ.
สุทฺธกาฬกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ทฺเวภาคสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘ตุลยิตฺวา’’ติ วจนโต ยถา ตุลาธารณาย กาฬกาธิกา น โหนฺติ, ตถา กาฬกานํ ทฺเว ภาคา คเหตพฺพา อุกฺกฏฺปริจฺเฉเทน. ‘‘เอกสฺสาปิ กาฬกโลมสฺส อติเรกภาเว นิสฺสคฺคิยนฺติ วจนํ ตุลาธารณาย กิฺจาปิ น สเมติ, อจิตฺตกตฺตา ปน สิกฺขาปทสฺส ปุพฺเพ ตุลาย ธารยิตฺวา ปิเตสุ เอกมฺปิ โลมํ ตตฺถ ปเตยฺย, นิสฺสคฺคิยนฺติ อยมธิปฺปาโยติ โน ตกฺโก’’ติ อาจริโย. วุตฺตปริจฺเฉเทน อคฺคหณํ อกิริยา, สนฺถตกรณํ กิริยา.
ทฺเวภาคสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ฉพฺพสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘โอเรน ¶ ¶ เจ ฉนฺนํ วสฺสาน’’นฺติ วุตฺตตฺตา ฉพฺพสฺเส ปริปุณฺเณ กาตุํ วฏฺฏตีติ นิฏฺานทิวสโต ปฏฺาย ฉนฺนํ วสฺสานํ ปริจฺเฉโท เวทิตพฺโพ. ยานิ ปเนตฺถ อติเรกฉพฺพสฺสวเสน วา สมฺมุติวเสน วา กตานิ, สพฺพานิ ตานิ เอกโต ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏนฺตีติ. คิลานสฺส จ เอกํ นปฺปโหตีติ อเนกมฺปิ วฏฺฏติ. ยโต ปฏฺาย โรคสฺส มนฺทตาย สนฺถตํ อาทาย คนฺตุํ สกฺโกติ, ตโต ปฏฺาย สมฺมุติ วา โรโค วา น รกฺขตีติ เอเก. อปิจ ฉวสฺสพุทฺธนิมฺมลํ สิกฺขาปทํ วิจาเรตุํ คมฺภีรตฺตา. ตสฺมา ฉวสฺเส กมฺมํ กตนฺติ.
ฉพฺพสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. นิสีทนสิกฺขาปทวณฺณนา
กสฺมา ปเนตฺถ ‘‘สนฺถตํ ปน ภิกฺขุนา’’ติ สิกฺขาปทํ อปฺเปตฺวา ‘‘นิสีทนสนฺถต’’นฺติ ปฺตฺตํ, นนุ เอตฺถ การเณน ภวิตพฺพนฺติ? อตฺถิ การณํ, จีวรสฺิตาย สนฺถตานํ อุชฺฌิตตฺตา เตสํ อจีวรภาวทสฺสนตฺถํ ตถา ปฺตฺตํ ภควตาติ วุตฺตํ โหติ. ตสฺมา เต ภิกฺขู เตจีวริกธุตงฺคเภทภยา สนฺถเต จตุตฺถจีวรสฺิตาย สนฺถตานิ อุชฺฌิตฺวา เตรส ธุตงฺคานิ สมาทยึสุ, ภควา จ เตสํ สนฺถตํ อนุชานิ. ตโต เตสํ ภิกฺขูนํ เอวํ โหติ ‘‘นิสีทนจีวรสณฺานมฺเปตํ นิสีทนสนฺถตํ โน ภควตา อนฺุาตํ จตุตฺถจีวรภาเวน, ปเคว กตสนฺถตํ วา’’ติ. ตโต ‘‘สนฺถเต เตสํ จีวรสฺิตา น ภวิสฺสตี’’ติ ตทตฺถํ ภควตา ‘‘สนฺถต’’นฺติ อปฺเปตฺวา ‘‘นิสีทนสนฺถต’’นฺติ ปฺตฺตนฺติ อธิปฺปาโย. อิเมสุ ปน ปฺจสุ สนฺถเตสุ ปุริมานิ ตีณิ วินยกมฺมํ กตฺวา ปฏิลภิตฺวาปิ ปริภฺุชิตุํ น วฏฺฏนฺติ อกปฺปิยตฺตา, ปจฺฉิมานิ ทฺเว วฏฺฏนฺตีติ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๕๖๖-๕๖๗) ลิขิตํ. กถํ ปฺายตีติ เจ? ‘‘อนาปตฺติ อฺเน กตํ ปฏิลภิตฺวา ปริภฺุชตี’’ติ (ปารา. ๕๗๐) วจนโตติ เวทิตพฺพํ.
นิสีทนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. เอฬกโลมสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺนสฺสา’’ติ ¶ ¶ อิมินา ปกติยา ทีฆมคฺคํ ปฏิปนฺนสฺส อุปฺปนฺนานิปิ ติโยชนปรมเมว หริตพฺพานิ, ปเคว อปฺปฏิปนฺนสฺสาติ ทสฺเสติ. ปฏิปนฺนสฺส เจ, อทฺธานํ นาม ปฏิปนฺนสฺส อกามา วสฺสํวุฏฺภิกฺขุนิยา มคฺคปฺปฏิปตฺติ วิยาติ ทสฺเสติ. อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺนสฺส นิสฺสคฺคิยนฺติ วา สมฺพนฺโธ. เตเนว วาสาธิปฺปายสฺส ปฏิปฺปสฺสทฺธคมนุสฺสาหตฺตา ‘‘อปฺปฏิปนฺโน’’ติ สงฺขํ คตสฺส อนาปตฺตีติ สิทฺธํ. อิมสฺมึ ปน อตฺถวิกปฺเป ‘‘ภิกฺขุโน ปเนว เอฬกโลมานิ อุปฺปชฺเชยฺยุํ…เป… อสนฺเตปิ หารเก อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺนสฺส นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติย’’นฺติ โยชนา เวทิตพฺพา. ยสฺมา วา เอฬกโลมานํ อุปฺปตฺติฏฺานโต ปฏฺาย ติโยชนปรมตา อธิปฺเปตา, มคฺคํ อปฺปฏิปนฺนสฺส จ ติโยชนปรมตา นตฺถิ, ตสฺมา ‘‘อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺนสฺส อุปฺปชฺเชยฺยุ’’นฺติ วุตฺตํ. เตน อจฺฉินฺนํ ปฏิลภิตฺวา หรโต จ อนาปตฺตีติ สิทฺธํ. ปฏิลาโภ หิ เตสํ อุปฺปตฺติ นามาติ.
‘‘อากงฺขมาเนน ภิกฺขุนา ปฏิคฺคเหตพฺพานี’’ติ อิมินา อตฺตนา ปฏิคฺคหิตานํเยว ติโยชนาติกฺกเม อาปตฺตีติ ทสฺเสติ. เตน อนากงฺขมาเนน ปรสนฺตกานิ ปฏิคฺคหิตานิ หรนฺตสฺส อนาปตฺตีติ สิทฺธํ.
องฺเคสุ ‘‘อตฺตโน สนฺตกตา’’ติ นตฺถิ, อยมตฺโถ ‘‘ภิกฺขุโน อุปฺปชฺเชยฺยุ’’นฺติ อิมินา, ‘‘อจฺฉินฺนํ ปฏิลภิตฺวา’’ติ อิมินา จ ทีปิโต โหตีติ เวทิตพฺโพ. โปราณคณฺิปเท จ ‘‘อฺํ ภิกฺขุํ หราเปนฺโต คจฺฉติ เจ, ทฺวินฺนมฺปิ อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมา ทฺเว ภิกฺขู ติโยชนปรมํ ปตฺวา อฺมฺสฺส ภณฺฑํ ปริวตฺเตตฺวา เจ หรนฺติ, อนาปตฺตีติ สิทฺธํ.
ติโยชนปรมํ สหตฺถา หริตพฺพานีติ ติโยชนปรมเมว อตฺตนา หริตพฺพานิ, ตํ กิมตฺถนฺติ? สีมาย เอตปรมโต. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติโยชนปรมํ สีมํ สมฺมนฺนิตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๔๐). วาสาธิปฺปาเยน, ปจฺจาคมนาธิปฺปาเยน วา คจฺฉโต เอตปรมตา จ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู อติมหติโย สีมาโย สมฺมนฺนนฺติ…เป… ภิกฺขู อุโปสถํ อาคจฺฉนฺตา อุทฺทิสฺสมาเนปิ ปาติโมกฺเข อาคจฺฉนฺติ, อุทฺทิฏฺมตฺเตปิ อาคจฺฉนฺติ, อนฺตราปิ ปริวสนฺตี’’ติ (มหาว. ๑๔๐).
อสนฺเต ¶ หารเกติ อาณตฺติยา หารเก อสติ. กมฺพลสฺส อุปริ นิสีทิตฺวา คจฺฉนฺตสฺส ¶ สเจ เอกมฺปิ โลมํ จีวเร ลคฺคํ โหติ, ติโยชนาติกฺกเม อาปตฺติ เอว กมฺพลโต วิชฏิตตฺตาติ ลิขิตํ. ตํ กมฺพลสฺส ปฏิคฺคหิตตฺตา อตฺตโน อตฺถาย ปฏิคฺคหิตเมว โหตีติ ยุตฺตํ.
เอฬกโลมสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. ชาตรูปสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘นิพฺพตฺตรุกฺขจฺฉายาปิ รุกฺขปริจฺเฉทํ อนติกฺกนฺตา’’ติ ลิขิตํ.
ชาตรูปสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. รูปิยสํโวหารสิกฺขาปทวณฺณนา
ชาตรูปรชตปริวตฺตนนฺติ อุกฺกฏฺปริจฺเฉเทน วุตฺตํ.
รูปิยสํโวหารสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. กยวิกฺกยสิกฺขาปทวณฺณนา
อสนฺเต ปาจิตฺติยํ เทเสตพฺพเมวาติ เอตฺถ กึ สุทฺธิกํ ปาจิตฺติยํ, อุทาหุ นิสฺสคฺคิยนฺติ? นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยเมว.
กยวิกฺกยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
ตตฺริทํ ปกิณฺณกํ
อฏฺมสิกฺขาปทํ ปเรน อตฺตโน อตฺถาย ทิยฺยมานสฺส วา ปาริวตฺตกภาเวน ทิยฺยมานสฺส วา ปํสุกูลสฺส วา รูปิยสฺส อุคฺคณฺหนอุคฺคณฺหาปนสาทิยนานิ ปฏิกฺขิปติ.
นวมํ ปรสฺส วา อตฺตโน วา รูปิยปริวตฺตนํ ปฏิกฺขิปติ.
ทสมํ ¶ ¶ อรูปิยปริวตฺตนํ. ‘‘อรูปิเย อรูปิยสฺี ปฺจนฺนํ สห อนาปตฺตี’’ติ (ปารา. ๕๙๑; วิ. วิ. ฏี. ๑.๕๙๑; วชิร. ฏี. ปาราชิก ๕๘๗) จ วจนํ อิตเรหิ สห อาปตฺตีติ ทีเปติ. อรูปิยฺจ ทุกฺกฏวตฺถุ. ตสฺมา ตสฺส ปริวตฺตเน สติ นิสฺสคฺคิยนฺติ เอกนฺเตน วุตฺตํ. ปฺจนฺนํ สห ทุกฺกฏวตฺถูนํ ปริวตฺตเน อนาปตฺติปฺปสงฺคโต อนาปตฺติ เอวาติ โปราณาติ เจ? น, กปฺปิยวตฺถูนํเยว ตตฺถ อาคตตฺตา. ยทิ กปฺปิยวตฺถุ นิสฺสคฺคิยํ, ปเคว ทุกฺกฏวตฺถูติ เจ? น, อาปตฺติครุกลหุกภาเวน วตฺถุครุกลหุกนิยมาภาวโต.
นิสฺสคฺคิยวตฺถุโต หิ มุตฺตามณิเวฬุริยาทิ มหคฺฆปฺปโหนกมฺปิ ทุกฺกฏวตฺถูติ กตฺวา นิสฺสคฺคิยวตฺถุโต มุตฺตาทิ ลหุกํ โหติ. ลหุเกปิ วตฺถุสฺมึ ยเถว ทุกฺกฏวตฺถุโน ปฏิคฺคหเณ ทุกฺกฏํ, ตเถว ตสฺส วา เตน วา เจตาปเนปิ ทุกฺกฏํ ยุตฺตนฺติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๘๙) อฏฺกถาจริยา.
อถ วา ยํ วุตฺตํ ‘‘กปฺปิยวตฺถูนํเยว ตตฺถ อาคตตฺตา’’ติ, ตตฺถ กิฺจาปิ ทุกฺกฏวตฺถูนิปิ อธิปฺเปตานิ, น ปน ปาฬิยํ วุตฺตานิ อนาปตฺติวารปฺปสงฺคภยาติ วุตฺตํ โหติ. มุตฺตาทีสุปิ วุตฺเตสุ อนาปตฺติยํ กปฺปิยการกสฺส อาจิกฺขติ, ‘‘อิทํ มุตฺตาทิ อมฺหากํ อตฺถิ, อมฺหากฺจ อิมินา จ อิมินา จ เวฬุริยาทินา อตฺโถ’’ติ ภณติ, ทสเมน อาปชฺชตีติ อธิปฺปาโย สิยา. ยสฺมา จ อิทํ กปฺปิยการกสฺส อาจิกฺขนาทิสํโวหาโร จ, ตสฺมา ตํ นวเมน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. กิฺจาปิ กยวิกฺกเยว โหติ กปฺปิยวตฺถูหิ อนฺุาตํ, อิมินาว นเยน กิฺจาปิ ทุกฺกฏวตฺถุปิ ทสเม อธิปฺเปตํ อาปชฺชติ, อฏฺกถาวิโรธโต ปน นาธิปฺเปตมิจฺเจว คเหตพฺโพ.
กา ปเนตฺถ การณจฺฉายาติ, ปฺจนฺนํ สห ตตฺถ อนาปตฺติปฺปสงฺคโต อนาปตฺติ เอวาติ เจ? น, ตตฺถ อนาคตตฺตา. อนาคตการณา วุตฺตนฺติ เจ? น, ปฺจนฺนํ สห อาปตฺติวตฺถุกสฺส อนาปตฺติวารลาเภ วิเสสการณาภาวา, อกปฺปิยตฺตา ปฺจนฺนํ สหาปิ อาปตฺติยา ภวิตพฺพนฺติ สิทฺโธ อฏฺกถาวาโท.
อปโร นโย – ยทิ ทุกฺกฏวตฺถุนา กยวิกฺกเย นิสฺสคฺคิยํ, กปฺปิยวตฺถุมฺหิ วุตฺตปริยาโย ตตฺถ ลพฺเภยฺย, น ปน ลพฺภตีติ นวเม เอว ตานิ วตฺตพฺพานิ. ตสฺมา สํโวหาโร นาม กยวิกฺกโยปิ อฺถา ปริวตฺตนํ ¶ ปริยาทิยิตฺวา ปวตฺโต, กยวิกฺกยฺจ โมเจตฺวา ¶ ‘‘อิมินา อิมํ เทหี’ติ เจตาเปติ, วฏฺฏตี’’ติ อวตฺวา ทสมสฺส อนาปตฺติวาเร วุตฺตนเยเนว เตสํ ปริวตฺตเน นิสฺสคฺคิยานุมติวิโรธโต อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว ทุกฺกฏวตฺถุนา เจตาปเน ทุกฺกฏเมว. เนสํ กยวิกฺกเยน นิสฺสคฺคิยนฺติ เจ? น, สพฺพสฺสปิ กยวิกฺกยตฺตา. เตเนว วุตฺตํ ‘‘อนฺธกฏฺกถายํ ปน ‘สเจ กยวิกฺกยํ สมาปชฺเชยฺย, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติย’นฺติ ภาสิตํ, ตํ ทุพฺภาสิตํ. กสฺมา? น หิ ทานคฺคหณโต อฺโ กยวิกฺกโย นาม อตฺถี’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๘๙), อตฺตโน มติยา กยวิกฺกยลกฺขณสมฺมเต ทสมสฺส อนาปตฺติวาเร วุตฺตนเยเนว เตสํ ปริวตฺตเน นิสฺสคฺคิยานุมติวิโรธโต จ. ภวตุ วา อตฺตโน ปฏิสิทฺธมิทํ การณํ, ทสเม อวสฺสเมว ชานิตพฺพานีติ ตานิ กยวิกฺกยาเนวาติ เตสํ นิสฺสคฺคิยภาวฺจ คตานีติ เอวมฺปิ สิทฺโธ อฏฺกถาวาโท.
เอตฺถาหุ โปราณา – ‘‘อตฺตโน สนฺตกํ รูปิยํ ปรหตฺถคตํ กโรติ อชฺฌาจรติ, ทุกฺกฏํ. ปรสฺส รูปิยํ อตฺตโน หตฺถคตํ กโรติ, อฏฺเมน นิสฺสคฺคิยํ. อุคฺคหิตวตฺถุปริวตฺตเน กถํ ชาตํ? อพฺโพหาริกํ ชาตํ. อถ ปรสฺส รูปิยํ อตฺตโน หตฺถคตํ ปมํ กโรติ, รูปิยปฺปฏิคฺคหณสฺส กตตฺตา อฏฺเมน นิสฺสคฺคิยํ. อตฺตโน สนฺตกํ รูปิยํ ปรสฺส หตฺถคตํ ปจฺฉา กโรติ, สํโวหาเรน นิสฺสคฺคิย’’นฺติ. ‘‘รูปิยสฺส คหณมตฺเตน อฏฺเมน อาปตฺติ, ปจฺฉา ปริวตฺตเน นวเมนา’’ติ หิ ตตฺถ วุตฺตํ, ตํ ปน ยุตฺตํ. ‘‘อชฺฌาจรติ, ทุกฺกฏ’’นฺติ ทุวุตฺตํ. ทุกฺกฏสฺส อนิยมปฺปสงฺคโต นิสฺสชฺชนวิธาเนสุ ทสฺสิโตว. กึ วุตฺตํ โหติ – ยทิ ทฺวีหิ นิสฺสคฺคิเยหิ ภวิตพฺพํ, นิสฺสชฺชนวิธาเน ‘‘อหํ, ภนฺเต, รูปิยํ ปฏิคฺคเหสึ, นานาปฺปการกฺจ รูปิยสํโวหารํ สมาปชฺชิ’’นฺติ วตฺตพฺพํ ภเวยฺย ‘‘รูปิยํ เจตาเปตี’’ติ สพฺพตฺถ ปาฬิยํ รูปิยปฺปฏิคฺคหณสฺส วุตฺตตฺตา.
เอตฺตาวตา ยํ โปราณคณฺิปเท วุตฺตํ ‘‘ทุกฺกฏวตฺถุนา กยวิกฺกยํ ปริหรนฺเตน จตูสุ นิสฺสคฺคิยวตฺถูสุ เอเกกสฺมึ คหิเต อฏฺเมน นิสฺสคฺคิยํ โหติ. ทุกฺกฏวตฺถุนา ทุกฺกฏวตฺถุนฺติ ‘‘อิมินา อิทํ เทหี’’ติ คหิเต เตเนว นิสฺสคฺคิยํ โหติ. ‘‘กยวิกฺกยมฺปิ นีหริตฺวา คหิเต ทุกฺกฏํ, เจตาปิตรูปิยคฺคหเณ อฏฺเมน, ปริวตฺตเน นวเมนาติอาทินา อตฺตนา อนุคฺคเหตฺวา กปฺปิยวเสน นีหริตฺวา ปฺจหิ สหธมฺมิเกหิ สทฺธึ ปริวตฺเตตุํ ¶ วฏฺฏตี’’ติ, ตํ วิโสธิตํ โหติ. อปรมฺปิ ตตฺถ วุตฺตํ ‘‘นิสฺสชฺชิตพฺเพ อสติ กถํ ปาจิตฺติยํ, ทุนฺนิสฺสฏฺรูปิยมฺปิ ‘น ฉฑฺเฑตี’ติ วทนฺตสฺส วิสฺสฏฺโ อุปาสโก ตํ คเหตฺวา อฺํ เจ ภิกฺขุโน เทติ, กปฺปตี’’ติ, ตฺจ ทุวุตฺตํ. น หิ คหิตตฺตา ตโต อฺํ วตฺถุ โหติ. ปุน อปรฺจ ตตฺถ วุตฺตํ ‘‘อิมํ ‘คณฺหาหี’ติ ¶ วทนฺตสฺส สทฺธาเทยฺยวินิปาตทุกฺกฏํ, ‘เอตํ เทหี’ติ วทนฺตสฺส วิฺตฺติทุกฺกฏ’’นฺติ, ตฺจ ทุวุตฺตํ. ตตฺถ หิ ปโยคทุกฺกฏํ ยุตฺตํ วิย ปฺายติ.
ปกิณฺณกํ นิฏฺิตํ.
เอฬกโลมวคฺโค ทุติโย.
๓. ปตฺตวคฺโค
๑. ปตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา
ทฺเว อปตฺตา, ตสฺมา เอเต ภาชนปริโภเคน ปริภฺุชิตพฺพา, นอธิฏฺานูปคานวิกปฺปนูปคตาติ อตฺโถติ จ. สมณสารุปฺเปน ปกฺกนฺติ อโยปตฺโต ปฺจหิ ปาเกหิ ปกฺโก โหติ, มตฺติกาปตฺโต ทฺวีหิ. ‘‘ภิกฺขุนิยา ปตฺตสนฺนิจฺจยสฺส วาริตตฺตา (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๖๐๒) ภิกฺขุสฺสปิ ตํ ‘อนนุรูป’นฺติ กตฺวา ‘ปุราณปตฺตํ ปจฺจุทฺธริตฺวา’ติ วุตฺต’’นฺติ จ ลิขิตํ, ตํ น ยุตฺตํ ปาฬิยํ ‘‘สนฺนิจฺจยํ กเรยฺยาติ อนธิฏฺิโต อวิกปฺปิโต’’ติ (ปาจิ. ๗๓๕) วุตฺตตฺตา. โส หิ กถินกฺขนฺธเก (มหาว. ๓๐๖ อาทโย) นิจฺจยสนฺนิธิ วิย เอโกปิ ปุนทิวเส ‘‘สนฺนิจฺจโย’’ติ วุจฺจติ. อนนฺตรสิกฺขาปเท ปน ‘‘ทุติโย วาริโต’’ติ อธิฏฺานํ นิยตํ. ตสฺมา ทฺเว ปตฺเต อธิฏฺาตุํ น ลภติ. สเจ เอกโต อธิฏฺาติ, ทฺเวปิ อนธิฏฺิตา โหนฺติ. วิสุํ วิสุํ อธิฏฺาติ, ทุติโย อนธิฏฺิโต. วิกปฺเปตุํ ปน พหูปิ ลภติ. กากณิกมตฺตมฺปีติ เอตฺถ ปิ-กาโร ‘‘เอกปากมฺปิ ชเนตี’’ติ ปากํ สมฺปิณฺเฑติ. อถ วา สเจ เอกปาเกเนว สารุปฺโป, วฏฺฏตีติ ปากปริมาณํ น วุตฺตนฺติ คเหตพฺพํ. อปตฺตตฺตา อธิฏฺานูปโค ¶ น โหติ. อปจฺจุทฺธรนฺเตน วิกปฺเปตพฺโพติ ปุราณปตฺตํ อปจฺจุทฺธรนฺเตน โส ปตฺโต วิกปฺเปตพฺโพติ อตฺโถติ ลิขิตํ.
ปตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อูนปฺจพนฺธนสิกฺขาปทวณฺณนา
ปวาริเตติ ¶ เอตฺถ สงฺฆวเสน ปวาริตฏฺาเน ปฺจพนฺธเนเนว วฏฺฏติ, ปุคฺคลิกวเสน ปวาริตฏฺาเน อูนปฺจพนฺธเนนาปิ วฏฺฏตีติ ลิขิตํ.
โย อูนปฺจพนฺธนตฺถํ, วุตฺตมฺปิ เจตํ กโร โส;
อูนปฺจพนฺธนตฺถํ, ปตฺวาน สนฺติเก.
อูนปฺจพนฺธนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. เภสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘ปฏิสายนียานิ ปฏิคฺคเหตฺวา’’ติ วทนฺเตน ปาทมกฺขนาทีนํ อตฺถาย ปฏิคฺคเหตฺวา เปตุํ วฏฺฏตีติ ทีปิตนฺติ ลิขิตํ. ‘‘เยสํ มํสํ กปฺปตี’’ติ วจเนน เยสํ มํสํ น กปฺปติ, เตสํ สปฺปิอาทิ น กปฺปตีติ วทนฺตา อชานิตฺวา วทนฺติ. เยสฺหิ มํสํ กปฺปติ, เตสํ สปฺปีติอาทิ สตฺตาหกาลิกนิสฺสคฺคิยวตฺถุปริจฺเฉททสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ตถา ปณีตโภชนสิกฺขาปเท เยสํ มํสํ กปฺปติ, เตสํเยว ขีราทิ ปณีตโภชนํ, เนตรนฺติ ทสฺเสตุํ วุตฺตนฺติ. มธุ นาม มธุกริภมรมกฺขิกานํ อาสเยสุ นิยฺยาสสทิสํ มหามธุ โหติ, ตํ ยาวชีวิกนฺติ จ ลิขิตํ.
เภสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปตฺตวคฺโค ตติโย.
นิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยวณฺณนา นิฏฺิตา.